[จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: Cigarettes Daydream P.4 [03.07.2562 ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: Cigarettes Daydream P.4 [03.07.2562 ]  (อ่าน 47757 ครั้ง)

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------




Facebook : makok_num
Twitter : @makok_num
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2019 21:31:51 โดย makok_num »

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
«ตอบ #1 เมื่อ26-05-2017 10:50:02 »

‘One night’ series
[Vampire]
[/b]


   
ตั้งแต่ใช้ชีวิตผีดูดเลือดฝึกหัดมานับสิบปี ยังไม่มีวันไหนที่ผมรู้สึกว่าการเป็นแวมไพร์มันยุ่งยากเท่าวันนี้...
   
วันที่ผมออกล่าเหยื่อครั้งแรก...

การหลบในมุมมืด เล็งเป้าหมายซึ่งกำลังเดินลำพังในที่เปลี่ยว ก่อนจะกระโจนเข้าไป ฝังคมเขี้ยวรวดเร็วก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว

ง่ายดาย... เฉพาะในตำรา

“หือ?”

เขี้ยวเรียวแหลมที่โผล่ออกมายังไม่ทันจะสัมผัสซอกคอหอมกรุ่นที่ได้กลิ่นมาแต่ไกล เพราะเหยื่อรายแรกของค่ำคืนดันหันกลับมา ก่อนจะผงะ แล้วเปลี่ยนเป็นมองหน้าผมอย่างแปลกใจ

“แวมไพร์?”

ชิบหาย เอาไงดี

“แฮ่!” กระพริบตาสองที ก่อนจะตีมึนแยกเขี้ยวทำท่าจะพุ่งเข้าไปกัดคอร่างโปร่งบางที่ยืนทำหน้างงอีกที
   
“เดี๋ยวดิ ใจเย็น”
   
เจ้าของเสียงหวานทุ้มยกมือห้าม ใบหน้าติดจะงุนงงไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
   
ผมเก็บเขี้ยว ถอยหลังออกมาเลิกคิ้วมองใบหน้าสวยผิดบุรุษเพศเป็นเชิงถามว่ามีอะไร
   
“เป็นแวมไพร์จริงดิ?” ขมวดคิ้วเหมือนไม่เชื่อกัน
   
ได้ยินแบบนั้นผมก็ยิงฟันโชว์เขี้ยวขาวคมกริบของตัวเองอีกรอบ
   
“โห” ร่างโปร่งบางขยับเข้ามา ทำให้รู้ว่าระดับสายตาอยู่ตรงตำแหน่งริมฝีปากพอดี มองเขี้ยวสองซี่ด้วยสีหน้าตื่นเต้น ก่อนที่ดวงตากลมแวววาวคล้ายลูกแก้วสีน้ำตาลใสจะเลื่อนขึ้นมาสบตากัน
   
กระพริบตาปริบๆ อีกครั้งอย่างไม่รู้จะทำหน้ายังไง
   
เพราะไม่มีเงาสะท้อนในกระจก เลยไม่เห็นหน้าตัวเองมาหลายปี แต่ก็พอจินตนาการได้เพราะปกติก็เห็นแวมไพร์ตัวอื่นทำเป็นอยู่หน้าเดียว นิ่งๆ ไร้อารมณ์ เหมือนคนเบื่อโลกไม่ต่างกัน คงเพราะความเป็นอมตะมันยาวนานจนหมดความรู้สึกรู้สาใดๆ
   
“ถ้าให้ดูดเลือดแล้วจะตายมั้ย หรือจะกลายเป็นแวมไพร์?” จ้องอยู่นานกว่าจะถอยหลังออกไป ขมวดคิ้วถามคำถามใหม่ด้วยสีหน้าสงสัย
   
ย้ำว่าสงสัย... ไม่มีความหวาดกลัวเจือปน 
   
กลัวหน่อยก็ได้มั้ย กูเป็นแวมไพร์นะไม่ใช่หมา 
   
“ปกติจะดูดจนตาย” ...เท่าที่อ่านมา
   
แวมไพร์ชั้นต่ำอย่างผมก็คล้ายกับสัตว์ที่ไร้ความยับยั้งชั่งใจ พอได้ลิ้มลองอาหารรสเลิศก็จะติดใจรสชาติหอมหวาน สูบเลือดเหยื่อจนหมดไม่เหลือคราบ ปราศจากแหล่งเพาะเชื้อที่จะให้กำเนิดแวมไพร์ตัวใหม่ได้
   
“ใจร้ายชะมัด”
   
“แล้วอยากเป็นแวมไพร์หรือไง”

อีกฝ่ายเงียบไป มองหน้าผมอีกครั้งก่อนจะเป็นถามกลับ “เป็นแวมไพร์แล้วดีมั้ย”
   
“...” คราวนี้ผมตอบไม่ได้บ้าง
   
ดีมั้ยวะ? ผมก็ไม่เคยถามตัวเองเหมือนกัน เพราะเพิ่งเป็นแวมไพร์ได้ไม่นาน จึงยังไม่ได้ลิ้มลองสิ่งที่เรียกว่าความเป็นอมตะอันยาวนาน

รู้แค่ว่าการที่ใช้ชีวิตได้แค่ตอนกลางคืนทำให้ อะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป ไร้เพื่อน ไร้ผู้คนรอบกาย ได้แต่อาศัยมุมมืดซุกซ่อนตัวเองไปวันๆ มันออกจะผิดวิสัยแวมไพร์ตรงที่ผมไม่ค่อยอยากดื่มเลือดมนุษย์เท่าไหร่ ไม่อยากกลายเป็นคนน่ากลัว สุดท้ายเลยหิวจนแทบจะแห้งตาย จนทนไม่ไหวต้องออกมาล่าเหยื่อนี่ไง
   
“เหงา” เท่าที่จำได้ สิ่งที่รู้สึกอยู่คงมีชื่อเรียกแบบนั้น
   
พลันได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ แต่พอมองใบหน้าหวานกลับไม่พบร่องรอยการขยับยิ้มใด

“งั้นไม่เอา”
   
ดวงตาสีน้ำตาลใสฉายแววประหลาดใต้แสงจันทร์ ใบหน้าสวยหวานราวกับพระเจ้าปั้นดูหม่นแสงลงชัดเจน
   
“เหงามาสิบแปดปีแล้ว ไม่อยากเหงาไปอีกเป็นร้อยปีหรอก” สาเหตุที่ดูไร้ชีวิตชีวาขึ้นมา คงเป็นเพราะแบบนั้น
   
“...”
   
“งั้นช่วยดูดให้ตายเลยแล้วกัน” ว่าพลางก้าวเท้ามาตรงหน้าผมอีกครั้ง เอียงคอในองศาพอเหมาะสำหรับฝังเขี้ยวลงไป พร้อมกับหลับตา
   
อดไม่ได้ที่จะไล่สายตามองทั่วใบหน้าสวยอย่างพิจารณา ลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นลำคอขาวตรงหน้าปรากฏเส้นเลือดที่เต้นตุบๆ ชัดเจน

ผมขยับเข้าไปใกล้ สูดกลิ่นกายหอมกรุ่นยั่วเย้า ก่อนจะอ้าปากกว้าง...
   
“อย่าเจ็บมากนะ”
   
พูดมากจริง 
   
“...” ไม่กล้าตอบอะไร เพราะจำได้ว่าตอนที่ถูกกัดมันทรมานซะจนผมดินพล่านเป็นหมาโดนน้ำร้อนสาด... เจ็บจนอยากจะกลั้นใจตายไปเสียตรงนั้น ไม่มีความนุ่มนวลเอาซะเลย
   
แล้วผมควรทำไง?

เฮ้อ เอาเป็นว่าจะพยายามทำให้เบาที่สุดก็แล้วกัน
   
“เดี๋ยว” แต่คมเขี้ยวยังไม่ทันจะฝังลงไป เจ้าของลำคอขาวก็หยุดไว้ ลืมตาขึ้นมาด้วยสีหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะเอ่ยออกมา
   
“ขอสั่งเสียก่อนได้ป่ะ”
   
อยากตบกบาลตัวเองหลายๆ ทีที่ดันแจ็กพอตได้เหยื่อที่เรื่องมากขนาดนี้
   
“อืม”

แล้วกูก็ดันเสือกเป็นแวมไพร์ใจดีด้วยไง




ปกติการสั่งเสียของคนอื่นคงหมายถึงการกลับไปร้องไห้คร่ำครวญกับญาติสนิทมิตรสหาย เอ่ยร่ำลา แสดงความอาลัยอาวรณ์ดราม่าให้หนำใจ

แต่คำว่า ‘ปกติ’ คงใช้กับไอ้มนุษย์หน้ามึนนี่ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ต้องมานั่งงงอยู่ตรงนี้

“แวมไพร์ชอบกินไอติมรสอะไร”

แถวร้านสะดวกซื้อที่ไม่เคยคิดจะเดินมาเหยียบสักครั้ง เพราะแสงที่สว่างจ้าแสบตา และคนที่พลุกพล่านแทบจะตลอดเวลา แม้ว่าจะดึกดื่นค่อนคืนแล้วก็ตาม

โชคดีที่พอจะมีมุมอับหลังเสาไฟฟ้าที่สงบและมืดพอให้หลบเลี่ยงได้ แต่ไอ้การมานั่งแปะอยู่บนฟุตบาทสกปรกๆ นี่ชวนให้รู้สึกอนาถยังไงชอบกล

 “มีสตรอว์เบอร์รี่กับมิ้นต์” พอผมไม่ตอบเลยชูไอศกรีมทั้งสองถ้วยขึ้นมา เลิกคิ้วคาดคั้นให้เลือกสักที

จะรู้ได้ไงว่าชอบอะไร จำรสชาติอาหารไม่ได้มาเป็นปีๆ แล้ว

นี่ไง อีกข้อเสียของการเป็นแวมไพร์ ไม่ว่าจะอาหารอะไรก็ไร้รสชาติไปเสียหมด

“มิ้นต์ละกัน” สุดท้ายก็เป็นฝ่ายยัดเยียดไอศกรีมถ้วยหนึ่งมาใส่มือผม พร้อมกับเปิดฝาเสียบช้อนลงมาให้เสร็จสรรพ จ้องผมสลับกับไอติมอยู่สักพัก จนผมเริ่มยกมือขึ้นมาตักไอติม ดวงตาสีน้ำตาลใสจึงฉายแววลุ้นขึ้นมา

ยิ่งกระตุ้นให้ผมอยากรู้ว่าเขาจะทำหน้ายังไง ตอนที่เห็นแวมไพร์ตัวเป็นๆ ยัดไอศกรีมเข้าปากต่อหน้าต่อตา

“เป็นไง”

สีหน้าตลกอย่างที่คิดไว้จริงๆ

“เย็น” ผมตอบหน้าตาย เพราะไม่รับรู้อะไรนอกจากความเย็นในโพรงปาก

จะให้รับรู้อะไร ก็ต่อมรับรสมันตายตามร่างกายไปตั้งนาน

“ลิ้นแวมไพร์ไม่รู้รสเหรอ?” กลับมาเลิกคิ้วทำหน้าสงสัยอีกครั้ง

“อืม”

“น่าสงสาร”

ตั้งแต่เป็นแวมไพร์มาก็เพิ่งจะเจอคนบอกว่าน่าสงสารเป็นครั้งแรก

“เดี๋ยวกินแทนแล้วกัน” เกือบจะรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารขึ้นมาจริงๆ เมื่อฝ่ามือบางเอื้อมมาตบบ่าเบาๆ อย่างปลอบใจ แล้วหันกลับไปแกะไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี่ในมือตัวเอง

ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมลอบมองเรียวลิ้นที่เลียฝาไอติมอย่างเชื่องช้า มือบางที่เริ่มตักของหวานเข้าปาก ละเลียดชิมรสเนิ่นนานก่อนจะกลืนลงคอ ลูกกระเดือกนูนสวยที่ขยับขึ้นลงทำให้ เผลอลอบกลืนน้ำลายอีกครั้ง ละสายตาออกมาเบือนหน้าไปที่ถนนว่างเปล่าพลางตักไอติมเข้าปากทั้งที่ไม่รู้รสนั่นแหละ

หวังแค่ให้ความเย็นช่วยดับความร้อนรุ่มแปลกๆ ที่ผุดขึ้นมาในอกอย่างไม่รู้ที่มาที่ไป

“อ้าว ไหนบอกว่าไม่รู้รส” หันมาทำหน้าประหลาดใจทั้งที่มีไอติมสตรอว์เบอร์รี่คำใหญ่กักไว้เต็มกระพุ้งแก้ม

“ไม่รู้รส แต่อยากกิน” ดวงตาสีน้ำตาลใสมองมาอย่างเห็นใจอีกครั้ง ก่อนที่มือบางจะยื่นมาตบบ่าผมเบาๆ

“เข้าใจๆ”

“...”

รู้สึกว่าการเป็นแวมไพร์มันน่าสงสารขึ้นมาจริงๆ ก็ตอนนี้เอง




เหยื่อรายแรกของผมเป็นพวกเข้าใจยาก... แต่ที่เข้าใจยากยิ่งกว่า น่าจะเป็นตัวผมเอง

ทำไมยังไม่กินสักที แถมยังเอาแต่เสนอหน้าเดินตามคนตัวเล็กกว่าต้อยๆ ถูกจูงไปไหนก็ไปไม่ต่างจากหมาเดินตามเจ้าของเลย

กูเป็นแวมไพร์จริงมั้ยเนี่ย

“ไหนบอกจะสั่งเสีย” ตั้งแต่ตามมายังไม่เห็นว่าจะไปบอกลาใคร

หลังจากกินไอติมหมดก็เดินนำไปตามถนนมืดๆ ไม่พูดไม่จา ทอดน่องไปบนทางเท้าจนมาหยุดอยู่ที่สนามเด็กเล่นข้างสวนสาธารณะร้างผู้คน

“ก็ทำอยู่นี่ไง” พูดจบก็เดินไปหย่อนสะโพกลงบนชิงช้าเก่าๆ ที่นั่งได้พอดีตัว

ผมยืนมองอย่างลังเล ก่อนจะเดินตามไปบ้าง ทำท่าจะนั่งตามแต่เพราะตัวใหญ่เกินไป เลยต้องตัดใจถอยออกมา ถูกคนตัวเล็กที่ลอดเข้าไปในชิงช้าได้ช้อนสายตามองนิ่งๆ ก่อนจะสังเกตเห็นมุมปากยกขึ้นมาแวบหนึ่ง

เล็กน้อยจนไม่กล้าเรียกว่ายิ้ม แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไร

“นั่งไม่ได้ แต่ไกวให้ได้นะ” คล้ายจะเป็นข้อเสนอ แต่จริงๆ คือกำลังจะใช้งานกันชัดๆ

แล้วใครสั่งใครสอนให้ผมเป็นแวมไพร์ขี้ใจอ่อนล่ะครับ

สาวเท้ายาวๆ ของตัวเองไปยืนอีกฝั่ง มองแผ่นหลังบางที่นั่งนิ่งรอให้ส่งแรงผลักออกไป ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไง เหมือนสมองที่ไม่ค่อยได้ใช้มันมีความคิดที่ตีกันวุ่นวาย พลอยให้มือที่ยื่นออกไปสั่นน้อยๆ อย่างควบคุมไม่ได้

ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะตัดสินใจทาบมือลงบนแผ่นหลังบาง และด้วยสัญชาตญาณนักล่า ทำให้ผมรับรู้ได้ถึงเส้นเลือดบนร่างกายอีกฝ่าย ผ่านสัมผัสเพียงบางเบา

เผลอลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังโดยไม่รู้ตัว

“แวมไพร์?” ส่งเสียงฉงน จนผมตกใจส่งแรงผลักออกไปจนชิงช้าเริ่มไกวในจังหวะที่ไวกว่าความคิด

“เฮ้ย!!” จนได้ยินเสียงร้องด้วยความตระหนก พร้อมกับร่างโปร่งบางที่กระเด็นออกจากตัวชิงช้าไป ลอยคว้างกลางอากาศอย่างน่ากลัว ถึงนึกได้ว่าตัวเองแรงเยอะกว่าคนปกติแค่ไหน

ชิบหาย!

หมับ!

แต่ความว่องไวเกินมนุษย์ก็คือพรสวรรค์ของแวมไพร์เช่นกัน ผมจึงกระโจนเข้าไปคว้าร่างโปร่งบางไว้ได้ทัน ก่อนจะกระแทกเข้ากับเครื่องเล่นที่ทำด้วยเหล็กเข้าอย่างจัง

ตึก ตึก ตึก ตึก
   
เสียงหอบ และเสียงหัวใจที่เต้นรัวดังชัดเจนเมื่ออีกฝ่ายอยู่ในอ้อมกอดที่ทำให้ร่างกายแนบสนิทกัน
   
“กะ... เกือบตาย” เสียงพึมพำอู้อี้ดังขึ้นมาทั้งที่ใบหน้ายังแนบกับอก ทิ้งตัวซบลงมาอย่างหมดแรง
   
ท่วงท่าที่ไม่คุ้นเคยทำให้ผมรีบผละออกมาเมื่อรู้ตัว ถอยหลังออกจากตัววุ่นวายที่ช้อนสายตามองมาอย่างงุนงง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ได้ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างที่เข้าใจ
   
แขนที่เคยขาวเนียนไร้รอยขีดข่วนกลับปรากฏรอยถลอกเป็นทางอย่างน่ากลัว
   
“สงสัยโดนสายชิงช้าบาดเอา” พอรู้ว่าผมกำลังมองอะไร ถึงรู้ตัวว่าตัวเองบาดเจ็บ ยกแขนที่เริ่มมีเลือดซึมขึ้นมาสำรวจอาการ
   
แต่คงลืมไป ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านี่คือแวมไพร์ที่กำลังหิว
   
และเลือดเพียงน้อยนิดก็ส่งกลิ่นหอมรัญจวนชวนให้ว้าวุ่นจนต้องถอยหนีออกมาในระยะที่ไกลพอจะไม่ทำให้อีกฝ่ายเป็นอันตราย
   
ให้ตาย ความจริงผมควรจะดีใจที่ได้เห็นเลือดเหยื่อไม่ใช่หรือไง
   
ถือโอกาสกินซะเลยดีมั้ย
   
“แวมไพร์?” ทำท่าจะขยับตาม แต่ผมร้องห้ามเสียงดัง
   
“อย่าเข้ามา!”
   
แต่แทนที่จะหวาดกลัว เจ้าของใบหน้าหวานกลับมองมาอย่างไม่เข้าใจ ก้มลงมองแขนเปรอะเลือดของตัวเองสลับกับหน้าผม และยังคงเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะยื่นแขนออกมา
   
“ชิมก่อนได้นะ”
   
คิดจะดูถูกกันหรือไง

ผมฟึดฟัดอย่างหงุดหงิดก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ ประชิดตัวจนอีกฝ่ายที่ยังยื่นแขนออกมาอย่างท้า
ทาย จนกระทั่งผมก้มหน้าลงไป จรดเรียวลิ้นลงบนแผลสดใหม่เบาๆ คนอวดดีจึงสะดุ้งราวกับถูกไฟช็อต แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยืนนิ่งสบตากลับมาด้วยสายตาที่สงบไร้ความหวาดกลัวเหมือนทุกที
   
“เป็นไง” เอ่ยถามเมื่อผมผละออกมา หลังจากไล้ลิ้นเลียซับเลือดทุกหยาดหยดบนแขนเรียว แต่ยังยับยั้งชั่งใจไว้ไม่ฝังคมเขี้ยวลงไป
   
ปรายตามองเจ้าหนูจำไมที่ส่งสายตาขอคำตอบไม่ต่างจากตอนให้ชิมไอศกรีม
   
“หวาน”
   
แต่คราวนี้คำตอบมันแตกต่างออกไป
   
...สีหน้าคนฟังก็เช่นกัน
   
   


หลังออกจากสวนสาธารณะ ผมก็ถูกพามาขึ้นรถบัสที่เป็นเที่ยวแรกของวันใหม่ ดูเวลาก็พบว่ามันปาเข้าไปจะตีห้าแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้กินอาหารสักที

“แวมไพร์ต้องทำหน้าบูดงี้ทุกคนป่ะ” ตัวยุ่งยากที่ถูกพันแขนเป็นมัมมี่เอ่ยถามขึ้นมาด้วยสีหน้าขี้สงสัยเหมือนเคย

“หน้าบูดคืออะไร”

เจ้าของใบหน้าหวานเลิกคิ้วประหลาดใจในคำถาม แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วแน่น ปากเบ้ลงเล็กน้อย แล้วจ้องเขม็งมา “แบบนี้”

นี่ผมกำลังทำหน้าตาน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?

อยากให้ตัวเองส่องกระจกได้ชะมัด

“สอนทำหน้าแบบอื่นที”

รับไม่ได้ว่ะ จริงๆ

“หืม?” คนตรงหน้าเลิกคิ้ว ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นมาทำท่าจะแตะหน้าผม พอเห็นไม่ว่าอะไร ก็เอื้อมมือมาประคองใบหน้าผมไว้ นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น พลางใช้ดวงตาคู่สวยจ้องลึกเข้ามา 

ไม่นานนิ้วโป้งสองข้างก็กดลงระหว่างคิ้ว ไล่นวดเบาๆ ไปตามหน้าผาก ก่อนจะลากลงมาตามข้างแก้ม หยุดลงที่ริมฝีปากผม แช่อยู่อีกสักพัก แล้วแตะมุมปากทั้งสองข้างของให้ขยับ มองทั่วใบหน้าอย่างเพ่งพิจารณาก่อนจะถอนมือออกไป

แปลกตรงที่คราวนี้จ้องเสร็จกลับไม่พูดอะไร เบือนหน้าหนีออกไปมองวิวด้านนอกซะอย่างนั้น

“เฮ้” ผมสะกิดไหล่บาง พยายามคงใบหน้าที่ถูกจัดไว้ “แล้วตอนนี้ทำหน้ายังไง”
 
ได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ ดังขึ้นมา ก่อนคนถูกถามจะหันกลับมาสบตาด้วยสีหน้างุ่นง่าน แล้วค่อยๆ คลายปมที่คิ้ว ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ “แบบนี้”

ผมกระพริบตาปริบๆ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะทำหน้าแบบนั้นได้

