Chapter 21: [Now] คุก
“ฮัลโหล ว่าไงไอ้เมฆ”
นาวินทร์กดรับโทรศัพท์ของเพื่อนรัก เอนตัวพิงพนักของเบาะคนขับที่ตัวเองนั่งอยู่นานหลายชั่วโมงอย่างเมื่อยขบ ชายหนุ่มรับฟังเรื่องราวระทึกขวัญของเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉย ด้วยได้รับแจ้งจากคนในทีมเรียบร้อยแล้วว่านิโคไลสั่งให้ทำอะไร
“เออ เดี๋ยวกูจัดการให้ ว่างๆไปแดกเหล้ากัน อย่าเบี้ยวกูนะเว้ย เออๆ”
ชายหนุ่มกดตัดสาย เงยหน้ามองเจ้าของห้องบนชั้นสามที่เขาได้รับคำสั่งให้เฝ้าสังเกตการณ์ ที่ริมระเบียงซึ่งเปิดไฟสว่าง ชายหนุ่มร่างสูงในเสื้อกล้ามสีขาวเบาบางที่หากนาวินทร์ยกกล้องส่องทางไกลดูคงเห็นอะไรต่อมิอะไรชัดระดับฟูลเอชดีเดินออกมาตากเสื้อผ้ายามค่ำคืน ใบหน้าหล่อเหลาที่มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อดูจริงจังแม้กระทั่งยามตากผ้า เขาไม่เข้าใจว่ามธุวันทนนอนร่วมห้องกับอีกฝ่ายมาตลอดหลายปีได้อย่างไร หากเขาได้เป็นพี่ชายบุญธรรมของแดนดิน รับรองได้ว่าไม่เหลือรอดออกมาใส่เสื้อกล้ามตากผ้าอวดสายตาประชาชีแบบนี้หรอก
ร่างสูงคิดอย่างไม่ได้สำเหนียกเลยว่าพี่ชายของตัวเองติดอันดับมนุษย์ที่มีใบหน้าสวยที่สุดในโลกอันดับต้นๆ
ถ้าหากอีกฝ่ายไม่ใช่ภารกิจของเขา เขาจะไม่ลังเลที่เลยที่จะชวนแดนดินออกเดทอย่างจริงจัง คนคนนี้ตรงเสป็กเขาทุกอย่างราวกับหลุดออกมาจากโรงงานชายในฝัน แต่เขารู้ว่าต่อให้มธุวันไม่ใช่น้องชายของมาเฟียที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในโลกมืด ร่างโปร่งก็สามารถหาวิธีทรมานเขาได้ด้วยมือเปล่าได้อย่างไม่ยากเย็นหากรู้ว่าเขาบังอาจแตะต้องน้องชายบุญธรรมของตัวเอง
ดังนั้นคีย์เวิร์ดที่สำคัญที่สุดในภารกิจครั้งนี้คืออย่าให้มธุวันรู้เรื่องเป็นอันขาด
“กาแฟครับ”
เมฆาเงยหน้าขึ้นตามเสียงของคนที่เขานั่งทำงานรออยู่ ร่างสูงพยักหน้าขอบคุณแล้วรับแก้วกาแฟร้อนๆมาจากเลขาร่างโปร่ง แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปเสียแล้ว คนที่นั่งทำงานอยู่บนเตียงเด้งลุกตามอีกฝ่ายไปที่ทางเดินอย่างรวดเร็ว
“นี่ จะไปไหน”
“ท่านประธานอนุญาตให้ผมนอนที่ห้องทำงานแล้ว” ร่างโปร่งตอบ ไม่ยอมแม้แต่จะหยุดคุยกันดีๆ จนเมฆาทนไม่ไหวคว้าข้อมือบางไว้ให้หยุดเดินหนีเขาเสียที
“นี่นายเป็นอะไรอีกเนี่ย?”
“ผมต่างหากที่ต้องถามว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่? สนุกมากนักเหรอที่ต้องทำให้ชีวิตของคนอื่นวุ่นวายแบบนี้”
“นี่พูดเรื่องอะไร?”
เมฆาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“เด็กที่มาวันนี้ คนนึงเป็นลูกชายของคุณวีรภัทร”
“แล้วไง?”
เมฆายังคงไม่เข้าใจว่าทำไมการที่ลูกชายของเพื่อนสนิทธีรเชษฐ์มาค้างบ้านเขาเป็นเรื่องใหญ่อะไร
“คุณวศินเรียนคณะวิศวะ คุณทินกรเรียนคณะบริหาร” มธุวันกอดอก ถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มอารมณ์ที่คุกรุ่นในอก“คุณ
คิดว่าคนปกติจะเรียกคณะคู่แข่งมาช่วยวางแผนมั้ยว่าจะทำอะไรในงานประกวดเดือน”
“….”
“นอกจากว่าคุณทินกรจะถูกบังคับให้เรียกเพื่อนมาจนไม่ได้คิด” ร่างโปร่งเลิกคิ้ว “จริงมั้ยครับ?”
“แล้วฉันจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร” เมฆาถามย้อน
“นั่นแหละครับที่ผมกำลังถาม” มธุวันไม่แม้แต่จะกระพริบตา “คุณกำลังเล่นอะไรอยู่?”
คนโดนจับได้ถอนหายใจ เมฆายกมือยอมแพ้
“ก็ได้ ฉันอยากนอนกับนาย พอใจรึยัง?”
ถึงแม้จะเป็นคำตอบที่มธุวันคาดไว้ว่าจะได้ยิน แต่ร่างโปร่งก็อดรู้สึกถึงหัวใจที่กระตุกวูบกับคำพูดของคนตรงหน้าไม่ได้ เลขา
หนุ่มยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เปลี่ยนแแปลง
“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกพยายามได้แล้วครับ เพราะเรื่องระหว่างเราจะไม่มีวันเกิดขึ้น”
“ทำไม?นายก็บอกเองนี่ว่าไม่มีแฟนแล้ว?”
เมฆาเลิกคิ้ว ขยับก้าวย่นระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งคู่ มธุวันอยากจะก้าวถอยตามสัญชาตญาณ แต่ทิฐิในใจมีมากเกินกว่าจะยอมให้อีกฝ่ายได้ความสะใจที่เห็นเขาเป็นคนหนี
“ไม่มีแฟนก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องกระโดดใส่ผู้ชายทุกคนที่สนใจ” ร่างโปร่งตอกกลับอย่างหงุดหงิด พยายามไม่สนใจอุณหภูมิของร่างสูงที่ใกล้จนรู้สึกได้ “อีกอย่าง...ผมไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับคนอย่างคุณ”
“คนอย่างฉันมันทำไม?”
ร่างสูงถาม น้ำเสียงไม่มีแววโมโหกับคำพูดของอีกฝ่ายแต่อย่างใด มธุวันขยับตัวเล็กน้อยอย่างลืมตัว ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าหลังของตัวเองแทบจะชนกับประตูห้องทำงานของธีรเชษฐ์อยู่แล้ว
“ก็ไม่ทำไม ผมแค่ไม่ชอบ เลิกตอแยผมซะที รำคาญ”
เมื่อไม่มีที่ให้ถอย ร่างโปร่งทำได้เพียงเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดหมันต์เมื่อเขาได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำชิดริมหูที่ส่งกระแสไฟฟ้าแล่นปราดไปทั่วร่างอย่างห้ามไม่อยู่
“หึ…ฉันว่านายเข้าใจอะไรผิดแล้ว มธุวัน” เมฆาแสยะยิ้มอวดเขี้ยวแหลม “ฉันจะถูกใจใคร จะชอบใคร มันไม่ใช่กงการอะไรของนาย”
“นี่คุณ...!”
คนที่หันขวับกลับมาหุบปากฉับทันทีเมื่อเห็นว่าริมฝีปากของพวกเขาทั้งคู่อยู่ใกล้เสียจนเขามั่นใจว่าเมื่อครู่เขาเผลอปัดไปโดนริมฝีปากได้รูปนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ถ้าฉันอยากจีบนาย ฉันจะจีบ คำพูดของนายไม่มีผลอะไรกับฉัน จำไว้”
ร่างสูงผละออกจากเลขาหนุ่มที่นานๆทีจะไม่มีคำพูดเจ็บแสบตอกกลับมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงของผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า
“อ้อ…ฉันล็อกห้องทำงานของพ่อไว้แล้ว พ่อเป็นคนเดียวที่มีกุญแจ อย่าเสียเวลาตามหาเลย”
ร่างโปร่งมีสีหน้าไม่เชื่อ หันกลับไปกดมือจับประตูดันเข้าไปแต่ไม่เป็นผล เสียงหัวเราะของเมฆาที่ดังห่างออกไปเรื่อยๆยิ่งทำให้เขาพยายามดันประตูแรงขึ้น แต่เจ้าแผ่นไม้บานใหญ่ยังคงไม่ขยับ
“ถ้ายอมแพ้เมื่อไหร่ก็กลับมาแล้วกัน” เสียงของเมฆาดังขึ้นจากอีกฟากของทางเดิน “สำหรับนายห้องนอนฉันเปิดกว้างเสมอ”
จะบ้ารึไง? ใครจะไปยอมแพ้กันล่ะ!
ในที่สุดมธุวันก็ยอมแพ้หลังจากสู้รบปรบมือกับประตูห้องทำงานของธีรเชษฐ์ แล้วเขาก็ไม่หน้าหนาพอที่จะเข้าไปนอนห้องนอนแขกที่ป้าแต้วพูดอย่างชัดเจนว่าไม่มีอะไรอยู่ในนั้นนอนจากฟูกเปล่ากับฝุ่น ถึงเขาจะนอนได้ แต่มธุวันรู้ดีว่านั่นจะทำให้ป้าแต้วเสียความรู้สึกในฐานะแม่บ้านมากเพียงใด
ร่างโปร่งยืนอยู่หน้าห้องนอนของเมฆาหลังจากเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เขารู้ดีว่าสิ่งหนึ่งที่เมฆาไม่เหมือนกับบิดาของตน คือชายหนุ่มไม่สามารถโต้รุ่งได้อย่างธีรเชษฐ์ ดังนั้นเขาจึงได้แต่ภาวนาให้อีกฝ่ายทนง่วงไม่ไหวหลับไปแล้ว
ทว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไป บนเตียงของร่างสูงกลับว่างเปล่าไร้เงาของเจ้าของที่ควรจะนอนอยู่บนนั้น มธุวันขมวดคิ้ว ก่อนจะสังเกตเห็นก้อนขยุกขยุยที่น่าจะเป็นเจ้าของห้องที่หายไปนอนบนพื้นที่มีเพียงผ้าห่มสำรองปูอยู่ ทั้งที่รู้ว่าไม่ควร แต่มธุวันก็อดยิ้มมุมปากกับภาพที่เห็นไม่ได้
ไม่! อย่าหวั่นไหวกับเรื่องไร้สาระแบบนี้สิ!
มธุวันสะบัดหน้าไปมาอย่างแรงไล่ความคิดฟุ้งซ่านที่ผุดขึ้นมาในหัว เลขาหนุ่มค่อยๆนั่งลงบนเตียง สอดตัวลงใต้ผ้าห่มอย่างเงียบเชียบ ร่างโปร่งตะแคงนอนหันหลังให้คนที่นอนหลับสนิทอยู่บนพื้น ตั้งใจจะตื่นก่อนแล้วรีบออกไปจากห้องให้เร็วที่สุด
สิ่งที่มธุวันลืมคำนึงถึงคืือความสามารถในการนอนดิ้นของตัวเอง เพราะเมื่อลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นคือใบหน้าคมที่หลับตาพริ้มอยู่ใกล้แค่คืบ รวมถึงร่างที่กอดรัดเขาไว้แน่นราวกับอนาคอนด้ากำลังจะขย้ำเหยื่อ
พูดถึงอนาคอนด้า....
“คุณเมฆา!ตื่น!”
ร่างโปร่งตบเพี้ยะลงบนท่อนแขนใหญ่ของชายหนุ่มเมื่อรู้สึกถึงเจ้าอนาคอนด้าตัวจริงที่ตัวท่าเตรียมจู่โจมในยามเช้าเช่นกัน เมฆาไม่ยอมลืมตา แต่เขาเห็นว่ามุมปากของคนที่’หลับ’อยู่ยกขึ้นเล็กน้อย
เล่นแบบนี้ใช่มั้ย...ได้!
มธุวันยกมือขึ้นบีบจมูกของร่างสูงไว้แน่น มืออีกข้างปิดปากอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ได้รับอากาศหายใจ จนกระทั่งคนแกล้งหลับทนไม่ไหวลุกขึ้นนั่งหอบเอาอากาศหายใจ
“นี่คิดจะฆ่ากันรึไง?”
“ผมก็แค่ช่วยปลุก” มธุวันที่เป็นอิสระจากหนวดปลาหมึกชันตัวขึ้นนั่งตามอีกฝ่าย
“เหอะ คนเรา อ่อยเองโกรธเอง”
เมฆาลูบจมูกที่แดงแจ๋ของตัวเองเซ็งๆ
“ใครอ่อย?”
มธุวันกอดอกอย่างไม่พอใจ ร่างสูงเลิกคิ้ว
“ก็ใครล่ะที่ฉันอุตส่าห์ยอมลงมานอนบนพื้นก็ยังกลิ้งตุบตามลงมาอีกน่ะ” เมฆาฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ทีหลังอยากนอนด้วยก็บอกดีๆสิ”
“หลงตัวเอง”
ร่างโปร่งกลอกตาอย่างเหลืออด ลุกหนีอีกฝ่ายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงบทสนทนาที่ดูอย่างไรเขาก็น่าจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เมฆามองตาม นัยน์ตาสีควันบุหรี่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้อีกฝ่ายตกหลุมรักตัวเองอีกครั้ง ถึงแม้ตัวเขาในตอนนี้จะดูห่างไกลจากเด็กหนุ่มที่เขาเห็นในเศษเสี้ยวความทรงจำเล็กๆที่เขายังปะติดปะต่อเรียงร้อยเป็นเรื่องราวไม่ได้ แต่เขาก็เชื่อว่าตัวเขาคนใหม่ในตอนนี้จะสามารถเอาชนะใจมธุวันคนใหม่ที่ไม่มีอะไรเหมือนกับเด็กหนุ่มร่างโปร่งเจ้าของรอยยิ้มอ่อนโยนนั้นได้
ก็คนมันรักไปแล้วนี่ เขามีทางเลือกอื่นนอกจากสู้ด้วยรึไง