say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #พี่กันต์สายอ่อย ด้วยนะคะ
บท21 l “เรื่องที่กังวล”* * * ต่อค่ะ 100% * * *
หลังจากที่ขอน้องตัวเล็กเป็นแฟนและอีกคนยังไม่ยอมตอบตกลงก็ผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้ว กันต์กับเดียร์ยังเจอแล้วก็พูดคุยกันเหมือนเดิม อาจจะสนิทสนมและใกล้ชิดกันมากกว่าเดิมเพราะต่างฝ่ายต่างก็เผยความในใจออกมาแล้ว แค่ยังไม่มีชื่อความสัมพันธ์ที่ชัดเจน
แต่ทุกครั้งที่เจอกันหรือน้องแวะมาหาที่ห้อง หรือเขาไปหาน้องที่ห้อง สีหน้าของน้องดูจะมีเรื่องให้กังวล และกันต์เชื่อว่าความกังวลนั้นทำให้น้องยังไม่ยอมตอบตกลงคบกับเขา
“มึงดูเครียดๆ นะกันต์” ดิวทักเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน ตอนนี้พวกเขานัดทำงานกลุ่มกัน คนอื่นๆ แยกย้ายกันไปซื้อของทำโมเดล ซื้อของกิน เหลือดิวกับกันต์ที่กำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อทำรายงาน
งานนี้เป็นของวิชาประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นวิชานอกคณะ ที่เรียนรวมกันหลายคณะ หลายชั้นปีแล้วแต่นักศึกษาจะเลือกลงเพื่อเก็บหน่วยกิตให้ครบ อาจารย์ประจำวิชาให้ทำพรีเซนต์จะนำเสนอเรื่องอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสถาปัตยกรรม ด้านประเพณี วัฒนธรรม รูปแบบการนำเสนอก็ขึ้นอยู่กับแต่ละกลุ่ม
แน่นอนว่าเด็กคณะสถา’ปัตย์อย่างพวกเขาเลือกทำเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม บ้านไทยล้านนา แล้วการนำเสนอก็จะมีทั้งการตัดโมเดลบ้านไทยล้านนา ทำพรีเซนต์ แล้วก็รูปเล่มรายงานด้วย ตั้งใจว่าจะคว้าเอวิชานี้มาประดับใบทรานสคริป
“หือ...” กันต์เงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์มามองเพื่อน เขากับดิวรับหน้าที่เขียนแบบแปลนกับรูปด้านเพื่อมาใช้ในการตัดโมเดล “อะไรนะ”
“กูบอกว่ามึงดูเครียดๆ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ดิวถามอีกรอบ “ที่จริงมึงดูเครียดๆ มาหลายวันแล้ว ไม่ใช่แค่กูที่ดูออกคนอื่นด้วย แต่มันไม่อยากถามมึง กูก็เลยถามนี่แหละ”
“ที่ออกไปกันหมดเพื่อเปิดโอกาสให้มึงถามกูงั้นสิ” กันต์เลิกคิ้ว
ดิวพยักหน้ารับ เพราะเขาสนิทกับกันต์มากที่สุดเป็นเพื่อนกันมานาน เป็นคนที่รู้เรื่องของกันต์มากที่ที่สุดด้วย “อือ ตกลงเป็นอะไร”
กันต์ถอนหายใจ ละมือจากงานที่กำลังทำแล้วหันมาหาเพื่อน “เมื่ออาทิตย์ก่อน กูขอน้องเป็นแฟน”
“แล้ว... น้องปฏิเสธเหรอวะ”
“ก็เปล่า น้องแค่ขอเวลาอีกหน่อย น้องชอบกู กูรู้เพราะน้องบอกแล้ว แต่กูรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในใจของน้อง เขาเลยไม่ยอมตอบตกลงเป็นแฟนกู” กันต์พูด
