[จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)  (อ่าน 554507 ครั้ง)

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
โอ้ยยยย น้องเมฆ พี่หมอกกกกกกกก

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
อดีตหวานมาก  ปัจจุบันยังอึมครึม

ออฟไลน์ toeyyeyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากเห็นหมอกคอสเพลย์ แงงงง ขอหลายๆชุดเลย แบบนางพยาบาล เมดไรงี้ โง้ยๆ555555555

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เล่นกับความรู้สึก หมอกนี่เก่งจริง ๆ แต่ก็หลอกตัวเองไม่ได้
หวานกับอดีต อยากให้ความหวานกลับมาไว ๆ
+ ให้ไม่ได้ พึ่ง + ให้น้องข้าวกับอีตาจอมหื่น ไป
ปล. ความใสซื่อ ที่ทันคนของน้องมีน  o13

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
อดีตนี่คือหวานจนมดตายเพราะเป็รเบาหวานกันเลยค่ะ
แต่พอตัดภาพมาที่ปัจจุบันนะ....ยังต้องลุ้นกันต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ pui_noizๆ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
บังเกิดเกล้า อย่างนี้นะฮะ และความหมายนัยตรงคือ บุพการี แต่ไม่แน่ใจว่าผู้แต่งใช้ พี่ชายบังเกิดเกล้านี่เป็นในเชิงประชดประชันเหมือน "ลูกบังเกิดเกล้า" หรือเปล่า?

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ข้ามไปอาทิตย์หน้าเลย จะอ่านต่อ

ออฟไลน์ kobyp_lu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อ่านแล้วมึน ๆ เลยค่ะ  ตามทุกเรื่องนะคะ  แต่ไรท์ควรจะให้เรื่องนึงจบก่อนค่อยอัพเรื่องนึงอะคะ  มันสับสนมาก  หลงอ่านตอนนึกว่าเรื่องนึงต่อเรื่องนึง  คือเราได้ย้อนอ่านตอนแรกไปอีกอะคะ  สับสนตัวละครมาก  งง  :sad4: ขอบคุณนะคะที่แต่งเกือบทุกวัน

อยากให้ไรท์พิจารณานิดนึงค่ะ  ควรอัพเรื่องหนึ่งให้จบก่อนค่ะ

ออฟไลน์ ต้นไม้ใบหญ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ทำไมเรายังวนเวียนอยู่กับการสงสารริน เฮ้อออออ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
เราว่าถ้าวันหนึ่งรินจะลุกขึ้นมาทรยศก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเลย เพราะนิโคไลไม่ได้มองว่ารินเป็นคน ถ้าวันหนึ่งรินได้เจอใครที่มองว่ารินเป็นคนและจะช่วยให้รินหลุดพ้นหน้าที่อันน่ารังเกียจนี้ได้เราว่ารินก็คงไม่ลังเล
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kafe009

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ตอนแรกที่เจอเรื่องนี้รู้สึกดีและอยากตามอ่านมาก เพราะ plot เรื่องบังเอิญคล้ายกับเรื่องของผมกับน้องคนหนึ่งที่เคยใช้เวลาด้วยกัน ก่อนที่เราจะห่างกันไป แล้วมีเหตุให้ผมหาทางติดต่อเขาไปใหม่ เพื่อจะพบว่าเขาเพิ่งผ่านการผ่าตัดสมองมาได้หนึ่งปี เพราะพบเนื้องอกในสมอง เขาดีใจมากที่ติดต่อผมได้ และเขาเล่าให้ผมฟังว่าช่วงแรกที่เขาฟื้นขึ้นมาเขาจำทุกคนได้ แต่มีอยู่คนเดียวที่เขานึกเท่าไหร่ก็นึกหน้าไม่ออก จำชื่อไม่ได้ แต่มันติดอยู่ในใจเขาตลอดเวลาว่าเขาลืมใครบางคนในชีวิตไป จนวันหนึ่งเขาจัดของในบ้านตัวเอง แล้วไปเจอแก้วกาแฟแบบใช้แล้วทิ้งใบหนึ่ง ความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับผมก็กลับมา เพราะแก้วกาแฟใบนั้นเป็นแก้วที่เขาทานกาแฟกับผมวันที่เขาเจอกับผมเป็นครั้งแรก พอจำได้เขาก็พยายามหาทางติดต่อกับผมก็ติดต่อไม่ได้เพราะผมเปลี่ยนเบอร์ ผมฟังเขาเล่าแล้วก็ตกใจเรื่องที่เกิดกับเขา และก็ปลื้มที่ผมสำคัญกับเขาขนาดนั้น

ทีนี้กลับมาที่นิยาย ยอมรับว่าอ่านไม่จบครับ และคงไม่ได้ติดตามต่อ เพราะสาเหตุเหล่านี้

1) ตัวนายเอก ยอมรับว่าอ่านแต่แรกก็รู้แล้วว่านายเอกดูสาว แต่ยิ่งอ่านไปอ่านไป ผมรู้สึกเหมือนกำลังอ่านนิยายชายหญิงไม่ใช่นิยายวาย บุคคลิกนายเอก ความนึกคิดดูเป็นผู้หญิงมากเกินไปสำหรับผม ไม่ใช่แม้กระทั่งเกย์สาว
2) ตัวละครเยอะมาก แถมเกือบทุกตัวเป็นเกย์ ทำให้มันดูไม่สมจริงมากๆ ในชีวิตจริงมันไม่ได้มีขนาดนี้ จะอ้างว่าเป็นนิยายแต่ก็ต้องไม่ลืมว่านี่ไม่ใช่นิยายแฟนตาซี ผมยังคงคาดหวังความสมจริง
3) การมีตัวละครเยอะ แล้วสร้างคู่รองมาเยอะแยะ ลดความน่านสนใจของคู่เอกลงไปไม่มากก็น้อย หรือถ้าไม่ลดความสำคัญก็ก่อให้เกิดความน่าเบื่อหน่ายที่ต้องมาอ่านเรื่องของคู่ที่เราไม่ได้ให้ความสนใจ
4) การใช้คำซ้ำๆ มันทำให้เนื้อหาดูสะดุด และบางทีก็ดูตลก โดยเฉพาะคำว่า ร่างสูง ร่างโปร่ง โดนใช้แบบฟุ่มเฟือยมาก ทั้งพ่อพระเอก พระเอก น้องพระเอก หนุ่มอิตาลี ล้วนโดนเรียกว่าร่างสูง แม้บางช่วงคนพวกนี้อยู่ด้วยกันก็ใช้คำนี้จนสับสนว่าหมายถึงใคร ต้องกลับไปอ่านใหม่ ร่างโปร่งก็โดนใช้แบบเดียวกัน แถมคำพวกนี้สำหรับผมมันคือคำที่นิยายชายหญิงชอบใช้ อ่านแล้วไม่ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านนิยายวายสักนิด ส่วนตัวเห็นว่านักเขียนนิยายวายควรเพลาๆกับการใช้คำพวกนี้ได้แล้ว มันดูหญิงจ๋าเกินไป
5) นิยายเรื่องนี้เมื่อลองพิจารณาจากรายละเอียด 4 ข้อที่ผมบอกไปข้างต้น หากเราลองเปลี่ยนชื่อนายเอกให้เป็นผู้หญิง (ความจริงตอนนี้ก็หญิง) นิยายเรื่องนี้ก็จะแทบจะกลายเป็นนิยายชายหญิงได้ทันที

อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ หวังว่านักเขียนคงไม่โกรธกัน ผมชอบพล๊อตเรื่องของคุณมากนะ มันน่าติดตามว่าตอนหลังจะเป็นอย่างไร ที่ชอบคือแม้พระเอกจะจำนายเอกไม่ได้แต่ก็ยังคงกลับมาหลงรักนายเอกอยู่ดี ตามที่ผมอ่านถึงตอนนายเอกไปทานข้าวกับหนุ่มอิตาลี แต่ผมติดปัญหาแบบที่บอกไปข้างต้นจริงๆ ผมอยากให้นักเขียนลองเขียนเรื่องอื่นดู แบบที่ใส่ความเป็นผู้ชายลงตัวละครจริงๆ คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายจริงๆ ไม่ใช่เขียนในฐานะที่ตัวเป็นผู้หญิง ยังไงก็ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
อันนี้ไม่ได้ดีเฟนซ์แทนคุณลิตเติลพิกนะครับ แต่ผมคิดว่าที่คุณคาเฟ่พูด มีบางจุดที่ผมคิดว่าเราอาจจะเห็นตรงกันบ้าง หรือเห็นไม่ตรงกันบ้างในบริบทงานเขียนของคุณลิตเติลพิกน่ะนะครับ

จุดแรกเลยคือ หมอกสาวไหม? อืมมม์ ส่วนตัวเลยนะ ผมว่าไม่ ไม่แบบมีเหตุผลรองรับนะครับ ผมคิดว่าถ้าเราจะถก มันต้องเริ่มจากว่าคนเราทำไมถึงหันมาอ่านนิยายประเภท ชาย-ชาย แทนนิยายชายหญิง

สำหรับผม การเปลี่ยนรสนิยมในการอ่าน เป็นได้หลายอย่าง แต่ตามหลักการทางจิตวิทยาที่ผมตั้งสมมุติฐานขึ้นมาสำหรับคนในสังคม ผมตั้งไว้หลายข้อนะ ข้อใดข้อหนึ่งมันอาจตรงกับสาเหตุที่คนเปลี่ยนรสนิยมก็ได้

ข้อแรก การอ่านนิยายชายหญิงแล้วพล็อตมันซ้ำซากเกินไปจนเดาทางได้ครับ พอเดาทางได้แล้วการอ่านนิยายเหมือนเดิมซ้ำๆเข้า มันเป็นการผลิตซ้ำความบันเทิงเดิมๆที่ทำให้คนเราเบื่อหน่ายได้ครับ เราจึงหันมาอ่านอะไรที่มันแปลกใหม่ไปจากเดิม

ข้อสอง เรารู้สึก ‘เอียน’ กับการผลิตซ้ำคาแรกเตอร์เดิมๆ นางเอกต้องอ่อนหวาน พระเอกต้องเพอร์เฟกต์แมน มันเป็นบริบทค่านิยมของสังคมมนุษย์ (ผมรวมทั้งตะวันตกและตะวันออกนะครับ) การที่เรามีลิมิตเพศ มันทำให้การแสดงออกหลายๆอย่างไม่สามารถแสดงออกมาได้อย่างสมจริง เช่น ถามว่าในชีวิตจริง มีผู้หญิงคนไหนไม่พูดคำหยาบกับเพื่อนสนิทมากๆไหม? คำตอบคือคงมีแหละ แต่อาจจะน้อย แต่เราไม่สามารถใส่บทบรรยายแบบนี้ลงมาในวรรณกรรมหรือแม้แต่นิยายวัยรุ่นได้ สาเหตุคือมัน ‘ผิดจารีต’ ซึ่งบรรณาธิการที่ไหนก็คงไม่ให้ผ่าน หรือ ถามว่าในชีวิตจริง ผู้หญิงทุกคนอ่อนโยนชดช้อยเหมือนกับในนิยายโรแมนติกตาหวานอย่างนั้นหมดหรือเปล่า? คำตอบก็คงจะเป็นไม่ใช่ อะไรที่มันมีในชีวิตจริง มันไม่ได้ถูกถ่ายทอดลงมาในวรรณกรรมอย่างแท้จริงครับ

ดังนั้น ผมจึงเห็นด้วยกับที่คุณคาเฟ่บอกว่านิยายต้องมีความสมจริงครับ อันนี้ผมเห็นด้วยสุดประตูเลย แต่การที่บุคลิกผู้ชายจะมีมุมอ่อนโยนมากกว่าความแข็งกร้าวในระดับที่ลอจิกมนุษย์มองว่ามัน ‘สาว’ อันนี้ผมว่ามันรุนแรงไปหน่อยครับ เพราะในความเป็นจริง ผู้ชายทุกคนไม่จำเป็นต้องแข็งกร้าวแบบพระเอกนิยายโรแมนติกตาหวานทุกคน ทุกคนมีมุม Feminine และ Masculine ในตัวครับ ผมว่าการที่หมอกจะมีความคิดที่ใส่ใจคนรอบข้าง และรักคนแบบรักจริงๆ มีมุมแอบชอบ มีมุมหื่นบ้าง ผมว่าปกติของผู้ชายนะครับ และการเขาจะมีระบบการคิดที่อ่อนโยนมากๆจากการเลี้ยงดูของป้าที่เป็นผู้หญิง และความรู้สึกภายใน มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะไปตราหน้าว่าเขาสาวน่ะนะ คนน่ารักแบบนี้ในชีวิตจริงใครๆก็ชอบครับ (ผมเคยพูดเรื่องคาแรกเตอร์หมอกไปแล้วในคอมเมนท์เก่าๆ) ยกเว้นแต่ว่าคุณคาเฟ่มีมุมมองต่อเพศสภาพชายแบบ Conservative Male จำพวกแบบแมนมากๆพระเอกนิยายสมัยเก่าอะไรทำนองนี้

กรณีทุกตัวละครเป็นเกย์ อันนี้ผมไม่มีข้อโต้แย้งนะครับ แต่มีสิ่งที่อยากให้ฉุกคิดหน่อย คือ สำหรับผม มันไม่ได้เป็นประเด็นอะไรขนาดนั้น อาจจะเพราะว่าผมคิดว่าจักรวาลในเรื่องนี้มันยังแคบอยู่ ถ้าเราจะเพิ่ม Diversity ทางเพศสภาพ มันเพิ่มตัวละครหรืออะไรเข้ามาก็ได้ เพราะว่าทุกตัวละครที่มีความรักแบบชายชายในเรื่องนี้ ร้อยละเก้าสิบ ผมว่ามันเมคเซนส์นะ อย่างเมฆ – มีปมเรื่องเจ้าชู้ของพ่อ, หมอก – มีปมตั้งแต่เด็ก, วรินทร์ – ธีมของกฎมาเฟีย, น้องของเมฆาคนรอง – มีเรื่องย่าจับแต่งหญิงแต่เด็ก อย่างไรก็ดี ผมยอมรับนะครับ บางคนอย่าง คุณหมอ คุณธีรเชษฐ์ น้องตะวัน หรือแม้แต่เพื่อนของน้องตะวัน มันก็ดูยัดเยียดรสนิยมทางเพศมากเกินไปจริงๆนั่นแหละ (แต่คุณเชษฐ์นี่ผมก้ำกึ่ง เพราะผมว่าเขามีประเด็นเรื่องชีวิตแต่งงานกับเพศหญิง)

การเพิ่มคู่รอง อันนี้คุณคาเฟ่พูดผิดหลักการของวรรณกรรมเรื่องยาวที่ดีนะครับ หลักวิชาการเขียนไว้ชัดเจนว่าถ้าเราจะสร้างวรรณกรรมเรื่องยาว การสร้างมุมมองเชิงมิติ หรือ ‘จักรวาล’ ที่มีตัวละครเหล่านั้นโลดแล่นอยู่เป็นสิ่งที่ควรทำ เนื่องจากเราจะสามารถแตกพล็อตและสามารถสร้าง ‘จุดสังเกต’ หลายๆจุดที่สอดแทรกการเปรียบเทียบเชิงสังคมเข้ากับบริบทความเป็นจริงได้ ดังนั้นการเกี่ยวพันหลายๆคู่เข้ากันเพื่อให้เห็นการดำเนินเรื่องไปพร้อมๆกัน มันจึงทำให้เกิดความสัมพันธ์สเกลใหญ่ที่น่าสนใจและสร้างเป็นมุมมองของหลายๆคน การกระทำที่ไม่เมคเซนส์ในมุมมองคนนึง อาจจะเมคเซนส์ในสายตาอีกคนก็ได้ และทำให้คนอ่านเกิดการปรับเปลี่ยนมุมมอง เกิดการเรียนรู้และคิดตาม นี่คือสิ่งที่วรรณกรรมเรื่องยาวทำได้จากการใส่คู่รองเข้ามาเยอะๆครับ (ไม่อย่างนั้น วรรณกรรมอย่าง The song of Fire and Ice หรือศึกชิงบัลลังก์ คงไม่มีคนตามติดทั้งโลกขนาดนี้ มันก็เพราะว่าการที่มีหลายๆเหตุการณ์ดำเนินพร้อมๆกัน มีคู่รองเยอะแยะไปหมดเนี่ยแหละครับ)

การใช้คำ ผมว่าคุณคาเฟ่พูดถูกนะครับ แต่คุณคาเฟ่อาจจะลืมมอง Harmony ของทั้งเรื่อง ต่อให้เราใช้คำนั้นซ้ำจริงๆ แต่ถ้าเราดำเนินเรื่องได้กระชับไวและมีจุดสังเกตหลายอย่างมากพอ (ซึ่งเรื่องนี้มีนะ) การใช้คำซ้ำกันจะไม่ถูก notice เข้าไปในสมองของคนอ่านครับผม และทำให้ Harmony หรือสมดุลของบรรยากาศในการอ่านไม่เสียไป ผมคิดว่าฮาร์โมนีเรื่องนี้ดีเลยนะ ไม่มีเรื่องติอะไร แต่พูดกันจริงๆ การใช้คำซ้ำบ่อยๆ ถ้าคุณเขียนไม่ดีจริง มันก็จะทำให้เรื่องเสียอยู่แล้ว โชคดีว่าเรื่องนี้มีหลายอย่างน่าสนใจเกินกว่าที่คนอ่านจะมาติดใจเรื่องการใช้คำน่ะครับ แต่การใช้คำซ้ำ มันก็สะท้อนถึงการขาดทักษะการใช้ภาษาที่เชี่ยวชาญระดับหนึ่ง (พวกคำไวพจน์ หรือการบรรยายเหตุการณ์โดยใช้ศิลปะมุมมองทางอื่น หรือละเว้นคำเพื่อให้จินตนาการของคนอ่านเติมเรื่องเอาเอง) แต่เรื่องนี้ถ้าลึกมากๆ ผมคงไม่ได้คาดหวังจากนักแต่งนิยายวัยรุ่นทั่วๆไป

ดังนั้น ผมเลยไม่ได้คิดว่ามันหญิงอะไรขนาดนั้นนะ เพราะมันมีเหตุผลรองรับทางตรรกศาสตร์น่ะครับ ต่อให้เราเปลี่ยนหมอกเป็นหญิง กิริยาหลายๆอย่างมันก็จะไม่เมคเซนส์ในฐานะเพศหญิงอยู่ดีนั่นแหละครับ และจะยิ่งชัดตอนที่หมอกเปลี่ยนตัวเองด้วย เพราะหลายๆอย่างที่หมอกทำ ผู้หญิงทำไม่ได้ (โกรธธีรเชษฐ์ เย็นชาจนคนทั้งบริษัทกลัว แสดงเรื่องความรู้สึกทางเพศกับคนรักได้โดยที่สาธารณะชนไม่รู้สึกว่าผิดจารีต)

ถ้าคุณคาเฟ่ชอบนิยายแบบผู้ชายแรงๆ ผมคิดว่าแนวรักชาย-ชายแบบเถื่อนๆ หรือพวก กล้ามชนกล้าม (อย่างของคุณลิตเติลพิกที่เหมือนผมเคยเห็นเปรยๆ น่าจะเป็นเรื่องของคุณเอสเอ็มอะไรเนี่ยแหละ แต่เหมือนยังไม่ได้เขียน) น่าจะตรงกับรสนิยมคุณคาเฟ่นะครับ แต่สำหรับเรื่องอื่นของคุณลิตเติลพิก ผมโนคอมเมนท์นะ เพราะว่าบางเรื่องมันก็ดูไม่ค่อยตรงกับหลักวิชาการนิยายที่ดีหรือใช้ลอจิกจับได้ชัดๆเหมือนเรื่องนี้ครับ

ออฟไลน์ Kafe009

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ตอบคุณรีบนนะครับ ในประเด็นที่อาจเข้าใจคอมเมนท์ผมคลาดเคลื่อนบางประเด็น

ต้องขอบอกว่าคุณเข้าใจผิดว่าผมชอบนิยายแนวดุดัน กล้ามชนกล้าม ผมไม่มีปัญหากับนิยายวายที่นายเอกเป็นตุ๊ดหรือสาวสอง ผมอ่านหมดครับ แต่สำหรับผมผมว่าหมอกโดนใส่ความเป็น feminine มาเยอะเกินไป นิยาย SM ผมก็อ่าน และบางเรื่องก็กดปิด ถึงแม้ตัวละครจะแมนมาก เมื่อบางฉากมันรุนแรงเกินกว่าผมจะรับ ดังนั้นโปรดอย่าเข้าใจผิดครับว่าผมต้องการนิยายประเภทใดประเภทหนึ่งโดยเฉพาะ ผมอ่านทุกประเภทยกเว้นพวกนายเอกท้องได้ กับพวกมีไรกันเองระหว่างพี่น้องพ่อลูก แต่อันนั้นผมไม่ไปกล่าวล่วงรสนิยมของเขา นิยายเรื่องนี้อย่างที่บอกไว้ในคอมเมนท์ก่อนว่าผมรู้สึกได้ถึงความเป็นหญิงของหมอก ตั้งแต่บทแรกเลย ปัญหาคือพออ่านไปอ่านไปผมยิ่งรู้สึกว่า หมอกหลุดออกจากความเป็นเกย์ กลายไปเป็นผู้หญิงจริงๆครับ ประเด็นที่ผมจะชี้คือบุคคลิกตัวละครมันแปลกเกินกว่าจะเป็นเกย์รับออกสาว อย่างที่คุณยกตัวอย่างเรื่องความเฮี้ยบของหมอกที่คนอื่นเกรงกลัว ยืนยันว่าผู้หญิงเยอะแยะไปที่มีบุคคลิกแบบนี้ครับ คุณสามารถพบเห็นได้ในที่ทำงานทุกที่

นิยายมันคล้ายกับนิยายอีกหลายเรื่องที่ผมมีปัญหาในการอ่าน บางเรื่องเปิดตัวนายเอกมาแมนมาก แล้วอยู่ๆนายเอกก็หลุดบุคคลิก กลายเป็นสาวแตกขึ้นมาซะอย่างนั้น นิยายแบบนี้แหละผมจะรู้สึกว่าผู้เขียนเองยังไม่ได้ทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงเกย์ประเภทต่างๆ ถึงจะเป็นรับเหมือนกัน แต่ระดับความแมนไม่เท่ากัน ย้ำชัดๆว่าสาวไม่สาวไม่เกี่ยว แต่บุคคลิกตัวละครต้องชัดเจน ไม่ใช่ต้นเรื่องแมน กลางเรื่องสาว ต้นเรื่องสาว อ่านไปอ่านมาเหมือนกลายเป็นผู้หญิงไปเลย

ประเด็นเรื่องการใช้คำซ้ำ การใช้คำว่าร่างสูง ร่างโปร่ง พบได้มากมายในนิยายชายหญิงทั่วไป แล้วถูกเอามาใช้บรรยายในนิยายวายเยอะมาก นิยายวายหลายเรื่องใช้คำซ้ำๆแบบนี้จนเกินความพอดี และขาดศิลปะ ผมเองก็อ่านนิยายชายหญิง แล้วก็รู้สึกเอียนเหมือนคุณ ปัญหาคือเมื่อหันกลับมาอ่านนิยายชายชาย ทำไมเราถึงหอบเอากลิ่นอายของนิยายชายหญิงมาใส่ลงไปในนิยายชายชายจนเปรอะไปหมด ย้ำตรงที่เปรอะไปหมด เพราะหลายครั้งมันเกินพอดี คำว่าเกินพอดีคือมันไม่ได้มาในระดับที่เน้นย้ำเพื่อสร้าง harmony แต่มาในระดับเฟ้อ ยกตัวอย่างเช่นในฉากหนึ่ง นายเอกอยู่กับทั้งพระเอกและพ่อพระเอก ผู้แต่งใช้คำว่าร่างสูงแทนทั้งพระเอกและพ่อพระเอกในฉากเดียวกัน ซึ่งสร้างความสับสนให้กับผู้อ่าน และยังมีอีกหลายครั้งที่เิกดเหตุการณ์แบบนี้ ตรงนี้ต่างหากที่ผมมองว่าเป็นการใช้คำซ้ำๆจนเฟ้อเกินไป ผมมองว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับ harmony ของเรื่องแต่อย่างใด เพราะไม่รู้ว่าการใช้คำซ้ำๆแบบนี้จะสร้าง harmony ตรงไหน

เห็นด้วยครับว่านิยายชายหญิงเริ่มเดาทางเรื่องได้ แต่ในปัจจุบัน นิยายวาย เดาเรื่องไม่ได้จริงๆหรือครับ ^^

ออฟไลน์ Kafe009

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ต่ออีกนิดนะครับ ดันเผลอไปกดโดนปุ่มส่งคอมเมนท์

อย่างเรื่องนี้ถ้าเอาจริงๆพล็อตเรื่องต่างจากนิยายชายหญิงไหม ก็ไม่เลย แต่อย่างที่ผมไว้ พล็อตเรื่องมันบังเอิญตรงกับชีวิตจริงของผมเอง ความอินจึงบังเกิด ทำให้ผมชอบมาก

พูดถึงนิยาย SM เมื่อวานก็เพิ่งอ่านไปเรื่องหนึ่งชื่อ All I want ตัวรับก็สาว ฉากบางฉากก็โหดเกินจะรับ แต่ผมก็อ่านจนจบเพราะพล็อตเรื่องล้วนๆ เนื่องจากตัวเอกเป็นเด็กขายแนวซาดิสต์ มาโคซิสต์ แถมปมของนายเอกดันเกี่ยวข้องกับเรื่องความจำเสื่อมอีกด้วย น่าแปลกที่ผมได้อ่านนิยายสองเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความจำเสื่อมภายในอาทิตย์เดียว

ยังไงก็ขอบคุณคุณลิตเติลพิกนะครับ ที่ทำให้ผมได้อินและฟินกับนิยายของคุณแม้จะเพียงครึ่งเรื่องก็ตาม

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 23: [Now] ง้อคืน


“ท่านประธานว่าไงบ้าง”



ปกติแล้วพวกเขาไม่ค่อยได้พูดอะไรกันระหว่างทางที่มธุวันรับเมฆาจากคอนโดมาที่บริษัท ยิ่งบทสนทนาที่มธุวันเป็นคนเริ่มเองนี่ยิ่งนับครั้งได้ แต่ครั้งนี้เขาคิดว่าเป็นเรื่องฉุกเฉินจริงๆ



เขารู้ว่าธีรเชษฐ์จะโกรธ



เจ้านายของเขาถึงขั้นเอาชื่อเสียงและอนาคตของตัวเองมาเสี่ยงกับเด็กคนนี้ย่อมแปลว่ามีนามีความสำคัญกับร่างสูงมากกว่าคู่นอนคนอื่นๆ ยิ่งจากคำบอกเล่าของเด็กหนุ่มเขายิ่งเห็นว่าธีรเชษฐ์ไม่ได้แค่จะเสพสุขจากร่างเล็กสองสามครั้งแล้วโยนทิ้ง แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าร่างสูงจะโกรธเขาถึงขนาดไม่มาทำงานหนึ่งวันเต็มโดยโทรไปบอกเจนจิราแทนเขา แถมยังจงใจไม่รับสายเขาสักเบอร์อีกด้วย



“ไม่รู้ พ่อไม่ได้กลับบ้าน”



เมฆาตอบอย่างไม่ใส่ใจ สำหรับร่างสูง การที่ธีรเชษฐ์ไม่ติดต่อมาไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ที่น่าตกใจอะไรสำหรับเขา





ทั้งสองมาถึงบริษัทในเวลาค่อนข้างเช้าทำให้ยังไม่ค่อยมีใครอยู่ในตัวตึก แต่เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกในชั้นที่พวกเขาทำงานอยู่ ร่างของประธานบริษัทที่มธุวันกำลังเป็นห่วงอยู่พอดียืนรอพวกเขาอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของมธุวัน เมฆาทำท่าจะเดินเลยร่างสูงไป ทำเหมือนไม่ใช่ธุระของตัวเอง แต่กรงเล็บของมธุวันจิกหลังเสื้อสูทเขาไว้อย่างแน่นหนาด้วยปณิธานแรงกล้าว่าตัวเองจะไม่ยอมตายคนเดียว



ปึ้ก!




แทนคำพูด ธีรเชษฐ์โยนปึกกระดาษที่เย็บติดกันลงบนโต๊ะของมธุวัน ร่างโปร่งหยิบมาดูอย่างสงสัย มืออีกข้างยังคงไม่ยอมปล่อยเมฆาไป




“หนังสือมอบอำนาจผู้ปกครอง..นายมีนา โอคุระ...”




เลขาหนุ่มเบิกตากว้าง หันไปมองหน้ารองประธานหนุ่มที่มีสีหน้าประหลาดใจไม่ต่างจากเขา




“ถ้าฉันเห็นใครเข้ามาวุ่นวายกับมีนาอีก...” ดวงตาสีควันบุหรี่จ้องบุคคลทั้งสองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยโทสะ “ฉันไม่เอาไว้แน่”




ธีรเชษฐ์กระแทกประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานของตน มธุวันกลืนน้ำลาย รู้สึกใจแป้วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่เคยถูกธีรเชษฐ์โกรธขนาดนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าภายนอกเขาจะดูเหมือนไม่เป็นไร แต่ในความเป็นจริงแล้วเขารักและห่วงใยความรู้สึกของธีรเชษฐ์ไม่ต่างจากญาติสนิทคนหนึ่ง




“นี่นาย...” เมฆาเอ่ยขึ้น “จะปล่อยได้รึยัง?”



มธุวันที่เพิ่งรู้สึกตัวว่ายังจับเสื้อนอกของอีกฝ่ายอยู่รีบปล่อยมือ ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของตัวเองแล้วเริ่มเปิดคอมพิวเตอร์โดยไม่พูดอะไรกับคนที่ยืนรับกระสุนด้วยกันเมื่อครู่



“ทีหลังถ้ากลัวจะจับมือฉันไว้ก็ได้นะ”




เมฆาฉีกยิ้มกวนประสาทที่ทำให้มธุวันนึกอยากจะขว้างปาข้าวของใส่ใบหน้าหล่อเหลานั้น ก่อนจะเดินไปที่ห้องทำงานของตัวเองอย่างไม่สะทกสะท้านกับเพลิงพิโรธของบิดา ทิ้งให้มธุวันถลึงตาจ้องตามหลังอีกฝ่ายไปอย่างมีน้ำโห



เขาไม่ได้กลัวซักหน่อย!



คนอย่างเขาน่ะ ไม่จำเป็นต้องให้เมฆาช่วยซักนิด!









“อะไร?ไม่ใช่ของฉันนี่?”




เมฆาเงยหน้ามองเอกสารที่ถูกยื่นมาตรงหน้าของตัวเองโดยเลขาของบิดา ที่ช่องว่างด้านล่างของแผ่นกระดาษมีชื่อของธีรเชษฐ์เขียนอยู่ชัดเจน




“เอาไปให้คุณเชษฐ์เซ็นให้หน่อย...”




เห็นได้ชัดว่าร่างโปร่งต้องต่อสู้กับตัวเองมากแค่ไหนก่อนจะบากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากเขา แต่เมฆาไม่คิดจะทำให้เรื่องนี้ง่ายสำหรับมธุวัน การทำให้ร่างโปร่งมีสีหน้าหงุดหงิดเหมือนเด็กโดนขัดใจกลายเป็นกิจกรรมโปรดของเมฆาไปเสียแล้ว



“ทำไมฉันต้องทำ? มันหน้าที่นายไม่ใช่เหรอ?” เมฆาเลิกคิ้ว



“คุณทำเขาโกรธ” มธุวันกอดอกตอบด้วยสีหน้าปั้นปึ่ง



“นายเป็นคนบอกให้มีนาออกไปจากชีวิตพ่อฉัน”



“แต่คุณเป็นคนจ่าย”



“นายเป็นเลขาเขา”



“แต่คุณเป็นลูกชายเขา”



เมฆาแค่นเสียงหึ บ่งบอกให้มธุวันรู้ว่าตำแหน่งนั้นไม่ได้ทำให้เมฆารู้สึกว่่าตัวเองจำเป็นต้องช่วยอะไรร่างโปร่ง มธุวันกัดริม
ฝีปากเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมใจอ่อน แต่ก่อนจะได้เก็บเอกสารกลับออกไป เมฆาก็เสนอขึ้น



“ถ้าฉันให้พ่อเซ็นเอกสารฉบับนั้นได้ ไปเดทกับฉัน”



“ไม่ครับ” มธุวันตอบโดยไม่ต้องคิด



“เอกสารด่วนไม่ใช่รึไง? คิดดูดีๆนะ...”



เมฆายิ้มกวน ดึงเอกสารกลับมาจากมือของเลขาร่างโปร่ง รองประธานหนุ่มเอนพิงเก้าอี้บุนวมอย่างสบายใจ ประหนึ่งว่ารู้อยู่
แล้วว่ามธุวันจะเลือกอะไร



มธุวันเหลือบมองประตูห้องของธีรเชษฐ์ที่ดูราวกับมีรังสีอำมหิตแผ่กระจายออกมาจนนเดินผ่านไม่มาหนาวยะเยือก



“ผมยังยืนยันคำเดิมว่าผมไม่สนใจคุณ”



“ฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่าฉันไม่สน” เมฆาไหวไหล่



มธุวันพยายามคิดว่าเขาทำเพื่องาน ว่าทั้งหมดเป็นเพราะเขาไม่มีทางเลือก แต่จิตใต้สำนึกที่เขาพยายามไม่สนใจกำลังกรีดร้องก่นด่าร่างโปร่งที่เริ่มลดกำแพงที่มีต่อร่างสูงทีละน้อย



แค่เดทเดียว...ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก มธุวันได้แต่เถียงกลับไปแบบนั้น



ถึงยังไง อะไรที่มันพังไปแล้วต่อให้พยายามทำลายมันอีกแค่ไหนมันก็ไม่มีทางพังไปได้มากกว่านี้แล้ว








เขาควรจะรู้ว่าเมฆาจะเล่นสกปรก



“ดะ…ได้แล้วครับพี่หมอก”



ทินกรวางเอกสารลงบนโต๊ะด้วยใบหน้าซีดเผือด หลังจากมธุวันตกลงตามข้อเสนอ แทนที่ชายหนุ่มจะหยิบแฟ้มเอกสารออกไปหาบิดา เมฆากลับกดโทรศัพท์หาน้องชายคนสุดท้อง ไม่กี่นาทีต่อมา ทินกรก็โผล่หน้าเข้ามาในห้องของพี่ชาย ดูจากการแต่งกายที่คล้ายกับเมฆาจนเหมือนกับเด็กเลียนแบบพ่อ เด็กหนุ่มคงไม่มีเรียนวันนี้ และคงจะมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆฝ่ายการตลาดที่มีคนที่หมายปองทำงานอยู่ตามเคย



“ขอบใจมากนะซัน ขอโทษด้วยนะที่ต้องให้ช่วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้”


มธุวันกล่าวขอบคุณลูกชายคนเล็กของบ้านจากใจจริง



“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ทินกรส่ายหน้า “แต่ผมขอเข้าไปแค่ครั้งเดียวพอนะครับ รู้สึกเหมือนโดนสูบวิญญาณยังไงก็ไม่รู้”
มธุวันพยักหน้าเข้าใจ โชคดีที่วันนี้ไม่มีเอกสารอะไรเร่งด่วนที่เขาจำเป็นต้องให้ธีรเชษฐ์เซ็น เขาจึงมีเวลาคิดทบทวนการกระทำของตัวเอง...และหาวิธีง้อเจ้านายที่ร้อยวันพันปีไม่เคยโกรธอะไรเขา



“พร้อมรึยัง?”



เสียงของเมฆาดังขึ้นพร้อมกับเงาร่างที่พาดทับโต๊ะทำงานของเขา มธุวันเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉยเป็นเอกลักษณ์ที่ชักจะทำได้ยากขึ้นทุกวัน คิ้วเรียวเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม



“พร้อม?”



“ดี ไปกันได้แล้ว”



มือใหญ่คว้าข้อมือของเลขาหนุ่มดึงให้ลุกขึ้นจากที่นั่ง มธุวันลุกตามอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างโปร่งออกแรงฝืนแรงชายหนุ่มที่ลากตัวเองมาถึงหน้าลิฟต์เมื่อตั้งสติได้ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์



“คุณจะพาผมไปไหน”



“ฉันจะช่วยนายง้อพ่อ จะได้เลิกทำหน้าหงิกซักที คิดว่าปกติตัวเองหน้าตาน่าคบนักรึไง?”



เมฆากดปุ่มลิฟต์ คำพูดของร่างสูงทำเอามธุวันของขึ้น ร่างโปร่งกอดอกอย่างไม่พอใจ



“หน้าตาผมมันไปเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ”



“เวลามองแล้วมันขัดหูขัดตา”



เหตุผลที่ให้ฟังไม่ขึ้นสักนิด และสีหน้าของมธุวันก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อใจคนตรงหน้า แต่ในหัวของเลขาคนเก่งนั้นมธุวันตัดสินใจตามร่างสูงไปตั้งแต่ได้ยินว่าอีกฝ่ายมีแผนจะช่วยเขาง้อเจ้านายของตัวเอง



“จะไปได้รึยัง?” คนหงุดหงิดง่ายเริ่มหมดความอดทน



“คุณเสนอตัวเองนะ ผมไม่ได้ขอ” มธุวันเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะก้าวนำอีกฝ่ายเข้าไปในลิฟท์ที่เปิดออก










แดนดินหยิบแป้งเย็นกระป๋องจากชั้นลงใส่ในรถเข็น ดวงตาสีรัตติกาลกวาดมองตามชั้นวางสินค้างเพื่อดูว่ามีสิ่งใดที่เขา
จำเป็นต้องซื้อเพิ่มเติมหรือไม่ วันนี้กว่าจะประชุมอาจารย์เสร็จเล่นเอาล้าไปทั้งสังขาร แต่จะกลับเข้าห้องเลยของก็หมดเยอะจนเขาแทบจะอมเกลือแทนการแปรงฟัน ถ้าหากพี่หมอกมาเยี่ยมแล้วเห็นสภาพห้องของเขาเข้ามีหวังโดนสวดยาวแน่ๆ


“กลิ่นแป้งเย็นเองหรอกเหรอ? พี่ก็ใช้บ่อย ทำไมอยู่บนตัวดินแล้วถึงหอมนัก?”



ร่างสูงหันไปทางต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใครอาจารย์หนุ่มก็ยิ้มออกทันที



“สวัสดีครับพี่วิน มาทำอะไรแถวนี้เหรอครับ?”




ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ไม่ได้อยู่ใกล้คอนโดที่นาวินทร์พักเท่าไหร่นัก แดนดินจึงแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นอีกฝ่ายที่นี่



“พี่ได้ยินว่าแถวนี้มีร้านติ่มซำน่าลองอยู่ แต่สงสัยคงหลงน่ะ วนรถหลายรอบก็หาไปเจอ เลยว่าจะลองเข้ามาถามพนักงานในนี้ดู” ร่างสูงยิ้มเจื่อน



“อ๋อ ผมรู้จักนะครับ จริงๆร้านอยู่ในซอยหลังหอพักผม แต่มันค่อนข้างแคบ รถเข้าไม่ได้หรอกครับ”



ดินแดนจำได้ว่าเขาเคยไปทานที่ร้านนั้นอยู่สองสามครั้งหลังย้ายเข้ามาใหม่ๆ ถึงแม้อาหารที่นั่นจะอร่อยสมคำร่ำลือ แต่ด้วยความที่ร้านทั้งเล็กและอยู่ในซอยแคบ ส่วนใหญ่จึงมีแค่กูรูนักชิมแวะเวียนไป




“จริงเหรอ? พี่ก็จอดรถไว้หน้าหอของดินพอดีเลย” นาวินทร์เอ่ยด้วยเสียงประหลาดใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมา“แต่พี่ห่วยเรื่องทิศทางมากเลยอ่ะ ถ้าเดินหาคนเดียวหลงแน่ๆ คงอดกินซะแล้วมั้ง”



“ผมพาไปก็ได้นะครับ”



แดนดินเสนอตามประสาคนมีน้ำใจ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่นาวินทร์คาดหวังไว้จากคนตรงหน้าอยู่แล้ว



“จะไม่รบกวนดินเหรอ?” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเกรงใจ



“ไม่หรอกครับ เรื่องแค่นี้เอง”



คนอายุน้อยกว่ายิ้ม หลังจากจ่ายค่าของในรถเข็นเรียบร้อยแล้ว แดนดินก็เดินนำคนอายุมากกว่าที่ยืนกรานจะช่วยถือของเป็นการตอบแทนออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต



“ถ้าอย่างนั้นผมเอาของขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนนะครับ พี่วินจะได้ไม่ต้องถือไปถึงนู่น” อาจารย์หนุ่มหันกลับมาบอกคนข้างหลัง



“เอาไว้ในรถพี่ก่อนก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องเดินหลายรอบ เดี๋ยวขากลับมาค่อยมาเอา"



นาวินทร์เสนอพร้อมรอยยิ้ม แดนดินอ้ำอึ้ง เขาแค่คิดว่าจะพาอีกฝ่ายไปทิ้งไว้ที่ร้านแล้วกลับห้อง แต่ชายหนุ่มไม่เก่งกับการ
ปฎิเสธใครมาแต่แรกอยู่แล้ว


“เอาแบบนั้นก็ได้ครับ”



เจ้าของรถกดปลดล็อคท้ายรถของตัวเองแล้วเอาของใส่ลงไป แดนดินนำทางชายหนุ่มอายุมากกว่าเดินอ้อมตึกที่พักของเขาไปยังประตูรั้วด้านหลังซึ่งออกไปยังซอยแคบที่มีรถเข็นขายอาหารอยู่สองสามคัน หลังจากเดินไปตามซอยคดเคี้ยวสี่ถึงห้าซอย ทั้งสองก็มาถึงร้านติ่มซำขนาดเล็กที่บริเวณหน้าบ้านทาวน์เฮ้าส์หลังหนึ่งที่มีคนแน่นพอสมควร หลังจากได้ที่นั่งซึ่งอยูามุมในสุดของตัวร้าน นาวินทร์ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขอบคุณ



“สั่งเต็มที่เลยนะ พี่เลี้ยงเอง ถือว่าตอบแทนที่ช่วยพาพี่มา”



“จะดีเหรอครับ? ผมทานเยอะนะ” อาจารย์หนุ่มตอบทีเล่นทีจริง



“เลี้ยงไม่ไหวเดี๋ยวพี่ล้างจานใช้เขาก็ได้ครับ ไม่ต้องห่วง”



นาวินทร์ตอบพร้อมรอยยิ้มแพรวพราว แดนดินยิ้มอ่อนอย่างไม่รู้จะพูดอะไรแล้วก้มหน้าอ่านเมนูต่อ



“เขาบอกว่าเจอกันครั้งสองครั้งเรียความบังเอิญ” นาวินทร์เอ่ยขึ้น “แต่ถ้าเจอกันโดยบังเอิญครั้งที่สาม เขาเรียกว่า...”



“สตอล์กเกอร์?”



คนอายุน้อยกว่าแกล้งตอบกวนๆ นาวินทร์ยิ้มขำ ไม่ยอมเผยท่าทีที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าตัวเองเข้าใกล้ความเป็นจริงแค่ไหน



“โธ่ น้องดิน จะไม่เปิดช่องให้พี่หน่อยจริงๆเหรอครับ?”



“ผมว่่าไม่ใช่เรื่องผมหรอกมั้งครับที่พี่ต้องเป็นห่วง”



แดนดินหัวเราะเบาๆ นึกถึงพี่ชายขี้หวงของเขาที่แทบจะงับหัวเพื่อนคราวก่อน ถึงแม้พี่ชายของเขาจะพูดเตือนเขามากมายเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ แต่พี่หมอกก็คือพี่หมอกที่ปกป้องเขาจนเกินไปอยู่เสมอ



“ไม่ต้องห่วงเรื่องหมอกหรอก พี่เคลียร์ได้”



ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจเสียจนแดนดินนึกอยากจะให้พี่ชายเขาสั่งสอนซักป้าบสองป้าบ




“ผมได้ข่าวว่าพี่ไม่ชอบผูกมัดไม่ใช่เหรอครับ?”



“อะไรกัน นี่ดินเชื่อที่หมอกใส่ร้ายพี่ด้วยเหรอ?”



นาวินทร์มีสีหน้าเจ็บปวดอย่างเสแสร้ง คนมองหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย



“จริงๆก็ไม่ได้อยากจะเชื่อหรอกครับ แต่พี่วินก็ดูไม่ใช่คนที่จะหาแฟนยากถึงขนาดมาสนใจคนอย่างผมนี่ครับ”



“ดิน นี่ไม่รู้เหรอว่าตัวเองหน้าตาดีแค่ไหน?”



ชายหนุ่มอายุมากกว่าเลิกคิ้วสูง นี่ที่บ้านของมธุวันไม่มีกระจกหรืออย่างไร?



“โห..ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”



คนขี้อายยกมือลูบหลังคอตัวเองแก้เขิน พวกเขาถูกขัดจังหวะด้วยติ่มซำร้อนๆที่ถูกทยอยนำมาวางลงบนโต๊ะ นาวินทร์คีบขนมจีบหมูเนื้อแน่นขึ้นมาเป่าไอร้อนแล้วจุ่มลงในซอสเปรี้ยวสีน้ำตาลเข้ม



“เอ้า อ้าม...” มือเรียวยื่นขนมจีบสีเหลืองไปจ่อที่ริมฝีปากของอาจารย์หนุ่ม แดนดินมีท่าทีตกใจเล็กน้อย แต่ก็อ้าปากรับแต่
โดยดีเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ “อร่อยมั้ย?”



ร่างสูงที่มีขนมจีบเต็มปากพยักหน้าแทนคำตอบ นาวินทร์ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหารในส่วนของตน ทางฝ่ายแดนดินเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มจัดการอาหารจึงเอาตะเกียบของตัวเองคีบฮะเก๋ากุ้งหน้าตาน่าทานมาจิ้มน้ำจิ้มบ้าง



“อ้าม...”



“หือ?”



นาวินทร์เงยหน้าขึ้นจากจานอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าติ๋มซำสีขาวที่มาจ่อใกล้ริมฝีปาก



“ป้อนคืนไงครับ จะได้ไม่ติดค้างกัน”



ชายหนุ่มผิวเข้มยิ้มใสซื่อ นาวินทร์อ้าปากงับฮะเก๋าลูกนั้นเข้าไป ดวงตาคมสวยไม่ละจากใบหน้าของคนป้อนแม้แต่วินาทีเดียว



“อร่อยจัง...สงสัยเป็นเพราะน้องดินป้อนแน่เลย” ชายหนุ่มหยอดคำหวาน



“แบบนี้ก็ได้เหรอครับ” คนถูกหยอดถามเสียงกลั้วหัวเราะ



“ตกลง...น้องจะให้โอกาสพี่ได้มั้ยครับ?” นาวินทร์วนกลับเข้าเรื่องก่อนที่อาหารจะมาอีกครั้ง “แค่ลองเปิดใจให้พี่ซักนิด แค่
ไปกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลงกัน พี่มีหุ้นของผับดังๆในเมืองหลายที่เลยนะ”



“ผมไม่ดื่มครับ” แดนดินตอบยิ้มๆ



“ไม่ดื่ม?”นาวินทร์เอียงคออย่างสนใจ “ไม่ดื่มนี่คือ...ไม่ดื่มเลย? Not at all?”



ตั้งแต่เกิดมา ชายหนุ่มไม่เคยเห็นคนที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มมึนเมามาก่อนในชีวิต เรียกได้ว่าเขาถูกเลี้ยงมาท่ามกลางผู้คนที่สามารถกระดกเหล้าได้เป็นขวดตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งถึงแม้เขาจะคิดว่านั่นไม่ใช่ตัวอย่างที่ดี แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะเจอผู้ชายอายุยี่สิบกว่าๆที่ไม่เคยแตะแอลกอฮอล์เลย



“ครับ” อาจารย์หนุ่มพยักหน้า “พ่อของผมเสียชีวิตในอุบัติเหตุคนเมาแล้วขับรถฝ่าไฟแดงตอนผมยังเด็กมาก ผมเลยตั้งใจว่า
จะไม่ดื่มตลอดชีวิต”



“….เสียใจด้วยนะ”



นาวินทร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายนึกถึงความทรงจำที่เลวร้าย



“เรื่องมันผ่านมานานแล้วครับ” แดนดินตอบยิ้มๆ “แต่นอกจากเรื่องผับ...ข้อเสนออื่นก็ฟังดูน่าสนใจดีนะครับ”



“พี่เข้าใจ...ฮะ? เมื่อกี้ว่าไงนะครับ?!”ชายหนุ่มอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน แต่คนตรงหน้าเพียงแค่ยิ้มบางๆให้เขา “...ทำไมบทจะโอเคก็โอเคง่ายๆอย่างนี้เลยล่ะ?”



“ถ้าจะให้บอกตามตรง...จริงๆผมก็สนใจพี่ตั้งแต่ที่เราเจอกันครั้งแรกแล้วล่ะครับ”



แดนดินสารภาพอายๆ ส่วนคนฟังนั้นแทบจะลอยขึ้นไปในอากาศด้วยความสุข นาวินทร์รีบดึงสติของตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็วก่อนจะถาม



“ตั้งแต่ตอนนั้นเลยเหรอ? แล้วทำไมน้องดินถึงได้สนใจพี่ล่ะครับ?”



“ผมแค่คิดว่าพี่วิน...สวยดีน่ะครับ”




คนขี้อายก้มหน้างุด แต่คำพูดที่ออกมาจากปากนั้นทำให้คนฟังถึงกับลมแทบจับ ตลอดชีวิตที่ผ่านมายี่สิบสี่ปีของเขา นาวินทร์ยังไม่เคยถูกชมด้วยคำๆนั้นเลยสักครั้ง สิ่งที่คนมักจะนึกถึงเวลาพูดถึงเขาคือรอยสักเต็มร่าง หุ่นฟิตกล้ามเป็นลอน รอยยิ้มขี้เล่นทรงเสน่ห์ และฝีมือยิงปืนอันแม่นยำ



คำว่าสวยนั้นมักจะถูกใช้บรรยายกับพี่ชายคนเดียวของเขาเสียมากกว่า



“สวย…?”



ชายหนุ่มทวนคำเสียงสูงอย่างลืมตัว เรียกสายตาของคนโตีะอื่นให้มองมาที่พวกเขาครู่หนึ่ง แดนดินยิ้มเจื่อน พยักหน้ายืนยันคำพูดของตัวเอง



“พี่วินไม่รู้เหรอครับว่าตัวเองสวยแค่ไหน?”



แดนดินถามอย่างประหลาดใจ นาวินทร์ที่ค่อนข้างมั่นใจว่าถึงแม้ตัวเองจะมีโครงหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงพี่ชายอยู่บ้าง แต่ยังคงห่างไกลจากคำว่าสวยหลายขุมนัก



ไม่สิ...นี่มันไม่ใช่เวลามาสับสนในตัวเองนะเว้ยไอ้วิน!



“ครับ สวยก็สวย แค่น้องดินโอเคพี่ก็ดีใจแล้ว”



คนที่เพิ่งถูกย่ำยีความมั่นใจในฐานะชายชาตรียิ้มหวานให้กับอาจารย์หนุ่ม ทั้งที่ในใจยังคงกรีดร้องอย่างสับสนวุ่นวายกับคำชมที่ได้รับ







----------

อย่ายุ่งกับเด็กเสี่ย//เสี่ยเชษฐ์ไม่ได้กล่าวไว้55555
คู่พี่วินน้องดิน(?)ก็มาแรง
ขณะที่อีตาคุณเมฆยังคงไม่ได้ถึงไหน-_-



กลับมาล้าววววววววว ฮืออออ ง่วงงงงง

ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เมฆเอ้ยยยยยย
คู่อื่นเค้าแซงไปถึงไหนต่อไหนแล้วววว
 :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
พี่ิวินกลายเป็นคนสวยไปซะแล้ว  :o8:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
หมอกโดนงอนซะแล้วทำไงท่านประธานถึงจะคืนดีน้าาา  55  คู่นี้น่ารักดี ไม่ได้จิ้นแบบพระนางแต่มันดูอบอุ่นใจดีอะ

ออฟไลน์ อันดาอาดัน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
วินดูเคะขึ้นมาทันที 55

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kobyp_lu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พี่เมฆสู้  ๆ เชื่อได้ว่าพี่ต้องง้อได้ 55555555  คู่วินแดนน่ารักก แต่อย่าหลอกน้องล่ะกันวิน
ป๊าคะ แหมมม  โกรธนานนะคะ เลขาหวังดีนะคะ  อยากอ่านตอนของพี่เชษฐ์กับมีนา

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
คนจะเมะ เมะที่ใจใช่ใบหน้านะจ๊ะน้องดิน 5555555

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คุณเมฆาช้ากว่าเค้าแล้ว

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
เมฆก็ต้องลอยอ้อยอิ่งช้า ๆ สินะ

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
อยากอ่านตอนง้อคุณเชษฐ์
เกร้ดดดดดดดดด :hao7: :katai4:

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Halloween special



“หมอก เมฆกลับมา…แล้ว…”



เสียงทุ้มของคนที่เพิ่งกลับมาจากการประชุมนอกสถานที่หายไปในลำคอทันทีที่เห็นร่างโปร่งของคนรักนั่งอยู่บนโต๊ะทานข้าว มธุวันอยุ่ในชุดสูทสีครีมตัเวก่งที่เจ้าตัวรู้ว่าเมฆาชอบ แต่สิ่งที่ทำให้ร่างสูงถึงกลับน้ำลายฝืดคอคือท่อนล่างที่ปราศจากอาภรณ์ใดๆปิดบัง




“กลับมาแล้วเหรอครับคุณเมฆา…” เลขาหนุ่มเอ่ยถามเสียงหวาน มธุวันรู้ดีว่าเมฆาไม่ชอบให้เขาเรียกตัวเองแบบนั้น แต่น้ำเสียงของมธุวันกลับปลุกปั่นให้ความรู้สึกอย่างอื่นของร่างสูงตื่นขึ้นมาแทน “ทานอะไรมารึยังครับ?”



