ตอนที่ 13
<ChoTime>เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนผมรู้สึกว่าตัวเองป่วยบวกกับที่ผมต้องปั่นงานส่งอาจารย์จนแทบไม่ได้นอน ไหนยังต้องมาซ้อมฟุตบอลอีกทำให้ผมวูปไป ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือสนามฟุตบอลจนมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเบาะฝั่งคนนั่งของรถ และมีอาร์ทนั่งอยู่ฝั่งคนขับ
และดูคนขับรถของผมยังเก้ๆ กังๆ ทำท่าทางตื่นเต้นไม่มั่นใจ ผมจึงส่งเสียงออกไปเบาๆ “ไม่ต้องตื่นเต้นกูอยู่กับมึงตรงนี้” ก่อนจะปรือตาขึ้นมองคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยและยิ้มให้เบาๆ
แล้วคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยก็ยิ้มตอบผมกลับมาแล้วบอกให้ผมนอน เท่านั้นผมก็หลับตาลงมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาล
เมื่อผมพอจะมีแรงลุกหมอจึงบอกให้ผมออกไปรอคนที่มาด้วยกันกับผมที่หน้าห้อง เนื่องด้วยตอนนี้คนที่มาด้วยกันกับผมกำลังไปจ่ายเงินและรับยาให้ผม ไม่นานนักเจ้าตัวก็เดินกลับมาและพาผมกลับมายังห้องพักของผม
อาร์ทยืนยันจะอยู่ดูแลผมทั้งที่เพื่อนของเขาโทรมาชวนไปไหนสักอย่าง เขาก็ปฏิเสธเพื่อที่จะอยู่ดูแลผม งั้นก็ได้ทีของผมแล้วสินะ
อาร์ททำโจ๊กมาให้ผมก็อ้อนให้ป้อนเพราะอ้างว่าแขนไม่มีแรงแล้วก็สำเร็จอาร์ทยอมป้อนผมจนหมด จึงหยิบน้ำหยิบยามาให้ผมกินต่อ ผมกินยาไปสักพักก็รู้สึกได้ว่าตัวเองง่วงจึงเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีอะไรเย็นๆ มาโดนที่หน้า ค่อยๆ ลงมาที่คอ แล้วก็กำลังจะลงไปที่ลำตัว ผมจึงหรี่ตามองโดยที่อีกคนไม่ทันเห็น ผมก็พบว่าอาร์ทกำลังเช็ดตัวให้ผม
ผมก็คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงแกล้งใช้ทั้งสองมือเกี่ยวคนที่กำลังเช็ดตัวให้อยู่ลงมากอดแล้วพูดออกไปว่าหนาว ตอนแรกก็กะแค่จะแกล้งเล่นแต่พออีกคนเลิกดิ้นหนีจนยอมอยู่นิ่งๆ จึงรู้สึกว่ามันก็อุ่นดีเลยนอนกอดไว้อย่างนั้นจนเผลอหลับไปอีกรอบ
ตื่นมาก็พบว่าเราสองคนนอนกอดกันกลม ใช่ผมตื่นก่อนคนข้างๆ แต่ก็คิดจะแกล้งเขาต่อจึงแกล้งปล่อยมือออกจากเขาและทำเป็นหลับตาเหมือนว่ายังหลับอยู่ให้เขาตื่นขึ้นมาแล้วคิดว่าตัวเองตื่นก่อน เป็นไปอย่างที่คิดครับเขาตื่นมาคงเห็นว่าตัวเองกำลังกอดผมอยู่จึงรีบดึงมือออกจากร่างกายผมแล้วไปลุกขึ้นไปนั่งหันหลังให้ผม
เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็ยิ่งอยากจะแกล้งต่อ จึ่งเอ่ยทักเขาไป “ตื่นแล้วหรอ”