“แล้วมึงรู้ไหมว่าเรื่องอะไร” ดิวถาม
กันต์ส่ายหน้า “ไม่รู้ว่ะ กูเลยเครียดๆ นี่แหละ เพราะกูไม่รู้ว่าน้องมีอะไรอยู่ในใจ กูเลยไม่รู้จะจัดการเรื่องนั้นให้น้องยังไง กูก็พยายามนึกนะว่ามีเรื่องอะไรที่กูเผลอทำไว้แล้วไม่รู้ตัวหรือเปล่า แต่ก็นึกไม่ออก”
“กูก็นึกไม่ออกว่ะ เอาจริงมึงแทบไม่มีประวัติเสียเรื่องผู้หญิงหรืออะไรมาก่อน น้องก็น่าจะรู้เพราะงั้นเรื่องนี้ไม่น่าจะใช่ พอไม่ใช่เรื่องนี้กูก็นึกไม่ออกเลย” ดิวเองก็ถอนหายใจออกมา “ถ้าให้กูแนะนำ... กูว่ามึงต้องคุยกับน้องให้รู้เรื่อง ปล่อยเอาไว้แบบนี้นานๆ คงไม่ดีแน่”
“กูก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน คงต้องหาโอกาสคุยกับน้องให้เข้าใจ” กันต์พยักหน้ารับกับคำแนะนำของเพื่อน
“ว่าแต่... ทำไมอยู่ๆ มึงก็ขอน้องเป็นแฟนได้ล่ะ กูนึกว่าน่าจะอีกนาน” ดิวถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“จริงๆ กูคิดจะขอน้องคบได้สักพักแล้วล่ะ” กันต์ตอบเพื่อนไป
แม้ว่าเขากับน้องจะรู้จักกันจริงจังได้ไม่กี่เดือน สำหรับบางคนมันอาจจะดูเร็วเกินไปที่กันต์จะขอน้องตัวเล็กเป็นแฟน คราวแรกเขาก็คิดแบบนั้นแล้วก็ไม่มั่นใจด้วยว่าน้องจะชอบเขาไหม แต่ความรู้สึกของเขานั้น... เขามั่นใจ ว่าน้องคือคนที่เขารอมาตลอด
กันต์เริ่มคิดที่อยากจะเอ่ยปากขอเดียร์เป็นแฟนตั้งแต่ช่วงที่เจ้าตัวมาช่วยเขาตัดโมเดล เขาเริ่มมั่นใจว่าน้องเองก็ชอบเขาเหมือนกันเพราะการกระทำหลายๆ อย่างบ่งบอกแบบนั้น คงไม่มีรุ่นน้องที่ไหนมาช่วยงานรุ่นพี่ทั้งๆ ที่รุ่นพี่ไม่ได้ขอร้อง หรือไม่ส่วนใหญ่รุ่นน้องก็มักจะไปช่วยพี่สายรหัสกันมากกว่า แต่เขากับเดียร์ไม่ได้เป็นพี่สายรหัสกัน เพียงแค่อยู่ห้องข้างกันเท่านั้น รวมไปถึงการทำอาหารให้เขากินด้วย
ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง แต่หลายครั้งที่เขาเผลอตัวเข้าไปใกล้น้องก็ไม่ได้หันหนีหรือบอกปัด มันเลยทำให้เขาเริ่มคิดว่าเดียร์เองก็ชอบเขาเหมือนกัน แล้วไหนจะเรื่องที่น้องสาวของเขาเล่าให้ฟังอีก ว่าเลิฟน้องสาวของเดียร์แกล้งเดียร์ด้วยการพูดเหมือนชอบเขา แล้วท่าทางของเดียร์ไม่เหมือนพี่ชายที่หวงน้องสาว แต่เหมือนหวงเขามากกว่า
เขาก็เลยอยากลองเสี่ยงดู... ถึงได้ตัดสินใจขอน้องคบไปแบบนั้น ไม่มีการวางแผน จัดสถานที่เพื่อความโรแมนติกอะไร แค่พูดออกไปตรงๆ แต่หัวใจตอนที่พูดนั้นเต้นระรัวอย่างกับกลอง
ตอนน้องทำท่าเหมือนจะปฎิเสธก็ใจหวิวไปเหมือนกัน แต่ก็โล่งอกที่เดียร์เองก็บอกว่าชอบเขาแต่แค่ขอเวลา
