กว่าจะลุกออกจากเตียงได้เล่นเอาคนโดนรับน้องรอบพิเศษระบมไปทั้งตัว ทั้งที่บอกตัวเองว่าควรจะชินกับการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องที่คนรักมักจะออดอ้อนกึ่งบังคับทุกคืนได้แล้ว แต่ร่างกายก็ยังไม่ยอมฟังเสียที
“ขวัญ รีบลุกไปไหน ไม่เจ็บเหรอ?”
คนที่เป็นต้นเหตุของความเจ็บปวดดังกล่าวคว้าข้อมือเขาไว้อย่างงัวเงียก่อนที่จะได้เข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำอย่างที่ตั้งใจ
“เช้าแล้วครับ รีบลุกดีกว่านะครับคุณจอมทัพ เดี๋ยวจะไปทำงานสาย”
ขวัญข้าวเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นั่งกลับมาบนเตียงแล้วโน้มตัวลงจุมพิตอรุณสวัสดิ์บนหน้าผากของคนขี้เซาอย่างเอาใจ
จอมทัพขยี้ตา ชันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงส่งผลให้ผ้าห่มผืนหนาร่นลงมากองปิดส่วนที่ตื่นเต็มตาก่อนเจ้าของอย่างหมิ่นเหม่ ขวัญข้าวไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเป็นกังวลกับปฏิกิริยาของร่างกายตัวเองที่ถึงแม้จะยังหน้าขึ้นสีอยู่บ้างแต่ไม่ได้ใจเต้นตึกตักมือไม่สั่นทำอะไรไม่ถูกอย่างที่เคยเป็น
“ไม่ปวดจริงๆเหรอขวัญ...”
มือใหญ่เอื้อมมาจับที่ข้างสะโพกมนอย่างเป็นห่วง ขวัญข้าวนิ่วหน้ากับความรู้สึกปวดแปลบที่ได้รับ แต่ร่างเล็กเพียงแค่ส่าย
หน้าเล็กน้อย
“ผมโอเคครับ คุณจอมทัพลุกมาอาบน้ำดีกว่านะครับ เดี๋ยวจะสายเอา”
คนตัวเล็กกว่าฉุดรั้งร่างสูงขึ้นจากเตียงเข้าไปในห้องน้ำ กว่าจะแต่งตัวทานอาหารเช้าแล้วขึ้นรถไปทำงานกันได้ ขวัญข้าวก็ค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเขาน่าจะสายแล้ว
“คุณขวัญข้าวคะ จะเดินไปทางนั้นเหรอคะ รบกวนเอาขยะไปทิ้งให้หน่อยสิคะ”
“คุณขวัญข้าวจะลงไปชั้นล่างเหรอคะ พอดีเลย ยกลังพวกนี้ลงไปให้ห้องไปรษณีย์หน่อยสิคะ”
“คุณขวัญข้าวจะไปห้องน้ำเหรอคะ รบกวนคัดลอกเอกสารชุดนี้สามสิบชุดนะคะ”
ขวัญข้าวไม่เคยบอกจอมทัพ แต่ตั้งแต่กลับมาจากงานสัมนาที่เชียงใหม่ พนักงานในบริษัทก็ปฏิบัติตัวกับเขาต่างไปจากเดิม อย่างที่เขาว่ากัน ข่าวลือมักจะเดินทางไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง คาดว่าคนที่เข้าร่วมประชุมจะสังเกตถึงพฤติกรรมของเขากับจอมทัพที่สนิทสนมกันเกินสมควร ถึงแม้ขวัญข้าวจะนึกเสียใจที่ไม่ระวังตัวมากกว่านี้ แต่เขาก็ไม่คิดว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่มีอะไรผิด
สิ่งที่ขวัญข้าวรู้สึกว่าต่างออกไปไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายไม่มีมารยาทหรือทำนิสัยแย่ๆใส่เขา แต่ขวัญข้าวรู้สึกว่าพนักงานหลายคนโดยเฉพาะหญิงสาวมักจะทักทายเขาด้วยน้ำเสียงสุภาพที่ไร้ซึ่งความจริงใจ เรียกเขาว่า‘คุณ’ขวัญข้าว แถมยังการไหว้วานที่นับวันชักจะหนักข้อเสียจนคนมีน้ำใจอย่างขวัญข้าวยังรู้สึกลำบากใจที่จะรับปากช่วย