หน้าที่คนทั่วไปเรียกว่า ‘น่ารัก’ น่ะ

“จริงดิ?” ผมถามอย่างข้องใจ

“ตอนนี้กลับมาทำหน้าบูดอีกแล้ว” ว่าพลางสาธิตสีหน้าตามแบบที่เคยทำ

พอได้ยินแบบนั้นผมก็ยกมุมปากตัวเอง ผ่อนคลายใบหน้าตามความรู้สึกที่ถูกนิ้วอุ่นๆ สัมผัสก่อนหน้าอีกครั้ง

แต่คนตัวเล็กก็ยังทำหน้าบูดอยู่ดี

“พอแล้ว ไม่ต้องยิ้มแล้ว”

ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าตัวเองทำผิดอะไร แต่พอเห็นใบหน้าขาวใสที่ขึ้นสีจางๆ ความข้องใจก็หายไป

“เป็นแวมไพร์จำเป็นต้องหน้าตาดีขนาดนี้มั้ย”

“...” แล้วเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอย่างอื่น ที่เข้าใจยากยิ่งกว่าแทน

“หล่อจนใจสั่นเลย”

อืม... ถ้าหัวใจยังทำงานได้

ตอนนี้แวมไพร์ก็คงใจสั่นเหมือนกัน




“ถึงแล้ว” นั่งรสบัสมาได้สักพัก ก็ถึงสถานที่เงียบสงบซึ่งมีกลิ่นอายอันคุ้นเคย บนเนินเขาเหนือตัวเมืองที่จินตนาการได้ว่าในอีกไม่ช้าคงจะเห็นแสงอาทิตย์รำไรที่โผล่พ้นเส้นขอบฟ้าขึ้นมา

สถานที่แสนสงบที่ฝังร่างไร้วิญญาณไว้ภายใต้ท้องฟ้าอันสวยงามทั้งในยามกลางวันและกลางคืน

สุสาน...

“มาที่นี่ทำไม” เอ่ยถามขณะที่เท้ายังคงก้าวตามเจ้าของใบหน้าสวยไป จนหยุดอยู่ที่หน้าป้ายหลุมศพของใครสักคน

“สั่งเสียไง”

จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจคำว่าสั่งเสียของคนคนนี้อยู่ดี

กินไอศกรีม เล่นชิงช้า แล้วก็สุสาน... มันเป็นการสั่งเสียยังไง

“ได้กินไอติมรสโปรดแล้ว เล่นชิงช้าเหมือนตอนเด็กแล้ว ก็เหลือแค่อย่างเดียวล่ะนะ” อยู่ๆ ก็พูดออกมาราวกับอ่านใจผมได้

ตกลงผมหรือเขาที่เป็นแวมไพร์

“ความจริงมีอย่างอื่นที่อยากทำ แต่คงไม่มีเวลาแล้วมั้ง” หันกลับมามองผมราวกับจะโทษกัน

ต้องโทษพระอาทิตย์ต่างหาก ที่อีกไม่นานก็คงเสนอหน้าออกมา และถึงตอนนั้นก็คงได้เวลาที่ผมจะได้กินอาหารตรงหน้าสักที

อยู่ๆ ร่างโปร่งบางก็ทรุดตัวลงบนพื้นหญ้าชื้น เอื้อมมือออกไปลูบป้ายหลุมศพที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดัง ไม่เบา แต่ฟังดูเหงา

“พ่อ แม่ ผมมาลา”

นี่สินะ เหตุผลของความเหงา

เหตุผลของความหม่นเศร้าในแววตาที่เห็นเพียงแวบเดียวก็ส่งผลต่อความรู้สึกมากมาย

“ไม่ต้องห่วงนะ ไม่น่าทรมาน” เหลือบตามามองผมเหมือนให้ช่วยยืนยัน จึงพยักหน้ากลับไป

“ครับ จะไม่ทำให้ทรมาน”

สาบานต่อหน้าทุกหลุมศพในสุสานเลย

“ถ้าโชคดี บางทีเราอาจจะได้เจอกันที่โลกนู้นก็ได้นะ” เสียงหวานทุ้มเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มบาง

“คิดถึงมากเลย” โน้มตัวลงไปกดจูบลงบนแผ่นหินเย็นชืดเบาๆ

ทุกสีหน้าและการกระทำที่ปรากฏให้เห็นใต้แสงจันทร์ ทำให้ความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกเจอยิ่งก่อตัวทบทวีจนแจ่มชัดขึ้นมาทุกที

ทั้งที่แวมไพร์อย่างผมไม่ควรมีความรู้สึกอะไร

ไม่ควรปล่อยให้มนุษย์คนไหนมามีอิทธิพลต่อหัวใจที่ไม่เต้นมานานหลายปี... โดยเฉพาะคนที่เป็นเหยื่อของตัวเอง

“พร้อมแล้วล่ะ” ว่าพลางลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับผมอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยฉายแววมุ่งมั่นไม่มีลังเล

จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลัวตาย... เป็นคนประเภทไหนกัน

ผมไม่ว่าอะไรขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับยิงฟันแยกเขี้ยวแหลมคมออกมา หวังจะข่มขู่ให้คนตัวเล็กผวา แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับเป็นแววตาอ่อนโยน และรอยยิ้มบาง ก่อนจะหลับตาลง เอียงคอรอรับสัมผัสจากคมเขี้ยวที่กำลังทำหน้าที่พรากวิญญาณ

เห็นแบบนั้นผมจึงค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้าไป พร้อมกับใช้สายตาสำรวจใบหน้าหวาน ไล่ตั้งแต่หน้าผากใส ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยที่ถูกปิดไว้ด้วยเปลือกตา จมูกโด่งรั้นรับกับใบหน้า พวงแก้มที่ขึ้นสีดูมีชีวิตชีวา ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากบางที่ขยับพร้อมกับเสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อผมเข้าใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รดลงมาข้างแก้มในจังหวะติดขัดผิดกับความมุ่งมั่นก่อนหน้านี้

หัวใจเต้นแรงจัง

เพราะเกิดกลัวขึ้นมาหรือเปล่าไม่แน่ใจเหมือนกัน

“ไม่ทรมานหรอก” เอ่ยย้ำคำสัญญา พลางกดจมูกลงไป ดอมดมลำคอขาว แล้วลากไล้ไปตามเส้นเลือดที่ปรากฏขึ้นมาเพื่อสูดกลิ่นกายหอมหวานแบบที่ไม่เคยสัมผัสได้จากที่ไหน ได้ยินเสียงชีพจรเต้นตุบในจังหวะรัวเร็ว ก่อนจะเผลอคลี่ยิ้มออกมา

“ขอบคุณครับ” เอ่ยกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้

“...”

