•19•
เพลงข้างในเสียงดังและหนวกหูกว่าข้างนอกมาก แต่เห็นนิวอารมณ์ดีอย่างนั้นแล้วจึงคิดว่าอาจจะมีแค่ผมคนเดียวที่คิดว่ามันหนวกหูก็ได้ เพื่อนเก่าสั่งเบียร์ยี่ห้อดังมาสองขวด นิวเชื้อเชิญผมอีกครั้งแต่ผมปฏิเสธเสียงแข็ง พร้อมกับสั่งโค้กมานั่งดื่มแทน
เห็นอย่างนั้นนิวก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ
นั่งรอเพื่อนเก่าจิบเบียร์ไปพลางๆ โทรศัพท์ผมก็สั่น พี่ครามทักมา
:: ปาย อยู่ไหน
ผมบอกพิกัดร้านไป
:: เดี๋ยวไปรับ
เห็นดังนั้นก็แอบยิ้มไม่ได้ เวลาเกือบสามทุ่มแล้วแสดงว่าพี่ครามใกล้ถึงแล้ว ผมดีใจอยู่ลึกๆ ขยับยิ้มก่อนบอกนิวว่าเดี๋ยวรอพี่มารับ ไม่ต้องลำบากให้นิวไปส่งแล้ว
“อ้าว งี้เราก็ต้องโบกรถกลับคนเดียวแล้วดิ” นิวว่าน้ำเสียงขำไม่ได้จริงจัง แต่เป็นผมเองที่เพิ่งนึกได้ จริงด้วย...นิวต้องโบกรถกลับคนเดียว
“งั้นเราให้พี่เราไปส่งนิวก็ได้ พักแถวไหนล่ะ”
“เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอก เกรงใจ เราล้อเล่น เดี๋ยวโบกรถกลับเอง”
“ถึงอย่างนั้น...เราว่าเราไปส่งดีกว่า”
นิวกดยิ้มมุมปากไม่ได้พูดอะไรต่อ ยกเบียร์สดขึ้นจิบอีกสองสามครั้ง ก่อนเอ่ยถามผม
“ปายไม่กินจริงดิ”
ส่ายหน้า “ไม่กิน”
นิวเลิกคิ้ว จิบเบียร์อีกอึกก่อนขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยผมทิ้งไว้ท่ามกลางแสงสีที่น่าอึดอัด ดีหน่อยที่ยังเช้าอยู่ทำให้คนยังไม่เยอะมากนัก ผมเอาแต่จ้องแก้วโค้ก ไม่หันไปมองโต๊ะอื่น จนเวลาผ่านไปสักพัก ผมสะดุ้งเพราะความเย็นที่ต้นคอ นิวกลับมาพร้อมขวดเบียร์เย็นๆ ในมืออีกขวด
เขาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผม
“หมดขวดนี้แล้วพอละ” นิวว่าพลางยกยิ้ม ทำให้ผมยิ้มตาม ดีใจที่นิวจะหยุดดื่มเสียที ผมก้มมองโทรศัพท์เป็นพักๆ พี่ครามยังไม่มา ข้อความสุดท้ายคือใกล้จะถึงหอพักแล้ว ทักเขาไปก็ไม่ตอบไม่อ่านเสียที
ขณะที่กำลังเหม่อมองแก้วโค้กที่หมดไปแล้วเพลินๆ ต้นขาผมก็สัมผัสได้ถึงแรงจับ ผมสะดุ้ง หันไปมองคนข้างๆ ที่เอื้อมมือมาวางบนต้นขาผมแต่สายตามองตรงไปที่อื่น ผมค่อยๆ เบี่ยงขาหนี
นิวหันมายกยิ้มให้เมื่อผมขยับ เลื่อนมือไล่เข้ามาที่ต้นขามากขึ้นกว่าเดิม ผมลุกยืนพรวด
“นิว ไม่ชอบ”
ว่าเสียงแข็ง รู้ตัวว่าทำหน้าไม่พอใจอยู่แน่ๆ ผมไม่ชอบให้เขาเข้ามาเกินกว่าขอบเขตที่ผมสร้างไว้ และนิวกำลังทำมัน
“โทษๆ มือมันไปเอง ปายนั่งลงเถอะ”
ผมจ้องเขาเขม็ง ขยับเก้าอี้ให้ออกห่างก่อนลงไปนั่งดังเดิม เมื่อไหร่พี่ครามจะมา... คิดพลางหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความไปหาอีกครั้ง พี่ครามยังไม่อ่าน คงกำลังเดินทางอยู่…คิดถึงคุณเกรย์แล้ว นี่ก็ปาไปสามทุ่มกว่าแล้วนะ
จนเวลาผ่านไปอีกสักระยะ พี่ครามมาช้าเกินไปแล้ว ลองโทรไปปรากฏว่าไม่ติด เดาว่าคงแบตหมด ผมไม่รู้จะพูดอะไรกับนิว คนข้างๆ เป็นคนชวนผมคุยอยู่ฝ่ายเดียวจนรู้สึกผิด รู้สึกอึดอัด น่าแปลกที่ไม่ได้รู้สึกอย่างนี้กับพี่ครามในช่วงแรกๆ พอมีเรื่องให้ต้องรอทุกอย่างกลับดูช้าไปหมด
เพราะไม่สามารถติดต่อพี่ครามได้ทำให้ผมไม่กล้าโบกรถกลับเอง พี่ครามบอกจะมารับและหากมาถึงแล้วไม่เจอผมคงวุ่นน่าดู
“ปายว่าสองคนนั้นใครสวยกว่ากัน” นิวถามเมื่อเห็นผมเหม่อมองไปเรื่อยเปื่อย จนเขาคิดว่าผมกำลังมองผู้หญิงสองคนที่นั่งตรงกับโต๊ะผม ถัดไปสามสี่ช่วง ผมไม่รู้จะตอบยังไง...เพราะไม่ได้สนใจพวกเธอ แต่ก็คิดว่าตอบเพื่อต่อบทสนทนาให้นิวจะดีกว่า
“คนผมยาวมั้ง..”
“หรอ เราชอบคนผมสั้น” ผมพยักหน้ารับรู้
“แต่จริงๆ ชอบคนนี้มากกว่า” เสียงนิวดังขึ้นอีกครั้งทำให้ผมหันไปมองหน้าเขา และพบว่านิวยกมือมาจิ้มที่แก้มผมเข้าอย่างจัง
คนข้างตัวยกยิ้ม แต่ผมไม่เล่นด้วยแล้ว ผมไม่ชอบ มันเกินขอบเขตที่ผมวางไว้ให้นิวแล้ว
พอรับรู้ได้ว่านิวเข้าหาผมเพราะอะไร ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้อยากให้ความหวังเขาเลยให้เมลล์มาด้วย แต่พอเมลล์ต้องรีบกลับนั่นทำให้นิวคงเข้าใจแล้วว่าระหว่างผมกับเมลล์เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ ถึงได้ทำตัวอย่างนี้ใส่ผม
ผมลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะออกนอกร้าน ดีหน่อยที่ร้านนี้เป็นระบบจ่ายเงินก่อนค่อยได้รับเครื่องดื่ม ทำให้ผมลุกออกไปได้โดยง่าย นิวรีบรุดตามผมมาติดๆ เสียแต่ผมไม่คิดจะหันหลังกลับไป
“ปาย” แรงกระชากจากข้างหลังรั้งผมไว้ไม่ให้ไปต่อ นิวจับข้อมือผมไว้ก่อนจะได้ออกจากร้าน “คือ...เราขอโทษนะ”
“...ไม่เป็นไรหรอก นิวคงเมาแล้ว เราจะออกไปรอพี่แล้วล่ะ” ผมว่า น้ำเสียงนิ่งเรียบจนตัวเองยังแปลกใจ
“พี่ปายอยู่ไหนแล้ว”
“ไม่รู้ แต่คงใกล้แล้วมั้ง” ผมพูดปด พี่ครามน่าจะใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะมาถึง แต่ที่ผมพูดไปอย่างนั้นเพราะไม่อยากอยู่กับเขาแล้ว มันพอแล้ว จากที่ว่าจะไปแปบๆ แล้วกลับ จนตอนนี้มันนานเกินกว่าที่ผมตั้งใจ
กับนิว เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนกันมาก่อน ผมไว้ใจเขาได้ในระดับหนึ่ง ระดับที่ยอมให้เข้าใกล้กำแพงแต่จะไม่ยอมให้เข้ามาในกำแพง เพียงแต่นิวกลับพยายามเข้ามาและนั่นทำให้ผมต้องถอยออกห่างอย่างช่วยไม่ได้
“งั้นเดี๋ยวรอตรงนี้ด้วย” นิวว่า ทำให้ผมอึดอัดกว่าเดิม เสียแต่ไม่กล้าบอกเขาไป ได้แต่อัดอั้นอยู่ในใจ ยืนรออยู่หน้าร้านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเม็ดฝนได้เริ่มสาดลงมา นิวดึงให้ผมเข้าไปหลบฝนข้างในและคงจะตามเข้าไปแล้วถ้าหากนิวไม่ได้พูดขึ้นมาเสียก่อน
“จริงๆ พวกเราค้างแถวนี้ก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องลำบากพี่ปายให้มารับ ฝนก็ตกอีกด้วย”
ผมสะบัดมือทิ้งอย่างแรง แถวนี้มีโรงแรมราคาถูกอยู่ก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าผมจะซื่อจนไม่รู้ว่านิวหมายความว่ายังไง ทำไมอ่ะ ที่แสดงไปยังไม่ชัดเจนอีกหรอ แม่งเอ๊ย รู้งี้ไม่มาซะตั้งแต่แรกก็ดีหรอก
“เห้ย เราไม่ได้หมายความว่างั้น ปาย” นิวร้องทันทีที่ผมกระชากมือตัวเองออกจากเขา เดินหนีไปทางอื่น หงุดหงิดตัวเองที่ใจอ่อนมาหานิว หงุดหงิดที่นิวมาจับตัว ก้าวข้ามอาณาเขตที่ผมสร้างขึ้น แต่ผมรู้...อีกหนึ่งสาเหตุความหงุดหงิดก็คือพี่คราม
ทำไมถึงมาช้านัก
รู้ตัวว่ากำลังพาลไปทั่ว ทั้งที่ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะตัวเองทั้งนั้น
“ปาย!”
“อย่ามาจับ!”
ผมร้องลั่นเมื่อนิวคว้าแขนผมไว้อีกครั้ง ฝนยังคงตกมาอย่างไม่ขาดสาย หน้าร้านมีผู้คนน้อยนิดรวมถึงผมกับเขาที่ฉุดรั้งกันไปมา
“ปายเราขอโทษ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ ตอนนี้เข้าไปหลบฝนก่อนเถอะ...นะ”
“นิวเข้าไปเถอะ เราอยู่แถวนี้แหละ” ผมว่า ไม่สะท้านต่ออะไรแล้วทั้งนั้น เนื้อตัวเปียกซ่กไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอยากเข้าไปหลบฝนที่ไหนทั้งสิ้น ใจผมอยู่หอพี่ครามไปแล้ว อยากกลับไปกอดคุณเกรย์อย่างเดียว
นิวไม่ได้พูดอะไร ถอยออกมาจากผมหนึ่งก้าว ยืนตากฝนเป็นเพื่อน ผมถอนหายใจ
“นิวเข้าไปเถอะ เราไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่มาแล้วจะบอก”
“ปายเนี่ย...ใจดีเนอะ”
“...”
“ไม่สงสัยเลยที่ตัวเองจะชอบ...” ผมเงียบกว่าเดิมเมื่อคนข้างตัวเอ่ยสารภาพ ยืนนิ่งทำตัวราวกับรูปปั้น ปล่อยให้นิวเป็นฝ่ายพูดคนเดียวต่อไป
“เราชอบปายมาตั้งแต่มัธยมแล้วนะ เสียดายที่ไม่ค่อยได้คุย ปายดูโลกส่วนตัวสูงอ่ะ...” เขาพูดแข่งกับเสียงฝน
“แต่พอเห็นปายเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ ได้เห็นหน้าปายเลยคิดว่าอยากลองเริ่มจีบดูสักครั้ง...ขอโทษนะถ้าทำให้ลำบากใจ ปายปฏิเสธคนไม่เก่งหรอก เพราะงั้นเราถึงเลือกวิธีนี้เพื่อที่จะได้เจอปาย...”
ผมหันหน้าไปหาเขาด้วยความสงสัย
“เรามองปายมาตลอดนั่นแหละ...ปายใจดี คงจะเกรงใจถ้าจะทิ้งเราไว้คนเดียวถึงมาใช่ป่ะ” นิวว่าพร้อมกดรอยยิ้ม “คิดว่าปายยังโสดถึงได้อยากลองจีบดู”
“แต่คงหมดหวังแล้ว ใช่มั้ย...?” สิ้นประโยคคำถาม ผมนิ่งเงียบสักพัก ระหว่างผมกับพี่ครามเองก็ไม่ใช่สถานะที่จะเรียกได้ว่าแฟน เราไม่ได้คบกัน แต่ผมก็พอใจกับความสัมพันธ์ตอนนี้แล้ว
“อืม” จึงตอบเขาไป
เวลาผ่านไปจนกระทั่งฝนหยุดตกแล้วนิวจึงพูดต่อ “ปายกลับกับพี่ปายเถอะ เราพักแถวนี้ได้” ผมหันหน้าไปมองเขา นิวส่งยิ้มให้ บรรยากาศไม่เหมือนทุกที รอยยิ้มครั้งนี้ดูเศร้ากว่าครั้งไหนๆ
“เราไปส่งได้”
“ไม่เป็นไรหรอก ให้มันจบตรงนี้ไปเลยดีกว่า ขอโทษที่รบกวนนะ” คนตัวสูงว่า ขยับเข้ามาใกล้ผมหนึ่งช่วงตัว
“ขออย่างหนึ่งก่อนไป”
สิ้นเสียง เพื่อนเก่าก้มลงมาจุมพิตที่หน้าผากผมอย่างรวดเร็วก่อนผละออก ไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่ทันได้ผลักให้เขาออกไป นิวก็ทำสำเร็จไปแล้ว
“ขอบคุณนะ ไปละ” ประโยคสุดท้ายก่อนหมุนเข้าร้านไป ผมยกมือแตะหน้าผากตัวเอง ตกใจ...อาจเป็นเพราะความสงสารเขามีมากกว่าเลยไมได้รู้สึกแขยงเท่าไหร่ อย่างไรเสียนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ
ถอนหายใจ ไม่ชอบใจจริงๆ แต่ทำอะไรไม่ได้แล้ว อยากกลับไปเจอพี่ครามใจจะขาด เอาตรงๆ เลยคือผมกลัว...กลัวการใกล้ชิดกับนิว กลัวการสัมผัสของนิว อยากไปกอดพี่ครามให้คลายความกลัว ไม่รู้ทำไมถึงเกิดความคิดแบบนี้ในหัว ผมให้ใจพี่เขาไปมากเท่าไหร่กันแล้วนะ
“ปาย!!” ทันทีที่นิวหายเข้าร้านไปก็พลันได้ยินเสียงตะโกนเรียกที่คุ้นเคย พี่ครามกึ่งวิ่งเข้ามาหาผมจากอีกทาง กว่าจะมา
ผมยิ้มพลางเดินเข้าหา เสียแต่เสียงดังของพี่ครามทำให้ผมชะงัก
“ทำอะไร!”
“อะไร?”
“เมื่อกี้อ่ะ” พี่ครามถาม พลางเอื้อมมือมาจิ้มชี้ที่หน้าผากผม “ชอบให้คนทำอย่างนั้นหรือไง”
สะบัดมือเขาออก “ไม่ได้ชอบ!”
“แต่ก็ยืนให้ทำเนี่ยนะ”
“จะไปรู้มั้ยว่านิวจะทำ”
“เพื่อนปายส่งข้อความมาหาพี่ บอกให้รีบไปรับปาย และดูดิ้พี่เจออะไร”
“พี่คราม...” ผมว่าเสียงอ่อน ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเกิดแบบนี้ ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มด้วยซ้ำ ใจเสียด้วยความคิดที่ว่าพี่ครามกำลังตัดสินผมด้วยเหตุการณ์เดียว
“กลับ”
ประโยคคำสั่งที่สั้นและห้วน ผมรู้...พี่ครามกำลังหงุดหงิด และสาเหตุคงเป็นใครไม่ได้นอกจากผม ระหว่างทางเดินไปที่รถ พี่ครามเงียบกริบไม่พูดอะไรสักอย่าง ทั้งที่ได้เจอกันแล้วทั้งทีแต่กลับมีเรื่องให้ไม่ได้ดังใจ
ผมใจเสียอีกครั้ง คิดถึงพี่คราม แทนที่จะได้สวมกอดแน่นๆ กลับกลายเป็นห่างเหินเสียอย่างนั้น ผมผิดจริงที่มากับนิว แต่ใครจะไปรู้ว่าเมลล์มีเหตุให้ต้องกลับก่อน ใครจะรู้ว่าฝนจะตก ใครจะรู้ว่านิวจะทำอย่างนั้น ทั้งที่ผมเองก็ป้องกันตัวเองที่สุดแล้ว
การที่ถูกพี่ครามตามใจมากเกินไปทำให้ผมเคยชินที่จะถูกพี่เขาใจดีใส่เสมอ แต่กลับครั้งนี้ ไม่เป็นเช่นนั้น แหงล่ะ เป็นใครก็คงโมโห ผมแคร์เขามากกว่าที่คิด รับรู้ความรู้สึกภายในที่เพิ่มพูนมากขึ้น ความรู้สึกที่เกินไปมากกว่าคำว่าชอบ เสียแต่มารู้ตัวในเวลาที่ไม่เป็นใจ
“ผมขอโทษ...”
ผมเอ่ยเสียงเบา พี่ครามยังคงมองถนนไม่แม้แต่จะเอ่ยปากคุยเช่นเดิม
ผ้าขนหนูที่พี่ครามมอบให้ผมทันทีที่เข้ารถมา คงตั้งใจให้ผมเช็ดหัวเช็ดตัวทว่าผมกอดผ้านั่นไว้แน่น กลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้า ราวกับมันจะช่วยปกป้องผมได้
จนกระทั่งถึงจุดหมาย ไม่มีคำพูดอะไรตลอดทาง เดินตามพี่ครามที่จูงมือผมเข้าห้องไปเงียบๆ
คุณเกรย์ร้องแง้วเป็นการทักทายไม่ก็ต่อว่าที่ผมกลับมาช้า เสียใจก็แต่ตอนนี้ผมไม่มีแรงก้มลงไปอุ้มเขาไว้เหมือนอย่างเคย อีกอย่างคือผมตัวเปียกด้วย กลัวคุณเขาจะเปียกตามถ้าผมกอด
พี่ครามพาผมมานั่งที่โซฟา ถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยคำพูดแรกขึ้น
“เปียกหมดแล้ว ไปอาบน้ำก่อนมั้ย เดี๋ยวไม่สบาย”
น้ำตากลับมาคลอที่เบ้าอีกครั้ง เมื่อประโยคแรกที่พี่ครามยอมพูดกับผมหลังจากที่เงียบมาตลอดทางคือประโยคที่แสดงออกว่าเป็นห่วงผมขนาดไหน ผมปล่อยให้พี่ครามค่อยๆ เช็ดหัวให้ผมอย่างแผ่วเบา พลันน้ำตาก็ล้นเอ่อมากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ คิดถึงแทบบ้า ทำไมต้องมาทะเลาะกันด้วย
“ไม่โกรธแล้วหรอ” ผมถาม
“โกรธ”
“ผมขอโทษ” ผมว่า ขอโทษจากใจอีกครั้ง นิวไม่ได้ผิดอะไร ผมไม่อยากโทษเขาแล้ว ถ้าจะหาคนผิด...คงเป็นที่ผมเอง ที่ไม่หนักแน่นพอ ทั้งๆ ที่เมลล์ก็หาทางปฏิเสธให้แล้ว แต่ผมก็ยังไป ทั้งที่พี่ครามน่าจะเหนื่อยจากการเดินทางแต่ผมก็ยัง...ทำตัวให้เขาไม่พอใจอีก
“แต่ตอนนี้หายโกรธแล้ว ปาย...ไม่ร้องสิครับ”
ผมส่ายหน้า “ปายขอโทษทำให้พี่ครามโกรธ”
“ปายรู้ตัวพี่ก็ไม่โกรธแล้ว ทีหลังอย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะ”
ผมพยักหน้า
“พี่ก็พูดไม่ดีกับปาย พี่หงุดหงิดมากไปหน่อย...ขอโทษนะครับ”
เป็นใครก็คงหงุดหงิดกับการกระทำของผม ผมเองก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น ใครจะคิดว่าจู่ๆ นิวจะมาจูบหน้าผากผมอย่างนั้น
ผมส่ายหน้า พี่ครามไม่ได้ผิดอะไรเลย ผมผิด ผิดเองทั้งหมด
“ช่างมันเถอะเนอะ”
พี่ครามพูดพร้อมขยับยิ้ม เดินลุกไปอุ้มคุณเกรย์ก่อนกลับมานั่งลงตรงหน้าผมอีกครั้ง จับคุณเกรย์ให้ยืนสองขาก่อนว่า “ดีกันนะฮับ” ดัดเสียงแหลมเสียจนผมต้องหลุดขำ คนตัวโตหน้าดุอย่างพี่ครามดูน่าขันไปทันทีที่ทำเสียงแบบนี้ ไม่ได้เข้ากันเลย
“ยิ้มแล้วๆ” พี่ครามว่าพร้อมส่งยิ้มมาให้ผม บรรยากาศที่เคยตึงในห้องเปลี่ยนไปแทบทันที
กับคนๆ นี้ ผมควักหัวใจให้อย่างง่ายดาย
ผมโน้มตัวไปกอดพี่ครามไว้แน่น ไม่สนว่าตัวยังเปียกอยู่ไหม รู้แค่คิดถึง อยากกอดมากๆ แค่นั้นเอง พี่ครามเองก็ไม่ได้ว่าอะไรที่ผมตัวเปียกแล้วไปกอดพี่เขาเสียแน่น ซ้ำยังกอดผมกลับเสียแน่น ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่พี่ครามจะเป็นฝ่ายขอคืนดีแต่พี่เขาก็ทำ ถึงพี่ครามไม่เอาคุณเกรย์มาอ้างผมก็ตั้งใจจะเป็นฝ่ายง้อเอง
ทั้งที่เป็นความผิดของผมเองแท้ๆ
คนตัวโตก้มจูบลงที่ขมับผมย้ำซ้ำๆ ไล่วนไปยังหน้าผาก จุมพิตกลบรอยที่เพื่อนเก่าได้สร้างไว้ ลูบศีรษะผมอย่างแผ่วเบา มืออีกข้างโอบตัวผมไว้เสียมิด อ้อมกอดอบอุ่นที่ผมเฝ้ารอคอยอยู่ตรงหน้าแล้ว
“พี่คราม...ไม่โกรธกันอีกแล้วนะ”
“ครับ ขอโทษนะ แมวพี่กลัวหมดแล้ว”
“ฮื่อ” ผมครางรับ ไม่ได้ว่าอะไรที่พี่ครามเรียกผมเป็นแมวของเขา ถึงจะหมั่นไส้อยู่หน่อยๆ ก็ตาม ผมไถหัวออดอ้อนพี่ครามในอ้อมแขนที่แสนคิดถึง อ้อมกอดแน่นช่วยคลายความกลัวให้หายไป พี่ครามกระชับอ้อมกอด ลูบหัวผมอย่างแผ่วเบาทว่าอบอุ่น ผมรู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนอุ่นนี้
ความกลัวก่อนหน้าได้หายไป ความกลัวที่เกิดจากคนไม่สนิทเข้าใกล้ผมจนเกิดเหตุ ความกลัวจากการที่ถูกพี่ครามเมิน ทั้งหมดนี้ถูกอ้อมกอดอุ่นนี้สลายไปจนสิ้น
สักพัก พี่ครามก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่เราเงียบกันได้ไม่นาน
“พี่มีเรื่องจะถามเรานานแล้ว”
“หือ”
“คบกับพี่ไหม”
สมองผมประมวลผลประโยคตรงหน้าแทบทันที ส่งคำตอบออกมาอย่างรวดเร็ว
“ไม่”
⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹
เห็นหลายคนคิดไปไกล บอกเลยว่าไม่มีอะไรจริงๆ
ยังคงเป็นนิยายใสๆ คงเส้นคงวานะ
ตอนนี้เขียนแล้วลบบ่อยมาก ถ้าเกิดใครอ่านแล้วสะดุดหรือขัดตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะคะ

พยายามจะให้นิยายเรื่องนี้แสดงนิสัยของคนในด้านอื่นออกมาบ้าง
ปายเองก็ไม่ได้มีแค่ด้านเดียว ไม่ใช่เป็นแค่คนเงียบๆ อย่างเดียว ก็มีด้านที่แก้ไขไม่ได้คือความขี้เกรงใจ
ที่จริงๆ ก็กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้นๆของเรื่อง
ไม่ได้อยากเขียนตอนนี้มาเพื่อสั่งสอนอะไรปาย อย่างไรเราคิดว่าตัวละครมันจะพัฒนาไปตามเรื่องราวเอง
พี่ครามก็เช่นกัน ไม่ได้เป็นแค่คนใจดี แต่ก็มีมุมอารมณ์ร้อนไม่ต่างอะไรจากคนปกติ
แค่อยากให้คนอ่านได้มองหลายมุมดูค่ะ
คิดว่ามนุษย์เราไม่ได้มีแค่ด้านเดียวเสมอไป
ด้านนี้เราแสดงออกว่าดีกับคนหนึ่ง กับอีกด้านนึงเราเป็นคนไม่ดีในสายตาอีกคน
ถ้าหากสื่อได้ถึงคนอ่านได้บ้างก็ดีใจแล้ว
ตอนแรกกะรีบลงตั้งแต่เมื่อวานเพราะกลัวทุกคนค้าง
แต่คิดว่าตอนนี้น่าจะค้างกว่านะ 55555

ขอบคุณทุกการติดตามและทุกคอมเม้นท์นะคะ
(เขียนทอล์กจะยาวกว่าเนื้อเรื่องแล้วว5555)