ขวัญข้าวรู้ว่าเขาไม่ควรเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียว แต่เขาไม่อยากให้จอมทัพรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่ไม่ควรจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรแบบนี้
“มาทำอะไรตรงนี้”
เสียงของมธุวันดังขึ้นจากด้านหลัง ขวัญข้าวที่ก้มๆเงยๆอยู่หน้าเครื่องถ่ายเอกสารสะดุ้ง นึกหงุดหงิดตัวเองที่ผ่านไปปีกว่าแล้วยังไม่ชินกับความเงียบราวกับเสือดาวจ้องตะครุบเหยื่อของอีกฝ่ายเสียที
“มาถ่ายเอกสารครับ”
ร่างเล็กหันกลับไปตอบเลขารุ่นพี่ด้วยสีหน้าตื่นๆ มธุวันเลิกคิ้ว ถามด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ขวัญข้าวรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นพนักงานฝึกงานใต้อาณัติของชายหนุ่มอีกครั้ง
“มันเป็นหน้าที่ของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เอ่อ...คือ...”
ดวงตาสีเทาเย็นเยียบบ่งบอกว่าต้องการคำตอบ และขวัญข้าวรู้ดีว่าหากปล่อยให้มธุวันถามซ้ำ ชีวิตการทำงานของเขาอาจจะจบไม่สวยเท่าไหร่
“มัน…เป็นทางผ่านพอดีน่ะครับ”
เลขารุ่นน้องจัดสินใจตอบออกไปแบบนั้น แต่ดูท่าว่าคำตอบของเขาจะไม่เป็นที่พอใจแก่ร่างโปร่งเท่าไหร่นัก มธุวันกอดอก แบมือข้างหนึ่งเป็นเชิงขอเอกสารที่ขวัญข้าวกำลังจะเอาใส่เครื่องถ่ายเอกสาร ร่างเล็กลังเล ไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานต้องตกที่นั่งลำบาก แต่จากสีหน้าของมธุวัน เขาคิดว่าถ้าไม่ยอมทำตาม คนที่ซวยน่าจะเป็นเขามากกว่า
“..นี่ครับ”
ขวัญข้าวยื่นเอกสารปึกนั้นในกับมธุวันที่รับมาแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจว่าเลขารุ่นน้องจะเดินตามมาหรือไม่
แน่นอนว่าขวัญข้าวรีบเดินตามอีกฝ่ายไปทันที
พนักงานในแผนกการตลาดแทบทุกคนหยุดอยู่กับที่เมื่อเห็นร่างโปร่งที่ย่างฝีเท้าเข้ามาในออฟฟิศ ชื่อเสียงของมธุวันเป็นที่โจษจัณฑ์แม้ในแผนกที่เขาเข้ามาแทบจะนับครั้งได้ แม้แต่หัวหน้าแผนกอย่างเจนจิราซึ่งเคยเป็นเลขาเก่าของธีรเชษฐ์มาก่อนมธุวันและรองหัวหน้าแผนกซึ่งปรึกษางานกันอยู่ยังเงยหน้าขึ้นมองการมากเยือนอย่างไม่บอกกล่าวของเลขาหนุ่มอย่าง
ประหลาดใจ
คนเดียวที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ เอนพิงเก้าอี้อยากสบายใจโดยไม่สนใจคนรอบข้างคือพนักงานสาวที่ไหว้วานให้เขาช่วยถ่ายเอกสารให้มาหลายต่อหลายครั้งโดยไม่มีแม้แต่คำขอบคุณ
ปัง!
