อันนี้ไม่ได้ดีเฟนซ์แทนคุณลิตเติลพิกนะครับ แต่ผมคิดว่าที่คุณคาเฟ่พูด มีบางจุดที่ผมคิดว่าเราอาจจะเห็นตรงกันบ้าง หรือเห็นไม่ตรงกันบ้างในบริบทงานเขียนของคุณลิตเติลพิกน่ะนะครับ
จุดแรกเลยคือ หมอกสาวไหม? อืมมม์ ส่วนตัวเลยนะ ผมว่าไม่ ไม่แบบมีเหตุผลรองรับนะครับ ผมคิดว่าถ้าเราจะถก มันต้องเริ่มจากว่าคนเราทำไมถึงหันมาอ่านนิยายประเภท ชาย-ชาย แทนนิยายชายหญิง
สำหรับผม การเปลี่ยนรสนิยมในการอ่าน เป็นได้หลายอย่าง แต่ตามหลักการทางจิตวิทยาที่ผมตั้งสมมุติฐานขึ้นมาสำหรับคนในสังคม ผมตั้งไว้หลายข้อนะ ข้อใดข้อหนึ่งมันอาจตรงกับสาเหตุที่คนเปลี่ยนรสนิยมก็ได้
ข้อแรก การอ่านนิยายชายหญิงแล้วพล็อตมันซ้ำซากเกินไปจนเดาทางได้ครับ พอเดาทางได้แล้วการอ่านนิยายเหมือนเดิมซ้ำๆเข้า มันเป็นการผลิตซ้ำความบันเทิงเดิมๆที่ทำให้คนเราเบื่อหน่ายได้ครับ เราจึงหันมาอ่านอะไรที่มันแปลกใหม่ไปจากเดิม
ข้อสอง เรารู้สึก ‘เอียน’ กับการผลิตซ้ำคาแรกเตอร์เดิมๆ นางเอกต้องอ่อนหวาน พระเอกต้องเพอร์เฟกต์แมน มันเป็นบริบทค่านิยมของสังคมมนุษย์ (ผมรวมทั้งตะวันตกและตะวันออกนะครับ) การที่เรามีลิมิตเพศ มันทำให้การแสดงออกหลายๆอย่างไม่สามารถแสดงออกมาได้อย่างสมจริง เช่น ถามว่าในชีวิตจริง มีผู้หญิงคนไหนไม่พูดคำหยาบกับเพื่อนสนิทมากๆไหม? คำตอบคือคงมีแหละ แต่อาจจะน้อย แต่เราไม่สามารถใส่บทบรรยายแบบนี้ลงมาในวรรณกรรมหรือแม้แต่นิยายวัยรุ่นได้ สาเหตุคือมัน ‘ผิดจารีต’ ซึ่งบรรณาธิการที่ไหนก็คงไม่ให้ผ่าน หรือ ถามว่าในชีวิตจริง ผู้หญิงทุกคนอ่อนโยนชดช้อยเหมือนกับในนิยายโรแมนติกตาหวานอย่างนั้นหมดหรือเปล่า? คำตอบก็คงจะเป็นไม่ใช่ อะไรที่มันมีในชีวิตจริง มันไม่ได้ถูกถ่ายทอดลงมาในวรรณกรรมอย่างแท้จริงครับ
ดังนั้น ผมจึงเห็นด้วยกับที่คุณคาเฟ่บอกว่านิยายต้องมีความสมจริงครับ อันนี้ผมเห็นด้วยสุดประตูเลย แต่การที่บุคลิกผู้ชายจะมีมุมอ่อนโยนมากกว่าความแข็งกร้าวในระดับที่ลอจิกมนุษย์มองว่ามัน ‘สาว’ อันนี้ผมว่ามันรุนแรงไปหน่อยครับ เพราะในความเป็นจริง ผู้ชายทุกคนไม่จำเป็นต้องแข็งกร้าวแบบพระเอกนิยายโรแมนติกตาหวานทุกคน ทุกคนมีมุม Feminine และ Masculine ในตัวครับ ผมว่าการที่หมอกจะมีความคิดที่ใส่ใจคนรอบข้าง และรักคนแบบรักจริงๆ มีมุมแอบชอบ มีมุมหื่นบ้าง ผมว่าปกติของผู้ชายนะครับ และการเขาจะมีระบบการคิดที่อ่อนโยนมากๆจากการเลี้ยงดูของป้าที่เป็นผู้หญิง และความรู้สึกภายใน มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะไปตราหน้าว่าเขาสาวน่ะนะ คนน่ารักแบบนี้ในชีวิตจริงใครๆก็ชอบครับ (ผมเคยพูดเรื่องคาแรกเตอร์หมอกไปแล้วในคอมเมนท์เก่าๆ) ยกเว้นแต่ว่าคุณคาเฟ่มีมุมมองต่อเพศสภาพชายแบบ Conservative Male จำพวกแบบแมนมากๆพระเอกนิยายสมัยเก่าอะไรทำนองนี้
กรณีทุกตัวละครเป็นเกย์ อันนี้ผมไม่มีข้อโต้แย้งนะครับ แต่มีสิ่งที่อยากให้ฉุกคิดหน่อย คือ สำหรับผม มันไม่ได้เป็นประเด็นอะไรขนาดนั้น อาจจะเพราะว่าผมคิดว่าจักรวาลในเรื่องนี้มันยังแคบอยู่ ถ้าเราจะเพิ่ม Diversity ทางเพศสภาพ มันเพิ่มตัวละครหรืออะไรเข้ามาก็ได้ เพราะว่าทุกตัวละครที่มีความรักแบบชายชายในเรื่องนี้ ร้อยละเก้าสิบ ผมว่ามันเมคเซนส์นะ อย่างเมฆ – มีปมเรื่องเจ้าชู้ของพ่อ, หมอก – มีปมตั้งแต่เด็ก, วรินทร์ – ธีมของกฎมาเฟีย, น้องของเมฆาคนรอง – มีเรื่องย่าจับแต่งหญิงแต่เด็ก อย่างไรก็ดี ผมยอมรับนะครับ บางคนอย่าง คุณหมอ คุณธีรเชษฐ์ น้องตะวัน หรือแม้แต่เพื่อนของน้องตะวัน มันก็ดูยัดเยียดรสนิยมทางเพศมากเกินไปจริงๆนั่นแหละ (แต่คุณเชษฐ์นี่ผมก้ำกึ่ง เพราะผมว่าเขามีประเด็นเรื่องชีวิตแต่งงานกับเพศหญิง)
การเพิ่มคู่รอง อันนี้คุณคาเฟ่พูดผิดหลักการของวรรณกรรมเรื่องยาวที่ดีนะครับ หลักวิชาการเขียนไว้ชัดเจนว่าถ้าเราจะสร้างวรรณกรรมเรื่องยาว การสร้างมุมมองเชิงมิติ หรือ ‘จักรวาล’ ที่มีตัวละครเหล่านั้นโลดแล่นอยู่เป็นสิ่งที่ควรทำ เนื่องจากเราจะสามารถแตกพล็อตและสามารถสร้าง ‘จุดสังเกต’ หลายๆจุดที่สอดแทรกการเปรียบเทียบเชิงสังคมเข้ากับบริบทความเป็นจริงได้ ดังนั้นการเกี่ยวพันหลายๆคู่เข้ากันเพื่อให้เห็นการดำเนินเรื่องไปพร้อมๆกัน มันจึงทำให้เกิดความสัมพันธ์สเกลใหญ่ที่น่าสนใจและสร้างเป็นมุมมองของหลายๆคน การกระทำที่ไม่เมคเซนส์ในมุมมองคนนึง อาจจะเมคเซนส์ในสายตาอีกคนก็ได้ และทำให้คนอ่านเกิดการปรับเปลี่ยนมุมมอง เกิดการเรียนรู้และคิดตาม นี่คือสิ่งที่วรรณกรรมเรื่องยาวทำได้จากการใส่คู่รองเข้ามาเยอะๆครับ (ไม่อย่างนั้น วรรณกรรมอย่าง The song of Fire and Ice หรือศึกชิงบัลลังก์ คงไม่มีคนตามติดทั้งโลกขนาดนี้ มันก็เพราะว่าการที่มีหลายๆเหตุการณ์ดำเนินพร้อมๆกัน มีคู่รองเยอะแยะไปหมดเนี่ยแหละครับ)
การใช้คำ ผมว่าคุณคาเฟ่พูดถูกนะครับ แต่คุณคาเฟ่อาจจะลืมมอง Harmony ของทั้งเรื่อง ต่อให้เราใช้คำนั้นซ้ำจริงๆ แต่ถ้าเราดำเนินเรื่องได้กระชับไวและมีจุดสังเกตหลายอย่างมากพอ (ซึ่งเรื่องนี้มีนะ) การใช้คำซ้ำกันจะไม่ถูก notice เข้าไปในสมองของคนอ่านครับผม และทำให้ Harmony หรือสมดุลของบรรยากาศในการอ่านไม่เสียไป ผมคิดว่าฮาร์โมนีเรื่องนี้ดีเลยนะ ไม่มีเรื่องติอะไร แต่พูดกันจริงๆ การใช้คำซ้ำบ่อยๆ ถ้าคุณเขียนไม่ดีจริง มันก็จะทำให้เรื่องเสียอยู่แล้ว โชคดีว่าเรื่องนี้มีหลายอย่างน่าสนใจเกินกว่าที่คนอ่านจะมาติดใจเรื่องการใช้คำน่ะครับ แต่การใช้คำซ้ำ มันก็สะท้อนถึงการขาดทักษะการใช้ภาษาที่เชี่ยวชาญระดับหนึ่ง (พวกคำไวพจน์ หรือการบรรยายเหตุการณ์โดยใช้ศิลปะมุมมองทางอื่น หรือละเว้นคำเพื่อให้จินตนาการของคนอ่านเติมเรื่องเอาเอง) แต่เรื่องนี้ถ้าลึกมากๆ ผมคงไม่ได้คาดหวังจากนักแต่งนิยายวัยรุ่นทั่วๆไป
ดังนั้น ผมเลยไม่ได้คิดว่ามันหญิงอะไรขนาดนั้นนะ เพราะมันมีเหตุผลรองรับทางตรรกศาสตร์น่ะครับ ต่อให้เราเปลี่ยนหมอกเป็นหญิง กิริยาหลายๆอย่างมันก็จะไม่เมคเซนส์ในฐานะเพศหญิงอยู่ดีนั่นแหละครับ และจะยิ่งชัดตอนที่หมอกเปลี่ยนตัวเองด้วย เพราะหลายๆอย่างที่หมอกทำ ผู้หญิงทำไม่ได้ (โกรธธีรเชษฐ์ เย็นชาจนคนทั้งบริษัทกลัว แสดงเรื่องความรู้สึกทางเพศกับคนรักได้โดยที่สาธารณะชนไม่รู้สึกว่าผิดจารีต)
ถ้าคุณคาเฟ่ชอบนิยายแบบผู้ชายแรงๆ ผมคิดว่าแนวรักชาย-ชายแบบเถื่อนๆ หรือพวก กล้ามชนกล้าม (อย่างของคุณลิตเติลพิกที่เหมือนผมเคยเห็นเปรยๆ น่าจะเป็นเรื่องของคุณเอสเอ็มอะไรเนี่ยแหละ แต่เหมือนยังไม่ได้เขียน) น่าจะตรงกับรสนิยมคุณคาเฟ่นะครับ แต่สำหรับเรื่องอื่นของคุณลิตเติลพิก ผมโนคอมเมนท์นะ เพราะว่าบางเรื่องมันก็ดูไม่ค่อยตรงกับหลักวิชาการนิยายที่ดีหรือใช้ลอจิกจับได้ชัดๆเหมือนเรื่องนี้ครับ