พิมพ์หน้านี้ - ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ธัญญ์ ที่ 08-03-2017 19:55:42

หัวข้อ: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 08-03-2017 19:55:42
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

****************************************************************************************

หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 08-03-2017 20:11:47

ห า กั น จ น เ จ อ


…อาจมีสักครั้งที่เราสองคน
ผ่านทางที่วกวน อยู่ใกล้ ๆ กัน
ใบไม้เพียงใบหนึ่ง หล่นตอนที่เดินผ่าน
ฉันคงจะมองมัน เมื่อเธอเดินผ่านมา…


*************************



ห า กั น จ น เ จ อ


ตอนที่ #01







DEAN @DEANada . 1s
ในตอนที่คุณตอบตกลงแต่งงานกับใครสักคน คุณคิดยังไงถึงอยากฝากชีวิตที่เหลือไว้กับเขาคนนั้น // สำหรับผม ไม่รู้ดิ ผมไม่อิน




เจ้าของทวิตเตอร์แอคเคาท์ @DEANada เป็นชายหนุ่มลูกเสี้ยวไทยไต้หวันแคนาดาในวัยที่เพิ่งผ่านเบญจเพสมาหมาด ๆ ใบหน้าหล่อคมคายที่เป็นส่วนผสมมาอย่างลงตัวจากสามเชื้อชาติเคร่งเครียดกว่าครั้งไหน ๆ ที่คิดเรื่องพวกนี้

   
…ความรัก…

   
สมาร์ทโฟนที่เพิ่งจบการใช้งานในรูปแบบของการพูดคุยทางไกล ก็ถูกใช้ต่อด้วยแอพฯโซเชียลมีเดียสัญลักษณ์รูปนกสีฟ้าทันที นัยน์ตาสีน้ำตาลภายใต้กรอบตาชั้นเดียวทว่าไม่ได้ตี๋เหมือนลูกหลานคนจีนจ๋า แต่โตพอที่จะเผยนัยน์ตาดุให้คนมองหวั่นเกรงหลับลงช้า ๆ พร้อมกับแผ่นหลังที่ทิ้งลงพิงพนักเก้าอี้เต็มแรง

   
…พี่ชายของเขากำลังจะแต่งงาน…

   
เขารู้เรื่องนี้มาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว ช่วงนั้นเขาพบเจอแต่คู่สามีภรรยาแยกทางกัน คำถามที่เพิ่งทวีตไปเมื่อครู่ก็เคยผุดขึ้นมาในหัวแล้วครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นยังหาคำตอบไม่ได้ และเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากปลายสายเมื่อครู่ เขาก็ยิ่งค้นหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้อยู่ดี

   
…วันนี้แยกทางกัน ทำไมวันนั้นถึงตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน…

   
เขาเข้าใจความเป็น ‘คู่รัก’ แต่ไม่เข้าใจความเป็น ‘คู่ชีวิต’ คนเรามีความรักก็เป็นสิ่งที่สวยงาม รักกันชอบกันก็ต้องอยากใกล้ชิดกันเป็นธรรมดา แต่มันจุดไหนกันล่ะ ความรู้สึกแบบไหนกันที่มากถึงขั้นอยากฝากทั้งหมดชีวิตที่เหลืออยู่ไว้กับใครอีกคน เขาไม่ได้หมายถึงการหยุดที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่หมายถึงการยินยอมใช้ชีวิตร่วมกันของคนสองคน คิดอย่างไรก็ไม่มีคำตอบ เขาไม่เข้าใจความรู้สึกนั้น หรือจิตใจเขาจะแข็งกระด้างจริง ๆ อย่างที่คนเป็นแม่ว่าไว้


   
…เมื่อ 10 นาทีที่ผ่านมา…


   
[เตี่ยของลูกไปหาฤกษ์ให้คริสแล้วนะ]


‘แล้วเป็นไงครับมัม’ แม่ของเขาเป็นชาวแคนาดา ส่วนพ่อเป็นลูกครึ่งไทยไต้หวัน เวลาคุยกันกับแม่ ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาอังกฤษเพราะภาษาไทยของแม่ยังไม่แข็งแรงนัก แม้จะใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยจนลูกคนโตจะแต่งงานอยู่รอมร่อแล้วก็ตาม


[ชินแสบอกว่าแต่งกันไม่ได้ อยู่กันไปก็ไม่ยืดยาว คริสร้อนเป็นไฟลามป่า ส่วนดาวก็เป็นเหล็ก]


‘เดี๋ยวนะมัม อะไรคือไฟลามป่า อะไรคือเหล็ก ที่มัมพูดมานี่มัมเข้าใจเหรอ’


[ไม่เข้าใจ แต่ฟังที่เตี่ยพูดมา] ดีนก็ไม่ใช่คนที่รู้เรื่องความเชื่อตามแบบคนไทยหรือคนจีนมากนัก แต่ถ้าให้เดาจากบริบท เขาคิดว่าคงเป็นอารมณ์คล้าย ๆ ที่คนไทยว่า ขิงก็ราข่าก็แรง กระมัง


‘แล้วไงต่อครับมัม’


[คริสไปบอกดาว ดาวเขาก็โทร.มาร้องห่มร้องไห้กับมัม สะอึกสะอื้นน่าสงสาร]


‘อืม แล้วคริสว่าไงครับ’


[พี่ชายลูกก็แล้วแต่เตี่ย เขาบอกว่าไม่แต่งก็ได้ แต่ถ้าดาวจะฝืนแต่งก็จะแต่งให้]


…อะไรของมันวะ?...


เขาจำได้ว่าพี่ชายที่อายุห่างกันสองปีนั้นพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าอย่างไรก็จะแต่งกับผู้หญิงคนนี้ ยืนยันหนักแน่นว่าคบกันมาตั้งนานไม่ใช่คบกันเล่น ๆ เคยทะเลาะกับเขาเพราะเขาไม่เห็นด้วยเสียด้วยซ้ำ แต่พอเจอชินแสทักแบบนี้ ทำไมถึงปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาเสียได้


…เสียเวลาที่ทะเลาะกันฉิบหาย…


[แต่ดาวเขาร้องไห้หนักมาก มัมสงสาร คนรักกันมาตั้งหกปี จะไม่ได้แต่งงานกันแบบนี้ เจ็บปวดน่าดู]


‘ไม่รู้สิ ผมไม่อิน’


[อะไรกันลูกคนนี้ จิตใจแข็งกระด้างขึ้นทุกวัน]


‘อ้าว ทำไมมัมว่าผมแบบนี้ล่ะ จริง ๆ พวกเขาจะดื้อแต่งกันก็ได้ แต่ถ้าจะเชื่อชินแส ก็ไม่ต้องมาเสียดายเวลาหกปีนี้หรอก เธอก็ยังสาว ยังหาคนใหม่ได้ง่าย ๆ เรื่องอะไรจะเอาชีวิตไปเสี่ยง สี่ห้าปีข้างหน้าเกิดหย่ากันขึ้นมาจริง ๆ แล้วลูกจะทำยังไง ไม่กลายเป็นปัญหาตกที่เด็กเหรอมัม อีกอย่าง ตัดใจออกไปหาใหม่ตอนนี้ ดีกว่าเป็นม่ายตอนอายุยังน้อยนะครับ ยังไงผู้หญิงก็เสียหายมากกว่า’


[ที่ลูกพูดมันก็ถูก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำใจกันได้ง่าย ๆ นะ ดีนต้องเข้าใจเธอด้วย]


‘ไม่เข้าใจหรอกครับ ผมไม่เข้าใจเหตุผลของการร้องไห้ฟูมฟายเพื่อความรัก เธอคิดยังไงถึงอยากฝากชีวิตที่เหลือไว้ที่พี่ชายผม ผมไม่ได้หมายความว่าคริสไม่ดีนะ แต่แค่สงสัยว่าเธออยากอยู่กับคริสมากขนาดที่จะร้องห่มร้องไห้เสียดายคริสขนาดนั้นเลยเหรอถ้าท้ายที่สุดแล้วจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน’


[ไว้สักวันที่ลูกมีความรัก ลูกจะเข้าใจ]


‘เหอะ ไม่มีวันนั้นหรอกครับ’


[หาบ้างเถอะเราน่ะ อย่ามัวแต่ทำงาน จะแต่งกับงานรึไง เตี่ยกับมัมอยากเห็นหน้าสะใภ้เล็กแล้วนะ]


คุยเรื่องพี่ชายอยู่แท้ ๆ ทำไมถึงวกเข้าเรื่องเขาเสียได้ ‘ผมชอบอยู่คนเดียวมากกว่า สบายใจดี อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป’


[เสียดายของจริง ๆ อุตส่าห์คลอดออกมาหล่อขนาดนี้]


คนเป็นลูกหัวเราะในลำคออย่างไม่ใส่ใจ  ก่อนจะถามสิ่งที่คาใจมานาน ‘แล้วทำไมมัมถึงตัดสินใจใช้ชีวิตกับเตี่ยละครับ’


[ก็ไม่คิดอะไร คนรักกันชอบกัน ผู้ชายเขาขอแต่งงาน มัมก็แต่งสิ]


‘แค่นั้นเหรอครับ?’ ไม่มีความกระจ่างเลยสักนิด


[อีกอย่างนะ อากงของลูกเขาไปดูดวงมาแล้วว่าเตี่ยกับมัมจะอยู่กันได้ มัมกับเตี่ยของลูกถึงอยู่กันได้ยืดยาวอย่างนี้ไง]


ฟังถึงตรงนี้ดีนก็หัวเราะลั่นอย่างไม่ปิดบัง แม่ของเขาเป็นชาวตะวันตกแท้ ไม่คิดเลยว่าจะมีความเชื่ออะไรแบบนี้จนอดคิดไม่ได้ว่าแม่เขาถูกพ่อล้างสมองหรือเปล่า


‘แล้วถ้าดวงออกมาแย้งกันละครับ แต่งกันแล้วล่มจม ไปกันไม่รอด มัมจะทำยังไง’


[ไม่รู้สิ มัมไม่เคยคิดไว้]




บทสนทนาต่อจากนั้นอีกแค่การถามไถ่ทุกข์สุขอีกเล็กน้อยก่อนที่ดีนจะเป็นฝ่ายวางสายเสียก่อน เรื่องราวที่ได้ฟังจบลงไปแล้วแต่กลับทิ้งความคิดมากมายตกตะกอนอยู่ในหัว



ก็อก ก็อก ก็อก


เปลือกตาบางเปิดออกอย่างเหนื่อยล้า แม้จะยังไม่พร้อมรับแขกในตอนนี้ แต่เพราะงานที่กองพเนินหลังจากที่เขากลับมาจากต่างประเทศ ก็ทำให้ต้องเปิดห้องรับทุกคนที่มาหา


“บอกอคะ”


เจ้าของคำเรียกเป็นสาวสวยแต่งกายทะมัดทะแมงหัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษรของนิตยสารที่มีชื่อดิบ ๆ ว่า LIVE คำที่ถ้าไม่เคยได้ยินชื่อเรียกก็จะเรียกชื่อนิตยสารหัวนี้ผิด ๆ ถูก ๆ กันไป


“มาเอาของฝากเหรอ”


“น้อย ๆ หน่อยย่ะ ของน่ะฉันฝากซื้อนะ ไม่ใช่ให้นายซื้อมาฝาก ทำไมจะมาทวงไม่ได้ แต่ที่มาวันนี้เพราะจะมาแจ้งข่าวเท่านั้นแหละ เดี๋ยวบอกอจะตำหนิไอ้ผิงคนนี้เอาได้ว่ารับใครแปลกหน้าเข้ามาแล้วไม่บอก”


“เวิ่นเว้อเหมือนเดิมเลยนะเธอเนี่ย” ดีนส่ายหน้าระอาก่อนปล่อยท่าทีให้ผ่อนคลายมากขึ้น “เธอเป็นคนรับรึไง ถึงต้องมารายงาน”


“ท่านประธานรับสิคะ ดิฉันแค่คนดูแลเบื้องต้นค่ะ”

   
“ถ้าคริสรับ แสดงว่าเขารู้อยู่แล้ว ฉันจำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอ”

   
“นายเป็นบอกอนะยะ ใครเข้าใครออกรู้ ๆ ไว้บ้างเถอะ จะได้เรียกใช้งานถูก”

   
“เรียกใช้เธอคนเดียวก็พอแล้ว อเนกประสงค์ขนาดนี้ยังต้องไปพึ่งใครอีก”

   
“จ้าาาาาา” หญิงสาวลากเสียงยาวด้วยความหมั่นไส้ “ใช้สารพัดหน้าที่ ปลายปีต้องมีโบนัสพิเศษให้นะ”

   
ดีนหัวเราะ การคุยกับลูกน้องที่เป็นเพื่อนสนิทช่วยให้ชีวิตเขามีเรื่องบันเทิงกลบเรื่องที่กำลังรบกวนจิตใจได้บ้าง “แล้วตกลงรับใครเข้ามา”


“นักศึกษาฝึกงาน จะเจอหน่อยไหม จะได้เรียกเด็กมันมาหา”


“เหอะ ไม่ต้อง แค่เด็กฝึกงาน เขามาอยู่กับเธอเหรอ”


“เปล่า อยู่แผนกว่าที่พี่สะใภ้ของนายโน่น ฉันแค่รับมาดูแลช่วงวันแรก ๆ แต่เด็กมันเลือกฝึกแผนกนั้น” ดาว หญิงสาวที่เป็นประเด็นของบทสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อครู่ เธอเป็นหัวหน้าแผนกครีเอทคอลัมน์ เป็นหัวเรือใหญ่ในการดูแลทุกคอลัมน์ในนิตยสารที่มีเขาเป็นบรรณาธิการ


“จะได้เป็นรึเปล่าเหอะ”


“ห๊ะ! หมายความว่าไง”


เมื่อเห็นท่าว่าเรื่องชักจะยืดยาวกว่าที่ตนตั้งใจมาหา ร่างแบบบางจึงรีบนั่งลงฝั่งตรงข้ามก่อนเจ้าของห้องจะทันได้อนุญาต ซึ่งเจ้าของห้องก็ไม่ได้ขัดศรัทธา เพราะเรื่องของพี่ชายเขาและคนรัก รวมถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อคนทั้งคู่ก็เป็นที่ล่วงรู้ในกลุ่มเพื่อนสนิทกันอยู่แล้ว


ปกติดีนไม่ใช่คนที่ชอบป่าวประกาศเรื่องของตัวเองให้ใครรู้ แต่เมื่อถึงคราวที่เรื่องมันอัดอั้น การระบายจึงเป็นทางออกที่เขาเลือก


“แล้ว…พี่คริสเป็นไงบ้าง”


“มัมบอกว่าคริสแล้วแต่เตี่ย”


“ไม่เสียใจเลยเหรอ? เมื่อเช้าพี่ดาวซึมมากเลยนะ”


ดีนสนใจแค่ประโยคคำถาม ส่วนประโยคบอกเล่านั้นเขาเพียงแค่ฟังผ่าน ๆ  ไม่ได้เก็บมาใส่ใจนัก “ก็คงเสียใจแหละ คนนี้รักมากนี่”


“นั่นสินะ…” ผิงแสดงความเห็น น้ำเสียงเศร้าสร้อยที่เจ้าตัวเปล่งออกมาทำให้ดีนคิดว่าเพื่อนสาวคงเห็นใจพี่ชายเขาไม่น้อย ก็เจ้าหล่อนสนิทกับคริสน้อยกว่าสนิทกับเขาเสียที่ไหน “แต่ก็สงสารพี่ดาวเหมือนกันนะ ถ้าเป็นฉัน คงมาทำงานไม่ไหวแล้วอ่ะ”


“เธออ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ?”


“ด้านชา… อย่างนายไม่เรียกว่าเย็นชาละ นี่มันด้านชาชัด ๆ ออกจากห้องสี่เหลี่ยมนี่ไปหาแฟนสักคนเถอะ จิตใจจะได้อ่อนโยนลงบ้าง เผื่อจะเข้าใจความรักมากกว่านี้”


“จะหาทำไม ถ้ามันใช่ ก็จะเจอเองแหละ”


ผิงส่ายหน้า ก่อนจ้องมองเพื่อนชายที่สนิทด้วยมาตั้งแต่ในรั้วมหาวิทยาลัย หนุ่มหล่อดีกรีเดือนคณะโสดมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่ว่าจะเที่ยวเล่นรักสนุกไม่หยุดที่สาวคนไหน แต่หมอนี่ไม่เคยคบใครเลยต่างหาก ไม่แม้แต่จะแอบชอบ หัวใจไม่เคยถูกใช้งาน จนเธออดคิดไม่ได้ว่าเสียดายของชะมัด


“มองอะไร”


“ฉันคิดภาพนายมีแฟนไม่ออกเลยว่ะ”


หนุ่มลูกครึ่งสายเลือดผสมของสองฝั่งซีกโลกเหยียดมุมปาก ผิงไม่ใช่คนแรกที่พูดแบบนี้กับเขา เพื่อนทุกคนที่สนิทต่างก็เห็นตรงกัน อย่าว่าแต่เพื่อนจะไม่เห็นภาพเลย เขาเองก็มองไม่เห็นตัวเองเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะไม่ต้องการความรัก แค่ไม่คิดดิ้นรนหา เขาสนุกกับการใช้ชีวิตคนเดียวมากกว่า ไม่ชอบตามใจใคร และไม่ชอบให้ใครมาตามใจหรือวอแวใกล้ ๆ ด้วย อยากไปไหนก็ไป อยากอยู่ตรงนั้นตรงนี้นานแค่ไหนก็ได้ ไม่ต้องมาเกรงใจว่าอีกฝ่ายจะอยากอยู่ตรงนั้นกับเราไหม เพราะเขาเองก็ไม่ชอบเสียเวลาไปนั่งรอใครด้วย ดีนไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนโลกส่วนตัวสูง เขาแค่ชอบอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวตามลำพังมากกว่า เขาเคยคิดว่าถ้าวันหนึ่งมีแฟนอย่างคนอื่น ชีวิตเขาจะเป็นอย่างไร คนแบบไหนที่จะอยู่ข้างกันโดยที่เขาไม่รู้สึกอึดอัดและเรียกร้องอยากมีพื้นที่ส่วนตัวขึ้นมาอย่างทุกวันนี้

.

.

.

ช่วงเวลาหลังเลิกงาน บรรณาธิการหนุ่มมักจะใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือสักเล่มพร้อมจิบกาแฟร้อนสักแก้วที่ร้านกาแฟใกล้บริษัทก่อนกลับคอนโดเพื่อฆ่าเวลารอถนนโล่งกว่านี้อีกสักหน่อย


ปกติดีนจะเปลี่ยนชนิดของกาแฟไปเรื่อย แต่ช่วงหลังมานี่เขาเอาแต่ดื่มอเมริกาโน กาแฟดำร้อน ๆ ในแก้วกระดาษดีไซน์สวยถูกเสิร์ฟหลังจากที่คิดเงินแล้ว ชายหนุ่มมองหาที่นั่งแล้วก็พบตำแหน่งที่ตนพึงใจอยู่ไม่น้อย โต๊ะเดี่ยวตรงมุมซ้ายของร้านต้องเป็นที่ของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย จับจองได้แล้วก็ไม่รอช้าที่จะใส่หูฟังเพื่อฟังเพลย์ลิสต์โปรดของตัวเองแทนเพลงที่ทางร้านเปิดคลอเบา ๆ


กว่าสามร้อยเพลงโปรดประกอบด้วยเพลงหลากหลายแนวหลากหลายภาษา เขาเป็นคนชอบเสพดนตรี จะว่าสนใจทำนองมากกว่าเนื้อเพลงเห็นจะได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นเพลงช้าเศร้า ๆ เสียมากกว่า เขาไม่ชอบฟังเพลงรัก ก็ไม่อินนี่ จะฟังทำไม แสลงหู แม้ชีวิตไม่ได้อกหักรักคุดตุ๊ดเมินหรือดราม่าอะไรนัก แต่เพลงอกหักช้า ๆ เศร้า ๆ ก็ถูกจริตเขามากกว่า จะมีเพลงทำนองสนุก ๆ อยู่บ้างแค่บางเพลงที่เขาชอบดนตรีของมันเท่านั้น


หนังสือเล่มบางที่เพิ่งซื้อติดมือมาจากเมืองผู้ดีหลังจากตีตั๋วไปเที่ยวเพื่อหาแรงบันดาลใจถูกเปิดออกอีกครั้งของวัน ตั้งใจว่าอ่านจบก็คงได้เวลากลับบ้านพอดี


เวลาผ่านไปไวเกือบสองชั่วโมง ตัวหนังสือบรรทัดสุดท้ายจบลงพร้อมรอยยิ้มพอใจของคนอ่าน นัยน์ตากลมใต้กรอบเรียวรีละจากหนังสือในมือมองออกไปนอกหน้าต่าง นึกคิดถึงประเด็นหนึ่งเกี่ยวกับกาแฟที่ทำให้ช่วงหลังมานี้เมนูอเมริกาโนร้อนกลายเป็นเมนูประจำของเขาให้พนักงานชงที่ร้านจดจำได้เสียแล้ว ดีนไม่รอช้าที่จะถ่ายรูปแก้วกาแฟในมุมที่ตนชื่นชอบแล้วโพสลงพร้อมแคปชั่นที่เป็นความคิดก่อนหน้านี้ลงอินสตาแกรม


นั่งฆ่าเวลาอีกเล็กน้อยด้วยการไล่ดูรูปของคนอื่นในนั้น ก่อนยกนาฬิกาขึ้นดูเวลา เมื่อเห็นสมควรแก่การเดินทาง ร่างสูงจึงลุกขึ้นยืน มือข้างหนึ่งคว้าแก้วกาแฟที่ดื่มไปเพียงครึ่งถือกระชับเต็มมือก่อนออกเดินมุ่งไปทางประตู


‘wait for me to come home’


เนื้อเพลงท่อนสุดท้ายจบลงพร้อมท่วงทำนอง ก่อนจะเงียบหายเว้นช่วงรอเพลงต่อไปบรรเลงขึ้น


ณ ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีนั้นเองที่เสียงพูดหนึ่งดังเข้ามาในโสตประสาทและกลายเป็นจุดสนใจแรกนับตั้งแต่ที่เริ่มใส่หูฟัง


“เฮ้ย! ไอ้รณณ์ ทางนี้เว้ย!”


ดีนหันไปมองตามเสียงเรียก เห็นแวบหนึ่งว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่นนั่งตรงมุมขวาของร้านไม่ทันล่วงรู้ว่าใครคือเจ้าของชื่อนั้นก็ต้องรีบหันกลับมามองทาง เพราะเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาทำให้เขาต้องระวังว่าแก้วเครื่องดื่มในมือจะสร้างความเสียหายให้กับคนที่เดินสวนมา


ทำนองเพลงเข้ากันดี ของวง scrubb ดังขึ้นในจังหวะที่สองเท้าก้าวเดินหลีกทางให้ผู้ที่เดินสวนมา เห็นทางหางตาว่าเป็นเด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาห้อยป้ายชื่อที่แม้จะมองผ่าน ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเด็กฝึกงานในบริษัทของเขาเอง เสียดายที่ไม่เห็นหน้า ชายหนุ่มนึกมาดมั่นในใจตอนที่เดินสวนออกไปว่าเห็นทีเขาคงต้องเรียกเด็กพวกนี้มาสั่งสอนเรื่องการติดบัตรออกนอกสถานที่เสียแล้ว







TBC.
--------------------------------------------------------------
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 1 [08/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-03-2017 08:14:26
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 1 [08/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 10-03-2017 16:41:44
ถึงกับต้องเปิดเพลงเข้ากันดีฟังแล้วนึกภาพตามเลยอ่ะ
ฟังอินโทรวนไปค่ะ
ว่าแต่เมื่อไหร่ดีนจะหาคนๆนั้นเจอน้าาาา
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 1 [08/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 10-03-2017 21:52:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 1 [08/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D ที่ 10-03-2017 21:54:38
น่าสนใจๆ มาต่ออีกนะ.ดีนจะได้ใช่งานหัวใจกับใครกันนนน
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 2 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 11-03-2017 20:36:31
ห า กั น จ น เ จ อ


ตอนที่ #02






   
ในโลกของทวิตเตอร์มีประชากรอยู่หลายประเภท แบ่งออกได้เป็นสามกลุ่มใหญ่ ๆ คือหนึ่ง คนที่เล่นแบบไม่สนใจใคร มีไว้เพื่อตั้งไพรเวทแล้วบ่น บ่น บ่น และก็บ่น  สองคือกลุ่มที่มีความชื่นชอบในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีแอคเคาท์ไว้เพื่อตามข่าวและเซฟรูปภาพสิ่งที่ชื่นชอบอย่างบ้าคลั่ง โดยเฉพาะนักร้อง ดาราเกาหลี และกลุ่มสุดท้าย กลุ่มที่เป็นเซเลปทวิตเตอร์ ยอดคนฟอลโล่วสูง ๆ ยอดรีทวิตหลักพันขึ้นไป ส่วนคนที่กำลังเลื่อนนิ้วสไลด์หน้าโปรแกรมดังกล่าวอยู่อย่างเขา ก็ไม่รู้ว่าตนควรถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่หนึ่งหรือสองกันแน่ ช่วงแรกที่สมัครแอคเคาท์ไว้เมื่อห้าปีก่อนก็เพราะเอาไว้เป็นพื้นที่ระบาย  แต่เพราะไม่ใช่คนติดโซเชียล เลยไม่ค่อยได้เข้ามาเล่นสักเท่าไหร่ แต่แล้ววันหนึ่งก็พบว่าตัวเองกลายเป็นคนกลุ่มที่สอง ติดโซเชียลขึ้นมาเพราะคน ๆ เดียว เพียงแต่เขาคนนั้นไม่ใช่ศิลปินดารา ไม่ใช่ใครที่อยู่ในที่แจ้งมีแต่คนรู้จัก เขาคือคนกลุ่มหนึ่งที่กลายเป็นกลุ่มที่สามจากทวีตเพียงทวีตเดียว ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาและใครอีกหลายร้อยหลายพันคนตัดสินใจกดฟอลโล่วแล้วติดตามมาจนถึงทุกวันนี้

   
ทั้งที่หลังจากยอดฟอลโล่วแอคเคาท์นั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับยอดรีทวิตแล้วเจ้าของแอคถึงกับขึ้นไบโอเรียบ ๆ ว่า ‘อย่าฟอลเพียงเพราะทวีตเดียว’ แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเลขทั้งสองค่าก็ยังพุ่งทะยานอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอยู่ดี ทวีตเจ้าปัญหาที่คงสร้างความวุ่นวายให้เจ้าของไม่น้อยก็เป็นเพียงแค่การพูดถึงหนังเรื่องหนึ่งที่เจ้าของแอคไปดูแล้วทวีตขึ้นมาโดยไม่ติดแฮชแท็คหนังด้วยซ้ำ ทว่ามันคงถูกจริตคนส่วนใหญ่ การถูกส่งต่อถึงได้ไปเร็วและต่อเนื่องขนาดนั้น ยอดรีทวิตสูงเสียจนเพจหนึ่งในเฟสบุ๊คแคปทวีตดังกล่าวไปโพสซ้ำ และเจ้าตัวคงไปเห็นมันเข้า ตอนนี้ทวีตนั่นจึงไม่อยู่หน้าไทม์ไลน์อีกแล้ว



DEAN @DEANada . 3h
ในตอนที่คุณตอบตกลงแต่งงานกับใครสักคน คุณคิดยังไงถึงอยากฝากชีวิตที่เหลือไว้กับเขาคนนั้น // สำหรับผม ไม่รู้ดิ ผมไม่อิน


   
ชายหนุ่มมองทวีตเมื่อสามชั่วโมงที่แล้วของแอคเคาท์โปรด นานเกือบสามปีแล้วที่เขาติดตามแอคที่มีรูปดิสเพลย์เป็นตัวหนังสือยึกยือที่พอจะอ่านได้เป็นชื่อเดียวกับแอคเคาท์ว่า ‘DEAN’


ไม่บ่อยนักที่อีกฝ่ายจะโพสถ้อยความภาษาไทย คล้ายกับว่าหากครั้งไหนต้องการ less is more ก็จะโพสภาษาอังกฤษ แต่หากเน้นระบายอารมณ์ก็มักจะใช้ภาษาไทยซึ่งเว่นเว้อได้มากกว่า นาน ๆ ครั้งจะได้เห็นประโยคภาษาฝรั่งเศสซึ่งเเป็นสิ่งที่เขาอ่านไม่ออก และโปรแกรมแปลภาษาชื่อดังก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ด้วยเช่นกัน

   
และแม้ว่าหลายทวีตก่อนหน้านี้จะถูกจริตเขาไม่น้อย แต่ก็มีอีกหลายทวีตที่เขาไม่เข้าใจความคิดของอีกฝ่าย อยากจะกดรีทวิตทั้งที่ไม่เข้าใจ แต่เพราะอีกฝ่ายตั้งค่าความเป็นส่วนตัวไว้ ที่ทำได้ก็เพียงแค่กดเฟบเท่านั้น

   
ดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะกำลังมีเรื่องที่สงสัย เขาเองก็ไม่ได้เป็นผู้ช่ำชองด้านความรักเสียด้วย  ไม่อย่างนั้นคงจะเมนชั่นไปแสดงความคิดเห็นเหมือนอย่างที่ฟอลโลวเวอร์คนอื่น ๆ เขาทำกัน

   
เขาเป็นหนึ่งในหลาย ๆ คนที่ศรัทธาในความรัก ในชีวิตมีผู้คนมากมายแวะเวียนเข้ามาสร้างสัมพันธ์ด้วยอยู่ไม่น้อย บางคนเข้ามาแค่ประเดี๋ยวประด๋าว บางคนก็เกี้ยวพากันอยู่นาน แต่เขาก็ยังไม่เลื่อนขั้นไปถึงคนรัก จะว่าไป…คำถามของ ‘คุณDEAN’ เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

   
เขาไม่ได้ตั้งค่าให้มีการแจ้งเตือนทันทีทุกครั้งที่แอคเคาท์นั้นมีความเคลื่อนไหว แต่ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง เขามักจะเข้าไป ‘ส่อง’ อยู่เงียบ ๆ อืม…จะว่าไปก็ไม่เงียบเท่าไหร่ บางทวีตที่อีกฝ่ายรีไว้หน้าไทม์ไลน์ หากตนถูกใจก็จะกดรีทวิตต่อ ส่วนทวีตไหนที่เจ้าตัวโพสเอง ก็จะตามกดเฟบแทบทุกข้อความ ก็ไม่ได้ชอบอะไรมาก แค่รู้สึกเหมือนหลงสเน่ห์ตัวตนของคน ๆ หนึ่งผ่านตัวอักษรเสียแล้ว

   
…ทำตัวเหมือนเป็นติ่งเซเลปทวิตเตอร์…

   
เขาไม่ได้คาดหวังว่าการส่องอย่างโจ่งแจ้งของตนจะเป็นที่สะดุดตาหรือจุดสนใจของคุณคนนั้น เพราะในจำนวนฟอลโลวเวอร์มากมายคงทำให้การแจ้งเตือนเด้งที่หน้าจออีกฝ่ายเยอะจนไม่มีเวลามานั่งสนใจใครเป็นพิเศษเป็นแน่

   
นั่งไล่อ่านไปจนถึงที่อ่านค้างไว้เมื่อช่วงเช้าก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เพื่อนสนิทโทร.มาตาม วันนี้เขามีนัดกับกลุ่มเพื่อนหลังเลิกงาน ชีวิตนักศึกษาปีสุดท้ายกับการแยกย้ายกันฝึกงาน เป็นธรรมดาที่จะไม่ค่อยได้เจอะเจอหน้าตากัน วันนี้ที่เพื่อนฝูงอุตส่าห์แห่กันมาหาถึงที่ก็ทำเอาเขาอารมณ์ดีทั้งวัน

   
…คิดถึงเพื่อนฉิบหาย…

   
เขาไม่ใช่คนติดเพื่อนอะไรนัก แต่ห่างกันไปนาน ๆ ก็อดคิดถึงบรรยากาศตอนอยู่ด้วยกันไม่ได้ เสียงหัวเราะเคล้าคำด่าทอคือบทสนทนาที่ทำให้เขามีความสุข ร่างโปร่งบางที่มีสถานะเป็นเด็กฝึกงานบอกให้เพื่อนรอตนอีกครู่หนึ่ง รับปากเป็นมั่นเหมาะว่าไม่นานเกินห้านาทีตนจะไปนั่งอยู่ตรงนั้นแน่

   
ครืด

   
แรงสั่นของโทรศัพท์ที่นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกงบ่งบอกว่ามีการแจ้งเตือนของโปรแกรมบางอย่างที่ไม่มีอะไรด่วนจนต้องรีบหยิบขึ้นมาดูในตอนนี้ ชายหนุ่มละความสนใจจากมันมาเก็บข้าวของ บอกลาพี่ ๆ ในแผนกที่ตนฝึกงานอยู่แล้วรีบสาวเท้าไปยังจุดหมายโดยเร็วที่สุด
   
.
   
.
   
.

“เฮ้ย! ไอ้รณณ์ ทางนี้เว้ย!”


เจ้าของชื่อหันมองตามเสียงพบเพื่อนกลุ่มใหญ่ของตนนั่งกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาด้วยความดีใจ แม้สายตาจะจดจ่ออยู่ที่เพื่อน แต่ก็ไม่ลืมสังเกตรอบข้างว่าข้างหน้าตนมีชายคนหนึ่งถือแก้วกาแฟร้อนอยู่ในมือเดินสวนมา ทว่าใบหน้านั้นกลับไม่ได้มองทาง จึงเป็นหน้าที่เขาที่ต้องเป็นฝ่ายระมัดระวังเป็นพิเศษเสียเอง


“ไงมึง เพิ่งเลิกเหรอ ทำไมช้านักวะ” หนุ่มแว่นที่นิสัยไม่ได้เนิร์ดตามภาพลักษณ์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย ไอ้นี่มันไม่ชอบรอใครนาน ๆ สำหรับมันเรื่องเวลาเป็นสิ่งที่มันเข้มงวดที่สุด เพื่อนทุกคนรู้


“โทษทีว่ะ กูเป็นแค่เด็กฝึกงาน ถึงงานจะเสร็จแล้ว แต่กลับเร็วก็น่าเกลียดป่ะวะ”


“เออ จริงของมัน อย่าหงุดหงิดไอ้รณณ์สิวะเชี่ยเอก” รณณ์หันมองหน้าเพื่อนที่ช่วยไกล่เกลี่ยให้จนเอกยอมอ่อนลงแล้วบอกให้เขาไปสั่งเครื่องดื่มที่เคาเตอร์เสียที


“มัทฉะลาเต้ร้อนแก้วนึงครับ” คงเป็นเพราะว่ากลิ่นหอมของกาแฟร้อนของคนที่เดินสวนกันเมื่อครู่ยังติดจมูกอยู่ เครื่องดื่มโปรดถึงได้เป็นแบบร้อนตามไปด้วย


ยืนรอเครื่องดื่มด้วยการเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลา เปิดหน้าจอมาเห็นการแจ้งเตือนหนึ่งเดียวก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้มีแรงสั่นเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง แต่ที่ทำให้รนรานตาโตเพราะมันเป็นการแจ้งเตือนจากอินสตาแกรม แอคเคาท์ของคุณ DEAN !!


รณณ์รีบกดเข้าไปดู จริงอยู่ที่เขาไม่ได้ตั้งค่าแจ้งเตือนในทวิตเตอร์ แต่สำหรับอินสตาแกรมที่เขาตามมาจากการเชื่อมต่อไว้กับทวิตเตอร์อีกทีหนึ่งนั้น เขาได้ตั้งค่าให้มีการแจ้งเตือนทุกครั้งที่อีกฝ่ายมีการอัพเดท


รูปที่ปรากฎเป็นรูปกาแฟพร้อมแคปชั่นยาวเหยียด รณณ์ยังไม่สนใจอ่านข้อความในเวลานี้ เพราะแก้วกาแฟร้อนในรูปบอกชัดว่าอีกฝ่ายก็อยู่ที่นี่!


ชายหนุ่มหันรีหันขวางมองหาใครสักคนที่ตนไม่รู้จักหน้าค่าตา รู้แต่เพียงว่ากาแฟร้อนหนึ่งแก้วจะช่วยระบุตัวตนให้ได้ไม่มากก็น้อย


หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นราวกับแฟนคลับที่มาตามงานศิลปินคนโปรด แต่ดูเหมือนเขาจะแห้ว มองไปทางไหนก็เจอแต่เครื่องดื่มเย็นทั้งนั้น


“หาอะไรรึเปล่าครับ หรือว่ายังไม่มีที่นั่ง” พนักงานแคชเชียร์ถามขึ้นด้วยความห่วงใย รณณ์ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนตัดสินใจถามออกไปด้วยหวังว่าจะได้เบาะแสที่มากกว่าการกวาดสายตาหาแบบนี้


“เอ่อ…คนที่เขาสั่งกาแฟร้อน นั่งตรงไหนเหรอครับ”


สงสัยคำถามจะชวนงง ใบหน้าของพนักงานชายคนนั้นถึงได้ฉงนเสียจนต้องอธิบายเพิ่ม “เอ่อ…คนที่…” จะอธิบายอย่างไรดีละวะ เขาสั่งอะไรก็ยังไม่รู้เลย


“วันนี้มีคนสั่งกาแฟร้อนเยอะอยู่นะครับ คุณหมายถึงแบบไหนล่ะ หรือคนล่าสุด”


รณณ์เลิกคิ้ว ในตอนนั้นเองที่นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะอัพรูปเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง แต่ถึงอย่างนั้นก็วางใจไม่ได้ เพราะอาจจะถ่ายไว้นานแล้วแต่เพิ่งอัพก็เป็นได้ แต่เอาวะ แม้โอกาสที่คนล่าสุดเป็นคนเดียวกับคนที่เขาตามหาจะน้อยแค่ไหน แต่ก็ถือว่าไม่ได้มองข้ามโอกาสเดียวนี้ไป


“แล้วคนล่าสุด นั่งตรงไหนเหรอครับ”


“อืม…สักครู่นะครับ” พนักงานหนุ่มบอกกับเขาก่อนจะหันไปถามเพื่อน “คุณดีนนั่งไหนวะ”


…ดีน?...


…ใช่ ‘คุณ DEAN’ เดียวกับเขารึเปล่าวะ?…


จากที่ได้ยิน ถ้าพนักงานร้านนี้รู้จักชื่อและสนิทสนมกับอีกฝ่ายขนาดนั้น ก็หมายความว่าคุณดีนเป็นลูกค้าประจำของที่นี่แน่ ๆ


“คุณดีนเพิ่งออกไปเมื่อกี๊นี้เอง”


พนักงานหนุ่มหันมายิ้มแห้ง ก่อนบอกในสิ่งที่เขาก็ได้ยินอยู่แล้ว “ออกไปแล้วครับ”


“ครับ”


…ใจแฟบเลย…


แห้วจริงอย่างที่คิดไว้จนอดตำหนิตัวเองไม่ได้ที่ไม่ยอมหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูตั้งแต่ตอนที่ได้รับการแจ้งเตือน หากเห็นรูปตั้งแต่ตอนนั้น เขาจะรีบวิ่งมาให้ทันอีกฝ่ายเลย


แต่เมื่อคิดให้ดี หากว่าคนที่สั่งกาแฟร้อนคนล่าสุดคือเขาคนนั้นจริง ๆ และเพิ่งออกจากร้านไปด้วย นั่นก็เท่ากับว่าคนที่เดินสวนกันกับเขาเมื่อครู่คือ ‘คุณดีนของเขา’ อย่างนั้นหรือ


…โอ้ยยยย ไม่ทันมองหน้าเสียด้วย โง่จริง ๆ ไอ้รณณ์!!...


ก่อนผละออกมาจากเคาน์เตอร์ก็สอบถามได้ข้อมูลสำคัญมาอีกอย่างหนึ่งคืออีกฝ่ายเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้จริงอย่างที่คิดไว้ และมักจะมานั่งช่วงเย็นหลังเลิกงานเสมอ ข้อมูลที่ได้ทำให้คนฟังใจชื้น หมายมั่นว่าหากมีโอกาสตนจะมาดักรอเจอที่ร้านให้ได้

.

.

.

DEAN ช่วงหลัง ๆ มานี่ ลิ้นเริ่มแยกรสกาแฟแต่ละชนิดไม่ออกแล้ว จะมอคค่า ลาเต้ คาปูชิโน หรือแม้แต่กาแฟดำก็รสชาติเหมือนกันหมด อืม…ชีวิตผมช่วงนี้ก็คงเหมือนกัน เมื่อก่อนรับรู้ว่าวันไหนทุกข์ วันไหนสุข สนใจใส่ใจแยกแยะ แต่ทุกวันนี้กลับรู้สึกเฉย ๆ รู้สึกว่าจะทุกข์หรือสุขมันก็คือชีวิต จะลาเต้หรืออเมริกาโนก็กาแฟเหมือนกัน…แดก ๆ ไปเถอะ

   
…อะไรของเขาวะ…

   
วันนี้มาแปลก โพสเรื่องราวชวนสงสัยทั้งวัน หรือว่าช่วงนี้ชีวิตมีเรื่องต้องคิดต้องตัดสินใจ รณณ์เผลอถอนหายใจแผ่วเบา เป็นเช่นนี้เสมอ ทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องราวของอีกฝ่าย เขาก็มักจะคิดตามไปด้วย บ่อยครั้งที่เก็บความทุกข์ใจของอีกฝ่ายมาคิดราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง

   
เท่าที่ติดตามอีกฝ่ายมาก็พอรู้อยู่หรอกว่าสัปดาห์ก่อน คุณดีนไปเที่ยวประเทศอังกฤษมา เขาไม่ได้โพสเรื่องราวอะไรมากมาย ติดตามความเป็นไปได้จากรูปในอินสตาแกรมเท่านั้น ซึ่งแม้จะติดตามมานานแล้ว แต่เพราะอีกฝ่ายไม่เคยลงรูปตัวเองเลย รณณ์จึงไม่รู้ว่าคนที่เขาให้ความสนใจในทุก ๆ วันหน้าตาเป็นแบบไหน อายุอานามเท่าไหร่ก็ไม่รู้ กะประมาณได้เพียงคร่าว ๆ ว่าน่าจะเรียนจบแล้วเท่านั้น


รณณ์อ่านแคปชั่นใต้รูปแก้วกาแฟกระดาษวนไปมาอีกกี่รอบก็ไม่ได้สนใจ รู้แค่ตั้งแต่กลับเข้ามานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนฝูง ตนก็ยังไม่ได้เงยหน้าจากจอสมาร์ทโฟน ปล่อยให้เพื่อนพูดคุยกันเองโดยมีตนครางอือออรับบ้างในบางจังหวะ

   
“เป็นอะไร โดนตามงานเหรอวะ เห็นจ้องหน้าจอทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตั้งแต่นั่งลงละ” เอกทักหลังจากที่ลอบมองอยู่นาน ก็วันนี้อุตส่าห์ยกกันมาทั้งก๊วนเพื่อมาหาใครกันล่ะ แล้วดูมัน ไม่สนใจเพื่อนสักนิด เอาแต่จ้องหน้าจอด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่ยอมพูดยอมจา

   
“เฮ้ยไอ้รณณ์ ไอ้เอกมันถาม มึงไม่ได้ยินรึไง” เพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ช่วยสะกิดเรียกอีกแรงจนพาคนที่สติหลุดลอยกลับมาหาเพื่อนฝูงตรงหน้าได้อีกครั้ง

   
“ห๊ะ มึงว่าอะไรนะ?”

   
“เป็นอะไรวะ ตั้งแต่กลับมานี่หน้าเครียดเลย เขาใส่อะไรในชาเขียวให้มึงกิน”

   
“ไม่มีอะไร โทษทีวะ คุยกันถึงไหนแล้ววะ” รณณ์ตัดใจปิดหน้าจอสมาร์ทโฟนแล้วหย่อนใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม ทั้งที่ปกติแล้วจะชอบวางไว้บนโต๊ะเสียมากกว่า แต่เพราะไม่อยากเห็นมันอยู่ในสายตาให้รบกวนจิตใจ จึงจำต้องเก็บเสียให้พ้นหูพ้นตา

   
“ก็คุยถึงเรื่องที่ฝึกงานมึง เป็นไงบ้างวะ งานเยอะไหม” เอกถาม สีหน้าบ่งบอกว่าเป็นห่วงเพื่อนมากทีเดียว

   
“ก็เรื่อย ๆ สนุกดี”

   
“แต่หน้ามึงไม่บอกอย่างนั้นนะ”

   
“เห้ย! กูสนุกจริง ๆ แค่เมื่อกี๊มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”

   
เพื่อนฝูงพยักหน้าเข้าใจก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเปลี่ยนประเด็นใหม่ “แล้วหัวหน้างานมึงเป็นไงบ้างวะ ได้ข่าวมาว่าสวยฉิบหายเลยนี่หว่า”

   
ไอ้ตง หมอนี่มันเป็นพวกนิยมชมชอบสาวรุ่นพี่ ห่างกันสองสามปีกำลังดี ยิ่งสวย ๆ อย่างหัวหน้างานเขานี่สเปคมันเชียวล่ะ

   
“ไปได้ข่าวมาจากไหน”

   
“ไปอยู่ไหนมาไอ้คุณรณณ์ เขารู้จักคุณดาวกันทั้งนั้นแหละ แต่ละคอลัมน์ที่เธอเขียนนี่โดนใจคนอ่านอย่างกับไปนั่งอยู่กลางใจอย่างนั้นแหละ”

   
รณณ์พยักหน้า เขาไม่ค่อยรู้จักตัวตนของนักเขียน คอลัมน์นิสต์ หรือใครหลาย ๆ คนในวงการหนังสือเมืองไทยสักเท่าไหร่ ผิดกับวงการดนตรี แต่ที่เลือกมาฝึกงานด้านนี้เพราะเป็นคนชอบเขียนชอบอ่าน และอยากเรียนรู้ความคิดของนักเขียนคนอื่น ๆ ด้วย “ก็สวยสมคำร่ำลือ”


“จริงเหรอวะ! มีแฟนรึยัง” ตงตื่นเต้นเข้าไปใหญ่


“มีแล้ว”


“หล่อกว่ากูไหม” เพื่อนตัวดีถามแล้วก็หันไปขอความเห็นจากรอบข้างว่าตนหล่อพอจะมีสิทธิหรือไม่


“หล่อกว่าไหมกูไม่รู้ รู้แต่โดยรวมแล้วเขาเหนือกว่ามึงทุกอย่าง”


“หึ ใคร ๆ ในโลกล้วนเหนือกว่ามันทั้งนั้นแหละ” เอกซ้ำเติมเรียกเสียงฮาครืนรอบวง


“เขาเป็นใครวะ กูจะไม่มีสิทธิเป็นคู่แข่งเลยเหรอ”


“นี่มึงจริงจัง?”


“ก็ไม่จริงจังขนาดนั้น แต่กูหมั่นไส้ละ ว่าแต่มึงรู้ไหมว่าใครเเป็นแฟนคุณดาว”


“ประธานบริษัท”


“ห๊ะ ประธาน!!”


“ไม่ใช่แค่แฟนธรรมดา แต่เขากำลังจะแต่งงานกัน”


“เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด~~~~” ตงแสร้งยกมือกุมอกซ้ายบิดตัวไปมาด้วยสีหน้าประหนึ่งร้องไห้โฮด้วยความเจ็บปวด


“เยอะไปไอ้ห่า!”


หลังคำด่านั้นก็มีอีกหลายประเด็นที่พูดคุยกัน ไล่ตั้งแต่ที่ฝึกงานของคนอื่น ๆ ที่เล่ากันอย่างเมามัน สนุกบ้างโหดบ้างก็บ่นกันไป กว่าจะย้ายก้นออกจากร้านนั้นได้ก็ปาไปสองทุ่ม ใกล้เวลาร้านปิดเต็มที


。。。。。


แม้จะเรียนอยู่ชั้นปีสุดท้ายและกำลังอยู่ในช่วงฝึกงานแบบใกล้จบเต็มทีของชีวิตนักศึกษา แต่รณณ์ก็ยังใช้ชีวิตในหอพักแคบ ๆ ห้องเดิมที่เช่ามาตั้งแต่ยังเป็นน้องใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย ด้วยเพราะทำเลที่สะดวกสำหรับการเดินทางไปในหลาย ๆ ที่ แต่ที่สะดวกที่สุดก็เห็นจะเป็นการเดินทางมาที่ฝึกงานแห่งสุดท้ายในชีวิตนักศึกษาปริญญาตรีที่เพียงแค่นั่งรถไฟฟ้าสองสถานีก็ถึงแบบไม่ต้องกังวลสภาพจราจรในแต่ละวันเลยทีเดียว


แน่นอนว่าเช้า ๆ แบบนี้ลิฟต์ทั้งสองตัวก็มีผู้โดยสารแน่นเอี๊ยดทุกรอบ เด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่กี่วันก็กลายเป็นหนุ่มฮอตให้พี่ ๆ ทั้งสาวและหนุ่มเต๊าะกันสนุกปากอย่างรณณ์ ยืนรอขึ้นลิฟต์ในช่วงที่คนบางตา แต่พอเข้าไปยืนยังไม่ทันได้กดปิดลิฟต์ เพื่อนร่วมงานอีกหลายคนก็แทรกตัวเข้ามาร่วมรอบเดียวกัน จากที่ยืนกันสบาย ๆ แค่สามสี่คน ตอนนี้ร่างของเขาก็ต้องอันตธานถอยไปยืนชิดมุมขวาสุดเสียแล้ว โชคดีหน่อยที่ตัวสูงกว่าใคร แม้จะอัดแน่นแค่ไหนแต่ก็ยังได้สูดอากาศโล่ง ๆ บ้าง


“สวัสดีค่ะบอกอ”


…บอกอ? คนนี้เหรอวะ?...


ช่วงที่ชุลมุน รณณ์ไม่ทันมองหน้าใครเสียด้วย ไม่รู้เลยว่าเพื่อนร่วมตู้โดยสารนี้มีใครบ้างที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ แต่พอได้ยินบทสนทนานี้ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสนใจ


รณณ์มองแผ่นหลังกว้างของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบรรณาธิการของนิตยสารหัวที่เขาเลือกมาฝึกงานด้วยสายตาชื่นชม มองจากตรงนี้ระดับสายตายังอยู่แค่ท้ายทอยของอีกฝ่าย เขาคิดว่าตัวเองสูงทิ้งห่างเพื่อนรุ่นเดียวกันแล้ว แต่คน ๆ นี้กลับสูงกว่าอีก สมาร์ทเสียจนน่าอิจฉา เห็นแค่นี้ก็รู้สึกโลภอยากมองหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ แต่มีบุญวาสนาเห็นเพียงแค่ใบหน้าเสี้ยวเดียวยามที่อีกฝ่ายหันไปทักทายพนักงานสาวซึ่งยืนคนละฝั่งกับเขา แต่กลับรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้ดูดีมากจริง ๆ สมาร์ทอะไรขนาดนี้นะคนเรา


“สวัสดีครับคุณอนงค์ สบายดีไหมครับ”


เสียงทุ้มน่าฟังดังให้ได้ยินอีกสองสามประโยคก่อนที่เจ้าตัวจะออกไปที่ชั้นสาม ซึ่งเป็นชั้นของฝ่ายบุคคล รณณ์มองตามไปจนบานประตูลิฟต์เลื่อนปิดอีกครั้ง เท่าที่รู้มาบรรณาธิการของนิตยสารหัวนี้ไม่เคยออกสื่อที่ไหนมาก่อน จะมีก็แค่ท่านประธานที่ลงตามหน้านิตยสารและออกงานสังคมโชว์หน้าหล่อเหลาให้สาว ๆ เก็บไปเพ้อฝันกันอยู่บ้าง แต่ก็นะ คนพี่หล่อขนาดนั้น คนน้องจะน้อยหน้าได้อย่างไร

.

.

.

ดูเหมือนว่าเจ้านายที่เขาชื่นชมในใจหนักหนาจะเล่นงานเขาเข้าเสียแล้ว เพราะช่วงสายของวัน บรรดานักศึกษาฝึกงานทุกแผนกถูกฝ่ายบุคคลเรียกตัวไปอบรมหรือพูดกันตรง ๆ ว่าต่อว่าเรื่องการติดบัตรของสำนักพิมพ์ออกไปนอกพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวกับการติดต่องานใด ๆ รณณ์ค่อนข้างมั่นใจว่าสาเหตุของการกล่าวตำหนิตักเตือนในครั้งนี้มาจากความเลินเล่อของตน เมื่อวานนี้กว่าจะรู้ตัวว่ายังไม่ถอดบัตรพนักงานออกก็ถึงห้องพักเสียแล้ว บก.สุดสมาร์ทคนนั้นคงไปเจอเข้าที่ใดที่หนึ่งในเส้นทางที่เขาไป พาเพื่อนซวยไปด้วยเลยไอ้รณณ์เอ๋ย

.

.

.

[มีต่อด้านล่างนะคะ]
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 2 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 11-03-2017 20:37:45
เลิกงานเร็วทั้งทีเด็กวัยรุ่นตอนปลายอย่างรณณ์ก็อยากจะเดินเตร็ดเตร่ตามแหล่งชอปปิ้งชิค ๆ ของบรรดาวัยรุ่นหน้าใสบ้าง หาอาหารง่าย ๆ รองท้องเสร็จก็เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ดูสิ่งของตามสไตล์ที่ชอบ แต่ก็ไม่ได้ของติดไม้ติดมือเลยสักร้าน


วันนี้ตั้งใจว่าจะแวะไปเยี่ยมเยียนร้านประจำสมัยเรียนชั้นปีต้น ๆ เสียหน่อย หลังจากที่ไม่ได้มาหลายเดือนแล้ว เมื่อก่อนมาบ่อยแทบทุกเย็นจนพี่ผู้จัดการร้านและพนักงานจำหน้าได้อยู่แล้ว เหตุที่ชอบมาหมกตัวที่ร้านนั้นเพราะเป็นร้านขายหูฟังและแก็ดเจ็ตต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมให้สมาร์ทโฟนเครื่องบางอัจฉริยะมากขึ้น


“หวัดดีครับพี่” สมกับที่เป็นร้านฮิตในหมู่เด็กวัยรุ่น เปิดประตูเข้ามาก็มองหาที่ว่างแทบไม่เจอ คนแน่นร้านสม่ำเสมอ อุตส่าห์มาค่ำหน่อยแล้วผู้คนก็ยังไม่บางตา สงสัยครั้งหน้าคงต้องมาช่วงที่ร้านใกล้ปิดเสียแล้ว จะได้มีเวลาดื่มด่ำกับการฟังเพลงผ่านหูฟังแบบต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่


“ไงวะ หายหน้าหายตาไปนานเลยนะไอ้น้อง” ผู้จัดการทักทายกลับมาอย่างสนิทสนม พี่พนักงานคนอื่น ๆ ที่เห็นก็ยิ้มทักทายให้เช่นกัน


“ช่วงนี้ฝึกงานน่ะพี่ วันนี้เลิกเร็วเลยแวะมา คิดถึง”


“คิดถึงของใหม่ล่ะสิมึงอ่ะ”


รณณ์หัวเราะเสียงใสกับถ้อยคำรู้ทันของผู้จัดการหนุ่ม และก็ยิ่งฉีกยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายหยิบ ‘ของใหม่’ มาให้ลองทันทีที่ได้ที่นั่ง


“วันนี้ทั้งวันเจ้านี่ฮอตมากจริง ๆ”


นัยน์ตาเด็กหนุ่มลุกวาว มองอินเอียร์แบรนด์ไฮเอนด์ของฝั่งอเมริกาตรงหน้าด้วยความตื่นเต้นกับคำอวดอ้างที่อีกฝ่ายกล่าว รับรู้ได้ทันทีว่าวันนี้หลายคนที่เข้าร้านมาคงได้ลองฟังมันไปแล้ว แต่ก็ยอมสวมต่อเพราะรู้ดีว่าทางร้านทำความสะอาดดีมากทีเดียว


“เจ๋งโคตร!”


ฟังไปได้ไม่กี่วินาทีก็ถึงกับอุทานออกมาด้วยความปริ่มเปรม ปกติเวลาใครหลายคนลองหูฟังมักจะเลือกเพลงที่ว่ากันว่าเหมาะแก่การทดสอบประสิทธิภาพของมันมากที่สุด แต่สำหรับเขา เขามักจะเลิกเพลงที่ชอบมากที่สุดในการลอง เพราะถ้าฟังเพลงที่ชอบมากที่สุดแล้วรู้สึกว่าชอบมากขึ้นไปอีก นั่นก็หมายความว่าหูฟังเส้นนั้นดีจริง


“แน่นอนสิวะ นี่ตัวใหม่เชียวนะเว้ย”


“เป็นโชคของไอ้รณณ์แท้ ๆ” นึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจที่มาได้ถูกวัน เหมาะเจาะอะไรเช่นนี้หนอ เขาชอบฟังเพลงที่เน้นเสียงร้อง และเจ้านี่ก็ตอบโจทย์มากทีเดียว เสียงของนักร้องทั้งหวานทั้งเท่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ไพเราะราวกับถูกขับกล่อมอยู่ข้างหู ยิ่งตอนฟังเสียงคอรัส เขาแทบจะแยกออกเลยด้วยซ้ำว่ามีกันกี่คนและยืนในทิศทางไหนบ้างเพราะเสียงกลางคมชัด เสียงเบสก็กำลังดี  แม้ไม่ดีเท่ารุ่นก่อนที่คนชอบเบสพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฟิน แต่ก็นับว่าไม่ขัดใจอะไร และแน่นอนว่าดีขนาดนี้ราคาค่างวดมันก็สูงลิ่วเกินกว่าที่นักศึกษาฝึกงานอย่างเขาจะเอื้อมถึง


ทดลองฟังไปอีกหลายเพลงจนลูกค้าหลายคนทะยอยออกจากร้านไปจนบางตา ตั้งใจจะอยู่ต่ออีกสักครึ่งชั่วโมง แต่เพราะสายโทร.เข้าจากผู้เป็นแม่ขัดจังหวะเพลงที่กำลังฟัง เขาจึงต้องล้มเลิกความตั้งใจนั้น


[แม่รออยู่ที่ใต้หอแล้วนะลูก]


แม่บอกอย่างนั้น



รณณ์คืนของให้พี่พนักงาน บอกลาสั้น ๆ ก่อนกุลีกุจอออกจากร้านโดยด่วน ดีหน่อยที่สถานที่แห่งนี้ติดสถานีรถไฟฟ้า การเดินทางที่สะดวกจึงทำให้เบาใจได้ว่าแม่จะไม่รอเขานานเกินยี่สิบนาที
นักศึกษาหนุ่มจับจ้องไฟจราจรอย่างใจจดใจจ่อ สนใจแต่เพียงว่าตนต้องข้ามถนนเส้นนี้ทันทีที่สัญลักษณ์คนขึ้นไฟเขียว


สองขาก้าวข้ามฉับไวอย่างที่ใจต้องการ ก่อนจะสะดุดกับกล้องตัวเล็กทางหางตาในระยะใกล้ อยากจะหันไปต่อว่าต่อขานด้วยเพราะไม่ชอบให้ใครมาถ่ายรูปตนในที่สาธารณะแบบนี้ แต่ด้วยเพราะฝูงชนที่คราคร่ำเต็มทางม้าลายและความเร่งรีบของตน จึงทำอะไรไม่ได้อย่างที่ต้องการหลังจากที่หันไปหาต้นตอแล้วพบแต่เพียงแผ่นหลังสูงแกร่งของใครอีกคนที่เดินก้มหน้าก้มตาเช็คผลงานตัวเองห่างออกไปเรื่อย ๆ


…แล้วกูจะตามขอรูปคืนได้จากไหนวะ?…

.

.

.

“ห้องรกเชียวรณณ์ลูก” คนเป็นแม่บ่นไม่จริงจังนัก รณณ์ยิ้มแหย ความจริงแล้วก็ไม่ได้รกอะไรมากมาย เพียงแต่ผิดวิสัยรักความสะอาดความเป็นระเบียบของเขาไปเสียหน่อย เรียกได้ว่าผิดแปลกไปนิดเดียวก็ไม่รอดพ้นสายตาแม่ไปได้


“ช่วงนี้กลับดึกน่ะครับ เลยไม่ได้ดูแลห้องเท่าไหร่” ลูกชายวัยยี่สิบสองปีฉีกยิ้มหวานที่ถอดพิมพ์มาจากเธอก่อนจะสวมกอดอย่างออดอ้อน “แม่มาอยู่กับรณณ์สิครับ ห้องรณณ์จะได้เรียบร้อยเหมือนเดิม”


“ช่างอ้อนไม่เคยเปลี่ยนเลยนะลูกคนเนี้ย ถ้ามาอยู่กับลูกแล้วใครจะดูแลพ่อล่ะ”


“นะๆๆ มานอนด้วยแค่ช่วงสุดสัปดาห์ก็ได้ รณณ์ว่าง”


“จริง ๆ เลยน้า อ้อนได้ก็อ้อนไป วันไหนมีแฟนแล้วไม่อ้อนแม่เหมือนเดิมละน่าดู”


“ไม่มีทางหรอกครับ ระดับนี้แล้ว แมน ๆ ไม่อ้อนเมียหรอก”


“แหนะ! ลูกคนนี้นี่”


รณณ์ยิ้มแฉ่ง ผละออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าแม่มาแบบไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้าแบบนี้มีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่า “ว่าแต่ทำไมแม่มาฉุกลหุกนักละครับ”


“ก็มาเซอร์ไพร์สเราน่ะแหละ เผื่อว่าซุกสาวเอาไว้ ลูกจะได้ไหวตัวไม่ทัน”


“โธ่ ผมไม่พาเธอมาอยู่ด้วยกันที่นี่หรอกครับ…” รณณ์พูดด้วยสีหน้าจริงจังจนคนเป็นแม่ยิ้มกว้างด้วยความภูมิใจก่อนจะหุบลงแทบไม่ทันกับประโยคต่อมา “…ผมไปอยู่กับแฟนน่าจะดีกว่า”


“เดี๋ยวเถอะลูกคนนี้”


กอดกันหายคิดถึงแล้วก็พบว่าคืนนี้แม่ไม่ได้ตั้งใจจะมานอนกับเขาอย่างที่เข้าใจ เธอแค่แวะมาดูความเป็นอยู่ของลูกชายคนเดียวก็เท่านั้นก่อนที่พ่อของรณณ์จะมารับหลังจากไปทำธุระเรื่องงานมา


รณณ์เป็นเด็กต่างจังหวัดในภูมิภาคใกล้เคียง ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากกว่าสี่ชั่วโมง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กลับบ้านไม่บ่อยนัก ยิ่งช่วงฝึกงานแบบนี้ด้วยแล้ว ถ้าพ่อกับแม่ไม่ขึ้นมาหา เขาก็คงไม่ได้เจอหน้าพวกท่านเท่าไหร่


ส่งพ่อกับแม่เรียบร้อยแล้วก็กลับขึ้นมาอาบน้ำให้สบายตัว ชีวิตประจำวันก่อนเข้านอนก็คือการเคลียร์โซเชียลมีเดียทุกช่องการติดต่อที่ตกค้างในระหว่างวัน รวมไปถึงการตามอ่านทวีตที่ถูกโพสและถูกรีทวิตโดยแอคเคาท์ @DEANada


แต่ยังไม่ทันได้เช็คอะไร การแจ้งเตือนที่ดังขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัวนั้นมีสิ่งที่ทำให้เขาต้องพุ่งตรงเข้าไปหาก่อนเป็นอันดับแรก


…อินสตาแกรมของคุณดีน…


นัยน์ตาเบิกกว้างเผลอเด้งตัวขึ้นจากที่นอนมาจ้องมองรูปบนหน้าจอชัด ๆ รูปคนเดินสวนกันผ่านหน้ากล้องในโทนสีอ่อนนี่ มองอย่างไรก็เป็นเขาแน่ ๆ


แม้จะตกใจที่พบว่าตัวเองไปอยู่ในรูปของคนที่ ‘แอบปลื้ม’ แต่จากเดิมที่รู้สึกไม่พอใจ รณณ์ก็รู้สึกนับถืออีกฝ่ายไม่น้อยที่เคารพสิทธิส่วนบุคคลมากพอที่จะไม่ถ่ายให้เห็นหน้าของทุกคนในรูป คงจะมีแต่เพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่านั่นคือตัวเอง


…เราคลาดกันอีกแล้วสินะคุณดีน...



DEAN ผมชอบถ่ายรูปคนกำลังเดิน ไม่ว่าจะเดินผ่านหน้าหรือเดินจากไป ล้วนบ่งบอกว่าทุกคนมีจุดหมายปลายทางของตัวเองทั้งสิ้น #ขออนุญาตคนในรูปด้วยครับ



ล้มตัวลงนอนอีกครั้งพร้อมรอยยิ้ม ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีความสุขได้มากขนาดนี้ มองจ้องรูปตัวเองอยู่อย่างนั้นจนส่วนลึกของสมองเรียกร้องให้รีบเช็คโซเชียลมีเดียอื่นแล้วนอนเสีย รณณ์ไล่อ่านไล่ตอบทุกหน้าแชทแล้วก็กดเข้าแอพฯรูปนกสีฟ้า หน้าไทม์ไลน์คือสิ่งสุดท้ายที่สนใจ และจะไล่อ่านเฉพาะวันที่ไม่ง่วงเท่านั้น แต่ถ้าวันไหนทั้งเพลียทั้งง่วงอย่างวันนี้ เขาก็ยังถ่างตาไล่อ่านหน้าแอคเคาท์คุณดีนก่อนอยู่ดี เรื่องราวมากมายที่ถูกรีทวิตไว้มีแทบจะทุกวงการ ทั้งมีสาระและไม่มีสาระ ตลกขบขันไปวัน ๆ ชวนก่อดราม่าให้คนนอนดึก ข่าวสารที่น่าเชื่อถือ ไล่อ่านแล้วกดรีทวิตต่อบ้างจนมาถึงทวีตที่เจ้าตัวโพสเองเมื่อสามชั่วโมงก่อน ตาปรอยปรือที่ใกล้จะปิดเต็มทีแล้วถึงได้เบิกโผลงขึ้นราวกับคาเฟอีนในร่างกายเพิ่งออกฤทธิ์!


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลังจากเดินสวนทางกันที่ถนนเล็ก ๆ เส้นนั้น อีกฝ่ายจะมุ่งตรงไปที่ใด หากไม่ใช่ที่เดียวกับที่เขาเพิ่งจากมา!








TBC.
--------------------------------------------------------
ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 2 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-03-2017 22:48:18
ชื่อเรื่องนี่สำหรับหนุ่มน้อยนามรณณ์ของเราหรือเปล่านี่ ฮา
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 2 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-03-2017 22:52:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 2 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 12-03-2017 11:50:14
ขอเป็นติ่งคุณดีนด้วยได้ไหมคะน้องรณณ์
ชอบบบบบบบบบ  :mew1:
นางรู้สึกเหมือนเราเลย พอดื่มกาแฟหลายๆแบบ นานๆเข้าก็รู้สึกว่ามันรสชาติเหมือนกันไปหมด
รอเขาหากันจนเจอค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 2 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 12-03-2017 14:49:54
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 17-03-2017 21:00:24

ห า กั น จ น เ จ อ


ตอนที่ #03




   


เวลาว่างหลังเลิกงาน อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ดีนมักพกพาเจ้ากล้องมิลเลอร์เลสตัวโปรดออกไปหาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานตามที่ต่าง ๆ แทนการนั่งดื่มกาแฟในร้านประจำ

   
นานทีปีหนจะได้มาปล่อยแก่ในย่านวัยรุ่นสักครั้งก็ไม่พลาดสังเกตวิถีชีวิตความเป็นไปของเด็กรุ่นหลัง รับรู้มาสักพักใหญ่ ๆ แล้วว่าแตกต่างกับรุ่นเขาอยู่มากโข แต่ไม่คิดว่าสองสามปีมานี้จะมากกว่าที่เคยคิดไว้

   
แต่จะว่าไป วิถีชีวิตของเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย นิตยสาร LIVE (ไลฟ์) ปักษ์หน้า เห็นทีต้องหยิบเรื่องนี้มาเป็นเมนหลักของเล่มเสียแล้ว

   
นิ้วเรียวยาวกดปุ่มชัตเตอร์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เพราะเลือกโหมดเงียบที่เหมาะกับการถ่ายแนวสตรีทจึงไม่มีเสียงชัตเตอร์ดังรบกวนคนรอบข้างให้หงุดหงิดใจ

   
สองขาก้าวเดินเข้าซอยนั้นออกตรอกนี้ ยิ่งยามมืดค่ำแสงไฟจากตึกก็ยิ่งท้าทายคุณภาพของกล้อง ดีนไม่ใช่คนชอบรัวชัตเตอร์แบบไม่คิด ทุกครั้งที่กดปุ่มนั้นเพื่อเก็บภาพ เขาต้องมั่นใจแล้วว่ามันจะได้ภาพที่ดีที่สุด ตรงใจและไม่มีการลบทิ้งทีหลัง เพราะเคยชินกับการใช้กล้องฟิล์มมาก่อน ฟิล์มที่ถูกใช้แล้วใช้เลยลบภาพทิ้งไม่ได้ ทำให้มีเฉพาะภาพที่จำเป็นเท่านั้นที่ถูกบันทึกลงไป

   
หนุ่มลูกครึ่งสองซีกโลกแวะหาอาหารฟาสฟู้ดง่าย ๆ รองท้องก่อนเปลี่ยนเป้าหมายจากการเดินถ่ายรูปเล่นไปยังร้านขายหูฟังชื่อดังในย่านนี้ ระหว่างทางก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพไปด้วย จนเดินมาถึงร้านในเวลาที่ใกล้ปิดเต็มที

   
เขาชอบความเป็นส่วนตัวที่ไม่ต้องลงทุนเพื่อให้ได้มา เพราะตอนนี้เขานั่งลองหูฟังแบบต่าง ๆ อยู่ในร้านแบบส่วนตัวสุด ๆ ราวกับสั่งปิดร้านเพื่อบริการเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วเขาเพียงแค่มาเยือนในเวลาที่ผู้คนบางตาแล้วก็เท่านั้น

   
เพลงที่เขามักใช้ลองหูฟังใหม่ ๆ คือเพลง Closer ของ Travis เพลงที่ให้ความรู้สึกล่องลอยเหมือนคนเสพกัญชาหนัก ๆ ยิ่งโดยเฉพาะในท่อนหลังฮุคแรก ทั้งเสียงร้องและดนตรีเสริมกันจนชวนเคลิ้มฝัน ดีนปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในภวังค์นานจนกระทั่งถูกทักทายจากคนคุ้นเคย

   
“อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับคุณดีน” ผู้จัดการร้านทักทายลูกค้าหนุ่มที่หายหน้าหายตาไปนาน นึกในใจว่าวันนี้แปลกนัก มีโอกาสได้ต้อนรับลูกค้าประจำรายเก่าถึงสองคนในเวลาไล่เลี่ยกัน

   
ดีนยิ้มทักทายนำร่องไปก่อนเอ่ยหลังจากถอดหูฟังอินเอียร์ออกแล้ว “เมื่อครู่นี่เองครับ ว่าง ๆ เลยแวะมา”

   
“แล้วนี่มีใครเอาของใหม่ให้ลองรึยังครับ”

   
ดีนเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างฉงนก่อนจะแจ้งแก่ใจเมื่ออีกฝ่ายหันไปหยิบ ‘ของใหม่’ มายื่นให้

   
“แต่มันอาจไม่ถูกใจคนชอบฟังดนตรีอย่างคุณนักนะครับ”

   
ดีนยิ้มรับ แม้พอรู้ว่านับจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับตน แต่ก็ไม่ปฏิเสธน้ำใจที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้

   
…อืม รู้ใจเหมือนเคย…

   
ตอนฟังแค่อินโทรก็พอไหวอยู่ ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แต่พอเสียงร้องดังขึ้นเท่านั้นแหละ ไม่ถูกใจเขาจริง ๆ อย่างที่ผู้จัดการร้านได้ออกตัวไว้

   
เขาชอบฟังดนตรีของเพลงมากกว่า หลายครั้งที่ไม่สนใจเนื้อเพลงว่ามันชวนเศร้า ดราม่าน้ำตาตกแค่ไหน ขอเพียงแค่ท่วงทำนองมันดึงดูดให้เขาสนใจได้มากพอ เขาก็พร้อมจะตกอยู่ในห้วงของเสียงเพลงแล้ว

   
ดีนฟังต่อเล็กน้อยจนจบท่อนฮุคของเพลงเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจคนที่อุตส่าห์นำมันมาเสนอให้ เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาสนใจฟังเนื้อร้องทุกคำแบบนี้เพราะเจ้าหูฟังนี่ทั้งผลักทั้งดันเสียงนักร้องเข้าหูเขาเสียจริง

   
…เพิ่งรู้ว่าเพลงนี้แม่งโคตรดราม่า…

   
สิ่งหนึ่งที่ดีนเคยนึกแปลกใจตัวเองคือคนที่ไม่อินเรื่องความรักอย่างเขากลับเข้าใจอารมณ์ของเพลงว่าแบบไหนเรียกว่าเศร้าจนน้ำตาไหลได้ ทำไมถึงอินกับความเศร้าของเพลงได้มากกว่าการรับฟังเรื่องราวความรักของคนรอบข้าง คิดหาคำตอบให้ตัวเองอยู่ไม่นานก็ได้ข้อสรุปที่ว่าอาจเป็นเพราะทักษะที่สั่งสมมาจากการเรียนคณะอักษรศาสตร์ที่ให้เขาต้องแยกแยะอารมณ์ความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดผ่านรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร เสียง หรือแม้แต่รูปภาพ สิ่งเหล่านั้นคงหล่อหลอมให้เขาเข้าถึงความลึกซึ้งที่ซ่อนในงานศิลป์ได้มากกว่าชีวิตจริง

   
ดีนถอดหูฟังออกแล้วยื่นคืนให้ผู้จัดการร้านที่ยืนยิ้มยินดีอยู่ข้าง ๆ “จริงอย่างที่คุณว่า เจ้านี่ไม่ตอบโจทย์ผมเท่าไหร่”

   
“มันคงเสียใจแย่ คุณเป็นคนแรกที่ปฏิเสธมันเลยนะครับ” ผู้จัดการหนุ่มหัวเราะน้อย ๆ จนคนฟังร่วมผสมโรงไปด้วย “ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ มีลูกค้าประจำร้านผมคนหนึ่งมาลอง ไอ้เด็กนั่นพูดลั่นร้านอย่างถูกอกถูกใจว่าเจ๋งโคตร ช่างต่างกับคุณลิบลับ”

   
“ถ้าชอบเหมือนกันก็แย่งกันแย่สิครับ”

   
ผู้จัดการร้านปิดท้ายบทสนทนานั้นด้วยการบอกว่าเห็นด้วยกับความคิดนั้นก่อนจะปลีกตัวออกไปเพื่อให้ลูกค้าหนุ่มได้เสพสุขอยู่ในโลกส่วนตัวอีกครั้ง


   
 
DEAN @DEANada . 1s
เป็นคนชอบนั่งฟังเพลงในร้านขายหูฟัง ผจก.บอกว่ามีของใหม่ให้ลอง อืม เจ้านี่มันเน้นเสียงร้องไปหน่อย ผมชอบพวกเน้นเบสมากกว่า // แต่คุณคงชอบมันสินะ



   
คำถามกว้าง ๆ ที่ไม่ระบุว่าหมายถึงใคร แต่เจ้าตัวรู้ดีว่ากำลังส่งคำถามนี้ไปถึงใครคนนั้นที่ผู้จัดการร้านเพิ่งพูดถึง  ใครสักคนที่ไม่รู้นึกอย่างไรถึงได้เก็บมาคิดอยู่แบบนี้ ฟังจากคำบอกเล่าของผู้จัดการร้านและคุณสมบัติของเจ้าหูฟังสัญชาติอเมริกันนั่นแล้วก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายมีรสนิยมการฟังเพลงอย่างไร แต่ทำไมถึงต้องเก็บมาคิดจนไม่เป็นอันสนใจท่วงทำนองของเพลงโปรดที่เสียงเบสกำลังกระหึ่มได้ที่

   
เมื่อไม่มีสมาธิจะสนใจฟัง ชายหนุ่มจึงตัดสินใจบอกลาทุกคนแล้วออกจากร้านไปก่อนทั้งที่ตั้งใจว่าจะนั่งจนร้านปิด
   
.
   
.
   
.
   
ทั้งที่ควรจะรีบนอนพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้มีประชุมหัวข้อหลักของนิตยสารประจำเดือนหน้าตั้งแต่เช้า แต่ดีนยังมีกะใจไล่ดูรูปที่ถ่ายมาวันนี้ กดเลื่อนดูไปเรื่อยจนหมดแล้วย้อนดูอีกครั้ง ตั้งใจจะสรรหารูปที่ชอบที่สุดของวันมาอัพอินสตาแกรมเพื่อเก็บเป็นบันทึกเรื่องราวประจำวัน งานนี้หวยออกที่รูปคนเดินสวนกันตรงทางม้าลายที่ใช้ข้ามถนนเส้นเล็ก ๆ ในตอนที่เขากำลังมุ่งหน้าไปร้านขายหูฟัง

   
โพสลงไปแล้วยังนั่งจ้องมองคนในภาพด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด

   
…คุ้นเคย…

   
เด็กวัยรุ่นเชิ้ตขาวกางเกงสแล็คดำที่ดูอย่างไรก็น่าจะเป็นชุดนักศึกษาเดินผ่านกล้องของเขาไป มันแปลกตรงที่เขากำลังรู้สึกคุ้นเคยคนในภาพทั้งที่ถ่ายไม่ติดหน้าเขามาด้วยซ้ำ ด้านข้างแบบนี้ก็ใช่ว่าจะเคยเห็น แต่ทำไมความรู้สึกนี้ถึงได้ติดค้างอยู่ในใจ

   
ดีนตัดใจปิดหน้าจอ โยนมันทิ้งไว้ไม่ไกลตัวนักก่อนหลับตาลงพร้อมความรู้สึกที่ยังคาใจ หากไม่ติดว่าตนต้องมีสมองปลอดโปร่งไปสู้รบกับทีมงานทุกคนในวันพรุ่งนี้ เขาก็จะรื้อรูปที่เคยถ่ายทั้งหมดออกมาดูให้กระจ่างแก่ใจเสียเดี๋ยวนี้
   
.
   
.
   
.
   
“ถ้าพร้อมกันแล้วก็เปิดประชุมเลยนะครับ”

   
คนที่นั่งเป็นประธานการประชุมในวันนี้คือดีน หากครั้งไหนที่เป็นการประชุมเรื่องงาน เขาก็จะใหญ่สุดในฐานะบรรณาธิการ แต่หากเป็นการประชุมบอร์ดบริหาร พี่ชายเขาจะเป็นคนนั่งตำแหน่งนั้นแทน

   
ดีนไม่สนใจงานบริหาร เขายกหน้าที่นั้นให้พี่ชายอย่างไม่อิดออด ด้วยเพราะชอบการลงลุยงานมากกว่ามองภาพรวมจากมุมสูงเหมือนนกอินทรี อีกทั้งยังเข็ดขยาดกับตัวเลขมหาศาลที่พาลให้ปวดหัว แต่นั่นก็ไม่น่าสะอิดสะเอียดเท่ากับการที่ต้องทำงานศิลปะที่รักควบคู่กับการคำนึงถึงการตลาด


…โลกของธุรกิจคือปีศาจตัวร้ายที่คอยทำลายจินตนาการของนักสร้างสรรค์...

   
“เราได้เมนหลักของเดือนหน้าแล้วนะครับ” เด็กหนุ่มไฟแรงคนหนึ่งในสังกัดของว่าที่พี่สะใภ้ที่เขาจำชื่อไม่ได้เกริ่นนำขึ้นมา 

   
“อืม เดือนแห่งความรัก หวังว่าเมนของเล่มคงไกลจากความรักนะ” ดีนพูดดักคอจนอีกฝ่ายลอบกลืนน้ำลาย หันมองหัวหน้าทีมอย่างต้องการความช่วยเหลือ ทว่าหญิงสาวที่ยังปั้นหน้านิ่งตั้งแต่เข้ามากลับไปยอมปริปากพูดอะไร

   
“แต่เดือนแห่งความรัก เราก็ต้องยกความรักมาพูดถึงนะครับ อีกอย่าง ก็ถือเป็นการฉลองที่ความรักของท่านประธานกับพี่ดาวสุกงอมเต็มที่จนลั่นระฆังวิวาห์ด้วย”

   
“เวิ่นเว้อ”

   
คล้ายเป็นการประกาศเจตนากลาย ๆ ว่าตนไม่ยินดีกับงานแต่งของคนทั้งคู่สักเท่าไหร่จนเพื่อนสาวคนสนิทที่นั่งข้างกันต้องเตะขาเตือนสติ

   
ดีนไม่ใส่ใจ ไม่จำเป็นจะต้องเสแสร้ง แม้อาจทำให้หญิงสาวที่นั่งชูคอด้วยใบหน้าเรียบตึงนั่นเสียหน้าไปบ้างก็ตาม “นิตยสารหัวไหน ๆ ก็คงทำเรื่องความรัก เราจำเป็นจะต้องไปตามกระแสด้วยรึไง”

   
“แต่เราจะนำเสนอในมุมที่แตกต่างตามแบบฉบับของเรา รวมถึงนำเสนอเรื่องราวความรักของท่านประธานซึ่งสังคมกำลังจับตามอง มีแต่คนอยากรู้ ยังไงก็ต้องได้รับความสนใจที่ดีแน่ครับ”

   
“คิดว่านี่เป็นไอเดียที่ดีแล้วเหรอ” คราวนี้ชายหนุ่มตั้งใจส่งคำถามไปให้คนเป็นหัวหน้าแผนกแทนลูกน้อง ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่กับการไม่รักษาน้ำใจกันต่อหน้าทีมงานทั้งหมด เพราะดีนถือว่าการถกเถียงเรื่องงานให้จบในที่ประชุมย่อมดีกว่าการเก็บความไม่พอใจไปก่อให้เกิดความบาดหมางนอกรอบ


ดาวหันมามองสบ นัยน์ตาเรียบเฉยไม่แพ้อีกฝ่าย “ขอโทษที่อาจไม่ถูกใจบอกอนะคะ เพียงแต่ทีมของฉันเห็นพ้องต้องกันว่าน่าทำ ฉันก็เลยให้พวกเขาลองเสนอคุณดู”


“ไม่มีความสามารถพอจะห้ามลูกน้องเหรอ”


“ปากหมา” ผิงที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยตำหนิเบา ๆ ให้ได้ยินกันสองคน แม้ว่าจะมีคนอ่านปากเธอได้ แต่ก็ไม่ถือเป็นการหักหน้า ‘เจ้านาย’ มากนัก


“เอ่อ คิดไตร่ตรองกันไปก่อนนะคะ ผิงขอตัวบอกอไปปรับทัศนคติสักครู่” กล่าวจบแล้วก็กึ่งลากกึ่งจูงคนตัวโตออกจากห้องโดยที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจสักนิด ห้องประชุมเล็กที่อยู่ติดกันคือสถานที่ ‘ปรับทัศนคติ’ ที่ผิงเลือก


“เป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย” ผิงถามอย่างอ่อนใจหลังจากที่ดันอีกฝ่ายเข้ามาในห้องด้วยกันพร้อมปิดล็อคประตูเรียบร้อยแล้ว


ดีนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ยกขาขึ้นไขว่ห้าง ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนผิดกับอารมณ์คนที่กำลังยืนต่อว่าอยู่ตรงหน้า “ฉันยังไม่ได้ใช้อารมณ์เลยสักนิด เหตุผลล้วน ๆ”


“เหตุผลกวนประสาทน่ะสิ”


“แล้วเธอคิดว่าไอ้ไลฟ์ฉบับเลิฟนั่นมันดีพอเหรอวะ กุมภาฯทีไรก็เล่นเรื่องความรักทุกที น่าเบื่อ”


ผิงจะไม่อะไรเลยถ้าหากคำปิดท้ายนั้นไม่ใส่อารมณ์ตามคำพูดมาเต็มที่จนอดกลอกตามองบนทีล่างทีไม่ได้ หมั่นไส้พ่อคนไม่อินเรื่องความรักเหลือประมาณ “ก็เพราะว่าเป็นกุมภาฯไง เรื่องความรักมันถึงได้น่าสนใจ ถึงจะมีทุกปี แต่ก็ใช่ว่าเราจะทำออกมาเหมือนกันซะหน่อย”


“ไม่เหมือน เพราะเล่มนี้นำเสนอเรื่องราวของประธานบริหารกับหัวหน้าคอลัมนิสต์น่ะเหรอ ที่ฉันห้ามก็เพราะหวังดีหรอกนะ กลัวว่าตีพิมพ์ไปแล้วสุดท้ายไม่ได้แต่ง จะอายไปมากกว่านี้”


“ปากเสีย!” แม้จะด่าเพื่อน แต่ก็ทำให้ผิงเอะใจอยู่เหมือนกัน ปกติแล้วดาวก็ไม่ใช่คนชอบเอาความรักมาป่าวประกาศ นึกสงสัยในคราแรกว่าทำไมถึงยอมให้ลูกน้องในทีมนำเรื่องของเธอมาเขียนเป็นเมนของเล่ม อาจเป็นเพราะเจ้าตัวยังไม่อยากให้ใครรู้ว่างานวิวาห์ของเธอมีโอกาศล่มสูงขนาดไหนก็เป็นได้


“แต่ก็ได้ข่าวมาว่าเด็กมันวางคอนเซ็ปต์แต่ละคอลัมน์ไว้หมดแล้วนะ”


“เด็ก?”


“อือ เด็กฝึกงานแผนกพี่ดาวไง เจ้าของไอเดียนี้”


“เหอะ! เด็กนั่นอินเลิฟรึไงหรือคิดว่าการเกาะกระแสข่าวสังคมจะช่วยให้หนังสือดังได้”


“พาล”


“…?”


“นายไม่มีความรักก็อย่าขวางโลก ไว้นายเจอคนที่ทำให้รู้จักความรักเมื่อไหร่ ขี้คร้านจะออกไลฟ์ฉบับเลิฟทุกเดือน”


“เหอะ! ไม่มีทาง”


บทสรุปของการประชุมในวันนี้คือดีนต้องยอมอ่อนให้กับทีมคอลัมน์ แม้ธีมหลักของเล่มจะผ่านด้วยความฝืนใจเต็มที แต่ดีนก็ยังไม่ยอมแพ้เสียทีเดียว ผู้มีอำนาจสูงสุดในการจัดทำให้การบ้านฝ่ายนั้นไปคิดออกแบบทั้งเล่มมานำเสนอในวันจันทร์หน้าซึ่งเหลือเวลาเพียงแค่สี่วันเท่านั้น หากครั้งนี้ไม่ถูกใจ คงไม่ยอมให้ไลฟ์ฉบับเลิฟเกิดขึ้นแน่นอน!


。。。。。


คืนวันอาทิตย์ที่อาจจะหนักหน่วงสำหรับทีมคอลัมน์แต่ไม่ใช่สำหรับบรรณาธิการหนุ่มหล่อ เพราะเขามีนัดนั่งชิลกับเพื่อนสมัยมัธยมที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง

   
มองไปรอบร้าน ก็พบว่าบรรยากาศดีทีเดียว ร้านนี้เพื่อนที่ชื่อธันวาเป็นคนนัด ได้ยินมาว่าเป็นร้านของเพื่อนของบอมพ์ คนที่ธันวาเคยแนะนำให้รู้จักสมัยเรียนแล้วบอกว่าพ่อมันเป็นแพทย์ประจำตระกูลเขา หย่อนก้นลงนั่งแล้วก็มองคู่รักที่ความรักไม่เคยจืดจางตามกาลเวลาฝั่งตรงข้ามด้วยความหมั่นไส้ จริง ๆ ก็มองตั้งแต่เห็นระยะไกลแล้ว ผู้ชายคนนั้นวางแขนพาดเก้าอี้เพื่อนของเขาแสดงความเป็นเจ้าของออกนอกหน้าสะดุดตาเสียอย่างนั้น

   
“ถ้ารู้ว่ามึงพาแฟนมาด้วย กูจะไม่มา”

   
“เพื่อนมึงวอนส้นตีนกู”

   
“อย่าถือสาดีนดิพี่แรม” หนุ่มน่ารักที่สุดในกลุ่มนามว่าธันวาหันไปมองค้อนไอ้พี่แรมอย่างน่ารัก เออ มันน่ารัก แต่ไม่ถึงกับสาว ธันวาก็เป็นผู้ชายแมน ๆ เป็นคนหล่อที่ได้แฟนหล่อกว่า ได้กันไปได้กันมาก็ชักจะกลายเป็นหนุ่มหน้าตาน่ารักขึ้นทุกวัน ส่วนไอ้พี่แรมของมันก็เป็นผู้ชายที่เท่ฉิบหาย  เท่จนน่าหมั่นไส้ คนอะไรจะเท่ทั้งภาพลักษณ์ทั้งความคิด แถมสองคนนี้ยังเป็นหมอด้วยกันทั้งคู่อีก

   
“มึงก็วอนตีนจริงอย่างที่พี่แรมว่านั่นแหละไอ้ดีน ไม่มีอะไรก็ทำให้มันมีขึ้นมาได้นะไอ้ห่า”

   
ดีนไหวไหล่ ไม่สนใจ รับแก้วที่เพื่อนชงให้มาดื่มอย่างสบายใจ เพื่อนกลุ่มนี้คือเพื่อนที่สนิทตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม มีสมาชิกกันทั้งหมดหกคน สองในหกเป็นหมอ นอกจากธันวาคนน่ารักก็มีไอ้เก่งอีกคน ไอ้นี่มันเก่งสมชื่อ เป็นที่พึ่งพาของเพื่อนได้ทุกเรื่องจริง ๆ ส่วนคนที่ชงเหล้าให้เขาเมื่อครู่นี้ชื่อทีม หมอนี่ชงเหล้าเก่งชนิดที่ถูกใจเพื่อนทุกคน อีกสองคนเป็นแฝดนรก คนหนึ่งโอม คนหนึ่งนะโม แม่มันตั้งชื่อตามคำขึ้นต้นบทสวด มาหมดทั้งพุทธทั้งพราหมณ์ แม่คงหวังให้ลูกขึ้นสวรรค์  แต่พวกมันไม่มีศาสนาในจิตใจ วัน ๆ คิดแต่เรื่องลงนรก 

   
ดื่มเหล้าพลางฟังเพลงบ้างฟังเพื่อนพูดบ้าง สายตาก็มองสำรวจไปทั่วร้านตามประสาคนช่างหาแรงบันดาลใจในต่างที่ บางมุมเห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากร้านเปิดตอนกลางวัน เขาคงต้องหาเวลาสักสองสามชั่วโมงมาหมกตัวอยู่ที่นี่

   
มองไล่ไปทั่วก่อนมาหยุดสายตาที่คู่รักตรงหน้า สองคนนั้นก็ไม่ได้พลอดรักอะไรกันนัก ธันวาไม่ใช่คนชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อต่อหน้าเพื่อนฝูง แต่ทั้งที่นั่งข้างกันเฉย ๆ แบบนั้น ทำไมถึงรู้สึกได้ถึงความรักที่แผ่กระจายออกมา

   
และสงสัยจะเพราะว่าจ้องนานเกินไป แขนแกร่งที่เคยวางพาดเก้าอี้ถึงได้เลื่อนขึ้นมาคล้องคอคนข้าง ๆ


ดีนหัวเราะหึ


...ยังไม่เลิกหวงอีกเหรอ…


“ไอ้ดีน มึงมองพวกมันทำไมวะ ไอ้พี่แรมจะแดกหัวมึงอยู่ละ” มือชงของกลุ่มสะกิดถามอย่างหวาดกลัว


ใคร ๆ ก็กลัวแรมกันทั้งนั้น จะมีก็แต่ดีนที่ไม่สนใจอะไร หนำซ้ำยังกล้ากวนประสาทอีกฝ่ายอยู่บ่อยครั้ง


“ไอ้ธันว์…ทำไมมึงถึงยังคบกับเขาวะ”


“ไอ้ห่า!” เพื่อนฝูงรอบวงพร้อมใจกันสรรเสริญความกล้าของเขา แต่ดีนไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะหวาดหวั่นกับอารมณ์คุกรุ่นของคนที่ถูดพาดพิงเลยสักนิด


“ถามอะไรของมึงไอ้ดีน ไอ้ห่านี่ไม่เคยตายจริง ๆ ด้วยสินะ” เก่ง คนที่สนิทสนมกับแรมมากกว่าเพื่อนคนอื่นของธันวาเอ่ยเตือนอย่างหวาดกลัวตามประสาคนในวงการเดียวกัน รู้จักมักคุ้นกันมาเนิ่นนาน


“ผิดตรงไหน กูไม่ได้ถามว่าเมื่อไหร่มันจะเลิกกันสักหน่อย”


“แล้วมันต่างกันตรงไหนวะ!!” สี่เสียงประสานกัน ขณะที่คู่รักที่ตกเป็นประเด็นยังคงเงียบ ฝ่ายเพื่อนเขานั่งทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทั้งคอยปรามคนรักไม่ให้ลุกพรวดไปเอาเรื่องเพื่อนสนิท ทั้งคอยส่งสายตาให้เพื่อนหยุดพูดในสิ่งที่ชวนให้บรรยากาศมันแย่ไปมากกว่านี้


…ทว่าดีนก็ยังคงเป็นดีน…สงสัยอะไรก็ถาม...


“มันคนละเจตนาเว้ย ถ้าถามว่าเมื่อไหร่จะเลิกกัน มันเนกาทีฟ เหมือนกูไม่พอใจที่พวกมันคบกัน อยากให้เลิกกันเร็ว ๆ แต่ที่ถามว่าทำไมยังคบกันเพราะกูอยากรู้ความรู้สึกของมันเว้ย อยากรู้ว่าทำไมถึงคบกันได้นานขนาดนี้”


“เออ เอากับมัน ไอ้บอกอขี้สงสัย” โอมถึงกับปลงตก ยกมือกุมขมับ เดือดร้อนแฝดน้องต้องช่วยนวดคลึงให้


“ก็รัก…” เสียงแผ่วเบาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบเรียกทุกคนให้หันไปมองกันเป็นตาเดียว ธันวาตอนนี้สองแก้มแดงซ่านด้วยความขวยเขิน “กูรักพี่แรม พี่แรมรักกู”


แรมเลื่อนมือข้างที่พาดคอขาวขึ้นอีกระดับ จนตอนนี้มันวางแหมะและลูบเส้นผมของคนรักด้วยความเอ็นดู


“ง่าย ๆ แค่นั้นเหรอ”


“มันไม่ง่ายหรอกนะดีน”


“แล้วทำไมฟังดูง่าย”


“กูจะอธิบายยังไงดีวะ” ธันวาขยี้หัวด้วยความสับสน “กูไม่รู้ว่าคนอื่นคิดยังไงนะ แต่สำหรับกู มันเลยจุดที่รักกันหวือหวาแล้ว ความหวานมันก็ยังมีอยู่ตามประสาคนรักกัน แต่ที่เพิ่มมาคือมันเป็นความรู้สึกที่เราอยากใช้ชีวิตในทุกห้วงขณะไปกับเขาอ่ะ มึงเข้าใจไหม”


“ทุกห้วงขณะเลยเหรอ”


“กูไม่ได้หมายความว่าต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลานะ แต่หมายถึงว่าเราพร้อมจะแชร์ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตกับเขาคนนี้ ทั้งเรื่องของเราและเรื่องของเขา เราอยากให้ทุก ๆ วันของเรามีเขาอยู่ด้วยกัน บางเรื่องไม่ต้องพูดไม่ต้องเล่าให้ฟังกันก็ได้ แค่เขานั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ดีต่อใจแล้ว ความรักมันไม่มีนิยามตายตัวหรอก พี่แรมเองก็ยังคิดไม่เหมือนกูเลยด้วยซ้ำ วันหนึ่งเมื่อมึงมีความรัก มีใครสักคนที่ทำให้รู้สึกว่าอยากอยู่ด้วยกันแบบคู่ชีวิต มึงอาจจะรู้สึกต่างหรือเหมือนกันกับกูก็ได้”


“กูจะพยายามเข้าใจ”


“กูไม่แปลกใจเลยทำไมมึงถึงไม่เคยมีแฟน” คราวนี้แรมเอ่ยออกมาบ้าง “อย่าโทษว่าเพราะปากหมาเลยไม่มีใครชอบนะ เพื่อนมึงก็ปากหมากันทั้งนั้น กูเองก็ปากหมา ยังมีแฟนเลย”


“ที่มันไม่มีก็เพราะว่ามันเลือกต่างหากล่ะพี่” เก่งแย้งแทนเพื่อน เพราะเป็นที่รู้กันว่าไม่ว่าใครเข้าหาดีนมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่เคยเล่นด้วยสักราย


“มึงจะด่าว่ากูไม่เลือก?”


“ปะ เปล่านะพี่” เก่งยกมือโบกพัลวันก่อนที่ธันวาจะพาลโมโหไปอีกคน “แต่ไอ้ดีนมันรอพรหมลิขิต”


“กูไม่เชื่อในพรหมลิขิต”


“เอากับมันสิวะ” คราวนี้โอมต้องเป็นฝ่ายนวดขมับให้แฝดน้องบ้างแล้ว


“กูแค่เชื่อในเรื่องของเวลาที่เหมาะสม”


“เออ ไอ้ห่า ฟังมึงพูดแล้วพวกกูปวดหัวฉิบหาย” ทีมบ่นก่อนจะซดเหล้าที่เริ่มจืดจนหมดแก้ว


“หมายถึงผิง?” ธันวาเลิกคิ้วถาม


“เกี่ยวอะไรกับผิงวะ นั่นของกูนะเว้ย” ไอ้คนติ๊ต่างว่าเขาเป็นของตัวร้องโวยวายใหญ่


“เขาไม่ชอบมึงหรอก เลิกโง่เถอะไอ้เก่ง” นะโมตบหัวเพื่อนไปหนึ่งฉาด เทียวไล้เทียวขื่อตั้งแต่เจอกันครั้งแรกตอนปีหนึ่งที่ยกโขยงกันไปหาดีนที่คณะ แต่ก็อย่างที่นะโมว่า เก่งไม่เคยอยู่ในสายตาเธอเลย


“ผิงไม่ได้ชอบกู กูก็ไม่ได้ชอบผิง”


“มึงแน่ใจเหรอวะ” คราวนี้แฝดพี่ถามย้ำ


“กูไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องของเพื่อนมาป่าวประกาศ”


“หมายความว่ากูยังมีสิทธิ” เก่งยืดตัวพูดอย่างมีหวัง


“มึงยังหวังอยู่อีกเหรอไอ้หมอควาย!”


“สัด กูรักษาคน”


หลังจากนั้นก็เป็นการพูดคุยสังสรรตามประสาเพื่อนฝูงจนไม่มีใครทันได้สังเกตคนที่เงียบไปอย่างดีนนอกจากคู่รักตัวอย่างของกลุ่ม แรมลูบไหล่คนรักด้วยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเพื่อน ขณะที่ดีนกำลังครุ่นคิดถึงคำตอบของธันวา คิดตรึกตรองอยู่นานก็ยึดเป็นข้อสรุปให้กับทุกคู่รักที่ตัดสินใจอยู่ด้วยกัน



In reply to DEAN
DEAN @DEANada 4s
@DEANada คงเป็นเพราะอยากอยู่เคียงข้างกันในทุก ๆ วัน #เหรอวะ



ดีนละจากหน้าจอหลังจากรัวนิ้วพิมพ์ตอบทวีตของตัวเองเมื่อหลายวันก่อน ใบหน้าที่เป็นส่วนผสมของสามเชื้อชาติอย่างลงตัวเงยขึ้นในจังหวะที่เพลงโปรดของใครหลายคนดังขึ้น ก็คงจะโปรดจริง เพราะคนเกือบทั้งร้านพร้อมใจกันเปล่งเสียงร้องเนื้อเพลงท่อนแรกไปพร้อมกับนักร้องบนเวที



‘ฉันโชคดีเหลือเกินที่ได้ตื่นมาพร้อมเธอ อีกครั้ง’



ให้ตายเถอะ! มองไปทางไหนก็เห็นคู่รักหันหน้าเข้าหากันพลอดรักกันหวานซึ้งจนต้องเบือนหน้าหนี แต่ก็ดันมาพบกับคู่รักในกลุ่มเสียได้ เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เห็นธันวาในโหมดอ้อนแฟนแบบนี้



‘คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะมีโอกาสถึงวันไหน’



ธันวาเอียงคอจนศีรษะอิงซบลาดไหล่คนรักถู ๆ ไถ ๆ ท่าทางเหมือนลูกแมวอ้อนเจ้าของ อีกฝ่ายก็ลูกผมธันวาอย่างแสนรักแสนหวง นัยน์ตาที่เพื่อนเขาบอกว่าดุและพากันกลัวจ้องมองธันวาด้วยสเน่หาเต็มเปี่ยม



‘อยากจะบอกว่ารัก ฉันรักเธอ อยากจะบอกให้รู้ ให้เข้าใจ เผื่อฉันไม่มีโอกาสบอกเธออีกต่อไป ให้เธอจำคำ ๆ นี้เอาไว้’



‘…ว่าฉันรักเธอ’


ให้ตายเถอะ! ทำไมเขาต้องนั่งจ้องสองคนนั้นพลอดรักกันจนอ่านปากเพื่อนผู้น่ารักได้เป็นประโยคชวนเลี่ยนนั่นด้วย




DEAN @DEANada . 1s
ฉันโชคดีเหลือเกินที่ได้ตื่นมาพร้อมเธอ อีกครั้ง // นี่สินะความรู้สึกของคู่รักที่(ยัง)อยากอยู่ด้วยกัน








TBC.
-------------------------------------------------
การที่คน 2 คน จะโคจรมาพบกันนั้นไม่ง่าย
เป็นกำลังใจให้ดีนกับรณณ์ด้วยนะคะ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 17-03-2017 23:05:25
ชอบค่ะ พี่ดีนดูขว้างโลกมาก จะรอวันที่พี่ดีนมีความรักนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 17-03-2017 23:31:27
ไม่ชอบก็อย่าพาลสิ อะไรจะขนาดน้านน
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-03-2017 23:52:34
รณณ์ฝึกงานอยู่แผนกไหนนี่
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 18-03-2017 14:36:46
สนุกค่ะ  :L2:   รอให้ทั้งสองเจอกันไวๆ แล้วจะเป็นยังไงต่อในเมื่อชอบกันคนละแนว
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-03-2017 20:59:59
 :L2: :pig4:

มามา ค้นใจพี่ดีนกัน

ชอบอ่านเรื่องนี้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 19-03-2017 16:40:02
คุณดีนไม่ชอบอะไรดาว บาดหมางอะไรกันนะ??
แต่พี่แรมกับธันวาทำเขินอ่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 19-03-2017 17:43:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 19-03-2017 17:48:30
ชอบอะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 19-03-2017 21:23:51
กด follow ตามติดแอคเคาท์ดีนด้วยคน ดูมีระบบความคิดทีไม่เหมือนใครดี แค่คิดไม่เหมือนคนอื่นไม่ได้แปลว่าผิดซะหน่อย ใครเป็นคนตัดสินผิดถูก..ลุ้นให้เค้าเจอกันสักที555
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 4 [27/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 27-03-2017 09:06:50
ห า กั น จ น เ จ อ


ตอนที่ #04







   
สี่วันสามคืนแล้วที่รณณ์ต้องนั่งปั่นงานตามคำสั่ง ‘บก.สุดโหด’ อย่างที่รุ่นพี่ในแผนกกล่าวขาน

   
‘ถ้ารั้นจะทำธีมนี้ให้ได้ ก็หมายความว่าพวกคุณคิดทุกอย่างไว้หมดแล้ว ถึงได้เสียดายนักถ้ามันจะไม่ได้ออกสู่สายตาคนอ่าน ถ้าอย่างนั้น…วันจันทร์หน้าก็นำฉบับเกือบสมบูรณ์มานำเสนอในที่ประชุมด้วยแล้วกัน…เผื่อว่าผมจะรู้สึกเสียดายมันบ้าง’

   
บก.ว่าไว้อย่างนั้น

   
จากคำบอกเล่าของทศรุ่นพี่ในแผนก นั่นคือการกล่าวปิดท้ายความดุเดือดในห้องประชุมที่นักศึกษาฝึกงานอย่างเขายังไม่มีสิทธิเข้าไป

   
ไอเดียในแต่ละคอลัมน์ที่อยากเขียนก็มีอยู่พร้อมจริงอย่างที่บรรณาธิการสุดโหดคนนั้นคาดเดา แต่ก็ไม่ง่ายเลยที่จะเขียนเสร็จทั้งหมดในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน ยิ่งในภาวะเร่งรีบแบบนี้ สมองก็พาลตีบตันไปเสียหมด เขียนออกมาได้ก็ใช่ว่าจะเป็นที่น่าพอใจ บางหัวข้อปรับแก้แล้วแก้อีก บางหัวข้อก็ต้องเริ่มคิดใหม่เขียนใหม่ทั้งหมด ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่จะสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ถูกใจคนออกคำสั่งภายในเวลาสั้น ๆ นี้

   
ช่วงในเวลางาน แผนกคอลัมน์ที่เขากำลังฝึกงานภายใต้หัวเรือใหญ่อย่างดาว เคร่งเครียดกันตลอดทั้งวัน หลังเลิกงานแล้วก็พากันมาหมกตัวเพื่อสร้างสรรค์ผลงานต่อที่เพ้นเฮาส์หรูของหัวหน้าแผนกสาว

   
โต๊ะอาหารตัวยาวใกล้ห้องครัวถูกลูกทีมกว่าสิบคนยึดเป็นพื้นที่ทำงาน พิซซ่าถาดกลางหลากหลายหน้าวางกระจายตามกลุ่มคนทั่วทั้งโต๊ะเป็นอภินันทนาการจากเจ้าของห้อง ปกติแล้วเธอไม่ชอบให้ทำงานไปพร้อมกับการรับประทานอาหารสักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เธอต้องอนุโลม เพราะงานที่ต้องเดินตลอดเวลา ไม่มีใครยืนยันได้ว่าช่วงที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่จะคิดงานไม่ออก ขณะเดียวกันก็ไม่มีใครรับประกันได้เช่นกันว่าสมองจะโลดแล่นในตอนนั้น

   
อีกสองชั่วโมงจะขึ้นวันใหม่ วันของการพิจารณาธีมของฉบับนี้ใหม่อีกครั้ง แต่ต้นฉบับที่อยู่ในมือของหัวหน้าสาวที่มากเกินครึ่งก็ไม่ได้ทำให้ทีมงานสบายใจนัก ต่างก็ขะมักเขม้นเค้นสมองกันกลั่นออกมาเป็นตัวหนังสือที่ตรงใจมากที่สุด

   
ใครบอกว่าเด็กฝึกงานจะไม่ต้องรับผิดชอบหรือเครียดกับงานครั้งนี้มากเท่าคนอื่น เพราะนอกจากจะต้องรับผิดชอบกับไอเดียในแต่ะละคอลัมน์ที่เป็นเหตุสืบเนื่องจากการเสนอไอเดียเข้าตาเพื่อนร่วมทีมแล้ว เขายังมีคอลัมน์ที่ต้องเขียนเองคนเดียวอีกด้วย


ตามกฎของการฝึกงาน นักศึกษาจะต้องเขียนหนึ่งคอลัมน์ของตนเองตามคอนเซ็ปต์ของเล่มในช่วงเดือนที่มาฝึก จะผ่านหรือไม่นั้นก็ขึ้นกับบรรณาธิการเพียงผู้เดียว สิ่งที่หัวหน้าแผนกอย่างดาวทำได้มีเพียงแค่การขัดเกลาและผลักดันเด็กหนุ่มให้ผ่านมันไปอย่างสวยงามให้ได้เท่านั้น


ครืด ครืด


เพราะทุกคนพากันปิดทุกการแจ้งเตือน แต่พอรับรู้ถึงแรงสั่นครืดของเครื่องมือสื่อสารของบางคนบนโต๊ะอาหาร ถึงได้พากันหันมอง สายเรียกเข้าเป็นเพียงช่องทางเดียวของการติดต่อที่ทุกคนไม่ได้ตัดขาด เด็กหนุ่มเจ้าของเครื่องก้มหัวรอบโต๊ะพร้อมเอ่ยขอโทษเบา ๆ  ทว่าไม่มีใครไม่พอใจ ต่างสนับสนุนให้เขาได้พักพูดคุยกับปลายสาย เพราะต่างก็สมองล้าจนต้องการการพักผ่อนกันทั้งนั้น


“หวัดดีครับฝน” รณณ์รับสายทันทีที่พาตนเองออกมายืนสูดอากาศสดชื่นตรงระเบียงชั้นบนสุดของอาหารแห่งนี้


ฝนคือหญิงสาวคนล่าสุดที่เขาพูดคุยด้วยในสถานะที่มากกว่าเพื่อน แต่แน่นอนว่าเธอยังไม่ได้เลื่อนขึ้นไปถึงคำว่าคนรัก ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้คุยกับใครหลายคน แม้สถานะจะไม่ชัดเจน แต่รณณ์ก็ไม่เคยดูใจพร้อมกันหลายคนในเวลาเดียวกัน


[รณณ์คะ งานยังไม่เสร็จอีกเหรอ]


“ยังครับ ฝนมีอะไรรึเปล่า แล้วนี่อยู่ไหน เสียงเพลงดังเชียว”


…เผื่อฉันไม่มีโอกาสบอกเธออีกต่อไป ให้เธอจำคำ ๆ นี้เอาไว้ ฉันรักเธอ…


[ก็ออกมาเที่ยวกับเพื่อนไง ฝนชวนรณณ์แล้วนะเมื่อวานอ่ะ]


อ้อ…ลืมไปเสียสนิท แต่ฟังจากเสียงเพลงที่ไม่ดังมากเท่าไหร่ คิดว่าสถานที่ที่หญิงสาวไปคงเป็นแค่ร้านนั่งชิลมากกว่าจะเป็นไนต์คลับ


“ดูแลตัวเองดี ๆ นะครับฝน”


[ถ้าเป็นห่วงก็ตามมาดูแลเองสิคะ]


“ผมต้องทำงานนะฝน”


[ช่วงนี้รณณ์ไม่มีเวลาให้ฝนเลยนะคะ]


ชายหนุ่มยกมือลูบหน้าด้วยความเหนื่อยล้า เหนื่อยไปเสียหมดทั้งกายและใจ แสงสียามค่ำคืนของตึกรามในทิวทัศน์ร้อยล้านแบบนี้ก็ยังไม่ช่วยเยียวยาเลยสักนิด “ผมต้องฝึกงานนะฝน”


[รณณ์ก็อ้างแบบนี้ตลอดแหละ]


เพราะเรียนกันคนละคณะ ช่วงฝึกงานก็ไม่ตรงกัน และทั้งที่เธอก็ผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาแล้ว ทำไมถึงไม่เข้าใจเขาบ้างว่ามันต้องทุ่มเทขนาดไหน


“เรา…หยุดกันแค่นี้ไหมฝน” ไม่ง่าย…แต่ก็ไม่ยากที่จะเอ่ยคำตัดรอน “ผมคงจะไม่มีเวลาให้ฝนไปอีกนาน ผมไม่อยากให้ฝนมาเสียเวลารอ”


[รณณ์…]


“ผมขอโทษ”


[ฝนคิดมาตลอดว่ารณณ์จะหยุดที่ฝน ฝนรอรณณ์ได้นะ]


“อย่ารอเลย” พูดออกไปแทบจะในทันทีแบบไม่ต้องคิด ตกใจตัวเองเหมือนกันที่ไม่คิดเสียดายเวลาที่ศึกษากันมาเกือบครึ่งปี แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาปล่อยให้ความสัมพันธ์ที่ดูจะไปได้ดีต้องจบลงเพียงเพราะรู้สึกว่าไม่ใช่ “ผมขอโทษอีกครั้งนะ”


แม้ฝนจะทำเหมือนเข้าใจและยอมจบกันง่าย ๆ อย่างที่รณณ์ต้องการ แต่เขารู้ว่าลึก ๆ ในใจของเธอนั้นไม่ได้เข้าใจเขาจริง ๆ หลังจากนี้เธออาจจะยังตามตื้อเขาเหมือนเดิม คงติดต่อมาพูดคุยกันเหมือนกับว่าเรื่องที่คุยกันคืนนี้ไม่ได้เกิดขึ้น


นักศึกษาหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกอยากระบายจนต้องกดเข้าแอพพลิเคชั่นรูปนกสีฟ้าที่ไม่ได้เข้าไปนานตั้งแต่วันที่ได้รับคำสั่งเร่งงานจากบรรณาธิการ



RONN
@ronn . 2s
เป็นคนหุ่นดีก็เลยหาไซส์เสื้อใส่ง่าย แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะใส่แล้วรู้สึกว่าเข้ากับเรา #ความรักก็เช่นกัน




   
ยอมรับว่าชื่อแอคเคาท์ที่ใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดนั้นตนทำตามคุณดีน ไม่แปลกไม่ใช่หรือที่เขาจะทำตามไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ แต่เดี๋ยวนะ! นี่เขาติดเชื้อคุณดีนมาแล้วหรืออย่างไร ถึงได้ทวิตคล้ายเขาแบบนี้!

   
จะว่าไปก็คิดถึงคุณดีนอยู่เหมือนกัน

   
หลังจากวันที่รู้ว่าคุณดีนมักจะไปนั่งที่ร้านกาแฟแห่งนั้นทุกเย็นหลังเลิกงาน และแม้ว่าจะหมายมั่นว่าจะต้องไปแอบเจอเขาให้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเวลาและภาระหน้าที่กลับไม่เอื้ออำนวยให้ทำแบบนั้นเลยสักนิด ความรู้สึกที่รู้ว่าไอดอลที่เราชื่นชอบอยู่ใกล้แค่เอื้อมและโอกาสเจอกันก็มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนที่แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้ แต่กลับไปหาไม่ได้ มันก็วูบโหวงในใจไปอีกแบบ

   
รณณ์ดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ เขาใช้เวลาพักไปเพียงสองสามนาทีเท่านั้น ยังพอมีเวลาให้เอ้อระเหยอีกสักหน่อย เด็กหนุ่มกดเข้าแอคเคาท์ของคนที่จำได้ขึ้นใจเพื่อไล่อ่านความเป็นไปของอีกฝ่าย

   
แต่ทันทีที่เข้าไปเห็นทวิตล่าสุดที่อีกฝ่ายเพิ่งโพส ก้อนเนื้อตรงอกซ้ายก็บีบรัดรัวเร็วอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเพิ่งอัพเดทมันเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง แต่เพราะเนื้อหาของมันต่างหาก

   
…คุณดีนโพสเนื้อเพลง...

   
เท่าที่ติดตามมานานก็พอให้เขาเก็บเป็นสถิติได้ว่าทุกครั้งที่อีกฝ่ายโพสเนื้อเพลง เขามักจะอยู่ในสถานบันเทิงสักที่ รณณ์ยังจำได้ว่าครั้งหนึ่งคุณดีนเคยบอกเอาไว้ว่าเพราะฟังเพลงในร้านเหล้ามันอินและเข้าถึงเนื้อเพลงได้มากกว่าฟังในรูปแบบอื่น และเพลงที่เพิ่งโพสเมื่อครู่ เขาไม่อยากจะคิดไปเองเลยว่าคุณดีนกำลังนั่งฟังเพลงในร้านเดียวกับหญิงสาวที่เขาเพิ่งตัดสัมพันธ์ไป!

   
หากคืนนี้เขาไปกับเธอ ป่านนี้เขาก็คงจะกำลังมองหาคุณดีนเสียทั่วร้านแล้ว

   
…คลาดกันอีกจนได้…

   
。。。。。

   
สภาพอย่างกับศพ

   
คำนิยามง่าย ๆ สำหรับเหล่าคอลัมนิสต์ของนิตยสารไลฟ์ในเช้าวันจันทร์ ดีหน่อยที่สาว ๆ มีสิ่งที่เรียกว่าเครื่องสำอางช่วยปกปิดรอยไม่พึงประสงค์บนใบหน้าได้ แต่ชายแท้อย่างรณณ์และพี่ ๆ อีกหลายคนในแผนกจำต้องโชว์หลักฐานของการตรากตรำทำงานไปทั่วทั้งออฟฟิต

   
เสียงหัวเราะคิกคักดังนำมาก่อนที่หลังมือของใครบางคนแตะเข้าที่แขนนักศึกษาหนุ่ม ทำเอาเจ้าของที่เดินตาปรือจะหลับแหล่มิหลับแหล่สะดุ้งด้วยความตกใจ


“กาแฟหน่อยไหมรณณ์”


รณณ์ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนเอ่ยทักทายหญิงสาวที่ตนมีโอกาสได้รู้จักในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนจะตัดสินใจฝึกแผนกของดาว “ผมไม่ดื่มกาแฟครับพี่ผิง อย่างผมต้องกระทิงแดงหรือไม่ก็เอ็มร้อยครับ”


“ฮาร์ดคอเหมือนกันนะเราเนี่ย เห็นหน้าใส ๆ ดื่มอะไรแบบนั้นเป็นด้วยเหรอ” พูดออกไปแล้วก็นึกถึงเพื่อนชายคนใกล้ตัว รายนั้นแม้จะชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ แต่พอต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำกาแฟสักหยดกลับไม่แตะ เครื่องดื่มชูกำลังเท่านั้นที่หมดไปเกินจำนวนตามมาตรฐานที่กำหนดต่อวัน


นึกถึงก็เห็นหลังเจ้าตัวเดินผ่านไปไว ๆ จนต้องรีบหยุดหยอกแซวหนุ่มรุ่นน้องแล้วร้องเรียกอีกฝ่ายไว้ก่อนที่จะหายเข้าไปในลิฟต์


“บอกอ รอด้วยดิ”


รณณ์มองตามหญิงสาวไป แม้จะตาปรือแต่ก็มองเห็นว่า ‘บก.’ เพียงแค่ยกมือขึ้นส่ายไปมาแต่ไม่ได้หันมามองคนเรียกเลยสักนิด ก่อนที่เธอจะเดินตามทันแล้วหายเข้าไปในกล่องโดยสารกันทั้งคู่


“มองบอกอกับคุณผิงอยู่เหรอไอ้รณณ์” หญิงสาวจากไปก็มีชายหนุ่มรุ่นพี่นามว่าทศเข้ามาทักทายอีกคน รณณ์ยิ้มบางอย่างคนหมดแรงให้กับรุ่นพี่ที่เพิ่งจากกันไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เพื่อแยกกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านของตัวเองแล้วมาทำงาน


“ใคร ๆ ก็คิดว่าเขาคบกันอยู่ เหมาะกันมากเลยนะ แกว่าไหม”


“ครับ” รณณ์ตอบตามความจริง แม้จะยังไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าของบรรณาธิการหนุ่มชัด ๆ แต่แค่มองจากด้านหลังแบบนี้ เขาก็รับรู้ได้ว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ อย่างที่คนลือกัน


“เห้ย! ไปกันเถอะ ต้องเตรียมงานอีก วันนี้กูจะรอดไหมวะ” ประโยคหลังเหมือนเจ้าตัวจะบ่นกับตัวเองมากกว่า แต่ก็ทำเอาเด็กฝึกงานหนุ่มยิ้มขำไปด้วย


“เอาหน่าพี่ เราเต็มที่กันมากแล้ว”


แม้รู้ดีว่ามันยังไม่ใช่ที่สุด แต่ก็ทำได้แค่ให้กำลังใจกันเท่านั้น

.

.

.

สามชั่วโมงแล้ว


เป็นสามชั่วโมงที่นักศึกษาฝึกงานคนเดียวในแผนกคอลัมน์ต้องนั่งสัปหงกอย่างโดดเดี่ยวเพราะไม่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมด้วยทั้งที่เป็นคนออกไอเดียธีมหลักของนิตยสารเล่มล่าสุดเสียด้วยซ้ำ


อาการง่วงซึมที่สะสมจากการอดนอนมาหลายวันจนเครื่องดื่มชูกำลังที่ดื่มไปเมื่อเช้าเริ่มเอาไม่อยู่ ศีรษะพาลจะโขกกับโต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็รอดมาได้แบบผมหน้าม้าได้ปัดฝุ่นบนโต๊ะ


ความจริงแล้วเขาได้รับการอนุญาตจากหัวหน้าสาวคนสวยให้นอนพักได้ระหว่างที่รอคำตัดสินจากบรรณาธิการ แต่เพราะว่าลุ้นสุดตัวอยากทราบข่าวตั้งแต่ที่เห็นทุกคนกลับเข้ามาจนไม่กล้าหลับจริง ๆ จัง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโอ หนังสุดระทึกพร้อมซาวน์ชวนตื่นตาตื่นใจ หรือแม้กระทั่งบทความตลกก็ไม่อาจทำให้เขาถ่างตาได้เลยสักนิด ยิ่งดูยิ่งอ่านก็ยิ่งพาลจะหลับเสียให้ได้ สุดท้ายทนไม่ไหวก็ได้แต่นั่งสัปหงกอยู่อย่างนี้

.

.

.

“ไอ้รณณ์ ไอ้รณณ์เว้ย!”


เจ้าของชื่อสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียก กระนั้นก็ยังมีกระจิตกระใจถามถึงผลที่รอคอยมาหลายชั่วโมงอยู่ดี “เป็นไงบ้างพี่ บอกอว่าไงบ้างครับ”


หลายคนหันมองหน้ากันด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน หลายคนเลือกที่จะหลบสายตา ที่แย่กว่านั้น บางคนถึงกับปลีกตัวเดินกลับโต๊ะตัวเองไปเงียบ ๆ คนอ่อนวัยสุดในที่นี้มองทุกคนอย่างรอคอยคำตอบ หัวหน้าสาวไม่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นคงเป็นตัวแทนที่ยอมเปิดปากบอกเล่าเรื่องราวในห้องประชุมนั่นแล้ว


“แก้ใหม่ว่ะ” เป็นพี่ทศคนดีคนเดิมที่บอกข่าวร้ายแก่เขาเหมือนเมื่อห้าวันก่อน


“ไม่ถูกใจเลยเหรอพี่”


“ไม่เชิงว่ะ ถกเถียงกันอยู่หลายประเด็น สรุปแบบสั้นสุดคือคอนเซ็ปต์แต่ละคอลัมน์น่าสนใจ แต่เนื้อหาที่เขียนยังไม่โดนว่ะ”


“แก้ใหม่…ทั้งหมด?”


ทศยักไหล่แทนคำตอบ ไม่อยากจะยอมรับนักว่าการต่อสู้ครั้งนี้หนักหน่วงกว่าทุกเดือนที่ผ่านมา หรือแม้แต่กับเดือนกุมภาพันธ์ของเมื่อปีที่แล้วเสียด้วยซ้ำ ครั้งนี้ดูเหมือนว่าบก.คนโหดจะไม่ยอมให้ใช้ธีมเกี่ยวกับความรักง่าย ๆ เสียด้วย


“ครั้งต่อไปคือเมื่อไหร่ครับพี่”


“จันทร์หน้า”


รณณ์ระบายยิ้มบาง นี่นับว่าเป็นเรื่องดีเรื่องเดียวของวันเลยก็ว่าได้ การที่บรรณาธิการคนที่เขาไม่เคยพบเจอยืดเวลาให้ขนาดนี้ นั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายยอมรับสิ่งที่พวกเขาคิดกันแล้ว เพียงแต่เห็นว่ามันยังไม่ดีที่สุดเท่านั้นเอง เพราะถ้ายังไม่ยอมรับและรั้นจะเปลี่ยนธีมหลักของเล่มให้ได้ อีกฝ่ายคงเร่งงานมากกว่านี้ ไม่ปล่อยให้เวลามันยืดเยื้อจนใกล้กำหนดพิมพ์แบบนี้แน่


“เออ วันศุกร์นี้ก็อย่าลืมไปปาร์ตี้สละโสดพี่ดาวกับบอสใหญ่ด้วยล่ะ”


“หืม? ทำไมจัดเร็วนักละครับ ได้กำหนดแต่งแล้วเหรอพี่”


“ยัง แต่เพื่อความอิน เพื่องานของเราเว้ย”


เด็กหนุ่มถึงกับหลุดเสียงอ้อออกมาทันที เข้าใจถึงความหมายของอีกฝ่ายในตอนนั้น เพราะคอลัมน์หลักของเล่มต้องใช้รูปจากงานนั้นแทนงานแต่งที่ยังไม่มีกำหนดนั่นเอง

.

.

.

DEAN ใครเป็นคนกำหนดว่าความรู้สึกรักเกิดจากหัวใจ? ใครเป็นคนสร้างความเชื่อว่าหัวใจเป็น abstract ของความรัก ในเมื่อทศกัณฐ์ที่อยู่ในจินตนาการของคนโบราณถอดหัวใจไว้ที่อื่นแต่ก็ยังมีความรู้สึกรักรู้สึกหลง หรือแท้จริงแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ความคิด…คิดว่ารัก    

   

แคปชั่นประกอบรูปแก้วกาแฟที่ถูกแต่งหน้าด้วยนมเป็นรูปหัวใจในอินสตาแกรมของคุณดีนคือการอัพเดทที่ชวนฉงนรับช่วงพักกลางวันของรณณ์

   
ปกติรณณ์จะใช้เวลาช่วงพักกลางวันร่วมกับพี่ ๆ ในแผนก พวกเขาชวนไปไหน รณณ์ก็ติดสอยห้อยตามไม่มีปริปาก วันนี้ก็เช่นกัน ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังใกล้ออฟฟิตเป็นตัวเลือกที่ทุกคนลงความเห็นตรงกัน ในจังหวะที่กำลังรออาหารมาเสิร์ฟนั้นเอง เสียงสั่นครืดแจ้งเตือนของโทรศัพท์ก็ดึงความสนใจของเจ้าของออกจากวงสนทนามาได้

   
เป็นอะไรของเขากันนะ?

   
คุณดีนโพสข้อความแปลก ๆ อีกแล้ว ปกติแล้วคุณดีนไม่ค่อยโพสเรื่องความรักบ่อยนัก นานจนแทบจะนับครั้งได้เสียด้วยซ้ำ แต่ช่วงเดือนนี้กลับโพสเรื่องความรักเกือบทุกครั้ง มันทำให้เขาสงสัยว่าอีกฝ่ายกำลังประสบพบเจอปัญหาอะไรบางอย่างอยู่หรืออย่างไร และแม้รณณ์จะไม่เข้าใจแคปชั่นดังกล่าวแต่อะไรบางอย่างบอกเขาว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกไม่สบายใจ  อยากจะแสดงความคิดเห็นด้วยอีโมติค่อนรูปมือชูสองนิ้วเป็นกำลังใจให้ แต่สุดท้ายก็ทำเพียงแค่กดหัวใจแล้วก็ปิดหน้าจอไปในตอนที่อาหารมาเสิร์ฟพอดี

   
。。。。。

   
สองวันมาแล้วที่ได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่จนเด็กหนุ่มคิดว่าจำนวนชั่วโมงมันออกจะเกินมาตรฐานไปมากเสียด้วยซ้ำ งานที่เคยเร่ง ตอนนี้ก็ทำแบบค่อยเป็นค่อยไปจนเกือบเสร็จหมดแล้ว ระดับความน่าพอใจก็สูงกว่าครั้งก่อน คอลัมน์ในส่วนที่เขารับผิดชอบ เด็กหนุ่มก็เขียนต้นฉบับไว้หลายเรื่องหลายแนว ตั้งใจว่าเมื่อถึงกำหนดส่ง จะให้หัวหน้าแผนกสาวช่วยตัดสินใจดูอีกที เผื่อว่าโอกาสที่มันจะถูกใจบรรณาธิการหนุ่มจะสูงขึ้นอีกสักนิด

   
เฉกเช่นทุกวัน รณณ์จัดโต๊ะเรียบร้อยก่อนคว้าของจำเป็นเพื่อออกไปพักกลางวันกับรุ่นพี่ในแผนก เป้าหมายของพวกเขาวันนี้เป็นแคนทีนที่ชั้นสองของออฟฟิต แต่ยังไม่ทันได้ถึงที่หมาย ก็มีเหตุให้คนอ่อนวัยที่สุดในกลุ่มชะลอเท้าจนเดินรั้งท้ายกลุ่มเสียอย่างนั้น


เพราะประสบการณ์สอนให้เรียนรู้ แรงสั่นครืดจากเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงครั้งนี้ รณณ์จึงไม่พลาดที่จะรีบคว้าขึ้นมากดดู

   
ใบหน้าอ่อนใสแต้มยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นการแจ้งเตือนจากอินสตาแกรมของคุณดีน

   
รูปแก้วกาแฟร้อนวางคู่กับครัวซองค์แฮมชีสดูน่ารับประทาน พื้นหลังเป็นสีของโต๊ะบาร์ไม้ตัวยาวกลางร้านกาแฟร้านเดียวกับที่คลาดกันครั้งก่อนไม่ผิดแน่ ฝ่ายนั้นปรับแต่รูปด้วยโทนสบายตาพร้อมลงแคปชั่นสั้น ๆ ประกอบ ที่ทำเอาเขาใจสั่นระรัว


DEAN Lunch time.

   
“เอ่อ…พี่ ๆ ครับ” เด็กหนุ่มรีบเรียกรั้งกลุ่มรุ่นพี่ที่ตนเพิ่งตอบตกลงจะไปใช้เวลาช่วงพักกลางวันด้วย “ผมคงไปด้วยไม่ได้แล้วครับ ต้องขอโทษจริง ๆ นะครับพี่”

   
“อ้าว ทำไมล่ะไอ้น้อง มีอะไรรึเปล่า”

   
รณณ์กลืนน้ำลายหนืดลงคอ รู้สึกผิดที่ต้องโกหกจนแอบขอโทษขอโพยในใจ

   
“เพื่อนผมมาหาด่วนน่ะครับ ตอนนี้เขารอผมอยู่แล้ว”


   
“…”


   
“ผมไม่อยากคลาดกับเขาอีก”










TBC.
-----------------------------------------------------------------------
ถ้าตอนหน้าเขาเจอกัน จากที่เป็นเรื่องของดีน กับเรื่องของรณณ์
ก็จะกลายเป็นเรื่องของดีนและรณณ์แล้วค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นนะคะ ชื่นจายยยยยย

เพิ่งสังเกตว่าชื่อพระเอกกับนายเอกพอเขียนรวมกันว่า #ดีนรณณ์ แล้วคล้าย #ดิ้นรน ฮ่าๆๆๆ
แม้ว่าพวกเขาต่างรอที่จะพบกัน แต่ก็ต่างใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่ได้ออกตามหาซึ่งกันและกัน
ดังนั้น ถ้าอยากพูดคุยกันในทวิต ก็เชิญที่แท็ค #ไม่ดิ้นรนหา นะคะ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 4 [27/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 27-03-2017 12:15:20
ต้องเจอๆๆ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 4 [27/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-03-2017 12:17:14
 :ling1:

เขาจะเจอกันละ เรานี่ลุ้นตัวโก่ง
จะได้เจอคนที่ชอบนี้ แค่คิดก็เกร็งละ :hao5:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 4 [27/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 27-03-2017 15:48:43
จะได้เจอกันมั้ยยยย
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 4 [27/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 28-03-2017 20:04:14
หมั่นทวิตน้องรณณ์ มีความชมตัวเองว่าหุ่นดี ฮ่าๆๆๆ
เขาจะเจอกันไหมนะ เจอกันเถอะๆ
 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 31-03-2017 20:25:17


ห า กั น จ น เ จ อ


ตอนที่ #05


   




“เขินอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาเขียนเรื่องราวของตัวเองลงคอลัมน์หลักของนิตยสารไลฟ์ฉบับเลิฟเล่มนี้…”

   
เสียงจีบปากจีบคอยามอ่านบรรทัดแรกของบทความที่หัวหน้าแผนกคอลัมน์เป็นคนเขียนก่อนจะโยนต้นฉบับลงบนโต๊ะอย่างไม่ใยดีแล้ววิจารณ์อย่างไม่เกรงใจว่า “นี่เขินแล้วเหรอวะ?”

   
“ฉันจะสรรหาคำไหนมาด่านายดีเนี่ย”

   
ดีนมองเพื่อนสาวที่ตามกลับมาที่ห้องทำงานของเขาด้วยหลังจากที่ถกเถียงกันในห้องประชุมนานเกือบสี่ชั่วโมงแล้ว อีกฝ่ายหย่อนก้นนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เอนหลังพิงพนักไขว่ห้างมองมาด้วยสายตาเอือมระอา

   
“หรือไม่จริง?”

   
“พี่ดาวเธอก็ต้องเขินอยู่แล้ว นายเคยเห็นเธอป่าวประกาศความรักของตัวเองรึไง แต่นี่มันจำเป็นต้องทำ มันคือคอลัมน์หลักของเล่มนะ”

   
“เคยสิ เธอเองก็เคยเจอมากับตัว จำไม่ได้หรือไง?” ดีนถามเสียงเรียบจนอีกฝ่ายหน้าซีดเผือด เหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนเธอยังจำได้ดีราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง

   
“เรื่องมันนานมาแล้วนะดีน”

   
“เธอลืมได้?”

   
ก็ไม่อยากจะยอมรับนักหรอกว่าใครจะลืมได้ลง แต่เธอก็ไม่อยากจะเก็บมาคิดอะไรอีก เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ควรจะปล่อยให้ผ่านไป คิดมากไปก็เท่านั้น ไม่มีอะไรดีขึ้นมา

   
“จำแล้วได้อะไรล่ะดีน”

   
เพื่อนชายคนสนิทร้องเหอะ “เอาเถอะๆ เธอไม่อยากจำ ฉันก็ไม่อยากจำ แต่เพราะว่าไม่ลืม ก็เลยจำได้”

   
กวนประสาทหน้าตายล่ะงานถนัดหมอนี่ล่ะ ผิงละอยากจะเอานิ้วจิ้มตาที่กำลังฉายแววจริงจังนั่นเสียเหลือเกิน แม้จะรู้นิสัยเพื่อนดีว่าถึงจะพูดวกไปวนมา แต่เจ้าตัวจริงจังในทุกประโยค มันไม่ใช่แค่การกวนประสาทเพื่อความสำราญในชีวิต แต่มันคือความคิดจริง ๆ ของผู้ชายคนนี้


“ก็เลยตามรังควานเธอไม่เลิกแบบนี้น่ะเหรอ”


“คนสองหน้าแบบนั้น ฉันจำเป็นต้องญาติดีด้วยเหรอวะ”


“ฝังใจอะไรขนาดนั้น”


“แม่พระอะไรขนาดนี้”


หญิงสาวผ่อนลมหายใจ เหนื่อยกับการโต้เถียงยอกย้อนกันไปมากับเพื่อนชายคนนี้เสียจริง


“สิ่งที่เธอทำ มันไม่ผิดนะดีน เธอมีสิทธิทำแบบนั้น”


“เธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องเมื่อสองปีก่อนนะผิง”


“ถ้านายหมายถึงเรื่องก่อนหน้านั้น…” ผิงลุกขึ้นยืน วางมือค้ำโต๊ะ จ้องมองตาคมดุอย่างแน่วแน่ “…ฉันว่านายควรเลิกหาเหตุผลแล้วหันมาใช้หัวใจดูบ้างนะ”


กายสูงสง่าทิ้งน้ำหนักพิงพนักเต็มแรง “ไม่รู้ดิ ฉันคงโง่เกินกว่าจะเข้าใจตรรกะบ้า ๆ ของพี่ชายตัวเอง”


“นายไม่ได้โง่หรอก นายแค่ไม่เปิดใจ ก็เลยไม่รับรู้ถึงความรู้สึกรัก หรือว่ามีความรู้สึกแบบนั้นบ้างเลย” พูดจบก็หันหลังเดินให้ แต่เพียงแค่ก้าวเท้าออกห่างไม่กี่ก้าวก็ต้องหันกลับไปเผชิญหน้าเจ้าของห้องอีกครั้งพร้อมทิ้งท้ายประโยคให้อีกฝ่ายเก็บไปคิด


“ไม่สิ! นายมันไร้หัวใจต่างหากล่ะดีน”

.

.

.

ไร้หัวใจ?


ถ้าไร้หัวใจจริง เขาจะยอมให้คอลัมน์ชวนเลี่ยนนั่นอยู่ในนิตยสารของเขาหรือ? ไหนจะงานปาร์ตี้สละโสดนั่นอีก ที่ยอมให้จัดก็ไม่ใช่แค่เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องงาน แต่เห็นแก่ความสุขของพี่ชายด้วย ทั้งที่ความจริงแล้วว่าที่บ่าวสาวจะจัดงานแบบนี้ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องขอความเห็นชอบจากคนนอกอย่างเขาเลยสักนิด แต่ในเมื่อเอ่ยขอมาทั้งที จะใจร้ายใจดำตัดเยื่อใยก็ใช่เรื่อง


ถึงจะคาใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะไปในทิศทางไหนต่อก็เถอะนะ


คิดอย่างไม่อิงความต้องการตัวเองนัก เขาก็ว่าโอกาสที่คอลัมนิสต์สาวจะเป็นหม้ายขันหมากมีสูงทีเดียว


。。。。。


ร่วงเลยมากลางสัปดาห์แล้วแต่บรรณาธิการหนุ่มยังไล่อ่านเนื้อหาในคอลัมน์ต่าง ๆ ที่ได้รับมาเมื่อต้นสัปดาห์ไม่หมด กองบรรณาธิการที่ทำงานภายใต้การกำกับของเขาก็ช่วยกันอ่านช่วยกันวิเคราะห์ความน่าสนใจของมันกันอีกแรง แต่เพราะว่าเมื่อวานมีประชุมกรรมการบริหารซึ่งกินเวลาเขาไปแทบจะทั้งวันด้วยสารพัดวาระที่สรรหากันมาถกเถียง พาลให้ดีนปวดหัวไม่น้อย ยิ่งโดยเฉพาะยามที่ตัวเลขดัชนีต่าง ๆ ถูกฉายขึ้นบนจอใหญ่ ดีนก็ถึงกับต้องนวดขมับตัวเอง กว่าจะประชุมเสร็จก็ดูดพลังชีวิตไปจนอ่อนเปลี้ย หมดความสนใจในการอ่านงานไปทันที


วันนี้พอจะมีเวลาช่วงเช้าให้อ่านจบไปสามคอลัมน์พร้อมจดโน้ตแสดงความเห็นลงไปเสียละเอียด เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้วที่ครั้งก่อนเร่งงานเพราะอยากให้งานออกมาให้ไม่มีคุณภาพแบบนี้ จนสุดท้ายตนก็ต้องเป็นฝ่ายมานั่งปวดหัวกับมัน ทั้งที่ออกคำสั่งไปแล้วว่าให้ทั้งทีมไปเขียนมานำเสนอใหม่ ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากจะลองทำความเข้าใจเนื้อหาพวกนี้ดูสักครั้ง


หลายคอลัมน์ก็เขียนออกมาได้ดีทีเดียว แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่หากว่ามีเวลาให้อีกสักนิด มันจะออกมาเพอร์เฟ็คตรงใจเขาอย่างเช่นที่ผ่านมา


‘ไปกินข้าวด้วยกันไหมคะบก.’


ข้อความถามไถ่จากเพื่อนสาวทำให้ชายหนุ่มเหลือบมองเวลาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เริ่มอ่าน ปกติช่วงพักกลางวัน หากเขาไม่มีโปรแกรมของตัวเองก็มักจะตอบรับคำชวนของผิงอยู่เสมอ บางครั้งไปกันแค่สองคน บางครั้งมีลูกน้องของเธอไปด้วย แต่วันนี้เขาอยากพักกลางวันแบบส่วนตัวจึงส่งข้อความปฏิเสธกลับไป


ร้านกาแฟใกล้ออฟฟิตที่เขามักจะมาเป็นประจำหลังเลิกงานเป็นตัวเลือกสำหรับกลางวันนี้ ผู้คนแน่นขนัดร้านจนแทบไม่มีที่ว่าง แต่นับว่าโชคยังดีที่ตรงบาร์ไม้ยาวกลางร้านยังมีที่ว่างเหลืออยู่บ้าง แม้จะต้องไปนั่งเบียดกับคนอื่นเล็กน้อย แต่ก็สามารถสร้างโลกส่วนตัวขึ้นมาได้ไม่ยาก

.

.

.
   
ร่างโปร่งบางกระหืดหอบหยุดสูดหายใจหน้าร้านกาแฟอยู่ชั่วครู่ก่อนผลักประตูเข้าไป  จุดโฟกัสสายตาคือโต๊ะบาร์ไม้ตัวยาวกลางร้านที่มีคนจับจองพื้นที่กันอย่างแน่นหนา ความจริงก็แน่นไปหมดทั้งร้าน ไม่แปลกใจเลยที่คุณดีนจำต้องนั่งอยู่ตรงนั้นแทนที่จะเป็นมุมส่วนตัวที่โต๊ะเดี่ยวสักตัว


ชื่อเครื่องดื่มโปรดแบบเย็นออกจากปากนักศึกษาฝึกงานหนุ่มไปพร้อมกับแฮมเบอเกอร์หนึ่งชิ้น  ก่อนที่เจ้าตัวจะหันหน้าออกจากเคาน์เตอร์ไปมองบาร์ไม้ตรงกลางร้าน ด้วยระดับสายตาปกติจึงไม่เป็นปัญหากับเขามากนัก เด็กหนุ่มสามารถเห็นรายละเอียดบนโต๊ะตัวนั้นได้เกือบหมด รอยยิ้มกว้างแต้มใบหน้าอ่อนใส รู้สึกดีใจเหลือเกินที่มีเพียงชายคนเดียวที่มีจานครัวซองค์วางอยู่ตรงหน้า มิหนำซ้ำ เก้าอี้ตรงหน้าอีกฝ่ายยังว่างอยู่อีกด้วย


…แต้มบุญจะหมดก็วันนี้แหละวะไอ้รณณ์…


ผู้ชายที่เปรียบเสมือนไอดอลของเขามาหลายปีนั่งใส่หูฟังละเลียดจิบกาแฟร้อนอยู่ไม่ไกล ภาวนาให้ที่ตรงนั้นไม่มีใครจับจองก่อนที่เขาจะเข้าไปหา ใจมันเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ระรัวยิ่งกว่าหน้ากลอง หมายมั่นไว้แล้วว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องได้เข้าใกล้ให้มากกว่าแค่ในโลกออนไลน์ ทว่าเมื่อได้รับรายการอาหารที่สั่งเรียบร้อยแล้ว สองขากลับสั่นจนก้าวไม่ออก


…คุณดีนยังนั่งอยู่ตรงนั้น…


…เดินเข้าไปซักทีสิวะไอ้รณณ์…

.

.

.

ดีนไม่ได้เปิดเพลงดังมากอย่างเช่นทุกครั้งที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในที่สาธารณะ ครั้งนี้เขาเพียงแค่เปิดคลอเบา ๆ แค่พอกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากครั้งนี้เขาต้องแชร์โต๊ะร่วมกับคนอีกห้าชีวิต จึงต้องคอยเตรียมพร้อมสำหรับปฏิสัมพันธ์ที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดได้ รู้สึกดีที่อย่างน้อยตรงหน้าเขาก็ไม่มีใครมานั่งให้รู้สึกอึดอัด ด้วยเพราะประหม่ากับการวางสายตาเสียเหลือเกิน


นิ้วมือเลื่อนหน้าจอสัมผัสบนสมาร์ทโฟนเพื่ออ่านข่าวต่าง ๆ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พื้นที่ตรงหน้ามีจานแฮมเบอเกอร์วางลงมา ใบหน้าหล่อคมคายถึงได้เงยขึ้นมองสบผู้มาใหม่


“ยังว่างอยู่ใช่ไหมครับ?”

   
คนที่นั่งอยู่ก่อนพยักหน้า

   
…ว่างทั้งเก้าอี้และก็คน…

   
คนมาใหม่เหลือบมองครัวซองค์ที่มีรอยกัดไปเล็กน้อยกับแก้วกาแฟตรงหน้า ไม่ผิดแน่ ผู้ชายคนนี้คือคุณดีนที่เขาอยากเจอมาตลอดอย่างแน่นอน

   
…บ้าเอ้ย! ใจเต้นแรงทำไมวะ…

   
เขาไม่เคยจินตนาการหน้าตาของ ‘คุณDEAN’ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ใบหน้าคมคายได้รูปรับกับเครื่องหน้าอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นคิ้วเข้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมใต้กรอบเรียวรีที่ดูดุกว่าหน่วยตาดำสนิทคู่ไหน ๆ ที่เขาเคยมองมาเสียอีก สันจมูกโด่งอย่างชาวตะวันตก ริมฝีปากไม่หนาไม่บางได้รูป กอปรกับเส้นผมสีดาร์กช็อคโกแลตที่ช่วยขับดวงหน้าให้เกลี้ยงเกลาผุดผ่อง มองจากไกล ๆ เมื่อกี๊ว่าดูดีมากแล้ว พอได้มองอย่างละเอียดใกล้ ๆ รณณ์สรุปได้คำเดียวว่า ‘โคตรหล่อ’

   
อยากจะทักให้ชัดเจนไปเลยว่าใช่คนเดียวกับที่เขาอยากเจอหรือไม่ แต่เพราะยังไม่กล้าพอ จึงได้แต่อาศัยหลักฐานจากองค์ประกอบรอบข้างตัดสินเอาเอง

   
ละสายตาจากใบหน้าคมคายมาจ้องมองอาหารตรงหน้าตนเอง นี่นับว่าเป็นมื้อกลางวันที่เบาท้องที่สุดเท่าที่เคยทานมาในชีวิตวัยรุ่นของเขาเลยก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังละเลียดกัดทีละน้อยด้วยกลัวว่าแฮมเบอเกอร์ขนาดเท่าอุ้งมือผู้หญิงจะทำให้เวลาที่ได้อยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายน้อยลงกว่าที่ต้องการ

   
รณณ์คงไม่รู้ตัวว่าตั้งแต่นั่งลงตรงนี้ เขาหยุดยิ้มได้บ้างหรือยัง มีเพียงแต่คนที่จ้องไม่วางตาเท่านั้นที่รู้ว่ารอยยิ้มที่แต้มใบหน้าใสอยู่ตลอดเวลานั้นน่ามองแค่ไหน ดีนรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบของเขาสดใสตามไปด้วยอย่างน่าประหลาด ทัศนียภาพตรงหน้าไม่ได้แย่หรือทำให้รู้สึกประหม่ากับการวางสายตาอย่างที่คิด ออกจะน่ามองจนเพลินตาเสียด้วยซ้ำ

   
ไม่แน่ใจว่าใจสั่นเพราะอเมริกาโนร้อนที่กำลังถืออยู่ในมือ หรือใจสั่นเพราะรอยยิ้มของคนตรงหน้ากันแน่

   
…แต่พอคิดดูแล้ว เขาไม่เคยใจสั่นเพราะดื่มกาแฟนี่หว่า…

   
“หน้าผมมีอะไรติดอยู่รึเปล่าครับ”

   
“อ๋อ ปะ เปล่า ขอโทษที่เสียมารยาท” ลุกลี้ลุกลนเหมือนเด็กถูกจับได้ว่าทำผิด สายตาสอดส่ายหาที่วางไม่ได้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมหยุดที่ดวงหน้าอ่อนใสของคู่สนทนา

   
“แปลว่ามองอยู่จริง ๆ สินะครับ”

   
“ก็แค่เหม่อ ผมไม่ได้มองคุณ” สวนขึ้นทันควัน ใครกันจะยอมให้เด็กเมื่อวานซืนในชุดนักศึกษานี่รู้ทันกันล่ะ เสียชื่อกันหมดพอดี

   
“อ๋อ…” เด็กหนุ่มลากเสียงยาวจนคนฟังรู้สึกหมั่นไส้นัก “งั้นหรือครับ”

   
ดีนอยากจะยื่นมือไปบี้หน้าของเด็กนี่นัก หมั่นเขี้ยวท่าทางเจ้าเล่ห์ที่แสดงออกถึงความเหนือกว่านั่นเสียจริง แต่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้เพราะมันไม่ใช่พฤติกรรมปกติที่คนเพิ่งเจอกันครั้งแรกจะทำกันได้

   
คุณดีนก้มหน้าลงไปสนใจอาหารกับหน้าจอสมาร์ทโฟนแล้ว เด็กหนุ่มยกยิ้มพึงใจ รู้สึกเหมือนแก้มตนจะแตกเพราะฝืนกลั้นยิ้มไว้เมื่อครู่นี้ ทว่าตอนนี้กลับเผยออกมาได้กว้างกว่าครั้งไหน ๆ ดีใจจนไม่รู้จะแสดงออกออกมาอย่างไรให้ไม่กระโตกกระตากไปนัก กลัวจะเกินเหตุจนอีกฝ่ายล่วงรู้ ด้วยเพราะไม่คาดฝันมาก่อนว่าตนจะมีวันได้นั่งใกล้ไอดอลของตัวเองขนาดนี้

   
…ขอผมแอบมองคุณบ้างนะครับ…

   
นักศึกษาหนุ่มขออนุญาตอยู่ในใจ ทว่าก็ไม่ได้จดจ้องอย่างโจ่งแจ้งนัก นัยน์ตาซุกซนเพียงแค่เหลือบมองยามที่มีแฮมเบอเกอร์บดบังใบหน้ากว่าครึ่งก็เท่านั้น

   
นานทีเดียวที่นั่งกันอยู่อย่างนั้น ไร้บทสนทนาระหว่างกัน มีเพียงเสียงเพลงเบา ๆ คลอบรรยากาศ แต่กลับไม่รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด จวบจนใกล้หมดเวลาพักกลางวัน คนอ่อนวัยกว่าถึงได้ตัดใจลุกขึ้นยืนเป็นสัญญาณบอกให้คนนั่งอยู่ก่อนรู้ว่าตนกำลังจะไป ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองอัตโนมัติ รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก มือเผลอกดเบาเสียงลงอีกสองระดับโดยไม่รู้ตัว คล้ายคาดหวังจะได้ยินคำลาจากอีกฝ่าย


…จะไปแล้วหรือ?...


“ไปก่อนนะครับ”


…บ้าจริง พูดออกไปแล้ว…


บอกลาเขาทั้งที่เขาอาจจะไม่สนใจตัวเราเลยสักนิดว่าจะอยู่หรือไป เผลอ ๆ อาจจะดีใจด้วยซ้ำที่ไม่มีใครอยู่ให้ขวางหูขวางตา

.

.

.

…เด็กนั่นไปแล้ว…


ร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษาหายลับไปจากสายตาแล้ว แต่รอยยิ้มเจิดจ้านั่นยังติดตาไม่เลือนลาง อยากจะนั่งมองให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ คิดไปคิดมาก็เกิดคำถามขึ้นในใจว่าเด็กนั่นเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมแบบไหนกัน ทำไมถึงได้มีรอยยิ้มที่สดใสราวกับโลกทั้งใบไม่เคยหม่นหมองแบบนั้น


นึกแล้วก็เผลอยิ้มตามออกมาโดยไม่รู้ตัว มารู้อีกทีก็ตอนที่เนื้อเพลงท่อนที่ตรงใจที่สุดถูกโพสลงในแอพฯทวิตเตอร์ไปแล้ว
 



DEAN @DEANada . 1s
ยิ้มของเธอแค่ครั้งเดียว ความหมายดี ๆ ที่เราไม่อยากร่ำลา #LunchTime









TBC.
----------------------------------------------------------
แต้มบุญน้องรณณ์หมดแล้วค่ะ ฮ่าๆๆ
ถ้าอยากเจอคุณดีนอีก หนูต้องทำบุญเพิ่มนะลูก

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 31-03-2017 22:00:38
ทำไมมันดีอย่างนี้
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 31-03-2017 22:18:11
คุณว่าที่พี่สะใภ้ของคุณดีนเคยทำอะไรไว้กันแน่ พ่อคุณถึงรู้สึกเป็นปรปักษ์ได้ขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-03-2017 23:50:15
 :mc4: :mc4: :mc4:        :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-04-2017 01:08:00
 :ling1:

อ๋ายยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 01-04-2017 06:50:36
ในทีีสุดก็ได้เห็นหน้ากันแล้ว :-[
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 01-04-2017 20:21:05
 :ling1: :katai5:
คุณดีนซึนนะคะ มีใจสงใจสั่น แถมรู้ด้วยว่าไม่ได้ใจสั่นเพราะกาแฟ วุ๊ยยยยย เขิน
หนูรณณ์ต้องรีบทำบุญนะคะ พี่อยากเห็นหนูเจอคนดีนอีก
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: TR ที่ 03-04-2017 09:31:33
มันกร๊าววววววใจ
ในที่สุดก็หากันจนเจอแล้ว
เจอแล้วก็สานต่อสิคะ รออะไร

ชอบmood&tone ของเรื่องนีมาก
การบรรยาย การใช้ภาษา โอยยย ชอบไปหมด
รอตอนต่อไปค่ะ :)
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 09-04-2017 11:31:40

ห า กั น จ น เ จ อ


ตอนที่ #06









 ‘อย่าทำตัวเสียมารยาทนะดีน’


เพราะข้อความสั้น ๆ จากเพื่อนสาวเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนทำให้ดีนต้องขุดตัวเองจากเตียงมายืนอยู่หน้าไนต์คลับชื่อดังย่านสถานบันเทิงทั้งที่ไม่อยากมาเป็นหนึ่งในสักขีพยานรักเลยสักนิด ถึงจะไม่ใช่งานแต่ง แต่คนที่มาร่วมงานนี้ต่างก็เข้าใจตรงกันไปแล้วว่าตนได้รับรู้ถึงความรักของคนสองคนที่กำลังถึงจุดตกลงจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน


เสียงอึกทึกจากอีกฝั่งของร้านดังกลบดนตรีสดที่ดังมาจากฝั่งที่เป็นเป้าหมายของเขาเสียมิด ดีนโล่งใจที่อย่างน้อย ‘ว่าที่เจ้าสาว’ ก็เลือกจัดปาร์ตี้ภายในฝั่งดนตรีสด ไม่ใช่อีกฝั่ง แม้เขาจะพอรู้มาว่าไม่สามารถจองแบบปิดโซนได้ แต่ก็ถือว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นของพวกเขาอยู่ดี


กว่าจะตัดสินใจเดินเข้าไปข้างในได้ เขาก็ได้รับการทักทายจากลูกน้องมากหน้าหลายตา บางคนเขาก็พอจำได้ว่ามาจากแผนกของแม่งาน ขณะที่ก็มีอีกหลายคนที่เขาระบุไม่ได้แม้กระทั่งแผนกที่อีกฝ่ายสังกัดอยู่ ไม่ใช่ว่าจะไม่ใส่ใจลูกน้อง แต่เพราะพนักงานเยอะจนต้องเลือกจำเอาแค่คนที่เข้าประชุมด้วยในแต่ละครั้งเท่านั้น


ปาร์ตี้สละโสดคืนนี้แทบจะเป็นงานภายในอย่างสมบูรณ์แบบ หากว่าไม่มีคนนอกสำนักพิมพ์ที่ได้รับเชิญเป็นพิเศษเนื่องด้วยความสนิทสนมที่มากกว่าคนทั่วไปอย่างเช่นกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมของดีนที่พากันมาแทบจะครบก๊วนเพราะสนิทกับพี่ชายเขามากทีเดียว


สามหนุ่มเพื่อนซี้นั่งประจำอยู่ตรงบาร์ที่ผู้คนค่อนข้างบางตาและเป็นเอกเทศจากกลุ่มที่มาปาร์ตี้อย่างชัดเจน ดีนรู้สึกขอบคุณใครก็ตามที่เลือกที่นั่งตรงนั้น แม้จะต้องนั่งเรียงหน้ากระดานไม่ได้หันเข้าหากันเหมือนนั่งโต๊ะทั่วไป แต่ก็นับว่าเป็นตำแหน่งที่ปลีกวิเวกจากคนอื่นได้ดี


“ไอ้ธันว์อ่ะ” ถามทันทีที่เห็นว่าหนึ่งในสามไม่มีนายแพทย์เจ้าของใบหน้าสุดน่ารัก


“มาถึงก็ถามหาเมียคนอื่นก่อนเลยนะ” เก่งแซวขึ้นมาก่อนจะตอบคำถาม “มันไม่ว่างเว้ย”


“แต่วันก่อนมันบอกกูว่าไม่มีเวรดึกนะ”


“เออ โทษที กูพูดผิด คนที่ไม่ว่างอ่ะพี่แรม”


ได้ฟังอย่างนั้นก็เข้าใจทันที ถ้าแรมติดงาน อีกฝ่ายไม่มีทางยอมให้คนรักออกมาเที่ยวกลางคืนแน่ แม้จะมากับเพื่อนก็ตาม


“เพื่อนกูจะไม่เป็นผู้ชายอยู่ละ หวงอะไรขนาดนั้นวะ”


“มึงดูเพื่อนมึงด้วยครับ กูเป็นพี่แรมกูก็หวงเหอะ ไอ้ห่าธันว์มันเจ้าพ่อฟีโรโมน ดึงดูดทุกเพศทุกวัย ดื่มเหล้านิดเดียวก็แก้มแดงฉิบหาย ยิ่งพอเมาเข้าหน่อยนะมึงเอ้ย น่ารักเหี้ย ๆ  กูยังเคลิ้มเลยสัด” โอมที่นั่งตรงกลางพูดขึ้นมาโดยมีแฝดน้องพยักหน้าสนับสนุนความคิดนั้น


“กูจะฟ้องพี่แรมว่ามึงคิดอกุศลกับไอ้ธันว์” เก่งแสร้งปั้นหน้าจริงจังจนโดนเพื่อนตบหัวคว่ำไปหนึ่งฉาด


“สัด กูแค่อธิบายความน่ารักของมันให้ไอ้ดีนเห็นภาพไหมล่ะ”


ดีนส่ายหน้า สามคนนี้อยู่รวมกันโดยไม่มีธันวาทีไรเป็นไม่มีสาระทุกที แต่ก่อนที่จะได้ลงไม้ลงมือกันไปมากกว่านี้ เสียงหวานใสของหญิงสาวก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน


“กว่าจะมาได้นะคะบอกอ”


ดีนไหวไหล่ก่อนเลือกนั่งเก้าอี้ข้างเก่ง


“ผิงงงงงงง” เก่งลากเสียงยาวทำหน้าเคลิ้มฝันถึงทั้งที่สาวเจ้ากำลังยืนอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ ๆ


ผิงหันไปยิ้มทักทายเพื่อนของดีนที่ตนรู้จักตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกัน ใครอีกคนก็เดินเข้ามาสมทบเสียก่อน


“ไง พวกนาย”


“หวัดดีครับพี่คริส” สามหนุ่มพร้อมใจกันประสานเสียงทักทาย


ผิงที่ยืนหันหลังให้ หันไปมองก่อนจะขยับไปยืนข้างดีนแทน คริสเหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะถามไถ่เพื่อนน้องชายต่อ “แล้วธันวาไม่มาด้วยเหรอ”


“คนเขามีการมีงานทำ” ดีนพูดขึ้นลอย ๆ เรียกสายตาติเตียนจากเพื่อนฝูงรอบทิศ แต่เจ้าตัวก็ไม่ใส่ใจ


“ไอ้ห่านี่” เก่งด่าเบา ๆ ก่อนหันไปตอบคำถามคริส “ไอ้ธันว์ไม่ว่างครับ แต่มันฝากมาแสดงความยินดีกับพี่ด้วย”


“ก็แค่ปาร์ตี้สละโสด ยังไม่ทันได้แต่งจริง มันจะรีบยินดีด้วยไปทำไมวะ”


เพี๊ยะ!


“ปากเสีย”


เสียงตีปากพร้อมคำต่อว่าจากหญิงสาวทำให้ทุกคนในวงสนทนาหันมองด้วยความตกใจ


“ยังไม่เลิกเล่นแบบนี้กันอีกเหรอ?” พี่ใหญ่ของกลุ่มถามเสียงเข้มผิดสังเกต ทว่าเพื่อนของดีนต่างก็เข้าใจว่าคริสคงมองว่าเป็นพฤติกรรมระหว่างหนุ่มสาวที่ไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่


ดีนยักไหล่ไม่สนใจ ขณะที่หญิงสาวหนึ่งเดียวของกลุ่มหน้าสลด


“ก็ยังไม่เลิกคบกัน ทำไมจะเล่นแบบนี้ไม่ได้ จริงไหมผิง?”


คนถูกถามความเห็นมองค้อนเพื่อนชายคนสนิทแต่กลับเรียกเสียงโวยวายจากใครอีกคนที่ตามเกี้ยวทุกครั้งที่เจอกัน “เฮ้ย ๆ ไหนบอกว่าไม่ได้คบกันไงวะ ตกลงยังไงกันแน่เนี่ย”


“คนไม่มีหัวใจอย่างเพื่อนนายรักใครเป็นด้วยเหรอเก่ง” พูดจบก็มองค้อนให้อีกหนึ่งทีก่อนจะเดินออกจากวงสนทนาของหนุ่มโฉดกลับไปหาเพื่อนฝูงตนเองโดยไม่มองสบตาคู่คมของใครบางคนที่มองมาอย่างรอคอยคำตอบเลยสักนิด


“งอน? เธองอนมึงเหรอวะไอ้ดีน?” นะโมถามด้วยความสงสัยแต่กลับเก็บท่าทีอยากรู้อยากเห็นได้ดีกว่าแฝดพี่ที่ยังไม่เอ่ยปากถามเสียอีก


ดีนยกยิ้มมุมปาก “แบบนี้น่ะเรียกว่าโกรธเว้ย”


“ไอ้ดีน มึงมาเคลียร์กับกูเลย พูดมาให้ชัด ๆ ไอ้สัด”


“เคลียร์กันไปนะ พี่ขอตัวก่อน”


ดีนกดยิ้มมุมปากลึก มองคนที่ต้อง ‘เคลียร์’ เดินออกไปจากวงสนทนา ขณะที่เพื่อนข้างกายก็ยังรบเร้าไม่เลิก


“กูพูดไม่ชัดตรงไหน ภาษาไทยกูแข็งแรงตั้งแต่ประถมหนึ่งแล้วนะ”


“อย่ามากวนตีน มึงกับผิงคบกันจริงเหรอวะ”


“เมื่อก่อนสถานะไหน ตอนนี้และอนาคตก็สถานะนั้น” ดีนตอบด้วยความมั่นใจก่อนจะมีสีหน้าลังเลเมื่อมองไปยังร่างระหงที่ตกเป็นหัวข้อสนทนา “…ไม่ดิ…ในอนาคตสถานะอาจจะเปลี่ยน เปอร์เซ็นสูงซะด้วยสิ”

.

.

.

หลังจากเจอกันวันนั้นที่ร้านกาแฟช่วงพักกลางวัน รณณ์ก็ไม่มีโอกาสได้เจอคุณดีนอีกเลย ตกเย็นของทั้งวันนั้นและอีกวัน รวมถึงวันนี้ก็ด้วยที่เขาอุตส่าห์ไปรอเจอที่ร้านกาแฟด้วยหวังว่าอีกฝ่ายจะไปนั่งที่ร้านนั้นหลังเลิกงานอย่างที่เคยทำเป็นประจำ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา


รณณ์พกพาความผิดหวังกลับหอพักมาสามครั้ง แม้ว่าจะสุขสมหวังในวันพุธด้วยการพบเจอตัวเป็น ๆ ครั้งแรก แต่เพราะหวังว่าจะมีโอกาสได้เข้าใกล้มากกว่านี้ การคลาดกันจากความตั้งใจที่จะเจอจึงก่อให้เกิดความผิดหวังมากกว่าครั้งก่อน ๆ ที่คลาดกันเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกัน


ภายใต้แสงสีสลัว เด็กหนุ่มนั่งท่ามกลางวงล้อมของรุ่นพี่ร่วมแผนกบนโซฟาชุดใหญ่ที่ถูกจำกัดไว้ว่าเป็นโซนของว่าที่เจ้าสาว ที่นั่งตรงนี้จึงมีหญิงสาวยึดครองเป็นส่วนใหญ่ จะมีชายฉกรรจ์บ้างประปราย แต่ที่รณณ์พอจะพูดคุยได้มากกว่าแค่ทักทายตามมารยาทก็เห็นจะมีแต่ทศเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ได้สนทนาอะไรกันมากมายนักเพราะทศสนุกกับแสงสีจนปลีกตัวออกไปตั้งแต่สิบนาทีที่เขาเริ่มนั่งลงตรงนี้แล้ว


หลายวันที่ผ่านมาชีวิตยุ่งวุ่นวายจนไม่มีเวลาได้อัพเดทชีวิตของคุณดีนผ่านโลกออนไลน์เลย ไหน ๆ ตอนนี้ก็นับว่าว่างที่สุดในช่วงที่งานเร่งแล้ว ก็ถือโอกาสนี้สร้างสังคมก้มหน้าที่มีสมาชิกเพียงเขาคนเดียวในที่นี้ก็แล้วกัน



DEAN
@DEANada . 2d
ยิ้มของเธอแค่ครั้งเดียว ความหมายดี ๆ ที่เราไม่อยากร่ำลา #LunchTime




   
จะไม่สะดุดใจอะไรกับทวีตนี้เลยหากไม่เห็นแฮชแท็คคุ้นตาที่คลับคล้ายคลับครากับแคปชั่นในอินสตราแกรมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ให้นั่งนับวันตามที่เห็นก็ไม่มั่นใจเสียด้วยว่าทวิตเตอร์นับวันอย่างไร โชคดีที่มีวันเวลากำกับไว้ใต้ข้อความ เมื่อกดเข้าไปดูแล้วก็พบว่าข้อความนั้นถูกโพสในวันและช่วงเวลาที่ได้เจอกันจริง ๆ

   
รณณ์กำลังยิ้ม

   
ยิ้มแบบที่รู้สึกตัวได้ว่าแก้มใกล้จะแตกเต็มที หน้าเห่อร้อนทั้งที่เครื่องปรับอากาศไม่ได้ทำหน้าที่บกพร่องสักนิด ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องฉีกยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้เมื่อเผลอคิดว่าข้อความนั้นอีกฝ่ายหมายถึงตน รณณ์ไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองในตอนนี้ รู้เพียงแค่ว่าอยากจะยิ้ม…
   
.
   
.
   
.
   
…คุยกับใคร ทำไมต้องยิ้มแบบนั้น…

   
ไม่อยากจะยอมรับกับตัวเองว่าเขากำลังหวงรอยยิ้มของคนที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งที่สอง

   
หลังจากที่หันหลังให้กับฝูงชนมาสักพักใหญ่ ดีนก็ไม่อาจต้านทานความต้องการของเพื่อนฝูงได้ ใบหน้าหล่อคมคายฉบับตี๋อินเตอร์ถึงได้หันออกจากเคาเตอร์บาร์ออกสู่สายตาผู้คนบ้าง

   
และหลังจากที่กวาดมองไปทั่วร้านอย่างเบื่อหน่ายแล้ว นัยน์ตาคมก็พบกับจุดวางสายตาที่ทำให้ค่ำคืนนี้ดูมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าคู่หนุ่มสาวที่กำลังจะสละโสด

   
เด็กหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มที่ติดอยู่ในห้วงความคิดของเขามาหลายวันนั่งอยู่ตรงโซนของว่าที่เจ้าสาว แม้จะนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายมีสัมพันธ์แบบใดกับหล่อน แต่ก็คาใจได้ไม่นาน เพราะจุดโฟกัสของความคิดจดจ่ออยู่แต่กับภาพตรงหน้าเสียมากกว่า


ความหงุดหงิดใจก่อตัวขึ้นเล็ก ๆ เมื่อเห็นว่าร่างโปร่งยิ้มกว้างอย่างที่เขาชอบมองให้กับหน้าจอสมาร์ทโฟน อะไรบางอย่างในนั้นน่าสนใจขนาดไหน เขาเองก็ชักอยากจะรู้ มันต้องเป็นเรื่องราวแบบไหน หรือใครกันนะที่ทำให้เด็กนั่นยิ้มสดใสได้ขนาดนั้น


และไม่รู้เป็นเพราะใบหน้าอ่อนใสหรือรอยยิ้มเจิดจ้านั่นกันแน่ที่ทำให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเด็กกว่ามากทั้งที่ความจริงแล้วก็คงห่างกันไม่น่าจะเกินห้าปีเสียด้วยซ้ำ


“มองเหี้ยไรวะ?” นะโมถามมาจากจุดที่ไกลสุดจากเก้าอี้ตัวที่เขานั่งอยู่ คำถามนี้เองที่ทำให้เขารู้ว่าเพื่อนทั้งสามคนได้หยุดบทสนทนาของวงแล้วหันมาสนใจเขาแทน


“ไม่ได้มองเหี้ย”


…เหี้ยอะไรจะน่ารักขนาดนี้วะ…


“สัดนี่กวนตีน”


“แล้วตกลงมึงมองอะไร?” นายแพทย์หนุ่มถามขึ้นบ้าง หัวคิ้วเคลื่อนผูกเป็นปมเมื่อพยายามมองหาจุดโฟกัสของเพื่อนสนิทไปทั่วร้าน แต่ก็ไม่เจออะไรที่น่าจะเข้าข่าย ‘สิ่งที่น่าสนใจ’ สำหรับดีน


“ก็มองไปเรื่อย” เปลือกตาปิดลงหนึ่งครั้งคล้ายกับม่านที่ปิดลงเพื่อเปลี่ยนฉากของละคร และเมื่อยามที่มันเปิดออก นัยน์ตาคู่คมก็ไม่ได้จ้องมองไปยัง ‘สิ่งที่น่าสนใจ’ นั่นอีกแล้ว


“เดี๋ยวนี้หัดแถ? หลายกระทงนะมึงวันนี้ ทั้งเรื่องผิงทั้งเรื่องนี้อีก” โอมสรุปรวบยอดให้เพื่อนอีกสองคนได้พยักหน้าเห็นด้วย


“กูจะฟ้องไอ้ธันว์ว่ามึงโกหกพวกกู มันต้องล้วงความลับมึงออกมาได้แน่” เก่งข่มขู่ เพราะเป็นที่รู้กันว่าดีนมักพ่ายแพ้ให้กับเพื่อนตัวเล็กที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย


“ก่อนที่มันจะมาล้วงความลับกู มึงช่วยจับมันแยกจากไอ้พี่แรมให้ได้ก่อนเถอะ”


“งั้นกูจะล้วงความลับมึงเอง” เก่งพูดด้วยสีหน้าจริงจัง หมายมั่นว่าตนต้องทำให้ได้จนดีนนึกขำ หน้าเพื่อนตอนนี้ดูเครียดกว่าตอนสอบเข้าหมอเมื่อแปดปีก่อนเสียอีก


“ทำได้ก็เชิญ” เอ่ยคำท้าออกไปแล้วก็ซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไว้หลังปากแก้วขณะกระดกขึ้นดื่ม ปล่อยให้เพื่อนทั้งสามจ้องจับผิดด้วยความสงสัยที่มากขึ้นต่อไป


แต่สิ่งที่ดีนลืมคือเพื่อนของเขามีทักษะการเป็นนักสืบกันทุกคน แม้จะไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่อยู่ในความสนใจของเขาได้ แต่จากที่ได้ยินเสียงปรึกษาหารือกันแล้วได้ข้อสรุปออกมาว่าเป้าหมายน่าจะอยู่ในโซนของฝ่ายว่าที่เจ้าสาวนั้นก็ทำเอาคนมาดนิ่งเริ่มสงบไม่ไหว


จริงอยู่ที่โต๊ะนั้นมีแต่สาวสวย ทุกคนโดดเด่นเท่า ๆ กัน ทำให้ยากแก่การชี้เฉพาะเจาะจง แต่พอคิดมาถึงตรงนี้กลับทำให้ดีนได้จมอยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง ความคิดที่ยังคงหนีไม่พ้นไปจากร่างโปร่งบางเจ้าของรอยยิ้มสดใสที่ยังอยู่ในสายตาของเขา


…นี่เขามองเด็กคนนั้นเหมือนที่ผู้ชายคนหนึ่งมองหญิงสาวอย่างนั้นหรือ?...


แม้ช่วงชีวิตนี้จะไม่เคยมีแฟน แต่ก็ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนมาก่อนเช่นกัน เขาคิดมาตลอดว่าแม้จะไม่หวั่นไหวกับสาวสวยมากหน้าหลายตาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ตนก็ไม่ได้เบี่ยงเบน


อืม…หรือแท้ที่จริงแล้วก็แค่มองเพราะสงสัยว่าทำไมถึงได้ยิ้มสดใสขนาดนี้ ไม่ได้นึกสนใจอะไรมากมาย


ดีนคิดหาเหตุผลให้กับตัวเองในใจ


“อย่ามัวแต่มองดิวะ มึงไม่เคยเจอคนที่ถูกใจมาก่อนนะเว้ย เข้าไปทักเลย” เก่งยุยง ทว่าดีนรู้ทันว่านอกจากจะต้องการเชียร์เขาแล้ว เหตุผลสำคัญอีกประการคืออยากรู้ตัวคนที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปได้


ดีนวางแก้วเครื่องดื่มในมือไว้บนโต๊ะ ก่อนลุกจากเก้าอี้ เรียกสายตาของเพื่อนฝูงให้มองมาด้วยท่าทางลุ้นระคนตกใจด้วยไม่คาดคิดมาก่อนว่าเพื่อนคนนี้จะยุง่ายขนาดนี้ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ได้เรียนรู้วาดีนจะทำตามความคิดตัวเองมากกว่าโอนอ่อนตามคำยุยงของเพื่อน


“จะเข้าไปหาเธอแล้วเหรอวะ”


“กูจะไปห้องน้ำ”

.

.

.

กว่าจะพาตัวเองมาถึงหน้าห้องน้ำชายได้ดีนก็ต้องเบียดเสียดกับผู้คนไม่น้อยเพราะต้องเดินผ่านโซนกลางร้านซึ่งเป็นฟลอร์ขนาดย่อมให้เหล่าผีเสื้อราตรีได้ออกมาวาดลวดลายกัน


ห้องน้ำชายมีคนไม่พลุกพล่านเท่าไหร่นัก ดีนตรงเข้าไปยึดครองซิงค์ล้างมือตรงกลาง ก้มหน้าก้มตาราวกับจดจ่อกับการล้างมือเสียเต็มประดาทั้งที่แทบไม่ต้องมองก็สามารถล้างให้มันสะอาดได้ ต่อเมื่อรู้สึกว่ามีคนมายืนล้างมือข้างกัน ดวงหน้าหล่อคมคายถึงได้เงยขึ้นมองสบผ่านกระจกบานใหญ่ตรงหน้า


“อ้าวคุณ!”



“…”


“เจอกันอีกแล้วนะครับ บังเอิญจัง”


ดีนพยักหน้านิ่ง ๆ ส่งไปผ่านเงาสะท้อนบนกระจกทั้งที่ในใจสั่นรัวจนเกือบจะเกินควบคุมได้ รู้ตัวดีว่าตั้งใจพาตัวเองมาเจอคำทักทายแบบนี้ ใช่จะบังเอิญอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจ


แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม


“มาเที่ยวหรือมาปาร์ตี้สละโสดครับ” พอยืนข้างกันแบบนี้ทำให้เห็นความต่างของส่วนสูงชัดขึ้น รณณ์คิดว่าตัวเองสูงมากแล้วแต่ก็ยังสูงแค่ปลายจมูกโด่งของอีกฝ่ายเท่านั้น มิหนำซ้ำความหนาของร่างกายยังห่างชั้นกันอีก ผู้ชายคนนี้ช่างน่าอิจฉาเสียจริง


“ปาร์ตี้”


“เหมือนผม”


ดีนแค่พยักหน้ารับ ทุกท่าทางของเขาถูกส่งผ่านกระจกทั้งสิ้น ต่างกับอีกคนที่หันมองกันเต็มตา…พร้อมรอยยิ้ม


คุมตัวเองไม่ได้เลยที่จะไม่แสดงออกว่าดีใจมากแค่ไหนที่ได้เจอคุณดีนอีกครั้ง และเพราะไม่รู้ว่าจะ ‘บังเอิญ’ ได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ เจอกันครั้งนี้นักศึกษาปีสุดท้ายอย่างเขาจึงไม่ยอมปล่อยให้โอกาสเสียเปล่า


“ตรงที่คุณนั่ง…ยังพอมีที่ว่างไหมครับ”


คนถูกถามนิ่งอึ้ง เผลอชะงักมือที่กำลังถูตามซอกนิ้วอย่างใจเย็นแล้วหันมองใบหน้าอ่อนใสเต็มตา


…อะไรของเขาวะ เจอกันสองครั้งก็ถามถึงที่นั่งทั้งสองครั้ง…


“พอดีโซนผมคนเยอะน่ะครับ ผมไม่ชอบนั่งเบียด”


ดีนครางอือในลำคอเป็นการรับทราบก่อนจะเปล่งเสียงออกมาเป็นคำตอบให้อีกคนได้เผลอยิ้มบางออกมา “ก็ว่าง”


“ถ้าอย่างนั้น…ผมขอไปนั่งด้วยได้ไหมครับ”


รอยยิ้มบางเหนือริมฝีปากได้รูปถูกปิดซ่อนจากสายตาสุกใสยามที่เจ้าตัวก้มลงมองมือตัวเองที่ยังมีน้ำไหลผ่าน


“แล้วแต่คุณสิ”


ดีนอยากจะเห็นหน้าตัวเองตอนที่ตอบออกไปนักว่าเป็นแบบไหน ได้แต่หวังว่ามันจะไม่ดูยินดีปรีดามากจนอีกฝ่ายจับสังเกตได้ว่าเขาตื่นเต้นกับคำขอนั้นมากแค่ไหน

.

.

.

ผลของการ ‘แล้วแต่คุณ’ คือร่างโปร่งบางตามมานั่งข้างกันได้สิบนาทีแล้ว ดีนไม่ได้แนะนำเด็กหนุ่มให้เพื่อนตนเองรู้จักแม้ว่าสามคนนั้นจะมองมาด้วยความสนใจใคร่รู้ขนาดไหน ด้วยเพราะส่วนหนึ่งคือเขาเองก็ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย แต่ที่สำคัญคือไม่รู้จะแนะนำในสถานะอะไร


…เจอกันในห้องน้ำ เด็กมันเลยตามมานั่งด้วยกัน….อย่างนั้นหรือ?


“นั่งดื่มกันมาตั้งนานแล้ว…แต่เรายังไม่รู้จักชื่อกันเลยนะครับ” รณณ์โพลงขึ้นในตอนที่เสียงเพลงเงียบลง ตั้งแต่ตามมานั่งข้างดีน มีเครื่องดื่มดีกรีปานกลางติดมือกันคนละแก้ว แต่ก็ยังไม่มีใครดื่มจนหมด ต่างคนต่างนั่งฟังเพลงอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง ทว่าโลกที่อยู่ใกล้กันแค่นี้แต่ไม่เคยซ้อนทับกันกลับไม่ทำให้รณณ์รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด แค่คุณดีนยอมให้เขามาอยู่ใกล้ ๆ ก็ถือว่าบุญหัวไอ้รณณ์มากแล้ว


“นึกว่าพอใจที่จะเป็นแบบนี้” ดีนพูดแผ่วเบาคล้ายบ่นกับตัวเอง ทว่าอีกฝ่ายยังจับกระแสเสียงได้


“ครับ?”


“ไม่มีอะไร” จะให้บอกออกไปว่าเขารอโอกาสให้เจ้าตัวเอ่ยออกมาก่อนอยู่นานแล้วอย่างนั้นหรือ? ที่ยอมให้มานั่งด้วยกันไม่ใช่เพราะสงสารเด็กเสียหน่อย เขาไม่ใช่ผู้ใหญ่ใจดี ก็แค่คนที่อยากทำตามใจตนเท่านั้นเอง


เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมปริปากบอกชื่อ คนเปิดประเด็นจึงต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน “ผมชื่อรณณ์ครับ”


คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน “รน? สะกดยังไง รอเรือ นอหนู น่ะเหรอ?”


เจ้าของชื่อหัวเราะน้อย ๆ “ไม่ใช่ครับ รอเรือ นอเณร นอเณร การันต์ ต่างหาก”


คนฟังคิดตามในหัวก่อนสรุปออกมาเรียบ ๆ ว่า “อืม แปลกดี มันแปลว่าอะไร?”


“ผมครับ”


“หืม? ผมเหรอ?” ชื่อว่าแปลกแล้ว ความหมายยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ นึกสงสัยว่าพ่อแม่อีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ตอนที่ตั้งชื่อลูกแปลว่าผม


รณณ์ยิ้มกว้าง อธิบายอย่างใจเย็น “ไม่ใช่ผมแบบนั้นครับ แต่หมายถึงผมแบบนี้” เจ้าของชื่อชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพาให้คนฟังยิ่งฉงน “รณณ์ก็คือผม ผมก็คือรณณ์ ปกติคนเราตั้งชื่อหรือหาคำเรียกให้สิ่งของที่จะทำให้เข้าใจตรงกันทุกคนหรือเพื่อนิยามความเป็นมัน อย่างเช่นในมือผมนี่เรียกว่าแก้ว” คนอ่อนวัยกว่าชูแก้วในมือขึ้นเล็กน้อยประกอบคำพูด “ดังนั้น ผมก็คือนิยามของคำว่ารณณ์ครับ”


คนฟังอดไม่ได้ที่จะร้องเหอะออกมา เผลอคิดในใจว่าถูกเด็กมันกวนประสาทเข้าให้แล้ว ขณะคนที่อธิบายเสียยืดยาวทำเพียงยิ้มบาง ๆ เพื่อยืนยันคำตอบของตัวเองว่ามันคือความจริงทุกประการ ใช่จะตอบเพื่อต้องการก่อกวนกัน


“แล้วคุณละครับ ชื่ออะไร?” ถามออกไปทั้งที่รู้อยู่แล้ว แต่รณณ์แค่อยากได้รับการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการจากอีกฝ่ายเท่านั้น เพื่อเป็นการยืนยันว่าเราต่าง ‘รู้จัก’ กันและกันแล้ว


“ดีน”


“ชื่อคุณก็แปลก”


“แปลกตรงไหน?”


“นี่ชื่อเล่นหรือชื่อจริงครับ”


“ก็ทั้งสองอย่าง”


“หือ?...เป็นคำที่นิยามตัวคุณได้แปลกหลักภาษาไทยดีจัง”


“ก็เพราะมันไม่ใช่ภาษาไทยไง”


“อ่า…คุณเป็นลูกครึ่งจริง ๆ สินะครับ”


ดีนพยักหน้า แต่ไม่อธิบายต่อ


“ผมขอเดานะ คุณน่าจะมีเสี้ยวจีน ๆ ผสมอยู่ด้วย”


ทั้งที่ไม่ชอบอธิบายเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง แต่กลับไม่รู้สึกรำคาญหรือหงุดหงิดกับการถามหรืออยากรู้เรื่องพวกนี้ของอีกฝ่ายเลยสักนิด ลึก ๆ แล้วชอบเสียด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายสนใจเรื่องของเขาเช่นกัน


“เก่งนี่”


คนได้รับคำชมยิ้มกว้างจนตาหยีอย่างชอบใจราวกับเด็ก ๆ ได้รับคำชมจากผู้ใหญ่เวลาตอบคำถามถูกหรือทำความดีอะไรสักอย่าง จนคนเป็น ‘ผู้ใหญ่’ ชะงักค้างไปกับรอยยิ้มนั้น


“แต่เชื้อฝั่งตะวันตกของคุณ ผมเดาไม่ถูกแหะ”


“รู้ได้ไงว่ามีเชื้อฝั่งตะวันตก อาจจะเป็นตะวันออกก็ได้นี่”


“หน้าคุณออกทางฝั่งเอเชียก็จริง แต่สรีระคุณ…ไม่รู้สิ ผมแค่เดา”


“ไทย ไต้หวัน แคนาดา”


“ครับ?”


“เชื้อชาติผมไง คุณอยากรู้ไม่ใช่เหรอ”


คนอยากรู้ส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้ รู้สึกเหมือนตัวเองโดนเหน็บอย่างไรก็ไม่รู้จนต้องรีบแก้ต่างให้ตัวเอง “ปกติแล้วผมไม่ใช่พวกชอบอยากรู้เรื่องของคนอื่นนะครับ”


“ผมก็ไม่ได้ว่าคุณนี่”


“…”


“ผมถือว่านี่เป็นการทำความรู้จักกันและกัน”

.

.

.

อย่างกับซินเดอเรลล่า…


เด็กหนุ่มนามว่ารณณ์บอกลาในตอนห้าทุ่มเศษ เจ้าตัวกล่าวอ้างว่าต้องใช้บริการรถไฟฟ้ากลับหอพัก ครั้นจะอาสาไปส่งถึงที่ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนเพิ่งรู้จักกันจะทำได้ แม้จะเป็นเพศสภาพเดียวกันแต่ก็ยังดูไม่เหมาะสมอยู่ดี คงไม่มีใครไว้ใจกันง่าย ๆ หลังจากคุยกันแค่ไม่กี่นาที


“กูคิดไม่ออกว่าตอนมึงมีความรักจะเป็นยังไง” เก่งพูดขึ้นหลังจากที่รณณ์ออกไปจากร้านแล้วแต่ดีนยังไม่เลิกมองตามออกไป


“มึงเคยบอกกูแล้ว” ดีนละสายตากลับมาด้วยการหมุนตัวเข้าหาเคาเตอร์บาร์


“ก็ใช่ไง แต่กูว่าตอนนี้กูรู้ละ”


“มึงนั่งทางในเห็น?”


“สัด กูเห็นด้วยตากูเองเนี่ยแหละ”


คิ้วเข้มเลิกสูงแทนคำถามว่าอีกฝ่ายไปเห็นเอาตอนไหน


“มองเขาตาละห้อยเชียวครับเพื่อน” ดูเหมือนว่าคำแซวของนะโมจะเป็นคำตอบให้ดีนได้ดีทีเดียว


“อะไรของมึง”


“ถึงกูจะไม่เคยเห็นมึงสนใจใคร แต่กูรู้ว่าสีหน้าท่าทางมึงตอนนี้มันแปลว่ามึงกำลังสนใจเขา”


“มึงมั่วละ”


“มึงอาจจะไม่รู้ตัวนะ แต่เวลามึงอยู่กับเขา คุยกับเขา มันทำให้กูเลิกสงสัยในตัวมึงกับผิงไปเลย”


“กูเป็นถึงขนาดนั้น?”


“ไม่หรอก มึงไม่ได้แสดงออกอะไรมาก มึงก็เป็นธรรมชาติแบบที่มึงเป็น พวกกูแค่เห็นสิ่งที่มันต่างไปจากปกติของมึงเท่านั้นเอง”


“เช่น?” สิ้นคำถามนี้ก็เป็นการเปิดโอกาสให้เพื่อนได้ผลัดกันซักถามเสียละเอียด โดยมีเก่งประเดิมถามเป็นคนแรก


“เริ่มจากที่มึงชวนเขามานั่งด้วยกัน”


“เขาขอมาเอง”


“แต่ปกติมึงไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามานั่งใกล้”


“นี่มันที่สาธารณะ”


“มึงไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า”


“เราเคยเจอกันแล้ว” …ครั้งเดียว


“มึงคุยเรื่องส่วนตัว”


“นั่นมันเรื่องผิวเผินสำหรับการทำความรู้จัก”


“นั่นไง! ปกติมึงไม่ชอบทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าที่เจอกันผ่าน ๆ ไม่มีปฏิสัมพันธ์กันในอนาคต”


“ก็บอกแล้วไงว่าเคยเจอกันมาก่อนแล้ว”


“อนาคตมึงจะเจอกับเขาอีก?”


…ไม่รู้…


ไม่รู้ว่าที่แนะนำชื่อกันไปแล้ว เขาจะมีโอกาสได้เรียกชื่ออีกฝ่ายกันต่อหน้าหรือเปล่า ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ยินชื่อตนเองออกจากปากของอีกฝ่ายด้วยหรือไม่ ดีนไม่รู้อะไรเลย


“ไม่รู้จะได้เจอไหม แต่คนเคยเจอหน้ากันมานั่งข้างกัน ไม่คุยกันบ้างก็เสียมารยาทป่าววะ”


“ถุ้ย! มึงเป็นคนมีมารยาทมากสินะ” คราวนี้สามเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง


“ก่อนตอบแบบนั้น มึงนึกถึงตอนที่มึงตอกหน้าพวกผู้หญิงที่เข้าหามึงรึยังครับ” นะโมแทรกขึ้นมาบ้าง


“เออ ปฏิเสธทีพวกกูแทบอยากจะหาปี๊บให้เธอคลุมหัว” แฝดพี่เสริมสำทับ


“และที่สำคัญนะ…” เก่งเกริ่นนำเรียกสายตาทั้งสามคู่ไปจดจ้องกันเป็นตาเดียว “…มึงเหลือบมองเขาบ่อย”


“อันนี้กูก็เห็น” คู่แฝดยกมือเห็นด้วยตรงกัน


“แล้วไอ้รอยยิ้มมุมปากมึงอ่ะ พวกกูเคยบอกใช่ไหมว่าแม่งโคตรกวนตีน แต่ครั้งนี้ไม่เว้ย มึงยิ้มเหมือนเขินเขาอ่ะ ยังไงดีวะ กูอธิบายไม่ถูก” ท่าทางสับสนของแฝดน้องที่เหมือนร้องขอความช่วยเหลือ ทว่าคงมีแต่แฝดพี่ที่เข้าใจความคิดของอีกฝ่าย


“กูว่าเหมือนมันพยายามกลั้นยิ้มแต่กลั้นไม่อยู่”


นะโมตบเข่าฉาดที่คนพี่ตอบได้ตรงใจตน แต่คนที่กำลังถูกอ่านการกระทำกลับตอบเสียงเรียบมาว่า “เพ้อเจ้อ”
โอมถอนหายใจแรงด้วยความหมั่นไส้คนปากแข็ง “สรุปว่ามึงไม่สน งั้นกูขอนะ”


“กูไม่ใช่เจ้าของเขา มาขอจากกูไม่ได้”


“ก็บอกมึงไว้ก่อนไง ไม่อยากชอบคนเดียวกับเพื่อน”


“ถ้าเขาจะชอบมึง กูก็ไม่มีสิทธิห้ามอะไรอยู่แล้ว”


“ไอ้ห่านี่ชอบทำเสียเรื่อง” เก่งตบหัวโอมฉาดใหญ่ “พวกกูโอเคนะเว้ยถ้ามึงจะเป็นอีกคนหนึ่งในกลุ่มที่หันไปคบผู้ชาย กูรู้ว่ามึงไม่ใช่คนที่จะรู้สึกรักหรือชอบใครง่าย ๆ ถ้ามึงรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ แม้จะกับผู้ชายก็เถอะ พวกกูก็มีแต่จะยินดีด้วย”


ดีนไม่ตอบคำ ร่างสูงสง่าจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เขากำลังย้อนมองความรู้สึกอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อตอบคำถามของเพื่อนให้กับตนเอง


ดีใจที่ได้เจอเขาอีกครั้ง


อยากรู้จักเขาทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้เจอกันอีกหรือเปล่า


ชอบมองรอยยิ้มของเขา


ดีใจที่เขาสนใจเรื่องราวของเรา


รู้สึกผ่อนคลายทั้งที่นั่งข้างกันแต่ไม่คุยกันสักคำ


ใจหายเพียงแค่ได้ยินคำบอกลา


อยากมองไปให้สุดสายตาเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไปแล้วจริง ๆ


อยากอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้…




ความรู้สึกแค่นี้ก็เรียกว่าชอบว่ารักได้แล้วหรือ?











TBC.
---------------------------------------------------------------------------
คุณดีนเขาไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกเวลาสนใจใครสักคนมันเป็นยังไง ต้องให้เพื่อนสะท้อน
ส่วนน้องรณณ์ก็ยังมองว่าคุณดีนเป็นไอดอลที่ตนชื่นชอบ
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คุณดีนกันน้องรณณ์ด้วยนะคะ
#ไม่ดิ้นรนหา


ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-04-2017 16:01:35
 :hao7: :hao3:

ชอบเขาแล้วเด้

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 09-04-2017 16:45:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-04-2017 17:32:55
 :L1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-04-2017 17:36:15
แหม ก็ค่อย ๆ เรียนรู้ไปค่ะคุณดีน
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 09-04-2017 18:02:44
รอลุ้นรณณ์เปลี่ยนมุมมองจากที่คิดว่าตัวเองสนใจ ชื่นชมดีนในแบบไอดอล น่าสนใจพอๆกับลุันให้ดีนยอมรับความรู้สึกของตัวเอง และเข้าใจว่ามันคือรัก..ผิงคือปัจจัยที่ทำให้ดีนคิดว่าดาวจะเป็นม่ายขันหมากหรือเปล่า สถาะนะในอนาคตผิงเปลี่ยนจากเพื่อนเป็นพี่สะใภ้?? #มีความมโน #ใต้ความสงสัยคริสxผิง
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-04-2017 20:51:10
รอตอนต่อไปนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมรดา ที่ 09-04-2017 21:54:22
ฮิ้วววว
คุยกันแล้ว  นั่งด้วยกัน   มาเปิดตัวกับเพื่อนๆ  แล้วด้วย
ก้าวหน้าพัฒนามากขึ้น
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 10-04-2017 01:10:45
ชอบๆๆๆๆๆ ชอบเรื่องนี้

น่าค้นหา
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 10-04-2017 21:00:10
เขารู้จักกันแล้ววววว
วุ้ยยยย น่ารักอ่ะ ชอบตอนเจอกันในห้องน้ำ เหมือนจะธรรมชาติ แต่ก็รับรู้ได้ว่าแต่ละคนตื่นเต้นแค่ไหน
 :ling1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 19-04-2017 21:59:39
คิดถึงคุณดีนแล้วววววว  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-04-2017 23:50:58
 :ling1: :ling1:

คิดถึงแล้ว ตอนต่อไปปปปปป
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 20-04-2017 01:05:41
ในที่สุดคุณดีนก็มีความรู้สึกกับเค้า
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 20-04-2017 01:28:14
จะตาหาคนเขียนได้ที่ไหนค่ะ ตอบบบ
อยากอ่านเเล้ว
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-04-2017 17:58:58
 :ling1:

มาส่องอีกรอบ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 29-04-2017 20:11:09


ห า กั น จ น เ จ อ



ตอนที่ #07




   


ในความคิดของผิง ถ้าดีนคือหนุ่มตี๋อินเตอร์ คริสก็คงเป็นฝรั่งตะวันออก คนน้องเชื้อพ่อแรงจนความตี๋โดดเด่นอยู่บนโครงหน้าที่มีเครื่องหน้าส่วนใหญ่ดูเหมือนเชื้อชาติฝั่งตะวันตก ทว่าตาสีน้ำตาลเข้มเรียวรีก็ดูเข้ากันดีกับคิ้วเข้มและสันจมูกที่โด่งราวสันเขื่อน ขณะที่คนพี่มองผ่าน ๆ เหมือนหนุ่มฝรั่งจ๋ามากกว่า โดยเฉพาะนัยน์ตาสีครามอ่อนที่ดูลุ่มลึกน่าค้นหาเสียจนเพื่อนชายของเธอยังเคยนึกหมั่นไส้อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งในตอนนี้ที่ยืนเผชิญหน้ากันที่ชั้นหนึ่งของห้างดัง ให้เธอเดาก็บอกได้เลยว่าดีนต้องกำลังรู้สึกหมั่นไส้พี่ชายตัวเองอยู่อย่างแน่นอน

   
…แต่ประเด็นคงไม่ได้อยู่ที่นัยน์ตาสีครามอ่อนอย่างเช่นทุกครั้งแน่ ๆ…

   
“มาด้วยกันได้ยังไง”

   
“คริสถามแปลกนะคะ เขาสองคนสนิทกันระดับไหน มาด้วยกันก็เป็นเรื่องปกตินี่” หญิงสาวที่ยึดเกาะแขน ‘ว่าทีสามี’ ไว้ไม่ห่างพูดตอบแทนเธอกับดีน

   
“ก็อย่างที่เธอบอก” ดีนไหวไหล่


ผู้ชายสูงใหญ่ไซส์มาตรฐานตะวันตกสองคนยืนขนาบคู่ด้วยสาวสวยที่มีส่วนสูงเกินมาตรฐานหญิงไทยถึงสองคนจึงกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนรอบข้างได้ไม่ยาก ยิ่งมายืนคุยกันในบูธลดกระหน่ำรองเท้ากีฬาด้วยแล้ว พวกเขาก็แทบจะเป็นจุดรวมสายตาแทนรองเท้าคู่สวยที่ตั้งโชว์อยู่เสียอีก


คริสส่ายหน้าระอา มองเลยน้องชายไปยังหญิงสาวอีกคนที่อีกฝ่ายมาด้วย “เล็งคู่ไหนไว้ล่ะผิง ให้พี่ช่วยดูไหม”


“ไม่ต้องหรอก ยูเอาเวลาไปดูแลว่าที่เจ้าสาวดีกว่านะ…ไปกันเถอะผิง” ประโยคหลังดีนหันไปพูดกับเพื่อนสาวคนสนิทพร้อมกับคว้าแขนอีกฝ่ายกึ่งลากกึ่งจูงเดินออกจากตรงนั้นโดยไม่หยุดฟังคำใดจากพี่ชายเลยสักนิด ทั้งที่ตั้งใจจะมาเดินดูรองเท้ากีฬาซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้เลือกซื้อบ่อยกว่าเครื่องสำอางเสียอีก


“เสียมารยาท” เมื่อถูกลากออกมาไกลสายตาหนุ่มสาวคู่นั้น ผิงก็เอ่ยตำหนิดีนออกมาไม่เต็มเสียงนัก เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เพื่อนทำก็เพื่อปกป้องเธอ


“อยากอยู่ตรงนั้น?” ดีนปล่อยแขนเล็กให้เป็นอิสระ มองหน้าเธอด้วยความสงสัย


“ถึงไม่อยากอยู่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลีกตัวออกมาแบบที่นายทำ”


“งั้นเชิญกลับเข้าไปใหม่ ฉันไปล่ะ”


“อ้าว ไหนบอกจะช่วยเลือกรองเท้าไง”


“มีคนเสนอจะช่วยแล้วนี่”


ผิงส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ อุตส่าห์โทร.ไปรบเร้าให้ออกจากห้องในวันหยุดมาเดินช้อปปิ้งเป็นเพื่อน แต่อีกฝ่ายกลับทิ้งกันไปเสียดื้อ ๆ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าที่ดีนยอมออกมาด้วยเพราะอีกฝ่ายตั้งใจจะมาด้วยเรื่องส่วนตัว ไม่ได้อยากจะตามใจเธอนัก แต่พอถูกทิ้งให้เคว้งในงานที่มีคริสกับดาวอยู่ด้วย สาวแกร่งอย่างเธอก็รู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมาทันที

.