เสียงเอกสารปึกใหญ่กระแทกลงกับโต๊ะทำให้หญิงสาวตกใจจนแทบหงายหลังลงไปกองกับพื้น คนที่ชะตาใกล้ขาดเงยหน้ามองผู้พิพากษาชะตากรรมของตัวเองด้วยใบหน้าซีดเผือด
“ถ้ารับผิดชอบงานของตัวเองไม่ได้ ผมจะติดต่อฝ่ายบุคคลให้”
มธุวันเอ่ยเสียงเย็น แววตาของชายหนุ่มไร้ซึ่งความรู้สึก หากขวัญข้าวตกอยู่ในสถานะเดียวกับหญิงสาวตรงหน้า เขาคิดว่าตัวเองคงจะตกใจจนตัวแข็งทื่อไปแล้ว เขาจึงประหลาดใจมากกว่าจะรู้สึกแย่เมื่อพนักงานสาวหันมาเล่นงานเขา
“ถ้าไม่เต็มใจจะทำก็บอกสิ ฉันจะได้ใช้คนอื่น”
เจนจิราที่กำลังจะเข้ามาห้ามทัพถึงกับส่ายหน้ากับทักษะการเอาตัวรอดที่ติดลบของลูกน้องในแผนก มธุวันกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันไปหาเจนจิรา
“ฝากอบรมคนในแผนกด้วยนะครับ ท่านประธนาคงจะไม่พอใจถ้าได้ยินว่าเงินบริษัทรั่วไหลไปกับพนักงานที่วันๆเอาแต่เล่นโทรศัพท์”
“ค่ะคุณมธุวัน ดิฉันจะจัดการให้เหมาะสมที่สุดค่ะ”
หญิงสาวอายุมากกว่าตตอบอย่างมืออาชีพ เลขาหนุ่มพนักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันกลับมาหาพนักงานสาวที่ชักสีหน้าใส่เขาอย่างโจ่งแจ้ง ดวงตาสีเทาอมฟ้าเหลือบมองป้ายชื่อบนบัตรพนักงาน
“คุณน่าจะดีใจนะครับ คุณดวงกมล พนักงานใหม่ที่ผมจำชื่อได้มีไม่กี่คนหรอก”ร่างโปร่งทำท่านิ่งคิด“ไม่สิ อาจจะเป็นเพราะ
หลังจากที่ผมจำได้ คนพวกนั้นก็ไม่มีชื่ออยู่ในฐานระบบของบริษัทแล้วมากกว่า”
ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปอย่างเงียบเชียบเช่นเดียวกับขามา แน่นอนว่าขวัญข้าวก็วิ่งดุ๊กดิีกตามเลขารุ่นพี่ไปเท่าที่ขาสั้นๆของตนจะเอื้ออำนวย
“ขอบคุณนะคร..”
“ไม่มีใครอยู่ปกป้องคุณได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอกนะ”
มธุวันเอ่ยขัดคำขอบคุณของเขาโดยไม่หันกลับมามอง น่าแปลกที่ทั้งที่เขาก็ทำงานพลาดมาหลายต่อหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินความผิดหวังในน้ำเสียงของมธุวัน และนั่นยิ่งทำให้ขวัญข้าวรู้สึกผิดที่ตัวเองยอมถูกคนรอบข้างกลั่นแกล้งได้ตลอดเวลาจนทำให้คนที่ดีกับเขาต้องเป็นห่วง
“ขอโทษครับ...” ร่างเล็กเอ่ยเสียงอ่อย รู้สึกเหมือนเด็กเล็กๆที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง
“อ่อนโยนเป็นเรื่องดี แต่ถ้าไม่รู้จักสู้เพื่อตัวเอง คุณก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนพวกนั้นที่จิกหัวใช้คุณอยู่ทุกวี่ทุกวันหรอกนะ”
คำพูดของมธุวันทำให้ขวัญข้าวตระหนักว่าอีกฝ่ายลอบสังเกตการณ์เรื่องของเขามาหลายวันแล้ว แต่ก่อนที่ขวัญข้าวจะได้เอ่ยคำขอโทษอีกครั้ง ร่างที่ยังคงหันหลังให้เขาก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน
“คุณขวัญข้าว...”
“คะ..ครับ?” เจ้าของชื่อขานรับเสียงสูง
“รอยคิสมาร์กที่คอ จัดการด้วย มันไม่เหมาะสม”
“เอ๊ะ…เอ๋????”
เลขาตัวน้อยกระโดดแผล็วเข้าไปในห้องน้ำทันทีที่ได้ยินดังนั้น ดึงคอเสื้อสำรวจความเสียหายอยู่หน้ากระจก ในใจนึกโมโหคนรักของตัวเองที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ทั้งที่เขาก็ย้ำนักย้ำหนาทุกครั้งว่าอย่าทำรอยในจุดที่เสื้อผ้าไม่สามารถปิดได้ แต่นอกจากรอยจ้ำแดงที่ถูกปิดไว้ด้วยปกเสื้อของเขา ร่างเล็กก็ไม่เห็นรอยอะไรที่โผล่พ้นร่มผ้าออกมา
“หึๆ…”
เสียงหัวเราะในลำคอของเลขารุ่นพี่ดังขึ้นในหัวของเขา กว่าที่ขวัญข้าวจะรู้ตัวว่าโดนอำคนขี้แกล้งก็หายเข้ากลีบเมฆไปเสียแล้ว
นี่เขาควรจะดีใจหรือเสียใจที่ตัวเองเป็นคนโปรดของมธุวันดีนะ?
“วันนี้ฉันซื้อผัดไทเจ้าอร่อยกับขนมต้มมาด้วยนะ ขวัญอยากกินอะไรอีกมั้ย?น้ำมะพร้าวมั้ย?”
จอมทัพถามเมื่อพวกเขากลับมาถึงคอนโด ขวัญข้าวส่ายหน้า รู้สึกเหนื่อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าเกินกว่าจะออกไปซื้ออะไร ร่างเล็กยังรู้สึกโชคดีที่อย่างน้อยคนรักก็ซื้อกับข้าวมาแล้ว
“คุณจอมทัพคะ มีพัสดุมาส่งค่ะ”
พนักงานประจำคอนโดทักเมื่อเห็นคู่รักหวานเจี๊ยบที่ไม่ว่าใครเห็นก็อดรู้สึกอิจฉาตาร้อนไม่ได้เดินเข้ามา ก้มลงหยิบกล่องกระดาษขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ออกมาจากใต้เคาท์เตอร์ จอมทัพขมวดคิ้ว จำไม่ได้ว่าตนสั่งอะไรไป แต่ก็เดินไปเซ็นรับกล่อง
แต่โดยดี ขวัญข้าวชะเง้อมองชื่อผู้รับ
“จากคุณจักรภัทรนี่ครับ”
“พี่เอ็มเหรอ? ส่งอะไรมาล่ะเนี่ย”
จอมทัพหยิบกล่องที่ไม่ค่อยหนักนักมาถือไว้ เมื่อกลับมาถึงห้อง ร่างสูงวางของทุกอย่างลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันมาสนใจกล่องกระดาษที่ตนวางไว้บนโต๊ะ ขวัญข้าวนั่งลงข้างคนรักอย่างสนใจไม่แพ้กัน จอมทัพลอกเทปที่ปิดตายกล่องไว้อย่างหนาแน่นแล้วดึงเอากล่องพลาสติกเรียวยาวที่อยู่ด้านในออกมา ขวัญข้าวก้มลงหยิบกระดาษโน๊ตจากในกล่องที่ตกลงบนพื้นขึ้นมาอ่าน
“‘แลกกับของธรรมดาที่เอาไป’?อะไรครับเนี่ย?”
“อ่า….”
จอมทัพชูกล่องของเล่นสำหรับผู้ใหญ่ที่มีขนาดใหญ่กว่าขนาดปกติที่ขวัญข้าวคุ้นชินสองถึงสามเท่า มิหนำซ้ำยังเต็มไปด้วยปุ่มพลาสติกตะปุ่มตะป่ำรอบๆให้คนรักดูด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ขวัญข้าวรีบส่ายหน้าพรืดทันทีที่ได้สติจากการช็อค
“ไม่ครับ! ไม่เอาเด็ดขาด!”
“ครับๆ ไม่เอาก็ไม่เอา”ร่างสูงหัวเราะกับท่าทีของคนรัก โยนกล่องพลาสติกทั้งกล่องลงไปในถังขยะอย่างไม่ใยดี “มีฉันอยู่แล้วทั้งคน ขวัญไม่เห็นต้องสนของพรรค์นั้นเลยนี่เนอะ”
“พอเลยครับ นี่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินเลยนะครับ”
ขวัญข้าวเตือนเมื่อคนที่นั่งอยู่ข้างๆเริ่มเลื้อยมือปลาหมึกมาลูบไล้แผ่นหลังของตน แต่คนทำกลับทำหน้าไม่สำนึกสักนิด
“ก็ดีสิ จะได้กอดขวัญไปดูพระอาทิตย์ตกไป”
ให้ตายเถอะ ในหัวของผู้ชายคนนี้มีอะไรนอกจากเรื่องใต้สะดือบ้างมั้ยเนี่ย?
แต่ก็...ใช่ว่าจะไม่ชอบซักทีเดียวหรอกนะ
“งั้นฉันไปแกะอาหารใส่จานให้ขวัญดีกว่า เดี๋ยวเย็นหมด”
จอมทัพเอ่ยขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ ถึงแม้มื้ออาหารส่วนใหญ่ขวัญข้าวจะเป็นคนทำ และร่างเล็กก็ไม่เคยรู้สึกว่าการทำอาหารให้อีกฝ่ายเป็นภาระ แต่ทุกครั้งที่จอมทัพซื้อของกินมาจากข้างนอก ชายหนุ่มจะรีบเสนอตัวจัดโต๊ะเก็บจานทำความสะอาดเองทุกครั้ง ราวกับกลัวว่าหากไม่ยอมทำอะไรแล้วขวัญข้าวจะไม่พอใจอย่างไรอย่างนั้น
“ขอบคุณนะครับ”
ขวัญข้าวยิ้มตอบ อะไรที่จอมทัพทำแล้วมีความสุข เขาก็ไม่คิดจะขัดใจ
“กินเยอะๆนะขวัญ จะได้มีแรง”
ชายหนุ่มตักผัดไทยส่วนของตัวเองโปะให้คนรักเพิ่มอย่างกระตือรือร้น ขวัญข้าวยิ้มอย่างไม่มั่นใจว่าวันนี้คุณจอมทัพของเขาอยู่ในอารมณ์แบบไหน
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณจอมทัพ ทำไมดู...ตื่นเต้นแปลกๆ”
“หือ? ฉันเหรอ? ไม่นี่”
ชายหนุ่มส่ายหน้าพรืด เพิ่มพิรุธให้กับตัวเองอีกเป็นเท่าตัว ขวัญข้าวเอียงคออย่างงุนงงกับอาการมีพิรุธของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่
ได้ซักถามอะไรเพิ่มเติม ก้มหน้าลงทานผัดไทในจานของตัวเองต่อ ก่อนจะสังเกตถึงความผิดปกติอีกเรื่องในมื้ออาหารมื้อนี้
จอมทัพก้มหน้าก้มตาทานอาหารโดยไม่ส่งเสียงใดๆออกมา ทั้งที่ปกติอีกฝ่ายมักจะชวนเขาคุยจนมื้ออาหารลากยาวไปเป็ฯชั่วโมงทุกวัน
ขวัญข้าวเริ่มรู้สึกไม่สบายใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนรัก ร่างเล็กเอื้อมมือไปแตะที่ข้อมือของจอมทัพเบาๆ เรียกความสนใจของอีกฝ่ายจากจานอาหารกลับมาที่เขาอีกครั้ง
“…ผมป้อนนะครับ”
เลขาตัวน้อยเอ่ยอย่างเอาใจ ได้ผลเมื่อดวงตาสีรัตติกาลที่ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่เปล่งประกายขึ้นมาราวกับไฟต้นคริสต์มาส