“เอ่อ…”



ทั้งที่ได้สัมผัสเรือนร่างนั้นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่เมฆาก็ยังตะกุกตะกักหน้าแดงทุกครั้งที่ถูกอีกฝ่ายยั่วเย้า ซึ่งมธุวันดูจะชอบการถือไพ่เหนือกว่าของตัวเองแบบนี้มากเสียด้วย




“ขอโทษนะครับ…ผมไม่ได้เตรียมอาหารเย็นไว้ให้คุณเลย”



ขาเรียวขาวที่คนเห็นนึกอยากกระชากมาจับพาดไหล่ไขว่ห้างปกปิดทัศนียภาพอันงดงาม แต่เมฆายังคงสามารถจินตนาการต่อได้อย่างไม่ยากเย็น



“ถ้าไม่รังเกียจ…” มือเรียวขยับปลดเนคไทค์ของตัวเองออกหลวมๆ ก่อนจะถอดแว่นไร้กรอบของตัวเองออก ดวงตาสีควันบุหรี่ไล่ตามขาแว่นที่ถูกลากลงมาตามลำคอระหงส์ “…จะทานผมรองท้องก่อนก็ได้นะครับ”



แต่คนอย่างเมฆาหรือจะกินอะไรแค่ครึ่งๆกลางๆ แค่ยามปกติที่เห็นใบหน้าเฉยชาและท่าทีไม่หยี่ระต่อโลกของคนตรงหน้าที่บริษัทก็ทำให้เขาแทบคลั่ง ตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำให้เมฆาไม่กระโจนเข้าไปขย้ำร่างที่เชิญชวนเขาด้วยสายตาและท่าทางคือเขารู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องโกรธมากหากเขาทำโต๊ะทานข้าวตัวโปรดพัง



“ถ้าอย่างนั้น…ขอทานเลยแล้วกันนะครับ”



เมฆาเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง ร่างสูงย่างสามขุมมาหาคนบนโต๊ะที่ยกยิ้มอย่างพอใจกับปฏิกิริยาของคนรัก มธุวันค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของตัวเองทีละเม็ด ดวงตาสีเทาอมฟ้ายังคงไม่ละไปจากใบหน้าคมที่ดูหิวกระหายจนน่ากลัวนั้น
แต่ร่างโปร่งกลับต้องประหลาดใจเมื่อรองประธานหนุ่มทรุดตัวลงบนพื้น มือใหญ่ประคองฝ่าเท้าเนียนของคนรักขึ้นมา ประทับริมฝีปากลงบนข้อเท้าของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะขยับไล่จุมพิตขึ้นมาตามเรียวขาขาวเนียน มธุวันปล่อยให้คนรักขยับขาที่ไขว่ห้างของตนขึ้นมาพาดบนบ่ากว้างอย่างทะนุถนอม ก่อนจะรู้ตัว ริมฝีปากได้รูปก็ครอบครองบรรเลงเพลงรักด้วยลิ้นร้อนเสียจนเขานั่งไม่ติดโต๊ะ



“อะ…เมฆ…”



ริมฝีปากเรียวเผยออ้า ร่างโปร่งสะบัดหน้าเงยขึ้นส่งเสียงครางหวานออกมาไม่ขาดสาย มือเรียวขยุ้มกลุ่มผมสีดำสนิทของคนรักไว้แน่นเพื่อระบายความรู้สึกที่ถูกอีกฝ่ายแกล้งให้ปั่นป่วนไปทั้งร่าง




มธุวันก้มลงมองภาพของคนรักที่ปรนเปรอความสุขให้เขาจนแทบสำลัก ดวงตาคมสีควันบุหรีตวัดมองเขาด้วยความรักฉายชัดในแววตา คนที่ไม่ค่อยจะเขินอายอะไรหน้าแดงก่ำ แต่ไม่ยอมละสายตาจากคนที่เขามอบหัวใจให้ทั้งหมดตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย



“เมฆ…พอแล้ว…อือ…”



ร่างโปร่งปรามคนที่ขยับไล่จุมพิตขึ้นมาตามหน้าท้องแบนราบจนถึงเม็ดทับทิมสีชมพูที่เมฆาโปรดปรานหนักหนาด้วยกลัวว่าหากเริ่มกิจกรรมเข้าจังหวะตอนนี้โต๊ะทานข้าวที่เขาอุตส่าห์ตามหาอย่างยากลำบากจะสิ้นอายุไปเสียก่อน



“ไม่ต้องห่วงครับ เมฆไม่ทำโต๊ะพังหรอก”



ร่างสูงดักคออย่างรู้ทัน ฉกลิ้นชิมความหวานของติ่งเนื้อสีชมพูน่าเอ็นดูนั้น



มธุวันรู้ตัวว่าตัวเองกำลังส่งเสียงน่าอายออกมาเมื่อรู้สึกถึงแรงดูดดุนของริมฝีปากร้อน เสียงน่าอายที่เกิดจากพฤติกรรมนั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกวูบวาบในท้องน้อยมากขึ้นไปอีก



“เมฆ…อะ…มะ…ไม่ไหวแล้ว เข้ามา…”



“เดี๋ยวเจ็บนะครับ”



ริมฝีปากได้รูปผละออกมาเพียงครู่เดียวเพื่อตอบคนรักก่อนจะกลับไปประจำตำแหน่ง มธุวันส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจจากการถูกปฏิเสธ แต่ก็โมโหได้ไม่นานเมื่อนิ้วยาวแทรกเข้ามาโดยไม่บอกไม่กล่าวจนร่างโปร่งสะดุ้ง



“เมฆ…เมฆ…”



สะโพกมนร่อนตามนิ้วยาวที่จงใจขยับผ่านจุดไวต่อความรู้สึกของเขา คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจ แต่คนแกล้งกลับยิ้มอย่างสนุกสนานก่อนจะเพิ่มจำนวนนิ้วอย่างอดสงสารคนที่บิดเร่าอย่าางอึดอัดตามจังหวะการขยับของเขาไม่ได้



“อ๊ะ…เมฆ อย่าแกล้ง…”



ดวงตาเรียวที่มักจะข่มขวัญพนักงานในบริษัทได้เสมอไม่ได้ทำให้เมฆารู้สึกกลัวสักนิดเมื่อลูกแก้วสีเทาฟ้านั้นสีเข้มขึ้นด้วยความต้องการ แต่เขาก็ไม่อยากแกล้งอีกฝ่ายไปมากกว่านี้



“พร้อมแล้วนะครับ เอ้า ฮึบ!”



“อะไร…อื้อ!!”


เสียงหวานถูกริมฝีปากได้รูปปิดกลืนหายไปเมื่อจู่ๆร่างสูงก็โอบเอวบางอุ้มเขาขึ้นมาจากโต๊ะ มธุวันตวัดขาโอบรอบเอวสอบอย่างตกใจ ก่อนจะร้องออกมาเมื่อรับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้ามาแทนนิ้วของคนรักอย่างไม่บอกกล่าว



“เมฆ…จะทำอะไร ไม่ อย่าขยับ อ๊ะ…”



คนถูกอุ้มกอดคอของคนขี้แกล้งที่ขยับพาเขาเดินเขาไปในห้องนอนแน่น แรงกระแทกทุกฝีก้าวของคนรักทำเอาร่างโปร่งแทบเห็นดาวก่อนจะถึงเตียงเสียอีก



“หึๆ อย่าคิดว่าจะจบง่ายๆแค่นี้นะ”



เมฆายิ้ม ขยับสะโพกเป็นจังหวะเนิบช้ายิ่งทำให้คนที่ต้องการการปลดปล่อยแทบคลั่ง มธุวันร่อนสะโพกตามจังหวะรักของชายหนุ่มอย่างเอาอกเอาใจ รู้ว่าทางเดียวที่จะได้รับความเมตตาจากคนรักคือการยอมตามเกมส์ของอีกฝ่ายจนพอใจ



“ค่อยน่ารักหน่อย”



เมฆาหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ ก่อนจะเร่งจังหวะให้ร่างข้างใต้สมใจปราถนา มธุวันโน้มคอของคนรักลงมามอบจุมพิตเราร้อนให้เป็นรางวัล เสียงหวานที่แหบพร่าด้วยแรงอารมณ์กระซิบแผ่ว



“ปีหน้า…อยากเอาคุณกระต่ายหรือคุณแมวเหมียวดีครับ?”



“ถ้าแค่หมอก จะเป็นอะไรเมฆก็’เอา’ทั้งนั้นแหละครับ”



ชายหนุ่มตอบจากใจจริง และรู้ว่าคำตอบนั้นจะทำให้เขาสลบคาเตียงในคืนนี้จากฝีมือของคนรักแน่นอน





แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทำให้อีกฝ่ายสลบไปด้วยหรอกนะ


------------

ตอนพิเศษพอกรุบกริบ ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักเน้อ55555

ออฟไลน์ mxb

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ช่างแตกต่างจาก now ฮืออ

ออฟไลน์ kobyp_lu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
แตกต่างกับตอนนี้มาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด