[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก
Part 8# Pie สิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ต้องการ
“นี่ล้อเราเล่นใช่มั้ยกวี” ผมพยายามถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยทั้งที่กำลังอึ้งและตกใจจนถึงขีดสุด
“ก็ลองดูแล้วกันว่าเราล้อเล่นรึเปล่า” กวีพูดจบก็ก้มหน้าลงมาจะจูบที่ริมฝีปากของผม แต่ผมก็สามารถหันหน้าหลบได้ทันเพียงเสี้ยววินาที จึงทำให้ริมฝีปากของกวีจูบที่ข้างแก้มของผมแทน
“หึ ถ้าเป็นไอ้เพลิงพายคงจะยอมมันสินะ” กวียิ้มหยัน ก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากลงมาที่ซอกคอของผม จากนั้นก็ออกแรงดูดจนผมรู้สึกเสียววาบ สองมือทั้งดันและทุบที่ไหล่ของกวีไปมา แต่กวีก็ไม่สะทกสะท้านแถมยังล้วงมือเข้ามาภายใต้เสื้อของผมอีกต่างหาก
“ยะ...หยุดนะกวี” ผมร้องห้ามพร้อมกับออกแรงดิ้น แต่ยิ่งนานเรี่ยวแรงของผมมันก็ยิ่งลดลง ผมสู้แรงของกวีไม่ได้ มิหนำซ้ำลึกๆ ภายในใจแล้วผมกำลังรู้สึกดี
ก็ผมยังชอบกวีอยู่นี่นา...
ที่ผ่านมาผมรอคอยเวลานี้มาโดยตลอด สามปีเลยนะที่ผมเฝ้ารอ เอาแต่วาดฝัน และจินตนาการว่าจะได้มีอะไรกับกวี แล้วแบบนี้ผมจะขัดขืนไปทำไม ซึ่งทันทีที่คิดได้แบบนั้นแรงต่อต้านของผมลดน้อยลง
ผมอยากเป็นของกวี...
“ในที่สุดก็ยอมเราแล้วสินะ” น้ำเสียงของกวีดูพึงพอใจเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าผมต้องยอมอยู่แล้ว แต่นั่นหมายถึงเมื่อก่อนไม่ใช่ตอนนี้ ผมจะกล้ามีอะไรกับกวีทั้งที่กวีมีแฟนอยู่แล้วได้ยังไง ผมไม่ใช่คนเลวและไร้สามัญสำนึกขนาดนั้น
ที่สำคัญ จู่ๆ ใบหน้าของเพลิงมันก็ลอยขึ้นมา...
“กวีลืมเดือนไปแล้วหรอ” ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นกวีก็ชะงักไปในทันที ผมคิดว่าตัวเองมาถูกทางแล้วที่พูดแบบนี้ ในเมื่อผมสู้แรงของกวีไม่ได้ เพราะงั้นสิ่งที่ทำได้เลยมีแค่การเตือนสติเท่านั้น
“ทั้งชีวิตเรามีเพื่อนสนิทแค่ 2 คนคือกวีและอินน์ อย่าให้เราต้องเหลืออินน์แค่คนเดียวเลยนะ” พอผมพูดแบบนี้ จากที่นิ่งอยู่กวีก็หลับตาลงแล้วกำหมัดแน่น ตอนนี้ความคิดทั้งสองฝั่งทั้งด้านขาวและดำคงกำลังตีกันอยู่
ผมไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาแบบไหน แต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคนที่ผมแอบชอบมาตลอด 3 ปีจะไม่ใช่คนเลว
“เรา...ขอโทษ...” กวีถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ลุกขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียงเอาไว้ ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างเสยผมของตัวเองขึ้นไปแล้วกำเอาไว้แน่น
“กวี...” ผมลุกขึ้นนั่งแล้วหันหน้าเข้าหากวี ความจริงผมมีเรื่องที่อยากจะพูดมากมายกว่านี้ แต่ผมไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี
ผมไม่รู้ว่ากวีเป็นอะไร ทำไมถึงได้ฟิวส์ขาดจนเกือบจะทำเรื่องเลวทรามขนาดที่คน ‘อัณฑะพาล’ อย่างเพลิงไม่คิดจะทำ ถ้าโกรธเรื่องที่เพื่อนอย่างผมทำตัวไม่ดีก็ไม่น่าจะฟิวส์ขาดได้ถึงขนาดนี้ ยิ่งถ้าโกรธเพราะคิดกับผมมากกว่าเพื่อนยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นกวีก็คงไม่คบเป็นแฟนกับเดือน
“ขอโทษนะพาย เรา...เราแค่...แค่ตกใจ แล้วก็ไม่คิดว่าพายที่ใสซื่อจะทำเรื่องแบบนั้นได้...เราขอโทษจริงๆ” กวีดูสำนึกผิดกับการกระทำของตัวเองเป็นอย่างมาก แถมยังดูจะช็อกกับเรื่องของผมที่พึ่งจะได้รู้ด้วย