และเรื่องที่รบกวนความรู้สึกของเดียร์อยู่ตอนนี้เขาจะต้องรู้ให้ได้
ไม่นานหลังจากที่ดิวคุยกับกันต์รู้เรื่องประตูห้องพักของดิวก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ เดินเข้ามาเหมือนกับรู้เวลา
“ไง... รู้เรื่อง” ป่าไม้ทัก แบบที่ดิวกับกันต์ก็พยักหน้าให้เพราะรู้ดีว่าเพื่อนหมายถึงเรื่องอะไร
“เรื่องน้อง” ดิวตอบกลับมา
พอเห็นสองคนพยักหน้าไข่เจียวก็เลยพูดต่อ “โอเค อย่างนั้นมึงทิ้งเรื่องนั้นไว้ก่อน เอางานตรงนี้ก่อนแล้วพวกกูจะช่วยมึงอีกที”
กันต์พยักหน้ารับ ก่อนที่พวกเขาจะลงมือทำงานกันอย่างจริงจัง กันต์กับดิวสั่งปริ้นแบบแปลนแล้วก็รูปด้านบ้านล้านนาที่เขียนเอาไว้ ก่อนจะส่งต่อคอมพิวเตอร์ทั้งสองตัวให้กับสองสาวใบบัวกับใยไหมใช้ทำพรีเซนต์แล้วก็รายงาน ส่วนเรื่องตัดโมเดลพวกหนุ่มๆ ทั้งสี่คนก็ช่วยกันรุม ตั้งใจว่าจะให้งานนี้เสร็จภายในเสาร์อาทิตย์นี้ เพราะพวกเขายังต้องไปทำโปรเจคของเทอมนี้อีก ซึ่งก็เหลืออีกไม่ถึงสองสัปดาห์ดีก็จะถึงกำหนดส่งไฟนอลแล้ว
“เชี่ย... กูทำประตูพังอีกแล้ว” ไข่เจียวบ่นออกมาอย่างหัวเสียเมื่อกรีดไม้บัลซ่าแรงเกินไปจนหัก ทำให้ประตูที่เขากำลังทำอยู่นั้นพังไม่เป็นท่า “กูว่าเราคิดผิดที่ตัดโมเดล รายละเอียดเยอะชะมัดเลย นี่แค่ประตูบานนี้กูกรีดมาจะครึ่งชั่วโมง ทำเสียไปสี่ห้าอันแล้วเพราะจะทำลายแกะสลักบนบานประตูเนี่ย”
“กูถึงบอกไงว่าให้มาช่วยทำโครงให้เสร็จก่อน ประตูหน้าต่างเอาไว้ทีหลังก็ได้ไหมมึง” ดิวส่ายหน้ากับความดื้อรั้นของเพื่อนที่อยากจะแกะสลักลายบนบานประตู
“จริงอย่างที่ดิวพูดนะไข่” ใยไหมหันมาสนับสนุนกับคำพูดของดิว “ประตูหน้าต่างถ้ามีเวลาค่อยมาลองทำลายดู ถ้าไม่ทันก็ใส่ธรรมดา ถ้าทันก็ดีไป แต่ถ้าโครงบ้านยังไม่เสร็จก็เท่านั้นนะ”
“โอเคๆ ค่อยทำมันใหม่ละกัน” พอได้ยินแบบนั้นไข่เจียวก็ถอนหายใจ แยกแบบประตูหน้าต่างบานน้อยๆ ไปไว้อีกทางแล้วขยับมารวมกลุ่มกับเพื่อนอีกสามคนที่รับผิดชอบตัดโมเดลตัวบ้านกันคนละส่วนอยู่
พวกเขาเลือกเรือนกาแลมาใช้ในการตัดโมเดลในงานนี้ เรือนกาแลเป็นเรือนโบราณของล้านนา เป็นอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในปัจจุบันนี้ ตัวเรือนมีลักษณะใต้ถุนสูง หลังคาทรงจั่ว โดยส่วนมากมักจะสร้างชิดกันอย่างน้อยสองหลัง หลังหนึ่งจะมีขนาดเล็กกว่าเป็นลักษณะของเรือนแฝด ลักษณะเด่นของเรือนกาแลก็ตามชื่อเรียก เพราะมี “กาแล” ซึ่งเป็นไม้แกะสลักยื่นเลยจากปั้นลมไปไขว้กันอยู่บนสันหลังคา
“มึงกูตัดพื้นไม้เสร็จแล้ว ตรงนี้ของส่วนชานหน้าบ้านนะ” ป่าไม้พูดส่งต่อชิ้นส่วนของโมเดลให้กับไข่เจียวรับช่วงต่อ
“อ่อ... หมายถึงตรงเติ๋น ที่มึงวงไว้ใช่ไหม” ไข่เจียวรับมา
“ใช่ๆ ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวกูช่วยไอ้กันต์ตัดฝาบ้านต่อ”
“เค เดี๋ยวกูจัดการติดตรงนี้เอง”
เติ๋นที่ไข่เจียวพูดถึงเหมือนเป็นพื้นที่เปิดโล่งบริเวณด้านหน้าของเรือนกาแล เป็นเหมือนพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ใช้พักผ่อน รับแขก หรือนอนเล่น
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง งานก็คืบหน้าไปพอสมควรทุกคนจึงได้หยุดพักโดยเฉพาะทีมตัดโมเดลที่นั่งเล็งแล้วเล็งอีกเพราะงานค่อนข้างที่จะละเอียด ยิ่งใช้ไม้บัลซ่าในการตัดโมเดลด้วยแล้วยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษเพราะไม้บัลซ่านั้นค่อนข้างเปราะง่าย กดแรงมากไปก็หักได้แล้ว
ตอนนี้ทุกคนเลยนอนแผ่อยู่บนพื้นคนละทิศคนละทางยกเว้นสองสาวที่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
“พรีเซนต์กับรายงานใกล้เสร็จแล้ว เดี๋ยวจะได้ไปช่วย” ใบบัวพูดกับหนุ่มๆ ซึ่งทุกคนก็พยักหน้ารับโดยไม่อิดออด
กว่าจะหยุดทำงานแล้วก็แยกย้ายกันไปนอนพักเวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่แล้วเรียบร้อย พรุ่งนี้วันเสาร์ก็นัดกันที่ห้องของดิวเหมือนเดิมตอนเที่ยงแล้วก็ลุยต่อให้เสร็จเรียบร้อยภายในวันอาทิตย์ กันต์ยกมือลาเพื่อนคนอื่นๆ ก่อนจะแยกไปที่รถของตัวเอง สองสาวก็ได้ไข่เจียวกับป่าไม้ขับรถไปส่งก่อน
เขาแวะซื้อน้ำเต้าหู้ร้อนๆ หนึ่งถุงก่อนจะขับตรงไปที่คอนโด ตอนนี้รู้สึกล้าที่ดวงตามากอาจจะเพราะเพ่งมองตอนกรีดไม้บัลซ่ามากเกินไป อยากจะไปถึงห้องเร็วๆ จะได้นอนพักสักที
ขาที่ก้าวไปยังห้องของตัวเองชะงักเมื่อเห็นใครบางคนยืนอยู่หน้าห้อง ก่อนจะรีบก้าวตรงเข้าไปหาทันที “เดียร์”
อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมามองแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก “ตกใจหมดพี่...”
“ยังไม่นอนอีกหรือไง ดึกมากแล้วนะ แล้วมาทำอะไรอยู่หน้าห้องพี่” กันต์ถามพลางก้มดูเวลา นี่ก็เกือบจะตีสามแล้ว แต่คนตรงหน้ายังไม่ยอมไปนอนอีก
เดียร์เม้มปาก เผลอมองค้อนอีกคนอย่างไม่ตั้งใจ “ก็พี่หายไปไหนมา ผมไลน์ไปตั้งแต่เย็นก็ไม่ยอมตอบ โทรก็ไม่ติด”
พอได้ยินแบบนั้นก็ล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดดู แต่หน้าจอก็มืดสนิท “สงสัยแบตจะหมด วันนี้พี่ไปทำงานกลุ่มอยู่ห้องไอ้ดิวมาเพิ่งจะกลับมานี่แหละ พี่ก็ไม่ทันดูโทรศัพท์เลยไม่รู้ว่าแบตหมดไปตอนไหน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ก็... เห็นติดต่อพี่ไม่ได้... ก็เลย...”
