พิมพ์หน้านี้ - [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: Cigarettes Daydream P.4 [03.07.2562 ]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: makok_num ที่ 26-05-2017 10:43:06

หัวข้อ: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: Cigarettes Daydream P.4 [03.07.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 26-05-2017 10:43:06
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



'One Night' series


#เรื่องสั้นคืนเดียว

ตอนที่ 1 : Vampire (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60063.0)
ตอนที่ 2 : Tattooist (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60063.msg3641790#lastPost)
ตอนที่ 3 : Writer (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60063.msg3744962;topicseen#msg3744962)
ตอนที่ 4 : Artist (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60063.msg3837174;topicseen#msg3837174)






นิยายที่ผ่านมา :
เรื่องยาว : Just Another Guy #เชนตรี (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52722.0)
Just Before Sunrise #ซันโช (จบแล้ว)
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59409.0)
Truth or Dare #เกมท้ารัก (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62650.0)



Facebook : makok_num (https://www.facebook.com/makoknum.writer/?modal=media_composer)
Twitter : @makok_num (https://twitter.com/makok_num)
หัวข้อ: Re: *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 26-05-2017 10:50:02
‘One night’ series
[Vampire]
[/b]


   
ตั้งแต่ใช้ชีวิตผีดูดเลือดฝึกหัดมานับสิบปี ยังไม่มีวันไหนที่ผมรู้สึกว่าการเป็นแวมไพร์มันยุ่งยากเท่าวันนี้...
   
วันที่ผมออกล่าเหยื่อครั้งแรก...

การหลบในมุมมืด เล็งเป้าหมายซึ่งกำลังเดินลำพังในที่เปลี่ยว ก่อนจะกระโจนเข้าไป ฝังคมเขี้ยวรวดเร็วก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว

ง่ายดาย... เฉพาะในตำรา

“หือ?”

เขี้ยวเรียวแหลมที่โผล่ออกมายังไม่ทันจะสัมผัสซอกคอหอมกรุ่นที่ได้กลิ่นมาแต่ไกล เพราะเหยื่อรายแรกของค่ำคืนดันหันกลับมา ก่อนจะผงะ แล้วเปลี่ยนเป็นมองหน้าผมอย่างแปลกใจ

“แวมไพร์?”

ชิบหาย เอาไงดี

“แฮ่!” กระพริบตาสองที ก่อนจะตีมึนแยกเขี้ยวทำท่าจะพุ่งเข้าไปกัดคอร่างโปร่งบางที่ยืนทำหน้างงอีกที
   
“เดี๋ยวดิ ใจเย็น”
   
เจ้าของเสียงหวานทุ้มยกมือห้าม ใบหน้าติดจะงุนงงไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
   
ผมเก็บเขี้ยว ถอยหลังออกมาเลิกคิ้วมองใบหน้าสวยผิดบุรุษเพศเป็นเชิงถามว่ามีอะไร
   
“เป็นแวมไพร์จริงดิ?” ขมวดคิ้วเหมือนไม่เชื่อกัน
   
ได้ยินแบบนั้นผมก็ยิงฟันโชว์เขี้ยวขาวคมกริบของตัวเองอีกรอบ
   
“โห” ร่างโปร่งบางขยับเข้ามา ทำให้รู้ว่าระดับสายตาอยู่ตรงตำแหน่งริมฝีปากพอดี มองเขี้ยวสองซี่ด้วยสีหน้าตื่นเต้น ก่อนที่ดวงตากลมแวววาวคล้ายลูกแก้วสีน้ำตาลใสจะเลื่อนขึ้นมาสบตากัน
   
กระพริบตาปริบๆ อีกครั้งอย่างไม่รู้จะทำหน้ายังไง
   
เพราะไม่มีเงาสะท้อนในกระจก เลยไม่เห็นหน้าตัวเองมาหลายปี แต่ก็พอจินตนาการได้เพราะปกติก็เห็นแวมไพร์ตัวอื่นทำเป็นอยู่หน้าเดียว นิ่งๆ ไร้อารมณ์ เหมือนคนเบื่อโลกไม่ต่างกัน คงเพราะความเป็นอมตะมันยาวนานจนหมดความรู้สึกรู้สาใดๆ
   
“ถ้าให้ดูดเลือดแล้วจะตายมั้ย หรือจะกลายเป็นแวมไพร์?” จ้องอยู่นานกว่าจะถอยหลังออกไป ขมวดคิ้วถามคำถามใหม่ด้วยสีหน้าสงสัย
   
ย้ำว่าสงสัย... ไม่มีความหวาดกลัวเจือปน 
   
กลัวหน่อยก็ได้มั้ย กูเป็นแวมไพร์นะไม่ใช่หมา 
   
“ปกติจะดูดจนตาย” ...เท่าที่อ่านมา
   
แวมไพร์ชั้นต่ำอย่างผมก็คล้ายกับสัตว์ที่ไร้ความยับยั้งชั่งใจ พอได้ลิ้มลองอาหารรสเลิศก็จะติดใจรสชาติหอมหวาน สูบเลือดเหยื่อจนหมดไม่เหลือคราบ ปราศจากแหล่งเพาะเชื้อที่จะให้กำเนิดแวมไพร์ตัวใหม่ได้
   
“ใจร้ายชะมัด”
   
“แล้วอยากเป็นแวมไพร์หรือไง”

อีกฝ่ายเงียบไป มองหน้าผมอีกครั้งก่อนจะเป็นถามกลับ “เป็นแวมไพร์แล้วดีมั้ย”
   
“...” คราวนี้ผมตอบไม่ได้บ้าง
   
ดีมั้ยวะ? ผมก็ไม่เคยถามตัวเองเหมือนกัน เพราะเพิ่งเป็นแวมไพร์ได้ไม่นาน จึงยังไม่ได้ลิ้มลองสิ่งที่เรียกว่าความเป็นอมตะอันยาวนาน

รู้แค่ว่าการที่ใช้ชีวิตได้แค่ตอนกลางคืนทำให้ อะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป ไร้เพื่อน ไร้ผู้คนรอบกาย ได้แต่อาศัยมุมมืดซุกซ่อนตัวเองไปวันๆ มันออกจะผิดวิสัยแวมไพร์ตรงที่ผมไม่ค่อยอยากดื่มเลือดมนุษย์เท่าไหร่ ไม่อยากกลายเป็นคนน่ากลัว สุดท้ายเลยหิวจนแทบจะแห้งตาย จนทนไม่ไหวต้องออกมาล่าเหยื่อนี่ไง
   
“เหงา” เท่าที่จำได้ สิ่งที่รู้สึกอยู่คงมีชื่อเรียกแบบนั้น
   
พลันได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ แต่พอมองใบหน้าหวานกลับไม่พบร่องรอยการขยับยิ้มใด

“งั้นไม่เอา”
   
ดวงตาสีน้ำตาลใสฉายแววประหลาดใต้แสงจันทร์ ใบหน้าสวยหวานราวกับพระเจ้าปั้นดูหม่นแสงลงชัดเจน
   
“เหงามาสิบแปดปีแล้ว ไม่อยากเหงาไปอีกเป็นร้อยปีหรอก” สาเหตุที่ดูไร้ชีวิตชีวาขึ้นมา คงเป็นเพราะแบบนั้น
   
“...”
   
“งั้นช่วยดูดให้ตายเลยแล้วกัน” ว่าพลางก้าวเท้ามาตรงหน้าผมอีกครั้ง เอียงคอในองศาพอเหมาะสำหรับฝังเขี้ยวลงไป พร้อมกับหลับตา
   
อดไม่ได้ที่จะไล่สายตามองทั่วใบหน้าสวยอย่างพิจารณา ลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นลำคอขาวตรงหน้าปรากฏเส้นเลือดที่เต้นตุบๆ ชัดเจน

ผมขยับเข้าไปใกล้ สูดกลิ่นกายหอมกรุ่นยั่วเย้า ก่อนจะอ้าปากกว้าง...
   
“อย่าเจ็บมากนะ”
   
พูดมากจริง 
   
“...” ไม่กล้าตอบอะไร เพราะจำได้ว่าตอนที่ถูกกัดมันทรมานซะจนผมดินพล่านเป็นหมาโดนน้ำร้อนสาด... เจ็บจนอยากจะกลั้นใจตายไปเสียตรงนั้น ไม่มีความนุ่มนวลเอาซะเลย
   
แล้วผมควรทำไง?

เฮ้อ เอาเป็นว่าจะพยายามทำให้เบาที่สุดก็แล้วกัน
   
“เดี๋ยว” แต่คมเขี้ยวยังไม่ทันจะฝังลงไป เจ้าของลำคอขาวก็หยุดไว้ ลืมตาขึ้นมาด้วยสีหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะเอ่ยออกมา
   
“ขอสั่งเสียก่อนได้ป่ะ”
   
อยากตบกบาลตัวเองหลายๆ ทีที่ดันแจ็กพอตได้เหยื่อที่เรื่องมากขนาดนี้
   
“อืม”

แล้วกูก็ดันเสือกเป็นแวมไพร์ใจดีด้วยไง




ปกติการสั่งเสียของคนอื่นคงหมายถึงการกลับไปร้องไห้คร่ำครวญกับญาติสนิทมิตรสหาย เอ่ยร่ำลา แสดงความอาลัยอาวรณ์ดราม่าให้หนำใจ

แต่คำว่า ‘ปกติ’ คงใช้กับไอ้มนุษย์หน้ามึนนี่ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ต้องมานั่งงงอยู่ตรงนี้

“แวมไพร์ชอบกินไอติมรสอะไร”

แถวร้านสะดวกซื้อที่ไม่เคยคิดจะเดินมาเหยียบสักครั้ง เพราะแสงที่สว่างจ้าแสบตา และคนที่พลุกพล่านแทบจะตลอดเวลา แม้ว่าจะดึกดื่นค่อนคืนแล้วก็ตาม

โชคดีที่พอจะมีมุมอับหลังเสาไฟฟ้าที่สงบและมืดพอให้หลบเลี่ยงได้ แต่ไอ้การมานั่งแปะอยู่บนฟุตบาทสกปรกๆ นี่ชวนให้รู้สึกอนาถยังไงชอบกล

 “มีสตรอว์เบอร์รี่กับมิ้นต์” พอผมไม่ตอบเลยชูไอศกรีมทั้งสองถ้วยขึ้นมา เลิกคิ้วคาดคั้นให้เลือกสักที

จะรู้ได้ไงว่าชอบอะไร จำรสชาติอาหารไม่ได้มาเป็นปีๆ แล้ว

นี่ไง อีกข้อเสียของการเป็นแวมไพร์ ไม่ว่าจะอาหารอะไรก็ไร้รสชาติไปเสียหมด

“มิ้นต์ละกัน” สุดท้ายก็เป็นฝ่ายยัดเยียดไอศกรีมถ้วยหนึ่งมาใส่มือผม พร้อมกับเปิดฝาเสียบช้อนลงมาให้เสร็จสรรพ จ้องผมสลับกับไอติมอยู่สักพัก จนผมเริ่มยกมือขึ้นมาตักไอติม ดวงตาสีน้ำตาลใสจึงฉายแววลุ้นขึ้นมา

ยิ่งกระตุ้นให้ผมอยากรู้ว่าเขาจะทำหน้ายังไง ตอนที่เห็นแวมไพร์ตัวเป็นๆ ยัดไอศกรีมเข้าปากต่อหน้าต่อตา

“เป็นไง”

สีหน้าตลกอย่างที่คิดไว้จริงๆ

“เย็น” ผมตอบหน้าตาย เพราะไม่รับรู้อะไรนอกจากความเย็นในโพรงปาก

จะให้รับรู้อะไร ก็ต่อมรับรสมันตายตามร่างกายไปตั้งนาน

“ลิ้นแวมไพร์ไม่รู้รสเหรอ?” กลับมาเลิกคิ้วทำหน้าสงสัยอีกครั้ง

“อืม”

“น่าสงสาร”

ตั้งแต่เป็นแวมไพร์มาก็เพิ่งจะเจอคนบอกว่าน่าสงสารเป็นครั้งแรก

“เดี๋ยวกินแทนแล้วกัน” เกือบจะรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารขึ้นมาจริงๆ เมื่อฝ่ามือบางเอื้อมมาตบบ่าเบาๆ อย่างปลอบใจ แล้วหันกลับไปแกะไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี่ในมือตัวเอง

ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมลอบมองเรียวลิ้นที่เลียฝาไอติมอย่างเชื่องช้า มือบางที่เริ่มตักของหวานเข้าปาก ละเลียดชิมรสเนิ่นนานก่อนจะกลืนลงคอ ลูกกระเดือกนูนสวยที่ขยับขึ้นลงทำให้ เผลอลอบกลืนน้ำลายอีกครั้ง ละสายตาออกมาเบือนหน้าไปที่ถนนว่างเปล่าพลางตักไอติมเข้าปากทั้งที่ไม่รู้รสนั่นแหละ

หวังแค่ให้ความเย็นช่วยดับความร้อนรุ่มแปลกๆ ที่ผุดขึ้นมาในอกอย่างไม่รู้ที่มาที่ไป

“อ้าว ไหนบอกว่าไม่รู้รส” หันมาทำหน้าประหลาดใจทั้งที่มีไอติมสตรอว์เบอร์รี่คำใหญ่กักไว้เต็มกระพุ้งแก้ม

“ไม่รู้รส แต่อยากกิน” ดวงตาสีน้ำตาลใสมองมาอย่างเห็นใจอีกครั้ง ก่อนที่มือบางจะยื่นมาตบบ่าผมเบาๆ

“เข้าใจๆ”

“...”

รู้สึกว่าการเป็นแวมไพร์มันน่าสงสารขึ้นมาจริงๆ ก็ตอนนี้เอง




เหยื่อรายแรกของผมเป็นพวกเข้าใจยาก... แต่ที่เข้าใจยากยิ่งกว่า น่าจะเป็นตัวผมเอง

ทำไมยังไม่กินสักที แถมยังเอาแต่เสนอหน้าเดินตามคนตัวเล็กกว่าต้อยๆ ถูกจูงไปไหนก็ไปไม่ต่างจากหมาเดินตามเจ้าของเลย

กูเป็นแวมไพร์จริงมั้ยเนี่ย

“ไหนบอกจะสั่งเสีย” ตั้งแต่ตามมายังไม่เห็นว่าจะไปบอกลาใคร

หลังจากกินไอติมหมดก็เดินนำไปตามถนนมืดๆ ไม่พูดไม่จา ทอดน่องไปบนทางเท้าจนมาหยุดอยู่ที่สนามเด็กเล่นข้างสวนสาธารณะร้างผู้คน

“ก็ทำอยู่นี่ไง” พูดจบก็เดินไปหย่อนสะโพกลงบนชิงช้าเก่าๆ ที่นั่งได้พอดีตัว

ผมยืนมองอย่างลังเล ก่อนจะเดินตามไปบ้าง ทำท่าจะนั่งตามแต่เพราะตัวใหญ่เกินไป เลยต้องตัดใจถอยออกมา ถูกคนตัวเล็กที่ลอดเข้าไปในชิงช้าได้ช้อนสายตามองนิ่งๆ ก่อนจะสังเกตเห็นมุมปากยกขึ้นมาแวบหนึ่ง

เล็กน้อยจนไม่กล้าเรียกว่ายิ้ม แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไร

“นั่งไม่ได้ แต่ไกวให้ได้นะ” คล้ายจะเป็นข้อเสนอ แต่จริงๆ คือกำลังจะใช้งานกันชัดๆ

แล้วใครสั่งใครสอนให้ผมเป็นแวมไพร์ขี้ใจอ่อนล่ะครับ

สาวเท้ายาวๆ ของตัวเองไปยืนอีกฝั่ง มองแผ่นหลังบางที่นั่งนิ่งรอให้ส่งแรงผลักออกไป ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไง เหมือนสมองที่ไม่ค่อยได้ใช้มันมีความคิดที่ตีกันวุ่นวาย พลอยให้มือที่ยื่นออกไปสั่นน้อยๆ อย่างควบคุมไม่ได้

ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะตัดสินใจทาบมือลงบนแผ่นหลังบาง และด้วยสัญชาตญาณนักล่า ทำให้ผมรับรู้ได้ถึงเส้นเลือดบนร่างกายอีกฝ่าย ผ่านสัมผัสเพียงบางเบา

เผลอลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังโดยไม่รู้ตัว

“แวมไพร์?” ส่งเสียงฉงน จนผมตกใจส่งแรงผลักออกไปจนชิงช้าเริ่มไกวในจังหวะที่ไวกว่าความคิด

“เฮ้ย!!” จนได้ยินเสียงร้องด้วยความตระหนก พร้อมกับร่างโปร่งบางที่กระเด็นออกจากตัวชิงช้าไป ลอยคว้างกลางอากาศอย่างน่ากลัว ถึงนึกได้ว่าตัวเองแรงเยอะกว่าคนปกติแค่ไหน

ชิบหาย!

หมับ!

แต่ความว่องไวเกินมนุษย์ก็คือพรสวรรค์ของแวมไพร์เช่นกัน ผมจึงกระโจนเข้าไปคว้าร่างโปร่งบางไว้ได้ทัน ก่อนจะกระแทกเข้ากับเครื่องเล่นที่ทำด้วยเหล็กเข้าอย่างจัง

ตึก ตึก ตึก ตึก
   
เสียงหอบ และเสียงหัวใจที่เต้นรัวดังชัดเจนเมื่ออีกฝ่ายอยู่ในอ้อมกอดที่ทำให้ร่างกายแนบสนิทกัน
   
“กะ... เกือบตาย” เสียงพึมพำอู้อี้ดังขึ้นมาทั้งที่ใบหน้ายังแนบกับอก ทิ้งตัวซบลงมาอย่างหมดแรง
   
ท่วงท่าที่ไม่คุ้นเคยทำให้ผมรีบผละออกมาเมื่อรู้ตัว ถอยหลังออกจากตัววุ่นวายที่ช้อนสายตามองมาอย่างงุนงง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ได้ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างที่เข้าใจ
   
แขนที่เคยขาวเนียนไร้รอยขีดข่วนกลับปรากฏรอยถลอกเป็นทางอย่างน่ากลัว
   
“สงสัยโดนสายชิงช้าบาดเอา” พอรู้ว่าผมกำลังมองอะไร ถึงรู้ตัวว่าตัวเองบาดเจ็บ ยกแขนที่เริ่มมีเลือดซึมขึ้นมาสำรวจอาการ
   
แต่คงลืมไป ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านี่คือแวมไพร์ที่กำลังหิว
   
และเลือดเพียงน้อยนิดก็ส่งกลิ่นหอมรัญจวนชวนให้ว้าวุ่นจนต้องถอยหนีออกมาในระยะที่ไกลพอจะไม่ทำให้อีกฝ่ายเป็นอันตราย
   
ให้ตาย ความจริงผมควรจะดีใจที่ได้เห็นเลือดเหยื่อไม่ใช่หรือไง
   
ถือโอกาสกินซะเลยดีมั้ย
   
“แวมไพร์?” ทำท่าจะขยับตาม แต่ผมร้องห้ามเสียงดัง
   
“อย่าเข้ามา!”
   