“เราไม่ได้เป็นคนที่ใสซื่อบริสุทธิ์แบบที่กวีคิดเลย เราก็เป็นมนุษย์คนนึงที่มีความต้องการ อีกอย่างเราก็ไม่ได้คบใคร แล้วเราผิดด้วยหรอที่จะนอนกับใครสักคนที่ไม่มีแฟนเหมือนกัน” ไหนๆ กวีก็รู้เรื่องนี้แล้ว เพราะงั้นผมเลยคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องปิดบังอีกต่อไป
“พายไม่ผิดหรอก เรื่องทุกอย่างเราเป็นคนผิดเอง เราเป็นคนผิดตั้งแต่แรก เพราะงั้นเราจะไปแก้ไขให้มันถูกต้อง ขอโทษจริงๆ นะพาย เราขอโทษ...” ผมไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่กวีพูดเท่าไหร่นัก แต่ผมก็รับรู้ได้ถึงความจริงใจที่กวีพูดขอโทษออกมา
“อืม เราไม่โกรธกวีแล้ว” พอได้ยินแบบนี้ จากที่กำลังก้มหน้าอยู่อย่างเคร่งเครียดกวีก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความแปลกใจ คงไม่คิดว่าผมจะยอมยกโทษให้ง่ายๆ ล่ะมั้ง ซึ่งอันที่จริงผมก็ยังไม่อยากยกโทษให้หรอก แต่ก็นะ...ผมมันเป็นคนขี้ใจอ่อนนี่นา
“ขอบใจนะพาย” กวียิ้มออกมาบางๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วหยิบหมอนกับผ้าห่มลงไปที่พื้นด้านล่าง ผมที่เห็นอย่างนั้นก็ถึงกับงงไปเลย
“นั่นกวีจะทำอะไรน่ะ”
“เดี๋ยวคืนนี้เรานอนที่พื้นนะ พายจะได้นอนสบายๆ แล้วก็จะได้ไม่ต้องกลัวว่าเราจะทำอะไรด้วย” อันที่จริงลึกๆ แล้วผมก็ยังรู้สึกกลัวอยู่นิดหน่อยนั่นแหละว่ากวีจะลุกขึ้นมาทำอะไรผมอีกรึเปล่า แต่ในเมื่อกวีพูดแบบนี้ผมก็รู้สึกสบายใจและไม่กังวลเรื่องนี้อีกแล้ว
“ถ้างั้นก็ฝันดีนะกวี”
“อืม ฝันดีเหมือนกันพาย” เราสองคนอมยิ้มให้กัน จากนั้นผมก็เอื้อมมือไปปิดโคมไฟแล้วเอนตัวลงนอน ก่อนที่สักพักความง่วงจะเข้ามาครอบงำจนทำให้ผมเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด...
.............................................
..............................
...............
เช้าวันต่อมา เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนเวลา 7.45 น. ผมที่มีเรียนตอน 9 โมงเช้าเลยลุกขึ้นไปอาบน้ำ ส่วนกวีที่วันนี้ไม่มีเรียนแต่มีพรีเซนต์ช่วงบ่ายเลยขอนอนต่ออีกนิด ผมเลยคิดว่าหลังอาบน้ำเสร็จค่อยมาปลุกเลยหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
ผมใช้เวลาสักพักก็เดินออกมา โดยสวมชุดเดิมที่ใส่นอนเพราะลืมหยิบชุดนักศึกษาเข้ามาเปลี่ยน ถ้าจะให้ใส่แต่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินออกมามันก็คงจะไม่โอเค ซึ่งหลังจากที่ออกมาแล้วผมก็ปลุกกวีที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนผ้าห่มที่เอามาปูนอน
“กวี...กวี...ตื่นได้แล้ว” ผมย่อตัวลงนั่งข้างๆ พลางเขย่าตัวของกวีเล็กน้อย
“อืม” กวีลืมตาขึ้นมาแล้ววางมือข้างหนึ่งทับมือของผมเอาไว้ ท่าทางของกวีดูไม่ได้งัวเงียสักเท่าไหร่ บางทีอาจจะตื่นพร้อมผมตั้งแต่ตอนนั้นแล้วไม่ได้หลับต่อก็เป็นได้
“จะอาบน้ำรึเปล่า” ผมถามพร้อมกับชักมือกลับ
“ไม่ล่ะ เดี๋ยว 8 โมงครึ่งนิติฯ ก็เปิดแล้ว เราค่อยไปอาบห้องเราทีเดียวดีกว่า”
“โอเค ถ้างั้นจะกินอะไรตอนเช้าพร้อมเรามั้ยล่ะ เดี๋ยวเราทำเผื่อ”
“กินสิ งั้นเดี๋ยวเราไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะ”
“อืม” แล้วกวีก็รีบลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ โดยไม่ลืมพับผ้าห่มและหยิบหมอนขึ้นไปวางไว้บนเตียงเหมือนเดิม