“เป็นห่วงพี่เหรอ”
เดียร์ชะงักเมื่ออีกฝ่ายพูดขึ้นมา เจ้าตัวทำหน้าเหลอหลา เลิกลั่กไปหมด “ผมว่าผมกลับห้องก่อนดีกว่า ฝันดีครับ”
“พี่มีเรื่องอยากคุยด้วย” กันต์คว้าแขนของน้องไว้ ก่อนจะถือวิสาสะลากน้องเข้ามาในห้องของตัวเองโดยลืมไปเลยว่านี่ดึกมากแล้ว
กันต์พาเดียร์มาถึงโซฟาหน้าโทรทัศน์ กดน้องตัวเล็กให้นั่งลงก่อนจะนั่งตาม มือยังคงจับแขนน้องเอาไว้ไม่ปล่อย
“พี่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอ ซีเรียสมากเลยเหรอ” เดียร์ถาม พลางเหลือบมองเวลา
“สำคัญมาก” กันต์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะคว้ามือของน้องมาจับเอาไว้ทั้งสองข้าง “เรากังวลใจเรื่องอะไรอยู่ บอกพี่ได้ไหม”
“พี่กันต์หมายถึงอะไรครับ”
“ที่เดียร์ขอเวลาพี่ พี่ดูออกว่ามีอะไรอยู่ในใจเดียร์ บอกพี่ได้ไหมว่าเรื่องอะไร พี่จะได้เคลียร์ให้ชัดเจนเราจะได้ไม่ต้องกังวลอีก” กันต์พูด มองหน้าน้อง สบตากลมโตของน้องตัวเล็กและรออย่างคาดหวัง
เดียร์ได้แต่หลบสายตา เขาคิดเอาไว้แล้วว่าสักวันกันต์จะต้องถามเขาเรื่องนี้ แต่เขายังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลย
“เดียร์... ว่ายังไง” กันต์ไม่ได้อยากกดดันแต่เขาคิดว่าเรื่องนี้ควรจะรีบคุยและเคลียร์ให้เข้าใจ แม้จะไม่รู้ว่าเรื่องกังวลใจของเดียร์คืออะไรก็ตาม “พี่ทำตัวไม่ดี หรือเดียร์ไปได้ยินอะไรไม่ดีเกี่ยวกับพี่มาหรือเปล่า พี่จะได้อธิบายให้ฟัง”
น้องส่ายหน้าไปมา “เปล่าครับ ไม่ใช่เรื่องของพี่เลย มันเป็นเรื่อ... เรื่องของผมเอง”
“เรื่องอะไร บอกพี่ได้ไหม”
“จริงๆ แล้ว... คือ คือผมแค่อยากให้เราลองรู้จักกันมากขึ้นก่อน” เดียร์ตอบพยายามพูดให้เป็นปกติมากที่สุดแม้ว่าความจริงแล้วจะไม่ใช่อย่างที่พูดออกไป “ผมกับพี่เรายังรู้จักกันไม่เท่าไหร่ มีหลายเรื่องที่เรายังไม่รู้”
“แค่นั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นเดียร์อยากรู้อะไร” กันต์ถาม เขาไม่เชื่อว่าเรื่องนี้คือเรื่องที่น้องกังวลอยู่ เป็นเรื่องจริงที่เขากับน้องยังรู้จักกันไม่เท่าไหร่ อาจจะมีอีกหลายเรื่องที่พวกเขาจะต้องเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ “พี่รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องนี้ บอกพี่ได้ไหม”
สีหน้าของน้องหมองลง เจ้าตัวก้มหน้าลงไม่ยอมสบตากับเขา กันต์เองก็เกือบจะใจอ่อนแต่ถ้าหากไม่คุยกันให้เข้าใจเรื่องของเขากับเดียร์ก็คงจะไม่คืบหน้าไปไหน เพราะเรื่องที่น้องกังวลใจก็จะติดใจน้องไปเรื่อยๆ แบบนี้
“หรือเดียร์ไม่มั่นใจในความรู้สึกของพี่ หรือความรู้สึกของตัวเอง พี่อยากให้เราบอกพี่นะ ถ้าไม่มั่นใจพี่ก็จะได้ทำให้เรามั่นใจ หรือถ้าอยากได้เวลาเพื่อทบทวนความรู้สึกตัวเองก็บอกพี่ได้เลย พี่ไม่ได้เร่งรัดอะไร” กันต์ยังคงพูดต่อเมื่อเห็นน้องเงียบ เขาพยายามนึกว่าเรื่องอะไรบ้างที่จะทำให้เดียร์กังวลใจได้ “แต่พี่ยืนยันว่าพี่ชอบเราจริงๆ และมันจะพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ พี่เชื่อแบบนั้น เดียร์อยู่ในความคิด ในความรู้สึกของพี่ตั้งแต่วันนั้นแล้ว วันที่พี่เจอเดียร์ครั้งแรกที่สวน”
เดียร์เชื่อมั่นในความรู้สึกของกันต์ รวมถึงความรู้สึกของตัวเองว่าคิดกับอีกฝ่ายยังไง เขาไม่ใช่คนที่จะปฎิเสธความรู้สึกของตัวเอง สิ่งที่เขากังวล... มีอยู่แค่เรื่องเดียวเท่านั้น แต่เรื่องที่กังวลเป็นเรื่องที่ทำให้เขาไม่เคยคิดที่จะมีแฟนมาก่อน ทั้งๆ ที่ช่วงเรียนมัธยมก็มีคนเข้ามาหา เพราะเขาไม่แน่ใจว่าถ้าคนที่เขาจะคบด้วยรู้เรื่องนี้จะยอมรับเขาได้หรือเปล่า
“ผมไม่ได้กังวลเรื่องนั้นครับ ผมมั่นใจทั้งความรู้สึกของพี่แล้วก็ของตัวเอง” เดียร์ตอบกลับไปเสียงเบา
