HEAVY WEIGHT: 19 KG. (บทสรุป)
“เดี๋ยวเจอกันตอนเย็นนะ” เสียงทุ้มนุ่มที่ทำเอาผมเคลิ้ม
“อื้อ” ยิ้มหน้าแป้นเหมือนคนบ้าให้คนพูดก่อนที่มองร่างสูงใหญ่ของลูกครึ่งอาหรับเดินหายลับออกไป
โลกแม่งสีชมพูจริงๆ แต่ก็นะ มันก็มีพวกที่ขี้อิจฉาตาร้อนอยู่ปะปนอยู่ด้วยเสมอ
“มึงจะนั่งบิดไปบิดมาอีกนานมั้ยวะ” ทำไมทุกครั้งที่เริ่มบท เอ๊ย! เวลาผ่านเรื่องอะไรมาจะต้องมาเจอหน้าไอ้ปองกุลทุกครั้งเลย “ไอ้ชะรีฟมันเดินไปนู่นเแล้วเว้ย มองตามตาย้อยเชียวนะ”
ผมมองไอ้แห้งที่หรี่ตา ยักคิ้วมาให้อย่างกวนตีน ถึงจะผ่านมาหลายวันแล้วแต่ผมยังหน้าเห่อร้อนบ่อยๆ แล้วที่ผ่านมาไอ้โรห์มันเหมือนคนขาดความอบอุ่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ช่วงนี้ติดสกินชิพมาก ว่างเป็นกอด ว่างเป็นจับไปฟัด ขยำๆเนื้อผมจนแดงไปหมด
“ทำไมมึงต้องเสร่อทุกรอบเลย ห้ะ?”
“เอ้า เรื่องของมึงคือเรื่องของกูด้วยไง ดูสิกูรักมึงมากแค่ไหน”
“เขาเรียกเสือกเว้ย” ผมเบ้ปาก ทำไมต้องเจอหน้ามันทุกเช้าเลยด้วยก็ไม่รู้ แต่ไม่เจอคนไม่ได้เพราะมีเพื่อนอยู่คนเดียว ตึ่งโป๊ะ!
ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมุ้งมิ้งขนาดนี้ ขนาดตัวก็ไม่ให้เลยสักนิด ไอ้ปองกุลมันกระแหนะกระแหนว่าผมยิ้มหน้าบานเป็นแป๊ะยิ้มเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของพ่อยอดชายนั่งรออยู่ที่หน้าคณะหลังจากที่เลิกเรียนเรียบร้อยแล้ว นี่ถ้ามีหูมีหางมันคงเห็นได้ชัดว่าผมกระดิกหางดุกดิกวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างร่าเริง
“รอนานมั้ย?”
“เพิ่งมาเลย”
รอยยิ้มหวานย้อยทำให้ผมเม้มปากเพราะความเขินนิดหน่อย เมื่อก่อนมันก็มารอบ่อยแต่ว่ามันไม่เหมือนกับตอนนี้
...ตอนนั้นเป็นเพื่อนแต่ตอนนี้เป็นแฟน…แค่กๆ เขินตัวเท่าบ้านเลยเนี่ย
“แฮ่มๆ เห็นหัวกูด้วยครับ” ไม่ขัดพวกกูสักวันจะตายมั้ยไอ้แห้ง!
ไอ้ปองกุลกูจะกระโดดทับมึงจริงๆแล้วนะเว้ย!!
การเรียนไม่เคยฆ่าใครแต่ว่าภาษาญี่ปุ่นนี่แหละกำลังฆ่าผมตายอย่างช้าๆ ช่วงนี้ผมเจอสอบเก็บคะแนนและควิซบ่อยแบบไม่ค่อยได้ตั้งตัวเท่าไหร่ รวมถึงงานวิชาต่างๆที่เล่นเอาผมเครียดไปเหมือนกัน แตกต่างจากพ่อยอดชายที่เรียนอินเตอร์ จะบอกว่าคณะมันงานน้อยก็ไม่ใช่ แต่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมันถึงได้จัดการสะสางงานได้เร็วขนาดนั้น
“อื้อ...อยู่ที่เดิมเลย โรห์มาเร็วๆนะ พุกหิวแล้ว” พูดจบก็กดวางก่อนจะหันมาสนใจงานตรงหน้า แต่ที่ไม่ปกติก็คือสายตาของเพื่อนในกลุ่มที่ทำงานด้วยกัน
ยิ่งไอ้ปองกุลที่ทำท่าล้อเลียนผมตอนโทรศัพท์นี่มันน่าหมั่นไส้จริงๆเลยครับ ส่วนเพื่อนคนอื่นก็ก้มหน้ากับคอมพ์แต่กูเห็นหูพวกมึงนี่กางเป็นเรดาห์ขนาดนั้น ไม่รู้เลยเนอะว่ากระตุกต่อมเผือกพวกมึงแค่ไหน แยกเขี้ยวใส่พวกมันไปทีหนึ่งก่อนที่จะรวบรวมสมาธิปั่นงานต่อไป รู้ตัวอีกทีก็มีคนทรุดตัวนั่งลงที่ว่างข้างๆผม พร้อมกับถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อสองถุงใหญ่
“เป็นไงบ้าง?” เสียงทุ้มนุ้มถามขึ้น
ผมส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่างานยังไม่เสร็จ “ยังไม่เสร็จเลย แต่หิวแล้ว” ตอนนี้ไอ้ความคิดลดน้ำหนักอะไรนั่นไม่มีอยู่ในหัวอีกแล้วครับ ตอนเล่าให้โรห์ฟังว่าใช้วิธีอดอาหารเล่นเอามันโกรธมากเพราะมันบอกว่าการอดอาหารไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องเท่าไหร่ ควรจะกินอาหารให้พอดีควบคู่กับการออกกำลังกาย
ผมนี่จ๋อยไปพักใหญ่เพราะโรห์ดูไม่สบอารมณ์เลยสักนิดแต่สุดท้ายพ่อยอดชายก็ยังเป็นคนน่ารักเหมือนเดิมมันหิ้วผมติดไปโรงยิมซ้อมคาราเต้บ่อยขึ้น แต่ไม่ได้ให้โหมหนักแค่ให้ผมได้ยืดเส้นยืดสายบ้าง เจอสายตาคมหวานย้อยกับประโยคที่ติดใจมาจนถึงตอนนี้
‘ฉันอยากให้พุกออกกำลังเพื่อสุขภาพที่ดีจะได้อยู่กับฉันนานๆไง’
เท่านั้นแหละ...ต่อให้ต้องโดนไอ้พี่เก่งเตะะจนน่วมผมก็ยอมตายครับ ณ จุดนี้
“กินรองท้องก่อนนะ ซื้อมาเผื่อทุกคนด้วย” มือใหญ่เลื่อนถุงทั้งสองมาให้ ข้างในมีขนมนมเนยอยู่หลายอย่าง แต่ว่าพ่อคุณหยิบแซนวิชไข่ธรรมดากับน้ำเต้าหู้หวานน้อยมาให้ผมแทน “พุกกินแค่นี้นะ เดี๋ยวซ้อมเสร็จจะพาไปกินข้าว”
“ขอบคุณครับ” ผมไม่งอแงอยากกินของทอดหรืออะไรอีก โรห์ให้กินก็กินตาม อนุญาตให้กินแค่ไหนก็แค่นั้น เชื่อฟังสุดๆจนไอ้ปองกุลมันยังแปลกใจ แต่ที่ทำให้ผมตื่นเต้นกว่านั้นก็คือน้ำหนักมันค่อยๆลดลงถึงจะไม่ได้ลดฮวบแต่ก็ค่อยเป็นค่อยไป ผมว่าผมพอใจกับผลลัพธ์ทีเดียว
“งั้นฉันไปซ้อมก่อนนะ เดี๋ยวเจอกัน”
อีกไม่นานก็จะมีแข่งระดับมหาวิทยาลัยอีกหนึ่งการแข่งขัน ทำให้พี่เก่งเรียกบรรดานักกีฬากลับเข้าร่วมการฝึกอย่างจริงจัง
การซ้อมของไอ้แขกค่อยๆเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จากที่ปกติมันจะมาหาผมที่คณะบ้าง ซื้อเสบียงมาให้บ้าง กลับกลายเป็นผมที่ห่วงมันว่าจะโหมซ้อมหนักจนร่างกายจะไม่ไหวเอา เลยเป็นฝ่ายไปเฝ้ามันที่โรงยิมบ้าง
ตอนนี้ในโรงยิมทั้งหมดถูกชมรมคาราเต้ครอบครองทั้งหมด ผมมองไปที่ร่างสูงใหญ่ที่กำลังซ้อมการต่อสู้อยู่ การซ้อมค่อนข้างจริงจังเพราะใส่อุปกรณ์ป้องกันเรียบร้อย บอกตามตรงว่าผมยังแอบกังวลเรื่องที่โรห์เคยได้รับบาดเจ็บคิ้วแตกก่อนหน้านี้ แต่โรห์บอกว่ากีฬาแบบนี้การเจ็บตัวเป็นเรื่องธรรมดา ผมก็ได้แต่พยักหน้ายอมรับ
“เหนื่อยมั้ย?” ผมรีบเปิดขวดน้ำเกลือแร่สำหรับนักกีฬาให้คนที่ถอดหมวกป้องกันออกจากศีรษะหลักจากที่เขาปล่อยให้พักสิบนาที
ใบหน้าคมเข้มยิ้มบางก่อนพยักหน้าเล็กน้อย โรห์ไม่ได้นั่งพักทำเพียงแค่ยืนพักขาสลับกับสะบัดข้อมือข้อเท้าเบาๆ แต่สายตาดันไปจ้องผิวเนื้อสีน้ำผึ้งวาววับไปด้วยเหงื่อ ผมใจกระตุกไม่เป็นจังหวะ กลืนน้ำลายเอือก แผ่นอกแข็งแกร่งกับตุ่มเนื้อสีอ่อนกว่าผิวจริงผ่านรอยแยกของเสื้อสีขาวทำเอาสติกระเจิดกระเจิง และเหมือนมันก็จะรู้เลยยิ่งเดินเข้ามาชิดจนได้กลื่นเหงื่อผสมกับกลิ่นหอมอ่อนๆเป็นเอกลักษณ์ของมัน
“เดี๋ยวกลับห้องจะถอดให้ดูเต็มๆเลย” น้ำเสียงยั่วเย้าทำให้ผมกัดปากแน่น ใบหน้าร้อนเห่อ เลยเสตีหน้าท้องแกร่งของมันไปหนึ่งที
“ไม่เล่นนะโรห์” ผมไล่มันกลับไปซ้อมเพราะหมดเวลาพักแล้ว เกรงใจสายขี้เผือกของคนอื่นบ้างเถอะ! จ้องจนตาจะถลนกันหมดแล้วนั่น ยิ่งไอ้พวกพี่เก่งแม่งทำหน้ายิ้มล้อเลียนไปถึงไหนต่อไหน พอไล่มันกลับไปซ้อมผมก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ต่อสายตาขี้เผือกเหล่านั้น ยิ่งตอนเลิกซ้อมเสร็จผมถึงกับรีบลากไอ้โรห์ที่ยังไม่ทันเปลี่ยนเสื้อเรียบร้อยให้รีบเดินหนีออกมา โดยมีเสียงตามหลังพร้อมกับเสียงหัวเราะ
“จะรีบไปสวีทกันที่ไหนนนน”
สวีทบ้านพี่น่ะสิไอ้พี่เก่ง!
มีคนเคยบอกว่าผมว่าการตื่นเช้าแล้วเจอคนที่เรารักนอนอยู่ข้างๆมันทำให้หัวใจพองโตอย่างบอกไม่ถูก แต่แม่งจริงเหรอวะ?
ช่างเถอะ...ตอนนี้ผมนอนหลับสบายเกินกว่าจะตื่นมาดูว่ามีใครนอนอยู่ด้วยหรือเปล่า ความอุ่นพอดิบพอดีของเตียงที่อยู่ด้านล่างทำให้ต้องซุกไซ้ฝังร่างกายให้จมอยู่กับเตียงราวกับโดนดูด แต่ไม่รู้ว่าไอ้โรห์มันเปลี่ยนฟูกนอนตอนไหนวะถึงได้รู้สึกว่ามันแข็งๆกว่าปกติ แต่ตอนนี้ความอยากนอนมีมากกว่าเอาไว้ตื่นแล้วค่อยถามมันก็ได้
“อืม...” หูกระดิกตอนได้ยินเสียงครางดัง ฟังดูแล้วเป็นเสียงที่ดูอึดอัดทำให้ต้องผงกหัวขึ้นมาอย่างช้าๆ แงะเปลือกตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก เห็นภาพเตียงกลายเป็นผิวเนื้อสีน้ำผึ้งเรียบเนียนแล้วต้องขมวดคิ้ว เกิดอิหยังขึ้นวะเนี่ยกู…
พอสติกลับร่างก็เริ่มรู้แล้วที่ผมนอนทับอยู่ไม่ใช่เตียงแต่อย่างใดแต่เป็นร่างกายสูงใหญ่ของไอ้แขกและเจ้าตัวกำลังทำหน้านิ่วอย่างอึดอัด มันยังไม่ตื่นแต่ก็ดูนอนไม่สบายเพราะโดนผมนอนทับทั้งตัว เมื่อคืนก็นอนข้างๆกันดีๆแล้วไหงมันถึงได้กลายเป็นอีหรอบนี้ไปได้นะ
แต่ว่า...เตียงเนื้อมนุษย์หอมกรุ่นนี้ก็สบายเกินกว่าที่จะลุก ดูดผมให้นอนทับต่อไปอย่างนั้นแหละ อดทนหน่อยล่ะกันนะไอ้โรห์ คิดถึงตรงนี้แล้วก็หัวเราะออกมาเพราะใบหน้าคมเข้มที่ยิ่งยับยู่ยี่ สงสัยจะหายใจลำบากจริง เลยค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าพยุงร่างกายไม่ให้ทับมันมากเกินไป ไอ้โรห์ชอบนอนไม่ค่อยใส่เสื้อ เลยแอบฟาดเบาๆที่ช่วงอกแข็งกับไอ้ภูเขาหกลูกนั่นอย่างหมั่นไส้
พอก้มลงแหกคอเสื้อตัวเองดูก็เห็นก้อนเนื้อนุ่มสีขาวเหมือนก้อนซาลาเปาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก ทั้งที่ผมก็กินไม่เยอะสักหน่อย (กล้าพูดมากเลย) โลกนี่โคตรไม่ยุติธรรมเลยว่ะ!
หมับ!
“เฮ้ยยยย” ผมตกใจเมื่ออยู่ๆร่างกายก็ถูกกอดเอวหมับแล้วลากลงไปกินในน้ำ เฮ้ย! ไม่ใช่เว้ย จากที่นั่งคุกเข่ากึ่งทับหน้าท้องแกร่งก็โดนลากลงไปนอนแบ๊บอยู่บนตัวอีกฝ่ายครั้ง ถูกแขนกดที่หลังคอจนหน้าบี้กับแผ่นอกแข็งจนจมูกบี้ พยายามจะงัดตัวเองขึ้นมาแต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยให้ทำแบบนั้น
เห็นไอ้แขกยังหลับตานิ่งไม่ไหวติงแต่ผมรู้แล้วว่ามันตื่นแล้วแน่นอน แยกเขี้ยวใส่มันก่อนที่ก้มลงกัดเนื้อสีน้ำผึ้งตรงหัวไหล่มันไปอย่างไม่ออมแรง ร่างสูงใหญ่สะดุ้งเฮือก ได้ยินเสียงสูดปากจากอีกฝ่าย ผมมองรอยฟันเป็นแผงของตัวเองแล้วยกยิ้ม
เล่นกับใครไม่เล่น!
“ไอ้แขกกกก” อยู่ๆมันก็เอามือมาตะปบก้นเข้าเต็มมือ ขยำจนผมสะดุ้ง เหมือนเลือดทั้งร่างกายวิ่งขึ้นกองรวมกันอยู่ใบหน้าของผมอย่างห้ามไม่อยู่ มีการขย้ำนวดเหมือนนวดแป้งอย่างมันส์มืออีกด้วย พยายามจะขยับตัวหนีแต่มันกลับเอามือหนึ่งมารัดเอวผมไว้แน่น อีกมือก็บีบนวดก้นผมหนุบหนับ เห็นว่าริมฝีปากคลี่ยิ้มทั้งที่ยังหลับตาก็ทำให้ผมยิ่งทุบไหล่มันปักๆ มันก็ยิ่งลงแรงกับก้นผมมากขึ้น “ไอ้โรห์!!” ตะโกนเรียกชื่อมันเสียงดัง
“...” มันยังเงียบไม่ยอมตอบแต่ปากเริ่มยิ้มจนเห็นฟันแล้ว
ผมรวบรวมแรงทั้งหมดกลิ้งหนีลงจากร่างกายอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว หนีมันไปนั่งหน้าบึ้งอยู่ตรงขอบเตียงอีกฝั่งถลึงตามองร่างสูงใหญ่ที่หัวเราะเบาๆ มันพลิกตัวตะแคงข้างเอามือรองที่ต้นคอ นัยน์ตาคมเข้มพราวระยับของมันมองมาที่ผม บอกอย่างไม่ลำเอียงเลยว่า...ไอ้โรห์ตอนนี้เหมือนนายแบบขึ้นปกนิยตสารไม่มีผิด
ตอนมองก็กลืนน้ำลายเอือกกับหัวนมสีน้ำตาลอ่อนกับแผ่นอกแข็งที่มีไรขนอ่อนเรียงตัวเป็นระเบียบ มีใครหล่อกว่าอีกมั้ย? ผมจ่ายให้ห้าบาทเลยเอ้า ตอบเลยว่าไม่มี...บอกตามตรงก็ได้ว่า…
โคตรหลงเลยอะ!
แต่เรื่องอะไรจะบอกให้มันรู้ เดี๋ยวยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่
“หนูอ้วนของโรห์หิวหรือยัง?” ผมเหล่ตา เบะปาก มองคนพูดที่ยิ้มละมุนละไม ผมนั่งท้าวคางไปกับโต๊ะกินข้าว มือใหญ่วางบนหัวผมแล้วขยี้เบาๆ
“หิว” ผมพึมพำเสียงแข็ง
“อยากกินอะไร?”
ผมทำหน้าครุ่นคิด แต่สายตาเจ้ากรรมมันดันเผลอไปมองจุกนมสีน้ำตาลอ่อนรับกับแผ่นอกแน่น ได้แต่กลืนน้ำลายเอือกก่อนรีบเก็บอาการ
สมองประมวลผลบางอย่างก่อนที่ผมจะคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ พูดขึ้นเสียงไม่ดังนัก
“กินโรห์ได้มั้ย?” พร้อมกับแกล้งเอามือลูบไล้อกหนั่นแน่นแล้วหลิ่วตาล้อเลียน
ไอ้แขกนิ่งงันเหมือนถูกแช่แข็ง แต่ก่อนที่มันจะรู้ตัวผมก็รีบกระโดดลุกหนีออกจากวิ่งปรู๊ดไปที่ห้องน้ำแล้วกดล็อกอย่างรวดเร็ว
ได้ยินเสียงคำรามมาจากด้านนอก
“พุก! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!” จ้างให้ก็ไม่ออกเว้ย สมน้ำหน้า ยิ่งเช้าๆแบบนี้ผู้ชายฟิตปั๋งอย่างมันต้องเคารพธงชาติแน่นอน หึๆ
“อย่าลืมไปซื้อข้าวนะ อิ๊ๆ” สั่งด้วยน้ำเสียงเริงร่า “พุกอยากกินหมูปิ้ง” และไม่ต้องห่วงเรื่องไอ้โรห์จะเคารพธงชาติไม่ทันนะครับ เดี๋ยวมันก็คงไปใช้ห้องน้ำอีกห้อง
แต่แม่งกูคิดผิดถนัด!!
แก๊กๆๆ
“ฉิบหาย!” ผมอุทานดังลั่นเมื่อลูกบิดประตูสั่นก๊อกแก๊กจนในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออก
ใบหน้าหล่อเหลาแต่นัยน์ตาชั่วร้ายของใครบางจ้องจนผมต้องถอยหลัง
“ตอนนี้โรห์ว่าเรามาจัดการหนูปิ้งก่อนเถอะ!”
หนูปิ้งไม่ด้ายยยยยย แงงงง…
มือใหญ่คว้าร่างกายผมหมับพร้อมกับประชิดตัวอย่างรวดเร็ว
กูเคยคิดว่ามึงเป็นคนอ่อนโยน น่ารักกับกูเสมอ แต่…ผมรู้แล้วว่าไอ้โรห์ก็มีด้านมืด และชอบมืดบนเตียง ระเบียง ห้องน้ำ ห้องครัว ฯลฯ
แต่ด้านมืดของมันทำผมหน้ามืด!
“อา...โรห์ ชะ...ช้าหน่อย”
“อืม” มีคนคำรามในลำคอ แต่กลับเร่งความเร็วจนตัวผมสั่นคลอน
ไอ้โรห์! ไข้มันกระเพื่อมแล้วเว้ย
สุดท้ายผมกลายเป็นหนูเปื่อยบนเตียงแทน แถมหมูปิ้งร้านอร่อยเจ้าประจำก็ไม่ได้กินเพราะแม่งตลาดวายหมดแล้วไงแต่ยังดีว่าร้านสะดวกซื้ชื่อดังยังมีหมูปิ้งไมโครเวฟให้ผมยาไส้แทน
ไอ้โรห์! ไอ้แขกนิสัยไมดี กูโกรธมากนะบอกเลย!!
“ขอโทษครับ” มันทำเสียงอ่อนเสียงหวาน
ผมสูดปากขณะขยับก้นให้นั่งบนเบาะนุ่มๆที่ไอ้โรห์มันไปหามารองบนเก้าอี้ให้แล้วกัดหมูพร้อมยัดข้าวเหนียวเข้าปากอย่างหงุดหงิด
“ทำไมเดี๋ยวนี้เป็นคนแบบนี้วะ?” ผมชี้นิ้วพร้อมกับกระดิกไปมาเป็นเชิงสั่งสอน ยังรู้สึกเมื่อยตัวตลอดเวลา “เอะอะหื่น เอะอะกด ไม่ได้นะเว้ย ลำบากกูนี่” ผมหลับหูหลับตาตะโกนแหกปาก ยิ่งพูดแล้วยิ่งเขินขึ้นแล้วก็ของขึ้น
ยังๆ ยังไม่สำนึกอีก ยังมาทำหน้าระรื่นได้อีกนะคนเรา แล้วลูกตาอ่ะจะระยิบระยิบไปมั้ย? แล้วมึงจะยิ้มทำไมไอ้โรห์ นี่กูด่ามึงอยู่นะ สำนึกสิสำนึก!
“ขอโทษครับ...” ขอโทษแต่ดูไม่ได้สำนึกเลยสักนิด “โอ๋ๆ ไม่งอนนะ กินข้าวเร็ว”
ผมมองมันที่ดันถาดข้าวเหียวหมูปิ้งเข้ามาให้พร้อมกับน้ำเต้าหู้ร้อนๆที่มันก็ซื้อจากเซเว่นมาเป็นขวดแล้วเอาไปเข้าเวฟให้ผมกิน มีร้านน้ำเต้าหู้ที่ไหนยังเปิดขายตอนเกือบเที่ยงแบบนี้กัน
“วันหลังห้ามหื่นแตกแบบนี้อีก” พูดเองก็เขินเองแต่ว่าถ้าไม่ปรามไอ้แขกไว้วันหน้าผมต้องตายแน่ๆ มันไม่รู้ตัวหรือไงว่ามันทั้งตัวโต แรงก็เยอะ ถ้าผมตัวเล็กกว่านี้คงได้แหลกกันไปข้าง
“ก็พุกเริ่มก่อนนี่” มันยิ้มอ่อน “พูดแบบนั้นใครจะไปทนได้กัน” นัยน์ตาคมหวายย้อยไปหมด เฮ้ย! เพิ่งพูดไปหยกๆว่าห้ามหื่นแตกพร่ำเพื่อน่ะ
ได้แต่เคี้ยวฟันกรอดๆเพราะว่าเมื่อเช้าผมก็เป็นคนพูดแบบนั้นออกไปเองแต่ก็แค่จะแกล้งมันเท่านั้นใครจะไปคิดว่าจะเป็นการกระตุกต่อมหื่นของมัน ทั้งที่เมื่อนก่อนก็ไม่เห็นจะมีวี่แววเป็นคนแบบนี้เลยสักนิด
“เออ กูผิดเอง” แม่งงงง ทำตัวเองทั้งนั้นแหละไอ้หนูพุก เจ็บตูดไม่พอยังเจ็บใจด้วย สู้รอยยิ้มละมุนละไมบนใบหน้าหล่อๆนั่นไม่เคยได้เลย ให้ตายสิ!
ร่างสูงใหญ่หัวเราะเบาๆก่อนที่มันจะเข้ามาโอบผมเอาไว้แล้วโยกไปมาเหมือนกล่อมเด็กพร้อมกับพูดเสียงทุ้มนุ่ม
“โรห์ผิดเองครับ หายโกรธกันเนอะ”
“สำนึกผิดด้วยนะ” ผมยังเสียงแข็งแต่ก็ยอมปล่อยให้ตัวเองอยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆนั่น
“ครับ สำนึกแล้ว”
“วันหลังห้ามทำอีก เอ่อ...” ผมชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดใหม่ “ถ้าทำต้องเบาแรงหน่อย”
คนที่กอดตัวสั่นเพราะกลั้นหัวเราะ ไม่ต้องมองก็รู้ว่ามันคงกำลังดีใจจนเนื้อเต้น
“ครับ” เสียงทุ้มตอบ “จะเบาแรงกว่านี้”
ผมหน้าเห่อนิดหน่อยแต่ก็ต้องทำเสียงแข็งต่อไป
“วันนี้ยังงอนอยู่นิดหน่อยแต่ถ้าพาไปไอติมแล้วจะหายโกรธก็ได้” เล่นตัวไปก็เท่านั้นแล้วครับ ผมเสียไปหลายอย่างเพราะงั้นต้องทวงกลับคืนมาเป็นสองเท่า
คอยดูนะ! จะเอาคืนแบบต้นทบดอกเลย
คราวนี้ไอ้แขกมันหัวเราะลั่นกับประโยคของผม มันเอี้ยวมามองใบหน้ากลมแป้นแล้วยิ้มกว้างพร้อมกับจุ๊บเบาๆ
“ได้ครับ วันนี้ยอมหมด”
ผมค่อยยิ้มออกมาบ้างก่อนที่จะชะโงกตัวไปจุ๊บคางบึกบึนของคนที่ยืนโอบอยู่ด้านหลังเร็วๆทีหนึ่ง ผมรีบพูดดักมันเสียงเข้ม
“ห้ามหื่นแตกอีกนะเว้ย!” พูดจบแล้วก็หันมาจัดการอาหารเช้าควบเที่ยงตรงหน้าโดยเลิกสนใจไอ้คนข้างหลังที่ส่งเสียงโอดครวญ
“Oh! This is so unfair!! เล่นแบบนี้ไม่แฟร์มากเลยพุก”
So...who care?
หึ...สมน้ำหน้า!
- 100% -
สวัสดีค่า
วันนี้อาโปเอาตอนใหม่มาลงให้นะคะ ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นบทสรุปของเรื่องนี้แล้วค่า แต่ว่าอาโปยังมีบทส่งท้ายมาลงให้อีกหนึ่งตอนนะคะ ต้องขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ร่วมเดินทางมาจนถึงจุดนี้
ขอบคุณที่ให้ความเอ็นดูยัยหนูอ้วนและพ่อยอดชายมาตลอดค่ะ สำหรับเรื่องรักหนักมาก เป็นเรื่องที่อาโปอยากนำเสนอนายเอกในอีกรูปแบบที่แตกต่างจากปกติเล็กน้อย แม้ว่าตอนนี้หนูอ้วนจะมีการลดน้ำหนักแต่ว่าไม่ได้ลดจนผอมและเปลี่ยนไปเป็นคนละคนนะคะ อยากจะคงความเป็นหนูพุกเอาไว้ตลอด
รักหนักมากเป็นเรื่องที่อาจจะไม่ได้มีประเด็นอะไรมากมาย ดูเป็นเรื่องที่สบายๆฟิลเตอร์แบบ slice of life แต่ใจความที่อยากจะสื่อในเรื่องมีเพียงแค่นายเอกอ้วนๆที่ชอบคิดมากกับการพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนสนิทสุดหล่อห่อหมกไปเป็นคนรัก (ต้องขออภัยสำหรับท่านที่ชอบเนื้อเรื่องแนวเข้มข้น)
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนปลายทางนะคะ และเจอกันในเรื่องถัดไปค่ะ
ปล. ขออนุญาตแจ้งเรื่องการรวมเล่มของเรื่องรักหนักมากนะคะ สำหรับเรื่องนี้จะอยู่ในความดูแลของสำนักพิมพ์ Hermit Books ค่ะ ส่วนเรื่องจะออกเล่มเมื่อไหร่อาโปจะมาแจ้งรายละเอียดอีกครั้งนะคะ