ส่วนผมก็เดินไปหยิบของออกมาจากตู้เย็นแล้วทำแซนด์วิชง่ายๆ โดยใส่แฮม ปูอัด ทูน่า ตามด้วยมะเขือเทศและผักต่างๆ ปิดท้ายด้วยน้ำสลัด จากนั้นก็หั่นเป็นสามเหลี่ยมสองซีกแล้วจัดใส่จาน
“น่าอร่อยจังเลย” กวีที่ล้างหน้าล้างตาออกมาจากห้องน้ำเรียบร้อยแล้วพูดขึ้น จากนั้นก็นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับผมที่โต๊ะอาหารเล็กๆ มุมห้อง
“อะไรของกวี พูดอย่างกับไม่เคยกิน” ผมส่ายหน้าไปมา ก่อนหน้านี้ผมก็ทำให้กวีกินอยู่บ่อยๆ อย่างน้อยๆ ก็อาทิตย์ละครั้งสองครั้ง
“ก็เคยกิน แต่ว่าเราไม่ได้กินมาสักพักแล้ว พอพูดอย่างนี้แล้วก็นึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ ที่เรามีด้วยกันเนอะ” กวีหันมาถาม ผมที่ไม่รู้จะตอบไปว่าอะไรเลยได้แต่พยักหน้าตามน้ำไป
“อื้ม...เอ่อ...กินน้ำมั้ยกวี หรือว่าจะกินนมเดี๋ยวเราไปเทให้” ผมไม่เข้าใจว่ากวีจะรื้อฟื้นความหลังขึ้นมาทำไม มันทำให้ผมรู้สึกสับสนและกระอักกระอ่วนไม่น้อยเลยต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอานมแล้วกัน”
“โอเค” ผมรับคำแล้วลุกไปเทนมใส่แก้วมาให้กวี ส่วนผมที่ไม่อยากให้แน่นท้องมากเดี๋ยวจะง่วงตอนเรียนเลยเลือกที่จะดื่มน้ำเปล่า
หลังจากกลับมานั่งที่เก้าอี้ผมกับกวีก็กินแซนด์วิชแล้วพูดคุยกันต่ออีกสักพัก จนกระทั่งคิดว่าได้เวลาที่นิติบุคลจะเปิดทำการ กวีเลยขอตัวลงไปข้างล่างผมก็เลยเดินไปส่งที่ประตู
“ขอโทษเรื่องเมื่อคืนอีกทีนะพาย แล้วก็ขอบใจจริงๆ ที่ไม่โกรธเรา”
“อืม ไม่เป็นไร” กวีขอโทษอย่างรู้สึกผิดซ้ำๆ ขนาดนี้จะให้ผมโกรธลงได้ยังไงกันล่ะ
“ส่วนเสื้อกับกางเกงที่ให้ยืมเราจะรีบซักมาคืนนะ”
“ไม่ต้องรีบก็ได้ เอาที่กวีสะดวกเถอะ” ชุดใส่นอนผมมีเยอะอยู่แล้วเพราะปกติซักผ้าอาทิตย์ละครั้ง กวีที่ได้ยินแบบนั้นเลยพยักหน้าลงแล้วโบกมือลาผม
“ถ้างั้นเราไปแล้วนะ”
“อืม แล้วเจอกัน” ในระหว่างที่พูดประโยคนั้น ผมก็ได้ยินเสียงคนที่เดินขึ้นบันไดมากำลังพูดคุยกัน
ผมไม่ได้ยินทั้งหมดแต่จับใจความได้ประมาณว่า ผู้ชายคนหนึ่งขอบคุณใครสักคนที่ให้เข้ามาในหอด้วยเพราะไม่มีคีย์การ์ด เห็นว่าโทรหาแล้วเพื่อนไม่รับสายอาจเพราะตั้งสั่นหรืออะไรสักอย่าง ซึ่งผมก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะคิดว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผม แต่แล้วผมก็คิดผิดเพราะผู้ชายคนนั้นก็คือ...
“เพลิง”
ซะ...ซะ...ซวยแล้ว...
ผมเบิกตากว้าง สาบานได้เลยว่าต่อให้เห็นผีอยู่ตรงหน้าผมก็ไม่มีทางตกใจถึงขนาดนี้ ส่วนเพลิงที่พอเห็นผมอยู่ที่หน้าห้องกับกวี จากที่กำลังยิ้มแย้มอยู่ใบหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้าม สายตาก็แข็งกร้าวจนน่ากลัวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่ผมเคยเห็น
“จะ...ใจเย็นๆ แล้วฟังเราก่อนนะเพลิง” ผมพยายามจะอธิบายแต่ว่ามันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเพลิงที่เดินตรงมาทางนี้เหวี่ยงหมัดใส่ใบหน้าของกวีทันทีที่เดินมาถึง!
“กวี!” ผมอุทานด้วยความตกใจแล้วจะเข้าไปดูกวีที่กระเด็นลงไปกองที่พื้น แต่ผมยังก้าวเท้าได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกเพลิงกระชากแขนกลับไปซะก่อน
“ห่วงมันทำไม! โดนแค่นั้นคิดว่ามันจะตายงั้นหรอ!” เพลิงตะคอกใส่ผมดังลั่น ผมกลัวว่าห้องที่อยู่ใกล้ๆ จะรำคาญจนออกมาด่าเลยต้องปรามเพลิงเอาไว้
“นายเสียงดังไปแล้วนะเพลิง เรื่องของเรากับกวีจริงๆ แล้วมัน...”