ในใจของเขา ความคิดหนึ่งเขาก็อยากเสี่ยงที่จะพูดเรื่องที่กังวลออกไป ไม่รู้ทำไมว่าเขาเชื่อว่ากันต์จะต้องเข้าใจแล้วก็ยอมรับได้ แต่อีกใจหนึ่งมันก็กังวล ถ้าหากอีกฝ่ายยอมรับไม่ได้แล้วเลิกชอบเขาไปล่ะ เขาจะทำยังไง เพราะความรู้สึกของเขาเองก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกัน
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มายืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูห้องของอีกฝ่ายในเวลาดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงมากจนนอนไม่หลับที่ติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นบอกพี่ได้ไหม”
เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า สีหน้าของอีกคนอ้อนวอนให้เขาพูดออกไป “ถ้า... ถ้าผมพูดออกไปแล้ว ความรู้สึกของพี่จะเปลี่ยนไปไหม”
กันต์นิ่งไปกับคำถามของเดียร์ เขาไม่รู้ว่าเรื่องของเดียร์ร้ายแรงแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจก็คือความรู้สึกของเขาที่เป็นของจริง “ไม่ครับ ความรู้สึกของพี่จะไม่เปลี่ยนไป”
“ผมขอเวลาห้านาทีได้ไหม ขอเรียบเรียงคำพูดก่อนผมไม่รู้จะเริ่มยังไงดี”
“ได้สิ” กันต์ยิ้ม ยกมือลูบผมน้องเบาๆ อย่างต้องการปลอบ “ถ้าพร้อมก็พูด พี่รอฟัง”
เดียร์ได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะปล่อยออกมา ทำแบบนั้นอยู่สองสามรอบเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น เดียร์หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองมากดก่อนจะส่งให้อีกฝ่ายดู “ครอบครัวผมครับ”
“ครับ” กันต์รับมาดู เขามองภาพบนจอก่อนจะนิ่งไป มันเป็นภาพถ่ายครอบครัวของเดียร์ ในภาพมีทั้งหมดห้าคน น้องแล้วก็พี่ชายฝาแฝดของน้องที่ยืนขนาบข้างน้องสาวคนเล็ก แล้วก็ผู้ใหญ่อีกคนสอง คนหนึ่งเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาแม้จะอายุมากแล้วคาดว่าของเป็นพ่อของน้อง ส่วนอีกคน...
นี่คือเรื่องที่เดียร์กังวลใจมากตลอด... เรื่องที่มัมมี๊ของเขาไม่เหมือนใคร เดียร์ไม่ได้เสียใจหรือผิดหวังที่มัมมี๊น้ำเหนือเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิงเหมือนคนอื่นๆ เดียร์ดีใจ ภูมิใจ และรักมัมมี๊มาก เขาสามารถยืดอกและพูดได้เต็มปากว่ามัมมี๊ของเขาดีเยี่ยมที่สุด และเขารักมัมมี๊มาก แต่ไม่ใช่กับคนอื่นๆ
ถ้าเป็นคนที่เดียร์ไม่รู้จัก ไม่ใช่คนสำคัญเดียร์ไม่แคร์และไม่สนใจสักนิดถ้าหากอีกฝ่ายจะรู้เรื่องของมัมมี๊น้ำเหนือ จะรับได้หรือไม่ได้เขาไม่สนใจ เพราะครอบครัวของเขาเองก็ไม่สนใจ คุณย่าบอกเสมอว่าคนมีปากก็พูดได้ เขามีสมองก็คิดได้ เขาจะพูดจะคิดอย่างไรก็เรื่องของเขา แต่เราเป็นอย่างไรเรารู้ตัวดี
ใครจะคิดว่ามัมมี๊ของเขาผิดปกติ แปลกประหลาดก็เรื่องของเขา แต่เรารู้ว่ามัมมี๊ไม่ได้เป็นอย่างนั้น มัมมี๊เป็นแม่ที่ดีที่สุด และครอบครัวของเขามีความสุขแค่นั้นก็พอ เราไม่สามารถห้ามความคิดใครได้ เดียร์จึงไม่เคยสนใจแต่ไม่ใช่กับกันต์ กันต์เป็นคนที่เขาแคร์เขาเลยกังวลว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกไม่ดีหรือรับไม่ได้กับเรื่องนี้
“คนนี้... แม่ของเดียร์สินะ” กันต์เลื่อนนิ้วไปที่ผู้ชายอีกคนที่ยืนยิ้มอยู่ “เดียร์ได้แม่มาหมดเลย โดยเฉพาะดวงตา”
เดียร์เม้มปากแน่น แม้มัมมี๊น้ำเหนือจะหน้าหวานแต่ใครมองก็รู้ว่าเป็นผู้ชาย... ไม่ใช่ผู้หญิง
“เดียร์กับฮาร์ทหน้าเหมือนกันมากเลยนะ ต่างกันก็แค่ตาแต่ความรู้สึกไม่เหมือนกันเลย ฮาร์ทมองแล้วเหมือนพ่อของเดียร์ แต่เรามองแล้วดูก็รู้เลยว่าได้แม่มาเต็มๆ น่ารัก... เลิฟก็ได้แม่มาเยอะเหมือนกัน ตาโตแต่ได้สีตาเหมือนพ่อเนอะ” กันต์ยังคงมองรูปแล้วก็ยิ้ม
“พ... พี่...”