แต่แทนที่จะหวาดกลัว เจ้าของใบหน้าหวานกลับมองมาอย่างไม่เข้าใจ ก้มลงมองแขนเปรอะเลือดของตัวเองสลับกับหน้าผม และยังคงเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะยื่นแขนออกมา
   
“ชิมก่อนได้นะ”
   
คิดจะดูถูกกันหรือไง

ผมฟึดฟัดอย่างหงุดหงิดก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ ประชิดตัวจนอีกฝ่ายที่ยังยื่นแขนออกมาอย่างท้า
ทาย จนกระทั่งผมก้มหน้าลงไป จรดเรียวลิ้นลงบนแผลสดใหม่เบาๆ คนอวดดีจึงสะดุ้งราวกับถูกไฟช็อต แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยืนนิ่งสบตากลับมาด้วยสายตาที่สงบไร้ความหวาดกลัวเหมือนทุกที
   
“เป็นไง” เอ่ยถามเมื่อผมผละออกมา หลังจากไล้ลิ้นเลียซับเลือดทุกหยาดหยดบนแขนเรียว แต่ยังยับยั้งชั่งใจไว้ไม่ฝังคมเขี้ยวลงไป
   
ปรายตามองเจ้าหนูจำไมที่ส่งสายตาขอคำตอบไม่ต่างจากตอนให้ชิมไอศกรีม
   
“หวาน”
   
แต่คราวนี้คำตอบมันแตกต่างออกไป
   
...สีหน้าคนฟังก็เช่นกัน
   
   


หลังออกจากสวนสาธารณะ ผมก็ถูกพามาขึ้นรถบัสที่เป็นเที่ยวแรกของวันใหม่ ดูเวลาก็พบว่ามันปาเข้าไปจะตีห้าแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้กินอาหารสักที

“แวมไพร์ต้องทำหน้าบูดงี้ทุกคนป่ะ” ตัวยุ่งยากที่ถูกพันแขนเป็นมัมมี่เอ่ยถามขึ้นมาด้วยสีหน้าขี้สงสัยเหมือนเคย

“หน้าบูดคืออะไร”

เจ้าของใบหน้าหวานเลิกคิ้วประหลาดใจในคำถาม แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วแน่น ปากเบ้ลงเล็กน้อย แล้วจ้องเขม็งมา “แบบนี้”

นี่ผมกำลังทำหน้าตาน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?

อยากให้ตัวเองส่องกระจกได้ชะมัด

“สอนทำหน้าแบบอื่นที”

รับไม่ได้ว่ะ จริงๆ

“หืม?” คนตรงหน้าเลิกคิ้ว ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นมาทำท่าจะแตะหน้าผม พอเห็นไม่ว่าอะไร ก็เอื้อมมือมาประคองใบหน้าผมไว้ นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น พลางใช้ดวงตาคู่สวยจ้องลึกเข้ามา 

ไม่นานนิ้วโป้งสองข้างก็กดลงระหว่างคิ้ว ไล่นวดเบาๆ ไปตามหน้าผาก ก่อนจะลากลงมาตามข้างแก้ม หยุดลงที่ริมฝีปากผม แช่อยู่อีกสักพัก แล้วแตะมุมปากทั้งสองข้างของให้ขยับ มองทั่วใบหน้าอย่างเพ่งพิจารณาก่อนจะถอนมือออกไป

แปลกตรงที่คราวนี้จ้องเสร็จกลับไม่พูดอะไร เบือนหน้าหนีออกไปมองวิวด้านนอกซะอย่างนั้น

“เฮ้” ผมสะกิดไหล่บาง พยายามคงใบหน้าที่ถูกจัดไว้ “แล้วตอนนี้ทำหน้ายังไง”
 
ได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ ดังขึ้นมา ก่อนคนถูกถามจะหันกลับมาสบตาด้วยสีหน้างุ่นง่าน แล้วค่อยๆ คลายปมที่คิ้ว ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ “แบบนี้”

ผมกระพริบตาปริบๆ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะทำหน้าแบบนั้นได้

หน้าที่คนทั่วไปเรียกว่า ‘น่ารัก’ น่ะ

“จริงดิ?” ผมถามอย่างข้องใจ

“ตอนนี้กลับมาทำหน้าบูดอีกแล้ว” ว่าพลางสาธิตสีหน้าตามแบบที่เคยทำ

พอได้ยินแบบนั้นผมก็ยกมุมปากตัวเอง ผ่อนคลายใบหน้าตามความรู้สึกที่ถูกนิ้วอุ่นๆ สัมผัสก่อนหน้าอีกครั้ง

แต่คนตัวเล็กก็ยังทำหน้าบูดอยู่ดี

“พอแล้ว ไม่ต้องยิ้มแล้ว”

ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าตัวเองทำผิดอะไร แต่พอเห็นใบหน้าขาวใสที่ขึ้นสีจางๆ ความข้องใจก็หายไป

“เป็นแวมไพร์จำเป็นต้องหน้าตาดีขนาดนี้มั้ย”

“...” แล้วเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอย่างอื่น ที่เข้าใจยากยิ่งกว่าแทน

“หล่อจนใจสั่นเลย”

อืม... ถ้าหัวใจยังทำงานได้

ตอนนี้แวมไพร์ก็คงใจสั่นเหมือนกัน




“ถึงแล้ว” นั่งรสบัสมาได้สักพัก ก็ถึงสถานที่เงียบสงบซึ่งมีกลิ่นอายอันคุ้นเคย บนเนินเขาเหนือตัวเมืองที่จินตนาการได้ว่าในอีกไม่ช้าคงจะเห็นแสงอาทิตย์รำไรที่โผล่พ้นเส้นขอบฟ้าขึ้นมา

สถานที่แสนสงบที่ฝังร่างไร้วิญญาณไว้ภายใต้ท้องฟ้าอันสวยงามทั้งในยามกลางวันและกลางคืน

สุสาน...

“มาที่นี่ทำไม” เอ่ยถามขณะที่เท้ายังคงก้าวตามเจ้าของใบหน้าสวยไป จนหยุดอยู่ที่หน้าป้ายหลุมศพของใครสักคน

“สั่งเสียไง”

จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจคำว่าสั่งเสียของคนคนนี้อยู่ดี

กินไอศกรีม เล่นชิงช้า แล้วก็สุสาน... มันเป็นการสั่งเสียยังไง

“ได้กินไอติมรสโปรดแล้ว เล่นชิงช้าเหมือนตอนเด็กแล้ว ก็เหลือแค่อย่างเดียวล่ะนะ” อยู่ๆ ก็พูดออกมาราวกับอ่านใจผมได้

ตกลงผมหรือเขาที่เป็นแวมไพร์

“ความจริงมีอย่างอื่นที่อยากทำ แต่คงไม่มีเวลาแล้วมั้ง” หันกลับมามองผมราวกับจะโทษกัน

ต้องโทษพระอาทิตย์ต่างหาก ที่อีกไม่นานก็คงเสนอหน้าออกมา และถึงตอนนั้นก็คงได้เวลาที่ผมจะได้กินอาหารตรงหน้าสักที

อยู่ๆ ร่างโปร่งบางก็ทรุดตัวลงบนพื้นหญ้าชื้น เอื้อมมือออกไปลูบป้ายหลุมศพที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดัง ไม่เบา แต่ฟังดูเหงา

“พ่อ แม่ ผมมาลา”

นี่สินะ เหตุผลของความเหงา

เหตุผลของความหม่นเศร้าในแววตาที่เห็นเพียงแวบเดียวก็ส่งผลต่อความรู้สึกมากมาย

“ไม่ต้องห่วงนะ ไม่น่าทรมาน” เหลือบตามามองผมเหมือนให้ช่วยยืนยัน จึงพยักหน้ากลับไป

“ครับ จะไม่ทำให้ทรมาน”

สาบานต่อหน้าทุกหลุมศพในสุสานเลย

“ถ้าโชคดี บางทีเราอาจจะได้เจอกันที่โลกนู้นก็ได้นะ” เสียงหวานทุ้มเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มบาง

“คิดถึงมากเลย” โน้มตัวลงไปกดจูบลงบนแผ่นหินเย็นชืดเบาๆ

ทุกสีหน้าและการกระทำที่ปรากฏให้เห็นใต้แสงจันทร์ ทำให้ความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกเจอยิ่งก่อตัวทบทวีจนแจ่มชัดขึ้นมาทุกที

ทั้งที่แวมไพร์อย่างผมไม่ควรมีความรู้สึกอะไร

ไม่ควรปล่อยให้มนุษย์คนไหนมามีอิทธิพลต่อหัวใจที่ไม่เต้นมานานหลายปี... โดยเฉพาะคนที่เป็นเหยื่อของตัวเอง

“พร้อมแล้วล่ะ” ว่าพลางลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับผมอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยฉายแววมุ่งมั่นไม่มีลังเล

จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลัวตาย... เป็นคนประเภทไหนกัน

ผมไม่ว่าอะไรขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับยิงฟันแยกเขี้ยวแหลมคมออกมา หวังจะข่มขู่ให้คนตัวเล็กผวา แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับเป็นแววตาอ่อนโยน และรอยยิ้มบาง ก่อนจะหลับตาลง เอียงคอรอรับสัมผัสจากคมเขี้ยวที่กำลังทำหน้าที่พรากวิญญาณ

เห็นแบบนั้นผมจึงค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้าไป พร้อมกับใช้สายตาสำรวจใบหน้าหวาน ไล่ตั้งแต่หน้าผากใส ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยที่ถูกปิดไว้ด้วยเปลือกตา จมูกโด่งรั้นรับกับใบหน้า พวงแก้มที่ขึ้นสีดูมีชีวิตชีวา ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากบางที่ขยับพร้อมกับเสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อผมเข้าใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รดลงมาข้างแก้มในจังหวะติดขัดผิดกับความมุ่งมั่นก่อนหน้านี้

หัวใจเต้นแรงจัง

เพราะเกิดกลัวขึ้นมาหรือเปล่าไม่แน่ใจเหมือนกัน

“ไม่ทรมานหรอก” เอ่ยย้ำคำสัญญา พลางกดจมูกลงไป ดอมดมลำคอขาว แล้วลากไล้ไปตามเส้นเลือดที่ปรากฏขึ้นมาเพื่อสูดกลิ่นกายหอมหวานแบบที่ไม่เคยสัมผัสได้จากที่ไหน ได้ยินเสียงชีพจรเต้นตุบในจังหวะรัวเร็ว ก่อนจะเผลอคลี่ยิ้มออกมา

“ขอบคุณครับ” เอ่ยกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้

“...”

“ขอบคุณ... ที่ทำให้คืนนี้เป็นคืนที่ดีที่สุดในชีวิตแวมไพร์” ว่าจบก็ซุกใบหน้าลงกับซอกคอขาวอีกครั้งอีก

แต่แทนที่จะฝังคมเขี้ยวพรากวิญญาณอย่างที่เคยตั้งใจ ผมกลับเก็บฟันตัวเองไว้แล้วจรดริมฝีปากลงไป

...ประทับรอยจุมพิตเพียงแผ่วเบา

ให้ตาย... ผมจะเอาชีวิตคนคนนี้ได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นคนทำให้ชีวิตที่ไร้ชีวิตของผมกลับมามีความหมายได้อย่างน่าอัศจรรย์

แม้จะเป็นเพียงค่ำคืนเดียวก็ตาม

-The end -



-----------------------------------------------------------------------
อยากลองเขียนโปรเจ็กต์ที่เล่าถึงเรื่องราวในหนึ่งคืนของคนสองคนโดยที่ตัวเอกที่ทำอาชีพต่างๆ ดูค่ะ
ประเดิมอาชีพแรกด้วยแวมไพร์ (ใช่เหรอ?) 555555
แต่ตอนต่อๆ ไปจะกลับมาสู่อาชีพปกติแล้วล่ะ
ฝากด้วยนะคะ ^^

ขอบคุณมากค่ะ




หัวข้อ: Re: *.:。☾ One Night' stories ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-05-2017 12:40:38
น่ารักดี ตอนนี้จบแล้วอ่อ??? ขออีกนิด  :myeye:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sebest ที่ 28-05-2017 01:25:37
น่ารักดีค่ะ  o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: alpha202204 ที่ 28-05-2017 11:45:16
รู้สึกถึงความ Cute จังค่ะ อยากได้อีกนิดจังเลย :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-06-2017 21:55:46
ต่ออีกนิดไหมคะ เป็นแวมไพร์ด้วยกันเลย จะได้ไม่เหงา  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: jittrawa ที่ 04-06-2017 22:17:57
แล้วก็ต่างคนต่างอยู่เหงาๆ ในช่วงชีวิตที่เหลือเหรอ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 11-06-2017 15:29:13
แอบอยากให้มีต่อแฮะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fullysky ที่ 15-06-2017 14:52:04
 :sad4:น่าจะมีต่อนะคะ น่ารักมากเลยค่าา  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 17-06-2017 10:21:14
แวมไพร์เป็นอาชีพ? งั้นขอนมุษย์หมาป่าด้วยสิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 17-06-2017 19:04:15
เป็นนิยายที่มีอารมแบบก้ำกึ่งแต่อ่านแล้วมีความสุขอ่ะ   :katai2-1:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 30-08-2017 03:51:28
คุณแวมไพร์น่ารักมากเลย
มึนๆเอ๋อๆ สุภาพมากด้วยยอะ
ขอบคุณค่าา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 02-09-2017 01:51:12
น่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-09-2017 23:50:59
อยากอ่านต่อเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 12-09-2017 11:56:58
ก็เลยกลายเป็นว่ามิชชั่นไม่คอมพลีทนะคะคุณแวมไพร์
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 12-09-2017 14:58:22
หูยยยยยยย ดียยยยยย์  อ่านแล้วรู้สึกว่า.... น่ารัก มีอาการอมยิ้มตามเบาๆ ขออาชีพต่อไปด่วนๆเลยน้าาาา  //  ตกลงว่าแวมไพร์สรุปนี่เป็นอาชีพ ? 555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Vampire [ 26.05.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 12-09-2017 17:06:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] 'One Night' series : ตอน Tattooist [ 02.10.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 02-10-2017 01:37:51
‘One night’ series
[Tattooist]

   
1.
   
“ร้านปิดแล้ว” เสียงของผมต่ำมากตอนเอ่ยประโยคนั้น
   
เย็นชาเกินไป ห่างเหิน... ซะจนตัวเองยังตกใจ
   
นับประสาอะไรกับคนที่ถูกไล่ทั้งที่เห็นอยู่ว่าร่างกายขาวซีดใต้เสื้อผ้าเปียกชุ่มกำลังสั่นเทา และนอกกันสาดก็ไม่มีอะไรบดบังฝนห่าใหญ่ที่ตกมาได้ค่อนคืน ดวงตาสีน้ำตาลกลมคล้ายลูกแก้ว แวววาวด้วยม่านน้ำที่เคลือบอยู่ แต่ก็ยังสู้จ้องหน้าผมด้วยสายตาตัดพ้อ ผิดหวังกับประโยคแรกที่เอ่ยไป
   
แล้วจะเดินฝ่าฝนมาทำไม
   
คิดอย่างไม่แยแส ก่อนจะคาบมวนบุหรี่ออกจากซองที่ถือไว้ แต่ยังไม่ทันได้จุดสูบก็ต้องชะงัก
   
“สักทับให้ที”
   
...คงเพราะไม่ได้ยินน้ำเสียงนุ่มหวานนี้มานาน

ผมเงยหน้ามอง แต่เจ้าของดวงตาคู่สวยกลับเบือนหนี กัดริมฝีปากซีดเซียวก่อนจะเดินเลยร่างผมไป เปิดประตูเข้าร้านโดยไม่สนใจคำว่า Closed บนป้ายที่เพิ่งถูกพลิกขึ้นมา   
   
ก้มมองนาฬิกา... เที่ยงคืนสี่สิบห้านาที

ลูกค้าคนสุดท้ายของวันดันมาเอาเวลานี้... เห็นทีคงไม่ได้นอน
   
“หึ” แค่นหัวเราะ ก่อนจะจุดไฟแช็กลนปลายบุหรี่ที่คาบไว้หลังจากถูกขัดจังหวะถึงสองครา สูดลมหายใจ คล้ายจะเย็นใจแต่ข้างในร้อนรุ่ม ขมุกขมัวไม่ต่างจากกลุ่มควันที่ถูกปล่อยออกมา 
   
รอไป...
   
รออย่างที่เคยรอ…
   
แต่พอคิดแบบนั้นก็พานหงุดหงิดไปกันใหญ่ สูดควันเข้าปอดอีกครั้ง ถอนหายใจหนักแล้วสลัดบุหรี่ที่ยังสูบไม่ถึงครึ่งมวนลงพื้นอย่างน่าเสียดาย ขยี้ซ้ำระบายอารมณ์งุ่นง่าน ก่อนจะกลับเข้าไปในร้านที่จำเป็นต้องเปิดทำการล่วงเวลาอย่างช่วยไม่ได้
   
“เอาแต่ใจชิบหายเลย”
   
   

2.
   