“อย่าพูดชื่อไอ้เหี้ยนั่นให้กูฟังอีกเป็นครั้งที่สอง!” ลองเกรี้ยวกราดไม่ฟังอะไรแบบนี้เพลิงคงจะโกรธมาก ผมเลยคิดว่าคงต้องใช้ความเงียบเข้าสู้จนกว่าเพลิงจะใจเย็นลงกว่านี้ แต่กวีกลับราดน้ำมันลงบนกองไฟให้ยิ่งลุกโชนมากกว่าเดิม
“มึงคิดว่าพายเป็นของมึงได้คนเดียวรึไง” กวีที่ลุกขึ้นมาพร้อมกับเช็ดเลือดที่ไหลตรงมุมปากออกไปพูดขึ้น
“นี่กวีพูดอะไร...” ผมไม่เข้าใจว่าทำไมกวีถึงได้พูดประโยคที่มันชวนเข้าใจผิดแบบนี้ออกมา
“มึงหมายความว่ายังไง” สายตาของเพลิงตอนนี้จ้องไปที่กวีราวกับจะฆ่าให้ตาย แต่กวีก็ไม่สนใจและไม่เกรงกลัวเลยสักนิด
“รู้มั้ยตอนที่พายคุยไลน์กับมึง กูกำลังนอนอยู่ข้างๆ” กวียิ้มที่มุมปาก ส่วนเพลิงก็กำหมัดแน่นจนผมเห็นรอยเส้นเลือดนูนขึ้นมาอย่างชัดเจน
“นายต้องฟังเราก่อนนะเพลิง...” ผมพยายามที่จะอธิบาย แต่กวีก็ยังคงสุมไฟไม่เลิก
“พายจะอธิบายอะไร ในเมื่อรอยดูดตรงคอที่เราทำไว้มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว” เท่านั้นแหละผมที่พึ่งนึกได้ก็เบิกตากว้าง จากนั้นก็รีบยกมือขึ้นมาปิดต้นคอโดยอัติโนมัติ แต่ก็โดนเพลิงกระชากออกไปอย่างแรงแทบจะทันที
“นี่มึง...” เพลิงที่เห็นรอยตรงคอจ้องเข้ามาในดวงตาของผมอย่างโกรธแค้นและแข็งกร้าว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเห็นว่าเสี้ยวหนึ่งในนั้นมันมีความเจ็บปวดและผิดหวังซ่อนอยู่
“เรื่องทั้งหมดมันไม่ใช่แบบที่นายคิดเลยนะเพลิง”
“หึ จะใช่หรือไม่ใช่กูมีวิธีพิสูจน์อยู่แล้ว แต่ก่อนอื่น...” เพลิงพูดได้เท่านี้ก็หันกลับไปซัดกวีอีกครั้ง ความแรงของหมัดที่มากกว่าเดิมกับการที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้กวีกระเด็นไปไกล ก่อนที่เพลิงจะใช้จังหวะนั้นคว้าที่ข้อมือของผมเอาไว้แล้วลากเข้าไปในห้อง
“มึงเปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้เพลิง!” กวีที่กว่าจะลุกขึ้นแล้ววิ่งกลับมาก็ช้าไปหลายวินาที เลยได้แต่ร้องตะโกนและทุบประตูห้องรัวๆ อยู่ด้านนอก ส่วนผมก็ถูกเพลิงกระชากเสื้อผ้าออกจนร่างกายเปลือยเปล่า แล้วจับหันหน้าเข้าหาประตูโดยที่มือทั้งสองข้างถูกรวบเอาไว้ตรงเหนือศีรษะ
“นะ...นายจะทำอะไร” ผมตัวสั่นอย่างตื่นกลัวเล็กน้อย ถึงแม้พอจะเดาได้ว่าเพลิงจะทำอะไร แต่ผมก็หวังว่าเพลิงไม่ได้จะทำแบบนั้นจริงๆ
“กูจะทำอะไรงั้นหรอ?” เพลิงใช้มืออีกข้างบีบที่คางของผมให้หันหน้ากลับมาหา แต่พอผมพยักหน้าเพลิงกลับยิ้มหยันแล้วหันหน้าไปทางประตูเพื่อพูดกับกวี
“กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงมีอะไรกับพายแล้วจริงมั้ย แต่กูจะบอกอะไรให้ ไม่ว่ามึงหรือใครก็ไม่มีทางทำให้พายถึงใจได้แน่ เพราะคนที่ทำได้มีแค่กูคนเดียวเท่านั้น!”
Plerngเคยมั้ยที่จู่ๆ คุณก็รู้สึกสมเพชตัวเองขึ้นมา?
เคยมั้ยที่คุณรู้สึกว่าตัวเองแม่งเหมือนขยะที่โคตรไร้ค่า?
แล้วก็เคยมั้ยที่คุณรู้สึกเหมือนตัวเองบ้ามากที่คิดถึงใครคนนึงอยู่ฝ่ายเดียว?
ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะกลายเป็นคนโง่ได้ถึงขนาดนี้ เมื่อวานหลังจากที่แยกกับพายผมเอาแต่กังวลและเป็นห่วงต่างๆ นานา เพราะผมรู้ว่าพายเห็นว่าไอ้กวีกำลังนั่งกินข้าวกับแฟนของมันที่ร้านอาหารตอนกำลังขับรถเข้าไปในซอย
พายทำหน้าเศร้าแบบนั้นแสดงว่ายังคงชอบมันอยู่ เพราะงั้นผมเลยรู้สึกเป็นห่วงว่าพายจะอยู่ได้มั้ย จะคิดมากรึเปล่า หรือว่าจะร้องไห้เสียใจ แต่ที่ไหนได้ หลังจากที่ผมกลับไปพายกลับเอามันขึ้นมานอนบนห้อง ตอนที่คุยไลน์กับผมก็มีมันนอนอยู่ข้างๆ แล้วหลังจากนั้นก็อาจจะมีความสุขด้วยกัน ทั้งๆ ที่ผมเอาแต่คิดมากจนนอนไม่หลับแทบจะทั้งคืน!
ผมคิดทบทวนว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมต้องเอาแต่คิดเรื่องของพาย แล้วก็เป็นห่วงเป็นใยทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน ผมพยายามหลอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่ความชอบ ตัวท็อปอย่างผมจะไปชอบคนที่เนิร์ดแตกแถมยังจืดจางขนาดนั้นได้ยังไง แต่ไม่ว่าผมจะปฏิเสธแทบเป็นแทบตายแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วผมก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้น ผมต้องยอมรับจนได้ว่าตัวเองชอบพายเข้าแล้วจริงๆ
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไม จะเพราะพายดูแตกต่าง ไม่เหมือนใคร หรือเพราะติดใจลีลาบนเตียงอันนี้ผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าพอชอบแล้วผมก็อยากรีบเป็นเจ้าของ พายต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น เพราะงั้นผมที่ตื่นสายเป็นประจำเลยรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปหา อีกอย่างผมก็เป็นห่วงด้วยนั่นล่ะว่าพายจะยังเศร้าอยู่รึเปล่า แต่พอไปถึงเรื่องราวมันกลับตรงข้ามกับที่ผมคิดเอาไว้ พายไม่ได้เสียใจแถมยังมีความสุขกับไอ้กวีตลอดทั้งคืน!
“มึงปล่อยพายเดี๋ยวนี้นะ! ถ้ามึงทำอะไรพายกูจะโทรแจ้งตำรวจ!” น้ำเสียงของไอ้กวีดูร้อนรนและโมโหเป็นอย่างมาก ตรงข้ามกับผมที่กำลังสะใจเป็นบ้าที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ได้
ไม่ว่ามันจะคิดอะไรก็แล้วแต่ แค่หวงก้าง หรือพึ่งคิดได้ว่าชอบพาย แต่ผมจะไม่มีวันยอมให้พายเป็นของมันเด็ดขาด แล้วผมก็จะแสดงให้มันรู้ด้วยว่าพายเป็นของผมไม่ใช่มัน!
“ถ้ามึงคิดว่าตำรวจจะจับกูที่ทำอะไรพายโดยสมยอมก็โทรแจ้งเลยสิ” ผมพูดในระหว่างที่กำลังใช้มือข้างหนึ่งบีบขยี้ยอดอกของพาย ส่วนใบหน้าก็ก้มลงซุกไซ้ตรงซอกคอระหง แล้วดูดตรงรอยสีแดงที่ไอ้กวีทำไว้เป็นอันดับแรก แถมยังดูดอย่างรุนแรงเพื่อให้รอยที่ผมทำกลบของมันจนมิดอีกต่างหาก
“อ๊ะ...อ๊า...!” ถึงแม้พายจะพยายามดิ้นหนี แต่พอผมบีบขยี้ที่ยอดอกและดูดตรงซอกคอ พายกลับส่งเสียงร้องครางหวานหูออกมา ส่วนร่างกายก็สั่นสะท้านด้วยความยินดี ยิ่งเมื่อผมเลื่อนมืออีกข้างลงมาบีบขยี้ยอดอกข้างที่ว่าง โดยที่ใบหน้ายังคงฝังอยู่ที่ซอกคอ เสียงครางของพายก็ยิ่งหวานและดังขึ้นแม้จะพยายามกลั้นเอาไว้แค่ไหนก็ตาม