“ขอบคุณ... ที่ทำให้คืนนี้เป็นคืนที่ดีที่สุดในชีวิตแวมไพร์” ว่าจบก็ซุกใบหน้าลงกับซอกคอขาวอีกครั้งอีก

แต่แทนที่จะฝังคมเขี้ยวพรากวิญญาณอย่างที่เคยตั้งใจ ผมกลับเก็บฟันตัวเองไว้แล้วจรดริมฝีปากลงไป

...ประทับรอยจุมพิตเพียงแผ่วเบา

ให้ตาย... ผมจะเอาชีวิตคนคนนี้ได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นคนทำให้ชีวิตที่ไร้ชีวิตของผมกลับมามีความหมายได้อย่างน่าอัศจรรย์

แม้จะเป็นเพียงค่ำคืนเดียวก็ตาม

-The end -



-----------------------------------------------------------------------
อยากลองเขียนโปรเจ็กต์ที่เล่าถึงเรื่องราวในหนึ่งคืนของคนสองคนโดยที่ตัวเอกที่ทำอาชีพต่างๆ ดูค่ะ
ประเดิมอาชีพแรกด้วยแวมไพร์ (ใช่เหรอ?) 555555
แต่ตอนต่อๆ ไปจะกลับมาสู่อาชีพปกติแล้วล่ะ
ฝากด้วยนะคะ ^^

ขอบคุณมากค่ะ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2017 13:21:32 โดย makok_num »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: *.:。☾ One Night' stories ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
«ตอบ #2 เมื่อ26-05-2017 12:40:38 »

น่ารักดี ตอนนี้จบแล้วอ่อ??? ขออีกนิด  :myeye:

ออฟไลน์ sebest

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่ารักดีค่ะ  o13 o13

ออฟไลน์ alpha202204

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
รู้สึกถึงความ Cute จังค่ะ อยากได้อีกนิดจังเลย :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ต่ออีกนิดไหมคะ เป็นแวมไพร์ด้วยกันเลย จะได้ไม่เหงา  :mew1:

ออฟไลน์ jittrawa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แล้วก็ต่างคนต่างอยู่เหงาๆ ในช่วงชีวิตที่เหลือเหรอ

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แอบอยากให้มีต่อแฮะ  :impress2:

ออฟไลน์ Fullysky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :sad4:น่าจะมีต่อนะคะ น่ารักมากเลยค่าา  :pig4:

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
แวมไพร์เป็นอาชีพ? งั้นขอนมุษย์หมาป่าด้วยสิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
เป็นนิยายที่มีอารมแบบก้ำกึ่งแต่อ่านแล้วมีความสุขอ่ะ   :katai2-1:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
คุณแวมไพร์น่ารักมากเลย
มึนๆเอ๋อๆ สุภาพมากด้วยยอะ
ขอบคุณค่าา

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
น่ารักดีค่ะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อยากอ่านต่อเลย

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ก็เลยกลายเป็นว่ามิชชั่นไม่คอมพลีทนะคะคุณแวมไพร์

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
หูยยยยยยย ดียยยยยย์  อ่านแล้วรู้สึกว่า.... น่ารัก มีอาการอมยิ้มตามเบาๆ ขออาชีพต่อไปด่วนๆเลยน้าาาา  //  ตกลงว่าแวมไพร์สรุปนี่เป็นอาชีพ ? 555555

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
‘One night’ series
[Tattooist]

   
1.
   
“ร้านปิดแล้ว” เสียงของผมต่ำมากตอนเอ่ยประโยคนั้น
   
เย็นชาเกินไป ห่างเหิน... ซะจนตัวเองยังตกใจ
   
นับประสาอะไรกับคนที่ถูกไล่ทั้งที่เห็นอยู่ว่าร่างกายขาวซีดใต้เสื้อผ้าเปียกชุ่มกำลังสั่นเทา และนอกกันสาดก็ไม่มีอะไรบดบังฝนห่าใหญ่ที่ตกมาได้ค่อนคืน ดวงตาสีน้ำตาลกลมคล้ายลูกแก้ว แวววาวด้วยม่านน้ำที่เคลือบอยู่ แต่ก็ยังสู้จ้องหน้าผมด้วยสายตาตัดพ้อ ผิดหวังกับประโยคแรกที่เอ่ยไป
   
แล้วจะเดินฝ่าฝนมาทำไม
   
คิดอย่างไม่แยแส ก่อนจะคาบมวนบุหรี่ออกจากซองที่ถือไว้ แต่ยังไม่ทันได้จุดสูบก็ต้องชะงัก
   
“สักทับให้ที”
   
...คงเพราะไม่ได้ยินน้ำเสียงนุ่มหวานนี้มานาน

ผมเงยหน้ามอง แต่เจ้าของดวงตาคู่สวยกลับเบือนหนี กัดริมฝีปากซีดเซียวก่อนจะเดินเลยร่างผมไป เปิดประตูเข้าร้านโดยไม่สนใจคำว่า Closed บนป้ายที่เพิ่งถูกพลิกขึ้นมา   
   
ก้มมองนาฬิกา... เที่ยงคืนสี่สิบห้านาที

ลูกค้าคนสุดท้ายของวันดันมาเอาเวลานี้... เห็นทีคงไม่ได้นอน
   
“หึ” แค่นหัวเราะ ก่อนจะจุดไฟแช็กลนปลายบุหรี่ที่คาบไว้หลังจากถูกขัดจังหวะถึงสองครา สูดลมหายใจ คล้ายจะเย็นใจแต่ข้างในร้อนรุ่ม ขมุกขมัวไม่ต่างจากกลุ่มควันที่ถูกปล่อยออกมา 
   
รอไป...
   
รออย่างที่เคยรอ…
   
แต่พอคิดแบบนั้นก็พานหงุดหงิดไปกันใหญ่ สูดควันเข้าปอดอีกครั้ง ถอนหายใจหนักแล้วสลัดบุหรี่ที่ยังสูบไม่ถึงครึ่งมวนลงพื้นอย่างน่าเสียดาย ขยี้ซ้ำระบายอารมณ์งุ่นง่าน ก่อนจะกลับเข้าไปในร้านที่จำเป็นต้องเปิดทำการล่วงเวลาอย่างช่วยไม่ได้
   
“เอาแต่ใจชิบหายเลย”
   
   

2.
   
“ผู้ชายสักรูปดอกไม้ไม่เห็นจะเท่เลย” เสียงนุ่มๆ เอ่ยออกมาหลังจากที่ผมทาบกระดาษลอกลายลงไปบนข้อเท้าขาว
   
“จำเป็น?” เลิกคิ้วถามโดยที่ปากยังคาบบุหรี่เอาไว้ ข้องใจที่เพิ่งมาพูดเอาป่านนี้ทั้งที่นั่งเลือกแบบกันมาตั้งนานสองนาน
   
“สักทั้งทีก็อยากได้ลายเท่ๆ ไง แบบที่มองแล้วไม่เบื่ออ่ะ”

แต่พอเห็นสีหน้างอแงก็หลุดยิ้มออกมาจนได้ มือข้างหนึ่งประคองฝ่าเท้าสะอาดสะอ้านไว้ ขณะที่มืออีกข้างค่อยๆ ลอกกระดาษออก คีบบุหรี่ออกจากปาก พลางจ้องมองลวดลายที่ปรากฏบนผิวขาวตรงตำแหน่งที่ถูกจัดวางดิบดีอย่างพิจารณา

ดอกไม้เล็กจ้อย... แสนบอบบาง

เหมาะกับน้องดี

ก่อนหน้านี้ผมพูดแบบนั้น แล้วการเลือกอันยาวนานก็สิ้นสุดลง เห็นแบบนี้ก็ยิ่งตอกย้ำความคิดเดิม

เงยหน้ามองเจ้าตัวที่ชะโงกหน้ามามองข้อเท้าตัวเอง ยิ้มกริ่มอย่างชอบใจ ขณะสบตาผม... แววตาหยาดเยิ้มทว่าท้าทาย

“อืม ก็ไม่เท่” ได้ยินเสียงหัวเราะเคลือบน้ำตาล ขณะค่อยยืดตัวขึ้นไป ใช้ที่เขี่ยบุหรี่ข้างกายอีกคนเป็นข้ออ้าง... เปลวไฟปลายบุหรี่ดับลง แต่จมูกผมแตะได้แค่ปลายคาง

จำเป็นต้องใช้ส่งสายตา จงใจใช้ปลายจมูกคลอเคลียลมหายใจร้อน ก่อนลงท้ายด้วยน้ำเสียงเอาใจ

“แต่ไม่เบื่อหรอก”

