ห า กั น จ น เ จ อ
ตอนพิเศษ รณณ์ แฟนกู
สักพักใหญ่แล้วที่ชื่อของคุณดีนกลายเป็นความเคยชินบนแถบค้นหาในสมาร์ตโฟนของตัวเอง รณณ์ไม่ชอบกดโทร.จากประวัติการโทร.เข้าออกสักเท่าไหร่เพราะมันรวมทั้งเบอร์และแอคเคาน์ไลน์จึงทำให้เผลอกดผิดกดถูกอยู่บ่อยครั้ง
เด็กหนุ่มรอสายอยู่นานจนเกือบจะกดวางอยู่รอมร่อแต่อีกฝ่ายชิงกดรับเสียก่อน
[อยู่ไหนแล้วครับ] น้ำเสียงคุณดีนยังทุ้มนุ่มเสมอแม้จะเจือเสียงหืดหอบเล็กน้อย คงเพราะรีบมารับสายเขา
“บีทีเอสครับ” ว่าที่บัณฑิตนิเทศศาสตร์เพิ่งออกจากตึกบริษัทผลิตสื่อโทรทัศน์แห่งหนึ่งหลังเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์งานและได้รับการตอบรับหลังจากรอนานถึงสองชั่วโมง “คุณดีนว่ายน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ” คบกันมาพักใหญ่เพิ่งรู้ว่าคุณดีนชอบออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละสามครั้งเลยทีเดียว ต่างจากเขาที่ทิ้งห่างการออกกำลังกายมานานพอสมควร
“อื้ม อาบน้ำเสร็จพอดี” พอรู้แบบนั้นก็เหมือนจะได้ยินเสียงสวบสาบดังเข้ามาพอดี คนทางนี้รู้สึกขัดเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเผลอจินตนาการว่าปลายสายกำลังทำอะไรอยู่
“คุณดีนไปแต่งตัวก่อนเถอะ เจอกันที่ร้านอาหารเลยแล้วกันนะครับ จะได้ไม่ต้องขับรถวกไปมา เดี๋ยวจะสาย”
คุณดีนรับคำแล้ววางสายไป วันนี้พวกเขามีนัดสำคัญ นัดที่ยาวตั้งแต่ห้าโมงเย็นไปจนถึงกี่โมงยามรณณ์ก็ไม่แน่ใจ คุณดีนไม่ได้บอกอะไรมากนัก เด็กหนุ่มกลับหอพักเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ วันนี้เหนื่อยล้ามาทั้งวันแล้ว ถ้าต้องไปต่อด้วยชุดเดิมนี้อีกคงรู้สึกไม่สบายตัวแน่
แปลกใจเล็กน้อยที่คุณดีนนัดมาทานอาหารเย็นกันที่ร้านอาหารไทย มิหนำซ้ำช่วงนี้ยังเข้าร้านอาหารประเภทนี้ถี่เสียจนเขาลืมไปแล้วว่าอีกฝ่ายไม่โปรดมันสักเท่าไหร่ ครั้นนึกถึงเหตุผลที่เคยได้รับ ใบหน้าหล่อใสก็เห่อร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น
‘ฝึกไว้ไปเอาใจพ่อตาแม่ยาย’
เด็กหนุ่มสลัดหัวไล่ความคิดออกราวกับรำคาญทั้งที่ใบหน้าใสยังเปื้อนยิ้มไม่จางในตอนที่ย่างกรายเข้าเรือนไม้ทรงไทยซึ่งเป็นร้านอาหารที่คุณดีนบอกว่านัดกับพี่ผิงไว้
ไม่ต้องเสียเวลามองหาให้นาน ร่างสูงใหญ่ไทป์ลูกเสี้ยวโดดเด่นในสายตาจนสองเท้าก้าวตรงไปหาได้ทันที
ดีนยิ้มรับ มองคนอ่อนวัยกว่าที่มีสีหน้าอิดโรยจนอดห่วงไม่ได้
“นั่งนี่สิ” ดีนหมายถึงเก้าอี้ด้านขวามือฝั่งเดียวกับตนเอง
“เหนื่อยมากเหรอ หื้ม” ดีนเกลี่ยปอยผมที่ปกหน้าลงมาของอีกฝ่ายอย่างเบามือ แม้จะอยู่ในที่สาธารณะแบบนี้แต่รณณ์ก็ไม่ได้ปฏิเสธสัมผัสนั้นแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกหายเหนื่อยราวกับปลิดทิ้งเลยด้วยซ้ำ
รณณ์ยิ้มบางส่ายหน้าน้อย ๆ ให้คนรัก “เพราะอากาศร้อนมากกว่า”
“สัมภาษณ์งานเป็นไงบ้าง” ดีนเลื่อนแก้วน้ำหวานที่สั่งรอไว้แล้วไปตรงหน้าคนรัก
“ได้แล้วครับ”
“ได้ของอะไร” ที่ถามเพราะรู้ว่าวันนี้รณณ์ไปสัมภาษณ์ถึงสองที่ ช่วงเช้ากับช่วงสาย
เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายหนืดลงคออย่างยากลำบาก ไหนจะการหลบสายตาแสร้งทำเป็นดื่มน้ำราวกับกระหายเสียเต็มประดานั่นอีก ทั้งหมดนั้นทำให้ดีนเข้าใจได้ในทันทีว่าเจ้าตัวได้งานที่บริษัทไหน
บริษัท AA
ไม่อยากจะบอกหรอกว่าเขาอธิษฐานอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าไม่ให้บริษัทนั้นรับคนรักของเขาเข้าทำงาน จริงอยู่ที่บริษัทนั้นขึ้นชื่อเรื่องรายการโทรทัศน์ดัง ๆ มากมายในยุคนี้ และรณณ์จะมีโอกาสก้าวหน้าในสายงานสูง แต่ที่ไม่อยากให้ไปทำเพราะที่นั่นมีใครคนหนึ่งอยู่ด้วย...ใครคนที่เขาเคยกันออกจากรณณ์เพียงเพราะอีกฝ่ายแสดงท่าทีเอ็นดูคนของเขาเป็นพิเศษ
“บริษัท AA?” ดีนทวนซ้ำ ยังคงหวังจะได้ยินคำแก้ต่างเพื่อยืนยันว่าตนเข้าใจผิดไปเอง
“ครับ”
สิ้นคำตอบรับ ใบหน้าคมคายก็ตึงเครียดขึ้นมาทันทีจนคนมองใจหาย
“ผมคงไม่เจอเขาหรอกครับ”
“แทบจะเหมาเป็นพิธีกรทุกรายการขนาดนั้น ไม่มีทางที่จะไม่เจอเขาแน่”
รณณ์ก้มหน้าเม้มปาก คิดหาเหตุผลดี ๆ สักข้อมาบอกอีกฝ่ายให้สบายใจแต่คิดเท่าไหร่ก็จนปัญญาเสียจริง
ดีนเหลือบมองท่าทางคนรักแล้วก็ถอนหายใจหนักอย่างอ่อนใจ “นี่ผมกำลังงี่เง่าเหรอ”
“ไม่เลยครับ” รณณ์แย้งขึ้นทันควันพร้อมกับส่ายหน้าจนผมที่ไม่ได้เซ็ตมาปลิวไสว
“แต่ผมไม่อยากให้คุณไปทำงานที่นั่นเลยนะ” ถึงไม่อยากจะรู้สึก แต่ดีนก็ยอมรับว่าตนกำลังมีความคิดงี่เง่าแบบเด็กเอาแต่ใจ
“คุณภพไม่ได้จีบผมหรอกครับ”
“เขาเอ็นดูคุณขนาดนั้น” ...อีกไม่นานคงแสดงออกว่าชอบคุณ
“ถ้าเขาเข้ามาจีบจริง ๆ ผมจะรีบบอกเขาเลยว่ามีแฟนแล้ว”
“...” คุณดีนนั่งนิ่ง ใบหน้าหล่อเรียบตึงไม่เปลี่ยนแปลง
“จะบอกด้วยว่าแฟนหวงมาก”
“...” พูดเอาใจขนาดนี้แต่มุมปากนั่นก็ยังไม่ขยับยิ้มสักนิด
“จะบอกเขาอีกด้วยว่าผมรักแฟนมากครับ”
...ขยับแล้ว
“อย่าอยู่ใกล้เขา” ดีนหันมองคนช่างเอาใจ กำชับเสียงเข้ม
“ถ้าต้องทำงานร่วมกันละครับ”
“รีบบอกประโยคสุดท้ายนั่นไปเลย”
“ครับ?”
“บอกไปก่อนเลยว่าคุณรักแฟนมาก เข้าใจไหมเบ๊บ”
รณณ์ยังไม่ทันตอบรับ หญิงสาวที่นัดกันไว้ก็เดินเข้ามาถึงโต๊ะเสียก่อน
“อะไรกัน ฉันมาสายนิดเดียว นายต้องทำหน้าตึงขนาดนี้เลยเหรอ” หญิงสาวเอ่ยถามก่อนรับไหว้จากเด็กหนุ่มข้างกายดีน
“ไม่ใช่หรอกครับ” รณณ์ยิ้มรับหน้าแทนก่อนกระซิบบอกดีนว่าให้ทำหน้าสดใสกว่านี้หน่อยแล้วตนจะทำตามที่อีกฝ่ายขอ
“แล้วทำไมหน้าตึงคะบอกอ”
“หึงเด็ก” ดีนตอบหน้านิ่ง
“ห๊ะ!” ทั้งเพื่อนทั้ง ‘เด็ก’ ร้องด้วยความตกใจออกมาพร้อมกันก่อนที่ฝ่ายเด็กจะหน้าแดงซ่าน หยอดกันสองต่อสองยังอาย นับประสาอะไรกับการถูกหยอดต่อหน้าคนอื่นแบบนี้
“แหม เข้าใจแล้วสินะว่าหึงเป็นยังไง”
“พูดเยอะ สั่งอาหารสิ”
ผิงย่นหน้าใส่ยอมเปิดเมนูอาหารแต่ไม่ยอมทิ้งประเด็นเดิม “แล้วนี่ปรับความเข้าใจกันรึยัง”
“ผมง้อแล้วครับ” ถึงจะอายอยู่บ้างแต่ก็ยอมพูดออกไปด้วยหวังว่าจะได้คนร่วมทีมมาช่วยพูดให้คุณดีนเข้าใจ
“อย่างี่เง่าหน่าดีน นายแก่แล้วนะ หลุดจากนี้ได้บวชยาวแน่ คงไม่เจอใครแล้ว” ดีนมองเพื่อนสาวคนสนิทด้วยสายตาขุ่นเคือง สิ่งหนึ่งที่ดีนกลัวคือการกลายเป็นคนในแบบที่ตัวเองไม่ชอบ ซึ่งผิงรู้ดีถึงได้จงใจพูดคำนั้นออกมา
‘งี่เง่า’
“ไม่งี่เง่าหรอกครับ ผมว่าน่ารักดี”
“นี่ก็ให้ท้ายกันตลอด” หญิงสาวลากเสียงยาวอย่างนึกหมั่นไส้
“ไม่ได้ให้ท้ายนะครับ ไม่ได้พูดเอาใจด้วย คุณดีนมีสิทธิจะรู้สึกแบบนั้น แต่เพราะยังยอมคุยกันด้วยเหตุผล ผมเลยคิดว่าไม่งี่เง่า แต่น่ารัก”
“โอ้ยจ้า แสนดีขนาดนี้เพื่อนฉันจะไปไหนรอดล่ะ...แล้วนึกไงชวนมาทานอาหารไทย เดี๋ยวนี้ทานได้แล้วเหรอ” หลังจากแซ็วเพื่อนตัวเองแล้วผิงก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาที่สงสัยมาตั้งแต่ทราบสถานที่นัดหมายแล้ว กอปรกับหมั่นไส้ความรักของทั้งคู่จนอยากจะพาตัวเองออกจากประเด็นนั้น
“ฝึกไว้ จะไปเอาใจพ่อตาแม่ยาย” ดีนตอบหน้านิ่งแต่สายตาที่เหลือบมองคนรักข้างกายนั้นผิงรับรู้ได้ว่ามันเปลี่ยนไปจากดีนที่เธอเคยรู้จัก
“เยอะเหมือนกันนะนายเนี่ย”
ดีนร้องหึ
ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟดีนได้แนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง “เบ๊บ พี่ผิงเป็นเพื่อนสนิทของผมสมัยเรียนมหา’ลัย คุณน่าจะรู้จักอยู่แล้ว”
“ส่วนผิง นี่รณณ์ แฟนฉัน”
“ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะจ๊ะ แฟนดีน” การพูดเน้นเสียงตรงสถานะไม่ทำให้รณณ์เขินได้เท่ากับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของผิง ต่างจากดีนที่ยังปั้นหน้านิ่งไม่สะทกสะท้านไปตามท่าทางที่จงใจล้อของเพื่อนสาว
“แล้วนี่จะพาน้องไปเจอพวกนั้นเมื่อไหร่” รณณ์อาจจะงงเล็กน้อยว่า ‘พวกนั้น’ คือใครกันบ้าง แต่เดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทอีกกลุ่มของคุณดีน
“คืนนี้”
รณณ์หันมองหน้าคนที่บอกว่า ‘คืนนี้’ โดยที่ไม่บอกให้ทราบล่วงหน้าเลยสักนิด
ผิงมองแล้วนึกเอ็นดู มุมปากแต้มยิ้มซุกซน นึกสนุกขึ้นมาพิลึก
“ที่ไหน”
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ กว่าที่ฉันจะลบเธอจากใจ
กว่าที่ความทรงจำดี ๆ มันจะเลือนหาย กว่าจะได้รักใคร อีกครั้งดีนนิ่วหน้า รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงเพลงดังกระหึ่มในบรรยากาศแสงสลัว มือหนาขว้าเอามือเรียวเล็กกว่าของคนที่เดินตามหลังมากุมไว้อัตโนมัติเพื่อพากันฝ่าฝูงชนเข้าไปหาโต๊ะกลมตัวใหญ่ที่แทบจะอยู่ตรงกลางร้าน
ดีนไม่เข้าใจว่าเพื่อนอยากให้นักร้องวงโปรดของตัวเองเป็นพยานรักให้เขากับรณณ์ด้วยหรืออย่างไรถึงได้นัดมาในสถานที่แบบนี้และวันนี้!
หนุ่มลูกเสี้ยวบอกคนรักไว้เมื่อหลายวันก่อนแค่ว่าจะชวนมานั่งฟังเพลงแต่ไม่ได้บอกว่าจะพามาเจอเพื่อน ๆ ตนที่นี่ ส่วนหนึ่งเพราะคิดว่าอยากจะนัดเจอกันนอกรอบอีกสักครั้ง เพราะมาที่แบบนี้คงไม่ได้คุยอะไรกันสักเท่าไหร่นัก แต่ที่ต้องมาเพราะธันวาบอกว่าตนสะดวกแค่วันนี้เท่านั้นและอยากดูการแสดงสดของวงโปรดด้วย
“มาแล้วเว้ย มาแล้ว ๆ” คู่แฝดนรกประสานเสียงกันทันทีเมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่พวกตนรอคอยเดินเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับใครคนหนึ่งในตอนที่เพลงโปรดของใครหลายคนจบลงพอดี
ดีนกวาดตามองรอบโต๊ะแล้วยิ้มอย่างพอใจเพราะทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่เว้นแม้แต่ตัวแถมอย่างแรมที่มาร่วมวงบ่อยจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเขาไปแล้ว และดีนเองก็หวังจะให้รณณ์เข้ากับเพื่อนเขาได้ทุกคนเช่นเดียวกับแรม
“อ้าว ไม่ใช่คนที่มึงมองในงานเลี้ยงคืนนั้นนี่หว่า” ทีมเปิดประเด็นขึ้นมายิ้ม ๆ ดีนไม่รู้ว่ารณณ์กำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ เขารู้แค่ว่าเพื่อนต้องการเล่นงานเขาแน่ ๆ และวันนี้เขาคงต้องเตรียมรับมือให้ดีเสียแล้ว
“ก็คนนี้แหละ
มองอยู่คนเดียว”
รณณ์อยากขอบคุณแสงในผับที่ไม่สว่างพอจะประจานสีหน้าตนเองแก่สายตาเพื่อนคุณดีนได้
ไม่เคยจะชินเสียที
โดนจีบแบบนี้ อย่างไรก็ไม่ชิน
“นี่รณณ์ แฟนกู”
คนถูกแนะนำในสถานะแฟนกระพุ่มไหว้ทั่วทั้งโต๊ะท่ามกลางเสียงโห่แซ็วของทุกคน
“เต็มปากเต็มคำเลยนะ แฟนกูเนี่ย” ทีมแซ็วขึ้นมาก่อนใครเพื่อน ส่วนธันวากับแรมยังนั่งนิ่งประเมินท่าทีเพื่อนคนสนิท
“นั่นดิ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันที่มันได้พูดคำนี้ นี่กูหูฝาดไปรึเปล่าวะนะโม”
“แซ็วไปเพื่อนมึงก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก มีแต่จะทำให้เด็กมันอาย” แรมพูดขึ้นเรียบ ๆ วันนี้แพทย์หนุ่มทั้งสามพร้อมใจกันนั่งติดกันโดยมีธันวานั่งตรงกลางก่อนที่ตำแหน่งจะเปลี่ยนเมื่อเก่งย้ายก้นออกไปนั่งใกล้คู่แฝดซึ่งติดกับแรมอีกทีหนึ่งทำให้เหลือสองที่นั่งใกล้ธันวาพอดี
ธันวาตบเก้าอี้ปุ ๆ เชื้อเชิญให้ดีนนั่งลงข้างตนทำให้รณณ์ต้องนั่งถัดไปซึ่งติดกับทีมที่กำลังชงเครื่องดื่มสำหรับพวกเขาอยู่
“สามคนนี้เป็นหมอ คนนั้นพี่เก่ง คนนี้พี่ธันว์ ส่วนข้าง ๆ นั่นพี่แรมเป็นแฟนพี่ธันว์” ดีนแนะนำเสียงดังแข่งกับเสียงเพลงที่เริ่มบรรเลงขึ้นใหม่อีกครั้งหลังจากที่หยุดพูดคุยกับลูกค้าในร้านได้ครู่หนึ่ง
เด็กหนุ่มยกมือไหว้ทักทายรายคนไล่เรียงกัน “สวัสดีครับพี่หมอเก่ง พี่หมอแรม พี่หมอธันว์”
“เห้ย! ไม่ดิ ๆ” ธันวาโบกมือไปมา “เรียกว่าพี่ก็พอ พี่เก่ง พี่แรม แล้วก็พี่ธันว์ หรือจะเรียกธันวาเหมือนไอ้ดีนมันก็ได้ครับ”
รณณ์ยิ้มรับด้วยความยินดี
“ส่วนคู่แฝดนี่พี่โอมกับพี่นะโม”
“อ่า…” รณณ์มีท่าทีประหม่าเล็กน้อย พยายามจดจำและแยกแยะใบหน้าที่คล้ายกันมากออกจากกัน ด้วยกลัวว่าเรียกผิดแล้วจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีเอาได้
“เรียกรวมกันเลยก็ได้ครับ พวกพี่ไม่ถือ” โอมบอกก่อนที่แฝดน้องจะสำทับ “ใช่ ๆ โดนมาทั้งชีวิตละ”
“ส่วนนั่นพี่ทีม นั่งห่าง ๆ มันไว้นะ มันยื่นแก้วให้ก็ไม่ต้องรับมาดื่ม...ไว้ใจไม่ได้” วลีท้ายดีนก้มลงไปพูดข้างหูน้องให้ได้ยินกันแค่สองคน
“เห้ย ๆ นั่นนินทากูหรือหอมแก้มน้องวะ” ทีมโวยวายไม่จริงจังนักขณะยื่นแก้วมาให้ดีนและรณณ์ตามลำดับ “แทนคำทักทายครับ”
สินน้ำใจแทนคำทักทายของทีมโดนใครอีกคนรับตัดหน้าคนอ่อนวัยสุดไปเสียก่อน ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่เอาหน่าไอ้ตี๋ น้องมันก็ผู้ชายนะเว้ย”
ดีนไม่ฟังคำแย้ง เขายกแก้วที่แย่งมาได้ยกขึ้นเตรียมจะชิมแต่เจ้าของแก้วที่แท้จริงคว้าเอาไว้ก่อน ดีนส่ายหน้าให้เจ้าของนัยน์ตาใสที่มองมา เขาเข้าใจว่ารณณ์คงไม่อยากให้เพื่อนเขาคิดว่าตัวเองถูกโอ๋เกินไป “อาม่าบอกว่าไงคุณดีนจำไม่ได้เหรอครับ”
‘อย่าหยามเกียรติกันและกัน...พึงระลึกว่าน้องก็เป็นผู้ชาย’คำเตือนที่ไม่ได้หมายความแค่การห้ามใช้กำลังข่มเหง แต่หมายถึงการให้เกียรติในความเป็นเพศชายของอีกฝ่ายด้วย เพศชายที่ไม่ได้อ่อนแอและจำเป็นต้องทะนุถนอมมากเกินพอดีแต่ให้ดูแลกันและกันพอประมาณ
“กูไม่ชงเข้มหรอกหน่า” ทีมพูดขึ้นขัดท่าทีลังเลของเพื่อน ดีนเหลือบตามอง ถึงแม้จะยังไม่ไว้ใจแต่ก็ยอมปล่อยแก้วให้คนรักรับไป
“ผมไม่ดื่มจนเมาหรอกครับ” รณณ์บอกให้ดีนสบายใจ คนฟังยิ้มรับน้อย ๆ ก่อนมองเพื่อนที่ชงเหล้าให้ด้วยสายตาคาดโทษ
“เป็นไงน้องรณณ์ พี่ชงอร่อยไหม”
“อร่อยครับ ไม่เข้มไป”
“น้องชอบสูตรไหนล่ะ พี่จะได้ชงให้ถูก”
“ปกติผมผสมโค้กกับโซดาครับ โค้กเยอะกว่าหน่อย”
“ได้ แก้วต่อไปพี่จะชงให้สุดฝีมือเลยครับ”
“พี่ไม่ต้องพูดเพราะกับผมขนาดนั้นก็ได้ครับ ถือซะว่าผมเป็นรุ่นน้องคนหนึ่ง”
ดีนปิดซ่อนรอยยิ้มหลังปากแก้วเมื่อเห็นว่ารณณ์ดูเข้าได้ดีกับทีมไปแล้วหนึ่งคน อาจเพราะว่าทั้งคู่นั่งติดกันไม่ต้องตะเบ็งเสียงแข่งกับดนตรีที่ดังกระหึ่ม คนทั้งคู่ถึงได้พูดคุยกันอย่างลื่นไหล
“จะยิ้มก็ยิ้มออกมาตรง ๆ ไม่เห็นต้องปกปิด” ธันวาที่ขยับเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ชะโงกหน้าเข้ามาพูดใกล้ ๆ ดีนหันไปเห็นหน้าเพื่อนสนิทแล้วก็นึกมันเขี้ยว ยกแขนล็อกคอคนตัวเล็กกว่าเข้าหาจนก้นอีกฝ่ายแทบหลุดจากที่นั่ง
สองหนุ่มแกล้งกันอย่างสนุกสนานจนเพื่อนร่วมโต๊ะหันมามองกันเป็นตาเดียว ต่างจากแรมที่มองไม่ละสายตาไปไหนอยู่ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นสองหนุ่มเพื่อนซี๊ก็ยังไม่รู้สึกตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาของใครอยู่บ้าง
“สองคนนี้มันเล่นกันแบบนี้ตลอดแหละ อย่าคิดมากเลย” ทีมกระซิบบอกรณณ์
“ผมก็แค่แปลกใจครับ ไม่เคยเห็นคุณดีนเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน”
...เล่นถึงเนื้อถึงตัว....
...ยิ้มแย้มเต็มทั้งปากไปถึงตา…
...มีความสุข…
ใช่...คุณดีนดูมีความสุขเวลาอยู่กับพี่ธันวา
“กับไอ้ธันว์น่ะพิเศษ อยู่กับธันว์แล้วมันมีความสุข กับพวกพี่นี่ไม่มีแบบนี้หรอกนะ แทบจะแดกหัวเลยด้วยซ้ำ” โอมชะโงกหน้าเข้ามาพูดเสริม ยิ่งได้เห็นเด็กหนุ่มมองไปที่เพื่อนฝรั่งหน้าตี๋เหมือนนิ่งค้างไปแล้ว มุมปากคู่แฝดกับเพื่อนอีกสองคนก็พร้อมใจกันยกขึ้นอย่างนึกสนุกแต่พอเหลือบไปเห็นตาเขียวปั๊ดของแรม ความสนุกที่มีก็ลดฮวบลงเฉียบพลันจนตัวหงอตัวเล็กด้วยความเกรงใจ เว้นก็แต่ทีม
คนต้นคิดแผนการแสร้งชงเหล้าไม่สนใจ ถ้าดีนไม่กลัวแรม ทีมก็ค่อนข้างมีภูมิคุ้มกันกับแรมพอสมควร ส่วนหนึ่งเพราะไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย กิตติศัพท์ความหึงหวงที่ได้ยินมาก็ล้วนมาจากปากเพื่อนฝูงทั้งนั้น ถึงครั้งนี้จะเจอกับตัวแต่ก็ไม่ได้ทำให้นึกกลัวขึ้นมา เพราะตราบใดที่อีกฝ่ายยังเก็บกดมันไว้ได้ เขาก็ยังลอยหน้าลอยตายิ้มแย้มไปกับสถานการณ์ตรงหน้าได้เช่นกัน
ไม่ใช่ว่าแรมจะพอใจที่คนรักตัวเองเล่นถึงเนื้อถึงตัวกับเพื่อนสนิท โดยเฉพาะเป็นดีนโจทย์เก่าด้วยแล้ว แต่เพราะห้ามไม่ได้ต่างหาก ธันวาขอไว้หนึ่งวัน แรมจึงได้แต่หมายมั่นว่าหมดวันนี้เมื่อไหร่คงต้องคิดบัญชีครั้งใหญ่เสียแล้ว
ขณะที่แรมแสร้งทำเป็นไม่สนใจแต่รณณ์กลับไม่อาจละความสนใจไปจากคู่เพื่อนซี๊ได้เลย คนอ่อนวัยที่สุดในโต๊ะยังจ้องมองคุณดีนเล่นกับเพื่อนไม่วางตา รับรู้ว่าตอนนี้ตนไม่ได้รู้สึกหึง แต่ก็บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกับภาพตรงหน้ากันแน่
...รู้แค่ไม่อยากให้ ‘เล่น’ กัน
ถึงแม้จะเล่นกับพี่ธันว์ที่มีแฟนมานั่งเฝ้าข้าง ๆ ด้วยก็เถอะ
“ขอชนแก้วด้วยได้ไหมคะ” ไม่ใช่แค่เพราะเสียงที่ทำให้รณณ์ละสายตาจากคนรัก แต่เพราะแรงสะกิดจากทางด้านหลังด้วย รณณ์หันไปหาก็พบสาวสวยที่น่าจะอ่อนกว่าเขาเล็กน้อยในชุดแซครัดรูปสีแดงสดที่พยายามแทรกกลางระหว่างเขากับทีม
“ไม่สะดวก ขอโทษด้วยครับ”
ไม่ใช่คำปฏิเสธจากรณณ์ น้ำเสียงกระด้างและถ้อยคำไม่รักษาน้ำใจที่ทำเอาหญิงสาวหน้าเสียดังมาจากใครอีกคนที่รณณ์คิดว่าคงลืมไปเสียแล้วว่าว่าพาเขามาด้วย
กลุ่มเพื่อนของดีนหันมองหน้ากันอย่างนึกสนุกรวมถึงธันวาที่ถูกปล่อยเป็นอิสระอย่างรวดเร็วตั้งแต่ที่ดีนเห็นว่ามีคนเข้าหาคนรัก
ไม่ทันสนใจว่าหญิงสาวเดินจากไปตอนไหน เพราะทันทีที่ได้ยินเสียดีนแทรกขึ้นมารณณ์ก็หันกลับไปมองเจ้าของคำพูดตาโต เขาอาจจะไม่คาดคิดว่าคุณดีนที่แสนสุภาพจะพูดแบบนั้น แต่ไม่ใช่สำหรับเพื่อนฝูง พวกเขารู้ดีเพราะดีนมักปฏิเสธสาว ๆ ที่เข้ามาทำลายบรรยากาศของตนแบบนี้เสมอ คำพูดที่แรงกว่านี้ก็เคยพูดมาแล้วด้วยซ้ำ
“ผมไม่ควรพูดแบบนั้นเหรอ” ดีนไม่ได้ตะเบ็งเสียงถามทั้งที่ดนตรีดังออกขนาดนั้น เขาใช้น้ำเสียงเหมือนที่คุยกันปกติ แต่คนที่ยังนั่งจ้องเขาตาโตก็ได้ยินชัด
รณณ์ส่ายหน้าจนผมที่ปรกหน้าผากลงมาปัดป่ายเสียทรง “ผมตกใจเพราะไม่คิดว่าคุณจะยังสนใจกันอยู่ต่างหาก”
ดีนคลี่ยิ้ม ยื่นมือเข้าไปช่วยเกลี่ยเส้นผมให้เข้าที่เข้าทาง “สนใจสิ ถ้ามีคุณอยู่ใกล้ ๆ ผมต้องสนใจคุณอยู่แล้ว”
รณณ์เม้มปาก คิดไตร่ตรองว่าควรพูดออกไปดีหรือไม่ “ผมเห็นคุณเล่นอยู่กับพี่ธันว์ ไม่คิดว่าจะเห็นตอนเธอเข้ามาด้วย”
ดีนยิ้มบางอย่างปลอบปะโลม “ถ้าเราอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ เคยมีครั้งไหนที่ผมเลิกสนใจคุณด้วยเหรอเบ๊บ หื้ม”
...ไม่เคย
คราวนี้รณณ์เม้มปากแน่นไม่กล้ายิ้มออกมาตรง ๆ ทั้งที่แก้มจะปริแตกอยู่รอมร่อ กลัวคุณดีนจะจับได้ว่าตนแอบน้อยใจที่อีกฝ่ายละเลยตน
อ่า...เขานึกออกแล้ว เขาแค่น้อยใจที่เห็นคุณดีนสนใจแต่พี่ธันว์...แค่น้อยใจไม่ใช่หึงจริง ๆ ด้วย
นั่งดื่มกันไปได้พักใหญ่พี่หมอร่างโปร่งบางก็เอนซบคนของเขาเสียจนรณณ์ต้องขมวดคิ้วมุ่น คุณดีนที่เคยเอาแต่จ้องมองบนเวทีก้มมองศีรษะกลมที่พิงไหล่หนาอยู่ นัยน์ตาคมเหมือนจะเหลือบมองแฟนเพื่อนสนิทแวบหนึ่ง แต่คงเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังคุยอยู่กับพี่เก่ง คุณดีนจึงปล่อยให้พี่ธันว์พิงตนต่อไป มิหนำซ้ำยังใจดีโอบไหล่อีกฝ่ายไว้ไม่ให้ไหลตกเก้าอี้อีกด้วย
ไม่รู้ว่ารับรู้ได้ถึงสายตาของคนรักที่มองมาหรือเป็นเพราะว่าอยากมองอยู่แล้วหนุ่มลูกเสี้ยวถึงได้เงยหน้ากลับมามองดวงหน้าใส นัยน์ตาคมคล้ายจะบอกเป็นความนัยให้อีกฝ่ายเชื่อใจตนเอง เด็กหนุ่มเกือบจะสิ่งยิ้มบางกลับไปหากไม่มีคนข้างกายจากอีกฝั่งกระซิบถามขึ้นมาเสียก่อน
“หึงมันบ้างรึเปล่า”
“ครับ?” รณณ์หันไปมองทีม
“เพื่อนพี่น่ะ นายเคยหึงมันกับใครบ้างไหม”
รณณ์หันกลับมามองคนรักที่ยังมีใครอีกคนอิงซบอยู่ “ไม่เคยครับ...” เขาเชื่อว่าดีนไม่มีทางได้ยินในสิ่งที่ทีมพูด แต่คงอ่านปากเขาได้ไม่ยากเพราะนั่งมองหน้ากันอยู่ “...คุณดีนไม่เคยทำอะไรให้ต้องหึง” ...แต่อาจจะมีหวงบ้าง
“แล้วตอนนี้ล่ะ”
ทีมมองเด็กหนุ่มกับเพื่อนตัวเองที่นั่งเล่นเกมจ้องตากันอยู่ นานทีเดียวกว่ารณณ์จะตอบออกมาเสียงแผ่ว ทว่าก็ยังชัดเจนสำหรับคนที่นั่งใกล้อย่างเขา...และคนที่นั่งจ้องกันอยู่ด้วย
“หึงครับ”“พี่แรม” ดีนเอ่ยเรียกคนรักของเพื่อนด้วยเสียงที่ไม่ดังนักแต่เจ้าของชื่อที่รออยู่ก่อนแล้วรีบหันมาหาทันที “เอาแฟนพี่ออกไป”
แรมรีบดึงร่างคนรักของตนกลับสู่อ้อมอกทันที “นึกว่าจะไม่คืน” ดีนจุดยิ้มมุมปาก ถ้าเขาไม่คืนจริงมีหรือที่แรมจะยอม
คืนคนรักคนอื่นกลับไปหาเจ้าของแล้วดีนก็หันกลับมาหาคนรักของตัวเองบ้าง รณณ์ยังคงมองหน้าเขาอยู่ ใบหน้าใสดูสับสนคล้ายไม่รู้ว่าจะแสดงออกอย่างไร แต่สิ่งที่ดีนไม่รู้คือรณณ์กำลังสับสนกับความรู้สึกจริง ๆ เขาไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรหลังจากที่ดีนยอมคือธันวาให้แรมไป เขาไม่ควรจะใจแคบที่เห็นดีนอิงซบกับเพื่อนสนิท แต่ลึก ๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตนพอใจแค่ไหนที่ดีนทำแบบเมื่อครู่หลังจากที่เขาออกปากไปว่า ‘หึง’
“อยากออกไปคุยกันหน่อยไหม” ดีนยื่นมือไปกุมมือคนรักที่วางอยู่บนหน้าขาเจ้าตัว ตอนนี้ศิลปินวงโปรดของธันวาลงจากเวทีไปแล้ว แต่ทำนองเพลงรีมิกซ์ที่ผับเปิดต่อจากนั้นดังกระหึ่มจนดีนไม่สามารถคุยอะไรได้สะดวก รณณ์นิ่งคิดในเสี้ยวนาทีก่อนพยักหน้ารับ ดีนหันไปบอกเพื่อนว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ทุกคนพยักหน้ารับทราบ ทว่าลับหลังคู่รักที่เพิ่งเปิดตัวพวกเขากลับรีบชนแก้วฉลองที่ทำให้สองคนนั้นเจอ ‘ปัญหา’ ได้สำเร็จ...ไม่เว้นแม้แต่คนเมาอย่างธันวา
ที่พวกเขาทำใช่ว่าจะอยากกลั่นแกล้งเพื่อนสนิท แต่เพราะว่าเป็นห่วง ดีนไม่เคยมีความรัก สิ่งที่ต้องพบเจอในความสัมพันธ์มีอะไรบ้างดีนก็อาจจะไม่รู้ อย่างน้อยก็ไม่เคยเผชิญหรือได้สัมผัสมันจริง ๆ พวกเขาไม่ได้หวังจะให้สองคนนั้นทะเลาะกันใหญ่โต หวังแค่ว่าความหึงหวงหรือไม่พอใจที่เด็กหนุ่มแสดงออกมาจะทำให้เพื่อนของเขาได้รู้จักคนรักของตัวเองมากขึ้น
“สับสนอะไรอีกหื้ม เด็กดี” ลานโล่งตรงทางเชื่อมระหว่างห้องน้ำกับลานจอดรถคือแหล่งปลอดคนมากพอที่ดีนเลือก “รู้สึกยังไงก็แสดงออกมาตรง ๆ สิ ผมทำอะไรแล้วคุณไม่พอใจขอแค่คุณบอกมา เราคุยกันได้ทุกเรื่องนี่”
“ขอโทษครับ ผมแค่ไม่อยากงี่เง่า”
ดีนยิ้มเอ็นดู “ไม่เอาหน่าเบ๊บ เมื่อกลางวันผมก็เพิ่งงี่เง่าใส่คุณนะ” ดีนพูดยิ้ม ๆ ไม่อยากให้รณณ์มองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่
“แต่ความรู้สึกของผมมันหยุมหยิมเหมือนพวกผู้หญิง ผมไม่ชอบ และ...”
“กลัวว่าผมจะไม่ชอบด้วยน่ะเหรอ”
รณณ์พยักหน้างึกงัก “รณณ์...” ตั้งแต่ที่คุณดีนใช้คำว่า ‘เบ๊บ’ เรียกเขา รณณ์ก็แทบจะนับครั้งได้ที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาออกมาแบบนี้ มันให้ความรู้สึกทั้งจริงจังและซื่อตรงอย่างบอกไม่ถูก “...ผมไม่ได้ชอบที่คุณนิสัยเหมือนผู้ชายหรือผู้หญิง ผมชอบที่คุณเป็นคุณ อย่ากลัวที่จะเป็นตัวเอง”
“...”
“รู้สึกยังไงก็แสดงออกมา ความรู้สึกบางอย่างคุณอาจจะจัดการได้ แต่ถ้าบางอย่างที่คุณจัดการไม่ได้ก็อย่าปล่อยให้มันรบกวนจิตใจและสะสมอยู่อย่างนั้นเพื่อรอวันระเบิด...เราตกลงกันแล้วนี่ว่าจะคุยกันด้วยเหตุผล อะไรชอบ อะไรไม่ชอบ”
“...”
“ในหนึ่งวันเราเจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ ผมไม่ถือหรอกถ้าคุณจะหึงจะหวงบ้างแบบนี้ ไม่น่ารำคาญเลยสักนิด ชุ่มชื้นหัวใจดีจะตาย แต่ผมไม่อยากให้เราใช้เวลาด้วยกันไปพร้อมกับความอึดอัดหรือไม่สบายใจ” คุณดีนยังคงยิ้ม ไร้สีหน้ากังวลใด ๆ จนรณณ์เริ่มเบาใจ
“แต่ผมไม่ควรหึงคุณกับเพื่อน”
“เด็กดี...” ดีนยื่นมือไปลูบผมนิ่มของอีกฝ่ายที่เริ่มปลิวตามสายลมอ่อน ๆ “ธันวาเป็นเพื่อนสนิทที่ผมรักมากที่สุด เราใกล้ชิดกันบ้างตามประสาคนที่รู้จักกันมานานเกินครึ่งชีวิต เราอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของกันและกันมานักต่อนัก มันกับผมเหมือนคนเดียวกันไปแล้ว ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมัน มันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผม ถ้าคุณไม่ชอบใจที่เราแนบชิดกันเกินไปผมก็พร้อมจะถอยห่างให้ เพราะยังไงคุณก็คงไม่ได้อยากให้ผมเลิกคบมันเป็นเพื่อนอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ”
รณณ์ส่ายหน้ารัวเร็วทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น ภาพความสนิทสนมของคนรักกับเพื่อนสนิทแค่ทำให้เขารู้สึกคันยุบยิบในใจเท่านั้น ไม่ได้ก่อตัวรุนแรงจนถึงขั้นที่อีกฝ่ายพูด “ไม่ครับไม่ ผมแค่หวงเล็ก ๆ เท่านั้นเอง”
คราวนี้คุณดีนตีหน้ายุ่ง “แค่หวงเล็ก ๆ เองเหรอ น่าน้อยใจจัง แฟนไม่หึงเลย”
“คุณดีนครับ!”
(มีต่อนะคะ)