“ตะ..ตื่นแล้วเหรอ พะ..พี่...ตื่นนานแล้วหรอ” อาร์ทตอบกลับมาอย่างตะกุกตะกักอย่างไม่ยอมหันมามองผม เห็นแบบนั้นผมยิ่งชอบใจ
“อื้ม” ผมตอบกลับเสียงเรียบ
“งั้น....” อีกคนพูดขึ้นแค่นั้นแล้วก็เงียบไป
“อุ่นดี” ผมแกล้งพูดให้อีกคนรู้สึก จนเขาขวับมามองหน้าผมอย่างอาฆาต และผมก็พูดต่อ “กูดีขึ้นเพราะมึงนอนกอดกูสินะ” พูดจบผมก็ยกยิ้มมุมปากและยักคิ้วให้อีกฝ่าย
“เฮ้ย พี่พูดไรวะ พี่นั่นแหละลากผมไปกอด” เขาโวยวายอย่างหัวเสีย
“หึหึ” ผมขำแค่นั้นแล้วก็ลุกไปเข้าห้องน้ำอย่างอารมณ์ดีปล่อยให้อีกคนนั่งบ่นงึมงำอยู่บนเตียงอย่างนั้น
จนผมออกจากห้องน้ำมาอาร์ทจึงบอกผมว่าป๊าโทรมา ผมพยักหน้าเป็นสัญลักษณ์ว่ารับรู้แล้วหยิบโทรศัพท์เดินออกไปโทรหาป๊าข้างนอก
ตู๊ดๆ
(เป็นไงไอ้เสือหายแล้วเหรอ)
"ดีขึ้นแล้วป๊า"
(เมื่อวานป๊าโทรหาเรา ใครรับสาย)
"อ๋อ เพื่อนที่มหา'ลัยนี่แหละ ว่าแต่ป๊าโทรมามีอะไรครับ"
(มีสิ ป๊าอยากให้เราไปทานข้าวที่บ้านลุงนทีวันเสาร์นี้)
"เสาร์นี้หรอผมไม่ว่างหรอกป๊า ใกล้จะแข่งฟุตบอลแล้วแถมยังใกล้สอบอีกด้วย" ผมรีบปฏิเสธเพราะคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับผมแน่ๆ ที่ต้องไปบ้านลุงนที
(สักสามสี่ชั่วโมงไม่ได้เลยรึไอ้เสือ)
"ไม่ได้จริงๆ ป๊า"
(วะ ไอ้ลูกชายทำไมมันดื้ออย่างงี้) ป๊าส่งเสียงอย่างขัดใจ
"โถ่ป๊ารอปิดเทอมก่อนไม่ได้เหรอ" ผมพยายามเลื่อนเวลาออกไปเพื่อจะหาทางเลี่ยงไปเรื่อยๆ
(ผลัดแบบนี้ตลอด แล้วเมื่อไหร่เราจะได้สนิทใกล้ชิดกับหนูออยเขาสักที)
"นี่ป๊าจะจับคู่ผมกับออยหรอ" ผมว่าแล้วว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีสำหรับผมแน่ๆ ผมรู้จักกับออยมาตั้งแต่เด็กแต่ก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมาก ผมคิดกับออยแค่เพื่อนที่รุ่นเดียวกันเท่านั้น ออยก็คงคิดกับผมแบบนั้นเช่นกัน
(ก็ไม่ใช่แบบนั้น ป๊าก็อยากให้สนิทสนมกันไว้ ได้คอยช่วยเหลือดูแลกัน)
"ป๊าผมไม่ได้ชอบออย ออยก็ไม่ได้ชอบผม ป๊าอย่าพยายามเลย"
(เรารู้ได้ยังไงว่าหนูออยไม่ชอบเรา หนูออยยังถามหาเราทุกครั้งที่เจอป๊า บอกอยากเจอเรา)
"แต่ผมไม่อยากเจอนี่ป๊า"
(หรือว่าเรามีแฟนแล้ว)
"ถ้าผมมีแฟนป๊าจะเลิกจับคู่ให้ผมหรือเปล่าล่ะ"
(ถ้ามีจริงก็พามาเจอป๊าสิถ้าผ่านป๊าก็จะไม่ยุ่งกับเราอีก แล้วก็อย่าคิดไปจ้างหรือไปวานใครมาแกล้งเป็นแฟนด้วยถ้าป๊าจับได้ เราอาจจะไม่ได้แค่ไปทานข้าวกับหนูออย ป๊าจะไปขอหมั้นหนูออยให้เราซะเลย)
