Cr. Pic [F.GC]
say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด
#พี่กันต์สายอ่อย ด้วยนะคะ
บท10 l “ขยับเข้ามาได้ไหม...ขยับมาใกล้กัน”ห้องสมุดคงเป็นสถานที่เดียวที่เงียบสงบที่สุดในมหาวิทยาลัย แม้จะมีคนใช้บริการอยู่มากมายกลับไม่มีเสียงดังเลยสักนิด แค่เผลอขยับเก้าอี้เสียงดังไปหน่อยก็รู้สึกถึงสายตาจากรอบด้านมองตรงมาให้ต้องรีบก้มหัวขอโทษขอโพยยกใหญ่ โดยเฉพาะช่วงเวลาใกล้สอบแบบนี้ด้วยแล้ว อีกเพียงแค่สองสัปดาห์ก็จะเข้าสู่ช่วงสอบกลางภาคแล้ว จากวันแรกที่เปิดเทอม… ผ่านมาจะครึ่งเทอมแล้ว
แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมยิ่งใกล้ช่วงสอบ งานมากมายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทำแทบจะไม่ทัน โชคยังดีที่ปีหนึ่งคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์นั้นมีเรียนไม่กี่ตัว และวิชาในคณะอาจารย์ก็ยังใจดีขยายเวลาส่งงานออกไปให้ ขอแค่ให้ส่งก่อนจะสิ้นสุดการสอบกลางภาคของมหาวิทยาลัยแค่นั้น เลยทำให้มีเวลาเพิ่มขึ้นและเอาเวลานั้นมาปั่นงานวิชานอกคณะ
วันนี้เดียร์ ทัชและหินผาต่างมารวมกันที่ห้องสมุดเพื่อหาหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ดนตรีเพื่อเอาไปใช้ประกอบในการทำรายงานส่ง ทั้งสามคนแยกย้ายกันไปยังชั้นหนังสือแต่ละชั้นเพื่อหาหนังสือที่จะเอามาใช้ หยิบติดมือกันมาคนละสองสามเล่มก่อนจะหอบหนังสือไปทำเรื่องยืมหนังสือกัน
“ไปนั่งทำที่โรงอาหารแล้วกัน กูชักจะหิวๆ แล้วด้วยว่ะเมื่อเช้ารีบไม่ได้กินอะไรเลย” ทัชว่าระหว่างที่กำลังตัดสินใจกันว่าจะไปนั่งทำรายงานกันที่ไหนดี
เมื่อมีคนเสนอมาอีกสองคนก็พยักหน้ารับทันทีอย่างไม่อิดออด พวกเขาจึงหอบกระเป๋ากับหนังสือที่เพิ่งจะยืมมาไปยังโรงอาหารกลาง โชคดียังมีโต๊ะว่างใกล้ๆ กับปลั๊กไฟพอดี
พอวางของได้ทัชก็ปลีกตัวไปซื้อข้าวทันที ส่วนหินผาก็เดินไปซื้อน้ำโดยรับออเดอร์จากเพื่อนอีกสองคนไปด้วยจึงเหลือแค่เดียร์ที่นั่งเฝ้าโต๊ะอยู่ ไม่นานทั้งสองคนก็กลับมา เดียร์กับหินผาปล่อยให้ทัชนั่งจัดการกับข้าวของตัวเองไปส่วนพวกเขาก็จดหัวข้อที่จะต้องใส่ลงในรายงาน
ความหนาของหนังสือทำเอาพวกเขาแทบจะถอดใจเพราะมันช่างหนาเหลือเกิน
“ไงเด็กๆ” เสียงทักที่ดังขึ้นเหนือหัวเรียกให้สายตาของทุกคนเงยขึ้นมองก่อนจะพากันยกมือไหว้เมื่อเห็นว่าเป็นรุ่นพี่ที่คณะ
“สวัสดีครับพี่โอ พี่นัท พี่ต๊อบ” พูดกันอย่างพร้อมเพรียงแถมเรียกชื่อครบทุกคน
“เออๆ ทำไรกันวะเนี่ย” โอถามชะโงกหน้ามามองหนังสือที่รุ่นน้องกางเต็มโต๊ะ “รายงานวิชาดนตรีเหรอวะ”
“ใช่ครับพี่ ส่งอาทิตย์หน้าแล้วเลยต้องเร่งทำหน่อย” หินผาเป็นคนเอ่ยตอบรุ่นพี่
“เคยทำเหมือนกัน คะแนนดิบด้วยสิรายงานนี้” นัทตอบพลางเปิดหนังสือที่รุ่นน้องกางอยู่ดู “ตอนนั้นพวกพี่ทำได้คะแนนมาแค่ครึ่งเดียวเอง แต่ก็ยังดีเพราะมันก็ยังเป็นคะแนนช่วยให้ไม่ติดเอฟละนะ”
“ยากขนาดนั้นเลยเหรอพี่” เหล่ารุ่นน้องที่ฟังก็ชักจะหน้าเสีย เป็นที่รู้กันดีว่าอาจารย์ผู้สอนวิชานี้ไม่ค่อยจะปล่อยเกรด อีกทั้งดูแล้วเหมือนจะไม่ค่อยชอบนักศึกษาที่มาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์สักเท่าไหร่
“ก็อย่างที่รู้ๆ กันละนะ แต่ถ้าอยากได้คะแนนดีก็ต้องนี่เลย… ปรึกษาพี่ปีสาม” โอตบไหล่รุ่นน้องเป็นเชิงปลอบใจ
“หือ… ใครเหรอครับ” รีบถามกลับด้วยความสนใจทันที
ยังไม่มีใครได้ตอบอะไรต๊อบก็หันไปเห็นรุ่นพี่ที่เดินเข้ามาในโรงอาหารพอดีจึงยกมือทักทายให้คนทั้งกลุ่มหันมามองก่อนจะพากันเดินเข้ามาหารุ่นน้อง
“สวัสดีครับพี่ๆ” พวกเดียร์ยกมือไหว้เมื่อเห็นพี่ๆ เดินเข้าใกล้
“ดีจ้าเด็กๆ ทำอะไรกันอยู่” เป็นใบบัวที่ทักรุ่นน้องเสียงใส ทุกคนขยับตัวเพื่อให้รุ่นพี่ปีสามหย่อนตัวลงนั่งด้วยกัน
“ไอ้พวกนี้กำลังทำรายงานวิชาดนตรีอยู่พี่” เป็นโอที่ตอบคำถามนั้นให้แทนรุ่นน้องปีหนึ่ง โดยมีทั้งสามคนพยักหน้ารับยืนยันคำพูดของเขา “นี่เลย ถ้าอยากได้คะแนนวิชานี้เยอะๆ ต้องนี่…”
โอผายมือไปทางคนที่ยืนอยู่ตรงหัวโต๊ะเพราะที่นั่งเต็ม เจ้าตัวเลยเด่นขึ้นมาทันทีเพราะรุ่นน้องปีหนึ่งทั้งสามคนก็หันไปมองตามมือของรุ่นพี่
“ผู้เป็นตำนานที่คว้าเอวิชานี้มาได้”
“โฮ…” พอได้ยินแบบนั้นทั้งเดียร์ ทัชและหินผาก็ร้องออกมาทันที
“เชิญพี่กันต์ให้คำแนะนำน้องๆ หน่อยครับ” ต๊อบว่าเสียงทะเล้นเลยได้มะเหงกจากกันต์ไปที ซึ่งเจ้าตัวก็โอดครวญไปรอบอย่างที่รู้ว่าแกล้งทำ
พวกปีสองอยู่ก่อกวนต่ออีกไม่นานก็พากันกอดคอเดินออกไปเพราะมีเรียนต่อทั้งโต๊ะจึงเหลือเพียงปีหนึ่งสามคนและปีสามอีกหกคน
“ไปซื้ออะไรมากินดีกว่า อยากกินขนม” ใบบัวว่าก่อนจะชักชวนใยไหมไปด้วยกัน มีไข่เจียวตามไปช่วยสองสามถืออีกคน เพราะตั้งใจว่าจะปักหลักนั่งโต๊ะเดียวกับน้องๆ นี่แล้ว
“เด็กๆ เอาอะไรไหม เดี๋ยวพี่ซื้อมาให้” ใยไหมหันมาถาม ได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าจากน้องๆ “โอเค เดี๋ยวพี่ดูมาให้แล้วกันเนอะ”
พอพวกใยไหมเดินออกไป ทั้งเดียร์ ทัชแล้วก็หินผาหันมามองคนที่ยังยืนอยู่ตรงหัวโต๊ะไม่ไปไหน “พี่ทำยังไงถึงได้เอวิชานี้มา”
“ก็ไม่ได้ทำยังไง ทำงานส่งแล้วก็สอบแค่นั้นเอง” กันต์ตอบไปตามความจริง เพราะเขาก็ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ไปบนบานศาลกล่าวหรืออะไรก็แค่ทำงานส่งตลอด อ่านหนังสือแล้วก็เข้าไปสอบแค่นั้น
“มันต้องมีอะไรกว่านั้นสิ ไม่อย่างนั้นพี่จะได้เอมาได้ยังไงกัน” เดียร์ถาม คิ้วขมวดเข้าหากันจนน่ายื่นมือไปจิ้มเพื่อให้มันคลายออก
“มันก็แค่… สอบได้ทุกข้อไม่มีพลาด ข้อเขียนก็เขียนได้ละเอียดยิบไม่มีขาดไม่มีเกิน ตอนรายงานก็ทำดีเวอร์จนอาจารย์ไม่รู้จะเอาอะไรไปหักคะแนนมัน มันถึงได้เอมาไง” เป็นป่าไม้ที่ตอบคำถามของรุ่นน้อง
“ตอนสอบ อาจารย์ให้เขียนประวัติดนตรี มันก็เขียนหมดทุกอย่างครบทุกสิ่ง เขียนลงไปแม้กระทั่งว่าใครคิดค้นเครื่องดนตรี ปีไหน อะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้อย่างกับเอามาจากในหนังสือ แถมเขียนดีกว่าในหนังสืออีก”
“โฮ… พี่แนะนำพวกผมหน่อยสิ” ทัชขอร้อง ทำตาปริบๆ เหมือนจะให้รุ่นพี่เห็นใจ มีหินผาพยักหน้าอีกคน
“นะพี่ อย่างน้อยรายงานนี่ก็ได้ทำยังไงถึงจะได้คะแนนดีๆ ครับ” หินผาขอร้องอีกคนพลางชี้นิ้วไปที่กองหนังสือที่วางอยู่เต็มโต๊ะ
“ถามไอ้สองคนนี้สิ พวกนี้ก็อยู่รายงานกลุ่มเดียวกันกับพี่” กันต์ชี้ไปที่เพื่อนทั้งสองคน จนดิวกับป่าไม้หน้าเหวอไปทันที
พอได้ยินแบบนั้นปีหนึ่งทั้งสามคนก็รีบเบนสายตาไปหาดิวกับป่าไม้ “แนะนำหน่อยสิครับพี่ดิว พี่ไม้”
ดิวหัวเราะก่อนจะตอบ “พี่มีหน้าที่แค่หาข้อมูลเอง”
“ส่วนพี่มีหน้าที่พิมพ์งาน” ป่าไม้ตอบ “หน้าที่วิเคราะห์ ทำเนื้อหา มันคนเดียวเลย” ชี้นิ้วกลับไปที่กันต์ “มึงก็ช่วยน้องมันหน่อย”
กันต์ตั้งท่าจะพูดแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเดียร์ก็พูดขึ้นเสียก่อนจนเขาปิดปากตัวเองทันที “นะพี่นะ แนะนำผมหน่อย ผมอยากได้คะแนนดีๆ อ่า… นะพี่กันต์”
เดียร์กระพริบตาปริบๆ หวังให้อีกฝ่ายเห็นใจ ช้อนตาขึ้นมองสเต็ปเดียวกับตอนอ้อนขอให้ซื้อขนมให้
“นะพี่กันต์…”“จริงๆ แล้วก็แค่สรุปใหม่เท่านั้นแหละ” คนที่ทำเป็นเล่นตัวตอนแรกก็เอ่ยปาก “อย่าลอกเนื้อหา ประโยคมาจากในหนังสือ แต่เอามาเรียบเรียงใหม่ด้วยประโยคของเราเอง แค่นั้นแหละก็ได้คะแนนแล้ว อาจารย์เขาแค่อยากให้เราตั้งใจทำ อ่านสรุปความแล้วก็เรียบเรียง แต่ส่วนใหญ่จะชอบลอกมาจากในหนังสือ ประโยคเดิมๆ ซ้ำๆ อาจารย์เขาก็ให้คะแนนน้อยน่ะสิ”
ดิวหลุดยิ้มขำตอนที่ฟังเพื่อนสนิทอธิบายให้น้องปีหนึ่งฟัง ป่าไม้ที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมองอย่างไม่เข้าใจว่าเพื่อนหัวเราะอะไร “ขำอะไรของมึงวะ”
“ก็เปล่า… ขำคนแพ้ทางเด็ก” ดิวพูดเสียงเบาเพราะไม่ต้องการให้กันต์ได้ยิน
ป่าไม้ทำหน้างงหนักกว่าเดิมก่อนจะมองตามสายตาของเพื่อนไป ดิวกำลังมองกันต์ที่กำลังตอบคำถามของเดียร์อยู่ หันมามองดิวอีกรอบแล้วหันกลับไปมองกันต์ก่อนที่ดวงตาของป่าไม้จะเบิกกว้างขึ้น
“อย่าบอกนะว่า… ที่มึงพูดวันนั้น หมายถึงน้อง…”
“มึงคงต้องถามมันเองแหละนะ” ดิวว่าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นระหว่างรอเพื่อนๆ ส่วนป่าไม้ก็เอาแต่จ้องกันต์สลับกับเดียร์ไม่หยุด
จนคนถูกมองรู้ตัว ทั้งคู่จึงหันมามอง กันต์หรี่ตามองเพื่อนก่อนจะถามเสียงเข้ม “มองอะไรของมึง”
“ป เปล๊า ไม่ได้มองอะไร” เสียงที่สูงกว่าปกติร้องบอก และนั่นก็ไม่ได้ทำให้กันต์เชื่อเลยสักนิดอีกทั้งยังสงสัยมากขึ้นไปอีกจนต้องก้มลงไปหาเพื่อนและกดเสียงเข้มกว่าเดิมถาม
“มองน้องทำไม”คราวนี้ละป่าไม้ถึงกับตาโตหันไปมองดิวทันที ซึ่งอีกคนก็ทำเพียงแค่หัวเราะในลำคอ คำตอบของคำถามของป่าไม้ดูเหมือนจะถูกไขให้กระจ่างแล้ว
มันก็เห็นอยู่ว่าเขามองทั้งมันแล้วก็น้อง แต่มันกลับทำเสียงเข้มแล้วถามว่ามองน้องทำไม นี่ไม่ใช่ว่าเพื่อนกันต์กำลังหึงอยู่หรอก… ใช่ไหม…
ใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาทีในการทำความเข้าใจ จากตอนแรกที่ทำตาโตก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์แทนจนเป็นกันต์บ้างที่ชะงักไป “อะไรของมึง”
“เปล๊า~… เชิญมึงให้คำแนะนำ ‘น้อง’ ต่อเลยครับ” ป่าไม้ว่าทั้งๆ ที่ยักคิ้วหลิ่วตามาให้จนคนมองนึกอยากจะเอานิ้วจิ้มให้ตาบอด
สุดท้ายก็เลยตบหัวเพื่อนไปทีจนป่าไม้ร้องโอดโอยหันไปฟ้องใบบัวกับใยไหมที่เพิ่งเดินกลับมาว่าตัวเองโดนทำร้าย แต่แทนที่เพื่อนจะสงสารและเห็นใจกลับหัวเราะเสียอย่างนั้น
“เด็กๆ กินขนมเลยนะ พี่ซื้อมาให้” ใบบัวว่าวางถาดกระดาษที่ใส่ขนมปังปิ้งเอาไว้ลงตรงหน้าน้องปีหนึ่งพร้อมน้ำอีกคนละแก้ว
“ขอบคุณนะครับ” พวกเดียร์ได้แต่ยกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนที่จะลงมือทำรายงานกันต่อ
ปีสามอยู่นั่งเล่นต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะพากันไปขึ้นเรียน จนเหลือแต่พวกเดียร์สามคนเหมือนเดิม วันนี้พวกเขาไม่มีเรียนตั้งใจว่าจะปักหลักทำรายงานอยู่ตรงนี้นี่แหละ
แต่เพราะว่าตรงที่นั่งอยู่เป็นโรงอาหารที่มีนักศึกษาเดินไปเดินมาตลอด ทำเอาสมาธิทำงานของพวกเขาหลุดบ่อยๆ จนสุดท้ายเดียร์ก็ถอนหายใจแล้ววางปากกาในมือลง
“กูคิดไม่ออกเลยว่ะ เรียบเรียงยังไงแม่งก็เหมือนลอกมาจากในหนังสืออยู่ดี”
“กูก็เหมือนกัน” ทัชเป็นอีกคนที่วางมือจากงานตรงหน้า “จะเรียบเรียงยังไงให้เป็นภาษาตัวเองไม่ลอกหนังสือวะ ไหนมึงเอาของมึงมาดูดิ”
หันไปคว้ากระดาษของหินผามากวาดสายตาอ่าน “ของมึงดีกว่าของกูว่ะ”
“กูว่าแยกกันกลับไปทำดีไหม ที่นี่เสียงดังคงคิดอะไรกันไม่ออก ลองไปทำส่วนของตัวเองกันมาก่อนแล้วมาดูกันอีกทีว่าใช้ได้หรือยัง” เป็นหินผาที่เสนอความคิดขึ้นมา
เดียร์กับทัชหันมองกันก่อนจะพยักหน้ารับ “เอาแบบนั้นก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยมาดูกันอีกทีว่าจะรอดหรือไม่รอด ถ้าไม่รอดก็…”
“ไม่รอดก็อะไรวะ” ทัชหันไปถามเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของตัวเอง
“ก็ต้องเอาให้รอดไง… แฮ่…”
“แฮ่…” ทัชยิ้มก่อนจะตบหัวเพื่อนไปที “แฮ่บ้านมึงสิไอ้เตี้ย!”
เดียร์จิ๊ปากอย่างขัดใจ ยกมือลูบหัวตัวเอง “มึงนี่ก็ชอบตบหัวกูจริง”
“พอๆ เก็บของแล้วกลับห้องกันดีกว่า” หินผาเอ่ยห้ามเมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสองคนตั้งท่าเตรียมจะวางมวยกันอีกแล้ว
“เห็นแก่พ่อกูห้ามนะมึง” ทัชว่าพลางชี้หน้าเดียร์ สุดทายก็ต้องใช้มือข้างนั้นกุมหัวตัวเองเพราะโดน ‘พ่อ’ ที่ว่าตบหัวเข้าให้
“มึงนี่ก็นะ…”
เดียร์หัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจ นานๆ จะได้เห็นเพื่อนใหม่หลุดอาการแบบนี้สักที พักหลังๆ มานี้ไอ้ทัชก็ชอบแกล้งเพื่อให้หินผาหลุดมาดของตัวเอง เป็นอะไรที่บรรเทิงใจมากทีเดียวสำหรับเขา
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยว่าจะแยกย้ายพวกเขาก็เลยช่วยกันเก็บของ แบ่งหนังสือกันไปคนละเล่มสองเล่มเอาเล่มที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของตัวเองไปเพื่อไปอ่านแล้วสรุปความออกมา
หินผาแยกไปอีกทางเพราะเจ้าตัวจอดรถคนละที่กับทัช สองเพื่อนซี้ตั้งแต่เด็กเลยแยกมาอีกทางหนึ่ง เดียร์เดินไปเปิดประตูหลังเพื่อเอาหนังสือไปเก็บก่อนจะเดินมานั่งเบาะข้างคนขับเหมือนเช่นทุกครั้ง ก่อนที่ทัชจะขับรถออกจากมหาวิทยาลัยไป
“เอาจริงนะ ตอนกูฟังพี่กันต์เขาอธิบายดูเหมือนจะง่ายนะโว้ยแค่อ่านแล้วก็สรุปออกมา เรียบเรียงออกมาใหม่อ่ะ” ทัชพูดระหว่างขับรถ ยกมือข้างหนึ่งยีผมตัวเองจนกระเซิงไปหมด “ทำไมพอทำจริงแม่งยากจังวะ”
“นั่นดิ ฟังแล้วโคตรง่ายเลย จนกูนี่คิดได้เป็นฉากๆ เลยว่าเราต้องได้คะแนนรายงานเต็มแน่นอนอ่ะ” เดียร์เองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อน “แต่พอทำแล้วแม่งไม่ใช่เลยว่ะ”
ทั้งคู่หันมองหน้ากัน…
“แล้วเราจะรอดไหมวะ”
ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกัน…
แล้วก็หันมองหน้ากันอีกรอบ เดียร์ยกมือเกาหัวตัวเองก่อนจะถอนหายใจ “ยังไงก็ลองดูก่อนแล้วกัน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ค่อยคิดกันอีกทีว่าจะเอายังไงดี อย่างน้อยไอ้หินผาก็คงจะพอทำได้อยู่หรอก เราก็ผสมๆ กันไปแม่งเลยทั้งลอกทั้งสรุปเอง พวกพี่กันต์เขาทำได้ยังไงวะ”
“เอ่อ! จริงด้วย” ทัชดีดนิ้วก่อนจะหันมามองเพื่อนแล้วยิ้มกว้าง “ห้องมึงอยู่ข้างๆ ห้องพี่กันต์นี่ มึงลองขอพี่เขาดูเล่มรายงานดิจะได้รู้ว่าพี่เขาเขียนประมาณไหน ไหนๆ ตอนนี้มึงก็คืนดีกับพี่เขาแล้วนี่”
“คืนดีเชี่ยไรมึง!”
“อ้าว! ก็มึงไม่ได้อคติอะไรกับพี่เขาแล้วนี่ ก็ลองไปขอพี่เขาดูดิ เมื่อกี้ขอให้พี่เขาแนะนำพี่เขายังแนะนำเลย ถ้าขอดูเป็นตัวอย่างเป็นแนวทางพี่เขาก็คงให้อยู่แล้วล่ะ ดูไม่ใช่คนที่จะขี้งกอะไรกับรุ่นน้องด้วยนะ” ทัชพูด ซึ่งเดียร์เองก็แอบพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ในใจ
จริงๆ ก็แอบคิดเอาไว้เหมือนกันว่าถ้าไม่รอดคงจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ข้างห้อง ถ้าจะให้พูดความคิดตัวเองออกไปก็ไม่อยากจะพูด เดี๋ยวจะโดนไอ้เพื่อนตัวดีกระแหนะกระแหนใส่อีก แต่พอมันเสนอความคิดมาแบบนี้ก็พยักหน้ารับตามน้ำกันไป
“มึงคิดว่าพี่เขาจะยอมให้ดูเหรอวะ” แม้จะพูดแบบนั้นแต่ในหัวนั้นคิดไปแล้วว่าจะพูดขออะไรอย่างไรดี
“มึงก็ลองดูดิหว่า ใช้วิชาอ้อนที่มึงถนัดน่ะลองอ้อนพี่เขาดูดิ เหมือนเวลามึงอ้อนแด๊ดอ้อนมัมอ้อนพี่ชายมึงอ่ะ”
ได้ยินแบบนั้นเดียร์ก็เบ้ปากใส่เพื่อนทันที “กูได้โดนพี่มันถีบออกจากห้องแทนน่ะสิ เอ่อๆ เอาไว้เดี๋ยวถ้าไม่รอดจริงๆ กูจะลองเอาวิธีของมึงไปคิดดูแล้วกัน”
“เออ ตามนั้น แยกย้าย เดี๋ยวกูไปซื้อของที่มินิมาร์ทก่อน ยังไงก็คุยกันในกลุ่มแล้วกัน” ทัชว่าหลังจากที่จอดรถเรียบร้อยแล้ว
เดียร์พยักหน้ารับ หยิบหนังสือในส่วนของตัวเองมาถือเอาไว้ก่อนจะแยกไปอีกทางเพราะลิฟต์ที่จะใช้ขึ้นไปบนห้องพักกับลิฟต์ที่จะลงไปยังชั้นมินิมาร์ทนั้นเป็นคนละตัวกัน
เข้าห้องได้ก็ตรงเอาหนังสือไปวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาก่อนจะทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวบนโซฟา มองกองหนังสือเล่มหนาแล้วก็ถอนหายใจออกมา ตัดสินใจว่าจะขอพักผ่อนเสียก่อนแล้วค่อยลุยงานกันใหม่ เผื่อหลับไปแล้วตื่นมาหัวสมองจะโล่งคิดงานออกก็ได้
คิดได้แบบนั้นก็หยิบโทรศัพท์มาตั้งปลุกเอาไว้กันหลับเพลินก่อนจะปิดเปลือกตาลง ใช้เวลาไม่นานก็หลับไปทั้งๆ ที่ยังนอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟาแบบนั้น
************************************************
งุ้ยๆ มีความอ้อนพี่ มีความยอมน้อง คืออะไรคะ คืออะไร นี่ยังไม่ได้อ่อยน้องนะ นี่น้องยังไม่ได้ชอบนะ แต่พอน้องอ้อนก็อ่อนไปหมดพี่กันต์เอ๊ยยยยย! ไม่รักนวลสงวนตัวเลยอ่ะพี่กันต์!! ฮ่าาาาาาา
ใจเย็นเนอะๆ ให้พี่ให้น้องค่อยๆ ทำความคุ้นเคยกันไปเนอะ ไม่ต้องรีบเนอะ อยู่ด้วยกันกันไปนานๆ เลยดีไหม??? นิยายฟางนี่ยาวดีเนอะ ผ่านมาจะ 10 ตอนแล้ว พระเอกของเรายังไม่ได้เริ่มอ่อยน้องเลยสักนิด แล้วเมื่อไหร่จะได้รักกันนนนนนนนน โอ๊ย อิพี่นี่... ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปแล้วกันเนอะๆๆๆ ^^ เจอกันตอนหน้าจ้า
ปอลอ. ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายของฟางจ้า ขอบคุณนะคะ
ปล. เหตุการณ์รับน้อง การเรียนการสอน รวมไปถึงข้อมูลบางส่วนที่ใส่ในนิยาย บางส่วนฟางเอามาจากชีวิตจริงที่ฟางได้เจอมาตอนเรียน บางส่วนฟางแต่งเติมเสริมขึ้นมาเอง และได้รับการอนุญาตจากทาง รศ.ดร.นฤพนธ์ ไชยยศ คณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้เผยแพร่แล้วค่ะ
เจอคำผิด บอกได้ค่า
อ่านแล้วเมนต์หน่อยน้า ไม่งั้นพี่กันต์น้อยใจแย่เลย รักพี่กันต์เมนต์ รักน้องเดียร์เมนต์ รักคนแต่งเมนต์ ไม่รักกันก็เมนต์ค่า
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รัก #พี่กันต์สายอ่อย กันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