“ผู้ชายสักรูปดอกไม้ไม่เห็นจะเท่เลย” เสียงนุ่มๆ เอ่ยออกมาหลังจากที่ผมทาบกระดาษลอกลายลงไปบนข้อเท้าขาว
   
“จำเป็น?” เลิกคิ้วถามโดยที่ปากยังคาบบุหรี่เอาไว้ ข้องใจที่เพิ่งมาพูดเอาป่านนี้ทั้งที่นั่งเลือกแบบกันมาตั้งนานสองนาน
   
“สักทั้งทีก็อยากได้ลายเท่ๆ ไง แบบที่มองแล้วไม่เบื่ออ่ะ”

แต่พอเห็นสีหน้างอแงก็หลุดยิ้มออกมาจนได้ มือข้างหนึ่งประคองฝ่าเท้าสะอาดสะอ้านไว้ ขณะที่มืออีกข้างค่อยๆ ลอกกระดาษออก คีบบุหรี่ออกจากปาก พลางจ้องมองลวดลายที่ปรากฏบนผิวขาวตรงตำแหน่งที่ถูกจัดวางดิบดีอย่างพิจารณา

ดอกไม้เล็กจ้อย... แสนบอบบาง

เหมาะกับน้องดี

ก่อนหน้านี้ผมพูดแบบนั้น แล้วการเลือกอันยาวนานก็สิ้นสุดลง เห็นแบบนี้ก็ยิ่งตอกย้ำความคิดเดิม

เงยหน้ามองเจ้าตัวที่ชะโงกหน้ามามองข้อเท้าตัวเอง ยิ้มกริ่มอย่างชอบใจ ขณะสบตาผม... แววตาหยาดเยิ้มทว่าท้าทาย

“อืม ก็ไม่เท่” ได้ยินเสียงหัวเราะเคลือบน้ำตาล ขณะค่อยยืดตัวขึ้นไป ใช้ที่เขี่ยบุหรี่ข้างกายอีกคนเป็นข้ออ้าง... เปลวไฟปลายบุหรี่ดับลง แต่จมูกผมแตะได้แค่ปลายคาง

จำเป็นต้องใช้ส่งสายตา จงใจใช้ปลายจมูกคลอเคลียลมหายใจร้อน ก่อนลงท้ายด้วยน้ำเสียงเอาใจ

“แต่ไม่เบื่อหรอก”

เสียงหัวเราะทุ้มหวานดังขึ้นอีกครั้ง ส่ายหน้าระอาใจ ก่อนจะตบรางวัลเป็นริมฝีปากเคลือบน้ำตาล... แสนหวาน ลึกล้ำ... และร้ายกาจกว่าริมฝีปากไหนๆ ที่ผมเคยชิม 


   
น้องเป็นลูกคุณหนู ข้อนั้นผมรู้ตั้งแต่แวบแรกที่เจอ
   
ผิวขาวสะอาด ใบหน้าใสเกลี้ยงเกลา หัวจรดเท้าห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ใบหน้าดูรั้นนิดๆ เข้ากับนิสัยที่คงถูกตามใจจนเคยตัว
   
ไม่เข้ากับร้านกูเลย
   
ผมคิดขณะมองร่างสมส่วนเดินนำเข้ามาในร้านเพียงเพราะคำพูดพล่อยๆ ของผมไม่กี่คำ กวาดสายตามองศิลปะบนเรือนร่างลูกค้าคนก่อนๆ ที่ถูกประดับไว้บนผนังอย่างสนอกสนใจ ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกาย...ชวนให้หยุดมอง
   
เหมือนรู้ตัวว่าถูกจับจ้อง จึงหันกลับมา ต่างฝ่ายต่างสบตากันนิ่งนาน สะท้อนความต้องการของกันและกัน

‘ผมจะสัก’

ได้ยินคำยืนยันผมจึงหลุดขำ

‘เจ็บนะ’ ผมเตือน

‘...’ น้องไม่ได้ตอบอะไร ใบหน้ารั้นฉายแววท้าทาย คลี่ยิ้มพลางยักไหล่ไม่ใส่ใจ

‘อย่าร้องไห้ก็แล้วกัน’

   
แต่น้องไม่ได้ร้องไห้... ไม่มีน้ำตาสักหยดไหลลงมาในการลงเข็มครั้งแรก
   
บางทีผมคงเลือกลายกระจิริดเกินไป แถมข้อเท้าก็ไม่ใช่อวัยวะที่สร้างความเจ็บปวดมากไปกว่ามดกัดเท่าไหร่

ไม่ใช่พวกซาดิสม์สักหน่อย แต่คนเนี้ย... อยากแกล้งให้ร้องไห้
   
ไม่ได้ใจร้ายถึงขั้นขยี้เข็มบนผิวเนื้อจนเลือดไหล แค่ใช้เสียงมอเตอร์หลอนหูขู่ให้ใจฝ่อก็น่าจะใช้ได้

แต่เอาเถอะ แม้จะไม่ถึงขนาดร้องไห้ แต่เห็นดวงตาสีน้ำตาลใสมีน้ำเอ่อคลอเท่านี้ก็พอใจ

ผมลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่ดวงตากลมโตก็ยังจดจ้องมาที่ผมทุกขณะ กัดฟันทน บดริมฝีปากตัวเองด้วยความอดกลั้น พ่นลมหายใจหนักแทรกเสียงเครื่องสักในบางจังหวะที่ผมยกเข็มขึ้นเพื่อกดลงไปใหม่...

นึกสงสัยว่าเจ้าตัวรู้มั้ยว่าทั้งหมดนั่นมันกวนสมาธิผมแค่ไหน กว่าจะแต้มหมึกสุดท้ายลงไปก็เล่นเอาต้องสงบจิตสงบใจตั้งสมาธิใหม่อยู่หลายที

“เสร็จแล้วเหรอ” ผมพยักหน้าทำความสะอาดแผลแล้วปล่อยให้เจ้าของข้อเท้าก้มลงมาดูผลงาน

“เจ็บ” หลุดยิ้มกับน้ำเสียงกระเง้ากระงอดที่ดูก็รู้ว่าจงใจอ้อนก่อนจะยักไหล่

“เตือนแล้ว” ทำทีเป็นไม่สนใจ ลุกขึ้นยืนตั้งท่าเก็บอุปกรณ์เตรียมปิดร้านหลังปิดจ๊อบลูกค้าคนสุดท้าย แต่ก็ถูกเรียกร้องความสนใจด้วยอ้อมกอดและริมฝีปากที่แนบลงมาบนท้ายทอย

“ปลอบผมหน่อย”

พนันว่าร้อยทั้งร้อยก็ไม่อาจต้านทานได้...

ผมพลิกตัวกลับไป หรี่ตามองกระต่ายน้อยตรงหน้าแล้วก็สิ้นข้อสงสัย

ไม่ใช่ไม่รู้ตัว... แต่ทุกการกระทำแสนยั่วยวนล้วนเกิดจากความจงใจ ปลุกปั่นให้หมดความอดทน โดยไม่สนเลยว่าเข็มในมือผมอันตรายแค่ไหน วางเดิมพันขีดจำกัดของผมไว้ด้วยผิวกายขาวเนียนที่ผมกระหายจะตรีตราลงไป

“ตัวแสบ”

สิ้นคำ กระต่ายน้อยก็ถูกส่งกลับขึ้นเตียงสักอีกครั้ง...

ไร้สีน้ำหมึก ไร้เสียงเครื่องจักร

มีเพียงสีกุหลาบช้ำถูกสลักทั่วร่าง... เสียงผิวเนื้อกระทบเจือเสียงครวญหวาน...

และเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดของขาเตียง

   

3.
   
“คิดลายมาหรือยัง” ผมเอ่ยถาม เริ่มจัดเตรียมอุปกรณ์อีกครั้งทั้งที่เพิ่งเก็บ
   
“...” แต่คุณลูกค้ากลับก้มหน้านิ่ง เม้มปากเข้าหากัน นั่งตัวสั่นอยู่บนเตียงสักตัวเก่าที่ชุ่มด้วยหยดน้ำจากเสื้อผ้าที่เปียกแนบร่าง
   
ผมถอนใจ เปลี่ยนองศาเครื่องปรับอากาศ กอดอกพิงสะโพกกับเคาน์เตอร์วางของแล้วถามย้ำด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
   
“จะสักรูปอะไร”
   
รู้ดีว่านั่นไม่ใช่คำถามที่อยากจะเอ่ย แต่ก็รู้แก่ใจเช่นกันว่าถ้าขืนแสดงความห่วงใยออกไป... สุดท้ายคงไม่พ้นกระโจนเข้าหากองไฟ
   
“นก” เงียบไปนานกว่าจะเอ่ยขึ้นมา มือสั่นเทายื่นออกมาตรงหน้า ฝ่ามือที่กำแน่นคลี่ออกมาเผยให้เห็นกระดาษยับย่นและเปียกปอนไม่ต่างกัน
   
ผมรับมา คลี่ออกอย่างเบามือจนเห็นว่าภายในถูกวาดเป็นลวดลายสัตว์ปีกหน้าโง่ที่หลายต่อหลายคนสลักมันลงบนร่างกายแทนความหมายของคำที่ไม่มีอยู่จริง

   
‘อิสรภาพ’

   
“ถ้าไม่ให้ล่ะ”
   
“ทำไม” คราวนี้ดวงตาสีน้ำตาลสวยจ้องเขม็งมา ฉ่ำวาวด้วยหยาดน้ำใสที่พร้อมจะร่วงหล่นลงมา แววตาตัดพ้อ แต่ไม่ทิ้งรอยแข็งกร้าวเอาแต่ใจ
   
บาดแผลที่ผมทิ้งไว้ไม่เคยทำให้คนตรงหน้าเปลี่ยน...

ยังคงเย่อหยิ่ง รั้นร้าย... ทว่าไร้เดียงสากว่าใครๆ
   
เพราะแบบนี้ถึงไม่อยากปล่อยไป... ไม่มีทาง 
   
“ก็ไม่อยากให้ไป” สารภาพอย่างหมดความอดทน คนที่นั่งรอคำตอบจึงชะงักไป สีหน้าอวดเก่งเริ่มหวั่นไหว กลายเป็นใบหน้าสับสนเจือความไม่มั่นใจ

แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ผมเอาแต่ใจต่อไป

“ถอดเสื้อผ้าออก” ผมบอก ขยำกระดาษในมือทิ้ง คว้าแจ็กเกตของตัวเองโยนให้ ก่อนจะเดินออกมาหลังร้าน หยิบกะละมังรองน้ำครึ่งหนึ่งแล้วถือกลับมา
   
คนรั้นไม่ยอมทำตามคำสั่ง ซึ่งก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายอะไร
   
ผมถอนหายใจ ขยับเข้าไปใกล้ วางกะละมังลงข้างที่วางเท้าแล้วนั่งคุกเข่าตาม เงยหน้าสบตาอีกคนที่จ้องตรงมาเช่นกัน
   
ผมไม่ได้ขออนุญาตตอนที่เอื้อมมือไปถอดรองเท้าคู่แพงออก ถลกถุงเท้าเปียกชุ่มจนเห็นผิวเนื้อขาวซีดนวลเนียน จับเท้าเปลือยเปล่าวางลงกะละมัง ลูบไล้ ทำความสะอาดทุกซอกนิ้วแม้จะไม่มีแม้เศษฝุ่นสักเสี้ยวก็ตาม
   
น้องยังคงสะอาดสะอ้าน ไม่เข้ากับร้านซอมซ่อของผมเหมือนเดิม
   
ไม่เคยเข้ากัน... แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งแปลกปลอมชิ้นเดียวของร้านก็ยังกลับมา
   
กลับมาให้รู้ว่ามันมีค่า และตอกย้ำว่าผมโง่แค่ไหนที่ครั้งหนึ่งไม่ยอมรักษาไว้ข้างกาย
   
ผมหยุดนิ้วที่ไล้วนตามกลีบของดอกไม้เล็กจ้อยบนข้อเท้าขาว แล้วก้มลงจรดริมฝีปากลงไป

ไม่ทันระวังว่าการกระทำนั้น จะทำให้ความอดทนของอีกคนทลายลงง่ายๆ 
   
“ผม...เจ็บ”
   
“...” เงยหน้ามองเจ้าของเสียงแหบแห้งขาดห้วงอย่างตกใจ
   
ตอนลงเข็มครั้งแรกน้องไม่ร้องไห้... แต่คราวนี้คงเจ็บกว่าหลายเท่า น้ำตามากมายถึงได้ทะลักทะลายลงมา

“อย่าร้อง” เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงแสนกระด้าง เช็ดมือจนแห้งก่อนจะเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้ากระเง้ากระงอดของคนขี้แยที่โน้มตัวลงมา ยกมือประคองใบหน้าผมตอบพลางดึงเข้าไปหาจนหน้าผากจรดกันก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่อยากไป...”

“รู้”

นึกแปลกใจที่ครั้งหนึ่งเคยอยากเห็นใบหน้านี้นองน้ำตา แต่เอาเข้าจริงกลับคิดว่ามันไม่เข้าท่า
 
“แต่ก็...ไม่อยากรอ...”

...คงเพราะเห็นชัดว่ามันมีวิธีอื่นที่ดีกว่า

“งั้นก็ไม่ต้องรอ”
   
วิธี... ที่จะทำให้กระต่ายน้อยของผมเสียน้ำตา... โดยไม่ต้องเสียใจ

   
4.
   
ผมใช้ร่างกายตัวเองต่างสมุดบันทึกในแต่ละปี
   
แน่ล่ะว่ามันมีเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาในชีวิตตั้งสามร้อยหกสิบห้าวัน แต่สิ่งที่ผมสลักลงบนร่างกายคือตัวแทนแห่งความสัมพันธ์... หนึ่งลายสำหรับความรักหนึ่งครั้งที่ผ่านเข้ามา
   
มีคนบอกว่ามันโคตรบ้าที่ผมสักสัญลักษณ์ของแฟนเก่าทั้งที่รู้ดีว่ามันจะตอกย้ำทั้งตัวเอง... และคนใหม่
   
แน่นอนว่าหลายคนรับไม่ได้ แต่เชื่อมั้ยว่าผมไม่แคร์
   
คงเพราะเหตุผลที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องของการรำลึกความหลัง รำพันถึงรักฝังใจ บอกแล้วไงว่ามันเป็นเพียงบันทึก... เปลี่ยนผ่านตามกาลเวลา... คล้ายจะเป็นสมุดสะสมแต้มราคะกลายๆ
   
มันเป็นแบบนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเวลาก็ถูกทำให้หยุดหมุน
   
สมุดบันทึกจบลงที่ดอกไม้กระจ้อยร่อย ที่ล่อลวงผมด้วยเกสรหอมหวานมากมายไม่มีทีท่าว่าจะหมดไป จนเผลอย่ามใจว่าตัวเองสามารถวางมันทิ้งไว้ หนีไปดอมดมสิ่งอื่น แล้วจะกลับมาตักตวงเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจ

...กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่น้ำหวานแห้งขอด กลีบดอกค่อยๆ โรยรา และตัวผมก็ถูกกักขังไว้ในแอ่งเกสรที่ถูกสายลมพัดปลิวไปต่อหน้าต่อตา
   
ไม่มีสิ่งใดถูกบันทึกลงร่างกายของผมอีกนับตั้งแต่นั้นมา...

   

5.
   
‘ข้อเท้าสวย’
   
เจอกันครั้งแรกผมนั่งสูบบุหรี่อยู่หน้าร้าน ปล่อยควันเอื่อยเฉื่อยขณะมองร่างใครบางคนวิ่งเข้ามาหลบใต้กันสาดก่อนที่ฝนห่าใหญ่จะเทลงมาพอดิบพอดี กางเกงห้าส่วนเผยผิวเนื้อขาวเนียนตรงข้อเท้าได้รูปที่เตะตาผมเป็นสิ่งแรก
   
‘ถ้าสักตรงนี้คงดูดี’
   
น้องมองหน้าผมสลับกับป้ายร้านที่ทำให้นึกได้ว่าคำพูดตัวเองเข้าข่ายฮาร์ดเซลล์ชิบหาย แต่ไม่ทันได้แก้ตัวอะไร เสียงหัวเราะทุ้มหวานก็ดังขึ้นมา
   
ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงฝน แต่น่าฟังกว่า...
   
ผมเงยหน้ามอง ไล่ตั้งแต่ข้อเท้าและหยุดที่ดวงตา
   
‘งั้นเลือกรอยสักให้ที’
   
แล้วผมก็ได้รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่ใด้มีแค่ข้อเท้าที่น่ามอง


   
ข้อเท้าขาวที่บิดเกร็ง...

ขาเรียวที่เกี่ยวกระหวัดรอบเอว...

สะโพกกลมกลึงที่ขยับไหวตามความรุนแรง...

หน้าท้องสวยที่ชโลมไปด้วยคราบขาวข้นคละคลุ้งกลิ่นคาว...

แผ่นอกที่แอ่นรับสัมผัสวาบหวาม...

ลำคอระหงที่เปล่งเสียงครวญหวานพร้อมเรียกชื่อผมออกมาซ้ำๆ...

ริมฝีปากสีช้ำด้วยรสจูบ...

จมูกที่พ่นลมหายใจหอบหนักด้วยแรงอารมณ์...

ดวงตาสีน้ำตาลที่เคลือบด้วยหยาดน้ำปริ่มล้นตรงหางตา...

อวัยวะทุกส่วนล้วนเป็นสิ่งที่ผมอยากครอบครอง ปรารถนาจะตรีตราจอง สลักเข็ม... วาดลวดลายลงไป

ทิ้งสัญลักษณ์ไว้ ให้ใครต่อใครรู้ว่าน้องเป็นของผม

ดอกไม้ที่ผมจะไม่ปล่อยให้หลุดมืออีก... แม้แต่ครั้งเดียว

   
6.
   
ตีสามยี่สิบ
   
เสียงหอบหายใจสงบลงพักใหญ่... สองร่างเกยก่ายบนเตียงสักตัวเก่า

บุหรี่ถูกจุดอีกครั้ง ควันสีขุ่นที่ถูกพ่นออกมารบกวนคนที่นอนขดตัวซบหน้าอยู่กับอกให้ขยับตัวยุกยิกไปมา ส่งเสียงครางเมื่อความคับแคบไม่ได้ทำให้เจอท่าที่สบาย
   
“โอ๋... นอนซะนะ” ผมดับบุหรี่แล้วลูบหัวปลอบใจ แต่คนที่ใช้ตักผมต่างเตียงกลับหลุดหัวเราะ
   
“ตื่นเลย” บ่นพึมพำทำน้ำเสียงกระเง้ากระงอดทั้งที่ยังยิ้มมุมปาก ผมยิ้มตามแล้วกดจูบลงไปบนเส้นผมชื้นเหงื่อ ขมวดคิ้วเมื่อรับรู้อุณหภูมิที่เปลี่ยนไป
   
“เหมือนจะมีไข้” คาดโทษคนดื้อที่เดินฝ่าฝนแถมยังปล่อยให้ตัวเองตัวเปียกอยู่ได้ตั้งนาน “บอกให้ถอดเสื้อผ้า”
   
แต่คนถูกดุกลับหัวเราะ เอื้อมมือมากอดคอแล้วถูจมูกกับแก้มผมไปมา “อยากให้ถอดให้มากกว่า”
   
ได้ยินแบบนั้นผมก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
   
จริงอย่างที่ว่า สุดท้ายผมก็เป็นคนลงมือถอดเสื้อผ้าเปียกๆ ทิ้งไป ก่อนจะสละเสื้อยืดของตัวเองให้ คลุมทับด้วยเสื้อแจ็กเกตที่พอจะใช้แทนผ้าห่มได้
   
“วางแผนไว้?” เลิกคิ้วกวนๆ แต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่ยียวนไม่แพ้กัน ก่อนที่ต่างคนจะต่างเงียบไป

"กินยามั้ย?" ผมเอ่ยถามเมื่อคิดได้ว่าปล่อยไว้คงไม่ดี

"กอดไว้ก็พอ" แต่คำตอบที่ได้ก็ทำให้ผมคลี่ยิ้ม อ่อนใจกับความขี้อ้อนที่ทำผมตามใจได้ทุกที

ผมกระชับอ้อมกอด มองนิ้วเรียวที่ไล้ไปตามรอยสักบนร่างกาย แววตาฉายความรู้สึกมากมายขณะมองอดีตของผมไล่มาจนถึงรอยสักสุดท้ายที่อกซ้าย...
   
“ไม่มีรอยใหม่” พึมพำเหมือนเอ่ยย้ำกับตัวเอง
   
“เพราะหยุดได้แล้วมั้ง” แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เอ่ยตอบไป เพราะอยากให้แน่ใจ “ถึงบอกว่าไม่ต้องรอแล้วไง”

“...”

“รู้แล้วล่ะว่าอะไรสำคัญ” ผมมองดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมาอย่างตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววตาที่ยากจะอธิบาย
ริมฝีปากสีซีดอมยิ้มเหมือนพยายามจะเก็บอาการไว้ ไล้มือไปตามกลีบดอกไม้ที่จับจองเนื้อที่บนอกซ้ายของผมอีกครั้ง

...ไม่นานก็ยิ้มกว้างออกมา มุดหน้าลงกับอกซ่อนความอายอย่างน่าเอ็นดู

“ผู้ชายสักรูปดอกไม้ไม่เห็นจะเท่เลย”

ผมหัวเราะ ก้มหน้าลงไปฉวยโอกาสครอบครองริมฝีปากรั้น

ตักตวงลึกล้ำกระทั่งเกสรที่แห้งขอด กลับมาเติมเต็มด้วยน้ำหวาน...

กลีบดอกไม้เล็กๆ แสนบอบบางค่อยๆ เบ่งบาน...




---------------------------------------------------------------
หายไปนานมาก แงง แอบไปปั่นเรื่องยาวมาค่ะ ตอนนี้จบแล้ว ><
คิดว่าคงไม่มีคนรอ แต่ก็กลับมาแล้วนะคะ กลับมาด้วยความ... อะไรดีล่ะ 555
จริงๆ วางโครงเรื่องนี้ไว้สักพัก แต่มันเขียนยากเหลือใจ
เขียนๆ ลบๆ หลายรอบกว่าจะได้ หวังว่าจะถูกใจนะคะ
ใครงงหรือขัดใจตรงไหนบอกได้นะคะ จะเป็นพระคุณมากเลย ^^

เจอกันเรื่องหน้าน้า  :mew1:

ขอบคุณมากค่ะ
Martian


   

   
    
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Tattooist [ 02.10.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 02-10-2017 01:54:10
ถ่ายทอดออกมาได้ดีมากๆเลยค่ะ ชอบโทนของเนื้อเรื่องนะ บรรยากาศมัวๆเทาๆของฝนควันจางๆของบุหรี่กับSEXที่ร้อนแรง เข้ากันดีมากๆลงตัวสุดๆ ชอบค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Tattooist [ 02.10.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-10-2017 02:24:53
อยากจะกรี๊ดแรงๆ ตอนนี้ฮอตมาก อีโรติกมาก เป็นสีดำๆเทาๆมีควันฟุ้งๆ ช่างสักที่เราตามหามานานมากับความฮอตและควันบุหรี่ ส่วนน้องก็น่ารัก แต่ในความน่ารักคือพริกสิบเม็ด ชอบลำดับการเล่าของตอนนี้ ตื่นเต้นทุกบรรทัด ดีไปหมด ผู้ชายสักรูปดอกไม้ไม่เท่แต่ได้ใจไปเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Tattooist [ 02.10.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-10-2017 09:56:53
โชคดีที่พี่เค้าคิดได้ว่าอะไรคือ.."สิ่งสำคัญ"  o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Tattooist [ 02.10.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 1O019_ ที่ 02-10-2017 10:57:39
ชอบแบบน้องจังเลย
ภาษาดีมาก แอบเซ็กซี่แบบไม่ต้องเขียนฉากอะไรแบบนั้นเลย
รออาชีพต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Tattooist [ 02.10.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-10-2017 03:20:48
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Tattooist [ 02.10.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 06-10-2017 08:41:30
โง้ยยยยยยยชอบบบบ ความขมุกขมัวอึมครึม แต่ก็ร้อนแรง ซ่าบซ่า มีความละมุนกับรอยสักลายดอกไม้ อยากสักบ้างเลย ฮิๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Tattooist [ 02.10.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 12-10-2017 20:34:00
 :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Tattooist [ 02.10.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 12-10-2017 21:44:05
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Tattooist [ 02.10.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: korner ที่ 23-10-2017 01:20:33
ขอเรื่องสั้นต่ออีกสักเรื่องได้มั้ยคะ มันเย้ายั่วมากเลย  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Tattooist [ 02.10.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 23-10-2017 10:35:30
ผู้ชายสักรูปดอกไม้เห็นจะเท่เลย ฮือออ แค่ประโยคนี้ทำไมชุ้นใจบางงงง :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Tattooist [ 02.10.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MacaroonCookie ที่ 03-11-2017 13:09:42
บรรยายไม่กี่ประโยคแต่ให้ความรู้สึกว่าร้อนแรงมากก รอค่าอาชีพต่อไป :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอน Tattooist [ 02.10.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: the7thpage ที่ 03-11-2017 15:41:53
ผู้ชายสักดอกไม้ไม่เท่แต่น่าร้ากกกกกกกกกกกกกก :mew3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : ตอนWriter [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 29-11-2017 01:08:18
‘One night’ series
[Writer]

   
ผมเจอเขาในงานเลี้ยงมหาลัย
   
รุ่นน้องคนหนึ่งในคณะที่ผมไม่เคยเห็นหน้าค่าตา... ไม่ได้โดดเด่นเตะตา แค่รู้สึกว่าใบหน้าคมเข้มนั้นเหมาะกับมัน...
   
คาแร็กเตอร์โง่เง่า ของคนรักที่พยายามจะทวงความยุติธรรมในความสัมพันธ์ บทบาทสมมติแสนน้ำเน่าที่มีแต่จะทำให้เรื่องราวดำเนินไปสู่โศกนาฏกรรม
   
พลั่ก!
   
ดวงตาเรียวคมแสนก้าวร้าว
   
“อึก...!”
   
ลำแขนกำยำที่พร้อมขย้ำร่างบอบบางจนแหลกสลาย
   
“อยู่นิ่งๆ ได้มั้ย!”
   
น้ำเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจที่คล้ายจะสามารถหยุดโลกนี้ได้
   
“ฮึก...”
   
ริมฝีปากร้อนจัดที่ขบเม้มรุนแรงทั่วร่างกาย...
   
“คุณ...ร้องไห้?”

“ฮึก...” ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังสะอึกสะอื้นตัวโยนแค่ไหนกระทั่งเจ้าของใบหน้าหล่อร้ายเอ่ยถามขึ้นมา
   
“ใครจะไปทำลงวะ” เสียงทุ้มต่ำสบถพึมพำพลางขยี้หัวตัวเองอย่างยุ่งยากใจ ละจากร่างกายเกือบเปลือยแล้วขยับมานั่งตรงหัวเตียงเพื่อแก้มัดให้ เนคไทที่ใช้พันธนาการถูกคลี่คลายทิ้งไว้เพียงรอยสีแดงเด่นชัดบนข้อมือ
   
“เป็นรอยเลยเนี่ย” น้ำเสียงทรงอำนาจเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความกังวล ใบหน้าทมึงทึงถูกลดดีกรีลงไม่ต่างจากลูกสุนัขตัวโตที่กำลังรู้สึกผิด แต่สุดท้ายกลับฉายแววดุดันอีกครั้งเมื่อผมพยุงตัวลุกขึ้นนั่งพยายามใช้มือทั้งสองข้างปาดน้ำตา
   
“เล่นอะไรแผลงๆ อ่ะ” การถูกบ่นทำให้ผมพยายามหาข้อแก้ตัว
   
“เค้าว่าครั้งแรกมันจะเจ็บมาก” แต่ดูไม่ใช่เหตุผลที่เข้าท่าเท่าไหร่
   
“ถ้ากลัวขนาดนี้แล้วจะจ้างผมมาทำไม” คนอายุน้อยกว่าหัวเราะพลางเอื้อมมือมาดึงมือผมออกแล้วเช็ดน้ำตาให้
   
ผมยังคงมึนงงเกินกว่าจะปัดมือเขาออก ได้แต่พยายามหยุดสะอื้นพร้อมกับพยายามหาคำอธิบาย เหตุผลของการกระทำอันแสนงี่เง่าที่สุดท้ายไร้ความหมาย...

ใช่ ผม ‘จ้าง’ เขามาเพื่อสวมบทบาทชายโง่เง่าที่ความเข้าใจผิดนำพาจนหน้ามืดตามัวขืนใจคนรักตัวเอง
   
เพราะต้นฉบับที่ส่งไปเพิ่งถูกตีกลับด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าฉากร่วมรักที่ผมบรรยายมันจืดชืดเกินไป เป็นขั้นเป็นตอน และแข็งทื่อ ขัดกับบริบทที่ต้องแสดงออกถึงความอุกอาจรุนแรง
   
แต่จะให้ทำยังไง ผมศึกษาจากนิยายเรื่องอื่นก็แล้ว ดูคลิปที่เน้นความรุนแรง หรือกระทั่ง...จ้างคนมาข่มขืนตัวเองก็ยังเหลวไม่เป็นท่า
   
“แดงหมดเลยอ่ะ” ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าคนหน้าโหดๆ จะอ่อนโยนกว่าที่คิด
   
ผมยกมือขึ้นมาปิดร่างกายตัวเองจากสายตาคมที่จับจ้องมา ความอับอายซับขึ้นมาบนใบหน้าเมื่อนึกได้ว่าสภาพตัวเองตอนนี้ดูไม่ได้เอาเสียเลย ผมไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเสื้อผ้าตัวเองถูกถอดไปตอนไหนรู้ตัวอีกทีทั้งตัวก็เหลือเพียงชุดชั้นใน กับร่องรอยสีกุหลาบที่เขาทิ้งไว้แทบทุกตารางนิ้วของร่างกาย
   
ช่างน่าอาย... น่าอายจริงๆ
   
“ยะ... อย่ามองสิ” ส่งเสียงปรามเมื่อเขายังคงไล่มองไม่วางตา และเพียงฝ่ามือสองข้างก็ไม่อาจปิดบังอะไรได้ แต่คนถูกดุกลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้านอะไร เขาเพียงยักไหล่ ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปให้ผมได้อาศัยจังหวะนั้นคว้าเสื้อเชิ้ตข้างตัวขึ้นมา ความรีบร้อนทำให้ไม่ทันเอะใจว่าขนาดเสื้อมันใหญ่เกินไป

"หึ" พอเจ้าของเสื้อตัวจริงหันกลับมาถึงได้หลุดหัวเราะอีกครั้งอย่างชอบใจ แต่แทนที่จะทวงถามเขากลับปล่อยให้ร่างกายท่อนบนของตัวเองเปลือยเปล่าต่อไป ฝ่ามือหนาเอื้อมมาดึงมือผมที่ร้อนรนกลัดกระดุมผิดๆ ถูกๆ ออกไป แล้วเป็นฝ่ายติดให้ใหม่ตั้งแต่ต้นแทน
   
ผมพยายามเบือนหน้าหนีจากใบหน้าคมที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจ หลุบสายตามองนิ้วเรียวที่ไล่กลัดกระดุมตั้งแต่ล่างขึ้นบนอย่างช้าๆ แทน แต่ปลายนิ้วเย็นเฉียบที่แตะโดนผิวเนื้อบางครั้งกลับทำให้ผมรู้สึกประหลาดยิ่งกว่า ความร้อนแล่นไปทั่วร่างทั้งที่เครื่องปรับอากาศยังทำงาน
   
“เอ่อ... ฉัน... ฉันทำเอง” ผมทักท้วงหลังจากเขาติดมาได้ครึ่งทาง แต่กลับนิ่งค้าง มองรอยสีกุหลาบที่เด่นชัดอยู่เหนือเนินอกผมเหมือนกำลังคิดอะไร ขยับกายออกมาจนพ้นระยะอันตราย พยายามควบคุมนิ้วตัวเองไม่ให้สั่นขณะที่กลัดกระดุมจนถึงเม็ดสุดท้าย
   
ถึงเสื้อของเขามันจะใหญ่เกินไป แต่ก็ยังมีข้อดีตรงที่มันยาวพอจะปิดลงไปถึงครึ่งขาอ่อนของผมได้
   
“ผมให้ทำคืนดีมั้ย?” ขณะที่กำลังคิดว่าควรจะหนีจากความประดักประเดิดนี้ยังไงเขากลับเอ่ยขึ้นมา เรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาคมที่มองมาด้วยสายตายากจะอธิบาย
   
“หมายถึงอะไร” ผมถามอ้อมแอ้มอย่างไม่เข้าใจ
   
“รอยพวกนั้นไง” รอยยิ้มยียวนคล้ายกำลังขบขันไม่ได้ทำให้ผมสนใจมากกว่าความหมายของเนื้อความ
   
“ได้เหรอ” ผมเบิกตากว้างอย่างสนใจ
   
เท่าที่รู้มา รอยเหล่านี้มักจะถูกทิ้งไว้บนร่างกายของ ‘ผู้ถูกกระทำ’ ผมเลยค่อนข้างประหลาดใจที่เขายื่นข้อเสนอแบบนั้น
   
หมายความว่าจะให้ผมเป็นฝ่าย ‘ทำ’ งั้นเหรอ?

ถ้าได้ลองสักครั้งผมคงได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ไปเขียนลงในนิยาย...
   
“สีหน้าคุณเหมือนกำลังนึงอะไรแผลงๆ อีกแล้ว” แต่ความคิดของผมก็ถูกขัดด้วยน้ำเสียงขบขัน นิ้วเรียวถือวิสาสะดีดหน้าผากผมเบาๆ
   
"ฉันอายุมากกว่านาย” ผมยกมือขึ้นมากุมหน้าผาก มองเขาตาขวางอย่างไม่ชอบใจ
   
เด็กนี่... ชักจะเหิมเกริมเกินไป
   
การที่เขาใช้สรรพนามเป็นทางการไม่ได้หมายความว่าจะกลายเป็นผู้ใหญ่ และทำอะไรปีนเกลียวกับผมที่อายุมากกว่าเกือบครึ่งรอบได้นะ
   
“ครับๆ ขอโทษครับ รุ่นพี่” ผมขมวดคิ้วให้กับคำขอโทษที่แสนจะไม่จริงจัง แต่แล้วก็ถูกเบี่ยงเบนความสนใจด้วยคำถาม

“ตกลงจะทำคืนมั้ยครับ”
   
ผมเบือนสายตาจากใบหน้าเขาไล่ต่ำลงมายังร่างกายกำยำ ผิวเนื้อแน่นตึงที่ผมอยากรู้ว่าถ้าฝังคมเขี้ยวลงไปจะเป็นยังไง...
   
“เฮ้ ไม่กัดสิครับ” รู้ตัวอีกทีใบหน้าของผมก็แช่ค้างอยู่ตรงไหปลาร้าของเขา พยายามขบกัดจนเจ้าตัวร้องทัก
   
“แล้วต้องทำยังไง” ความใคร่รู้อยู่เหนือสิ่งใด ถึงทำให้ผมเอ่ยถามออกไปแทนที่จะถอยห่างหลีกหนีจากสถานการณ์น่าอาย
   
 “หึ” และมันยิ่งเลยเถิดไปกันใหญ่ เมื่ออ้อมแขนแกร่งรวบเอวผมแล้วยกขึ้นไปนั่งทับตักเขาไว้ ขาทั้งสองข้างขนาบสะโพกได้รูปในท่วงท่าอันตราย
   
ท่านี้มัน...
   
“แบบนี้...” แต่ไม่ทันได้ทักท้วงอะไร ฝ่ามือหนาก็ดันแผ่นหลังผมจนหน้าอกแนบชิดกับอกกว้าง เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหูก่อนจะจรดริมฝีปากลงกับลำคอ...
   
ดูดดุน... นั่นคงเป็นคำเรียกกริยาที่เขาทำ ดูดดุน ขบเม้มจนทิ้งรอยสีกุหลาบไว้ ก่อนจะใช้เรียวลิ้นชื้นไล้เลีย ลากต่ำจากลำคอลงมาที่ไหปลาร้า กดจูบเน้นย้ำก่อนจะผละออกไป...
   
ลมหายใจของผมกระชั้นคล้ายคนหอบหนักทั้งที่ไม่ได้ออกกำลังอะไร เหงื่อผุดซึมจนเจ้าของดวงตาคมต้องเกลี่ยนิ้วปาดออกให้ ก่อนกระซิบด้วยน้ำเสียงล่อลวง
   
“ลองทำสิ” ราวมนต์สะกดที่ผมต้องทำตาม กดริมฝีปากลงกับลำคอแกร่งเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยกลิ่นกายชวนหลงใหล แต่แทนที่จะผละออกผมตัดสินใจเดินหน้าต่อไป เปิดกลีบปากเพื่อขบเม้ม ออกแรงน้อยนิดพลางใช้ลิ้นดุนดันจนเกิดเสียงน่าอาย ก่อนลากไล้ต่ำลงมาที่ไหปลาร้าโค้งสวย แล้วกดย้ำ...
   
“คุณน่ารักจัง” ชั่วขณะที่กำลังผละออกอีกฝ่ายกลับทำน้ำเสียงขบขัน เรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นจากรอยกุหลาบสีจางขึ้นไปสบตาเรียวคมที่กำลังมองมาเช่นกัน
   
“ฉันอายุมากกว่านาย” เอ่ยย้ำประโยคเดิมอย่างเสียไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่าเงื่อนไขเรื่องอายุมันถูกทำลายนับตั้งแต่ผมร้องไห้ฟูมฟายเป็นเด็กๆ ต่อหน้าเขาเมื่อหลายนาทีก่อนหน้า
   
“คนอายุยี่สิบปลายๆ เขาไม่ชอบให้ชมว่าน่ารักเหรอครับ” ไม่วายถูกเด็กปีนเกลียวเอ่ยแซวให้เบือนหน้าหนี ทำทีเป็นสนใจผลงานตัวเองที่ประดับอยู่บนลำคออีกฝ่าย
   
“เจ็บมั้ย” อดไม่ได้ที่จะนึกสงสัย เผลอยกมือขึ้นไปลูบไล้รอยที่ถูกแต้มไว้เบาๆ
   
“แล้วตอนผมทำคุณเจ็บมั้ยครับ” เขายังคงคลี่ยิ้มขบขัน อ้อมแขนแกร่งยังโอบหลังผมไว้
   
ผมส่ายหน้า ถึงตอนนั้นผมจะเอาแต่ร้องไห้ และหัวสมองขาวโพลนจนไม่อาจจับความรู้สึกได้ แต่ไม่ยักรู้สึกเจ็บอะไร...
   
คล้ายมีความรู้สึกอื่นเด่นชัดกว่า...
   
“รู้สึกอย่างอื่นมากกว่าใช่มั้ย”   
   
“...!” เผลอเบิกตากว้างอย่างตกใจที่เขาพูดเหมือนอ่านใจผมได้

“คุณโคตรน่ารักเลยอ่ะ” เจ้าของร่างกำยำจึงหัวเราะอีกครั้ง ปล่อยผมเป็นอิสระก่อนจะล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“ผมสูบบุหรี่ได้มั้ย” มันไม่ใช่คำขออนุญาตเพราะเขาไม่รอฟังอะไร ผมมองริมฝีปากได้รูปคาบบุหรี่ขึ้นมาก่อนจะจุดไฟ สูดควันลึกแล้วปลดปล่อยคล้ายให้มันช่วยคลายอารมณ์

“เล่าเรื่องนิยายของคุณให้ผมฟังหน่อยสิ” ผมขมวดคิ้วและกำลังจะบอกว่าเขาเรียกร้องมากเกินไป แต่เจ้าหนูตรงหน้าเหมือนจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรถึงได้เอ่ยประจบประแจง

“ผมชอบเรื่องล่าสุดของคุณนะ”

“อะ...อ่านด้วยเหรอ” ผมอึกอักอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าผู้ชายอย่างเขาจะมานั่งอ่านนวนิยายโรแมนติกที่ผมเขียนได้

“แฟนผมเคยซื้อไว้” แต่คำตอบของเขากลับทำผมชะงักไป

“แฟน...” ไม่แน่ใจว่ากำลังรู้สึกยังไง

“อา ต้องเรียกว่าแฟนเก่าสิ”

“แฟนเก่า...” ไม่รู้ด้วยว่าทำไมตอนนี้หัวใจเหมือนจะพองโตขึ้นมา

“ครับ แฟนเก่า” และผมคงแสดงออกทางสีหน้าชัดเกินไป เจ้าหนูปีนเกลียวถึงได้คลี่ยิ้มออกมา เขาถือวิสาสะดับบุหรี่ลงกับแก้วกาแฟที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะขยับไปนั่งพิงหมอนแล้วดึงตัวผมไปหนุนแขนตัวเองไว้

ท่าทางที่ควรจะชวนประดักประเดิดแต่เขากลับทำมันได้อย่างแนบเนียน

“ทีนี้จะเล่าให้ฟังได้หรือยัง นิยายแบบไหนกันที่ทำให้คุณลงทุน ‘ซื้อ’ ผมมา” และคงผิดที่ผมเองที่ถูกความเป็นธรรมชาตินั้นล่อลวงจนละเผลอลืมไปว่าเราเพิ่งเจอกันไม่กี่ชั่วโมง

อันที่จริงมันไม่ใช่พล็อตเรื่องที่ซับซ้อนอะไร เรื่องราวเกิดจากความบังเอิญเล็กๆ น้อยๆ ที่หลอกล่อให้คิดว่าเป็นความรักอันเกิดจากคนบนฟ้าบันดาล การฝ่าฟันอุปสรรคทีละขั้นทำให้ทั้งคู่ค่อยๆ รักกัน แต่กว่าจะรู้ตัวว่ารักก็เมื่อสายไป...

ตัวละครหนึ่งเลือกทางผิด และซ้ำร้ายที่อีกตัวละครไม่คิดทำความเข้าใจ กลับเผยด้านมืดออกมาทำลายล้างความสัมพันธ์

“แล้วทำไมไม่คุยกันล่ะ” เจ้าหนูจำไมเอ่ยถามเมื่อผมถึงจุดแตกหัก

“แบบนั้นมันคงง่ายไป” ผมขมวดคิ้วเงยหน้าตอบเจ้าของแขนที่ใช้หนุนมานานนับชั่วโมง

“คุณใจร้าย” นึกขำที่เจ้าของใบหน้าคมเข้มกลับทำสีหน้ากระเง้ากระงอดไม่พอใจ “ถึงขั้นข่มขืนมันรุนแรงเกินไป”

พอได้ยินคำนั้น ผมเงียบไป

นั่นสินะ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจทำไมผมถึงเลือกจะเขียนมันออกมา

เพราะพล็อตแบบนี้มันขายได้หรือเปล่านะ?

“เขาจะกลับมารักกันมั้ย” พอผมไม่ตอบเขาจึงเปลี่ยนคำถาม

“ไม่สิ” ผมตอบทันควัน สบตาแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “ไม่มีใครรักคนที่ข่มขืนตัวเองลงหรอก”

แต่คงเพราะผมตอบจริงจังเกินไป เจ้าหนูถึงได้ยิ้มขำ ก่อนจะถือวิสาสะกดริมฝีปากลงมาบนหน้าผากผมเบาๆ

“ดีนะที่ยังไม่ได้ทำ” ผมอยากจะโวยวาย แต่คำพูดพึมพำของเขากลับทำให้ชะงักไป ได้แต่กะพริบตาปริบๆ มองคนที่ผละริมฝีปากออกไปอย่างไม่เข้าใจ

“ให้เดา คุณเลือกผมเพราะผมเหมือนภาคิณใช่มั้ย” เลิกคิ้วเอ่ยข้อสันนิษฐาน “หน้าดุ ตาคม ดูเป็นคนอารมณ์ร้อน ไม่ฟังใคร” บุคลิกภายนอกที่ผมกำหนดให้ตัวละครหนึ่งถูกสาธยาย ให้ผมไล่สายตามองใบหน้าเขาก่อนพยักหน้ายอมรับ

“แต่นิสัยไม่เหมือนเลย” ไม่วายเอ่ยพึมพำคล้ายแก้ตัวที่ตัวเองเผลอยัดเยียดให้เขากลายเป็นคนตามจินตนาการ

“จริงๆ ผมอารมณ์ร้อนนะ” ไม่รู้ว่าเห็นผมรู้สึกผิดหรืออย่างไรเขาถึงเอ่ยทักท้วง “ที่ตามคุณมาโดยไม่คิดนี่ไง”

“...”

“แต่คงไม่กล้าข่มขืนใคร แค่เห็นคุณร้องไห้ผมก็รู้สึกผิดจะแย่”

ผมยิ้มตามกับคำพูดติดตลกของเขา ก่อนที่เราจะต่างนิ่งไป ดวงตาคมที่ผมเพิ่งสังเกตว่าเป็นสีอ่อนยามต้องแสงไฟจ้องลึกเข้ามาในดวงตา

“งั้นคุณก็คือธานัตย์” เลิกคิ้วงุนงงเมื่อเขาพูดอะไรแปลกๆ ออกมา

“ฉันไม่ใช่...” ไม่รอให้ปฏิเสธจนจบด้วยซ้ำ เขาก็หยุดทุกคำพูดผมไว้ด้วยฝ่ามือที่ทาบลงมาบนใบหน้า

“ใช่สิ” ยืนยันความคิดตัวเอง ก่อนใช้นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มผมแผ่วเบา “ใบหน้าใสซื่อ แววตาไร้เดียงสา... แต่ว่าเย้ายวน” เสียงกระซิบของเขาคล้ายล่อลวงให้ผมอยู่ในภวังค์ ได้แต่แน่นิ่งขณะที่ใบหน้าคมขยับเข้ามาใกล้

“นอนเถอะ” แต่แล้วก็เหมือนหักห้ามใจได้ เมื่อลมหายใจร้อนปะทะจมูกผมเขาก็ผละออกไป

“คงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยถ้าผมจะขอยืมเตียง” ผมคงไม่ตะขิดตะขวงใจอะไร ถ้าการขอยืมเตียของเขาไม่พ่วงการสละแขนข้างหนึ่งให้ผมหนุนต่างหมอนไปด้วย พอจะลุกหนีเจ้าหนูกลับล็อกคอผมไว้ พลิกตัวกลับมาใช้แขนอีกข้างโอบร่างผมเข้าซุกอกกว้างแล้วหลับตาลงไม่พูดไม่จา

ร่างกายกำยำที่ร้อนผ่าวอยู่ในระยะประชิดจนไม่กล้าจะหายใจ จังหวะขึ้นลงของแผ่นอกชัดเจนจนรู้สึกได้ และความอยากรู้อยากเห็นของผมก็ทำให้เผลอไล้มือขึ้นมาสัมผัสมัน...

นอกจากใบหน้าแล้วกล้ามเนื้อแน่นตึงที่ผมคิดว่าคงซ่อนไว้ใต้ชุดสูทมิดชิดไม่ได้ทำให้ผิดหวัง แผ่นอกกว้าง รับกับลอนกล้ามหน้าท้องที่ไม่มากเกินไป ไม่ต่างจากจินตนาการที่ผมวาดเอาไว้ในนิยาย

ผิดก็แต่นิสัย... เขาไม่ได้อารมณ์รุนแรงอย่างที่ผมคิด กลับอ่อนโยน และขี้เล่นเกินคาดเดา แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเสน่ห์เหลือล้นแบบที่ไม่ได้หาง่ายๆ

อืม... ถ้าภาคิณของผมเป็นแบบเขาจะเป็นยังไง...จะพาเรื่องไปตามแบบที่ผมต้องการได้มั้ย?

คงไม่

เหมือนกับที่เขาทำลายภาพของภาคิณที่ผมยัดเยียดให้อย่างสิ้นเชิงนี่ไง

แบบนั้นผมคงต้องรื้อโครงเรื่องเสียใหม่...

อาจจะจริงที่การข่มขืนมันรุนแรงเกินไป ถ้าอย่างนั้น...

“เราทำกันมั้ย” รับรู้จากจังหวะหายใจว่าเขายังไม่หลับถึงได้เอ่ยออกมา ถึงจะแผ่วเบาแต่ทั้งห้องก็เงียบพอที่จะให้อีกฝ่ายได้ยิน

“หา?” เจ้าหนูร้องเสียงหลงก่อนจะผละอ้อมกอดออกจ้องหน้าผม

“มา...ทำกัน” ผมอึกอัก พยายามทำน้ำเสียงให้จริงจัง ทั้งที่ไม่กล้าเงยหน้าสบตาเขาด้วยซ้ำ

“คุณไม่จำเป็น...”

“ฉันอยาก...” เพราะกลัวว่าเขาจะปฏิเสธถึงได้โพล่งออกไป ไม่ทันคิดว่าคำพูดตัวเองน่าอายแค่ไหน เจ้าหนูชะงักไป ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

“แน่ใจนะว่าจะไม่ร้องไห้อีก” ยกมือขึ้นมาดันใบหน้าผมให้เงยขึ้นไปสบตาอีกครั้งก่อนจะจรดหน้าผากลงมา

“อืม” ผมหยักหน้า ก่อนจะพูดงึมงำ “ถ้าไม่เจ็บ...ล่ะก็นะ”

“โห ยากอ่ะ” เขาย่นคิ้วทำสีหน้ายุ่งยากใจ “งั้นถ้าคุณเจ็บผมจะหยุดโอเคมั้ย?”

เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและสายตาจริงใจ เมื่อเห็นผมพยักหน้าเขาจึงคลี่ยิ้ม ก้มหน้าลงมาจนปลายจมูกแตะกัน

“งั้น... ขอเริ่มจากจูบก่อนนะครับ”

จบคำขอ ผมหลับตา อนุญาตให้เขาจรดริมฝีปากลงมา... แผ่วเบา ก่อนจะเริ่มรุกเร้า ร้อนแรง... รสจูบแท้จริงที่ผมไม่เคยได้ลิ้มลองเลยสักครั้งนับตั้งแต่เกิดมา...

ความอ่อนโยนที่เขามอบให้ค่อยๆ ซึมซาบลงมา นำพาผมสู่รสชาติแห่งการร่วมรักครั้งแรกที่หวานล้ำเกินพรรณนา...

อา... ผมรู้แล้วล่ะว่าจะเขียน 'บทรัก' แบบไหนลงไปในนิยาย






ทันทีที่ลืมตาผมลุกขึ้นมารื้อตอนจบนิยายของตัวเองใหม่ ความเข้าใจผิดถูกแก้ไขด้วยบทสนทนาสั้นๆ ที่นำไปสู่ความเข้าใจ เซ็กซ์ที่รุนแรงแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนที่ให้ความรู้สึกซาบซ่านกว่าเป็นไหนๆ ...แน่นอนว่าบทสรุปสุดท้ายไม่ใช่โศกนาฏกรรมอีกต่อไป

ผมก้มหน้าก้มตาเขียนและเขียนทุกสิ่งในหัวลงในสมุดที่ใช้ร่างพล็อตนิยาย หน้าแล้วหน้าเล่าถูกแก้ไข ขีดฆ่า เติมเต็ม กระทั่งถึงบทสุดท้าย เมื่อตัวอักษรที่ต้องการถูกเขียนจนหมดผมกลับรู้สึกใจหายเมื่อรับรู้ได้ถึงบางอย่างที่ถูกหลงลืม

...เจ้าของแรงบันดาลใจของผมไม่ได้อยู่บนเตียงอีกต่อไป

สิ่งที่เขาทิ้งไว้มีเพียงผิวที่นอนยับย่นและร่องรอยบนร่างกายของผมที่ยังปรากฏเด่นชัดเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ฝันไป

มันเป็นสิ่งที่ผมเดาได้ เพราะเดิมทีเราต่างรู้จักกันในสถานะคนแปลกหน้าที่ใช้เงินแลกมาซึ่งเวลาที่จะด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้น... ผมยังไม่ได้จ่ายเงินให้เขาเลยนี่นะ

แล้วทำไมถึงได้รีบหนีไป

เพราะเซ็กซ์ของผมมันห่วยเหรอ? หรือเพราะกลัวว่าผมจะหาทางรั้งตัวเขาไว้? หรือมันเป็นเพียงแค่สิ่งที่ใครต่อใครเขาก็ทำ

ให้ตาย ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนมันเป็นแบบนี้เองใช่มั้ย... คงน่าสนใจถ้าผมเขียนมันลงในนิยายเรื่องถัดไป

กริ๊งงง

แต่ขณะที่ผมกำลังจะตั้งสติเพื่อเริ่มเขียนในสิ่งที่ร่างไว้ โทรศัพท์ที่ถูกโยนลวกๆ ข้างเตียงก็ส่งเสียงขึ้นมา เบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอทำให้ต้องย่นคิ้วอย่างประหลาดใจ

ชื่อนี้... จะเป็นไปได้ยังไง?

[ น้ำเต้าหู้หรือโจ๊กครับ? ] แต่แล้วความข้องใจของผมก็ถูกทำลายด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ราวกับถูกตรึงไว้ในความทรงจำ

...เสียงเดียวกับเสียงกระซิบอ่อนโยนที่ปลอบประโลมผมซ้ำๆ ตลอดทั้งคืน

[ คุณ ได้ยินมั้ย ]

“มะ... หมายถึง?” ถึงจะยืนยันตัวได้ แต่สมองผมก็ทำงานช้าเกินกว่าจะเข้าใจสถานการณ์ ปลายสายถึงกับหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะที่ทำให้ผมหงุดหงิดและรู้สึกอุ่นใจในคราวเดียวกัน

[ ข้าวเช้าน่ะ ]

“...”

[ น้ำเต้าหู้หรือโจ๊กครับ ] ถามย้ำอีกครั้ง และคราวนี้ผมคิดหาคำตอบที่จะเอ่ยกลับไป

“โจ๊ก...” เป็นอีกครั้งที่เขาตอบกลับมาด้วยเสียงหัวเราะแผ่วเบา
   
[ งั้น รอผมก่อนนะ เดี๋ยวกลับไปกินข้าวเช้ากัน ]

“...”

[ แล้วก็... คืนนี้ จะให้ผมเล่นบทอะไรอีกดีครับ ] แน่นอนว่าเขาไม่เคยให้ผมได้โวยวายดั่งใจ พอเอ่ยยียวนให้ผมหน้าร้อนได้ เจ้าตัวก็หัวเราะอีกครั้งก่อนจะตัดสายไป ทิ้งให้ผมได้แต่นั่งนิ่ง ปล่อยให้สมองประมวลผลจนเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร อดไม่ได้ที่จะก้มลงมองชื่อเจ้าของเบอร์โทรล่าสุดที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอแล้วปล่อยให้ตัวเองยิ้มกว้างออกมาอย่างเก็บอาการไม่ไหว
   
‘ภาคิณของคุณ’

แบบนี้... หมายความว่าความสัมพันธ์ของผมกับตัวละครสมมติคนนี้คงไม่ได้จบลงเพียงข้ามคืนใช่ไหม?







-------------------------------------------
มาแล้ววว ตอนนี้เป็นตอนที่พล็อตมาแบบแซงทางโค้งมากค่ะ 555
ตั้งใจจะเขียนเรื่องอื่นก่อนแต่เขียนไม่ได้ซะงั้น
สุดท้ายเลยลัดคิวคุณนักเขียนมาก่อนละกัน
เป็นพล็อตที่มาแบบมึนๆ ก็เลยอาจจะเขียนมึนๆ ไปบ้างนะคะ 555
ไม่ถูกใจหรือติดขัดตรงไหนทิ้งคอมเมนต์ไว้ได้เลยน้า
ตั้งใจว่าจะเป็นการทดลองเขียนหลายๆ สำนวนหลายๆ แนว ชอบไม่ชอบยังไงก็ติชมได้เลยนะคะ

ฝาก #เรื่องสั้นคืนเดียว ด้วยนะคะ
เจอกันอาชีพหน้าค่า ^^

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 29-11-2017 10:12:17
หูย..ยยย  น่ารักอ่ะ ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  รีเควสอาชีพหมอ...รออ่านตอนต่อไปจ้า  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 29-11-2017 11:22:50
ขึ้นเรื่องมาว่า Writer นี่นึกว่าจะมีฉากแบบเขียนไปมี SEX ไปซะอีก55555555555 ความบาปของใจเรา

รอเรื่องต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 1O019_ ที่ 29-11-2017 20:56:13
คุณนักเขียนต้องน่าแกล้งแน่ๆ
ส่วนคุณภาคิณของคุณนักเขียนนี่ร้ายจริงๆ

รออาชีพต่อไปนะคะ แอบอยากอ่านแนวดาราไอดอลอะไรแบบนี้ ฮี่ๆ ~
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 29-11-2017 21:03:45
คุณนักเขียนน่าจะอ่อยมากกว่านี้สักนิด5555เผื่อได้นิยายอีกพล็อต..จอบคุณนะคะคอยอาชีพต่อไป
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-11-2017 04:54:07
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sebest ที่ 30-11-2017 06:02:16
บรรยายดีมากกกกก แต่เรื่องแทททูงงนิดหน่อย แต่โดยรวมคือดีค่ะ เราชอบการบรรยายแบบนี้นะ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นแบบไหน แต่รู้สึกว่ามันอ่านง่าย จินตนาการตามได้แบบเป็นฉากๆไม่เยอะเกินไป  :katai2-1: :katai2-1:
รอเรื่องต่อไปนะคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 30-11-2017 18:12:46
คุณภาคิณของคุณนักเขียนน่ารักจังเลยค่าาาา ใจเราบางงงงง  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-12-2017 02:28:13
ชอบมากเลยค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 01-12-2017 16:49:09
คุณภาคิณของคุณนักเขียน ชอบๆๆๆๆ
ขอบคุณมากค่าา  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 01-12-2017 18:33:43
ชอบมากค่าาา คุณภาคิณน่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-12-2017 11:55:46
โหหหห คุณนักเขียนขี้อ่อยไม่เบาเลย คุณพระเอกก็ดีมากมาก รักเขาาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 02-12-2017 12:23:41
โอ๊ยยย ย ดีนะนางเจอคนดี
พระเอกดีงามมากกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 02-12-2017 14:18:59
กี้สๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 02-12-2017 16:44:14
งื้อชอบมากกกกกก ทำไมน่ารักกันขนาดนี้ :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 03-12-2017 01:10:26
น่ารัก ชอบ :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lalun ที่ 03-12-2017 07:33:36
งือออ พระเอกน่ารักกกก
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 03-12-2017 09:12:16
เราตกหลุมรักคุณ 'ภาคินของคุณ' เรียบร้อยแล้ว ฮืออออ ชอบผู้ชายแบบนี้ :hao7: :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 04-12-2017 22:50:56
อร้ายยยย ภาคิณของคุณ แพ้ผู้ชายชื่อภาคิณ ถึงจะเป็นชื่อในนิยายแต่แทนเป็นพระเอกไปเนาะ แบบ :o8: :-[ ใจฉัน อ่อนโยนอะไรแบบนี่ค่ะ รัก อยากได้บ้าง555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Daryneisfine ที่ 05-12-2017 11:55:45
เรื่องแวมไพร์น่ารักมากก เหมือนคนเด๋อๆสองคนมาเจอกัน เอ็นดูไปหมด
 