กันต์เงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมองน้อง “หือ... ว่าไงครับ”
“พี่ไม่สงสัย... หรือ อะไรหน่อยเหรอครับ”
“สงสัยครับ จริงๆ ก็อยากถามแต่ไม่แน่ใจว่าจะถามดีไหม” กันต์ตอบ แต่เมื่ออีกคนพยักหน้าให้เขาถาม เขาเลยพูดออกไป “พอให้ดูรูปพี่ก็รู้ครับว่าแม่ของเราเป็นผู้ชาย ตอนแรกที่เห็นพี่ยอมรับว่าเราอาจจะ... ขอโทษนะครับ ไม่โกรธพี่นะ พี่คิดว่าเราอาจจะเป็นลูกของใครคนหนึ่ง... แต่หน้าเราเหมือนพวกท่านทั้งคู่ ก็สงสัยน่ะครับ”
“พี่... รับได้เหรอครับ...”
“แล้วทำไมพี่ถึงจะรับไม่ได้เหรอครับ” กันต์ถามกลับ
“ก็... ครอบครัวผมไม่เหมือนคนอื่น” เดียร์ตอบเสียงเบา
กันต์เอื้อมมือไปจับมือของเดียร์ “เดียร์ภูมิใจในครอบครัวของเดียร์ไหม รักครอบครัวของเดียร์ไหมครับ”
เดียร์พยักหน้าทันที “ภูมิใจครับ รักมากด้วย มัมมี๊ของผมน่ารักที่สุด ดีที่สุดด้วย”
“อย่างนั้นพี่ก็ไม่เห็นว่าครอบครัวของเดียร์จะไม่เหมือนคนอื่นยังไง” กันต์นึกขำกับสีหน้าของน้องที่ดูจะโล่งอก ดีใจ แต่ก็ทำตาเหมือนจะร้องไห้ เลยต้องลูบผมนุ่มไปมาเพื่อปลอบ
“ถ้า... ผมบอกว่าผมเป็นลูกของมัมกับแด๊ด คือ... มัมท้องผม ฮาร์ทแล้วก็เลิฟเอง” สีหน้าของกันต์ดูแปลกใจแล้วก็อึ้งอย่างเห็นได้ชัด “ผม... ไม่ค่อยบอกใคร คนส่วนใหญ่จะคิดว่าผมเป็นลูกอุ้มบุญมา แต่จริงๆ แล้วมัมท้องผม... มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่มันคือเรื่องจริงครับ”
กันต์ได้ฟังที่เดียร์พูดก็พยักหน้ารับ รั้งตัวน้องเข้ามาใกล้ก่อนจะกอดเอาไว้ “เพราะเรื่องนี้สินะ กังวลเรื่องนี้ใช่ไหมถึงได้ไม่ตอบตกลงกับพี่”
“ครับ...”