แทนที่จะม้วนเส้นผัดไทในจานของตนป้อนให้คนรัก ขวัญข้าวเลือกที่จะลุกจากที่นั่งของตนไปยังคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วนั่งลงบนตักของร่างสูงอย่างช้าๆด้วยท่าทีประหม่าเขินอาย ราวกับจะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายปฏิเสธ แต่จอมทัพที่อ้าปากค้างตัวแข็งทื่อกับการกระทำของคนรักไม่อยู่ในสภาพที่จะพูดอะไรทั้งนั้น
ขวัญข้าวม้วนเส้นผัดไทด้วยส้อมให้พอดีคำแล้วยกขึ้นจ่อที่ริมฝีปากของคนรักโดยมีมืออีกข้างรองไว้ไม่ให้มีอะไรหก จอมทัพอ้าปากงับด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข เหมือนจอมทัพในเวลาปกติที่เขาคุ้นเคยดี ทำให้ขวัญข้าวอดยิ้มอย่างโล่งใจไม่ได้
แต่กระนั้นร่างเล็กก็ยังคาใจถึงสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายทำตัวแปลกๆก่อนหน้านี้อยู่ดี
“ขวัญ คือ...ฉันมีของที่อยากจะให้ขวัญอยู่น่ะ แต่...แต่ถ้าขวัญไม่อยากรับไว้ก็บอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
จอมทัพเอ่ยขึ้นหลังจากที่พวกเขาเริ่มอิ่มกันแล้วด้วยสีหน้าประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้บ่อยบนใบหน้าของร่างสูงที่ความมั่นใจเหลือล้นนี้ ขวัญข้าวไม่รู้ว่าสิ่งที่ร่างสูงอยากจะให้เขาคืออะไร แต่ร่างเล็กค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเกี่ยวกับท่าทีมีพิรุธของอีกฝ่ายตลอดมื้ออาหารนี้
“อะไรที่คุณจอมทัพอยากให้ ผมก็จะรับไว้ครับ”
ขวัญข้าวเอ่ยอย่างให้ความมั่นใจ ขยับลุกจากตักของคนรักเพื่อให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวได้สะดวก สีหน้าของจอมทัพดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก้มลงหยิบเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าทำงานที่วางอยู่ข้างกายยื่นให้เลขาตัวน้อย ขวัญข้าวรับมาด้วยสีหน้างุนงงเมื่อพบว่าสิ่งที่อยู่ในมือคือสมุดบัญชีเล่มหนึ่ง
“อะไรเหรอครับ?”
“คือ…มันเป็นธรรมเนียมของบ้านฉันน่ะ”
จอมทัพยกมือขึ้นลูบหลังต้นคอ ก้มหน้าอย่างเขินอาย แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้ขวัญข้าวเข้าใจอะไรมากขึ้นเท่าไหร่นัก
“ธรรมเนียม?”
“คือ ตอนที่พ่อฉันแต่งงานกับแม่ สิ่งที่พวกท่านใช้เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ คือการที่พ่อให้เงินเดือนเดือนแรกหลังจากแต่งงานทั้งหมดให้แม่....” ดวงตาคมสีรัตติกาลไหวระริกช้อนขึ้นสบตาขวัญข้าวที่ยืนนิ่งอึ้งอย่างไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไร “ฉันรู้ว่าเราแต่งงานกันตามกฏหมายไม่ได้ แล้วขวัญก็ไม่ใช่คนที่จะอยากจัดงานแต่งใหญ่โตให้ใครรับรู้ ฉันเลยอยากให้สิ่งนี้เป็นก้าวแรกของชีวิตที่เราจะใช้ร่วมกันต่อจากนี้...ถ้าขวัญยังไม่พร้อม...ฉันก็เข้าใจนะ”
ดวงหน้าขาวเนียนแดงระเรื่อราวมะเขือเทศสุกปลั่ง ขวัญข้าวก้มมองสมุดบัญชีในมือด้วยหวังว่าเส้นผมที่ปรกบนใบหน้าจะช่วยซ่อนน้ำตาที่เอ่อคลอหน่วยของเขาในตอนนี้
“ขอบ…ฮึก...ขอบคุณครับ...”
“ขวัญ เป็นอะไร? ร้องไห้ทำไม?”
จอมทัพเอ่ยอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่สั่นเครือของคนรัก ก่อนที่จะได้ทำอะไรร่างเล็กก็โถมตัวเข้ากอดเขาไว้แน่น ใบหน้าขาวซุกลงกับซอกคอของจอมทัพด้วยไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นดวงตาที่แดงก่ำของตนในตอนนี้
“มะ…ไม่ให้เปลี่ยนใจแล้วนะครับ”
“อื้อ...ไม่เปลี่ยนแน่นอน”
จอมทัพยิ้มออกมาจากโล่งใจกับคำตอบของคนรัก กอดตอบร่างที่อยู่บนตักของตนแน่น คล้ายคำสัญญาว่าจะไม่มีวันปล่อยมือจากขวัญข้าวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาปล่อยให้ร่างเล็กซุกหน้าอยู่กับไหล่ของเขาอย่างนั้น ลูบศีรษะของคนที่ยังทำเสียงฟุดฟิดจากการร้องไห้อย่างอ่อนโยน
“ไว้วันหยุดเราพาคุณพ่อคุณแม่ขวัญไปทานข้าวบ้านฉันกันนะ....ฉันอยากให้ทุกคนรู้จักกันอย่างเป็นทางการซะที”
“ครับ...”
ขวัญข้าวยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ จอมทัพที่อดใจไม่ไหวโน้มเข้าไปประทับจุมพิตซับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มป่องน่าเอ็นดูนั้นอย่างปลอบโยน
“อยู่ข้างๆฉันไปตลอดชีวิตเลยนะขวัญ”
“พี่นายก็อยู่ข้างๆผมไปตลอดชีวิตเลยนะครับ”
รอยยิ้มสดใสของขวัญข้าวทำให้โลกทั้งใบของจอมทัพสว่างไสวขึ้นมาทันตา ร่างสูงฉีกยิ้มกว้าง นึกของคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เขาได้พบกับความรักที่ทำให้หัวใจของเขาพองโตจนแทบจะหลุกออกมาจากอกแบบนี้
“อื้ม จะไม่ยอมใหเ้ขวัญอยู่คนเดียวซักวินาทีเลยล่ะ”
THE END
----------
จบแล้วเหวยยยยยยยยยยย
เหลือตอนพิเศษสินะ55555
เนื่องจากความยุ่งระดับล้านของไรท์รวมถึงปัญหาสุขภาพร้อยแปด คิดว่าหลังจากลงตอนพิเศษเรื่องนี้ครบ อาจจะยังไม่ได้ลงคุณเชษฐ์เพื่อทุ่มเวลาให้เมฆหมอก แต่ถ้าลงได้ก็คงลงแบบช้าๆ หรือสั้นๆ ต้องกราบขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้และขอบคุณสำหรับความอดทนนะคะ
ขอบคุณที่เดินทางมาในบันทึกรักหวานเจี๊ยบเรียกอินซูลินของพี่นายกับน้องข้าวนะคะ เลิฟยูว
น้องขวัญจะตีพิมพ์กับ สนพ.Hermit books เจ้าเก่าเน้อ น่าจะออกมาปีหน้าไล่ๆกับน้องแว่นและคู่แฝด ถ้ามีความคืบหน้าจะมารายงานค่ะ ฝากอุดหนุนด้วยเน้อ