ชอบตอนที่บอกว่า ถ้าแวมไพร์มีหัวใจ ใจก็คงเต้นแรง คนอ่านนี่แหละที่ใจเต้นแรง
เป็นความน่ารักปนความ awkward ของสองเด๋อ ที่จะจับจะพูดอะไรก็ดูมือไม้เกะกะ
เป็นคาแรคเตอร์ที่นานๆจะเจอ ปกติคนเด๋อต้องเจอคนคูลๆ แบบนี้ก็น่ารักดีค่ะ
 
ต่อมา เรื่อง tattooist อีโรติกเว่อออ โดยอาชีพนี้มันก็ดูร้อนแรง โซแดมฮอต
นาวเบิร์นเบบี้เบิร์นอนู่แล้ว พอใส่ความเทาในเนื้อหา มันพอดีกันมาก

ชอบการเปรียบเทียบความรักกับกลีบดอกไม้ที่โรยรามากๆ
ภาษาเพราะจนอยากจะปริ้นแปะฝาบ้าน มันsexy มากกก
เวลาเราสักเราต้อง reveal ร่างกายเราให้คนสัก
คือเป็นอีกอาชีพที่ต้องใกล้ชิด แล้วพอสองตัวละครมีความสัมพันธ์กัน
มันให้ความรู้สึกว่าการแตะเนื้อต้องตัวมันจะเกิดกระแสไฟเปรี้ยะๆตลอดๆ
คือ อ่านไปใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
 
เป็นอะไรที่บรรยายความรู้สึกยากมากว่าตอนอ่านรู้สึกยังไง
เรารักบทบรรยายของคุณเสมอเลย
 
เป็นนักเขียนอีกคนนึงที่เรารู้สึกว่า เขียนฉากเทาๆได้เทาสะใจ
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนจะจมน้ำแต่มีคนผายปอดเป็นระยะ
 
แต่อีกใจก็รู้สึกว่า เฮ้ จูบสิ ไม่ใช่แค่ให้อากาศ
ถ้าจะจมน้ำ ยอมตายให้ได้แลกจากการผายปอดเป็นจูบ
 
เนี่ยยยยยยยยยยย เป็นความรักที่โง่งม ยอมตาย หลงไหล ซึ่งชอบมากก
 
เรื่อง writer
 
เหมือนจะแซ่บ แต่ อ้าว คนเด๋อคัมแบ็คคคคค 55555555555
น่ารักมาก พ่อภาคิณ ก็มีความพระเอ๊กกกพระเอก ถ้าเราเจอผู้ชายแบบนี้
เราคงทำแบบเดียวกับคุณนักเขียนอะ แบบ มาป้ะกันมั้ยจ๊ะ 5555555555
เรื่องนี้ใจก็ทำงานหนัก เพราะ เอ็นดูคนเด๋อ
 
นี่คือตัวแทนขนักเลงคีย์บอร์ดสินะ
เขียนนิยายรักมากมาย พอทำจริง ร้องไห้เหมือนจะตายคาเตียง
โอ๊ยยยยยยยย น่ารักมากๆ เรารู้สึกว่า คุณนักเขียนไม่ได้ออกแนวอิโรติก
ฟีโรโมนฟุ้ง แต่เป็นแนวน่ารักน่าฟัด และ น่าปล้ำ
เห็นละแบบ ไม่ไหวละโว้ยย555
 
เขียนต่ออีกนะคะ สนุกมากเลย การดำเนินเรื่อง ในตอนสั้นๆ เก่งมากเลย
เปิดยันจบ รู้สึกครบ ไม่รู้สึกว่า อ้าว จบละหรอ หรืออะไรเลย มันสมูธมาก
ซึ่งเราว่าการแต่งตอนสั้นๆ ยากกว่ายาวๆอีก ตรงการวางจังหวะของเรื่อง
เก่งมากกกกก รักนะคะ~~~~
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 08-12-2017 16:06:54
ดีงามทุกเรื่อง :katai2-1:
แต่ชอบเรื่องนักเขียนที่สุด

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MacaroonCookie ที่ 08-12-2017 16:18:44
ดีจังงงงง อ่านแล้วอุ่นๆละมุนไปอี้ก รอเรื่องต่อไปค่ :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 01-01-2018 23:39:08
แงงงง น่ารักทุกเรื่องเลย ฟีลกู้ดมั่กๆ แต่ก็ร้อนแรงไม่เบาเลย อ่านแล้วเขินสุดๆ  :mew3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-01-2018 08:48:37
 ขออีกได้ไหมคะ ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 05-01-2018 11:39:45
ชอบทุกเรื่องเลย รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เมียงู ที่ 13-01-2018 01:36:06
ชอบค่ะ รอเรื่องต่อไป  จะมีอีกใช่มั้ยคะ? 5555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-02-2018 12:31:28
โอ้ยยยใจจจจ ดีงามทุกเรื่องเลยค่ะ
แวมไพรก้น่ารักมาก หลงรักความเด๋อของนังง
โดนหลอกแล้วหลอกอีกสุดท้ายก้ไปรักเค้า
เลือดก้อดกิน ต้องทนหิวไปอีกก5555
ต่อมาช่างสักนี่ก้โซแดมฮ้อตมากกกค่าาา
มันเทาๆ ควันบุหรี่ฟุ้งๆ และบรรยากาศเซ็กซี่มากกก
เป็นตอนที่อ่านแล้วแบบกุมใจจมากก อีโรติกมากก
ส่วนตอนล่าสุดคุณนักเขียนน่ารักน่าบีบมากก
เข้าใจถึงความน่าปล้ำแบบไม่ต้องเซ็กซี่เลยอะ
ฟีโรโมนฟุ้งมากกก น่าพุ่งไปฟัดอะไรขนาดนี้
คุณพระเอกก้น่ารักน่าหลงมาก ดีอะไรเบอร์นี้คะ
ความมาดดิบเถื่อนเร้าใจ แต่นิสัยอบอุ่นอ่อนโยนน่ารักขนาดนี้
ผู้ชายในฝันชัดๆเลย ฮือออออออใจจ
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 04-02-2018 22:57:03
 :-[ :-[ ละมุนดีต่อใจมากค่ะ ฮืออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 14-02-2018 14:57:36
สนุกทุกตอน ทุกซีรีย์เลยค่าา
แม้จะเป็นเรื่องสั้น แต่ก็ทำให้ประทับใจทุกตอนเลย
ขอบคุณคนแต่งนะคะ ที่สร้างจินตนาการมากมายให้เรา
รัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dewdew2 ที่ 15-02-2018 11:30:53
สนุกมากครับ สมัครuserไหนโชว์ข้อความนี้แจ้ง admin แบนเลยเวปไวรัส (http://www.ufa007.com)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 18-02-2018 10:27:37
สนุกมาเลยชอบทุกเรื่องเลยค่ะ :mew1:มาลงต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wifesuju ที่ 23-04-2018 15:13:16
ดีงามทุกเรื่องเลยค่ะ เราจะตามไปเรื่องยาว มีเรื่องอะไรบ้างคะ?
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้นจบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน Writer P.2 [ 29.11.2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Parapoyfaii ที่ 25-04-2018 23:29:30
ดีทุกเรื่องเลย ชอบตรงความแตกต่างของแต่ละเรื่อง บรรยากาศนู่นนี่ หลากหลายมาก
ภาษาสวยมากเลย ดูแบบลึกลับๆนิดๆ555 ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านค่า
สู้ๆนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 4 : Artist P.3 [ 27.05.2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 27-05-2018 18:11:57
‘One night’ series

4

[Artist]
   
1.
   
ผมเต้นรำกับดอกทานตะวันในแจกันที่สะท้อนใบหน้าเขา
   
สีเหลืองจัดสาดสะท้อน ตกกระทบ เริงระบำไปตามจังหวะก้าวและเสียงเพลง
   
เพลงซินท์ป๊อปชวนขยับโยกช่วยให้ราตรีสงัดคึกคัก สำหรับผมมันทำให้อารมณ์พลุ่งพล่าน ราวดวงดาวที่รอให้แสงอาทิตย์ลาลับเพื่ออวดลวดลายระบำยามค่ำคืน

เสียงดนตรีสังเคราะห์ไม่เคยเข้ากับเขา ไม่เคยเข้ากับแสงยามเช้าที่จำเป็นสำหรับทานตะวัน
   
‘หนวกหูน่ะ’
   
มักได้ยินเสียงถอนหายใจนำหลายครั้ง ก่อนเจ้าของแผ่นหลังกว้างจะหยุดมือที่กำลังละเลงพู่กัน หันมาปรามขำๆ

ผมจะยักไหล่ตอบ ยังคงเต้นรำ และเต้นรำ กระโดดย่อง สะบัดผมเส้นผมที่ยาวถึงกลางหลัง ยิ้มยั่วจงใจยียวนเขา

'หึ...' กระทั่งเสียงหัวเราะทุ้มดังขึ้นมาแผ่วเบา ฝ่ามือที่จับพู่กันจะคว้าเอาข้อมือซีดผอมของผมไป ฉุดให้เซล้มลงบนร่าง ขณะที่ผมกะจังหวะพอเหมาะให้สะโพกตัวเองคร่อมลงบนตักเขา ปล่อยเส้นผมตรงยาวเคลียใบหน้าหล่อเหลา
   
ดวงดาวกะพริบแสงยั่วเย้า ลวงดอกทานตะวันจนติดกับอย่างสมบูรณ์
   
   






2.

เซ็กซ์ของจิตรกรร้อนแรงทุกคนไหมนะ? หรือมีแค่เขา
   
ทั้งที่ฝ่ามือหยาบกร้านปัดป่ายเรือนร่างนุ่มนวลราวสะบัดปลายพู่กัน ทว่าแก่นกายที่เชื่อมต่อนั้นกลับกระแทกกระทั้น รุนแรงราวพายุคลั่ง กร่างอำนาจราวสัตว์เจ้าป่าที่กำลังฉีกกระชากเหยื่อโอชะ ต่อให้ยอมศิโรราบก็ยังฉีกทึ้งจนกว่าจะแหลกสลายใต้ร่าง
   
พู่กัน ถาดสี เครื่องมือที่เขาหวงแหนนักหนาถูกปัดหล่นกระจายเพื่อให้แผ่นหลังเปลือยเปล่าของผมกระแทกลงไป กลายเป็นเฟรมผ้าใบให้จิตกรคลั่งละเลงพู่กัน
   
มือหยาบเปรอะสีเหลืองของดอกทานตะวัน สีเหลืองสดเอกลักษณ์เลียนแบบภาพวาดของจิตกรชื่อก้องโลก จงใจระบายมันลงบนร่างผม ลากไล้ตามแรงอารมณ์คุเคล้าราคะจากกิจกาม

จังหวะรักที่เขาตั้งใจบรรเลงให้เสียงแห่งความแสนสุขทรมานกลบเสียงเพลงซินธ์ป๊อปน่ารำคาญ ทดแทนด้วยเสียงครางหวานออดอ้อนให้โถมถั่งร่างหยาบโลนพากระโจนถึงฝั่งฝัน

ใต้หลังคาระอุด้วยความร้อนจากสองร่างที่อิงแอบกัน ผมยกมือสางผมชุ่มเหงื่อของคนที่ยังซุกไซ้ซอกคอราวไม่อยากผละจาก ตัวตนซุกซนยังคงค้างอยู่ในร่าง สองมือยังคงปัดป่ายระบายสีบนเนื้อขาว

'คุณสวยมาก'







3.

มันคือดอกทานตะวัน...

งอกเงยจากต้นขาด้านใน ลากไล้ผ่านส่วนอ่อนไหว กระทั่งผลิบานเคลียเส้นผมยาวที่กลางหลัง เคี้ยวคดคล้ายปรารถนาจะพันธนาการร่างนี้ไว้ด้วยก้านเดี่ยวขนาดใหญ่

กลีบดอกที่ระบายด้วยฝ่ามือทิ้งสัมผัสไว้เพื่อล่อลวงให้ดวงดาวกะพริบแสงหล่อเลี้ยงเช่นนั้นตลอดกาล

ทว่าดวงดาวไม่อาจเฉิดฉายในยามกลางวัน...
   
‘มันคือความฝันของผม’

...เช่นเดียวกับที่ทานตะวันจะหันหาเพียงแสงอาทิตย์เท่านั้น

‘งั้นก็เลิกกัน’
   
‘อยู่กับความจริงสักที คุณก็รู้ เราจะอยู่แต่ที่นี่ไม่ได้ ห้องใต้หลังคานี่...’
   
‘…’
   
‘ผมอยากให้คุณไปด้วยกัน’

นั่นสิ ผมควรอยู่กับความจริงสักที
   
‘ฉันอยู่ได้’
   


ความจริงที่ว่า ดอกทานตะวันไม่เคยต้องการแสงดาว

   




4.

   
ผมยังคงเต้นรำกับดอกทานตะวันในแจกันที่สะท้อนใบหน้าเขา...
   
เพลงซินธ์ป๊อปยังคงส่งเสียงน่ารำคาญ
   
กลิ่นของแดดยามเช้าค่อยๆ จางหาย พร้อมกับกลิ่นสี... กลิ่นพู่กัน และกลิ่นกายของเขา
   
ห้องใต้หลังคาว่างเปล่า ทว่าดวงดาวยังคงเต้นรำ และเต้นรำ... หวังกะพริบแสงหล่อเลี้ยงทานตะวัน
   
คืนแล้วคืนเล่า...
   
ไม่เป็นไร...
   
ต่อให้ความรักของจิตกรเหี่ยวเฉา...

แต่ทานตะวันในแจกันของเขาจะสดใสเช่นนั้นตลอดกาล








------------------------------------------
หายไปนานมากกก กลับมาพร้อมความเทา (โดนตี)
เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากภาพวาด Sunflower ของ  Vango ค่ะ
ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงเขียนออกมาแบบนี้เหมือนกัน โทนเรื่องออกจะตรงข้ามกับสีแสบๆ ของภาพด้วยซ้ำ 55555
หวังว่าอ่านแล้วจะชอบและไม่งงกันนะคะ
เรื่องหน้าจะพยายามมาให้เร็วกว่านี้ค่ะ

ฝาก #เรื่องสั้นคืนเดียว ด้วยน้า

ขอบคุณมากๆ ค่ะ

-Martian-
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 4 : Artist P.3 [ 27.05.2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 30-05-2018 10:13:14
ชอบทุกๆ ตอนเลยครับ ^^
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 4 : Artist P.3 [ 27.05.2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 01-06-2018 08:40:31
รอค่ะ ชอบทุกๆเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 4 : Artist P.3 [ 27.05.2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: khongkwanth ที่ 10-06-2018 10:18:06
เรื่องนี้เศร้าซะงั้น... อยากให้เขาลงเอยกันด้วยดีจังเลย ฮืออ เรื่องแวมไพร์ก็อยากให้มีต่ออีกนิ้ดดด ชอบอะไรแบบแฮปปี้จัง 5555 ว่าแต่จะทำเล่มไหมคะ
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 4 : Artist P.3 [ 27.05.2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 22-06-2018 09:32:44
ที่อ่านมา อยากให้เรื่องช่างสักมาเป็นเรื่องยาวที่สุดเลยค่ะ :)
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 4 : Artist P.3 [ 27.05.2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 22-06-2018 10:18:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 4 : Artist P.3 [ 27.05.2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 24-06-2018 20:04:17
เรื่องแวมไพร์น่ารักอ่ะ 555 ชอบเรื่องช่างสัก มีความเซ็กซี่ อิอิ
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 4 : Artist P.3 [ 27.05.2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 27-06-2018 09:25:40
ตอนแทททู เซกซี่มากๆเลยค่ะ แงงง มีกลิ่นอายอีโรติกลอยฟุ้งออกมาเลยยย แงงง
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 4 : Artist P.3 [ 27.05.2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 28-06-2018 16:12:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 4 : Artist P.3 [ 27.05.2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 07-07-2018 17:54:05
ตอนที่สี่สีเทาหม่นฉายชัดออกมาเลย
เปิดเรื่องมาแบบมีความสุขแท้
แต่ก็นะ ความรักไม่อาจเอาชนะความต้องการได้
รู้สึกเศร้าแบบสิ้นหวังจัง
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 4 : Artist P.3 [ 27.05.2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 27-09-2018 06:15:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 4 : Artist P.3 [ 27.05.2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-09-2018 09:22:31
พ่อทานตะวันใจร้าย..ยยยย   :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 4 : Artist P.3 [ 27.05.2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Wharnnn ที่ 15-10-2018 22:07:20
ชอบทุกเรื่องเลยยค่ะ มีเสน่ห์ไปกันคนละแบบเลย  o13
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 4 : Artist P.3 [ 27.05.2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 19-10-2018 08:37:49
ชอบทุกเรื่องเลยยยย ฮือออออ
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 4 : Artist P.3 [ 27.05.2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 22-10-2018 02:20:45
จะมาต่ออีกไหมคะ อยากให้ออกเล่มมากกกกก สนุกทุกเรื้องเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 5 : Mr.Taxi P.3 [ 10.02.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 10-02-2019 05:02:43
Mr. Taxi

   
เด็กคนนี้อีกแล้ว...
   
ผมกดรับลูกค้าก่อนจะขยับรถตามจีพีเอสเข้ามาในย่านโรงเรียนกวดวิชาชื่อดังที่แทบจะร้างผู้คน มีเพียงผู้โดยสารของผมที่ยืนก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์มือถือ กระทั่งรถจอดเทียบตรงหน้า

ตอนนี้เวลาห้าทุ่มยี่สิบห้า มันเลยน่าประหลาดใจไม่น้อยที่ลูกค้าของผมเป็นนักเรียนม.ปลายหัวเกรียนในชุดนักเรียนเต็มยศ
   
เด็กสมัยนี้นี่ขยันกันจริง
   
“น้องนนท์นะครับ” เอ่ยถามเมื่อเจ้าของร่างสูงทว่าผอมบางเปิดประตูรถเข้ามานั่งเบาะหลัง
   
“นนนท์”
   
“อ่อ ครับน้องนนนท์”
   
เด็กพยักหน้ารับ ปิดประตูแล้วเริ่มเหม่อมองออกนอกหน้าต่าง
   
มีลูกค้าอยู่สองประเภทที่ผมเจอนับตั้งแต่เริ่มรับผู้โดยสารมา หนึ่งคือพวกที่ผมสามารถชวนคุยสารทุกข์สุขดิบได้ กับอีกประเภทที่ตรงข้ามกัน เด็กคนนี้เป็นคนประเภทหลังอย่างเห็นได้ชัด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำราวกับผมเป็นอากาศธาตุ  เพราะทุกครั้งที่ผมรับเขาขึ้นมา เด็กน้อยไม่เคยปริปากพูดอะไร สายตาจับจ้องออกไปนอกหน้าต่าง ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
   
ผมต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว เพื่อไม่ให้ลูกค้ารำคาญ
   
“น้องหน้าคุ้นๆ นะครับ” แต่คราวนี้สารภาพว่าผมไม่อยากเท่าไหร่ “เคยนั่งรถพี่ใช่มั้ย”
   
“...” เขาไม่ตอบอะไร แค่เบือนหน้ากับมามองหน้าผมแล้วก็หันกลับไป
   
อืม... เป็นพวกไม่มีมนุษยสัมพันธ์สินะ
   
น่าเบื่อ
   
แต่ก็น่าสนใจ
   
...น่าแกล้ง
   
“ปกติเวลาขับดึกๆ เจอแต่คนเมา มีน้องนี่แหละที่ยังเป็นนักเรียนม. ปลาย เลยจำได้” แต่ผมก็ยังจ้อต่อไป “ขยันจังนะครับ เรียนพิเศษซะดึกดื่นเลย”
   
“หึ” ผมเลิกคิ้ว ไม่คิดว่าเขาจะตอบกลับมาเป็นเสียงหัวเราะในลำคอ
   
มองลอดกระจกกลับไปก็เห็นว่าสีหน้านั้นไม่เปลี่ยนไป สงสัยจะหูฝาด
   
ขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะหาคำพูดอะไรมาก่อกวน อยู่ๆ เสียงทุ้มติดจะต่ำนิดๆ ก็เอ่ยขึ้นมา
   
“ผมเกลียดวิทยาศาสตร์”
   
ชะงัก เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดหรือเปล่า
   
เด็กสบตา คล้ายยืนยัน
   
ผมหลุดขำ “เหมือนกันครับ ถึงได้มาขับแท็กซี่นี่ไง”
   
ไม่เห็นจะเกี่ยวตรงไหน
   
ผมไม่ได้ชวนคุยอะไรต่อ จนกระทั่งมาถึงที่หมาย... เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจไม่แพ้กัน เด็กม.ปลายที่เรียนกวดวิชาจนถึงห้าทุ่ม และเรียกแท็กซี่มาที่สะพานข้ามแม่น้ำ
   
ยิ่งใหญ่ สวยงาม ทว่าเวิ้งว้าง
   
ว้างเดียวกับความว่างเปล่าในแววตาที่สบกันเพียงชั่วครู่ตอนจ่ายเงินก่อนเปิดประตูเดินลงไป
   
อ้างว้าง เหมือนแผ่นหลังสมส่วนแต่ห่อบาง
   
จะมีสักกี่เหตุผลที่ทำให้เด็กวัยรุ่นสักคนมีใบหน้าซังกะตายแบบนั้น
   
...อกหักล่ะมั้ง
   
เหมือนกับผม
   
แต่โลกของผู้ใหญ่ไม่ให้เวลาเราได้เศร้านานหรอก แค่คืนเดียว... หรือสักชั่วโมงเดียวก็มากเกินไป ในเมื่อชีวิตต้องเดินหน้าต่อ การรีรอหยุดมองความหลังที่แก้ไม่ได้ คว้าไม่ทันเป็นเรื่องไร้ความหมาย
   
คิดว่าควรปล่อยผ่าน เอาเวลาไปทำมาหากินแต่สายเรียกเข้าจากเบอร์คุ้นเคยทำให้ผมเปลี่ยนใจ สบถกับตัวเองก่อนกดตัดสาย เปิดประตูเดินตามลงไป ทิ้งโทรศัพท์ไว้ในรถเป็นข้ออ้างชั้นดีของการไม่รับสาย
   
ไม่ปฏิเสธว่าเดินตาม โจ่งแจ้งด้วยการยืนเท้าแขนที่ขอบสะพานข้างๆ กัน เด็กมองผม หัวจรดเท้า สีหน้าคล้ายสงสัยบางอย่างแต่ไม่เอ่ยถาม หันกลับไปเหม่อจ้องสายน้ำไหล

เพิ่งรู้ว่าในรถที่นั่งมาทั้งวันมันแออัดก็ตอนที่สายลมเย็นปะทะหน้า กลางคืนอากาศไม่ร้อน ไม่มีแดดเรียกเหงื่อเหนอะหนะ แถมรถราไม่น่ารำคาญเหมือนกลางวัน 
   
ผมสูดอากาศเข้าปอดลึก รวบผมที่ต้องลมสะเปะสะปะจนเกะกะพลางเหลือบสายตามองเขา

อยากรู้ว่าเด็กคิดอะไร แต่ดวงตาอ่อนวัยนั้นเหม่อลอย ว่างเวิ้งคล้ายสายน้ำที่ถูกความมืดกลืนหาย

แวบหนึ่งมันดูน่าหลงใหล แต่วูบหนึ่งใต้แสงไฟ คือความเชี่ยวกรากเกินหยั่งถึง น่ากลัว 

“สมัยเรียนเคยมีอาจารย์เล่าให้ฟังเรื่องของสถาปนิกชื่อดังคนหนึ่งที่ต้องกลับไปบ้านเกิดเพื่อว่ายน้ำเล่นในทะเลสาบ แล้ววันหนึ่งเขาก็จมน้ำตายที่นั่น” ผมเอ่ยเล่าอย่างนึกได้ ไม่ได้หวังให้คนฟังมีปฏิกิริยาตอบรับอะไร

“เลยอดคิดไม่ได้ว่าอ๋อ คนที่กระโดดน้ำฆ่าตัวตายคงคิดแบบนี้ล่ะมั้ง ถูกโอบกอดด้วยน้ำ ท่ามกลางท้องฟ้า คงเป็นโมเมนต์การตายที่สวยดี”
   
“เขาฆ่าตัวตาย?” แต่เด็กเอ่ยถาม สีหน้ากึ่งสนใจกึ่งไม่ยี่หระ
   
คงยังไม่ไว้ใจ
   
“เปล่า” ผมตอบหันไปมองสายน้ำเบื้องล่างแล้วสันนิษฐาน “แต่น้องกำลังจะทำแบบนั้นใช่มั้ย”
   
เด็กนิ่ง... ผมเลยได้คำตอบ
   
“น้ำเชี่ยวขนาดนี้คงหาศพยากนะ”
   
“ใครจะสน”
   
“พี่ไง พี่สน” ผมเลิกคิ้ว เอ่ยกึ่งตำหนิ “รู้มั้ยตอนนี้พี่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแล้วนะ”
   
อย่างน้อยเห็นใจกันบ้าง ไม่อยากได้ชื่อว่ามาส่งผู้โดยสารฆ่าตัวตายหรอกนะ
   
“ถ้าน้องโดดลงไปจริงๆ พี่อยากรู้ว่าศพน้องจะเป็นยังไง ขึ้นอืด กลายเป็นอาหารปลา หรือว่าถูกคลื่นใต้น้ำซัดจมหาย”
   
พอเอ่ยถึงตรงนี้ต่างคนต่างชะงัก ผมทำท่าขนลุก เปลี่ยนใจ   
   
“สยองอ่ะ ไม่ให้โดดแล้วดีกว่า”
   
เด็กกัดริมฝีปาก มองหน้าผมสลับกับสายน้ำเบื้องล่างคล้ายชั่งใจ
   
“น้องขับรถเป็นไหม”
   
“อายุไม่ถึง ไม่มีใบขับขี่” เด็กขมวดคิ้ว ตอบไม่ตรงคำถาม
   
ผมยิ้มขำ
   
“เสียดาย ว่าจะเมา”

   




แต่เบียร์จืดชืดเพียงกระป๋องเดียวไม่ทำให้เมา ไม่ช่วยเพิ่มระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายของผมด้วยซ้ำ
   
ถ้าจะเมาคงเมานิโคตินในบุหรี่ของเด็กดีที่แปลงกายเป็นสิงห์อัดควันอยู่พักใหญ่
   
เมาความเหงาในความงดงามของกลางคืนที่เปลี่ยวร้างชวนเหน็บหนาว
   
เมากลิ่นความเจ็บปวด กลิ่นแผลสดใหม่จากร่างกายกันและกัน

มอมเมารสจูบหวานจากความหวั่นไหวไร้ยางอาย

“ทำเป็นไหม” ไม่มีประโยชน์จะห้าม สามัญสำนึกถูกโยนทิ้งไว้บนสะพานข้ามแม่น้ำที่เพิ่งผละจาก
สายลมเย็นถูกกักไว้ด้านนอกพร้อมๆ กับกระป๋องเบียร์เปล่าและก้นบุหรี่

ต่างพอใจในความอบอับ ร้อนจนเหงื่อชุ่มเรือนผมชื้น กลับไม่น่ารำคาญ คงเพราะกลิ่นเหงื่อจากร่างกายอ่อนเยาว์นั้นเคล้าความคะนองชวนให้กระปรี้กระเปร่าตาม

“ทำเป็น แต่ไม่เคยกับผู้ชาย” เด็กน้อยไม่ได้ไร้เดียงสา รู้ตั้งแต่หยิบซองบุหรี่ออกจากกระเป๋า ลบภาพเนิร์ดคงแก่เรียนออกจากความคาดหวัง

กลายเป็นคาดหวังอย่างอื่นที่น่าหวั่นใจไม่แพ้กัน

ผมเป็นรับ รับมาตลอด จะให้มาทิ่มใครตอนนี้ก็ไม่เอา เหมือนที่เด็กมันคงไม่อยากเริ่มเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายโดยการโดนทิ่มเหมือนกัน

“งั้นนั่งเฉยๆ” ผละริมฝีปาก ทิ้งตัวนั่งบนหน้าขาทับส่วนที่โป่งนูนดุนดันเป้ากางเกงออกมาไม่แพ้กัน เด็กขมวดคิ้วมองผมที่เปิดลิ้นชักหน้ารถ ดึงถุงพลางติกจากร้านยา ข้างในมีเจลหล่อลื่น และถุงยางที่เพิ่งซื้อมาใหม่

“ทำไมมี” ว่าแล้วต้องถาม

“ซื้อมาใช้ แต่ไม่ได้ใช้” ไม่คิดจะลงรายละเอียดให้ฟังว่าทำไม รู้แค่ว่าผมไม่ได้พกมันไว้ในรถเป็นปกติก็พอ

“ใส่เป็นไหม” ผมโยนกล่องถุงยางที่ยังไม่ได้แกะให้ เด็กรับไป ขมวดคิ้วสีหน้าไม่ชอบใจ

“บอกแล้วว่าทำเป็น” ปากบ่น มือแกะเปิดกล่องถุงยาง แต่ไม่ทันแกะซองก็ชะงัก เงยหน้ามองผมที่ขยับโหย่งตัวปลดซิปกางเกง

“กลัวเหรอ” ผมกระซิบถาม รถคับแคบทำให้หัวติดเพดานต้องโน้มตัวลงจนใบหน้าแทบจรดกันอีกครั้ง

“เปล่า” ส่ายหัว พลางยื่นซองสีเงินมาแนบปากผม “แลกกัน”

ใช้เวลาประมวลผมไม่นานก็เข้าใจ ผมหัวเราะขำ อ้าคาบซองถุงยางไว้ในปาก มือที่วุ่นวายกับซิปกางเกงตัวเองเปลี่ยนไปปลดเข็มขัดนักเรียนแทน

แบบนี้สิเร้าใจ

“อืม...” เสียงครางอื้ออึงเมื่อต่างฝ่ายเปิดเปลือยส่วนลับของร่างกาย ผมลูบคลึงส่วนแข็งขึง รูดรั้งด้วยจังหวะเจนจัดจนชูชัน
สบตาคนอายุน้อยกว่าไม่มีสีหน้ารังเกียจขยะแขยง ในแววตามีเพียงความวาบไหว และความกระตือรือร้นคล้ายได้เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ 

“เด็กสมัยนี้ขยันจริง” อดเอ่ยตามความคิดไม่ได้ พลางสวมถุงยางให้

“พี่... อ้าขาสิ” เสียงต่ำเอ่ยพร่า มือเรียวบางกำลังวุ่นวายกับเจลหล่อลื่นที่ละเลงสะเปะสะปะเพราะไม่ถนัด

ผมหัวเราะ ทำตามสองขาแยกห่างชันเข่าคร่อมร่างเขาไว้ อดไม่ได้ที่จะมองลอดหว่างขาเห็นฝ่ามือที่พยายามบีบรั้งเนินเนื้อให้แยกออกจากกัน ปลายนิ้วเฉอะแฉะพยายามลูบปาดเนื้อเจลตรงช่องทาง

แผ่วเบายิ่งชวนเสียวซ่าน หลุดเสียงครางก่อนตะโบมจูบลงไปอีกครั้ง

ริมฝีปากหวาน ยิ่งหวานจัด ร้อนแรงด้วยไฟราคะที่รุมเร้าสุมร่างที่ยิ่งแนบชิด

เด็กม.ปลายหัวไหว หรือซ่อนเล็บไว้ใต้ใบหน้าอ่อนใสคร่ำเคร่งถึงได้เล้าโลมจนผมเตลิด ริมฝีปากดูดดึงหยอกเย้า ลิ้นซุกซนไล้เลีย ฟันขนกัด

ไม่ว่าลากผ่านส่วนไหนก็ชวนให้ตื่นตัวแทบคลั่ง

“อ๊ะ!” ผวาเฮือก ลมหายใจขาดห้วงเมื่อปลายนิ้วล่วงล้ำเข้าไปในช่องทางหลังจากละล้าละลังมาสักพัก แต่กลับกดลึกในทีเดียว

“เจ็บเหรอครับ” เอียงหน้ากระซิบถามเมื่อผมทรุดฮวบซบไหล่กว้าง กำฝ่ามือกับแขนเสื้อชื้นเหงื่อพลางหอบหายใจ
   
ส่ายหน้า “เสียว...”
   
เป็นครั้งแรกที่เด็กหัวเราะ แม้ในลำคอ ริมฝีปากบวมเจ่อหยักยิ้มก่อนก้มลงกัดใบหู ไล้เลียถึงสันกราม
   
“แบบนี้ดีไหมครับ” นิ้วมือขยับ เข้าออกเสียดสีปลุกความกระสัน

“อือ... อีกนิ้ว” กระซิบออกคำสั่ง
   
“แบบนี้เหรอ”
   
“อือ...อีก...” ตามคำสั่ง ปลายนิ้วเพิ่มจากสองเป็นสาม เนิบนาบทวีความรุนแรงตามแรงปรารถนา สุขซ่านจนเผลอขยับสะโพกโก่งโค้งรับจังหวะนิ้วที่ชำแรกเปิดทาง
   
“ได้หรือยังครับ” ก่อนถลำลึกจนเสร็จเพียงนิ้ว เสียงพร่าต่ำเอ่ยถาม ผมพยักหน้า ถ่างขาพลางขยับเข้าใกล้ยิ่งกว่า
   
เด็กถอนนิ้วมือออก ปล่อยให้ผมจับตัวตนแข็งขึงจดจ่อช่องทาง กดลงในความอ่อนนุ่ม ทิ้งตัวให้ลึกจนสุดทาง
   
“พี่... แน่นจัง” ถึงเป็นครั้งแรกกับผู้ชาย แต่เดาไม่ยากว่าเด็กนี่คงเชี่ยวชาญ ถึงได้โลมเลียปลุกอารมณ์กันเก่งนัก ทั้งวาจาทั้งการกระทำ
   
ลูกหมากลายเป็นเสือตั้งแต่เมื่อไหร่ กว่าจะสังเกตก็ถูกขย้ำด้วยกรงเล็บร้าย ฉีกกระชากตัวตนแปลกหน้า ปลุกความกระสันให้ร่างกายขยับโยกในความคับแคบอย่างไร้ยางอาย
   
สิ่งที่หยุดไฟปรารถนาที่กำลังโหมคลั่งไม่ใช่ศีลธรรม แต่เป็นเสียงโทรศัพท์ที่ผมโยนทิ้งไว้ที่เบาะข้างคนขับ
   
หวีดร้องขัดจังหวะจนรุนแรงเหลือเพียงเนิบนาบ ทว่าถลำลึกเกินกว่าจะหยุดขยับ
   
“ใคร” กดเสียงต่ำรำคาญใจ คล้ายลืมไปแล้วว่าตัวเองอายุน้อยกว่า
   
“แฟนเก่า” ผมหงุดหงิดไม่ต่าง แต่ทำเมินเฉยไม่ยี่หระ

“ไม่รับเหรอ” เด็กคงจับได้ว่าไม่ใช่แฟนเก่าโดยทั้งสองฝ่ายเต็มใจ ถึงได้กระหน่ำโทรมาอีกแม้ถูกปล่อยทิ้งจนสายตัดไป
โชว์มิสคอลหลายสิบสาย

“มันนอกใจ” ผมบอกเหตุผลปัดรำคาญ เฉลยบาดแผลที่คงโชยกลิ่นความเจ็บปวดชัดให้คนใต้ร่างรู้ไม่ต่าง

ทั้งเจลทั้งถุงยางที่เพิ่งซื้อเป็นหมัน เพราะผมเปิดประตูบ้านเข้าไปเจอร่างคนสารเลวกำลังกกกอดกัน

พอได้ยินคำตอบเด็กหยุดชะงัก ตัวตนแข็งขึงยังคั่งค้างอยู่ในร่างอยู่อย่างนั้น ผมส่งเสียงฟึดฟัด เกือบจะหยุดกิจกามที่ยังไม่ถึงฝั่ง
แต่ถูกอ้อมแขนของคนใต้ร่างกดสะโพกไว้ จุริมฝีปากห้ามส่งเสียง ก่อนปลายนิ้วหนึ่งจะเอื้อมไปยังโทรศัพท์ที่ยังดังลั่น
สไลด์รับสาย

ไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปลายสายตอบรับว่าอะไร

เสียงผ่านสัญญาณถูกกลบทับด้วยเสียงเนื้อกระทบอีกครั้ง เสียงหลุดครางไม่ทันตั้งตัวเมื่อถูกกระแทกกระทั้น รุนแรงจนผวาหัวกระแทกเพดาน กระสันซ่านจนเผลอขยำมือกับไหล่ ขยุ้มเสื้อนักเรียนชื้นเหงื่อระบาย

คล้ายได้ยินเสียงโวยวายลอดผ่านปลายทางโทรศัพท์ที่ยังไม่กดวางสายเรียกให้หันไปสนใจ

แต่แล้วถูกเบนความสนใจ “มองหน้าผมสิพชร”

นึกแปลกใจที่ถูกรู้ชื่อ ก่อนนึกได้ว่าในแอพลิเคชั่นเรียกรถมันโชว์หราทั้งหน้าทั้งชื่อเลยสิ้นความสงสัย

ตามคำขอ ผมเบือนหน้ากับมามองคนที่เด็กกว่าเกินครึ่งรอบ จ้องลึกในดวงตาที่ไม่เหลือเค้ารอยหม่นเศร้า ผุดยิ้มยินดีก่อนกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากแผ่วหวาน

“เพชร... เรียกพี่เพชร...”