"โห่ป๊า"
(ตามนี้นะไอ้เสือ งั้นป๊ายืดเวลาให้เป็นปิดเทอมแล้วกันเรื่องที่จะไปทานข้าวที่บ้านหนูออยหน่ะ หรือถ้าไม่อยากไปทานที่บ้านก็ไปรับหนูไปทานที่ร้าน เข้าใจนะลูกชาย)
"ครับ" ผมตอบป๊ากลับไปด้วยเสียงห้วนๆ แล้วกดตัดสายทันที
ผมเดินกลับเข้าไปในห้องแบบไม่สบอารมณ์นัก ทั้งที่เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ อาการป่วยก็ดูจะดีขึ้นไวจนเห็นได้ชัด แต่เพราะป๊าคนเดียวเลยทำให้ผมหงุดหงิดและอยากจะป่วยๆ ตายไปเลย
**********************
ช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่ฤดูของการสอบ นอกเหนือจากเวลาเรียนแล้วผมจึงขังตัวเองไว้ในห้องเพื่อที่จะอ่านหนังสือและปั่นงานส่งให้ทันก่อนสอบ คณะที่ผมเรียนส่วนใหญ่ต้องทำงานออกมาเป็นชิ้นเป็นอันจึงต้องให้เวลากับมันมากเป็นพิเศษ
ผมนอนสิงอยู่ที่โซฟาหน้าทีวีเพื่ออ่านหนังสือ มันสบายเมื่อผมอยากหลับตอนไหนก็หลับได้เลย ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มๆ จะหลับนั้น ก็ได้ยินเสียงเตือนจากโทรศัพท์
Rrrrr
'เบี้ยว'
“ไง”
(อยู่ไหนพี่)
“ทำไม”
(ผมอยากคุยด้วย)
“กูอยู่ห้อง”
(ผมไปหาได้ไหม)
"จะมาก็มา"
(ครับอีกสิบนาทีเจอกัน)
ไม่นานจากที่อาร์ทวางสายไปผมก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
ก๊อกๆ
“ไม่ได้ล็อค” ผมตะโกนตะโกนออกไป
ผมได้ยินเสียงเปิดประตู และก็เห็นร่างที่เล็กกว่าผมเล็กน้อยเดินมาหยุดตรงหน้าผม
“ทำไมพี่ไม่ล็อคห้อง”
“ก็มึงบอกจะมา กูขี้เกียจลุกหลายรอบ”
“อ่อ แล้วพี่มีสอบกี่ตัว วันไหนบ้างแล้วสอบเสร็จวันสุดท้ายวันไหน”
ผมเลิกคิ้วก่อนจะแกล้งพูดไป “มึงจะอยากรู้ไปทำไม จะชวนกูไปเดทหรือไง”
“ใช่ พี่รู้ได้ไงวะว่าผมจะชวนพี่ไปเดท” อาร์ทตอบมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ผมทำอะไรไม่ถูกนอกจากถลึงตา อ้าปากค้าง อึ้งกับคำตอบรับหน้าตาเฉยของอาร์ท
“ฮ่าๆ พี่ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ ผมจะชวนพี่ไปเดทกับไอ้ตาลน่ะไม่ใช่กับผม”
“ฮ่ะ?” ผมยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่กับประโยคที่ตามมา
“ใช่พี่ ผมอยากให้พี่ลองใช้เวลาอยู่กับมันดูแล้วพี่จะรู้ว่าไอ้ตาลมันน่ารักแค่ไหน”
“กูเคยบอกมึงแล้วว่ากูไม่ชอบให้ใครมาบังคับกูเรื่องนี้”
“ผมไม่ได้บังคับพี่นะ นี่ผมมาขอร้อง นะพี่ แค่ครั้งเดียวถ้าพี่ไม่โอเคกับมันผมจะไม่วุ่นวายกับพี่เรื่องนี้อีกเลย”
“มึงจะไม่วุ่นวายกับกูแค่เรื่องน้ำตาล?”
“ใช่ พี่ก็น่าจะดูออกว่าที่ผมมาวุ่นวายกับพี่เพราะอะไร”
“เพราะน้ำตาลสินะ” ผมพูดออกมาเบาๆ ซึ่งในใจก็ผิดหวังเล็กน้อยที่มันเข้าหาผมเพราะคนอื่น
“นั่นแหละพี่ ผมขอร้องนะๆ พี่ลองไปเดทกับมันสักครั้งนะ” อาร์ทพูดพร้อมเขย่าแขนผม
“เออถ้ามึงต้องการแบบนั้นกูก็จะไป” ผมตอบรับออกไปด้วยการประชดประชัน
“เย้ ถึงพี่จะไม่เต็มใจแต่ผมก็ดีใจนะ ที่พี่ให้โอกาสเพื่อนผม”
“งั้นเป็นหลังสอบเสร็จแล้วกัน กูสอบวันสุดท้ายเสร็จสี่โมงเย็น แล้วหกโมงกูจะไปรับตาลที่หอ”
“พี่โชน่ารักที่สุดเลย”
ไม่รู้ว่าอาร์ทดีใจแล้วลืมตัวหรืออะไร อยู่ๆ ก็กระโดดเข้ามากอดผมแน่น
“อือ” ผมตอบรับนิ่งๆ
เมื่ออาร์ทนึกได้ก็รีบผละออกจากตัวผม “ขอโทษพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
ผมมองอาร์ทนิ่งๆ จนอาร์ททำอะไรไม่ถูกจึงขอตัวกลับ ส่วนผมก็นั่งคิดนอนคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้ยัง จนนึกถึงเพื่อนสนิทขึ้นมา ผมจึงพรวดพราดลุกขึ้นแต่งตัวเพื่อไปหาไอ้ณัฐ
ผมขับรถเข้ามายังคอนโดของไอ้ณัฐ เมื่อจอดรถเสร็จผมก็รีบขึ้นไปยังห้องมัน ผมมาบ่อยจนทั้งยามและนิติบุคลที่นี่จำผมได้เลยไม่ใช่ปัญหาที่จะขึ้นไปโดยง่าย
เมื่อผมออกจากลิฟท์ก็ตรงดิ่งไปที่ห้องไอ้ณัฐกำลังจะยกมือขึ้นเคาะประตู แต่ไม่ทันได้เคาะประตูก็เปิดออก เมื่อเห็นคนที่เปิดประตูออกมาก็ทำให้ผมตกใจ
“เฮ้ย!” ผมตกใจกับสิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้า
กายชะงัก และเอ่ยทักผมอย่างตะกุกตะกัก “อะ..เอ่อ พี่โช สะ..สวัสดีครับ” ก่อนยกมือขึ้นไหว้
“หมูมีไรเหรอ?” เสียงไอ้ณัฐลอยออกมาจากข้างในห้อง
“พะ..พี่โชมาหาหน่ะหมี..เอ้ยพี่ณัฐ” กายหันไปตะโกนบอกไอ้ณัฐ
“ฮ่ะ” สิ้นเสียงตกใจของไอ้ณัฐ เจ้าตัวก็วิ่งทะเล่อทะล่าออกมาด้วยสภาพที่นุ่งผ้าขนหนูติดตัวเพียงผืนเดียว
ผมเลิกคิ้วมองดูสภาพของเพื่อผมกับผู้ชายอีกคนตรงหน้า ก่อนจะพูดออกไปอย่างกวนๆ “ไงเพื่อน กูไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้มึงเลี้ยงหมูไว้ที่ห้องด้วย”
“ไม่ใช่พี่โช ผมกำลังจะกลับแล้วแค่แวะมาคุยธุระเรื่องรถกับพี่ณัฐน่ะพี่” กายพูดจบก็โค้งหัวให้ผมพร้อมรีบก้าวฉับๆ ไปยังลิฟท์
“ไว้เจอกันนะหมู...” ผมตะโกนแซวกายที่ไม่ยอมแม้แต่จะหันหลังกลับมา แต่ก็ทันเห็นกายสะดุ้งเมื่อได้ยินผมตะโกนแบบนั้นออกไป
“มะ..มึงจะมาทำไมไม่โทรมาบอกกูก่อนว่ะ” ไอ้ณัฐทำหน้าไม่ถูก
ผมไหวไหล่ก่อนที่จะพูด “อ้าวปกติกูมาหามึงก็ไม่เห็นต้องโทรบอกนี่หว่า แล้วมึงอะไรเนี่ยดูสภาพ เพิ่งอาบน้ำให้หมูเสร็จหรอ”
“หมูพ่องดิ สัดโช” ไอ้ณัฐมองผมแค้นๆ “แล้วมึงมาหากูมีไร”
ผมเปลี่ยนท่าทีจากที่แกล้งหยอกไอ้ณัฐเป็นท่าทีที่จริงจังขึ้นมา “กูมีเรื่องจะปรึกษาวะ”
“เออเข้ามาคุยในห้อง”
ผมพยักหน้ารับ แล้วเดินตามมันเข้าไปในห้อง และหยุดลงตรงโซฟาที่ห้องรักแขก เราทั้งสองนั่งลงพร้อมกัน
"จะปรึกษาอะไรกู"
"มึงจะคุยกับกูสภาพนี้จริงๆ ดิ่" ผมพูดจบก็ส่งสายตามองมั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า
"ไอ้สัดโช เอ้อมึงรอกูแปปนึงกุไปใส่เสื้อผ้าก่อน" ไอ้ณัฐว่าอย่างหงุดหงิด
ไม่นานไอ้ณัฐก็เดินออกจากห้องนอนมาด้วยสภาพที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เดินมานั่งลงที่โซฟาเดียวกันกับผม
"ว่าไงมีเรื่องอะไรจะปรึกษากู"
"เรื่อง........." ผมก็พูดไม่ออกซะอย่างนั้น
"เรื่อง?" ไอ้ณัฐมองหน้าผมเป็นคำถาม
“กูสับสน” ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง
“สับสน?”
“เออ”
“สับสนเรื่องอะไรวะ”
“มันหลายเรื่องไปหมดวะ”
“ไหนมึงลองเล่ามาให้กูฟังดิ”
“แม่งกูไม่รู้จะเริ่มยังไงนี่หว่า”
“มึงก็เล่ามาทีละเรื่องดิวะ”
“คืองี้ป๊ากูแม่งจะจับคู่กูให้ลูกสาวเพื่อน โทรมาบอกให้กูไปกินข้าวบ้านเขา”
“ก็ดีดิวะ ว่าแต่สวยเปล่าวะ”
“ดีกับผีมึงสิ สวยก็สวยอยู่หรอกแต่กูไม่ชอบนี่หว่า แต่ป๊ายื่นข้อเสนอให้กูว่าถ้ากูมีแฟนป๊าก็จะเลิกยุ่งกับกูเรื่องนี้อีก”
“งั้นแสดงว่ามึงจะหาแฟน เอ๊ะ! หรือว่ามึงมีใครในใจอยู่แล้ว”
“นี่แหละที่กูสับสน กูไม่รู้ว่าความรู้สึกที่กูเป็นมันคืออะไร”
“แล้วกูจะรู้ไหมวะ”
“คืองี้ กะ...กูรู้สึกแปลกๆ เวลากูอยู่กับไอ้อาร์ทวะ”
“แปลกยังไง”
“ก็รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่กับมัน ใจเต้นแรงเวลาที่เข้าใกล้กับมันมากๆ หงุดหงิดเวลาเห็นมันทำตัวสนิทกับคนอื่น เชี่ย”
“มึงชอบมัน” ไอ้ณัฐโพร่งออกมา
“เฮ้ย...แต่กูไม่ได้ชอบผู้ชาย”
“ก็ใช่มึงไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่มึงชอบไอ้อาร์ท”
“ยังไง กูไม่เข้าใจ ไอ้อาร์ทมันก็เป็นผู้ชาย” ผมทำหน้าฉงน
“ก็ถ้ามึงตัดเรื่องเพศออกไป มึงก็จะรู้ว่าความรักความชอบมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศเว้ย มันขึ้นอยู่กับคนและความรู้สึกที่มึงมีกับคนๆ นั้น แล้วเท่าที่กูสังเกตมึงมานะกูพอมองออกว่ามึงชอบไอ้อาร์ท”
“อึ้ม!! มึงดูเข้าใจดีเนอะ อย่างกับเป็นเรื่องของตัวเอง” ผมทำท่าเข้าใจพร้อมกับกวนตีนมันกลับไป
“สัด” ณัฐด่าผมก่อนจะส่งสายตาค้อนขวับใส่ผม
“ไอ้อาร์ทมันนัดกูไปเดท” ผมพูดลอยๆ ขึ้นมา
"มึงว่าอะไรนะ" ณัฐเอียงคอถามผม
"ไอ้อาร์ทมันนัดกูไปเดท" ผมพูดซ้ำอีกครั้ง
“อ่าวก็ดีแล้วนี่มึงจะได้รู้ว่าความรู้สึกที่มึงมีกับมันเป็นยังไง”
“แต่มันนัดให้กุไปเดทกับน้ำตาล”
“เห้ย นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรวะ” ไอ้ณัฐทำท่าตกใจก่อนจะสบถออกมา
“ใช่ไง ไอ้อาร์ทมันมาบอกกูว่าที่มันเข้ามาวุ่นวายกับกูเพราะน้ำตาล”
“’งั้นแปลว่าน้ำตาลชอบมึง”
“คงงั้น” ผมตอบแบบไม่ใส่ใจอะไร
“มึงรับนัดไปหรือเปล่า”
“รับ” ผมรอบรับเสียงเรียบ
“ไอ้เชี่ย แล้วมึงไปรับนัดทำไม” ไอ้ณัฐโวยวายขึ้นมา
“ก็กูโมโหที่มันพยายามยัดเยียดกูให้คนอื่นนี่หว่า กูเลยประชดรับคำไป” ผมพูดจบก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“โอ้ยย ไอ้เหี้ยโช แล้วมันจะรู้กับมึงไหมว่ามึงประชดมัน”
“กูไม่รู้” ผมตอบออกไปจากความรู้สึก ตอนนี้ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น
“แล้วทีนี้มึงจะเอายังไงต่อ”
“กูไม่รู้”
“สัดมึงพูดเป็นอยู่คำเดียวหรอวะ งั้นหรือมึงจะลองเปิดใจให้น้ำตาลดู จะได้มีข้ออ้างบอกพ่อมึงว่ามึงมีคนที่กำลังคุยด้วยอยู่แล้วพ่อมึงจะได้เลิกจับคู่ให้มึงสักที”
“แต่กูไม่ได้ชอบน้ำตาลนี่หว่า”
“ก็กูบอกให้ลองเปิดใจไง ไอ้ห่า”
“แล้วไอ้อาร์ทละ”
“ก็มึงเองยังสับสนอยู่เลยไม่ใช่หรือไงว่ามึงชอบหรือไม่ได้ชอบมัน”
“มันก็ใช่ แต่....”
“มึงจะแต่อะไรวะ กูว่านะมึงกลับไปคิดทบทวนตัวมึงเองก่อนดีกว่าว่ามึงรู้สึกยังไงกับไอ้อาร์ทมันกันแน่ เพราะถ้ามึงตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้วมันย้อนกลับมาแก้ไขไม่ได้นะมึง แต่ถ้าถามกูนะกูก็ยังยืนยันคำเดิมว่ามึงชอบมัน”
“เห้อออ.....กูต้องทำยังไงวะเนี่ย” ผมถอนหายใจก่อนเอามือทึ้งหัวตัวเอง
“ถ้ามึงชอบมัน มึงก็ทำให้มันถูกต้อง มึงต้องบอกน้ำตาลไปตามตรงอย่างน้อยมึงก็จะได้ตัดเรื่องน้ำตาลไปไอ้อาร์ทมันจะได้ไม่ต้องคิดว่ามึงเป็นของเพื่อนมัน แต่ถ้ามึงคิดทบทวนแล้วว่ามึงแค่หวั่นไหว ไม่ได้รู้สึกกับมัน มึงก็ลองเปิดใจให้น้ำตาลดูก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร”
“ถ้าเกิดว่ากูชอบไอ้อาร์ทมันจริง แล้วมันจะชอบกูหรอวะ” ผมคิดไม่ออกว่าอาร์ทจะชอบผมได้ยังไง เพราะเราสองคนก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน
“นั่นมันเป็นเรื่องที่มึงต้องคิดต่อจากที่มึงรู้ความรู้สึกของตัวเองแล้วเว้ย ไม่ใช่ตอนนี้”
“แม่งงง ทำไมมันยากจังวะ”
“มึงนัดเดทวันไหน”
“สอบวันสุดท้ายเสร็จ”
“งั้นมึงยังมีเวลาคิดทบทวนอีกเป็นอาทิตย์ก่อนที่มึงจะตัดสินใจ”
“ทำไมชีวิตกูมันยากจังวะ”
“เอาน่า มึงคิดดีๆ แล้วกัน ทุกอย่างมันอยู่ที่มึงเลือก” ไอ้ณัฐเอื้อมมือมาตบบ่าผมเป็นการให้กำลังใจ
“เออ” ผมตอบรับไอ้ณัฐก่อนจะนึกขึ้นมาได้ “ว่าแต่เมื่อกี้มึงอาบน้ำหมูไปกี่น้ำวะ” พูดจบผมก็ยักคิ้วให้ไอณัฐ
"เหี้ยโชมึงกลับไปได้แล้วป่ะ กูรำคาญมึงแล้ว" ไอ้ณัฐก่นด่าผมก่อนที่หน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมา
"รีบไล่กูเลยนะ พอจะเป็นเรื่องตัวเองเนี่ย อ่าๆ เออกูไปแล้ว ขอบใจมึงวะเพื่อน"
"ไม่เป็นไรเว้ย..อ่อ แต่วันหลังถ้ามึงจะคุยแค่นี้มึงโทรมาก็ได้นะสัด ไม่ต้องถ่อมาถึงห้องกูหรอก"
"ที่ไม่อยากให้กูมานี่เพราะเรื่องของกูมันแค่นี้ หรือกลัวว่ากูจะมาเห็นมึงกกใครไว้กันแน่ ฮ่าๆ"
"สัด รีบไปเลยก่อนกูจะถีบมึงออกจากห้องกู" ไอ้ณัฐไม่ว่าเปล่า ยกเท้าขึ้นมาทำท่าจะถีบผม
"โอเคๆ กูไปแล้ว" ผมพูดพร้อมกับยกมือยอมแพ้แล้วเดินออกจากห้อง
ยังไม่ทันพ้นประตูห้องไอ้ณัฐก็ตะโกน "โชคดีเว้ย"
ไอ้ณัฐยกมือขึ้นโบกให้ก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้องมัน ผมจึงยกมือขึ้นโบกตอบรับมันไปเป็นอันว่ารู้กัน
******************
วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของผมเมื่อผมสอบเสร็จผมก็ต้องทำตามคำพูดที่รับปากไว้กับอาร์ท ผมออกจากห้องสอบมาก็มานั่งคุยกับเพื่อนๆ เรื่องข้อสอบ และเรื่องจะไปฉลองกันหลังจากสอบเสร็จและก่อนที่จะปิดเทอมหนึ่งเดือน
Rrrrrr
“ไง”
(พี่โชไม่ลืมที่นัดกับผมไว้ใช่ไหมพี่)
“เออ”
(งั้นหกโมงพี่ไปรับไอ้ตาลที่หน้าหอมันเลยนะพี่)
“เออ เอาเบอร์น้องน้ำตาลมาเผื่อกูไปถึงแล้วไม่เจอ”
(ครับ เดี๋ยวผมส่งไปให้ในแชท ขอบคุณนะครับ)
“ขอบคุณกูทำไม”
(ขอบคุณที่พี่ยอมทำตามที่ผมขอร้อง)
“แค่นี้นะ”
เวลาหกโมงเย็น ผมขับรถไปจอดที่หน้าหอของน้ำตาล ผมก็เห็นน้ำตาลยืนรออยู่แล้ว
"สวัสดีค่ะพี่โช"
"หวัดดีตาล"
"ไอ้อาร์ทมันบังคับพี่หรือเปล่า"
"ไม่หรอกพี่เต็มใจ พี่ก็อยากคุยกับเราอยู่พอดี เดี๋ยวไปคุยกันต่อที่ร้านอาหารแล้วกันเนอะ"
"ค่ะพี่"
เมื่อถึงร้านอาหารเราสองคนคุยกันหลายเรื่อง จริงๆ แล้วน้ำตาลเป็นคนน่ารัก คุยเก่ง คุยสนุก อยู่ด้วยแล้วมีความสุขจริงๆ เรากินข้าวกันไปคุยกันไปจนผมมองนาฬิกาตอนนี้ก็ปาไปสามทุ่มเกือบจะสี่ทุ่มผมจึงชวนน้ำตาลกลับ
ผมพาน้ำตาลกลับมาส่งที่หอพัก
"ขอบคุณมากนะคะพี่โช วันนี้ตาลรู้สึกดีมากเลย"
"ไม่เป็นไรพี่ก็มีรู้สึกดีเหมือนกัน" ผมตอบพร้อมยกยิ้มให้น้ำตาล
"ตาลไปแล้วนะไว้เจอกันค่ะพี่โช"
"ฝันดีนะตาล" ผมพูดจบก็ยกมือขึ้นโบกให้น้ำตาล
"เช่นกันค่ะ" น้ำตาลพูดพรางโบกมือตอบผม
ก่อนออกรถผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นหน้าเฟสบุ๊คของเพื่อนผมได้โพสรูปใครคนนึงพร้อมกับแท็กชื่อเจ้าตัว ผมจึงกดเข้าไปดูรูปเห็นแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้
'
Chokun Eiei : เมาเหมือนหมาจริงๆ ด้วย'
ผมกดส่งความคิดเห็นเสร็จผมก็เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วรีบออกรถไปยังร้านด้วยความเป็นห่วงคนที่ผมเพิ่งจะเปิดดูรูปเมื่อสักครู่
================
TBC.
Talk.อ่านกันแล้วเป็นยังไงกันบ้าง เม้าให้ฟังบ้างน๊าา อย่าทิ้งเค้าน๊าา