รีไรท์ 20/10/64
ตอนที่๓
สหัสมองร่างตรงหน้าอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก พารัมที่เขารู้จักเป็นสาวน้อยจากหมู่บ้านบันกุหากตอนนี้คนตรงหน้ากลับมีสภาพที่ไม่เหมือนมนุษย์ธรรมดา ทั้งเขาและดวงตานั้นมันทำให้เขานึกถึง...ยักษ์ แต่จะเป็นไปได้ยังไงกันยิ่งคิดสหัสยิ่งไม่เข้าใจ ไหนจะร่างกายที่เป็นชายนั่นอีก
“สหัสเกิดอะไรขึ้น” เสียงของพระสนมเธรานั้นส่งผลให้สหัสหันไปมอง พร้อมกับพารัม
“พี่เธรา” พารัมเอ่ยเรียกก่อนจะก้าวขาไปหาแต่แล้วก็ชะงัก “อ๊ะ!” เสียงอุทานเหมือนเจ็บปวด ร่างของพารัมทรุดลงไปทันที เธราที่เดินเข้ามาใกล้รีบยื่นแขนออกไปประคอง ร่างของพารัมสั่นเบาๆเหมือนคนกำลังอดทนกับอะไรบางอย่าง
“ปล่อย...ท่านเธราปล่อยก่อน” สหัสรีบเข้าไปดึงเธราออกมา แม้จะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร แต่หากเกี่ยวกับยักษ์ล่ะก็ตอนนี้พารัมก็ไม่ใช่คนที่น่าเข้าใกล้นัก
เธราโดนสหัสดึงตัวออกมาให้ห่างพารัมที่เริ่มมีอาการแปลกๆอีกครั้ง องค์วิรัลและท่านเจเนสที่ตามมาติดๆนั้นต่างตกใจกับภาพตรงหน้าไม่น้อย
สายลมที่เริ่มรุนแรงขึ้นอีกครั้ง หมุนรอบตัวพารัมราวกับจะปกป้องมันหมุนวนรอบร่างที่ดูเจ็บปวดของพารัมอยู่เป็นครู่ก่อนจะค่อยๆเบาบางลงและหายไปในที่สุด
“พารัม พารัม” ท่านเจเนสทำท่าจะเข้าไปหากถูกจับไว้โดยองค์วิรัล
“ข้าเข้าไปดูเอง” สหัสเอ่ยออกมา
“ให้ข้าไปดีกว่า” ชุนเอ่ย
“ไปทั้งสองคนแหละ เมื่อสักครู่สองคนยังจับไม่ค่อยจะอยู่เลย องค์วิรัลทรงเตรียมทหารให้พร้อมเถอะ เท่าที่เห็นน่าจะยักษ์” โชบุเอ่ยอออกมาง่ายๆ แต่ทุกคนที่ได้ยินกังวลทันที
“พารัม” สหัสเอ่ยเรียกก่อนเดินเข้าไปใกล้ร่างของพารัม เหมือนคนที่นอนอยู่จะรับรู้ถึงเสียงเรียก พารัมขยับตัวลุกขึ้นนั่งผมยาวสยายเต็มแผ่นหลัง ใบหน้าที่หันมามองนั้นแม้จะมีแววสับสนหากมันคือใบหน้าของพารัมที่คุ้นเคยไม่มีเขาหรือเขี้ยวแปลกตาเหมือนเมื่อสักครู่
“กลับร่างมนุษย์แล้วงั้นรึ”ชุนเอ่ยราวกับพูดกับตัวเองแต่สหัสกลับได้ยินชัดเจน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พารัมนั่งนิ่งๆอยู่ในห้องโถงใหญ่ในตำหนักหยาดหมอกขององค์วิรัล พารัมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีสติครบถ้วนตอนที่เกิดเหตุการณ์แปลกๆแบบนี้ พารัมจำได้ว่าโมโหโชบุที่ล้อเล่นว่าเธอกินพวกไมนา ถ้าเป็นปกติพารัมอาจแค่โมโหและต่อว่าโชบุแม้เธอจะเจ้าอารมณ์แต่เรื่องล้อเล่นแค่นี้เธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก หากวันนี้เธอกลับรู้สึกว่าโมโหและอยากจะฉีกโชบุให้เป็นชิ้นๆ พารัมระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลยสายลมเย็นที่พัดผ่านใบหน้าแทนที่จะทำให้อารมณ์เย็นลง พารัมกลับรู้สึกว่าความคุกกรุ่นภายใจกลับโหมแรงตามแรงลม เธอไม่สนใจเสียงห้ามไม่สนใจว่าใครอยู่ตรงหน้า และเมื่อความโกรธถึงขีดสุดพารัมกลับรู้สึกว่าบางอย่างมันปะทุออกมา เสียงเขาที่ค่อยๆงอกออกมาจากหน้าผากนั้นพารัมได้ยินชัดเจน ความเจ็บปวดราวถูกกำจนกระดูกแหลกละเอียด และทันทีที่ทุกอย่างสงบพารัมก็รับรู้ว่าร่างกายตนเองเปลี่ยนไปเธอมีเขามีเขี้ยวและที่สำคัญร่างกายของเธอเป็นชาย ความตกใจมีอยู่เพียงครู่ทันทีที่เธอขยับตัวไปหาพี่เธรา ความเจ็บปวดก็รุมเร้าเข้ามาอีกครั้ง และเมื่อทุกอย่างสงบลงพารัมก็กลับมาเป็นหญิง อย่าว่าแต่ทุกคนจะไม่เข้าใจเลยว่ามันคืออะไร เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“ดื่มน้ำหน่อยสิ” เจเนสเอ่ยเรียกพารัมก่อนส่งน้ำให้ดื่ม สายตาที่สับสนของพารัมนั้นน่าสงสารไม่น้อย
พารัมรับน้ำมาดื่ม พอดีกับเธราและองค์วิรัลก้าวเข้ามาในห้อง เธราเดินมานั่งข้างๆพารัมก่อนลูบหัวหญิงสาวอย่างเห็นใจ พารัมน้ำตาคลอเธอจำได้ว่าพี่สหัสดึงพี่เธราให้ออกห่างจากเธอเพราะกลัวว่าเธอจะทำอันตรายพี่เธรา สำหรับสหัสเธอคงเป็นแค่ตัวอันตรายสินะ พารัมคิดก่อนเหลือบมองสหัสที่เป็นคนพาเธอมาที่ห้องนี้และยืนเฝ้ามาตั้งแต่แรกโดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไรกับเธอแม้แต่น้อย
“เป็นยังไงบ้าง” โชบุกับชุนตามเข้ามาในห้อง ชุนเอ่ยถามพารัมทันทีที่เข้ามา ดวงตาสีดำสนิทกวาดมองหญิงสาวอย่างละเอียดพารัมกลับมาเป็นหญิงสาวคนเดิมแล้ว
“พ่อกับแม่ของเจ้าเป็นมนุษย์ใช่ไหมพารัม” คนที่เอ่ยเป็นองค์วิรัล คำถามที่พารัมพยักหน้ารับทันที
“ถ้าการที่พารัมเป็นแบบนี้คือความลับ พารัมก็ไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเป็นใคร ทางเดียวที่เราจะรู้คือไปถามพ่อแม่ของพารัม” โชบุเอ่ยออกมา
“ข้าให้คนไปรับพ่อแม่พารัมแล้ว” เธราบอก
“เปิดหน้าต่างสักหน่อยเถอะ อากาศอบอ้าวไม่ดีกับคนป่วย” โชบุพูดง่ายๆเดินไปที่หน้าต่างพลางใช้แขนดันให้บานหน้าต่างเปิดออก “เอ๊ะหรือไม่ใช่คน”
“ข้าเป็นคน” พารัมหันไปบอกโชบุอย่างไม่พอใจ
“คนอะไรจะมีเขาแทงออกมาจากหัวกันเล่า พารัม” โชบุพดพลางหัวเราะ ก่อนยกมือขึ้นบังใบหน้าเมื่อสายลมที่พัดเข้ามาในห้องเริ่มแรงขึ้น สายตาของอสรพิษเหลือบมองไปที่ชุนทันที
“ธาตุลมงั้นรึ” ชุนเอ่ยออกมา ก่อนหยิบเอาแก้วเลือดสดๆ ที่เตรียมมาแต่แรก แล้วเดินเข้าไปหาพารัม พร้อมกับสหัสที่เดินมาสมทบ
“ใจเย็นๆนะพารัม” ชุนบอกก่อนจับใบหน้าพารัมพยายามจะกรอกเลือดสดๆลงไป โดยมีสหัสคอยช่วยจับตัวพารัมที่เริ่มดิ้น วิรัลเดินไปประคองท่านป้าของตนให้ออกห่างพร้อมๆกับเธราเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ตอนนี้ทุกอย่างยังคงอยู่ในความตึงเครียด
ร่างบอบบางของพารัมพยายามขัดขืนการกระทำของชุนแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลนักเมื่อสหัสช่วยจับอยู่อีกแรง และเมื่อเลือดสดๆไหลผ่านเข้าปากไปจนหมด พารัมก็ดูเหมือนจะสงบลง
“อะไรกันทำไมต้องทำแบบนี้” เจเนสเอ่ยถามเธอใจไม่ดีเลยที่เห็นพารัมไม่เป็นปกติแบบนี้
“ข้าคิดว่า พารัมน่าจะเป็นยักษ์” คนที่ตอบคือชุน มือหนาวางแก้วเลือดก่อนจะรับผ้าจากโชบุมาเช็ดมือ ส่วนพารัมตอนนี้ยังคงมีท่าทางมึนงง ใบหน้าน่ารักมีน้ำตาเอ่อคลอเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสดๆเต็มตัว “ข้าคิดว่าน่าจะกำเนิดจากธาตุลม ส่วนเรื่องทำไมถึงอยู่ในร่างหญิงสาวนั้นข้ายังไม่แน่ใจคงต้องรอถามจากพ่อกับแม่ของพารัมที่บันกุ”
“ข...ข้าเป็นยักษ์เหรอ” พารัมที่ดูเหมือนได้สติถามขึ้นมือเรียวเช็ดเลือดที่เลอะตามตัวขึ้นมาดูอย่างไม่เข้าใจ “แล้วทำไมถึงต้อง...” พารัมถามพลางยกมือที่เลอะเลือดขึ้นมา
“ความโกรธาของยักษ์หากไม่สามารถระงับด้วยสติของตัวเองได้ ก็ต้องใช้ชีวิตสังเวย” ชุนพูดขึ้นมา “เจ้าโมโหโชบุที่ว่าเจ้าไม่ใช่คน ทันทีที่เจ้าเริ่มโมโหลมก็โหมแรงนั่นบ่งบอกว่าเจ้ามาจากธาตุลม ส่วนเลือดไก่นี่ก็แค่ช่วยให้เจ้าใจเย็นลง ปกติพวกยักษ์จะไม่ค่อยแสดงอารมณ์นักเพราะยักษ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่อารมณ์รุนแรง รัก เกลียด โมโห มักจะรุนแรงจนควบคุมไม่อยู่เสมอ” ชุนพูดออกมาอย่างกังวล เขาเองถึงแม้จะมีเลือดยักษ์อยู่เพียงครึ่งแต่สัญชาติญาณของยักษ์นั้นเขารับรู้ได้ชัดเจน
“จะใจเย็นลงเมื่อได้ฆ่าน่ะ” เป็นสหัสที่เอ่ยออกมา เรื่องยักษ์นั้นในเมืองอมนุษย์เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ดีถึงความเก่งกล้าและนิสัยที่ยากรับมือ “กินเลือดกินเนื้อ พวกยักษ์มักทำเมื่อโมโห” สหัสเอ่ยอธิบายเพิ่มเติม “เลือดไก่นี้อาจช่วยได้แค่ตอนนี้ เพราะเจ้ายังคงอยู่ในร่างของหญิงชาวมนุษย์เมื่อใดที่เจ้ากลับร่างของอมนุษย์เต็มตัวข้าคิดว่าแค่นี้คงเอาไม่อยู่”
“แล้วจะทำยังไงดี เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พารัมจะกลับไปเป็น...เอ่อยักษ์” เจเนสถามออกมาทั้งเป็นห่วงพารัมแม้อีกใจหนึ่งจะหวาดหวั่นไม่น้อย
ไม่มีใครตอบได้แม้กระทั้งพารัมเองที่ยังคงนั่งนิ่ง ดวงตามีน้ำตาเอ่อคลอ “เอาข้าไปขังไว้ในคุกก่อนก็ได้” เป็นพารัมที่เอ่ยออกมา ปลายเสียงมีแววสะอื้นทั้งที่เจ้าตัวพยายามฝืนเอาไว้ “ข้าไม่รู้ว่าตัวเองจะกลับไปเป็นแบบนั้นอีกเมื่อไหร่ เอาข้าไปขังไว้ก่อนเถอะ”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ร่างบอบบางของพารัมนั่งนิ่งๆอยู่ในที่คุมขัง ชุดที่สวมสะอาดสะอ้านหลังจากได้รับการทำความสะอาดเรียบร้อย ห้องที่เธออยู่ตอนนี้จะเรียกว่าคุกก็เชิง ห้องสี่เหลี่ยมแน่นหนาพารัมได้ยินว่าเป็นห้องสำหรับทำโทษนางกำนัลที่ทำผิดกฎ คล้ายๆห้องสำนึกผิด ดวงตาสวยเหลือบมองมือบางที่ถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนขนาดใหญ่รวมทั้งข้อเท้าบาง แม้จะรู้สึกอึดอัดแต่แปลกที่เธอไม่รู้สึกว่ามันหนักหรือเจ็บเลยสักนิด พารัมเอนตัวพิงกำแพงเบาๆ ห้องนี้มีฟูกหนาพอที่จะนอนได้สบายมีแสงไฟและอากาศถ่ายเทสะดวก เปลือกตาบางปิดลงก่อนย้อนนึกถึงตัวเองที่ผ่านมาพารัมคิดเสมอว่าตนเองคือมนุษย์ ตั้งแต่จำความได้พารัมก็อยู่ที่บันกุหมู่บ้านเล็กๆติดชายป่าศักสิทธิ์ พ่อกับแม่เอ็นดูและรักเธอเสมอมาแม้พารัมจะนิสัยไม่ดีอย่างไร ก็จะได้รับการให้อภัยจากพ่อกับแม่เสมอ แล้ววันนี้ล่ะเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงลมเย็นๆที่พัดไปมาอยู่บริเวณใบหน้า พารัมลืมตาขึ้นมาก่อนจะต้องตกใจเมื่อพบว่าสายลมเย็นๆนั่นคือพายุลูกจิ๋วที่กำลังพัดอยู่ตรงใบหน้าของเธอ และเมือเจ้าพายุจิ๋วรู้ว่าพารัมลืมตามองมันก็ค่อยๆลอยมาใกล้ๆสายลมเย็นๆราวจะปลอบประโลมดวงใจที่กำลังสับสนพารัมรู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อยมือเรียวยกขึ้นหมายจะแตะเจ้าพายุจิ๋วนั่น แต่ทันทีที่พารัมแตะมือลงไปมันก็สลายหายไปราวกับเป็นสายลมเย็นที่พัดผ่าน พารัมยิ้มเบาๆกับตัวเองอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ตัวคนเดียวสินะชุนบอกว่าเธอเป็นยักษ์ที่เกิดจากธาตุลม เจ้าพายุจิ๋วนั่นคงมามาปลอบโยนเธอล่ะสิ คิดได้ดังนั้นพารัมก็เอนตัวลงนอนบนฟูกก่อนจะพยายามข่มตาหลับแม้จะยังมีเรื่อมากมมายให้กังวลก็ตาม
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ข้าไม่เห็นด้วยที่จะขังพารัมแบบนั้น นางไม่ได้ผิดอะไรพารัมแค่ยังควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เท่านั้น” เธราพูดขึ้นมา ตอนนี้เธราองค์วิรัลโชบุชุน และสหัสกำลังปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกับพารัมดี
“ที่พารัมแสดงร่างที่แท้จริงออกมาข้าคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับการผลัดเปลี่ยนการครองบัลลังก์ของพาณา เพราะนี่ก็ใกล้ครบร้อยปีเต็มทีแล้ว” สหัสเอ่ยออกมา “หากนางเป็นยักษ์จริง ห้องแค่นั้นขังนางไม่ได้หรอกท่านเธรา” สหัสเอ่ยอย่างกังวล
“ใช่สิพวกอมนุษย์จะมีการผลัดเปลี่ยนการขึ้นครองเมืองทุกร้อยปี ตอนนี้เผ่าพันธุ์ที่ครองบัลลังก์อยู่คือสิงห์ราสินะ” วิรัลเอ่ยก่อนมองมาที่สหัส “ข้าไม่รู้อะไรมากนัก แต่เท่าที่เห็นถ้ามันเกี่ยวกับการผลัดเปลี่ยนผู้ครองบัลลังก์จริงๆล่ะก็ พารัมเองก็น่าจะสำคัญกับการนี้ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นพวกยักษ์คงไม่ซ่อนนางไว้ในร่างของหญิงสาวชาวมนุษย์มาจนนางอายุขนาดนี้...เอ๊ะนี่พารัมอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ” วิรัลถามเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“น่าจะใกล้สิบแปดปีเต็มทีแล้ว” เธราบอก
“สิบแปดปีงั้นรึ” วิรัลเอ่ยทวนออกมาอย่างไม่แน่ใจก่อนหันไปมองสหัสอย่างจะขอคำตอบ
“ผู้ที่จะเข้าชิงบัลลังก์พาณาจะต้องแข็งแกร่งเป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์และต้องอายุ สิบแปดปีเต็ม” สหัสเอ่ยช้าๆ หาเรียกความตึงเครียดได้ทันที
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ร่างของท่านเจเนสที่พ้นประตูออกไปนั้นส่งผลให้พารัมทิ้งตัวพิงฝาผนังอย่างหมดแรง เธอฝืนพูดคุยกับท่านเจเนสอยู่เป็นพักเพื่อยืนยันว่าเธอนั้นสบายดี และเข้าใจที่ถูกขังอยู่แบบนี้ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องนี่ก็เข้าวันที่สามแล้ว พี่เธราท่านเจเนสหรือแม้กระทั้งโชบุกับชุนก็แวะเวียนมาพูดคุยกับเธอ หากคนที่เธอต้องการเจอที่สุดกลับไม่เคยปรากฏตัวมาให้เห็นสหัสไม่เคยมาหาเธอแม้แต่ครั้งเดียว แม้พารัมจะรู้ว่าสหัสไม่เคยมีใจให้ สิงห์ราที่แสนซื่อสัตย์นั้นไม่เคยใส่ใจเธอทุกสิ่งทุกอย่างของสหัสคือท่านเธรานายของตน แต่ในใจลึกๆพารัมก็คาดหวังว่าสหัสจะเห็นความในใจของตนบ้าง
ร่างบอบบางยันตัวลุกขึ้นนั่งทันทีที่รู้สึกว่ามีคนเดินมาที่หน้าห้อง นี่คืออีกอย่างที่พารัมรู้สึกได้ว่าตัวเองเปลี่ยนไป ประสาทสัมผัสของเธอมันเร็วขึ้นจนบางทีพารัมก็ยังไม่ชินนัก
“พารัม” เสียงหวานๆของเนลเอ่ยขึ้น ก่อนเดินมานั่งใกล้ๆ “เจ็บไหม” มือเรียวของเนลแตะลงที่ข้อมือของพารัมที่มีโซ่เส้นหนาพันเอาไว้
พารัมส่ายหน้าก่อนจะซบหัวลงไปที่ไหล่ของเพื่อนสนิทอย่างเหนื่อยล้า “เจ้ารู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” พารัมเอ่ยถาม เรื่องของเธอนั้นถูกปิดเป็นความลับ แต่ตัวพารัมก็รู้ดีว่าในวังหลวงน่ะไม่มีอะไรที่เป็นความลับได้จริงๆหรอก ข่าวลือแพร่ไวกว่าลมพัด เรื่องไหนที่ต้องการเก็บซ่อนไว้เรื่องนั้นย่อมรู้กันทั่วถึง
“เขาว่ากันว่าเจ้าเป็นบ้า” เนลบอก “ทำลายตำหนักท้ายบึงเสียเละเทะไปหมด ไหนจะอาละวาดจนท่านสหัสบาดเจ็บอีก พวกนางกำนัลคนอื่นบอกว่าเจ้าสติแตกเพราะท่านสหัสไม่รับรัก” เนลบอกก่อนหันไปมองพารัมที่ขยับตัวนั่งแล้วมองมายังตน
“นังพวกนี้มันน่าจับกินให้หมด” พารัมพูดออกมาก่อนจะชะงัก เธอตกใจตัวเองไม่น้อยที่หลุดคำนี้ออกมา จับกินเหรอคนปกติที่ไหนจะอยากจับคนอื่นกิน
“แล้วเจ้าเป็นอะไรกันแน่พารัม ข้าเป็นห่วงทำไมถึงต้องล่ามเจ้าด้วยโซ่ตรวนราวนักโทษแบบนี้ แถมยังมีทหารยามเฝ้าหน้าห้องอีก นี่กว่าข้าจะขอท่านเจเนสให้เข้ามาหาเจ้าได้ไม่ง่ายเลยนะ” เนลเอ่ยด้วยความเป็นห่วงเธอจึงไม่ได้สังเกตุเห็นท่าทางชะงักของพารัม
“ข้า...” พารัมยังไม่ทันได้ตอบ ชุนก็เข้ามาในห้องเสียก่อน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พารัมถูกพาออกมาที่ตำหนักหยาดหมอกขององค์วิรัล โดยที่ยังถูกพันธนาการด้วยโซ่เส้นเขื่อง ที่สวนดอกไม้ขนาดใหญ่พารัมเห็นว่าตอนนี้มีทั้งโชบุองค์วิรัล พี่เธราและคนที่เธอเฝ้ามองมาตลอดสหัส พารัมนั่งลงง่ายๆแม้จะไม่เข้าใจอะไรนัก ที่ทุกคนมีท่าทีเคร่งเครียด