เสียงหัวเราะทุ้มหวานดังขึ้นอีกครั้ง ส่ายหน้าระอาใจ ก่อนจะตบรางวัลเป็นริมฝีปากเคลือบน้ำตาล... แสนหวาน ลึกล้ำ... และร้ายกาจกว่าริมฝีปากไหนๆ ที่ผมเคยชิม 


   
น้องเป็นลูกคุณหนู ข้อนั้นผมรู้ตั้งแต่แวบแรกที่เจอ
   
ผิวขาวสะอาด ใบหน้าใสเกลี้ยงเกลา หัวจรดเท้าห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ใบหน้าดูรั้นนิดๆ เข้ากับนิสัยที่คงถูกตามใจจนเคยตัว
   
ไม่เข้ากับร้านกูเลย
   
ผมคิดขณะมองร่างสมส่วนเดินนำเข้ามาในร้านเพียงเพราะคำพูดพล่อยๆ ของผมไม่กี่คำ กวาดสายตามองศิลปะบนเรือนร่างลูกค้าคนก่อนๆ ที่ถูกประดับไว้บนผนังอย่างสนอกสนใจ ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกาย...ชวนให้หยุดมอง
   
เหมือนรู้ตัวว่าถูกจับจ้อง จึงหันกลับมา ต่างฝ่ายต่างสบตากันนิ่งนาน สะท้อนความต้องการของกันและกัน

‘ผมจะสัก’

ได้ยินคำยืนยันผมจึงหลุดขำ

‘เจ็บนะ’ ผมเตือน

‘...’ น้องไม่ได้ตอบอะไร ใบหน้ารั้นฉายแววท้าทาย คลี่ยิ้มพลางยักไหล่ไม่ใส่ใจ

‘อย่าร้องไห้ก็แล้วกัน’

   
แต่น้องไม่ได้ร้องไห้... ไม่มีน้ำตาสักหยดไหลลงมาในการลงเข็มครั้งแรก
   
บางทีผมคงเลือกลายกระจิริดเกินไป แถมข้อเท้าก็ไม่ใช่อวัยวะที่สร้างความเจ็บปวดมากไปกว่ามดกัดเท่าไหร่

ไม่ใช่พวกซาดิสม์สักหน่อย แต่คนเนี้ย... อยากแกล้งให้ร้องไห้
   
ไม่ได้ใจร้ายถึงขั้นขยี้เข็มบนผิวเนื้อจนเลือดไหล แค่ใช้เสียงมอเตอร์หลอนหูขู่ให้ใจฝ่อก็น่าจะใช้ได้

แต่เอาเถอะ แม้จะไม่ถึงขนาดร้องไห้ แต่เห็นดวงตาสีน้ำตาลใสมีน้ำเอ่อคลอเท่านี้ก็พอใจ

ผมลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่ดวงตากลมโตก็ยังจดจ้องมาที่ผมทุกขณะ กัดฟันทน บดริมฝีปากตัวเองด้วยความอดกลั้น พ่นลมหายใจหนักแทรกเสียงเครื่องสักในบางจังหวะที่ผมยกเข็มขึ้นเพื่อกดลงไปใหม่...

นึกสงสัยว่าเจ้าตัวรู้มั้ยว่าทั้งหมดนั่นมันกวนสมาธิผมแค่ไหน กว่าจะแต้มหมึกสุดท้ายลงไปก็เล่นเอาต้องสงบจิตสงบใจตั้งสมาธิใหม่อยู่หลายที

“เสร็จแล้วเหรอ” ผมพยักหน้าทำความสะอาดแผลแล้วปล่อยให้เจ้าของข้อเท้าก้มลงมาดูผลงาน

“เจ็บ” หลุดยิ้มกับน้ำเสียงกระเง้ากระงอดที่ดูก็รู้ว่าจงใจอ้อนก่อนจะยักไหล่

“เตือนแล้ว” ทำทีเป็นไม่สนใจ ลุกขึ้นยืนตั้งท่าเก็บอุปกรณ์เตรียมปิดร้านหลังปิดจ๊อบลูกค้าคนสุดท้าย แต่ก็ถูกเรียกร้องความสนใจด้วยอ้อมกอดและริมฝีปากที่แนบลงมาบนท้ายทอย

“ปลอบผมหน่อย”

พนันว่าร้อยทั้งร้อยก็ไม่อาจต้านทานได้...

ผมพลิกตัวกลับไป หรี่ตามองกระต่ายน้อยตรงหน้าแล้วก็สิ้นข้อสงสัย

ไม่ใช่ไม่รู้ตัว... แต่ทุกการกระทำแสนยั่วยวนล้วนเกิดจากความจงใจ ปลุกปั่นให้หมดความอดทน โดยไม่สนเลยว่าเข็มในมือผมอันตรายแค่ไหน วางเดิมพันขีดจำกัดของผมไว้ด้วยผิวกายขาวเนียนที่ผมกระหายจะตรีตราลงไป

“ตัวแสบ”

สิ้นคำ กระต่ายน้อยก็ถูกส่งกลับขึ้นเตียงสักอีกครั้ง...

ไร้สีน้ำหมึก ไร้เสียงเครื่องจักร

มีเพียงสีกุหลาบช้ำถูกสลักทั่วร่าง... เสียงผิวเนื้อกระทบเจือเสียงครวญหวาน...

และเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดของขาเตียง

   

3.
   
“คิดลายมาหรือยัง” ผมเอ่ยถาม เริ่มจัดเตรียมอุปกรณ์อีกครั้งทั้งที่เพิ่งเก็บ
   
“...” แต่คุณลูกค้ากลับก้มหน้านิ่ง เม้มปากเข้าหากัน นั่งตัวสั่นอยู่บนเตียงสักตัวเก่าที่ชุ่มด้วยหยดน้ำจากเสื้อผ้าที่เปียกแนบร่าง
   
ผมถอนใจ เปลี่ยนองศาเครื่องปรับอากาศ กอดอกพิงสะโพกกับเคาน์เตอร์วางของแล้วถามย้ำด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
   
“จะสักรูปอะไร”
   
รู้ดีว่านั่นไม่ใช่คำถามที่อยากจะเอ่ย แต่ก็รู้แก่ใจเช่นกันว่าถ้าขืนแสดงความห่วงใยออกไป... สุดท้ายคงไม่พ้นกระโจนเข้าหากองไฟ
   
“นก” เงียบไปนานกว่าจะเอ่ยขึ้นมา มือสั่นเทายื่นออกมาตรงหน้า ฝ่ามือที่กำแน่นคลี่ออกมาเผยให้เห็นกระดาษยับย่นและเปียกปอนไม่ต่างกัน
   
ผมรับมา คลี่ออกอย่างเบามือจนเห็นว่าภายในถูกวาดเป็นลวดลายสัตว์ปีกหน้าโง่ที่หลายต่อหลายคนสลักมันลงบนร่างกายแทนความหมายของคำที่ไม่มีอยู่จริง

   
‘อิสรภาพ’

   
“ถ้าไม่ให้ล่ะ”
   
“ทำไม” คราวนี้ดวงตาสีน้ำตาลสวยจ้องเขม็งมา ฉ่ำวาวด้วยหยาดน้ำใสที่พร้อมจะร่วงหล่นลงมา แววตาตัดพ้อ แต่ไม่ทิ้งรอยแข็งกร้าวเอาแต่ใจ
   
บาดแผลที่ผมทิ้งไว้ไม่เคยทำให้คนตรงหน้าเปลี่ยน...

