HEAVY WEIGHT รัก ▪️ หนัก ▪️ มาก [Story by ARPO]
บทที่ 8
HEAVY WEIGHT: 8 KG.
บทที่ 8
“จะกลับแล้วหรือ?” ผมเงยหน้ามองคนพูด นัยน์ตาคมหวานย้อยฉายแววอาลัยชั่ววูบก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว
“อืม...อยู่หลายวันแล้ว อีกอย่างขากูหายดีแล้ว” ผมเก็บของใช้จำเป็นที่ต้องเอากลับห้องใส่ลงกระเป๋า บางอย่าง เช่น เสื้อผ้าบางตัวผมก็ทิ้งเอาไว้ที่นี่เผื่อมาอีกตามโอกาศ
วันจันทร์ช่วงเช้า ผมมีเรียนตอนเก้าโมง ไอ้โรห์ก็เหมือนกัน แต่มันดูไม่เป็นเช้าอันสดใสนกขุนทองมาแล้วจ้าเลย
ผมมองห้องที่เหลืออยู่แค่สองคน ห้องก็เหมือนเดิมทุกอย่าง เจ้าของห้องก็คนเดิมแต่ผมแค่เหงาขึ้นมา
อัคนัสกลับไปแล้ว เมื่อวานตอนค่ำๆพ่อพ่อของเจ้าตัวกลับมาจากต่างจังหวัดแล้วเพื่อมารับหลานกลับตามที่คุยกันไว้
สองวันจะดูเหมือนว่าเร็วก็เร็ว แต่สี่สิบแปดชั่วโมงก็มีมากพอให้ผมได้เจอหลาน
ถึงจะเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกแต่เราก็มีประสบการณ์ดีๆร่วมกัน ผมเกือบจะปล่อยโฮตอนน้องเดินเข้ามากอด เจ้าหนูไม่ฃร้องสักแอะแต่ตาแดงๆจนน่าสงสาร
ดูก็รู้ว่าเป็นเด็กเข้มแข็ง
‘พี่พุก...ฮึก…’ เสียงสะอื้นเบาๆเพราะเจ้าตัวกลั้นเอาไว้ มือเล็กที่กอดแมวน้ำอยู่วางก้อนฟูนั่นลงแล้วเดินเข้ามากอดผมแน่น
ผมก้มลงกอดร่างนิ่มเข้าเต็มแขนจนหลานแทบจมหายไปในตัวผม
‘วันหลังมาเที่ยวอีกน้า’ ผมยิ้มแม้จะดูเป็นยิ้มที่ฝืนไปสักหน่อย ผมจะร้องไห้รอมร่อแล้ว
‘ขอบคุณที่ช่วยดูแลอัคนัสนะครับ’ คุณฟ้าค้อมหัวให้เล็กน้อย พวกผมเลยรีบก้มหัวปลกๆ
‘We will see each other again for sure” แล้วเราจะได้เจอกันอีกนะ
เพราะงั้นตอนนี้ไม่ร้องไห้นะ
ฟาโรห์ลูบหัวหลานเบาๆ มันขยับไปพูดอารบิคกับท่านเทพจุติ
ลืมบอกไปวันนี้ท่านเทพจุติก็มา แต่...โอ้ทวยเทพ! กูเศร้าจิตมากตอนนี้ ไม่มีปัญญามาระริกระรี้ท่านเทพสักนิด
พ่อสิงโตน้อยของพี่พุกยืนกอดแมวน้ำตาแดงอยู่นี่
สุดท้ายมีพบมีจากครับ แต่มันก็แค่จากกันชั่วคราวเท่านั้น
เพราะกูจะขู่เข็นให้ไอ้โรห์มันหาพนูพุกไปอียิปต์ให้ได้ แต่เรื่องค่าตั๋วใครจะจ่ายอันนี้ไว้ค่อยคุยกัน!