“พารัม ข้าให้คนไปรับพ่อกับแม่ของเจ้าที่บันกุ แต่ว่าทันทีที่ไปถึงก็...” เธราที่เป็นคนเอ่ยขึ้นก่อนกลับเงียบไปอย่างกังวล
พารัมไม่ได้ถามหากหัวใจกลับเริ่มเต้นเร็ว เกิดอะไรขึ้นที่บันกุแล้วพ่อกับแม่เธอล่ะ สหัสเดินเข้าไปใกล้พารัมทันทีมือหนาจับที่โซ่ที่ล่ามข้อมือของพารัมไว้แน่นราวกลัวว่าพารัมจะไปทำร้ายใคร พอๆกับชุนที่เดินเข้ามาใกล้
“คืนนี้อายุเจ้าจะครบสิบแปดปีใช่ไหม” ชุนถาม
“เกิดอะไรขึ้นที่บันกุ” พารัมถามเสียงอ่อนใบหน้ามีแววกังวล โดยที่ไม่ยอมตอบคำถามของชุน
เธราเดินมาใกล้แต่ก็ต้องหยุดเมื่อสหัสยกมือห้าม ของบางอย่างจึงถูกส่งต่อจากเธรามายังสหัสก่อนที่จะส่งต่อมายังพารัม สร้อยเส้นเล็กๆที่พารัมเห็นว่าแม่สวมมาตลอดมันเป็นแค่สร้อยธรรมดาที่มีจี้เป็นหินก้อนเล็กๆสีออกแดงเท่านั้น
“สร้อยของแม่” พารัมพูดออกมาเสียงเบาๆนั้นสั่นสะท้าน “ก...เกิดอะไรขึ้น”
“แม่ของเจ้าฝากมาให้เจ้า นางบอกว่ามันจะปกป้องเจ้าเมื่อถึงเวลา” เธราบอก เขาส่งทหารไปรับพ่อกับแม่ของพารัมแต่สิ่งที่ได้รับรู้คือเมื่อกองทหารไปถึง หมู่บ้านบันกุนั้นก็ไม่เหลือใครแล้ว บ้านทุกหลังเหลือเพียงตอตะโก เมื่อเข้าไปสำรวจก็พบว่าพ่อของพารัมนนั้นถูกฆ่าตายพร้อมกับชาวบ้านบางส่วน และแม่ของพารัมก็บาดเจ็บสาหัสนางพยายามบอกว่าให้นำสร้อยเส้นนี้มาให้พารัม และสิ้นใจก่อนที่จะได้รับการรักษา สิ่งที่รับรู้มาทำเอาเธราทำใจบอกกับเด็กสาวที่ดูสับสนตรงหน้าไม่ลงจริงๆ
“แล้วแม่กับพ่อข้าล่ะ” พารัมถามมือเรียวหยิบเอาสร้อยขึ้นมาดู พาลนึกไปถึงใบหน้าของมารดาของตนที่เคยสวมสร้อยเส้นนี้อยู่เป็นประจำ
“พารัม พวกเราไปไม่ทัน พ่อกับแม่ของเจ้า ตายแล้ว” เป็นวิรัลที่เอ่ยออกมาแทนเมื่อเห็นว่าเธราทำใจยากที่จะบอกเรื่องนี้กับพารัม
ชุนหยิบเอาสร้อยจากมือของพารัมก่อนสวมมันลงบนคอของหญิงสาว ดวงตาสีดำเหลือบมองสหัสเมือพารัมก้มหน้าลงสะอื้นเบาๆ ร่างบอบบางทรุดลงไปที่พื้นเสียงสะอื้นที่ดูเหมือนจะเริ่มดังขึ้น วิรัลให้สัณญาณทันทีเมื่อลมเริ่มพัดแรงขึ้นตามอารมณ์ของพารัม ทหารเข้ามาประจำการกับตาข่ายขนาดใหญ่ถูกเตรียมพร้อม
สายลมที่พัดเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สหัสกับชุนเข้าไปจับแขนทั้งสองข้างของพารัมก่อนดึงเอาร่างของหญิงสาวให้ออกไปยังกลางสวนดอกไม้
“ปล่อยข้า” พารัมตะโกนน้ำตาอาบใบหน้า “ข้าจะไปหาพ่อกับแม่ ปล่อยนะ” พารัมสะบัดจนหลุดแต่สหัสก็คว้าเอาเอวบางไว้แน่น
ลมที่พัดแรงเริ่มกลายเป็นพายุลูกเล็กๆรอบตัวพารัม ความแรงของลมนั้นบาดลงไปที่ผิวจนชุนและสหัสที่จับตัวพารัมอยู่นั้นได้แผล และเมื่อลมแรงขึ้นเรื่อยๆสุดท้ายสหัสกับชุนก็กระเด็นออกมาจากพารัมร่างบอบบางถูกดูดกลืนเข้าไปในพายุนั้น เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นค่อยๆแปรเปลี่ยนไปเป็นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
“อ๊ากกกกกกกกก” เสียงของพารัมที่เล็ดรอดออกมาจากสายลมที่ล้อมรอบตัวเองนั้นฟังดูน่าขนลุก แต่เหมือนคราวนี้พายุนั้นจะจงใจหมุนอยู่เพียงแค่รอบตัวพารัม สิ่งของรอบๆนั้นไม่ได้ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย
“มันจะเกิดอะไรขึ้น” เธราถามออกมาอย่างกังวล
“ถ้าพารัมเป็นยักษ์จริงๆ ข้าคิดว่าคราวนี้เราคงได้เห็น ร่างยักษ์ที่แท้จริงแล้วล่ะ” ชุนเอ่ยออกมาร่างกายมีบาดแผลประปราย แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจเท่าไหร่เมื่อสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่พารัม ร่างกายของชุนเริ่มเป็นสีแดงตามธาตุที่กำเนิด ยักษ์นั้นก่อกำเนิดตามธาตุทั้งสี่ ชุนนั้นแม้จะเป็นเพียงแค่ลูกครึ่งยักษ์แต่เขาก็ก่อเกิดจากธาตุเตโช ส่วนร่างที่กำลังร้องอย่างทรมานอยู่นั้นคงก่อกำเนิดจากวาโยเป็นแน่
สหัสยืนนิ่งมองภาพตรงหน้าก่อนตัดสินใจกลายร่างเป็นสิงห์ราเต็มตัว กรงเล็บคมกางออกราวเตรียมพร้อม
“สหัสอย่าทำร้ายพารัมนะ” เธราเอ่ยเตือนเขาที่เป็นนายแห่งสิงห์รับรู้ความรู้สึกของสิงห์ราของตนได้เสมอ และคราวนี้ความคิดของสหัสน่ากลัวไม่น้อย”
“พวกยักษ์ไว้ใจไม่ได้” สหัสเอ่ยออกมาเสียงคำรามในลำคอดูน่ากลัวร่างของสิงห์ราที่โตเต็มวัยนั้นดูน่าเกรงขาม ขนสีเงินนั้นเงางาม หากพลิ้วไหวตามแรงลมดูสวยงามและเด็ดเดี่ยว
“ข้าไม่เห็นว่าชุนจะเคยหักหลังใคร” เป็นโชบุที่เอ่ยออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจ
สหัสไม่ฟังคำพูดของใครแม้แต่เธราที่เป็นนายแห่งตน สำหรับเขาพวกยักษ์นั้นไม่น่าไว้ใจ อมนุษย์ที่กลืนกินได้ทุกสรรพสิ่ง อารมณ์รุนแรงที่สามารถทำลายเมืองได้ในพริบตา หากไม่อันตรายพวกเขาคงไม่มีพิธี ล่ายักษ์กันหรอก
“สหัส นี่คือคำสั่งอย่าทำร้ายพารัมนะ” เธราเอ่ยเสียงหนักแน่น ความรู้สึกของสหัสที่เขารับรู้ได้น่าขนลุกไม่น้อย ตั้งแต่ทำพิธีเป็นนายแห่งสิงห์มาสหัสไม่เคยมีท่าทางแบบนี้มาก่อนเลย
เสียงฟึดฟัดของสหัสยิ่งทำให้บรรยากาศตึงเครียดมากกว่าเดิม แต่แล้วภาพตรงหน้าก็เรียกความสนใจของทุกคนได้ทันทีเมื่อร่างที่ปรากฏชัดขึ้นท่ามกลางลมพายุนั้น ค่อยๆใหญ่โตขึ้นความสูงของมันเป็นสามเท่าของมนุษย์ธรรมดา ใบหน้าประดับด้วยเขี้ยว และหน้าผากที่มีเขาแทงออกมานั้นดูน่ากลัว ดวงตาที่โตนั้นข้างหนึ่งสีดำส่วนอีกข้างกลับมีสีแดงราวถ่านร้อนๆ
สหัสพุ่งตัวออกไปทันทีพอๆกับโชบุที่เข้าไปโดยไม่ลังเล ทหารที่เตรียมพร้อมอยู่เข้าประจำที่ ตาข่ายเหล็กขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงออกไป หากตาข่ายเหล็กกลับถูกลมแรงพัดออกไปทันทีเพียงแค่เจ้าของดวงตาสองสีเหลือบมอง
สหัสตรงเข้าไปต้านพารัมในร่างยักษ์ไม่ให้เข้ามาใกล้ที่คนอื่นยืนอยู่ ชุนที่ตามมาเข้าไปช่วยอีกแรง ร่างของสิงห์รานั้นสูงเพียงอกของยักษ์ตรงหน้า หากสหัสก็ไม่ได้เกรงกลัวเขาออกแรงดันพารัมในร่างยักษ์บ้าเลือดนั้นอย่างสุดแรง
“ว๊ากกก” ร่างใหญ่โตคำรามดังก้อง มือหนาทุบลงไปที่หลังของสิงห์ราที่เข้ามาขวางอย่างแรง ชุนที่เข้ามาช่วยถูกสะบัดกระเด็นไปไกล แต่ก่อนที่จะมีคนเจ็บไปมากกว่านี้ เสียงคำรามของสายฟ้าก็ดังขึ้นพร้อมกับโซ่สายฟ้าที่ฟาดลงมายังร่างใหญ่โตนั้นเขาอย่างจังแสงสีฟ้ารัดร่างของพารัมจนล้มลง
ชายผู้เป็นเจ้าของโซ่สายฟ้าปรากฏตัวขึ้น ราซีนในชุดชาวบ้านมาถึงทันเวลาพอดี มือหนาสะบัดโซ่ให้แน่นขึ้นอีกครั้ง ร่างใหญ่โตของยักษ์จึงค่อยๆเล็กลงจนมีขนาดเท่ามนุษย์ปกติ หากอาการเกรี้ยวกราดยังคงมีอยู่
“ท่านราซีน” เธราเอ่ยออกมานึกโล่งใจทีราซีนมาทันเวลา เพราะถ้าไม่มีโซ่สายฟ้าก็ไม่รู้ว่าสหัสกับชุนจะต้านอยู่ถึงเมื่อไหร่ โซ่สายฟ้าอาวุธที่สามารถจับอมนุษย์ได้ทุกชนิดอย่างน้อยตอนนี้ก็ต้องอาศัยให้ช่วยจับพารัมไว้ก่อนชั่วคราว เธราคิดอย่างกังวล
“ทำไมเหมือนไม่มีสติแบบนี้ล่ะ” โชบุเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าพารัมที่ร่างกายกลับมาขนาดเท่ามนุษย์แล้ว หากยังมีอาการโกรธเกรี้ยว
“คงยังเสียใจเรื่องพ่อแม่ เรื่องบันกุไหนจะกังวลเรื่องตัวเองที่อยู่ดีๆก็กลายเป็นอมนุษย์ อารมณ์ของยักษ์มักยากจะควบคุม ตอนนี้เราคงต้องขังไว้ก่อน” ชุนเอ่ยออกมา
“เกิดจากธาตุวาโย แต่มีดวงตาของเตโชเท่าที่รู้ยักษ์ผู้ครองทั้งสองธาตุ ตนสุดท้ายคือราชาของพาณาผู้ทำพันธะสัญญาแห่งเผ่าพันธุ์ทำให้อมนุษย์เลิกออกล่ามนุษย์เป็นอาหาร เขาว่าเก่งกล้าจนสามารถทำให้เผ่าพันธุ์ยักษ์ครองดินแดนอมนุษย์อยู่เกือบพันปีเชียว” ราซีนเอ่ยออกมาก่อนมองไปยังพารัมที่ยังคงขัดขืนการถูกจับพร้อมคำรามเสียงดัง
“มันก็แค่นิทาน” สหัสย้อนขึ้นมาอย่างไม่พอใจถึงแม้ว่าเขาเองก็รู้ถึงตำนานนี้ดี
“หึ กลัวว่าหากนิทานเป็นเรื่องจริง สิงห์ราแบบเจ้าจะกลายเป็นตัวร้ายแทนที่ยักษ์อย่างนั้นรึท่านสหัส แม่ทัพหนุ่มแห่งพาณา” ราซีนอย่างติดตลก
“อะไรนะ แม่ทัพแห่งพาณา สหัสน่ะรึ” องค์วิรัลเอ่ยถามแม้เขาจะพอรู้ว่าสหัสน่าจะเป็นสิงห์ราชั้นสูงก็เถอะ
“จริงหรือสหัส” เธราเอ่ยถาม
“อะไรกันพระสนม คำพูดข้ามันเชื่อถือไม่ได้ขนาดนั้นเลยรึ” ราซีนเอ่ยก่อนหัวเราะพลางยักไหล่ “เอาเถอะไม่เชื่อข้าก็ตามใจ ถามเหล่าสิงห์ราที่ยกฝูงมารับแม่ทัพของตนแล้วกัน”
“หายความว่ายังไงราซีน เจ้าพาใครมา” สหัสเอ่ยถาม
“ท่าน สหัสแม่ทัพแห่งพาณา ข้ามารับท่านกลับเมืองอมนุษย์” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับการปรากฏของร่างบอบบางผมสีเทาที่มวยไว้หลวมๆกลางศีรษะรับกับใบหน้าเรียวเล็ก ปากสีอ่อนอิ่มได้รูปช่างเหมาะกับดวงตากลมโตที่สวยจับตา
“คาร์มา!!!!”