ปฏิกิริยาการตอบสนองของพายทำให้ผมพอใจจนอารมณ์ดีขึ้นมานิดนึง
“บอกให้ไอ้เหี้ยนั่นที่กล้านอกใจแฟนมาหามึงฟังซิว่า มึงถูกกูข่มขืนหรือว่าสมยอม” ผมพูดจบก็ใช้ปากงับลงไปที่ติ่งหูของพาย ก่อนจะใช้ลิ้นเลียตามด้วยการดูดเบาๆ อย่างยั่วเย้า โดยที่สองมือของผมยังคงหลอกล้อที่ยอดอกทั้งสองข้างของพายอยู่เลย
“ซี้ดด...อา...” ร่างกายของพายสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่าน ส่วนนั้นแข็งชันขึ้นมาแถมยังเยิ้มไปด้วยน้ำใสๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจขึ้นมา
จริงอยู่ว่าพายเป็นคนที่รู้สึกไว แต่แค่ผมเล้าโลมนิดหน่อยก็ไม่น่าจะไวขนาดนี้ ยิ่งถ้าเมื่อคืนมีอะไรกับไอ้กวียิ่งไม่มีทาง เพราะงั้นผมเลยคิดว่าเมื่อคืนคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างมากไอ้เหี้ยนั่นคงหึงหน้ามืดจนลุกขึ้นมาปล้ำพาย แต่พายไม่ยอมเลยได้แค่นอนร่วมห้องเฉยๆ ส่วนเรื่องที่ไม่ไล่มันออกไป คงเป็นเพราะมันตอแหลสร้างเรื่องว่าเข้าห้องไม่ได้ล่ะมั้ง
“อย่ามัวแต่เคลิ้มสิ มึงยังไม่ได้บอกไอ้เหี้ยนั่นเลยนะว่ามึงถูกกูข่มขืนหรือว่าสมยอม” ผมอารมณ์ดีขึ้นมาอีกนิดเลยอ่อนโยนกับพายขึ้นมาหน่อย มือที่บีบขยำและเค้นคลึงตรงอกก็ไม่รุนแรงด้วยโทสะเหมือนเดิม แถมผมยังเลื่อนมืออีกข้างลงไปรูดรั้งแก่นกายของพายที่เยิ้มไปด้วยน้ำใสๆ อีกต่างหาก
ผมมั่นใจเกินร้อยว่าพายจะตอบยังไง เพราะถึงพายจะยังชอบไอ้กวีและอาจจะยังไม่ได้คิดอะไรกับผม แต่พายก็ต้องเลือกผมแน่เพราะไอ้กวีมันมีแฟนเป็นตัวเป็นตน คนทั่วไปโดยเฉพาะคนดีๆ อย่างพาย ยังไงก็ไม่ไร้จิตสำนึกขนาดที่จะยุ่งกับคนมีเจ้าของได้หรอก
“พะ...เพลิงไม่ได้ข่มขืน...ระ...เราสมยอมเอง...อื้อ...อื้ม!” เมื่อได้ยินแบบนั้นผมก็ก้มหน้าลงไปจูบพายทันที ผมบดขยี้ริมฝีปากสีแดงสดทั้งยังขบเม้มและดูดดุนก่อนจะสอดลิ้นเข้าไป ซึ่งพายก็ให้ความร่วมมือและตอบสนองเป็นอย่างดี ลิ้นของเราตวัดเกี่ยวพันกันไปมาอย่างเร่าร้อนจนแทบหลอมรวมเป็นหนึ่ง จนกระทั่งหนำใจแล้วนั่นแหละผมถึงได้ถอนจูบออกมา
“อา...” พายหอบกระเส่า ส่วนผมก็ใช้มือปลุกเร้าร่างกายของพายต่อ แต่สายตามองตรงไปยังประตูจนแทบจะทะลุไปถึงไอ้กวีที่ยืนอยู่อีกฝั่ง
“ได้ยินชัดแล้วใช่มั้ย หรือถ้ายังคาใจอยู่มึงจะยืนฟังเสียงครางหวานๆ ของพายก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนนะว่ามึงต้องเงียบๆ อย่าโวยวาย ไม่อย่างนั้นเกิดห้องใกล้ๆ ออกมาไล่เพราะรำคาญมึงก็อดฟังกันพอดี” ผมแสยะยิ้มด้วยความสะใจ ส่วนไอ้กวีก็ปิดปากเงียบราวกับคนเป็นใบ้ แต่พนันได้เลยว่าคงจะกำหมัดแน่นอย่างคับแค้นใจที่ทำอะไรไม่ได้อยู่แน่ๆ
“ส่วนมึง ตอนนี้มึงเลือกกูแล้วก็หมายความว่า ต่อไปต้องเป็นของกูคนเดียว ห้ามไปยุ่งกับใครแล้วก็ห้ามใครเข้ามายุ่งเด็ดขาด เข้าใจมั้ย” ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ในเมื่อพายเลือกผมแล้ว ผมก็จะไม่ยอมยกพายให้กับใคร พายเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น!
“ขะ...เข้าใจแล้ว” คำตอบนั้นทำให้ผมพอใจจนยกยิ้มที่มุมปาก จึงได้ให้รางวัลโดยการสอดนิ้วที่ชุ่มโชกด้วยน้ำใสๆ ของพายที่ช่องทางด้านหลัง จากนั้นก็แทรกเข้าไปรวดเดียวจนสุดความยาว
“อา!” ถึงแม้จะพยายามไม่ครางออกมาแค่ไหน แต่ความเสียวที่ได้รับก็ทำให้พายต้องครางออกมาอยู่ดี ยิ่งเมื่อผมเพิ่มนิ้วแล้วขยับเข้าออกพร้อมกับหักงอพายก็ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้ ในสมองคงมีแต่เรื่องความต้องการจนลืมไอ้กวีไปหมดแล้วมั้ง ผิดกับไอ้เหี้ยนั่นที่คงจะประสาทกินจนแทบเป็นบ้า
“อยากให้กูใส่เข้าไปมั้ย?” ผมกระซิบที่ข้างหูพายเสียงกระเส่า เสียงนั้นทำเอาพายยิ่งมีอารมณ์จนร่างกายสั่นระริก
“อื้อ” โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดพายก็พยักหน้าลง ผมเลยก้มหน้าลงไปจูบและดูดกลีบปากสีสดหนักๆ จากนั้นก็ถอนนิ้วออกจากช่องทางด้านหลัง แล้วจ่อแก่นกายที่ขยายใหญ่ไปหมุนวนตรงปากทางเข้าช้าๆ เมื่อคิดว่าพายพร้อมแล้วก็กดเข้าไปคราวเดียวจนมิดด้ามทันที
“อ๊าาาา!” พายกรีดร้องลั่นด้วยความเสียวซ่าน ส่วนผมที่เสียวไม่ต่างกันแถมยังอยากตอกย้ำให้ไอ้กวีรู้ว่าพายเป็นของผม จึงไม่คิดอารัมภบทแล้วซอยเอวอย่างไม่ยั้ง เสียงเนื้อที่กระทบกันแทบจะดังพอๆ กับเสียงคราง
“อ๊า...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” ให้ตายสิพายรัดแน่นเป็นบ้า ฟิตขนาดนี้ยิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อคืนไม่ได้มีอะไรกับไอ้กวีจริงๆ พายยอมผมแต่ไม่ได้ยอมมัน พอคิดได้แบบนั้นผมก็ดีใจจนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนจะจับใบหน้าของพายให้หันมาแล้วจูบเป็นรางวัล
จูบนี้ถึงแม้จะยังรุนแรงและหนักหน่วงเหมือนเดิม แต่สาบานเลยเถอะว่าผมอ่อนโยนที่สุดในชีวิตแล้ว ซึ่งพายก็ดูเหมือนจะรู้สึกได้ เพราะหลังจากที่ผมถอนจูบออกไปก็ทำหน้างงขึ้นมานิดนึง แต่ยังไม่ถึงเสี้ยววินาทีความคิดก็ต้องกระเจิดกระเจิงซะก่อน
“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...ลึกจัง...อ๊า...อ๊า...” ผมกระแทกแก่นกายเข้าไปอย่างไม่ยั้ง แถมยังยกสะโพกของพายให้แอ่นสูงขึ้นจนตรงกับแก่นกายของผม ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมเข้าไปได้ลึกขึ้น สะดวกขึ้น แล้วก็ทำให้เสียวมากขึ้น มากจนพายขยับสะโพกส่ายไปมาสอดรับกับจังหวะของผม เล่นเอาผมเสียวสุดๆ จนหลุดเสียงครางออกมา
“อาา...ข้างในมึงเสียวเป็นบ้าเลยพาย” ผมรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ แต่แน่นอนว่าก็จงใจให้ไอ้กวีที่น่าจะยังอยู่ตรงหน้าประตูได้ยินด้วย
“โอ๊ยย...ซี้ดดด...ยิ่งพูดยิ่งรัดแน่น ชอบให้กูพูดแบบนี้ก็ไม่บอก...อาา...เสียวโคตรๆ...เสียวจนจะแตกอยู่แล้ว” ยิ่งพูดผมก็ยิ่งซอยแก่นกายให้เร็วขึ้น ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าพายตอดรัดผมซะแน่นและถี่ยิบ ราวกับชอบและยิ่งมีอารมณ์ที่ได้ยินคำพูดลามกยังไงยังงั้น
“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...ดีจัง...อ๊า...” พายครางหนักทั้งยังตอดท่อนเนื้อของผมขนาดนี้ ท่าทางอีกไม่กี่นาทีคงจะเสร็จแล้ว เพราะงั้นผมจึงได้เร่งความเร็วและความแรงอย่างเต็มแม็กซ์ แถมยังชักแก่นกายที่อยู่ตรงหน้าของพายเข้าออกเป็นจังหวะเดียวกันอีกด้วย
“เพลิง! อ๊า...อ๊ะ...ไม่ไหว...จะเสร็จ...อ๊ะ...อ๊าาาาาา!” สิ้นเสียงนั้นน้ำสีขาวขุ่นของพายก็พุ่งออกมา ส่วนผมที่ถูกตอดรัดจนเสียวแทบบ้ามีรึจะทนไหว ผมกระแทกแก่นกายเข้าไปอีกไม่เท่าไหร่ก็แตกในเสร็จตามพายไปแบบติดๆ
“ซี้ดดด...อาา...” ผมหลับตาพริ้มเพื่อซึมซับความสุขสม โดยที่ผมยังคงขยับสะโพกเข้าออกในช่องทางด้านหลังของพาย เพื่อที่จะต่อรอบ 2 ทันทีแบบไม่มีหยุดพัก
“ไปที่เตียงกันมั้ย แต่ถ้าอยากทำตรงนี้ต่อกูก็ไม่มีปัญหา” ผมพูดในขณะที่กำลังก้มหน้าฟัดตรงซอกคอขาวๆ ที่มีรอยจ้ำสีแดงๆ กระจายอยู่จนทั่ว พายเป็นคนที่รู้สึกง่ายและมีความต้องการสูงเหมือนกันกับผม เอาตรงๆ ก็เซ็กส์จัดนั่นแหละ เพราะงั้นเพียงไม่ถึงนาทีความปรารถนาก็ถูกจุดติดเป็นที่เรียบร้อย
“ไป...อา...ที่เตียง...” เมื่อได้ยินแบบนั้น ผมก็พลิกตัวพายให้หันกลับมาแล้วยกขึ้นอุ้มโดยที่ร่างกายยังคงเชื่อมต่อกันอยู่ พายเป็นคนตัวเล็กและน้ำหนักเบามากตอนเปลี่ยนท่าเลยเป็นไปอย่างง่ายดาย
“กูจำได้ว่ามึงชอบท่านี้” ท่าที่ว่านั้นก็คืออุ้มแตง ว่ากันตามจริงท่านี้มันก็เสียวพอกันกับออนท็อปล่ะนะ ฝ่ายรับร้อยทั้งร้อยพอได้ลองทำต่างก็ติดใจด้วยกันทั้งนั้น ส่วนผมมันคนหื่นเลยชอบทุกท่าอยู่แล้ว
“อ๊ะ...อย่าเดินแบบนี้สิเพลิง...ซี้ดด...ได้ยินที่เราพูดมั้ย” พายครางประท้วงเมื่อผมจงใจลงส้นเท้าหนักๆ ให้ตัวของพายที่เชื่อมกับผมกระเด้งกระดอนขึ้นลง
แต่ถึงปากจะบ่นแบบนั้นร่างกายกลับทำตรงกันข้าม เพราะใบหน้าของพายแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังสุขสม ส่วนขาก็เกี่ยวกับเอวของผมแน่น เช่นเดียวกับช่องทางที่บีบและตอดรัดท่อนเนื้อของผมจนเสียวแทบบ้า
“ซี้ดด...มึงแน่ใจหรอว่าไม่อยากให้กูเดินแบบนี้ อยากให้กูเดินแรงกว่านี้ล่ะสิไม่ว่า” ผมพูดยิ้มๆ ส่วนพายก็ไม่พูดอะไรแต่เสหน้าหนีไปเล็กน้อย ผมที่รู้สึกหมั่นไส้เลยยื่นหน้าเข้าไปจูบซะ ซึ่งพายก็ไม่ขัดทั้งยังกอดรัดรอบลำคอของผมแน่น แล้วจูบตอบอย่างร้อนแรงไม่แพ้อุณหภูมิในร่างกาย
“อือ...อื้ม...อา...” กว่าที่เราจะถอนจูบออกจากกันก็เมื่อผมเดินไปนั่งตรงปลายเตียง ผมไม่ต้องบอกหรือออกคำสั่งอะไรทั้งนั้น พายที่รู้งานก็จัดการยกสะโพกขย่มที่ตักของผมอย่างเมามัน ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาเราสองคนครางลั่น ในสมองลืมเรื่องทุกอย่างแม้แต่ไอ้กวีที่ไม่รู้ว่าออกจากหน้าห้องไปแล้วรึยัง ตอนนี้รับรู้แค่เพียงเราสองคนที่เชื่อมต่อกันอยู่เท่านั้นเอง
“อ๊ะ...อ๊า...ซี้ดด...อ๊า...จะเสร็จแล้ว...เพลิง! แรงกว่านี้!” เมื่อได้ยินแบบนี้ผมก็จัดให้พายตามคำขอทันที ผมกดตัวพายลงมาทั้งยังกระแทกแก่นกายขึ้นสวนอย่างไม่ยั้ง แถมยังฟัดตรงยอดอกที่ยั่วยวนตรงหน้าอย่างหนำใจ ในขณะที่ส่วนนั้นของพายก็เสียดสีกับกล้ามท้องของผม ความเสียวซ่านที่จู่โจมพร้อมกันทั้งสามทางทำให้พายถึงกับทนไม่ไหว น้ำสีขาวขุ่นแตกกระจายออกมาเพราะถึงจุดสุดยอด
“อ๊าาาาาา!” แต่ถ้าคิดว่ามันจะจบแค่นี้ล่ะก็ยังหรอก เพราะผมอีกสักพักนู่นแหละถึงจะเสร็จรอบสอง ซึ่งหลังจากที่เสร็จแล้วรอบ 3 รอบ 4 ก็ยังมีต่อ แล้วก็ยังไม่แน่ว่าอาจมีรอบที่ 5 แถมด้วยก็ได้
ก็ใครอยากใช้ให้พายทำผมของขึ้น (ด้านอารมณ์โมโหและอารมณ์หื่น) จนต้องระบาย (ด้วยเซ็กส์) กันล่ะ ช่วยไม่ได้นะถ้าหากวันนี้พายต้องนอนอย่างหมดสภาพ แล้วก็สะโพกครากจนเดินไม่ได้ แต่จะว่าไปพายก็ไม่ได้ขัดขืนแถมยังมีความสุขสุดๆ ที่ได้ทำกับผมมากกว่า
“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...ตรงนั้น! แรงอีกเพลิง! อ๊ะ...อ๊าาาาาา!”
2BC
สะ...สวัสดีค่า มหกรรมการเสียเลือดได้โคจรมาอีกครั้งแล้ว (เอา NC มาง้อด้วยแหละค่ะที่ปล่อยให้รอกันนาน) บอกมาซะดีๆว่าเสียกันไปคนละเท่าไหร่ ฟินไม่ฟินยังไงก็มาหวีดกันนะคะที่ร้ากกกก
(14 มิ.ย. 61)