“ขอบใจนะมึง” ผมบอกกับคนขับรถที่อุตส่าห์ขับรถมาส่งผมถึงหอตัวเอง
รู้สึกว่าไม่ได้กลับหอตัวเองเกือบอาทิตย์ ไม่ต้องรู้สึกเพราะมันเรื่องจริง
“ไม่เศร้าแล้วนะ” เสียงเข้มปลอบใจผม มองนัยน์ตาคมหวานของเจ้าของรถฉายแววเป็นห่วง คงห่วงว่าผมจะเหงา
“อืม...แค่ใจหาย”
แค่ใจหายยังรู้สึกโหวงๆเลย แต่ความอบอุ่นของฝ่ามือใหญ่ที่ทับอยู่บนมือข้างหนึ่งก็ช่วยเติมเต็มช่องว่างได้อย่างน่าตกใจ มันเหมือนกำลังใจที่ส่งผ่านมา
“ไว้เราไปหาหลานด้วยกัน” นั่นไง! มันพูดแล้ว
“ไป! ออกค่าตั๋วให้ด้วย” ผมยีฟันให้
ฟาโรห์หัวเราะลั่น “ได้ๆ” มันตบหลังมือผมซ้ำ “เพราะงั้นหายซึมได้แล้ว”
ก็ได้...เห็นแกที่มึงจะออกค่าตั๋วให้ไปหาอัคนัส
พอลงรถก็ยืนรอแถวหน้ารอ ให้ไอ้โรห์กลับรถก่อน มันเปิดกระจกฝั่งคนขับ โผล่หน้าแขกๆออกมา
“ไปล่ะ ดูแลตัวเองด้วย”
“ถึงคอนโดแล้วไลน์มานะ” ผมจะได้มั่นใจว่ามันถึงบ้านอย่างปลอดภัย
พอรถยนต์คันสวยวิ่งออกไปจนลับสายตาผมก็ขึ้นห้องตัวเอง หอที่ไม่กลับมาหลายวัน กลิ่นห้องอับเล็กน้อยรวมถึงความร้อนอบอ้าวเพราะไม่ได้ระบายอากาศเลย
ผมจัดแจงเปิดหน้าต่างกว้างเพื่อให้ระบายหน่อย เปิดพัดลมส่ายไปมาให้ห้องเย็นขึ้น เอาเสื้อผ้าในถังที่หมักเอาไว้หลายวันกับเสื้อผ้าบางส่วนที่เก็บมาจากคอนโคไอ้โรห์เอาลงไปซักเครื่องอัตโมัติด้านล่างของหอ เลยถือโอกาสแวะร้านสะดวกซื้อใต้หอด้วยเลย
ยืนรอพี่พนักงานอุ่นไส้กรอกให้แล้วก็เล่นมือถือไปด้วย ไอ้โรห์ไลน์มาบอกว่าถึงหอแล้ว ถามต่อมาด้วยว่าผมทำอะไรอยู่ เลยถ่ายรูปตู้นึ่งพวกไส้กรอกกับขนมจีบซาลาเปาส่งไปให้
Noopook: หิวเมื่อไรก็แวะมา…
ส่งข้อความเป็นเพลงโฆษณาของร้านไปให้ด้วย ไอ้โรห์ส่งข้อความกลับมา
Pharoah: 5555 I see.
Noopook: กินข้าวยัง
Pharoah: sent you a photo
เป็นรูปกล่องอาหารที่ป้าแช่มทำไว้ให้ น่าจะเป็นข้าวผัดกับสลัด ผมเลยบอกกินให้อร่อย
ซื้อของกินในเซเว่นเสร็จก็ขึ้นมาก่อนเพราะกว่าผ้าจะซักเสร็จก็อีกสักพัก กินไส้หรอกเวฟที่ซื้อมาดูหนังออนไลน์ไปด้วย แต่มันไม่ค่อยมันส์สะใจเท่าไรเลย จอเล็ก เสียงไม่เซอราวน์เลย เสียงคุยกันนี่เหมือนคนเป็นไซนัส อู้อี้ขนาดนี้ ลำโพงคอมพิวเตอร์กูเจ๊งแล้วหรอเนี่ย ฮอล...
...สงสัยจะติดดูหนังจากจอกว้างๆฝังผนังแล้วล่ะมั้งเนี่ยกู…
วันไหนไม่มา ทำไมต้องมาวันนี้ด้วย นี่ไม่ใช่ประจำเดือนแต่อย่างใด แค่ผมกำลังบ่นไอ้แขกในใจและกำลังจะแดกหัวมันในไม่ช้านี้ด้วยครับ
ไอ้ฟาโรห์มันลากผมมาชมรมคาราเต้ของมันอีกแล้วครับ วันนี้ชมรมเปิดให้คนอื่นๆร่วมซ้อมด้วยกันได้ครับ มันเลยจับผมมาด้วยทั้งที่ยืนกรานนั่งกรานว่าไม่มา มันก็จับผมยัดใส่กระสอบลากมาจนได้
“รายงานกูยังไม่เสร็จ”
“ปองกุลบอกว่าส่งอาทิตย์หน้าแล้วพุกก็ทำไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะงั้นไม่มีปัญหา” มึงไม่มีแต่กูมีอะ
“กูจะกลับเยาวราช” เอาสิๆ กูจะกลับบ้านใครจะทำไม
“วันก่อนฉันก็เพื่งพากลับไป” เออสิ ไอ้ห่า กูกลับบ้านกูแต่ไหงมึงถึงติดสอยห้อยตามไปด้วยวะ แถมฉอเลาะอาม่ากูอีกแล้วไอ้หอก
“กูเพื่งกินข้าวอิ่ม เล่นไม่ได้ เดี๋ยวจุก” มึงต้องห่วงสุขภาพกูก่อนนะ
“ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวนั่งพักสักสิบห้านาทีก็ย่อยแล้ว”
“...”
“...”
“งั้น...”
“อะไรอีก?”
“กูเมนส์มา...” หึ แดงเดือดเลยนะมึงบอกเลย อันที่จริงหนูพุกหมายถึงบอลคู่ดังจากลีกส์เมืองผู้ดี อิๆ
“...”
นั่นไง...อึ้งสิ มึง...กูไปเล่นคาราเต้กับมึงไม่ไหวหรอก
“พุก...”
“จ้า..”
“พุกมีเมนส์ได้ไง ไม่ใช่ว่ากำลังท้องอยู่หรอ?”
ไอ้ ฟหกด่าสว สาสสสสสสส พ่นไฟๆๆๆๆๆ
สุดท้ายกูก็พ่ายแพ้อย่างน่าอนาจเพราะมันยึดสัญญาที่ผมเคยไปกินไก่ทอดเกาหลี แล้วดันเสร่อกินส่วนของมันไปชิ้นหนึ่ง แค่ชิ้นเดียวมึงถึงกับต้องเคี่ยวกรำกูขนาดนี้เลยหรอวะเพื่อน
พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็กำลังจะยืดเส้นสาย ผมก็ได้ยินเสียงฮือฮาเกิดขึ้นภายในโรงยิม ทุกสายตาหันไปมองคนๆหนึ่งในชุดคาราเต้สายดำเหมือนกัน เพียงแต่ว่าไม่ใช่คนที่จะได้บ่อยๆในชมรมเพราะเขาไม่ค่อยมาซ้อม
...นาฏย ช่วงชัชวาลย์ คณะประมงปีสาม…
ผมมีเจอพี่เขาบ้างแต่น้อยมาก เคยมาชมรมกับไอโรห์ก็เจอพี่เขาเข้ามาบ้าง
บรรดาพวกที่เพิ่งเริ่มเรียนเหมือนผม หรือที่มาซ้อมจากคณะอื่นๆถึงกับมองตาลอยคือพี่นาฏยแแม่งหล่อจริงอะไรจังอะครับ แบบสูงใหญ่มาก พอๆกับไอ้ฟาโรห์เลยด้วย เอาตามความจริงเลยนะครับ ผมว่าบางคนที่เข้ามาซ้อมในชมรมจุดประสงค์ก็คือ...มาส่อง… หึๆ ส่องหนุ่มล่ำๆในชุดคาราเต้สีขาวแหวกอกใหห้เห็น ขนาดอยู่ไกลหน่อย คนยังมองนมพี่นาฏยน้ำลายหก
แต่ว่าวันนี้พี้นาฏยไม่ได้มาคนเดียว เห็นมีเด็กตัวเล็กเดินตามมาด้วย ถ้าผมเดาไม่ผิดน่าจะเป็นคนที่ชอบมีข่าวจิ้นๆกับพี่นาฏย อาจจะเป็นแฟนก็ได้มั้ง แต่เรื่องนี้ผมก็ไม่มั่นใจเพราะไม่มีใครกล้าถาม คือพี่เขาหล่อจริงแต่หน้าดุอย่างกับยักศ์อะ แค่เห็นกูก็หนีแล้ว
กำลังมองเพลินก็เห็นนมดำๆมาขวาง ห่านจิก! ออกไปกูกำลังมองนมขาวๆของพี่นาฏยอยู่
“เอ้า มองพี่นาฏยน้ำลายหกแล้ว”
“เหอะ!” พ่นลมหายใจหอมมาดามสดชื่นใส่หน้ามัน กูเหม็นหน้ามึงสุดอะไรสุดอะไอ้แขก
“มาวอร์มได้แล้ว” มันจัดการลากผมไปนั่งลงกับพื้น สั่งให้แยกขากว้างๆแล้วแม่งก็ทารุณกูเลยครับ
“โอ๊ยยย ไอ้เชี่ย เบาๆๆๆ เบาๆหน่อย กูเจ็บบบบบ” กูแหกปากลั่นโรงยิมเลยครับ ไม่สนใจแล้วว่าใครจะมองก้ช่าง แต่กล้ามเนื้อกูจะฉีกแล้ว
“ยืดลงไป” ยืดลงไปพ่องมึงสิ
ตอนนี้ผมกำลังโดนมันจับยืดเส้นยืดสายให้พร้อม แต่เอาจริงแม่งเหมือนโดนม้าแยกร่างมากกว่า เจ็บปวดรวดร้าวมากบอกเลย
“ไม่ไหวววแล้วววว ปล่อยกูๆๆๆ ฮืออออ ไอ้ฟาโรห์ปล่อยๆๆๆๆ”
สุดท้ายมันก็ปล่อยผมเพราะผมสะดีดสะดิ้งมาก เจ็บตรงช่วงขาหนีบมากเลย เดินหนีมันมาหาพวกกลุ่มทีมชาติคนอื่นเลยครับ
“ฮืออออ พี่ฟ่างช่วยพุกด้วย” แถล่นตัวเข้าไปกอดพี่ฟ่างเลยครับ ไม่สนใจไอ้แขกทีเดินตามมาข้างหลัง
“ไอ้ชะรีฟไปแกล้งหนูพุกทำไม” ผมเห็นมันยักไหล่ขำๆ กวนตีนฉิบหายเลยชี้หน้าคาดโทษมันไปครั้งหนึ่ง
“ไปๆ พวกมึงเอาแต่เล่นกัน ไอ้ชะรีฟมึงไปนำวอร์มใหญ่เลยไป” หึ สมน้ำหน้ามันโดนรุ่นพี่เรียกไปนำวอร์มใหญ่ ก็คือการที่ทุกคนมายืนเป็นวงกลมแล้วทำท่าตามคนนำ ไปจนถึงท่าพื้นฐานของคาราเต้เลย
ผมก็พาร่างเนื้อแน่นของตัวเองไปยืนรวมๆกับเขา ไอ้แขกยืนอยู่ตรงกลางคอยนำคนอื่น รอบๆก็มีเหล่าทีมชาติยืนอยู่ จนเริ่มรู้สึกว่าเหงื่อออกได้ที่ ผ่านไปสิบนาทีการวอร์มก็จบลง คราวนี้พี่เก่งมาแยกคนซ้อมครับ แบ่งตามลำดับสาย คนที่มาใหม่ก็ได้อยู่ด้วยกัน ส่วนคนที่ซ้อมบ่อยๆก็อีกหลุ่ม ทีมชาติเขาก็มีกลุ่มของเขาครับ
“ไอ้นาฏย วันนี้มึงฝึกกับทีมชาติเลย ไอ้ชะรีฟด้วย จะแข่งแล้ว” เพื่อนผมและรุ่นพี่คณะประมงคนดังถูกดึงตัวออกไปครับ ผมเห็นกลุ่มผมบางผมนี่มองตาละห้อยเชียว
ผมจะเอ๋กับเด็กหนุ่มหน้าขาวแก้มป่องจนอยากเอื้อมมือไปหยิกมาก แต่ท่าทางยังไม่หยิกก็อาจจะโดนฆ่าตายได้ง่ายๆเลย กูกลายเป็นหมูหันแน่เลย
ผมร้อนหน้ามาตอนนี้ คงแก้มแดงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็ยิ้มให้อีกฝ่าย ฝั่งนู่นก็ยิ้มกลับมา
“มาวันแรกหรอ?” ผมเริ่มชวนคุย ผูกมิตรๆ
“ครับ”
“ดีเลยๆ เราชื่อหนูพุก ปีสองนายล่ะ”
“ผมชื่อเจ้า ปีหนึ่งครับ”
อ้อ...ชื่อน้องเจ้านี่เอง แอบเห็นเด็กตัวเล็กย่นจมูกใส่ใครไม่รู้ พอมองไปก็อ้อเลย พี่นาฏยนี่เอง แต่แบบแม่งเอย...เอาแขนกูมาเทียบกับเขาสิ แขนกูนี่เท่าขาน้องเขาเลยนะเนี่ย ฮอลลลลล ให้ความรู้แบบเหมือนกำลังดูดาราแล้วแบบแขนหนึ่งข้างของกูเท่ากับขาสองข้างน้องพี่ชมพู่ อาริยา อะไรประมาณนี้อะ
“ย่ะ!!” เสียงเปล่งพลังเสียงดัง พร้อมกับเสียงพั่บๆของเสื้อและกางเกงสีกันจนต้องหันไปมอง
เห็นเป็นไอ้ชะรีฟกับพี่นาฏยกำลังยืนประจันหน้ากันโดยที่ตั้งการ์ดเตรียมต่อสู้ มีทีมชาติยืนมองรอบๆ ไอ้พี่เก่งเป็นกรรมการถือนกหวีดไว้
พอสัญญาณดังขึ้น ผมเเห็นทั้งสองคนเริ่มฟุตเวิร์กกันขณะตั้งการ์ดเหมือนกำลังหยั่งเชิงกันอยู่ ผมนี่แทบกลั้นหายใจเลย คือมันตื่นเต้นไปด้วยอะ ไอ้ฟาโรห์มันพุ่งเข้าหาเขาก่อนเลย มันส่งหมัดหนักๆเข้าไปกลางลำตัวเลย เห็นมันเคยบอกว่าเป็นแถว่วงลิ้นปี่ แต่แบบไอ้ห่าน...พี่นาฏยก็เทพว่ะ คือหลบได้แล้วยกมือปัดหมัดไอ้แขกออกได้ นี่ขนาดไม่ค่อยได้มาซ้อมนะ ฝีมือไม่ตกเลย สูสีกับพวกทีมชาติเหมือนเดิม พี่เขาส่งหมัดสวนเข้าไปในจังหวะที่ไอ้แขกมันดันเปิดช่องว่าง
“อิปปง***” พี่เก่งผายมือไปทางพี่นาฏย เขาโค้งให้กรรมการเป็นมารยาท พอมีฝ่ายหนึ่งได้คะแนนแล้วก็ต้องมาตั้งต้นเริ่มสู้กันใหม่
(***อิปปง (Ippon) เป็นการขานคะแนนในเวลาการแข่งขัน ซึ่งมีความหมายว่า 1 คะแนน
หลังจากนั้นไอ้แขกก็ได้คะแนนจากการแตะสูงเข้าที่ศีรษะของอีกฝ่ายซึ่งเป็นคะแนนสามแต้ม แต่ก็โดนสวนกลับด้วยการแตะเข้าที่ลำตัวซึ่งนับเป็นสองคะแนน
คือตอนนี้ไม่มีใครมีกำลังจะซ้อมกันอีก คนฝึกทิ้งหน้าที่ คนซ้อมก็อยากดู คือมานั่งมายืนดูการต่อสู้นี้อย่างกับการแข่งขันจริง อาจจะเพราะความจริงจังของนักสู้ทั้งสองและบรรยากาศที่พาไปทำให้ทุกคนลุ้นตัวโก่ง
“ไอ้โรห์!” ผมหลับตาปี๋ข้างหนึ่งเมื่อเห็นมันโดนต่อยตรงท้อง
ผมเห็นร่างของรุ่นพี่จเข้าไปอีกครั้งแต่เหมือนจะเสียจังหวะเล็กน้อย ไอ้โรห์เลยยั้งเท้าไม่อยู่โดนตัวพี่นาฏยเต็มๆ น่าจะเจ็บเหมือนกัน
เริ่มมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก พอพี่นาฏยได้แต้มก็มีคนเฮ พอไอ้แขกได้แต้มก็มีคนเชียร์ ผลัดกันรุกรับจนในที่สุดกรรมการเป่าหมดเวลา ทุกคนปรบมือให้กับการแข่งขัน (เอาจริงๆคือแค่ซ้อม) ทั้งคู่ต่างเหงื่อโซม ผลก็คือนาฏยชนะไปอย่างเฉียวฉิวด้วยคะแนนหกต่อสี่ ผมเห็นนาฏยตบไหล่มัน
“แพ้ว่ะ” ผมทำเสียงเยาะเย้ย ยื่นผ้าขนหนูกับขวดน้ำให้มันจิบ
“หึๆ...เดี๋ยวมานะ” ผมเห็นมันเดินเข้าไปหารุ่นพี่ประมงที่มีเจ้ากำลังยืนอยู่ข้างๆ มันขอโทษพี่เขาคงเรื่องที่มันพลาดเตะเขาละมั้ง พี่นาฏยโบมือเป็นเชิงไม่มีปัญหา
ผมไม่เคยโดนไอ้แขกมันเตะหรอกนะ แต่เคยเห็นมันซ้อมกับทีมชาติแล้วยังต้องสูดปาก คือสงสารคนที่ซ้อมกับมันเลย มันเตะหนักมาก บางครั้งพวกพี่เก่งยังบ่น คือด้วยความที่มันตัวใหญ่แรงเยอะ
“มึงมาทายา” ผมเรียกมันระหว่างที่มันนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงในหอของผม มันอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยอยู่ในชุดนอนที่มันเอามาทิ้งไว้ห้องผม
มันบอกว่ามันเหนื่อยแล้วขี้เกียจขับรถกลับเลยมาห้องผมแทนเพราะใกล้มหาลัยกว่าคอนโดมัน ห้องผมพอมียานวด แก้ฟกช้ำติดเอาไว้เพราะว่าไอ้แขกมันต้องใช้บ่อยๆ
ร่างสูงใหญ่ของมันลุกขึ้นนั่งดีๆ ผมเดินเข้าไปนั่งบนเตียงด้วย
“ตรงไหนบ้าง?” ผมรอให้มันถลกเสื้อขึ้นมา
“สีข้าง” เป็นบ่อยครับที่มันซ้อมเสร็จแล้วต้องได้แผลกลับมา คือเล่นกีฬาแบบนี้มันก็ต้องมีบ้าง การเจ็บตัวเป็นเรื่องธรรมดา แถมวันนี้มันยังเจอเทพของชมรม ไม่ม้ามแตกกับพังก็ดีแล้วมั้ง
ผมมองตรงสีข้างที่มันบอก ตอนนี้มันไม่มีรอยเขียวให้เห็นชัดแต่ผมมั่นใจว่าพรุ่งนี้ก็ไม่แน่ มันคงปวดตุบๆข้างใน ป้ายครีมเย็นๆลงบนผิวสีน้ำผึ้งเนียนลื่นมือ แล้วค่อยๆนวดเบาๆ นวดแรงเดี๋ยวระบมครับ
“หายไวๆ เพี้ยง” ผมเป่าลมเย็นใส่ตรงที่มันปวด
“เป่าอีกสิ” ชอบละสิมึง ผมเผลอชอบเป่าเพี้ยงให้เหมือนทำให้หนูจี๊ดเลยติดมา ตอนแรกมันงงแบบมึงทำอะไรวะ แต่หลังมันก็ชอบให้ทำนะเวลาผมทายาให้หลังจากมันซ้อมเสร็จ
“เพี้ยง ตายไปเถอะมึง”
“ฮ่าๆ” มันขำเสียงดัง
แดกเห็ดหัวเราะมาหรอไงมึง!
++++++++++++++++++++++++++++ 100% +++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่า วันนี้กลางสัปดาห์แล้ว
เข้าสู่หน้าฝนอย่างจริงจังแล้วใช่มั้ยยยยย โฮฮฮฮฮฮ
ร้องไห้ ผนตกทั้งวันเลย ใครใช้รถใช้ถนนก็เดินทางปลอดภัย ใครโดนฝนก็รักษาสุขภาพด้วยนะค่า
ตอนนี้เรามีแขกรับเชิญสุดพิเศษมาด้วยยยยยย อิๆๆ ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ
เยิฟฟฟฟฟฟฟ
หรือจะไปหวีดกันในทวิตเตอร์ก็ได้น้า ติดแท็ค #ชะรีฟหนูพุก #รักหนักมาก
ขอบคุณทุกการสนับสนุนและการติดตามค่า
ฝากนิยายเรื่องอื่นๆเอาไว้ด้วยค่ะ
วณิพกพเนจร [Re-write]
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55317.0
Second-Class Citizens ผมเป็นแค่พลเมืองชั้นสอง [On Air]
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59805.0
รัก ▪️ ตาม ▪️ สั่ง [End]
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55235.1500
ปล.สอง. แวะเวียนไปคุยกันได้นะค่า
ขอฝากไปกดไลค์เพจเฟสบุ้คกันได้นะครับบบบ เพราะว่าส่วนใหญ่เราจะอัพเดทเวลาที่เรา
หายไปนานๆ หรือว่าติดธุระอะไร เราจะไปอัพเดทไว้ในเฟส หรือว่าบางครั้งจะมีเขียนโมเม้นน่ารักของอีพี่กะน้องเอาไว้เล่นๆที่ไม่
ได้เอามาลงหน้านิยายนะครับ เลยอยากให้ไปพูดคุยในเฟสกันเลยยยย ถ้าคนเขียนหายไปตามจิกในเฟสจะเจอเราเร็วมากเพราะ
เราเล่นประจำ
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=ts