หนึ่งวันของนิโคไล Part.1
ปัง! ปัง!
การไล่ตามเก็บกวาดเหล่าลูกสมุนตัวเล็กตัวน้อยของตระกูลกาวิโน่ที่ปฏิเสธจะยอมรวมเข้ามาอยู่ใต้คำสั่งของอัลฟอนโซ่ไม่ใช่งานที่หัวหน้าตระกูลอย่างนิโคไลต้องลดตัวลงมาทำ แต่ชายหนุ่มในตอนนี้ว่างเกินกว่าจะนั่งฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวในคฤหาสน์ที่ว่างเปล่า
ปัง!
ร่างสูงก้มหลบกระสุนหลังกำแพงอย่างเฉียดฉิว อะดรินาลีนที่หลั่งออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้เขาไม่มีเวลาใช้สมองคิดอะไรมากนัก
ทั้งที่คิดว่าเมื่อได้มิคาเอลกลับมา เขาจะมีความสุข
ทั้งที่คิดว่าหัวใจที่เคยว่างเปล่าจะถูกเติมเต็มอีกครั้งด้วยครอบครัวที่เขาโหยหามาตลอดชีวิต
แต่ทุกครั้งที่หลับตา ภาพของใครคนหนึ่งกลับผุดขึ้นมาในหัว…
คนที่เขารู้ตัวดีว่าไม่ว่าจะคะนึงหาเพียงไร เขาก็ไม่มีวันได้มาครอบครอง
ปัง!ปัง!ปัง!
เป็นอีกครั้งที่การไล่ล่าจบลงอย่างรวดเร็ว นิโคไลไม่ได้มีความสุขในการทำร้ายใคร เขาไม่ใช่คนกระหายสงคราม แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้สุนัขจนตรอกที่อาจลอบมาแว้วกัดเขาและคนที่เขารักในอนาคตได้
คนที่เขารัก…
ปัง!
“บอส!!”
เขาคิดว่าบางทีเขาก็ใจดีกับลูกน้องของตัวเองมากเกินไป
นอกจากทารินจะไม่สนใจคำทักท้วงของเขาว่ากระสุนที่ยิงสวนมาถากแค่ไหล่ของชายหนุ่มแล้ว ลูกน้องที่ในความเป็นจริงมีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ของเขายังหงายไพ่ความอาวุโสเพื่อบังคับให้เจ้านายของตนยอมให้หมอมาตรวจที่คฤหาสน์อัลฟอนโซ่อีกด้วย
“หมอมาแล้วครับบอส”
ทารินโผล่หน้าเข้ามารายงาน นิโคไลที่หลังจากได้รับการปฐมพยาบาลและบังคับให้นอนนิ่งๆบนเตียงกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย
“ก็เข้ามาสิ จะได้เสร็จๆ”
คนเจ็บเบือนหน้าหนีลูกน้องของตนอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่สนใจแขกไม่ได้รับเชิญที่ก้าวเข้ามาในห้องแม้แต่น้อย
“จะมีซักครั้งมั้ยที่ผมไม่ต้องเจอคุณในสภาพแบบนี้”
เสียงทุ้มที่เขาจินตนาการถึงในอิริยาบถที่ไม่เหมาะสมหลายต่อหลายครั้งทำให้นิโคไลหันขวับกลับไปอย่างรวดเร็วจนเจ็บแผล แต่ร่างสูงปฏิเสธที่จะละสายตาจากชายหนุ่มในชุดเสื้อคอปกกางเกงขายาวสบายๆแปลกตาที่ยืนอยู่ข้างเตียงของเขา
“…”
นิโคไลรู้สึกว่าเสียงในลำคอของเขาหายไปอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งตอนที่คุณหมอนั่งลงบนเตียงแล้วเริ่มแกะผ้าพันแผลออก ใบหน้าเรียบเฉยอยู่ห่างกับหน้าของเขาเพียงลมหายใจกั้น ทว่าดวงตาคมสีรัตติกาลภายใต้กรอบแว่นไม่ละไปจากแผลของเขาสักวินาที
“แผลลึกมาก”
คำพูดนั้นทำให้นิโคไลหลุดจากภวังค์แทบจะในทันที คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ
“แต่นี่แค่แผลถากๆเองนะครับ…”
“คุณหรือผมกันแน่ที่เป็นหมอ?”
คำถามของคเชนทร์ทำให้นิโคไลหุบปากฉับ ไม่อยากให้อีกฝ่ายไม่ชอบหน้าเขาไปมากกว่าที่เป็นอยู่
แม้ว่านั่นจะเป็นไปได้ยากแค่ไหนก็ตาม
“แล้วต้องทำยังไงบ้างครับคุณหมอ?” ทารินถาม คเชนทร์นิ่งไปครู่หนึ่ง แววตาของชายหนุ่มไหววูบราวกับไม่มั่นใจในสิ่งที่ตนกำลังจะพูดเท่าไหร่นัก
“ต้องดูแลใกล้ชิดยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ ระหว่างนี้ห้ามออกแรงเด็ดขาด”
นิโคไลรู้ว่าสีหน้าตัวเองในตอนนี้คงต้องเหวอพอสมควร ปฏิกิริยาลูกน้องของเขาถึงได้เป็นการหลุดขำพรืดออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่
“ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนคุณหมอด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจะไปเอาเสื้อผ้าของคุณหมอมาให้” ทารินเอ่ยพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
ที่น่าตกใจไปกว่านั้น คือการที่คเชนทร์พยักหน้าด้วยสีหน้านิ่งๆราวกับเป็นเรื่องปกติที่สมควรทำอยู่แล้ว
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?!
หากนี่เป็นความฝัน นิโคไลไม่อยากจะตื่นขึ้นมาพบกับความเป็นจริงอีกตลอดชีวิต
“หายใจเข้าลึกๆ”
คนเจ็บทำตามอย่างว่าง่าย แผงอกแกร่งภายใต้แป้นเหล็กกลมเย็นจากหูฟังการแพทย์ยกขึ้นลงตามการหายใจ นิโคไลพยายามสุดความสามารถที่จะหายใจเข้าโดยไม่สูดกลิ่นหอมอ่อนๆจากกลุ่มผมนุ่มสีรัตติกาลที่อยุ่ใกล้จนแทบจะซบลงบนอกของเขา
กลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพูสระผมกลิ่นเดียวกับนิโคไล แต่กลับน่าหลงใหลกว่าน้ำหอมราคาแพง
ปกติเวลาฟังเสียงปอดมันต้องใกล้ขนาดนี้เลยเหรอ?
ไม่สิ…เขาโดนยิงที่ไหล่ไม่ใช่รึไง?!
“คุณหมอครับ…” คเชนทร์ที่ง้างหูฟังออกจากหูไม่ตอบรับ แต่นิโคไลรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังฟังอยู่ “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่…”
“ลูกน้องคุณเรียกผมมา”
คเชนทร์ตอบ ดวงตาคมเรียวภายใต้กรอบแว่นปฏิเสธที่จะสบตาเขา แต่จากสีหน้าของอีกฝ่าย นิโคไลเดาว่านั่นไม่น่าจะใช่คำตอบที่ซื่อสัตย์สักเท่าไหร่
“เรียกมา…ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องทำตามนี่ครับ”
ใบหน้าของคเชนทร์นั้นดูราวกับว่าชายหนุ่มไม่ได้คิดว่านิโคไลจะถามอะไรแบบนี้ นายแพทย์หนุ่มใหญ่อ้ำอึ้ง แต่ก่อนที่จะได้ตอบอะไร เสียงระฆังช่วยชีวิตของเขาก็ดังขึ้นจากหน้าห้องเสียก่อน
ก๊อกๆๆๆ
“Daddy~~”
เสียงของลูกชายคนเดียวของบ้านดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะประตูถี่รัว นิโคไลชะงัก เขาลืมไปได้อย่างไรนะว่าวันนี้เป็นวันปิดเทอมวันแรกของเอเดรียน นั่นหมายความว่าเด็กชายจะกลับมาอยู่กับเขาตลอดหน้าร้อน
เด็กน้อยที่ไม่เคยจำเป็นต้องรออะไรแทบจะพุ่งชนประตูเข้ามาในห้อง กระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของบิดาที่คว้าเด็กชายไว้ด้วยแขนข้างเดียวอย่างง่ายดาย
“Hey, kiddo.”
ดวงตาสีมรกตอ่อนลงยามมองเด็กน้อยในอ้อมแขน วันที่เอเดรียนลืมตาดูโลกเป็นวันแรกที่นิโคไลรู้สึกว่าบนโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงเขาและมิคาเอลอีกต่อไป แต่เขารู้ดีว่าการมีอยู่ของเด็กคนนี้ ไม่สามารถทดแทนน้องชายคนเดียวของเขาที่ต้องเผชิญโลกที่โหดร้ายเพียงลำพังได้
อีกอย่าง…เอเดรียนเป็นของเขาและแม่ของเด็กชาย แต่มิคาเอลมีแค่เขา น้องชายของเขาไม่เหลือใครบนโลกนี้นอกจากเขา ดังนั้น ถึงแม้นิโคไลจะให้ทุกอย่างกับเอเดรียนตามแต่ใจเด็กชายปรารถนา แต่ลึกๆแล้วเขารู้ดีว่านั่นเป็นเพียงการชดเชยที่เขาเอาเวลาส่วนตัวทั้งหมดของตัวเองทุ่มเทไปกับการตามหาและปกป้องน้องชายอยู่ห่างๆ
แม่ของเอเดรียนเป็นชาวฝรั่งเศส เป็นลูกสาวนายตำรวจใหญ่ที่เขารู้ดีว่าจะสามารถปกป้องลูกชายของเขาได้ในระดับหนึ่ง เขาตัดสินใจส่งเอเดรียนเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติ ให้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักและอาศัยอยู่กับอดีตภรรยาของเขาเป็นส่วนใหญ่ แต่หลังจากเรื่องวุ่นๆนี้จบลง นิโคไลคิดว่านี่อาจจะถึงเวลาแล้วที่เขาได้กลับมาทำหน้าที่พ่อให้กับเด็กชาย
“Daddy, Nicki promised me he would take me to the park if you allowed. Can I go? Please~”
ดวงตากลมโตสีมรกตเว้าวอนราวกับลูกสุนัขอ้อนขออาหาร นิโคไลยิ้มอย่างเหนื่อยใจ บางทีเขาก็คิดว่าลูกชายของเขารักลูกน้องของเขาคนนี้มากกว่าพ่อแท้ๆเสียอีก
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ในเมื่อคนที่เด็กชายใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุดคือลูกน้องของเขา แม้นิกิต้าจะมีอายุเพียงยี่สิบปี แต่ความรับผิดชอบของเด็กคนนี้เกินตัวไปมากโข นิโคไลจึงไม่นึกห่วงอะไรนัก
“Be back by lunch, okay?”
“You are the best!!” เอเดรียนหอมแก้มเขาฟอดใหญ่อย่างตื่นเต้นดีใจ ร่างเล็กดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในอ้อมกอดของบิดาเพื่อให้อีก
ฝ่ายยอมวางตนลงโดยเร็ว ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่านอกจากนิโคไลแล้วยังมีชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่บนเตียงข้างๆนิโคไล
“Who is he?”เด็กน้อยหันไปถามบิดาของตน แล้วหันกลับมาพินิจพิจารณาชายหนุ่มชาวไทยด้วยสายตาใคร่รู้ แต่ก่อนที่นิโคไลจะได้คิดถึงคำตอบของคำถามนั้น เจ้าตัวแสบของเขาก็ด่วนสรุปไปเองเรียบร้อยแล้ว “Is he your boyfriend?”
“Wha- Where did you even get that idea from?!” นิโคไลกึงกับตะกุกตะกักกับคำถามอันใสซื่อไร้เดียงสาจากปากของ
เด็กน้อย เอเดรียนไหวไหล่
“He is on your bed. Mama said only people who loved each other slept on the same bed.” เอเดรียนตอบบิดาด้วยสีหน้าจริงจัง ซึ่งหากจะว่าผิดก็คงจะไม่ผิด…
“He’s…(เขา…)” นิโคไลเหลือบมองนายแพทย์หนุ่มที่ยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ดวงตาคมฉายแววเศร้าหมองด้วยรู้ว่าคนตรงหน้าไม่มีวันเป็นของเขา “He’s not mine.(เขาไม่ใช่ของพ่อ)”
“Young master, the car is ready.(นายน้อย รถพร้อมแล้วครับ)”
โชคดีของเขาที่นิกิต้าก้าวเข้ามากอบกู้สถานการณ์ ทำให้เขาไม่ต้องตอบคำถามแววตาใคร่รู้ของบุตรชายคนเดียวของตนไปมากกว่านี้ เอเดรียนวิ่งตื๋อกลับไปหาพี่เลี้ยงคนโปรดของตัวเองพร้อมรอยยิ้มกว้าง ทิ้งระเบิดไว้ให้คนในห้องตกอยู่ในความเงียบอันน่าอึดอัด
“ขอโทษด้วยนะครับเรื่องเอเดรียน…” นิโคไลเอ่ยขึ้นในที่สุด คเชนทร์ส่ายหน้า ลุกขึ้นจากเตียงด้วยสีหน้าเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง มือเรียวล้วงกระเป๋าราวกับไม่รู้ว่าจะวางมือวางไม้ของตัวเองไว้ตรงไหน
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ลูกชายคุณก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนี่…”
“ครับ?” นิโคไลขมวดคิ้ว ไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงอะไร
“เพื่อนก็ไม่ใช่ครอบครัวก็ไม่ใช่…” คเชนทร์เบือนหน้าหนี “ถ้าไม่ชอบ…ใครจะไปยอมนอนเตียงเดียวกันง่ายๆล่ะ”
ภาพของร่างสูงโปร่งในชุดนอนผ้าฝ้ายนุ่มมือที่ยินยอมให้เขาโอบกอดในคืนที่นิโคไลพาอีกฝ่ายไปซ่อนตัวผุดขึ้นมาในหัว แม้เขาจะพอรู้ว่าในตอนนั้นอีกฝ่ายแกล้งหลับ แต่มาเฟียหนุ่มคิดเพียงว่าที่คเชนทร์ไม่ถีบเขาตกเตียงเป็นเพราะเอือมระอาเกินกว่าจะสนใจ
“คุณ…”
คเชนทร์หมุนตัวก้าวออกไปนอกห้อง ไม่สนใจเสียงเรียกของเจ้าของบ้านที่ตกตะลึงอยู่บนเตียงอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตนได้ยินเมื่อครู่
คเชนทร์กำลังอยู่ในระหว่างการยัดข้าวของกลับเข้าไปในกระเป๋าเดินทางเมื่อนิโคไลถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนแขก มาเฟียหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องพักของนายแพทย์หนุ่มอย่างเงียบเชียบ
“จะกลับแล้วเหรอครับ?”
คเชนทร์ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อไปโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา
“อืม แผลคุณก็ดูไม่ได้เป็นอะไรแล้ว…”
“ไหนว่าต้องดูแลใกล้ชิดยี่สิบสี่ชั่วโมงเป็นอาทิตย์เลยไงครับ?” นิโคไลกอดอก เอนพิงขอบประตูรอให้แขกของบ้านยอมหันมาพูดกับเขาดีๆ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสนั้น
“คุณหรือผมกันแน่ที่เป็นหมอ?” คเชนทร์ยังคงใช้คำถามย้อนเดิมกับก่อนหน้า แต่คราวนี้นิโคไลไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายดิ้นหลุดไปโดยง่าย
“คุณหมอ ถ้าคุณคิดว่าจะสามารถหนีไปจากผมหลังจากที่พูดแบบนั้นออกมาได้ง่ายๆล่ะก็ คุณคิดผิดแล้วล่ะครับ” คเชนทร์ยังคงไม่ยอมหันกลับมา นิโคไลสาวเท้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม คุกเข่าลงข้างๆคนที่ยังนั่งก้มหน้าก้มตาจัดของไม่พูดไม่จา ”จะไม่หันมาพูดกับผมจริงๆเหรอครับคุณหมอ…”
“…ผมไม่ได้หน้าหนาเหมือนคุณนะ”
“…”
นิโคไลเอียงคอแต่ไม่ได้แย้งอะไรคำกล่าวหาของคนตรงหน้า คเชนทร์กระแทกปิดฝากระเป๋าเดินทางแล้วลุกขึ้น หันไปเก็บข้าวของบนโต๊ะโดยไม่คิดจะสนใจเจ้าของบ้านที่ยืนหัวโด่อยู่หน้าห้อง
ในที่สุดเป็นนิโคไลเองที่เป็นฝ่ายหมดความอดทน ขยับก้าวเข้าไปใกล้ร่างที่จงใจหันหลังให้เขาอย่างระมัดระวัง มือข้างที่ไม่เจ็บวางลงบนไหล่ของคเชนทร์
“คุณหมอ…ทำไมคุณถึงมาที่นี่กันแน่ครับ?”
หัวไหล่ภายใต้เสื้อสูทตัวหนาเกร็งขึ้นกับคำถามนั้น ชั่วอึดใจหนึ่ง นิโคไลคิดว่าคเชนทร์จะไม่ยอมตอบคำถามเขาเหมือนที่ผ่านมา แต่ในที่สุด เสียงของอาจารย์แพทย์อายุมากกว่าก็ดังขึ้นเบาๆในห้องที่เงียบสนิท
“ถ้าผมไม่มา…คุณจะหายไปจากชีวิตผมตลอดไปเลยรึไง?”
“นั่นเป็นสิ่งที่คุณต้องการไม่ใช่เหรอครับ?” นิโคไลถามอย่างไม่เข้าใจ
การเดินจากมาเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยินดีที่จะทำ หากมันจะทำให้คเชนทร์รู้สึกสบายใจขึ้นแม้สักนิด
เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร และนิโคไลไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีความรู้สึกแบบนี้กับคนที่ตนเพิ่งรู้จัก แต่ในวันที่เขาได้เห็นใบหน้าซีดเผือดของคเชนทร์ที่ปลายปากกระบอกปืนวันนั้น เขาสัญญากับตัวเองว่าจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าแสดงสีหน้าแบบนั้นอีก
แม้นั่นจะหมายความว่าเขาจะไม่มีวันได้เจอคเชนทร์อีกครั้งก็ตาม
“…”
“คุณไม่อยากเห็นหน้าผม…” นิโคไลกล่าวต่อเมื่อเห็นว่าร่างสูงโปร่งไม่ยอมตอบโต้อะไร “…ถ้าการไม่เห็นหน้าผมทำให้คุณมีความสุข แล้วคุณกำลังไม่พอใจอะไรอยู่กันแน่ครับ?”
”ผมไม่เคยคิดว่าคุณจะเป็นคนยอมแพ้อะไรง่ายๆแบบนี้นะ นิโคไล” คเชนทร์หันกลับมาเผชิญหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ผิดกับมาเฟียหนุ่มในตอนนี้ ที่ทำสีหน้าไม่ต่างจากครั้งสุดท้ายที่พวกเขาทั้งคู่พบกัน
…สีหน้าที่บ่งบอกว่าตนยอมแล้วซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง
“เพราะเป็นคุณไงครับ คราม” ชื่อเล่นที่เขาไม่เคยได้ยินใครเรียกนอกจากบุพการีที่ล่วงลับไปกับเพื่อนสนิททั้งสองทำให้คเชนทร์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เพราะเป็นคุณ ผมถึงยอมทุกอย่าง ทั้งที่ผมไม่รู้เหตุผลของตัวเองด้วยซ้ำ”
คนฟังนิ่งไปกับคำตอบนั้น ราวกับไม่รู้ว่าควรจะมีปฏิกิริยาใดกับประโยคเมื่อครู่
“ถ้าผมบอกว่า…ผมไม่อยากให้คุณยอมแพ้ล่ะ?”
คเชนทร์รู้ดีว่าด้วยคำพูดนั้น เขาได้ตอกตะปูผิดตายทางหนีทีไล่สุดท้ายของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
ดวงตาคมสีมรกตหรี่ลง แววตาที่จ้องมองมาที่เขาฉายแววอันตรายอย่างไม่ปิดบัง
“รู้ตัวใช่มั้ยครับว่าพูดอะไรออกมา?”
“…ออกไปได้แล้ว ผมจะอาบน้ำ”คเชนทร์เบือนหน้าหนีคำถามของร่างสูง ซึ่งเป็นการยืนยันคำตอบในของนิโคไลไปในตัว
นิโคไลยิ้ม
รอยยิ้มที่ปราศจากเล่ห์เหลี่ยม รอยยิ้มที่ไร้ซึ่งความหมายแอบแฝงใดๆนอกจากความสุข
…รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของคเชนทร์เต้นผิดจังหวะ
“เจอกันที่ห้องอาหารนะครับ คุณหมอ”
--------------
มาเจิมเบาๆ
คเชนทร์ถอนหายใจออกมาหลังจากที่ประตูห้องปิดลง
เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำนั้นถูกต้องแค่ไหน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่
หากเขาไม่เคยเห็นด้านที่อ่อนโยนของนิโคไล ความน่าจะเป็นที่เขาจะข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาหาเจ้าพ่อมาเฟียอายุน้อยกว่าในประเทศที่ไม่คุ้นเคยคงน้อยกว่าติดลบร้อย
คเชนทร์นึกโทษสาเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้กับเพื่อนสนิททั้งสอง และน้องชายของนิโคไลที่เขาเคยคิดว่าเป็นเด็กเรียบร้อยเอาการเอางาน
เขาน่าจะรู้ว่าความเจ้าเล่ห์ของนิโคไลนั้นต้องมีปัจจัยทางพันธุกรรมร่วมด้วยไม่มากก็น้อย
----------