กอดแนบแน่น ปลดเปลือยทุกความต้องการ

“พี่เพชร...”

ภายในคือความร้อนรุ่ม แรงปรารถนาที่ปะทุพล่านในความคับแคบอบอับ

ภายนอกคือรถโดดเดี่ยวข้างสะพานโล่งร้าง อื้ออึงด้วยเสียงหอบคราง โยกคลอนตามจังหวะรักดุดัน

   




เสร็จกิจกามผมได้ฟังเฉลย
   
อะไรที่ทำให้เด็กน้อยมีสีหน้าซังกะตายนัก
   
“ผมเกลียดวิทยาศาสตร์” เบียร์หมดตั้งนานแล้ว มีเพียงบุหรี่ที่ถูกจุด เด็กน้อยอัดควัน
   
เสื้อผ้ายังรุ่งริ่ง เหงื่อยังโทรมร่าง กลิ่นราคะคลุ้งแม้จะเปิดหน้าต่าง
   
แต่ยังเลือกอยู่ในรถคับแคบ กอดก่ายคลายความเหนื่อยล้า
   
“ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เรียนยังไงก็ไม่เข้าหัว น่ารำคาญ”
   
“ถึงกับจะฆ่าตัวตาย?”
   
“เปล่า”
   
“อ้าว” ผมโงหัวขึ้นมาขมวดคิ้วใส่ เด็กหัวเราะ เกลี่ยเส้นผมที่หลุดลุ่ยไม่เป็นทรงทัดหูให้
   
“การเรียนไม่ได้ทำให้ผมอยากตาย ความคาดหวังต่างหาก”
   
ผมเงียบ สบดวงตาที่กลับมาเจือแววสิ้นหวังอีกครั้ง ซบใบหน้าลงกับอกเด็กน้อยลูบตรงตำแหน่งหัวใจที่คล้ายจะเต้นแผ่วเบา
   
จะไม่บอกให้หนี หรือสู้เพราะเรารู้จักกันผิวเผินเกินกว่าจะรู้ว่าเขาผ่านชีวิตมายังไง 

อยากบอกเพียงว่าผมเข้าใจ

“อยากตายอีกเมื่อไหร่ก็เรียกล่ะ จะมาห้าม”

“แอพมันเลือกคนขับไม่ได้นี่” เด็กแย้งกลั้วหัวเราะ

ผมลุกขึ้นนั่งหลังตรงบนตักถือวิสาสะล้วงโทรศัพท์อีกฝ่ายออกมาจากกระเป๋านักเรียน กดโทรออก เสียงเรียกเข้าดังไม่ไกล
ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองมากดตัดสาย แล้วเมมเบอร์ที่โทรเข้าล่าสุดไว้

ทำแบบเดียวกันอีกครั้งในโทรศัพท์อีกเครื่องที่เจ้าของลุกตามมาชะโงกหน้าข้ามไหลมองชื่อที่เมมให้อย่างสิ้นคิด

“แท็กซี่?”

“อือ” ยื่นโทรศัพท์คืนให้ก่อนเอี้ยวตัวกลับไปหารั้งท้ายทอยคนเด็กกว่าลงมาประกบจูบหนักๆ

"ไม่มีเติมแก๊ส ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร ไม่ต้องใช้แอพพลิเคชั่นให้วุ่นวาย"

หมาน้อยผุดยิ้มกลายเป็นเสือร้าย เผยกรงเล็บขยำผิวเนื้อใต้เสื้อเสื้อผมคล้ายหมั่นไส้

“แท็กซี่คันนี้เรียกได้ 24 ชั่วโมงครับ”



#เรื่องสั้นคืนเดียว
ที่จริงเขียนเรื่องนี้ไว้นานแล้วค่ะ แต่ตอนนั้นไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เลยทิ้งไว้
พอกลับมาอ่านอีกทีก็รีไรต์ไม่เยอะแฮะ แถมเขียนลื่นจนจบตอนง่ายๆ งงตัวเองเหมือนกัน  :hao7:

เรื่องหน้าเป็น Barista น่าจะเป็นเรื่องสุดท้ายแล้วค่ะ (ยกเว้นจะมีไอเดียเรื่องใหม่เพิ่มนะ 5555)
เคยตั้งใจจะรวมเล่มเซตนี้ แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจแล้วค่ะว่าจะพับเก็บมั้ย
ขอตัดสินใจอีกทีแล้วจะมาอัพเดตพร้อมตอนใหม่เนอะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

-Martian-
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 5 : Mr.Taxi P.3 [ 10.02.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-02-2019 06:20:24
รอ..ออออออ   :hao7:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 5 : Mr.Taxi P.3 [ 10.02.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 10-02-2019 10:27:21
พี่แท็กซี่กินเด็ก แงงงง พี่คะ ชอบตอนเมมเบอร์ให้ น่ารักดี ให้ต่างคนต่างเป็นเซฟโซนของกันและกันเนอะ เด็กร้ายมาก ตอนรับสายแฟนเก่า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 5 : Mr.Taxi P.3 [ 10.02.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-02-2019 10:46:31
ขออันนี้เป็นเรื่องยาวได้ไหมคะ ชอบมากกก กรี๊ดเมะเด็กร้ายๆ แบบนี้มากเลย อยากอ่านอีกค่ะๆๆๆๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 5 : Mr.Taxi P.3 [ 10.02.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 10-02-2019 11:52:39
เยียวยากันในวันไนท์ เป็นวันไนท์ที่มีวันพรุ่งนี้ :hao7: :hao7:
ชอบที่เป็นเด็กรวั้ยๆ เป็นแท็กซี่แซ่บๆ  :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 5 : Mr.Taxi P.3 [ 10.02.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 10-02-2019 11:56:23
อยากให้น้องเรียกtaxiคันเดิมอีกครั้งจังค่ะ
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 5 : Mr.Taxi P.3 [ 10.02.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 10-02-2019 12:00:41
ชอบบรรยากาศเรื่องมากเลยค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 5 : Mr.Taxi P.3 [ 10.02.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 10-02-2019 12:08:18
แซ่บ
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 5 : Mr.Taxi P.3 [ 10.02.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Morgen ที่ 10-02-2019 14:53:57
ดี
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 5 : Mr.Taxi P.3 [ 10.02.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 10-02-2019 20:42:56
เด็กนี่แอบเด็ดจ้าาาาาาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 5 : Mr.Taxi P.3 [ 10.02.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าอ้วงงง ที่ 10-02-2019 22:32:35
สนุกดีค่ะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 5 : Mr.Taxi P.3 [ 10.02.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 26-05-2019 01:30:29
ตอนนี้แซ่บพริกทั้งสวนมากค่ะ ยอมแล้ว
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: ตอน 5 : Mr.Taxi P.3 [ 10.02.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-05-2019 09:59:56
ติดตามจ้า~
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。* : Cigarettes DaydreamP.4[03.07.2562]
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 03-07-2019 21:31:02
Special Story

1

[Cigarettes Daydream]

 

           

1.



มีนิโคตินในร่างกายผม 10 เปอร์เซ็นต์

               

ด้วยการสูดกลิ่นควันผ่านลมหายใจจากเจ้าของร่างเกือบเปลือยที่คงจะถอดเสื้ออวดกล้ามเนื้อสวยอย่างจงใจ

               

“Did you stand there all alone?”



...เสียงทุ้มที่แผดสูงขึ้นอย่างจงใจ



...ทำนองเพลงกวนอารมณ์อย่างจงใจ

               

...สายตาวาววับ และรอยยิ้มมุมปากนั่นก็คงจงใจ



“You can drive all night, Looking for the answers in the pouring rain...”

               

ไม่มีฝนสักหยดในหน้าร้อน มีเพียงท้องฟ้ามืดมิดของเมืองใหญ่ที่ไร้แสงดาว

               

“You wanna find peace of mind, Looking for the answer…”

               

เสียงร้องเพลงนั้นกลั้วหัวเราะ ผมยิ้มตาม ยกบุหรี่ที่ถือติดมือมาคาบไว้ในริมฝีปาก โน้มตัวผ่านราวระเบียงที่กั้นระหว่างสองห้อง ต่อไฟจากปลายบุหรี่ของคนที่กึ่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่ผมเพิ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก

               

เขาคือคนแปลกหน้าที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ข้างห้อง กับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดียวที่ดูวางเป็นที่เป็นทางต่างจากข้าวของอื่นๆ ในห้องที่รกระเกะระกะ

               

เสียงกีตาร์หยุดลง ผมสบดวงตาสีเทาหม่นในชั่ววินาทีที่ปลายบุหรี่ติดไฟ ไร้แววเก้อเขิน ตกใจ มีเพียงประกายระยับที่ทำให้ใจเต้นผิดจังหวะ คล้ายอาการเมื่อสูบบุหรี่จัด

               

“สตรอว์เบอร์รี่?” แลกกับการลักลอบสูดกลิ่นเมนทอลในลมหายใจเขา อีกฝ่ายจึงลอบสูดกลิ่นแชมพูจากปลายผมที่ตกลงเคลียข้างแก้มผม



เส้นผมกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ที่ตอนนี้คงเจือด้วยกลิ่นบุหรี่



“หึ” กว่าจะรู้ตัวว่าประหม่า ก็ตอนที่หลุดเสียงหัวเราะผิดธรรมชาติ แสร้งปิดอาการ

               

เจ้าของกลิ่นเมนทอลเพียงจับจ้องผมเงียบงัน ปลายนิ้วหยาบที่ใช้เกากีตาร์ยกขึ้นเขี่ยผมทัดหูข้างหนึ่ง เปิดผิวแก้มที่คงขึ้นสีฝาด จ้องลึกสู่ดวงตาที่กำลังสะท้อนใบหน้าเขา

               

เพียงเขาที่น่าหลงใหล



“หอม” ราวถูกควันในดวงตามอมเมา คล้ายได้กลิ่นราคะเจือกลิ่นนิโคตินและสตรอว์เบอร์รี่สด

               

ร้อนผ่าว... ซาบซ่าน และนุ่มนวล

               

“อยากข้ามมาไหม”

               

คำตอบของเขาส่งผ่านริมฝีปากร้อนจัด ทว่าอวลอัดไปด้วยควันเย็น... รสจูบเคล้ามะเร็งแสนหวาน



มีนิโคตินอยู่ในร่างผมเพิ่มขึ้นอีก 10 เปอร์เซ็นต์

               

               

2.

               

ผมตามกลิ่นบุหรี่ของเขาไป กลิ่นแปลกปลอมไม่น่าพิสมัยจากห้องข้างๆ ที่เคยโล่งร้างมานาน

               

เป็นภูตผีหรือเทวดา ร่างกายที่ปรากฏตรงหน้าผมก้ำกึ่งระหว่างสองอย่างนั้น

               

หล่อเหลา และร้ายกาจ

               

ร่างกายกำยำที่กระโจนเข้าหาทั้งแน่นตึงและร้อนจัด โดยเฉพาะส่วนแข็งขึงที่สอดใส่เข้ามาในร่าง

               

ผมครางและคราง ไม่อาจสะกดกลั้นเสียงแห่งความสุขสมที่ถูกกระแทกกระทั้น ไม่มีผ่อนปรนปรานี

               

เขาคือซาตาน

               

หลักฐานบ่งชี้คือยิ่งเสียงร้องหวีดดังเขายิ่งรุนแรง แรงขึ้น และยิ่งทวีความจัดจ้านขณะรอบกายถูกรมไปด้วยควัน

               

มีนิโคตินอยู่ในร่างผม 60 เปอร์เซ็นต์

               

จากการสูดดมควันขุ่น จากจุมพิตคลุ้มคลั่ง จากเพศรสที่ต่างฝ่ายต่างเสพสมตักตวงตะกละตะกลาม

               

ปริมาณนโคตินพลุ่งพล่าน ปริ่มล้น ก่อนทะลักทะลายหลั่งรดหน้าท้องที่หดเกร็งในรูปขุ่นขาวข้นคลั่ก

               

เขาหัวเราะ อัดควันก่อนสละบุหรี่ครึ่งมวนให้ผม อาจเพื่ออุดปากสะกดเสียงคราง หรือเพื่อให้มือและปากว่างพอจะบีบเค้นบั้นท้าย กัดกินติ่งไตที่หน้าอกสองข้าง ไล้เลียหยาดราคะที่เปรอะเปื้อนหน้าท้องที่ยังไม่คลายหดเกร็งเพราะอีกฝ่ายยังไม่หยุดกระแทกกระทั้น

               

หรือเพียงเพื่อไม่ให้ควันจางบดบังใบหน้าหล่อเหลาที่เคร่งขึงด้วยความปรารถนาที่กำลังทะยาน แตะจุดสูงสุดขณะเพ่งละเลงจังหวะรักรัวเร็วไม่ให้ขาด

               

ใบหน้าที่ยิ่งล้นเสน่ห์ด้วยเม็ดเหงื่อจากความกระสัน บิดเกร็งยิ่งน่าหลงใหล เสียงครางแผ่วเปล่งจากลำคอแกร่ง ก่อนร่างกำยำจะเกร็งกระตุกตามผมมายังฝั่งฝัน

               

ปลดปล่อยหยาดราคะอุ่นเติมเต็มโพรงหวาน

               

ผมจับจ้องร่างกายที่หอบสะท้าน จ้องลึกดวงตาสีหม่นที่จ้องสบตาอีกครั้ง ยื่นคืนมวนบุหรี่ทาบริมฝีปากเขา สูดได้เพียงหนึ่งครั้งก็ถึงก้นกรอง

               

เขาแกล้งพ่นควันใส่ ขณะที่ผมดับบุหรี่ สลัดทิ้งไม่ใยดี

               

“หมดแล้ว” ผมหัวเราะมองซองบุหรี่ว่างเปล่าหัวเตียง

               

“ใครว่าล่ะ” ซาตานร้ายคลี่ยิ้มมุมปาก ถอดถอนแก่นกายออกจากร่าง ปล่อยขุ่นขาวไหลทะลักจากช่องทาง

               

ก่อนคลานคร่อมจดจ่อที่ริมฝีปาก

               

“ดูดให้หมดสิ”

               

มีนิโคตินอยู่ในร่างผม 100 เปอร์เซ็นต์

               

               

3.

               

ผมตื่นมาด้วยร่างกายที่เปรอะไปด้วยหยาดราคะ หลั่งรดเปรอะเต็มกางเกง

               

ไร้วี่แววเพื่อร่วมเตียง ไม่มีกระทั่งไออุ่นเพราะมีผมเพียงคนเดียวแต่แรก



จะมีผู้ชายจากไหนกัน ข้างห้องเป็นห้องเปล่าไร้คนเช่ามานานแล้ว แถมผมไม่สูบบุหรี่ด้วยซ้ำ

               

ฝันกลางวัน น่าอาย

               

อาจยังอยู่ในฝันซ้อนฝัน ผมถึงยังได้กลิ่นบุหรี่และกลุ่มควันลอยมาตามลม

               

ผมจัดการตัวเองก่อนเดินออกไปยังระเบียงที่เปิดไว้ ไม่ทันไรก็ส่งเสียงไอโขลกจนเจ้าของมวนนิโคตินไหวตัว

               

“โทษที เหม็นเหรอ” คือเขา เช่นในฝัน ชายเกือบเปลือยเจ้าของร่างกำยำ



เก้าอี้ไม้ กีตาร์ กับห้องที่ยังระเกะระกะ



ผมยังไม่ตื่นงั้นหรือ? หรือผีหลอกตอนกลางวัน?



“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น” แม้แต่เสียงหัวเราะทุ้มในลำคอก็เป็นเสียงเดียวกัน



“ผม... คุณ... คุณเพิ่งย้ายมาเหรอ” ละล่ำละลักถาม โล่งอกเมื่อเขาพยักหน้า



“รังเกียจไหมถ้าผม...” เขาชี้ไปยังกีตาร์ เกามันเบาๆ ให้รู้เจตนาว่ากำลังส่งเสียงดัง



ผมส่ายหัว “ไม่เป็นไร” ผมออกจะชอบเสียงเขา... ในฝัน



พอได้ยินคำอนุญาตรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมุมปากบางขณะคาบบุหรี่สูดครัว



...รอยยิ้มแสนน่าหลงใหลของซาตาน



“Did you stand there all alone?”



“...”



มีนิโคตินในร่างกายผม 10 เปอร์เซ็นต์






#เรื่องสั้นคืนเดียว

เรื่องนี้เป็นตอนพิเศษแถมในรวมเล่มเรื่องสั้นOne Night Series #เรื่องสั้นคืนเดียว

มีกำหนดพรีออเดอร์วันอาทิตย์ที่ 7 นี้แล้วค่ะ (ติดตามข่าวสารการสั่งจองได้ที่ Facebook : makok_num/Twitter : @makok_num ค่ะ)

ในเล่มยังมีตอนพิเศษอีก 8 ตอนที่ไม่ได้เอามาอัพให้อ่านกันคือ

One Night Series – Barista

Special ‘Daily Life’ 1 – Vampire

Special ‘Daily Life’ 2 – Tattooist

Special ‘Daily Life’ 3 – Writer

Special ‘Daily Life’ 4 – Artist

Special ‘Daily Life’ 5 - Mr. Taxi

Special Story 2 - Lost Boy

Special Story 3 - Starry Night


ฝากด้วยนะคะ  :mew1:



ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ

-Martian-
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: Cigarettes Daydream P.4 [03.07.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 03-07-2019 22:13:10
คิดถึง..    :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: Cigarettes Daydream P.4 [03.07.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-07-2019 23:16:36
ชอบ
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: Cigarettes Daydream P.4 [03.07.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-07-2019 09:33:01
 o13
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: Cigarettes Daydream P.4 [03.07.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 04-07-2019 10:00:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: Cigarettes Daydream P.4 [03.07.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pangpang24pp ที่ 04-07-2019 15:51:45
 :ling1: บรรยายดีมากเลยค่ะ โทนเรื่องดูเซ็กซี่มากกก
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: Cigarettes Daydream P.4 [03.07.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 04-07-2019 16:02:54
เอ๊ะ คุณคนข้างห้องเป็นอินคิวบัสรึเปล่านะ แต่โทนเรื่องเซ็กซี่มากเลยค่ะ ชอบ  o13
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: Cigarettes Daydream P.4 [03.07.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: water ที่ 12-07-2019 15:34:04
ชอบมากค่ะ ทุกเรื่องเลย :impress2:
หัวข้อ: Re: [จบในตอน] *.:。☾ 'One Night' series ・.。*: Cigarettes Daydream P.4 [03.07.2562 ]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 29-07-2019 04:00:12
ดีทุกเรื่องเลยอ่าละมุนละม่อมไปหมดดดด