บทที่ 14.2
รอไอ้ปองกุลโคตรนานเลยครับ จนผมเดินไปซื้อชานมเผือกไข่มุกมาดูดเกือบครึ่งแก้วมันถึงเดินออกมา ไอ้ห่านจิก นึกว่าตกส้วมตายไปแล้วนะเนี่ย ยังเสือกมีชีวิตรอดกลับออกมาอีก
“นึกว่าตายห่าไปแล้วนะเนี่ย”
“สัส ขอเวลาหน่อยดิ”
“ส้วมแตกยังมึง” ผมพูดไประหว่างที่เดินเอาหลอดเขี่ยไข่มุกดำๆที่ก้นแก้วพยายามจะเอาขึ้นมากิน แม่งกินยากกินเย็นฉิบหาย สุดท้ายเลยยกให้ฟาโรห์ไปครับ มันไม่ได้จะกินนะ
“เสรด!” มันทำหน้าทำตาใส่ผม
“เหอะ!”
เดินหล่อๆมาจนผ่านร้านเครื่องเขียนเลยแวปเข้าร้านเพราะอยากจะซื้อปากกาด้ามใหม่ ได้ปากกาลูกลื่นมาสองแท่งกำลังจะเอาไปจ่ายเงินแต่ร่างสูงใหญ่กับไอ้ปองกุลกำลังยืนอยู่ตรงชั้นวางหนังสือเลยเดินเข้าไปหา
“ทำไรวะ?” ผมชะโงกหน้าไปมองที่ชั้นวางหนังสือ เป็นชั้นพวกวรรณกรรมเยาวชน ผมก็เคยอ่านนะ แบบพวกแฟนตาซีหรือเกมส์ออนไลน์ อยากจะช่วยเพิ่มค่าเฉลี่ยอ่านหนังปีละแปดบรรทัดของคนไทยให้มันสูงขึ้นบ้าง เผื่อปีหน้าจะได้เป็นเก้าบรรทัดบ้าง
“มึงๆมาดูนี่มา” เสียงแจ้นๆของไอ้แห้ง มันยกหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา ตอนไม่สังเกตดีๆก็เหมือนนิยายวัยรุ่นทั่วไปแต่พอมองอีก…
ขยี้ตาอีกรอบ...หันกลับไปมองใหม่
ห่านจิก เสรดเป็ด!
นิยายห่าอะไรหน้าปกมีผู้ชายสองคนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ เอ่อ...โอเค แค่กอดกันธรรมดา ผมอินเนอร์แรงไปหน่อย
บรื้อ...หนูพุกขนลุกฉิบหาย!
“เชี่ย! มึงจะอ่านหรอ?” ผมมองไอ้แห้งอย่างหวาดระแวง อย่าบอกนะว่ามันเปลี่ยนรสนิยม
“เปล่า...กูแค่จะบอกว่าเหมือนชะรีฟดี” มันชี้ไปที่ตัวละครตัวหนึ่งบนหน้าปก น่าจะเป็นแบบพวกอียิปต์ๆเพราะผิวสีทองแดงและหน้าไปทางอาหรับ
ผมหันไปมองหน้าคมเข้มที่ยืนยิ้มๆ หันกลับไปมองหนังสือน่าขนลุกนั่นอีกครั้ง
“ไอ้ตาถั่ว! เหมือนไอ้โรห์ตรงไหนวะ!” ผมเถียงขาดใจ
“อ้าว...กูก็นึกว่าสเป็คมึงเป็นแบบนี้” มันทำหน้ากวนตีน
หนูพุกหน้าเห่อเล็กน้อย สเป็คกูต้องอึ๋มๆเว้ย “สัส!” หันไปหาไอ้คนข้างๆที่ยืนยิ้มหล่ออยู่ได้ คิดว่าถ่ายแบบอยู่หรือไง “หัวเราะไรโรห์”
ฟาโรห์ยกมือขึ้นมาโบกเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร แต่ปากยิ้มกว้างกับตาแพรวพราวนี่คืออะไร เป็นตากุ้งยิงเร๊อะ!!! เดี๋ยวยิงไส้แตกเลยนี่!
“แล้วชอบแบบไหน? ตาคม คิ้วเข้ม จมูกโด่ง หน้าตาดีๆ?”
ห่านจิก! ที่พูดมามันก็มึงทั้งนั้นเลยไม่ใช่เหรอไงฟระ!
ผมหันหน้าหนีใบหน้าคมเข้มสดใสนั่น นัยน์ตาหวานย้อยฉ่ำวาวจนผมใจสั่น ขยันหาเรื่องให้กูนะไอ้แขก!
“ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ!” ผมสะบัดตูดจะไปจ่ายเงินค่าปากกา แต่ยังได้ยินเสียงไล่หลังมา
“สรุปมึงว่าหน้าปกนี่หล่อกว่าไอ้ชะรีฟใช่มั้ย”
ไอ้เชี่ยถามมากจัง
ใช่…
ซะที่ไหนละเว้ยยยยยย
“ไอ้โรห์หล่อกว่าเยอะ มึงตาถั่วเท่าเม็ดก๋วยจี๊หรือไงวะ?!”
อุ๊บ! ฉิบหาย!
พลาดแล้วกู...พลาดตั้งแต่เห็นใบหน้าคมเข้มฉีกปากจนเห็นฟันขาวเรียงตัวเป็นระเบียบ ห่า...รีบจ่ายเงินแล้วออกจากร้านเถอะ กูไม่อยากทิ้งชีวิตไว้ที่นี่
“ขอบแบบนี้สินะ…” เสียงทุ้มนุ่มดังข้างหลัง รีบสาวเท้าแน่นๆของตัวเองหนีมันไปเรื่อยๆ แต่ขากูมีหรือจะสู้ไอ้แขกตัวเปรตอย่างมัน เออดี...ทิ้งไอ้แห้งวิ่งตามข้างหลังอีก รักเพื่อนได้อีกพวกกู
“ไม่ชอบ!”
“งั้นหล่อใช่ไหม?” ผมชะงัก เมื่อใบหน้าหล่อคมก้มมาชิดใบหน้าผมจนจมูกโด่งๆชนจมูกผม รีบถอยหลังออกมาตั้งหลัก อย่ามารุ่มร่ามกลางห้างนะเว้ย!
ไว้กลับห้องก่อนสิวะ! เอ๊ย! ผิดๆๆๆๆ
“ไม่หล่อ ถอยไป” ดันหน้ามันออกไป เบ้ปากแรงๆใส่ ไอ้ฟาโรห์หัวเราะเบาๆ ยักคิ้วจึกให้ผมอีก
“จะจำไว้ว่าพุกชอบแบบนี้”
“แบบไหน?”
“แบบ...โรห์ไง”
ฟหกด่าสวงงง!
ไอ้หลงตัวเอง ไอ้ขี้โมเม ไอ้ขี้จุ๊เบ๊ๆขี้โฮะตะละล้า!
หลังจากเจอไอ้คนขี้จุ๊เบ๊ๆ ผมรีบเดินหนีมัน ไปลากไอ้ปองกุลเดินหาร้านอาหาร เป็นหนูพุกช่างลำบาก หิวตลอดเวลา จบท้ายที่ร้านพิซซ่าแฟรนไชน์ร้านหนึ่ง ร้านชื่อพิซซ่า บริษัท ครับ
อ้าว! กูเผลอตัวโฆษณาร้านไปแล้วเหรอ?!!!
โทษๆ ไม่ได้ตั้งใจ คึๆ
“ขอน้ำเปล่ารีฟีลด้วยครับ” ผมเงยหน้าบอกพนักงาน
“เอ่อ...น้ำเปล่าไม่มีรีฟีลค่ะ มีแต่น้ำอัดลมรีฟีลค่ะ” หน้าพนักงานดูงงงวยกับกูมากครับ
“อ้อ! นั่นแหละครับ รีฟีลจัดมาเลย” ผมยิ้มร่า
“หนูพุก! อย่าเนียน…” เสียงเข้มดังขัด จนผมหันไปมองหน้า แม่งขัดความสุขมาก “น้ำเปล่าสองขวด น้ำแข็งเปล่าครับ”
พนักงานมองหน้าคนสั่งเคลิ้มเลยครับ พี่ครับ! ไปได้แล้วครับ สั่งเสร็จแล้ว จะมาจ้องทำไม!
“...เท่านี้พอครับ” ผมปิดหน้าเมนูลงหลังจากสั่งเสร็จเป็นการจบการสั่งเพียงเท่านี้
“มึงพูดว่า ‘แค่นี้’ เหรอวะ?!!” ไอ้แห้งมันทะลุกลางวงขึ้น ผมขมวดคิ้วแคะหูเพราะเสียงแหลมๆของมัน
“เสียงดังน่า…” ไอ้โรห์ยังไม่ว่าเลย ถึงคิ้วมันแทบจะขมวดมุ่นเป็นโบว์แล้ว เห็นแล้วขำ
“สั่งเยอะอีกแล้ว” มันทำเสียงเข้ม แต่รีบยิ้มอ้อนประจบครับ เดี๋ยวแม่งยกเลิกรายการผม ตายห่าพอดี
“พุกหิว...นะ...น้า…”
ทำไมต้องพูดเหมือนผมสั่งเยอะ แค่พิซซ่าถาดใหญ่ ปีกไก่บาบีคิว พาสต้า ขนมปังกระเทียม แล้วก็น้ำเปล่ารีฟีล...เอ่อ...ไม่ใช่สิ น้ำเปล่ากับน้ำแข็งต่างหาก
“เออใช่ๆ อาทิตย์หน้าชมรมคาราเต้มีซ้อมแข่งใช่เปล่าวะ?” ไอ้ปองกุลดูดน้ำเอือกๆๆ ถามขึ้นมา
ผมหันขวับไปมองคนเล่นคาราเต้ มันเหล่ตาไปด้านข้างไม่ยอมมองผม ผมก็รอนิ่งๆ คือนิ่งจริงๆ หน้านิ่ง อารมณ์ก็นิ่ง
จนไอ้แขกถอนหายใจ ยิ้มอ่อนๆ
“โอเคๆ ไม่ทำหน้างอแงสิ” อะไรคือหน้างอแง ไอ้ภาษาไทยไม่แข็งแรง “I did not mean to keep it secret มันก็แค่การซ้อมแข่งเท่านั้นเลยไม่บอก”
เสรด! แค่มึงไม่บอกกู แล้วมารู้จากปากคนอื่นมึงก็มีซีเคร็ทกับกูละ!
คือทุกครั้งเวลาามันมีแข่ง พวกผมจะไปดูตลอดถ้าว่าง คือกีฬาคาราเต้เป็นอะไรที่ไม่ได้ดูได้บ่อยๆ มันไม่ได้โด่งดังเหมือนเเทควันโด ไม่มีการบรรจุในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ทำให้คนไม่ค่อยรู้จักเท่าไร แต่ผมว่ามันเสน่ห์ในตัวของมันนะ เวลาเห็นนักกีฬาใในชุดสีขาวสะอาดกำลังต่อสู้หรือไม่ก็การรำทำรำที่มีทั้งความอ่อนช้อยแต่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่ง
“บอกมาก็ไม่ไปเว้ย!” ผมเบ้ปากบอกเสียงดัง
“อืม มันมีวันพฤหัสตอนเย็น”
“เฮ้ย! ไอ้ห่า! วันนั้นกูมีเรียนถึงเย็นนี่หว่าจะไปทันที่ไหน!” ผมร้องขึ้นมาอย่างลืมตัว
เห็นใบหน้าคมเข้มดูมีชีวิตชีวาสดใส ยิ้มกว้างจนเห็นฟัน
“สรุปว่าไปเนอะ” มันยักคิ้ว
ผมทำหน้านิ่ว นี่กูลืมตัวอีกแล้ว นี่จะลืมตัวอะไรหนักหนาเนี่ย นี่กูเอาสติมากับเขาด้วยไหมวะ!
“ไม่ได้พูดว่าจะไป” แม่งมามั่วซั่วอีกแหละ
“อย่าเพิ่งสวีทกันนะพวกมึง เห็นใจกูหน่อย กูหิว” มีคนอิจฉาขึ้นมาแล้ว
“สวีทบ้านมึงเส่ะ” ไอ้แห้งนี่น่าจับหักคอถ่วงน้ำตาย
มันหันไปหัวเราะคิกคักกับไอ้แขกที่ทำหน้ายิ้มๆ
ผมว่าจับพวกมันสองคนมัดแล้วจับถ่วงน้ำแม่งทั้งคู่! เห็นกูเป็นคนดีหน่อยได้ใจกันใหญ่
พออาหารมาผมก็หันเหความสนใจไปที่พิซซ่าร้อนๆตรงหน้า ตักมาวางในจานตัวเองแล้วราดซอสอย่างที่ชอบลงไป เคี้ยวอร่อยๆเพลินๆ
“ไว้...เราค่อยกลับไป...สวีทกันที่ห้องเนอะ”
แค่กๆๆๆๆๆ!!!
ไอ้ห่านจิก! เสรดเป็ดเอ๊ย...หอยลายติดคอกูเลยไอ้เชี่ยแขก!
------------------- 100% ----------------
สวัสดีค่า
ก่อนอื่นต้องขออภัยที่หายไปนานนะคะ วันนี้เอาอีกครึ่งตอนของหนูพุกและพ่อยอดชายมาแล้วค่ะ
ใครลืมแล้วย้อนหลับไปอ่านตั้งแต่ได้เลยนะคะ 5555 ตอนนี้ทุกคนจะได้เห็นว่าพ่อยอดชายของเรานอกจากจะหล่อเหลาเอาการแล้วนางยังเป็นคนชอบกินทองหยอดค่ะ 55555
อ่านแล้วคอมเม้นบอกฟี้ดแบ็คกันได้นะคะหรือจะหวีดในทวิต #รักหนักมาก #ชะรีฟหนูพุก
ขอบคุณที่ยังติดตามกันมาตลอดค่ะ