ยังคงเย่อหยิ่ง รั้นร้าย... ทว่าไร้เดียงสากว่าใครๆ
   
เพราะแบบนี้ถึงไม่อยากปล่อยไป... ไม่มีทาง 
   
“ก็ไม่อยากให้ไป” สารภาพอย่างหมดความอดทน คนที่นั่งรอคำตอบจึงชะงักไป สีหน้าอวดเก่งเริ่มหวั่นไหว กลายเป็นใบหน้าสับสนเจือความไม่มั่นใจ

แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ผมเอาแต่ใจต่อไป

“ถอดเสื้อผ้าออก” ผมบอก ขยำกระดาษในมือทิ้ง คว้าแจ็กเกตของตัวเองโยนให้ ก่อนจะเดินออกมาหลังร้าน หยิบกะละมังรองน้ำครึ่งหนึ่งแล้วถือกลับมา
   
คนรั้นไม่ยอมทำตามคำสั่ง ซึ่งก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายอะไร
   
ผมถอนหายใจ ขยับเข้าไปใกล้ วางกะละมังลงข้างที่วางเท้าแล้วนั่งคุกเข่าตาม เงยหน้าสบตาอีกคนที่จ้องตรงมาเช่นกัน
   
ผมไม่ได้ขออนุญาตตอนที่เอื้อมมือไปถอดรองเท้าคู่แพงออก ถลกถุงเท้าเปียกชุ่มจนเห็นผิวเนื้อขาวซีดนวลเนียน จับเท้าเปลือยเปล่าวางลงกะละมัง ลูบไล้ ทำความสะอาดทุกซอกนิ้วแม้จะไม่มีแม้เศษฝุ่นสักเสี้ยวก็ตาม
   
น้องยังคงสะอาดสะอ้าน ไม่เข้ากับร้านซอมซ่อของผมเหมือนเดิม
   
ไม่เคยเข้ากัน... แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งแปลกปลอมชิ้นเดียวของร้านก็ยังกลับมา
   
กลับมาให้รู้ว่ามันมีค่า และตอกย้ำว่าผมโง่แค่ไหนที่ครั้งหนึ่งไม่ยอมรักษาไว้ข้างกาย
   
ผมหยุดนิ้วที่ไล้วนตามกลีบของดอกไม้เล็กจ้อยบนข้อเท้าขาว แล้วก้มลงจรดริมฝีปากลงไป

ไม่ทันระวังว่าการกระทำนั้น จะทำให้ความอดทนของอีกคนทลายลงง่ายๆ 
   
“ผม...เจ็บ”
   
“...” เงยหน้ามองเจ้าของเสียงแหบแห้งขาดห้วงอย่างตกใจ
   
ตอนลงเข็มครั้งแรกน้องไม่ร้องไห้... แต่คราวนี้คงเจ็บกว่าหลายเท่า น้ำตามากมายถึงได้ทะลักทะลายลงมา

“อย่าร้อง” เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงแสนกระด้าง เช็ดมือจนแห้งก่อนจะเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้ากระเง้ากระงอดของคนขี้แยที่โน้มตัวลงมา ยกมือประคองใบหน้าผมตอบพลางดึงเข้าไปหาจนหน้าผากจรดกันก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่อยากไป...”

“รู้”

นึกแปลกใจที่ครั้งหนึ่งเคยอยากเห็นใบหน้านี้นองน้ำตา แต่เอาเข้าจริงกลับคิดว่ามันไม่เข้าท่า
 
“แต่ก็...ไม่อยากรอ...”

...คงเพราะเห็นชัดว่ามันมีวิธีอื่นที่ดีกว่า

“งั้นก็ไม่ต้องรอ”
   
วิธี... ที่จะทำให้กระต่ายน้อยของผมเสียน้ำตา... โดยไม่ต้องเสียใจ

   
4.
   
ผมใช้ร่างกายตัวเองต่างสมุดบันทึกในแต่ละปี
   
แน่ล่ะว่ามันมีเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาในชีวิตตั้งสามร้อยหกสิบห้าวัน แต่สิ่งที่ผมสลักลงบนร่างกายคือตัวแทนแห่งความสัมพันธ์... หนึ่งลายสำหรับความรักหนึ่งครั้งที่ผ่านเข้ามา
   
มีคนบอกว่ามันโคตรบ้าที่ผมสักสัญลักษณ์ของแฟนเก่าทั้งที่รู้ดีว่ามันจะตอกย้ำทั้งตัวเอง... และคนใหม่
   
แน่นอนว่าหลายคนรับไม่ได้ แต่เชื่อมั้ยว่าผมไม่แคร์
   
คงเพราะเหตุผลที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องของการรำลึกความหลัง รำพันถึงรักฝังใจ บอกแล้วไงว่ามันเป็นเพียงบันทึก... เปลี่ยนผ่านตามกาลเวลา... คล้ายจะเป็นสมุดสะสมแต้มราคะกลายๆ
   
มันเป็นแบบนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเวลาก็ถูกทำให้หยุดหมุน
   
สมุดบันทึกจบลงที่ดอกไม้กระจ้อยร่อย ที่ล่อลวงผมด้วยเกสรหอมหวานมากมายไม่มีทีท่าว่าจะหมดไป จนเผลอย่ามใจว่าตัวเองสามารถวางมันทิ้งไว้ หนีไปดอมดมสิ่งอื่น แล้วจะกลับมาตักตวงเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจ

...กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่น้ำหวานแห้งขอด กลีบดอกค่อยๆ โรยรา และตัวผมก็ถูกกักขังไว้ในแอ่งเกสรที่ถูกสายลมพัดปลิวไปต่อหน้าต่อตา
   
ไม่มีสิ่งใดถูกบันทึกลงร่างกายของผมอีกนับตั้งแต่นั้นมา...

   

5.
   
‘ข้อเท้าสวย’
   
เจอกันครั้งแรกผมนั่งสูบบุหรี่อยู่หน้าร้าน ปล่อยควันเอื่อยเฉื่อยขณะมองร่างใครบางคนวิ่งเข้ามาหลบใต้กันสาดก่อนที่ฝนห่าใหญ่จะเทลงมาพอดิบพอดี กางเกงห้าส่วนเผยผิวเนื้อขาวเนียนตรงข้อเท้าได้รูปที่เตะตาผมเป็นสิ่งแรก
   
‘ถ้าสักตรงนี้คงดูดี’
   
น้องมองหน้าผมสลับกับป้ายร้านที่ทำให้นึกได้ว่าคำพูดตัวเองเข้าข่ายฮาร์ดเซลล์ชิบหาย แต่ไม่ทันได้แก้ตัวอะไร เสียงหัวเราะทุ้มหวานก็ดังขึ้นมา
   
ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงฝน แต่น่าฟังกว่า...
   
ผมเงยหน้ามอง ไล่ตั้งแต่ข้อเท้าและหยุดที่ดวงตา
   
‘งั้นเลือกรอยสักให้ที’
   
แล้วผมก็ได้รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่ใด้มีแค่ข้อเท้าที่น่ามอง


   
ข้อเท้าขาวที่บิดเกร็ง...

ขาเรียวที่เกี่ยวกระหวัดรอบเอว...

สะโพกกลมกลึงที่ขยับไหวตามความรุนแรง...

หน้าท้องสวยที่ชโลมไปด้วยคราบขาวข้นคละคลุ้งกลิ่นคาว...

แผ่นอกที่แอ่นรับสัมผัสวาบหวาม...

ลำคอระหงที่เปล่งเสียงครวญหวานพร้อมเรียกชื่อผมออกมาซ้ำๆ...

ริมฝีปากสีช้ำด้วยรสจูบ...

จมูกที่พ่นลมหายใจหอบหนักด้วยแรงอารมณ์...

ดวงตาสีน้ำตาลที่เคลือบด้วยหยาดน้ำปริ่มล้นตรงหางตา...

อวัยวะทุกส่วนล้วนเป็นสิ่งที่ผมอยากครอบครอง ปรารถนาจะตรีตราจอง สลักเข็ม... วาดลวดลายลงไป

ทิ้งสัญลักษณ์ไว้ ให้ใครต่อใครรู้ว่าน้องเป็นของผม

ดอกไม้ที่ผมจะไม่ปล่อยให้หลุดมืออีก... แม้แต่ครั้งเดียว

   
6.
   
ตีสามยี่สิบ
   
เสียงหอบหายใจสงบลงพักใหญ่... สองร่างเกยก่ายบนเตียงสักตัวเก่า

บุหรี่ถูกจุดอีกครั้ง ควันสีขุ่นที่ถูกพ่นออกมารบกวนคนที่นอนขดตัวซบหน้าอยู่กับอกให้ขยับตัวยุกยิกไปมา ส่งเสียงครางเมื่อความคับแคบไม่ได้ทำให้เจอท่าที่สบาย
   
“โอ๋... นอนซะนะ” ผมดับบุหรี่แล้วลูบหัวปลอบใจ แต่คนที่ใช้ตักผมต่างเตียงกลับหลุดหัวเราะ
   
“ตื่นเลย” บ่นพึมพำทำน้ำเสียงกระเง้ากระงอดทั้งที่ยังยิ้มมุมปาก ผมยิ้มตามแล้วกดจูบลงไปบนเส้นผมชื้นเหงื่อ ขมวดคิ้วเมื่อรับรู้อุณหภูมิที่เปลี่ยนไป
   
“เหมือนจะมีไข้” คาดโทษคนดื้อที่เดินฝ่าฝนแถมยังปล่อยให้ตัวเองตัวเปียกอยู่ได้ตั้งนาน “บอกให้ถอดเสื้อผ้า”
   
แต่คนถูกดุกลับหัวเราะ เอื้อมมือมากอดคอแล้วถูจมูกกับแก้มผมไปมา “อยากให้ถอดให้มากกว่า”
   
ได้ยินแบบนั้นผมก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
   
จริงอย่างที่ว่า สุดท้ายผมก็เป็นคนลงมือถอดเสื้อผ้าเปียกๆ ทิ้งไป ก่อนจะสละเสื้อยืดของตัวเองให้ คลุมทับด้วยเสื้อแจ็กเกตที่พอจะใช้แทนผ้าห่มได้
   
“วางแผนไว้?” เลิกคิ้วกวนๆ แต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่ยียวนไม่แพ้กัน ก่อนที่ต่างคนจะต่างเงียบไป

"กินยามั้ย?" ผมเอ่ยถามเมื่อคิดได้ว่าปล่อยไว้คงไม่ดี

"กอดไว้ก็พอ" แต่คำตอบที่ได้ก็ทำให้ผมคลี่ยิ้ม อ่อนใจกับความขี้อ้อนที่ทำผมตามใจได้ทุกที

ผมกระชับอ้อมกอด มองนิ้วเรียวที่ไล้ไปตามรอยสักบนร่างกาย แววตาฉายความรู้สึกมากมายขณะมองอดีตของผมไล่มาจนถึงรอยสักสุดท้ายที่อกซ้าย...
   
“ไม่มีรอยใหม่” พึมพำเหมือนเอ่ยย้ำกับตัวเอง
   
“เพราะหยุดได้แล้วมั้ง” แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เอ่ยตอบไป เพราะอยากให้แน่ใจ “ถึงบอกว่าไม่ต้องรอแล้วไง”

“...”

“รู้แล้วล่ะว่าอะไรสำคัญ” ผมมองดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมาอย่างตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววตาที่ยากจะอธิบาย
ริมฝีปากสีซีดอมยิ้มเหมือนพยายามจะเก็บอาการไว้ ไล้มือไปตามกลีบดอกไม้ที่จับจองเนื้อที่บนอกซ้ายของผมอีกครั้ง

...ไม่นานก็ยิ้มกว้างออกมา มุดหน้าลงกับอกซ่อนความอายอย่างน่าเอ็นดู

“ผู้ชายสักรูปดอกไม้ไม่เห็นจะเท่เลย”

ผมหัวเราะ ก้มหน้าลงไปฉวยโอกาสครอบครองริมฝีปากรั้น

ตักตวงลึกล้ำกระทั่งเกสรที่แห้งขอด กลับมาเติมเต็มด้วยน้ำหวาน...

กลีบดอกไม้เล็กๆ แสนบอบบางค่อยๆ เบ่งบาน...




---------------------------------------------------------------
หายไปนานมาก แงง แอบไปปั่นเรื่องยาวมาค่ะ ตอนนี้จบแล้ว ><
คิดว่าคงไม่มีคนรอ แต่ก็กลับมาแล้วนะคะ กลับมาด้วยความ... อะไรดีล่ะ 555
จริงๆ วางโครงเรื่องนี้ไว้สักพัก แต่มันเขียนยากเหลือใจ
เขียนๆ ลบๆ หลายรอบกว่าจะได้ หวังว่าจะถูกใจนะคะ
ใครงงหรือขัดใจตรงไหนบอกได้นะคะ จะเป็นพระคุณมากเลย ^^

เจอกันเรื่องหน้าน้า  :mew1:

ขอบคุณมากค่ะ
Martian


   

   
    
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2017 01:33:39 โดย makok_num »

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ถ่ายทอดออกมาได้ดีมากๆเลยค่ะ ชอบโทนของเนื้อเรื่องนะ บรรยากาศมัวๆเทาๆของฝนควันจางๆของบุหรี่กับSEXที่ร้อนแรง เข้ากันดีมากๆลงตัวสุดๆ ชอบค่ะ ^^

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อยากจะกรี๊ดแรงๆ ตอนนี้ฮอตมาก อีโรติกมาก เป็นสีดำๆเทาๆมีควันฟุ้งๆ ช่างสักที่เราตามหามานานมากับความฮอตและควันบุหรี่ ส่วนน้องก็น่ารัก แต่ในความน่ารักคือพริกสิบเม็ด ชอบลำดับการเล่าของตอนนี้ ตื่นเต้นทุกบรรทัด ดีไปหมด ผู้ชายสักรูปดอกไม้ไม่เท่แต่ได้ใจไปเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
โชคดีที่พี่เค้าคิดได้ว่าอะไรคือ.."สิ่งสำคัญ"  o13 o13

ออฟไลน์ 1O019_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบแบบน้องจังเลย
ภาษาดีมาก แอบเซ็กซี่แบบไม่ต้องเขียนฉากอะไรแบบนั้นเลย
รออาชีพต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
โง้ยยยยยยยชอบบบบ ความขมุกขมัวอึมครึม แต่ก็ร้อนแรง ซ่าบซ่า มีความละมุนกับรอยสักลายดอกไม้ อยากสักบ้างเลย ฮิๆๆ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

ออฟไลน์ korner

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอเรื่องสั้นต่ออีกสักเรื่องได้มั้ยคะ มันเย้ายั่วมากเลย  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ QueenPlai

  • twitter - @khunhappymoon gmail - JangPlailiiz@gmail.com
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ผู้ชายสักรูปดอกไม้เห็นจะเท่เลย ฮือออ แค่ประโยคนี้ทำไมชุ้นใจบางงงง :hao5:

ออฟไลน์ MacaroonCookie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
บรรยายไม่กี่ประโยคแต่ให้ความรู้สึกว่าร้อนแรงมากก รอค่าอาชีพต่อไป :mew1:

ออฟไลน์ the7thpage

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ผู้ชายสักดอกไม้ไม่เท่แต่น่าร้ากกกกกกกกกกกกกก :mew3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด