♡ Faculty of Love . 1 My Dear ; รักของผม ผมจัดเอง ♡ เปิด Pre-Order l P.57
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♡ Faculty of Love . 1 My Dear ; รักของผม ผมจัดเอง ♡ เปิด Pre-Order l P.57  (อ่าน 313105 ครั้ง)

ออฟไลน์ fangiily

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +741/-12


Cr. Pic [Pinterest]

say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #พี่กันต์สายอ่อย ด้วยนะคะ





บท03 l “เมธาวิน บริสตัน”





✥ ✥ ✥ ต่อค่ะ 100% ✥ ✥ ✥





แฮ่กๆ



เสียงหอบแฮกดังมาจากคนที่กำลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อไปให้ทันเวลาเข้าเรียน เช้านี้เมธาวิน มีเรียนตอนเก้าโมงเช้า และเป็นวิชานอกคณะที่อาจารย์ประจำวิชาไม่ค่อยจะสอบเด็กคณะสถาปัตย์สักเท่าไหร่ ซึ่งเพราะอะไรนั้นเขาเองก็บอกไม่ได้ แล้วเมื่อถึงเวลาเรียนอาจารย์ก็จะล็อคห้องทันที และคาบนั้นก็จะถูกเช็คว่าโดดเรียนด้วย ไอ้คนตื่นสายเป็นกิจวัตรประจำวันอย่างเขาเลยต้องวิ่งหน้าตั้งมานี่แหละ



ไอ้เพื่อนตัวดีก็ไม่คิดจะรอกันบ้างเลย แต่จริงๆ แล้วมันก็รอนั่นแหละแต่เขาดันสายเอง มันเลยหนีมาก่อน



พลั่ก!



เหมือนเหตุการณ์จะซ้ำรอย คนที่เอาแต่วิ่งหน้าตั้งชนพลั่กเข้ากับใครอีกคนที่เดินสวนทางมา ข้าวของของอีกฝ่ายหล่นกระจัดกระกาย เดียร์ได้แต่มองตาค้าง ยิ่งพอเห็นว่าคนที่ตัวเองชนเป็นใครก็แทบจะร้องไห้แล้วหายตัวเองเลย



หนึ่งในพี่วินัยสุดโหดของคณะ...



เจ้าตัวยกมือไหว้แทบจะท่วมหัว “ข ขอโทษครับพี่ ขอโทษครับ ผมรีบจริงๆ ไม่ทันมอง ขอโทษครับ” ก้มลงเก็บข้าวของให้อย่างรีบเร่งพลางภาวนาในใจว่าขอให้พี่แกอารมณ์ดีสักวันแล้วปล่อยเขาไป



“เด็กปีหนึ่ง...” อีกฝ่ายพูดเมื่อเห็นคนที่วิ่งมาชน จำหน้าได้แม่นเลยเชียวเพราะพวกเขาเคยลงโทษเด็กคนนี้ไปแล้ว อีกทั้งยังเป็นคนดังในชั้นปีด้วย



เดียร์ยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ดูแห้งแล้งเหลือเกิน เจ้าตัวยกมือไหว้ขอโทษอีกรอบ “ขอโทษจริงๆ ครับ พอดีผมจะรีบไปเรียนเลยไม่ทันมอง”



“มีเรียนดนตรีเหรอ” พี่วินัยถาม เพราะตอนนี้พวกเขาอยู่หน้าตึกของวิทยาลัยดนตรี



“ครับ ใช่ครับ”



“รีบไปเถอะ ถ้าเรียนกับอาจารย์สุธีร์ละก็นะ เดี๋ยวก็โดนตัดคะแนน วันนี้ผมจะปล่อยคุณไปก่อนแล้วกัน”



“ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบก็ส่งของให้พี่วินัยหน้าโหด ยกมือไหว้แล้วก็วิ่งจู๊ดเข้าอาคารไป



โชคดีที่เรียนอยู่ชั้นสอง วิ่งก้าวกระโดดขึ้นบันไดไปก็ถึง หวุดหวิดเกือบจะเข้าห้องไม่ทัน สุดท้ายก็มานั่งหอบแฮ่กอยู่ระหว่างทัชและหินผาที่หลังห้อง โดนอาจารย์มองแรงไปหนึ่งทีเพราะเข้าห้องสายสุด



“สายตลอดนะมึง” ทัชหันมาบ่นทันทีที่เดียร์นั่งลง



“เออ! เกือบจะมาไม่ทันแล้ว หวิดจะโดนพี่วินัยเล่นอีก” พอได้ยินแบบนั้นทั้งทัชแล้วก็หินผาหันมามองทันที แต่เดียร์ก็ยังไม่ได้เล่าหรือขยายความอะไรเพิ่มเพราะอาจารย์หันมาจ้องอีกรอบ พวกเขาเลยหันกลับไปสนใจหน้าห้องแทน



สองชั่วโมงกับวิชาดนตรีสากลที่นั่งดูแต่สไลด์ ไม่ได้เห็นเครื่องดนตรี ไม่ได้จับเครื่องดนตรี เรียนแต่ประวัติศาสตร์ของเครื่องดนตรีแต่ละชนิด นี่ถ้าเรียนตอนบ่ายคงหลับกันไปเรียบร้อย แต่พอดีว่าเป็นตอนเช้าไฟในการเรียนเลยยังพอมีอยู่บ้างแม้จะน้อยนิดก็ตามที



พวกเขาเก็บชีทใส่กระเป๋าก่อนจะทยอยเดินออกจากห้องเมื่ออาจารย์ปล่อยแล้ว พร้อมใจกันกอดคอเดินไปที่โรงอาหารกลาง เมื่อจับจองที่นั่งได้ทัชก็ล็อคคอเพื่อนรักเอาไว้ทันที



“ไหนมึงเล่ามาสิว่ามึงไปทำวีรกรรมอะไรมาอีกแล้ว”



เดียร์แยกเขี้ยวใส่ ปัดมือของเพื่อนออกจากคอของตัวเอง ก่อนจะเล่าเรื่องราวให้ฟัง “ก็... กูกลัวจะสายเข้าห้องไม่ทันไง กูก็เลยวิ่ง วิ่งแล้วก็ไม่ทันระวังไงก็เลยชนเข้ากับพี่วินัย”



ทัชทำหน้าประหลาดขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น “มึงนี่... เป็นอะไรกับพวกพี่วินัยวะ แล้วมึงชนใคร”



“พี่คนที่ยืนนิ่งๆ น่ะ ที่ชอบทำเสียงโหดๆ”



ผลัวะ!



เพื่อนเตี้ยแทบจะหน้าทิ่มโต๊ะเพราะเพื่อนทัชตบเข้าให้ “พี่วินัยก็ยืนนิ่งๆ เสียงโหดๆ ทุกคนไหมล่ะมึง”



“ก็แล้วมึงรู้จักชื่อพี่วินัยไหมล่ะ” สวนกลับทันทีอย่างไม่ยอมแพ้ พร้อมกับยกมือตบหัวเพื่อนไปทีด้วย



“ฮ่าๆ พอๆ พี่เขาไม่ได้ว่า หรือลงโทษอะไรใช่ไหมล่ะ” เป็นหินผาที่เอ่ยห้ามการทะเลาะกันของสองเพื่อนรัก เขาคิดว่าคงต้องทำหน้าที่ห้ามสองคนนี้เถียงกันไปเรื่อยๆ แล้วล่ะ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ก็เถียงกันได้ตลอด



เดียร์ส่ายหน้ากับคำถามของเพื่อนใหม่ “ไม่ได้ว่าอะไร บอกให้กูรีบไปด้วย”



“ก็ดีแล้วล่ะ กูว่าไปหาอะไรกินกันดีกว่า เดี๋ยวเที่ยงแล้วคนจะเยอะไปมากกว่านี้” หินผาพูด ซึ่งเพื่อนทั้งสองคนก็พยักหน้าเห็นด้วยกันอย่างพร้อมเพียง ทีเรื่องแบบนี้ละพร้อมใจกันเชียว แต่เรื่องอื่นนี่ต้องเถียงกันก่อน



ทั้งสามคนกลับมาที่โต๊ะอีกรอบพร้อมกับของกินคนละอย่าง กำลังจะลงมือจัดการอาหารตรงหน้าก็หันไปเห็นพวกพี่ปีสองเดินอยู่ใกล้ๆ ก็เลยทักทายชวนพวกพี่เขามานั่งด้วยกันเพราะที่ยังเหลือ



“ไงพวกน้อง ไปเรียนอะไรกันมาล่ะ” พี่โอทักพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ มากันพร้อมหน้าพร้อมตาพี่โอ พี่ต๊อบ พี่นัท ผู้สร้างเสียงหัวเราะแล้วก็รอยยิ้มให้กับน้องๆ ปีหนึ่ง



“เรียนดนตรีมาครับ” เป็นหินผาที่ตอบคำถามของรุ่นพี่ ไม่ใช่อะไรเพราะมีแค่เขาคนเดียวที่ปากกำลังว่าง อีกสองคนนั้นข้าวเต็มปากเคี้ยวกันจนแก้มตุ่ย



“อาจารย์ไร อาจารย์สุธีร์ปะ”



ทั้งสามคนพยักหน้ารับพร้อมกัน แบบที่พวกปีสองก็หัวเราะ นัทยกมือตบไหล่ทัชที่นั่งอยู่ข้างๆ “ทำใจหน่อยนะ ตอนพวกพี่ก็เรียนกับอาจารย์แกนั่นแหละ คณะเราได้บีมาก็สวยหรูแล้ว”



“ทำไมอาจารย์แกดูไม่ค่อยชอบคณะเราเลยละครับ พวกผมงี้โดนจ้องประจำเลย”



“พวกพี่ก็ไม่รู้ว่ะ เรื่องมันคงยาวนานมากแล้วมั้งแต่ถามพี่ปีไหนๆ ก็บอกว่าอาจารย์ไม่ชอบนั่นแหละ อ๋อ! แต่ก็มีนะคนที่ได้เอจากอาจารย์แกน่ะ”



ได้ยินแบบนั้นทั้งสามคนก็ตาวาวทันที เพราะเท่าที่ถามเพื่อนถามรุ่นพี่มาวิชานี้ไม่มีใครได้เอเลย อย่างมากก็บีซึ่งเปอร์เซ็นต์ที่ได้นั้นน้อยมากถึงมากที่สุด



“ใครอ่ะพี่ แล้วทำยังไงเหรอ พวกผมไปขอคำปรึกษาได้ไหม”



“ก็ได้นะพี่เขาให้คำปรึกษาตลอดนั่นแหละ แล้วก็ตามตัวไม่ยากหรอกเพราะยังไม่จบด้วย ตอนนี้อยู่ปีสาม ปีที่แล้วพี่ก็ไปขอคำปรึกษามา ก็คว้ามาได้แค่บีนั่นแหละ”



“พี่ปีสาม... ใครเหรอพี่”



“เมื่อกี้เจอพี่เหนือเดือนถา’ปัตย์ด้วย! เท่มาก ลุคนี้ก็เท่ไปอีกแบบเนอะ”



“ใช่ๆ อยากกรี๊ดมาก อยากเข้าไปทักแต่พี่เขาดูรีบๆ โอ๊ยยย ฉันล่ะหลงรักพี่เหนือเดือนมาก”



ยังไม่ทันที่พวกต๊อบจะได้ตอบอะไร เสียงกรี๊ดกร๊าดของกลุ่มนักศึกษาผู้หญิงที่เพิ่งจะเดินเข้ามากลบเสียงของพวกเขาจนมิด



ขนาดพวกเธอเดินผ่านโต๊ะที่พวกเขานั่งไปแล้วก็ยังได้ยินเสียงอยู่เลย



“เหนือเดือนถา’ปัตย์ คืออะไรเหรอพี่ต๊อบ” เดียร์หันไปถามรุ่นพี่ “เหมือนผมได้ยินคนพูดกันมาหลายรอบแล้ว จากคณะอื่นๆ น่ะครับ”



คณะของเขานี่ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้จริงๆ พวกเขาเคยได้ยินคนพูดถึง ‘เหนือเดือน’ๆ หลายรอบมาก โดยเฉพาะเวลาไปเรียนวิชานอกที่เรียนรวมหลายๆ คณะ หลายๆ ชั้นปี



“รุ่นพี่ของคณะเราเองแหละ เอาไว้เดี๋ยวก็รู้จัก คณะเรายังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะ” นัทตอบพร้อมกับยักคิ้วให้น้องๆ ทั้งสามคน



“ใช่แล้วล่ะ พวกพี่ไปแล้ว ยังไงก็เจอกันเย็นนี้นะ”



“เอ่อ... เดียร์” ก่อนที่พวกพี่ทั้งสามคนจะพากันเดินไป โอก็หันมาเรียกรุ่นน้องที่กำลังตักข้าวเข้าปากให้เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมามอง “ระวังอย่าไปวิ่งชนใครเข้าอีกล่ะ เรานี่ท่าจะมีดวงกับพี่วินัยนะ”



ได้ยินแบบนั้นคนที่เพิ่งไปวิ่งชนพี่วินัยมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนก็แทบจะสำลักข้าวจนเพื่อนๆ ต้องทุบหลัง ลูบหลังให้ “พ พวกพี่รู้ได้ยังไงครับเนี่ย”



“ไม่มีอะไรที่พวกพี่ๆ จะไม่รู้หรอกนะ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของพวกรุ่นน้องด้วยแล้ว พวกพี่วินัยเขาฝากมายังไงก็ระวังตัวหน่อย เดี๋ยวไปวิ่งชนเจ้าถิ่นที่ไหนเข้าแล้วจะแย่นะ”



“แหะ... ครับผม ผมจะระวังตัวครับ ขอบคุณนะคร้าบ”







“มีเสียงกันแค่นี้เองเหรอครับ พวกคุณมีกันตั้งกี่คน ยังร้องเพลงสู้น้องผมที่มีน้อยกว่าคุณไม่ได้เลย” เสียงโหดๆ ของพี่วินัยดังไปทั่วทั้งลานกิจกรรมใต้อาคารเรียนของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์



ท้องฟ้ามืดลงแล้วเพราะดวงอาทิตย์ลาไปเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน แต่นักศึกษาปีหนึ่งยังคงนั่งก้มหน้ากันอยู่ นับวันพี่วินัยก็ลงบ่อยขึ้น จากที่ลงอาทิตย์ละสามวันก็เปลี่ยนมาเป็นวันเว้นวัน บางวันก็มายืนมองอยู่รอบๆ สร้างความกดดันให้กับน้องปีหนึ่งได้เป็นอย่างดี



“พวกรุ่นพี่ที่เขาคิดแต่งเพลงคณะขึ้นมาคงร้องไห้เสียใจกันน่าดู เพลงคณะก็ถือเป็นสมบัติของคณะนะครับ พวกคุณไม่คิดจะช่วยกันรักษาเลยหรือยังไงกันครับ”



“ร้องกันแบบนี้อย่าร้องเลยครับ น้องผมไม่น่าสอนเลยครับ เสียเวลาน้องๆ ของผมหมด”



“สมุดเพลงที่ทำกันไปนี่ไม่มีความหมายเลยใช่ไหมครับ”



“พวกผมบอกให้ทำก็ทำกันไปอย่างนั้น ทำเสร็จก็ทิ้งเหรอครับ”



สมุดเพลงหลายเล่มถูกโยนลงมาบนพื้นให้น้องๆ ผู้หญิงสะดุ้งเฮือก หลายคนเริ่มน้ำตาคลอเบ้าเตรียมปล่อยน้ำตากันเต็มที่



“ทำแล้วก็ทิ้งขว้าง วางทิ้งไว้ไม่สนใจ จะทำกันไปทำไมครับ แล้วไม่คิดบ้างเหรอครับว่าถ้าคนอื่นมาหยิบไปจะเป็นยังไง”



“ของแค่นี้ยังรักษากันไม่ได้เลยนะครับ แล้วจะรักษาอะไรกันได้บ้างครับ”



“สัญญาอะไรกับพวกผมไว้ก็ทำไม่เคยได้ อย่างนี้จะมาเป็นรุ่นน้องพวกผมเหรอครับ พวกผมควรจะให้น้องๆ ของผมไปดูแลคุณไหมครับ”



“แล้วก็ไม่ใช่แค่สมุดเพลงนะครับ ป้ายชื่อ สัญลักษณ์ชั้นปีของพวกคุณก็วางทิ้งไว้ พวกพี่ๆ เขาตั้งใจทำให้ก็ไม่รักษา ไม่เห็นคุณค่า ไม่คิดว่าพวกพี่ๆ เขาที่ตั้งใจทำ ตั้งหน้าตั้งตาทำให้จะเสียใจเหรอครับ”



“ถ้ารักษากันไม่ได้ก็ไม่ต้องรักษาครับ ถอดออกมาให้หมดทั้งป้ายชื่อ ทั้งสมุดเพลง ส่งคืนมาครับ!”



“พี่ปีสองครับ เก็บป้ายชื่อแล้วก็สมุดเพลงของปีหนึ่งมาให้หมดครับ!”



เหล่าปีหนึ่งหันมองหน้ากันเลิกลั่กกับคำสั่งของพี่วินัย พวกพี่ปีสองเองก็ได้แต่ทำตาม แม้จะมีหลายคนที่ไม่ยอมส่งของให้ แต่เมื่อเจอเสียงของพี่วินัยคอยกดดันก็ได้แต่ถอดป้ายที่คล้องคออยู่ออก น้องปีหนึ่งผู้หญิงหลายคนต่างพากันร้องไห้จนพี่พยายามต้องเข้ามาดูแลเพราะกลัวน้องจะเป็นลมไปเสียก่อน



“ปีสามครับ เตรียมของด้วยครับ ในเมื่อปีหนึ่งเขาไม่อยากได้ของที่รุ่นพี่ทำให้ก็เผาทิ้งมันไปครับ”



พี่วินัยเดินไปรับป้ายชื่อของปีหนึ่งจากปีสองก่อนจะเดินไปนอกอาคาร พวกปีสามอีกหลายคนกำลังเตรียมของกันอยู่ ป้ายชื่อในมือพี่วินัยถูกทิ้งลงในปี๊บก่อนจะจุดไฟด้วยไม้ขีดไฟแล้วโยนลงในปี๊บในเดิม โดยมีสายตาของน้องปีหนึ่งคอยมองอยู่



ความเงียบโรยตัวไปทั่วลานใต้อาคารทั้งๆ ที่มีคนอยู่ร่วมร้อยคน มีเพียงสะอื้นของน้องผู้หญิงที่ดังให้ได้ยิน ทุกคนยังคงตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น



“น้องๆ ครับ...” เสียงของโอ รุ่นพี่ปีสองดังขึ้นเรียกความสนใจจากปีหนึ่ง



รุ่นพี่ปีสองต่างพากันเดินมานั่งล้อมน้องปีหนึ่ง คอยปลอบน้องผู้หญิงที่ยังร้องไห้ ตบไหล่ตบหลังน้องผู้ชาย



“ไม่เป็นอะไรนะ ป้ายชื่อพวกนั้นเราทำใหม่ก็ได้เนอะ ไม่เป็นอะไร” พี่นัทเข้ามาช่วยพูดให้บรรยากาศนั้นดีขึ้น “น้องๆ ก็ทำป้ายชื่อกันใหม่ ให้สวยกว่าที่พี่ๆ ทำให้ คราวนี้พวกพี่ปีสามเขาก็จะได้เห็นไงครับว่าน้องๆ ให้ความสำคัญกับสัญลักษณ์ชั้นปีของพวกน้องๆ แถมยังทำให้พี่เขาเห็นถึงความสามัคคีของพวกเราด้วยเนอะ ดีไหม”



“ครับ / ค่ะ” แม้เสียงที่ตอบกลับมาจะเบาแต่ทุกคนก็พร้อมใจกันตอบออกมา



“วันนี้น้องๆ คงเหนื่อยกันแล้วเนอะ พี่ว่าแยกย้ายกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวพวกพี่ๆ เดินไปส่งนะ” ต๊อบพูดกับน้องๆ ก่อนจะหันไปหาเพื่อน “พี่ๆ ครับ เอากระเป๋ามาให้น้องๆ หน่อยครับ”



น้องปีหนึ่งทยอยเดินออกจากใต้อาคารเพื่อแยกย้ายกลับหอกลับบ้านโดยมีรุ่นพี่เดินไปส่งขึ้นรถจนครบทุกคน น้องคนไหนอยู่หอแล้วบังเอิญอยู่หอเดียวกับรุ่นพี่ก็กลับกับพวกพี่ๆ ไปพร้อมกันเลย



เดียร์ ทัชแล้วก็หินผายกมือไหว้รุ่นพี่ก่อนจะพากันเดินไปที่รถ ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนกระทั่งถึงรถที่จอดข้างกัน เดียร์ยืนหันหลงพิงรถของทัชก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา



“นี่มันอะไรวะเนี่ย ถึงกับต้องเผาป้ายกันเลยเหรอวะ”



“จริงของมึง เออ... คนที่ลืมป้ายชื่อทิ้งไว้ก็ผิด แต่ผิดถึงขนาดที่จะต้องเผ้าของทิ้งกันแบบนี้เลยเหรอวะ” ทัชเองก็เห็นด้วยกับเพื่อนซี้ “ไหนบอกว่าพวกพี่ๆ ตั้งใจทำให้ไง แล้วทำไมมาเผาของที่พวกพี่ๆ เขาตั้งใจทำกันแบบนี้วะ”



ทั้งเดียร์และทัชหันไปมองเพื่อนอีกคนที่มักจะมีคำตอบ แต่คราวนี้หินผาเองก็หาคำตอบมาให้เพื่อนทั้งสองคนไม่ได้ “กูก็คิดเหตุผลของพี่ๆ เขาไม่ออกเหมือนกันว่ะว่าทำไมถึงได้ทำแบบนี้ จะว่าสอนให้พวกเรารู้จักรักษาของก็คงใช่ แต่ก็ทำกันเกินไปว่ะที่มาเผาป้ายชื่อกันแบบนี้”



“ใช่ไหม กูก็ว่าอย่างนั้น”



“กูไม่ยอมแพ้หรอก!” เดียร์พูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบกันไป “กูจะไม่ยอมให้พวกพี่วินัยนั่นมาทำอะไรไปมากกว่านี้แน่นอน”



“แล้วมึงจะทำยังไง” ทัชหันไปมองเพื่อน



“ก็อย่างที่พี่ปีสองบอกไง ป้ายชื่อโดนเผาทิ้งแล้ว แล้วไงวะ ก็ทำใหม่ได้นี่ ต้องให้โดนเผาทิ้งอีกเป็นสิบก็ทำใหม่ได้อีกเป็นร้อยไม่ใช่เหรอวะ”



“แล้วมึงคิดว่าเพื่อนๆ จะมาทำกับมึงไหมหล่ะ”



“ถึงไม่อยากทำก็คงต้องทำแล้วล่ะเพราะส่วนหนึ่งก็สถานการณ์มันบังคับ แต่เราก็เปลี่ยนจากสถานการณ์บังคับให้เป็นการตั้งใจทำได้ไม่ใช่เหรอ” หินผาพูด ดูท่าแล้วเจ้าตัวจะเห็นด้วยกับความคิดของเดียร์



“เราเริ่มกันสามคนก่อน แล้วก็กระจายไปถึงคนอื่นๆ เดี๋ยวมันก็ทั้งชั้นเองนั่นแหละ ถ้าเราไปคุยกับพวกมิ้นท์ พวกเปียให้มาช่วยกันคิดช่วยกันทำป้ายชื่อได้ เดี๋ยวพวกนั้นก็ชวนคนอื่นๆ มาด้วยเองแหละ พวกนั้นเป็นศูนย์กลางปีเราอยู่แล้วนี่”



ทัชพยักหน้ากับคำพูดของเพื่อนทั้งสองคนเริ่มมองออกว่าจะเริ่มต้นอย่างไรกันดี



“เออ... ก็ดีนะ อย่างนั้นพวกเราต้องคุยกับมิ้นท์กับเปียก่อน แล้วให้พวกนั้นช่วยกระจายข่าวให้ ไหนๆ พรุ่งนี้ก็เป็นวันเสาร์ นัดเพื่อนๆ มาประชุมกันก็น่าจะได้ มาไม่ครบก็ไม่เป็นอะไร”



“ดีๆ แบบนั้นก็ดีนะ นัดกันมาประชุมแล้วก็ออกแบบป้ายชื่อกัน ทำให้เหมือนๆ กันให้เห็นถึงความพยายาม ความสามัคคีของพวกเรา มึงว่าดีไหมวะผา” หันไปถาม



หินผาพยักหน้ารับ “ดีนะ กูว่าน่าจะดีเลยแหละ ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ เดี๋ยวกลับไปกูไปตั้งกลุ่มคุย มีพวกเราแล้วก็มิ้นท์ เปีย คุยกันตรงนี้ก่อน ตกลงอะไรเรียบร้อยค่อยกระจายข่าวอีกที”



“ตกลงตามนั้น อย่างนั้นเราแยกย้ายกันได้”



“เจอกันพรุ่งนี้มึง”



พวกเขาแยกย้ายกันขึ้นรถก่อนที่ทัชจะขับรถออกจากลานจอดรถของมหาวิทยาลัยเพื่อตรงกลับคอนโดโดยมีเพื่อนสนิทอย่างเดียร์นั่งมาด้วยอย่างทุกที เวลาสองทุ่มกว่าๆ ในมหาวิทยาลัยแทบจะไม่มีคนแล้ว ถนนด้านนอกก็โล่ง รถไม่ติด



“เออมึงๆ เดี๋ยวจอดให้กูลงตรงตลาดก่อนถึงคอนโดนะ กูแวะซื้อไรกินก่อน มึงจะแวะด้วยไหม” เดียร์บอกกับเพื่อนรัก



“ไม่อ่ะ เมื่อตอนบ่ายแม่กูแวะมาที่คอนโด เตรียมของกินไว้ให้กูพร้อมแล้ว แต่มึงจะให้กูลงไปด้วยไหมหล่ะ”



“ไม่เป็นไรมึง ปล่อยกูลงตรงนั้นแหละเดี๋ยวกูเดินกลับเอง”



“เออๆ ยังไงก็เดินดีๆ หล่ะอย่าไปเหยียบหางหมาจนมันวิ่งกัดเข้าหล่ะ” ทัชแซวเพื่อนรักไปที แล้วก็ได้อาการแยกเขี้ยวใส่กลับมาเป็นของขวัญ



“เจอกันพรุ่งนี้มึง” เดียร์โบกมือลาเพื่อนทัชก่อนจะกระชับกระเป๋าเดินเข้าไปในตลาด แม้จะเริ่มดึกแต่ตลาดก็ยังคงคึกคักอยู่ ร้านอาหารมากมาย หลิ่นหอมๆ ที่ชวนให้ท้องร้องจนไม่รู้ว่าจะแวะเข้าร้านไหนดี



หลังจากที่เดินวนอยู่ประมาณสองรอบ และในรอบที่สามเจ้าตัวก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหยุดอยู่หน้าร้านขายผัดไท สั่งใส่ห่อไปหนึ่งห่อ หลังจากนั้นก็ไปต่อที่ร้านน้ำผลไม้ สั่งน้ำแตงโมปั่นไปอีกหนึ่งแก้วใหญ่ ตั้งใจว่าจะพอแค่นี้ แต่ระหว่างที่จะเดินกลับคอนโด สายตาก็เหลือบไปเห็นปังเย็นแบบใส่แก้วหน้าตาน่าทาน



เจ้าตัวหยุดเดิน ยืนมองร้านขายปังเย็นสลับกับน้ำแตงโมปั่นในมือ



“ป้าคร้าบ เอาปังเย็นชาเย็นแก้วหนึ่งครับ” สุดท้ายก็เดินเข้าไปสั่งจนได้



ระหว่างที่รอปังเย็นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นให้เจ้าตัวรวบของไว้ในมือเดียว ใช้อีกมือล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู ยิ้มร่าเมื่อเห็นคนโทรเข้ามาก่อนจะกดรับสาย “ว่าไงครับคนสวย”



[ทะเล้นจริงๆ นะเราน่ะ] ปลายสายตอบกลับมาให้เดียร์หัวเราะชอบใจ [แล้วนี่เลิกรับน้องแล้วเหรอ]



“เลิกแล้วครับ เดียร์กำลังซื้อของกินกลับไปกิน เดินอยู่ตรงตลาดข้างๆ คอนโด”



[อย่างนั้นเหรอ อย่างนั้นก็รีบกลับนะ ตอนเดินอย่าเอาแต่เล่นโทรศัพท์นะเดียร์ ระวังตัวด้วยรู้ไหม]



คนฟังทำหน้ามุ่ยแม้ปลายสายจะไม่เห็น “มัมชอบทำเหมือนเดียร์เป็นเด็ก เดียร์โตแล้วนะ อายุเท่ากับฮาร์ทด้วย”



[ครับๆ แต่เพราะมัมเป็นห่วงยังไงล่ะครับ ยังไงก็รีบๆ กลับนะครับ แล้วจะซื้ออะไรไปกินก็อย่าเยอะนัก มันดึกแล้ว พวกน้ำหวาน ขนมหวานก็ลดๆ บ้างนะรู้ไหม]



คนทางนี้ได้แต่ยิ้ม ก้มมองน้ำแตงโมปั่นในมือกับแก้วปังเย็นที่คนขายกำลังส่งมาให้ หนีบโทรศัพท์เอาไว้พร้อมกับยื่นเงินให้คนขาย รับแก้วปังเย็นแก้วโตมาถือก่อนจะเดินกลับคอนโด “ครับผม เดียร์รู้แล้วครับ มัมก็ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ อย่าโหมทำงานเยอะล่ะ เดี๋ยวแด๊ดเป็นห่วง อิอิ”



[ลูกคนนี้นี่... รีบๆ กลับได้แล้วครับ อาบน้ำ กินข้าว แล้วก็พักผ่อนเยอะๆ นะ เอาไว้พรุ่งนี้มัมโทรไปหาใหม่]



“คร้าบผม เอาไว้หมดรับน้องหมดกิจกรรมแล้วเดียร์จะกลับไปหานะครับ คิดถึงมัมนะ ฝากบอกตัวเล็กกับแด๊ดด้วย สวัสดีครับ”



เดียร์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากที่วางสายของมัมมี๊ไปแล้ว รู้สึกอยากจะกลับไปกอดไปอ้อนมัมมี๊เร็วๆ ไม่อยากจะโม้หรอกนะ แต่มัมมี๊ของเดียร์น่ะน่ารักที่สุดในโลกเลย ทั้งน่ารัก ทั้งเก่ง สุดยอดไปเลยล่ะแถมยังใหญ่สุดในบ้านด้วย



แต่คนที่กำลังอารมณ์ดีๆ ก็ชะงักไปเมื่อเห็นใครบางคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเดินอยู่ข้างหน้า เจ้าตัวแทบจะกระโดดไปหลบหลังเสา ชะเง้อคอออกไปมองให้แน่ใจว่าคนที่เห็นนั้นใช่คนเดียวกับที่คิดหรือเปล่า



“อึ๋ย! อยู่คอนโดเดียวกันด้วยเหรอวะเนี่ย” บ่นพึมพำกับตัวเอง ยามมองคนตัวสูงๆ ที่หน้าตาเถื่อนๆ เต็มไปด้วยหนวดเคราที่กำลังยืนรอลิฟต์อยู่



พี่วินัยหน้าโหดที่สั่งลงโทษเขาตอนที่เขาวิ่งไปชน



นี่ไม่ได้แค้นฝังหุ่นอะไร แต่แค่จำได้ไม่ลืมก็เท่านั้นเอง



เจ้าตัวยืนหลบหลังเสา ยังไม่อยากจะเดินออกไปขึ้นลิฟต์ตอนนี้ รอให้อีกฝ่ายขึ้นไปก่อนแล้วกัน ยังไม่อยากจะใช้อากาศใกล้ๆ ร่วมกัน!



มองจนกระทั่งแน่ใจว่าอีกฝ่ายเข้าลิฟต์ไปแล้ว และประตูลิฟต์ก็ปิดสนิทแล้วถึงได้เดินออกมาจากหลังเสา แลบลิ้นใส่ประตูลิฟต์ที่พี่วินัยคนนั้นเพิ่งจะเดินเข้าไป



“ไอ้พี่วินัยหน้าเหี้ยม!”






************************************************
พี่กันต์ค่าตัวแพงค่ะ เลยยังไม่ออก แต่ก็แหม... ชื่อตอนก็บอกอยู่เนอะว่าเป็นตอนของ เจ้าน้อง พี่เลยยังไม่ออกค่า มาแค่ชื่อที่ถูกพูดถึงและความโหดของพี่วินัย นี่น้องไม่ได้แค้นอะไรเล้ยยยย จริงๆ นะ ชื่อน้องมันเถอะค่ะ ฮ่า... นี่ขนาดไม่ได้แค้นนะ ถ้าแค้นนี่น้องคงไปสั่งทำตุ๊กตาวูดูเป็นคนพี่แล้วเอาเข็มแทงๆๆๆๆ แน่นอนจ้า

ส่วนตอนหน้าบอกเลยก็ได้ว่าได้เจอคนพี่แน่นอนนนน สลับกันออกเนอะ แบ่งๆ กันไป ค่าตัวของตระกูลกิจไพศาลกุลกับบริสตันนี่ไม่ใช่เล่นๆ จ้า ได้ตัวมาแล้วต้องเอาออกให้คุ้มหน่อย เจอกันตอนหน้านะคะ

ยังไงก็ฝากติดตามแล้วก็เอ็นดูเจ้าน้องกับเจ้าพี่ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

เจอคำผิด บอกได้ค่า

อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^

สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi

สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC

เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)

รัก #พี่กันต์สายอ่อย กันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
พี่กันต์ออกมาบ้างเหอะ :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
o18 นี่ใช่ไม๊คะ ที่เค้าเรียกว่าดวงสมพงศ์กันอะ

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
หนูเดียร์วิ่งชนคนอื่นอีกแล้วนะลูก

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
น้องเดียร์ซุ่มซ่ามอย่างน่ารัก อิอิ

ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เด๋อทุกทีเลยเดียร์เอ้ย   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
เดียร์ไหนๆ ดวงสมพงษ์กับพี่วินัยแล้ว ก็เตรียมเป็นแฟนพี่วินัยไปเลยดิ

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
มาลงบ่อยๆ นะคะ

ติดตามๆ ค่ะ  :L2:

เชียร์น้องกันต์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-07-2017 11:35:35 โดย arjinn »

ออฟไลน์ saseum

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เดียร์เอ๊ย ตื่นให้เร็วกว่านี้ดีมั๊ย รีบตลอดเลย

ปล.   "อาจารย์ประจำวิชาไม่ค่อยจะสอบเด็กคณะสถาปัตย์สักเท่าไหร่" คำดีน่าจะผิดนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
 :mew3:

อยู่คอนโดเดียวกัน ก็จะได้เจอบ่อยขึ้น

ดีจังเลย น่ารักกกกกก

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
น่ารักอ่ะ น้องเดียร์พี่กันต์

ปล.ชอบฮาร์ทนะ อิอิ

ออฟไลน์ monkey_saru

  • ทำไมหัวใจถึงเอียงซ้าย...*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ลิฟท์เปิดออกแล้วพี่เขาหันมาเจอนี่เงิบแน่นอนอะน้องเดียร์ 5555555

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
กำลังคิดอยู่ว่าถ้าอิพี่มันเปิดลิฟต์มาน้องจะทำไง 555+

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ thanza1970

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ขอบคุณครับ. มาช้าแต่ก็มา

 :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ ahpanpit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณค่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Tumz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ระวังจะตกหลุมรักพี่เค้านะน้องเดียร์  :hao3:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เค้าว่าเกลียดอะไร มักจะได้อย่างนั้นนะจ๊ะน้องเดียร์

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ล้นจริงๆน้องเดียร์

ออฟไลน์ Cacao

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คือน้องเดียร์กับน้องกันต์จะชอบกันได้ยังไง เวลาเจอกันยังไม่มียยย์
โง้ยยยย ข้ามไปตอนรับน้องเสร็จเลยได้ไหม งื้อ
อยากเห็นพี่กันต์ถอดรูปแล้ว กรี๊ดด

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เพิ่งอ่านอุ้มรักจบเดียวมาอ่านะค่ะปักหมุดไว้ก่อนค่ะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ PRiiNZE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ชอบเวลาอยู่กับครอบครัวของทั้งคนน้องกับคนพี่เลยค่ะะะ
น่ารักเนอะ

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
แวะมานั่งรอน้องเดียร์ค่าาา  :z1: :z1:

ออฟไลน์ ahpanpit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เข้ามารอทุกวันเลย

ออฟไลน์ fangiily

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +741/-12


Cr. Pic [F.GC]

say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #พี่กันต์สายอ่อย ด้วยนะคะ





บท04 l “ชนกันต์ กิจไพศาลกุล”




ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้พร้อมๆ กับเพื่อนอีกหลายคน รับน้ำผึ้งผสมมะนาวมาดูดแม้จะทำหน้าเบ้เพราะรสเปรี้ยวของมะนาวก็ตามที แต่เพราะใช้เสียงไปเยอะเลยต้องบำรุงเสียงกันแบบนี้



“วันนี้เริ่มรุนแรงแล้วเหรอ” เพื่อนผู้หญิงในชั้นปีเดียวกันถาม พลางเดินเสิร์ฟน้ำให้เพื่อนๆ ที่เป็นพี่วินัย “เราอยู่บนนี้ยังได้ยินเสียงเลย”



“อือ... ก็ใกล้วันแล้วนี่นะ” ไข่เจียวตอบเพื่อน เสียงแหบไปไม่น้อยเพราะการตะโกนเมื่อครู่ที่ผ่านมา “ถ้าไม่ไซโคหนักๆ ก็ไม่กระตุ้นกันหรอก”



“แล้วปีหนึ่งเป็นยังไงบ้าง”



“ก็เหมือนตอนรุ่นเรานั่นแหละ น้องผู้หญิงก็ร้องไห้กันระงม พวกผู้ชายก็คงนึกอยากจะลุกขึ้นมาต่อยหน้าพวกเรา แต่คนที่น่าจะโดนหมั่นไส้มากสุดก็คงเป็นนู้น...” ป่าไม้ว่าพร้อมกับพยักหน้าไปทางหัวหน้าวินัยปีสามที่นั่งทำหน้าเบ้ขณะดูดน้ำมะนาว



“เสียงดังสุด เป็นคนสั่งให้ถอดป้ายออกมา เป็นคนบอกจะเผา แล้วก็เป็นคนจุดไฟเผาเองกับมือ”



แต่คนที่น่าจะโดนน้องปีหนึ่งหมั่นไส้ที่สุดก็ทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองอย่างงงๆ เขาไม่ได้ฟังว่าเพื่อนๆ พูดอะไรกัน คนอื่นได้แต่ถอนหายใจแล้วก็ส่ายหน้าเป็นเชิงบอกไม่มีอะไร



“เอ่อ... แล้วปี๊บที่เผาเมื่อกี้อยู่ไหนวะ” กันต์ถาม



“กูวางไว้ตรงประตู มึงจะเอากลับหรือจะให้กูเอากลับ” ไข่เจียวว่าพร้อมกับชี้นิ้วไปตรงประตู



“มึงเลย ป่ะ! กูว่าพวกปีสองน่าจะปล่อยน้องแล้วล่ะ ไปช่วยพวกปีสองดูน้องกันดีกว่า” กันต์ว่าก่อนจะลุกขึ้นเดินนำเพื่อนๆ ปีสามออกจากห้อง



พวกปีสามยืนอยู่ตรงบันได มองดูปีสองพาน้องปีหนึ่งไปส่งที่รถบ้าง พาไปขึ้นรถเตรียมไปส่งกลับหอบ้าง ดูจนแน่ใจว่าไม่มีปีหนึ่งแล้วก็ปีสองอยู่ในอาคารแล้วทั้งหมดถึงได้เดินออกมา แยกย้ายกันไป บางกลุ่มก็ขับรถตามปีสองไป บางกลุ่มก็เดินตามปีหนึ่งปีสองไป เพื่อดูให้แน่ใจว่าน้องๆ ของพวกเขาถึงห้องแล้วเรียบร้อย



ก่อนที่เหล่าปีสามจะวกกลับมาที่คณะอีกรอบเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยว่าน้องๆ เก็บของดีหรือเปล่า หรือมีใครลืมของอะไรเอาไว้บ้างไหม ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนบ้าง



“อย่างนั้นกูกลับก่อนแล้วกันนะ” กันต์พูดกับเพื่อนๆ ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมาสะพาย ยกมือโบกลาเพื่อนๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าคณะแล้วขับกลับคอนโด



จอดรถเรียบร้อยเจ้าตัวก็เดินไปที่มินิมาร์ทใต้คอนโดเพื่อซื้อของกินสำหรับค่ำวันนี้ หยิบโทรศัพท์มาตอบข้อความน้องสาวสุดที่รักไปด้วยระหว่างเดินกลับเข้าคอนโด เขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นใครบางคนกระโดดแผล็วหลบหลังเสาต้นใหญ่



ใครบางคนนั้นที่หน้าตาเหมือนเด็กปีหนึ่งที่เคยวิ่งชนเขา เจ้าเด็กนั้นคงคิดว่าเขาไม่เห็น แต่ขอโทษทีนะ... สุดทางเดินที่เป็นส่วนลิฟต์น่ะ ทางคอนโดตกแต่งด้วยกระจกสีทอง เขาเลยเห็นเด็กคนนั้นชัดแจ๋ว แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ หรือไม่ก็ไม่ได้สังเกตุ



กันต์ส่ายหน้ากับทำท่าตลกๆ ของเด็กปีหนึ่งที่ทำตัวผลุบๆ โผล่ๆ เหมือนจะส่องดูว่าเขาเข้าลิฟต์ไปหรือยัง ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าเขายึกยักไม่เข้าลิฟต์ไปสักทีเจ้าเด็กนั่นจะทำอย่างไร แต่ก็เอาเถอะ... วันนี้พวกวินัยอย่างเขาก็ลง จัดหนักไปแล้ว เด็กปีหนึ่งคงเหนื่อยกันน่าดู แล้วก็ดูจะท่าทางแล้วถ้าเขาไม่เข้าลิฟต์ไปสักทีเด็กนั่นก็คงไม่ยอมออกมาจากหลังเสา



นี่ก็เริ่มดึกแล้วด้วย... ปล่อยเด็กไปพักผ่อนก็แล้วกัน



คิดแบบนั้นก็เดินเข้าไปในลิฟต์ที่เปิดออกพอดี กันต์แตะคีย์การ์ดของตัวเองที่เครื่องแสกนก่อนจะกดชั้นของตัวเอง พอออกจากลิฟต์ก็เดินตรงไปยังห้องของตัวเองทันที กดรหัสเข้าห้องได้ก็พาร่างตัวเองไปนอนแผ่อยู่บนโซฟาทันที



ห้องของเขาเป็นแบบสองห้องนอน สองห้องน้ำ มีห้องน้ำในห้องนอนหนึ่งห้องแล้วก็ข้างนอกหนึ่งห้อง หนึ่งห้องนั่งเล่น แล้วก็หนึ่งห้องครัว ห้องค่อนข้างกว้างแต่ก็อยู่สบาย ตอนก่อนจะซื้อเขาก็บอกกับพ่อคินว่าเอาแค่หนึ่งห้องนอนหรือไม่ก็แบบสตูดิโอก็พอ แต่ทั้งพ่อคินกับมัมพัทธ์ก็ยืนยันจะซื้อแบบสองห้องนอนให้ ตอนนี้เขาคิดว่าก็ดีเหมือนกันเพราะบางทีพ่อคินมัมพัทธ์แล้วก็น้องแพรก็มานอนค้างด้วยเวลาที่เขาไม่ได้กลับบ้านติดๆ กันหลายอาทิตย์ หรือไม่บางทีพวกเพื่อนๆ ก็ชอบหอบกันมาวุ่นวายที่ห้องเขาแล้วก็หลับกันไปเลย ถ้าเป็นแบบห้องสตูดิโอหรือหนึ่งห้องนอนก็คงไม่พอ



เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเรียกให้คนที่นอนหลับตาอยู่ฝืนลืมตาขึ้นมาอย่างยากเย็น เกือบจะหลับไปแล้ว



“ครับพ่อคิน” แม้จะง่วงแต่พอเห็นว่าเป็นใครที่โทรเข้ามาก็ยิ้มกว้างแล้วกดรับเสียงใสทันที “ยังไม่นอนกันอีกเหรอครับ ดึกแล้วนะ”



[เดี๋ยวก็นอนกันแล้วล่ะ มัมเขาเป็นห่วงไม่รู้ว่าน้องกันต์ถึงห้องหรือยังเลยให้พ่อคินโทรมาหา] ปลายสายพูดมาแบบนั้น



แม้ว่าทุกวันนี้เขาจะโตจนบรรลุนิติภาวะแล้วแต่ทั้งพ่อคินแล้วก็มัมพัทธ์มักจะคิดว่าเขาเป็นน้องกันต์เด็กน้อยเสมอ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกแย่หรืออะไรกับการที่พ่อแม่คอยโทรถาม โทรตามแบบนี้ เขารู้สึกดีเสียอีกแม้จะไม่อยากให้ทั้งคู่นอนดึกเพราะต้องคอยโทรหาเขาที่เลิกรับน้องช้าก็ตามที



“อย่างนั้นฝากบอกมัมด้วยนะครับว่าน้องกันต์ถึงห้องเรียบร้อย แต่ยังไม่ได้อาบน้ำ ไม่ได้กินข้าวอะไรเลยครับ เพราะน้องกันต์ง่วงนอนม้ากมาก”



กันต์ตอบไปแบบนั้นแล้วก็ได้ยินพ่อคินหัวเราะ รวมถึงได้ยินเสียงของมัมพัทธ์ที่ดังลอดเข้ามาด้วย พ่อคินของเขาคงเปิดลำโพงแน่นอน “ฮ่าๆ อย่างนั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ คิดถึงพ่อคินกับมัมนะครับ เอาไว้รับน้องเสร็จแล้วผมจะกลับบ้านนะ”



[โอเคครับ เอาไว้พ่อคินจะทำข้าวผัดคุณหมีรอนะ]



“อย่างนั้นต้องรีบกลับเลยครับ คิดถึงข้าวผัดคุณหมีฝีมือพ่อคินที่สุดเลย ฝันดีนะครับพ่อคิน มัม”



[ครับ ฝันดีนะครับน้องกันต์]



“อ๋อ... พ่อคินครับ” กันต์เรียกอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่พ่อคินจะตัดสายไป “ฝากหอมแก้มัมแล้วก็บอกฝันดีด้วยนะครับ”



พ่อคินหัวเราะ รับปากจะทำให้แล้วก็วางสายไป กันต์มองหน้าจอโทรศัพท์ที่มืดลงก่อนจะยิ้มออกมา ได้คุยกับพ่อคิน มัมพัทธ์แบบนี้ละมีความสุขที่สุด ใครจะหาว่าเขาทำตัวเป็นเด็กติดพ่อแม่ก็ช่าง ก็พ่อคินมัมพัทธ์ของเขาทั้งน่ารักทั้งใจดีให้น่าติดนี่นะ ขนาดเพื่อนๆ ในกลุ่มของเขายังติดพ่อคินมัมพัทธ์เลย



กันต์ยันตัวเองให้ลุกขึ้น คว้าเอามื้อค่ำที่แวะซื้อมาจามินิมาร์ทไปแช่ตู้เย็นเอาไว้ คิดว่าคืนนี้คงไม่กินแล้ว เพราะรู้สึกอยากนอนอย่างเดียว เลยตัดสินใจไปอาบน้ำนอนเลยดีกว่า ตั้งแต่รับหน้าที่เป็นพี่วินัยเขาก็ต้องตื่นแต่เช้าทุกวัน บางวันก็กว่าจะได้นอน ความเพลียสะสมจนตอนนี้ขี้เกียจจะทำทุกอย่าง ใจมันอยากจะนอนเพียงอย่างเดียวเลย



เพราะอย่างนั้นหลังจากที่อาบน้ำเรียบร้อยพี่วินัยหน้าเหี้ยมก็เดินมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทันที ใช้เวลาไม่นานเจ้าตัวก็หลับไปด้วยความเพลียที่สั่งสมมาตลอดทั้งวัน



รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเช้า เจ้าตัวขยับตัวอย่างเกียจคร้านแต่ก็ยื่นมือมาคว้าเอาโทรศัพท์ที่รบกวนเวลานอนอันแสนหวาน หรี่ตามองก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าวันนี้เป็นวันหยุด เขาไม่ได้ยกเลิกนาฬิกาปลุกมันเลยแจ้งเตือนอยู่แบบนี้ พอคิดได้แบบนั้นเขาก็ปิดเสียงรบกวนแล้วก็ซุกตัวลงนอนต่อ ไหนๆ วันนี้ก็ไม่เรียน ก็ขอนอนตื่นสายสักวันแล้วกัน ไม่ต้องรีบไปเก๊กขรึมด้วยนี่นะ



ตื่นอีกทีก็ตอนเกือบสิบโมงคราวนี้ไร้อาการงัวเงีย หงุดหงิดเพราะได้นอนอย่างเต็มอิ่มแล้ว แต่ความหิวเข้ามาแทนที่แทน เจ้าตัวจึงลากสลิปเปอร์สีเหลืองตรงไปยังส่วนห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อย ยกมือลูบหนวดเคราตัวเองแล้วก็ถอนหายใจ เขาก็ไม่ได้ชื่นชอบนักหรอกกับการไว้หนวดเคราแบบนี้ เขารู้สึกว่ามันน่ารำคาญมากทีเดียว ผมก็ยาวจนต้องรวบเอาไว้ นึกอยากจะเข้าร้านตัดผมให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่เพราะหน้าที่ยังค้ำคอตัวเองอยู่เลยได้แต่ยอมรับสภาพ แล้วก็สัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าวันที่สิ้นสุดการรับน้องเขาจะรีบไปตัดผมแล้วก็โกนหนวดโกนเครานี้ออกซะ



ยังไม่ต้องอาบน้ำแค่ล้างหน้าแปรงฟันพอ กันต์คว้าเอากระเป๋าเงินกับกุญแจห้องมาถือตั้งใจจะลงไปหาอะไรใส่ท้องเป็นมื้อเช้าเสียหน่อย ที่จริงเขาก็ทำอาหารได้ ก็แน่ล่ะ... ทั้งมัมทั้งพ่อคินต่างก็ทำอาหารเก่งด้วยกันทั้งคู่เขาเองก็ได้รับการฝึกมาเหมือนกัน แต่ก็ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะลงมือทำ เพราะบางทีเวลาก็ไม่เอื้ออำนวย หรือไม่ก็... ขี้เกียจทำ เลยเลือกซื้อมากินมากกว่า



ตลาดข้างคอนโดที่ถ้าเป็นตอนเย็นก็คงคึกคักไปด้วยร้านค้าแล้วก็คนเดิน แต่ในเวลาแบบนี้ก็มีร้านอาหารเปิดอยู่เหมือนกันแม้จะไม่เยอะเหมือนตอนเย็นก็ตาม



ขาที่กำลังก้าวอยู่นั้นชะงักไปเมื่อเห็นเด็กปีหนึ่งเดินออกมาจากห้องที่อยู่ถัดจากห้องเขาไปเพียงสองห้อง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ทันสังเกตเห็นเขาเพราะเจ้าตัวเอาคอหนีบโทรศัพท์ที่กำลังคุยอยู่ มือก็สาละวนกับการปิดประตูห้อง



“เอ่อๆ กูกำลังจะลงลิฟต์แล้วเนี่ย มึงนี่ก็เร่งกูจัง!” เจ้าเด็กนั่นบ่นกับโทรศัพท์ คงกำลังคุยกับเพื่อนอยู่ “แล้วมิ้นท์กระจายข่าวให้เพื่อนๆ ในชั้นเราหมดแล้วใช่ไหมว่าวันนี้นัดไปคุยกันเรื่องทำสัญลักษณ์ชั้นปีอ่ะ เอ่อๆ กูก็หวังว่าจะมีคนมาเยอะๆ นะ ไม่งั้นคงแป้กชิบหายเลย... กูจะเข้าลิฟต์แล้ว เจอกันที่ลานจอดรถนะมึง”



กันต์เลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กปีหนึ่ง เขาหมุนตัวกลับเข้าห้องแทน หยิบโทรศัพท์โทรออกหารุ่นน้องปีสองเพื่อถามถึงเรื่องที่ได้ยินมา



“เออ... นัท กูถามอะไรหน่อยดิ วันนี้ปีหนึ่งนัดกันเหรอวะ”



[หือ... นัดอะไรเหรอพี่] ปลายสายถามกลับมาอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่กันต์กำลังพูด



“อ้าว... ปีหนึ่งไม่ได้บอกพวกมึงเหรอว่าวันนี้นัดกันคุยเรื่องสัญลักษณ์ชั้นปี”



[เฮ้ย... ไม่นะพี่ ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย เมื่อวานน้องๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรพอพวกพี่เดินออกไปพวกผมก็ปล่อยน้องกลับเลย ไม่ได้ประชุมอะไรต่อ พวกพี่ก็เห็นนี่ผมเห็นพวกพี่ไข่ตามพวกผมอยู่]



“อือ... เมื่อกี้กูได้ยินเด็กปีหนึ่งคุยโทรศัพท์ว่านัดกันจะเข้าไปคุยเรื่องสัญลักษณ์ชั้นปี ยังไงพวกมึงก็ตามไปส่องๆ ดูๆ หน่อยแล้วกัน เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยได้”



[ได้ครับพี่ เดี๋ยวผมบอกเพื่อนๆ เอง แล้วจะแวะเข้าไปดูปีหนึ่งให้ ขอบคุณนะครับที่โทรมาบอก]



“อือ ไม่เป็นอะไร” กันต์ว่าก่อนจะวางสายไป เขาส่งข้อความเข้าไลน์กรุ๊ปเพื่อนปีสามเพื่อบอกให้ทุกคนรู้ว่าวันนี้ปีหนึ่งนัดคุยกันเรื่องทำสัญลักษณ์ชั้นปี ก่อนที่จะเดินเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปหาอะไรกินแล้วก็นอนมันยาวๆ เสียหน่อยวันนี้ เสียแผนหมด...!



เด็กปีหนึ่งที่เป็นจอมยุ่งจริงๆ เลยเชียว



มื้อเช้าของกันต์จึงเลื่อนไปตอนเกือบๆ เที่ยงพร้อมกับเพื่อนในกลุ่มที่ร้านอาหารหน้ามหา’ลัย เพราะเดี๋ยวพวกเขาจะแวะเข้าไปดูปีสองปีหนึ่ง



ก่อนหน้านี้ปีสองโทรมาบอกว่าเข้ามาดูน้องๆ ให้แล้วเรียบร้อย เป็นนัดที่เกิดขึ้นกันอย่างกะทันหันเมื่อคืนนี้ตอนที่แยกย้ายกันไปแล้ว ก็เลยไม่ได้บอกพี่ปีสอง



“กูง่วงชิบหาย... ฮ้าว...” ไข่เจียวว่าพลางอ้าปากกว้างเพื่อหาว จนใยไหม กับใบบัว สองสาวในกลุ่มทำหน้ายี้อย่างรังเกียจ



“น่าเกลียดจริงไข่! ปิดปากหน่อยก็ได้เวลาหาว” ใบบัวว่าพร้อมกับปากระดาษทิชชู่ที่ใช้เช็ดมือเมื่อครู่นี้ใส่



“แหม... กระดาษที่โยนมานี่สะอาดเหลือเกินนะ” ไข่เจียวลากเสียงยาวใส่



สนิทกันมาตั้งแต่ตอนเข้าปีหนึ่ง ตอนแรกๆ สองสาวก็ดูเรียบร้อยน่ารักดีหรอก แต่พอสนิทกันไปเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้สึกว่า... ความเรียบร้อยน่ารักที่เคยเห็นนั้นมันเป็นเพียงภาพลวงตาที่สองสาวสร้างขึ้นมาแค่นั้น จากที่เคยคิดอยากจะลองจีบเพื่อนสนิทดู ก็โยนโครงการนี้ทิ้งแบบลงก้นเหวทันที



“กูก็ง่วงนะ กว่ากูจะได้นอนก็เกือบสว่าง นอนได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง วันนี้กูตั้งใจจะนอนอืดทั้งวันแท้ๆ เลย” ป่าไม้เองก็มีสภาพไม่ได้ต่างจากไข่เจียวเท่าไหร่ ท่าทางสะลึมสะลือเหมือนจะหลับอยู่ตลอดเวลา “แล้วทำไมต้องมานัดกันวันนี้ด้วยเนี่ยปีหนึ่ง...”



“ไม่ถามน้องมึงดูอ่ะ” ดิวว่า “เห็นไอ้โอบอกว่ากลุ่มน้องมึงเป็นตัวตั้งตัวตีนัดครั้งนี้”



“เอ่อ จริงอย่างที่ไอ้ดิวว่า มึงไม่บอกน้องมึงวะว่าค่อยนัดเพื่อนพรุ่งนี้”



“เผื่อมึงจะลืมนะครับเพื่อนๆ กูกับมันไม่ได้อยู่หอเดียวกันไหมหล่ะ แล้วกูก็ยังไม่ได้คุยกับมันเลยเนี่ย”



“เอาเถอะๆ รีบกินข้าวแล้วก็ไปดูน้องๆ กันดีกว่า เดี๋ยวจะได้กลับกันเร็วๆ ไง ส่วนถ้าอยากนอนยาวๆ ก็ค่อยนอนพรุ่งนี้ก็ได้” เป็นใยไหมที่เอ่ยห้ามการถกเถียงของเพื่อนๆ ในกลุ่ม เหล่าหนุ่มๆ จึงได้หยุดเถียงกันแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาจัดการข้าวของตัวเอง



ถึงแม้จะบอกว่ามาคอยดูน้องๆ แต่พวกปีสามก็แค่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ ไม่ได้เข้าไปเสนอหน้าให้น้องปีหนึ่งเห็นให้ขุ่นเคืองใจไปมากกว่านี้ คอยซัพพอร์ตเวลาปีสองไม่สามารถดูน้องได้ทั่วถึงหรือเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ปีหนึ่งไม่ได้นัดกันที่ใต้อาคารคณะ แต่นัดกันที่ลานใต้อาคารของคณะอื่นแทน ซึ่งรอบๆ ก็มีที่นั่งให้พวกปีสามนั่งสังเกตการณ์ได้สบายๆ



ไม่รู้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมา พวกปีหนึ่งตกลงจะทำอะไรกัน เพราะตอนนี้คือเห็นแต่ละคนตั้งหน้าตั้งตาตัดกระดาษกันอยู่ แบ่งงานกันทำเป็นกลุ่มๆ ช่วยเหลือกันไป ไม่คิดว่าปีหนึ่งจะมากันเยอะขนาดนี้ แต่พอเห็นน้องๆ ตั้งใจกันแบบนี้ก็ได้แต่พากันยิ้ม แม้จะเป็นรอยยิ้มที่ไม่สามารถยิ้มให้ปีหนึ่งเห็นได้ก็ตามที



ในสายตาปีหนึ่งตอนนี้ คงมองเหล่าพี่วินัยแล้วก็พี่ปีสามไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพราะวินัยส่วนใหญ่ก็อยู่ปีสาม อีกทั้งปีสามจะไม่เข้าไปคลุกคลี สนิทสนมกับปีหนึ่ง ตอนปีสามลงพบปีหนึ่งก็เอาแต่ยืนเงียบๆ กดดันเหล่าน้องใหม่



“เอ่อ... ไอ้สิงโทรมา มันบอกไหนๆ วันนี้ปีสามก็เข้ามากันหมดแล้ว เลยจะขอประชุมเรื่องงานวันมอบรุ่นหน่อย ให้ไปประชุมกันที่สตูฯ” ไข่เจียวที่เพิ่งเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าหันมาบอกเพื่อนๆ



“เอ่อๆ อย่างนั้นก็ขึ้นไปกันเถอะ”



“พวกมึงไปกันก่อนเลย เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำก่อน จะเอาอะไรไหม” พอกันต์ถามไปแบบนั้นใยไหมก็หยิบสมุดฉีกขึ้นมาจดออเดอร์น้ำทันที ตามด้วยใบบัวแล้วก็คนอื่นในกลุ่ม ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้



“ฝากด้วยนะ” ส่งยิ้มหวานให้หนึ่งทีก่อนจะพากันเดินไปที่คณะ



กันต์ได้แต่ส่ายหน้าแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาเก็บกระดาษออเดอร์ใส่กระเป๋าเสื้อก่อนจะเดินไปร้านกาแฟที่เปิดอยู่ใกล้ๆ นั้น



ปึก!



“ขอโท... / ขอโท...”



เพราะกำลังตอบข้อความน้องสาวสุดที่รักเขาจึงไม่ทันได้มองทางจนเดินชนกับคนที่สวนมา เขาตั้งใจจะเอ่ยขอโทษ รวมไปถึงอีกฝ่ายที่จะขอโทษด้วย แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครคำพูดนั้นก็หลุดหายเข้าไปในลำคอ



เด็กปีหนึ่งที่อยู่คอนโดเดียวกับเขา ชั้นเดียวกัน...



แอบเห็นอีกฝ่ายทำหน้ามุ่ย ปากขยับมุบมิบเหมือนจะบ่นกับตัวเอง ก่อนที่จะยกมือไหว้เขา “ขอโทษครับ ผมไม่ทันระวัง”



จะว้ากกลับก็ไม่ได้ เพราะตัวเขาเองก็ไม่ทันมองเหมือนกัน เดี๋ยวเด็กมันจะหาว่าใช้อำนาจในทางมิชอบ



“อือ... ผมเองก็ไม่ทันมอง คุณไปเถอะ”



อีกฝ่ายแสดงสีหน้าออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูด พอเห็นทำหน้าตาแบบนั้นแล้วก็ชักอยากจะสั่งลงโทษ แต่อีกฝ่ายก็ไวพอตัวเพราะยกมือไหว้เขาอีกรอบแล้วก็จ้ำอ้าวผ่านเขาไปทันที คงกลัวว่าเขาจะนึกเปลี่ยนใจแล้วสั่งลงโทษแทน



กันต์หันมองตามเจ้าเด็กปีหนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเห็นกระเป๋าของอีกฝ่าย ดูเหมือนเจ้าเด็กคนนั้นจะห้อยพวงกุญแจเอาไว้ด้วย และพวงกุญแจนั้นเขารู้สึกคุ้นๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่พวงกุญแจก็มีเป็นร้อยเป็นพันแบบ แต่ละแบบก็มีเป็นหมื่นเป็นแสนอัน เขาคงเคยเห็นตามร้านขายของนั่นแหละนะ...



เขาเลิกสนใจแล้วเดินเข้าไปในร้านกาแฟแทน แผ่นกระดาษที่จดออเดอร์เครื่องดื่มถูกส่งต่อให้พนักงานของร้าน ก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งรอตรงโต๊ะที่ว่างๆ แทน วางกระเป๋าสะพายใบเล็กของตัวเองลงบนโต๊ะ รูดซิปหยิบพวงกุญแจที่ถูกซ่อนเอาไว้ข้างในกระเป๋าออกมาดู



ไอ้ไข่เจียวบ่นเขาใหญ่ตอนเห็นเขาห้วยพวงกุญแจ ปกติมันก็ไม่บ่นหรอก แต่ตอนนี้เขาเป็นพี่วินัย แล้วจะให้พี่วินัยมาห้วยพวงกุญแจตุ๊กตาหมีน่ารักๆ แบบนี้ก็คงไม่ได้ มันจะให้เขาเอาออก แต่เขาไม่ยอม เรื่องอะไรล่ะ พวงกุญแจนี้เขารักมาก พกติดตัวมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วด้วย และเพราะผมไม่ยอมเอาออกมันเลยขอให้เขาซ่อนตัวตุ๊กตาเอาไว้ในกระเป๋าแทน ซึ่งเขาก็โอเค ทำแบบนั้นก็ได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเอาออกละนะ
 


พวงกุญแจอันนี้มันพิเศษมากเพราะมีแค่สองอันในไทยเท่านั้น อันหนึ่งอยู่กับผม ส่วนอีกอันผมให้คนอื่นไปแล้วตั้งแต่ตอนที่ผมยังเด็กๆ อยู่ ผมเคยเจอเด็กคนนั้นแค่ครั้งเดียวก็ตอนที่ให้พวงกุญแจไปนั่นแหละครับ จำได้รางๆ ว่าเจอเด็กคนนั้นที่สวนสาธารณะ เหมือนเด็กนั่นจะหลงทางผมเลยอยู่เป็นเพื่อน แล้วหลังจากนั้นเป็นยังไงก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พ่อคินมาปลุกนั่นแหละ แล้วตอนที่เด็กคนนั้นจะกลับเขาก็เลยให้พวงกุญแจไป ไม่ได้ให้กับมือเจ้าตัวหรอกเพราะตอนนั้นอีกฝ่ายหลับอยู่ แต่ให้กับพ่อของเขาไป



ไม่รู้ว่าพวงกุญแจอันนั้นป่านนี้จะไปอยู่มุมไหนของประเทศไทย ไม่รู้ว่าโดนโยนทิ้งไปแล้วหรือยัง แต่ถ้าโยนทิ้งนี่มีโกรธนะ เขารักมากเลยอันนั้นน่ะ แล้วมันมีแค่สองอันด้วย!



แล้วทำไมตอนนั้น... กันต์ถึงได้ให้พวงกุญแจไปกันนะ







************************************************
งุ้ยๆๆ พี่กันต์มาแล้ว กรี๊ดๆๆๆ ชูป้ายไฟพี่กันต์เลยค่าาาาาา พี่กันต์หล่อ(?) พี่กันต์น่ารัก(?) ตอนนี้ฟางกำลังหลงพี่กันต์ค่ะ ยกขึ้นเป็นพระเอกเบอร์ 1.2 ในใจ (เบอร์ 1.1 เป็นใครเรายังไม่บอกหรอก) เด็กปีหนึ่งจอมยุ่งนี่หมายถึงเด็กปีหนึ่งบางคนหรือทุกคนกันคะพี่กันต์ ช่วยชี้แจงแถลงไขให้หายสงสัยหน่อยเร็ว

F.GC : เด็กปีหนึ่งที่เป็นจอมยุ่งนี่... หมายถึงใครบางคนหรือเปล่าอ่ะพี่กันต์??

P’KAN : ตอนนี้ก็... หมายถึงทั่วๆ ไป ไม่ได้มีอะไรพิเศษนี่ครับ

F.GC : งี้ต่อไปก็มีอะไรพิเศษใช่ป่ะ???

P’KAN : ^^

เจอคำผิด บอกได้ค่า

อ่านแล้วเมนต์หน่อยน้า ไม่งั้นพี่กันต์น้อยใจแย่เลย รักพี่กันต์เมนต์ รักน้องเดียร์เมนต์ รักคนแต่งเมนต์ ไม่รักกันก็เมนต์ค่า

สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi

สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC

เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)

รัก #พี่กันต์สายอ่อย กันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด