ตอนที่ 21 ไข่ลูกสะใภ้
หนูด้วงนอนคว่ำอยู่บนตัวของนับตังค์ระหว่างที่ฟังนับตังค์เล่านิทานไปด้วย โดยมีมีคุณนอนฟังอยู่ข้างๆ โชคดีที่มีคุณตัดสินใจต่อเติมส่วนของโดมกระจกขึ้นมาในห้องทำงานและสั่งให้ช่างทำเตียงทรงกลมที่มีขนาดพอดีกับพื้นที่ของโดม ซึ่งมันก็กว้างพอที่จะนอนด้วยกันได้ทั้งสามคน เจตนาในตอนแรกเพียงเพื่อเอาไว้ให้หนูด้วงมานั่งนอนเล่นได้ในตอนกลางวัน แต่มีคุณเพิ่งเห็นประโยชน์ที่ดีกว่าของมันในวันนี้ นั่นก็คือการที่เขาได้นอนใกล้ชิดกับนับตังค์ท่ามกลางหลังคากระจกใสที่มองเห็นดวงดาวได้ อีกทั้งกำแพงกระจกรอบด้านช่วยสร้างบรรยากาศให้เหมือนได้มาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งมองภาพโดยรวมแล้วมันควรจะเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกมากหากนับตังค์ไม่สั่งให้รูดม่านรอบกระจกโดมให้ปิดสนิท มัมของเจ้าหนูด้วงให้เหตุผลกับมีคุณว่า ถ้าเปิดม่านทิ้งไว้ทั้งคืนอาจจะเห็นผีมากกว่าเห็นธรรมชาติที่สวยงาม พอมีคุณอ้อนวอนว่าอยากนอนกอดกันท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ นับตังค์ก็ย้อนกลับมาว่า ‘นึกว่าตัวเองเป็นทาร์ซานรึไง’ เป็นอันจบกันกับความโรแมนติกที่มีคุณวาดเอาไว้
“สงสัยจะเจ็บหลังที่โดนหยิก ไม่ยอมนอนสักที” นับตังค์พูดกับมีคุณหลังจากที่เล่านิทานให้ด้วงฟังเป็นเรื่องที่สิบแล้วด้วงก็ยังไม่ยอมหลับเสียที
“ตังคิดว่าพี่ช้วนจะมีส่วนไหม” มีคุณถามความเห็น เขาเล่าให้นับตังค์ฟังแล้วว่าช้วนไม่อยู่ที่บ้านพักของขมิ้นตอนที่โทรไป
“ตังว่าพี่ช้วนไม่ทำหรอก แต่กำลังคิดว่าพี่ช้วนน่าจะรู้ว่าใครทำ พี่ไม่สังเกตเหรอ ก่อนพี่ช้วนจะกลับท่าทางแกดูไม่ขี้เล่นหรือเกรียนเหมือนทุกทีเลย ดูนิ่งจนตังยังไม่กล้าไปแหย่แกเลย” นับตังค์คิดว่าพรุ่งนี้คงจะได้รู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายหนูด้วงจากปากของช้วนแน่
“แต่ตามคำบอกเล่าของแม่ นอกจากพี่ช้วนก็มีแค่แม่ของพี่ที่ได้อยู่กับหนูด้วง พี่ก็ไม่คิดว่าแม่จะทำร้ายหนูด้วงนะ” มีคุณถอนหายใจ ถึงมารดาของตัวเองจะเป็นคนชอบเจ้ากี้เจ้าการไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่คนใจร้ายที่ทำเด็กเล็กแบบหนูด้วงได้ลง
“ทำไมพี่คิดแบบนั้น แม่ของพี่ไม่ทำร้ายหนูด้วงหรอก” นับตังค์ไม่เชื่อเช่นกันว่าคุณพลอยประดับจะเป็นคนทำ
“ด้วงครับ บอกแด๊ดไม่ได้เหรอว่าใครทำหนู” มีคุณพลิกตัวมานอนตะแคงหันหน้าเข้าหาด้วงแล้วลูบผมของด้วงเบาๆ ด้วงหันหน้าหนีไปอีกทาง มือน้อยๆ กำเสื้อของนับตังค์แน่น
“ไม่ต้องกลัวนะด้วง” นับตังค์กระชับกอดด้วงเพื่อให้ด้วงรู้สึกว่ากำลังได้รับการปกป้อง
“หนูเจ็บยั๋ง” ด้วงเงยหน้ามาพูดกับนับตังค์ น้ำตาคลอจนนับตังค์เองอดสะเทือนใจไม่ได้ นึกในใจว่าเราโตแล้วถูกหยิกยังเจ็บ นี่ผิวหนังของเด็กมันบางจะตาย ถูกหยิกจนเลือดซิบจะไม่เจ็บได้ยังไงกัน
“ด้วงบอกมัมไม่ได้เหรอว่าใครทำ มัมจะได้ไปจัดการให้ เขาจะได้ไม่มาทำให้ด้วงเจ็บอีกไงครับ” เมื่ออยู่กันแค่สามคนนับตังค์จะยอมแทนตัวเองว่า ‘มัม’ เพราะด้วงจะชอบหากนับตังค์แทนตัวเองแบบนี้
“หนูไม่พูด ไม่ดื้อ หนูไม่ดื้อ” ด้วงส่ายหน้า น้ำตาเริ่มหยดลงมาบนอกเสื้อของนับตังค์
“เขาขู่ด้วงใช่ไหม ไม่ต้องกลัว ถ้าด้วงไม่บอกมัมเขาจะแอบมาอีก แต่ถ้าด้วงบอกมัม มัมจะไม่ให้เขามาหาด้วงอีกเลย มัมสัญญา” นับตังค์พยายามหว่านล้อม
“มัมของด้วงเป็นซุปเปอร์แมนเลยนะ มีพลังวิเศษปกป้องด้วงได้ ด้วงอยากให้มัมช่วยด้วงไหมครับ” มีคุณเห็นท่าทีของด้วงดูลังเลก็รีบพูดหว่านล้อมอีกแรง
“เยืองจะหยิดมั้ย เยืองหยิดเจ็บ” ด้วงเอ่ยถามทั้งน้ำตา
“อีเรืองอีกแล้ว!” นับตังค์ได้ยินก็ลุกพรวดขึ้นมานั่ง พอรู้ว่าตัวเองกำลังจะทำให้หนูด้วงตกใจก็รีบลูบหลังปลอบใจ
“เรืองมาหาด้วงเหรอครับ” มีคุณยังคงหลอกถามต่อทั้งที่ในใจร้อนเป็นไฟเมื่อรู้ว่าผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นทำร้ายร่างกายเด็กแบบด้วงได้ลงคอ
“เยืองไม่ให้พูด” หนูด้วงซุกอกของนับตังค์
“ไม่ไหวแล้ว พี่จะไปที่รีสอร์ทของป้าขจี” มีคุณรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถใจเย็นได้อีกแล้วเพราะผู้หญิงใจร้ายคนนั้นนอกจากจะทำให้ด้วงมีปมในใจแล้วยังจะตามมาราวีไม่หยุด
“เราไม่มีหลักฐานหรือพยานเลยนะ ทำอะไรต้องรอบคอบ ตังไม่ได้ไม่โกรธนะที่มันมารังแกด้วง แต่เราไปแบบไม่มีหลักฐานก็เหมือนไปหาเรื่องใส่ความ” นับตังค์เตือนสติมีคุณที่กำลังหัวเสียอย่างหนัก
“อย่างน้อยป้าขจีจะได้รู้ว่าเลี้ยงนังงูพิษเอาไว้ พี่เชื่อว่าป้าจะเชื่อถ้าเราเล่าเรื่องของด้วงให้ป้าฟัง” มีคุณยังยืนยันว่าจะไปที่รีสอร์ทให้ได้
“โอเค ถ้าอย่างนั้นตังว่าพี่ควรโทรถามแม่ของพี่ก่อนนะว่าได้เจอดาวเรืองรึเปล่า เราอาจจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มขึ้น” นับตังค์ยังคงสงสัยว่าดาวเรืองได้เจอด้วงตอนไหน ถ้าให้เดาก็คิดว่าน่าจะตอนที่ไปเดินเล่นกับคุณพลอยประดับ
มีคุณออกไปโทรศัพท์หามารดาของตัวเอง เขารู้ตัวว่าตอนนี้กำลังหงุดหงิดมาก กลัวว่าหากพูดเสียงดังไปแล้วด้วงจะยิ่งตกใจ ระหว่างนั้นนับตังค์ก็นอนกอดด้วง กล่อมด้วงจนด้วงหลับไปในที่สุด เมื่อด้วงหลับไปแล้วนับตังค์ก็โทรหาใบเมี่ยงเพื่อให้ใบเมี่ยงมาอยู่เป็นเพื่อนหนูด้วงก่อนเพราะตัวเองอยากไปที่รีสอร์ทของคุณขจีพร้อมกับมีคุณด้วย ท่าทางของมีคุณดูโกรธมาก นับตังค์กลัวว่ามีคุณจะทนไม่ไหวตบนังดาวเรืองเอาได้ง่ายๆ เพราะขนาดตัวนับตังค์เองที่ว่าใจเย็นแล้ว ยังอยากอัดผู้หญิงใจร้ายคนนั้นให้พิการไปเลย สักพักใบเมี่ยงและพายพัดก็เดินเข้ามาพร้อมกับมีคุณที่คุยโทรศัพท์เสร็จพอดี
“แม่ของพี่บอกว่าดาวเรืองมาคุยด้วยจริงๆ มันอ้างว่าจะมาหาพี่เพื่อจะคุยเรื่องที่ดิน แต่แม่ไม่ปักใจเชื่อว่ามันเป็นคนทำเพราะมันดูรักและเป็นห่วงด้วงมาก แม่บอกว่าด้วงยังยอมให้มันกอดแต่โดยดี แม่ของพี่อคติกับพี่ช้วนเลยจ้องแต่จะคิดว่าพี่ช้วนเป็นคนทำ เฮ้อ แม่นะแม่ เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมไม่เล่า มันน่าโมโหนัก” มีคุณเล่าให้ทุกคนฟังพลางถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด
“ท่านคงไม่คิดว่าผู้หญิงหน้าไหว้หลังหลอกแบบดาวเรืองจะทำเลยไม่ได้นึกถึง พี่ก็อย่าไปโทษท่านเลย ท่านไม่ได้รู้จักดาวเรืองมาก่อน มันคงมาพูดดีหว่านล้อมแม่ของพี่เรื่องที่ดิน สร้างภาพว่ารักหนูด้วง แล้วมันคงถือโอกาสนั้นหยิกด้วงแน่เลย อิเลวเอ้ย มันเป็นอะไรมากไหม ทำไมต้องทำร้ายด้วงตลอดเลย” นับตังค์ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห
“ไปกันเถอะ” มีคุณชวนนับตังค์ เขาเองก็อยากจะรู้ว่าดาวเรืองจะแก้ตัวยังไง ถึงจะปฏิเสธเพราะไม่มีหลักฐานเอาผิดได้ แต่อย่างน้อยไปให้รู้ว่าทางนี้สงสัยในพฤติกรรมของมัน มันจะได้ไม่กล้ามาเข้าใกล้หนูด้วงอีก
“ฝากด้วงด้วยนะ เรากลัวว่าจะสะดุ้งตื่นอีก” นับตังค์ฝากด้วงกับใบเมี่ยงและพายพัด
“ไปเถอะ ไม่ต้องห่วง” พายพัดบอกกับนับตังค์ก่อนจะมองไปที่หนูด้วงที่นอนหลับทั้งน้ำตาด้วยความสงสารจับใจ
นับตังค์เอารถจักรยานยนต์ของคุณปู่อนันต์ขี่พามีคุณมาจนถึงรีสอร์ทของคุณขจี ทั้งคู่เจอพนักงานต้อนรับหญิงคนหนึ่งจึงถามหาดาวเรืองและคุณขจี พนักงานต้อนรับบอกกับมีคุณว่าคุณขจีไปอนามัยชุมชนตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วเพราะได้รับแจ้งมาว่าดาวเรืองโดนทำร้ายร่างกาย มีคุณกับนับตังค์ตกใจที่ได้รับรู้ ทั้งคู่จึงต่อสายไปหาคุณขจีทันที เมื่อได้คุยกับคุณขจีจนรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วทั้งสองคนก็ตัดสินใจกลับบ้านโดยที่ยังไม่ได้เล่าเรื่องของด้วงให้คุณขจีรับรู้
เมื่อทั้งสองคนกลับมาถึงบ้านก็เล่าเรื่องของดาวเรืองให้ใบเมี่ยงและพายพัดฟัง คุณขจีบอกว่ามีคนไปพบดาวเรืองอยู่ในป่าใกล้บ้านร้าง โดนจับมัดเอาไว้กับต้นไม้ หน้าตาบวมปูด คาดว่าน่าจะโดนผึ้งต่อย แต่ที่ตำรวจคิดว่าดาวเรืองโดนทำร้ายร่างกายด้วยเพราะที่แผ่นหลังมีรอยแผลม่วงช้ำเป็นวงและมีรอยข่วนเป็นทางยาวจนเลือดซึมออกมา เมื่อตำรวจมาสอบถาม ดาวเรืองเอาแต่ส่ายหน้า ท่าทางลนลานเหมือนกลัวอะไรสักอย่างและไม่ยอมตอบคำถามของตำรวจ
“เวรกรรมตามทันจริงๆ” ใบเมี่ยงได้ฟังเรื่องของดาวเรืองก็รู้สึกว่าโลกนี้ยังมีความยุติธรรมอยู่บ้าง
“แต่กรรมมันตามไวจนน่าแปลกใจนะ” พายพัดพูดจบมีคุณกับนับตังค์ก็มองหน้ากัน ทั้งคู่กำลังนึกถึงใครบางคนที่หายตัวไปในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะกันพอดี
“เอาไว้พรุ่งนี้คงจะได้ความอะไรมากกว่านี้ แยกย้ายกันไปพักก่อนแล้วกัน” มีคุณบอกกับทุกคนเมื่อเห็นว่าตอนนี้ก็เริ่มดึกมากแล้ว ยังไงก็ต้องรอช้วนมาในตอนเช้าถึงจะได้รู้ว่าช้วนหายไปไหน แล้วทำไมถึงหายไปในเวลาที่ดาวเรืองถูกทำร้ายพอดี
...
ช้วนมาถึงร้านพร้อมกับขมิ้นตอนตีห้าตรงเหมือนกับทุกวัน มาถึงที่ร้านก็เจอมีคุณยืนรออยู่แล้ว ขมิ้นนึกสงสัยเพราะไม่เคยเห็นมีคุณตื่นแต่เช้าแบบนี้มาก่อน แถมเมื่อคืนมีคุณก็โทรมาหาช้วน ขมิ้นคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องของหนูด้วงแต่ก็ไม่กล้าเสียมารยาทถามจึงเดินเลี่ยงเข้าไปในร้าน ปล่อยให้มีคุณได้อยู่กับช้วนตามลำพัง
“เมื่อคืนพี่ช้วนไปไหนมา” มีคุณถามพลางสังเกตช้วนตั้งแต่หัวจรดเท้าว่ามีร่องรอยของการต่อสู้บ้างรึเปล่า แต่ปรากฏว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติเลย มีคุณคิดว่าถ้าช้วนเกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บของดาวเรืองก็น่าจะมีอะไรที่ผิดปกติบ้าง
“ข้าก็ไปที่ชอบที่ชอบสินายท่าน เห็นข้าแก่เข้าหน่อยคิดว่าเตะปี๊ปไม่ดังรึไง” ช้วนตบอกตัวเองเบาๆ
“เมื่อคืนดาวเรืองถูกทำร้าย พี่ช้วนทำรึเปล่า” มีคุณไม่เชื่อว่าช้วนจะไปเที่ยวผู้หญิงจึงตัดสินใจถามไปตรงๆ
“ดาวเรืองไหน เมียน้อยนายท่านรึ”
“ผมรู้ว่าพี่ช้วนรู้ว่าผมพูดถึงอะไร พี่ช้วนบอกผมมาตรงๆ ดีกว่า”
“นายท่านอยากให้ข้าพูดอะไร” ช้วนย้อนถาม
“พูดความจริง ผมแค่เป็นห่วง ถ้าพี่ช้วนทำร้ายดาวเรือง ถ้าดาวเรืองแจ้งตำรวจพี่ช้วนจะเดือดร้อนนะครับ”
“ข้าไม่กลัวหรอก เพราะข้าไม่ได้ทำ ผู้ชายอย่างข้าไม่ทำร้ายผู้หญิง” ช้วนยักไหล่ มีคุณจ้องหน้าของช้วนอย่างพิจารณา เมื่อเห็นว่าช้วนมีทีท่าปกติไม่มีอะไรผิดสังเกต ซ้ำยังยืนยันว่าไม่ได้ทำก็เลยได้แต่ถอนใจ
“พี่ไม่ได้ทำก็ดีแล้ว ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ผมขอตัวก่อนนะ เมื่อคืนแทบไม่ได้นอนเลย” มีคุณยิ้มให้ช้วนก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้าน เมื่อมีคุณเดินไปแล้วคุณพลอยประดับก็เดินเข้ามายืนขวางหน้าช้วนเอาไว้
“แกสารภาพมาว่าแกทำร้ายหนูด้วงใช่ไหม ถึงลูกชายฉันยอมเชื่อแกง่ายๆ แต่ฉันไม่ ถ้าให้เลือกระหว่างดาวเรืองกับแก ฉันว่าแกน่าจะทำมากกว่า แล้วนี่แกก็ทำร้ายดาวเรืองด้วยใช่ไหม” คุณพลอยประดับนอนไม่หลับเพราะคิดเรื่องนี้ทั้งคืน เธอลุกมาแต่เช้าเพราะอยากจะเค้นเอาความจริงจากคนที่ลูกชายของเธอจ้างเอาไว้ให้ดูแลหนูด้วง เมื่อเห็นว่าลูกชายพาช้วนมาคุยที่สวนหลังบ้านเธอจึงรีบออกมาฟังว่าลูกชายคุยอะไรกับตาแก่คนนี้บ้าง เธอคิดว่าแม้หน้าตาช้วนจะดูดี ดูเหมือนคนปกติทั่วไป แต่พฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ คนบ้ายังไงก็คือคนบ้า
“ละเมอมารึไงแม่คุณ”
“แกมันผู้ร้ายปากแข็ง ฉันจะไม่ยอมให้ลูกชายของฉันต้องมาเสี่ยงกับคนที่อารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายหรอกนะ” คุณพลอยประดับชี้หน้าช้วน
“พูดถึงตัวเองอยู่รึไง” ช้วนหันไปถามคุณพลอยประดับ
“นี่แก!”
“นี่ไง โกรธอีก เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย ระวังความดันพุ่งนะแม่คุณ”
“ยอมสารภาพมา ฉันจะขอให้ตาคุณยกโทษให้แล้วให้เงินแกไปก้อนหนึ่ง แต่ฉันไม่ไว้ใจให้แกอยู่ที่นี่”
“คำก็แก สองคำก็แก ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าข้าอายุเยอะกว่า ให้มันรู้จักเคารพนบนอบหน่อยนะแม่คุณ ข้าไม่เคยคิดทำร้ายเด็ก แต่ไม่แน่ใจว่าจะอดใจไม่ทำร้ายผู้ใหญ่ได้รึเปล่า”
“เห็นไหม ธาตุแท้โผล่มาแล้ว” แม้คุณพลอยประดับจะกลัวท่าทางขึงขังจริงจังของช้วนแต่ก็พยายามจะทำว่าไม่รู้สึกกลัว ขอแค่ยั่วโมโหให้ช้วนตบะแตก ถึงเธอจะโดนทำร้ายก็ยอม อย่างน้อยลูกชายของเธอก็จะได้เห็นธาตุแท้ของผู้ชายคนนี้เสียที ขืนปล่อยให้ช้วนสร้างภาพต่อไป มีคุณอาจจะลำบากมากไปกว่านี้ ลองทำร้ายร่างกายหนูด้วงได้แปลว่าจิตใจต้องไม่ปกติ
ช้วนเดินเข้ามาใกล้คุณพลอยประดับ จ้องใบหน้าที่ยังคงความสวยงามตามแบบฉบับหญิงไทยแบบตาไม่กระพริบ ส่วนคนถูกจ้องในระยะประชิดต้องเบนหน้าหนี ยกมือขึ้นมาเพื่อจะผลักคนตรงหน้า แต่ก็ถูกมือที่หยาบกร้านจับข้อมือเอาไว้แน่น ไม่ว่าคุณพลอยประดับจะบิดหนีอย่างไรก็ไม่เป็นผล อยากจะตะโกนร้องเรียกลูกชายให้มาช่วยแต่ไม่รู้ทำไมปากถึงไม่ยอมขยับตามที่สมองสั่ง
“สวย” ช้วนชมออกมาตรงๆ
“อะ..อะไรของแก” คุณพลอยประดับใจเต้นตึกตักขึ้นมาเสียอย่างนั้นเมื่อถูกชม
“ตาสวย...แต่มองคนไม่เป็น จมูกสวยแต่ไม่รู้กลิ่นไหนเน่ากลิ่นไหนดี ปากก็สวย แต่พ่นออกมาแต่เรื่องแย่ๆ น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ” ช้วนเชยคางของคุณพลอยประดับขึ้นมาเพื่อพินิจใบหน้าอย่างละเอียดก่อนจะพูดในสิ่งที่คิด
“ปากแกสิที่...”
“หึ ฮ่าๆๆ เฮ้อ.. ข้าเกือบจะตกหลุกรักในความสวยนี้แล้ว รู้ไหมแม่คุณ กุหลาบมันสวย สวยจนอยากจะเด็ดมาดอมดม แต่พอรู้ว่าเป็นกุหลาบพิษ มันก็ไม่มีใครต้องการ คงต้องปล่อยให้เหี่ยวคาต้นต่อไป” ช้วนหัวเราะแทรกขึ้นมาก่อนคุณพลอยประดับจะด่าจบ เมื่อเห็นอีกฝ่ายโกรธจนหน้าดำหน้าแดงก็เอามือออกจากคางคนตรงหน้าแล้วเดินผิวปากเข้าไปในร้าน
“อีตาบ้า” คุณพลอยประดับด่าไล่หลังช้วนไปก่อนจะลูบหน้าของตัวเอง ย้อนนึกไปถึงดวงตาสีฟ้าที่จ้องเธอเมื่อครู่แล้วก็รู้สึกเหมือนถูกสะกด อยากจะด่าตัวเองที่อายุปูนนี้แล้วยังจะมาใจเต้นเป็นเด็กสาวที่ไม่เคยต้องมือชายไปได้ ทั้งที่โดนหลอกด่าแต่ทำไมกลับขัดเขินเมื่อโดนจ้องหน้าใกล้ๆ แทนที่จะโกรธ คิดแล้วก็หงุดหงิดตัวเองจึงรีบเดินกลับเข้าบ้านไปเพื่อไปสงบสติอารมณ์ที่ฟุ้งซ่านของตัวเอง
ส่วนช้วนเดินกลับเข้ามาในร้านก็ตรงไปในครัวเพราะรู้สึกหิว แต่เมื่อเข้าไปถึงในครัวก็เจอนับตังค์ยืนควงตะหลิวรออยู่ สายตาของนับตังค์จับจ้องมาจนช้วนต้องถอนหายใจแล้วเอ่ยปากถาม
“จะมาจับผิดอะไรข้าอีกคนหนึ่งล่ะ”
“ร้ายกาจมากนะปู่” นับตังค์ยิ้มให้ช้วน แต่เป็นยิ้มที่เจ้าเล่ห์จนช้วนนึกขนลุก
“อะไรของเอ็ง”
“หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง นับตังค์ก็มีตานะปู่ แก่จะตายแล้วยังริอาจจีบสาว” นับตังค์หรี่ตามองช้วนแล้วหัวเราะในลำคอ
“นั่นเรียกสาวรึ ข้าก็แสดงไปอย่างนั้นเอง อยากลองเช็คดูว่าเสน่ห์ของข้ายังใช้การได้อยู่รึเปล่า”
“สายตาแบบนั้นมันไม่แสดงหรอกมั๊ง อ่อนโยนจนน่าขนลุกเชียวนะปู่ เอาล่ะ...สารภาพมา ทุกเรื่องเลย เร็วสิปู่”
“ข้าก็บอกผัวเอ็งไปแล้วว่าไม่รู้เรื่อง เอ็งก็รู้ว่าข้าเป็นคนตรงๆ”
“ตรงไปตรงมาหรือตรงไปทำร้าย” นับตังค์เลิกคิ้วถาม
“ตรงไปทำร้าย เฮ้ยไม่ใช่!! ตรงไปตรงมา เอ็งอย่ามาจับผิดอะไรข้า เดี๋ยวข้าบอกแม่คุณนะว่าเอ็งเป็นเมียลูกชายเขา” ช้วนขู่นับตังค์
“ปู่! เงียบไปเลย” นับตังค์ตกใจรีบส่งสัญญาณให้ช้วนเงียบ
“ฮ่าๆ ยกนี้ข้าชนะ”
“อย่าให้ถึงทีตังบ้างแล้วกัน ที่มาถามไม่ได้จะต่อว่าหรือจับผิดหรอก แต่จะมาขอบคุณที่ช่วยจัดการคนบางคนแทนตัง”
“เอ็งพูดอะไร ข้าไม่รู้เรื่อง ว่าแต่วันนี้ข้าเอารังผึ้งสดๆ มาด้วย น้ำผึ้งนี่ฉ่ำเลย ข้าอยากกินไข่ลูกเขย ใช้น้ำผึ้งทำนะ ทำให้หน่อย แต่จะว่าไป...ถ้าเอ็งทำมันก็ต้องเป็นไข่ลูกสะใภ้ใช่ไหมวะ ฮ่าๆๆๆๆ เออดีๆ ไข่ลูกสะใภ้” ช้วนหัวเราะร่วนก่อนจะยื่นถุงรังที่ใส่ผึ้งให้นับตังค์
“ร้ายกาจจริงๆ” นับตังค์เห็นรังผึ้งก็เข้าใจได้ทันที ถึงจะยังไม่เห็นสภาพของดาวเรือง แต่นับตังค์ว่าตัวเองพอจะนึกออกว่าดาวเรืองจะน่วมมากแค่ไหน นึกแล้วก็ขนลุกก่อนจะหันไปมองช้วนอีกครั้ง ได้แต่คิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน ไม่ธรรมดาเอาเสียเลยจริงๆ
...
คุณพลอยประดับตัดสินใจที่จะมาหาดาวเรืองที่อนามัยของชุมชน เธอโกหกมีคุณว่าอยากไปเดินดูตลาดสด อยากจะไหว้วานให้ขมิ้นขับรถพาเธอไป มีคุณเองก็ยุ่งไม่มีเวลาพามารดาไปเที่ยวชมรอบเกาะจึงรบกวนให้ขมิ้นช่วยพาคุณพลอยประดับไปแทนตัวเอง
แต่เมื่อออกมาจากบ้าน คุณพลอยประดับก็บอกให้ขมิ้นขับรถพาเธอมาที่อนามัยแทนและสั่งขมิ้นว่าห้ามบอกมีคุณว่าเธอมาที่นี่ เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่แล้วรู้ว่าดาวเรืองยังพักฟื้นอยู่ที่นี่ก็ดีใจที่มาแล้วไม่เสียเที่ยว คุณพลอยประดับเดินมาที่ห้องพักของดาวเรืองตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อมาถึงหน้าห้องก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่จึงหยุดยืนฟัง เสียงโต้ตอบของดาวเรืองสั่นเครือจนคุณพลอยประดับทนไม่ได้ต้องแอบชะโงกหน้าไปดูว่าดาวเรืองคุยกับใคร โชคดีที่ห้องพักของอนามัยไม่มีประตูห้อง เธอจึงเห็นว่าคู่สนทนาของดาวเรืองเป็นผู้หญิงสาวสวยแต่งตัวทันสมัยแต่ท่าทางดูจะเอาเรื่องไม่เบา
“แกมันหาเรื่อง ก็สมควรแล้วที่จะเป็นแบบนี้ นี่ยังโชคดีนะที่ไม่ตาย”
“ถ้าจะมาด่ากันก็ไม่ต้องมา”
“ฉันก็ไม่ได้อยากมาหรอกนะถ้าพ่อไม่สั่งให้มาจัดการค่าใช้จ่ายให้แก แกมันก็ดีแต่ทำให้พ่อผิดหวัง”
“ฉันทำให้ผิดหวังงั้นเหรอ แล้วที่พี่สาวของแกใฝ่ต่ำหนีตามคนงานไปล่ะ พี่ชายของแกก็วิปริตผิดเพศ หึ แอบไปหลงรักไอ้นับตังค์ ยอมมันทุกอย่าง ไอ้โง่เอ้ย ไม่รู้รึไงว่าไอ้นับตังค์มันเป็นเมียของไอ้มีคุณ พวกแกมันก็ไม่ได้เรื่อง ทำไมคุณท่านไม่ผิดหวังกับพวกแกบ้าง แล้วที่ฉันต้องเจ็บตัวแบบนี้ก็เพราะใคร ฉันทำเพื่อใครล่ะ”
“แกอย่ามาโทษคนอื่น อย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาทำให้ตัวเองดูดี พ่อสั่งให้แกไปจัดการเรื่องที่ดิน แต่แกกลับโรคจิต เด็กตัวแค่นั้นแกยังไปรังแกได้ ก็สมควรแล้วที่ทางนั่นจะสั่งคนมาสั่งสอนแก อ่อ แล้วพ่อก็สั่งมาว่าห้ามแกไปแจ้งตำรวจให้เรื่องราวมันใหญ่โต พ่อไม่อยากโดนลากไปเกี่ยวด้วย ส่วนเรื่องของนับตังค์ฉันขอเตือนแกว่าแกอย่าไปยุ่งถ้ายังอยากหายใจ แกก็รู้ว่าพี่พญาไม่เหมือนใคร แล้วก็เลิกรังควานเด็กด้วงเสียทีนะอีโรคจิต”
“ไม่ กูเกลียดมัน เกลียด กูจะจองเวรกับมัน กูเกลียดทุกคน กูจะทำให้ทุกคนไม่เหลืออะไรเหมือนกับกู ออกไป ออกไปให้พ้นหน้ากู ฮือ กูบอกให้ออกไป”
“เออ ไปแน่ไม่ต้องมาไล่ แล้วอย่าสะเออะคิดว่าตัวเองจะได้อะไรจากพ่ออีก”
“กูบอกให้ออกไป!”
คุณพลอยประดับตกใจที่ได้รับรู้ความจริงว่าดาวเรืองคือคนที่ทำร้ายหนูด้วง ยิ่งเห็นอาการคุ้มคลั่งของดาวเรืองก็ยิ่งพูดไม่ออก แต่ที่ทำให้คุณพลอยประดับช็อกที่สุดก็คงเป็นเรื่องของมีคุณกับนับตังค์ เธอรีบเดินออกมาจากอนามัยแล้วมานั่งเอามือทาบอกอยู่ในรถ จนขมิ้นเห็นอาการของคุณพลอยประดับจึงเอ่ยปากถามว่าเกิดอะไรขึ้น คุณพลอยประดับไม่ตอบ ได้แต่สั่งให้ขมิ้นพากลับบ้านแล้วนั่งเงียบตลอดทางจนกระทั่งถึงบ้านถึงได้ลงจากรถไปด้วยท่าทีเศร้าซึมจนขมิ้นนึกสงสัย
คุณพลอยประดับไม่ได้เดินกลับเข้าไปในบ้าน แต่เดินลงมาที่สวนหย่อมเล็กๆ ที่หนูด้วงพาเธอมาเมื่อวานนี้ เธอทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก มองลำธารใสตรงหน้าแล้วก็ร้องไห้ออกมา เธอก็บอกไม่ถูกว่าตอนนี้กำลังรู้สึกอย่างไร รู้แต่ว่าอยากร้องไห้เพื่อไม่ให้ตัวเองบ้าไปเสียก่อน
“ย่าย้องไห้ ปู่ๆ ย่าย้องไห้” หนูด้วงมาเดินเล่นกับช้วน พอเห็นคุณพลอยประดับนั่งอยู่ก็เข้ามาหา พอเห็นคุณพลอยประดับร้องไห้ก็รีบบอกช้วน พอคุณพลอยประดับเห็นหนูด้วงก็คว้ามากอด
“ย่าขอโทษนะลูกที่ไม่ได้สังเกตเลยว่ามันรังแกหนู” คุณพลอยประดับสะอื้นเหมือนเด็ก ด้วงรีบดึงเสื้อของตัวเองมาเช็ดน้ำตาให้คุณพลอยประดับยกใหญ่
“หนูไม่ตีย่า ย่าไม่ต้อนย้องไห้” หนูด้วงยิ่งปลอบคุณพลอยประดับก็ยิ่งร้องไห้เพราะรู้สึกผิด
“ด้วงว่าย่าของด้วงต้องขอโทษใครอีกคนรึเปล่าน้า” ช้วนลงมานั่งข้างๆ คุณพลอยประดับแล้วแสร้งถามด้วง
“จะมาซ้ำเติมฉันก็เอาเลยสิ ฉันมันก็ผิดจริงๆ แต่ไม่เคยได้ยินรึไงว่าคนล้มแล้วอย่าข้าม” คุณพลอยประดับพูดเสียงอ่อนลงกว่าทุกครั้งแต่ก็ยังคงมีร่องรอยของความถือดีอยู่บ้าง
“ข้าไม่ได้ถือโทษโกรธแม่คุณหรอกนะ ข้ารู้ว่าคนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด แต่ก็ให้มันเป็นบทเรียนว่าอย่ามองคนแค่หน้าตา” ช้วนถือโอกาสสอนโดยที่ไม่สนใจว่าคนถูกสอนส่งสายตาขัดเคืองไปให้ที่ถูกด่าว่าโง่
“ฉันขอโทษ” คุณพลอยประดับยอมเอ่ยปากขอโทษในที่สุด
“ยกโทษให้ ว่าแต่แค่รู้สึกผิดที่กล่าวหาข้าถึงกับต้องมาร้องไห้ขนาดนี้เลยรึแม่คุณ” ช้วนเอนตัวลงนอนกับพื้น เอาแขนมารองต้นคอแล้วถามคุณพลอยประดับด้วยความสงสัย
“มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้นหรอก แก...เอ่อ นายรู้เรื่องที่มีคุณ...กับ...นับตังค์...” คุณพลอยประดับรู้ตัวว่าผิดจึงพยายามจะปรับท่าทีที่เคยพูดไม่ดีกับช้วน
“เป็นผัวเมียกันนะรึ”
“คุณพระ แปลว่ามันจริงเหรอ โธ่ ตาคุณลูกแม่” คุณพลอยประดับยกมือทาบอกแล้วร้องไห้อีกหน ช้วนก็ปล่อยให้คุณพลอยประดับร้องไห้จนพอใจ ด้วงก็ได้แต่ยกเสื้อเช็ดน้ำตาให้คุณพลอยประดับจนเสื้อของด้วงเปียกไปหมด
“เชื่อหนูเปียกหมดแย้ว ย่าย้องไห้เก่งจัง” ด้วงร้องท้วง กำลังทำหน้ามุ่ยเพราะเสื้อของตัวเองเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา
“ฉันรับไม่ได้หรอก” คุณพลอยประดับบอกกับช้วนเพราะไม่รู้จะระบายกับใคร
“ไม่ได้แล้วยังไง จะกีดกันพวกเขารึไงแม่คุณ”
“ฉันมีลูกชายคนเดียวนะ”
“ขนาดมีลูกชายคนเดียวแม่คุณยังทำให้เขามีความสุขไม่ได้เลย” พอช้วนแย้งไปคุณพลอยประดับก็พูดไม่ออก
“นายก็เป็นคนรุ่นเก่า ทำไมถึงรับเรื่องนี้ได้”
“มันไม่เกี่ยวกับอายุ มันอยู่ที่ทัศนคติ เอาแบบนี้ ข้าถามหน่อย เจ้าตังมันมีอะไรที่ไม่ดี มันด้อยตรงไหน ถ้าไม่นับว่ามันเป็นผู้ชาย”
“ก็...ไม่มีตรงไหนด้อยหรอก ฉันรู้ว่าหนูตังเป็นคนดีมีความสามารถ แต่ว่า..ก็เพราะหนูตังเป็นผู้ชาย สังคมไม่ยอมรับเรื่องแบบนี้หรอก”
“แสดงว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เจ้าตังถูกไหม แต่ปัญหามันอยู่ที่ลูกชายของแม่คุณ ต่อให้เลิกกับเจ้าตังไป ลูกชายของแม่คุณจะชอบผู้หญิงได้เหรอ ต่อให้แม่คุณตีให้ตายหรือตัดแม่ตัดลูกไป ลูกชายของแม่คุณจะเปลี่ยนตัวเองได้ไหม ถ้าคำตอบคือไม่ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ การที่ลูกชายของแม่คุณได้มารักกับคนที่ไม่มีอะไรด้อยเลยอย่างเจ้าตัง แม่คุณต้องถือว่าลูกของแม่คุณมีบุญวาสนาแล้วนา” ช้วนพูดจบก็รู้สึกคอแห้งจึงหันไปหยิบตะกร้าขนมของหนูด้วงมาแล้วหยิบขวดน้ำดื่มมาเปิดดื่ม ด้วงเห็นตะกร้าขนมที่ใบเมี่ยงเตรียมเอาไว้ให้จึงรีบยื่นมือมาขอขนมจากช้วนด้วย
“ฉันถามจริงๆ นายบ้าหรือว่าไม่บ้ากันแน่” คุณพลอยประดับถามด้วยความสงสัย ความคิดความอ่านของช้วนไม่ใช่ความคิดของคนบ้าเลยสักนิด ดูมีเหตุและผลมากกว่าเธอด้วยซ้ำ แต่ทำไมชอบทำตัวให้ดูไม่ปกติจนคนอื่นคิดว่าบ้า
“เรียกข้าว่าพี่ช้วนก่อนสิ แล้วข้าจะบอก” ช้วนยักคิ้วหลิ่วตาให้คุณพลอยประดับจนอีกฝ่ายรู้สึกทำหน้าไม่ถูก
“เพราะฉันอยากรู้หรอกนะ จะยอมเรียกก็ได้ พี่ช้วน บอกฉันหน่อยว่าบ้าหรือไม่บ้า”
“ฮ่าๆ เฮ้อ...มีคนสวยๆ มาเรียกพี่ช้วนแล้วข้าใจเต้นโครมครามเลยเว้ย” ช้วนตะโกนเสียงดังจนคุณพลอยประดับอายจนหน้าแดง
คุณพลอยประดับมีดีกรีเป็นถึงนางงามเก่า ถึงจะอายุป่านนี้แต่ก็มักมีคนชมให้ได้ยินเสมอ คนใหญ่คนโตก็ยังมีมาตามจีบแม่หม้ายอย่างเธอไม่ขาด แต่เธอไม่เคยสนใจใครสักคน น่าแปลกที่กลับมารู้สึกประหม่าให้กับคนที่คนอื่นมองว่าบ้าแบบช้วนเอาง่ายๆ
“สรุปว่าบ้าหรือไม่บ้า” คุณพลอยประดับถามแก้เขิน
“แม่คุณชอบคนบ้าไหม” ช้วนถาม
“ไม่ชอบ”
“งั้นข้าไม่บ้าก็ได้” ช้วนพูดจบก็หัวเราะ หนูด้วงเห็นก็หัวเราะตามบ้างทั้งที่ขนมปังเต็มปาก
“หนูก้อไม่บ้า หนูเป็นเด็กดี” ด้วงยิ้มจนตาหยี คุณพลอยประดับเห็นแล้วก็อดยิ้มตามออกมาไม่ได้ แต่ในใจก็ยังรู้สึกสับสนเรื่องของมีคุณ ถึงรู้ว่าตัวเองเปลี่ยนรสนิยมของลูกชายไม่ได้แต่เรื่องนี้มันก็ยากจะยอมรับง่ายๆ
“ความรักเกิดขึ้นได้กับทุกคนนะแม่คุณ ไม่เว้นทั้งเพศทั้งวัย อย่าคิดอะไรมาก แก่จนจะลงโลงอยู่แล้ว ปล่อยให้มันเป็นไปตามวิถีของแต่ละคนดีกว่านะคนสวย ตกลงไหม” ช้วนส่งสายตาหวานเชื่อมไปให้คุณพลอยประดับ
“คนจ๋วย” ด้วงพูดตาม
“ก็ได้ก็ได้ ฉันจะพยายาม แต่พี่ลงโลงไปคนเดียวเถอะ ฉันยังอยู่ได้อีกนาน” คุณพลอยประดับพรูลมหายใจก่อนจะเลียนแบบคำพูด ‘ก็ได้ก็ได้’ ที่หนูด้วงชอบ หนูด้วงได้ยินก็รีบกลืนขนมลงคอก่อนจะหัวเราะเอิ้กอ้ากออกมาเมื่อได้ยิน
“ก้อได้ก้อได้” หนูด้วงพูดล้อเลียนก่อนจะหัวเราะสดใสขึ้นกว่าเมื่อเช้าที่ยังดูเซื่องซึม
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V