“ไม่ต้องกังวลนะครับ พี่บอกแล้วว่าไม่มีผลต่อความรู้สึกของพี่” กันต์พูด “ยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน แต่นั่นไม่ได้ทำให้พี่เลิกชอบเราเลยนะ พี่ยังชอบเดียร์เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง”
“ขอบคุณนะครับ... ผม... รู้สึกโล่งมาก โล่งมากจริงๆ ขอบคุณนะครับ” เดียร์พูดขอบคุณจากใจ ความรู้สึกหนักอึ้งที่มีอยู่ในใจมาตลอดเหมือนมันเบาบางลงจนหายไปหมด
ตั้งแต่รู้ตัวว่าเขาคิดยังไงกับกันต์เรื่องนี้ก็รบกวนจิตใจเขามาตลอด เขาให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก... ถ้าหากจะคบกับใครสักคนเขาก็ต้องบอกเรื่องครอบครัว เดียร์เลยรู้สึกกังวลมาตลอดว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ เขาคงไม่สามารถทนคบกันไปโดยไม่บอกเรื่องนี้ไม่ได้ แต่พอได้บอกออกไปและกันต์ยอมรับเรื่องนี้ได้ เขาจึงรู้สึกโล่งมากจริงๆ
เมื่อปัญหาหนักใจหมดไปแล้ว คนที่ตาโตอยู่เมื่อครู่ก็ปรือปรอยด้วยความง่วงงุน ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาดึกมาก... เรียกว่าใกล้เช้าวันใหม่แล้วมากกว่า เดียร์ถึงได้รับคาไหล่ของกันต์โดยที่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อ
“หลับเหรอ... หึหึ... พอโล่งใจก็หลับเลยหรือยังไงกันหือ” ก้มมองคนที่ใช้ไหล่ของเขาต่างหมอนแล้วหลับไปก่อนจะยิ้มเอ็นดู “พี่ยังไม่ได้เล่าเรื่องของตัวเองเลย เจ้าตัวแสบ”
กันต์จัดการอุ้มน้องตัวเล็กขึ้น แม้จะทุลักทุเลไปบ้างเพราะเขาเองก็เหนื่อยล้าจนแรงไม่มีพาเข้าไปในห้องนอน นึกไปถึงครั้งแรกที่เจอน้อง ตอนนั้นก็แบกน้องไม่ไหวจนต้องไปหาที่นั่งหลบกัน เหมือนกับเขาตอนนี้ไม่มีผิด
“พี่ไม่ได้ไม่แข็งแรง แต่แค่เหนื่อยจนไม่มีแรงนะรู้ไหม” จิ้มปลายจมูกน้องเบาๆ หลังจากที่วางน้องลงบนเตียงแล้ว
เขาจัดท่าทางให้น้องก่อนจะห่มผ้าให้เรียบร้อย ส่วนตัวเองก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะเดินมานอนข้างๆ เดียร์ แค่นอนข้างๆ ใต้ผ้าห่มเดียวกันเท่านั้น ไม่ได้ถือวิสาสะจับมือหรือกอดอะไร นอนหันหน้าไปทางน้องแล้วก็ยิ้มอยู่แบบนั้น เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าคืนนี้เขาหลับฝันดีมาก
************************************************
นี่แหละจ๊ะเรื่องกังวลของน้อง น้องรักแล้วก็ภูมิใจในครอบครัวของตัวเองมาก น้องไม่สนหรอกว่าคนอื่นจะคิดยังไง แต่นี่คือพี่กันต์ไง เพราะเป็นพี่กันต์น้องเลยกังวล อยากให้พี่รับรู้แล้วก็ยอมรับได้ทุกอย่าง แต่ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วเนอะ พี่เขารับรู้แล้ว และพี่เขาก็ไม่ได้เลิกชอบด้วย
หมดกันสักทีกับเรื่องกังวลใจของน้อง เฮ้อ... โล่งอกเลยทีเดียวจ้า
ปอลอ. ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายของฟางจ้า ขอบคุณนะคะ
ปล. เหตุการณ์รับน้อง การเรียนการสอน รวมไปถึงข้อมูลบางส่วนที่ใส่ในนิยาย บางส่วนฟางเอามาจากชีวิตจริงที่ฟางได้เจอมาตอนเรียน บางส่วนฟางแต่งเติมเสริมขึ้นมาเอง และได้รับการอนุญาตจากทาง รศ.ดร.นฤพนธ์ ไชยยศ คณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้เผยแพร่แล้วค่ะ
เจอคำผิด บอกได้ค่า
ไม่อยากจะขออะไรมาก แต่ขออย่างเดียวอ่านแล้วเมนต์หน่อยน้า ไม่งั้นพี่กันต์น้อยใจแย่เลย รักพี่กันต์เมนต์ รักน้องเดียร์เมนต์ รักคนแต่งเมนต์ ไม่รักกันก็เมนต์ค่า
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รัก #พี่กันต์สายอ่อย กันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