.

.

“สวัสดีครับพี่ผิง”


เด็กฝึกงานที่วันนี้มาในชุดที่แทบไม่ต่างจากชุดนักศึกษาที่เคยเห็นจนชินตา จะต่างก็ตรงที่รองเท้าผ้าใบไม่ใช่รองเท้าคัทชูถูกระเบียบอย่างทุกครั้ง


“สวัสดีรณณ์ วันอาทิตย์แบบนี้ยังไปมหา’ลัยอีกเหรอ”


เด็กหนุ่มก้มมองการแต่งกายของตัวเองแล้วหัวเราะน้อย ๆ “ปกติผมก็ชอบแต่งตัวแบบนี้แหละครับ ไม่ได้ไปมหา’ลัยมาอย่างที่พี่เข้าใจ” เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์เดฟ ชายเสื้อหลุดลุ่ย ดูอย่างไรก็เหมือนนักศึกษาที่พบเห็นได้ทั่วไป


เป็นอีกครั้งที่การเจอรณณ์ทำให้ผิงคิดถึงดีน รายนั้นก็แต่งตัวเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวหรือไม่ก็เสื้อยืดสีดำ หาความหลากหลายในชีวิตไม่เจอเลยทีเดียว แต่ก็ต้องยอมรับว่าแค่เสื้อยืดคอวีสีดำธรรมดา ๆ กับกางเกงยีนส์สีซีดและรองเท้าผ้าใบที่ใส่มาในวันนี้ ก็ทำให้หมอนั่นดูโดดเด่นเป็นที่น่าสนใจมากพอแล้ว


“พี่ผิงมาคนเดียวเหรอครับ” เมื่อสักครู่เขาเห็นหลังใครซักคนแวบ ๆ เพิ่งเดินจากไป ที่เอ่ยถามใช่จะอยากรู้อยากเห็น เพียงแต่คิดว่ามันก็แค่คำถามทั่วไปที่ใช้ถามคนรู้จักที่บังเอิญมาเจอกันนอกสถานที่เดิม ๆ ก็เท่านั้น


“มากับบอกอน่ะ แต่โดนเทซะแล้ว” ผิงหัวเราะน้อย ๆ ดูไม่เศร้าใจอย่างที่ปากบอกเลยสักนิดยิ่งทำให้รณณ์คิดเห็นเหมือนคนอื่น ๆ ว่าบรรณาธิการหนุ่มกับหัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษรคนนี้เป็นคู่ที่เข้ากันได้ดีทีเดียว “รณณ์ละจ๊ะ”


“ผมมาคนเดียวครับ มาดูหนัง”


“หือ? ดูหนังคนเดียวเหรอ?”


“ครับ” รณณ์หัวเราะเสียงใส “มันไม่แปลกหรอกนะครับ”


“พี่ไม่ได้คิดว่าเราแปลก พี่แค่คิดถึงเพื่อนพี่น่ะ”


ผิงอาจจะคิดว่าการดูหนังคนเดียวของรณณ์แปลก ถ้าเธอไม่รู้จักกับผู้ชายที่ชื่อดีนมาก่อน รายนั้นเสพติดการดูหนังคนเดียวเป็นชีวิตจิตใจชนิดที่ว่าแม้จะมากับเพื่อน เขาก็ยังแยกออกไปนั่งอีกที่ ไม่เว้นแม้แต่กรณีที่มากันแค่สองคน ซื้อตั๋วพร้อมกันแต่แยกที่นั่งจนพนักงานที่เคาท์เตอร์งงใส่ก็เคยเจอมาแล้ว หนักสุดก็คนเต็มโรงแต่ยังจะนั่งแยกโดยการนั่งขนาบข้างคนที่มาคนเดียว เพื่อนของเธอคนนี้พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้นั่งแยกกับคนที่รู้จักกัน เธอเคยถามอยู่หลายครั้งว่าทำไม คำตอบที่ได้รับก็สั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า ‘มาดูหนังเพื่อความผ่อนคลาย’ ไร้ซึ่งคำอธิบายต่อจากนั้น


“ปกติรณณ์ดูหนังกับเพื่อนไหม?”


“ปกติผมดูกับเพื่อนนะครับ แต่ถ้าไม่มีใครว่าง ผมก็ดูคนเดียวได้”


“งั้นเพื่อนพี่ก็คงแปลกจริง ๆ”


เด็กหนุ่มคิ้วขมวด นึกสงสัยหัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษรสาว ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป จนสุดท้ายก็แยกทางกันไปตามเป้าหมายของตัวเอง


รณณ์ขึ้นมาที่ชั้นบนสุดของห้างเพื่อซื้อตั๋วหนังอย่างที่บอกผิงไว้ ต้นปีแบบนี้มีหนังตลาดมากมาย แต่ที่เขาสนใจกลับเป็นหนังนอกกระแสเรื่องหนึ่งจากญี่ปุ่น เป็นหนังที่เข้าฉายแค่ไม่กี่โรงในประเทศไทย และมีมากสุดก็แค่สามรอบต่อวันเท่านั้น ถ้าเขาพลาดรอบที่กำลังจะถึงในอีกยี่สิบนาทีข้างหน้านี้ เขาก็ต้องรออีกรอบที่นานถึงสี่ชั่วโมงเลยทีเดียว


เด็กหนุ่มมีที่นั่งประจำที่ต้องจับจองทุกครั้งหากมาคนเดียว D11 คือที่นั่งกึ่งกลางโรงและเป็นแถวที่พอดีกับระดับสายตาของเขา ไม่ต้องเงยจนปวดคอหรือตั้งตรงมากอย่างแถวสูง ๆ แต่ตอนนี้ที่นั่ง D12 ถูกจับจองไปก่อนแล้ว และอีกฝ่ายมาคนเดียวเสียด้วย ความเกรงใจเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้นเพราะไม่อยากไปรบกวนเขา ร่างสูงโปร่งจึงเลือกแถวถัดลงไปด้านล่างอย่างนึกเสียดายที่มาช้าไป

.

.

.

เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงหนังก็จบลง ความเงียบที่เคยมีก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงพูดคุยของผู้คนที่ทะยอยกันลุกจากที่นั่ง รณณ์ตั้งใจว่าจะมองคนที่ทำให้ตนต้องเลี่ยงมานั่งแถวนี้ แต่พอไฟจำนวนน้อยนิดภายในโรงสว่างขึ้น ใบหน้าหล่อคมคายของคนที่ชื่นชอบก็ปรากฎขึ้นให้รู้สึกตื่นเต้นระคนประหลาดใจ

   
“อ้าว คุณดีน!”

   
“รณณ์?”

   
เจ้าของชื่อยิ้มรับ รู้สึกหัวใจพองโตเพียงแค่อีกฝ่ายจำชื่อตนได้


“คุณนั่งที่ D12 เหรอครับ” สองหนุ่มคุยกันไประหว่างที่เดินขนาบข้างกันออกจากแถวของตัวเอง


ดีนพยักหน้าทั้งที่ยังสงสัย


“จริง ๆ แล้ว D11 นั่นที่ประจำผมเลยนะครับ แต่เพราะไม่รู้ว่าใครนั่งอยู่เลยไม่อยากไปนั่งใกล้ กลัวจะรบกวน”


“ถ้าเป็นคุณ ผมไม่ถือเป็นการรบกวน” เท้าสองคู่เดินมาบรรจบกันบนเส้นทางเดียวกันพอดีกับที่ดีนเอ่ยจบ แม้จะเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่สบตากัน แต่ต่างก็สามารถสัมผัสได้ถึงกระแสแห่งความประดักประเดิดที่เกิดขึ้นคั่นกลางระหว่างพวกเขาสองคนได้เป็นอย่างดี


รณณ์เกาท้ายทอยด้วยความเก้อเขินเมื่อดีนหันกลับไปมองทางแล้วเดินนำออกไปก่อน “หนังสนุกนะครับ ไม่คิดว่าคุณดีนจะชอบหนังแนวนี้ด้วย” ปกติเห็นพูดถึงแต่หนังบู้หนังแนวจิตวิทยา มีหนังรักบ้างประปราย แต่ไม่เคยเห็นคุณดีนพูดถึงหนังอนิเมชั่นเลยสักครั้ง


คนสูงวัยกว่าชะงักฝีเท้าหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเจื้อยแจ้วที่เดินตามหลังมาติด ๆ ด้วยสายตาที่คนมองอ่านไม่ออก


“ไปดื่มกาแฟกันไหม?”


“ครับ?”


“เผื่อคุณอยากจะคุยเรื่องหนังกันต่อ”

.

.

.

ใครจะกล้าปฏิเสธโอกาสทองแบบนี้ได้ ไอดอลชวนไปนั่งดื่มกาแฟด้วยกันทั้งทีมีหรือจะไม่รีบตอบรับ รณณ์ตอบกลับแทบจะในทันทีแบบไม่คิดจนลิ้นพันกันเสียด้วยซ้ำ ไหนจะได้ถกประเด็นเรื่องหนังกันอีกเล่า บางทีรณณ์ก็สงสัยว่าช่วงหลัง ๆ มานี่เขาได้เข้าใกล้คนที่ชื่นชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วแต้มบุญของเขายังไม่หมดอีกหรือ?


หลังจากตอบรับคำชวนแบบไม่คิด ตอนนี้พวกเขาสองคนก็มานั่งตรงข้ามกันในร้านกาแฟแบรนด์ดัง แน่นอนว่าเครื่องดื่มสองแก้วบนโต๊ะยังเป็นอะไรที่แตกต่างกันดังเช่นครั้งแรกที่เจอกัน


…กาแฟร้อนกับชาเขียวเย็น…


“ผมชอบดูหนังหลาย ๆ แนว” ดีนพูดขึ้นมาหลังจากจิบอเมริกาโนร้อนไปหนึ่งอึก


“ครับ?”


“ที่คุณถามไว้ก่อนหน้านี้ไง”


“อ๋อ…” เด็กหนุ่มเกาท้ายทอยแก้เก้อ รู้สึกขัดเขินจนต้องรีบเบี่ยงประเด็นด้วยการถามต่อ “…รวมถึงหนังรักด้วยเหรอครับ”


คุณดีนตัวจริงดูไม่เหมาะกับหนังรักสักเท่าไหร่ในสายตาของรณณ์ แต่เพราะเท่าที่ตามมาหลายปีก็พบว่าบ่อยครั้งที่อีกฝ่ายตีตั๋วไปดูหนังรักพวกนั้น เขาจึงอยากรู้ว่าคุณดีนคิดอย่างไร ด้วยเพราะอยากจะเข้าใกล้คุณดีนให้มากกว่านี้


“ถ้าอยากดูก็ดู”


“ฟังดูกวนดีนะครับ” พูดออกไปแล้วก็แทบจะกัดลิ้นตัวเองที่พลั้งปากเสียมารยาทพูดจาราวกับสนิทสนมกันมานานทั้งที่พูดคุยกันแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น


“ทุกอย่างที่ผมพูด ผมหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ” ดีนไม่ได้เอ่ยเชิงตำหนิ นัยน์ตาคู่คมทอดมองด้วยความเอ็นดูเสียด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนปกติยามที่พูดเรื่องจริงจัง ซึ่งคนฟังก็รับรู้ได้


“แล้ว...ทำไมถึงตัดสินใจไปดูละครับ”


“ผมดูไม่เหมาะกับหนังรัก?” แทนที่จะตอบ ดีนกลับถามย้อนเสียเอง


“ทำนองนั้นครับ” ตอบเสียงแผ่วตบท้ายประโยคด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ


“ก็จริงของคุณ คนไม่เข้าใจในความรักอย่างผมไม่เหมาะที่จะดูหนังรักเลยสักนิด”


“งั้นที่คุณไปดู ก็เพื่อให้เข้าใจความรักมากขึ้นเหรอครับ”


ใบหน้าตี๋อินเตอร์ส่ายไปมา “ผมดูเพราะอยากดู ดูเพราะสนใจเนื้อเรื่อง ไม่ได้อยากซึมซับหรืออิ่มเอมความรักของพระนาง บางเรื่องมีพ้อยท์หลักที่ไม่เกี่ยวกับความรักเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาเลือกที่จะนำเสนอผ่านหนังรักเท่านั้นเอง”


รณณ์พยักหน้าช้า ๆ รู้ซึ้งถึงเหตุผลของอีกฝ่ายก็วันนี้จนยิ้มออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ


“ผมถามอะไรคุณบ้างได้ไหม”


“คะ ครับ?” คนถูกถามไม่ทันตั้งตัวจึงเผลอทำหน้าเหรอหราออกไป


“คุณเป็นคนยิ้มง่ายเหรอ ชีวิตคุณเคยเจอเรื่องหม่นหมองบ้างไหม”


“ห๊ะ?!”


ทำหน้าตกใจได้ไม่นานก็หลุดหัวเราะเสียงใสออกมา “มีด้วยเหรอครับ คนที่ไม่เคยเจอเรื่องแบบนั้น”


“ก็คิดว่าไม่มี”


“แล้วทำไมถึงสงสัยผมแบบนั้นละครับ”


“เพราะทุกครั้งที่เจอกัน…ผมยังไม่เคยเห็นคุณหยุดยิ้มเลย”


คราวนี้คนยิ้มเก่งสะดุดลมหายใจ มุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มลดลงเรื่อย ๆ จนเกือบจะเป็นเส้นตรงก่อนจะกล้อมแกล้มตอบกลับไปอย่างไม่มั่นใจนัก “คงเป็นเพราะว่าอยู่กับคุณแล้วผมมีความสุขมั้งครับ”


“ครั้งแรกที่เจอกันก็รู้สึกแบบนี้เหรอ?”


รณณ์มองสบตาคู่คมที่เต็มไปด้วยความสงสัย ความรู้สึกครั้งแรกที่เจอกันเขายังจำได้ดี จะว่ามีความสุขก็ใช่ แต่ความรู้สึกตื่นเต้นคงมากกว่า แต่จะให้ตอบออกไปตามตรงก็ไม่กล้า กลัวโดนมองว่าเป็นโรคจิตที่ตามมาจากในทวิตเตอร์


“ถ้าไม่ทุกข์ ก็คงเรียกว่ามีความสุขได้ใช่ไหมล่ะครับ”


“เฉย ๆ ก็ได้นี่”


…นาทีนั้นคงเฉยไม่ไหว…


ด้วยเพราะจนปัญญาจะโต้ตอบ คนอ่อนวัยกว่าจึงทำทีเป็นยกแก้วขึ้นดื่มน้ำอึกใหญ่ราวกับกระหายเสียเต็มประดา


หนุ่มตี๋อินเตอร์กดยิ้มมุมปากก่อนจะเผลอยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้กับท่าทางอ้ำอึ้งของอีกฝ่าย แต่ไม่คาดคิดว่าคนตรงข้ามจะเห็นจนเก็บมาตั้งข้อสังเกตย้อนกลับได้


“แต่น่าแปลกที่ผมเพิ่งเคยเห็นคุณยิ้ม”


ตั้งแต่เจอคุณดีนตัวจริง เขาก็ยังไม่เคยเห็นอีกฝ่ายยิ้มเลยสักนิด มุมปากนั่นอาจจะขยับบ้าง แต่ไม่เคยเห็นยิ้มกว้างแบบนี้มาก่อน


นี่เขายิ้มหรือ?


รู้ตัวว่าเป็นคนยิ้มยาก แม้แต่ยิ้มการทูตยามจำเป็นทั่วไปยังแทบไม่มีใครได้เห็น ดีนจึงค่อนข้างแปลกใจตัวเองอยู่ไม่น้อยที่ถูกทักว่ากำลังยิ้ม


“อืม…การเจอคุณก็คงเป็นเรื่องดี ๆ ในชีวิตของผมเหมือนกัน”


นัยน์ตาที่มองมาแน่วแน่ไม่สั่นไหวทำให้ประโยคก่อนหน้านี้ของคุณดีนย้อนกลับมาในห้วงความคิดอีกครั้ง


ทุกอย่างที่ผมพูด ผมหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ


เกือบสามชั่วโมงที่นั่งคุยกันอยู่ในร้านกาแฟแห่งนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวที่แทบจะไม่มีเรื่องหนังที่เพิ่งดูอย่างที่ถูกนำมาเป็นคำชวนของการดื่มกาแฟด้วยกันเลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้คุยกันตลอด มีช่วงที่ต่างคนต่างเงียบ แต่กลับรู้สึกสบายใจที่ได้นั่งอยู่ด้วยกัน บ่อยครั้งที่ดีนก้มหน้าสนใจงานในสมาร์ทโฟน แต่พอเหลือบขึ้นมองแล้วยังเห็นเจ้าของรอยยิ้มสดใสนั่งอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกอุ่นใจก็เกิดขึ้นอย่างน่าประหลาด ฝ่ายรณณ์ที่เอาแต่พิมพ์บางอย่างใส่สมาร์ทโฟนก็เพราะรู้สึกว่าสมองแล่นเป็นพิเศษ แรงบันดาลใจในการเขียนงานของเขาเกิดขึ้นเป็นภาพลอยอยู่เป็นฉาก ๆ ในหัวจนต้องรีบกลั่นมันออกมาเป็นตัวอักษรเก็บไว้กันลืม ไม่ใช่จะลืมเนื้อหา แต่กลัวจะลืมความรู้สึกตอนที่มีคุณดีนอยู่ด้วยกัน


กดพิมพ์ยุกยิกรัวเร็วไม่สนใจทุกการแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นด้านบนสุดของหน้าจอแต่กลับมาสะดุดเอาตอนที่มีการแจ้งเตือนจากแอพฯอินสตาแกรมจากแอคเคาน์ของคนที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามในตอนนี้


คุณดีนอัพรูปอะไรวะ?


รณณ์เหลือบตาขึ้นมองเจ้าของแอคเคาน์ที่ยังก้มหน้าก้มตาดูบางสิ่งบนหน้าจอสมาร์ทโฟน…ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


คุณดีนยิ้มอีกแล้ว


มือไวเท่าความคิด เด็กหนุ่มรีบกดเข้าไปดูตามการแจ้งเตือน ไม่ต้องรอโหลดให้นานเพราะเพียงแค่เข้าถึงแอพฯ รูปและแคปชั่นที่เพิ่งถูกอัพจากคุณดีนก็ปรากฎให้รู้สึกร้อนวูบบนใบหน้าโดยไม่ทราบสาเหตุ


มันเป็นภาพจากมุมของร่างสูง เป็นรูปถ่ายกว้าง ๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจถ่ายหรืออาจจะแอบถ่ายเพราะไม่อยากให้เขารู้ตัว ในรูปมีจุดโฟกัสเดียวคือแก้วกาแฟร้อนของเจ้าตัว ส่วนโบเก้ฉากหลังเป็นแก้วชาเขียวและเงาของผู้ชายคนหนึ่งที่สะท้อนบนโต๊ะกระจก


ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา



DEAN I’m glad met you,I hope you know that.



รณณ์ไม่ได้กดไลค์ในทันทีเช่นทุกครั้ง เจ้าของใบหน้าอ่อนใสที่ยามนี้สองแก้มซับสีแดงระเรื่อเพียงแต่คว่ำหน้าจอลงบนโต๊ะ


ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกดีใจขนาดนี้ คงเป็นเพราะปลื้มเขามาก เลยดีใจที่เขารู้สึกยินดีกับการพบเจอกัน นี่เองหรือชีวิตติ่งที่ประสบความสำเร็จ แต่ถึงจะดีใจอย่างไร รณณ์กลับไม่กล้าเผยรอยยิ้มออกมาตรง ๆ เด็กหนุ่มรีบคว้าแก้วชาเขียวขึ้นมาดื่ม ริมฝีปากกลืนเข้าหากันจนเกือบเป็นเส้นตรงทั้งที่ยังคาบหลอดดูดเพื่อปิดซ่อนรอยยิ้มจนแก้มแทบแตก ดวงหน้าอ่อนใสเบนออกมองวิวนอกร้านราวกับมีอะไรน่าสนใจหนักหนาทั้งที่ความจริงแล้วกลับไม่มีอะไรน่าจรรโลงใจเลยสักนิด


ให้ตายเถอะ! อาการที่เป็นอยู่นี่ใช่ว่าจะไม่เคยรู้สึก แต่พอนึกออกว่าเหมือนคล้ายกับความรู้สึกช่วงไหนในชีวิต แก้มก็พาลจะปริแตกเข้าไปใหญ่


…ความรู้สึกเหมือนตอนถูกจีบ…


นี่เขากำลังเขินเหมือนคนที่กำลังถูกจีบน่ะหรือ? รณณ์คิดว่านี่เป็นความคิดที่บ้าที่สุด ถึงแม้ว่ายุคสมัยนี้ความรักจะไม่จำกัดเพศ แต่เขาก็ไม่คิดว่าคนอย่างคุณดีนจะจีบเขา และที่สำคัญกว่านั้นคือไม่คิดว่าตัวเองจะเขินเพราะถูกผู้ชายจีบด้วย เด็กหนุ่มพยายามวิเคราะห์ผ่านข้อมูลของดีนเท่าที่รู้จักมาหลายปีจนได้ข้อสรุปว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบนี้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ชอบถ่ายรูป อัพเดทเรื่องราวชีวิต การที่ลงรูปแล้วบอกกลาย ๆ ว่ายินดีที่ได้เจอกันก็เป็นแค่เรื่องปกติ…อีกอย่าง คุณดีนก็เพิ่งพูดเองนี่ว่าการเจอเขาก็ถือเป็นเรื่องดี ๆ ในชีวิตเหมือนกัน


…มันก็แค่จุดเริ่มต้นของมิตรภาพ...ไม่ใช่ความรัก…

.

.

.

นี่จีบเขาอยู่หรือ?!


ดีนส่ายหน้าขำ ๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงโพสข้อความประหนึ่งกำลังจีบคนในรูปที่แม้จะโผล่มาแค่เงาแต่เรื่องราวกลับถูกโฟกัสไปที่เงาลาง ๆ บนโต๊ะมากกว่าจุดโฟกัสของกล้องอย่างแก้วกาแฟเสียอีก


…ดีนรู้แค่ว่าอยากโพส…


นอกจากนี้ดีนยังตอกย้ำความ ‘อยาก’ ของตัวเองด้วยการทำตัวประหนึ่งเป็นแอคเคาน์บางประเภทที่ชอบทวีตข้อความอินเลิฟเสี่ยว ๆ สาดใส่ไทม์ไลน์คนอื่นอีกด้วย



DEAN @DEANada . 10s
แปลก…ปกติผมไม่ชอบกลิ่นชาเขียวสักเท่าไหร่ แต่พอมีคุณนั่งอยู่ตรงหน้าด้วย ผมกลับไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของมันเลย



เพียงแต่ ‘แฟนคลับตัวยง’ อย่างรณณ์กลับไม่เห็นข้อความนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเจ้าตัวไม่ได้ตั้งค่าแจ้งเตือนการอัพเดทเอาไว้ แต่ในเมื่อคุณดีนตัวจริงที่อยู่ตรงหน้านี้น่าสนใจกว่า แล้วมีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องเข้าไปทำความรู้จักอีกฝ่ายผ่านตัวอักษรในโลกของทวิตเตอร์อีกล่ะ

   
   。。。。。



   
กำหนดการส่งต้นฉบับมาถึงอีกครั้งพร้อมวันเริ่มต้นทำงานของสัปดาห์ใหม่ หากนับรวมวันนี้ก็เท่ากับพวกเขามีเวลาอีกแค่สิบห้าวันเท่านั้นในการเคี่ยวเข็นให้มันออกมาสู่สายตานักอ่าน

   
เช้าวันนี้กล่องจดหมายในอีเมลของดีนคึกคักเป็นพิเศษ แต่ที่ต้องเร่งด่วนที่สุดก็เห็นจะเป็นอีเมลฉบับที่ถูกส่งมาจากหัวหน้าคอลัมน์สาว

   
ไฟล์ต้นฉบับมากมายถูกรวมเป็นไฟล์ .zip อยู่ในนั้น ดีนดาวน์โหลดมันออกมาก่อนจะไล่หาไฟล์ที่ถูกเขียนโดยนักศึกษาฝึกงาน การที่นิตยสารฉบับนี้จะถูกตีพิมพ์เร็วหรือช้ากว่ากำหนด นอกจากใจความหลักของเล่มแล้วก็มีคอลัมน์ที่สร้างสรรค์โดยนักศึกษาฝึกงานที่เขาต้องรีบตรวจทานก่อนสิ่งอื่น ด้วยเพราะงานเขียนของคอลัมนิสต์คนอื่นค่อนข้างจะไว้วางใจได้พอสมควรเพราะร่วมงานกันมานานแล้ว ใช่จะเพิ่งมาใหม่เสียเมื่อไหร่

   
คอลัมนิสต์ทุกคนในสำนักพิมพ์นี้จะมีนามปากกาที่แนบมาพร้อมชื่อไฟล์อยู่แล้ว แต่สำหรับนักศึกษาฝึกงาน ทางทีมบริหารเห็นพ้องต้องกันว่าควรลงท้ายบทความด้วยคำเดียวกับสถานะที่เขาเป็นอยู่ เพื่อให้นักอ่านทั้งหลายรู้ว่านี่เป็นฝีมือของ ‘ขาจร’ รวมถึงเป็นการปิดบังตัวตนจากสำนักพิมพ์คู่แข่งด้วย

   
ดีนรีบเปิดทันทีที่เจอไฟล์ที่ต้องการ


   
‘หากันจนเจอ’


   
ดีนร้องเหอะ สมกับที่เป็นธีมความรักเสียจริง รู้สึกเลี่ยนตั้งแต่อ่านชื่อเรื่องเลยทีเดียว

   
“อาจมีบางทีในเมืองกว้างใหญ่ หมอกและควันช่วยกันพรางตา มีขอบรั้วขอบกำแพงสร้างมา ตึกระฟ้าคอยบังเราอยู่…”

   
ขึ้นต้นคอลัมน์มาด้วยเนื้อร้องคุ้นหูแต่ระคายหูคนไม่ชอบเพลงรักอย่างดีนเสียเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นก็ทนอ่านจนจบ

   
บรรณาธิการหนุ่มตัดสินใจต่อสายโทรศัพท์ภายในลงไปถึงดาวพร้อมแจ้งความประสงค์ทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย

   
“ผมขอพบนักศึกษาฝึกงานในแผนกของคุณ…เดี๋ยวนี้!”






TBC.
----------------------------------------------------------------
ตกใจที่มีคนรอ ตอนนี้เลยกดดันเลยอ่ะ แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ติดตามคุณดีนกับน้องรณณ์ #กราบงามๆ
ไม่มีอะไรจะแก้ตัวสำหรับการหายไปนานค่ะ
สัปดาห์สงกรานต์นั่นไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียว
กลับมาทำงานสี่วันก็มีแต่อบรมกับประชุม กลางคืนเลยต้องขนงานกลับมาทำอีก
วุ่นวายอย่างนี้อยู่ระยะหนึ่ง แต่กำลังใจดี

ความจริงแล้วคุณดีนเป็นผู้ชายทื่อๆ ถ้าใครสังเกตจะเห็นว่าไม่ใช่แค่พูดตรง แต่เขาพูดในสิ่งที่คิดออกมาเลย
บางอย่างคิดเยอะ บางอย่างคิดแล้วว่าจะไม่แคร์ ฮ่าๆๆๆ
ผิงเป็นบุคคลสำคัญจริงๆ เธอจะทำให้อะไรมันชัดเจนขึ้น
สุดท้ายนี้ ขอบคุณสำหรับทุกคำติชมและคอมเม้นท์นะคะ #ชื่นใจ

ใครจะตามหาคนเขียน เจอกันได้ในทวิตเตอร์ พื้นที่แฮชแท็ค #ไม่ดิ้นรนหา นะคะ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-04-2017 20:29:48
 :L2: :pig4:


มาแล้วววววดีใจ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 29-04-2017 20:38:06
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: penneeamoon ที่ 29-04-2017 20:48:10
งิ้อออออ  มาล่าวววว
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมรดา ที่ 29-04-2017 21:01:08
จะได้เจอกันแล้ว  ตื่นเต้นแทนคุณดีน  5555
เจอกันในหน้าที่ความรับผิดชอบ  เหอๆ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-04-2017 21:40:57
เรียกมาด่าหรือเรียกมาชม
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-04-2017 22:52:47
 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 30-04-2017 08:03:42
จะเจอกันแล้วววว
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 30-04-2017 09:25:47
ถ้ารู้ว่าเป็นรณณ์จะเป็นยังไงน่ออออ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 30-04-2017 11:29:04
ดีใจที่ได้เจอนิยายเรืองนี้เหมือนกัน รอตอนต่อไปจ้ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 30-04-2017 19:41:31
มาแล้ววววววว  :ling1:

เขาจะเจอกันในหน้าที่แล้ววววว รณณ์จะโดนคนไม่อินกับความรักด่าไหมนะ
แต่คงไม่หรอกเนอะ ก็ออกจะถูกคออ่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-05-2017 18:25:54
อ่านมาถึงกลางตอนเป็นอะไรที่อมยิ้มแก้มตุ่ยมาก มันดูละมุนสุดๆ :o8:  แอบกลัวว่าตอนหน้าจะคนละอารมณ์กับตอนนี้มั้ย :ling2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mooplapoo ที่ 02-05-2017 12:18:37
ชอบอ่านเรื่องที่ให้ความรู้สึกแบบนี้มากเลยค่ะ จะว่าไงดี มันค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็แอบเขินได้ในทุกตอน แถมยังเป็นเรื่องในวงการนี้อีกทำให้อินไม่น้อย ตอนล่าสุดนี่ทิ้งท้ายไว้ให้คาใจสุดๆไปเลย ตื่นเต้นเพราะเขาจะเจอกันในกันในบริษัทแล้ว คุณบก.จะเรียกไปชมหรือตินา เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ ><
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: blue colour ที่ 03-05-2017 00:07:55
เพิ่งมาเจอเรื่องนี้ งื้อออออเป็นเรื่องที่เรื่อยๆแต่ก็ทำให้เขินตลอด รณณ์น่าเอ็นดูวววววววว คุณดีนน่ารักอะ5555มันอธิบายไม่ถูกอยากเห็นตอนที่เค้ารักกันแล้วจะเป็นยังไง นี่ขนาดเพิ่งรู้จักกันคุณดีนก็หวงรอยยิ้มของน้องซะแล้ว :o8:

ปล.ผิงนี่มีอะไรในกอไผ่กับพี่คริสรึเปล่าเนี่ย เหมือนสองคนนี้รักกันอะหรือเรามโนไปเอง5555
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Lili405 ที่ 03-05-2017 04:18:45
ตามมาจากที่มีคนแนะนำในทวิต
คือชอบมากกกกค่ะ ดีงามมากจริงๆ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ กำลังค้างเลย
สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 03-05-2017 23:31:23
โอ๊ยเพิ่งหาเรื่องนี้จนเจอ 5555555 ชอบมากเลยค่ะ บรรยากาศในเรื่องละมุน น่ารัก ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ แบบนี้มาให้อ่านนะคะ  :-[  ติดตามค่าา
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 15-05-2017 23:55:40


ห า กั น จ น เ จ อ

ตอนที่ #08











“ตายแน่ไอ้น้อง!”


นี่คือคำตัดสินชะตาจากทศหลังจากที่ได้อ่านคอลัมน์ที่รณณ์เขียนขึ้นมา เมื่อทั้งแผนกทราบเรื่องที่เด็กฝึกงานของตนถูก ‘บก.สุดโหด’ เรียกไปพบ ทุกคนต่างพากันมาขออ่านเรื่องที่เขาส่งไปให้พิจารณา แต่นอกจากดาวก็มีแต่เพียงทศเท่านั้นที่ได้เป็นตัวแทนของทุกคนได้อ่านมัน

แล้วก็สรุปออกมาสั้น ๆ ให้ทุกคนได้ฟังดังข้างต้น


เสียงฮือฮาดังขึ้นระงมไปทั่วทั้งแผนก เด็กหนุ่มหน้าเสีย ความภาคภูมิใจในงานเขียนที่มีหลังเขียนจบพาลหายไปเสียเกือบหมด


รณณ์สร้างสรรค์งานเขียนเพื่อใส่คอลัมน์ในนิตยสารไลฟ์ฉบับเดือนกุมภาพันธ์สำหรับประเมินการฝึกงานอยู่หลายเรื่อง จนกระทั่งใกล้กำหนดส่งงานให้หัวหน้าแผนกสาวเมื่อคืนนี้ ในตอนนั้นเองที่งานเขียนเรื่องล่าสุดที่เพิ่งพิมพ์เสร็จหมาด ๆ ถูกส่งไปทางอีเมล



‘หากันจนเจอ’


“บอกอโหดขนาดนั้นเลยเหรอพี่”


“ไม่รู้อะไรซะแล้ว  บอกอเขาไม่อินไปกับแกหรอก เขียนซะหวานเลี่ยนขนาดนี้ เอาตรง ๆ นะ เรียกแกไปด่าแหง”


…ไม่ให้กำลังใจน้องเลยจริง ๆ …


“เขาคงไม่ไร้เหตุผลขนาดนั้น...มั้งครับ” พูดออกไปด้วยความไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ ฝึกงานมาหลายสัปดาห์แล้วแต่ตัวจริงหรือก็ไม่เคยเจอ ได้ยินแต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงกิตติศัพท์ทุกครั้งที่มีการประชุมกัน


…ซึ่งก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่…


“เหตุผลน่ะมีครับ เหตุผลคือไม่อินกับความรักไงครับ ไม่อย่างนั้นพวกพี่จะเหนื่อยกับเล่มนี้ขนาดนี้เหรอ…เฮ้อ! ไป ๆ มา ๆ กูก็ชักจะเกลียดเดือนกุมภาฯแล้วเหมือนกันว่ะ” ประโยคหลังทศหันไปบ่นกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น


ก็คงไม่ขนาดนั้น


รณณ์ยังคิดในแง่ดี เพราะอย่างน้อยบก.ก็ยังยอมให้ทำธีมความรัก แถมยังยอมให้นำเรื่องของผู้บริหารกับดาวมาเป็นคอลัมน์หลักได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าบก.เป็นคนมีเหตุผลมากพอที่จะรับฟังและยอมรับเรื่องพวกนี้ได้


…ไหมนะ…


“พี่ก็ไม่อยากจะส่งไปให้นะ แต่ในเมื่อเราตัดสินใจแบบนั้น…” ดาวที่ยืนฟังอยู่นานเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิด


“พี่ดาวไม่ผิดหรอกครับ ผมตั้งใจเขียนมันขึ้นมาเอง แล้วผมก็อยากจะให้มันเป็นเรื่องที่ได้ตีพิมพ์ด้วย บอกอเรียกพบตอนนี้ก็ดีเหมือนกันครับ ผมอยากรู้ฟีดแบค”


“ไอ้รณณ์เอ้ย ชีวิตแกขึ้นอยู่กับบอกอนะเว้ย จะรั้นเรื่องไหนก็รั้นได้ แต่อย่ารั้นเรื่องความรัก พี่ขอเตือนด้วยความหวังดี ชีวิตฝึกงานจะไม่ราบรื่นเอาได้…อ้อ! หยิบทิชชูนั่นติดมือไปด้วย เผื่อได้ใช้”


เด็กหนุ่มหันมองไปทั่วห้อง ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ทศพูดจนเขาชักหวั่นใจอยู่เนือง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำแต่อย่างใด รณณ์เพียงแค่รับปากทุกคนเสียดิบดีว่าจะไม่รั้นหัวชนฝาและจะใช้สติในการตอบโต้อย่างนุ่มนวล

.

.

.

แล้วถ้าไม่มีสติล่ะ?


เขาจะถามหาสติจากไหนได้เมื่อพบว่าโลกใบนี้มันกลมเกินไปแล้ว คนที่เป็นแรงบันดาลใจของเรื่อง ‘หากันจนเจอ’ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหานั้นด้วยคือคนเดียวกับที่ตรวจงานและเรียกเขามาพบเพราะเนื้อหาข้างในนั้น!!


รณณ์อยากจะสบถคำหยาบออกมาเสียเดี๋ยวนี้ น่าจะเอะใจตั้งแต่เห็นป้ายชื่อว่า ‘ดีน ดีนาดา วัชรเสรีนนท์’ ที่หน้าห้องแล้ว อย่างน้อยถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะเข้ามาเจอใครก็จะได้เตรียมใจและทำสมาธิให้มากกว่านี้ ไม่ใช่เข้ามาแล้วสติกระเจิงอย่างตอนนี้


คุณดีนหนอคุณดีน ตอนไม่เจอกันก็เฉียดกันไปมา พอเจอกันครั้งหนึ่งก็เจอกันบ่อยเสียร่ำไป แต่เหตุใดถึงต้องมาเจอกันที่นี่และสถานะแบบนี้!


รณณ์อยากจะแทรกแผ่นดินหนีเสียเหลือเกิน ครั้นจะขอต้นฉบับคืนมาด้วยความอายก็ทำไม่ได้อย่างใจหวัง ที่ทำได้ในตอนนี้คือพยายามตั้งสติอย่างที่รับปากทุกคนเอาไว้แล้วยืนทำหน้าตาสงบเสงี่ยมที่สุดแม้ว่าจะหวั่นกลัวจนใจเต้นแรงมากก็ตาม


…กลัวว่าคุณดีนจะรู้ว่า ‘เขา’ ในเรื่อง…คือตัวเขาเอง…


“เอ่อ…บอกอเรียกผมมา มีอะไรรึเปล่าครับ”


…นั่นสินะ ลืมไปเสียสนิท…


คนเป็นบรรณาธิการกระแอมไอเรียกสติตัวเองเล็กน้อย เอ่ยอนุญาตให้ ‘เด็กฝึกงาน’ นั่งลง รอจนอีกฝ่ายทำตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว เขาถึงได้พูดถึงเรื่องที่ตั้งใจไว้ก่อนหน้านี้


“คุณเขียนเรื่องหากันจนเจอนี่เหรอ?”


“ครับ”


ดีนจินตนาการว่าเจ้าของงานเขียนนี้น่าจะเป็นสาวน้อยช่างฝันหรือใครสักคนที่มีบุคลิกเพ้อฝันอะไรทำนองนั้น ไม่คิดว่าจะเป็น เอ่อ….หนุ่มหล่อที่ดูจะอยู่ในโลกของความจริงมากกว่าแบบนี้


ความจริงคือไม่คิดว่าจะเป็นรณณ์


“เขียนงานอื่นสำรองไว้ไหม”


รณณ์อึ้ง ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกปฏิเสธการอธิบายถึงเรื่องนั้นด้วยการถูกถามถึงเรื่องอื่นแบบนี้ “ผมขอถามถึงสาเหตุของการ reject งานนี้ได้ไหมครับ”


ดีนมองสบนัยน์ตาแน่วแน่คู่นั้น เพิ่งสังเกตชัด ๆ ก็วันนี้เองว่านัยน์ตาสุกใสคู่นี้ฉายแววรั้นอยู่ไม่น้อยทีเดียว ท่าทีสั่นกลัวที่มีก่อนหน้านี้ก็หายไปเสียหมด เหลือแต่ผู้กล้าที่มุ่งมั่นจะเอาคำตอบให้ได้


แผ่นหลังกว้างเอนพิงพนักเต็มแรง ไขว้ขาขึ้น มือผสานกันหลวม ๆ บนหน้าตักด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ผมไม่ชอบ”


แววตาที่มองมานั่นคืออะไรกัน ผิดหวังในตัวเขาอย่างนั้นหรือ? ทำไมถึงทำให้เขารู้สึกผิดได้มากขนาดนี้นะ


“มันชวนเลี่ยนเกินไป ไม่ตรงกับคอนเซ็ปต์นิตยสารของเรา” ดีนอธิบายเพิ่มน้ำหนักให้กับคำว่า ‘ไม่ชอบ’ เพื่อลดความรู้สึกผิดในใจ


“แต่มันเป็นฉบับเลิฟ…”


“ในความคิดคุณ คำว่ารักมันมีแต่ความหวานอย่างนั้นเหรอ?”


“ไม่ใช่ครับ เพียงแต่ในความคิดผม การเจอกันของคนสองคน…เป็นจุดเริ่มต้นของความรักครับ”


ดีนเลิกคิ้วทำหน้าฉงน เปิดโอกาสให้เด็กหนุ่มได้อธิบายต่อ


“ความรักมีหลายรสชาติก็จริง แต่การพบเจอกันในรูปแบบของพรหมลิขิตหรือโชคชะตา มันมักจะเริ่มต้นความรักด้วยความหวานครับ” รณณ์ไม่ได้นำเรื่องของตัวเองมาเขียน เพราะเขาไม่ได้คิดว่าการเจอกันของเขากับ ‘คุณดีน’ เป็นเรื่องของอะไรที่เรียกว่า ‘เนื้อคู่’ รณณ์เพียงแค่ได้แรงบันดาลใจจากการที่ต่างฝ่ายต่างก็วนกันไปมารอบ ๆ ตัวของกันและกัน แต่แล้ววันหนึ่งก็ได้พบเจอกัน เขาแค่เขียนให้มันออกมาในกลิ่นอายของความรักเท่านั้นเอง


“แรกพบ อะไรก็ชื่นมื่นสินะ”


สุ้มเสียงทุ้มคล้ายจะเหยียดหน่อย ๆ แต่รณณ์รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เหยียดงานเขียนหรือความคิดตน แต่อีกฝ่ายกำลังเหยียดความรักต่างหาก จะว่าไปเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมคุณดีนถึงไม่เข้าใจความรักและมองมันในแง่ลบตลอดอย่างเช่นทุกสเตตัสที่มีการพูดถึงความรัก


แต่เดี๋ยวก่อน…


ถ้าคุณดีนเป็นบรรณาธิการของที่นี่ นั่นก็เท่ากับว่าเป็นน้องชายของท่านประธาน เท่าที่ตามมาหลายปีก็รับรู้อยู่หลายครั้งทีเดียวว่าคุณดีนไม่ยินดีกับงานแต่งของพี่ชายสักเท่าไหร่


…เพราะอะไรกันที่ทำให้เขารู้สึกแบบนั้น…


“แล้วตกลงว่ามีงานเขียนอื่นสำรองไว้ไหม” ยังไม่ลืมเรื่องนี้อีกเหรอ…


“ผมอยากตีพิมพ์เรื่องนี้ครับ” แทนที่จะตอบคำถาม รณณ์กลับเบี่ยงประเด็นแจ้งความต้องการของตัวเองแทน


ขอรั้นสักนิดเหอะวะ


ห้องทำงานตำแหน่งบรรณาธิการตกอยู่ในความเงียบเกือบนาที แววดื้อรั้นจริงจังในหน่วยตาคู่นั้นทำให้ดีนต้องถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้ ไม่คิดว่าตนจะต้องยอมลงให้กับเด็กคนนี้ง่ายดายขนาดนี้ “ถ้าอย่างนั้นก็ไปปรับแก้มาใหม่”


“งานเขียนที่ปรับแก้ตามใจคนอื่น มันยังจะเป็นสิ่งที่นักเขียนต้องการสื่ออีกเหรอครับ ผมว่าแทบไม่ต่างอะไรกับเขียนเรื่องใหม่”


“ผมหมายความว่าให้คุณไปปรับให้ดูเรียลกว่านี้หน่อยแล้วค่อยส่งมาให้ผมพิจารณาใหม่”


“มันไม่เรียลตรงไหนครับ?” เจ้าของบทความถามสวนกลับไปทันควัน


“คุณไม่คิดว่ามันไอเดียลมากเกินไปเหรอ? นี่มันโลกของการเพ้อฝันชัด ๆ”


“…แต่มันเกิดขึ้นจริงนะครับ”


ดีนมองเด็กฝึกงานที่ก้มหน้างุดหลังจากพูดสวนกลับมาเสียงแผ่วผิดจากทุกครั้ง


“งั้นขอถามหน่อยได้ไหม…” ดีนเกริ่น เมื่ออีกฝ่ายตอบรับ คำถามคาใจจึงถูกส่งออกไป “…คุณกำลังมีความรักเหรอ?”


“คะ ครับ?”


“ที่คุณบอกว่ามันเกิดขึ้นจริง…คุณหมายความว่าคุณ…กับเธอคนนั้น เป็นแบบในเรื่องที่คุณเขียนน่ะหรือ?”


“เอ่อ…” จะให้ตอบอย่างไร บอกว่าไม่ใช่เรื่องของเขาก็เหมือนจะโกหก แต่จะบอกว่าใช่ก็พูดได้ไม่เต็มปาก “…ผมเคยเจอเรื่องทำนองนี้ครับ”


ตอบแบบนี้คงจะดีกว่า


“…แต่ไม่ใช่กับแฟน”


“แล้วสรุปว่ากำลังอินเลิฟรึเปล่า”


รณณ์ขมวดคิ้วมุ่น นึกสงสัยในคำถามแต่ก็ยอมตอบแต่โดยดี “เปล่าครับ ผมโสด”


บรรณาธิการหนุ่มกระแอมไอหนึ่งครั้งเพื่อเรียกสมาธิจากคำตอบนั้น ทั้งเม้มปากทั้งดุนลิ้นใส่กระพุ้งแก้มเพียงเพราะไม่กล้ายิ้มออกมาตรง ๆ


จริง ๆ แล้วดีนก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องดีใจกับคำตอบนั้น


“เอาล่ะ ถ้ายืนยันจะตีพิมพ์เรื่องนี้ก็ไปปรับมาใหม่ ปรับให้เป็นรูปแบบของคอลัมน์นิตยสาร ที่คุณเขียนมามันออกไปทางนิยายมากเกินไปหน่อย อ่านดูแล้วยังไม่มีอะไรสร้างสรรค์ให้คนอ่านคิดหรือต่อยอดได้”


“ครับ”


“ส่งให้ผมภายในวันพุธ ทันไหม?”


“ทันครับ”


ใครบอกว่าบก.โหด ไร้เหตุผล ทั้งหมดที่คุยมานี่ก็น่าจะยืนยันได้แล้วว่าอีกฝ่ายมีเหตุผลและพร้อมจะรับฟังมากพอ


นักศึกษาฝึกงานหนุ่มยิ้มรับความสำเร็จครึ่งหนึ่งของตัวเองก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานตามเดิม คนเป็นนายก็อนุญาตอย่างไม่มีข้อแม้ แต่พออีกฝ่ายเดินใกล้ถึงประตูห้อง ดีนกลับเรียกรั้งเอาไว้ราวกับเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้

.

.

.

“เป็นไงบ้างวะรณณ์ บอกอว่าไงบ้าง?” เป็นทศที่เข้ามาถามไถ่เป็นคนแรก รณณ์สังเกตว่าทุกคนในแผนกยังไม่ได้แยกย้ายกันไปทำงาน ทุกคนยังรวมตัวกันบริเวณโต๊ะทำงานของเขา ไม่เว้นแม้กระทั่งดาว


“บอกอใจร้ายมากใช่ไหมล่ะ” เด็กหนุ่มยังไม่ทันได้ตอบคำถามแรก คำถามที่สองก็ถูกส่งมาให้แบบไม่ขาดช่วง


ใจร้ายหรือ?...ไม่นะ


เด็กหนุ่มส่ายหน้าจนเส้นผมปลิว


…ออกจะใจดี…


นอกจากคุณดีนจะยอมรับเรื่องที่รณณ์เขียนแล้วยังใจดีให้นิตยสารเล่มก่อน ๆ มาอ่านศึกษาเพิ่มเติมเพราะเห็นว่าเขาไม่เคยเขียนคอลัมน์มาก่อนอีกด้วย


ทั้งใจดีและหวังดี


“หมายความว่าเรื่องของแกผ่านเหรอวะ” ทศถามด้วยความแปลกใจ ให้ตายอย่างไรก็ไม่เชื่อว่าบทความเลี่ยน ๆ นั่นจะผ่านการพิจารณาของบก. แต่ถ้าผ่านจริง คะแนนฝึกงานของเจ้าเด็กนี่ก็คงร่อยหรอไม่เหลือแน่

   
รายนั้นน่ะ เอ็นดูใครเป็นเสียที่ไหน อาจจะแกล้งยอมเพื่อมาหักคะแนนก็ได้ เพราะอย่างไรเสียงานเขียนของนักศึกษาฝึกงานก็ไม่มีผลต่อความนิยมของนิตยสารอยู่แล้ว มันเป็นแค่ช่องทางโชว์ฝีมือของนักศึกษาเท่านั้นเอง

   
“ยังไม่ผ่านหรอกครับ ยังต้องแก้อีกเยอะ”

   
“แก้จากธีมความรักเป็นสยองขวัญป่ะวะ” เสียใครสักคนแทรกขึ้นมาก่อนจะตามด้วยเสียงหัวเราะของทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ดาว ที่แม้จะไม่ได้หัวเราะร่าเต็มเสียงเหมือนคนอื่น แต่อาการขบขันที่เจ้าตัวมีนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะตัดสินว่าเธอเห็นด้วยกับสิ่งที่ลูกน้องพูด

   
“ทำไมทุกคนมองคุณ…เอ่อ บอกอในแง่ร้ายจังเลยล่ะครับ” อดไม่ได้ที่จะหลุดปากถามออกไป จนทำให้เสียงหัวเราะเมื่อครู่เงียบลงสนิทก่อนจะดังขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ จะมีก็แต่ดาวที่ติดรอยยิ้มไว้มุมปากเท่านั้น

   
“อยู่ไปนาน ๆ เดี๋ยวก็รู้” ทศตอบทั้งที่ยังหัวเราะร่วน

   
“เออพี่ ตกลงบอกอตายด้านจริงป่ะวะ แล้วเรื่องที่ลือว่ากิ๊กกับพี่ผิงอ่ะ จริงรึเปล่า?” ใครสักคนเปิดประเด็นขึ้นมาให้เกิดคำถามเดียวกันในหัวของทุกคนว่า

   
…เออ จริงไหมวะ?...

   
จากผู้ชายคนหนึ่งในโลกทวิตเตอร์ที่เพิ่งออกมาโลดแล่นอยู่ในโลกของรณณ์ ตอนนี้คุณดีนกลายเป็นบรรณาธิการของนิตยสารหัวที่เขากำลังฝึกงานอยู่ เรื่องราวของทั้งสองคนที่เขาเคยเข้าใจว่าเป็นคนละคน จึงเกิดการผสมผสานกันในหัว

   
และหนึ่งในนั้นคือเรื่องของดีนกับผิง

   
ทุกคนพร้อมใจกันจบสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยที่หัวหน้าแผนกสาวที่น่าจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุด

   
ทุกคน…รวมทั้งรณณ์

.

.

.

เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้งถ้วนตามแพทเทิร์น ก่อนที่ทรวดทรงแบบบางจะจ้ำอ้าวเข้ามาถึงโต๊ะทำงาน


“มาช้าไปห้านาที” ดีนพูดขึ้นอย่างรู้ทันทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนสาวด้วยซ้ำ แค่ฟังเสียงกระหืดหอบเล็กน้อยนั่นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายรีบมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร


“นายทำอะไรรณณ์? นี่รังแกเด็กเหรอ? ทำไมไร้เหตุผลแบบนี้วะดีน ที่ฉันยอมให้นายได้อ่านก่อนเพราะเกรงใจหรอกนะ แต่ถ้าทำแบบนี้…” ผิงพูดเสียยืดยาวทั้งที่ยังเหนื่อยหอบ จังหวะการหายใจยังไม่คงที่เสียจนดีนต้องยกมือห้าม


ปกติงานเขียนที่ผ่านดาวแล้วจะต้องถูกส่งมาที่ฝ่ายพิสูจน์อักษรก่อนถึงมือบรรณาธิการอย่างดีนและคนในทีมเพื่ออนุมัติตีพิมพ์ แต่เพราะฉบับนี้เป็นฉบับที่มีปัญหา มีประเด็นให้ถกเถียงกัน บทความทุกเรื่องจึงต้องส่งตรงมาให้ดีนพิจารณาก่อน


“แบบไหน?”


“ก็แบบ…” หญิงสาวอ้ำอึ้งด้วยเพราะไม่รู้จะพูดอย่างไร


“รู้หรือไงว่าฉันทำอะไรไปบ้าง”


ผิงส่ายหน่าอย่างยอมจำนน


“อยากรู้ก็ไปถามเด็กนั่นเอาเอง”


“อ้าว! ไหงงั้นอ่ะ” ผิงทรุดลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ตัวเดิมที่เคยถูกนักศึกษาฝึกงานหนุ่มจับจองเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้


ดีนเพียงแค่ไหวไหล่ นัยน์ตาคมดุยังจับจ้องแต่เพียงหน้าจอที่มีงานเขียนของคนอื่น ๆ โดยไม่มีวี่แววว่าจะละไปมองแขกไม่ได้รับเชิญเลยสักนิด


“นี่! ขอฉันอ่านหน่อยสิ”


“รออ่านฉบับแก้เถอะ”


ไร้ซึ่งการตอบสนองถ้อยความนั้นผิดวิสัย จนเป็นเขาเองที่ทนไม่ไหวจนต้องละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์มาหาเพื่อนสาวให้หายสงสัย แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาด้วยแววตาฉงน


“อะไร”


“แปลก…ทำไมต้องแก้ ถึงกับเรียกเด็กมันมาคุยนี่ฉันคิดว่าจะให้เขียนเรื่องใหม่ซะด้วยซ้ำ”


ดีนไหวไหล่ ไม่กล้ายอมรับออกไปว่าเธอคิดถูกแล้ว ตอนเรียกขึ้นมาก็ตั้งใจว่าจะให้เขียนเรื่องใหม่ แต่ก็ต้องยอมรับอีกนั่นแหละว่าพ่ายแพ้ให้กับความมุ่งมั่นของเด็กนั่นทั้งที่ยังไม่ทันได้สู้


“แต่จะว่าไปก็สงสารน้องมันนะ หนึ่งปีมีตั้งสิบสองเดือน ดันมาฝึกช่วงสามเดือนแรก เจออาถรรพ์กุมภาพันธ์เข้าไปนี่งานช้างเลย”


ดีนส่ายหน้าให้คำจิกกัดทางอ้อมของเพื่อนสาว “นี่ฉันคิดว่าเด็กมันจะร้องไห้ฟูมฟายออกจากห้องนี้ไปด้วยซ้ำ”


“น้องเขาเป็นผู้ชาย”


“แล้วคนก่อน ๆ ที่น้ำตาตกเพราะนายแค่พูดเรียบ ๆ ว่า ‘ไม่ชอบ’ นั่นไม่ใช่ผู้ชายเหรอยะ”


“ฉันใจร้ายขนาดนั้นเลย?”


“แต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะเพื่อน”


…ออกจะใจดี…


“แต่กรณีนี้ น้องไม่ร้องไห้ใช่ไหม?”


“ก็บอกว่าน้องเป็นผู้ชาย”


“นั่นไง! ถ้ารณณ์ไม่แกร่งมาก นายก็ต้องอ่อนข้อให้มาก…ซึ่งฉันเดาว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง…แต่ก็ไม่อยากจะเชื่ออย่างนั้นอีกเหมือนกัน”


“กลับไปคิดที่แผนกตัวเองก่อนแล้วค่อยกลับมาบอกใหม่ดีไหม”


ผิงค้อนให้วงเล็ก “ก็คนอย่างนายเคยอ่อนข้อให้ใครซะที่ไหนล่ะ แข็งอย่างกับอะไรดี”


“แต่ก็ยังยอมอนุมัติคอลัมน์ชวนเลี่ยนของคริสกับผู้หญิงคนนั้นนะ”


“หืออออ กว่านายจะยอม ถามคนอื่นดูเถอะว่าต้องเหนื่อยกับนายขนาดไหน”


“แล้วเธอคิดว่าฉันยอมให้เด็กนั่นง่าย ๆ รึไงล่ะ”


…อย่างน้อยก็ถามหาเหตุผลละวะ…


ผิงคิดตามแล้วก็ยอมหมดข้อสงสัยไปแบบงง ๆ ยอมรับว่าคำโต้แย้งของเพื่อนมีน้ำหนักพอที่จะยอมรับได้ สุดท้ายจึงต้องยอมย้ายตัวเองออกจากห้องนี้แล้วกลับไปยังที่ของตัวเองแต่โดยดี


“อ้อ! ถึงกำหนดบริจาคเลือดครั้งใหม่แล้วนี่ พรุ่งนี้ไปด้วยกันไหม” ปกติก็มักจะชวนไปบริจาคเลือดด้วยกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แต่ช่วงหลัง ๆ มานี่ เพื่อนชายของเธอมักจะปลีกแยกไปคนเดียว ไม่รู้ว่ากลัวพยาบาลที่เจาะเลือดเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกับเธอแล้วคะแนนความนิยมจะตกหรืออย่างไร แต่ครั้งนี่เธอก็ยังอยากลองถามหยั่งเชิงดูอีกครั้ง


“เธอไปก่อนเถอะ”


ว่าแล้วเชียว


“นายก็คงไปในสัปดาห์นี้เหมือนกันสินะ ช่วงนี้ว่างนี่”


“อืม…ก็อาจจะไม่ไป”


เพราะเราว่าง…แต่ใครบางคนอาจจะไม่ว่าง


ใครบางคนที่อยู่ดี ๆ ก็ผุดขึ้นมาในความคิดว่าอีกฝ่ายจะอยากไปบริจาคเลือดด้วยกันไหม


“เดี๋ยวนี้ทิ้งฉันตลอดเลยนะ”


“ถ้าอยากไปเจอเก่ง จะไปพร้อมกันก็ได้นะ มันบ่นคิดถึงเธออยู่ตลอดแหละ”


“ย่ะ เอาเก่งมาเป็นข้ออ้างในการขับไสฉันขนาดนี้ก็ตามที่สะดวกเลยค่ะบอกอ!!”


。。。。。



ตามที่สะดวกของดีนก็คือหลังเลิกงานของวันกลางสัปดาห์ ดีนมาคนเดียวอย่างที่บอกผิงไว้ เพียงแต่ก็ไม่ได้เอ่ยชวน ‘ใครบางคน’ มาด้วยอย่างที่คิด


ใครบางคนที่เป็นเจ้าของงานเขียนที่เขากำลังเปิดอ่านผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องบางในมือข้างขวา ขณะที่มือข้างซ้ายก็กำลังบีบคลายตามจังหวะเพื่อให้เลือดไหลออกจากตัวผ่านเข็มที่ข้อพับแขน


งานเขียนที่ถูกแก้กลับมาใหม่ถูกส่งเข้าอีเมลของเขาโดยตรงเมื่อช่วงบ่ายของวัน ชื่อเรื่องยังคงเหมือนเดิม แต่เนื้อหาปรับเปลี่ยนแล้วอย่างที่เขาแนะนำไป จากรูปแบบที่คล้ายนิยายกลายเป็นบทความสั้น กระชับ ใช้คำน้อยแต่ความหมายครอบคลุม กินใจ


อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มน้อย ๆ อย่างภาคภูมิใจราวกับตัวเองมีส่วนช่วยผลักดันความสามารถของรณณ์ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด


สิ้นสุดการบริจาคเลือด ดีนก็ต้องนอนให้ร่างกายปรับสภาพอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลงจากเตียงเพื่อไปยังโซนพักฟื้นหลังการบริจาคเลือด โต๊ะตัวเล็กถูกจัดวางอาหารสองชุด อันประกอบไปด้วยขนมและน้ำหวาน หัวคิ้วเคลื่อนเข้าหากันเมื่อพบว่าเกือบทุกโต๊ะถูกจับจองหมดแล้ว ซึ่งนั่นทำให้คนแข็งแรงอย่างเขาตัดสินใจที่จะเดินออกไปเสียเฉย ๆ แต่แล้วกลับสะดุดสายตาเข้ากับใครบางคนที่นั่งอยู่เพียงคนเดียวตรงโต๊ะตัวกลางติดผนัง


ดีนไม่รอช้าที่จะเปลี่ยนเป้าหมายของตัวเอง ร่างสูงสง่าสาวเท้าเข้าไปยืนตรงตำแหน่งนั้นก่อนเอ่ยคำขอที่คล้ายคลึงกับประโยคที่เขาเคยได้ยินจากคนที่นั่งอยู่ถึงสองครั้ง


“ที่นั่งตรงนี้ว่างไหมครับ ผมขอนั่งด้วยได้รึเปล่า?”


รณณ์เงยหน้าขึ้นมองตั้งแต่ประโยคคำถามแรกแล้ว แต่เพราะว่ามัวแต่มองตาค้าง คนมาใหม่ถึงได้เอ่ยขออนุญาตต่อ


“คะ ครับ เชิญครับบอกอ”


หืม? บก.? แสลงหูชะมัด


“อยู่ข้างนอกเรียกว่าคุณดีนเหมือนเดิมเถอะ”


“มันคงไม่เหมาะสมมั้งครับ ใครมาได้ยินเข้าจะคิดว่าผมปีนเกลียว”


“บอกเขาไปว่าผมสั่ง” เพียงแค่นั้นก็จบเรื่องยุ่งยากไม่เข้าท่านี่ได้


ดีนนั่งลงฝั่งตรงข้าม หยิบแก้วน้ำหวานขึ้นมาดื่มก่อนเป็นอย่างแรก


คนอ่อนวัยกว่าชะเง้อมองซ้ายขวาหาคนที่น่าจะมากับเจ้านายได้ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา


‘ผิงน่าจะเป็นคนเดียวที่รู้ว่าบอกอตายด้านรึเปล่า’


คำตอบของดาวยังเป็นเรื่องคาใจนับตั้งแต่วันนั้น และเพราะว่าสงสัย คนเก็บความคิดไม่เก่งจึงพลั้งปากถามออกไปให้คนฟังถึงกับสำลักน้ำหวาน


“พี่ผิงไม่มาด้วยเหรอครับ?”


รณณ์กุลีกุจอยื่นกระดาษไปตรงหน้า เกือบจะถือวิสาสะเช็ดให้อยู่รอมร่อ แต่พอได้สบตาคู่คม มือบางก็ค้างอยู่อย่างนั้นเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายรับมันไปเพื่อจัดการตัวเอง


“เปล่า ผมมาคนเดียว”


…เด็กนี่คงได้ยินข่าวลือเรื่องเขากับกับผิงมาแล้วแน่ ๆ…


“ทำไมถึงคิดว่าจะมาด้วยกัน”


คนถูกต้อนถามชะงัก ไม่คาดคิดว่าหากถูกย้อนกลับแบบนี้จะต้องตอบอย่างไร พูดถึงข่าวลือหนาหูนั่นหรือ รู้สึกเหมือนเป็นเด็กที่ทำผิดแล้วถูกผู้ใหญ่จับได้อย่างไรอย่างนั้น


“กะ ก็ พวกคุณสนิทกัน”


“รู้ด้วยเหรอว่าสนิทกัน”


“อะ เอ่อ…” จะให้สารภาพว่าฟังคนอื่นเขาเล่ามาอย่างนั้นหรือ “อ้อ! ผมเคยเห็นพี่ผิงอยู่กับคุณดีนหลายครั้งแล้วครับ”


“หืม?” ดีนมองเด็กหนุ่มที่เปลี่ยนท่าทีกระทันหันด้วยความฉงน ตอนแรกก็เหมือนจะจนมุม แต่อยู่ดี ๆ ก็ตอบกลับมาด้วยท่าทางร่าเริงผิดปกติ


“ต้องบอกว่าอยู่กับบอกอถึงจะถูก…เพราะตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าเป็นคุณ” ประโยคหลังแผ่วเบาจนแทบกระซิบ แต่ก็ทำให้คนที่ตั้งใจฟังอมยิ้มในความน่าเอ็นดูนั้นได้


“แล้วคุณล่ะ มาคนเดียวเหรอ”


ใบหน้าอ่อนวัยส่ายจนผมปลิว ตั้งใจจะเอ่ยตอบแต่ก็ถูกขัดด้วยคนที่มาด้วยเสียก่อน


“มากับเพื่อนน่ะครับ”


ดีนมองเลยรอยยิ้มแห้ง ๆ ของรณณ์ไปมองหนุ่มแว่นที่ยืนค้ำหัวตนอยู่พร้อมสายตากดดันราวกับหมาหวงที่


อืม…ต้องเป็นฝ่ายลุกไปสินะ

.

.

.

มีต่อรีพลายถัดไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 15-05-2017 23:57:23
.

.

.

คุณดีนไปแล้ว


รณณ์มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปจนสุดสายตาก่อนจะกลับมาเขี่ยน้ำแข็งในแก้วด้วยท่าทางหงอย ๆ โดยมีสายตาของเอกจับจ้องอยู่


“ถ้ามึงจะหงอยขนาดนี้ กูลุกไปนั่งโต๊ะอื่นก็ได้นะ”


รณณ์เหลือบขึ้นมองเพื่อนตาขวาง ไม่อยากต่อความยาวให้ต้องทะเลาะกัน เพราะก่อนหน้านี้เขาก็บอกให้เพื่อนไปนั่งที่อื่นแล้ว แต่ก็ไม่ยอม อ้างว่ามาด้วยกันก็ต้องนั่งด้วยกัน ฝ่ายคุณดีนก็คงจนใจจะทนนั่งต่อ เพราะเปลือกถุงขนมกับแก้วเปล่าเป็นหลักฐานชั้นดีที่บอกว่าอีกฝ่ายเสร็จกิจธุระตรงจุดบริการนี้แล้ว


“ชอบเขารึไง?”


“บ้าแล้ว! นั่นเจ้านายกูนะเว้ย มึงไปกดดันเขาทางสายตาแบบนั้น เขาจะหักคะแนนความประพฤติกูรึเปล่าก็ไม่รู้”


“กูถามสั้น ๆ เสือกตอบซะยาว”


“กะ ก็”


“โกรธกูอยู่สินะ”


“ก็…เคือง”


ทำไมเอกจะดูไม่ออก เวลารณณ์ไม่พอใจแค่ส่งคำถามแทงใจไปสะกิดหน่อย อีกฝ่ายก็จะร่ายยาวเกินจำเป็นออกมาแบบนี้ และล้วนไม่ใช่สิ่งที่เจ้าตัวกำลังกังวลอยู่เสียด้วย ขณะที่เพื่อนฝูงมองออก แต่หมอนี่กลับไม่เคยรู้ธรรมชาติข้อนี้ของตัวเองเลยด้วยซ้ำ จะมีก็แต่เหตุผลของการมองอย่างอาลัยอาวรณ์เมื่อครู่เท่านั้นที่เอกยังคิดหาคำตอบไม่ได้


“กูขอโทษ แต่ถ้ามึงกังวลประเด็นนั้นจริง ๆ ก็สบายใจเถอะ กูว่าเขาดูไม่ติดใจเอาความอะไรมึงนะ”


รณณ์พยักหน้างึกหงัก ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแต่รบเร้าให้เพื่อนรีบจัดการอาหารตรงหน้าเสีย

.

.

.

ยังไม่ทันได้ถามไถ่ต่อเลยว่าอีกฝ่ายมาบริจาคเลือดที่นี่บ่อยแค่ไหน เพราะถึงอย่างไรกำหนดการครั้งต่อไปก็ต้องพร้อมกันอยู่แล้ว


เผื่อว่าครั้งหน้าจะได้มาด้วยกัน


ดีนออกจากศูนย์บริจาคเลือดมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าหน้าซีดเซียวคล้ายจะเป็นลม แต่ความสดใสที่เคยมีเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ต่างหากที่หายไป


ดีนขับไล่ความขุ่นมัวที่ก่อตัวขึ้นในใจอย่างไม่ทราบสาเหตุด้วยการโทร.หาเพื่อนหมอทั้งสองคน แต่คำปฏิเสธที่ได้รับก็ยิ่งทำให้รู้สึกอารมณ์เสียจนต้องพาตัวเองไปเดินเตร็ดเตร่ย่านช้อปปิ้งของวัยรุ่นซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก


จากหนึ่งชั่วโมงก็กลายเป็นสอง จากสองตอนนี้ก็สามชั่วโมงเข้าไปแล้วที่ดีนยังเดินเข้าซอยนั้นออกตรอกนี้โดยไร้จุดหมาย หลายร้านที่เคยคึกคักผู้คนก็เริ่มบางตาลงบ้างแล้ว ซึ่งนั่นทำให้คนที่ยังไม่หายขุ่นมัวรู้สึกตัวว่าตนอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว


ดีนรู้ว่าตัวเองไม่ได้ขุ่นมัวเพราะถูกเพื่อนหมอปฏิเสธ แต่ขุ่นมัวเพราะคนก่อนหน้านั้น  เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าจะเก็บเรื่องนั้นมาคิดทำไม


เขามาด้วยกัน อยากอยู่ด้วยกันก็เป็นเรื่องที่ถูกแล้ว คนมาคนเดียวอย่างเขาต่างหากที่ต้องอยู่คนเดียวต่อไป


เดินออกมาเองก็เป็นเรื่องที่ถูกแล้วเช่นกัน


“อ้าว! คุณดีนครับ”


เจ้าของชื่อหันตามเสียงเรียกก็พบว่าเป็นผู้จัดการร้านหูฟังที่ตนเคยมาใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง หนุ่มลูกเสี้ยวเอ่ยทักทายงง ๆ ก่อนหันมองรอบตัว แล้วก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าร้านหูฟังจริง ๆ ไม่ใช่บังเอิญเดินเจอกับผู้จัดการร้านตรงที่ไหนสักแห่งของย่านนี้


“ถ้าไม่รีบไปไหนก็แวะสักหน่อยนะครับ”


ดีนยิ้มบาง โคลงศีรษะตอบรับคำชวนด้วยท่าทีอ่อนล้า บรรยากาศในร้านเป็นแบบที่เขาชอบ ผู้คนบางตาเพราะใกล้เวลาปิดร้านเต็มที แต่ผู้จัดการหนุ่มก็ยังยินดีที่จะต้อนรับลูกค้าอย่างเขา…และใครอีกคน


“อ้าวไอ้หนู วันนี้มาซะดึกเลยนะ”


ดีนหันมอง ‘ไอ้หนู’ ที่ยืนอยู่ข้างหลังตนก่อนจะพบว่าเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เขาเดินคิดมากอยู่นานถึงสามชั่วโมง


รณณ์ยิ้มกว้างให้ดีนก่อนหันไปตอบผู้จัดการร้านอย่างอารมณ์ดี ซึ่งก็เพิ่งมาอารมณ์ดีตอนเจอคุณดีนที่นี่อีกครั้งของวันนั่นแหละ


“ถ้ามาเร็วคนก็เยอะน่ะสิครับ มาตอนร้านใกล้ปิดแบบนี้ส่วนตัวดี ผมชอบ”


ผู้จัดการแยกเขี้ยวใส่เด็กหนุ่มทีเล่นทีจริงก่อนหันไปพูดคุยกับดีนต่อ “เจ้าเด็กนี่แหละครับที่ผมพูดถึงเมื่อวันก่อน ถ้าคุณดีนยังพอจำได้”


…จำได้สิ…


“นี่พี่นินทาลูกค้าเหรอครับ” รณณ์แกล้งโวยวายไม่จริงจังนัก ทว่าความเขินอายนั้นมีอยู่เต็มเปี่ยม อยากจะกระซิบถามเสียเดี๋ยวนี้ว่าผู้จัดการร้านเผาอะไรเกี่ยวกับเขาให้คุณดีนฟัง อีกฝ่ายถึงเอาแต่อมยิ้มได้อย่างน่าหมั่นไส้ซะขนาดนี้


ผู้จัดการหนุ่มยักไหล่ ยิ้มกวนก่อนเดินจากไป แต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยลูกค้าขาประจำทั้งสองคนด้วยประโยคคำถามที่ดังขึ้นพร้อมกัน


“วันนี้มีของใหม่ให้ลองไหมครับ?/วันนี้ไม่มีของใหม่เหรอพี่?”


อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน “ก็กำลังจะหยิบให้นี่ไงครับ”


สองหนุ่มต่างรุ่นที่อายุก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก แต่บุคลิกภายนอกดูต่างกันชัดเจนในสายตาของพนักงานในร้าน คนหนึ่งดูเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่ว่าจะหน้าแก่เกินวัย แต่เพราะท่าทีนิ่ง ๆ  สุขุม คล้ายจะเย็นชาในบางที ขณะที่อีกคนนอกจากหน้าตาจะอ่อนเยาว์ บุคลิกท่าทางร่าเริงนั่นก็ไม่ต่างจากเด็กมัธยมปลายเลยสักนิด ทั้งที่ใกล้จะเป็นบัณฑิตเต็มทีแล้ว พวกเขาเคยแต่มองแผ่นหลังของคนทั้งคู่ในช่วงเวลาที่ต่างกัน ไม่เคยรู้มาก่อนว่ายามที่สองคนนั้นนั่งข้างกันแล้ว ความรู้สึกอ้างว้างที่เคยมองเห็นจากแผ่นหลังกว้างของคุณคนนั้นจะหายไปเสียหมด…จนกระทั่งวันนี้


“เดี๋ยวครับ” รณณ์แตะมือหนาที่กำลังจะเสียบหูฟังเส้นใหม่ที่มีให้ยืมคนละเส้นเข้ากับสมาร์ทโฟนของตัวเอง


ดีนเลิกคิ้วแทนคำถาม


“เพื่อความแปลกใหม่ในการลองหูฟัง ผมว่าเรามาแลกเปลี่ยนเพลงกันไหมครับ”


“หื้ม”


“ก็…ปกติเวลาลองหูฟังใหม่ เราต่างก็มีเพลงที่ใช้ลองฟัง ของผมจะเป็นเพลงที่กำลังชอบในช่วงนี้ ส่วนของคุณ…?”


“เพลงที่ชอบมากและรู้สึกว่าเป็นเพลงปราบเซียน”


“ประมาณว่าถ้าหูฟังดีจริง ต้องถ่ายทอดเพลงนั้นออกมาได้ยอดเยี่ยมใช่ไหมครับ”


“ทำนองนั้น”


“แต่เพลงที่จะเอามาแลกกัน ผมอยากให้เลือกใหม่ครับ”


ใบหน้าหล่อคมคายยังฉายแววฉงนจนคนออกความคิดต้องรีบออกตัวป้องกันตัวเอง


“ผมแค่เสนอ เผื่อคุณอยากจะสนุกด้วยกัน”


“ไม่น่าสนุก…”


“…”


“…ถ้าไม่มีเดิมพัน”


จากหน้าหงอยเมื่อครู่กลับสดใสขึ้นมาราวกับสับสวิซต์ได้ ท่าทางกระตือรือร้นยามถามยอ้นกลับของเด็กหนุ่มตรงหน้าสร้างรอยยิ้มให้ดีนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว


คล้ายว่าความขุ่นมัวเมื่อเย็นจะจางหายไปในบัดดล


“ไหน ๆ เราก็ยังไม่รู้คุณสมบัติของมัน เรามาวัดดวงกันดีกว่าว่าใครจะเลือกเพลงที่พอฟังผ่านเจ้านี่แล้วจะถูกใจอีกฝ่ายมากที่สุด”


รณณ์ฉีกยิ้มกว้างด้วยความั่นใจ หมายมั่นว่าอย่างไรตนก็ต้องชนะ เพราะคิดว่าตนรู้จักดีนมานาน แต่กลับหลงลืมไปว่าสไตล์การฟังเพลงของตนกับไอดอลคนนี้ต่างกันลิบลับ ปกติฟังแต่เพลงที่เน้นเสียงร้อง ไอ้พวกที่ทำนองดนตรีโดดเด่นหรือมีลูกเล่นมากมายนั้นเคยฟังเสียที่ไหน


รู้เขาแต่ไม่รู้เรา รบร้อยครั้งก็คงต้องแพ้ร้อยครั้ง


ฟากดีนเองก็กระยิ่มยิ้มย่องในใจ เขาพอจะรู้สไตล์การฟังเพลงของรณณ์จากการที่ผู้จัดการร้านพูดถึงเมื่อคราวก่อน ถึงจะไม่ค่อยชอบฟังเพลงที่เน้นเสียงร้องนัก แต่ก็ไม่ยากที่คนหลงรักเสียงเพลงอย่างเขาจะรู้ว่านักร้องคนไหนที่มีเสียงร้องโดดเด่นนำหน้าดนตรี


สองหนุ่มใช้เวลาไม่นานในการเลือกเพลงตอนนี้ในมือของทั้งสองมีสมาร์ทโฟนของอีกฝ่าย หน้าจอเป็นแอพฯเดียวกันที่จะใช้เปิดเพลงให้กับอีกฝ่าย


เสียงโน้ตแรกที่ดังในหูของดีนเป็นทำนองคล้ายเพลงอะคูสติก ดีเทลของดนตรีน่าสนใจจนทำให้เคลิ้มตามได้ไม่ยาก แม้ว่าเสียงนักร้องจะทำหน้าที่ได้ดีกว่าในไม่กี่วินาทีถัดมาก็ตาม


ขณะที่รณณ์เองก็ถึงกับตกใจไม่น้อยที่ได้ยินเพลงของนักร้องคนโปรด แทบจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในนาทีนั้น ยอมรับว่าคุณดีนเลือกเพลงที่เน้นเสียงนักร้องเสียจนไม่ต้องค้นหาคุณสมบัติที่แท้จริงของเจ้าหูฟังนี่เลยสักนิด…มิหนำซ้ำยังเป็นนักร้องคนเดียวกับเพลงที่เขาเลือกให้คุณดีนเสียด้วย


“เพลงอะไร?”


เพลงของดีนจบลงก่อนแต่เขาก็รอจนอีกฝ่ายฟังจบแล้วเอ่ยถามออกมา


“Leave your lover. ของ Sam Smith ครับ”


“หืมมม”


“ครับ นักร้องคนเดียวกับเพลง Lay me down. ที่คุณเลือกมา”


ดีนมีสีหน้าประหลาดใจ แต่คนที่มัวแต่คิดถึงความพ่ายแพ้ของตัวเองไม่ทันได้สังเกต “คุณเลือกเพลงเก่งนะครับ ผมแพ้แล้วล่ะ”


ดีนร้องหึ “จริง ๆ แล้วเจ้านี่มันเหมาะกับผมมากกว่าคุณนะ แต่ก็อย่างว่าแหละ หูฟังเน้นเสียงเบสเสียงดนตรีขนาดไหนก็คงกลบเสียงหมอนี่ไม่ได้” ดีนพูดติดตลกจนคนฟังใจชื้นเอ่ยถามอย่างมีความหวังบ้าง


“หมายความว่าเราเสมอกันใช่ไหมครับ”


“ก็คงงั้น”


“ถ้าอย่างนั้น…จะไม่มีใครได้อะไรจากการวัดดวงครั้งนี้สินะครับ” เด็กหนุ่มทำหน้าปลงตก ไม่ถึงกับเสียใจ เศร้าใจ หรือผิดหวัง แต่คงเป็นอะไรที่เสียดายมากกว่า


“ใครบอกล่ะ ในฐานะที่คุณแพ้ก่อน ผมก็จะขอรางวัลก่อน”


“ฮ่า ๆๆๆ อยากได้อะไรละครับ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะครับว่าอย่าขออะไรที่เกินความสามารถนักศึกษาอย่างผม”


“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่คุณต้องใช้รูปที่ผมถ่ายไปประกอบคอลัมน์ของคุณ”


“คะ ครับ?”


“ทำไม? เกินขอบเขตุความสามารถของนักศึกษาเหรอ”


“ปะ เปล่าครับ ผมยินดีซะอีกที่คุณดีนจะอนุญาตให้ทำแบบนั้นได้” …นึกว่าจะขออะไรที่ยากกว่านี้


“งั้นก็เมมเบอร์คุณใส่เครื่องผมซะ วันอาทิตย์นี้เรามาเลือกรูปกัน” โทรศัพท์ของดีนยังอยู่ในมือรณณ์ และของรณณ์ก็อยู่ที่อีกฝ่ายเช่นกัน ในตอนที่อีกฝ่ายเมมเบอร์แล้วโทร.มา ดีนจึงถือโอกาสเก็บบันทึกให้เสียเลย


“ตาคุณบ้างแล้ว คิดออกรึยังว่าจะขออะไร” ดีนเอ่ยถามหลังจากที่รับโทรศัพท์ตัวเองกลับคืนมาแล้ว


“ยังเลยครับ ขอเวลาผมคิดสักสองสามเพลง”

.

.

.

สองสามเพลงที่ว่ากินเวลาไปจนร้านปิด สองหนุ่มเดินออกจากร้านมาพร้อมพนักงานเสียด้วยซ้ำ ทว่าดีนก็ยังไม่ได้คำตอบ


ความเงียบที่ไร้ซึ่งความขัดเขินหรืออึดอัดรายล้อมคนทั้งคู่ไปตลอดเส้นทางที่มุ่งสู่สถานีรถไฟฟ้า ดีนไม่ได้จะเดินไปส่งรณณ์ เพียงแต่เขาก็ต้องเดินข้ามไปขึ้นรถที่จอดทิ้งไว้ที่ห้างฝั่งโน้นด้วยเช่นกัน


“คุณดีนมาบริจาคเลือดบ่อยไหมครับ”


“ก็ทุกสามเดือนนะ”


“ถ้าอย่างนั้น…ครั้งหน้าผมขอมาพร้อมคุณดีนนะครับ”


ดีนรู้ว่านั่นไม่ใช่แค่คำขอมาด้วยกัน แต่มันคือคำขออนุญาตติดต่อกันอีกแม้ว่ารณณ์จะจบการฝึกงานที่สำนักพิมพ์ของเขาแล้ว


“นี่ใช่คำขอจากการวัดดวงที่ร้านนั่นรึเปล่า”


“แล้วผมขอได้รึเปล่าล่ะครับ”


ดีนยิ้มยินดี เพราะมันเป็นคำขอที่ดีนตอบรับได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยสักวินาทีเดียว











TBC.
----------------------------------------------------------
จริง ๆ ตั้งใจว่าตอนนี้จะยาวกว่านี้ แต่ก็กลัวว่าจะหายไปนานกว่านี้อีกเหมือนกัน
ฮ่าาา เราขอโทษ~~~~~~~~
ขอบคุณหลายๆคนที่ยังรอกันนะคะ
ตอนหน้าอาจจะมาเร็ว แต่สั้น

#ไม่ดิ้นรนหา
ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-05-2017 00:12:39
 :L2: :L1: :pig4: :-[

รู้สึกว่าหวานนนนนนนน อ่อยกันไปมา
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 16-05-2017 01:33:32
แหม อ่อยกันไปอ่อยกันมา 555
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 16-05-2017 01:41:59
ฮื่ออออออดีกับใจจจจจจจจจจจจ ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ <3
อ่านแล้วอุ่นๆในหัวใจ ถึงพี่ดีนจะใจร้ายกะคนอื่นแต่กะน้องนี่พี่ยอมมาก เขินนน
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-05-2017 07:08:47
เค้าอ่อยกันอยู่ใช่มั้ยคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: eeroww ที่ 16-05-2017 07:30:11
โอ้ยดีต่อใจ เขาจะถ่ายรูปให้กันด้วย มันจะดีต่อใจขนาดไหน :hao7:
มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-05-2017 10:36:31
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-05-2017 11:47:57
รักกันเสียทีเถอะครับ ^^
ลุ้นมากเลย
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 16-05-2017 12:58:41
สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 16-05-2017 15:39:04
สนุกดี รออ่านตอนหน้าค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PiiNaffe ที่ 16-05-2017 17:05:27
รู้สึกถึงความอ่อยของกันและกัน  :hao7:

หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: blue colour ที่ 16-05-2017 18:39:54
โอ๊ยยยยยยยเขินนนนนนน อะไรจะหวานขนาดนี้ คุณดีนผู้ไม่เคยยอมอ่อนให้เคยก็ต้องมายอมให้กับน้องรณณ์แพ้ทางน้องเต็มๆสินะ
เป็นเรื่องที่ดีต่อใจมากๆฮือออออออออออออออออออออ  :-[
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมรดา ที่ 16-05-2017 20:52:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 16-05-2017 21:07:12
พอเจอกันแล้วก้หวานเข้าใส้เลยนะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 16-05-2017 23:12:36
ละมุนอุ่นอวลในใจมากเลยค่ะ
ชอบค่ะ รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 17-05-2017 09:54:42
หวานนนนนนน   :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 17-05-2017 11:26:56
เราคิดเหมือนดีนนะ "หากันจนเจอ" มันเป็นอะไรที่ไม่มีอยู่ในชีวิตจริงอ่ะ #ความรักดีๆมีแต่ในนิยาย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 17-05-2017 21:42:39
อ้อยยยยยยยยยยย เขาอ่อยกันได้น่ารักจังเลยค่ะ
ค่อยๆเรียนรู้กันไปแบบนี้นะคะ น่ารักดี :mew1:
แต่นับวันคุณดีนก็ยิ่งติดน้องรณณ์นะคะ ติดใจเขาแล้วอ่ะดิ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 23-05-2017 22:01:11

ห า กั น จ น เ จ อ

ตอนที่ #09










บทความส่วนใหญ่ถูกแก้ไขจนเกือบจะเป็นน่าพอใจคือการปิดท้ายวันศุกร์ได้อย่างน่ายินดี ดีนออจากบริษัทในตอนเกือบห้าโมงเย็นเพื่อไปร้านกาแฟใกล้ ๆ กันนี้ตามนัดหมายของเพื่อนฝูง อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก นาน ๆ ทีเพื่อนจะนัดเจอกันนอกร้านเหล้า และคนที่นัดก็เป็นนายแพทย์เสียด้วย แน่นอนว่าไม่ใช่ธันวาแน่ รายนั้นโผล่หัวมายากเสียเหลือเกิน

   
ชีวิตแพทย์ใช้ทุนที่ฝากไว้กับลูกปิงปองในการจับฉลากเพื่อกำหนดชะตาชีวิตถึงสามปีไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว ดีหน่อยที่เพื่อนของเขาทั้งสองคนได้ทำงานอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งคู่ ถึงจะเป็นโรงพยาบาลเล็ก ๆ หน่อยแต่ก็อยู่ใกล้เพื่อน และใกล้พี่แรมของธันวามันด้วย

   
เดินเข้ามาก็ต้องตกใจเล็กน้อย เพราะไม่ใช่แค่เพื่อนตัวเองที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะมุมในสุดของร้าน แต่ข้าง ๆ กันนั้นก็มีหญิงสาวอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตากันดีในระดับที่เรียกได้ว่าสนิทเสียด้วย

   
“หวัดดีสาว ๆ”

   
“ไม่เจอกันนานเลยนะดีน” ชายหนุ่มยิ้มบาง หญิงสาวสี่คนที่นั่งโต๊ะนี้ล้วนเป็นเพื่อนร่วมคณะของเขาทั้งสิ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือผิง ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของเขาในคณะที่มีผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เขาต้องมีเพื่อนสนิทเป็นพวกเธอ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว เดิมทีเขาสนิทกับผิงก่อน เพราะมีโอกาสได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่างร่วมกันตามการแรนดอมของอาจารย์จนพาลให้มาสนิทกับพวกเธอด้วย

   
“เข้ามาถึงก็ทักสาวก่อนเลยนะมึง” ทีมแซว ดีนจึงหันไปมองแล้วสังเกตเห็นว่าวันนี้ขาดธันวาจริง ๆ อย่างที่คิดไว้ ขณะที่แฝดนรกก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมในมือถือ

   
ดีนนั่งลงโต๊ะเดียวกับเพื่อนชาย แต่กลับหันไปพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนสาวต่อ “ผิงไม่เห็นบอกเลยว่าพวกเธอจะมา”

   
“ก็คิดว่าไม่ว่าง วีคนี้ดูธุระเยอะนี่” ธุระที่มีเด็กฝึกงานคนนั้นร่วมด้วยเสียทุกครั้ง ดีนไม่ต่อความอะไร เขาพูดคุยทักทายสารทุกข์สุขดิบกับพวกเธอพอประมาณก่อนหันมาหาเพื่อนชายตัวเองบ้าง

   
“มาหากูหรือมาหาใครวะ” คำถามนี้จงใจส่งไปให้นายแพทย์หนุ่มที่เอาแต่นั่งมองหน้าผิงไม่ละสายตา

   
“มาหามึงแหละสัด…แต่บังเอิญเจอผิงนั่นคือความโชคดี” เปลี่ยนน้ำเสียงและสีหน้าเร็วยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสีเสียอีก ดีนส่ายหน้าระอา ถามย้อนกลับถึงสาเหตุที่มาหา

   
“คิดถึงไงวะ เหงาอ่ะ เบื่อด้วย ว่างทั้งทีก็อยากจะมาหาเพื่อนบ้าง”

   
“ไอ้ธันว์ก็อยู่โรง’บาลเดียวกับมึงไม่ใช่รึไง” ทีมย้อนถามขำ ๆ รู้กันอยู่แก่ใจทั้งกลุ่มว่าถึงจะอยู่โรงพยาบาลเดียวกันก็ใช่ว่าธันวาจะตัวติดกับเก่งเหมือนสมัยยังเป็นนักศึกษาแพทย์ที่เจ้าตัวเปิดเผยให้เพื่อน ๆ รู้ตอนใกล้จบว่ามันไม่ได้ตัวติดกันมาตั้งแต่ที่พี่แรมเข้ามาในชีวิตธันวาแล้ว

   
“มันก็อยู่กับพี่แรมสิวะ กูไปอยู่ใกล้มันมาก ๆ พี่เขาได้งาบหัวกูกันพอดี”

   
“มึงก็กลัวไม่เข้าท่า ยังไงไอ้ธันว์ก็เข้าข้างเพื่อนอยู่แล้ว”

   
“กูรู้ว่ามันรักเพื่อน กูก็รักมัน เลยไม่อยากทำให้มันไม่สบายใจ”

   
“พี่แรมแม่งใจตุ๊ดว่ะ” โอมพูดขึ้นลอย ๆ แต่ตายังมองเกมในมือถือแฝดน้องอยู่

   
“พี่แรมอ่ะใจหล่อนะเว้ย แต่มึงลองคิดดู ชีวิตอินเทิร์นอย่างพวกกูแม่งอย่างกับเบ๊ เวลาว่างก็ไม่ค่อยมี แถมมันกับพี่แรมยังอยู่กันคนละหน่วย มีเวลาว่างทั้งทีเขาก็อยากจะอยู่กับแฟนป่ะวะ กูเป็นแค่เพื่อน อยู่ด้วยเมื่อไหร่ก็ได้อยู่แล้ว”

   
“งั้นมึงก็หาแฟนบ้างสิวะ จะได้ไม่เหงา” นะโมเสนอแนวทาง ซึ่งก็ทำให้คนเหงาแห่งปีหน้าระรื่นขึ้นมาได้

   
“ก็มอง ๆ อยู่ แต่เขาไม่มองกูสักที”

   
“หึ”

   
เพื่อนฝูงพร้อมใจกันหัวเราะในลำคอ จะขำก๊ากออกมาให้สมกับความรู้สึกก็ไม่กล้า กลัวสาว ๆ โต๊ะข้าง ๆ จะตกใจ

   
“ดีน” เจ้าของชื่อหันตามเสียงเรียก เมื่อพบว่ามาจากกานดาเพื่อนสาวที่นั่งกลางโต๊ะข้าง ๆ ผิง เขาก็เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

   
“คืนนี้ไปดริ้งค์กัน”

   
“หือ?” ดีนเลิกคิ้วแปลกใจมากขึ้นไปอีก ไม่ใช่ไม่รู้ว่าสาวอักษรฯ กลุ่มนี้เที่ยวกลางคืนเก่งพอตัว แต่ฟังจากรูปการณ์แล้วมันอดไม่ได้ที่จะเข้าใจว่าการเที่ยวครั้งนี้หมายรวมไปถึงผิง คนที่ไม่เคยเที่ยวกลางคืนเลยสักครั้งด้วย นัยน์ตาคมส่งคำถามถึงผิงทันทีอย่างไม่รีรอ ก่อนจะได้รับคำตอบจากคนชวนเสียก่อน
   

“ไปด้วยกันนะดีน เนี่ยผิงก็ไป”


คำเชิญชวนไม่เท่าสายตาล้อเลียนยามจ้องมองมาที่เขาและผิง ชายหนุ่มส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มมุมปากเหมือนเคย จะผ่านไปกี่ปีพวกเธอก็ยังเข้าใจว่าเขากับผิงเป็นมากกว่าเพื่อนกันอยู่ ดีนไม่แปลกใจที่เพื่อนฝูงยังไม่เลิกเข้าใจแบบนั้น เพราะการที่ผิงตอบตกลงมาทำงานด้วยกันทันทีที่เอ่ยปากชวน ยอมมาเป็นลูกน้องเขาทั้งที่มีบริษัทดัง ๆ อีกมากมาจีบไปทำงานด้วย ถ้าเขาเป็นคนมอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดแบบพวกเธอเหมือนกัน


“พวกมึงก็ไปด้วยกันนะ ผิงก็ไปด้วย” ดีนหันไปชวนเพื่อนชายกลุ่มตัวเองด้วยประโยคคล้ายกันกับกานดา ทำเอาผิงหันขวับมาโวยเสียดัง


“เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ!”


“ก็พูดชวนเชิญตามดาไง”


“กวนตีน” ผิงกัดฟันพูด ริมฝีปากบางแทบไม่ขยับ แต่ถึงอย่างนั้นดีนก็ได้ยินชัดเจน


คนถูกว่ายกยิ้มมุมปาก ไม่บ่อยนักหรอกที่ทำให้สาวอักษรฯ คนนี้หลุดคำหยาบออกมาได้ แม้จะห่ามกว่าผู้ชายบางคนในคณะก็ตาม


ท้ายที่สุดหนุ่มสาวสองกลุ่มก็มารวมตัวกันในร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่มีทางที่เก่งจะปล่อยให้หลุดมือ เพื่อน ๆ ต่างหยอกแซวกันมาตลอดทางว่าแม้จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดสาวเจ้ามากแค่ไหน อย่างไรก็ไม่พ้นต้องรับประทานแห้งอย่างแน่นอน


“เป็นอะไร” ดีนกระซิบถามผิงที่นั่งติดกัน เดิมทีจะถามว่าคิดอย่างไรถึงมาเที่ยวที่แบบนี้ แต่พอเห็นเธอรับแก้วเครื่องดื่มมึนเมามาจากเพื่อน จึงต้องสงสัยให้ลึกลงไปกว่าเดิม


“ก็โตแล้ว อยากลองดูบ้าง”


ดีนมองเธอดื่มเข้าไปแล้วทำหน้าเหยเกด้วยความขมแล้วก็ไหวไหล่ไม่สนใจ เขาไม่ใช่คนเซ้าซี้ แม้จะเป็นห่วงเพื่อน แต่ถ้าเธอไม่เล่า เขาก็ไม่อยากจะรบเร้าหาคำตอบอะไร


คืนนั้นผิงเมาอย่างไม่ต้องสงสัย แก้วที่สามยังไม่ทันหมดก็คอพับคออ่อน งานเลี้ยงจึงเลิกราในตอนนั้น ฝ่ายหญิงสาวพากันแยกย้ายกลับโดยที่กานดาเป็นคนไปส่งผิงถึงห้อง ขณะที่ชายหนุ่มยังนั่งคุยกันต่อ


“ตกลงมึงได้เจอเขาอีกไหมวะ” ทีมถามขึ้นลอย ๆ แต่สีหน้าเพื่อนอีกสามคนที่มองมานั้นบอกชัดว่าต้องการรูคำตอบจากเขามากแค่ไหน


ดีนส่ายหน้าระอา ดูท่าว่าเหตุผลที่แท้จริงของการนัดเจอครั้งนี้คงไม่ใช่เพราะว่าไอ้หมอเก่งมันคิดถึงเขาหรอก เห็นหน้าพวกมันอยากรู้ขนาดนี้เขาก็พอรู้ว่าหลังจากวันนั้นพวกมันก็คงจะเก็บเรื่องเขาไปเป็นหัวข้อสนทนากันแน่ ๆ


“ใคร?” แกล้งถามขึ้นเสียหน่อย นะโมถึงกับยื่นมือมาจะตบหัวแต่เขาหลบได้ทัน


“มีหน้ามาถามไอ้ห่า ก็ผู้ชายที่มึงเจอคืนวันงานนั้นไง ตกลงว่ามึงได้เจอเขาอีกไหมวะ”


…เจอสิ…


และคงจะได้เจอกันอีกนาน


“เรื่องของกู”


“ไอ้สัด!”


“พูดแบบนี้แสดงว่าเจอแล้ว” โอมดักทางขึ้นพร้อมส่งสายตามาจับผิด


“ไม่เสือกสิวะ”


“เออ! เอาให้แน่นะเพื่อนกู เจอกันอีกไหมกูไม่สนนะเว้ย กูสนที่ความรู้สึกมึง” เก่งพูดขึ้นบ้าง


“เขาเป็นผู้ชาย และกูก็เป็นผู้ชาย”


“พวกกูไม่คิดมากเรื่องนั้น และกูคิดว่ามึงก็ไม่คิดมากนะ” ทีมพูดขึ้นอย่างใจเย็นขณะที่คนอื่นเริ่มนั่งไม่ติดที่


“กูไม่ได้รังเกียจเกย์ แต่กูแค่คิดว่ากูไม่ได้ชอบผู้ชาย”


“แต่มึงสนใจเขา” เก่งสวนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดเล็กน้อย


ดีนส่ายหน้าช้า ๆ “มึงไม่คิดว่ากูอาจจะแค่ถูกชะตาเขาเหรอวะ เหมือนที่รู้สึกกับพวกมึงไง”


“ไอ้สัด! มึงเคยมองพวกกูด้วยสายตาแบบนั้นที่ไหนละวะ”


“แบบไหน?”


“แบบที่เอาไว้ใช้มองคนที่สนใจอ่ะ”


ดีนยังทำหน้าฉงน ยิ่งคิดตามก็ยิ่งไม่เข้าใจ ก็เขาไม่เคยสนใจใครนี่ จะไปรู้ได้อย่างไรว่าสายตาแบบไหนที่ใช้มองคนที่สนใจ


“แม่งเอ้ย! ช่างแม่งเหอะ รอดูเอาแล้วกัน” โอมยีผมจนยุ่งเหยิง รู้สึกปวดหัวทุกทีที่คุยเรื่องพวกนี้กับดีน


บทสนทนาถูกเปลี่ยนหัวข้อไปแล้ว บรรยากาศกลับมาสนุกสนานเฮฮาได้เร็วราวกับเมื่อครู่ไม่ได้มีการถกเถียงกันเกิดขึ้น แต่กับเจ้าของเรื่องอย่างดีนกลับยังรู้สึกติดค้างในใจ


。。。。。


“อีกไม่เกินสิบนาที ผมก็น่าจะถึงแล้ว”


ได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสายและคำยืนยันว่าจะลงมารอที่หน้าหอพัก เจ้าของรถยุโรปคันงามก็ยิ้มเสียหน้าชื่นตาบานก่อนจะวางสาย


ความจริงแล้วจะหาเบอร์อีกฝ่ายจากแฟ้มข้อมูลบุคคลก็ย่อมได้ แต่อยากจะขอกันตรง ๆ เสียมากกว่า เพราะไม่ใช่ว่าจะติดต่อกันเรื่องงานที่เป็นทางการเสียทีเดียว อีกอย่าง คนระดับผู้บริหารอย่างเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีเบอร์โทร.ของนักศึกษาฝึกงานด้วย และที่เอ่ยขอไป ก็ไม่ได้ขอในฐานะเจ้านายเสียด้วยสิ


ถึงจะเอางานมาอ้างก็เถอะ


ก่อนหน้านี้เขาโทร.ไปติดต่อนัดแนะเวลาที่เขาจะไปรับรณณ์ที่หอพัก แต่เด็กคนนั้นบอกว่าจะไปเอง จนแล้วจนรอดก็แพ้คนที่ยืนกรานจะไปรับอย่างเขา ด้วยข้ออ้างที่ว่าร้านกาแฟที่จะพาไปนั่งคุยงานนั้นไม่ได้อยู่บนเส้นทางของรถไฟฟ้า แถมยังอยู่ในตรอกซอยที่เดินทางลำบาก ไปด้วยกันเลยจะสะดวกกว่า เพียงเท่านั้นเด็กต่างจังหวัดอย่างรณณ์ที่ไม่เจนพื้นที่ซอกแซกของเมืองกรุงนักก็ตอบตกลงอย่างเสียไม่ได้


จอดรถเทียบหน้าหอพักตามโลเคชั่นที่อีกฝ่ายส่งมาให้ทางโปรแกรมแชทก็เห็นเด็กหนุ่มที่ตนนัดไว้ทันที เลื่อนกระจกส่งสัญญาณให้เพราะรถติดฟิล์มดำทึบ คนนอกไม่มีทางมองทะลุเข้ามาได้


“สวัสดีครับ” รณณ์ยกมือไหว้ทักทายจนหนุ่มลูกเสี้ยวต้องรีบยกมือรับไหว้อย่างงง ๆ


“ปกติไม่เคยไหว้”


“แหะ ๆ ไหว้ในฐานะเจ้านายครับ”


ดีนพยักหน้าเข้าใจ “งั้นก็เก็บไว้ไหว้เฉพาะตอนอยู่ที่บริษัทเถอะ อยู่กันสองคนให้คิดว่าเป็นเพื่อนต่างวัยก็แล้วกัน”


รณณ์รับคำก่อนจะหันหน้าหนีเพื่อยิ้มขำให้กับสถานะที่อีกฝ่ายพูดถึง ‘เพื่อนต่างวัย’ อย่างนั้นหรือ


“ขำอะไร”


“เปล่าครับ” ปฏิเสธทั้งที่หลักฐานยังฉายชัดอยู่ทั้งตาและปากจนคนมองอยากจะบี้มันรวมกันด้วยความหมั่นเขี้ยว


“ก็เห็นอยู่ว่ากำลังขำ”


“ครับ ๆ ผมขำที่คุณเรียกสถานะของเราว่าเพื่อนต่างวัย ฟังดูเหมือนห่างกันซักสิบ ยี่สิบปีเลยนะครับ”


“ผมไม่ได้แก่ขนาดนั้น” ดีนตอบกลับด้วยเสียงจริงจัง แต่สีหน้ากลับขัดแย้งด้วยการเปื้อนยิ้ม


“ผมไม่ได้ว่าคุณแก่นะครับ แค่คำพูดมันชวนให้คิดเท่านั้นเอง”


“โอเค ๆ ผมคงนิยามความสัมพันธ์ของเราผิด งั้นคุณช่วยคิดคำที่มันเหมาะกว่านี้หน่อยสิ ที่ไม่ใช่เจ้านายกับลูกน้องนะ”


“อืมมม” รณณ์มองไปยังถนนเบื้องหน้า นิ้วเรียวแตะปลายจมูกอย่างเช่นทุกครั้งที่ใช้ความคิด “ยากจังเลยนะครับ”


“ผมชอบคุณนะ”


“ห๊ะ!!” รณณ์หันมองเจ้าของคำพูดที่ตายังมองถนนเบื้องหน้าเหมือนกำลังพูดเรื่องสภาพจราจรวันนี้อย่างไรอย่างนั้น


“ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณนะ ผมถูกชะตาคุณ” และอาจจะถูกใจด้วย…


อืม…ใช่แล้ว ที่รู้สึกเป็นมิตร เจอหน้าแล้วมีแต่ความยินดี รู้สึกอยากอยู่ใกล้ มีความสุขทุกครั้งที่ใช้เวลาด้วยกัน มันคงเป็นความรู้สึกของคนอยากเป็นเพื่อน


เพื่อนที่ถูกคอกัน


อาจจะต่างจากคนอื่น ๆ สักหน่อย ไม่สิ! อาจเป็นความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับธันวา หรืออะไรสักอย่าง แต่คิดว่าคงไม่ใช่อะไรที่เรียกว่า ‘สนใจ’ อย่างที่เพื่อนฝูงแซวแน่ ๆ


“…”


“หวังว่าคุณจะไม่ใจร้ายให้ผมเป็นแค่คนรู้จัก”


รถติดไฟแดง


คุณดีนหันมามองกันเต็มตา คราวนี้จริงจังทั้งน้ำเสียงและสีหน้า แล้วคนอย่างรณณ์ที่รอคอยการทำความรู้จักกับ ‘คุณดีนตัวจริง’ จะปฏิเสธได้หรือ


“ถึงคุณจะขอเป็นมากกว่านั้น ผมก็ให้ได้ครับ” รณณ์ตอบด้วยความกระตือรือล้นเหมือนเด็ก ๆ


ไร้ท่าทีประหม่าขลาดเขินยามมองสบกันด้วยความจริงใจ ดีนยิ้มให้ ‘เพื่อนใหม่’ อย่างยินดีก่อนละสายตาไปในตอนที่ไฟแดงใกล้จะหมดเวลา


เสียงเพลงจากคลื่นวิทยุทำหน้าที่ของมันอย่างต่อเนื่อง หลากหลายเพลงที่ล้วนเป็นเพลงไทยฮิตติดหูทั้งอดีตและปัจจุบันผลัดกันบรรเลง นานทีเดียวกว่าดีนจะรู้ตัวว่าตนเคยชินกับการขับรถคนเดียวจนลืมไปว่าตอนนี้มีผู้โดยสารร่วมทางมาด้วยอีกคน มิหนำซ้ำยังเป็นคนที่มีสไตล์การฟังเพลงที่ต่างกับเขาด้วย


“คุณฟังเพลงพวกนี้ได้รึเปล่า?”


คำถามที่อยู่ดี ๆ ก็ดังขึ้นทำลายความเงียบเรียกให้คนที่กำลังเพลิดเพลินกับเสียงเพลงหันมองด้วยความสงสัย “ปกติคุณดีนถามคนที่ร่วมทางมาด้วยแบบนี้ทุกคนเลยรึเปล่าครับ”


“ทำไม?”


“ผมแค่คิดว่าผู้ร่วมทางไม่มีสิทธิเจ้ากี้เจ้าการอะไรบนรถคนอื่น เจ้าของรถมีสิทธิที่จะฟังอะไรก็ได้ ถึงจะเป็นเพื่อนสนิท แต่ก็ทำได้แค่แหย่ ๆ เท่านั้น”


“ไม่เคยถามคนอื่น ผมถามแค่คุณ”


ผู้ร่วมทางเลิกคิ้วแทนคำถาม ดีนจึงต้องอธิบายต่อ “เพราะเราชอบฟังเพลงคนละแนว ผมเลยกลัวว่าคุณจะไม่แฮปปี้กับการนั่งรถไปกับผม”


รณณ์ยิ้มให้กับความใส่ใจของ ‘เพื่อนใหม่’ “วิทยุก็ไม่ได้เปิดแต่เพลงที่คุณชอบเหมือนกันนี่ครับ”


ดีนยิ้มกว้าง “ดี จะได้นั่งไปด้วยกันนาน ๆ ได้”


“หือ? ที่นั่นอยู่ไกลจากที่นี่มากเหรอครับ”


“เปล่าหรอก ผมหมายถึงในระยะยาว”


…ระยะยาว…


เกือบครึ่งชั่วโมงจากหอพักของรณณ์ รถยุโรปคันงามก็พาสองหนุ่มมาถึงที่หมาย การเดินทางลำบากจริงอย่างที่คนสูงวัยกว่าได้บอกไว้ รณณ์ยืนมองหน้าร้านด้วยความทึ่ง ร้านกาแฟขนาดกลางตกแต่งแนวธรรมชาติตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงดูร่มรื่นให้อารมณ์จิบน้ำชายามบ่ายตลอดเวลาแม้จะเป็นเวลาเที่ยงวันก็ตาม


ภายในยิ่งเป็นอะไรที่ดึงดูดความสนใจของรณณ์ได้ยิ่งกว่า เพราะมีการออกแบบสไตล์คลาสสิคขาวดำเรียบหรูดูแพงและได้ใจชาวอาร์ทิส ติสต์แตกทั้งหลายแหล่ การตกแต่งที่เรียบง่ายเน้นแค่สีที่ดูเข้ากันแต่ไม่กลืนก็ให้ความรู้สึกสงบได้อย่างน่าประหลาด สภาพแวดล้อมเป็นใจให้นั่งดีลงานหรืออ่านหนังสือสอบเสียจริง


“คุณมาที่นี่บ่อยหรือครับ?”


“เปล่า เพื่อนแนะนำมา” …ทาสชาเขียวอย่างธันวาบอกว่าชาเขียวที่นี่อร่อย


“ชอบไหม?”


“ชอบครับ ชอบมากด้วย”


สองหนุ่มสั่งเครื่องดื่มกันคนละอย่าง ของดีนยังเป็นกาแฟร้อนเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนจากอเมริกาโนเป็นมอคค่า ไม่อยากดื่มกาแฟเข้มมากเพราะตอนเช้าก่อนออกมาเขาชงกาแฟดำดื่มไปแล้วหนึ่งแก้ว ขณะที่รณณ์ยังคงสั่งมัทฉะลาเต้เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนเป็นแบบร้อนเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศร่มรื่นด้านนอกร้าน นอกจากนี้ดีนยังสั่งของทานเล่นมาอีกสองสามอย่าง


“เป็นไง ถูกปากไหม”


“อร่อยมากเลยครับ” รณณ์ยิ้มกว้างอย่างพอใจหลังจากดื่มไปอึกหนึ่ง ทำเอาคนที่จ้องมองด้วยความลุ้นสุดตัวถึงกับโล่งใจ นับว่าลิ้นของเพื่อนรักยังทำงานได้ดี ไม่เสียแรงที่โทร.ไปปรึกษา

.

.

.

ดีนเป็นคนชอบถ่ายรูป เพราะฉะนั้นเขาจึงมีรูปเยอะแยะมากมายให้เด็กหนุ่มได้เลือก ดีนตั้งใจว่าหากรูปหลายพันรูปที่เขานำมาในวันนี้ไม่ถูกใจรณณ์เลย เขาก็จะออกไปถ่ายรูปตามความต้องการของอีกฝ่ายในเย็นวันนี้เช่นกัน


“โห! เยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ”


รณณ์มองโฟลเดอร์บนหน้าจอแลปท็อปเครื่องบางของดีนด้วยความตกใจ นัยน์ตาเบิกกว้างไล่อ่านชื่อโฟลเดอร์เกือบห้าสิบไฟล์แบบผ่าน ๆ


“ก็ถ่ายมาตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลายแล้ว”


“แล้วผมควรเริ่มจากไหนดีละครับเนี่ย”


“จากไหนก็ได้ เปิดได้ทุกโฟลเดอร์ ผมไม่หวง”


การเลือกรูปสักรูปมาประกอบคอลัมน์ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ความจริงแล้วรณณ์คิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะขอรูปของเขาที่ดีนเคยอัพลงอินสตราแกรม เขาชอบรูปนั้น มันให้ความรู้สึกถึงการวนเวียนอยู่ใกล้กันและกันแต่ก็ยังไม่ได้เจอกัน ในเมื่อเลือกไว้ในใจได้แล้ว เด็กหนุ่มจึงสนุกกับการดูรูปนั้นรูปนี้ของดีนพร้อมกับถามที่มาที่ไปของพวกมันอยู่ตลอด บางรูปสวยมากแต่ก็ไม่เคยเห็นดีนอัพให้ชาวโลกได้ดูเลยสักครั้ง ครั้นจะถามถึงเหตุผลก็กลัวอีกฝ่ายจะล่วงรู้ว่าตนแอบตามอย่างเงียบ ๆ มานานแล้ว


จะว่าไปแล้ว จุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาสนใจคุณดีนอาจจะเริ่มจากทวีตที่เกี่ยวกับหนังเรื่องนั้นทวีตเดียว แต่ที่ทำให้หลงใหลปราบปลื้มมาถึงทุกวันนี้คือฝีมือการถ่ายภาพพร้อมการเล่าเรื่องของคุณดีน ดูไปดูมาจนเกิดความรู้สึกผูกพันเหมือนเขาเป็นใครอีกคนที่ใกล้ชิดกันในชีวิตจริง เริ่มสนใจชีวิตของเขามากขึ้น ยินดีเวลาเขาเจอเรื่องดี ๆ เป็นห่วงเวลาเขามีเรื่องไม่สบายใจ และทุกข์ใจตามไปด้วยเสียทุกครั้ง


ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งจะได้มาใกล้ชิดกันในชีวิตจริง…จริง ๆ


“หืมม คุณดีนจบมาจากมหา’ลัยเดียวกับผมเลยนะครับ”


รณณ์ชี้ชื่อโฟลเดอร์ที่เป็นชื่อเดียวกับมหาวิทยาลัยให้ดีนดู คนตัวสูงกว่ายื่นหน้าเข้าไปใกล้ พยักหน้าหงึกหงักก่อนจะกลับมาสนใจกาแฟต่อ “งั้นคุณก็เป็นรุ่นน้องผมน่ะสิ”


“ห่างกันกี่รุ่นครับเนี่ย” เด็กหนุ่มลากเสียงยาวคล้ายจะล้อเรื่องอายุกับอีกฝ่ายเหมือนตอนอยู่ในรถจนดีนหันมองตาเขียว


“เดี๋ยวเถอะ ผ่านไปจะสองชั่วโมงแล้ว เลือกรูปได้รึยังล่ะ”


“ยังเลยครับ…” ยังหาไฟล์รูปนั้นไม่เจอ  “…แต่ผมขอเข้าไปดูโฟลเดอร์นี้หน่อยนะครับ”


ดีนพยักหน้า ก่อนเขยิบตัวเข้าไปใกล้เพราะรู้ว่าคนช่างซักถามอย่างรณณ์ต้องอยากรู้จักมหาวิทยาลัยในมุมมองที่เขาถ่ายอย่างแน่นอน


ในโฟลเดอร์นั้นยังมีโฟลเดอร์แยกย่อยตามปีพ.ศ.อีกเจ็ดโฟลเดอร์ ยังไม่ทันได้เปิดเข้าไปดู คำถามแรกก็ถูกส่งมาถึงเจ้าของเสียแล้ว


“หลังเรียนจบ คุณยังกลับไปที่นั่นทุกปีเลยเหรอครับ”


“อืม ไปงานประจำปีน่ะ ไปถ่ายรูปเล่น ไปเยี่ยมน้อง ๆ อ้อ! ผมแวะไปที่คณะคุณทุกปีเลยนะ นิเทศฯจัดงานดีเลยล่ะ กิจกรรมหลากหลายทุกปี”


“ถ้าอย่างนั้น ปีนี้เรียนเชิญอีกนะครับ”


“จัดช่วงไหนนะ เดือนหน้าใช่ไหม”


“ครับ ต้นเดือน หลังปิดเล่มฉบับเลิฟสัปดาห์นึง”


“ได้สิ ยังไงก็ตั้งใจว่าจะไปทุกปีอยู่แล้ว”


รณณ์เลือกเข้าไปดูโฟลเดอร์ปีพ.ศ.แรก เพราะคิดว่าน่าจะเป็นช่วงที่ดีนเพิ่งเข้าเรียนเป็นเฟรชชี่ อยากจะรู้เสียจริงว่าชีวิตในวัยเอ๊าะ ๆ ของหนุ่มลูกเสี้ยวคนนี้จะเป็นแบบไหน


ดูไปดูมาแล้วก็นึกถึงสิ่งที่เคยสงสัย ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นคุณดีนลงรูปตัวเองเลยสักครั้ง หรือแท้จริงแล้วเขาไม่เคยถ่ายรูปตัวเองกันแน่ เพราะหลาย ๆ รูปที่ผ่านตามา ไม่มีรูปไหนเลยที่มีเจ้าตัวอยู่ในนั้น


แต่ไม่ทันได้เอ่ยถาม เสียงแผดร้องจากโทรศัพท์ของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน


“ว่าไง…อะไรนะ!…เกิดขึ้นจนได้สินะ!...ตอนนี้อยู่ไหน?...ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”


รณณ์ไม่ได้ยินเสียงจากปลายสาย เขาได้ยินแต่เสียงติดจะหงุดหงิดของคุณดีนและสีหน้าที่สวนทางกัน ใบหน้าตี๋อินเตอร์นั้นทั้งเคร่งเครียดและ…เป็นห่วง


ใครกันนะที่โทร.เข้ามาแล้วทำให้คุณดีนเป็นห่วงได้มากขนาดนี้


หนุ่มลูกเสี้ยววางสายก่อนหันมาหาคนข้างกาย เขาจ้องนัยน์ตาใสคู่นั้นนิ่งอยู่อึดใจก่อนเอ่ยถาม “คุณว่างถึงกี่โมง?”


“วันนี้ผมไม่มีธุระที่ไหนครับ”


“งั้นไปด้วยกันก่อนนะ”

.

.

.

รณณ์ไม่รู้ว่าดีนจะพาไปที่ไหน ไม่รู้ว่าจะพาตนไปด้วยทำไม เขารู้เพียงแค่ว่าถ้าคุณดีนอยากให้ไปด้วย เขาก็จะไป


ตลอดทางภายในห้องโดยสารเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงเพลงที่เจ้าของรถชอบเปิดคลอ คนที่อยู่หลังพวงมาลัยเองก็เงียบ สีหน้าเคร่งเครียดจนเส้นเลือดบริเวณขมับขึ้นชัด หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันตลอดตั้งแต่รับสายของใครบางคน รณณ์อยากจะยื่นมือไปนวดคลายกล้ามเนื้อบริเวณนั้นให้เสียจริง แต่ก็ไม่กล้าทำลายสมาธิในการขับรถของอีกฝ่าย


ด้วยความเร็วที่มากกว่าตอนขับไปร้านกาแฟทำให้พวกเขาสองคนใช้เวลาเพียงแค่สิบห้านาทีก็มาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ใกล้สำนักพิมพ์ของดีน


ดีนจอดรถแล้วหันมองเข้าไปในร้านชั่วครู่อย่างชั่งใจ ซึ่งเป็นมุมที่รณณ์มองไม่เห็น


“รอในรถแป๊ปนึงนะ”


“ครับ”


“อ้อ ย้ายไปนั่งรอที่เบาะหลังนะ”


รณณ์มองตามคนที่เดินออกไปอย่างไม่เข้าใจตัวเอง


คุณดีนขอให้มาด้วยกัน เขาก็มา


คุณดีนบอกให้รอในรถ เขาก็รอ


คุณดีนบอกให้ย้ายไปนั่งเบาะหลัง เขาก็จะทำ


ด้วยความยินดีอย่างนั้นหรือ?...จริง ๆ น่ะเหรอ?

.

.

.
   
“หึ รีบมาตามแฟนเชียวนะ” ใบหน้าสวยแต้มรอยยิ้มเหยียดของคนที่ดีนไม่อยากเสวนาด้วยมากที่สุดคือสิ่งแรกที่เขาได้รับในตอนที่เดินมาใกล้โต๊ะที่มีบุคคลสามคนที่เขารู้จักนั่งร่วมโต๊ะกันอยู่
   
   
คริส ดาว และผิง

   
“ไป ผิง” ดีนไม่สนใจว่าบทสนทนาของทั้งสามจะจบแล้วหรือค้างอยู่ที่ตรงไหน สิ่งที่เขาทำคือถือวิสาสะดึงร่างเพื่อนตัวเองให้ลุกขึ้นยืนพร้อมคว้ากระเป๋าเจ้าตัวติดมือมาด้วย

   
“หวังว่าพวกคุณจะเสร็จธุระกับคนของผมแล้ว”

   
“เดี๋ยวดีน!” เสียงพี่ชายของเขาร้องเรียก เสียงที่ทำให้ผิงต้องกระตุกมือรั้งให้เขาหันไปหา แต่เขามุ่งมั่นที่จะออกจากตรงนี้เกินกว่าจะหันกลับไปอีกครั้ง

   
“Hey! You, Listen to me!!”

   
“ดีน” ผิงกระตุกข้อมือที่ถูกจับกุมอีกครั้งจนถูกอีกฝ่ายหันกลับมามองพร้อมสายตาที่ดุดันจนน่ากลัว

   
“ถ้าอยากอยู่ตรงนั้นแล้วจะโทร.ตามฉันมาช่วยทำไม” ดีนไม่ได้ขึ้นเสียงใส่ แต่เสียงนิ่ง ๆ แข็ง ๆ ก็ทำให้ผิงยอมเดินตามอย่างว่าง่ายไปถึงรถแล้ว

   
ใบหน้าหวานหงอยจนเกือบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ แต่อารมณ์ก็ถูกกระชากอย่างรุนแรงเมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนอยู่ในรถของดีนด้วย


“รณณ์!!…มาด้วยกันได้ไงเนี่ย” หญิงสาวมองเพื่อนชายคนสนิทกับเด็กฝึกงานของสำนักพิมพ์สลับกันไปมา แต่คล้ายจงใจส่งคำถามให้เพื่อนตัวเองเสียมากกว่า


“ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกัน” ดีนตอบเรียบ ๆ


ผิงพินิจเพื่อนตัวเอง “เหรอ…แล้วรณณ์จะลงตรงไหน?”


ดีนหันมองเพื่อนสาวในทันที ใบหน้าหล่อคมเผยความหนักใจออกมาชัดเจนจนคนนั่งเบาะหลังรับรู้ได้ “จอดที่บีทีเอสที่ใกล้ที่สุดก็ได้ครับบอกอ ผมกลับรถไฟฟ้าได้ สะดวกด้วยครับ” ตบท้ายด้วยบอกข้อดีของมันเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ


ดีนพยักหน้า ส่งสายตาขอโทษไปทางกระจกมองหลัง ซึ่งอีกคนก็มองสบมาก่อนยิ้มบางให้อย่างเข้าใจ ก่อนรณณ์จะลงจากรถ ดีนก็ยังหันไปมองด้วยความรู้สึกผิดพร้อมเอ่ยขอโทษ เขาไม่ได้ตั้งใจพาอีกฝ่ายมาด้วยเพื่อทิ้งไว้กลางทางแบบนี้ แต่ตั้งใจจะพาไปส่งให้ถึงที่หลังจากส่งผิงเรียบร้อยแล้ว แต่ครั้นจะให้อีกฝ่ายรอเขาคุยกับเพื่อนเสร็จก่อนก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่กับสถานะ


นัยน์ตาคมดุมองตามแผ่นหลังบางไปจนสุดสายตาก่อนหันกลับมามองถนนแล้วออกรถ


“ดีน นี่นาย…” ผิงมองเพื่อนชายอย่างไม่เชื่อสายตาว่าชีวิตนี้ตนจะได้เห็นเพื่อนมองใครด้วยความอาลัยอาวรณ์อย่างเมื่อครู่นี้ได้


“ที่เธออยากให้เด็กนั่นลงไปเพราะเธออยากคุยเรื่องของตัวเองไม่ใช่เหรอ?”

.

.

.

ใครบอกว่าบก.ด้านชา ใครบอกว่าบก.ไม่สนใจ ไม่เคยแคร์ใคร พี่ผิงนี่ไงที่เป็นคนลบล้างความเข้าใจผิด ๆ ของคนทั้งสำนักพิมพ์


คนที่มีศักดิ์เป็นแค่นักศึกษาฝึกงานคิดด้วยความหมองหม่น จากตรงนี้กลับหอพักก็แค่สี่สถานีเท่านั้นเอง แต่ทำไมรณณ์รู้สึกว่ามันนานจนเรื่องราวต่าง ๆ ตีรวนในหัวสมองได้มากขนาดนี้


เรื่องที่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณดีน


รณณ์ไม่ได้เคืองที่ถูกปล่อยทิ้งกลางทาง แค่คุณดีนแสดงออกว่าเสียใจกับการที่ต้องทำแบบนี้ เขาก็ดีใจมากแล้ว แต่ที่แปลกใจตัวเองคือทำไมต้องรู้สึกตะขิดตะขวงใจแปลก ๆ ที่อีกฝ่ายเลือกผิง ทั้งที่การกระทำของคุณดีนในวันนี้ก็ชี้ชัดแล้วว่าผิงเป็นคนเดียวจริง ๆ ที่บอกได้ว่าคุณดีนเป็นคนด้านชาหรือเปล่าอย่างที่ดาวบอก


ทั้งที่ทุกอย่างก็กระจ่างชัดแล้วว่าคุณดีนแคร์และเป็นห่วงผิงขนาดไหน แต่เหมือนว่าเขาจะไม่จบอยู่แค่ที่ได้รู้คำตอบ เพราะคำตอบของคำถามที่เคยสงสัยมันคอยตอกย้ำซ้ำ ๆ ให้รู้สึกแย่ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล


…ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย…













TBC.
---------------------------------------------------------
นี่มาเร็วแล้วใช่ไหม แหะๆ ช้ากว่าที่ตั้งใจไปนิด ช่วงนี้อบรม 2 สัปดาห์เต็มๆ
ตอนต่อไปอาจจะช้านิ๊ดดดดนึงนะคะ

#ไม่ดิ้นรนหา

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-05-2017 22:22:42
 :L2: :pig4:

จากมุมคนนอก ใครๆก็คิดแบบนั้น
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-05-2017 22:41:56
รณณ์ (และคนอื่น ๆ) เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว
เมื่อไหร่เรื่องรักสามเส้าของพี่ชายกับผิงจะจบ ๆ ไปเสียที เห็นดูท่าอาลัยอยู่ลึก ๆ แต่ก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไร
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 23-05-2017 22:49:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: จางฮีบิน ที่ 23-05-2017 22:55:48
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 23-05-2017 23:23:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: blue colour ที่ 23-05-2017 23:56:01
โอ่ยคุณดีนน้องรณณ์เข้าใจผิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ววววว สนใจก็บอกว่าสนใจค่ะคุณดีนมาถูกชะตงชะตาอะไรโถ่วววว :hao3:
หวังว่าน้องรณณ์จะเข้าใจสถานะของผิงกะคุณดีนอย่างถูกต้องในเร็ววัน  :mew6:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-05-2017 00:26:59
 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 24-05-2017 00:40:29
พี่ดีนนนน เข้าใจตัวเองเร็วๆนะ สู้ๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PiiNaffe ที่ 24-05-2017 01:39:04
แอบรู้สึกหน่วงเบาๆ ทั้งๆที่รู้ว่าดีนก็ไม่ได้คิดอะไรกับปิง  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-05-2017 08:28:17
ทำไมผิงถึงฉะกับดาวไปเลยนะ  :m16:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 24-05-2017 08:37:53
ทำไมรู้สึกปวดหนึบในใจเล็กๆ นะตอนนี้ //แอบสงสารน้องรณณ์เหมือนกันนะครับเนี่ย
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥ believeinme ที่ 24-05-2017 09:58:40
เพิ่งได้มาอ่านนนนร ดีงามมากๆเลยค่ะ
อ่านแล้วเขินมาก แต่ตอนสุดท้ายก็หน่วงนิดๆ
ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 24-05-2017 13:23:12
มันรู้สึกจี๊ดๆ ในหัวใจ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: xxSunShinexx ที่ 24-05-2017 17:43:49
ฮัลโหลดีน น้องเข้าใจผิดแล้ว
คราวหน้าอธิบายให้น้องฟังด้วยยยย
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 24-05-2017 22:13:36
ชอบโทนการเล่าเรื่องค่ะ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป อ่านไปอมยิ้มไป :impress2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 25-05-2017 09:23:32
ณ จุดนี้ อยากรู้เรื่อง คริส ดาว ผิง ที่สุด
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 26-05-2017 00:52:21
เกลียดความไม่ชัดเจน
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 26-05-2017 17:44:02
คุณดีนกำลังเดินผิดทางนะคะ คุณดีนไม่ใช่แค่ถูกชะตาแล้วอยากเป็นเพื่อนหรอกค่ะ เชื่อเรา!!
ส่วนน้องรณณ์เริ่มมีอาการแปลกๆละ รอนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 26-05-2017 18:30:14
พี่ชายไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: eeroww ที่ 27-05-2017 16:27:16
ทำไมแลดูหน่วงๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mpp ที่ 31-05-2017 15:12:07
ชอบบรรยากาศในเรื่องจังเลยค่ะ คาแร็กเตอร์ตัวละครก็น่าสนใจมากๆ
เอาใจช่วยพี่ดีนน้า น้องรณณ์อยู่ใกล้แค่นี้ คว้าให้อยู่นะคุณบ.ก. >___<

ป.ล. ภาษาอังกฤษบางประโยคแปร่งๆ นะคะ อย่าง Listen me คิดว่าน่าจะเป็น Listen to me มากกว่าเนอะ

ติดตามค่ะ มาต่อเร็วๆ น้าาาา
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 03-06-2017 21:48:50

ห า กั น จ น เ จ อ


ตอนที่ #10


   





“มีอะไรกันเหรอครับ ดูวุ่นวาย”

   
เด็กฝึกงานคนเดียวในแผนกเขียนคอลัมน์ส่งคำถามไปถึงรุ่นพี่คนสนิทที่คอยดูแลตนเป็นพิเศษขณะฝึกอยู่ที่นี่ เช้าวันจันทร์แบบนี้ ความวุ่นวายภายในไม่ใช่ภาพชินตาสักเท่าไหร่ ที่ผ่านมาจะเห็นแต่ความเชื่องช้าไม่พร้อมที่จะทำงานเสียมากกว่า

   
“ประชุมด่วนเว้ย บอกอแม่งผีเข้าป่ะวะ กูละกลัว” ทศเอ่ยอย่างร้อนรน เดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่น จนรณณ์ต้องจับตัวไว้แล้วบอกให้ใจเย็น

   
“ตามกำหนดการกลางสัปดาห์หน้าก็ต้องตีพิมพ์แล้วไม่ใช่เหรอครับ คงไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกพี่ ผมว่าบอกออาจจะเรียกประชุมดูความคืบหน้าของงานมากกว่า”

   
คนที่มากไปด้วยประสบการณ์งานส่ายหน้าด้วยท่าทีตื่นกลัวให้กับความคิดแง่ดีของเด็กหนุ่ม “บอกอไม่เคยตามความคืบหน้าด้วยวิธีนี้หรอก มันต้องมีอะไรแน่ ๆ มันต้องมีอะไรแน่ ๆ”

   
หลังจากนั้นรณณ์ก็ได้ยินทศพูดประโยคเดิมนั้นซ้ำ ๆ ขณะเดินวนไปทั่วทั้งแผนก เช่นเดียวกันกับคนอื่นที่ก็ดูกังวลกับอะไรบางอย่างที่คาดเดาไม่ได้ ขณะที่ดาวยังคงนิ่งสงบได้เช่นเคย ไม่สิ! รณณ์รู้สึกว่าวันนี้เธอไม่ได้นิ่งเหมือนทุกครั้ง แต่นัยน์ตาสวยดูเลื่อนลอยเสียมากกว่า แม้ในยามที่เดินผ่านหน้าเขาไปก็ยังเหมือนร่างไร้วิญญาณอย่างไรอย่างนั้น

   
เด็กฝึกงานอย่างเขาก็ยังคงถูกกีดกันจากห้องประชุมนั้นอีกครั้ง ร่างโปร่งบางนั่งนิ่งอยู่ท่ามกลางความเงียบ อดไม่ได้เลยที่จะคิดถึงบุคคลที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้

   
เมื่อคืนตอนสามทุ่มนิด ๆ ช่วงที่รณณ์กำลังจะข่มตานอน ใครคนนั้นที่อยู่ในความคิดมาตลอดตั้งแต่แยกกันในตอนเย็นก็โทร.เข้ามา

   
[ขอโทษที่โทร.มารบกวน คุณยังไม่นอนใช่ไหม?]


‘ยังครับ’ เขาตอบกลับไปสั้น ๆ ด้วยเพราะไม่รู้ว่าควรต่อประโยคอย่างไรดี ทว่าสิ้นคำนั้นอีกฝ่ายก็เงียบไปจนรณณ์ร้อนใจคิดว่าจะวางสายไปเสียแล้ว


‘คุณดีนครับ…’


[ขอโทษนะ] เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน ก้อนเนื้อตรงอกซ้ายจึงกระตุกวูบ [ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไปส่ง แต่สุดท้ายกลับปล่อยให้คุณกลับไปเองคนเดียว]


‘ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็เป็นผู้ชายนะ กลับเองคนเดียวได้สบายมาก’


คล้ายว่าอีกฝ่ายจะเงียบไปอีกครั้ง แต่ไม่นานจนต้องเรียกซ้ำ คุณดีนก็พูดขึ้นมาด้วยกระแสเสียงของความสับสน [นั่นสินะ คุณเองก็เป็นผู้ชาย แต่ทำไมผมถึงได้เป็นห่วงคุณมากขนาดนี้ ทำไมถึงแคร์ว่าคุณจะผิดหวังกับการกระทำของผมหรือเปล่า]


คุณดีนเป็นห่วง?


คุณดีนแคร์…จริง ๆ หรือ?


ครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปนานจนเผลอคิดว่าสายหลุดเสียแล้วจริง ๆ ดูเหมือนว่าคุณดีนจะกำลังคิดบางอย่างอยู่ ขณะที่เขาเองก็เอาแต่คิดถึงสิ่งที่เพิ่งได้ยิน คำที่บอกว่าเป็นห่วง ที่แสดงออกว่าแคร์ความรู้สึกกัน มันทำให้เขาดีใจอย่างบอกไม่ถูก จะเป็นเพราะเชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณดีนเป็นคนใจดี หรือเป็นเพราะตัวเองคาดหวังความรู้สึกแบบนี้จากอีกฝ่ายอยู่กันแน่…ก็ไม่แน่ใจ


‘คุณดีนครับ…’


[…]


รณณ์ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายจะยังรอฟังกันอยู่หรือเปล่า แค่หน้าจอยังไม่ขึ้นว่าสัญญาณถูกตัดไปแล้ว เขาก็อยากจะพูดต่อให้จบ


‘…ผมไม่เคยผิดหวังในตัวคุณ ขอให้คุณเชื่อเถอะครับ…ว่าผมพร้อมจะเข้าใจคุณเสมอ’


[ขอบใจนะ] คนทางนี้จับกระแสเสียงจากปลายสายได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกโล่งใจอยู่ไม่น้อย นั่นยิ่งทำให้หัวใจคนฟังพองโตเมื่อตีความได้ว่าคุณดีนแคร์ความรู้สึกของเขาจริง ๆ

.

.

.

ทั้งห้องประชุมขนาดกลางเงียบสงัดจนได้ยินเสียงแอร์ที่ปกติแล้วไม่เคยส่งเสียงรบกวนผู้คนเลยสักนิด แต่วันนี้ดูเหมือนว่าเพียงแค่เสียงแผ่วเบาของมันที่ดังออกมาก็ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนรู้สึกระคายหูจนพาลให้อารมณ์คุกรุ่นหลังฟังคำสั่งล่าสุดจากบรรณาธิการปะทุขึ้นไปอีกขั้น



…ขอเปลี่ยนหัวข้อคอลัมน์หลัก…



“บอกอล้อพวกเราเล่นใช่ไหมครับ” ทศเป็นตัวแทนของทุกคนเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ ลูกน้องหลายคนที่สงสัยแต่ไม่กล้าถาม ต่างมองมาที่เขาอย่างมีความหวัง ขณะที่เขาเองก็ละสายตาจากคนเป็นนายไปมองหัวหน้าแผนกอย่างดาวเพื่อขอคำยืนยันอีกราย


ทว่าดาวกลับนั่งเหม่อ นัยน์ตาคู่สวยมองไปบนจอฉายภาพสีขาวสะอาดตา แต่บุรุษที่ยืนซ้อนข้างหน้ามันกลับไม่อยู่ในคลองสายตาเธอเลยสักนิด


“ถ้ามีครั้งไหนที่ผมเผลอพูดเล่นแล้วทำให้คุณคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้น ก็ขอโทษด้วย”


เชี่ย…งานเข้า


“แต่พวกเราเขียนคอลัมน์หลักใกล้เสร็จแล้วนะครับ ล่าสุดบอกอก็อนุมัติให้ส่งให้ฝ่ายปรู๊ฟได้เลยด้วยซ้ำ” ทศเริ่มนั่งไม่ติดที่ คนหนุ่มไฟแรงหันมองผิงเพื่อต้องการความช่วยเหลือบ้าง ขอเพียงแค่หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วยเท่านั้นก็คงทำให้เขาใจชื้นได้บ้าง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มแหยอย่างคนจนใจที่จะช่วยเหลือ


นี่คิดจะเทพวกกูกันหมดเลยใช่ไหม?


“เรายังพอมีเวลาให้เขียนหัวข้อใหม่”


“มันไม่เกี่ยวกับหัวข้อใหม่หรือเก่าหรอกครับ มันเกี่ยวที่เหตุผลของการเปลี่ยน อย่าลืมนะครับว่าบอกอเป็นคนอนุมัติให้พวกเราทำเรื่องนี้เองและก็อนุญาตให้จัดปาร์ตี้สละโสดขึ้นมาด้วย” คนเป็นกระบอกเสียงแทนคนทำงานทุกคนยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ แม้ไม่มีคนตำแหน่งสูงหนุนหลัง แต่ความเหนื่อยล้าที่ทุ่มเทไปทั้งหมดต้องไม่เสียเปล่า!


“ผมขอโทษที่ต้องยืนยันอีกครั้งว่าฉบับเดือนกุมภาฯ จะไม่มีการนำเสนอเรื่องท่านประธานกับคุณดาวเด็ดขาด”


ถ้าหันมองสักนิดดีนคงเห็นแวววูบไหวในหน่วยตาของ ‘อดีตว่าที่พี่สะใภ้’ แต่เพราะว่ามัวแต่จ้องมองคู่สนทนาไม่ลดละ เขาจึงไม่ทันระวังคำพูดคำจาตัวเอง


“พวกผมขอทราบเหตุผลครับ” สิ้นคำทศ ใครหลายคนที่เคยนั่งฟังอย่างเจี๋ยมเจี้ยมก็เริ่มส่งเสียงแสดงความเห็นด้วยออกมาประปราย


ดีนยังมีท่าทีสงบ “ผมมาคิดดูแล้ว มันไม่ตรงกับคอนเซ็ปต์นิตยสารของเรา”


“แต่มันเป็นฉบับพิเศษ”


“มันจะไม่มีฉบับพิเศษอะไรทั้งนั้น อีกอย่าง...การป่าวประกาศถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ”


ถ้าลุกขึ้นต่อยหน้าบก.ตอนนี้แล้วไม่โดนไล่ออก ทศก็อยากจะทำ ไม่คิดเลยว่าเหตุผลที่ไม่ควรเรียกว่าเหตุผลด้วยซ้ำนั่นจะออกมาจากปากของดีน คนที่แม้จะเฉยชา พูดจาดิบ ๆ ไปบ้างแต่ก็ไม่เคยทำให้ลูกน้องลำบากใจที่จะทำงานด้วย


“ผมคิดธีมใหม่มาให้แล้ว…เดือนแห่งความรักเวียนมาทุกปี แต่ความรักความชอบก็เปลี่ยนไปทุกปีเช่นกัน เราอาจจะนำเสนอเรื่องสิ่งของหรืออะไรก็ได้ที่ผู้คนนิยมกันมาก ๆ ในแต่ละปี ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องอ้างอิงจากกลุ่มเป้าหมายของเราเป็นหลัก พวกคุณลองหาข้อมูลย้อนหลังสักสิบปีมาเขียน มันคงไม่ยากเกินไปนะ รับรองว่ากำหนดการพิมพ์จะไม่เลื่อนออกไปแน่…จริงไหมครับคุณดาว”


เจ้าของชื่อปรายตามองคนพูด ในตอนนั้นเองที่ทำให้ทศรู้ว่าหัวหน้าตนเองไม่ได้เหม่อลอย แต่แค่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนี้เท่านั้นเอง นาทีนั้นทศภาวนาให้หญิงสาวดื้อรั้นหรือปฏิเสธคำถามแกมบังคับนั้นเสียอย่างใจจดใจจ่อ


“ค่ะ”


หมดกัน!


ทศกุมขมับอย่างไม่คิดปิดบังทันทีที่ได้ยินคำตอบรับของเธอ สิ่งที่เพียรเถียงเพียรสู้เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการพังทลายลงเพียงเพราะการตอบรับของหัวหน้าสาวเพียงคำเดียว


คล้ายว่าคำตอบรับของหัวหน้าสาวฝ่ายคอลัมน์จะแทนคำว่า ‘ปิดประชุม’ ของบก.เสียอย่างนั้น ทุกคนลุกจากที่นั่งตัวเองเดินออกจากห้องไปด้วยความไปพอใจ จนกระทั่งเหลือเพียงสามคนในห้องประชุมขนาดกลางนี้เท่านั้น


ดาวยังคงนั่งที่เดิม ท่าเดิม และสีหน้าแบบเดิม ขณะที่ผิงมองไปทางดีนอย่างเห็นใจ แววตาคู่นั้นทอดมองเพื่อนชายคนสนิทด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกผิดในคราเดียวกัน ดีนยิ้มบางให้รู้ว่าตนไม่เป็นไรพร้อมส่งสัญญาณให้เธอออกไปก่อน

.

.

.

“นี่นับเป็นการตัดสินใจที่ไร้เหตุผลที่สุดเท่าที่ฉันเคยทำงานกับบอกอมาเลยนะ” ทศบ่นอย่างหัวเสียทันทีที่มาถึงแล้วเจอหน้าเด็กฝึกงานที่กำลังรอฟังข่าวอยู่


“อะไรกันครับพี่ทศ เกิดอะไรขึ้น บอกอไร้เหตุผลยังไง”


“ถามพวกมันดูเอาแล้วกัน รู้เรื่องหมดแล้วก็ไปชงกาแฟมาให้พี่ด้วย เอาเข้ม ๆ เลยนะเว้ยไอ้รณณ์” ทศสั่งเสร็จแล้วก็เดินไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง รณณ์มองสบตาแทนส่งคำถามให้กับพี่คนอื่นที่เดินตามหลังมา


“บอกอขอเปลี่ยนเมนคอลัมน์ว่ะ”


“เห้ยพี่!!”


เด็กหนุ่มหน้าตาตื่น หันมองสบตาพี่ ๆ ทุกคน บางคนคอตก บางคนหน้าแหยจนแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ จะมีก็แต่ทศที่ขึ้งโกรธอย่างเห็นได้ชัด


“จริงเหรอวะพี่ ล้อผมเล่นรึเปล่าเนี่ย”


“กูจบภาษา ไม่ใช่การแสดง”


“บอกอแม่งงี่เง่าว่ะ บาดหมางเหี้ยไรกับคุณดาวนักวะ แกล้งกันไปมาเป็นเด็ก ๆ บ้าเอ๊ย!!!” ทศระเบิดออกมาอย่างหัวเสีย สองมือก็ขยี้ผมตัวเองระบายอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน


“บอกอให้เหตุผลว่ายังไงเหรอครับ” รณณ์ยังถามหาความจริงจากปากรุ่นพี่คนเดียวกันนั้นอยู่


“บอกว่ามันไม่ตรงคอนเซ็ปต์นิตยสารบ้างล่ะ ไม่ควรป่าวประกาศอะไรที่มันยังไม่เกิดขึ้นบ้างล่ะ แม่งเซ็งว่ะ”


รณณ์คิดตามคำพูดของหนุ่มรุ่นพี่ ความจริงข้อหนึ่งที่รณณ์เคยสรุปได้ว่าคุณดีนไม่ชอบว่าที่พี่สะใภ้ แต่เหตุผลของการยกเลิกงานที่ใกล้จะเสร็จแล้วจะเป็นเพราะเรื่องแค่นั้นอย่างที่ทุกคนเข้าใจจริงหรือ ในเมื่อคุณดีนเคยยอมรับมันถึงขั้นให้จัดปาร์ตี้สละโสดมาแล้ว


“แล้วพี่ดาวว่าไงบ้างครับ”


“ก็รับคำสั่งสิวะ ปฏิเสธได้ที่ไหน”


“แล้วเราจะเขียนทันเหรอครับ”


“นั่นก็อีกเรื่อง ไม่เขียนซะเลยดีไหมวะ ต่อต้านแม่ง”


“เห้ย ใจเย็นพี่ใจเย็นก่อน บอกอเขาอาจจะมีเหตุผลที่บอกใครไม่ได้ก็ได้นะครับ ไม่อย่างนั้นพี่ดาวจะยอมง่าย ๆ เหรอ”


“แล้วไม่ยอมได้ด้วยเหรอวะ เรื่องบริหารน่ะคุณคริสเขาใหญ่สุดก็จริง แต่เรื่องหน้างานแบบนี้ ไม่มีใครใหญ่เกินคุณดีนหรอกเว้ย”


“แต่ผมว่า…”


“พอแล้ว ๆ ไปชงกาแฟไปไอ้รณณ์”


ยังไม่ทันได้แก้ต่างให้คุณดีน รณณ์ก็ต้องเดินคอตกออกจากตรงนั้นเพื่อไปชงกาแฟให้ตามคำขอของอีกฝ่ายเสียก่อน


เขาอาจจะไม่เคยทำงานกับคุณดีนมาก่อนก็จริง แต่เขาเชื่อว่าคุณดีนเป็นคนมีเหตุผลมากพอ แม้จะยังไม่รู้ว่าเหตุผลนั้นคืออะไร แต่ก็ยังยืนยันที่จะเชื่อว่ามันต้องมีน้ำหนักพอให้เขาตัดสินใจแบบนั้น

.

.

.

ภายในห้องประชุมขนาดกลางกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง มีเพียงชายหญิงคู่หนึ่งเท่านั้นที่ยังไม่ย้ายร่างตัวเองไปไหน ดีนเองก็ยืนพิงขอบโต๊ะทนรออย่างใจเย็น เขารู้ว่าดาวมีเรื่องจะคุยกับตน และเขาก็พร้อมจะให้เวลาเธอได้เตรียมตัว


“อย่าคิดว่าจะได้ยินคำว่าขอบคุณจากฉัน” น้ำเสียงราบเรียบดังออกมาไม่เบานัก ทว่านัยน์ตาหวานกลับไม่ได้มองสบคู่สนทนาสักนิด


“…”


“นายต่างหากที่ต้องขอบคุณที่ฉันไม่รั้นจะทำคอลัมน์นั้นต่อ” ดีนรู้ว่าถ้าดาวไม่ยอมสักคน ลูกน้องในทีมก็จะมีแรงใจในการเถียงกับเขาอีกเยอะ และเรื่องจะไม่จบลงง่ายขนาดนี้


ดีนหัวเราะในลำคอ “คุณไม่กล้าพูดหรอก เพราะคุณฉลาดพอที่จะคาดการณ์ได้ว่าผมจะทำยังไงกับการที่คุณรั้งคริสไว้ด้วยการรั้นจะป่าวประกาศข่าวดีแบบนั้น”


ใบหน้าหญิงสาวตึงเครียดขึ้น มัดกล้ามเนื้อเล็ก ๆ บริเวณขมับกระตุกอยู่สองสามครั้งก่อนสงบบ่งบอกถึงสภาวะอารมณ์ของสาวเจ้าได้ดีที่สุด


ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าเธอร้ายกาจแค่ไหน หมอนี่เหมือนจะแคร์ความรู้สึกคนอื่น แต่จริง ๆ แล้วไม่เลยสักนิด โดยเฉพาะกับเธอ ที่ทำทั้งหมดนั่นก็แค่สนุกกับการเล่นสงครามประสาทกับเธอ เพราะรู้ว่าอย่างไรตนก็ต้องเป็นฝ่ายชนะ


ถ้าเธอยังดึงดัน ดีนจะต้องป่าวประกาศสถานะปัจจุบันของเธอกับคริสออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย


“ด้านชาให้ได้ตลอดก็แล้วกัน” หญิงสาวลุกขึ้นยืน ผสานสายตากับดวงตาคมดุอย่างไม่ลดละ “เพราะถ้านายมีความรักเมื่อไหร่…ฉันเอาคืนอย่างสาสมแน่”


ดีนมองตามแผ่นหลังเล็กที่เดินออกไปหลังจากทิ้งประโยคเคียดแค้นนั้นไว้ กายสูงสง่าทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งที่ตั้งแต่เข้าห้องนี้มาก้นยังไม่ได้แตะเบาะเลยด้วยซ้ำ


ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นคนใจร้ายขนาดนี้


ดีนยกมือขึ้นลูบหน้าด้วยท่าทางอ่อนล้า คำสั่งไร้เหตุผลที่เพิ่งออกจากปากไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาทำให้เขารู้สึกว่าความน่าเชื่อถือของตัวเองลดน้อยลง…รวมถึงคุณค่าด้วย


รู้ทั้งรู้ว่าไม่ว่าจะพูดเหตุผลอะไรออกไปก็ดูเหมือนเป็นข้ออ้างข้าง ๆ คู ๆ ทั้งสิ้น แต่ครั้นจะยกชื่อคนอื่นมากล่าวอ้างก็ดูจะเกินจำเป็นไปเสียหน่อย แม้ว่าเจ้าของเรื่องอย่างคริสจะยินยอมก็ตาม แต่สุดท้ายการน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียวก็ดีเสียกว่า ยอมถูกตราหน้าว่าไร้เหตุผล กลับกลอกหรืออะไรก็ช่าง ไหน ๆ ทุกคนก็สงสัยความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยของเขากับดาวอยู่แล้ว ยิ่งมีเรื่องนี้เข้ามาแล้วทำให้ทุกคนเทความเกลียดชังมาที่เขาก็ไม่เป็นไร เขาไม่ใช่คนที่จะสนใจอะไรแบบนี้อยู่แล้วนี่

.

.

.

ไม่ใช่คนที่จะสนใจความรู้สึกของคนอื่น


ดีนเคยคิดมาตลอดว่าตนเป็นคนแบบนั้น อย่างน้อยก็นอกจากครอบครัวและเพื่อนสนิท แต่ทว่านี่ก็จวนจะเลิกงานอยู่ในไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องประชุมเมื่อเช้านี้ก็ยังตามกวนใจไม่ลดละ


สถานะที่จบลงเฉียบพลันของพี่ชายเขากับดาวได้รับการยืนยันจากผู้เป็นแม่ที่โทร.มาบอกเล่าและฝากให้เขาช่วยดูแล เขาเพิ่งรู้เมื่อวานนี้เองว่าเตี่ยไปหาชินแสอีกท่านหนึ่ง คำพยากรณ์ที่เป็นไปในทำนองเดียวกันทำให้ความสัมพันธ์ของว่าที่คู่บ่าวสาวต้องขาดสะบั้นลงในท้ายที่สุด


ง่ายเกินไป


คนเรารักกันง่าย เลิกกันง่ายขนาดนี้เลยหรือ?


เขายังไม่มีโอกาสได้คุยเปิดอกกับพี่ชาย ข้อสงสัยจึงยังไม่กระจ่างชัด รู้แต่เพียงว่ามันไม่น่าจะใช่แค่เรื่องของคำทำนายบ้าบอพวกนั้น คริสไม่ใช่พวกงมงาย แต่ก็คิดไม่ออกอีกเช่นกันว่ามีเหตุผลอะไรที่คน ๆ หนึ่งที่ยืนยันว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้กลับเป็นฝ่ายตัดความสัมพันธ์ลงได้อย่างง่ายดาย


ง่ายเกินไปจริง ๆ


ในเมื่อจะไม่มีงานมงคลสมรสเกิดขึ้น ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเขียนคอลัมน์นั้นเพื่อประโคมข่าวเสียใหญ่โตแล้วมาหักหน้า ‘ว่าที่’เจ้าสาว กันภายหลัง เพราะนั่นเท่ากับว่านิตยสารของเขาสร้างกระแสขึ้นมาทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องจริง ซ้ำยังมีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่หญิงสาวมากขึ้นด้วย


ครั้นจะแจ้งแถลงไขให้ทุกคนทราบเพื่อลบความข้องใจและบาดหมางในความรู้สึกลึก ๆ นั้นออกไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะควรนัก ฝ่ายผู้หญิงเสียหายเต็ม ๆ แค่นี้เธอก็บอบช้ำมากพอแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องป่าวประกาศให้คนอื่นรู้เพื่อเก็บไปซุบซิบเข้าหูให้เธอช้ำใจมากไปกว่านี้


   
ผิงเองก็เอาแต่บอกให้คริสเป็นคนรับผิดแทน ไม่ใช่ให้เขาออกหน้ารับคำด่ารวมถึงความเคารพนับถือที่ลดน้อยลงแบบนี้ด้วย แต่หากให้คริสเป็นคนบอกเปลี่ยนคอลัมน์หลักเอง ก็รังแต่จะเป็นการหักหน้าดาว คนที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นแฟนสาว สู้ให้เขาประกาศเองเสียยังดีกว่า เพราะอย่างไรเสีย ความสัมพันธ์มันก็คงจะไม่แย่ไปกว่านี้ในสายตาของลูกน้องแล้ว

   
แผ่นหลังกว้างพิงแนบพนักเก้าอี้เต็มแรง รู้สึกปวดขมับจนต้องยกมือขึ้นมากดนวด คิดเรื่องงานยังไม่เครียดเท่าเรื่องพวกนี้เลยสักนิด นัยน์ตาคมเหลือบมองเวลาตั้งโต๊ะ สี่โมงครึ่งแล้ว เป็นเวลาเลิกงานของใครหลายคน พลันให้คิดถึงใครบางคนที่เป็นคนคอยเยียวยาความทุกข์ใจให้เขาอยู่เสมอ ดีนไม่รอช้า เขารีบกดโทร.หาคน ๆ นั้นทันทีด้วยใจที่หวังว่าอีกฝ่ายจะว่างมาเยียวยาเขาเหมือนอย่างเคย


[ว่าไงดีน]


คนทางนี้ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงก้องจากปลายสาย “เปิดลำโพงอยู่เหรอ”


[อืม เขียนแฟ้มอยู่ว่ะ อยู่ห้องพัก คุยได้ ๆ]


“อยากกอดมึง” เสียงอ่อนกระเง้างอดเหมือนทุกครั้งที่อ้อนเพื่อนสนิท ทว่าครั้งนี้กลับได้รับการตอบรับที่เกรี้ยวกราดกลับมาจากใครอีกคน


[ไอ้สัด! นี่เมียกู]


ดีนคลี่ยิ้มที่ถ้าอีกฝ่ายเห็นคงโมโหหนักกว่าที่เป็นอยู่แน่ ดีนรู้อยู่แล้วว่าที่ธันวาเปิดลำโพงไม่ใช่แค่เพราะอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวและกำลังยุ่ง แต่เพราะคนที่อยู่ด้วยต่างหาก ไม่ใช่ว่าแรมไม่ไว้ใจ เพียงแต่อีกฝ่ายอยากมีส่วนร่วม ในฐานะคนเคยมีประเด็นกันมาก่อน


[พี่แรม ดีนมีเรื่องไม่สบายใจอยู่นะ…] เสียงธันวาดังแว่วเข้ามาตามสาย นี่แหละเพื่อนสนิทที่สุด ดีนยิ้มบาง ดีใจที่เพื่อนเข้าใจอารมณ์ของเขาได้เพียงแค่เอ่ยปากว่าอยากกอดเท่านั้น


ได้ยินเสียงแรมฟึดฟัดขัดใจอยู่เล็กน้อยก่อนจะชิงพูดขึ้นก่อนที่ธันวาจะทันได้ถามไถ่อะไร [หาเมียสักคนสิวะ จะได้เอาไว้กอดแทนเมียกู]


“เมียพี่มันก็เพื่อนผมนะ”


[ดีน…] คราวนี้เสียงไม่ก้องดังเดิม ดีนเดาว่าธันวาคงปิดลำโพงแล้ว [ตอนนี้รู้สึกยังไง?]


“…”


[กูไม่รู้นะว่ามึงมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ถ้ามึงอยากเล่ากูก็พร้อมจะรับฟัง แต่กูเดาว่าตอนนี้…มึงอยากอยู่นิ่ง ๆ ให้กูกอดมากกว่า]


“…กูรักมึง”


[กูรู้ ๆ และกูก็เคยบอกไปแล้วว่าเวลาเราทุกข์ใจ แค่ได้รับอ้อมกอดของใครสักคนก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นแล้ว]


“กูเลยคิดถึงมึงไง”


[แต่ตอนนี้กูไม่ได้อยู่กับมึง และในอนาคตก็คงอยู่ด้วยไม่ได้ในทุกครั้งที่มึงไม่สบายใจนะ มึงน่ะโดดเดี่ยวเกินไปแล้ว]


ดีนแสร้งเมินประโยคหลังนั้น “ไม่เป็นไร กูจะไปหามึงเอง”


[ดีน…การได้รับอ้อมกอดจากคนที่รักอย่างพ่อแม่พี่น้องหรือเพื่อนฝูงมันให้ความรู้สึกว่ามีคนคอยซัพพอร์ตเราอยู่ข้างหลัง มีคนเข้าใจเราก็จริงนะ แต่อ้อมกอดจากคนพิเศษ มันจะทำให้เรารู้สึกอุ่นใจ รู้สึกได้ว่าเราไม่ได้เผชิญปัญหาอยู่คนเดียว แต่ยังมีใครคนหนึ่งพร้อมจะอยู่เคียงข้างเราไม่ปล่อยให้เราโดดเดี่ยว]


“ไอ้ธันว์…”

.

.

.

เลยเวลาเลิกงานมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว หลายคนในแผนกคอลัมน์ทยอยกันเก็บของเตรียมกลับบ้าน สีหน้าแต่ละคนไม่ต่างไปจากเมื่อเช้านัก บางคนเครียดถึงขนาดชวนกันไปดื่ม ซึ่งรณณ์เองก็ได้รับคำเชิญมาเช่นกัน แต่จำต้องปฏิเสธไปพร้อมข้ออ้างว่ารีบกลับ


ทศมองคนที่บอกว่ารีบกลับนั่งแน่นิ่งอยู่ที่โต๊ะตัวเองซึ่งเจียดพื้นที่น้อยนิดจากโต๊ะเขาที่มีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงส่วนตัวด้วย คิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อใสขมวดมุ่นจนอยากจะยื่นมือไปจับมันแยกออกจากกัน แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร อีกฝ่ายที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูอะไรบางอย่างหลังจากสัญญาณเตือนดังขึ้นแล้วก็รีบวิ่งออกไปทันที


“เฮ้ยไอ้รณณ์ กระเป๋าแก”


“เดี๋ยวผมกลับมาพี่”


ได้ยินเสียงตอบรับกลับมาแค่นั้นก่อนที่ร่างมันจะปลิวหายไปอย่างรวดเร็ว สร้างความฉงนให้คนมองเป็นอย่างยิ่ง

.

.

.
(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 03-06-2017 21:50:17
.

.

.


เป้าหมายของรณณ์คือดาดฟ้าของตึกสูงแห่งนี้ เสียงสัญญาณเตือนจากโทรศัพท์ที่ดังขึ้นขัดความคิดกังวลคือแอพฯ อินสตราแกรมของบุคคลที่กำลังอยู่ในห้วงคำนึงของตน


คุณดีนอัพรูปท้องฟ้าขอบล่างมีตึกรูปทรงต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคอนโดโครงการหนึ่งที่มีลักษณะโดดเด่นซึ่งมองจากตึกแห่งนี้แล้วสามารถเห็นได้ชัด แต่นั่นไม่ทำให้รณณ์รีบขึ้นไปยังดาดฟ้าด้วยหวังว่าจะพบเจอใครคนนั้นได้มากเท่ากับแคปชั่นใต้รูปภาพ




DEAN เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากถูกกอด



   
ออกจากลิฟต์ไปก็ต้องวิ่งกระหืดหอบขึ้นบันไดอีกหนึ่งชั้น กว่าจะพาตัวเองมาถึงส่วนที่เรียกว่าดาดฟ้าได้ เด็กหนุ่มยืนสูดหายใจเข้าปอดก่อนจะผลักประตูออกไป อากาศบนนี้กำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนอย่างที่กังวล นัยน์ตาสุกใสสอดส่ายมองหาร่างสูงสง่าของผู้เป็นนาย แผ่นหลังกว้างที่ให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวกว่าครั้งไหน ๆ ปรากฎแก่สายตา เห็นแบบนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ เด็กหนุ่มสาวเท้าเข้าไปใกล้อย่างเงียบเชียบด้วยกลัวว่าจะเป็นการรบกวนอีกฝ่ายมากเกินไป เขาเพียงแต่อยากอยู่ใกล้ ๆ อยากให้คุณดีนรับรู้ว่าตนไม่ได้โดดเดี่ยว โดยไม่ทันระวังความคิดตนเองว่าอีกฝ่ายจะต้องการความหวังดีนี้หรือไม่

   
“ใคร?”

   
รณณ์สะดุ้งเมื่อได้รับคำทักแบบนั้นทั้งที่ตนหยุดยืนในระยะห่างถึงสามเมตร

   
“ผมเองครับ”

   
ดีนยังคงยืนหันหลัง แค่ได้ยินเสียงก็ระบุได้แล้วว่า ‘ผม’ ที่ว่าน่ะคือใคร

   
“เข้ามาใกล้ ๆ สิ”

   
รณณ์ทำตามอย่างว่าง่าย แต่ใกล้ที่ว่าน่ะแค่ไหนกัน เด็กหนุ่มหยุดยืนในระยะที่พอมองเห็นว่าคุณดีนยืนค้ำท่อนแขนกับขอบปูนที่ยกสูงขึ้นมากั้นพื้นที่บนดาดฟ้า

   
“ผมไม่ได้อยากให้คุณห่างจากผมขนาดนั้นนะ” คราวนี้ดีนหันมามองกันตรง ๆ

   
แม้ในมุมที่รณณ์มองจะย้อนแสง ภาพคุณดีนไม่ชัดแจ้งแก่สายตาเช่นทุกครั้ง แต่ความอิดโรยก็ฉายชัดบนใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ดี

   
“หน้าตาคุณดูไม่ดีเลยนะครับ”

   
ดีนร้องหึในลำคอ “ใคร ๆ ก็บอกว่าผมหน้าตาดีนะ”

   
รณณ์ยิ้มบาง ในสภาวะแบบนี้อีกฝ่ายยังมีใจพูดเล่นอยู่อีก “นี่พวกเขาไม่คิดจะโกหกคุณบ้างเลยเหรอครับ”

   
ดีนยิ้มขำ

   
“ขออนุญาตนะครับ” พูดจบก็สาวเท้าเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็วก่อนจะถือวิสาสะสวมกอดโดยไม่รอฟังคำตอบรับ แม้จะกลัวว่าจะถูกผลักออก แต่ความปรารถนาดีที่มีให้ก็มากกว่าจะยอมปล่อยให้อีกฝ่ายยืนเคว้งแบบนี้ ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับตรงกันข้ามกับที่กังวล ดีนไม่ได้ผลักไสกัน มิหนำซ้ำยังวางศีรษะลงบนลาดไหล่ของเขาด้วยความอ่อนล้า ทั้งสองยืนอยู่แบบนั้นนานจนรณณ์สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะสบายใจขึ้น  เขาจึงผละออก แต่ก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ ๆ อีกฝ่ายตอบรับสัมผัสของเขาด้วยการโอบกอดตอบขึ้นมาพร้อมคำขอเสียงออดอ้อน “ขออยู่แบบนี้อีกสักพักนะ”
   
.
   
.
   
.
   
สักพักของคุณดีนนานไปกี่นาทีรณณ์ก็ไม่ได้สนใจ เขารู้แค่ว่าการยืนกอดกันอย่างนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเลยสักนิด ความเป็นห่วงถูกถ่ายทอดผ่านสัมผัสด้วยหวังว่าอีกคนจะรับรู้ได้และช่วยคลายกังวลให้ได้ไม่มากก็น้อย จะมีความรู้สึกขลาดเขินเข้ามาแทรกพร้อมจังหวะหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นบ้างก็ในช่วงหลังไม่กี่นาทีก่อนที่คุณดีนจะเป็นฝ่ายผละออกไป

   
คนอ่อนวัยกว่าไม่กล้าสู้หน้า รู้สึกว่าตัวเองเผลอทำการอุกอาจน่าขายหน้าจนต้องหลบสายตา

   
“คุณผิดหวังในตัวผมรึเปล่า?”

   
“อย่ากังวลเลยครับ ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่เคยผิดหวังในตัวคุณ ขอให้คุณเชื่อเถอะครับ…ว่าผมพร้อมจะเข้าใจคุณเสมอ”

   
ดีนยิ้มกว้าง เขาเชื่อตามนั้นเพราะสังเกตเห็นในแววตาของเด็กคนนี้ตั้งแต่ที่หันหน้าไปเจอเมื่อครู่นี้แล้ว

   
ไร้ซึ่งวี่แววของความผิดหวัง

   
ดีนจ้องมองอยู่อย่างนั้นจนอีกฝ่ายขัดเขินเริ่มเก้กังทำตัวไม่ถูก ต้องหาเรื่องคุยเสียใหม่ “เวลาคุณไม่สบายใจ คุณทำยังไงเหรอครับ”

   
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็แค่หลับตา ใส่อินเอียร์เปิดเพลงดัง ๆ กลบความรู้สึก” …ถ้าไม่มีธันวาอยู่ใกล้ ๆ น่ะนะ

   
รณณ์พยักหน้ารับรู้


“แต่ต่อไปนี้…ผมจะกอดคุณ


รณณ์ไม่อาจนิยามได้ว่ามันคือคำมั่นสัญญาที่ตราตรึงใจหรือมนต์คาถาที่สะกดให้เขาจ้องลึกเข้าไปพบกับความจริงใจในหน่วยตาคู่นั้นกันแน่


“อะ เอ่อ…”


“แล้วถ้าเป็นคุณล่ะ ทำยังไง” ดีนถามขึ้นในท่าทีสบาย ๆ นึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่มีความรู้สึกอยากกอดเด็กคนนี้เหมือนธันวา


หรือไม่เหมือนกันนะ…


“อ้อ ผมจะเคี้ยวเจ้านี่” พูดจบพร้อมกับชูหมากฝรั่งขึ้นในระดับสายตาก่อนจะเคี้ยวอย่างรวดเร็วไม่นานนักก็เป่าออกมาเป็นลูกโป่งสีพาสเทลอ่อน ๆ อวดสายตาคนมอง


ดีนหันหลังพิงกำแพง ใบหน้าหล่อคมผินมองคนที่กำลังสนุกกับการเป่าลูกโป่งออกมาจากปากสีสดด้วยความเอ็นดูโดยที่ไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มและแววตาที่จ้องมองทำให้คนที่กำลังเพลิดเพลินชะงักเป็นผลให้ลูกโป่งสีสวยแตกใส่หน้าจนต้องรีบเช็ดออกแทบไม่ทัน คนมองหัวเราะร่วนจนตัวงอพาลให้อีกฝ่ายยิ่งเขินอายจนต้องเบี่ยงประเด็น


“เราลงไปข้างล่างกันเถอะครับ เย็นมากแล้ว”


“เดี๋ยวสิ” ดีนคว้าแขนเล็กเอาไว้ก่อนจะเลื่อนขึ้นมากอบกุมแก้มอีกฝ่ายไว้ข้างหนึ่งแล้วใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเศษหมากฝรั่งบนปลายจมูกรั้นออกให้อย่างอ่อนโยน


“ลงไปสภาพนี้ คนอื่นคงขำแย่สิ”


ร้อน…


รณณ์รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนแทบไหม้ โดยเฉพาะบริเวณที่ฝ่ามือใหญ่ยังไม่ละจากไป และไหนจะรอยยิ้มกว้างกว่าครั้งไหน ๆ นั่นอีก เหมือนเป็นมนต์สะกดให้เขาไม่อาจถอนใบหน้าออกจากการกอบกุมนั้นได้เลย


รุนแรงเหลือเกิน

.

.

.

ชอบเขาหรือ?


ดีนพินิจถึงดวงหน้าของคนที่เพิ่งทำให้เขาคลายกังวล รณณ์ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาที่…เอ่อ ดูสะดุดตาผู้ชายด้วยกันได้ ไม่ใช่ผู้ชายหน้าสวยหรือน่ารักอย่างที่มักจะทำให้ผู้ชายแมน ๆ ด้วยกันใจสั่น เด็กนั่นจัดเป็นผู้ชายหล่อเสียมากกว่า

   
แต่การถูกกอดในวันนี้ทำให้เขาได้รู้ว่า มันไม่เหมือน…

   
ความรู้สึกไม่เหมือนตอนที่กอดธันวา

   
แม้จะรู้สึกปลอดภัยจนวางใจให้เป็นพื้นที่แสดงความอ่อนแอออกมาได้ แต่ก็ไม่เหมือนความรู้สึกตอนอยู่กับเพื่อนคนไหน

   
หรือจะชอบรณณ์จริงอย่างที่เพื่อนตั้งข้อสังเกต

   
อืม…สงสัยจะชอบเด็กนี่เข้าจริง ๆ เสียแล้วกระมัง

   
น่าแปลก ทั้งที่ข้อสรุปที่ได้ถือเป็นเรื่องไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง และมันดูไม่เป็นสิ่งที่สังคมนิยามถึงความเป็น ‘ธรรมชาติ’ สักเท่าไหร่ แต่มันกลับทำให้ใบหน้าตี๋อินเตอร์ระบายยิ้มบางออกมาได้
   
.
   
.
   
.
   
กว่าสิบนาทีแล้วที่ร่างโปร่งบางยังเอาแต่ตบหน้าอกซ้ายตัวเองเบา ๆ คล้ายจะกล่อมให้ก้อนเนื้อใต้ตำแหน่งนั้นนิ่งสงบหลังจากที่เต้นรัวเร็วจากสัมผัสของคุณดีน แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ทำให้อาการนั้นยิ่งเป็นมากขึ้นคือข้อความที่คุณดีนไปพิมพ์ตอบใต้รูปนั้นในไอจีเมื่อครู่นี้



DEAN อุ่นใจจริง ๆ ด้วย



ความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว


…เหมือนถูกจีบ…


รณณ์ส่ายหัวสลัดความคิดไม่เข้าท่านั่นออกจากหัว พยายามให้ตัวเองกลับเข้าสู่สภาวะสงบด้วยการใส่หูฟัง เปิดเพลงที่ชื่นชอบฟังทั้งที่เหลืออีกแค่สถานีเดียวก็จะถึงปลายทางแล้ว

.

.

.
   
[ค่อยโทร.มาหลังจากนี้ซักสิบนาทีมึงจะตายรึไงวะ!]


ดีนส่งเสียงทุ้มต่ำในลำคอเมื่อได้ยินน้ำเสียงหงุดหงิดของคนที่นับวันก็ยิ่งทำตัวเป็นเจ้าของเบอร์นี้ “ผมมีเรื่องจะคุยกับไอ้ธันว์”


[คอขาดบาดตาย?]


ดีนเงียบไปชั่วอึดใจ “ผมขอคุยกับพี่ดีกว่า”


[เห้ย! มึงไม่เข้าใจสถานการณ์เหรอวะ จะมันหรือกูก็ไม่ว่างคุยทั้งนั้นแหละ]


ดีนกระตุกยิ้มมุมปาก “เอากันอยู่?”


เหมือนจะได้ยินคำว่า ‘ไอ้เชี่ย’ ดังแว่วมาจากเจ้าของเครื่องที่แท้จริง ซึ่งคงอยู่ไม่ห่างจากคนรับสายนัก


[ยังเว้ย กูหมดอารมณ์ละ รู้ ๆ กันอยู่ว่าพวกกูไม่ค่อยมีเวลา มึงก็ยังโทร.มาทั้งเช้าเที่ยงเย็น] แรมบ่นอย่างหัวเสียแต่หลังจากนั้นก็ยังมีแก่ใจถามไถ่ถึงเรื่องราวที่หนักหนาจนต้องโทร.มาขัดจังหวะหวานของคนทั้งคู่ ขณะที่ดีนยิ้มขำ ๆ ให้กับคนที่บอกว่าพวกตนไม่ว่างแต่เขาโทร.หาธันวาทีไรเป็นต้องได้ยินเสียงของแรมทุกทีไป


[พี่รู้ตัวตอนไหนว่าชอบเพื่อนผม]


แรมเงียบ อยากจะด่ากลับไปอยู่เหมือนกันว่าเรื่องด่วนของอีกฝ่ายช่างไร้สาระ แต่เพราะเอะใจในความอยากรู้ของดีน ทำให้เขานิ่งคิดไปพักหนึ่ง [นี่มึงเจอคนที่ชอบแล้วเหรอวะ?]


“พี่อยากให้ผมทวนคำถามไหม?”


[เห้ย! เดี๋ยวนะ ที่ถามแบบนี้คือชอบผู้ชายด้วยใช่ไหมวะ?]


“ผมรอคำตอบพี่อยู่นะ”


ได้ยินเสียงปลายสายแว่วมาว่า ‘ใช่แน่ ๆ’ แต่ดีนก็ไม่สนใจ ยังรบเร้าขอคำตอบอยู่อย่างนั้นจนปลายสายตอบปัดรำคาญกลับมา [เออ ๆ กว่ากูจะรู้ตัวว่าชอบมัน กูก็เลิกคิดเรื่องของมันไม่ได้แล้วว่ะ]


“แล้วรู้ได้ยังไงว่าชอบ ไอ้ธันว์ไม่ใช่ผู้หญิง อะไรทำให้พี่คิดว่าความรู้สึกที่มีให้มันคือความรัก ไม่ใช่ความรู้สึกแบบรุ่นพี่รุ่นน้องทั่วไป หรือว่าพี่ชอบผู้ชายอยู่แล้ววะ”


[ไอ้ดีน กูไม่ใช่เกย์นะเว้ย แต่กูก็ไม่โง่ที่จะไม่เข้าใจตัวเอง ฟังนะ กูไม่ได้พูดถึงความรู้สึก กูไม่ได้ให้มึงค้นใจตัวเองว่ารู้สึกยังไงกับเขา กูให้มึงพึงระลึกว่าตัวมึงเองเป็นคนยังไง ปฏิบัติกับคนอื่นแบบไหน กับครอบครัว กับเพื่อน พี่น้อง หรือแม้แต่คนแปลกหน้า แล้วมีใครที่มึงปฏิบัติกับเขาต่างออกไป ความพิเศษมาก ๆ ที่เรามีให้เขานั่นแหละ มันจะเฉลยเองว่ามึงรู้สึกยังไง]


ปฏิบัติด้วยอย่างไร?


“แล้วพี่เริ่มจีบมันยังไง”


[เอาตรง ๆ เลยนะ มึงจะจีบเขา?]


ดีนเงียบ ไม่มีคำตอบให้แรมทั้งที่ตนเป็นฝ่ายรบเร้าเอง


[จีบผู้หญิงสักครั้งก็ยังไม่เคย มึงแม่งคิดจะข้ามขั้นไปจีบผู้ชายเลยเหรอวะ]


“ผมเคยมีแฟน”


[อ้อ ป๊อปปี้เลิฟตอนประถมของมึงอ่ะนะ]


ไอ้เหี้ยธันว์!



“เออ! ก็แล้วถ้าจะเริ่มจีบ…ผมควรทำยังไงละวะ?!”

















TBC.
-------------------------------------------------
พี่แรมช่วยสงเคราะห์คุณดีนเขาหน่อยเถอะค่ะ
คุณดีนเขาจะได้มีเมีย เอ้ย! มีความรักกับเขาสักที
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะคะ  :L1:
ไปติดแท็คในทวิตเตอร์กันได้น้าาา #ไม่ดิ้นรนหา

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-06-2017 22:05:27
ทำไมดาวดูอาฆาตแค้นดีนขนาดนั้น คือดีนไม่ได้ไปยุ่งกับความสัมพันธ์ของดาวกับคริสไม่ใช่เหรอ
หวังว่านางจะแค่พูดออกไปเพราะอารมณ์พาล ถ้าทำจริงนี่จะโกรธ กว่าพี่ดีนจะมีเมีย เอ๊ย แฟนได้ไม่ใช่เรื่องง่าย (อย่างน้อยก็สำหรับเจ้าตัว) ฮา
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-06-2017 23:01:41
แค้นหนัก เรื่องไม่ถูกรักนี่ต้องทำใจ
ฮื่ม คุณดีน นี่ขนาดยัง งงๆ ไม่เริ่มจีบนะ  :-[
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 03-06-2017 23:51:50
งืออออ พี่ดีนนนนนนน สู้เค้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 03-06-2017 23:53:54
คุณดีน..เธอมันร้าย ยังไม่จีบแต่ก็หลอกกอดเด็กเฉยเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 04-06-2017 07:19:04
ดีนเริ่มรู้ใจตัวเองแล้วสิ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: eeroww ที่ 04-06-2017 09:43:36
จะจีบกันแล้วหรอ   :-[
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 04-06-2017 10:18:51
หวาน  o18 :impress2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 04-06-2017 10:50:24
นี่ขนาดไม่โดนจีบ รณณ์ยังเป็นหนักขนาดนั้น แล้วถ้าคุณดีนจีบขึ้นมาไม่ระเบิดตัวเองไปเลยรึไง 555 ทพำมบทนี้คุณดีนน่ารัก ><
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-06-2017 11:49:25
 :กอด1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 04-06-2017 12:02:29
จริงๆ คือพี่ดีนเป็นคนดีๆ คนนึงเลยนะ
แม้แต่คุณดาวก็รู้สึกได้หรอก ไม่งั้นจะปากแข็งบอกว่า ไม่ขอบคุณ เหรอ
พี่ดีรู้จักวิธีฮีลตัวเองแล้ว เราจะไม่ห่วง ห่วงแต่คุณดาว
สงสารเธอนะ ผู้ชายดีๆ อาจจะมีน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีหรอก
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 04-06-2017 14:30:01
ตอนท้ายดูเกี้ยวกราดกลบเกลื่อน 5555
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 04-06-2017 20:53:05
เราว่าเราเข้าใจดาวนะ พื้นเดิมคุณดีนก็ไม่อยากได้เธอเป็นพี่สะใภ้อยู่ละ พอเธอเลิกกับคริส ก็ไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกว่าดีนคงแอบสะใจอยู่ลึกๆ เธอก็เลยเคียดแค้น แต่หวังว่าเธอจะไม่ฝังใจมาก เรากลัวกระทบน้องรณณ์  :katai1:
คุณดีนรีบจีบน้องให้ติดนะคะ แต่นะ...ขนาดยังไม่จีบ คนอ่านยังเขินเลยค่ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 05-06-2017 06:30:13
ดาว คริส ผิง นี่ยังไง คือเดาว่าคริสน่าจะชอบผิง แต่ผิงนี่ไม่รู้เลยยย เหมือนจะเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกับดีนยังไงก็ไม่รู้

ส่วนคุณดีนนี่พอบทจะรู้ตัวว่าชอบเค้าแล้วก็จะเดินหน้าจีบเลย ช่างเป็นคนที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกจริง ๆ
แรก ๆ เดาว่าพี่แกจะซึน ทำเป็นไม่รู้ตัวว่าชอบเค้าต่อไปสักระยะ อะไรงี้
แต่แบบนี้คือดีต่อใจ ถ้ารู้ตัวว่าชอบน้องแล้วก็ลุยเลยคุณ ถ้าท่าเยอะ ท่ามาก เดี๋ยวชาตินี้จะไม่มีเมีย เอ้ย ไม่มีแฟน  :hao3:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 05-06-2017 13:30:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 10 [03/06/17]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-06-2017 18:55:27
เจ๊ดาวโดนเทแล้วพาลหรอคะ :m16:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 24-06-2017 00:12:59

ห า กั น จ น เ จ อ

ตอนที่ #11







   
ความวุ่นวายหลังจากคำสั่งบ้า ๆ ของบรรณาธิการหนุ่มยังไม่สงบเพียงแค่วันต้นสัปดาห์ ดาวรู้สึกเหมือนมีอาฟเตอร์ช็อคที่เกิดหลังแผ่นดินไหวอย่างไรอย่างนั้น เพราะอยู่ ๆ บก.ตัวดีก็มีคำสั่งลงมาในวันพุธกลางสัปดาห์ว่าจะให้เด็กฝึกงานในแผนกของเธอไปสัมภาษณ์พิธีกรหนุ่มซึ่งกำลังโด่งดังถึงขีดสุดในตอนนี้เพื่อนำมาเป็นส่วนหนึ่งของคอลัมน์หลักด้วย เท่านั้นคงยังวุ่นวายไม่พอ เจ้าตัวถึงได้กำชับมาอีกว่าตนจะเป็นคนพาเด็กคนนั้นไปสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง ตอนได้รับคำสั่งมาเธอรู้สึกอยากลุกไปบีบคออีกฝ่ายเสียให้รู้แล้วรู้รอด มีอย่างที่ไหนเอางานใหญ่ให้เด็กฝึกงานทำตั้งแต่เดือนแรกของการฝึกงาน มิหนำซ้ำยังจะประเมินจากงานนี้ด้วย คิดจะแกล้งเด็กอย่างเดียวคงไม่พอ หมอนั่นต้องคิดจะทำลายชื่อเสียงของสำนักพิมพ์ด้วย!

   
ใช่ว่าเธอจะดูถูกความสามารถของรณณ์ เด็กหนุ่มเป็นคนมีไอเดียสร้างสรรค์ แต่ก็เท่านั้น เด็กคนนั้นออกตัวตั้งแต่เข้ามาฝึกเลยด้วยซ้ำว่าตนไม่เก่งเรื่องการพูดคุย ยิ่งเรื่องเขียนยิ่งแล้วใหญ่ เพราะฉะนั้นจึงอยากมาเรียนรู้ทักษะพวกนี้จากแผนกของเธอ แล้วอย่างนี้การเอาเด็กที่ไม่มีทักษะออกไปสัมภาษณ์แขกที่ดังระดับนั้น สำนักพิมพ์ของเราจะไม่ถูกตำหนิว่าไม่มีความเป็นมีอาชีพอย่างนั้นหรือ

   
หรือแท้ที่จริงแล้วดีนต้องการแกล้งเธอ?

   
ต้องใช่แน่ ๆ คงมีเหตุผลอื่นไปไม่ได้นอกจากจะให้เธอหัวหมุนกับงานสองทาง ไหนจะเร่งตรวจคัดกรองคอลัมน์ต่าง ๆ แล้ว เธอยังต้องแบ่งเวลามาเทรนงานน้องใหม่เพื่อให้มีความพร้อมมากพอสำหรับการลงสนามจริงโดยไม่มีใครประกบอีกด้วย

   
รู้อยู่หรอกว่าไม่ชอบขี้หน้ากันสักเท่าไหร่ แต่แค่เธอถูกพี่ชายเขาบอกเลิกก็น่าจะสาแก่ใจแล้วไม่ใช่หรือ?

   
ยิ่งคิดก็ยิ่งหัวเสีย ดาวบอกได้เลยว่าตอนนี้เธอเลยคำว่าหงุดหงิดมาไกลมากแล้ว เธอในตอนนี้อารมณ์ยิ่งกว่าผู้หญิงช่วงมีประจำเดือนเสียอีก เธอพร้อมที่จะอาละวาดทันทีที่มีอะไรมาขวางหูขวางตา


และแน่นอนว่าภาระงานที่มากมายและเร่งด่วนทำให้เธอไม่มีเวลาเสียใจกับการถูกผู้ชายเฮงซวยคนหนึ่งทิ้งได้ เสร็จสิ้นจากการอ่านงานลูกน้องและแก้ไขกลับไปด้วยหมึกสีแดงเต็มหน้ากระดาษแล้วก็ได้เวลาตรวจงานใหญ่อีกงานหนึ่ง คำถามไม่กี่ข้อในหน้ากระดาษเอสี่ดูน่าเอ็นดูพอกันกับเจ้าของงานที่นั่งหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ตรงหน้า หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกอย่างเงียบ ๆ พยายามคุมอารมณ์ตนเองเต็มที่เพื่อไม่ให้เผลอไปลงกับเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แค่นี้รณณ์ก็ได้รับผลกระทบจากการกระทำสุดแสนเอาแต่ใจของบก.งี่เง่านั่นพอแล้ว

   
“ผมไม่แน่ใจว่ามันจะดีพอรึยังครับ” เด็กหนุ่มหลบหน้าหลบตาพูดอ้อมแอ้ม ท่าทางไม่มั่นใจยิ่งทำให้เธอนึกเป็นห่วง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ได้เอ่ยปลอบอะไรออกไป เธอเพียงแค่ทำหน้าที่ของตัวเองก่อน นั่นก็คือการอ่านคำถามที่รณณ์คิดมา

   
อืม…รณณ์คงเป็นคนไม่ชอบอยากรู้เรื่องคนอื่น

   
“พี่ว่า…คำถามมันดูไม่ครอบคลุมสิ่งที่บอกอเขาอยากรู้นะ”

   
รณณ์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ หมดคำจะพูดนอกจากเงียบรอฟังคำแนะนำ หนึ่งวันกับหนึ่งคืนหมดไปกับการคิดคำถามเพื่อไปสัมภาษณ์พิธีกรชื่อดังแต่ก็ได้ออกมาเพียงแค่ห้าข้อเท่านั้น


ปริมาณไม่มี คุณภาพยิ่งไม่ต้องพูดถึง


“คำถามที่รณณ์คิดมามันยังกว้างเกินไป สิ่งที่คนอ่านเขาอยากรู้หรือที่เราอยากนำเสนอมันยังไม่ถูกดึงออกมาจากคำถามพวกนี้”


“แล้วผมควรทำยังไงดีครับ”


“รณณ์รู้จักคุณภพไหม?”


“รู้จักครับ ผมชอบดูรายการนั้นมากเลย” รณณ์หมายถึงรายการชื่อดังที่แจ้งเกิดให้กับพิธีกรวัยหนุ่มรูปหล่อว่ามีดีด้านความสามารถไม่แพ้หน้าตา พิธีกรที่กำลังกลายเป็น ‘สามีแห่งชาติ’ ของสาวไทยเกือบทั้งประเทศ


“แล้วรู้ไหมว่าเขาเป็นคนยังไง”


คำถามนี้ทำเอาคนเด็กกว่าเงียบ แม้จะไม่รู้เรื่องการสัมภาษณ์เพื่อมาเขียนคอลัมน์นัก แต่เขาไม่ใช่คนโง่ รณณ์หัวไวพอที่จะรู้ว่าตนพลาดที่ลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท


หาข้อมูลของคนที่เราจะไปสัมภาษณ์


“พื้นฐานเดิมคุณภพเป็นคนประหยัดคำพูด เขาจะพูดเท่าที่จำเป็น ถ้าคำถามไม่ลึกพอ อย่าหวังว่าเขาจะเล่าหรือพูดออกมาเอง เพราะฉะนั้นอยากรู้อะไรก็ต้องถามให้หมด ถ้าเขาเล่าเกินกว่าที่ถาม ก็ถือเป็นเรื่องดี เราตัดคำถามที่ลิสต์ไว้ทิ้งได้ แต่ถ้าเขาไม่เล่า แล้วตอนนั้นเราคิดไม่ทัน เราจะพลาดการเก็บข้อมูลสำคัญไปนะ”


“เข้าใจแล้วครับ ผมจะไปคิดมาใหม่”


ดาวยิ้มให้กำลังใจ “ถ้าเป็นคนที่มีประสบการณ์แล้ว พี่ก็คงให้ลิสต์มาแค่คำถามแบบเนื้อเน้น ๆ แต่สำหรับรณณ์ที่ยังไม่เคยทำแบบนี้ พี่อยากดูพวก small talk ด้วย จะได้ช่วยคัดช่วยกรองให้ว่าเรื่องไหนควรพูดเรื่องไหนควรเลี่ยงเพื่อความเหมาะสม”


“ครับ ผมจะกลับไปเขียนมาใหม่” เด็กหนุ่มรับคำด้วยแววตาที่เป็นประกาย เธอมองดูแล้วก็เบาใจที่รณณ์เป็นคนไม่หมดหวังง่าย ๆ เด็กหนุ่มสร้างกำลังใจให้ตัวเองได้อย่างรวดเร็วจนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในใจ


“พี่รู้ว่าเรากดดัน แต่ไม่ต้องเครียดนะ พี่ ๆ ทุกคนพร้อมจะช่วยรณณ์เสมอ”


เผยยิ้มพิมพ์ใจส่งท้ายหลังจบคำขอบคุณของอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นด้วยความกังวลใจ


。。。。。
      


DEAN @DEANada . 4d
จีบไม่เป็น ต้องทำไง



   
ดีนไม่เคยมีประสบการณ์ในการจีบใคร ประสบการณ์การถูกจีบนั่นก็ด้วย ทักษะในการเกี้ยวพาจึงต่ำเตี้ยจนเกือบติดดิน แม้จะมีหน้าตา ฐานะทางสังคมเป็นตัวดึงดูดชั้นดี แต่มันก็เสียของอย่างที่คนรอบข้างได้กล่าวไว้อยู่บ่อยครั้ง เพราะดีนเป็นดีน จึงไม่มีใครอยากเข้าใกล้เขานัก สาว ๆ หลายคนที่ชอบเลยไม่กล้าเข้ามาตีสนิทด้วยสักเท่าไหร่ ถึงกล้าเข้าหาก็จะโดนตอกกลับไปอย่างไม่แยแสอยู่ดี ดีนจึงไม่รู้ว่าจีบเป็นแบบไหน หากจะเข้าหาใครสักคนแล้วไม่ถูกปฏิเสธต้องทำอย่างไร

   
‘ทำอย่างที่ใจมึงต้องการ’

   
คำแนะนำห้วน ๆ จากที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ไม่ได้ช่วยให้เขาหาทางออกได้เลยสักนิด อะไรกันล่ะที่ใจต้องการ อยากกอดก็กอดเลย อยากจูบก็จูบเลย หรือว่าอยากนั่งมองหน้าเปื้อนยิ้มนั่นทั้งวันก็ทำได้เลยอย่างนั้นหรือ?


โรคจิตชะมัด!


ดีนระบายความอึดอัดใจโดยการทวีตข้อความลงบนทวิตเตอร์ และนั่นต่างหากที่ทำให้เขาได้คำตอบ


หลายคนที่ตามเขามาหลายปีต่างก็เมนชั่นมาแสดงความคิดเห็นกันต่าง ๆ นานา บางคนตกใจระคนตื่นเต้นไปกับเขา บางคนรอดูเขามีความรัก บางคนแนะวิธีให้เสร็จสรรพ ขณะที่บางคนถึงกับแนะนำ ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ด้านความรักให้รู้จักกันเลยทีเดียว


หลายสิบข้อความที่ตอบเข้ามาในกล่องเมนชั่นถูกไล่อ่านทีละน้อยอย่างใช้ความคิด แต่มีหนึ่งความคิดเห็นที่เขามองว่า ‘เข้าท่า’ ที่สุด อย่างน้อยก็น่าจะทำได้ง่ายที่สุด…


…หาโอกาสอยู่ด้วยกันสองคน…


นั่นจึงเป็นที่มาของการใช้อำนาจในทางที่ผิดอีกครั้งหนึ่งโดยการยกเลิกเรื่องเก่าที่รณณ์เคยเขียนไว้แล้วออกคำสั่งผ่านทางหัวหน้าแผนกนั้นไปว่าให้เด็กฝึกงานสัมภาษณ์พิธีกรชื่อดังเกี่ยวกับประเด็นความชอบตามธีมหลักของเล่ม และจะใช้งานนี้ในการประเมินการฝึกงานของเด็กหนุ่มด้วย ปิดท้ายคำสั่งนั้นด้วยการบอกว่าเขาจะเป็นคนพารณณ์ไปสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง


คืนก่อนเขาโทร.ไปถามว่ารณณ์เสียใจไหมที่งานเขียนเรื่องเก่าที่เจ้าตัวตั้งใจจะให้ตีพิมพ์กลับถูกปฏิเสธอีกครั้ง รณณ์ตอบกลับมาเพียงแค่ว่าเสียใจนิดหน่อย ถ้าหากไม่ได้ยินเสียง เขาก็คงจะไม่เชื่อตามนั้น แต่เพราะน้ำเสียงที่ตอบกลับมาไม่ได้เศร้าหมองจนน่าเเป็นห่วง อีกทั้งเจ้าตัวยังยกเหตุผลประกอบมาด้วยความร่าเริงอีกด้วยว่าดีเสียอีกที่จะได้ลองทำอะไรแปลกใหม่ดูบ้าง


‘เด็กดี’


ใจชื้นจนเผลอเรียกออกไปแบบนั้นให้อีกฝ่ายแย้งกลับมาเสียงอ้อมแอ้มว่าตนไม่ใช่เด็กแล้ว หรืออย่างน้อยก็ไม่ได้เด็กกว่าเขามากเสียหน่อย ดีนก็ได้แต่หัวเราะขำขันเมินเสียงง้องแง้งของอีกฝ่ายไปเสีย


น่าแปลกเหลือเกินที่ดีนคุยโทรศัพท์กับใครคนหนึ่งได้นานเป็นชั่วโมงทั้งที่ไม่ใช่คนคุยเก่งและออกจะเบื่อเสียด้วยซ้ำกับการสนทนานาน ๆ แต่กับรณณ์ ทั้งเรื่องมีสาระและไม่มีสาระกลับทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลินไม่รู้เบื่อ ไม่มีเลยสักวินาทีเดียวที่จะรู้สึกว่าอยากวางสาย หรือพยายามหาคำพูดดี ๆ มาตัดบทสนทนา มันมีแต่จะยืดยาวออกไป หากไม่ติดว่าอีกฝ่ายต้องการสมาธิในการคิดงานที่เขามอบหมายไว้ บางที…ดีนอาจได้รู้จักการหลับคาโทรศัพท์เป็นครั้งแรก

.

.

.

วันนี้รณณ์ไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาอย่างทุกวัน เพื่อความน่าเชื่อถือว่าไม่ได้เป็นมือสมัครเล่น ร่างสูงโปร่งจึงทำตามคำแนะนำของรุ่นพี่ในแผนก เสื้อเชิ้ตสีกรมที่ขับผิวขาวสะอาดให้ยิ่งผ่อง เปลี่ยนจากกางเกงสแล็คเป็นยีนส์เดฟสีซีดดูสมกับเป็นคอลัมนิสต์หัวศิลป์แต่ก็ยังสุภาพให้เกียรติแขกรับเชิญ ดูดีทีเดียวในสายตาของดีน


ดีนเลือกนัดคู่สัมภาษณ์ตอนบ่ายสองเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการชวน ‘เด็กดี’ ออกมาทานอาหารกลางวันข้างนอกด้วยกัน มิหนำซ้ำยังวางแผนไว้ด้วยว่ากว่าจะสัมภาษณ์เสร็จสิ้นทุกกระบวนการก็คงได้เวลามื้อเย็นพอดี ถือเป็นการใช้เวลาร่วมมื้ออาหารกันถึงสองมื้อในหนึ่งวัน


รณณ์เลือกร้านอาหารไทยที่ตั้งบนเส้นทางสู่จุดนัดหมายในตอนบ่าย เห็นหน้าอ่อนใสแบบนี้แต่ทานเผ็ดมากกว่าที่ดีนคิด คนช่างสังเกตจดจำรายละเอียดจากการมองบ้างสอบถามบ้างทำให้รู้ว่ารณณ์ชอบอาหารไทยรสจัด ยิ่งอาหารใต้ก็ยิ่งโปรด และค่อนข้างจะเบื่ออาหารทะเลนิดหน่อยเพราะบ้านเกิดอยู่ชลบุรี ผิดกันกับเขา อาหารเผ็ดก็พอทานได้ แต่ไม่ถูกปากนัก ยิ่งเครื่องเทศจัด ๆ ยิ่งไม่ใช่ทาง ก็เขามันเชื้อตะวันตกผสมจีน รสจัด ๆ แบบที่คนไทยส่วนใหญ่ชอบกันมันระคายกระเพาะจนเพื่อนฝูงหาว่ากระแดะกันมานักต่อนักแล้ว


“คุณดีนน่าจะแย้งตอนที่ผมเลือกร้านอาหารไทยนะครับ” เพราะคุณดีนไม่เคยอัพเดทเกี่ยวกับรสนิยมด้านอาหารลงทวิตเตอร์หรืออินสตราแกรม รณณ์จึงไม่รู้ว่าดีนชอบทานอาหารประเภทไหน พออีกฝ่ายให้เขาเลือกร้าน เขาจึงเลือกร้านอาหานไทย เพราะเผลอคิดแทนอีกฝ่ายว่าผู้ชายวัยกลางคนอย่างเรา ๆ น่าจะอยากทานอะไรที่เป็นข้าวในมื้อกลางวันเพื่อเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญ แต่ดูจากท่าทางที่ไม่ค่อยเจริญอาหารของคุณดีนแล้ว ต่อมรู้สึกผิดของเขาก็เริ่มทำงานจนพาลให้ความอยากอาหารลดลงตามไปด้วย


“ผมขอโทษที่เอาแต่ใจ”


“คุณไม่ผิดหรอก ผมตามใจคุณเองต่างหาก” ใช่จะอยากเอาใจ แต่เขาเป็นคนง่าย ๆ เรื่องอาหารการกินอยู่พอสมควร จะพิถีพิถันอยู่ก็แค่กาแฟเท่านั้น อาหารไทยก็ใช่ว่าจะทานไม่ได้ พวกรสชาติจืด ๆ หรือไม่เผ็ดมากนี่ก็อร่อยใช้ได้ทีเดียว


“ทำไมต้องตามใจผมละครับ คุณควรตามใจตัวเอง” รณณ์ถามกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง จากหน้าหงอด้วยความเกรงใจเมื่อครู่กลายเป็นคนที่กล้ามองสบตาไม่ลดละแล้ว


“อย่ากังวลไปเลย ผมก็เป็นคนแบบนี้แหละ อยากตามใจคนอื่นตอนไหนก็จะตามใจ เรื่องฝืนใจน่ะ ไม่มีหรอกนะ”


“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าตามใจผมบ่อยนักนะครับ ผมเกรงใจ”


…คงได้เกรงใจกันจนเหนื่อยล่ะ…


“ไม่รับปากหรอกนะ” มุมปากแต้มยิ้มบางปิดบทสนทนาก่อนเชื้อเชิญให้ทานอาหารกันต่อดังเดิมโดยไม่สนใจท่าทางงุนงงของอีกฝ่ายเลยสักนิด

.

.

.

“ตื่นเต้นหรือ?”


นัยน์ตาคมเหลือบมองคนที่นั่งเบาะหน้าคู่กันมาสลับกับถนน เห็นมาสักพักแล้วว่าอีกฝ่ายนั่งกุมมือเสียแน่นจนน่ากลัวว่ามันจะบีบกันจนเจ็บระบม


“ถ้าตอบว่าใช่ คุณจะผิดหวังในตัวผมไหมครับ”


ดีนเผยยิ้มบาง เริ่มลังเลว่าท่าทีกังวลแกมประหม่าที่สื่อออกมาจากถ้อยคำและน้ำเสียงหรืองานใหญ่งานแรกกันแน่ที่กำลังทำให้เด็กนี่ตื่นเต้น


“ในฐานะบอกอ ผมคงตอบว่าไม่ เพราะนี่เป็นงานแรกของคุณ แต่ก็อยากจะบอกว่าผมคาดหวังกับผลของมันไว้เยอะพอสมควร”


รณณ์กลืนน้ำลายหนืดลงคออย่างยากลำบาก น่าแปลกทั้งที่มันเป็นของเหลวในร่างกายตัวเองแต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกบังคับให้กลืนยาขมลงไป


“…แต่ในฐานะคุณดีนของคุณ ผมก็ยังยืนยันที่จะตอบว่าไม่ และอยากจะบอกว่าอย่ากังวลนักเลย คุณเตรียมตัวมาดีแล้ว แค่ทำมันให้เต็มที่ ถ้าหากเกิดอะไรที่เกินจะควบคุมได้ ขอให้รู้ไว้ว่ามีผมอยู่ทั้งคน ไม่ต้องกลัว”


รณณ์เชื่อว่าคุณดีนพูดจริง นัยน์ตาคู่นั้นที่ส่งมาพร้อมรอยยิ้มเปิดเผยไม่เคยโกหก มันทำให้เขารู้สึกดีเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นสองมือที่กุมกันไว้บนหน้าตักก็ยังไม่คลายออกจากกัน


“พูดถึงขนาดนี้แล้วยังตื่นเต้นอยู่อีกเหรอ?” ดีนยื่นมือข้างหนึ่งไปวางทับมือบางคู่นั้นไว้ ออกแรงบีบเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจด้วยหวังว่ามันจะคลายออกก่อนที่เจ้าของจะบีบมันแน่นไปมากกว่านี้ ทว่าเขากลับรู้สึกถึงแรงสั่นของมันเป็นการเปลี่ยนแปลงต่างจากที่หวังไว้


“เป็นอะไรไป มือสั่นเป็นเจ้าเข้า”


คนที่ทำหน้าที่ขับรถหันมองเด็กหนุ่มข้างกายด้วยความเป็นห่วง ยังไม่ทันได้รับคำตอบเป็นคำพูดก็ได้รับความกระจ่างจากอวัจนภาษาที่ฉายชัดบนใบหน้าอ่อนใสนั้นแล้ว


ดีนอาจไม่ถนัดเรื่องเกี้ยวพา แต่ก็ไม่โง่ที่จะดูไม่ออกว่าพวงแก้มแดงระเรื่อทั้งที่ห้องโดยสารก็เปิดแอร์เย็นขนาดนี้คืออาการของคนเขินกัน สาเหตุก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากมือเขาที่ยังวางทับมือของเจ้าตัวไว้ ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ปฏิเสธสัมผัสของเขาหรือมีท่าทีรังเกียจ เห็นแบบนี้แล้วก็อยากจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เนียนวางมือไว้อย่างนั้นอย่างที่แรมบอกไว้ว่า ‘ทำอย่างที่ใจมึงต้องการ’ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีอย่างอื่นที่ใจต้องการมากกว่าเสียแล้ว ในเมื่อพวงแก้มสุกปลั่งนั่นยั่วยวนใจให้ต้องปล่อยมือคู่นั้นไปบีบแก้มอีกฝ่ายเล่นด้วยความหมั่นเขี้ยวแทน


“อื้อ~~~” คนถูกประทุษร้ายส่งเสียงประท้วงเรียกเสียงหัวเราะจากคนกระทำได้ไม่น้อย “แกล้งกันทำไมละครับเนี่ย” เขินก็เขิน แต่ความอยากโวยวายมันมีมากกว่า เพราะอย่างน้อยมันก็ช่วยกลบความอายได้มากทีเดียว


“ก็อยากให้ผ่อนคลาย” พูดแล้วก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับหนทางข้างหน้า


หัวใจเต้นแรงกว่าเดิมแบบนี้ เขาไม่เรียกว่าผ่อนคลายหรอกครับ!

.

.

.

เหลือเวลาอีกสิบห้านาทีก่อนเวลานัดหมายในตอนที่สองหนุ่มมาถึงร้านกาแฟหรูย่านท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ดีนจอดรถแล้วก็เอี้ยวตัวไปเบาะหลัง หมายจะหยิบกล้องตัวใหญ่คู่ใจที่ตั้งใจจะนำมาถ่ายรูปแขกคนพิเศษด้วยตัวเอง ในจังหวะที่จะหมุนตัวกลับมาจึงได้เห็นว่าเด็กหนุ่มที่นั่งมาด้วยกันยังนั่งนิ่งไม่ไหวติงในท่าเดิมกับตอนที่ถูกเขาแกล้งไป


“อะไรกัน ยังตื่นเต้นอยู่อีกเหรอ?”


“ก็นิดนึงแหละครับ”


“มา ผมช่วย”


“เห้ย! ไม่ต้องครับ ผมโอเค ๆ” ขืนปล่อยให้ช่วยแบบที่ทำก่อนหน้านี้มีหวังเขาได้ตื่นเต้นหนักกว่าเดิมแน่ หัวใจตัวเองรึก็แปลก จะเต้นแรงอะไรนักหนาเวลาอยู่กับผู้ชายคนนี้


นับวันจะยิ่งชื่นชอบเขามากเกินไปเสียแล้วไอ้รณณ์เอ๋ย

.

.

.

เป็นครั้งแรกที่ดีนรู้สึกเหมือนตัวเองตัดสินใจผิดพลาด…


หาเรื่องให้ออกมานอกสถานที่เพื่อจะได้มีโอกาสใช้เวลาอยู่ด้วยกัน มันก็ได้จริงอย่างที่หวังอยู่หรอก แต่ของแถมที่ไม่พึงประสงค์อย่างสายตาพึงพอใจในตัวคอลัมนิสต์ฝึกหัดของแขกผู้มีเกียรตินี่สิ


ไม่โอเค!


คุณดีนไม่โอเค รณณ์รับรู้ได้แม้จะตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับแขกตรงหน้า แต่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเอาใจไปจดจ่ออยู่กับเจ้านายที่นั่งเงียบมาตั้งแต่จบประโยคแนะนำตัวแสนเรียบเมื่อสิบนาทีก่อน


ความจริงแล้วคุณดีนไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าอะไร มองผ่าน ๆ ก็เหมือนหน้าตาปกติที่คุณดีนชอบทำ แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติ ใช่ว่าตอนที่อยู่ด้วยกันจะไม่มีช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่างเงียบ แต่มันก็เป็นความเงียบที่รู้สึกปลอดภัยไม่อึดอัด ต่างกับตอนนี้ที่เหมือนมีรังสีของความขุ่นข้องอะไรบางอย่างแผ่กระจายออกมารอบตัวของร่างสูง


หรือเขาจะทำได้ไม่ดีพอ?


คุณดีนต้องไม่พอใจเรื่องนี้แน่ ๆ เลย


คิดได้อย่างนั้นก็รีบเอาใจมาจดจ่ออยู่กับคู่สนทนาตรงหน้าถามบ้างก้มลงจดบ้างในประเด็นสำคัญ ส่วนประเด็นปลีกย่อยอื่น ๆ อาศัยให้เทคโนโลยีช่วยจำ


ไม่ต้องเป็นพวกนิยมชมชอบเพศเดียวกัน ภพก็ยังคิดว่าคอลัมนิสต์หน้าเด็กของนิตยสารไลฟ์ดึงดูดสายตาอยู่ไม่น้อย หน้าตาอาจไม่ได้สวยหวานหรือน่ารักเสียทีเดียว ดูบอย ๆ ในแบบเด็กผู้ชายหล่อคนหนึ่ง แต่ผิวพรรณสะอาดสะอ้านนั่นก็เสริมให้มีเสน่ห์มากทีเดียว


จริง ๆ แล้วออกจะน่ามองจนไม่อาจละสายตาได้เลยด้วยซ้ำ


การสัมภาษณ์ก็เป็นไปตามธรรมชาติ แม้จะมีท่าทีตื่นเต้นประหม่าอยู่บ้างแต่ก็นะ ไอ้การสะดุดบ้าง ไม่ลื่นไหลบ้างนั่นก็ยังดูเป็นธรรมชาติได้อย่างน่าเอ็นดู สุ้มเสียงทุ้มน่าฟังจนเผลอหลงลืมคำถามเดือดร้อนเจ้าตัวต้องเอ่ยซ้ำอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีท่าทีไม่พอใจเขาเลยสักนิด


“ทานอาหารเย็นร่วมกันก่อนกลับนะครับ” ภพเอ่ยชวนหลังจากที่ดีนถ่ายรูปของตนในมุมต่าง ๆ เพื่อนำไปประกอบคอลัมน์ปิดท้ายการสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว


“ขอโทษที่ต้องบอกปฏิเสธ พอดีพวกผมมีงานกันต่อ ขอโทษจริง ๆ นะครับ” ท่าทางสุภาพนอบน้อมจากคนเป็นนายคงทำให้คนชวนเชื่อได้ แต่กับรณณ์ที่รู้ดีว่าเนื้อความนั้นปนคำปดกลับยืนนิ่งตีหน้ายุ่ง ไม่คิดจะเสริมคำอีกฝ่ายให้มีน้ำหนักมากขึ้นแต่อย่างใด


“แต่นี่เย็นมากแล้วนะครับ ยังมีงานกันต่ออีกเหรอเนี่ย” ภพหน้าเศร้า หันมองคอลัมนิสต์หน้าเด็กด้วยความเป็นห่วง “วันนี้คุณรณณ์เหนื่อยแย่เลยสินะครับ”


“ไม่หรอกครับ สนุกดี” ตอบกลับไปแล้วก็ยิ้มปิดท้ายเสียหน่อย อีกฝ่ายจะได้ไม่รู้สึกว่าเราตัดขาดไมตรีต่อกันเสียทีเดียว แค่ปฏิเสธจะร่วมมื้อเย็นด้วยกันก็น่าเกลียดพอแล้ว แต่รณณ์ไม่รู้เลยว่าการทำแบบนั้นยิ่งทำให้ดีนอยากจะทำในสิ่งที่ ‘น่าเกลียด’ มากกว่าเมื่อครู่เสียอีก


“พวกผมคงต้องขอตัวกลับก่อน ขอบคุณคุณภพที่สละเวลามาให้เราสัมภาษณ์นะครับ”


เสร็จสิ้นคำลา ดีนไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ทันแม้แต่จะขอช่องทางการติดต่อกับรณณ์เลยสักนิด กายโปร่งบางปลิวตามแรงฉุดรั้งจนมาถึงรถคันหรู เมื่อนั่งประจำที่กันได้เรียบร้อยแล้วดีนก็ไม่รอช้าที่จะพายานยนต์ทะยานออกสู่ถนนใหญ่

.

.

.

เกลียดตัวเองจริง ๆ


ทำไมเก็บอารมณ์ไม่อยู่เสียได้ ทั้งที่เคยนิ่งสงบได้ตลอด เรื่องทำสงครามประสาทตีหน้านิ่ง ๆ เรียบเฉยเคยเป็นเรื่องยากสำหรับเขาเสียที่ไหน แต่แค่ได้เห็นว่าคนอื่นพอใจ ‘คนของตน’ เหมือนกันก็ถึงกับคุมตัวเองไว้ไม่อยู่


ไหนจะความรู้สึกที่ไม่อยากให้รณณ์ถูกจ้องมองจากคนอื่นนั่นอีกเล่า ยังไม่รวมถึงรอยยิ้มสดใสราวกับโลกทั้งใบไม่เคยหม่นหมองนั่นอีก ไม่ชอบเลยที่คนอื่นได้เห็นความน่ารักของเด็กคนนี้ ไม่อยากให้ใครได้เห็นรณณ์ในแบบที่ตนเห็น


อาการแบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกกันว่า ‘หึงหวง’


ทำไมดูเห็นแก่ตัวจังวะ!?


“ผมทำได้ไม่ดีพอใช่ไหมครับ?” ออกมาจากคาเฟ่หรูได้สักพักแล้ว แต่คุณดีนก็ยังไม่โอเค จังหวะการหายใจเร็วและแรงบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่พอใจอะไรบางอย่างอยู่ รณณ์เดาเอาว่าน่าจะเป็นสิ่งเดียวกับตั้งแต่ที่เขาเริ่มสัมภาษณ์พิธีกรชื่อดัง


“หือ?” เหมือนจะเพิ่งได้สติตอนที่อีกคนเอ่ยถามขึ้นมา ดีนหันไปมองแวบหนึ่งให้รู้ว่าตนสนใจฟังอยู่


“คุณดีนดูไม่พอใจตลอดเวลา…”


“…”


“…ตั้งแต่ที่ผมเริ่มสัมภาษณ์”


ดีนเม้มริมฝีปากเพื่อกลั้นยิ้ม “สังเกตด้วยหรือ?”


“ผมสัมผัสได้ครับ”


“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรู้สิว่าผมไม่พอใจตั้งแต่ที่เขายื่นมือมาจะเช็คแฮนด์กับคุณแล้ว”


“คุณดีน…ไม่ชอบเขาเหรอครับ”


เด็กหนอเด็ก ขณะที่เขาหึงหวงแทบตาย แต่รณณ์ยังเข้าใจว่าเป็นเพราะความไม่ชอบพอกันส่วนตัวได้อีก แต่ไหนเลยจะขัดให้ไก่ตื่น ยอมตามน้ำอือออกับเขาไปก่อนแล้วกัน


“นี่เป็นเหตุผลที่คุณปฏิเสธดินเนอร์กับเขาด้วยรึเปล่าครับ”


ดีนตอบด้วยเสียงครางในลำคอเหมือนเด็กไม่กล้ายอมรับผิด

   
รณณ์กลั้นขำ เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าคุณดีนมีนิสัยเด็ก ๆ กับเขาเหมือนกัน


“ผมผิดเหรอที่อยากทานข้าวกับคุณแค่สองคน”

   
รอยขบขันบนริมฝีปากจางหายไปจนทำให้ใบหน้าหล่อใสเรียบนิ่ง ทว่าภายในใจกลับไม่ใช่เลยสักนิด พวงแก้มสีระเรื่อนั่นไงคือสิ่งที่ประจานความรู้สึกทั้งหมดแก่สายตาคนมอง

   
“ว่าไงล่ะ ผมผิดรึเปล่า” ถามจี้ซ้ำอย่างนึกสนุก ยิ่งเห็นท่าทางอ้ำอึ้งก็ยิ่งอยากลองใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

   
“มะ ไม่ผิดหรอกครับ”

   
“ก็หมายความว่าทำถูก?”

   
นัยน์ตาสุกใสลอกแลก ไม่ตอบคำถาม แต่กลับเบี่ยงประเด็นออกไปเสียเอง “ทำไมคุณดีนถึงไม่ชอบคุณภพละครับ เขาออกจะนิสัยดี เป็นกันเองไม่ถือตัวสักนิด ความคิดความอ่านเป็นสุภาพบุรุษมาก ๆ เลยนะครับ สมาร์ทสุด ๆ ของรักของชอบก็เก๋เท่จนคาดไม่ถึงเลยว่าคนอย่างเขาจะเคยชอบอะไรแบบนี้ด้วย…”


“ชอบเขาหรือไง?” ดีนขัดขึ้นก่อนที่จะได้ยินคำสรรเสิญอีกฝ่ายให้ระคายหูไปมากกว่านี้


“ห๊ะ ครับ?”


“ถามว่าชอบเขารึไง” ดีนอาศัยช่วงที่รถติดไฟแดงตรงสี่แยกใหญ่พอดีหันมองคนข้างกายเต็มตา เมื่อครู่หันมองตัวเลขสีแดงที่ปรากฎบนป้ายเหนือระดับสายตาทำให้รู้ว่าเขามีเวลาเยอะถึงสองนาที


“ครับ ผมชอบนะ”


“แบบคนรัก”


“เห้ย!! ใครมันจะไปคิดแบบนั้นด้วยละครับ”


“แล้วกับผมล่ะ”


“คะ ครับ คุณดีนว่าไงนะครับ”


“ถ้าไม่คิดกับเขา แล้วคุณคิดกับผมรึเปล่า” รณณ์หรี่ตามอง ยังตกใจไม่หายกับคำถามตรงไปตรงมาแบบนั้น แต่ก็ยังมีสติพอที่จะวิเคราะห์จุดประสงค์ที่แท้จริงของคำถามนั้น คุณดีนถามเพราะสงสัยอะไรในความรู้สึกของเขา หรือถาม…เพราะอยากรู้ว่าคิดเหมือนกันหรือเปล่า


เดี๋ยวนะ!


“ถามเหมือนจีบเลยนะครับ”  รณณ์พูดติดตลกทีเล่นทีจริง แต่คำตอบเกินคาดที่ได้รับสวนกลับมาทำให้เสียงหัวเราะน้อย ๆ ถูกตัดฉับราวกับมีใครมากดปุ่มหยุด


“นี่ผมแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?” ให้ตายเถอะ! นึกว่าแนบเนียนไม่กระโตกกระตากแล้ว ทำไมเด็กนี่ยังล่วงรู้ความคิดของเขาได้อีก


ใบหน้าอ่อนใสร้อนผะผ่าว นึกถึงทวีตของอีกฝ่ายเมื่อหลายวันก่อนแล้วก็ยิ่งร้อนหน้ามากขึ้นจนแทบไหม้


‘จีบไม่เป็น ต้องทำไง’


คนที่คุณดีนจะจีบคือเขาจริงหรือ? แล้วควรจะรู้สึกยังไงวะ?


…วันก่อนบอกขอเป็นเพื่อน วันนี้มาบอกว่าจีบ…


“จะ จะ จีบผมจริงเหรอครับ”


“อื้ม ได้รึเปล่าล่ะ”


“…”


“รังเกียจความรู้สึกของผมไหม”


“มะ ไม่ครับ” ไม่อยากให้คุณดีนเข้าใจว่ารังเกียจกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบรับกลับไปอย่างไร เขาไม่เคยคาดคิดอะไรแบบนี้ อย่าว่าแต่จะถูกคุณดีนจีบ ชีวิตนี้ยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเข้ามาจีบมาก่อนเลยด้วยซ้ำ


“หมายความว่าจีบได้?”


“…” …ไม่รู้



“ยังไงก็ช่วยให้ความร่วมมือกันด้วยล่ะ ผมน่ะ…จีบใครไม่เป็นหรอกนะ










TBC.
---------------------------------------------------------
หายหน้าไปนานจนคนอ่านลืมคุณดีนกับน้องรณณ์ไปหมดแล้วม้างงงง
น้องรณณ์เป็นโรคติดอ่างไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและคำติชมทั้งหลายนะคะ

#ไม่ดิ้นรนหา

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-06-2017 00:38:50
โถ พ่อหนุ่มหัดจีบ (หนุ่ม) จาก ไม่ดิ้นรนหา พอมีคนมามองหนุ่มน้อยที่หมายตาก็จะมีคนกระสับกระส่ายบ้างละงานนี้
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 24-06-2017 00:44:51
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sahatsawat ที่ 24-06-2017 00:58:02
มาแล้ววววว. คิดถึงง :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 24-06-2017 01:19:59
คุณกัน เดี๋ยวนะ อะไรคือขอความร่วมมือจากคนโดนจีบ ฮ่าๆ แต่ ณ จุดนี้ น้องรณณ์คงพร้อมยิ่งกว่าให้ความร่วมมือแล้วมั้งคะ ><
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-06-2017 01:25:30
 :man1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 24-06-2017 01:56:36
พี่ดีนขี้หวงจริงๆเล้ยยย ขนาดยังไม่ได้เป็นอะไรกะน้องนะเนี่ย
ละพี่ดีนจะจีบน้องนี่บอกกันโต้งๆงี้เลยหราา ละยังมาบังคับเค้าให้ร่วมมืออีก5555555555555
แต่พี่ดีนที่เป็นแบบนี้ก็น่ารักมากๆเลย ฮือออออ สู้ๆนะพี่
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-06-2017 02:27:25
นี่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันยังหวงขนาดนี้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 24-06-2017 07:52:04
เล่นขอความร่วมมือขนาดนี้ น้องก็รีบตกลงแล้วกันนะเดี๊ยวคุณพี่เค้าจะไปเขมือบหัวใครซะก่อนเพราะความหึง   :-[ลง
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: eeroww ที่ 24-06-2017 09:30:33
ทำไมพ่อหนุ่มหัดจีบถึงหึงหวงได้น่ารักขนาดนี้  :-[
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-06-2017 13:27:55
 :-[ :-[ :o8:
เขิลลลล
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 24-06-2017 19:35:25
เขินคุณดีน  :-[ :-[
ถามกันตรงๆแบบนี้ ถ้าเราเป็นน้องรณณ์นี่คงตอบตกลงไปแล้ว โอ้ยยนยย
นี่คุณดีนยังไม่ได้จีบเหรอคะ ดิฉันคิดว่าจีบติดไปแล้วนะคะเนี่ย  :ling1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-06-2017 21:27:44
มาแว้ววววว
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 24-06-2017 21:46:08
คุณดีนคะ ตรงไปไหมคร้าาาาาา >\\\\\\\<
จีบก้อบอกว่าจีบเลยอ่ะ ฮ่อลลลล
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 01-07-2017 05:30:03
โอ้ย อยากจะตีคุณดีนด้วยความหมั่นไส้ บ้าที่สุดผู้ชายคนนี้
ทั้งขำทั้งเขิน แล้วทีนี้น้องรณณผืจะเป็นยังไงต่อไป แยกออกหรือยังว่าแค่ปลื้มพี่เขาแบบไอดอล หรือว่าชอบเขาแบบคนรัก  :hao3:

รออ่านเสมอนะคะ ชอบมากเลย :hao5:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 10-07-2017 16:57:34
คิดถึงคุณดีนแล้วววววววว :ling1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 11 [24/06/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-07-2017 17:10:35
 :katai1: :katai1:

มาไหมมมวันนี้ พลีสสสสสส :ling1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 12 [18/07/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 18-07-2017 23:54:31

ห า กั น จ น เ จ อ

ตอนที่ #12







   
คุณดีนคงจะจีบใครไม่เป็นจริงอย่างที่ออกตัวไว้ ก็จะมีใครที่ไหนบ้างมาบอกกันโต้ง ๆ ทื่อ ๆ ว่าจะจีบ แล้วยังบอกให้ช่วยให้ความร่วมมือกันอีกด้วย คุณดีน!! ไม่ทันไรก็จะบังคับกันแล้วหรือ? แต่ก็ใช่ว่าคุณดีนจะข่มขู่กันเสียหน่อย ก็แค่ประโยคขอร้องแกมสั่งเรียบ ๆ เป็นเขาเองที่คล้อยตามไม่ยอมปฏิเสธออกไปจนเย็นวันนั้นจบลงที่ร้านอาหารอิตาเลียนแห่งหนึ่งด้วยท่าทีสบาย ๆ ราวกับไม่ได้เพิ่งพูดหรือทำเรื่องที่ชวนประดักประเดิดเลยสักนิด มิหนำซ้ำตอนนี้ยังมานั่งทำหน้าตาเคร่งเครียดอยู่ตรงหน้ากันในร้านกาแฟที่เคยไปนั่งเลือกรูปด้วยกันอีกด้วย  ถ้าจะบอกว่าไม่รังเกียจที่คุณดีนมาตามจีบ รณณ์ก็รู้สึกกระดากอายเกินกว่าจะยอมรับ

   
รณณ์ไม่ได้ชื่นชอบไอดอลคนอื่นเหมือนที่ชอบคุณดีน แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้จุดยืนของตัวเองมาตลอดว่าชอบเขาในแบบไหน ขอบเขตของความชอบถูกตีกรอบไว้กว้างเพียงใด เพิ่งมารู้เอาตอนที่ถูกขอจีบกันตรง ๆ นี่เองว่าเผลอใจสั่นกับคุณดีนเกินกว่าคำว่า ‘ชื่นชอบ’ ไปเสียแล้ว

   
…ไม่คิดเลยว่าจังหวะหัวใจจะมาเต้นตรงกับผู้ชาย…

   
หากแต่ว่านอกจากคำพูดในวันนั้นแล้ว คุณดีนก็ไม่ได้พูดหรือทำอะไรที่บ่งบอกถึงการ ‘จีบ’ เลยสักนิด อย่างน้อยก็ไม่ได้โจ่งแจ้งจนพาลให้รู้สึกอึดอัดใจ

   
แม้ไม่เคยรู้สึกพิเศษกับผู้ชายคนไหนมาก่อน ไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะมีความรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายด้วยกัน แต่รณณ์ก็เปิดกว้างให้ตัวเองมากพอ เขาเชื่อในความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นระหว่างคนสองคนมากกว่ากฎเกณฑ์ทางสังคมหรือธรรมชาติที่กำหนดว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงเท่านั้น

   
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง

   
บางทีอาจจะแค่หวั่นไหว เผลอไผลไปเพราะชื่นชอบเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

   
“ปกติคุณดีนดื่มกาแฟวันละกี่แก้วครับเนี่ย” พักสายตาจากหน้าจอมาบีบนวดหัวคิ้วตัวเองแล้วก็เผลอไปเห็นแก้วกาแฟของอีกคนที่สั่งมาเป็นแก้วที่สองของวันแล้วในเวลาแค่สี่ชั่วโมง เรียกได้ว่าแทบจะดื่มแทนน้ำเปล่า ขณะที่ชาเขียวเย็นของเขาถูกละเลยจนจืดชืดไปหมดแล้ว เมื่อวานงานเร่งมากจนไม่ทันได้ถาม เห็นว่าวันนี้งานใกล้เสร็จเต็มทีจึงลองถามที่สิ่งที่คาใจออกไป

   
“ถ้านั่งทำงานทั้งวันก็ประมาณสามแก้ว เช้าสอง บ่ายหนึ่ง อ้อ! หลังเลิกงานอีกหนึ่งแก้ว”

   
เห็นว่าอีกฝ่ายนั่งทำงานหน้าจอแลปท็อปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมาตั้งแต่เมื่อวาน เขาเองก็ไม่กล้าจะถามหรือเสียมารยาทชะโงกไปดู “ดื่มเยอะไปแล้วนะครับเนี่ย”

   
ดีนละสายตาจากหน้าจอมามองคนถาม ติดรอยยิ้มมุมปากบนใบหน้าคมคายก่อนเอ่ยเย้า “เป็นห่วงผมหรือ?”

   
คนถูกย้อนถามทำหน้าเลิกลั่ก “กะ ก็ต้องเป็นห่วงสิครับ เราเป็นเพื่อนกันแล้วนี่”

   
ดีนไม่ได้รู้สึกสะกิดใจกับสถานะที่ออกจากปากเด็กหนุ่มนัก รอยยิ้มมุมปากขยายกว้างจนเต็มใบหน้าเสียด้วยซ้ำ เพราะถ้าหากไม่มีวี่แววของการพัฒนาจริง เย็นวันนั้นเขาคงโดนปฏิเสธแบบเด็ดขาดไปแล้ว คงไม่จบลงที่ร้านอาหารตามวิถีถนัดของเขาบ้างหรอก

   
ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปนัก ดูเหมือนอีกฝ่ายก็พร้อมจะเรียนรู้เขาอยู่เหมือนกัน

   
“จริง ๆ แล้วผมอยากถอนคำพูดวันนั้นมากเลยนะ”

   
“วันไหนครับ!?” รณณ์ถามขึ้นทันควัน ดีนยิ้มเอ็นดู ไม่รู้ว่าเด็กนี่กำลังเตลิดไปถึงวันไหน แต่จากท่าทางตกใจแล้วก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่ารณณ์หมายถึงวันที่เขาบอกว่าจะจีบ

   
“วันที่บอกว่าอยากเป็นเพื่อนคุณ”

   
“…”

   
“ถ้าผมรู้ใจเร็วกว่านั้นคงจะไม่พูดแบบนั้นออกไป”

   
“…”

   
ความตรงแบบทื่อ ๆ ของคุณดีนกำลังทำให้รณณ์กลายเป็นคนใบ้ ยากเย็นเหลือเกินที่จะควานหาเสียงมาตอบสนองอะไรออกไป ยังดีที่คุณดีนปรานีโดยการพูดออกมาเรียบ ๆ คล้ายคนกำลังใคร่ครวญ แทนที่จะมองกันด้วยสายตาเชื่อมหวานอย่างรูปประโยค

   
ไม่ได้กลัวสายตาเชื่อมหวาน

   
แต่เขากลัวว่าจะเขินจนทำตัวไม่ถูกเสียมากกว่า

   
“รณณ์…”

   
…สายตาจริงจังเกินไปแล้ว…

   
“ผมไม่เคยรู้จักคำว่ารัก…แต่ผมอยากเรียนรู้มันจากคุณ…ได้ไหม?”

   
“…”

   
“นะ…”

   
ตายตอนนี้เลยได้ไหม ทำไมต้องทำเสียงอ้อนใส่กันแบบนี้

   
“ถือว่าแลกกับที่ผมสอนงานคุณ ผลัดกันสอนไง”

   
ได้เสียที่ไหนกันเล่า!

   
รณณ์ไม่รู้ว่าตอนนี้ตนกำลังทำหน้าอย่างไร รู้แค่ว่ามันร้อนผ่าวจนแทบไหม้และคงแดงมากตามจังหวะการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้นด้วย


“อะไรกัน เครื่องพังไปแล้วเหรอ ไม่พูดไม่จาเอาแต่นั่งหน้าแดงตาโต” ดีนเอ่ยเย้าติดตลก ถือวิสาสะยื่นมือไปยีผมอีกฝ่ายเล่นด้วยความหวังดีว่ามันจะช่วยดึงสติของอีกฝ่ายกลับมาได้


“แกล้งกันได้ลงคอ อย่าให้ถึงคราวผมเอาคืนบ้างนะครับ” คนเขินอายก้มหน้างุดซ่อนพวงแก้มสุกปลั่งเอ่ยพึมพำในลำคอแต่ก็ยังไม่รอดพ้นคนหูดีไปได้


“ผมไม่ได้แกล้ง ก็เวลาคุณเขินดูน่ารักดี ผมชอบ”


“นะ น่ารักอะไรกันละครับ ผมน่ะหล่อนะ” ไม่เคยคิดว่าจะชอบคำชมว่า ‘น่ารัก’ จากปากคุณดีนขนาดนี้


“ก็เป็นคนหล่อที่น่ารักไง”


“…”


“หึ เด็กดี”


คำว่า ‘เด็กดี’ ก็ด้วย 

.

.

.
   
สองวันเต็มแล้วที่พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันในร้านกาแฟตั้งแต่ช่วงเวลาร้านเปิดจนใกล้ปิด รณณ์ต้องเรียบเรียงสิ่งที่สัมภาษณ์มาให้ออกมาในรูปแบบของบทความที่สมบูรณ์โดยมีที่ปรึกษาดีอย่างคุณดีนทำให้เขาส่งงานให้ดาวได้ทันก่อนกำหนดไปหลายชั่วโมง

   
“คุณรีบไปไหนไหม?” ดีนถามขึ้นในตอนที่ต่างฝ่ายต่างเก็บของของตัวเอง รณณ์ละสายตาไปมองคนถามก่อนเอ่ยตอบเสียงชัดว่าไม่รีบโดยไม่ทันได้ดูเวลาเลยสักนิด

   
“งั้นไปเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ”

   
รูปประโยคคำชวนคุ้นหูจนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงวันนั้น วันที่คุณดีนไปหาพี่ผิงแล้วทิ้งให้เขากลับบ้านเอง เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวว่าเผลอคิดเรื่องวันนั้นจนหัวคิ้วขมวดมุ่นให้คนชวนสะกิดใจเหมือนกัน

   
“คราวนี้ไม่ทิ้งหรอก…ต่อไปก็ด้วย”

   
รณณ์ตาโตที่ถูกรู้ทัน “ยังไม่ทันว่าอะไรเลยนะครับ”

   
“หน้าคุณฟ้องผมหมดทุกอย่างแหละ”

   
ถูกเนียนแต๊ะอั๋งเข้าให้อีกครั้งของวันเมื่อคุณดีนบีบแก้มเขาเล่นอย่างสนุกมือจนต้องส่งเสียงร้องประท้วงอีกฝ่ายถึงยอมปล่อย

   
ว่ากันตามตรงแล้ว คุณดีนโหมดจีบก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดใจอย่างที่กังวลเลยสักนิด

   
ธุระของดีนคืออะไรสักอย่างที่ทำให้รถคันงามมาจอดในลานจอดรถของร้านขายของสะสมโบราณร้านดังที่รณณ์เคยเห็นในรายการโทรทัศน์

   
“คุณดีนจะซื้อของโบราณเหรอครับ”

   
“อื้อ มาหาของขวัญวันเกิดให้อาม่าน่ะ”

   
รณณ์เผยรอยยิ้มซุกซน พูดเฉลยที่มาของความขบขันเล็ก ๆ หลังจากที่ถูกทวงถาม “คุณดีนหน้าตี๋ก็จริงนะครับ แต่ดูรวม ๆ แล้วก็ยังฝรั่งเกินกว่าจะพูดคำว่าอาม่า”

   
“ต้องพูดแกรนด์มาสินะ”

   
คนเด็กกว่ายิ้มร่า ส่ายหน้าอย่างนึกสนุก “ไหนลองพูดคุณย่าสิครับ”

   
ดีนหันลำตัวเข้าหาอีกคน ยกยิ้มเจ้าเล่ห์เข้าสู้บ้างจนคนมองชักหวั่นใจ ยิ่งอยู่ในตำแหน่งสุ่มเสี่ยงต่อการถูกกักบริเวณง่ายอย่างนี้ รณณ์ก็ทำได้แค่เชิดหน้าปั้นยิ้มทำใจดีสู้เสือ

   
จ้องตาอย่างไม่มีใครยอมใครกันอยู่ไม่นาน ดีนก็ยื่นมือไปบีบปลายจมูกรั้นส่ายไปมาอย่างนึกมันเขี้ยว

   
“อื้ออออออ”

   
“เด็กไม่ดี”

   
คนถูกตำหนิเป็นเด็ก ๆ ตาโตอ้าปากค้าง ตอนอยู่ที่ร้านกาแฟยังชมว่าเป็นเด็กดีอยู่เลย มาตอนนี้คืนคำกันเสียแล้ว แต่ไม่ทันได้ร้องท้วงอะไร คนเป็น ‘ผู้ใหญ่’ ก็ออกจากรถไปเสียก่อนแล้ว

   
เพียงแค่ดีนเหยียบย่างเข้าไปพนักงานต้อนรับก็เชื้อเชิญให้เขาเดินเลือกชมสินค้าได้ตามอัธยาศัยราวกับเป็นลูกค้าประจำที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้ว รณณ์ที่ยังประหม่าจึงเดินตามไปเงียบ ๆ ภายในร้านมีของสะสมโบราณมากมายหลากหลายชาติจนรณณ์ไม่อยากจะคิดว่าเจ้าของจะเป็นคนกว้างขวางขนาดไหน คุณดีนพารณณ์เดินทะลุตรอกของเก่าแถบยุโรปไปเรื่อยจนคนที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรกคิดว่ากำลังยืนในส่วนของหลังร้านแล้ว ดีนชะลอฝีเท้าสอดส่ายสายตามองหาบางอย่างในบริเวณที่เต็มไปด้วยของโบราณจากแผ่นดินใหญ่ที่คงมีทั้งที่โล้สำเภามาเมื่อครั้งกาลโพ้นและที่เพิ่งรับซื้อมาเมื่อไม่นานมานี้
   
   
ดีนมองสิ่งของรอบตัวด้วยความตื่นตาก่อนจะหยิบชิ้นที่ใกล้มือที่สุดขึ้นมาพินิจดู เมื่อเดือนก่อนช่วงเทศกาลสิ้นปีเขาก็เพิ่งมาเยือน จำได้ว่าหยกแกะสลักรูปม้าในมือชิ้นนี้ยังไม่ได้วางอยู่ตรงนี้ สำรวจถ้วนถี่แล้วพบว่ามีจุดตำหนิอยู่หลายแห่งสมกับเป็นของเก่า แม้สีจะดูหมองหม่นไปบ้างแต่เนื้อหยกแท้ก็ยังเปล่งประกาย ตัวอักษรจีนเล็ก ๆ ตรงฐานเลอะเลือนจางหายจนคนที่ศึกษาภาษาจีนจากอาม่ามาตั้งแต่เด็กอย่างเขายังแทบจะอ่านไม่เข้าใจเนื้อความ ดีนสำรวจจนพอใจแล้วก็วางลง ในตอนนั้นเองที่หางตาเห็นใครอีกคนที่เตือนให้รู้ว่าครั้งนี้ตนไม่ได้มาคนเดียว

   
“คุณไปนั่งรอตรงพื้นที่รับรองลูกค้าที่หน้าร้านก็ได้นะ” ดีนพูดทั้งที่ยังคงมองหาสิ่งที่ต้องการ ไม่รู้เลยสักนิดว่าสิ่งที่เด็กหนุ่มผู้เดินตามหลังมาอย่างใกล้ชิดกำลังสนใจไม่ใช่สิ่งของรอบข้าง แต่เป็นเขาเองต่างหาก

   
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมอยู่กับคุณก็ไม่ได้อึดอัดอะไร เว้นเสียแต่คุณจะต้องการความเป็นส่วนตัว” รณณ์เดาเอาจากนิสัยพื้นฐานที่ชอบความสันโดษของคุณดีน คิดว่าอีกฝ่ายคงเกรงใจที่จะมีใครมารอตนทำธุระแบบนี้ แต่เขาชอบ เขาชอบมองคุณดีนเวลามีสีหน้าท่าทางแบบนี้ สีหน้าที่แสดงถึงความสนใจหรือลุ่มหลงในอะไรบางอย่าง นอกจากจะดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษแล้ว ยังทำให้เขารู้สึกมี passion ร่วมไปด้วย

   
“ผมแค่คิดว่าคุณจะไม่ชอบเดินดูของพวกนี้ กลัวจะเบื่อ”

   
“ไม่เบื่อหรอกครับ เพราะผมไม่ได้ดูของพวกนี้…แต่ผมดูคุณอยู่ต่างหาก”

   
คนเดินนำหน้าชะงักเท้า หันกลับไปก็เจอแต่พวงแก้มแดงเป็นลูกตำลึงสุกเพราะเจ้าตัวก้มหน้าหลบตากันเสียอย่างนั้น อดไม่ได้ที่จะยิ้มเอ็นดูให้กับความน่ารักของคนตรงหน้า

   
…เด็กนี่กำลังทำให้เขาหลงจนโงหัวไม่ขึ้น…


จับคางเล็กให้เงยหน้าและหันมามองสบกันจนได้เห็นแววขลาดเขินในหน่วยตาคู่สวยสมใจ “ถ้ามองผมก็ต้องมองให้ตลอด อย่าให้เห็นว่าละสายตาไปไหนล่ะ”


บ้าชะมัด! ตั้งใจจะหยอดให้อีกฝ่ายได้เขินอายเหมือนที่ตนโดนมาทั้งวันบ้าง แต่ทำไมถึงกลายเป็นเขาที่ต้องเขินหน้าแดงเสียเอง!


นี่ใช่คุณดีนคนที่บอกว่าจีบไม่เป็นจริงหรือ?!

.

.

.

“ยังมองผมอยู่รึเปล่า” ดีนก็คือดีน พูดออกมาทื่อ ๆ ตรง ๆ แม้น้ำเสียงจะไม่ได้หยอกล้อแต่ก็ไม่แห้งแล้งจนดูไร้ความรู้สึก ติดไปทางเอ็นดูเสียด้วยซ้ำ บรรณาธิการหนุ่มพูดคุยเหมือนภาวะปกติ ทุกอย่างไหลลื่นเป็นธรรมชาติอย่างไม่ได้ตั้งใจให้มันพิเศษ ซึ่งมันทำให้รณณ์รู้สึกสบายใจและขอบคุณอีกอย่างที่คุณดีนไม่หันมามองกัน ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องพ่ายแพ้อีกครั้ง


“ก็ต้องมองสิครับ”


“…”


“ผมดูของโบราณไม่เป็นนี่”


ดีนส่งเสียงหึในลำคอ อยากจะเดินย้อนกลับไปสักสองก้าวแล้วเขกมะเหงกลงบนหน้าผากเด็กช่างกวนเสียจริง ทว่าสิ่งที่ทำกลับเป็นการหันไปมองสบตาตรง ๆ แล้วพูดเสียงเรียบด้วยแววตาแพรวพราวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ฝึกไว้ คุณย่าผมจะได้ชอบคุณเหมือนที่ผมชอบ”


ร้าย!!


บอกชอบกันแบบเนียน ๆ ไม่พอ ยังเปลี่ยนคำเรียกเป็น ‘คุณย่า’ ให้เขายิ่งรู้สึกอายที่เคยแซวอีกฝ่ายไว้อีกด้วย


ดีนยิ้มอ่อนโยนให้กับคนที่นิ่งอึ้งไปก่อนจะเรียกให้อีกฝ่ายเขยิบเข้ามาใกล้ ฝ่ายคนถูกเรียกที่แม้จะขลาดเขินจนเริ่มวางตัวไม่ถูกแต่ก็ยอมย้ายร่างตัวเองเข้าไปใกล้ตามคำขออย่างง่ายดาย 


คลาสสอนดูของโบราณจึงเริ่มต้นขึ้นในตอนนั้น


รณณ์ตั้งใจฟังและมองตามจุดที่นิ้วเรียวชี้ไปบนวัตถุโบราณอย่างสนใจ อดไม่ได้ที่จะแปลกใจในตัวผู้ชายคนนี้ ตัวตนของคุณดีนที่เขารู้จากโลกออนไลน์ยังไม่ถึงเศษเสี้ยวในชีวิตจริงของผู้ชายคนนี้เลยด้วยซ้ำ


และในตอนนี้รณณ์รู้แล้ว


ว่าเขาพร้อมจะศึกษาตัวตนของคุณดีนให้มากกว่านี้


“คุณดีนสนใจศึกษาของพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ ดูเก่งจัง”


“น่าจะตั้งแต่จำความได้นะ” ดีนพูดติดตลก “เห็นผมหน้าฝรั่งแต่ก็เป็นหลานรักอาม่านะ ท่านสอนผมทุกอย่างแหละ ทุกอย่างที่ท่านชอบน่ะ”


คนเล่าพูดไปยิ้มไปจนคนมองอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม “คุณก็เลยชอบของสะสมโบราณไปด้วย” รณณ์ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมแต่แววตาคงจะดูซุกซนเสียจนคนเล่านึกระแวง


“ทำไม? คราวนี้คุณจะแซวอะไรผมอีก จะบอกว่าผมเหมือนพวกฝรั่งบ้าขุดสมบัติเก่ารึไง”


คราวนี้คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะร่วนอย่างไม่ปิดบัง อะไรทำให้คุณดีนกลายเป็นคนขี้ระแวงไปเสียได้! “ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยเถอะ”



“น้อยไปน่ะสิ!”













TBC.
-------------------------------------------------------------------------
รู้ตัวว่ามาช้าและสั้นไปนิด จริงๆก็ตั้งใจไว้ว่าตอนนี้จะยาวมากกกกก แต่ก็คงช้ามากเช่นกัน
เลยรีบมาลงให้ก่อน กลัวมีคนรอ (?) แหะๆ
ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากขอโทษ~~~~
คุณดีนไม่ได้หยอดขิงหยดข่านะเออ มันมีเหตุมีผล

เมื่อตอนก่อนโน้นนนน มีคนวาดรูปส่งมาให้ในทวิตเตอร์ แต่ธัญญ์ลืมเอามาลงให้ เพราะรีบมากทุกที ฮ่าๆๆๆ
ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ คุณดีนละมุนมากจริง ๆ
(http://)


#ไม่ดิ้นรนหา

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 12 [18/07/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 19-07-2017 00:24:25
รอตอนต่อไป  :pig4: :pig4: :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 12 [18/07/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-07-2017 00:37:28
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 12 [18/07/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-07-2017 00:37:45
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 12 [18/07/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 19-07-2017 07:04:25
จีบกันเบาๆ พอหอมปากหอมคออ่ะเนอะ -///-
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 12 [18/07/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 19-07-2017 07:58:02
ติดบ่วงคุณดีนซะแล้ว  น้องรณ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 12 [18/07/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: blue colour ที่ 19-07-2017 09:22:32
คุณดีนหยอดแบบเบาๆ?แต่ทำเอาน้องรณณ์เขินแก้มแดงไปไม่เป็นตลอด นี่คือจีบไม่เป็นเนอะ
คนอ่านก็ยิ้มแก้มจิแตกแล้วววววววววว คุณดีนละมุนมาก :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 12 [18/07/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 19-07-2017 17:06:52
ดูเหมือนคุณดีนจะกำลังเปิดให้น้องรณณ์เข้ามาศึกษาตัวเองมากขึ้น ดีค่ะ ค่อยๆเต๊าะ เอ้ยย เรียนรู้กันไป  :mew1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 12 [18/07/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 19-07-2017 18:37:34
น่ารักกกกกกกกจังเลย
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 12 [18/07/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 19-07-2017 21:34:38
รณ น่ารักกหห ดีนนี้ชักเนียนเก่งละ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 12 [18/07/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 19-07-2017 23:39:49
ลืมไปแล้วว่าติดเรื่องนี้ >< ดีใจที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 12 [18/07/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-07-2017 19:18:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 12 [18/07/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 20-07-2017 21:22:32
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 12 [18/07/17] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 16-08-2017 15:26:57
 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 13 [16/08/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 16-08-2017 19:28:25

ห า กั น จ น เ จ อ



ตอนที่ #13
   
   






หลายวันมานี้สภาพพนักงานในบริษัทไม่ต่างจากซากศพเดินได้นัก ชั่วโมงงานที่เกินเวลาทำการไปเยอะถึงสามคืนแล้วคือหลักฐานชั้นดีของการพิจารณาเพิ่มเงินพิเศษให้ในสิ้นเดือนนี้ ไม่ใช่แค่ทุ่มเวลาให้กับงานเพียงอย่างเดียว แต่ผลงานก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจด้วย ช่วงสายของวันนี้ต้นฉบับเข้าโรงพิมพ์ของบริษัทไปเรียบร้อยแล้ว หลังมื้อกลางวันนี้ดีนก็คงได้รับรูปเล่มตัวอย่างมาดูก่อนจะอนุมัติพิมพ์รวดเดียวหลายพันเล่มเพื่อให้ทันส่งในสุดสัปดาห์นี้พร้อมกับมีปาร์ตี้เล็ก ๆ ฉลองการปิดเล่มประจำเดือนด้วย

   
โต๊ะอาหารสำหรับผู้บริหารในห้องกระจกใสเป็นที่แปลกตาของพนักงานในบริษัทมาหลายวันแล้ว ปกติจะเห็นบรรณาธิการหนุ่มรูปหล่อนั่งทานอาหารกับหัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษรแค่สองคน แต่ช่วงนี้มักจะเห็นท่านประธานมาร่วมโต๊ะด้วยแทบทุกวัน ทั้งที่ปกติเห็นควงกันออกไปข้างนอกกับแฟนสาวหัวหน้าแผนกคอลัมน์

   
เสียงซุบซิบนินทาเดากันไปต่าง ๆ นานาดังเข้าหูรณณ์ที่นั่งทานอาหารร่วมโต๊ะอยู่กับทศและรุ่นพี่อีกหลายคนในแผนกไม่ไกลจากห้องกระจกนั่นนัก บ่อยครั้งที่อดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองคนที่อยู่ในสถานะ ‘กำลังพัฒนา’ ซึ่งนั่งหันหน้ามาด้านนอกและทำให้สบตากันบ่อยครั้งด้วยเช่นกัน

   
“ท่านประธานกับพี่ดาวเลิกกันแล้วจริงเหรอวะพี่” ใครสักคนบนโต๊ะอาหารถามทศขึ้นมาหลังจากที่เก็บข้อมูลจากการฟังสาว ๆ โต๊ะข้างหลังคุยกันมานาน

   
“ไม่รู้เว้ย เรื่องของนาย”

   
“แล้วที่เขาว่าเลิกกับพี่ดาวแล้วมาคบคุณผิง”

   
“เห้ย! ใช่เหรอวะ แล้วคุณดีนอ่ะ?”

   
ชื่อของคนถูกพาดพิงทำเอานักศึกษาฝึกงานสำลักน้ำซุบที่กำลังซดเงียบ ๆ ระหว่างแอบฟังบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร

   
ทศยื่นกระดาษทิชชูให้ รณณ์พึมพำขอบคุณพลางสนใจฟังต่อไปด้วย


“บอกออาจจะเป็นพ่อสื่อให้ก็ได้นะ อย่าลืมสิว่าบอกอแสดงออกชัดขนาดนั้นว่าไม่ชอบพี่ดาว”


“อยากรู้กันมากนักก็เดินเข้าไปถามเลยสิวะ สามตัวละครนั่งอยู่ในห้องนั้นไง ถามเสร็จแล้วก็กลับขึ้นไปเก็บของให้เรียบร้อยด้วยล่ะ อย่าให้ท่านประธานต้องเอ่ยปากไล่” ทศพูดขึ้นเรียบ ๆ ติดรำคาญก่อนจะชักชวนรณณ์ให้ลุกออกไปเก็บจานด้วยกัน


เด็กหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย นันย์ตาใสทอดมองไปยังคนทั้งสามที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาก่อนจะหยุดสายตาไว้ที่บรรณาธิการหนุ่ม ยกยิ้มบาง ๆ ให้ในยามที่สบตากันในเสี้ยววินาทีโดยที่ไม่อาจรับรู้ได้ว่าภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวชวนปวดหัวมากแค่ไหน

.

.

.

“จะเห็นแก่ตัวไปถึงไหน” ดีนกล่าวตำหนิพี่ชาย เขาเป็นคนเดียวที่นั่งในฝั่งที่หันหน้าออกนอกห้องกระจกใส ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเป็นปกติอยู่แล้วจึงไม่เป็นจุดผิดสังเกตมากนัก พนักงานภายนอกที่แอบมองเข้ามาที่พวกเขาเป็นระยะ จึงไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าสิ่งที่พวกเขาคุยกันไม่ใช่เรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป


“ไอทำอะไร?”


“จะต้องให้สาธยายเรื่องที่ยูทำทั้งหมดตอนนี้ไหม”


“ดีน…” ผิงเรียก ส่งสายตาบอกให้หยุดแค่ตรงนี้ แต่ดีนไม่สนใจ เขาตั้งใจแล้วว่าอย่างไรเสียวันนี้ก็จะต้องคุยกันให้รู้เรื่อง เพื่อนสาวของเธอตกเป็นขี้ปากลูกน้องว่าแย่งแฟนคนอื่นมามากพอแล้ว เธออาจจะไม่ได้สนใจ แต่เขาไม่ยอมเด็ดขาด


“จะคุยกันด้วยภาษาฝรั่งเศสก็ได้นะ”


ดีนเบ้หน้าเมื่อเพื่อนสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามเตะเข้ามาที่ขาเป็นสัญญาณให้เขาหยุดพูดเรื่องนี้อีกครั้ง แม้จะเจ็บแต่ก็ไม่หลุดเสียงร้องออกมาสักนิด


“เธอจะกลับขึ้นไปก่อนก็ได้นะ”


คริสถอนหายใจหนัก ๆ ใคร ๆ อาจมองว่าดีนมีความเป็นผู้ใหญ่ แต่สำหรับเขา น้องก็ยังคงเป็นน้อง เป็นดีนที่ดื้อรั้นจะเอาคำตอบให้ได้ในทันทีที่ตั้งคำถาม “การที่ไอมากินข้าวกับยูและผิงนี่ผิดมากเลยเหรอ” เขาไม่ได้พูดภาษาฝรั่งเศสอย่างที่คนเป็นน้องเสนอ ไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องปิดบังผิง ในเมื่อเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับหญิงสาวอยู่ไม่น้อย


“ผิด” ดีนตอบกลับแทบจะในทันที “กลับไปทำตัวเหมือนเดิมซะ ถึงจะเลิกกับเธอแล้ว แต่คนอื่นเขาไม่รู้ โอเค อาจจะระแคะระคายกันแล้ว แต่การที่ยูมานั่งกินข้าวกับพวกเรา ทำตัวสนิทสนมด้วย มันทำให้พวกเขามองผิงไม่ดี เพื่อนไอกลายเป็นมือที่สามระหว่างยูกับผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว”


“แต่มันไม่ใช่ความจริง จะต้องไปสนใจทำไม” ผิงเถียงขึ้นมา


ดีนพรูลมหายใจ “ถามพี่ชายฉันสิว่าจริงรึเปล่า” จะมีเหตุผลอะไรให้ผู้ชายบอกเลิกผู้หญิงที่คบกันมานานและหมายมั่นว่าจะแต่งงานกันให้ได้จนถึงขั้นทะเลาะกับน้องชายตัวเอง ไม่มีทางเป็นเรื่องดวงที่ชินแสบอกเล่าแน่ เหตุผลเดียวที่ดีนคิดว่าสมเหตุสมผลที่สุดคือปันใจ


ผิงส่ายหน้า ไม่หันมองสบหนุ่มรุ่นพี่ข้างกาย เธอพร้อมจะแย้งแทนคริสทุกอย่างเพราะเธอรู้ดีว่าคริสไม่ได้ทำแบบที่ถูกกล่าวหา “พี่คริสไม่ได้คิดหรือทำอะไรอย่างที่นายเข้าใจนะดีน”


“แล้วเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อนนั่นไม่ใช่เพราะว่าเขาทำหรอกเหรอ!”


“เกิดอะไรขึ้น?” คริสมองดีนสลับกับผิงไปมาจนมาหยุดสายตาคาดคั้นที่ผิง จะถามหาความจริงจากดีนนั้นยาก เว้นเสียแต่เจ้าตัวจะอยากเล่าออกมาเองและก็มักจะเล่าเท่าที่ต้องการ อย่างเช่นเมื่อครู่นี้


“ไม่มีอะไรค่ะ” ผิงปฏิเสธเสียงแผ่ว ลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกไปจากตรงนี้ แต่คนที่ยังคาใจไวกว่า ชายหนุ่มคว้าข้อมือบางพร้อมกระตุกให้เจ้าของมันนั่งอยู่ก่อน “เรื่องมันผ่านไปนานแล้วค่ะพี่คริส และนายเองก็ไม่ควรจะรื้อฟื้น มันไม่มีประโยชน์อะไร” ประโยคหลังเธอหันไปบอกเพื่อนชายด้วยน้ำเสียงตำหนิ


“แต่เรื่องมันกำลังจะซ้ำรอยเดิม”


“แล้วจะให้ทำยังไง คราวนี้นายจะคบกับฉันกลบข่าวลือบ้า ๆ พวกนี้ไหมล่ะ” ผิงไม่ได้ขึ้นเสียงใส่ เธอถามดีนเสียงเรียบทว่าซ่อนความเจ็บปวดไว้มากมาย “ให้ทุกคนเข้าใจว่าที่ฉันสนิทกับพี่คริสเพราะเป็นแฟนนาย แฟนน้องชายกับพี่ชายจะสนิทกันก็คงไม่แปลก นายว่าไหมล่ะ”


“ไปกันใหญ่แล้วผิง”


ผิงส่ายหน้า ตาแดงจนเกือบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ “ไม่หรอก ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างเรายังไม่ชัดเจน คนอื่นก็จะคิดว่าฉันกับพี่คริสเป็นมากกว่าพี่น้อง”


“โอเค พี่พอเข้าใจแล้ว ผิงไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ส่วนดีน เราจะคุยกันคืนนี้ที่บ้านอาม่า บ่ายนี้พี่มีประชุม ขอตัวก่อนนะ” ดีนร้องเหอะไล่หลังผู้บริหารใหญ่ เย็นนี้ที่บ้านอาม่าจัดงานวันเกิด แน่นอนว่าวงศาคณาญาติต้องมากันครบ สาเหตุของการเลิกราของหลานชายคนโตคงถูกบอกเล่าในค่ำคืนนี้


“สนใจไปงานวันเกิดอาม่าฉันไหม” ดีนถามผิงยิ้ม ๆ แต่อีกคนกลับยื่นมือมาฟาดไหล่จนรู้สึกแสบผิวแล้วก็เดินออกไปอีกคน


。。。。。


ดีนมาถึงบ้านอาม่าซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองในช่วงพลบค่ำ ชายหนุ่มทักทายพี่ ๆ น้อง ๆ และลุงป้าน้าอาไปตลอดทางตั้งแต่เหยียบย่างผ่านประตูรั้ว กว่าจะถึงตัวอาม่าที่นั่งอยู่ในบ้านได้ เขาก็ทักทายญาติไปเกือบหมดแล้ว จะขาดก็แต่คนในครอบครัวของเขาเอง ใบหน้าหล่อคมฉาบยิ้มบางเมื่อเห็นว่าทั้งเตี่ย มัม และพี่ชายของตัวเองนั่งอยู่กับอาม่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาเชื่อว่าเรื่องที่คุยค้างกันไว้เมื่อตอนกลางวันคงถูกบอกเล่าให้ทุกคนในที่นี้ทราบเรื่องแล้ว


“อาดีนหลานม่า” น้ำเสียงยานคางของผู้หญิงวัยแปดสิบพอดิบพอดีทำให้ดีนยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ดูเหมือนทุกคนจะปรับโหมดอารมณ์ทันทีที่เขาโผล่หน้ามา ชายหนุ่มคุกเข่าคลานเข้าไปใกล้ยกมือไหว้งาม ๆ อย่างที่คนสอนเห็นแล้วยิ้มแฉ่งจนถูกลูกหลานละแวกนั้นแซว แล้วยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อหลานชายสุดที่รักโผเข้ากอดเอวเธออย่างออดอ้อน


“หลานคนนี้นี่ใช้ไม่ล่าย เลิกอ้อนม่าแล้วไปอ้อนสาวได้แล้ว ม่าอยากมีหลานสะใภ้แล้วนา” ดีนแทบสะดุดลมหายใจตัวเองกับคำกล่าวนั้น หลานสะใภ้น่ะคิดว่าหาให้ได้แล้ว แต่อาม่าจะถูกใจรึเปล่า ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยจริง ๆ


“สุขสันต์วันเกิดครับอาม่า” ผละออกมาได้ก็รีบล้วงเอากล่องของขวัญในกระเป๋าเสื้อออกมายื่นให้อาม่าทันที ผู้หลักผู้ใหญ่มองแล้วก็อมยิ้ม เป็นอย่างนี้เสียทุกที อาม่าพูดเรื่องแต่งงานทีไรดีนเป็นหลบเลี่ยงเบี่ยงประเด็นอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครรบเร้าจะเอาคำตอบอะไรอีกเพราะต่างรู้กันว่าดีนรักอิสระขนาดไหน


ไม่มีใครอยากรู้ว่าในกล่องใบเล็กนั้นมีอะไร คล้ายจะเป็นการซื้อสัมปทานของขวัญวันเกิดอาม่าอย่างไรอย่างนั้น เพราะนอกจากดีนแล้วก็ไม่มีใครที่จะซื้อของสะสมโบราณมาให้อาม่าอีกแล้ว บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยตู้โชว์สมบัติพวกนั้น แรก ๆ อาม่าก็หาเอง พอดีนโตขึ้นหน่อย สองสามตู้ให้หลังมานี้ก็เต็มไปด้วยของที่เขาสรรหามาทั้งสิ้น


มัมกับคริสออกไปรวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ ข้างนอกแล้ว เหลือแค่เตี่ยกับดีนที่ยังนั่งเป็นเพื่อนอาม่าท่านรับไหว้ลูกหลาน รอจนพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วก็พากันย้ายไปยังโต๊ะอาหารตัวใหญ่กลางบ้านที่รองรับผู้ร่วมมื้ออาหารได้เยอะถึงยี่สิบคน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เพียงพอกับตระกูลคนจีนที่มีลูกหลานเยอะแยะ แค่รุ่นหลานก็เกินโหลครึ่งเข้าไปแล้ว เด็กหนุ่มสาวทั้งหลายจึงจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ กันตามลำพังที่สวนหน้าบ้าน


“เฮียดีน ทางนี้ ๆ” หนุ่มน้อยในชุดนักศึกษาคือลูกคนเล็กของอาอี๊โบกไม้โบกมือเรียกให้เขาเข้าไปหาด้วยความดีใจ ดีนยิ้มมุมปาก ได้ยินคำเรียกแบบนี้ก็พาลให้นึกถึงเด็กฝึกงานที่บริษัท ถ้ารณณ์ได้ยินคนเรียกเขาว่า ‘เฮียดีน’ คงไม่พ้นเป็นต้องโดนแซวว่าไม่เข้ากันสักนิดอีกอย่างแน่นอน

จะว่าไปแล้วก็คิดถึง


มือไวเท่าความคิด ดีนล้วงเอาสมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงออกมาแล้วเดินเลี้ยวไปอีกทางแทนที่จะตรงไปหาญาติผู้น้องที่ตะโกนเรียกตนอยู่


ดีนกดโทร.เบอร์ที่ช่วงนี้กดบ่อยเป็นพิเศษ รอสายไม่กี่อึดใจปลายทางก็รับก่อนกรอกเสียงสดใสมาให้หายคิดถึง


“ผมอยู่งานวันเกิดอาม่า”


เด็กหนุ่มหัวเราะคิกคัก [คุณเพิ่งพูดประโยคนี้เมื่อชั่วโมงที่แล้วเองนะครับ] เมื่อชั่วโมงที่แล้วที่รณณ์หมายถึงคือตอนที่ดีนขับรถออกจากบริษัท


“ตอนนั้นแค่บอกว่าจะมา”


รณณ์ยิ้มเอ็นดูให้กับคำแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนโตกว่า  [ครับ แล้วคุณจะโทร.มาบอกแค่นี้น่ะเหรอครับ]


“เปล่า…อยากได้ยินเสียง”


[…]


“…คิดถึง”


[…]


“เอ่อ…พอดีได้ยินน้อง ๆ เรียกว่าเฮียน่ะ เลยคิดถึงคุณขึ้นมา”


[หืม?] เหมือนว่าเรื่องเล่าที่ดังขึ้นมาดื้อ ๆ ท่ามกลางเสียงเงียบจะดึงสติคนฟังกลับมาสนใจคู่สนทนาได้หลังจากที่ล่องลอยไปกับคำว่า ‘คิดถึง’ ที่ไม่คาดคิดนั้น


“คิดว่าคุณต้องล้ออีกแน่ว่าผมไม่เหมาะกับคำว่าเฮีย”


คราวนี้ปลายสายหัวเราะเต็มเสียง [ผมอยากได้ยินจัง เฮียดีน อย่างนี้เหรอครับ]


ดีนส่ายหน้ายิ้ม ๆ นับวันเด็กคนนี้จะยิ่งแกล้งเขามากขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ใกล้คงมันเขี้ยวจนทนไม่ไหวต้องบีบแก้มทำโทษเป็นแน่ แต่ตอนนี้คงทำได้แค่คาดโทษด้วยคำพูดเท่านั้น “เด็กไม่ดี”


สิ้นคำตำหนิไม่จริงจังนั้นดีนก็ได้รับเสียงหัวเราะชอบใจที่หนักขึ้นกว่าเดิม ทว่าแทนที่จะนึกโกรธ เขากลับพบว่าตัวเองยิ้มกว้างเสียอย่างนั้น

.

.

.

[ฝันดีครับ]


อยากจะเย้ากลับอีกสักรอบว่านี่ยังไม่ดึกพอที่จะเข้านอนเสียหน่อย แต่รณณ์ก็พบว่าคำกล่าวปิดท้ายบทสนทนากว่าสิบนาทีในช่วงพลบค่ำก็ทำให้รู้สึกอิ่มเอมจนพร้อมเข้านอนเสียเลยจริง ๆ


รณณ์เอนกายลงนอนบนเตียงใหญ่ มองเพดานเปลือยด้วยแววตาเปี่ยมสุขราวกับมันกำลังฉายภาพของคนที่เพิ่งวางสายไป นึกย้อนไปถึงทุกถ้อยคำของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกใจฟูฟ่องอย่างบอกไม่ถูก


นี่หรือเปล่าที่เรียกว่าความรัก?


ช่วงไม่กี่วันมานี้เขาค้นพบว่าตัวเองโรคจิตอยู่อย่างหนึ่ง จากที่เคยรู้สึกชอบคำว่า ‘เด็กดี’ จากปากคุณดีน แต่พอได้รับคำตำหนิว่า ‘เด็กไม่ดี’ บ่อยเข้าก็เริ่มรู้สึกว่าชอบคำนี้มากกว่าคำชมแรกเสียอีก มิหนำซ้ำยังหาเรื่องหยอกเอินอีกฝ่ายให้ได้รับคำตินั้นบ่อยขึ้นอีกเสียด้วย


นับตั้งแต่วันที่เหมือนจะยินยอมให้อีกฝ่ายจีบกลาย ๆ พวกเขาก็โทร.คุยกันบ่อยขึ้น บทสนทนาสั้นบ้างยาวบ้าง มีสาระบ้างเรื่องทั่ว ๆ ไปบ้าง และ ‘ฝ่ายจีบ’ ก็เป็นฝ่ายโทร.มาเสียทุกครั้ง เขาเคยคิดว่าคนอย่างคุณดีนจะคุยไม่เก่ง แต่เปล่าเลย ถึงแม้จะไม่ได้พูดคุยอะไรมาก แต่ก็ดูไม่ขัดหรือฝืนยามเปิดประเด็น ไม่ได้พยายามจะหาเรื่องชวนคุยอะไรขนาดนั้น แต่ทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติไปเสียหมด มิหนำซ้ำยังไม่มีถ้อยคำในเชิงเกี้ยวพากันอีกด้วย คุณดีนแค่พูดเรื่องทั่วไปเชิงบอกเล่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเท่านั้นเอง จะมีคำหวานที่สุดก็คำว่า ‘คิดถึง’ ที่หลุดออกมาให้ตกใจเมื่อต้นบทสนทนาเมื่อครู่นี้เอง


แม้จะเปิดใจแต่รณณ์ก็ยังไม่ถลำลึกในห้วงความรู้สึกที่ดีนสร้างขึ้นมามากไปกว่าการตามน้ำด้วยการแหย่กลับไปบ้างในบางครั้ง สถานะของพวกเขาตอนนี้จึงยังหยุดอยู่ที่เจ้านายและลูกน้อง เด็กหนุ่มมีความสุขกับการศึกษาคุณดีนไปเรื่อย ๆ มากกว่าที่เคยศึกษาผู้หญิงคนไหน คุณดีนไม่เคยทำให้เขารู้สึกอึดอัด ไม่งอแงให้ตามใจหรือใช้มาบังคับกันทางอ้อม คุณดีนมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอพวกนั้น เป็นที่ปรึกษาที่ดี ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเหมือนคุยกับ advisor โปรเจคจบ แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบายใจมากกว่านั้น


นอนคิดเรื่องคุณดีนไปเพลิน ๆ จนมาสะดุดความคิดตัวเองตอนที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโปรแกรมดังถี่รัวติดกันจนผิดปกติ รณณ์หยิบมาไล่ดูผ่าน ๆ ที่หน้าจอ จับใจความได้ว่ากลุ่มเพื่อนนัดเจอกันเย็นหลังวันงานประจำปีที่จะถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ เด็กหนุ่มกดเข้าไปหน้าต่างห้องแชทก่อนพิมพ์ตอบตกลงกลับไปสั้น ๆ แล้วกดออก คิดได้ในตอนนั้นว่าคืนนี้ตนควรรีบนอนตามคำอวยพรของคุณดีน


。。。。。


ดึกดื่นค่อนคืนแล้วปาร์ตี้ของหนุ่มโสดก็ยังไม่เลิกรา ฝ่ายหลานสาวของเจ้าของวันเกิดแยกย้ายกันกลับบ้านไปหมดแล้ว เหลือก็แต่หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่ยังนั่งสังสรรกันต่อ ขณะที่สองพี่น้องลูกเสี้ยวพากันปลีกตัวออกไปนั่งคุยกันตามลำพังที่หลังบ้าน


พื้นที่ริมสระว่ายน้ำคือที่หมายที่คนเป็นพี่ชายเลือก  แสงสว่างเดียวที่มีตรงที่นี้คือแสงรำไรจากดวงจันทร์ในคืนที่ใกล้เต็มดวงหรือเพิ่งผ่านคืนเต็มดวงมาหนุ่มลูกเสี้ยวอย่างดีนก็ไม่แน่ใจ บรรยากาศดูโรแมนติกเกินความจำเป็น ก็พี่น้องจะคุยกันไม่จำเป็นต้องมีบรรยากาศชวนสารภาพรักอะไรแบบนี้เสียหน่อย สิ่งที่ต้องการคือแสงสว่างที่มากพอที่จะทำให้มองเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายยามสารภาพบาปเสียมากกว่า


คริสทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ริมสระก่อนที่ดีนจะทำตาม ในมือมีเบียร์กันคนละกระป๋อง พวกเขาไม่ได้ดื่มกันเยอะ เพราะต่างก็ต้องขับรถกลับกันทั้งนั้น ท้องฟ้ามืดสนิทจนไม่เห็นแม้ดาวสักดวง แต่ถึงอย่างนั้นสองพี่น้องก็ยังจ้องมองราวกับจะค้นหามันให้เจอให้ได้ ไม่มีถ้อยคำใดระหว่างพวกเขา แม้กระทั่งจากคนที่ส่งสัญญาณให้เดินตามมา ดีนคิดว่าหากเบียร์หมดกระป๋องนี้แล้วตนจะกลับคอนโดทันที


“ทำไมถึงเลิก”


คริสกระตุมยิ้มมุมปากให้กับความใจร้อนของน้องชาย แต่สำหรับดีน เขาไม่มีทางยอมให้นี่เป็นแค่การเดินมาย้ายที่จิบเบียร์แล้วปล่อยให้มันหมดก่อนได้รู้ความจริงเป็นแน่


“ไหนว่าจะแต่งกับคนนี้ ยังไงก็จะเอาคนนี้” …ถึงขนาดทะเลาะกับไอ


ดีนละประโยคท้ายให้เป็นความเข้าใจของกันและกัน ไม่อยากจะเอ่ยถึงมันบ่อยนัก เพราะแม้เรื่องราวมันจะผ่านมาพักใหญ่แล้ว แต่ดีนก็ไม่มั่นใจว่าตนจะสามารถพูดถึงความบาดหมางครั้งนั้นได้อย่างสนิทใจ


“เคยได้ยินคำว่ารักคงยังไม่พอไหม”


“…” …ข้ออ้างของคนหมดใจน่ะหรือ?


“สำหรับคำว่าคู่ชีวิต คำว่ารักอย่างเดียวมันไม่ได้หรอกนะ”


“ก็ตอนแรกยูบอกเองว่าจะแต่งกับคนนี้ ยังไงก็ต้องเป็นเธอ แล้วอะไรคือรักอย่างเดียวไม่พอวะ” ดีนยังคงวนอยู่ที่ประเด็นเดิม ประเด็นที่คาใจเขาเสมอมาว่าความรู้สึกหรือความคิดแบบไหนกันที่ทำให้คน ๆ หนึ่งตัดสินใจที่จะแต่งงานกับใครสักคน แล้วทำไมต้องเป็นคน ๆ นี้ ไม่ใช่คนอื่นทั้งที่ผ่านมาและอาจจะเจอกันในอนาคต


“หรือต้องมีดวงด้วย” ท้ายประโยคติดเสียงขึ้นจมูกคล้ายจะเย้ยหยัน โชคชะตาน่ะหรือ? ตลกสิ้นดี!


“ยูไม่ได้รู้จักดาวเหมือนที่ไอรู้จัก”


“อ้อ ยูเองก็ไม่ได้รู้จักเธอเหมือนอย่างที่ไอรู้เหมือนกัน”


คริสคิ้วขมวด อยากจะถามถึงประเด็นนี้อยู่หลายทีแล้วเหมือนกัน แต่น้องชายตัวดีกลับส่งสัญญาณตัดความหวังแล้วให้เขาเล่าเรื่องของตัวเองต่อไป


“ครอบครัวดาวจะนำพาความเดือดร้อนและเรื่องวุ่นวายมาให้ไออีกมากมาย ถ้าเราแต่งกันไป”


ความจริงข้อนี้เขารู้มาจากมัมแล้ว จึงไม่ตกใจมาก ที่อยากจะรู้คือทั้งที่พี่ชายก็น่าจะรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่ทำไมตอนนั้นถึงคิดที่จะแต่ง


ดีนกระดกเบียร์เข้าปากอีกหนึ่งอึก คำนวนปริมาณคร่าว ๆ แล้วคิดว่าน่าจะเหลือให้ซดได้อีกไม่ถึงสี่ครั้งก็น่าจะหมด


“ครอบครัวดาวเขาไม่ได้มั่งมีแบบบ้านเรา”


“สำคัญตรงไหน ยูรวยนี่” ดีนแซวขำ ๆ ไม่อยากจะเข้าข้างบ้านนั้นสักเท่าไหร่ว่าคงไม่ได้ยากจนอะไรนัก ดาวเองก็ขยันขันแข็ง ใช่จะรอเกาะพี่ชายเขาอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่


“แต่กับคนที่ไม่รู้จักทำมาหากินอย่างพ่อแม่เขา มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีที่จะเข้าไปเป็นลูกเขยเขาไม่ใช่เหรอ”


ดีนเงียบ กระดกเบียร์ขึ้นจิบอีกครั้งเป็นสัญญาณว่ากำลังรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ


“ดาวเป็นลูกคนโต น้องคนกลางเกเรไม่เอาถ่าน คนสุดท้องก็ยังเรียนอยู่ไฮสคูล ไอเคยให้เงินทุนพ่อเขาไปเริ่มธุรกิจเล็ก ๆ อย่างเปิดร้านอาหาร แต่ก็พังไม่เป็นท่าเพราะเกียจคร้านจะทำกิน ซ้ำยังขยันสร้างหนี้ด้วยการเป็นผีพนัน นี่ถ้าดาวไม่เรียนดีจนได้ทุน ไอก็ไม่อยากจะคิดว่าเธอจะเป็นยังไง”


“ไอรู้มาว่าเธออยู่เพ้นเฮ้าส์โครงการ xxx” ไม่ต้องพูดถึงข้อมูลเรื่องราคาก็รู้กันว่าสูงมากแค่ไหน เห็นแบบนั้นแล้วดีนนึกถึงพื้นเพข้างหลังของเธอไม่ออกจริง ๆ ว่าเป็นอย่างไร


“ดาวเป็นคนทะเยอทะยาน จนบางครั้งก็เหมือนคนไม่ประมาณตน”


“แล้วทำไมตอนแรกถึงจะแต่งด้วย”


“ดาวเขาเป็นคนดี เป็นเด็กดี ยูก็เห็นว่าเธอขยันทำงานแค่ไหน ไอสงสารเขา เคยคิดว่าแต่งเข้าบ้านแล้วจะให้มาอยู่ด้วย คอยส่งเงินให้บ้านเขาเป็นรายเดือนไป แต่อาม่ากับเตี่ยก็บอกว่าเราทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ไม่มีทางที่เราจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาแบบนั้นได้ นั่นก็พ่อแม่เธอ ยังไงเธอก็ต้องเลือกพวกเขา ต้องรับผิดชอบพวกเขา แล้วยูคิดเหรอว่าอย่างดาวจะรับผิดชอบคนเดียวไหว”


“ยูกลัวว่าพวกเขาจะมารบกวนยู?”


“มันเคยเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว และพวกเขาไม่เคยคิดที่จะจำเป็นบทเรียน ไอมีเงินเยอะก็จริงนะดีน แต่เราจำเป็นจะต้องเอาเงินที่หามาแทบตายไปให้คนอื่นผลาญเล่นเหมือนเป็นเศษกระดาษเพียงเพราะว่าเป็นหน้าที่เหรอ”


“พอโดนชินแสทักมาแบบนั้นมันเลยทำให้ไอได้คิด และก็ไม่ได้คิดแล้วตัดสินใจง่ายในทันทีด้วยนะ ไอปรึกษาผู้ใหญ่ไปทั่ว บวกลบผลดีผลเสียแล้วกว่าจะทำแบบนี้ลงไป”


“คุยกับใครอยู่ด้วยรึเปล่า” ดีนไม่ได้หมายถึงในแง่ของการ ‘ปรึกษา’ อย่างที่คริสเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ และคริสก็รู้จุดประสงค์ดี


“ไอไม่ได้ชอบผิง”


คำตอบร้อนตัวชะมัด


ดีนพอจะรู้ความรู้สึกของพี่ชาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดว่าจะได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาตรง ๆ “ไอรู้”


“ไอรักผิงเหมือนน้องสาว”


“ก็บอกว่ารู้ไง”


และรู้ด้วยว่าบ่อยครั้งที่อีกฝ่ายแสดงออกเหมือนหวงผิงหนักหนานั่นก็เป็นเฉพาะแต่เวลาที่เธออยู่กับเขาคนเดียว


ความรู้สึกของพี่ชายน้องสาวต่างสายเลือดเป็นอะไรที่ดีนเข้าใจยากเสียจริง


“ไอไม่ได้คุยกับใคร เลิกด้วยตัวของคนสองคน”


“อืม”


“เข้าใจไอใช่ไหม”


“แน่นอนสิ” ทั้งคำตอบและท่าทางไหวไหล่ไม่แยแสนั้นทำให้คนพี่ต้องถอนหายใจ ดีนกระดกเบียร์ขึ้นดื่มอีกครั้งแล้วก็พบว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายพอดี เขาวางกระป๋องลงกับพื้นตรงเท้า


“ดีน ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนก็จริง แต่คู่ชีวิตมันไม่ใช่แค่นั้น คนรอบข้างเราก็มีความสำคัญเหมือนกัน”



ฟุบ!!



ส้นรองเท้าผ้าใบราคาแพงเหยียบลงบนกระป๋องจนมันบี้แบนลงแทบเท้า


“ไว้วันหนึ่งที่ยูมีความรู้สึกแบบนี้ ยูจะเข้าใจที่ไอพูด”


“เบียร์หมดแล้ว ไอคงต้องกลับก่อน”


ดีนหยิบกระป๋องเบียร์ติดมือเดินออกไปด้วย เพื่อที่จะทิ้งรวมกับขยะในงานที่หน้าบ้านโดยมีคริสมองตามหลังไปพร้อมกับส่ายหน้าด้วยหลากหลายความรู้สึก เขาก็ได้แต่หวังว่าน้องชายที่ไม่ประสาเรื่องความรักจะเข้าใจความคิดของเขาบ้างสักนิดก็ยังดี


。。。。。


(มีต่อข้างล่างนะคะ)
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 13 [16/08/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 16-08-2017 19:29:20

หากทุกคนไปทำงานด้วยสีหน้าสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าเหมือนอย่างที่กำลังเดินเข้างานเลี้ยงปิดเล่มอย่างตอนนี้ ผู้บริหารคงจะชื่นใจขึ้นมาบ้าง ร้านที่บริษัทจองปิดโซนเพื่อฉลองกันเล็ก ๆ เป็นร้านเดียวกับที่จัดงานปาร์ตี้สละโสดเมื่อต้นเดือนซึ่งตอนนี้กลายเป็นเรื่องต้องห้ามไปเสียแล้ว


วันนี้ร้านถูกจัดเป็นโต๊ะกลมและเก้าอี้ทรงสูงทั้งนั้น โต๊ะแต่ละตัวก็มีเก้าอี้มากน้อยต่างกันไป อย่างโต๊ะตัวที่รณณ์นั่งอยู่ก็มีที่นั่งอยู่ห้าที่ ซึ่งน่าจะเยอะสุดแล้ว


“บริษัทจัดปาร์ตี้ให้ทุกเดือนเลยเหรอครับพี่” รณณ์ถามขึ้นด้วยความสงสัย อยากจะถามอยู่หลายครั้งแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสเหมาะเสียที พอมานั่งอยู่โต๊ะหน้าสุดตามคำชวนของทศแล้วไม่มีอะไรทำจึงเปิดประเด็นขึ้นมา


“เพิ่งเคยเดือนนี้เดือนแรก ปกติแค่เลี้ยงอาหารกลางวันที่บริษัท” ทศตอบพลางรับแก้วเหล้าจากรุ่นน้องในแผนกที่ชงส่งมาให้


“ดูก็รู้ว่าอยากเลี้ยงเพื่อไถ่โทษ” คนชงเหล้าพูดขึ้นเสียงเบาราวกับกระซิบ ด้วยกลัวว่าใครจะมาได้ยินเข้าแล้วพาลจะต้องถูกไล่ออกขึ้นมาจริง ๆ อย่างที่ทศเคยขู่เอาไว้เมื่อวันก่อน


รณณ์ขมวดคิ้วมุ่นจนถูกหยอกว่าเป็นไก่อ่อน “ก็ที่สั่งเปลี่ยนเมนทอปิคกระทันหันไงละวะ ตบหัวแล้วลูบหลังชัด ๆ”


“แต่มึงก็ยอมให้เขาลูบไม่ใช่เหรอ” ทศเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าไม่ยินดียินร้ายทั้งที่ก็เคยหงุดหงิดกับการตัดสินใจครั้งนั้นของบรรณาธิการหนุ่มลูกเสี้ยวอยู่เหมือนกัน


“ผมจะแดกให้คุ้มเลยพี่”


“หึ เก็บชีวิตไว้ทำงานต่อด้วยก็แล้วกัน อย่าเพิ่งแดกจนตาย”


รณณ์นั่งฟังเงียบ ๆ รับแก้วที่รุ่นพี่ชงให้มา ยกขึ้นจิบตามมารยาทแล้ววางทิ้งไว้ ตั้งใจจะรอให้มันเจือจางกว่านี้สักเล็กน้อย คืนนี้เขาไม่อยากเมา เพราะต้องเดินทางกลับด้วยรถไฟฟ้าเหมือนเดิม


พนักงานจากทุกแผนกเริ่มจับจองพื้นที่กันเป็นโซน ๆ ที่แยกกันเองอย่างรู้กัน โดยจะเว้นโต๊ะตัวกลางไว้หนึ่งตัวที่วีไอพีเสียจนยังไม่มีใครมานั่งเลยสักคน


คุณดีนส่งข้อความมาบอกแล้วว่าคงถึงช้าสักหน่อย รณณ์เข้าใจได้ เพราะอีกฝ่ายไม่ชอบงานสังสรรแบบนี้สักเท่าไหร่ อีกอย่างหนึ่ง มาแล้วก็ใช่ว่าจะได้นั่งด้วยกัน เพราะฉะนั้นคงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรอ


“ขอนั่งด้วยสิ”


ชายหนุ่มกว่าห้าคนที่ครองโต๊ะอยู่ก่อนถึงกับตาโตด้วยความตกใจเมื่อเจ้านายสาวเอ่ยปากขอแล้วลากเก้าอี้จากโต๊ะข้าง ๆ มาแทรกแล้วถือวิสาสะนั่งลงเลย


“พี่ดาวไม่นั่งโต๊ะวีไอพีเหรอครับ” ทศเป็นตัวแทนถามขึ้นเพื่อไขข้อสงสัยของน้อง ๆ


“เป็นคนธรรมดา จะมีสิทธิอะไรไปนั่งวีไอพี” ดาวตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ทั้งหม่นและหมอง แต่เหมือนเจ้าตัวจะฝืนให้มันสดใสเต็มทน หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าถามอะไรเธออีกเลย บรรยากาศครึกครื้นตามประสาโต๊ะหนุ่มโสดก็พลันหมดความสนุกไปพร้อมกับความอึมครีมที่หญิงสาวหนึ่งเดียวสร้างขึ้นมาแทนที่


ค่อนคืนแล้วกว่าที่คริส ดีน และผิงจะเข้ามาในงาน ทั้งสามคนมาด้วยกันหรือไม่ ไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่ต่างก็เม้าท์กันว่าผิงมาพร้อมคุณดีนแน่ รณณ์หันไปสบตากับดีนแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปสนใจพี่ ๆ ที่กำลังร้องเพลงกันอยู่บนเวที


ดีนนั่งหันหน้าเข้าเวที ขวามือเป็นพี่ชายที่นั่งจิบเหล้าด้วยใบหน้าเรียบตึง ซ้ายมือเป็นเพื่อนสาวที่ค่อนข้างบังทัศนียภาพอันรื่นรมณ์ซึ่งก็คือใบหน้าของรณณ์ที่นั่งหันหลังให้เวทีแล้วหันหน้ามาทางเขา เพียงแต่ว่าตอนนี้อีกฝ่ายหันไปมองเวทีจนเกรงว่าคอจะเคล็ดเอาเสียก่อนจบงานทั้งที่เก้าอี้ก็หมุนได้


ยิ่งดึกทุกคนก็ยิ่งสนุกกัน จะมีก็แต่โต๊ะวีไอพีเท่านั้นที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด หญิงสาวหนึ่งเดียวของโต๊ะอึดอัดจนอยากจะเดินออกจากงานเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ที่ทำได้ก็แค่นั่งดื่มไปเงียบ ๆ เท่านั้น


“เราสนุกกันมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่หัวหน้าแผนกจะต้องผลัดกันออกมาร้องเพลงบ้างแล้วล่ะครับ” เสียงพิธีกรจำเป็นพูดขึ้นบนเวทีเรียกเสียงเกรียวกราวจากคนข้างล่างได้เป็นอย่างดี


“อยากฟังแผนกไหนก่อนดีครับทุกโคนนนนนนนน” การซาวน์เสียงได้รับการตอบรับดีเกินคาดเมื่อชื่อแผนกต่าง ๆ ถูกเสนอขึ้นมาจนฟังแทบไม่เป็นศัพท์


“ฉันขอก่อนได้ไหม”


เสียงเสนอตัวของใครบางคนดังขึ้นท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ หลายคนหันมองที่มาของเสียงแล้วเริ่มกลืนน้ำลายหนืดลงคอ เพราะไม่รู้ว่าหัวหน้าแผนกคอลัมนิสต์สาวจะมาไม้ไหน แต่ในเมื่อเปิดโอกาสขึ้นมาแบบนี้แล้ว อย่างไรเสียก็ต้องยอม พิธีกรจำเป็นมองมายังโต๊ะวีไอพีด้วยสายตาสำนึกผิดราวกับคนใกล้จะร้องไห้แต็มแก่ก่อนจะยกไมค์และเวทีให้ดาว


แค่ดนตรีที่บรรเลงขึ้นก็ทำเอาทุกคนเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไรออกมากแม้แต่จะปรบมือให้กับนักร้องสมัครใจบนเวทีจนเธอต้องแกล้งร้องขอเสียงปรบมือ ในตอนนั้นถึงได้มีเสียเปาะแปะดังขึ้นอย่างจำยอม



ฉันมายินดีให้กับรักที่สดใส
ยินดีที่เธอได้พบเจอ
คนที่ดี คนที่ควรคู่รักของเธอ
คนที่เข้ากันมากว่าฉัน




หลายคนแทบจะก้มหน้างุด ไม่มีใครเงยขึ้นมาเพราะกลัวจะมองไปยังโต๊ะวีไอพีตามสายตาของเจ้าของเสียงร้อง ดาวร้องเสียงยานเล็กน้อยตามระดับแอลกอฮอล์ในเส้นเลือด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังตามดนตรีทัน


ผิงกระดกเครื่องดื่มดีกรีแรงที่เพิ่งชงเองตอนที่ดาวขึ้นเวทีไปจนหมดแก้วแล้วหันมองเพื่อนชายคนสนิทอย่างขอความช่วยเหลือ เรื่องระหว่างเธอกับคริสไม่ได้มีอะไรอย่างที่ดาวเข้าใจ เมื่อสองปีก่อนคริสไม่ได้ชอบเธออย่างไร จนตอนนี้ก็ยังไม่ใช่อย่างนั้น เธอไม่เคยเป็นปัจจัยให้คริสรักดาวน้อยลงเลยสักนิด ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้ ดาวเข้าใจผิดจนทำให้เรื่องมันพาลจะใหญ่โตเสียทั้งนั้น



ขอให้ความรัก…ไม่มีความสุขใจ
ไม่ว่าสิ่งไหนพังให้หมดทุกอย่าง
ขอให้ความรักเขาและเธอมีแต่จืดจาง
เมื่อเขาเคียงข้างมีแต่ความทุกข์ใจ



ดีนมองเพื่อนสาวที่เอาแต่ก้มหน้า คงอยากจะลุกไปจากตรงนี้เสียที แต่ถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับยอมรับผิด แต่การยังนั่งอยู่ตรงนี้ก็ไม่ต่างจากทำให้ลูกน้องนับสิบตราหน้าว่าเธอหน้าด้านหรอกหรือ ชายหนุ่มมองเลยเธอไปยังใครอีกคนที่นั่งในตำแหน่งที่ตรงกับสายตาพอดี รณณ์กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ใจเขากำลังว้าวุ่นเป็นกังวลไปเสียหมด อยากจะรู้ว่าตอนนี้เด็กนั่นกำลังคิดอะไร เข้าใจเรื่องราวไปถึงไหน



ขอให้คาดหวังแล้วก็ต้องผิดหวัง
ไม่มีเปลี่ยนผันไม่มีวันสมใจ
ขอให้เธอนั้นต้องจากลากันตลอดไป




แต่ถึงอย่างนั้นดีนก็ยังคว้าตัวเพื่อนเข้ามาซบอก ใบหน้าหล่อคมก้มลงกระซิบข้างหู “อยากร้องก็ร้อง เสร็จแล้วเราจะกลับกัน”



ทำฉันช้ำใจสักเท่าไร
ก็ขอให้เธอปวดใจไม่แพ้กัน


.

.

.

รณณ์หลบสายตาของคนที่มองมาด้วยหลากหลายความรู้สึกที่ตีรวนอยู่ในอก คุณดีนดึงพี่ผิงเข้าไปกอด กระซิบพูดบางอย่างและลูบแผ่นหลังบางของเธอด้วยความอ่อนโยน แต่ถึงอย่างนั้นนัยน์ตาแน่วแน่คู่นั้นก็ยังไม่ละไปจากเขา


เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทั่วทั้งบริเวณนับตั้งแต่ที่ได้เห็นฉากนั้น หลายคนเริ่มสรุปว่าเรื่องของท่านประธานกับพี่ผิงว่าไม่มีอะไรอย่างที่คิด และคุณดีนก็ได้ทำการเปิดเผยความสัมพันธ์อันคลุมเครือของตนกับหัวหน้าแผนกพิสูจน์อักษรแล้ว


เด็กหนุ่มไม่เข้าใจว่าตนควรรู้สึกอย่างไร รู้แต่มันแน่น มันอึดอัดข้างในไปหมด คล้ายมีใครเอาอะไรมารัดอกไว้ เหมือนจะหายใจติดขัดแต่ก็ยังไม่ขาดใจเสียทีเดียว เพราะแววตาคู่นั้น จะบอกว่าสิ่งที่เห็นชวนให้คิดไปในทางเดียวกับคนอื่นอย่างไร แต่เพราะนัยน์ตาคู่นั้นที่มองมาด้วยความมั่นคงแน่วแน่ทำให้เขาสับสนและยังคงเชื่อว่าความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้จากอีกฝ่ายมาโดยตลอดคือเรื่องจริง


คุณดีนไม่ได้โกหก


แต่จะให้นั่งมองอยู่อย่างนี้ก็ไม่ไหว


รณณ์บอกลาทศและพี่คนอื่นในโต๊ะ อ้างว่าใกล้หมดเที่ยวรถไฟฟ้าแล้ว ตนต้องรีบกลับ ไม่ลืมที่จะฝากทศลาดาวให้อีกด้วย เด็กหนุ่มเดินออกมาจากร้าน น่าแปลกทั้งที่ไม่ได้เมาแต่ร่างกายกลับคล้ายจะหมดแรงเอาเสียดื้อ ๆ คงเป็นเพราะไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจมาเจอกับภาพนั้น พอไม่มีสายตาของคุณดีนจ้องมองมาก็เหมือนว่าความคิดแง่ลบที่ถูกสะกดไว้ด้วยสายตาคู่นั้นก็พรั่งพรูออกมา เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าที่ผ่านมาตนอาจจะถูกหลอก คนเพรียบพร้อมอย่างคุณดีนจะมาสนใจนักศึกษาฝึกงานธรรมดาอย่างเขาจริงหรือ มิหนำซ้ำเขายังเป็นผู้ชายอีกด้วย อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือถึงความสัมพันธ์ของคุณดีนกับพี่ผิง ทำไมถึงหลงไปกับคารมของเขาจนลืมเรื่องนี้ไปได้


รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกก็ตอนที่นึกขึ้นได้ว่าอาการที่ตนเป็นอยู่ตอนนี้มันฟ้องว่าความรู้สึกของตนเองที่มีต่อคุณดีนนั้นถลำลึกไปเกินกว่าที่คิดเสียแล้ว


ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย


…ไม่อยากแพ้ราบคาบขนาดนี้…


“รณณ์” เสียงเรียกไม่ดังนักจากทางด้านหลัง แต่เพราะว่าเจ้าของชื่อจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร หัวใจไม่รักดีจึงทรยศเจ้าของด้วยการหันไปตอบรับแทบจะในทันที

   
“จะกลับแล้วเหรอ?”

   
“ครับ”

   
“ไปขึ้นรถสิ เดี๋ยวไปส่ง” รณณ์เหลือบมองหญิงสาวที่หมดสติในอ้อมกอดของคุณดีนแล้วก็รู้สึกปวดหนึบขึ้นมาอีก

   
“แต่…”

   
“ง่วงรึยัง ผมขอแวะส่งผิงก่อนนะ”

   
คุณดีนก็ยังเป็นคุณดีนที่อ่อนโยนเหมือนเดิม
   
   
ไม่ง่วงนักหรอก หรือต่อให้ง่วง สุดท้ายรณณ์ก็ยอมขึ้นรถมากับดีนตามคำชวนอยู่ดี

   
หญิงสาวที่หมดสตินอนหลับเงียบ ๆ อยู่เบาะหลังขณะที่รณณ์นั่งเบาะหน้าขนาบคู่ดีน มีเพียงดีนเท่านั้นที่รู้ว่าผิงไม่ได้เมา อย่างน้อยก็ไม่ได้มากจนถึงขนาดสลบแบบนี้ เขาแค่วางอุบายให้อีกฝ่ายแสร้งเป็นเมามากจนสลบเพื่อให้เขาพาตัวออกมาจากร้านได้โดยไม่มีใครตั้งคำถามว่าเขาพาหนีสายตาแง่ลบของคนอื่น

   
และก็เพื่อจะให้ทันรณณ์ด้วย

   
“พี่ชายนายน่ะ…ใจร้ายที่สุด ฮึก” ผิงพึมพำออกมาพร้อมเสียงสะอื้นที่แม้จะเบามากแต่ในห้องโดยสารที่เงียบจนได้ยินแต่เสียงแอร์ก็ทำให้อีกสองคนที่มีสติครบได้ยินมันชัดเจน

   
แม้จะเป็นเพียงประโยคกำกวมแต่รณณ์กลับพบว่าตัวเองสบายใจขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ขึ้นมาเล็กน้อย

   
รถคันหรูขับมาจอดเทียบหน้าคอนโดหรูก่อนที่เจ้าของรถจะลุกออกไปแล้วโผล่ตรงเบาะหลัง ดีนสะกิดปลุกผิงให้ตื่น หญิงสาวสะลึมสะลือปรือตาขึ้นมองดู พอเห็นว่าถึงที่พักของตัวเองแล้วก็พยุงตัวเองขึ้นนั่งนิ่ง ๆ

   
“ไหวไหมเนี่ย ให้ฉันโทร.ตามใครมาอยู่เป็นเพื่อนไหม”

   
ผิงส่ายหน้า “มีสิทธิอะไรจะไปขอให้เขามาอยู่ด้วยล่ะ” ตอบออกไปแบบนั้นโดยไม่ทันสนใจด้วยซ้ำว่ามีใครอีกคนนั่งอยู่ในรถด้วย

   
ดีนยืนรอจนเพื่อนสาวคนสนิทเดินเข้าคอนโดไปเรียบร้อยแล้วถึงได้เข้าประจำที่คนขับอีกครั้ง

   
ระยะทางจากคอนโดของผิงกับหอพักของรณณ์ไม่ไกลกันนัก แต่เพราะมีแต่ความเงียบที่ไม่มีใครคิดจะทำลายจึงดูเหมือนจะไกลกว่าที่ควรจะเป็น

   
“ขอบคุณนะครับ” รณณ์เอ่ยขอบคุณแผ่วเบา


“รณณ์…” ดีนเรียกรั้งไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ลงจากรถ


“…วันอาทิตย์นี้ว่างไหม?”

   
ไม่อยากให้เข้าใจผิดนาน

   
“คุณดีนมีอะไรรึเปล่าครับ?”

   
อยากชวนไปดูหนัง


“เปล่าไม่มีอะไร”


แต่คิดอีกที รณณ์จะมาใช้ชีวิตแบบเขาได้หรือ?


   
“ฝันดีครับ”


   
คงต้องอยู่ในโลกที่มีแต่ตัวเองไปก่อน

















TBC.
------------------------------------------------------
หายไปนานเกือบหนึ่งเดือนเต็มๆ แหะๆ
ด้วยความมาช้า คนอ่านน่าจะเลิกอ่านกันไปละ ฮ่าๆๆ

เรื่องที่เกิดขึ้นกับคนรอบข้างอาจไม่ใช่เรื่องของตัวเองก็จริง
แต่มันก็ส่งผลถึงเราได้เหมือนกัน คุณดีนกับรณณ์ต้องพึงระลึกไว้ค่ะ

เรื่องดูหนังของคุณดีน อย่าเพิ่งด่าฮีป๊อดกันนะคะ เขามีเหตุผลของเขาค่ะ

ติดแฮชแท็คในทวิตเตอร์กันได้ค่ะ #ไม่ดิ้นรนหา

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 13 [16/08/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-08-2017 20:20:50
ได้กลิ่นดราม่า แต่ก็ต้องรอดูต่อไปนั่นละ ว่าแต่บ้านผิงเป็นยังไงเหรอ ที่ว่าจะพาปัญหามาให้ถ้าคริสแต่งด้วยอะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 13 [16/08/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: blue colour ที่ 16-08-2017 20:38:31
เย้ๆๆๆๆจุดพลุในที่สุดก็มาต่อแล้ววววเรายังรออยู่นะคะ5555
ตอนนี้เป็นอารมณ์เทาๆอึมครึมๆ สงสารน้องรณณ์คิดไปไหนต่อไหนแล้วคุณดีนรีบอธิบายให้น้องฟังเน้ออย่าปล่อยไว้นานนะ
เราไม่อยากกินมาม่า :mew6:

ป.ล. แอบสงสัยประโยค “ครอบครัวผิงจะนำพาความเดือดร้อนและเรื่องวุ่นวายมาให้ไออีกมากมาย ถ้าเราแต่งกันไป” ต้องเป็นดาวรึเปล่าคะ หรือเราพลาดตรงไหนไป55555
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 13 [16/08/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 16-08-2017 23:36:11
ได้กลิ่นดราม่า แต่ก็ต้องรอดูต่อไปนั่นละ ว่าแต่บ้านผิงเป็นยังไงเหรอ ที่ว่าจะพาปัญหามาให้ถ้าคริสแต่งด้วยอะ

ตรงนี้พิมพ์ผิดค่ะ จริงๆต้องบอกว่าครอบครัวดาว ขออภัยด้วยค่าาา
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 13 [16/08/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 16-08-2017 23:39:50
เย้ๆๆๆๆจุดพลุในที่สุดก็มาต่อแล้ววววเรายังรออยู่นะคะ5555
ตอนนี้เป็นอารมณ์เทาๆอึมครึมๆ สงสารน้องรณณ์คิดไปไหนต่อไหนแล้วคุณดีนรีบอธิบายให้น้องฟังเน้ออย่าปล่อยไว้นานนะ
เราไม่อยากกินมาม่า :mew6:

ป.ล. แอบสงสัยประโยค “ครอบครัวผิงจะนำพาความเดือดร้อนและเรื่องวุ่นวายมาให้ไออีกมากมาย ถ้าเราแต่งกันไป” ต้องเป็นดาวรึเปล่าคะ หรือเราพลาดตรงไหนไป55555

ตรงนี้พิมพ์ผิดจริงๆค่ะ เราพลาดเอง ขอบคุณสำหรับการตักเตือนกันนะคะ จริงๆต้องบอกว่าเป็นครอบครัวดาว
ขออภัยด้วยนะคะ
ปล.ขอบคุณที่ยังติดตามกันค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 13 [16/08/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-08-2017 00:39:48
 :a5:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 13 [16/08/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 17-08-2017 01:06:25
ติดตามนะคะ สนุกมากเลย เราชอบบรรยากาศมากเลยอะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 13 [16/08/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-08-2017 01:26:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 13 [16/08/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 17-08-2017 16:24:36
บรรยากาศหม่นๆ ส่อเค้าดราม่า  :ling3:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 13 [16/08/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 17-08-2017 22:53:36
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 13 [16/08/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 31-08-2017 07:42:09
ฮือออ ชอบจังเลยค่ะ  :-[  ละมุนละไมที่สุด
ชอบคุณดีนกับรณณ์มาก ๆ ช่างเหมาะสมกัน
ถึงคิดว่ายังมีปัญหาตามมาอีกมากมายแน่ ๆ
แต่ก็เอาใจช่วยทั้งคู่ อุตส่าห์หากันจนเจอแล้ว
ติดตามตอนต่อไปนะคะ ชอบเรื่องนี้มากเลย
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 13 [16/08/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-09-2017 02:37:45
ชอบมากเลยค่ะ เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่รีบร้อน ค่อยๆเป็นไป ดีต่อหัวใจ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 24-09-2017 17:35:26

ห า กั น จ น เ จ อ

ตอนที่ #14









กิจกรรมดูหนังที่ดีนอยากชวนรณณ์มาด้วยคืองานเผยแพร่สารนิพนธ์หนังสั้นของนักศึกษาเอกภาพยนตร์จากมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งออกสู่สายตาประชาชน เขาตั้งใจว่าจะตามดูทุกเรื่องเหมือนทุก ๆ ปี ซึ่งใช้เวลายาวนานตั้งแต่สิบโมงเช้าถึงเกือบสามทุ่มเลยทีเดียว

   
แล้วจะมีใครอยากเอาเวลาทั้งวันมาใช้ที่โรงหนังกับเขากัน

   
หลายครั้งที่เอ่ยปากชวนใครต่อใครออกไปตามมารยาท และคนถูกชวนก็รับรู้ถึงเจตนารมณ์ของเขาดี คำปฏิเสธที่ได้รับจึงมาตามมารยาทด้วยเช่นกัน เพราะอย่างนั้น  ดีนจึงไม่อยากเอ่ยชวนรณณ์ให้อีกฝ่ายต้องตอบรับด้วยความกระอักกระอ่วนใจตามมารยาท นอกจากจะไม่ช่วยให้ความสัมพันธ์พัฒนาไปในทางที่ดีแล้ว มันอาจจะแย่ลงเสียด้วยซ้ำ

   
ดีนมาก่อนเวลาฉายหนังครึ่งชั่วโมง แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าทีมงานจะเพิ่งเปิดให้ลงทะเบียนเมื่อตอนที่เขามาถึงนี่เอง มีเด็กวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ยืนออกันอยู่หน้าโต๊ะลงทะเบียน ดีนมองแล้วพิจารณาไปด้วย ดูอย่างไรเด็กพวกนี้ก็ดูเด็กกว่าเขามาก ทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองแก่เสียหน่อย อายุยี่สิบห้าก็แค่คนที่เพิ่งเรียนจบมาสองปีเอง ไม่น่าจะดูต่างวัยกันขนาดนี้ ดีนคิดด้วยความสงสัย ก้มลงดูการแต่งกายของตัวเองแล้วก็คิดว่าเสื้อยืดคอวีสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีดขาดเข่าแต่พองามก็ดูน่าจะกลมกลืนไปกับเด็กพวกนี้ได้ ทั้งที่เด็กผู้ชายบางคนใส่เชิ้ตเสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมมองแล้วยังทำให้รู้สึกว่าตัวเองดูโตกว่าอยู่ดี

   
แล้วเวลาที่เดินกับรณณ์ จะดูเหมือนเสี่ยมากับเด็กรึเปล่า

   
ดีนสะบัดหัวไล่ความคิดที่เริ่มจะเลยเถิดก่อนจะรับปากกาจากนักศึกษาสาวมาบรรจงเขียนชื่อเต็มตัวเองลงไปบนกระดาษพร้อมขีดถูกที่ช่อง ‘บุคคลทั่วไป’ นัยน์ตาคมกวาดมองรายชื่อเกือบสิบคนก่อนหน้าเขาซึ่งล้วนเป็นนักศึกษาของคณะนี้ทั้งนั้นแล้วก็ได้แต่ปลงตก คิดเอาไว้แล้วว่าต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่เพราะอย่างนี้ เขาถึงได้อยากมาอีกในทุก ๆ ปี

   
บรรยากาศการเผยแพร่สารนิพนธ์หนังสั้นของนักศึกษาคณะนิเทศฯ เอกภาพยนตร์ ที่คับคั่งไปด้วยรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะมากกว่าคนทั่วไปทั้งที่ก็มีการโปรโมทในพื้นที่สาธารณะ และคนแบบดีนก็จัดเป็นคนกลุ่มน้อยชนิดที่อาจจะมีไม่ถึงสองเปอร์เซ็นต์เสียด้วยซ้ำ แต่ดีนก็ยังชอบบรรยากาศแบบนี้ คล้ายกับตอนที่ไปดูละครเวทีของคณะสักคณะหนึ่งในรอบสุดท้าย เกือบทั้งโรงละครจะมีแต่รุ่นพี่รุ่นน้องที่มาร่วมกันแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง เป็นบรรยากาศที่ทำให้คนนอกอย่างเขารู้สึกอยากเป็นคนในเสียเหลือเกิน

   
งานถูกจัดขึ้นที่หอศิลป์ของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นต่างสถาบันกับที่ดีนจบมา ในช่วงที่เหลือเวลาอีกยี่สิบนาที แต่ทีมงานก็ยังไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในห้องฉายหนัง ดีนจึงตัดสินใจไปเดินดูงานศิลป์อื่น ๆ ที่ถูกจัดแสดงไว้ทั่วทั้งบริเวณเพื่อฆ่าเวลา
   
.
   
.
   
.
   
“เฮ้ยพี่รณณ์!”

   
เจ้าของชื่อหันตามเสียงเรียกหลังจากที่เขียนชื่อในใบลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าอ่อนใสระบายยิ้มยินดี ไม่คิดว่าจะได้เจอโอมอิน หนุ่มรุ่นน้องที่สนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายก่อนได้เจอเพื่อนสนิทที่ตนตั้งใจมาหาในวันนี้เสียอีก

   
“ไงมึง มากับเขาด้วยเหรอ”

   
“ไม่มาได้ไงล่ะพี่ ผมมีส่วนช่วยกับหนังสั้นปีนี้ด้วยนะ” เจ้าตัวพูดราบเรียบ ไม่ได้แสดงท่าทีอวดให้ชวนหมั่นไส้ เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ไอ้หมอนี่หน้านิ่งอย่างไรก็ยังอย่างนั้น

   
“นี่พี่มาดูหนังพี่เอกอ่ะดิ แล้วพี่ ๆ คนอื่นล่ะ”

   
“อือ มันชวนมา คนอื่นไม่มีใครว่าง พี่เลยต้องเป็นตัวแทนทุกคน”

   
โอมอินพยักหน้ารับทราบ “แล้วพี่ใกล้จบยัง”

   
“จบปีนี้แหละ แต่ยังติดฝึกงานอีกช่วงนึง พอดีพี่เก็บช้ากว่าชาวบ้านเขาหน่อย”

   
“อ้าว ไมงั้นวะพี่” ใคร ๆ ก็รู้ว่ารุ่นพี่คนนี้ขยันแค่ไหน เรื่องเรียนเรื่องกิจกรรมไม่เคยมีปัญหา การเรียนล่าช้าจึงเป็นเรื่องเกินคาดสำหรับโอมอินไปสักนิด

   
“ก็รอฝึกงานที่ไลฟ์ เขาว่างให้ฝึกแค่ช่วงนี้ กูจะทำไงได้ละวะ” รณณ์บอกเล่าอย่างอารมณ์ดี ไม่กังวลสักนิดแม้ว่าคนอื่น ๆ ในรุ่นหรือต่างมหาวิทยาลัยจะใกล้จบกันหมดแล้ว เพราะเขาวางแผนไว้แล้วว่ายังพอช่วงเวลาให้ฝึกงานได้อยู่

   
“ไลฟ์? นิตยสารอ่ะเหรอพี่”

   
“เออ” รณณ์ตอบรุ่นน้องก่อนจะหันไปเห็นเพื่อนสนิทเข้าพอดี เขาจึงร้องเรียกอีกฝ่ายให้เข้ามาหา โอมอินอยู่พูดคุยกับทั้งสองคนอีกเล็กน้อยก่อนปลีกตัวออกไป

   
“กูไม่มีอะไรมายินดีกับมึงนะเว้ย”

   
“เออหน่า ใครเขาให้กันวันนี้ อย่าเด๋อ” เอกผลักหน้าผากรณณ์เบา ๆ “แค่เลี้ยงข้าวเย็นกูก็พอ”

   
“หาเรื่องแดกฟรีตลอดเลยมึงอ่ะ”

   
“จะไม่เลี้ยง?”

   
รณณ์ไม่ได้ตอบ เขาเพียงแค่หัวเราะในลำคออีกฝ่ายก็ยกยิ้มพอใจออกมา


“จริง ๆ มึงไม่ต้องรีบมาก็ได้นะ ค่อยมาช่วงเย็น ๆ ทีเดียว หนังกูฉายเกือบสุดท้ายโน่นแหนะ” รณณ์รู้ตารางฉายหนังล่วงหน้าแล้ว หนังสั้นมีทั้งหมดสิบสองเรื่อง จะถูกแบ่งฉายเป็นสี่เซต เซตละสามเรื่อง ซึ่งเรื่องของเอกเป็นเรื่องที่สิบ ดูตามเวลาแล้วก็ฉายตอนหกโมงเย็นเลยทีเดียว


“กูมาดูหนังคนอื่นด้วยเหอะ ลืมรึไงว่ากูชอบดูหนังนะ”


เอกหัวเราะ “กูรู้ แต่นี่ไม่ใช่หนังโรงไง นี่มันหนังเด็ก ๆ ไม่น่าดึงดูดเท่าหนังในตลาดหรอก”


“ดูถูกตัวเองนะมึง คนทำหนังในอุตสาหกรรมหนังก็ล้วนผ่านช่วงเวลาแบบนี้กันมาทั้งนั้นหน่า”


“เออ ๆ เขาเปิดให้เข้าข้างในแล้ว ไป ๆ เข้าไปหาที่นั่ง ตอนเลิกงานเจอกัน อ้อ! มื้อเที่ยงกูไม่ได้ไปกินด้วยนะ”


“เออหน่า มึงไม่ต้องห่วงกูหรอก นี่ใคร? รณณ์นะครับ ดูแลตัวเองได้สบายมาก” รณณ์ตบอกตัวเองด้วยความภูมิใจ


“รณณ์”


นัยน์ตาโตเบิกกว้างทันทีเมื่อหันไปตามเสียงเรียกอีกครั้งของวันแล้วพบว่าใครคือเจ้าของเสียงนั้น


“คุณดีน!” เด็กหนุ่มระบายยิ้มยินดีก่อนสาวเท้าเข้าไปหาด้วยความแปลกใจ “มาได้ไงครับเนี่ย” ไล่สายตามอง ‘เจ้านาย’ ในภาพลักษณ์แปลกตาแล้วอดชมในใจไม่ได้ว่าแต่งตัวแบบนี้แล้วก็เท่ไม่หยอกทีเดียว


“ผมมางานนี้ทุกปีอยู่แล้ว” มาตั้งแต่สถานะในใบลงทะเบียนยังเป็น ‘นักเรียน’ เลยด้วยซ้ำ “คุณล่ะ”


“ผมมาดูงานเพื่อนครับ” เหมือนว่าพอตอบคำถามนั้นของดีนแล้วทำให้รณณ์นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ตนยังยืนคุยกับเพื่อนสนิทอยู่ เด็กหนุ่มจึงหันกลับไปดึงแขนเพื่อนให้มายืนข้างกันพร้อมแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน “นี่เพื่อนผมชื่อเอก คนที่คุณเจอวันที่ไปบริจาคเลือดไงครับ”


“คุณดูสนิทกับเด็กฝึกงานดีนะครับ” เอกมองดีนอย่างไม่ไว้วางใจ เขาสังเกตความสัมพันธ์ของสองคนนี้ตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งนั้นแล้ว ดีนเพียงแค่ยิ้มบางขณะที่รณณ์ตัดบทด้วยการบอกว่าจะรีบเข้าไปหาที่นั่งข้างในพร้อมชวนดีนเข้าไปพร้อมกัน
.

.

.

“ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณที่นี่” ดีนพูดขึ้นเมื่อเข้ามานั่งรอในห้องฉายหนังได้ครู่หนึ่งแล้ว ห้องนี้เป็นห้องสโลปสองชั้น ดีนกับรณณ์เลือกนั่งตรงกลางแถวแรกของชั้นบนซึ่งจัดเป็นอีกหนึ่งทำเลที่ดีที่สุด


“ผมต่างหากละครับที่ต้องเป็นฝ่ายแปลกใจ หืม? ที่คุณถามเมื่อวานนี้…อย่าบอกนะครับว่าจะชวนมางานนี้”


“อืม แต่ไม่กล้าชวน” รณณ์มองใบหน้าด้านข้างของคุณดีนที่มีริ้วแดงจาง ๆ ซับระเรื่อแล้วก็อมยิ้ม จะแซ็วว่าเขินเป็นด้วยก็เกรงจะถูกกลบเกลื่อนด้วยการตำหนิเล็ก ๆ แต่การที่คุณดีนเอาแต่มองจ้องจอยักษ์ทั้งที่มันยังเป็นแค่ผืนผ้าใบว่างเปล่า รณณ์ก็ไม่อาจแปลเป็นอย่างอื่นได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังเขินเขาอยู่


“ทำไมไม่กล้าชวนละครับ”


“ก็ตั้งใจจะมานั่งดูทั้งวัน แล้วใครกันจะอยากมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ด้วยกัน”


รณณ์ยิ้ม “ผมนี่ไงครับ”


คราวนี้ดีนยอมหันมามองหน้ากันตรง ๆ หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน “ผมน่ะ ไม่ชอบให้ใครฝืนใจหรือจะยอมฝืนใจเพื่อใครหรอกนะครับ อย่ากลัวว่าผมจะทำแบบนั้นให้คุณรู้สึกไม่ดีเลยนะ ต่อให้ผมไม่ชอบดูหนัง แต่ถ้าคุณชวน ผมก็อยากจะตอบตกลง ไม่ได้ตอบตามมารยาทหรืออยากรักษาความสัมพันธ์ในฐานะคนกำลังศึกษากันหรอกนะครับ แต่ผมจะตอบรับเพราะอยากใช้เวลาอยู่กับคุณ


“…”


“เพราะฉะนั้น…คราวหลัง ถ้าคุณอยากไปไหนหรือทำอะไร กรุณาชวนผมด้วยนะครับ” 


“หึ เอาแต่ใจน่าดูเลยนะ” ดีนยื่นมือไปโยกศีรษะอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู ยิ่งเด็กมันยิ้มทะเล้นกลับมาก็ยิ่งมันเขี้ยวเสียจนเผลอบีบแก้มใสนั่นเข้าให้ ยิ่งพอเห็นว่าอีกฝ่ายแค่ชะงักไม่ได้เบี่ยงหลบหรือปัดมือออก ดีนก็ยิ่งย่ามใจทำต่ออย่างนึกสนุก


ดีนมองเข้าไปในหน่วยตาคู่นั้นนิ่ง ค่อย ๆ คลี่ยิ้มบางพร้อมกับปล่อยแก้มใสให้เป็นอิสระ “เรื่องเมื่อคืน…”


ดีนไม่รู้จะเริ่มพูดที่ตรงไหน แต่เพียงแค่เกริ่นไปแค่นั้นก็ดูเหมือนว่ารณณ์จะเข้าใจได้ในทันทีว่าเขากำลังจะพูดเรื่องอะไร “เรื่องพี่ผิงน่ะเหรอครับ”


ดีนหยักหน้า “ผมไม่แน่ใจว่าคุณกำลังเข้าใจว่ายังไง”


“คุณดีนอยากให้ผมเข้าใจว่ายังไงละครับ”


“ผมกับผิงเป็นแค่เพื่อนกัน ระหว่างเราไม่มีใครแอบชอบใครทั้งนั้น”


รณณ์ยิ้มกว้าง เป็นยิ้มที่ทำให้ดีนคลายความกังวลใจได้เป็นปลิดทิ้ง “ครับ ผมเชื่อ
.

.

.

ก่อนหนังจะเริ่มฉาย ดูเหมือนว่าการปรากฎตัวของใครบางคนจะเรียกเสียงฮือฮาจากบรรดา ‘คนใน’ ได้เป็นอย่างดี ดีนกับรณณ์เองก็หันไปมอง ได้ยินเสียงแซ็วกันก็พอรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนดังของมหาวิทยาลัย และเมื่อหนังเรื่องที่สองฉาย ก็ทำให้ได้รู้ว่าอีกฝ่ายยังเป็นถึงพระเอกที่มีรอยยิ้มสดใสจนทำเอาคนดูแทบหยุดหายใจกันทั้งโรง รณณ์เพิ่งมารู้ในตอนที่คอมเม้นไตเตอร์ถามถึงหลังจากจบหนังเซตแรกนี่เองว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนรักของรุ่นน้องที่ตนเพิ่งทักทายไปก่อนเข้างาน


โอมอินมีแฟนเป็นผู้ชายอย่างนั้นหรือ?


การที่รุ่นน้องมีคนรักเป็นผู้ชายเป็นสิ่งที่รณณ์ให้ความสนใจมากกว่าคำวิจารณ์หนังเสียแล้ว เด็กหนุ่มหันมองคนข้างกายแล้วก็ได้แต่คิดเปรียบเทียบกับโอมอิน


รณณ์ยอมรับว่าตัวเองมีความรู้สึกดีกับคุณดีน แม้ไม่แน่ใจว่าลึกซึ้งถึงขั้นรักหรือยัง แต่จากที่รู้สึกหนักหน่วงในใจตอนที่สงสัยในความสัมพันธ์ของดีนกับผิง เขาก็มั่นใจว่ามันเกินคำว่า ‘ชื่นชอบ’ ไปมากแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นรณณ์ก็ยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์อย่างที่โอมอินทำ เด็กนั่นแมนกว่าเขาเยอะ แมนในแบบฉบับที่ใกล้กับคำว่าเถื่อนหรือโหด หรืออะไรก็ตามที่จะนิยามความเป็นผู้ชายแบบ ‘โคตรแมน’ ได้ แต่ยังกล้าเปิดเผยตัวว่าคบกับผู้ชายด้วยกัน แฟนโอมอินเองก็ดูเป็นผู้ชายที่แมนมากไม่แพ้กัน ไม่ได้มีท่าทีตุ๊ดแต๋วเลยสักนิด พอย้อนกลับมามองดูตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ตนก็ใช่ว่าจะแต๋ว ยิ่งคุณดีนยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ทำไมถึงไม่กล้าเผยความรู้สึกครั้งนี้ให้ใครรู้


ในตอนที่เอกถามถึงความสนิทสนมที่มากเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง รณณ์รีบเบี่ยงประเด็นทันทีเพราะยังไม่พร้อมให้เพื่อนคลางแคลงใจในความสัมพันธ์ จริงอยู่ที่เขาเปิดกว้างเรื่องคบเพศเดียวกัน แต่ลึก ๆ แล้วกลับไม่กล้าที่จะชัดเจน


เขากำลังกลัวอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ?


รณณ์ไม่รู้…


ไม่รู้ว่ากลัวคนรอบข้างรู้แล้วจะรับไม่ได้แล้วความสัมพันธ์ครั้งนี้เป็นอันต้องจบลง


หรือแค่กลัวว่าตัวเองยังไม่พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้


“เป็นอะไร นั่งถอนหายใจใหญ่เลย”


รณณ์ไม่ตอบคำถาม เขามีสติพอจะได้ยิน แต่เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายถามว่าอย่างไร เขาจึงได้แต่นั่งมองหน้าคุณดีนแล้วคลี่ยิ้มบางออกมา คุณดีนใส่ใจเขาเสมอ แม้อีกฝ่ายจะตั้งใจฟังคำวิจารณ์หนังแค่ไหน แต่สิ่งที่ไม่เคยลืมก็คือเขา คุณดีนรับรู้และสนใจตลอดว่ารณณ์กำลังทำอะไรหรืออยู่ในอารมณ์แบบไหน นั่นยิ่งทำให้รณณ์รู้สึกผิด


“หืม? ดีนส่งเสียงในลำคอแทนการถามซ้ำ มือหนายกขึ้นเกลี่ยปอยผมหน้าม้าที่เริ่มยาวลงมาบดบังนัยน์ตาสุกใส การกระทำอุกอาจที่แสนอ่อนโยนทำให้รณณ์ชะงักจนดีนเผลอคิดไปว่าอีกฝ่ายคงไม่สะดวกใจจะให้เขาแสดงความรักโจ่งแจ้งในที่สาธารณะแบบนี้


“ขอโทษ” ดีนดึงมือกลับมากอดอกไว้แล้วตั้งใจฟังคำวิจารณ์หนังต่อ


ระหว่างเขาสองคนมีความเงียบเข้าครอบงำเหมือนหลาย ๆ ครั้งที่อยู่ด้วยกัน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนทำให้รณณ์รู้สึกอึดอัดใจอย่างครั้งนี้มาก่อน รณณ์ไม่คิดว่าท่าทีของคุณดีนในตอนนี้คือการไม่พอใจเขา อีกฝ่ายคงแค่กำลังเว้นช่องว่างระหว่างกันเพื่อให้เขาสบายใจเท่านั้นเอง แต่ทำไมคนที่ยังไม่พร้อมจะเปิดเผยอย่างเขาถึงกำลังรู้สึกเหมือนกำลังถูกเพิกเฉย


เหมือนคุณดีนกำลังหันหลังให้


หนังสั้นเซตแรกจบลงแล้วพร้อมกับการเบรกพักกลางวัน ดีนหันมาหมายจะถามคนข้างกายว่าจะไปพักด้วยกันหรืออยากไปกับเพื่อน แต่พอเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งกุมมือก้มหน้าเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา มือหนายกขึ้นตั้งใจจะเลื่อนไปกุมมือคู่นั้นด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ต้องชะงักเพราะคิดถึงเรื่องเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ จากที่เป้าหมายเป็นมือคู่นั้นกลับต้องเปลี่ยนไปวางลงบนไหล่เล็กแทน

 
“เป็นอะไรรึเปล่า?”


คนถูกทักสะดุ้งตัวเล็กน้อย “ปะ เปล่าครับ”


แม้ไม่เชื่อแต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้ให้อีกฝ่ายรำคาญใจ “อืม ไปทานข้าวด้วยกันไหม”


คนเด็กกว่ามองตาแป๋วก่อนจะตอบรับด้วยการพยักหน้างึกงักรัวเร็ว


สองหนุ่มยืนขึ้นในตอนที่คนส่วนใหญ่กำลังทะยอยกันออกจากโรง ผู้คนเบียดเสียดกันจนดีนต้องรอให้มีพื้นที่ว่างสำหรับตนก่อนที่จะก้าวเดินบ้าง


คุณดีนเริ่มเคลื่อนตัวออกห่างไปแล้ว ในตอนนั้นเองที่รณณ์ตัดสินใจยื่นมือออกไปคว้าอีกฝ่ายเอาไว้ และตำแหน่งที่เลือกก็คือมือขวา สัมผัสอุ่นชื้นที่ได้รับแบบคาดไม่ถึงทำให้ดีนหันกลับมามองคนที่ยังเอาแต่ก้มหน้ามองพื้น ทว่าริ้วแดงระเรื่อที่พาดบนแก้มใสนั่นไม่อาจปิดบังความรู้สึกไว้ได้


ดีนมองภาพนั้นแล้วเผยยิ้มด้วยความเอ็นดู ตัดสินใจกระชับมือบางให้เข้าที่เข้าทางและแนบแน่นมากขึ้น เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะปฏิเสธก็ใจชื้น


“ผมถือว่าคุณตัดสินใจที่จะเดินไปด้วยกันแล้วนะ”
ดีนพูดเย้าทว่าไร้แววล้อหลอก คนฟังช้อนตามองก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงหนักแน่นไม่แพ้กันพร้อมยิ้มกว้าง “ครับ”


ดีนชอบที่รณณ์ยิ้มแบบนี้ เขามองว่ามันเป็นรอยยิ้มที่สวยและทำให้โลกของเขามันสว่างไสว แม้ว่าวันนี้จะมีพระเอกหนังสั้นคนหนึ่งยิ้มได้สวยกว่า แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เขารู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเองไม่ได้หลงรักรอยยิ้มของใครง่าย ๆ หรือหลงรักผู้ชายทุกคนที่ยิ้มสวย





แต่เขาหลงรักรณณ์แค่คนเดียวต่างหาก


















TBC.
--------------------------------------------------------------------------------
หายไปนาน เค้าขอโทษ~~~~~
นอกจากจะไปเที่ยวมาแล้วยังงานเยอะอีกด้วย
ดีใจที่ยังมีคนรอคุณดีนกับน้องรณณ์นะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่ทั้งติและชมรวมถึงให้กำลังใจกัน
ตอนนี้อาจจะสั้นไปนิดเพราะไม่อยากให้รอนาน
ใครอยากรู้ว่าโอมอินและแฟนของเขาคือใคร ตามไปอ่านกันได้ที่ 「โรคประจำใจ」 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61653.msg3695501#msg3695501 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61653.msg3695501#msg3695501)

ฝาก #ไม่ดิ้นรนหา ด้วยนะคะ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 24-09-2017 17:47:27
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 24-09-2017 17:49:55
ฮือออ ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 24-09-2017 18:04:44
ยบ้างทีโลกก็หมุนไป แต่จะมีใคร ที่เข้าใจตัวเอง แล้วทำตามใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-09-2017 18:08:28
 :L2: :L1: :pig4:

ค่อยๆศึกษาใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 24-09-2017 19:40:20
เดินไปด้วยกันให้ยาวๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 24-09-2017 19:53:25
งือออออ พี่ดีนน้องรณณ์ดีกับใจมากเลยค่ะ เยียวยากาอนสอบมิดเทอมมาก 555555555555555555
เอ็นดูทั้งคู่เว่ออออ ไม่รู้จะอิจฉาใครระหว่างพีาดีนกะน้อง อยากได้ทั้งคู่เลย 5555555
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 24-09-2017 20:04:52
ในที่สุดก็มา ละมุนละไมมมมม
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 24-09-2017 20:18:46
คุณดีนน้องรณณ์ ละมุนละไมเหลือเกิน พร้อมเดินไปด้วยกันแล้วน้า  :-[
ชอบที่คุณดีน พูดเรื่องผิงชัดเจนไปเลย ดีที่ไม่ปล่อยให้น้องเข้าใจอะไรไปเอง
เรื่องของสามคนนั่น ก็ให้เขาไปจัดการกันเองเถอะ
ตอนนี้คุณดีน แค่ดูแลหัวใจน้องรณณ์ก็พอแล้ว
รอตอนต่อไปค่า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-09-2017 20:53:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-09-2017 22:37:06
นึกว่าจาฝาด อหหหหห ดีใจที่มาต่อ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-09-2017 23:55:24
 :man1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 25-09-2017 15:13:45
 :ling1: :ling1:
ดีใจที่มาต่อนะคะ รอคุณดีนเสมอเลยยยยย
เขาค่อยๆเรียนรู้กันไปเนอะ :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 26-09-2017 17:42:09
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ ตอนแรกๆนี่คือลุ้นแล้วลุ้นอีก คลาดกันไปมาตลอด
สุดท้ายก็ได้เจอกันแล้วตอนนี้ก็ตกลงปลงใจกันเสียที เย้
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: blue colour ที่ 29-09-2017 21:30:07
ฮือออออคุณดีนทำไมเป็นผู้ชายที่ละมุนขนาดนี้ ชอบในความชัดเจนมีอะไรก็รีบเคลียร์ไม่ปล่อยให้ยึดเยื้อไป
น้องรณณ์ก็ค่อยๆเคลียร์ความรู้สึกของตัวเองเนาะ ใจตรงกันขนาดนี้แล้วววว :-[
เดี๋ยวจิตามไปเรื่องต่อไปนะคะอิอิ :katai5:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 30-09-2017 19:33:56
ละมุนละไมมากเลยคู่นี่
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 14-10-2017 23:14:50
มารอเจอคุณดีนทุกวันเลยนะคะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 14 [24/09/17] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-10-2017 20:32:44
สนุกมากเลยค่ะ ความสัมพันธ์แบบเรื่อยๆมาเรียงๆ ดี๊ดี
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 15 [2/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 02-11-2017 15:07:38

ห า กั น จ น เ จ อ

ตอนที่ #15









DEAN @DEANada . 2m
ขอบคุณที่ยอมเดินไปด้วยกัน




ถ้าไม่ใช่เพราะขลาดเขินเกินกว่าจะนั่งข้างกันเงียบ ๆ ได้ รณณ์คงไม่ได้เห็นข้อความนี้ในทวิตเตอร์ แต่เพราะหลังจากสารภาพความรู้สึกผ่านการกระทำไปแล้ว ความประดักประเดิดที่เกิดขึ้นก็ชวนให้เขินอายขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทวิตเตอร์ที่ถูกปล่อยร้างมานานจึงถูกเปิดขึ้นอีกครั้งในตอนที่กลับเข้ามานั่งประจำที่รอหนังรอบบ่ายฉาย


ใบหน้าหล่อใสที่ยังมีริ้วแดงจาง ๆ หันมองคนข้างกายแล้วพบว่าอีกฝ่ายเองก็เอาแต่เลื่อนนิ้วไปมาบนหน้าจอที่แสดงแอพฯเดียวกัน


“รณณ์”


“คะ ครับ” เพราะไม่ทันคิดว่าอีกฝ่ายจะหันมามองพร้อมเปิดบทสนทนา รณณ์จึงตอบรับตะกุกตะกักออกไปพร้อมหันหน้าหนีมาปรับความรู้สึกใหม่ก่อนจะหันไปสบตาอีกครั้ง


“เย็นนี้กลับด้วยกันไหม”


“เอ่อ... ผมนัดกับเพื่อนไว้แล้วครับ”


“จริงสิ คุณมาเพราะเขานี่” ดีนพึมพำเบา ๆ ไร้วี่แววของความน้อยใจให้รณณ์ลำบากใจ “แล้วงานประจำมหา’ลัยปีนี้ วันเสาร์หน้าใช่ไหม คุณจะไปกี่โมง?”


“คงไปช่วงสาย ๆ หน่อยครับ นัดเพื่อน ๆ ไว้ว่าจะไปช่วยรุ่นน้องที่บูธคณะในส่วนของการแนะแนวน่ะครับ”


“อืม ผมคงเข้าไปบ่ายเลย ช่วงเช้าตั้งใจจะไปถ่ายรูปที่อ่างเก็บน้ำสักหน่อย ได้ข่าวมาว่าเขาสร้างศาลาใหม่แถวนั้นนี่ ใช่ไหม?”


“คุ้น ๆ อยู่เหมือนกันนะครับ” รณณ์หัวเราะแห้ง


“อะไรกัน นี่ยังเป็นนักศึกษาอยู่จริงรึเปล่า ทำไมไม่แน่ใจได้ล่ะ” ดีนยิ้มล้อ


“ก็มันไกลจากคณะผมซะขนาดนั้น นานทีปีหนถึงจะผ่านไปสักครั้งนี่ครับ” พอดีนชวนคุยเรื่องสัพเพเหระก็ทำให้รณณ์ลดความประหม่าลงไปได้เยอะจนสามารถพูดคุยและสบตาได้อย่างเป็นธรรมชาติเหมือนก่อน เพียงแต่รอยยิ้มสดใสที่แต้มใบหน้าตลอดเวลามากกว่าเก่านั้นตกอยู่ในสายตาของใครบางคนอยู่ตลอดด้วยเช่นกัน








“ผลงานปีนี้ดีหลายเรื่องเลยนะ ผมชอบมาก” ดีนเอ่ยในตอนที่หลายคนกำลังทะยอยออกจากที่แห่งนี้หลังจากจบโปรแกรมฉายหนังมาราธอนแล้ว หากแต่ความคิดเห็นนั้นกลับไม่ได้รับการตอบรับจากคนข้างกาย พอหันไปมองก็พบว่าอีกฝ่ายเอาแต่จ้องมองมาด้วยใบหน้ายิ้มทะเล้น


“เชื่อแล้วครับว่าชอบมาก” ก็หน้าคุณดีนดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัดขนาดนั้น ไม่ต้องบอกเขาก็ดูออกว่าเจ้าตัวอิ่มเอมขนาดไหน


“เดี๋ยวเถอะ!” ดีนเคาะนิ้วลงปลายจมูกเด็กดื้อเสียหนึ่งทีด้วยความมันเขี้ยวแล้วจับจูงให้เดินออกไปด้วยกัน


“คุณชอบเรื่องไหนที่สุด? ...อ่ะ แต่บอกไว้ก่อนว่าห้ามตอบว่าเรื่องที่เพื่อนคุณกำกับนะ”


รณณ์ขำ “ทำไมละครับ”


“เถอะหน่า อยากฟังคุณพูดถึงเรื่องอื่นมากกว่า”


“อืม…ผมชอบพล็อตกับการเดินเรื่องของ inbox แต่ชอบมุมกล้องเรื่อง goodnight interlude อืม...เลือกยากจังเลยนะครับ”


ดีนมองคนกำลังใช้ความคิดเพลิน ๆ ไม่รู้สักนิดว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนหรือมองด้วยสายตาอย่างไร มารู้ตัวเอาตอนที่คนถูกมองชะงักกึกแล้วหน้าแดงระเรื่อขึ้นอีกครั้งของวัน “มองแบบนี้ผมก็คิดไม่ออกกันพอดีสิครับ”


“มองแบบไหน”


“ฮื่อ ก็แบบนี้ไงครับ”


ดีนอมยิ้ม “อ่ะ ๆ ไม่มองแล้วก็ได้ ตกลงว่าประทับใจเรื่องไหนสุด”


“Felt ครับ”


“หืม? คุณเป็นเด็กติสต์เหรอ? หรือชอบดูหนัง sci-fi” ดีนมีสีหน้าฉงนเพราะคำตอบของเด็กหนุ่มถือว่าเกินคาด นอกจากเรื่องดังกล่าวจะเป็นแนว sci-fi แล้ว เนื้อหายังติสต์แตกแหวกแนวเสียจนถ้ามองผิวเผินคงจะเข้าถึงได้ยาก


“เปล่าครับ ผมแค่ชอบพระเอก”


“...”


รณณ์ถึงกับหลุดขำพรืดก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาเต็มเสียงเมื่อเห็นหน้าคุณดีนที่นิ่งเหวอไปหลังจากได้ยินคำตอบของเขา “พูดเล่นครับ นั่นน่ะผู้ชายนะ ใครจะไปชอบกันละครับ” ...มิหนำซ้ำยังเป็นแฟนของรุ่นน้องที่สนิทกันด้วย


“เดี๋ยวรณณ์…” ดีนคว้าแขนที่เล็กกว่าของอีกฝ่ายไว้ให้หยุดเดินแล้วหันกลับมามองหน้ากัน “...ผมก็เป็นผู้ชายนะ”


“ครับ” รณณ์ขมวดคิ้วมุ่น ไม่เข้าใจว่าคุณดีนกำลังพูดถึงอะไร


“คุณไม่ชอบผมเหรอ?”


อ่า...เข้าใจแล้ว


“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ” จากตอนแรกที่ดีนรั้งแขนคนเด็กกว่าไว้ ตอนนี้กลายเป็นว่าอีกฝ่ายเกาะแขนเขาแน่นเสียเอง


“แล้วมันยังไง”


“กะ ก็...ก็…”


“หืม?”


“ไม่ได้ชอบผู้ชายคนอื่น แต่ชอบแค่คุณดีนคนเดียวครับ”


ถ้าตอนสารภาพออกมาไม่มัวแต่ก้มหน้าหลบสายตา รณณ์คงทันได้เห็นแววตาแพรวพราวและมุมปากบนใบหน้าตี๋อินเตอร์ยกขึ้นแล้วเม้มอมยิ้มอย่างพอใจแล้ว


“ผมก็ชอบแค่คุณคนเดียวเหมือนกัน”


ดีนระบายยิ้มกว้าง ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะพูดคำที่แสดงความรู้สึกทำนองนี้กับใครได้ ว่ากันตามตรงแล้วเขาไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง ความรู้สึกตกหลุมรักใครสักคนหนึ่ง


เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าคำว่า ‘ชอบ’ ไม่ได้พูดยากขนาดนั้น


ฝ่ายรณณ์เองก็เขินจนทำตัวไม่ถูก แค่คุณดีนบอกว่าชอบก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าว ใจเต้นรัวเร็วยิ่งกว่าตอนได้จูบแฟนคนแรกเสียอีก






ดีนอาสาจะอยู่เป็นเพื่อนรณณ์รอเอกเก็บของ แต่รณณ์ปฏิเสธพร้อมบอกว่าตนจะช่วยเพื่อนอีกแรง คงไม่ได้นั่งเหงาอย่างที่ดีนกังวล ชายหนุ่มลูกเสี้ยวจึงกลับไปก่อนโดยไม่ลืมกำชับทิ้งท้ายว่าให้เขาโทร.หาเมื่อกลับถึงหอพักแล้ว









“รอนานนึดนึง โทษทีว่ะ”


เอกเดินเข้ามาหารณณ์ในตอนที่ห้องสโลปกลับมามีสภาพเหมือนก่อนเปิดใช้งาน ซึ่งกว่าจะกลับไปเป็นสภาพนั้นได้ก็ทำให้คนรอต้องนั่งแกร่วคนเดียวนอกห้องนานถึงเกือบสองชั่วโมง


“ถ้ามึงยอมให้กูช่วยก็คงไม่ต้องรอนานขนาดนี้หรอกว่ะ”


“ให้พวกกูทำกันเองน่ะแหละดีแล้ว อะไรอยู่ตรงไหนมึงก็ไม่รู้ ลำบากเปล่า ๆ”


ใบหน้าบึ้งตึงของคนรอขยับขึ้นลงส่ง ๆ เออออไปตามเรื่องราวเพราะคร้านจะเถียงด้วยจนคนมองหมั่นไส้ต้องยื่นมือมาขยี้หัวให้เจ้าตัวหน้ายุ่งกว่าเดิม “เพื่อเป็นการไถ่โทษ กูจะยกยอดที่มึงต้องเลี้ยงกูไปวันอื่นละกัน”


“อยากไถ่โทษจริงต้องยกเลิกไปเลยเว้ย”


“แหม ไอ้เพื่อนรัก มึงไม่บอกให้กูเลี้ยงมึงด้วยซะเลยล่ะ”


“อันนั้นมึงควรจะคิดได้เองป่ะวะ”


“เดี๋ยวโบกหัวทิ่มไอ้สัด!”


รณณ์ระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจพลางพาตัวออกห่างฝ่ามือของเพื่อนไปด้วย แต่สุดท้ายก็ถูกดึงกลับมาเดินข้างกันจนไปถึงร้านอาหารในห้างใกล้ ๆ อยู่ดี







ผู้ชายสองคนวัยกำลังกินกำลังโตหิวโซจนจะกินช้างได้ทั้งตัวขนาดนี้คงไม่มีที่ไหนที่จะฝากท้องได้ดีไปกว่าร้านบุฟเฟ่ต์อีกแล้ว


สองหนุ่มนั่งตรงหน้าหม้อชาบูแบบเดี่ยวกันคนละหม้อซึ่งเป็นตำแหน่งใกล้จุดเริ่มต้นของสายพาน ใบหน้าหล่อใสสมวัยสดใสขึ้นทันทีเมื่อจานสารพัดเนื้อเลื่อนมาตรงหน้า รณณ์คีบตะเกียบในมือรอ ขยับนิ้วให้ตะเกียบกระทบกันจนเกิดเสียงด้วยความหิวและจดจ่อกับจานที่ต้องการ เอกมองหน้าเพื่อนที่กำลังมีความสุขแล้วก็พบว่าตัวเองกังวลบางอย่างจนไม่อาจระบายยิ้มได้เต็มหน้าแบบนั้นบ้าง





“อ่ะ”


จานอาหารทานเล่นถูกวางลงบนพื้นที่ว่างระหว่างกัน คนที่วุ่นอยู่กับการคีบสารพัดเนื้อใส่หม้อตัวเองหันมองแล้วพบว่าล้วนเป็นของโปรดตัวเองทั้งนั้นก็เอ่ยขอบคุณเพื่อนที่ใจดีลุกไปตักมาให้


ครึ่งชั่วโมงผ่านไปโดยไร้บทสนทนาต่อกัน ต่างคนต่างจัดการอาหารตรงหน้าด้วยความหิว จนกระทั่งสิบห้านาทีต่อจากนั้นที่ความเร็วในการคีบอาหารเข้าปากเริ่มลดลง ถึงอย่างนั้นรณณ์ก็ยังคีบเนื้อลงต้มในหม้ออย่างต่อเนื่อง ขณะที่เอกนิ่งไปสักพักใหญ่แล้ว จุดโฟกัสของเอกกลายเป็นเพื่อนสนิทข้างกายมากกว่าอาหารหลากหลายชนิดตรงหน้าได้ครู่หนึ่งแล้ว ความคิดกังวลเกี่ยวกับเพื่อนคนนี้ไหลวนอยู่ในหัวจนพาลให้ความอยากอาหารลดลงไปกว่าครึ่ง


“รณณ์”


“หืม?” ครางรับทั้งที่ปากยังเคี้ยวอาหารเต็มสองแก้ม เอกยิ้มเอ็นดู จะหิวอะไรขนาดนี้ เห็นแล้วอยากจะยื่นมือไปตบแก้มที่โป่งออกให้อาหารพุ่งออกมาเสียจริง


“ถามอะไรหน่อยได้ไหม”


เพราะจับกระแสเสียงได้ว่ามีความจริงจังอยู่มากทีเดียว รณณ์ถึงได้รีบเคี้ยวรีบกลืนแล้วดื่มน้ำตามเสร็จสรรพก่อนหันมาหาเพื่อนตรง ๆ “ได้ดิ”


“มึงกับคุณดีนอะไรนั่น เป็นมากกว่าเจ้านายกับลูกน้องใช่ไหม?”


คิดไว้อยู่แล้วว่าน่าจะเป็นคำถามที่หนีไม่พ้นเรื่องของคุณดีน แต่รณณ์ก็ไม่คิดว่าจะถูกถามแบบนี้ เขามองสบตาเพื่อนสนิทที่จ้องมองมาอย่างรอคำตอบก่อนจำใจพยักหน้ารับพร้อมเอ่ยตอบไม่เต็มเสียงนัก “อืม”


“รู้ใช่ไหมว่ากูหมายถึงสถานะไหน?” เอกถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ


“รู้”


รณณ์ไม่ได้มองสบตาแล้ว นัยน์ตาใสหันหลบกลับมามองหม้อชาบูของตัวเอง หยิบตะเกียบมาเขี่ยเนื้อในหม้อแก้เก้อ รู้สึกมือไม้มันเกะกะจนไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนขึ้นมาเสียอย่างนั้น


“ไม่รังเกียจใช่ไหมที่กูเป็นแบบนี้”


“ไม่เลยรณณ์ มึงเป็นเพื่อนกูนะ แต่กูเป็นห่วงมึงมากกว่า”


มองอย่างไรเพื่อนเขาก็คงหนีไม่พ้นสถานะ ‘เมีย’ แล้วไอ้สถานะนี้ ผู้ชายแมน ๆ ที่ไหนก้าวเข้าไปแล้วจะออกมาคืนสู่ความเป็นธรรมชาติของเพศชายได้อีก ผู้หญิงที่ไหนจะยอมให้คนเคยอยู่ในสถานะแบบเดียวกันมารุกตัวเองกันเล่า


“เขาคือคุณดีน คนเดียวกับที่กูเคยเล่าให้ฟัง”


“คนที่มึงตามทวิตกับไอจีเขาอ่ะนะ”


รณณ์พยักหน้าแทนคำตอบ


อย่างนี้นี่เอง มิน่า...สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าทำไมความรู้สึกแบบนั้นถึงได้เกิดขึ้นเร็วนัก


“ชอบกูได้รึเปล่า?”


“เห้ย! พูดอะไรของมึงเนี่ย”


“ชอบผู้ชายคนอื่นได้ไหม?”


“บ้าไปแล้ว!”


“ตอบ”


รณณ์ไม่ได้ตอบในทันที และเอกก็ใจเย็นพอที่จะรอให้อีกฝ่ายได้คิดไตร่ตรอง


“ไม่ได้ดิ จะชอบคนอื่นได้ไง ชอบเขาแค่คนเดียว” ถึงจะเสียงเบาทว่าคำตอบนั้นทั้งชัดเจนทั้งหนักแน่น และเอกก็ไม่ได้รอนานจนเกินกระพริบตาเดียวเลยด้วยซ้ำ


เอกมองหน้าเพื่อนสนิทนิ่ง “มึงไม่ได้ชอบผู้ชาย มึงชอบแค่เขา แล้วมึงรู้ได้ไงว่ามึงชอบเขาแบบคนรัก มึงอาจจะแค่ปลื้ม แค่ดีใจที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดไอดอลของมึง แล้วก็บังเอิญว่าเขาก็เป็นคนดีอย่างที่มึงคิดไว้ มึงก็เลยยิ่งประทับใจเขาเข้าไปใหญ่...”


รณณ์กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อคิดตามเพื่อน


“...อาจจะแค่นั้นเองนะ”


“...”


“แล้วนี่...ถึงขั้นไหนกันแล้ว”


รณณ์หันมองหน้าเอกเลิ่กลั่ก “ยังไม่ได้เป็นแฟนกันนะเว้ย”


“เท่าที่กูดู ความรู้สึกมึงไปไกลกว่าแค่รู้สึกดีกันแล้วนะ แน่ใจเหรอว่าที่มันยังไม่พัฒนาไปถึงการกำหนดสถานะชัดเจนไม่ได้เป็นเพราะว่าเขาจะกั๊กมึง”


“...”


“คิดดูดี ๆ ก่อนนะเว้ย ความสัมพันธ์แบบนี้มันไม่ยั่งยืน ใครจะรู้ว่าวันข้างหน้าเป็นยังไง วันนี้อาจจะรู้สึกดี วันข้างหน้าอาจจะไม่ดีแล้วก็ได้”


“...”


“แล้วรู้ใช่ไหมว่าถ้าคบกันจริง ๆ มึงจะอยู่ในโพสิชั่นไหนของความสัมพันธ์”


อะแค่ก ๆ


“มะ ไม่ถึงขั้นนั้นไหมล่ะ” คนถูกถามหน้าแดงก่ำ แดงทั้งหน้าลามไปหูและลำคอจนดูน่าสงสาร รณณ์ไม่ได้ใสซื่อจนไม่เข้าใจสิ่งที่เพื่อนต้องการจะสื่อ เขาก็เป็นวัยรุ่นชายคนหนึ่ง มีหรือจะไม่เข้าใจเรื่องสัมพันธ์ทางกายของคู่รัก และรู้ด้วยว่าหากเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นระหว่างตนกับคุณดีนจริง ตนจะอยู่สถานะไหน


“อะไรที่ไม่ถึงขั้นนั้น?...” เอกยังถามจี้ “...ชอบเขาไม่มากพอจะไปถึงขั้นคบกัน หรือคิดว่าคนคบกันจะไม่มีเรื่องแบบนั้นมาเกี่ยวข้อง”


“...”


“คิดดี ๆ นะ เป็นเกย์รับแล้วมันยากจะกลับมาคบผู้หญิงได้นะเว้ย” เอกวางมือลงบนบ่าเพื่อน ตบเบา ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ “ไหนจะพ่อแม่อีก มึงเป็นลูกคนเดียวนะรณณ์ เขาจะรับได้เหรอวะ”


“...”


“มึงแน่ใจแล้วเหรอว่าชอบเขามากพอที่จะยอมเสี่ยงอ่ะ”










ผ่านมาหลายวันแล้วก็ยังไม่มีคำตอบจากรณณ์เหมือนเดิม


รณณ์ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับคุณดีนมันมากมายถึงขั้นไหน ทั้งที่เจอหน้ากันทุกวัน กินเที่ยวเดินเล่นหลังเลิกงานกันเกือบทุกวัน เขาสนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ผู้ชายคนนั้น แต่ก็ไม่มั่นใจตัวเองเหมือนกันว่าความสุขที่มีมันมากพอให้ตัวเองยอมสู้กับสิ่งที่ต้องพบเจอเพื่อให้ได้ครอบครอง ‘ความสุข’ ที่ว่านั่นหรือเปล่า


“รณณ์!!”


“คะ ครับพี่”


“เป็นไรวะ นั่งเหม่ออยู่ได้” ทศยืนค้ำโต๊ะมองหนุ่มรุ่นน้องที่ทำหน้าเลิ่กลั่ก


“พี่ทศมีอะไรจะใช้ผมเหรอครับ” รณณ์พบว่าตอนนี้ที่โต๊ะเขาไม่ได้มีแค่ตนกับทศสองคน แต่มีพี่ ๆ คนอื่นในแผนกอีกสามคนยืนล้อมเขาไว้ด้วย ท่าทางเหมือนกำลังจับกลุ่มกันคุยถึงเรื่องบางอย่างอยู่


“เปล่า พี่แค่จะถามว่าแกได้เล่มเลิฟรึยัง” เล่มเลิฟคือชื่อที่คนในแผนกนี้เรียกกันเล่น ๆ แทนฉบับเดือนแห่งความรักที่ถูกเปลี่ยนคอลัมน์หลักกะทันหัน ฟังดูประชดประชันคุณดีนอย่างไรก็ไม่รู้


“ได้มาแล้วครับ”


เรื่องของความทรงจำขายได้เสมอ


ในตอนนี้พนักงานทุกคนโดยเฉพาะแผนกคอลัมน์ต่างก็ยอมรับว่าคุณดีนฉลาดหลักแหลมในการเปลี่ยนหัวข้อฉบับรายเดือนกุมภาพันธ์ เพราะนิตยสารไลฟ์ฉบับที่เพิ่งวางแผงมีธีมหลักเป็นความรักในรูปแบบที่ไม่ใช่ความสัมพันธ์ขายดิบขายดีจนเกลี้ยงแผงก่อนที่รณณ์จะได้มาไว้ในมือเป็นอนุสรณ์ของความพยายามเสียอีก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณดีนให้มา รณณ์ก็ไม่รู้ว่าตนจะตามหาเล่มดังกล่าวได้ที่ไหนอีก
 

“เฮ้ย! ได้มายังไงวะ พี่ตามหาทุกแผงละแวกนี้ยังไม่เจอสักเล่ม” ทศถาม


“นั่นดิพี่ สงสัยคนจะอยากสะสมว่ะ อย่างว่าแหละ เดี๋ยวนี้คนเขาโหยหาอดีตกันทั้งนั้น ยิ่งเก่ายิ่งมีคุณค่า” หนึ่งในสามออกความเห็นก่อนที่รณณ์จะถูกถามซ้ำด้วยคำถามเดิม


“คุณดีนให้มาครับ” รณณ์ตอบตามความจริง ไม่ทันได้สังเกตถึงความเคลือบแคลงใจบนใบหน้าของทศ


“เฮ้ย! ทำไมคุณดีนต้องให้แกด้วยวะ” หนึ่งในนั้นโวยวายขึ้นมา


“เอ่อ…” รณณ์อ้ำอึ้งเพราะหาคำตอบให้อีกฝ่ายไม่ได้ ทำไมต้องให้อย่างนั้นหรือ? ตอนได้รับมาคุณดีนบอกว่าอยากให้...อยากให้เห็นว่าบทความที่เคยถูกเรียกไปพบที่ห้องทำงาน ท้ายที่สุดแล้วมันก็ถูกตีพิมพ์ไว้หน้าแรก ๆ พร้อมภาพประกอบที่เป็นเขาเดินสวนกับผู้คนบนถนนที่อีกฝ่ายเคยอัพลงอินสตาแกรมส่วนตัวมาแล้ว


“ก็เป็นผลงานของนักศึกษาฝึกงานไง บอกอเขาอยากให้เก็บไว้ แปลกตรงไหน” ดาวที่เดินมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เอ่ยบอกไขข้อข้องใจให้ทุกคนทำเอาวงสนทนาของเหล่าชายหนุ่มแตกฮือแยกกันกลับโต๊ะตัวเองไปแทบไม่ทัน จะมีก็แต่ทศที่ยังเอ่ยทักทายหัวหน้าสาวได้อย่างเป็นปกติก่อนกลับไปนั่งที่โต๊ะเช่นเดียวกับคนอื่น


เห็นท่าทางของพวกพี่ ๆ รณณ์ก็อยากจะขำอยู่เหมือนกัน ติดตรงที่หัวหน้ายืนอยู่ตรงนี้ มิหนำซ้ำเธอยังเพิ่งเอ่ยแก้ตัวแทนเขาอีกด้วย “พี่ดาวมีอะไรจะให้ผมทำรึเปล่าครับ”


“เย็นนี้เอาดอกไม้ไปขอบคุณคุณภพหน่อยนะ พี่สั่งดอกไม้แล้วก็นัดเขาไว้ให้แล้ว”


รณณ์เบิกตากว้าง “ทำไมถึงให้ผมไปละครับ ผมไปได้เหรอครับพี่ดาว”


“ก็ต้องได้สิ เราเป็นคนไปสัมภาษณ์เขามานะ เราก็ต้องเป็นคนไปขอบคุณเขาสิ”


รณณ์พยักหน้าเข้าใจ “เอ่อ...ไปกับคุณดีนเหรอครับ” ก็ครั้งก่อนคุณดีนเป็นคนพาไปสัมภาษณ์ ครั้งนี้ไปขอบคุณก็ควรต้องไปด้วยกันไม่ใช่หรือ


“เปล่า ไปคนเดียว...ไม่สะดวกเหรอ?”


“ปะ เปล่าครับ แต่แอบกังวลว่าจะทำได้ไม่ดีพอ อีกอย่าง ผมเป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน ไม่น่าจะไปเป็นตัวแทนของสำนักพิมพ์ได้นะครับ”


ดาวยิ้มเอ็นดู “ไปเถอะ ไม่ต้องคิดมาก คุณภพเขาก็เป็นกันเองกับรณณ์นี่ ใช่ไหมล่ะ” ก็ถ้าไม่ชอบไม่ถูกใจ อีกฝ่ายคงไม่ระบุตัวบุคคลมาในตอนที่เธอบอกว่าอยากนัดขอบคุณสำหรับบทสัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าเธอตั้งใจจะส่งรณณ์ไปอยู่แล้วก็ตาม


ก่อนจากไปดาวแนะนำการปฏิบัติตัวกับการพบเจอครั้งนี้คร่าว ๆ โดยไม่ลืมเน้นย้ำทั้งสถานที่และเวลานัดกับเด็กหนุ่มด้วย








ฉากกอดกันในคืนงานเลี้ยงปิดเล่มของบรรณาธิการหนุ่มกับหัวหน้าแผนกพิสูจน์อักษรสาวเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาลูกน้องทุกคนจนไขข้อกังขาเรื่องความสัมพันธ์แสนยุ่งเหยิงของสองหนุ่มสองสาวได้หมดจดจนกลายเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ให้สาว ๆ ซุบซิบกันในช่วงพักกลางวันดังเข้าหูรณณ์มาเกือบทั้งสัปดาห์


“นั่น ๆ เดินมาโน่นแล้วแก เดี๋ยวนี้ตัวติดกันยิ่งกว่าเดิมอีกนะเนี่ย” กลุ่มผู้หญิงต่างแผนกโต๊ะข้างหลังซุบซิบกันดังจนรณณ์ต้องเงยหน้าจากจานอาหารกลางวันขึ้นไปดู คุณดีนเดินมากับพี่ผิงจริง ๆ แล้วก็จริงอย่างที่พวกเธอพูดกัน ภาพสองคนนี้เดินเคียงคู่กันมาในแคนทีนกลางของบริษัทกลายเป็นภาพชินตาในช่วงหลายวันมานี้เสียแล้ว คุณดีนมองสบตาเขาแวบหนึ่งพร้อมส่งยิ้มบางมาให้จนเหมือนยิ้มให้คนทั่วไปไม่ได้ระบุตำแหน่งของคนรับแล้วก็เดินเลี้ยวไปทางอื่นไม่ได้แวะเข้ามาทักทาย รณณ์ไม่รู้ว่าตัวเองมองตามคู่หนุ่มสาวด้วยสายตาแบบไหน มีเพียงแค่หนุ่มรุ่นพี่ร่วมแผนกเท่านั้นที่รู้เพราะหรี่ตามองมาอย่างครุ่นคิดอยู่ตลอด


“มองตามเขาตาละห้อยเชียว อยากมีแฟนบ้างเหรอวะ” ทศถามขึ้นลอย ๆ ทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตากินข้าวจนทำให้หลายคนที่ร่วมโต๊ะอยู่ด้วยให้ความสนใจใคร่รู้ว่าทศหมายถึงใคร ขณะที่คนถูกพูดถึงก็ร้อนตัวจนแสดงท่าทีเลิ่กลั่กออกมาให้คนอื่นชี้เป้าได้


“ไอ้รณณ์ แกเหรอวะ?”


“แค่มองเฉย ๆ หน่าพี่ ไม่ได้อยากมีแฟน”


“แต่เขาก็เหมาะสมกันจริง ๆ นั่นแหละ เดินคู่กันแล้วเคมีพุ่งมาก”


“อะไรของมึง เคมงเคมีอะไร”


“ก็เคมีคู่รักไงพี่ สาว ๆ เขาชอบพูดกัน เป็นคอลัมนิสต์ต้องหมั่นอัพเดทศัพท์วัยรุ่นนะพี่ จะเอาท์ไม่ด้ายยยยย” ทศแทบจะตบหัวคนพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะลากเสียงพยางค์สุดท้ายจบประโยค หมั่นไส้เสียจนต้องหันไปให้ความสนใจเด็กฝึกงานแทน


“แล้วเย็นนี้จะให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม?”


“ไม่เป็นไรครับ เกรงใจพี่อ่ะ”


“หรือมีใครไปด้วยแล้ว”


“เฮ้ย จะไปมีได้ไง ผมไปคนเดียวเนี่ยแหละพี่ พี่ดาวเขาขอมา คงอยากให้ผมเป็นงานมั้ง”


ทศพยักหน้า เพราะอะไรหัวหน้าสาวถึงบอกเด็กหนุ่มแบบนั้นเขาก็ไม่เข้าใจ แต่ที่แน่ ๆ คงไม่ใช่เหตุผลที่อีกฝ่ายเข้าใจไปเอง เพราะเท่าที่เขาทำงานที่นี่มา กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าไอ้ธรรมเนียมการส่งดอกไม้ไปขอบคุณเจ้าของบทสัมภาษณ์นี่ไม่เคยมีมาก่อน นี่เป็นครั้งแรก และถ้าให้เดาก็คิดว่าคงจะเป็นครั้งเดียวของนิตยสารเราด้วย


“แต่จริง ๆ ก็อยากไปกับคุณดีนนะ” รณณ์เผลอพูดออกมาแผ่วเบาด้วยเพราะไม่คิดอะไรแต่ก็ยังไม่รอดพ้นหูทศไปได้


“หืม? สนิทกันมากเหรอกับเขาน่ะ”


“ก็คุณดีนเป็นคนพาไปสัมภาษณ์นี่ครับ แต่ครั้งนี้ต้องไปคนเดียว ประหม่าจะแย่”


“พี่หมายถึงที่เรียกเขาว่า ‘คุณดีน’ น่ะ สนิทกันมากเหรอ”


รณณ์หน้าเหวอ รู้ตัวแล้วว่าพลาด เผลอใช้ถ้อยคำแสดงความสนิทสนมเกินฐานะนักศึกษาฝึกงานกับเจ้านายในที่ทำงาน “เอ่อ…”


“อยู่ห่าง ๆ เขาไว้หน่อยก็ดีนะ พี่เตือนด้วยความหวังดี”


ไร้ท่าทีล้อเล่น แววตาของรุ่นพี่ร่วมแผนกจริงจังเกินกว่าที่รณณ์จะคาดเดาได้













TBC.
----------------------------------------------------------------
หายไปนาน ครั้งนี้นานเกินหนึ่งเดือน
แต่ตอนต่อไปจะไม่นานแล้วววว
#ไม่ดิ้นรนหา

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 15 [2/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-11-2017 16:21:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 15 [2/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 02-11-2017 16:51:08
ทำไมพี่ทศพูดงี้ล่ะ อย่ามาทำให้น้องไม่มั่นใจในตัวคุณดีนสิ T^T
ไม่อยากให้น้องไปเจอคุณภพคนเดียวเลยอ่ะ
ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 15 [2/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 02-11-2017 17:31:18
ทำไมล่าา คุณดีนไม่ดียังไง
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 15 [2/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsaizzz ที่ 02-11-2017 19:54:23
ขอบคุณที่มาอัพค่า เอาอีกๆ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 15 [2/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-11-2017 20:48:56
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 15 [2/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 02-11-2017 21:07:49
คุณดีนหนุ่มตี๋อินเตอร์ เรานึกทีไรหน้าไอซ์ซึก็ลอยมาว่าน่าจะประมาณนี้ 5555 ลืมไปเลยว่าตามเรื่องนี้ เรื่องราวที่อ่านแล้วรู้สึกดี ขอบคุณที่มาต่อคับ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 15 [2/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-11-2017 22:43:04
ทศ กับ ดาว มีลับลมคมในแปลกๆ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 15 [02/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 03-11-2017 07:37:00
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 15 [02/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-11-2017 12:40:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 15 [02/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 03-11-2017 17:42:25
เป็นความละมุนในสีเทาๆ
รอน้องรณณ์ชัดเจนในตัวเอง
แต่ที่พี่ทศพูดหมายความว่ายังไงคะพี่ทศ พี่รีบมาเฉยค่ะ
อย่าปล่อยน้องรณณ์ของดิฉันคิดมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 15 [02/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 03-11-2017 20:21:37
เอาใจช่วยคุณดีนกับน้องรณณ์นะคะ แงงงงง
ไม่มีอุปสรรคระหว่างกัน แต่มีเพราะคนรอบข้างเสมอเลย
ถึงจะอยากให้น้องไม่คิดมากแต่ถ้ามันยากอ่ะการห้ามความคิด
รู้สึกตงิดใจกับคุณดาว...หรือว่ารู้ว่าน้องกับคุณดีนมีซัมธิงกันมั้ยอะ ทำไมส่งน้องไปหาคุณลูกค้าคนนั้น? อยากจะเอาคืนคุณดีน??
ขอกลัวล่วงหน้า จะมาม่าไหมน้าาา555555555555555  :katai1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 15 [02/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 03-11-2017 21:22:33
ใครๆก็ขัดขวางคุณดึน สู้สู้นะคุณดึน  :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 25-11-2017 16:21:03

ห า กั น จ น เ จ อ

ตอนที่ #16










นิตยสารไลฟ์ประจำเดือนกุมภาพันธ์เพิ่งวางแผงไปได้ไม่กี่วันพร้อม ๆ กับที่เพิ่งเริ่มเข้าเดือนใหม่นี้ด้วยแต่ทีมกองบรรณาธิการและหัวหน้าจากทุกฝ่ายกลับรีบเข้าประชุมเพื่อหารือสำหรับฉบับถัดไปตามคำสั่งด่วนของบรรณาธิาการหนุ่ม


ทศหวาดหวั่นว่าหัวหน้าสูงสุดของตนจะถามหาไอเดียสำหรับเล่มใหม่เสียเหลือเกิน ถึงแม้ว่าตนกับน้อง ๆ ในแผนกจะคุยเล่นกันมาบ้างแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีการปรึกษาหารือกันอย่างเป็นทางการ ถ้าเขาเสนอออกไปเลยก็อาจจะไม่ถูกใจอีกฝ่ายได้


ผิดคาดเสียที่ไหน


บรรณาธิการหนุ่มผู้มีเชื้อสายชาวตะวันตกถามหาไอเดียการจัดทำเล่มใหม่จริงดังคาด เพียงแต่บรรยากาศไม่ได้ตึงเครียดอย่างที่คิด ดีนเพียงแค่ต้องการฟังไอเดียกว้าง ๆ และหลากหลายเพื่อป้องกันปัญหาการนำเสนอแบบเอนเอียงไปทางหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งมากเกินไปอย่างเดือนก่อนเท่านั้นเอง ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมต่างก็ให้ความร่วมมือเสนอความคิดเห็นกันเป็นอย่างดี


“คุณทศไม่ลองถามบอกอดูก่อนล่ะคะ บางทีเล่มนี้บอกออาจจะอยากทำธีมความรักก็ได้นะ เพราะตอนนี้เข้าเดือนกุมภาฯแล้ว บอกออาจจะอินกว่าเดือนที่แล้วก็ได้” ดาวยิ้มหวานทว่าภายใต้ถ้อยความราบเรียบนั้นปิดซ่อนความจงใจบางอย่างที่ดีนไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายกำลังพาดพิงถึงเรื่องใด หลายคนในที่ประชุมหันมองหน้าหัวหน้าแผนกคอลัมน์สาวสลับกับบรรณาธิการหนุ่มไปมาจนเกิดความเงียบขึ้น


“แหมพี่ดาวคะ บอกอเขาไม่ใช่คนโรแมนติกขนาดนั้นหรอกค่ะ” ผิงเอ่ยยิ้ม ๆ แสร้งทำท่าทีขลาดเขินที่ทำเอาคนมองต่างฟันธงถึงความสัมพันธ์ของเธอกับดีนได้ทันที


“เหรอจ๊ะ”


ดีนมองสองสาวที่ส่งยิ้มให้กันเหมือนคล้ายจะเป็นมิตร แต่ผู้ชายอย่างดีนก็มองออกว่านี่มันสงครามขนาดย่อมของผู้หญิงชัด ๆ


การประชุมจบลงภายในเวลาสองชั่วโมงไม่ขาดไม่เกินแต่ได้ข้อสรุปที่คนเรียกประชุมด่วนพึงพอใจไม่น้อย ดีนลุกขึ้นยืนพร้อมหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาส่งข้อความถึงรณณ์อย่างที่ทำหลังเลิกงานในช่วงหลายวันมานี้เพื่อนัดแนะสถานที่พบเจอ


‘ผมนำดอกไม้ไปขอบคุณคุณภพครับ’


คำบอกกล่าวผ่านโปรแกรมแชททำให้คนรับสารขมวดคิ้วมุ่น สองเท้าพาร่างสูงใหญ่ออกจากห้องประชุมไปเป็นคนแรก และด้วยช่วงขาที่ยาวกว่าคนเอเชียทั่วไป ทำให้เพื่อนสาวที่เดินตามออกมาทีหลังต้องถูกทิ้งห่างพอสมควร


ขอบคุณอย่างนั้นหรือ?


เนื่องในโอกาสอะไรวะ


พอถามกลับไปด้วยความสงสัย คำตอบที่ได้กลับมาก็ยิ่งทำให้ดีนฉงนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก


‘ขอบคุณสำหรับบทสัมภาษณ์ที่มีส่วนทำให้ยอดขายหนังสือถล่มทลายครับ’


ช่วยงานพี่ชายมาสามปี รับตำแหน่งบรรณาธิการหลังเรียนจบมาอีกสองปีถ้วนเขาก็ยังไม่เคยรับรู้ถึงธรรมเนียมการส่งดอกไม้ไปขอบคุณคนดังที่ให้เกียรติกับนิตยสารในการสัมภาษณ์เลยสักครั้ง ไม่ต้องพูดถึงการส่งบุคลากรไปมอบให้ด้วยตัวเองแบบนี้เลย ยิ่งคน ๆ นั้นเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ สัมภาษณ์เสร็จมอบเช็คเงินสดให้หรือให้ฝ่ายบัญชีโอนไปให้ก็เป็นอันจบ อย่างมากก็แค่เลี้ยงอาหารเพิ่มอีกสักมื้อในกรณีที่มีความสนิทสนมกันสักนิด แต่กรณีของคุณภพอะไรนั่น ดีนมั่นใจว่าตนไม่ได้สนิทด้วย


ไม่คิดจะสร้างสัมพันธมิตรด้วยเลยสักนิดเดียว


และถ้าถามหาคนออกคำสั่ง ดีนก็ขอคิดแบบไม่อคติเลยว่าคงหนีไม่พ้นหัวหน้าแผนกที่ดูแลเด็กคนนั้น


“What the hell !!”


สองเท้าหยุดชะงักในตอนที่เผลออุทานออกมาอย่างหัวเสียเมื่อรู้ว่ารณณ์ออกไปพบพิธีกรชื่อดังเพียงลำพัง ไม่ถามรายละเอียดก็พอรู้ว่ารณณ์ไม่ได้นำดอกไม้ไปยื่นให้แล้วก็ลาจากหมดหน้าที่แค่นั้น แต่ต้องมีการร่วมโต๊ะมื้อเย็นด้วยกันอย่างแน่นอน


ฝ่ายนั้นก็เรียกร้องตั้งแต่ครั้งก่อนแล้วนี่


ดีนไม่รอช้ารีบกดโทร.ออกหาคนอ่อนวัยกว่าทันทีก่อนรีบสาวเท้าไปยังลิฟต์เพื่อกลับไปเอาของจำเป็นที่ห้องทำงาน ใจมันร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว แค่วันนั้นนั่งอยู่ด้วยยังแทบอยากจะพาอีกฝ่ายลุกไปก่อนสัมภาษณ์เสร็จด้วยซ้ำไป แล้ววันนี้ถ้าปล่อยให้รณณ์ไปคนเดียว แค่คิดก็เกือบจะคุมสติตัวเองไม่ได้เสียแล้ว


“รณณ์! อยู่ที่ไหน? เจอเขารึยัง? รอ...”


[เดี๋ยวครับคุณดีน] กดรับสายยังไม่ทันส่งเสียงทักทายก็โดนอีกฝ่ายรัวคำถามใส่ไม่ยั้งจนต้องแทรกเสียงทะลุกลางปล้องแต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะไม่ได้ยินกันเสียอย่างนั้น


“...รอผมก่อนได้ไหม อย่าเพิ่งเข้าไป ผมกำลังรีบไปหานะ…”


[เดี๋ยวครับคุณดีน คุณดีนครับ!]


“หะ ห๊ะ” คนร้อนรนได้สติมากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเรียกด้วยระดับเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม


[ใจเย็น ๆ ครับ]


คุณก็พูดได้สิ! คนทางนี้จะเย็นได้อย่างไรไหว


ดีนสูดหายใจลึก ลูบหน้าลูบตาให้ใจเย็นลงตามคำบอกของปลายสาย “อยู่ไหน”


รณณ์ส่งเสียงหัวเราะขบขันมาตามสาย [นึกว่ารู้แล้วเสียอีก ได้ยินว่ากำลังจะออกมาหาผมนี่ครับ]


“อยู่ไหนรณณ์” เสียงดีนดุขึ้นเล็กน้อย เขาไม่มีเวลามาพูดเล่นด้วยมาก อีกฝ่ายไม่ทุกข์ร้อน แต่เขาไม่ใช่


“แชร์โลเคชั่นมานะ ผมต้องวางสายแล้ว กำลังจะขึ้นลิฟต์”


สองขายังไม่ทันก้าวเข้าไปในกล่องโดยสารขนาดใหญ่ เสียงเรียกของใครบางคนก็ดังขึ้นจนต้องหันไปให้ความสนใจ


“จะไปร้านกาแฟข้าง ๆ นี่อีกแล้วเหรอ เอ๊ะ! หรือวันนี้อยากทานอาหารไทย” ดาวร้องถามรั้งคนที่กำลังรีบอย่างหน้าซื่อตาใส คงมีแต่คนโดนถามเท่านั้นที่รู้ว่าตนกำลังโดนปั่นหัวอยู่ ซึ่งดีนก็ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายทำไปเพื่ออะไร


ประตูลิฟต์ปิดลงอีกครั้งและเคลื่อนลงไปตามคำสั่งเรียกของคนชั้นอื่น ดีนไม่สนใจจะต่อปากต่อคำด้วย หันกลับไปกดเรียกลิฟต์อีกครั้ง


“ไปทานข้าวสิคะ วันนี้ผิงอยากทานอาหารไทยรสจัดจ้าน” ผิงที่เดินตามหลังมาติด ๆ แทรกตัวเข้ามาฉวยเอาแขนเพื่อนชายไปคล้องด้วยท่าทางสนิทสนม ใครหลายคนที่ทยอยกันเดินออกจากห้องประชุมล้วนเห็นภาพนี้จนต้องหันไปซุบซิบกันยิ้ม ๆ


ดาวปรายตามองรุ่นน้องสาวแล้วหันกลับมามองเป้าหมายเบอร์หนึ่งของเธออีกครั้งพร้อมยิ้มหวาน “ทานอาหารไทยให้อร่อยนะคะบอกอ”


ประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้งจากการเรียกของดีนแต่มันได้ปิดลงพร้อมพาร่างของหญิงสาวที่เพิ่งพูดจากำกวมใส่เขาจากไป ผิงคลายมือที่เกาะแขนแกร่งออก ใบหน้าสวยหันมองเพื่อนชายอย่างต้องการคำตอบ


“เล่ามาให้ละเอียดเลยนะยะ”


“อะไร”


“ก็เรื่องที่พี่ดาวกำลังต้อนนายอยู่นี่ไง มันอะไรกัน”


“แต่เธอทำเหมือนรู้เรื่องดีเลยนะผิง”


“รู้อะไรล่ะ เข้าใจคำว่าเซ้นส์ไหมคะบอกอ เซ้นส์ของฉันมันบอกว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ”


ดีนส่ายหน้าระอา ไม่มีอารมณ์จะต่อบทด้วยเพราะเป็นห่วงเด็กหนุ่มเกินกว่าจะสนใจเรื่องยิบย่อยพวกนี้








ร้านอาหารไทย!


ดีนอยากจะบ้าตายเมื่อพบว่าโลเคชั่นที่รณณ์ส่งมาให้คือร้านอาหารไทย ถ้อยคำกำกวมที่ดาวเพิ่งพูดใส่เขาหลังประชุมเสร็จผุดขึ้นมาในหัว รู้ได้ทันทีว่าการที่จุดนัดหมายของคุณภพอะไรนั่นกับรณณ์เป็นร้านอาหารไทยก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!


“นี่มันอะไรกัน” ไม่รู้ว่าตกกระไดพลอยโจรหรือเพราะความอยากรู้ส่วนตัวถึงทำให้เพื่อนสาวคนสนิทติดรถเขามาด้วยจนถึงร้านอาหาร ดีนไม่ตอบคำรีบวนหาที่จอดรถแล้วติดต่อหาเด็กหนุ่มทันที


“อ้าว ไปไหนอ่ะ” ผิงร้องโวยวายเมื่อเพื่อนชายรุดออกจากรถไปหลังโทร.หาใครสักคนแล้วพูดแค่ว่า ‘ผมถึงแล้ว’


“รอฉันด้วยสิดีน ดีน! อะ อ้าว” ไม่ใช่แค่เสียงของหญิงสาวที่ขาดหายไปพร้อมกับความแปลกใจที่เกิดขึ้น แต่บุคคลที่สามเองก็เช่นเดียวกัน รอยยิ้มสดใสที่มอบให้กับคนมาใหม่จางหายเมื่อพบว่ามีใครอีกคนตามมาด้วยก่อนจะคลี่ยิ้มบาง ๆ ให้คนทั้งคู่


“รณณ์?” ผิงหันมองนักศึกษาฝึกงานหนุ่มสลับกับเพื่อนตัวเองด้วยความสงสัย ส่งสายตาแทนคำถามให้คนเป็นเพื่อนแต่กลับไม่ได้รับความกระจ่างใดกลับมาสักนิด


“เขามารึยัง” ดีนถามเด็กหนุ่ม สีหน้าเรียบเฉยทว่าแววตาขุ่นข้องอยู่ไม่น้อย


“เพิ่งถึงเมื่อครู่นี้เองครับ นี่เลยเวลานัดมาสิบนาทีแล้ว เรารีบเข้าไปกันเถอะครับ”


“เดี๋ยวดีน” ผิงรั้งแขนเพื่อนชายไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินตามรณณ์เข้าไปทำให้รณณ์ต้องหันมามองด้วยเช่นกัน


“อย่าเพิ่งถาม ฉันรู้ว่าเธอฉลาดพอที่จะรู้ว่าต้องปฏิบัติตัวยังไง” ไม่มีเวลาให้หญิงสาวหน้าเหวอหรือสงสัยได้นานนักเพราะสองหนุ่มเดินลิ่วเข้าร้านไปแล้ว





สิบนาทีไม่ถือว่านานเลยสักนิดสำหรับการรอเจอคอลัมนิสต์หน้าเด็กของนิตยสารไลฟ์ ภพแทบจะนับเวลารอตั้งแต่ที่ได้รับแจ้งจากคนของทางนิตยสารว่าจะส่งใครคนนั้นมามอบดอกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ ตอบแทนสำหรับบทสัมภาษณ์เมื่อครั้งก่อน แต่ไม่คิดเลยว่าสิบนาทีที่รอคอยจะทำให้เขาได้เจอใครอีกคนด้วย มิหนำซ้ำครั้งนี้ยังมีตัวแถมที่ไม่คุ้นหน้ามาด้วยอีกหนึ่งคน


สามหนุ่มหนึ่งสาวทักทายกันพอเป็นพิธี ดีนเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายที่มาสายกว่าเวลานัดทั้งที่เป็นฝ่ายขอนัดเจอเองพร้อมกับรับดอกไม้ช่อโตจากเด็กหนุ่มแล้วยื่นไปให้ ภพยิ้มรับบอกไม่ถือสากับความเสียมารยาทเล็กน้อยแค่นี้ก่อนเชิญชวนให้นั่งร่วมโต๊ะอาหาร


ผิงฉลาดพอที่จะรู้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรอย่างที่ดีนว่าไว้ เพราะแม้จะสงสัยการมอบช่อดอกไม้เพื่อขอบคุณสำหรับบทสัมภาษณ์แต่เธอก็ยังปั้นหน้ายิ้มหวานได้ไม่บกพร่องสักนิด


แม้ภพจะผิดหวังที่มีผู้ร่วมมื้ออาหารไม่ได้รับเชิญเกินมาถึงสองคนแต่การที่หญิงสาวหนึ่งเดียวจัดแจงให้คนอ่อนวัยสุดมานั่งข้างเขาก็พอจะทำให้อาหารมื้อนี้พิเศษขึ้นมาได้บ้าง


ดีนหันมองเพื่อนสาวด้วยความไม่พอใจ จะค้านออกมาให้เสียมารยาทไปมากกว่านี้ก็ทำไม่ได้จึงจำยอมต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น


ผิงยิ้มกริ่ม แม้ว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารจะตึงเครียดกว่าที่เธอคิดไว้ก็ตามแต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนุกสำหรับเธอนัก


พิธีกรหนุ่มชื่อดังที่เอาอกเอาใจเด็กหนุ่มเกินกว่าเหตุนั้นทำให้เพื่อนชายของเธอไม่เจริญอาหารเอาเสียเลยจากเดิมที่ก็ไม่ใช่รสชาติที่ชื่นชอบอยู่แล้วด้วย ใบหน้าขมึงตึงไม่รับแขกของดีนทำให้คนถูกปรนนิบัติตักนั่นนี่ให้อย่างดีจากแขกพลอยหน้าเจื่อนไปด้วย รณณ์เหลือบตามองมาทางดีนเป็นระยะ อาจจะเพราะเกรงใจหรืออะไรก็ตาม แต่ทั้งหมดนั้นอยู่ล้วนในสายตาของเธอ


จะว่าไปความสัมพันธ์ของสองคนนี้ก็ชักแปลก บรรณาธิการกับนักศึกษาฝึกงานจะสนิทสนมกันได้มากขนาดไหนกัน ในบริษัทเล็ก ๆ ก็อาจจะไม่น่าสงสัย แต่นี่องค์กรใหญ่ ประชุมแต่ละครั้งก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้คนในสถานะชั่วคราวอย่างรณณ์เข้าด้วยเลยสักครั้ง ถ้านับครั้งจริง ๆ คงเจอกันอย่างเป็นทางการในบริษัทแค่ตอนที่เริ่มโปรเจคเล่มที่เพิ่งวางขายไปเท่านั้น


ผิงเลิกคิดว่าสองหนุ่มต่างสถานะไปสนิทกันตอนไหนและสนิทกันได้อย่างไร สิ่งที่เธอกำลังสังเกตท่าทางของทั้งคู่เพื่อหาคำตอบคือสองคนนี้สนิทกันในฐานะไหนมากกว่า


หลายครั้งที่สองคนนี้อยู่ด้วยกันมันมีอะไรบางอย่างที่เธอสัมผัสได้ว่ามากเกินกว่าเจ้านายกับนักศึกษาฝึกงาน ไหนจะครั้งที่ดีนมารับเธอแล้วมีเด็กหนุ่มติดรถมาด้วย ครั้งที่สองก็เมื่อวันงานเลี้ยงปิดเล่มที่เธอแกล้งเมาแล้วดีนชวนอีกฝ่ายกลับบ้านด้วยกัน เพราะครั้งนั้นเธอมัวสนใจแต่เรื่องของตัวเองจนไม่ทันได้ตั้งข้อสงสัยอะไรกับเพื่อนสนิท แต่วันนี้...เธอคิดว่าดีนคงต้องมีคำตอบให้เธอได้แล้ว


“เอ่อ...คุณภพไม่ต้องตักให้ผมหรอกครับ ผมดูแลตัวเองได้”


“ไม่เป็นไร ผมเต็มใจ”


“รายการที่คุณภพจัดสนุกมากเลยนะคะ ดิฉันติดตามทุกตอนเลยค่ะ” ชวนเขาคุยเพื่อดึงดูดความสนใจออกจากรณณ์เสียหน่อยก่อนที่ใครบางคนแถวนี้จะกำช้อนจนงอหักไปเสียหมด




อาหารไทยมื้อนี้ไม่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยทานมาในชีวิตครึ่งห้าสิบปี ทั้งฝืดคอและฝาดเฝื่อนอย่างบอกไม่ถูก ไม่มีอะไรถูกปากทั้งที่ผิงก็อุตส่าห์ออกโรงสั่งเมนูจืดชืดมาให้เขาแล้วก็ตาม


หลังจากที่ผิงเริ่มเปิดบทสนทนาชวนพิธีกรชื่อดังคุยถึงผลงานสร้างชื่อ เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาก็ดูจะหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น รณณ์ยิ้มผะแผ่วส่งมาให้ อีกฝ่ายคงกลัวว่าเขาจะไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดีนจึงส่งยิ้มบางกลับไปเพื่อให้รู้ว่าตนไม่ได้โกรธเคืองเขาสักนิด


ทุกอย่างเกือบจะจบลงด้วยดีถ้าแขกคนพิเศษของนิตยสารไม่ขอช่องทางการติดต่อของรณณ์ ครั้งก่อนไม่ทันได้ขอเพราะดีนรีบออกตัวว่ามีงานต่อ เด็กหนุ่มอ้ำอึ้งหันมองดีนเป็นเชิงขอความเห็น ใจจริงเขาคิดว่าให้ไปก็ไม่เสียหายเพราะอีกฝ่ายคงไม่ได้คิดอะไรด้วย แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาสนใจเขาอยู่แล้ว เพิ่งจะมีคุณดีนเป็นคนแรก และก็หวังจะให้เป็นแค่คนเดียวด้วย


“อะไรกัน บริษัทของคุณมีนโยบายห้ามพนักงานติดต่อส่วนตัวกับคนที่เขาสัมภาษณ์ด้วยเหรอครับ” ภพเอ่ยเย้าทีเล่นทีจริง


“เปล่าหรอกครับ ผมให้อิสระกับพนักงานของเราเต็มที่อยู่แล้ว” ดีนบอกเสียงเรียบ


“ผมให้เฟซบุ๊คแล้วกันนะครับ ปกติคนที่ผมร่วมงานด้วยก็จะให้เอาไว้เพื่อติดตามความเป็นไปของกันและกันอยู่แล้วครับ” เมื่ออีกฝ่ายยอมรับข้อเสนอ รณณ์ก็รับโทรศัพท์มากดแอคเคาน์ให้เพราะอย่างไรเสียตนก็ไม่ค่อยได้เล่นโซเชียลตัวนี้อยู่แล้ว ขณะที่ภพคิดว่าแม้จะไม่ได้เบอร์โทร.แต่อย่างน้อยเฟซบุ๊คก็ยังมีลู่ทางให้ติดต่อกันทั้งแชทและโทร.ด้วยได้ แม้ว่าเขาจะเป็นดาราที่ไม่ค่อยได้เล่นมันเลยก็ตาม


สิ้นสุดมื้ออาหารที่ชวนกระอักกระอ่วนใจที่สุดในชีวิตของรณณ์ ทั้งสามคนก็โดยสารรถคันเดียวกันเพื่อกลับที่พัก


“แวะส่งผมที่บีทีเอสข้างหน้าก็ได้ครับบอกอ” รณณ์ที่นั่งเบาะหลังบอกด้วยความเกรงใจท่ามกลางความเงียบในห้องโดยสาร


“เดี๋ยวผมไปส่ง”


ผิงหันมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเพื่อนสนิทก่อนจุดยิ้มที่มุมปากสวย “ส่งรณณ์ก่อนแล้วเราไปหาอะไรกินกันนะ”


“กินอะไรอีก เธอยังไม่อิ่มรึไง”


“นายนั่นแหละที่ยังไม่อิ่ม อาหารไม่ถูกปากไม่ใช่เหรอ เมื่อกี้นี้น่ะ ฝืดคอน่าดูเลยนี่” จะให้ปิดความขบขันมิดได้อย่างไรเมื่อคนขับทำหน้ารำคาญใส่และคนที่นั่งเบาะหลังก็เอาแต่ก้มหน้าจับมือตัวเองแน่นเสียอย่างนั้น พฤติกรรมน่าสงสัยแบบนี้จะให้เธอปล่อยผ่านไม่เคลียร์กันวันนี้ได้อย่างไรไหว


“บอกอเขาไม่ชอบอาหารไทยน่ะจ่ะ แล้วรณณ์ล่ะ อิ่มรึยัง”


“อะ อิ่มแล้วครับ” ต่อให้ไม่อิ่มก็ไม่อาจเสนอหน้าไปทานด้วย เขาอาจจะอยากไปกันสองคนมากกว่า ส่วนเกินอย่างเขาก็คงต้องถอยออกมา


“อิ่มเหรอทานไปแค่นั้น” ดีนพูดด้วยความเป็นห่วง ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอแสดงท่าทีหงุดหงิดออกไปจนทำให้อีกฝ่ายยิ่งใจเสีย


“อิ่มแล้วครับ”


“รณณ์…” ดีนมองสบตาเจ้าของชื่อผ่านกระจกมองหลัง สังเกตมาตั้งแต่เจอหน้ากันที่ร้านอาหารแล้วว่าผิดปกติ


“...จำที่ผมเคยบอกได้ใช่ไหม”


เรื่องไหน?


‘อยู่ห่าง ๆ เขาไว้หน่อยก็ดีนะ พี่เตือนด้วยความหวังดี’


“ที่บอกว่าผมกับผิงเป็นเพื่อนกัน ระหว่างเราไม่มีใครแอบชอบใครทั้งนั้น”


“...”


“คุณเชื่อใจผมใช่ไหม”


รณณ์พบว่าตนเองไม่สามารถหาเหตุผลไหนมาลบล้างความเชื่อใจที่มีต่อคุณดีนได้เลย อีกฝ่ายจะชี้นกเขาก็ว่านก ชี้ไม้เขาก็ว่าไม้


เขาเชื่อใจคุณดีนมาตั้งนานแล้ว


“ครับ”







(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 25-11-2017 16:22:50





“ผมกับผิงเป็นเพื่อนกัน ระหว่างเราไม่มีใครแอบชอบใครทั้งนั้น คุณเชื่อใจผมใช่ไหม” ผิงแกล้งทำเสียงใหญ่ล้อเลียนเพื่อนตนเองหลังจากที่เด็กหนุ่มเดินเข้าไปในหอพักแล้ว “แหมมมมม อะไรยังไงคะบอกอ”


“จะกลับคอนโดเลยไหม”


ผิงเบะปาก เปลี่ยนเรื่องไปก็เท่านั้น อย่างไรเสียวันนี้เธอก็ต้องรู้เรื่องทั้งหมดให้ได้ “ไปกินข้าวกันก่อนสิ นายยังไม่อิ่มเลยนะ”


“ฉันกลับไปกินที่คอนโดได้”


“แต่ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”


“คุยบนรถก็ได้”


ผิงฟึดฟัดขัดใจ คุยบนรถไม่ได้จ้องตาแล้วรู้สึกว่าล้วงความลับจากอีกฝ่ายได้ไม่หมด แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องยอมอย่างเสียไม่ได้


“นายมีอะไรจะบอกฉันไหม”


“เรื่องอะไร”


“อย่าโย้เย้หน่า นายกำลังมีความรักใช่ไหม”


ดีนถอนหายใจหนัก ๆ “คิดว่าใช่”


“คุณพระ! จริง ๆ เหรอเนี่ย นี่นายมีความรักจริง ๆ เหรอ นี่ฉันฝันไปรึเปล่า นายมีความรักอ่ะ”


“ปลดเบลท์สิ ฉันจะชนท้ายรถคันนั้น เผื่อหัวเธอโขกกับคอนโซลแล้วจะได้เชื่อว่าไม่ได้ฝันอยู่” ดีนพูดหน้านิ่งจนเพื่อนสาวค้อนเข้าให้วงใหญ่


“นายแน่ใจแล้วเหรอดีน คือฉันก็ไม่ได้อะไรกับการที่นาย...เอ่อ ชอบผู้ชายด้วยกันนะ แต่นายไม่เคยมีความรัก ไม่เคยรู้จักมัน แล้วรู้ได้ไงว่าชอบน้องมันจริง ๆ” รณณ์เองก็ใช่ว่าจะดูเป็นเกย์ ถ้าเกิดว่าดีนเข้าใจความรู้สึกของตัวเองผิดไป คบกันไปจะพาน้องเสียหายหรือเปล่า


“แล้วเธอรู้ได้ไงว่าการที่เธอรู้สึกกับเพศตรงข้ามอย่างพี่ชายฉันมันคือความรัก”


ผิงกลืนริมฝีปากเข้าหากันไม่โต้เถียง


“อย่าจำกัดความว่าต้องต่างเพศก่อนถึงค่อยมาจำแนกความรู้สึกที่เกิดขึ้นว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้”


“...”


“ธันว์เคยบอกว่าความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฉันไม่รู้หรอกนะว่าสำหรับเธอแบบไหนเรียกว่าความรัก แต่สำหรับฉัน ความรักคงเป็นการยอมให้เขาเข้ามาอยู่ในโลกของเราได้ และอยากรักษาเขาไว้ให้อยู่ในนี้ตราบนานเท่านาน”


“หมายความว่าแผนในอนาคตของนาย มีรณณ์อยู่ในนั้นด้วยแล้วเหรอ” ผิงจำได้ว่าทุกครั้งที่เพื่อนในกลุ่มชวนคุยถึงอนาคต ต่างคนต่างพูดถึงสิ่งที่ตนอยากทำ และหนึ่งในสิ่งที่คิดตรงกันคือการสร้างครอบครัว แม้กระทั่งคนที่บ้างานที่สุดในกลุ่มก็ยังเคยบอกไว้ว่าจะมีคู่ชีวิตบ้างานไปด้วยกัน แต่ดีนไม่เคยนึกถึงใครคนนั้น ทุกอย่างที่ดีนอยากทำล้วนแต่ทำเพียงลำพัง ดีนคิดแต่เพียงว่าจะทำมันคนเดียวได้อย่างไร เขาไม่เคยคิดว่าชีวิตในอนาคตของตัวเองจะมีใครอีกคนมาเคียงข้าง...ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว


“อืม” คิดไว้บ้างแล้ว


“แต่พวกนายเพิ่งรู้จักกันได้แค่เดือนเดียวเองนะ”


“ก็กำลังทำให้มันมีเดือนที่สองที่สามและเดือนต่อไปตามมานี่ไง”


ผิงมองเพื่อนชายคนสนิทอย่างพิจารณา แม้ไม่ได้มองสบตาแต่เธอก็รับรู้ได้ว่าความมุ่งมั่นต้องฉายออกมาจากหน่วยตาคู่คมนั้นแน่ ตั้งแต่รู้จักกันมานี่ก็ย่างเข้าปีที่เจ็ดแล้ว ไม่มีการตัดสินใจครั้งไหนที่ดีนจะล้อเล่นเลยสักครั้ง


“ฉันก็ไม่ได้อยากจะห้ามหรอกนะ แต่ยังมีอีกอย่างที่นายไม่ควรลืม”


“...”


“เจ้านายกับนักศึกษาฝึกงานคบกันน่ะ มันดูไม่ดีนักหรอกนะ”












ค่ำคืนที่ผ่านมาดีนไม่ได้ติดต่อรณณ์มากไปกว่าการส่งข้อความสั้น ๆ ไปบอกฝันดีตอนใกล้เวลานอนของอีกฝ่าย เรื่องที่เพื่อนสาวคนสนิทพูดมาเมื่อตอนเย็นยังคงรบกวนจิตใจจนก้าวเข้าวันใหม่แล้วก็ยังไม่อาจหลับตาลงได้



‘เจ้านายกับนักศึกษาฝึกงานคบกันน่ะ มันดูไม่ดีนักหรอกนะ’



เขาเข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ และยอมรับว่าตนเองลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิท ถึงได้เพิ่งคิดออกว่าอดีตว่าที่พี่สะใภ้กำลังเล่นตลกอะไรด้วยอยู่


ดาวล่วงรู้ความสัมพันธ์ของเขากับรณณ์ได้อย่างไรคงไม่สำคัญเท่ากับว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไป และทำไปเพื่ออะไร


โกรธแค้นกับเรื่องที่ผ่านมาอย่างนั้นหรือ?


คิดวนเวียนทั้งคืนก็เห็นจะมีแค่เหตุผลนี้เท่านั้น ดีนถอนหายใจหนัก เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าการมีปัญหากับผู้หญิงหนึ่งคนจะพาลให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ขนาดนี้


เห็นทีว่าต่อไปคงต้องเว้นระยะห่างกับรณณ์หน่อยเสียแล้ว








การใช้เวลาช่วงพักกลางวันในแคนทีนของบริษัทกลายเป็นเรื่องปกติของดีนและผิงไปเสียแล้ว เพียงแต่นับตั้งแต่งานเลี้ยงปิดเล่มครั้งนั้นคริสไม่ได้มาร่วมโต๊ะด้วยกันอีกแล้ว นั่นยิ่งทำให้ลูกน้องทุกแผนกเข้าใจไปว่าหนุ่มสาวคู่นี้ ‘คบกัน’ จริงอย่างที่ลือกันมาแรมปี


“ผู้หญิงคนนั้นรู้เรื่องฉันกับรณณ์”


บทสนทนาในห้องกระจกซึ่งเป็นพื้นที่รับประทานอาหารของผู้บริหารเริ่มต้นขึ้นหลังต่างฝ่ายต่างทานไปได้แค่ไม่กี่คำ


“เธอต้องทำอะไรไม่ดีกับเรื่องนี้แน่ ๆ”


“อย่าลืมสิว่านายไม่ชอบเธอเพราะอะไร เพราะฉะนั้นก็ควรระวังตัวไว้ให้มาก”


ดีนสะดุดลมหายใจ เขาลืมไปเสียสนิทว่านิสัยผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างไร


เพราะเป็นรุ่นน้องร่วมคณะ เขาจึงรู้จักตัวตนของเธอมากกว่าและก่อนหน้าที่เธอจะคบกับคริสในฐานะคนรัก


ความเป็นสาวช่างเม้าท์ ช่างนินทาแพร่กระจายแต่เรื่องเสีย ๆ หาย ๆ ของคนอื่นของเธอที่ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของคริส ทำให้ดีนตั้งคำถามกับตัวเองตลอดมาว่าผู้ชายสามารถรักผู้หญิงที่เคยนินทาว่าร้ายตัวเองไว้สารพัดได้จริงหรือ


“แล้วเขาตามรังควานเธอรึเปล่า” ดีนนึกถึงเรื่องเก่า ๆ ของดาวแล้วก็คิดถึงตอนที่อีกฝ่ายมาเอาเรื่องกับผิง ตอนนั้นดาวเข้าใจว่าผิงเข้าไปแทรกกลางความรักของเธอกับคริส ดาวทั้งด่าทอว่าร้ายผิงเสีย ๆ หาย ๆ และเกือบจะลงไม้ลงมือหากว่าเขาไม่เข้าไปขัดเสียก่อน เหตุการณ์ครั้งนั้นยิ่งทำให้ดีนไม่ชอบเธอมากยิ่งขึ้นด้วยเพราะมั่นใจว่าเพื่อนตัวเองไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับพี่ชายตนแน่นอน หากจะมีใครสักคนที่ผิดก็ควรเป็นคริสที่ไม่ชัดเจนในความสัมพันธ์ ดีนรู้ว่าคริสรักผิงแบบน้องสาว และแม้ว่าผิงจะคิดไปมากกว่านั้นแต่เธอก็ไม่เคยทำอะไรที่ไม่สมควร บ่อยครั้งคริสอาจจะเข้าข้างผิงไปบ้างเพราะรักและสนิทสนมกันมาก่อนซึ่งนั่นอาจทำให้คนที่อยู่ในสถานะแฟนไม่พอใจได้


“ไม่เลย ฉันเดาว่าตอนนี้พี่ดาวกำลังสนใจเรื่องของนาย”


“...”


“เธออาจจะทำให้รณณ์ฝึกงานไม่จบเพราะข่าวเรื่องความสัมพันธ์กับบอกอซึ่งแน่นอนว่าคนภายนอกย่อมคิดว่ามันมีผลกับคะแนนฝึกงานของน้อง”


ดีนตีสีหน้าครุ่นคิด


“ช่วงนี้ก็ห่าง ๆ น้องมันไว้ก่อนแล้วกัน”


“อืม ก็พยายามอยู่” เพราะเข้าใจสถานการณ์ดี เจอหน้ากันที่หน้าร้านขายอาหารเมื่อครู่ถึงได้มองเมินไม่สนใจกัน








“เออ แล้วปีนี้ไปงานประจำปีมหา’ลัยรึเปล่า” ดีนถามในตอนที่ทั้งสองเดินมาหยุดยืนหน้าลิฟต์กันตามลำพังหลังรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว


“แหม นึกว่าจะหลงเด็กจนไม่ชวนไปด้วยกันซะแล้ว”


“ก็ไม่ได้ชวน แค่ถาม” ดีนพยายามมองข้าม ทำเป็นไม่ได้ยินคำเหน็บแนมไม่จริงจังนั้น


“ย่ะ แต่เสาร์หน้าฉันไม่ว่างน่ะสิ”


“งานมีเสาร์นี้ไม่ใช่เหรอ” ดีนจำได้ว่ารณณ์บอกว่าเสาร์นี้


“เสาร์หน้าย่ะ ใครบอกมาเนี่ย รณณ์เหรอ? เด็กนายมั่วแล้วดีน” คิ้วเข้มขมวดมุ่น รีบส่งข้อความไปตรวจเช็คตามคำบอกของเพื่อนสาวเสียใหม่ ใบหน้าตี๋อินเตอร์ระบายยิ้มขบขันพลางส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อกระจ่างชัดแล้วว่า ‘เด็กของเขา’ จำผิดวันจริง ๆ


แม้ดีนจะเดินเข้าไปในลิฟต์ก่อนแต่ผิงยังทันมองเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของดีนจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม “ดีใจจังที่ได้เห็นนายมีความรัก นึกว่าฉันจะต้องตายไปก่อนซะแล้ว”


ดีนไม่ตอบคำ เขาเพียงส่ายหน้าให้ความคิดของเพื่อนสาว ผิงกำลังจะพูดเตือนถึงความสำคัญอีกอย่างของวันเสาร์หน้า แต่ติดตรงที่ถูกขัดด้วยเสียงร้องขอโดยสารไปด้วยกันจากด้านนอกเสียก่อน ได้แต่หวังว่า ‘คนมีความรัก’ อย่างดีนจะตระหนักรู้ได้ด้วยตนเอง


“อ้าว” ผิงร้องขึ้นหมายจะทักเด็กหนุ่มที่กำลังตกเป็นประเด็นสนทนาก่อนจะกลืนเสียงต่อจากนั้นกลับลงไปแล้วเปลี่ยนเป็นทักหนึ่งในกลุ่มชายหนุ่มสี่ห้าคนนั้นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมากกว่าแทน


“สวัสดีค่ะคุณทศ”


“สวัสดีครับคุณผิง...บอกอ” น้อง ๆ ที่เดินตามเข้ามาต่างก็ทักทายคู่หนุ่มสาวด้วยเช่นกัน ทศเหลือบมองบรรณาธิการหนุ่มที่ถอยหลังออกจนหลังติดผนังลิฟต์ นัยน์ตาคู่คมมองตรงไม่สนใจเด็กฝึกงานที่เดินเข้ามาพร้อมเขาเลยสักนิด ขณะที่เด็กหนุ่มหน้าเจื่อนสนิท ท่าทางก็เก้กังเหมือนวางตัวไม่ถูก


“สวัสดีครับ” ดีนตอบคำเสียงเรียบ แย้มยิ้มเล็กน้อยให้ตามมารยาท


ช่วงเวลาเสี้ยววินาทีต่อจากนั้นกล่องโดยสารขนาดใหญ่มีโอกาสได้รับผู้โดยสารอีกกลุ่มใหญ่ และเพราะผิงที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของลิฟต์ทำให้ช่วงระยะห่างระหว่างเธอกับดีนมีค่อนข้างเยอะพอที่จะรองรับผู้ชายร่างใหญ่ได้อีกสองคนที่ถูกดันมาจนถึงด้านหลังแนวเดียวกับเธอ


คุณพระ!


ผิงอยากอุทานออกมาดัง ๆ พร้อมยกมือทาบอกเมื่อเห็นว่าสองคนที่ยืนคั่นกลางเธอกับเพื่อนชายเป็นใคร คนที่ยืนติดเธอโดยเว้นระยะเล็กน้อยไม่ให้เบียดเสียดสุภาพสตรีอย่างเธอนักคือทศ ส่วนคนที่ยืนติดเพื่อนเธอก็คือเด็กฝึกงานที่ดีนหลีกเลี่ยงมาตลอดทั้งวัน


ทศเองก็ลอบสังเกตด้วยความสนใจเช่นกัน คนเป็นนายยังคงหน้านิ่งมองตรงไม่หวั่นไหว อีกคนก็เอาแต่ยืนก้มหน้าไม่มีความเคลื่อนไหว







...ชั้นที่สาม...


อึดอัด


ชั้นทำงานของเขาจะถึงในอีกสามชั้นส่วนของอีกคนคือชั้นบนสุด กว่าเขาจะได้หลุดจากสถานการณ์นี้เขาจะต้องทนอึดอัดไปอีกกี่นาทีกัน ยืนอยู่ข้างกันแต่เหมือนไกลจนเอื้อมไม่ถึง คุณดีนทำเหมือนไม่เห็นเขายืนอยู่ตรงนี้ เหมือนไร้ตัวตนในสายตา ไหนจะข้อความที่ส่งมาแค่สั้น ๆ เมื่อคืนนี้ทั้งที่เคยคุยกันด้วยประโยคยาว ๆ อีก


คุณดีนเปลี่ยนไปได้ภายในวันเดียวเชียวหรือ


ใบหน้าหล่อใสเงยขึ้นมองตัวเลขที่ค่อย ๆ เปลี่ยนด้วยความอึดอัดใจ เคยนึกชมว่าลิฟต์ที่นี่เคลื่อนเร็ว เพิ่งรู้ว่าช้ามากก็วันนี้เอง ในตอนที่กำลังจดจ่อกับการเปลี่ยนตัวเลขนั้นเองที่รณณ์รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นตรงปลายนิ้วทางฝั่งขวา เด็กหนุ่มไม่กล้าหันมองคนที่ยืนอยู่ข้างกัน รู้แต่เพียงว่าสัมผัสนั้นชัดเจนขึ้นเมื่อมือของตัวเองถูกอีกฝ่ายกอบกุมไว้ แม้จะหลวมแต่ก็ยังให้ความรู้สึกอุ่นใจได้เหมือนเดิม


คุณดีนไม่โกหก


ความรู้สึกระหว่างเรายังเหมือนเดิม


รณณ์จะเชื่ออย่างนั้นแม้ยังไม่รู้ว่าอะไรทำให้คุณดีนเปลี่ยนไป









TBC.
--------------------------------------------------------------
ภายในเดือนนี้เราจะได้เจอกันอีกตอนแน่นอนค่ะ

ฝาก #ไม่ดิ้นรนหา ด้วยนะคะ

และก็เผื่อใครอยากอ่านเรื่องสั้น แบบสั้นมากๆ เชิญนะคะ
Officially 25 years old. http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63958.0 (ftp://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63958.0)

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 25-11-2017 16:44:47
ดาวนี่ยังไง ทำไมดูร้ายยยขนาดนี้ เกลียดนาง
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-11-2017 17:45:56
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-11-2017 20:46:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 25-11-2017 21:47:31
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-11-2017 23:16:52
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-11-2017 23:24:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 26-11-2017 02:20:24
อย่าให้ต้อง :beat:นะดาว ชอบสร้างเรื่องนักนะ ระวังจะล้มแบบลุกไม่ขึ้น :fire:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 26-11-2017 05:55:37
ดาวดูมีลับลมคมในแปลกๆ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-11-2017 10:14:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 26-11-2017 14:30:26
รอนะคะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 26-11-2017 22:29:17
 :fire: :fire:
ว่าละ ว่าต้องมาประเด็นนี้ เจ้านายกับเด็กฝึกงานถ้าตกเป็นขี้ปากชาวบ้านนี่อนาคตน้องดับเลยนะ
รอตอนต่อไปเลยค่ะ จะมาในเดือนนี้แน่นะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 27-11-2017 01:29:58
ดาวนี้ร้ายกาจนะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-12-2017 15:42:37
ทำไมดาวร้ายขนาดนี้ นึกว่าจะเอ็นดูน้อง  :katai1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-12-2017 16:31:33
รอน้องฝึกงานเสร็จนี่จะเข้าใจกันผิดก่อนไหมคะ คุณดีนรีบเคลียร์กันนะๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 03-12-2017 00:41:02
นังดาวนี่เป็นดาวร้ายสมชื่อ และคิดว่านางจะต้องร้ายกว่านี้แน่นอน :beat:
เห็นหนทางข้างหน้าแล้วน้องต้องเจออะไรอีกเยอะะะ เชื่อใจพี่ดีนเข้าไว้นะน้องรณณ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 16 [25/11/17] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 03-12-2017 10:39:37
ตามทันแล้วว รู้สึกเหมือนเนื้อเรื่อง 80% เป็นเรื่องราวของคนอื่น(อาจจะเป็นประเด็นไปสู่คู่หลักในอนาคตเราจะใจเย็น555) ส่วน20%เป็นเรื่องราวของพระเอกนายเอก 16 ตอนที่ผ่านมาเรื่องคู่หลักจางมากกกกกก5555555555555555

ตอนล่าสุดรู้สึกได้ว่าผิงน่าจะเป็นคนดี แต่ไม่ชอบนางไปแล้ว คาแรคเตอร์นางย้อนแย้งอ่ะ  ส่วนดาวก็น่าจะเป็นคนร้ายๆแบบไม่พลิกโพลแน่นอน แต่ชอบคุณดีนกับน้องรณณ์นะคะ เฟิร์สอิมเพรสชั่นบอกให้เรารักเขา //โคตรลำเอียงเลย555555555

ปล.แอบงงกับทามไลน์ระยะเวลาการคบกับของคริสดาว และที่ดีนผิงเป็นเพื่อนกันจังเลยค่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 03-12-2017 17:30:03

ห า กั น จ น เ จ อ

ตอนที่ #17








แม้จะบอกตัวเองให้เชื่อใจคุณดีน แต่หลังจากนั้นรณณ์ก็ไม่ได้รับการติดต่อใดจากคุณดีนอีกเลยนอกจากข้อความสั้น ๆ ว่าฝันดีที่ส่งเขาเข้านอนในทุกคืน เจอหน้ากันแต่ละครั้งที่บริษัท อีกฝ่ายก็มองเมินกันตลอดเหมือนกับเขาเป็นเพียงอากาศ ไม่มีตัวตน


หากแต่ตอนนี้...และเวลานี้ คงเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่คุณดีนสบตามาที่เขาโดยตรงอย่างไม่หลบเลี่ยง





ช่วงเวลาไม่กี่วันที่ขาดการติดต่อกันทำให้คนที่เคยรักชีวิตสันโดษยอมรับกับตัวเองอย่างไม่อายว่าคิดถึงใครคนนั้นมากแค่ไหน


ใครคนนั้นที่กำลังตีกลองอยู่บนเวทีบริเวณลานกิจกรรมของคณะนิเทศศาสตร์


ดีนยกกล้องตัวโปรดขึ้นแนบตากับวิวไฟน์เดอร์แล้วบันทึกภาพลักษณ์แปลกตาของเด็กหนุ่มทันที


เสี้ยววินาทีที่ดีนกดชัตเตอร์เหมือนมีแฟลชแบ็คแวบเข้ามาในหัว ทุก ๆ ปีเขาจะมางานที่คณะนี้และถ่ายรูปการแสดงดนตรีสดบนเวทีเสมอ คิ้วเรียวเข้มขมวดเข้าหากัน เกิดคำถามชวนสงสัยขึ้นว่าตนเคยเจอรณณ์ในตำแหน่งเดียวกันนี้มาก่อนหรือเปล่า


“ดอกไม้ไหมคะ”


ดีนหันมองเจ้าของเสียงที่เข้ามาขัดจังหวะการถ่ายรูปของเขา ในมือของเธอมีดอกกุหลาบสีแดงสดแซมด้วยสีชมพูประปรายอยู่กำหนึ่ง “สำหรับ…” ชายหนุ่มจะส่งสายตาไปทางกลุ่มเด็กหนุ่มบนเวทีเพราะเข้าใจว่าเป็นดอกไม้สำหรับการให้กำลังใจวงดนตรี “...เหรอครับ”


นักศึกษาสาวหน้าแดง ตอบกลับเสียงอ้อมแอ้ม “ให้ใครก็ได้ค่ะ”


“หืม?”


“ก็วันนี้วันวาเลนไทน์นี่คะ ถ้ายังไม่มีแฟนหรือคนที่ชอบ พี่จะมอบมันให้ใครก็ได้ค่ะ”


อ่า...จริงสิ วันนี้มัน 14 กุมภา วันวาเลนไทน์นี่หว่า มิน่า…


ดีนนึกสงสัยอยู่แล้วว่าทำไมบรรยากาศงานในรั้วมหาวิทยาลัยปีนี้ถึงมีร้านขายดอกไม้อยู่ทั่วทุกที่ กุหลาบสีแดงสดแซมด้วยความหวานนวลของสีชมพูอันเป็นสัญลักษณ์ของวันแห่งความรักที่ทำให้บรรยากาศในวันนี้ดูสดใสครึกครื้นกว่าทุกปี


ที่ผ่านมาเขาเคยสนใจความพิเศษของวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เสียที่ไหนกัน วันวาเลนไทน์ก็แค่วันธรรมดาที่ใช้ชีวิตปกติเหมือนทุกวันไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น...ก็เท่านั้น


“หรือจะรับเป็นช่อก็ได้นะคะ พวกหนูจัดให้ได้ค่ะ” นักศึกษาสาวยังคงทำหน้าที่ขายของได้ดี ดีนยิ้มบาง หันมองบนเวทีอีกครั้ง สายตาหยุดอยู่ที่เด็กหนุ่มที่ควรจะได้ดอกกุหลาบจากเขาแล้วหันมาให้คำตอบกับเด็กสาว


“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก”







“ไง” เอกกระแทกไหล่เพื่อนสนิทที่เอาแต่ยืนเหม่อหลังเวทีหลังจากจบการแสดงในส่วนของพวกตนแล้ว เมื่อครู่อยู่บนนั้นเขาเองก็เห็นว่าบรรณาธิการที่รณณ์ทำงานอยู่ด้วยยืนอยู่แถวหลังสุดของคนดู แต่ทำไมเพื่อนเขาที่เพิ่งยอมรับว่าชอบเจ้านายตัวเองถึงยังไม่เดินไปหาเขาแล้วยังเอาแต่ยืนเหม่อทำหน้าทำตาไม่สดชื่นแบบนี้


“เลิกกันแล้ว?”


รณณ์ตีหน้ายุ่ง “ยังไม่ได้คบกันซะหน่อย”


“เฮ้ย!” เผลอร้องออกมาเสียงดังจนเพื่อนคนอื่นหันมามองด้วยความสงสัยว่าสองหนุ่มคุยอะไรกันอยู่ถึงได้มีท่าทีตกใจขนาดนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเอกมีไหวพริบไวพอที่จะเอาตัวรอดได้หรือเพื่อนคนอื่นเป็นคนไม่ชอบสอดรู้สอดเห็นอยู่แล้วหรืออย่างไร รณณ์กับเอกถึงได้ถูกปล่อยให้คุยกันหลังเวทีตามลำพัง


“จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่ได้คบกันเหรอ? ทำไมเขาไม่ทำอะไรให้มันชัดเจนสักทีวะ” แม้จะอยู่กันสองคนแต่เอกก็พูดเสียงเบาจนแทบจะกระซิบอยู่ดี


“เขาอาจจะมองว่ามันเร็วไป เราเพิ่งรู้จักกันเองนะ เขาคงอยากศึกษากันไปก่อน เราเป็นผู้ชายกันทั้งคู่ ความสัมพันธ์พัฒนาไปช้าก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ” รณณ์เองก็ไม่แน่ใจนักว่าคุณดีนคิดอะไรอยู่ แม้ว่าหลายวันมานี้อีกฝ่ายจะเหินห่างและทำตัวคลุมเครือมากแค่ไหน แต่รณณ์ก็ยังปกป้องคุณดีนจากการถูกเพื่อนตนด่าทอ


“ศึกษาหรือกั๊กเอาให้แน่” แม้จะเสียงเบาแต่ความไม่พอใจฉายชัดออกมาจนรณณ์หน้าเสีย เอกมองเพื่อนแล้วก็ถอนหายใจ “อย่าหลอกตัวเองนะรณณ์ เขากั๊กก็คือเขากั๊ก มึงถอยออกมาตอนนี้ก็ยังไม่สายหรอก” แม้ว่าเพื่อนเขาจะเป็นฝ่ายที่ถลำลงไปในห้วงความรู้สึกเสน่หาลึกมากแล้วก็ตาม


“ทำไมมึงมองเขาในแง่ร้ายจังวะ”


“กูมองตามความเป็นจริง เขารุกมึงแรงขนาดนั้น แสดงออกก็ชัดเจนแต่เสือกไม่ให้สถานะ นี่มึงโง่เหรอรณณ์ ชอบเขาจนตาบอดไปแล้วเหรอ!”


“ขะ เขาเคยบอกว่าขอจีบ”


“ก็จีบติดแล้วไม่ใช่เหรอ” เอกยีหัวด้วยความหงุดหงิด “จีบติดแล้วก็ต้องมีสถานะสิวะ”


“เรายังไม่ได้คุยกัน กูเองก็ยังไม่ได้ให้คำตอบเขา”


“เหอะ ไม่ได้ให้เพราะเขายังไม่ถามน่ะสิ” เอกบ่นอย่างหัวเสีย ถึงจะบ่นคนเดียวแต่ก็จงใจจะให้อีกฝ่ายได้ยินด้วยอยู่ดี


“ไป ๆ ออกไปหาเขาไป นัดเขามาไม่ใช่เหรอ แต่อย่าลืมที่นัดกับเพื่อนเย็นนี้นะเว้ย” เอกว่าแล้วเดินออกไปก่อนด้วยความหงุดหงิด ถ้าไอ้เพื่อนสนิทมันไปรักไปชอบกับสาวเหมือนที่ผ่านมาเขาก็คงไม่เข้าไปยุ่งหรือเดือดร้อนแทนแบบนี้ แต่เพราะว่าความรักครั้งนี้ของมันเกิดขึ้นกับผู้ชาย ความสัมพันธ์ที่ดูง่อนแง่นไม่มั่นคงตั้งแต่เริ่มต้น จึงเป็นธรรมดาที่เอกจะเป็นห่วงเพื่อนมากขนาดนี้


คล้อยหลังเพื่อนสนิทรณณ์ก็จมจ่ออยู่กับความคิดของตนเองอีกครั้ง เด็กหนุ่มพยายามไม่คิดถึงประเด็นที่เอกเพิ่งเป็นเดือดเป็นร้อนแทน รณณ์ยังไม่คาดหวังถึงสถานะของความสัมพันธ์ เพราะสิ่งที่รบกวนจิตใจในตอนนี้คือความห่างเหินที่อีกฝ่ายมอบให้ต่างหาก


ถ้าออกไปเจอกันตอนนี้ เขาต้องทำหน้าแบบไหนหรือ คนไม่มองหน้าไม่พูดจากันมาเป็นสัปดาห์จะต้องปั้นหน้าอย่างไรให้ทุกอย่างราบรื่นเหมือนเดิม รณณ์ถอนหายใจแรง ยกมือลูบอก
ซ้ายแล้วตบเบา ๆ สองสามทีเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเอง สูดหายใจเข้าลึกแล้วเดินออกไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย






คิดถึงเหลือเกิน


ดีนตอบตัวเองได้ทันทีว่ามันคือความคิดถึงที่ล้นอกยามเมื่อได้เห็นดวงหน้าใสใกล้ ๆ รอยยิ้มกว้างแต้มใบหน้าตี๋อินเตอร์ตอบรับคำทักทายที่เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นก่อน


“ไม่ยักรู้ว่าคุณตีกลองเป็น”


“มันไม่ยากหรอกครับ” รณณ์ยิ้มน้อย ๆ แม้จะยืนห่างกันหลายก้าวแต่รอยยิ้มกว้างของคุณดีนที่ไม่ได้เห็นบ่อยนักก็เจิดจ้าจนกลบความมืดมิดของอารมณ์จนหมดสิ้น แต่เพราะตะกอนของความขุ่นข้องยังมีอยู่ เขาจึงยังทำตัวไม่ถูก


“คิดถึงผมบ้างรึเปล่า” นัยน์ตาใสเบิกกว้าง ไม่คิดว่าคุณดีนจะเปลี่ยนเรื่องฉับพลันแบบนี้


“ขอโทษที่หายเงียบไป”


ดีนก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อร่นระยะห่างให้แคบลง


“ขอโทษที่ถอยห่าง”


...อีกก้าว


“ขอโทษที่ส่งแค่ข้อความไปบอกฝันดี”


...และอีกก้าว


“ขอโทษที่...”


“คิดถึงครับ”


“...?...”


“คิดถึงมาก”


ถ้าหากว่าพวกเขาไม่ได้ยืนคุยกันกลางลานคณะ ดีนคงคว้าเอาร่างตรงหน้ามากอดปลอบประโลมให้หายคิดถึง แต่ที่ทำได้ก็แค่ยิ้มให้กันอย่างอ่อนโยนเพื่อเติมเต็มความรู้สึกช่วงที่ห่างเหินกันไป


เพราะต้องวางตัวให้รณณ์ไม่ตกเป็นที่ครหาของคนทั้งบริษัทว่าเข้าหาผู้บริหารเพื่อคะแนน ดีนจึงไม่อาจทักทายอีกฝ่ายยามเจอหน้ากันในที่ทำงานได้ เงื่อนไขข้อจำกัดมากมายบีบให้เขาต้องเหินห่างจนไม่แม้แต่จะสบตาด้วยได้ แต่ที่ลับหลังผู้คนดีนก็ไม่ได้ติดต่ออีกฝ่ายไปมากไปกว่าการส่งข้อความก่อนนอนเพราะอยากใช้โอกาสนี้ในการไตร่ตรองความรู้สึกของตนเองด้วยเช่นกัน


จริงอย่างที่ผิงบอก พวกเขาเพิ่งรู้จักกันได้แค่เดือนเดียว และเป็นเพศสภาพเดียวกันด้วย หากคิดจะสานสัมพันธ์กันมันต้องเป็นความรู้สึกที่ชัดเจนและแน่วแน่มากพอจะยอมเสี่ยงกับอะไรก็ตามที่พร้อมจะทำให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้จบลง


ห่าง...เพื่อให้แน่ใจว่าความรู้สึกโหยหากันและกันไม่ได้ฉาบฉวยที่พอไม่มีกันก็รู้สึกไม่ขาดหาย


ห่าง...เพื่อให้รู้ว่าการกลับมาอยู่คนเดียวในโลกใบเดิมมันไม่ได้สงบดังเดิมอีกแล้ว


เพราะความรู้สึกเหงาและอ้างว้างนั้นมีอยู่จริง






เอกที่ยืนอยู่ฝั่งกิจกรรมยืนมองเพื่อนสนิทที่เดินเคียงคู่กับหนุ่มลูกเสี้ยวร่างใหญ่ทางฝั่งร้านขายอาหารด้วยสีหน้าเป็นกังวล แม้ว่าเพื่อนสนิทจะดูสดใส ยิ้มแย้มได้มากกว่าก่อนหน้านี้แล้วแต่เขาก็ยังไม่เบาใจ ได้แต่ภาวนาให้อีกฝ่ายยิ้มได้แบบนี้ไปตลอด


“ไอ้รณณ์เดินอยู่กับใครวะ” เพื่อนในกลุ่มเดียวกันเดินมากอดคอเอกพร้อมเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ สายตาก็จับจ้องไปยังตำแหน่งเดียวกับเพื่อนข้างกาย


“บอกอที่มันทำงานด้วย”


“โห นี่เขาตามมาประเมินมันถึงคณะเลยเหรอ” เอกไม่ตอบคำ ปล่อยให้เพื่อนคิดไปอย่างนั้นเพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็อยากรู้แค่ว่าผู้ชายที่รณณ์เดินด้วยเป็นใคร แต่ไม่ได้สนใจท่าทางสนิทสนมของทั้งคู่เลยสักนิด





“คุณดีนทานอะไรมารึยังครับ หลังจากเดินตรงนี้แล้วเราไปโรงอาหารกันไหมครับ” เด็กหนุ่มออกความเห็น ดีนที่กำลังเพลิดเพลินกับการดูสินค้าทำมือของนักศึกษาหันไปมองคนพูดแล้วยิ้มเอ็นดู


“ยังหิวอีกหรือ” จะไม่ว่าอะไรเลยถ้าในมือเจ้าตัวไม่มีก๋วยเตี๋ยวหลอดหนึ่งถ้วยโฟมแล้วเมื่อครู่ก็เพิ่งจัดการลูกชิ้นหมูไปถึงสามไม้แล้ว ขณะที่เขาแค่ชิมลูกชิ้นไปเพียงหนึ่งลูกเท่านั้น


ก็ลูกชิ้นที่อีกฝ่ายคะยั้นคะยอให้ชิมหลังโฆษณาว่าอร่อยหนักหนานั่นแหละ


ดีนยกกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์ถ่ายรูปรณณ์กับ ‘หลักฐาน’ เก็บไว้ก่อนจะลดกล้องลงแล้วมองยิ้ม ๆ


“ผมหมายถึงคุณดีนต่างหากละครับ”


“เอาสิ แต่ขอเดินไปเยี่ยมคณะผมก่อนแล้วกันนะ”


“ครับ”


สองหนุ่มเดินดูสินค้าอาร์ตตามฉบับเด็กศิลป์กันต่อ ดีนยกล้องขึ้นมาถ่ายรูปบ้างเป็นระยะ ถ่ายทั้งบรรยากาศในงานและคนข้างกายยามเผลอ “จริงสิ คุณเล่นดนตรีงานนี้ทุกปีเลยรึเปล่า”


“ครับ ตั้งแต่ขึ้นปีสองมาก็เล่นตลอด”


“ผมว่าบางทีเราอาจจะเคยเจอกันมาก่อน”


รณณ์เข้าใจในทันทีว่าอีกฝ่ายคงเคยมาถ่ายรูปที่คณะของตนเพราะตอนเปิดดูไฟล์ภาพครั้งก่อนก็เห็นว่ามีโฟลเดอร์ของทุกปี “มีตั้งหลายวงที่เล่นในงานนะครับ”


“แต่คงไม่ใช่ทุกวงที่จะมีตำแหน่งแซกโซโฟน”


รณณ์ร้องอ๋อก่อนพยักหน้าเห็นด้วย ไม่อยากจะบอกว่านอกจากเหตุการณ์นี้ พวกเขายังพบเจอและวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ กัน อีกหลายต่อหลายครั้ง


“ผมจำหน้าเพื่อนคุณที่เป่าแซกฯได้นะ”


“มันชื่อตงครับ” ไม่แปลกที่คุณดีนจะจำหน้าเพื่อนเขาคนนี้ได้ถึงแม้ว่าหน้าตาจะธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่น เพราะตำแหน่งแซกโซโฟนที่ต่างจากวงอื่นก็ดึงดูดสายตาผู้คนที่พบเห็นได้ดีอยู่แล้ว


“ไว้วันหลังพาผมไปแนะนำให้เขารู้จักบ้างสิ” รณณ์หยุดชะงักและดีนก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เดินตามมาอีกแล้ว “ผมรู้จักแต่เพื่อนคุณที่ชื่อเอก ผมอยากรู้จักคนอื่นบ้าง”


“คุณดีน...”


“และผมก็จะพาคุณไปรู้จักเพื่อนสนิทของผมด้วยเหมือนกัน”


รณณ์ฉลาดพอที่จะรู้ว่าคำขอนั้นไม่ใช่แค่ต้องการจะรู้จักคนรอบตัวเขา แต่มันมีนัยที่ลึกซึ้งเกินกว่านั้น ซึ่งมันทำให้เขายิ้มกว้างได้ในรอบสัปดาห์นี้


“พี่รณณ์!” สองหนุ่มละสายตาออกจากกันในตอนที่มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามากอดแขนเจ้าของชื่อเสียแน่น “ช่วยอุดหนุนขนมน้องหน่อยค่ะ”


ดีนมองตามร่างสูงโปร่งที่ไม่ทันได้ปริปากพูดอะไรก็ถูกรุ่นน้องลากตัวปลิวไปแล้ว


“หยิบเพิ่มอีกสักกล่องสิ” ดีนเอ่ยบอกเมื่อเดินตามมายืนซ้อนหลัง คนที่กำลังเลือกขนมหันมองด้วยความแปลกใจเพราะขนมที่รุ่นน้องให้เขาช่วยอุดหนุนเป็นขนมไทยที่หาทานยาก ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นที่โปรดปรานสำหรับคนที่ไม่ชอบอาหารไทยอย่างคุณดีนได้


“คุณดีนทานได้เหรอครับ”


“ผมไม่ชอบอาหารไทย แต่ชอบขนมไทยนะ มัมผมก็ชอบ”


“มัม? หมายถึงคุณแม่น่ะเหรอครับ”


“ครับ...เอาลืมกลืนไปเพิ่มสิ ผมชอบ ดาราทองนั่นด้วย”


“หือ?”


“ทำไมครับ คิดว่าผมจะเรียกมันว่าจ่ามงกุฎเหรอ” ดีนพูดยิ้ม ๆ รณณ์พยักหน้ายอมรับ ใครจะคิดว่าลูกเสี้ยวอย่างคุณดีนจะรู้เรื่องขนมไทยและเรียกชื่อของมันถูกทั้งที่คนไทยแท้ ๆ หลายคนยังเรียกเจ้าขนมสีเหลืองอร่ามรูปทรงคล้ายมงกุฎนั่นผิดอยู่เลย


“มัมผมก็รู้นะ ของโปรดท่านน่ะ”


รณณ์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะหยิบดาราทองมาเพิ่มอีกกล่อง “เราจะทานกันหมดนี่เลยเหรอครับ เบาหวานรับประทานแน่ ๆ” เด็กหนุ่มทำหน้าขยาด เขาชื่นชอบของหวานไทยก็จริง แต่จะให้ทานทั้งหมดนี่ก็เห็นจะเกินไปหน่อย


ดีนมองยิ้ม ๆ “ไม่หรอก ผมจะซื้อไปฝากมัม” ดีนโน้มตัวยื่นเงินให้แม่ค้าสาวที่นั่งอยู่ต่ำกว่าซึ่งผ่านหน้ารณณ์ที่ยังยืนขวางไว้พร้อมกับแกล้งเอนตัวเข้าหาแล้วกระซิบให้ได้ยินกันสองคน “จะบอกท่านว่าแฟนผมฝากมาให้”


ร้อน


รณณ์อยากจะโทษว่าอากาศเมืองไทยเอาแน่เอานอนไม่ได้ขนาดที่ทำให้เขารู้สึกร้อนกะทันหันได้ แต่เพราะเสียงหัวใจที่เต้นแรงจนดังออกมาประจานตนนั้นก็ทำให้ต้องยอมรับว่าตนหน้าร้อนเพราะคำพูดของคุณดีน


ดีนเหลือบมองดวงหน้าใสแดงก่ำแล้วลอบยิ้ม เอ็นดูท่าทางนั้นจนอยากจะจับฟัดให้แก้มช้ำเสียเดี๋ยวนี้ถ้าไม่ติดว่ามีสายตาหลายคู่จ้องมองมาและที่นี่ก็เป็นสถานศึกษา ดีนเอ่ยขอบคุณแม่ค้าวัยสาวก่อนทิ้งท้ายด้วยยิ้มบางแล้วเดินออกมา แกล้งไม่สนใจเสียงสาว ๆ ถามไถ่ถึงตัวตนของเขาจากคนเป็น ‘แฟน’


เดินทิ้งห่างได้ไม่เกินหนึ่งบล็อกร้านค้า เด็กหนุ่มก็เร่งฝีเท้าตามมาเดินข้างกันแล้ว “น้อง ๆ ผมชอบคุณ” คล้ายคำบอกเล่าทว่าน้ำเสียงและสีหน้าดูไม่ยินดีนัก


“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”


“พวกเธอขอให้ผมช่วยจีบคุณ”


ดีนยิ้ม สองขายังคงเดินต่อไป นัยน์ตาตี๋ทว่าโตพอประมาณมองตรงไปข้างหน้าไม่ได้เหลือบมองคนข้างกายสักนิด “บอกเขาไปสิว่าจีบติดแล้ว”


“...”


ดีนหยุดเดินแล้วหันมาเผชิญหน้ากับคนฟัง “แต่เป็นคุณนะ ไม่ใช่พวกเธอ”


รณณ์อ้ำอึ้งพูดไม่ออก กว่าจะตอบโต้กลับไปได้อีกฝ่ายก็แทบจะกลั้นขำไว้ไม่อยู่ “อะไรกันละครับ ผมยังไม่จีบคุณสักหน่อย”


พูดจบก็รีบสาวเท้าเดินนำไปก่อนอย่างไม่รีรอ ดีนยกกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์ภาพแผ่นหลังคนที่เดินเขินจากไปพร้อมซ่อนรอยยิ้มไว้หลังเลนส์ กดถ่ายเพียงแค่ครั้งเดียวดีนก็ได้รูปที่พอใจก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าตามอีกฝ่ายไป


“ไม่ต้องจีบก็ติดไง ผมยอมติดกับโดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเลย”


“พอเถอะครับคุณดีน ต้องให้ผมยอมรับว่าเขินก่อนรึไงคุณถึงจะหยุดแกล้ง”


ได้ยินอย่างนั้นดีนก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาอย่างชอบใจจนโดนคนขี้เขินมองค้อนแล้วเดินหนีไปในทิศที่ห่างจากฝูงชน รณณ์เองก็เบื่อที่จะเดินหนี อยากเดินไปพร้อม ๆ กันมากกว่า แต่เพราะความเขินอายมีมากจนไม่กล้าสู้หน้าด้วย เลยจำต้องหนีไปตั้งหลักเสียก่อน


“รู้ตัวด้วยหรือว่าโดนแกล้ง”


“คุณดีนร้าย!”


“แต่ก็รัก”


สองเท้าของคนเดินนำหน้าหยุดชะงัก คนที่เดินตามหลังเองก็เช่นกัน ดีนตกใจที่คำว่า ‘รัก’ หลุดออกจากปากตัวเองง่ายกว่าที่เคยคิดไว้ ขณะที่คนฟังเองก็เกิดความสับสนในใจอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่เพราะเสียงอีกฝ่ายเบาจนคิดว่าตนหูแว่วไปเอง แต่เพราะเจตนาของการพูดต่างหากที่คาใจรณณ์


“อะไรครับ?...” รณณ์หันกลับมาเผชิญหน้า ดีนที่ยืนห่างออกไปเกือบสามก้าวมองอีกฝ่ายทำหน้าฉงน แววตาที่เคยซุกซนตามวัยจริงจังกว่าครั้งไหน ๆ “คุณดีนร้ายแต่ก็รัก หรือหมายถึงผมที่ว่าคุณดีนร้าย...แต่ก็ยังรัก”


“...”


“เจตนาคุณเป็นแบบไหนกันแน่”


ดีนไม่ได้สืบเท้าเข้าไปใกล้ เขาจ้องเข้าไปในหน่วยตาของคู่สนทนา ส่งความรู้สึกผ่านแววตาไปอย่างซื่อตรง


“เรารักกัน”



“...”


“แทนที่จะเป็นคุณรักผมหรือผมรักคุณ แต่เป็นเราก็รักกัน...ได้ไหม”



ไม่มีคำตอบรับใด ๆ แต่ดีนก็หมายรวมเอาว่ายิ้มหวานของคนตรงหน้าคือคำตอบในทางทีดี สองหนุ่มมองตากันแล้วยิ้มขำ ต่างก็คิดว่านี่เป็นการสารภาพรักที่ไม่โรแมนติกเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังไม่คาดคิดว่าจะมีฉากบอกรักได้กะทันหันแบบนี้ด้วย นับเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับพวกเขาที่ชวนใจเต้นแรงได้ดีทีเดียว








(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 03-12-2017 17:30:58


สองหนุ่มต่างรุ่นเดินเที่ยวชมกิจกรรมของคณะต่าง ๆ แวะถ่ายรูปเก็บบรรยากาศบ้าง ทักทายกับคนรู้จักบ้างจนถึงคณะอักษรศาสตร์ของดีน สองหนุ่มมองเห็นลานจัดกิจกรรมแนะแนวอยู่ไม่ไกล สองข้างทางมีซุ้มขายดอกกุหลาบปะปนไปกับร้านอาหารไม่ต่างจากคณะอื่นนัก


“จริงสิ เมื่อกี๊รุ่นน้องคุณนำดอกไม้มาขายให้ผม” ดีนเล่า ตายังจ่ออยู่กับวิวไฟน์เดอร์คอยเก็บภาพบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง “แต่ผมไม่ได้ซื้อมันนะ”


ดีนลดกล้องลง หันมองหน้าคนที่เอาแต่เดินข้างกันอย่างเงียบ ๆ “ผมคิดว่าคุณคงเขินสายตาคนอื่นถ้าต้องเดินถือดอกกุหลาบไปทั่วมอ”


รณณ์พยักหน้ารับ ตนคิดแบบนั้นจริง เด็กหนุ่มคิดว่าตนดูไม่เหมาะกับการได้รับดอกไม้สักเท่าไหร่แต่ไม่ใช่เพราะอายที่จะเปิดเผยว่าตนกำลังคบกับผู้ชาย


“แต่ถ้าคุณอยากได้ ผมก็อยากจะซื้อให้”


รณณ์ส่ายหน้าพัลวัน ร้องปฏิเสธเสียงหนักแน่นแต่ยังไม่ทันว่าอะไรต่อสาวคณะอักษรฯคนหนึ่งก็ร้องทักดีนมาแต่ไกลก่อนที่ร่างอวบอัดจะวิ่งมายืนหอบอยู่ตรงหน้าเจ้าของชื่อ


“พี่ดีนมาช้าจังเลยค่ะ นึกว่าปีนี้จะไม่มาแล้วนะเนี่ย”


“ไม่มาได้ไง ก็มาอยู่ทุกปี”


“แล้วปีนี้ไม่ควงพี่ผิงคนสวยของหนูมาด้วยเหรอคะ อุ๊ย! มาด้วยกันเหรอคะเนี่ย?” หญิงสาวชี้นิ้วสลับไปมาระหว่างดีนกับรณณ์ ใบหน้าสวยใสแดงระเรื่อจนคนพี่ชักสงสัย


“เป็นอะไร อย่าบอกนะว่าเขินรณณ์”


“ฮือออ พี่ดีน เนี่ยอ่ะหนุ่มฮอตมอเราเลยนะคะ หลีดนิเทศฯเชียวนา มองใกล้ ๆ แล้วหล่อจังเลย คนอะไรหน้าใส๊ใส” หญิงสาวกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันสองคน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่รอดพ้นหูของรณณ์ไปได้ คนถูกชมแต่ไม่ได้ตั้งใจฟังถึงกับทำตัวไม่ถูก ได้แต่เนียนเบี่ยงตัวยืนซ้อนหลังดีนเพื่อปกปิดความขวยเขิน


“รณณ์?”


ไม่ทันเย้าแหย่อะไรกันต่อ เสียงเรียกของผู้มาใหม่เรียกความสนใจจากสองหนุ่มหนึ่งสาวให้หันไปมอง เด็กสาวปีสามยกมือไหว้ทักทายผู้มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่ก่อนจะปลีกตัวแยกกลับเข้าบูธไปช่วยเพื่อนทำงานต่อแต่มิวายย้ำกับรุ่นพี่ทั้งสองให้เข้าไปเยี่ยมเยียนน้อง ๆ ด้วย


“มาด้วยกันเหรอ?” ดาวตั้งใจส่งคำถามให้ดีน นัยน์ตาคู่สวยที่วันนี้แต่งแต้มมาเยอะกว่าปกติมองสบเจ้านายตนเองด้วยสายตาที่รณณ์อ่านไม่ออก  แต่เพราะดีนเฉยเมย เด็กหนุ่มจึงต้องตอบเสียเอง


“เปล่าครับ เราบังเอิญเจอกันที่คณะผม”


“อ้อ คงเป็นอย่างนั้นสินะ รณณ์เองก็ต้องมางานของคณะ ส่วนดีนก็มางานนี้ทุกปีอยู่แล้ว…แต่ทำไมถึงดูสนิทกันจังเลยล่ะ”


“เอ่อ คือ…” รณณ์ตะกุกตะกัก ไม่รู้จะตอบอย่างไรให้คุณดีนไม่เสียหาย


“ผมขอให้เขานำเที่ยวงานเอง”


“อ้อออ” ดาวลากเสียงยาวที่ฟังอย่างไรก็คิดในแง่ดีไม่ได้จริง ๆ น้องชายอดีตคนรักของเธอก็ช่างกล่าวอ้าง แต่ไหนแต่ไรมาก็เดินเที่ยวงานเองได้ทุกปี ถึงจะมีผิงเดินเที่ยวด้วยแต่ก็ใช่ว่าจะต้องการใครสักคนมาเป็นไกด์ตามติดกันแบบนี้ “ว่าแต่ผิงไปไหนซะล่ะ ปกติเห็นมาด้วยกันทุกปี”


รณณ์หันมองคุณดีน นี่นับว่าเป็นคนที่สองแล้วที่ทักอีกฝ่ายแบบนี้ ก่อนหน้านี้คุณดีนกับผิงคงตัวติดกันมากจนกลายเป็นเรื่องแปลกถ้าเห็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่คนเดียวหรืออยู่กับคนอื่น


ดีนปรายตามองดาวตาขุ่นก่อนปรับให้อ่อนลงยามหันไปวานให้รณณ์ไปซื้อน้ำดื่มให้หน่อย


ดีนรอให้รณณ์เดินออกไปก่อนจะหันมามองสบหญิงสาวที่มีรอยยิ้มติดมุมปากดูไม่น่าไว้ใจ “ถ้าอย่างนั้นการที่ผมมากับใครหรือไม่มากับใครก็คงเป็นเรื่องปกติของคุณที่จะต้องรู้เหมือนกันสินะ”


ดาวหน้าเสียก่อนจะยิ้มเยาะ “ถึงกับต้องให้เด็กมันออกไป กลัวจะรับรู้ถึงความร้ายกาจของนายเข้าสินะ”


ดีนยิ้มเย็น “ผมกลัวคุณจะอายเด็กมากกว่า โดนตำหนิต่อหน้าเด็กคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักหรอก เสียการปกครองแย่ ว่าไหม?”


ดาวกัดฟันกรอด “ระวังฉันเอาคืนบ้างก็แล้วกันนะดีน”


ถ้าสวนกลับไปว่าจะรอตั้งรับคงฟังดูอวดดีไม่น้อย แต่ก็เป็นความจริงที่ดีนรอเผชิญกับสิ่งที่เธอคิดจะทำ


“ขอบคุณที่เตือนกันก่อน”








รณณ์กลับมาตอนที่ดาวแยกออกไปแล้ว ตอนนี้หนุ่มลูกเสี้ยวกำลังยืนคุยอยู่กับรุ่นน้องร่วมคณะกลุ่มใหญ่ เด็กหนุ่มยืนอยู่ห่าง ๆ มองหนุ่มร่างสูงใหญ่ยิ้มแย้มพูดคุยสารพัดประเด็นโดยมีหนุ่ม ๆ สาว ๆ ล้อมหน้าล้อมหลังให้ความสนใจ แม้จะถูกกันให้อยู่ได้แค่วงนอก แต่ใบหน้าใสก็ยังระบายยิ้มน้อย ๆ ได้


รณณ์ยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความเพลิดเพลินจนกระทั่งคนที่เป็นจุดโฟกัสสายตาของเขามองสบมา เด็กหนุ่มถึงได้พยักเพยิดให้อีกฝ่ายยืนอยู่ตรงนั้นต่อไป ทว่าดีนกลับรีบบอกลาน้อง ๆ ด้วยเหตุผลว่าตนหิวเต็มทีแล้ว


“ไม่เห็นต้องรีบออกมาเลยนี่ครับ น้อง ๆ กำลังสนุกเลย คงคิดถึงคุณกันน่าดู”


“ถ้าคิดถึงจริงคงไม่พากันปฏิเสธตอนผมชวนไปฝึกงานด้วยหรอก” ดีนว่ายิ้ม ๆ


“พวกเขาคงกลัวคุณ”


“ผมน่ากลัวเหรอ?”


“ไม่หรอกครับ คุณใจดี” ถ้าไม่มีประเด็นเรื่องเปลี่ยนหัวข้อหลักของเล่มแบบฉับพลันเมื่อเดือนก่อน พี่ทศก็ชมให้ฟังอยู่เสมอว่าคุณดีนใจดีและมีเหตุผลมาก


“พูดดี...ว่าแต่คุณเถอะ ผมให้ไปซื้อน้ำแค่นี้ไปซะนานเชียว” แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจปล่อยให้เขาคุยกับดาวตามลำพังตามสัญญาณที่เขาส่งให้ แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากจะแซ็วเสียหน่อย


“เอ่อ…นอกจากกาแฟ ผมก็ไม่รู้นี่ครับว่าคุณดีนชอบดื่มน้ำอะไร จะเอาน้ำเย็นหรือไม่เย็น น้ำเปล่าหรือน้ำหวาน เลยเลือกนานไปนิด ขอโทษครับ”


เลือกนานแต่ก็ได้น้ำเปล่าติดมือมาหนึ่งขวด


น่าเอ็นดู


“เท่าไหร่ล่ะ”


“ไม่ต้องครับ ผมให้” ดีนเลิกคิ้ว รณณ์จึงอธิบายต่อ “ถือเสียว่าแลกกับนิตยสารเล่มเลิฟครับ แค่นี้ยังเล็กน้อยไปด้วยซ้ำ”


ดีนหัวเราะร่วนระบายยิ้มเต็มหน้า “ตามใจ แล้วคุณดื่มรึยัง” 


“เรียบร้อยแล้วครับ”





เมื่อเป้าหมายการแวะมาเยี่ยมเยียนรุ่นน้องที่คณะสำเร็จแล้ว สองหนุ่มก็พากันไปนั่งพักที่โรงอาหารอย่างที่ดีนได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ โรงอาหารคณะอักษรศาสตร์มีผู้คนบางตาพอ ๆ กับจำนวนร้านอาหารที่เปิด เป็นอย่างนี้เสียทุกครั้งที่มีงานใหญ่ไม่ว่าจะของคณะหรือมหาวิทยาลัย เด็กนักศึกษาเลือกจะฝากท้องกับอาหารที่ไม่ค่อยได้พบเจออย่างในงานมากกว่าขาประจำอย่างโรงอาหาร จึงทำให้ดีนได้มีมุมส่วนตัวกับรณณ์อย่างที่ตั้งใจ


“ปกติคุณดีนนั่งแถวนี้เหรอครับ”


“ถ้ามีโอกาสได้เลือกน่ะนะ”


โต๊ะไม้ตัวยาวเข้าคู่กับเก้าอี้ไม้ยาวตลอดแนวตั้งอยู่นอกชายคาของอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงอาหารคณะ แต่เพราะได้ร่มไม้ของต้นชงโคที่ถูกปลูกไว้ขนาบข้าง ที่ตรงนี้จึงไม่ร้อนและมีลมเย็นกว่าที่คิด


รณณ์เลือกรับประทานขนมหวานที่ซื้อมาเพราะต้องเผื่อท้องไว้สำหรับมื้อเย็นที่นัดเพื่อนฝูงเอาไว้เสียตั้งนานแล้ว ขณะที่อีกฝ่ายจัดเต็มทั้งคาวหวานครบครันเพราะเลยมื้อกลางวันมาจนจะใกล้มื้อเย็นเต็มทีแล้ว


“คุณนัดเพื่อนไว้กี่โมงนะ”


“หนึ่งทุ่มครับ”


“พวกเขาไม่มีแฟนกันรึไงถึงนัดสังสรรกับเพื่อนวันวาเลนไทน์”


รณณ์ขำ “ตามประสาหนุ่มโสดครับ”


“แต่คุณมีแฟนแล้ว”


หืม? ติ๊ต่างกันอย่างนี้ก็ได้เหรอ


จริงอยู่ที่คุณดีนเพิ่งสารภาพรักออกมา แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการตกลงถึงสถานะของกันและกัน จะมากล่าวเหมารวมว่าเป็น ‘แฟน’ กันแล้วก็ดูจะรวบลัดไปเสียหน่อย


“มีที่ไหนกันครับ จำได้ว่ายังโสด”


แม้รณณ์จะมีสีหน้าล้อเล่น แย้มยิ้มทั้งที่หน้าแดงซ่าน แต่คุณดีนไม่ใช่ หนุ่มลูกเสี้ยวนัยน์ตาขึงขัง จ้องมองด้วยสีหน้าจริงจังเกินกว่าจะล้อหลอก


“รณณ์…” มือที่ทั้งหนาและใหญ่กว่าเล็กน้อยยื่นมากุมมือเจ้าของชื่อไว้


“คุณพร้อมจะยอมรับไหมถ้าท้ายที่สุดแล้วความสัมพันธ์ของเราไปกันไม่รอด”


รูปประโยคคล้ายคำกล่าวของบาทหลวงในพิธีสำคัญแต่ความหมายสวนทางกันทำเอาเด็กหนุ่มทำหน้าไม่ถูก “...”


“ไม่ใช่เพราะว่าเราเป็นแบบนี้ แต่เพราะเรื่องของความรักมันไม่มีอะไรแน่นอน พี่ชายผมคบกับแฟนมาตั้งหลายปี ทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกัน แต่สุดท้ายก็เลิก ผมอยากให้คุณคิดให้ดีก่อน เพราะถ้าเรื่องของเรามันจบลงจริง ๆ ผลที่ตามมาจะต่างจากการคบเพศตรงข้ามมาก”


“...”


“ถ้าคุณยอมรับได้ ผมก็พร้อมที่จะประคองความสัมพันธ์ครั้งนี้ให้ตลอดรอดฝั่ง”


“...”


“ผมรู้ เราเพิ่งรู้จักกันได้แค่เดือนเดียว เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องรีบให้คำตอบผมก็ได้ ผมรอคุณได้เสมอ”


เด็กหนุ่มเงียบ คุณดีนอาจจะเพิ่งรู้จักเขาได้แค่หนึ่งเดือน แต่สำหรับเขา...เขารู้จักคุณดีนมาสามปีแล้ว ถึงจะแค่ในโลกออนไลน์ แต่ในนั้นมันก็เป็นอีกหนึ่งตัวตนของคุณดีนอยู่ดี


“ผมเข้าใจครับว่าไม่มีใครรับประกันได้ว่าความรักจะคงอยู่กับเราไปนานแค่ไหน เมื่อได้เจอกันแล้ว ผมไม่รู้หรอกว่าวันสุดท้ายของความสัมพันธ์จะมาถึงเมื่อไหร่ แค่ในตอนนี้...แค่ในตอนนี้ผมคิดว่ามันดีมากแค่ไหนที่ยังมีคุณอยู่ด้วยกันไปทุกวัน...”


“....”


“ผมก็พร้อมจะยอมรับผลที่เกิดขึ้น”


“...”


“เพราะผมก็จะประคองความสัมพันธ์ครั้งนี้ให้ตลอดรอดฝั่งเหมือนกันครับ”


ดีนยิ้มพอใจ “ตกลงคบกันวันวาเลนไทน์ก็ดีเหมือนกันนะ จำง่ายดี”


รณณ์ตีหน้ายุ่งทั้งที่ยังยิ้ม ไม่มีประโยคขอเป็นแฟนหรือคำตอบตกลงสักนิด แต่เขาก็จะยอมรับว่าตอนนี้ตนได้รับสถานะนั้นจากผู้ชายคนนี้แล้ว


“ถ้าไม่อยากมีแบดวาเลนไทน์ในปีอื่น ๆ...ก็อย่าทิ้งกันไปไหนนะครับ”










TBC.
---------------------------------------------------------
มาช้ากว่าที่บอกไว้ 3 วัน แหะๆ เค้าขอโทษ~~~

บ่อยครั้งที่เราได้รับผลกระทบจากเรื่องของคนรอบข้าง
เพราะฉะนั้นนักหัดรักอย่างคุณดีนจะต้องได้เรียนรู้ค่ะ
#ไม่ดิ้นรนหา

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์


หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 03-12-2017 18:11:55
เฮ้อ  เป็นแฟนกันซะที  ลุ้นมาหลายตอนแล้ว
ชัดเจนค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 03-12-2017 18:26:45
เกลียดดาววววว กลัวใจนางจะแกล้งน้องรณณ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-12-2017 18:45:18
 :mew2:

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 03-12-2017 18:45:58
ชัดเจนกันซะทีนะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-12-2017 19:28:47
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 03-12-2017 20:02:25
โอ้ยยย อ่านตอนนี้กลั้นยิ้มจนปวดหน้าไปหมดแล้วค่าา :-[
ชัดเจนแล้วเนอะ เป็นแฟนกันแล้วเนอะ ถ้าคุณดีนรู้ว่าน้องรณณ์รู้จักคุณดีนมาก่อน จะเป็นยังไงน้าา อยากรู้จัง
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nkl31 ที่ 03-12-2017 22:24:47
เป็นความสัมพันธ์ที่เรียบๆเรื่อยดีค่ะ ชอบบบบบบบ แต่กลัวใจดาว ดูร้ายอ่ะ ถ้าขี้นินทานี่น่าจะปากร้ายพอดู แบบอย่าม่านะ หัวใจรับไม่ไหวจริงๆ น้องรณณ์เป็นหลีดดดดดด
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 04-12-2017 00:05:33
ลุ้นตั่งนาน. 5555.
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 04-12-2017 00:18:03
งุ้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-12-2017 00:52:07
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 04-12-2017 01:26:54
คบกันแล้ววววว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-12-2017 10:44:12
โอ๊ย... น้ำตาลเรี่ยราดเต็มมอไปหมดแล้ว
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: MuMeen ที่ 04-12-2017 14:09:18
พึ่งจะมีโอกาสได้อ่านเรื่องนี้ แต่ชอบบรรยากาศฟุ้งๆของเรื่องนี้มากๆค่ะ ยอมรับว่านี่คือเม้นต์แรกเลย แงงง จะไม่ทำตัวเป็นนักอ่านเงาอีกแล้วค่ะ :m15:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 04-12-2017 16:17:25
โอ้ยยยย น่ารักกกก
เมื่อไหร่ดาวจะโคจรออกจากจักวาลนี้สักที
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 04-12-2017 16:20:26
 :-[่ เขาคบกันแล้วววววว
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 04-12-2017 18:30:54
เขาคบกันแล้ว เย้!!!! จุดพลุ  :mc4:
แต่ตอนท้ายน้องแอบขู่คุณดีนนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 04-12-2017 21:43:56
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 05-12-2017 09:46:14
น่ารักกกกมากกกกก
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-12-2017 10:26:51
คบกันสักที ต่อไปก็ต้องคอยรับมือนังดาวร้ายสินะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 05-12-2017 10:43:15
ยัยดาว เธอมันร้าย  :beat:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 05-12-2017 14:58:53
ดาวคิดจะทำอะไรรรร
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 05-12-2017 15:28:22
รำคาญยัยดาวมากถึงมากที่สุดอ่ะ  :m16:
พี่ชายคุณดีน ควรมาจัดการแฟนเก่าตัวเองสักหน่อยนะ
จากเรื่องวุ่นวายของตัวเอง ทำไมต้องให้น้องมาโดนหางเลขไปด้วย ชิ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: cherrie ที่ 05-12-2017 19:08:45
เค้าคบกันแล้วววว ลุ้นมาก คุณดีนน้องรณณ์ น่ารักทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-12-2017 20:46:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 06-12-2017 23:35:48
เย้ คบกันแล้ววว น่ารักทั้งคู่!
เอาใจช่วยน้าาาา
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 06-12-2017 23:36:24
อ่านยังไม่ทัน

มาให้กำลังใจจ้า

หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 10-12-2017 00:31:48
รออยู่นะครับ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 10-12-2017 17:20:12
ดาวเคยทำอะไรไว้นะอยากรู้จังแล้สผิงไม่คิดอะไรกับดีนจริงหรือ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 17 [03/12/17] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 16-12-2017 08:30:33
"แทนที่จะเป็นคุณรักผมหรือผมรักคุณเป็นเรารักกันแทนได้ไหม" โอ้ยยยยหัวใจโรแมนติกที่สุดเลย เค้าเป็นแฟนกันแล้ว :-[
ผ่านอุปสรรคไปให้ได้ทั้งคู่นะคุณดีนน้องรณณ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 21-12-2017 20:56:09

ห า กั น จ น เ จ อ

ตอนที่ #18









เสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีของบรรณาธิการหนุ่มลูกเสี้ยวไม่ใช่สิ่งที่พนักงานของนิตยสารไลฟ์คุ้นชินสักเท่าไหร่ ใบหน้าที่มักจะเคร่งครึมยิ้มรับคำทักทายยามเช้าจากลูกน้องบ้างในวันนี้กลับดูสดใสผิดหูผิดตา หลายคนที่ยืนรอลิฟต์ในเช้าวันนี้ต่างก็เว้นระยะห่างจากคนเป็นนายมากกว่าตอนที่อีกฝ่ายทำหน้าดุเสียอีก ไม่เว้นแม้แต่นักศึกษาฝึกงานร่างสูงโปร่งที่ยืนเยื้องอยู่เบื้องหลังก็ต้องทำตามคนส่วนใหญ่ด้วย แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลเดียวกัน เขาแค่ทำตามความต้องการของคุณดีนเท่านั้น


รณณ์ไม่รู้ว่าตนควรจะขอบคุณหรือกล่าวโทษประตูลิฟต์ดีที่มันเป็นกระจกใสจนทำให้มองเห็นสีหน้าระรื่นจนน่าหมั่นไส้ของอีกฝ่ายได้ ทั้งรอยยิ้มมุมปากและแววตาที่ส่งให้กันผ่านเงาบนนั้นทำให้เขารู้สึกเขินขึ้นมาทั้งที่ตั้งใจจะแกล้งทำเป็นไม่สนิทกันแล้วแท้ ๆ


“สวัสดีค่ะบอกอ”


ดีนหน้าตึงทันทีที่ได้ยินเสียงหัวหน้าคอลัมนิสต์สาวก่อนที่อีกฝ่ายจะก้าวมายืนข้างกัน ชายหนุ่มตอบรับคำทักทายกลับไปแค่คำว่า ‘ครับ’ ท่ามกลางการสังเกตการณ์ของพนักงานคนอื่น ๆ


ดาวยิ้มรับ หันมองเด็กหนุ่มที่ยืนห่างกันไม่กี่ก้าวแล้วแสร้งทำหน้าตาตกใจ “อ้าวรณณ์ วันก่อนบังเอิญเจอบอกอที่งานมหา’ลัย แล้ววันนี้บังเอิญเจอกันที่หน้าลิฟต์...หรือว่าบังเอิญมาด้วยกันล่ะ” แม้จะถามเด็กหนุ่ม แต่ในประโยคหลังเธอกลับหันมามองคนที่มีศักดิ์เป็นนาย


แน่นอนว่าคนบริเวณนั้นต้องได้ยินและไม่เกินครึ่งวันเช้าคงจะเอาไปซุบซิบกันจนระแคะระคายเรื่องของเขากับรณณ์กันหมดทั้งบริษัทอย่างที่เธอตั้งใจ รณณ์หน้าซีดเผือดขณะที่ดีนหันมองคนพูดตาขวางแล้วตอบเสียงเรียบ “บังเอิญก็คือบังเอิญ เหมือนอย่างที่ผมบังเอิญเจอคุณที่มหา’ลัยและบังเอิญเจอที่หน้าลิฟต์นี่ไง”


ดาวยกยิ้ม “จริงด้วย บังเอิ๊ญบังเอิญนะคะ...อุ๊ย! ผิง อันนี้ก็บังเอิญด้วยรึเปล่า”


สายตาทุกคู่ต่างหันไปมองเจ้าของชื่อที่เดินตามเข้ามาสมทบไม่เว้นแม้แต่ดีน ผิงยิ้มบางแทนคำทักทายให้กับทุกคนก่อนจะก้าวเข้าไปยืนข้างดีนอีกฝั่งที่ยังว่างจนกลายเป็นว่าตอนนี้บรรณาธิการหนุ่มถูกขนาบข้างด้วยสองหัวหน้าสาวต่างแผนก


มือเรียวเกาะเกี่ยวแขนเพื่อนชายอย่างมีจริต แม้มาไม่ทันได้ยินบทสนทนาก่อนหน้านี้และเดาสถานการณ์ได้ไม่ทั้งหมด แต่ก็ขอแค่เธอได้ทำอะไรที่ขัดแย้งทุกความต้องการของอีกฝ่ายก็เป็นพอ “ไม่บังเอิญหรอกค่ะ วันนี้เรามาด้วยกัน แต่พอดีผิงแวะคุยงานนิดหน่อยเลยให้ดีนเขาเดินมาก่อน กลัวเขาจะรอนาน”


หญิงสาวตั้งใจเน้นชื่อเพื่อนชายเป็นพิเศษเพราะปกติแล้วเธอมักจะเรียกตำแหน่งของอีกฝ่ายยามอยู่ต่อหน้าพนักงานคนอื่นเสียมากกว่าจะทำตัวสนิทสนมแบบนี้ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้ก็เป็นที่สังเกตของทุกคนได้ดี เธอได้แต่หวังว่าคนทั้งบริษัทจะให้ความสนใจเรื่องของเธอมากกว่าจะสนใจประเด็นของรณณ์


ภาพเด็กหนุ่มกลืนริมฝีปากเข้าหากันและไม่ได้สบตากันดังเดิมที่สะท้อนผ่านบานประตูลิฟต์ทำให้ดีนใจเสีย จริงอยู่ที่คุยกันแล้วว่าคงทำตัวสนิทสนมกันในที่ทำงานไม่ได้เพราะรณณ์จะเป็นฝ่ายเสียหายเองแต่ก็ไม่ได้พูดถึงกรณีความสัมพันธ์เกินเพื่อนกับผิงอย่างที่อีกฝ่ายกำลังแสดงให้คนทั้งบริษัทดูแบบนี้


“และคงจะมาด้วยกัน กลับด้วยกันไปอีกนานเลยล่ะค่ะ” ดีนไม่ค้านเพราะที่เธอพูดนั่นก็เรื่องจริง รถของเธอเสียต้องเข้าอู่หลายวัน ช่วงนี้เขาจึงกลายเป็นสารถีจำเป็นไปโดยปริยายเพราะคอนโดเธอเป็นทางผ่าน เพียงแต่ไม่ได้ขยายความคำว่านานเท่านั้นเอง ผิงปล่อยให้คนที่ได้ยินคิดไปต่าง ๆ นานา ซึ่งคงหนีไม่พ้นสถานะที่ชัดเจนขึ้น


“แหม นี่เปิดตัวคบกันแล้วเหรอคะ ยินดีด้วยจริง ๆ”


สองหนุ่มสาวไม่ตอบอะไร ดีนเอาแต่มองหน้ารณณ์ผ่านเงาที่สะท้อนตรงหน้าขณะที่ผิงแค่ยิ้มบางไม่ตอบชัดในความสัมพันธ์





ลิฟต์นี่ก็ช้าเสียจนรณณ์อยากจะเดินขึ้นบันไดไปถึงชั้นหกเสียให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็กลัวจะเป็นการแสดงอาการให้ยิ่งผิดสังเกต เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจคำพูดของหัวหน้าแผนกตัวเองนัก พยายามคิดในแง่ดีว่าคุณดีนไม่โกหก อย่างน้อยการที่คุณดีนบอกให้เขาเชื่อใจต่อหน้าผิงวันนั้นก็เป็นเรื่องจริง


บางที…


บางที...พี่ผิงอาจจะกำลังช่วยเขาอยู่ก็ได้








DEAN @DEANada . 2d
I found a love for me and I see my future in his eyes. #1stHappyValentine



นานแค่ไหนไม่รู้ที่รณณ์มัวแต่นั่งอ่านประโยคเดิมซ้ำ ๆ ที่เจ้าของแอคเคาน์อัพไว้ตั้งแต่เมื่อคืนวันวาเลนไทน์ราวกับนี่เป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจที่ปวดหน่วงจากเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้านี้ได้


จำได้ว่าคืนนั้นดีใจขนาดไหนตอนเห็นทวีตนี้ของคุณดีน ดีใจจนกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ต่อหน้าเพื่อนฝูง โดนต้อนจนสุดท้ายก็ต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้ สบายใจไปเรื่องหนึ่งที่เพื่อนทุกคนยอมรับสิ่งที่เขาเป็นได้เหมือนกับเอก มิหนำซ้ำยังกดดันให้เขาชวน ‘แฟน’ มาพบปะเพื่อนฝูงโดยเร็วกันเสียยกใหญ่


“รณณ์!!”


“ห๊ะ! ห๊ะพี่!”


เจ้าของชื่อสะดุ้งตื่นตกใจ พอเห็นว่าใครเป็นคนเรียกเจ้าตัวก็รีบกดปิดหน้าจอเครื่องมือสื่อสารทันที โชคดีที่ตนเปิดแสงหน้าจอในระดับต่ำสุดและหน้าจอแอพฯก็เป็นโหมดกลางคืน ถ้ามองจากด้านข้างจะไม่สามารถเห็นเนื้อหาบนนั้นได้เลย


“เป็นอะไรวะ ช่วงนี้เหม่อ ๆ นะเรา”


“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ”


“อะไรที่ไม่ใช่เรื่องงานก็อย่าไปเก็บมาคิดเยอะ เข้าใจที่พูดไหม”


“ครับ” รณณ์รับปากเสียงแผ่ว ไม่เข้าใจนักว่าทศต้องการจะสื่ออะไร รู้แต่ว่ารุ่นพี่ร่วมแผนกคนนี้มีความหวังดีให้ตนเสมอ “แล้วพี่มีอะไรจะใช้ผมหรือเปล่าครับ”


“จะมาบอกว่าตอนสิบโมงให้เข้าประชุมด้วย”


“หือ? วันนี้มีประชุมด่วนเหรอครับ” ถ้าเป็นการประชุมภายในแผนก เขาจะได้รับนัดหมายล่วงหน้าอย่างช้าที่สุดก็หนึ่งวันไม่ใช่หนึ่งชั่วโมงแบบนี้


“ไม่ใช่ วันนี้ประชุมใหญ่เรื่องฉบับหน้า”


“ประชุมใหญ่...หมายถึง…?”


“ประชุมกับบอกอนั่นแหละ แล้วก็ไม่ต้องถามนะว่าทำไมแกต้องเข้าด้วยเพราะพี่ก็ไม่รู้ รู้แต่คุณดาวเธอสั่งมา”


รณณ์พยักหน้าช้า ๆ ความหนักใจเกิดขึ้นอีกรอบ ถ้าเจอหน้ากันในที่ประชุมเขาคงจะวางตัวไม่ถูก บรรยากาศชวนอึดอัดอย่างเมื่อเช้าก็คงกลับมาอีกครั้ง แต่จะปฏิเสธไม่เข้าร่วมก็คงไม่ได้เพราะเป็นคำสั่งของหัวหน้างาน อีกอย่าง สถานะนักศึกษาฝึกงานก็ไม่ได้มีสิทธิเลือกมากนัก





“พรุ่งนี้พาไปหน่อยนะ”


“วอแวจัง”


“จะไม่พาไปเหรอ”


“ไป...” เสียงทุ้มขาดหายเมื่อสายตาสบกับใครบางคนที่ไม่น่าจะมานั่งร่วมอยู่ในห้องประชุมนี้ได้ ผิงมองตามแล้วก็ตกใจไม่แพ้กันเพียงแต่ไม่ได้แสดงอาการมากเกินไปกว่าแค่ขมวดคิ้ว ปล่อยให้เพื่อนชายส่งสายตาถามหัวหน้าของเด็กหนุ่มทางสายตาเอาเอง


“ขออนุญาตบอกอตรงนี้เลยแล้วกันนะคะ ฉันคิดว่าเจ้าของไอเดียเล่มที่แล้วควรจะได้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย อย่างน้อยก็ให้คนอื่นได้รู้ว่าเด็กมันมี ‘ของ’...บอกอว่าดีไหมคะ” ปิดท้ายรูปประโยคนอบน้อมด้วยยิ้มหวานที่ทำเอาคนตกเป็นประเด็นยิ่งนั่งตัวลีบอยู่ข้างทศ


ดีนจ้องมองตาเขียว จะไม่ขุ่นเคืองเลยถ้าร่างโปร่งของคนรักไม่ขยับเบียดติดจนแทบสิงนายทศนั่นอยู่รอมร่อ “ไม่...”


“ได้สิคะ ต้องได้อยู่แล้ว” ผิงชิงเอ่ยตอบรับก่อนที่ดีนจะปฏิเสธออกมา ดีนมองเพื่อนสนิทด้วยความไม่เข้าใจ แต่ไหนแต่ไรมากฎของบริษัทก็ชัดเจนว่านักศึกษาฝึกงานมีสิทธิเข้าร่วมประชุมแค่ภายในแผนกที่ฝึก ไม่ใช่การประชุมใหญ่แบบนี้


ดาวยิ้มพอใจ “แหม คำตอบของผิงดูจะเป็นคำประกาศิตจนไม่ต้องถามความเห็นจากบอกอเพิ่มแล้วสินะคะ”


ดีนมองตาขุ่นแต่คนพูดไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้าน ดาวกวาดตามองทุกคนก่อนจะแนะนำรณณ์ให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้รู้จัก “นี่รณณ์นะคะ เป็นเด็กฝึกงานอยู่แผนกดาว เจอหน้าหล่อ ๆ แบบนี้ที่ไหนก็เรียกใช้ได้เลยค่ะ”


รณณ์ลุกขึ้นยืนกระพุ่มมือไหว้ทักทายทั่วทุกทิศโดยเริ่มจากคนใหญ่สุดตรงหัวโต๊ะด้วยท่าทีสุดแสนจะประหม่า


การทำแบบนี้คือการเอารณณ์มาเปิดตัวต่อหน้าหัวหน้าใหญ่ของแต่ละฝ่าย ซึ่งเมื่อคนรู้จักรณณ์มากขึ้น นั่นหมายความว่านับต่อจากนี้ ความสนิทสนมของดีนกับเด็กหนุ่มก็อาจเป็นที่สะดุดตาผู้คนมากขึ้นได้ ดีนตัดทุกประเด็นที่กำลังเป็นที่สนใจของผู้เข้าร่วมประชุมในตอนนี้ด้วยการกล่าวเข้าสู่การประชุม


ตลอดเกือบสามชั่วโมงของการประชุม เด็กหนุ่มที่มีสถานะเป็น ‘คนนอก’ คนหนึ่งนั่งนิ่งเงียบไร้การแสดงความคิดเห็นใด ๆ จนเสมือนเป็นเพียงอากาศในที่นี้ มีหน้าที่แค่ช่วยทศจดสรุปการประชุมเงียบ ๆ จะมีตัวตนขึ้นมาบ้างก็ตอนที่ดาวจงใจส่งคำถามมาให้และตอนที่ร่วมโหวตธีมหลักของฉบับประจำเดือนหน้าเท่านั้น ขณะที่ดีนเองก็ต้องใช้สมาธิอย่างมากเพื่อให้จดจ่ออยู่กับเนื้อหาของการประชุมแทนดวงหน้าใสที่หงอลงด้วยภาวะที่ทั้งกดดันและอึดอัดจากที่ดาวสร้างขึ้นมา








“ทำอะไรของเธอ รู้ทั้งรู้ว่ากฎของบริษัทเราเป็นยังไง ทำไมถึงยังพูดแบบนั้น”


ดีนระบายออกมาอย่างหัวเสียใส่เพื่อนสาวคนสนิทที่ตามเข้ามาในห้องทำงานของเขาหลังจบการประชุม


“ฉันรู้ ฉันจำกฎทุกข้อได้หน่า แต่นายหย่อนบ้างก็ได้ ลองนึกดูนะว่าถ้านายตึงเกินไป ดึงดันที่จะรักษากฎ น้องมันจะรู้สึกยังไง จะเสียความรู้สึกขนาดไหน เพราะถ้านายพูด นั่นเท่ากับว่าน้องถูกปฏิเสธต่อหน้าคนนับสิบ อย่าลืมว่าน้องไม่ใช่คนที่อยากมานั่งอยู่ตรงนั้น แต่เป็นความต้องการของคนอื่น”


ดีนถอนหายใจหนัก


“อย่าเดินตามเกมพี่ดาวสิ คีพคูลไว้ คีพคูล”


“บางทีฉันก็คิดว่านี่เราก็กำลังเดินตามเกมของเธออยู่”


“ทุกอย่างจะเป็นตามที่เธอต้องการไหมฉันไม่รู้ รู้แต่เรากำลังเซฟน้องนะ”

ดีนรู้ ทุกอย่างจะเป็นตามที่เธอต้องการไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บางที...ไม่ว่าเขาจะตอบสนองกับเรื่องนี้อย่างไร ก็ดูเหมือนจะตามเกมเธอไปเสียทุกอย่าง


ถ้าเขาออกปากปฏิเสธเอง รณณ์จะเสียความรู้สึกที่ถูกหักหน้าต่อหน้าคนอื่น ขณะที่ถ้าเขาตอบรับ หลายคนอาจตั้งคำถามขึ้นมาว่าทำไมถึงต้องให้สิทธินั้นกับรณณ์ทั้งที่เขาเป็นคนเคร่งเรื่องกฎระเบียบมาก แต่ถ้าหากผิงปฏิเสธหรือยอมรับให้ ทุกคนก็จะเข้าใจว่าเธอสามารถออกคำสั่งได้เหมือนเขาซึ่งเมื่อก่อนไม่ใช่


การกระทำแบบนั้นจะบ่งบอกถึงสถานะที่แนบแน่นขึ้นโดยไม่ต้องป่าวประกาศเลยสักนิด






ตลอดทั้งสัปดาห์เต็มไปด้วยข่าวลือมากมายถึงความสัมพันธ์ของสองเพื่อนสนิทต่างเพศ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีใครสนใจเรื่องของเด็กฝึกงานหน้าใส แม้จะยังไม่เคยเห็นกับตาว่าเด็กหนุ่มสนิทสนมกับบรรณาธิการตนเองขนาดไหน แต่เมื่อข่าวมันแว่วเข้าหูมาได้ก็ย่อมมีมูลของเรื่องไม่มากก็น้อย


ดีนและรณณ์วางตัวดีมาตลอด เจอกันแต่ละครั้งก็หลบเลี่ยงที่จะสบตากันตรง ๆ มีบ้างที่ทักทายสวัสดีตามรุ่นพี่คนอื่นในยามที่เลี่ยงการพบเจอไม่ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนหลังเลิกงานดีนจะต้องไปนั่งรอรณณ์ที่ร้านกาแฟใกล้บริษัท แต่เพราะต้องรับผิงติดรถกลับด้วยทุกวันในช่วงนี้ เขาจึงไม่ได้แวะไปอีกเลย ครั้นจะบอกให้ผิงกลับเองก็คงจะเป็นที่ผิดสังเกตของคนอื่นจนดูไม่แนบเนียนเอาได้ เพราะฉะนั้นในช่วงสามสี่วันมานี้ดีนจึงแทบไม่ได้เจอกับรณณ์เลย


ความรักที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ของรณณ์กับดีนไม่รบกวนจิตใจของเด็กหนุ่มมากนักเพราะคอลัมน์ประจำเดือนใหม่ที่ตนต้องเร่งทำส่งทั้งในส่วนที่เป็นความรับผิดชอบของตนเองและส่วนที่ต้องช่วยเหลือคนอื่นในแผนกตามประสาเด็กฝึกงานทำให้รณณ์ยุ่งมากจนไม่ได้สนใจว่าในแต่ละค่ำคืนตนจะได้คุยเรื่องสัพเพเหระอะไรกับคนรักมากมายหรือมีเพียงแค่ข้อความสั้น ๆ จากอีกฝ่ายส่งมาบอกเข้านอนเท่านั้น


ฟากดีนเองก็พยายามไม่ใส่ใจกับความห่างเหินไปตามที่สถานการณ์บังคับ บางคืนโทร.หา นอกจากจะพูดคุยเรื่องจิปาถะแล้วก็ยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับงานที่อีกฝ่ายกำลังทำบ้างตามโอกาส แต่ไม่ลืมที่จะให้กำลังใจและบอกฝันดีในทุกคืน


เพียงแค่นี้ดีนก็มีความสุขมากแล้ว





แต่ผิงว่าสีหน้าของคนมีความสุขไม่ได้ดูอมทุกข์ขนาดนี้…


นับวันดีนจะยิ่งหน้าตึงขึ้นทุกวัน จากที่ไม่ค่อยยิ้มให้เธอมากมายอยู่แล้ว แต่ช่วงหลายวันมานี้ดีนแทบจะหน้าบึ้งอยู่ตลอดเวลา


“วันนี้ไปดูหนังกันหน่อยไหม” ผิงเอ่ยถามในตอนที่ลงลิฟต์มาด้วยกันตามลำพัง วันนี้พวกเขากลับช้ากว่าทุกวันเพราะดีนติดประชุมกับบอร์ดบริหาร สีหน้าเหนื่อยอ่อนนั่นเธอก็อยากจะเข้าใจว่าเป็นเพราะวาระการประชุมหากไม่ติดว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าแบบนี้มาตั้งแต่ต้นสัปดาห์แล้ว


“ไม่ล่ะ” ดีนปฏิเสธเสียงแผ่ว คิดถึงการพักผ่อนเพียงอย่างเดียวคือการนอน นอนหลับแล้วตื่นมาให้ถึงวันสุดท้ายของการฝึกงานของรณณ์ได้เลยยิ่งดี

 
ผิงถอนหายใจ มองดูด้วยความเป็นห่วงแล้ววางมือบนท่อนแขนดีนเพื่อส่งต่อความห่วงใยให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แต่เมื่อลิฟต์ส่งสัญญาณว่ากำลังจะเปิดออก มือเรียวสวยก็เปลี่ยนจากแตะเบา ๆ มาคล้องแขนแกร่งทันทีอย่างรู้งาน ทว่ามันกลับทำให้คนที่กำลังจะก้าวเข้ามาร่วมโดยสารด้วยถึงกับชะงัก


รณณ์ไล่สายตามองตามมือของเธอที่เกาะเกี่ยวคนของเขาอยู่ด้วยใจที่หวิวโหวงอย่างบอกไม่ถูกก่อนจะก้าวเข้ามายืนเยื้องไปอีกมุมหนึ่งกับคนทั้งคู่


ผิงปล่อยมือออกจากแขนดีนก่อนขยับถอยออกห่างอีกนิด “เพิ่งกลับเหรอรณณ์”


“ครับ”


“กลับยังไงล่ะ กลับด้วยกันไหม ให้บอกอไปส่ง” คนถูกพาดพิงหันมองเพื่อนสาวด้วยความฉงนด้วยไม่เข้าใจว่าเธอกำลังจะทำอะไร แต่ไม่รู้เลยว่าท่าทางนั้นทำให้เด็กหนุ่มเข้าใจว่าเขาไม่เต็มใจนัก


“ไม่เป็นไรครับ บอกอคงไม่ยินดีเท่าไหร่ที่ผมจะกลับด้วย”


“ผมพูดแล้วเหรอว่าไม่ยินดี”


รณณ์เม้มปากแน่น ไม่อยากทำตัวเป็นคนอ่อนแอแต่ความรู้สึกน้อยใจที่ก่อตัวขึ้นมันคือความจริงที่หนีไม่พ้น ไม่มีคำตอบรับหรือปฏิเสธต่อจากนั้น แต่เป็นที่เข้าใจว่ารณณ์จำต้องทำตามคำชวนของหัวหน้าแผนกพิสูจน์อักษรคนสวยอย่างเลี่ยงไม่ได้


ที่เอ่ยปากชวนเด็กหนุ่มกลับด้วยกันเพราะผิงอยากให้ทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันบ้างโดยไม่น่าเกลียดในสายตาคนอื่นแต่ใครจะคิดว่าพอขึ้นรถมาแล้วบรรยากาศจะชวนอึดอัดได้มากขนาดนี้ ไม่มีใครปริปากพูดอะไร และเพราะว่าดีนไม่เปิดเพลงเหมือนทุกครั้ง ภายในห้องโดยสารจึงยิ่งเงียบสงัด  ผิงให้ดีนไปส่งตนที่คอนโดก่อนแล้วค่อยไปส่งรณณ์เพื่อยืดระยะเวลาให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ระหว่างทางผิงก็ชวนแวะรับประทานอาหารเย็นกันก่อน แต่ดีนปฏิเสธเสียงแข็ง

“บอกอจอดส่งผมตรงนี้แหละครับ จะได้พาพี่ผิงไปทานอาหารต่อ”

“เห้ย พี่ชวนเราด้วยนะรณณ์”

“ฉันจะไม่แวะที่ไหนทั้งนั้นแหละ”

เธอมองใบหน้าด้านข้างของเพื่อนชายอย่างพิจารณา “ตามใจ” พูดออกเสียงแค่นั้น แต่สิ่งที่อยู่ในใจ เธอมั่นใจว่าเพื่อนจะรับรู้ได้

…ถือว่าไอ้ผิงช่วยแล้วนะ…



ถึงจะปฏิเสธเสียงแข็งว่าตนจะไม่แวะรับประทานอาหารที่ไหนทั้งนั้นแต่เมื่อรถคันหรูจอดเทียบหน้าหอพักเด็กหนุ่มแล้วคนขับกลับงอแงร้องหาสิ่งตอบแทนเป็นอาหารสักมื้อทั้งที่ได้รับคำขอบคุณไปแล้ว


“ผมหิว ยังไม่ได้ทานอะไรเลย” รณณ์อยากจะแย้งนักว่าทำไมตอนที่พี่สาวคนสวยชวนแวะทานอาหาร ตอนนั้นถึงไม่ตอบรับ จะมางอแงบอกว่าหิวตอนนี้ได้อย่างไร แต่สิ่งที่พูดออกไปได้คือคำเชิญด้วยความยินดีเพราะไม่อาจปฏิเสธแววเว้าวอนในหน่วยตาคมได้


“ห้องรกนิดนึงนะครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างจัด”


ดีนกวาดตาสำรวจห้องสีเหลี่ยมที่ไม่กว้างอะไรนักแต่ก็ดูเหมาะสมกับวิถีชีวิตของนักศึกษาแล้วพบว่า ‘รกนิดนึง’ จริงอย่างที่เจ้าของออกตัวไว้ เพราะนอกจากบริเวณโต๊ะอ่านหนังสือที่เต็มไปด้วยกองเอกสารแล้วก็ไม่มีส่วนไหนของห้องที่เขารู้สึกว่ารกเลยสักนิด


“เอ่อ บอกอนั่งพื้นได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มบอกด้วยท่าทางเก้อเขิน ก็ห้องเขาแคบแค่นี้ เปิดประตูมาก็เจอเตียงนอนขนาดหกฟุตที่กินพื้นที่ไปเกือบครึ่งห้อง โต๊ะตัวใหญ่ที่หอมีให้เขาก็ใช้เป็นโต๊ะทำงานไปเสียแล้ว เวลาจะกินจะเล่นอะไรก็ต้องนั่งกับพื้นแล้วใช้โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กเอา


บอกอ? แสลงหูชะมัด


“อยู่ด้วยกันตอนนี้ไม่ต้องเรียกว่าบอกอหรอก แล้วผมก็นั่งได้ ตรงไหนก็นั่งได้” ...ขอแค่ได้ใช้เวลาอยู่กับคุณบ้าง


ดีนว่าแล้วนั่งลงอย่างว่าง่าย มองดูแล้วไม่น่าจะมีพื้นที่ที่น่าจะเรียกว่าครัวได้ ถึงจะมีตู้เย็นขนาดห้าคิวอยู่ตรงมุมหนึ่งก็ตาม


“เอ่อ...ในห้องผมมีแต่บะหมี่คัพ คุณดีนพอจะทานได้ไหมครับ”


“คุณหิวหรือเปล่า ยังไม่ได้ทานอะไรเลยเหมือนกันนี่” ดีนไม่ตอบแต่ถามกลับไปแทน


“นิดหน่อยครับ”


“แล้วปกติทานอะไรที่ไหน”


“ใต้หอมีร้านอาหารตามสั่งอยู่ครับ แต่ส่วนใหญ่จะแวะซื้อข้างนอกเข้ามา”


“อืม...แต่วันนี้เราคงออกไปทานข้างนอกไม่ได้ โทร.สั่งเอาได้ไหม” ไม่รู้ว่าดีนกังวลมากเกินไปหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่อยากเสี่ยงให้ใครมาเห็นเขาอยู่กับรณณ์ให้เกิดปัญหาขึ้นในภายภาคหน้า ลำพังแค่ตัวเขาไม่มีอะไรเสียหายแต่กับรณณ์ไม่ใช่ ความสัมพันธ์แบบสมภารกินไก่วัดอาจมีปัญหาไปถึงระดับมหาวิทยาลัยได้ หากเป็นเช่นนั้น อนาคตของรณณ์คงเปราะบางเต็มที


รณณ์รับคำก่อนถามว่าอีกฝ่ายจะทานอะไร แอบเป็นห่วงว่าคุณดีนจะทานได้หรือ ป้าร้านข้าวข้างล่างทำเป็นแต่อาหารรสจัดจ้าน แม้แต่อาหารฝรั่งพื้น ๆ ที่ร้านอาหารตามสั่งร้านอื่นเขาทำได้อย่างสปาเกตตี้หรือผัดมักกะโรนีป้าแกยังทำไม่เป็นเลย


“มีอะไรไม่เผ็ดแล้วอร่อยบ้าง”


รณณ์หลุดขำเล็กน้อยก่อนเก็บอาการเมื่อถูกคนสูงวัยกว่ามองดุใส่ “อืม เห็นจะมีแต่ไข่เจียวนะครับ”


“รณณ์”


เด็กหนุ่มยิ้มทะเล้น “อ้อ มีไข่ดาวอีกอย่าง”


ดีนส่ายหน้าสองคนที่ยังไม่ทันสรุปรายการได้ก็หนีพร้อมเสียงหัวเราะชอบใจออกจากห้องลงไปซื้ออาหารให้เสียแล้วเพราะที่นี่ไม่มีบริการส่งถึงห้อง ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงเด็กหนุ่มกลับมาพร้อมข้าวเปล่าสองจานและกับข้าวแสนจืดชืดเอาใจแขกอีกสองสามอย่างซึ่งหนึ่งในนั้นคือไข่เจียวอย่างที่เจ้าตัวแนะนำไว้เพียงแต่อัพเกรดคุณค่าทางอาหารขึ้นมาอีกนิดเป็นไข่เจียวหมูสับ


“รับน้ำอัดลมหรือน้ำเปล่าดีครับ”


“ขอกาแฟได้ไหม”


“เย็นมากแล้วนะครับ คุณไม่ควรดื่มมันอีก เดี๋ยวจะนอนไม่หลับ”


“ถ้าไม่ดื่มสิจะนอนไม่หลับ”


“แต่ที่ห้องผมไม่มีกาแฟหรอกนะครับ ถ้าคุณดีนอยากดื่มผมจะลงไปซื้อให้ กาแฟกระป๋องนะครับ ไม่ใช่กาแฟสด”


“ไม่ต้องลำบากหรอก ผมดื่มน้ำเปล่าได้”


อาหารพร้อม เครื่องดื่มพร้อม สองหนุ่มนั่งประจำที่ตรงข้ามกันและกัน รณณ์ผายมือให้ดีนเริ่มทานอาหารก่อน นัยน์ตาใสจ้องมองด้วยความลุ้น ไม่หวังให้รสชาติถูกปากคุณดีน ขอแค่พอทานได้ก็พอใจแล้ว


“อืม ใช้ได้เลยนะ สงสัยคงต้องมาทานบ่อย ๆ ซะแล้ว”


หมายความว่าจะมาห้องเขาอีกน่ะเหรอ?


ให้ตายเถอะ! ถ้อยความชื่นชมอาหารแต่สายตาที่มองมาอย่างลึกซึ้งนั่นแปลตรงตัวตามสิ่งที่ได้ยินไม่ได้เลยจริง ๆ


“ปะ ป้าแกคงดีใจที่มีลูกค้าเพิ่ม”


ดีนยิ้มเอ็นดูคนที่ไม่ยอมสื่อสารกันตรง ๆ “แล้วคุณดีใจไหมที่แฟนจะมาทานข้าวเย็นด้วยทุกวัน”


เด็กหนุ่มตาโต ถึงจะเปลี่ยนสถานะกับคุณดีนแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยได้ยินอีกฝ่ายพูดคำนั้นออกมาสักครั้ง ยิ่งช่วงนี้ที่ไม่ค่อยได้คุยกันยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้ยินชื่อสถานะที่ชัดเจนแบบนี้


ดีนยิ้มเอ็นดู วางช้อนส้อมแล้วยื่นมือข้างหนึ่งข้ามโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กไปวางบนศีรษะอีกฝ่าย


“อึดอัดไหม”


เจ้าของห้องส่ายหน้างง ๆ “ไม่นี่ครับ”


“ผมไม่ได้หมายถึงตอนนี้” ดีนมองสบอีกฝ่ายด้วยท่าทีที่จริงจังมากขึ้น “…หมายถึงตอนที่เราเจอกันที่บริษัทน่ะ อึดอัดบ้างไหม”


“คุณดีน…”


“รู้ใช่ไหมว่าผมไม่ได้อยากให้ความรักของเราเป็นความลับ ไม่ได้อยากหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ได้อยากคบคนอื่นเพื่อปิดซ่อนคุณ”


รณณ์พยักหน้าเล็กน้อย ดีนลูบผมอีกฝ่ายเล่น


“ผมอยากคบคุณแบบเปิดเผย อยากบอกให้คนอื่นรู้ว่าคนที่ผมรักคือคุณ แต่เพราะสถานะในตอนนี้ ถ้าผมทำแบบนั้น คนที่จะได้รับผลเสียอีกมากมายตามมาก็คือคุณ”


“ผมเข้าใจครับ คุณไม่ต้องเป็นห่วง”


“เด็กดี...จะฝึกงานเสร็จเมื่อไหร่ อีกนานไหม”


“สิ้นเดือนหน้าครับ”


…หกสัปดาห์โดยประมาณ…


“อดทนหน่อยได้ไหม…”


“…”


“…อดทนไปด้วยกัน”



กว่าดีนจะกลับออกไปรณณ์ก็เขียนบทความที่ค้างไว้หลายวันของตัวเองเสร็จพร้อมส่งได้ถึงสองเรื่องพร้อมผ่านการตรวจคร่าว ๆ จากคนเป็นบรรณาธิการอีกด้วย ช่วงเวลาเกือบสี่ชั่วโมงที่ได้อยู่ด้วยกัน แม้จะน้อยและเต็มไปด้วยเรื่องงานแต่กลับทำให้ใจของสองหนุ่มเต็มตื้นไม่ต่างจากการหยอดคำหวานใส่กันเลย




หลังจากวันนั้นดีนก็มาฝากท้องที่หอพักของรณณ์ทุกเย็น เมนูอาหารมีทั้งจืดชืดตามแบบที่เขาทานได้และจัดจ้านตามความชอบของรณณ์ บางวันดีนก็ซื้อมาจากข้างนอกบ้าง และสิ่งที่ไม่เคยขาดในห้องของรณณ์อีกเลยคือกาแฟสดที่ต้องชงให้แขกประจำห้องดื่มเกือบทุกเย็น


เมื่อออกไปไหนด้วยกันไม่ได้ หลาย ๆ กิจกรรมจึงต้องทำด้วยกันในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ นี่ อย่างเช่นการช่วยกันปั่นงานส่งตามกำหนด นั่งพื้นพิงขอบเตียงเพื่อดูหนังสักเรื่อง อ่านหนังสือสักเล่มเพื่อหาแรงบันดาลใจให้งาน หรือแม้แต่การที่ดีนเรียนรู้การเล่นเกมออนไลน์จากรณณ์ และกิจกรรมเพื่อความผ่อนคลายอื่น ๆ อีกมากมายที่สรรหามาทำด้วยกัน


“เบ๊บ”


“ครับ” ได้ยินคำเรียกใหม่แทนชื่อตัวเองทีไรรณณ์ก็ยังรู้สึกจั๊กจี๋เสียทุกครั้ง แม้พักหลังมานี้จะได้ยินบ่อยกว่าคำว่า ‘เด็กดี’ แล้ว แต่ก็ยังไม่ชินเสียที


“ตอนอยู่คนเดียวผมว่ามันดีมากแล้วนะ แต่พอมีคุณมาอยู่ในโลกใบเดียวกัน ผมลืมไปเลยว่าตอนอยู่คนเดียวมันดีมากแค่ไหน ลืมไปเลยว่าเคยอยู่คนเดียวได้ยังไง...ผมกลายเป็นคนอ่อนแอไปแล้วเหรอเนี่ย” คนที่เสียสละไหล่ให้อิงซบเพื่อดูหนังพูดขึ้นในตอนที่เอ็นเครดิตถูกฉายหลังจบฉากสุดท้ายของหนังเรื่องดัง รณณ์เหลือบตาขึ้นมอง กำลังจะยกศีรษะออกมาเพื่อมองหน้าคนพูดให้ชัดแต่อีกฝ่ายกลับใช้มือข้างที่โอบกันไว้หลวม ๆ กดมันลงไปที่เดิม


แม้จะขัดเขินที่ต้องอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายด้วยกันแบบนี้แต่ก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้เลยว่ามันอบอุ่นไปทั้งใจ


“การยอมรับว่ามีใครสักคนอยู่ด้วยแล้วดีกว่ามันไม่ใช่ความอ่อนแอหรอกครับ ผมว่ามันคือความกล้าหาญนะ”


ดีนก้มมองเด็กหนุ่มที่มองมาก่อนอยู่แล้ว “หืม?”


“อย่างน้อยก็กล้าที่จะลดทิฐิของตัวเองลง”


ดีนระบายยิ้มกว้าง คงจะจริงอย่างที่รณณ์ว่า การคิดว่าตัวเองอยู่คนเดียวได้ เก่งมากพอไม่ต้องการใคร มันคือทิฐิอย่างหนึ่ง


“ขอบคุณนะ...” จุมพิตบนหน้าผากใสช่วยเสริมคำพูดนั้นให้หนักแน่นยิ่งขึ้น


ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิต


ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าโลกใบเดิมของเขามันยังไม่สมบูรณ์


“...เด็กดีของผม”










TBC.
-------------------------------------------------------------
อากาศหนาวแต่ใจพวกเขาไม่หนาว

ตอนที่แล้วคอมเม้นท์เยอะมาก แค่เขาตกลงคบกันเองนะเนี่ย
ถ้าเลิกกันจะขนาดไหน (ล้อเล่นนนนน)

#ไม่ดิ้นรนหา

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 21-12-2017 21:06:57
รณณ์อึดอัดไหมลูกเหนื่อยไหม
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 21-12-2017 21:12:35
ยัยดาวมันต้องโดน  :z6:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 21-12-2017 21:21:10
สงสารน้องรณณ์ อึดอัดจริง ๆ  T^T
แต่น้องรณณ์เป็นเด็กดีมาก ๆ เลย ยัยดาวก็ยังคิดจะทำร้ายได้อีกนะ
นี่รำคาญยัยดาวมาก ๆ อ่ะ จริง ๆ อยากให้ไปให้พ้น ๆ บริษัทนี้
รอให้น้องฝึกงานเสร็จเร็ว ๆ จะได้คบกันเปิดเผยได้เสียที เฮ้อ
อดทนกันไว้น้า ขอบคุณคนเขียนมากค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 21-12-2017 21:26:45
เหนื่อยแทน  :mew5:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 21-12-2017 21:56:24
สู้ๆนะน้องรณณ์ คุณดีนแอบหวานนนนนนนน
ยัยดาวควรโดนตบ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 21-12-2017 22:07:33
ดาวเจ้าคิดเจ้าแค้นจังเล้ยย
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 21-12-2017 22:14:33
ทำไม่ดีนไมบอกไปเลยละว่าผิง ก็รู้เรื่องแล้ว ทำให้รณณ์คิดมากทำไมบอกอ  :z6:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 21-12-2017 22:21:29
โอ้ยยยยย รำคาญเจ๊ดาว ขอให้กรรมตามสนองนะ มาขัดความรักคนอื่นเนี่ย นิสัยเป็นงี้ไงพี่คริสเลยไม่เอาา  :m31:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-12-2017 22:28:55
รำคาณดาวนรก ดาวมฤตยู สมควรแล้วที่เขาไม่เอา -__-
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-12-2017 23:17:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 22-12-2017 00:11:45
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 22-12-2017 08:23:19
เอาใจช่วยทั้งสองคน สู้ๆ
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-12-2017 11:09:40
จะทำอะไรกับนังดาวร้ายได้บ้างเนี่ย :m16:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-12-2017 11:44:11
 :mew2:อดทนหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 22-12-2017 12:27:17
 :angry2: อีนังดาวแกต้องเจอนี่ :beat: :z6:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 22-12-2017 12:59:40
อึดอัดแทน ไม่รู้ว่าดาวต้องการอะไร
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 22-12-2017 14:02:56
ยัยดาวเรือง หาเรื่องกันนะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-12-2017 17:16:02
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 22-12-2017 18:51:51
หวานมากค่ะ  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 22-12-2017 20:40:10
เอาเป็นว่าห้องของน้องรณณ์เป็นฐานทัพลับแล้วกันเนอะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 22-12-2017 21:25:47
รักเธอ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 23-12-2017 06:56:44
น่ารักปนอึดอัดด เบื่อพี่ดาวร้ายมากๆ อยากให้น้องฝึกงานเสร็จเร็วๆ
ดีนชัดเจนและเป็รผู้ใหญ่มาก น้องรณอดทนนะคะสู้ๆ
เรียกว่าเบ๊บด้วย น่ารักอ่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 23-12-2017 19:00:39
ดาวคงแค้นน่าดูอ่ะแต่ไม่น่าลากเด็กในปกครองตัวเองมาเกี่ยวด้วยเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 23-12-2017 19:43:11
ยัยดาวววววววววว :z6:
แต่คุณดีนคือดีอ่ะะะะะ หว๊านหวานนะคะคุณดีนนนน :mew1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 18 [21/12/17] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 23-12-2017 20:18:56
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวคนทั้งสองคนเลยนะ มาจากคนรอบข้างล้วนๆ เอาใจช่วยนะ สู้ๆ อย่าเลิกกันนะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 26-12-2017 16:40:37

ห า กั น จ น เ จ อ

ตอนที่ #19










RONN @ronn . 1s
ผมไม่ชอบดื่มกาแฟ แต่ผมชอบกลิ่นกาแฟ และเพราะคุณมักจะดื่มมันอยู่เสมอ ผมจึงชอบเวลาที่ได้อยู่กับคุณ




กลิ่นหอมของกาแฟยังอบอวลในห้องพักขนาดเล็กแม้ว่าคนที่ดื่มมันจะกลับออกไปได้สักพักแล้วก็ตาม วันนี้คุณดีนเพียงแค่แวะมาอยู่ดื่มกาแฟเป็นเพื่อนเขาทานอาหารเย็นแล้วก็กลับออกไปเพราะมีนัดกับครอบครัว รณณ์นอนมองเพดานแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว อีกหนึ่งเดือนเขาก็จะฝึกงานเสร็จแล้ว ถึงตอนนั้นความรักของพวกเขาก็คงไม่ต้องปิดบังอีกต่อไป


“ทำอะไรอยู่ครับแม่” เสียงนุ่มทักทายบุพการีที่อยู่ปลายสายด้วยความร่าเริงสดใสเหมือนทุกครั้ง


[ทำไมวันนี้โทร.มาช้านักล่ะลูก]


“โทร.ช้าแต่ว่างคุยด้วยนานนะครับ” ปกติเขาจะโทร.ไปหาก่อนที่คุณดีนจะมาถึง เพราะถ้าโทร.หลังจากคุณดีนกลับไปแม่เขาคงรอไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้โทร.ทุกวัน แค่สัปดาห์ละสองถึงสามครั้งหรือจะถี่กว่านั้นก็เฉพาะวันที่มีเรื่องราวอยากบอกเล่ากันเป็นพิเศษเท่านั้น


[ปากหวานจริง ๆ ลูกคนนี้ แบบนี้สาว ๆ หลงแย่เลยสิ]


ไม่มีหรอกครับ…


...ไม่มีสาว


“เอ่อ แม่ครับ”


[ครับรณณ์]


“ถ้าผมมีแฟน….แม่จะโอเคไหมครับ”


เสียงแม่หายไปจนคนเป็นลูกเผลอคิดว่าสายหลุดไปแล้วหากไม่ได้ยินเสียงลมจากปลายทางที่ดังแว่วเข้ามา [รณณ์โตแล้วนะลูก เรียนจบแล้วก็ต้องมีครอบครัว มันเป็นไปตามลำดับขั้นตอนของธรรมชาติ แล้วทำไมแม่จะไม่โอเคล่ะหื้ม]


คนฟังคลี่ยิ้มด้วยความยินดีจนลืมไปว่าคนรักของตนเองไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกับความ ‘ธรรมชาติ’ ในแบบที่แม่คิดเลยสักนิด


[แม่อยากอุ้มหลานเร็ว ๆ ลูกก็รู้]


เหมือนสะดุดลมหายใจตัวเอง เด็กหนุ่มอ้ำอึ้งจนปลายสายคิดว่าลูกชายกำลังกดดันตัวเอง เธอหัวเราะคิดคักแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากกดดันลูกมากนัก


หลังจากนั้นไม่ว่าแม่จะพูดอะไรก็เหมือนว่าคนทางนี้จะไม่ได้สนใจฟังอีกแล้ว ความคิดกังวลผุดขึ้นมาเต็มไปหมดจนแม้แต่เสียงอือออไปตามเรื่องราวก็ไม่มีสักนิด


“ถ้าผมไม่มีลูก...” อยู่ ๆ ลูกชายที่เงียบฟังเธออยู่นานก็พูดแทรกขึ้นมา มันทำให้เธอเข้าใจได้ในทันทีว่ารณณ์คิดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดที่เงียบไป “ถ้าผมไม่มีหลานให้แม่ แม่จะโกรธผมไหมครับ”


[รณณ์ลูก...] อยากจะขับรถไปหาลูกชายที่เมืองกรุงเสียจริง ป่านนี้เจ้าลูกชายคงจะหน้าหงอยรอแม่ไปกอดปลอบแล้ว [รณณ์โตแล้วนะ แล้วคนที่โตแล้วก็ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ได้ หนึ่งในนั้นคือการตัดสินใจเรื่องของตัวเอง ไม่ว่ารณณ์จะมีลูกหรือไม่มี จะแต่งงานหรือไม่แต่ง แม่ก็ไม่มีสิทธิไปก้าวก่ายสิทธิในชีวิตตัวเองของรณณ์อยู่แล้ว สิ่งที่แม่อยากจะขอคงมีเพียงแค่อย่างเดียว]


“คะ ครับ?”


[ขอแค่ลูกอย่าอยู่คนเดียว]


“...”


[เพราะแม่คงทนไม่ได้ที่จะจากไปโดยที่ลูกไม่มีคนคอยดูแล]


“พูดอะไรอย่างนั้นละครับ”


[รณณ์...ชีวิตลูกเป็นของลูกนะ เมื่อโตขึ้นลูกจะรู้ว่าไม่ต้องรอให้ถึงวันที่พ่อกับแม่จากไปลูกก็ไม่สามารถอยู่กับพ่อแม่ได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว แม่จะสบายใจถ้าในยามที่รณณ์ห่างไกลแม่แต่ยังมีคนคอยดูแลลูกยามเจ็บป่วยหรือยามทุกข์ …]


“...”


[...การที่ลูกจะมีหลานให้แม่ แม่ก็แค่หวังว่ามันจะทำให้แม่ไม่เหงาก็เท่านั้น]


“แม่...”


[พ่อกับแม่ใช้ชีวิตที่นี่มีความสุขดี....] เธอรู้ว่าสายงานของลูกชายจะมาปักหลักอยู่ในส่วนภูมิภาคอย่างบ้านเกิดไม่ได้ แต่ครั้นจะให้ตามเข้าไปอยู่กับลูกที่เมืองหลวงอย่างที่รณณ์เคยพูดไว้หลายต่อหลายครั้งก็คงจะไม่ได้เช่นกัน [กรุงเทพฯกับชลฯก็ไม่ได้ไกลกันสักหน่อย คิดถึงก็ไปมาหากันได้อยู่แล้ว]


“แม่ครับ...สิ้นเดือนหน้าผมฝึกงานเสร็จจะกลับไปหานะครับ” ...กลับไปคุยเรื่องนี้ให้ชัดเจนกันต่อหน้า


“แม่รอเสมอนะ” ลูกชายของเธอไม่ใช่คนซับซ้อนเข้าใจยาก ถ้ารณณ์บอกว่าจะกลับ นั่นหมายความว่าครั้งนี้เจ้าตัวจะกลับมาพูดเรื่องสำคัญด้วยตัวเอง และบางที...สิ้นเดือนหน้าเธออาจจะได้เจอว่าที่ลูกสะใภ้ก็เป็นได้






ดีนมาถึงภัตตาคารในโรงแรมดังกลางกรุงก่อนเวลานัดของคนเป็นแม่สิบนาทีแต่ก็ยังช้ากว่าคนนัดเสียอีกเพราะเธอนั่งรอเขาอยู่ตรงโต๊ะตัวในสุดของร้านที่สามารถชมวิวเมืองได้แบบส่วนตัวอีกด้วย


คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้มาคนเดียว จะไม่แปลกใจสักนิดถ้าคนที่มาด้วยเป็นเตี่ยเขาหรือคนในครอบครัว แต่หญิงสาวต่างชาติหน้าตาสะสวยวัยไม่น่าจะเกินไปกว่าเขาที่ส่งยิ้มมาให้นั่นมองอย่างไรก็ไม่รู้สึกคุ้นหน้าเลยสักนิด


การแนะนำตัวดังขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ ดีนไม่ทันจดจำด้วยซ้ำว่าเธอชื่ออะไร และแทบไม่ต้องถามต่อว่าทำไมเธอถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ดีนก็พอจะรู้ คนเป็นลูกหันมองแม่ด้วยความไม่เข้าใจ ที่ผ่านมาแม่เขาไม่เคยก้าวก่ายเรื่องคู่กับเขาเลยสักนิด แต่ทำไมวันนี้ถึงได้มีลูกของเพื่อนโผล่มาถึงกรุงเทพฯได้ นอกจากนี้ยังขอตัวกลับก่อนแล้วทิ้งให้เขาอยู่กับเธอตามลำพัง...ท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกแบบนี้น่ะหรือ


“นี่มันอะไรกันครับมัม” ดีนเลือกจะพูดเป็นภาษาไทยเพื่อเลี่ยงการเข้าใจได้หากผู้หญิงคนนั้นบังเอิญเดินออกมาในตอนที่เขาขอเดินออกมาส่งมัมกลับบ้าน


“มัมเรียกมาผิดคนรึเปล่าครับ จริง ๆ แล้วต้องเป็นคริสไม่ใช่ผม” คนที่เพิ่งเลิกกับแฟนและต้องการคนดามอกคือคริสไม่ใช่เขาเสียหน่อย มีเหตุผลอะไรให้จับเขามานัดดูตัวด้วย


“เป็นดีนน่ะถูกแล้ว เพราะดีนไม่มองใครเลย เอาแต่ทำงาน วัน ๆ ไม่เจอใคร ออกมาดินเนอร์กับเธอบ้างก็น่าจะดี”


คนเป็นแม่ตบบ่าลูกชายเบา ๆ ก่อนจากไปก็ไม่ลืมชูสองนิ้วให้กำลังใจเพราะคิดว่าลูกชายคนเล็กอ่อนประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้


“ผมมีแฟนแล้วนะครับมัม”


เธอหันมองลูกชายด้วยความตกใจ ดวงตาเบิกกว้างค้างเติ่งอยู่นานกว่าที่ทรวดทรงสวยงามจะเคลื่อนกลับมายืนในระยะที่เหมาะแก่การสนทนาอีกครั้ง แต่ก็เหมือนยังหาเสียงตัวเองไม่เจอ คำถามมากมายจึงยังไม่ได้ถูกส่งออกไปจนอีกฝ่ายต้องย้ำประโยคเดิมอีกครั้งให้ชัดกว่าเดิม


“ตอนนี้ผมเจอคน ๆ นั้นแล้ว...”


“...”


“...และผมก็ไม่ต้องการใครอีก”


คนเป็นแม่พยักหน้าช้า ๆ เชื่อหมดหัวใจว่าลูกชายคนเล็กของเธอพูดความจริง แม้จะเป็นความจริงที่มีโอกาสเกิดขึ้นจริงน้อยมากก็ตาม แต่ถ้าดีนบอกแบบนั้น เธอก็เชื่อว่ามันได้เกิดขึ้นแล้ว


“โอเคลูก แม่จะไปบอกเธอให้”


“ไม่เป็นไรครับ ผมจะพูดกับเธอเอง”


“แต่ว่า...”


“สัญญาว่าจะถนอมน้ำใจเธอที่สุด” ดีนรู้ว่ามัมของเขากังวลอะไรเขาจึงต้องรีบรับปากเธอเสียก่อน คนเป็นแม่ถอนหายใจเบา พยักหน้ารับทราบ ก่อนจากไปก็ไม่ลืมบอกลูกชายให้หาโอกาสพาคนรักมารู้จักกันบ้าง


ไม่มีอะไรจริงใจไปกว่าการพูดความจริง ดีนเลือกใช้น้ำเสียงและรูปประโยคที่ถนอมน้ำใจสาวเจ้าที่สุด โชคดีที่ปฏิเสธตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันทำให้ตัดสัมพันธ์กันได้ง่ายและเธอก็ยินดีที่จะคงสถานะไว้เป็นเพื่อนอย่างที่เขาต้องการ






“ไงยะ ตั้งแต่วันนั้นก็รู้สึกว่าบอกอหน้าตาสดชื่นขึ้นนะคะ” สองฝ่ามือเล็กของแขกไม่ได้รับเชิญวางลงบนโต๊ะ ค้ำตัวถามเจ้าของห้องที่ยังเอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจงานบนหน้าจอแลปท็อปเครื่องบาง


“ไม่ต้องรู้ซักเรื่องได้ไหม”


“คนอุตส่าห์ช่วย ไม่ขอบคุณสักคำแล้วยังด่ากันอีก” เพราะช่วงที่ผ่านมางานค่อนข้างยุ่ง ผิงจึงไม่มีเวลาแวะมาแซ็วเพื่อนแบบนี้


ดีนเงยหน้ามองคนที่บึนปากใส่ ตัดสินใจพับหน้าจอลงเมื่อเห็นเค้าลางว่าตนคงไม่ได้ทำงานในเวลาห้าหรือสิบนาทีนี้แน่ “อยากได้รางวัลไหมล่ะ”


“หือ?”


“ยื่นหน้ามาสิ จะตบรางวัลให้อย่างงามเลย”


หญิงสาวยังมองด้วยท่าทีฉงนระคนไม่ไว้ใจ แต่ก็ยอมวางมือค้ำโต๊ะอีกครั้งพร้อมยื่นหน้าเข้าไปหาเมื่อเพื่อนชายกวักมือเรียกย้ำคำบอกกล่าว


เพี๊ยะ!


“โอ๊ย!” เสียงอุทานด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นแทบจะพร้อมกับเสียงที่เกิดจากฝ่ามือหนากระทบหน้าผากมนของเธอ


“ตีฉันทำไมเนี่ย”


“ก็ตบรางวัลให้ไง”


กว่าจะรู้ตัวว่าพลาดพลั้งเสียทีให้เพื่อนชายคนสนิท ผิงก็ต้องเจ็บตัวและเจ็บใจจนทำได้แค่ขมุบขมิบปากบ่นด่าเท่านั้น


“ทีหลังจะไม่ช่วยแล้ว”


“ขอบคุณ”


“อะไร? ขอบคุณที่ฉันจะไม่ช่วยน่ะเหรอ ใช่สิ๊! ไอ้ผิงมันชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนี่ เห็นเพื่อนทุกข์เลยอยากช่วย แต่ลืมไปว่าเพื่อนมันไม่ต้องการ”


“ขอบคุณที่ช่วยต่างหาก”


“หือ?”


“ก็ต้องการคำขอบคุณไม่ใช่รึไง”


หญิงสาวไม่ทันได้ต่อคำ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้งของครึ่งวันเช้า สองหนุ่มสาวหันมองทิศทางนั้นกันเป็นตาเดียว สิ้นเสียงทุ้มอนุญาตของเจ้าของห้อง ร่างสูงโปร่งของใครบางคนก็โผล่พ้นกรอบประตูเข้ามา


“เอ่อ…พี่ดาวให้ผมเอางานมาส่งครับบอกอ”


ได้ยินอย่างนั้นหญิงสาวก็หันหน้ากลับไปหาดีนก่อนขยับปากไม่ออกเสียงให้อีกฝ่ายอ่านได้ว่า ‘เธอร้ายจริง ๆ’


ดีนส่ายหัวกับความแก่นเซี้ยวของเพื่อน ไม่ต้องคิดต่อก็รู้ว่าผิงหมายถึงเรื่องอะไร หากไม่ใช่การที่ดาวจงใจใช้ให้รณณ์ขึ้นมาหาเขาที่ห้องทั้งที่ปกติจะส่งอีเมลมาทุกครั้ง คงหวังจะให้อยู่กันสองคนแล้วตกเป็นขี้ปากคนทั้งบริษัท แต่หารู้ไม่ว่าเขามีตัวช่วยอยู่ด้วยทั้งคน


“เอามานี่สิ”


เด็กหนุ่มเดินเข้าไปตามคำสั่ง ไม่ลืมยกมือไหว้ทักทายหญิงสาวที่ตนอยากจะเอ่ยถามถึงสาเหตุของการอยู่ในห้องนี้หากว่ามันไม่เสียมารยาทเกินไปนัก


“จะกลับเลยไหมรณณ์ จะได้ลงไปพร้อมกัน”


“เอ่อ…พี่ดาวให้รอฟังฟีดแบคจากบอกอด้วยครับ”


ซื้อหวยไม่เคยถูก!


ผิงก็ได้แต่คิดอยู่ในใจนั่นแหละ ขืนพูดออกไป คนกวนประสาทหน้านิ่งอย่างดีนคงย้อนเข้าให้ว่าเธอเคยซื้อหวยด้วยหรือ


“ไม่ต้องหรอก บอกอเขาต้องใช้เวลานาน เดี๋ยวเขาจะโน้ตคอมเม้นท์ลงบนงานเองเลย จริงไหมคะบอกอ” คิดเองเออเองแล้วยังมีหน้าออกคำสั่งกลาย ๆ ด้วยการแสร้งทำเป็นถามความเห็น ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทก็คงไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับเขา หากไม่กลัวว่าทุกอย่างจะเลวร้ายไปกว่านี้ เขาก็อยากจะหักหน้าเพื่อนสาวเพื่อความสะใจดูสักครั้ง


“อืม ลงไปพร้อมคุณผิงเถอะ เสร็จแล้วผมจะเอาลงไปให้เอง”


รณณ์รับคำอย่างว่าง่าย เข้าใจว่าคงดูไม่ดีนักหากจะอยู่ด้วยกันตามลำพัง







บรรยากาศในกล่องโดยสารเงียบได้ไม่กี่อึดใจหญิงสาวก็เปิดบทสนทนาขึ้นมา “รณณ์เก่งจังเลยนะ”


“ครับ?”


“ก็ทำให้คนไม่มีหัวใจอย่างหมอนั่นมีหัวใจขึ้นมาได้น่ะสิ”


“...”


“ไม่สิ…ถึงมีหัวใจขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้อยู่กับตัวอยู่ดี ก็หมอนั่นมอบให้คนอื่นไปแล้วนี่เนอะ”


“พี่ผิงหมายความว่าไงเหรอครับ”


“ทนหน่อยนะ อีกไม่นานก็จะฝึกงานจบแล้ว”


คนอ่อนวัยกว่าตั้งใจจะแย้งว่าตนไม่ได้ฝืนใจอะไรนัก แต่ก็ไม่ทันประโยคต่อมาของหญิงสาวที่ทำให้เขาเริ่มฉุกคิดว่ามันอาจจะเป็นคนละเรื่องกับที่เขากำลังเข้าใจ


“อย่าเพิ่งท้อล่ะ พี่ไม่อยากเห็นเพื่อนพี่อกหักจากรักครั้งแรก”


จังหวะเหมาะเจาะเสียจนรณณ์อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจพูดทิ้งท้ายให้เขาสงสัย เพราะไม่ทันได้เอ่ยถามให้กระจ่างแก่ใจ ประตูลิฟต์ก็เปิดออกพร้อมกับร่างระหงที่ก้าวเท้าออกไปในชั้นทำงานของตัวเอง






ช่วงสายของวันห้องบรรณาธิการหนุ่มก็ได้เปิดรับแขกไม่ได้รับเชิญอีกหนึ่งคน ดีนเหลือบตามองในตอนที่บานประตูถูกเปิดออกหลังจบคำอนุญาตของตน เมื่อเห็นว่าเป็นพี่ชายตัวเองเขาจึงกลับมาสนใจเอกสารตรงหน้าต่อ


“เรื่องของยูกับผิงหมายความว่าไง”


ดีนละสายตาจากแผ่นกระดาษ ทิ้งหลังพิงพนักเต็มแรง เงยหน้าขึ้นหรี่ตามองพี่ชายที่ยืนเอามือค้ำโต๊ะเขาอยู่ “อะไรกัน ยูหวงก้างเหรอ”


“ดีน” คริสเอ่ยเสียงดุ ดีนหัวเราะในลำคอ เขาคิดว่าตอนนี้ตนพอจะเข้าใจจุดประสงค์ของอดีตคนรักของพี่ชายแล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ซับซ้อน เพราะถ้าเขาเดาไม่ผิด การที่ดาวทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเขาคบกับผิงในฐานะคนรักมันทำให้เขาต้องถอยห่างกับรณณ์ซึ่งกำลังพัฒนาความสัมพันธ์กันอยู่และเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดที่พร้อมจะเกิดขึ้นทุกเมื่อ ขณะเดียวกันก็เป็นการปิดกั้นความสัมพันธ์ที่อาจจะพัฒนาได้ของคริสและผิง ดาวคงคิดมาแล้วว่าอย่างไรเสียเขาคงไม่พูดว่าเรื่องที่คบกับผิงเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกตาเพื่อปิดบังความรักของตนกับนักศึกษาฝึกงานอยู่แล้ว เพราะว่ากันตามตรงแล้ว ความสัมพันธ์แบบสมภารกินไก่วัดไม่ใช่สิ่งที่น่ายอมรับได้สักเท่าไหร่นัก ผู้หญิงคนนั้นฉลาด ดีนรู้ เพราะนอกจากจะได้กันผิงออกจากอดีตคนรักเก่าของตัวเองแล้ว หญิงสาวยังได้แก้เผ็ดเขาอีกด้วย นับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว


“ตอบให้ตรงคำถาม” ลูกน้องเขาทั้งบริษัทพูดกันแต่เรื่องนี้จนเข้าหูเขาเข้าในตอนที่เดินผ่านเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่ชั้นหนึ่ง


“ก็อย่างที่รู้มานั่นแหละ”


“แต่พวกนายสองคนไม่ได้ชอบกัน”


“ความรู้สึกมันเปลี่ยนแปลงกันได้...ยูน่าจะรู้ดีกว่าใครนะ”


คริสหรี่ตามองจ้องจับผิด “หรือเพราะเด็กคนนั้น” ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ทันเห็นแวววูบไหวในหน่วยตาของดีน แต่ไม่ใช่พี่ชายที่โตมาด้วยกันอย่างเขาแน่ “seriously?”


“เด็กคนไหน ยูมั่วแล้วคริส”


ไม่ใช่แค่เรื่องของผิงกับดีนที่ผู้คนซุบซิบกันจนลอยเข้าหูเขาโดยบังเอิญ แต่เรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้อย่างดีนดูจะสนิทกับนักศึกษาฝึกงานแผนกคอลัมน์มากเป็นพิเศษนั่นก็เหมือนกัน


“ต้องให้ไอเรียกเขามาถามไหม”


สองพี่น้องประสานตากันนิ่ง


คริสถอนหายใจ มองน้องชายด้วยความตกใจอยู่ไม่น้อย “ยูแค่หลง” ...หลงผิดไปตามกระแส


“มันคือความรักคริส!” ดีนสวนขึ้นทันควัน


“ยูแน่ใจเหรอ” น้องชายเขาไม่เคยมีความรัก สิ่งเกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะเด็กมันพยายามเข้าหาเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่เขาลืมคิดไปว่าดีนไม่ใช่คนโง่ที่จะโดนใครหลอกใช้ได้ง่าย ๆ


“เขาทำให้ไอได้สัมผัสกับ butterflies in  my stomach เป็นครั้งแรก”


“ความรู้สึกวาบหวิวแบบนั้นมันวัดกันไม่ได้หรอกนะดีน”


“เขาแคร์และเป็นห่วงความรู้สึกไอ” อย่างน้อยรณณ์ก็ไม่ปล่อยให้ดีนจมกับความรู้สึกหดหู่ตามลำพังบนดาดฟ้าเมื่อเดือนก่อน


“นั่นเพราะเขาชอบยู แต่ไม่ได้หมายความว่ายูจะต้องชอบเขา”


“คริส ยูรู้ใช่ไหมว่าไอไม่เคยให้ความสนใจกับคนที่อยู่ด้วยได้นาน ไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไรกันหรือแค่นั่งพูดคุยกันไอก็พร้อมจะละเลยเขาได้ทุกเมื่อ” นั่นคือเหตุผลที่ดีนไม่ชอบอยู่กับใครแบบตามลำพังแค่สองคน ต้องมีใครอีกสักคนมาอยู่ด้วยเพื่อไม่ทำให้เขาคนนั้นรู้สึกอ้างว้างเมื่อถูกดีนละเลยแล้วสร้างไพรเวทโซนขึ้นมาในพับบลิคโซน “แต่กับเด็กคนนั้นไม่ใช่...”


“...”


“ไม่เคยเลยที่เขาจะหลุดไปจากความสนใจของไอ”


“...”


“ต่อให้นั่งอยู่ด้วยกันแล้วต่างฝ่ายต่างหยิบมือถือขึ้นมากดเล่น แต่ไอก็ยังให้ความสนใจเขา ไอยังรับรู้ว่าเขานั่งอยู่ตรงหน้าและกำลังทำอะไรอยู่ ไอไม่เคยต้องพยายามคิดหาเรื่องมาชวนคุยหรือแม้แต่การนั่งเงียบ ๆ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดสักนิด”


“...”


“เราไม่ได้ชอบอะไรเหมือนกันทั้งหมด  เราไม่ได้ยึดติดว่าต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แยกย้ายกันไปทำสิ่งที่ชอบบ้าง อะไรที่ชอบเหมือนกันค่อยมาทำด้วยกัน แต่เราพร้อมจะรับฟังความชอบของกันและกันด้วยความสนใจเสมอ”


“...”


“ยูยังไม่เข้าใจอีกเหรอคริส”


“...”


“เขากลายเป็นส่วนหนึ่งในโลกของไอไปแล้ว”


คริสมองน้องอย่างพิจารณาแล้วส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนเอ่ยถามย้ำในสิ่งที่ได้คำตอบชัดอยู่แล้วจากหน่วยตาคู่นั้น “จริงจังมากขนาดไหน”


ดีนเงียบ มองจ้องตอบพี่ชายอย่างไม่ลดละ


“โลกที่มีแต่ตัวเอง...มันไม่สนุกอีกต่อไปแล้ว”


คริสไม่อยากจะยอมรับแต่ก็คงต้องยอมรับว่าน้องของเขาได้ก้าวเข้าไปในโลกของความรักเต็มตัวแล้ว “ยูไม่มีทางสมหวัง”


“ยูจะต่อต้าน?”


“ดีน ที่ไอต่อต้านไม่ใช่ว่าอยากจะเอาคืนที่ยูเคยทำกับไอหรอกนะ แต่ยูต้องมองความเป็นจริงด้วย ฝั่งมัมอาจจะเข้าใจ แต่ฝั่งเตี่ยไม่มีทางยอมแน่ โดยเฉพาะอาม่า”


“...”



“จำได้ไหมว่าไอเคยพูดว่าไงในงานวันเกิดอาม่าที่ผ่านมา”


จำได้สิ...


“ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนก็จริง แต่คู่ชีวิตมันไม่ใช่แค่นั้น คนรอบข้างเราก็มีความสำคัญเหมือนกัน” ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่คิดมากตอนที่น้องบอกออกมาตรง ๆ ว่าไม่ชอบดาว


“...”


“แล้วรู้ไหมทำไมคนเราถึงแต่งงาน...เพราะการแต่งงานเป็นวิธีที่ใช้รักษาความสัมพันธ์ของคนสองคนให้อยู่คงทนตลอดไป แม้บางคู่จะอยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่มันก็แค่วิธีการหนึ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา”


“...”


“แล้วยูคิดว่ายูกับเด็กนั่นจะแต่งงานกันได้เหรอ”


“...”


“หรือจะอยู่กันไปแบบนี้?...ไม่มีทางที่พ่อแม่เขารู้แล้วจะยอมหรอกนะ”


“...”


“เว้นแต่จะชอบเขาไม่มากพอที่จะเอามาเป็นคู่ชีวิต ถ้าแบบนั้นไอก็พอรับได้...ถ้ายูแค่เล่น ๆ”


สองพี่น้องเงียบไปพอสมควร คริสไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเว้นช่วงให้น้องได้คิดไตร่ตรอง


“ถ้าเขายอมก็แต่งได้ใช่ไหม” ดีนพึมพำแผ่วเบา


“อะไรนะ?”


“ที่ยูพูด...หมายความว่าถ้าพ่อแม่เขาและครอบครัวเรารับได้ ไอกับเขาก็แต่งกันได้ใช่ไหม”


คริสมองลึกเข้าไปในหน่วยตาสีอ่อนของน้องชาย แววตาที่จริงจังและแน่วแน่นั้นทำให้เขาเริ่มหวั่นกลัว เขารู้ว่าน้องเป็นคนไม่ล้อเล่นกับอะไรก็ตามในชีวิต แต่เขาก็อยากจะขอให้เรื่องนี้เป็นเพียงแค่ความผิดพลาดของอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้น หรือการแปลผลความรู้สึกนั้นก็ตาม








TBC.
------------------------------------------------------------
ที่ตั้งใจไว้คือตอนหน้าก็คงจะจบแล้วค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ


ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 26-12-2017 17:21:13
เป็นกำลังใจให้พี่ดีนกับน้องรณณ์ ♥️
จับมือกันผ่านอุปสรรคไปให้ได้น้า
ตอนหน้าจะจบแล้วหรอค้าาา ยังอยากเห็นเค้าหวานๆกันไปนานๆ แงงง ;—-;
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: pim14 ที่ 26-12-2017 17:25:34
ชอบเรื่องนี้มากกกกค่ะ มันเรียลมาก อารมณ์เหมือนเจอได้ในร้านกาแฟจริงๆ คุณดีนผู้เย็นชา กลายมาแพ้ทางเด็กหนุ่มอย่างรณณ์ ดีต่อใจจริงๆ รอลุ้นว่าตอนหน้าสองคนนี้จะเคลียร์กับคนในครอบครัวได้ยังไง เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-12-2017 17:35:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-12-2017 17:44:02
ความรู้สึก กับชีวิตจริงบางทีก็ไม่ได้เดินไปด้วยกันนะ
เอาใจช่วย ขอให้ผ่านไปด้วยดีนะจ๊ะ
ว่าแต่ผิงเราชอบเธอมากเลยละ
 :really2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 26-12-2017 18:02:34
ถ้าตอนหน้าจบจริง ขอจัดการนังดาวก่อนได้ไหมคะ หมั่นมาหลายตอนล่ะ 5555
ทางข้างหน้าจะเป็นยังไงไม่รู ้ แต่ที่รู้คือ พี่ดีนเอาอยู่
ก็คงต้องรอน้องรณณ์ฝึกงานจบอย่างเดียวล่ะเนอะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-12-2017 18:08:58
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 26-12-2017 18:40:26
เอาใจช่วยทั้งสองคน!
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 26-12-2017 18:47:43
ว่าแล้วว่าเรื่องครอบครับฝั่งพ่อของดีนต้องมีมาเป็นประเด็น
ผ่านไปให้ได้น้าาา อย่าถอยกันซะก่อน❤️
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 26-12-2017 19:23:48
 :ling1: อะไรนะจะจบแล้วเหรอครับ ปัญหาเรื่องยังอีกเยอะไม่ใช่เหรอครับ  :o12: ขยายไปอีกสัก 5 ตอนได้ไหมครับ  :hao5: จะดราม่าก็ยอมอ่านครับ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-12-2017 19:43:27
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 26-12-2017 19:52:24
เหมือนจะเริ่มดราม่าเอง จะรวบจบในตอนเดียวมันจะเคลียร์ทุกอย่างลงตัวเหรอคับ อืมมมม ยังไงก็ติดตามนะคับ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 26-12-2017 20:08:12
ดาวควรได้รับบทเรียน
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 26-12-2017 20:18:41
จะจบแล้วหรอพึ่งได้มาอ่านเองนะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 26-12-2017 20:35:17
ยัยดาว ร้ายจริง ๆ น่ารำคาญที่สุด ชิ  :m16:
ดีที่คุณดีนกับน้องรณณ์มีผิงคอยช่วย น้องรณณ์ก็อดทนดีมากเลย ชอบ
แต่ดราม่าที่แท้จริง กำลังจะมาแล้วสินะ เรื่องครอบครัวของทั้งคู่เนี่ย ฮืออ
ครอบครัวน้องรณณ์ไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ ครอบครัวคุณดีนเนี่ยสิ
แต่เรารู้สึกว่า คนที่จะช่วยคุณดีนได้ ก็คืออาม่าของคุณดีนเนี่ยแหละ
เอาใจช่วยคุณดีนกับน้องรณณ์ จะได้มีความสุขเสียที

หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 26-12-2017 20:57:07
คิดว่าฝั่งน้องไม่น่ามีปัญหา น่าจะมาจากทางพี่ดีน เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่  :ling3:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 26-12-2017 21:15:40
ดีนจริงจัง ลุยฝ่าทะลุทุกปัญหาแน่

อ่านไปก็ยิ่งเข้าใจว่าทำไมดีนไม่ชอบดาว
ตัวดาวเองจะรู้ตัวไหม
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 26-12-2017 22:01:52
ดีนนนน
พ่อคนจริงจังทำไมหลง ฮือออ ดีจัง

จะจบแล้วหรอ ไม่น้าาาา อยากอ่านต่ออีกเยอะๆ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 27-12-2017 00:03:09
จะจบแล้วหรอะ เสียดายจัง
น้องรณณ์ คุณดีนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 27-12-2017 04:38:48
ต้องจ้างซินแสไหมคะ? 555555 คริสพูดเป็นพื้นฐานความรักของทุกๆคู่ได้เลย ดาวต้องได้รับบทเรียนนะคะ ฉลาดแต่เห็นแก่ตัวมากกก
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-12-2017 06:49:11
ดาวร้ายตลอดเลย นิสัยไม่ดี ผู้หญิงขี้อิจฉา
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 27-12-2017 09:56:44
รำคาญผิงด้วยอคติส่วนตัว5555555555 ไม่ชอบการแก้ปัญหาของดีนกับผิงที่แกล้งทำเหมือนว่าคบกันตั้งแต่ตอนคริส หวังแค่ว่าเรื่องดีนกับผิงคงไม่ทำให้รณณ์เจอข้อหามือที่สามในสายตาคนอื่น ห่วงน้องรณณ์ที่สุดเลย แล้วดีนก็ไม่อธิบายเรื่องผิงกับน้องจริงจังสักทีด้วย แล้วตอนหน้าจบยังไง? ทำไมเรารู้สึกว่าปมมันหลายเรื่องมากเลยแต่ก็เหมือนไม่มีอะไร ที่สำคัญที่สุดคือรณณ์สู้ๆนะคะลูก ❤ :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 27-12-2017 11:24:44
เป็นกำลังใจให้ดีนกับรณณ์ฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 27-12-2017 15:37:07
เดี๋ยวว ตอนหน้าจะจบแล้วหรอ ทำไมไวจังไม่ทันตั้งตัวเลย5555555 คือดูเหมือนมีเรื่องต้องเคลียร์อีกเยอะ ทั้งครอบครัวน้องครอบครัวพี่ดูไม่น่าจะจบได้ในตอนเดียวเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ดราม่าใช่ม้ายยย ให้เขาได้คู่กันนะ ขอร้องง :hao5:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: waiieiei ที่ 27-12-2017 19:38:24
ชอบมากกกก อ่านรวดเดียวจบเลย ตอนหน้าจะจบแล้ว TT อยากให้มีตอนพิเศษออกมาเยอะๆจัง
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 27-12-2017 21:43:42
อือหืออออออ ตอนอ่านว่าพูดไม่ออกแล้วนะ มาเจอทอล์คเข้าไป ม่ายยยยยยยยย
จะจบแล้วจริงๆเหรอ :ling1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 19 [26/12/17] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 29-12-2017 00:56:07
ชอบพี่ดีน ความจริงจังนี้น่ารัก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/18] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 16-01-2018 19:25:17
ห า กั น จ น เ จ อ

ตอนที่ #20
(ตอนจบ)






อีกไม่กี่วันรณณ์ก็จะพ้นจากสถานภาพนักศึกษาฝึกงานของนิตยสารไลฟ์แล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมาเขาจะใช้ชีวิตคู่รักกับคุณดีนแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ได้อย่างแนบเนียน เพราะนอกจากดาวที่ชอบพูดจาสองแง่สองง่ามกับเขาแล้วก็ไม่เคยมีคนอื่นพูดเรื่องความสนิทสนมของเขากับคุณดีนให้ได้ยินเลยสักครั้ง


“ฝึกงานเสร็จแล้วผมจะกลับบ้านซักสองสามวันนะครับ” รณณ์พูดขึ้นในตอนที่ตนนั่งทำรีพอร์ตฝึกงานขณะที่ดีนนั่งพิงเตียงเขาอ่านหนังสือเล่มใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อสองวันก่อน มุมเดิม ๆ ที่กลายเป็นมุมประจำของบก.ไปเสียแล้ว


“คิดถึงบ้าน?”


“ส่วนหนึ่งครับ”


ดีนพอจะรู้ว่า ‘อีกส่วน’ คืออะไร เขามองดวงหน้าใสนิ่งที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว ตัดสินใจพับหนังสือเก็บแล้วกวักมือเรียกอีกฝ่ายให้ลงมานั่งข้างกัน รณณ์ยอมทำตามอย่างว่าง่าย สองหนุ่มพิงหลังกับขอบเตียง ดีนยกแขนขึ้นพาดบนเตียงคล้ายโอบไหล่ร่างโปร่งกลาย ๆ


“ไว้ค่อยบอกเรื่องของเราหลังเรียนจบก็ไม่สายไปหรอกนะ รับปริญญาให้เรียบร้อยก่อน อะไร ๆ คงง่ายขึ้นเยอะ” แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ต้องเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากสำหรับครอบครัวที่มีลูกคนเดียว ความหวังทั้งหมดของพ่อแม่ต้องตกที่รณณ์อย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้พวกท่านใจดีหรือตามใจลูกขนาดไหนก็คงยากที่จะทำใจยอมรับกับความสัมพันธ์แบบนี้ได้ แต่ดีนไม่อยากพูดให้รณณ์คิดมากและมัวแต่สู้กับปัญหาทางด้านนี้จนหลุดโฟกัสเรื่องการเรียนได้
ฝ่ามือหนาวางลงบนศีรษะทุย ลูบเส้นผมนุ่มอย่างเบามือ “ไว้คุณรับปริญญาแล้ว ผมจะไปหาพวกท่านพร้อมคุณด้วยดีไหม”


“ครับ” รณณ์รับคำ ความจริงเขาก็ยังไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ เพียงแต่เพราะว่าเคยเกริ่นไว้แล้วและมันค่อนข้างรบกวนจิตใจจึงอยากบอกให้ทราบโดยเร็ว แต่เหตุผลที่คุณดีนว่ามานั้นก็ถูก พอถึงตอนที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวอย่างที่แม่ว่าไว้ อะไร ๆ ก็อาจจะง่ายขึ้นก็ได้


“แล้วหลังเรียนจบคิดไว้แล้วรึยังว่าอยากทำอะไร”


“ผมอยากทำสื่อครับ พวกรายการทีวี” ถ้าให้ไปทำงานกับคุณดีนคงไม่ไหว ไม่อยากตกอยู่ท่ามกลางคำนินทาว่าได้งานเพราะเป็นแฟนเจ้านาย ขี้คร้านจะมีคนขุดเรื่องเก่า ๆ มาโยงเต็มไปหมดอีก แต่จะให้ไปทำกับนิตยสารหัวอื่นก็เกรงใจคุณดีน เลือกทางที่ตัวเองตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกก็คงดีที่สุด


ดีนหันมองด้วยความฉงน “แล้วทำไมเลือกมาฝึกงานกับนิตยสารล่ะ”


“ที่คณะไม่บังคับให้ฝึกเฉพาะเอกครับ ผมอยากเรียนรู้ตัวหนังสือที่เขาเขียนกันเลยลองมาฝึกด้านนี้ดู” ...ไม่คิดว่านอกจากจะได้ความรู้แล้วยังได้แฟนด้วย


“แล้วไม่ชอบเหรอ” ดีนหลบตาถามเสียงอ่อน รณณ์ยิ้มกว้าง คบกันมาเดือนครึ่งก็พอรู้ว่าท่าทางแบบนี้คุณดีนกำลังน้อยใจเขาไม่ผิดแน่


“ชอบครับ ชอบทั้งงานและหัวหน้า”


ดีนขมวดคิ้วมุ่น “หัวหน้าคนไหน”


“ใครเป็นหัวหน้า ผมก็ชอบหมดแหละครับ”


“หึ หลายใจนะเรา” ดีนเขกมะเหงกลงหน้าผากอีกฝ่ายไม่แรงนักแต่ก็เรียกเสียงโอ๊ยหลอก ๆ ได้ดีทีเดียว


“แต่รักอยู่คนเดียวหน่า”


“หืม? รักใคร?” ใช่ว่าคนเด็กกว่าจะพูดเบา แต่เขาแค่อยากได้ยินอีกครั้งเท่านั้นเอง


“ไม่รู้~~~~~~” คนที่เพิ่งสารภาพรักก้มหน้างุดซ่อนความอายแต่มีหรือที่อีกคนจะปล่อยผ่าน รีบล็อกคอเด็กหนุ่มเข้าหาตัวก่อนที่จะทันได้หนีไป


“จะบอกไม่บอกหื้ม รักใครครับเบ๊บ คุณรักใคร บอกให้ชื่นใจสิ”


“อะไรเล่า ยอมให้ใครกอดก็รักคนนั้นแหละครับ”


“ใคร ๆ ก็กอดคุณได้”


“พูดอย่างกับคุณจะยอมให้คนอื่นกอดผมงั้นแหละ” คนถูกต้อนบ่นงึมงำแต่เพราะว่าอยู่ใกล้กันมากดีนจึงได้ยินทุกถ้อยคำชัดเจน


“ก็ผมรักของผม ผมก็ต้องหวงเป็นธรรมดาสิ”


“มะ ไม่รู้ครับ ผมจะไปทำงานต่อแล้ว” คนขี้อายดิ้นขลุกขลักจะหนีท่าเดียวส่วนคนที่ยังไม่ได้คำตอบก็กอดรัดแน่น ทั้งสองกอดรัดดิ้นฟัดกันจนสุดท้ายก็ล้มราบลงไปกับพื้นห้องเย็นเฉียบ กายโปร่งสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับความเย็นนั้นผ่านเสื้อเนื้อบาง แต่ที่ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวสงบนิ่งคงหนีไม่พ้นนัยน์ตาเรียวรีที่ใหญ่โตเกินกรอบมองมาในระยะประชิด ลมหายใจร้อนรดรินใส่กันก่อนที่ทุกอย่างจะขาวโพลนเมื่อคนที่คร่อมอยู่ประทับริมฝีปากลงมาแนบชิดทว่าไร้ซึ่งการรุกล้ำ ปิดซ้ำด้วยการกดย้ำหนัก ๆ อีกครั้งก่อนผละออกแล้วซุกหน้าลงกับซอกคอขาว


“My body is yours, Your body is mine.Babe your mess was yours,Now your mess is mine”


ประโยคบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักถูกเน้นชัดแทบทุกคำทำเอาคนฟังใจเต้นรัว มันเป็นการบอกรักที่ให้ความรู้สึกมั่นคง สบายใจและวาบหวามยิ่งกว่าคำว่ารักเสียอีก


“เข้าใจผมใช่ไหม?”


“ครับ”


ดีนผงกศีรษะขึ้นมาจ้องมองกันตรง ๆ “ครับอะไร”


รณณ์หน้าร้อน ไม่สิ ร้อนไปทุกส่วนที่สัมผัสกับร่างกายคุณดีนตอนนี้ นัยน์ตาที่จ้องมองมานั่นกำลังกดดันให้เขาพูดสิ่งที่ติดค้างกันไว้ก่อนหน้านี้  “ผมรักคุณครับคุณดีน”


ดีนยิ้มกว้างอย่างพอใจ “ผมก็รักคุณ”


จบคำบอกรักริมฝีปากได้รูปก็ประทับลงที่เดิมอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ลึกซึ้งและหอมหวานกว่าครั้งแรกจนคนใต้ร่างแทบสำลักความสุข คำว่ารักที่หวานหูกับรสจูบที่อ่อนโยนซึมลึกไปถึงใจที่กำลังเต้นรัว รณณ์มีความสุขกว่าที่เคยจูบครั้งไหน ๆ และแน่นอนว่าเพราะเขากำลังจูบกับคนที่กล้าพูดได้เต็มปากว่ารักอย่างหมดหัวใจ






ถึงจะบอกให้รณณ์ใจเย็น อย่าเพิ่งบอกเรื่องความสัมพันธ์ครั้งนี้กับครอบครัว แต่ดีนกลับไม่ประวิงเวลา ชายหนุ่มรีบนัดแนะสมาชิกในครอบครัวอันมีอาม่าเป็นประมุขเพื่อประกาศเรื่องสำคัญนี้ ซึ่งนัดหมายที่ว่าก็เกิดขึ้นก่อนรณณ์ฝึกงานเสร็จอีกเพียงสองวันเท่านั้น


ผู้ใหญ่ที่ดีนเคารพรักที่สุดยึดครองโซฟาตัวยาวแต่เพียงผู้เดียว บุพการีทั้งสองนั่งเก้าอี้เดี่ยวฝั่งซ้ายมืออาม่า ฝั่งตรงข้ามเป็นตำแหน่งของหลานอันประกอบไปด้วยพี่ชายและตัวเขาเอง ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องสำคัญที่เขานัดทุกคนมาพร้อมหน้าในวันนี้คือเรื่องอะไร แต่ดีนคิดว่าคริสน่าจะพอเดาได้ อีกฝ่ายถึงมีสีหน้ากังวลยิ่งกว่าเจ้าของเรื่องอย่างเขาเสียอีก


“อาดีน ลื้อขยับมานั่งใกล้ม่านี่มา” ดีนทำตามอย่างว่าง่าย ตำแหน่งใหม่คือพื้นตรงหน้าอาม่า ภาพหลานรักคุกเข่าลงตรงหน้าทำให้หญิงชราเชื้อสายจีนไต้หวันถึงกับตกใจ “ลื้อจะทำอะไร ลุกขึ้นมานั่งข้างม่านี่ ทำอย่างกับเป็นเรื่องคอขาดบาดตายไปล่าย” สำหรับคนจีน การคุกเข่าถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมันคือศักดิ์ศรีทั้งหมดของพวกเขา ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่บุพการี ไม่มีทางที่เข่าทั้งสองข้างของลูกผู้ชายจะสัมผัสพื้นแบบนี้เด็ดขาด


ดีนบอกปฏิเสธก็เพราะคิดว่ามันอาจเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเขาถึงได้ทำแบบนี้ นอกจากจะเป็นการขอโทษจากใจแล้วยังเป็นการร้องขออย่างที่สุดเช่นกัน ถึงอย่างไรวันนี้เขาจะไม่ยอมกลับไปพร้อมความผิดหวังเด็ดขาด


“ผมมีคนรักแล้วครับ”


อาม่ายกมือทาบอกด้วยความตกใจ “อาดีนอ่า ลื้อพูดจริง ๆ เหรอ ลื้อไม่ได้หลอกม่าเล่นใช่ไหม”
หลานชายคนโปรดพูดซ้ำยืนยันเนื้อความเดิมอีกครั้ง “ข่าวดี เป็นข่าวดีมาก ๆ” นอกจากอาม่าแล้วเตี่ยกับมัมของเขาก็ดีใจไม่ต่างกัน


“สิ่งที่ผมอยากบอกทุกคนก็คือคนรักของผมเป็นผู้ชายครับ”
สิ้นคำประกาศของดีนทุกสรรพเสียงเงียบลงราวกับถูกสับสวิตซ์ ผู้ใหญ่ทั้งสามท่านนิ่งอึ้ง ไม่มีใครมีสติพอจะเอ่ยถามย้ำว่าเขาพูดเล่นหรือเปล่า มีเพียงแค่คริสที่นั่งนวดขมับเบา ๆ


“ลื้อว่าไงนะ!!” เป็นเตี่ยของเขาที่ได้สติก่อนใคร ชายวัยหกสิบต้น ๆ ลุกขึ้นยืนชี้หน้าลูกชายคนเล็กด้วยความโมโห ไม่คิดถามให้เจ้าตัวพูดซ้ำเพราะรู้นิสัยลูกดีว่าไม่ใช่คนพูดปดพูดเพ้อ แต่การบอกว่ามีคนรักเป็นผู้ชายถือว่าหยามศักดิ์ศรีตระกูลชาวจีนของเขามาก


“ใจเย็นก่อนสิ” ศรีภรรยาชาวแคนาดายื้อยุดสามีก่อนที่อีกฝ่ายจะพุ่งเข้าถึงตัวลูกชาย


“จะให้เย็นยังไงไหว!” คนเป็นสามีตะคอกถาม “อ๋อ นี่เธอให้ท้ายลูกเหรอ วัฒนธรรมบ้านเธอเขารับได้นี่ แต่บ้านฉันไม่!”


“เงียบหน่าอาตี๋!” ผู้สูงวัยที่สุดตวาดดังลั่นอย่างทรงอำนาจจนลูกชายกระฟัดกระเฟียดยอมเงียบแล้วนั่งลงที่นั่งตัวเองดังเดิม
หญิงชราเลื่อนสายตาจากลูกชายมามองหลาน หลานที่มีส่วนผสมของสามเชื้อสายตรงหน้าและกำลังมองเธออย่างแน่วแน่ไม่ไหวหวั่น


มุมปากเหี่ยวย่นตามวัยขยับยิ้ม “อาดีน ลื้อได้เลือดนักสู้จากเตี่ยลื้อมาเต็ม ๆ เลยนะ” หญิงชราเชื้อสายจีนมองหลานคนโปรดด้วยความภาคภูมิ “เกือบสามสิบปีก่อนเตี่ยลื้อก็สู้เพราะอยากแต่งงานกับมัมของลื้อ”


“มันไม่เหมือนกันนะม่า” คนถูกพาดพิงแย้งขึ้นทันควัน


“ไม่เหมือนกันยังไง!”


“ถึงอั๊วจะแต่งกับฝรั่ง แต่อีก็มีหลานให้ม่าได้ ผิดกับ…” เขาไม่อยากจะพูดออกมาเลยจริง ๆ “ม่าจะเสียสกุลก็คราวนี้!”


“อั๊วเสียสกุลไปตั้งแต่แต่งงานกับป๊าลื้อละอาตี๋ อีกอย่างนะหลานอั๊วก็เยอะแยะ ให้มันรู้ไปสิว่าจะไม่มีใครสืบสกุลป๊าลื้อ”
ดีนยิ้มบางแต่เต็มไปด้วยความสุข ไม่อยากจะดีใจเกินหน้าเกินตาไปนักเพราะเกรงใจบุพการีอยู่บ้าง


“ม่าไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำหรอกนะ แม้ว่าอั๊วจะรับไม่ได้ที่ลื้อรักกับผู้ชาย แต่ม่าก็เคารพการตัดสินใจของลื้อ”


“ขอบคุณครับอาม่า”


“โชคดีที่ลื้อเกิดมาเป็นหลาน ถ้าลื้อเกิดเป็นลูกอั๊ว อั๊วไม่มีทางยอมเด็ดขาด แต่ในเมื่อเป็นหลาน ลื้อต้องขอความเห็นจากเตี่ยกับมัมของลื้อเอง”


ดีนกลืนน้ำลายหนืดลงคอ ไม่ใช่ว่ากลัวเตี่ยจะไม่ยอม เขาพร้อมสู้อยู่แล้ว แค่กลัวว่าเวลาจะยืดเยื้อไปนานเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ เพราะดีนคิดไว้ว่าหากครอบครัวเขายอมรับความรักครั้งนี้ได้ก็คงช่วยเสริมน้ำหนักให้พ่อแม่ของรณณ์ยอมฝากน้องให้เขาดูแลได้เช่นกัน


“ดีนรักใครมัมก็รักด้วย” หญิงสาวต่างชาติเพียงคนเดียวในบ้านเลือกจะพูดภาษาไทยให้แม่สามีเข้าใจด้วย


“Thanks mom, I love you.” มัมก็ยังเป็นมัมที่พร้อมให้สิทธิขาดแก่ลูกเสมอ ครั้งที่คริสแนะนำคนรักให้รู้จัก มัมของเขาก็พูดแบบนี้


“อั๊วไม่...”


“แม่อียอมแล้ว ลื้ออย่าดื้อด้านให้เปล่าประโยชน์” อาม่าขัดขึ้นก่อนที่ลูกชายตัวเองจะบอกปฏิเสธออกมา


“อาม้า!?” คนถูกขัดร้องเรียกอย่างขัดใจ “ไหนม้าบอกให้อั๊วตัดสินใจเองไง”


“แล้วลื้อต้องการอะไรจากลูกล่ะอาตี๋”


“อาม้า...”


“ลูกลื้อไม่ใช่คนเที่ยวหยำฉ่าเมาหยำเป อีเป็นคนมีความรับผิดชอบ เป็นคนดี ขยัน และที่สำคัญอีเป็นคนซื่อสัตย์”
คนเป็นลูกชายหันหน้าหนีอย่างเสียมารยาทจนหญิงชราอยากจะฟาดตีต่อหน้าหลานเสียจริงหากไม่ติดว่าเข้าใจความรู้สึกของลูกชายดี เพราะหากว่าดีนเป็นลูกของเธอ เธอเองก็คงจะรับไม่ได้อย่างที่ลูกชายเธอกำลังเป็น


“อาดีนอีซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเองและให้เกียรติพวกเราทุกคน อีถึงได้มาบอก”


“...”


“อาตี๋อ่า อั๊วไม่ได้บอกให้ลื้อยอมรับตั้งแต่ตอนนี้ แต่อยากให้ลื้อคิดให้ดี เปิดใจให้กับความสุขของลูกบ้าง เหมือนอย่างที่อาป๊ากับม้ายอมรับลื้อกับเมีย” ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนจีนที่จะยอมรับลูกสะใภ้ที่เป็นฝรั่งตาน้ำข้าวได้ ในตอนนั้นเธอก็ต้องใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าจะยอมให้ทั้งคู่สร้างครอบครัวด้วยกันได้
คนเป็นลูกตั้งท่าจะแย้งขึ้นอีกครั้งว่ามันไม่เหมือนกรณีของเขาสักนิดแต่ดีนขัดขึ้นเสียก่อน “ผมขอโอกาสจากเตี่ย”
คนเป็นพ่อหันมองหน้าลูกชายคนเล็กอย่างพิจารณา นึกเกลียดความมุ่งมั่นแน่วแน่ในหน่วยตาคู่นั้นก็วันนี้ มันคงจะเหมือนเขาเมื่อเกือบสามสิบปีก่อนไม่มีผิด คนเป็นพ่อถอนหายใจ รู้ว่าท้ายที่สุดไม่วันใดก็วันหนึ่งตนคงพ่ายแพ้ให้กับความตั้งใจของลูก ในระหว่างที่กำลังคิดไตร่ตรองอย่างหนักก็พลันคิดได้ว่าอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตนได้ครองคู่กับคนรักคืออะไร


“อั๊วจะให้ซินแสตัดสินเรื่องนี้!”


คนเป็นลูกร้องเหอะ นึกสมเพสชีวิตตนเองที่ท้ายที่สุดก็ต้องเอาชีวิตไปฝากไว้กับคำทำนายของซินแสตามความเชื่อของเตี่ย และที่น่าเจ็บใจคืออาม่าก็ยอมรับวิธีนี้ด้วย ไม่ต้องพูดถึงคนหัวอ่อนอย่างมัม รายนั้นก็ปล่อยเลยตามเลยมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง คริสเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองน้องด้วยความเป็นห่วง


เรื่องดวงที่แท้จริงเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ซินแสคงไม่เข้าใจในความรักของเพศเดียวกันแน่ ซึ่งนั่นคงไม่ใช่ผลดีในการดูดวงครั้งนี้
ดีนเองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ แต่ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมตามน้ำไปก่อน ดื้อรั้นไปตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ ได้แต่หมายมั่นในใจว่าตนต้องทำทุกวิถีทางให้ลงเอยตามความต้องการตน








งานเลี้ยงเล็ก ๆ ในแผนกคอลัมน์ช่วงกลางวันเป็นการเลี้ยงส่งนักศึกษาฝึกงานที่อยู่ร่วมกันมานานถึงสามเดือน อาหารชุดมากมายหลากหลายล้วนเป็นอภินันทนาการจากหัวหน้าแผนกสาว มีเพียงเครื่องดื่มเท่านั้นที่เป็นการรวมเงินกันของพี่ ๆ ในแผนกที่ขออนุญาตหัวหน้าเพราะอยากมีส่วนในการเลี้ยงน้องบ้าง
รณณ์บอกเล่าแผนในอนาคตของตนคร่าว ๆ เมื่อทศและกลุ่มพี่ที่สนิทกันถามไถ่ บอกอีกด้วยว่าจะไม่ลืมทุกคนที่นี่และจะแวะมาหาบ่อย ๆ


“นึกว่าจบแล้วจะเข้าทำงานที่นี่ซะอีก” ดาวพูดยิ้ม ๆ ในตอนที่บังเอิญเดินผ่านมาได้ยิน นานพอควรแล้วที่เธอปั่นป่วนความสัมพันธ์ของรณณ์กับดีน แม้ว่ารุ่นน้องร่วมคณะที่มีศักดิ์เป็นเจ้านายเธอจะไม่ยอมรับออกมาตรง ๆ ว่าคบหาอยู่กับเด็กฝึกงานคนนี้ แต่ด้วยลักษณะนิสัยเป็นสันโดษไม่ให้ความสนิทสนมกับใครง่าย ๆ และจากการสังเกตของเธอจึงทำให้ล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้ไม่ยาก ต้องยอมรับว่าสองคนนี้วางตัวดีจนเธอไม่อาจจะสร้างเรื่องได้มากกว่าคอยหาโอกาสให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันในที่ทำงานให้คนอื่นเห็นบ้าง แต่หากมีสักครั้งที่ดีนพลาด เธอสัญญากับตัวเองเลยว่าจะไม่รอช้าที่จะฉวยโอกาสนั้นไว้ในมือ


“ไม่ล่ะครับ ผมฝันอยากทำงานด้านสื่อมากกว่า”


“บอกอคงเสียดายแย่”


รณณ์ยิ้มเป็นมิตร “ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น”


ดาวยิ้มบาง ไม่ต่อความให้มากเรื่อง หันไปพูดเชิญชวนให้ทุกคนสังสรรกันต่อตามสบาย เธออยู่พูดคุยกับคนนั้นคนนี้อีกครู่หนึ่งก่อนปลีกตัวออกไป









สิ้นสุดฤดูกาลฝึกงานของนักศึกษาไปได้เพียงไม่กี่วันหัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษรสาวก็สร้างเรื่องฮือฮาให้บรรดาพนักงานทุกฝ่ายในบริษัทด้วยการโพสรูปคู่ของเธอกับบรรณาธิการหนุ่มในสีหน้ายิ้มแย้มลงโซเชียลเน็ตเวิร์คที่คนส่วนใหญ่ในบริษัทติดตามเธออยู่พร้อมแคปชั่นที่ทำเอางงงวยทั่วทุกผู้คน


‘ความสัมพันธ์ที่ไม่เคยเปลี่ยน เพื่อนก็คือเพื่อน เพื่อนกันตลอดไป’


“แคปชั่นนั่นเพื่อนายเลยนะ” ผิงว่าขึ้นในมื้อกลางวันของวันทำงานต้นสัปดาห์หลังจากที่ปล่อยให้สเตตัสดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงมาเกือบสามวันแล้ว ก็เพิ่งมีโอกาสได้เจอได้คุยกันก็วันนี้ ส่วนตัวเธอไม่ได้ยุ่งอะไรนัก แต่บก.เพื่อนรักติดประชุมผู้บริหารถี่เสียจนถ้าไม่ถือเป็นการละลาบละล้วงเธอก็อยากจะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ว่ามีประเด็นอะไรกันถึงได้ประชุมทั้งวี่วันมาหลายวันแล้ว
ดีนไม่ตอบอะไร ได้แต่ร้องอื้ออึงในลำคอตอบรับ “เป็นของขวัญให้รณณ์ด้วย”
คนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเงยขึ้นมองคนพูดทันทีที่ได้ยินชื่อคนรัก “ยังไง”


“น้องจะได้สบายใจไง”


“เขาเชื่อใจฉันอยู่แล้ว” ก็เคยพูดต่อหน้าทั้งคู่ไปแล้วว่าใครคือคนที่เขาแคร์ที่สุด ดีนเชื่อว่ารณณ์จะเข้าใจแม้เขาจะไม่ได้บอกว่าเรื่องที่คนลือกันทั้งบริษัทเป็นเพียงแค่ละครฉากหนึ่ง


“ย่ะ แต่ก็นั่นแหละ ประกาศแบบนี้คนจะได้เลิกคิดไปเองว่าฉันกับนายคบกัน ป้องกันเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย” อย่างน้อยตอนที่นั่งรับประทานอาหารด้วยกันในห้องกระจกนี่ก็ไม่มีสายตาของใครจับจ้องอยู่เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว แม้จะยังมีบางคนที่เชียร์คู่เธอกับเขาอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีใครกล้าแสดงออกเกินควรเหมือนก่อนอีกแล้ว


“อะไร”


หญิงสาวถอนหายใจ มองคนที่เคยรอบคอบแต่กลับบกพร่องไปเสียทุกอย่างกับเรื่องความรัก “ก็ถ้าทุกคนรู้ว่านายคบกับรณณ์ คนเขาจะโยงเอาได้ว่าน้องเป็นมือที่สาม สู้ฉันประกาศให้ชัดไปเลยดีกว่า”
ดีนพยักหน้าเข้าใจ


“นายเองก็ต้องคิดให้เยอะนะดีน ความรักก็เรื่องหนึ่ง ความสัมพันธ์ก็อีกเรื่องหนึ่ง ความสัมพันธ์มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรักอย่างเดียว หลายคู่ที่แยกทางกันไปทั้งที่ยังรักกันมากก็มี จะพูดจะทำอะไรก็คิดให้รอบคอบเหมือนเวลาทำงานด้วยค่ะ” ท้ายประโยคดีนโดนเพื่อนรักแดกดันไปเต็มเสียง


ดีนชะงัก คิดตามแล้วพึมพำขอบคุณออกไป ยอมรับว่าเรื่องความรักความสัมพันธ์ยังมีอะไรให้เขาได้เรียนรู้อีกมาก





บ่ายวันนั้นห้องทำงานของดีนได้เปิดต้อนรับคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกันในห้องนี้ ดาวถือแฟ้มเอกสารเดินเข้ามาหลังจากเขาอนุญาต เป็นแฟ้มรายงานสรุปการฝึกงานของนักศึกษาในช่วงที่ผ่านมาซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรณณ์ แต่ที่ทำให้ดีนสงสัยคือเธอเดินถือรายงานขึ้นมาให้เขาด้วยตัวเอง ทั้งที่ของคนก่อนหน้านี้เธอเพียงแค่ใช้ลูกน้องมาเท่านั้น



ทว่าดีนกลับเก็บความสงสัยใคร่รู้ไว้ในใจแล้วตั้งหน้าตั้งตาอ่านรายงานไปขณะที่เธอเองก็ยังไม่ไปไหน หากแต่ก็ไม่ได้นั่งลงตามคำเชิญของเจ้าของห้องด้วย


“รักษาความสัมพันธ์เก่งเหมือนกันนี่”


“หมายถึงอะไร” ดีนถามทั้งที่ยังก้มหน้าอ่านรายงานทั้งที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องสนใจก่อนงานอื่น ๆ บนโต๊ะเลยด้วยซ้ำ


“กับเด็กในปกครองของฉันไง”


ดีนเงยหน้าขึ้นมองแต่ไม่เอ่ยยอมรับ แฟ้มรายงานในมือถูกปิดลงก่อนไถลไปวางบนโต๊ะอย่างไม่ใยดี


“ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างนายจะมีความรักได้” เรื่องคบผู้ชายด้วยกันนั้นเธอไม่ค่อยแปลกใจนัก รู้มาตลอดว่าดีนค่อนข้างรับวัฒนธรรมฝั่งมารดามาเยอะ โลกของดีนจึงเปิดกว้างกว่าครอบครัวคนจีนทั่วไปมาก


“คุณเองก็ควรจะเริ่มต้นใหม่ได้แล้วนะ” ดีนไม่ถือสากับเรื่องที่ผ่านมา ในเมื่อสิ่งที่ดาวทำไม่ได้ร้ายแรงอะไรนัก มันก็แค่วิธีการของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ผิดหวังจากความรักแล้วหาหนทางขัดขวางผู้หญิงอื่นที่อาจมาแทนที่เธอได้ ส่วนเรื่องของเขาก็แค่ผลกระทบจากความเกลียดชังของเธอ ความเกลียดชังที่สะท้อนกลับมาจากความรู้สึกที่เขาส่งให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เขาต้องขอบคุณเธอด้วยซ้ำ เพราะถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ นักหัดรักอย่างเขาก็คงทำให้รณณ์เดือดร้อนด้วยการวางตัวแบบไม่สนสายตาใครไปแล้ว


“รอให้ถึงวันที่ตัวเองถูกทิ้งก่อนเถอะ นายคงเข้าใจความรู้สึกฉันได้ไม่ยากหรอก”


“คริสไม่ได้มองผิงเกินเลยไปกว่าน้องสาว” ที่พูดบอกเพราะรู้มาตลอดว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่เคยวางใจเรื่องนี้เลยสักครั้ง ไม่อย่างนั้นคงไม่วิ่งเต้นเอาเรื่องผิงเพียงแค่คริสพูดเข้าข้างผิง


“ไม่มีอะไรเป็นจีรังหรอกดีน”


“ผมรู้…”


“...”


“...และหวังว่าวันหนึ่งความรู้สึกที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ก็จะหายไปเหมือนกัน”







หลังจากการประกาศสถานะเพื่อนกับดีนอย่างเป็นทางการของผิง ทำให้ชายหนุ่มเริ่มหายใจหายคอกับความสัมพันธ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเกือบสองเดือนก่อนได้มากขึ้น หลังเลิกงานก็ออกไปเที่ยวเล่นกับรณณ์บ้างแต่ส่วนใหญ่ยังใช้ชีวิตด้วยกันในห้องพักแคบ ๆ ตามความเคยชินเสียมากกว่า ครั้นจะไปเล่นกันที่ห้องเขาบ้างก็ดูจะไม่สะดวกสำหรับชีวิตนักศึกษาในช่วงโค้งสุดท้ายสักเท่าไหร่นัก


สุดสัปดาห์ที่ผ่านมารณณ์กลับบ้านไปถึงสามวันตามที่เคยบอกไว้ กลับมาถึงก็บอกเล่าถึงเรื่องที่คุยกับพ่อแม่ตนเอง รณณ์บอกพวกท่านแค่ว่ามีคนรักแล้วและจะพาไปแนะนำให้รู้จักเมื่อถึงเวลาอันสมควรตามคำแนะนำของเขา ถึงตรงนี้พ่อแม่ก็ไม่ได้เร้าหรืออะไรมากมาย


“ครับมัม” ดีนหันมองคนที่กำลังปั่นโปรเจคจบชิ้นสุดท้ายแวบหนึ่งก่อนรับสายแล้วเดินออกไปคุยตรงระเบียง


[วีคเอนนี้พาแฟนลูกมาที่บ้านอาม่าด้วยนะ] สำเนียงไทยแปร่ง ๆ ดังมาตามสาย


“ไปทำไมครับ”


[ซินแสทำนายดวงให้ลูกแล้ว]


ดีนหันกลับไปมองคนที่ยังจดจ่อกับงานด้วยความเป็นห่วง


“ผมขอรู้ก่อนครับ ผมไม่มีทางยอมให้น้องไปรับแรงกดดันที่บ้านเราเด็ดขาด”


[พามาเถอะหน่าดีน ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก ลูกปกป้องคนของลูกได้อยู่แล้ว เชื่อมัมเถอะ]


“...”


[ตามนี้นะลูก เจอกันดินเนอร์วันเสาร์นะ]


คนทางนี้ยังไม่ทันรับปากอีกฝ่ายก็วางสายไปเสียแล้ว ดีนถอนหายใจยืนมองคนรักอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ อีกพักหนึ่งจนคนถูกมองหันมาหา รณณ์เอียงคอเล็กน้อยอย่างฉงน เจ้าตัวคงสงสัยว่าทำไมเขาออกมาคุยโทรศัพท์นานนัก ดีนยิ้มให้คนรักสบายใจก่อนจะเดินเข้าไปแล้วสวมกอดคนที่นั่งอยู่ทางด้านหลังวางคางเกยบนไหล่เล็ก


“อะ อะไรกันครับ” ไม่บ่อยนักที่คุณดีนจะจู่โจมถึงเนื้อถึงตัวกันแบบนี้ นอกจากจูบในวันนั้นก็มีแค่กอดคอโอบไหล่บ้างเล็กน้อยแต่ไม่เคยแนบชิดกันถึงขนาดนี้


“เสาร์นี้ว่างไหม ไปทานอาหารบ้านอาม่ากัน”
ดีนโยกตัวไปมาเบา ๆ คล้ายปลอบประโลมคนที่นิ่งอึ้งไปตั้งแต่ได้ยินประโยคบอกเล่าเรียบ ๆ เมื่อครู่ “ผมเคยบอกไว้แล้วว่ามีแฟน บอกพวกท่านด้วยว่าเป็นผู้ชาย”


“...”


“ทุกคนยอมรับเรื่องของเราได้นะ แต่เตี่ยผมขอดูดวงเราสองคนก่อน”


“ดูดวง?”


ดีนลูบหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู “อย่ากังวลไปเลยเบ๊บ มันก็แค่ดวง”


“แต่...”


“ไปพิสูจน์ความรักของเราให้พวกท่านเห็นกัน...นะ”


จุมพิตข้างขมับเป็นรางวัลตอบแทนคำตอบรับของคนเด็กกว่า ดีนเองก็กังวลอยู่ไม่น้อย หวั่นกลัวทั้งดวงที่เตี่ยได้มาและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับใจคนรัก แต่ก็ต้องสร้างความมั่นใจให้อีกฝ่าย ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มากแต่ดีนเชื่อว่าการแสดงออกว่าจะอยู่ข้างกันเสมอจะทำให้รณณ์เบาใจขึ้นได้






(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 16-01-2018 19:36:56


“I found a love for me. Darling, just dive right in and follow my lead”


เสียงฮัมเพลงในท่อนขึ้นต้นคล้ายจะเรียกขวัญกำลังใจกันดังขึ้นพร้อมมือที่ยื่นมากุมกันไว้ทำให้รณณ์คลายกังวล นัยน์ตาใสละจากวิวข้างทางกลับมามองคนที่นั่งตำแหน่งหลังพวงมาลัย รถคันหรูกำลังทะยานออกสู่ชานเมืองอันเป็นที่ตั้งของบ้านญาติผู้ใหญ่ของคุณดีน


“ยิ้มหน่อยสิเบ๊บ ผมชอบรอยยิ้มคุณนะ”


ไม่รู้ว่าเคยบอกไปหรือยัง รู้แต่ทุกครั้งที่ิอยู่ด้วย ไม่เคยมีครั้งไหนที่ต้องร้องขอกันแบบนี้ รณณ์มักติดรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอยามที่อยู่ด้วยกัน


รณณ์ยิ้มกว้างออกมาให้คนร้องขอได้ชื่นใจ ดีนเลื่อนมือขึ้นลูบแก้มใสเบามืออย่างแสนรัก ตาก็คอยหันมองคนข้างกายเป็นระยะ

“อย่ากังวลไป ผมเชื่อว่าคำทำนายต้องออกมาดี ไม่อย่างนั้นพวกท่านคงไม่อยากเจอคุณหรอก”


“แล้วถ้า...”


“ถ้าไม่ดีเราก็จะพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าคำทำนายของซินแสมันไม่จริง”


“...”


“เราสัญญากันแล้วนะว่าจะเดินไปด้วยกัน คุณไม่เชื่อใจผมเหรอ” ถึงจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอคนที่เข้ากันได้และเติมเต็มชีวิตให้กันแบบนี้ และถึงจะเพิ่งคบกันได้แค่ไม่กี่เดือน แต่ดีนก็พร้อมสู้เพื่อให้มันไม่หยุดอยู่แค่นี้


รณณ์จับมือที่กอบหน้าตัวเองมากุมไว้แน่น “เชื่อสิครับ เชื่อทั้งใจคุณและใจตัวเอง”


ดีนยิ้มกว้าง ขอแค่รณณ์เชื่อใจกันเขาก็พร้อมจะสู้กับทุกอุปสรรคที่พบเจอ


ระหว่างทางรณณ์ให้ดีนแวะร้านขายของสะสมโบราณ คนอ่อนวัยกว่าต้องการจะหาของสักชิ้นที่ไม่แพงจนเกินตัวไปฝากอาม่าของคนรักเพราะรู้ว่าท่านชอบเผื่อว่าท่านจะเอ็นดูและปรานีเขาไม่มากก็น้อย


“ของพวกนี้มันแพงมากนะรณณ์ คุณยังไม่ได้ทำงาน ยังไม่มีรายได้ ผมไม่อยากให้คุณมาสิ้นเปลืองกับมัน”


“แต่ผมไม่ควรไปหาพวกท่านมือเปล่า อย่างน้อยถ้ามีของที่อาม่าคุณชอบไปให้ ท่านคงเอ็นดูผมบ้าง”


ดีนยิ้มในความซื่อของรณณ์ แค่รู้ว่าอีกคนก็พยายามจะรักษากันไว้เขาก็ดีใจมากแล้ว “ถ้าพวกท่านได้รู้จักรณณ์ ผมเชื่อว่าทุกคนจะเอ็นดูคุณเหมือนกับผม”


เด็กหนุ่มยังไม่คลายกังวล แม้ว่าดีนจะขับรถเลยร้านดังกล่าวมาแล้วก็ตาม


“เราไปซื้อผลไม้กันก็ได้นะ เหมาะกับทุกโอกาสดี” ดีนออกความเห็นซึ่งรณณ์ก็ไม่ได้แย้งอะไร



สองหนุ่มมาถึงบ้านของอาม่าก่อนเวลานัดเล็กน้อย เด็กหนุ่มตื่นเต้นจนเนื้อตัวเริ่มสั่น เขากลัวจนไม่แม้แต่จะกล้ามองเข้าไปในบ้าน ดีนมองด้วยความสงสาร ยื่นมือไปกอมกุมมืออีกฝ่ายไว้แน่น รณณ์หันมองสบตาคู่คมของคุณดีน นัยน์ตาใสสั่นไหวจ้องมองรอยยิ้มอ่อนโยนที่อีกฝ่ายมอบให้ด้วยใจที่เต็มตื้น รู้สึกได้ว่าความกล้าหาญที่หดหายไปได้กลับคืนมาบ้างแล้ว แม้จะยังไม่มากมายแต่ก็คงเพียงพอให้พร้อมเผชิญหน้ากับทุกคนในวันนี้


ก็อก ก็อก ก็อก


เสียงเคาะกระจกรถฝั่งรณณ์ทำเอาคนที่เพิ่งได้กำลังใจสะดุ้งโหยง สองหนุ่มในรถหันมองคนที่มาขัดจังหวะแล้วพบกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หน้าตาและบุคลิกออกไปทางเชื้อตะวันตก รณณ์เดาว่านี่น่าจะเป็นท่านประธานที่พี่ในแผนกพูดถึงกันซึ่งก็คือพี่ชายของคุณดีนด้วย


‘get out!’


ดีนสะกิดคนรักส่งสัญญาณให้ลงจากรถเมื่ออ่านรูปปากของพี่ชายทางด้านนอกได้


“สวัสดีครับ”


คริสยกมือรับไหว้เด็กหนุ่มที่เขาเพิ่งเคยเจอครั้งแรก นัยน์ตาสีอ่อนไล่สำรวจคนตรงหน้าคร่าว ๆ อย่างไม่โจ่งแจ้งนัก หน้าตาผิวพรรณท่าทางก็ไม่ได้ออกสาวอะไรนัก รูปร่างสูงโปร่งไม่ได้ตัวเล็กดูน่าทะนุถนอมสักนิด จะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากเด็กผู้ชายทั่วไปแต่ทำไมน้องชายเขาถึงติดใจนักหนา


“นี่คริสพี่ชายผม” ดีนเดินอ้อมรถมาจับมือคนของตนไว้หลวม ๆ รณณ์ตกใจระคนเขินอายคริสแต่ก็ไม่ได้ดึงมือออกแต่อย่างใด

“ส่วนนี่รณณ์ แฟนไอ”


คริสพยักหน้ารับรู้ สามหนุ่มไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันต่อเพราะผู้เป็นแม่เดินออกมาตามเสียก่อน


“มากันแล้วเหรอลูก” หญิงสาวชาวต่างชาติหน้าตาสะสวยท่าทางใจดีคือภาพแรกที่รณณ์เห็น เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบยกมือไหว้สาวเจ้าด้วยท่าทางนอบน้อม เธอยิ้มรับเอ็นดู แม้จะอยู่เมืองไทยมาหลายปีแต่ก็ยังไม่ชินกับการทักทายแบบนี้สักเท่าไหร่ เธอจึงยื่นมือออกมาให้เด็กหนุ่มเพื่อทักทายตามแบบฉบับของเธออีกครั้ง


รณณ์ยื่นมือไปตอบรับด้วยท่าทางเคอะเขินท่ามกลางการแนะนำให้รู้จักกันของดีน


“เรียกว่ามัมเหมือนดีนก็ได้นะจ๊ะ”


รณณ์หน้าเหวอ หันมองคุณดีน อีกฝ่ายก็พยักหน้าสนับสนุนให้ทำตามที่เธอบอกเด็กหนุ่มถึงพูดตอบรับออกมาด้วยท่าทีประหม่าเล็กน้อย


“ครับมัม”


พี่ชายคุณดีนนิ่งเฉยไม่แสดงอาการ ส่วนมัมคุณดีนยิ้มแย้มเป็นมิตรให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เพียงแต่นั่นยังไม่สามารถทำให้รณณ์เบาใจลงไปได้ เมื่อประมุขใหญ่ของบ้านอย่างหญิงชราชาวจีนที่คุณดีนเรียกว่าอาม่ายังนั่งหน้าตึงขณะที่คุณเตี่ยจ้องมองมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน


ดีนกุมมือของคนรักที่นั่งคุกเข่าข้างกันบนพื้นเย็นเฉียบ ออกแรงบีบเล็กน้อยให้อีกฝ่ายไม่เสียกำลังใจไปเสียก่อน ตำแหน่งที่นั่งของทุกคนไม่ต่างจากวันที่เขาเข้ามาสารภาพในวันนั้นเลยสักนิด จะต่างออกไปก็แค่วันนี้เขาไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง


ดีนสะกิดให้รณณ์ยื่นกระเช้าผลไม้ที่ตั้งใจซื้อมาให้กับอาม่าหลังจากแนะนำตัวเสร็จแล้ว เด็กหนุ่มสูดหายใจลึกก่อนจะทำตามที่อีกฝ่ายบอก “ผลไม้ครับอาม่า”


“ขอบใจลื้อมากนะ” เธอเผยยิ้มบางให้คนรักของหลานชาย แต่รอยยิ้มน้อย ๆ แค่นั้นกลับสร้างความมั่นใจให้คนรับมากขึ้นอีกเท่าตัว


“ซินแสอีดูดวงพวกลื้อสองคนแล้ว” รณณ์ไม่รู้ว่าดีนเอาข้อมูลของตนมาจากไหนไปให้ซินแส คาดว่าอาจจะเอามาจากแฟ้มประวัติของเขาที่ยื่นให้กับบริษัทตอนขอฝึกงานก็เป็นได้


“อีบอกว่าถึงจะเพศเดียวกันแต่ก็อยู่ด้วยกันได้” หญิงชราเอ่ยเสียงราบเรียบ “ดวงพวกลื้อฮะกัน”


“อาม่าหมายความว่าไงครับ ฮะกันคืออะไร” ดีนถามด้วยความสงสัย รณณ์เองก็เช่นเดียวกัน


“ฮะหมายถึงดวงสมพงษ์กัน เป็นคู่มิตรกัน ชีวิตมีแต่ความสุขความเจริญ สามารถครองคู่กันได้นาน”


“แต่ก็ไม่จริงเสมอไป!” คนเป็นลูกชายแย้งขึ้นทันควันจนเธอตวัดตาไปมองอย่างตำหนิ


“ก็จริงนี่ม้า ดวงพวกอีเป็นไห่ด้วย”


คราวนี้ไม่ใช่แค่เจ้าของดวงที่งงหนักแต่หญิงต่างชาติหนึ่งเดียวและลูกชายคนโตที่ไม่เคยได้รู้เรื่องนี้มาก่อนก็งงเช่นกัน ก่อนหน้านี้พวกเขารู้แค่ว่าดวงทั้งคู่สมพงษ์กันเท่านั้นเรื่องห่งเรื่องไห่อะไรนี่ไม่เคยเข้าหูเลยสักครั้ง


“ดวงพวกให้ร้าย” ชายวัยหกสิบต้น ๆ พูดเฉลยอย่างเดียวไม่พอ สายตายังมองเหยียดคนรักของลูกชายอีกด้วย


รณณ์ตื่นตระหนก ตกใจกับคำทำนายจนทำตัวไม่ถูก นัยน์ตาที่เคยสุกใสก้มต่ำเอาแต่มองมือที่ยังจับกันกับคนรักแนบแน่น รู้ตัวว่าฝ่ามือตัวเองกำลังชื้นเหงื่อด้วยความกลัวแต่ถึงอย่างนั้นคุณดีนก็ยังจับกันไว้ไม่ปล่อย ซ้ำยังกระชับให้แน่นขึ้นอีกด้วย


“ก็แค่ปีเกิด!” อาม่าแย้งขึ้นเสียงดัง “ไห่กันทั้งปี ถ้าลื้อจะมองที่ตรงนั้นอาดีนอีก็คงคบใครที่เกิดปีนั้นไม่ได้แล้ว”


“แต่...”


“ลื้อจะเถียงทำไมอีก ดวงพวกอีกสมพงษ์กันจะตาย อยู่กันไปก็มีแต่จะพากันเจริญ ซินแสอีบอกลื้อก็ได้ยินนี่อาตี๋”


“ก็แค่ดวง”


“เธอเป็นคนอยากพึ่งดวงเองไม่ใช่เหรอ” มัมของดีนแย้งขึ้นมาเสียงเรียบทำเอาคนถูดขัดปรายตามองด้วยความขัดใจ


“เพิ่งจะคบกันได้ไม่กี่เดือน เอาอะไรมามั่นใจ”


“ถึงผมจะไม่เคยมีความรัก แต่ผมก็รู้ว่าความสัมพันธ์ที่ดีไม่จำเป็นว่าต้องเดินช้าหรือเร็ว แต่เป็นความสัมพันธ์ที่เดินไปตามเวลาที่เหมาะสม” ดีนตอบเสียงดังฟังชัด มันทั้งชัดเจนและแน่วแน่จนคนถามยังแอบหวั่น


“แกอินกับโลกวรรณกรรมมากเกินไปรึเปล่า มองโลกความเป็นจริงบ้าง” นึกเจ็บใจที่ส่งลูกชายคนเล็กไปเรียนอักษรฯ นอกจากจะใช้ภาษาไทยแตกฉานกว่าพวกลูกผสมคนไหน ๆ แล้วความเจ้าบทเจ้ากลอนก็ไม่เป็นสองรองใครเสียจนน่าปวดหัว


“โลกความเป็นจริงคือตอนนี้สังคมยอมรับคนแบบเราได้เยอะขึ้นแล้วนะเตี่ย แค่เราเป็นคนดี ไม่ทำอะไรเสื่อมเสีย ผมเชื่อว่าใครต่อใครจะยอมรับความรักของเราได้”


“กับเด็กนี่น่ะเหรอ” คนเป็นพ่อมองเหยียด “เป็นเกย์รึไง”


รณณ์ส่งสัญญาณให้ดีนรู้ว่าตนจะเป็นคนพูดเอง เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นจ้องตาสู้กับคนเป็นพ่อของคนรักที่ยังยืนปั้นหน้าถมึงตึง ถึงจะหวั่นกลัวอยู่บ้างแต่ก็พร้อมสู้ไม่ถอยเช่นกัน “ถ้าท่านนิยามว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณดีนเป็นเหมือนเกย์ ผมก็อยากจะบอกว่าผมเป็นเกย์แค่กับเขาคนเดียวครับ”


“เหอะ”


“เราอาจจะเพิ่งรู้จักกัน เพิ่งรักกัน ความรู้สึกที่ว่าจะมีกันตลอดไปเป็นแบบไหนกันแน่ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่ผมคิดว่า...” ดีนหันมองคนรัก “...เราสองคนคงรู้สึกไม่ต่างจากตอนที่คุณลุงอยากจะรักกับมัมของคุณดีนทั้งที่ขัดกับวัฒนธรรมของคนจีนหรอกครับ”
“แล้วเธอท้องได้ไหมล่ะ!” ชายลูกครึ่งวัยหกสิบต้น ๆ ตวาดดังลั่นเผยความในใจเพียงหนึ่งเดียวที่ยังทำให้เขายอมรับคนทั้งคู่ไม่ได้ เด็กหนุ่มสะดุ้งตัวเล็กน้อยด้วยความตกใจ ดีนรีบขยับตัวมาบังน้องไปกว่าครึ่งแต่รณณ์กลับขยับออกมาสู้หน้าด้วยความกล้าหาญอันน้อยนิด


“เธอมีหลานให้ฉันได้ไหม!”


รณณ์ลอบสูดหายใจลึก “ผมอาจจะมีหลานให้ท่านไม่ได้ แต่ถ้าเรารับเลี้ยงเด็ก ผมมั่นใจว่าจะเลี้ยงเขาให้เป็นคนดีได้ครับ”


“เด็กที่โตมากับผู้ชายสองคนจะเป็นคนที่สมบูรณ์ได้ยังไงกัน”


“เอาหน่าเตี่ย” คริสขัดขึ้นก่อนที่การถกเถียงด้วยอารมณ์คุกรุ่นจะถลำไปมากกว่านี้ “เด็กสองคนนี่ก็แค่อยากคบกัน ในเมื่อดวงสมพงษ์กันเราก็แค่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้กัน ทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มเองนะเตี่ย ที่เตี่ยกำลังคิดน่ะมันขั้นแต่งงานแล้วนะ”


“แต่น้องชายแกคิด” ถึงไม่พูดออกมาแต่ความจริงจังแน่วแน่ในสายตาลูกชายคนเล็กบอกเขาแบบนั้น ดีนไม่ได้คิดจะคบเล่น ๆ อะไรบางอย่างในนั้นบอกเขาว่าดีนจะดูแลความสัมพันธ์ครั้งนี้เป็นอย่างดี


“อีกนานน่ะเตี่ย ถ้ามีวันนั้นจริงเราค่อยมาคุยกันใหม่ก็ได้นี่ครับ”


“อั๊วเห็นด้วยกับอาคริส”


“แต่อีอายุยี่สิบห้าแล้วนะ จะมาคบใครให้เสียเวลาทำไม เวลานี้ต้องเลือกคบคนที่จะมาเป็นแม่ของลูกเท่านั้นได้แล้ว”


“ระยะเวลาไม่ใช่ตัวชี้วัดหรอกเตี่ย ผมเองก็เพิ่งเลิกกับแฟนที่คบกันมานานนะ ผู้ชายอย่างเราแต่งงานตอนไหนก็ได้หน่า”


“ฉันเห็นด้วยกับคริส” คนเป็นภรรยาแสดงความเห็นบ้าง “อย่าทำลายความสุขของลูกสิ”


เขาตั้งใจจะแย้งอีกครั้งแต่คนเป็นประมุขของบ้านกลับตัดสินเด็ดขาดออกมาเสียก่อน “เอาตามนั้นแหละ ปล่อย ๆ พวกอีไป ถ้าพวกอีจะแต่งงานกันจริงลื้อต้องการเวลาเตรียมใจกี่เดือนหรือกี่ปีล่ะ อั๊วจะได้หาฤกษ์ให้หลานรอไว้เลย”


“อาม้า!”


ดีนอดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มมุมปากออกมาด้วยความขบขัน อาม่าชอบเล่าให้ฟังอยู่เสมอว่าเตี่ยเขาเหมือนเด็กน้อย เห็นโหดเห็นดุกับน้องหรือลูกหลานแต่ก็มักจะทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตกับอาม่าเสมอ




(มีต่ออีกนิดนะคะ)
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 16-01-2018 19:38:18


“พวกลื้อขยับมาใกล้ม่าสิ” มือเหี่ยวย่นยกขึ้นกวักเรียกหลานรักกับคนรักเข้าไปใกล้ ดีนยิ้มรับบีบมือเล็กเป็นสัญญาณให้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน


มือที่กวักเรียกเมื่อครู่วางทาบลงบนศีรษะของเด็กหนุ่มด้วยความอ่อนโยนก่อนเลื่อนไปหาหลานรัก เธอแย้มยิ้มแบมือขอมือหลานทั้งสองมาซ้อนทับกันบนมือเธอ


“จำเอาไว้นะ คนเราจะอยู่ด้วยกันได้ต้องไม่คาดหวังในตัวอีกคนนัก ร้อยพ่อพันแม่คนเราย่อมไม่เหมือนกัน อย่าหวังว่าเขาจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อยู่กันด้วยความเข้าใจ เข้าใจธรรมชาติพื้นฐานของกันและกันแล้วค่อยพิจารณาปรับแก้ไขเข้าหากัน สำคัญคือต้องพูดคุยกันด้วยเหตุผล” เสียงพูดเอื่อยเฉี่อยตามธรรมชาติคล้ายจะต้องการเน้นยำแต่ละถ้อยคำให้ฝังลึกในความคิดของคนหนุ่มอยู่ในที


“ครับอาม่า” สองหนุ่มตอบรับออกมาพร้อมกัน รณณ์ในตอนนี้ดูผ่อนคลายขึ้นจนดีนเองก็คลายกังวลไปด้วย


“แล้วยิ่งเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ พวกลื้อต้องลดศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายกันคนละครึ่ง เอาใจเขามาใส่ใจเราให้เยอะ อย่าหยามเกียรติกันและกัน อาดีน ลื้อเป็นพี่อย่าข่มเหงน้องด้วยถือว่าตนใหญ่กว่า พึงระลึกว่าน้องก็เป็นผู้ชาย เข้าใจที่ม่าพูดใช่ไหม”
ดีนหันมองคนรัก รอยยิ้มกว้างสว่างไสวดุจไออุ่นแรกของรุ่งอรุณทำให้รณณ์อุ่นใจจนยิ้มตาม


“เข้าใจครับอาม่า”


หญิงชรายิ้มรับ นัยน์ตาอ่อนล้าตามวัยสนใจแต่ภาพตรงหน้า ไม่อยากจะปรายมองลูกชายที่ยังปั้นหน้าขมึงตึงอยู่ให้อารมณ์เสีย


“ม่าไม่ได้เตรียมของรับขวัญ เอาเป็นว่าม่ายกหลานรักคนนี้ให้ลื้อนะอารณณ์”


“แต่ถ้าวันไหนเลิกกันแล้วก็มารับของรับขวัญจากอั๊วะ!” ลูกชายตัวดีของเธอแทรกทะลุกลางปล้องจนเธอต้องหันไปตำหนิทั้งสายตาและคำพูด ภรรยาที่นั่งข้างกันก็อดไม่ได้ที่จะวาดมือลงบนไหล่หนาของคนปากเสีย


“ลื้อคิดว่าอาดีนจะยอมให้มีวันนั้นเหรอ พูดอะไรไม่คิด”


“อาม้า!”


เลี้ยงหลานรักมาแต่อ้อนแต่ออดมีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าหากเธอไม่ชิงพูดขึ้นก่อน หลานชายคนโปรดจะพูดในสิ่งที่ไม่ควรออกมา ดีนเป็นคนตรงคนซื่อ ไม่ได้ซื่อบื้ออ่อนต่อโลก แต่ซื่อตรงกับความคิดความรู้สึก ได้แต่หวังว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะทนอยู่กับดีนได้จริง ๆ แต่ถ้าจะให้ดี ขอให้ช่วยกันแก้ไขสิ่งไม่ดีในตัวกันและกันจะดีกว่า



บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่ได้ชื่นมื่นนักแต่ก็ไม่ถึงกับตึงเครียด มีเพียงแค่ท่าทีมึนตึงของอาเตี่ยและสีหน้าเรียบเฉยเดาอารมณ์ยากของคริสเท่านั้นที่ทำให้รณณ์ทำตัวไม่ถูกไปบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อึดอัดอะไรนัก เพราะคนอื่น ๆ คอยผลัดกันชวนคุยและเทคแคร์เขาเป็นอย่างดี


“อาดีนบอกว่าลื้อชอบทานรสจัด อั๊วะเลยบอกให้อากิมอีปรุงให้เป็นพิเศษ ลองชิมดูสิว่าถูกใจรึเปล่า” อากิมคือแม่บ้านคนเก่าคนแก่ที่คอยดูแลอาม่าของดีนทุกสิ่งอย่าง ดีนอมยิ้มขณะที่รณณ์หันมอง นัยน์ตาล้อเลียนมองสบคนช่างเอาใจชั่วครู่ก่อนหันไปหาหญิงชรา “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ จริง ๆ แล้วผมเป็นคนทานง่าย”


คนเป็นอาม่าหัวเราะชอบใจ “ไม่เรื่องมากเหมือนอาดีนสินะ”


เด็กหนุ่มหลุดขำพรืดออกมา เห็นจริงอย่างที่เธอว่าแต่ก็ไม่คิดว่านั่นคือปัญหา ขณะที่คนถูกพาดพิงได้แต่นั่งหน้านิ่งเหมือนเดิมแต่ใคร ๆ ต่างก็สังเกตเห็นว่านัยน์ตาที่เคยว่างเปล่ากลับวูบไหวดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา


อาดีนของอาม่ากำลังหวั่นกลัว


เห็นหน้านิ่ง ๆ แบบนั้นแต่ใคร ๆ ก็รู้ว่าในใจดีนคงอยากจะร้องท้วงอาม่าเต็มแก่แล้ว คนเป็นพ่อเองแม้ไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกชายคนเล็กกำลังแคร์ความรู้สึกเด็กหนุ่มคนนี้เป็นอย่างมาก เมื่อก่อนแม่เขาเผาเจ้าลูกคนนี้ให้คนอื่นฟังมากมายไม่ยักจะเห็นอีกฝ่ายแสดงอาการอะไรสักนิดนอกจากใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว เห็นจะมีก็แต่ครั้งนี้ครั้งแรก


“ถ้าเข้าร้านอาหารไทยคุณดีนก็จะลำบากหน่อยเพราะรสชาติไม่ถูกปาก แต่อย่างถ้าผมทานอาหารที่บ้านนี้ ผมก็กลายเป็นคนเรื่องมากทานยากเหมือนกันนะครับ ดูได้จากการที่อาม่าต้องสั่งปรุงอาหารถ้วยนี้เป็นพิเศษให้” เด็กหนุ่มตอบด้วยความนอบน้อม


แววตาของดีนไม่เพียงคลายกังวลแต่ยังระรื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านต่างก็นิ่งอึ้งกันไปนานหลายอึดใจก่อนจะหัวเราะแผ่วออกมาอย่างชอบใจ คริสเองที่เหมือนจะไม่สนใจเรื่องบนโต๊ะอาหารนักแต่ก็คอยสังเกตตลอดมอง ‘น้องสะใภ้’ อย่างพิจารณา รอยยิ้มมุมปากจุดขึ้นบนใบหน้าหล่อโทนชาติตะวันตกก่อนจะสนใจอาหารตรงหน้าเพียงลำพังต่อไป






“จำเป็นต้องจริงจังขนาดนี้เลยเหรอ”


รณณ์ถูกอาม่ารั้งให้ฟังท่านคุยโม้ถึงของสะสมแต่ละชิ้นในห้องนั่งเล่น ดีนจึงต้องมานั่งดื่มเบียร์กับพี่ชายที่สระว่ายน้ำมุมเดิม


“หืม?”


“เพิ่งคบกันได้แค่ไม่กี่เดือนทำไมถึงต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่เห็นจะต้องรีบบอกให้ทุกคนรู้ ไม่ใช่จะดูถูกนะ แต่รอให้คบกันนานกว่านี้ค่อยบอกไม่ดีกว่าเหรอ แบบนี้ดูรีบไปหน่อย” คริสรู้ว่าน้องเป็นคนจริงจังกับทุกอย่างในชีวิต แต่ครั้งนี้ดูจะเกินไปสักหน่อย


“คริส ทุกคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าความรักของไอกับรณณ์มันไม่ใช่เรื่องธรรมชาติทั่วไป และเพราะว่าเป็นอย่างนั้น ไอเลยต้องรีบทำให้ครอบครัวเรายอมรับให้ได้เพื่อที่รณณ์จะได้เชื่อมั่นในความสัมพันธ์แบบนี้มากขึ้น”


“...”


“สำหรับเราแล้วความรักเป็นเรื่องใหม่ ไม่ใช่เพราะเป็นการรู้สึกดีกับผู้ชายเป็นครั้งแรก แต่นี่คือความรักที่เราต่างรู้สึกว่าใช่ ถ้าใครต่อใครคอยขัดขวาง ไม่ยอมรับ ความสัมพันธ์มันก็จะสั่นคลอนได้ตั้งแต่เพิ่งเริ่มต้น ไม่มีใครอยากฝืนเดินต่อทั้งที่รู้ว่าทางข้างหน้าไม่มีทางไปต่อได้หรอก ถ้าไอไม่ทำให้ทุกคนยอมรับตอนนี้ เมื่อเรารักกันมากขึ้นแล้วไม่อาจลงเอยกันได้ ยูคิดว่ามันจะเจ็บปวดขนาดไหนล่ะ ไอไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด อีกอย่าง...”


“...”


“...ไออยากให้เขาเชื่อมั่นในตัวไอมากพอที่จะร่วมเดินไปด้วยกันอย่างมั่นคง”


“แล้วพ่อแม่เขาล่ะ”


“รอให้รณณ์เรียนจบ มีการมีงานทำเลี้ยงตัวเองได้ ไอจะไปหาพวกท่านด้วยตัวเอง”


ดีนยังคงเป็นดีน น้องชายที่มุ่งมั่นในทุกอย่างที่คิดจะทำ จริงจังทุกครั้งในการตัดสินใจและกล้าพุ่งเข้าชนอุปสรรคโดยผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วเสมอ


คริสยื่นเบียร์อีกกระป๋องให้น้องรับไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเหยียบกระป๋องเปล่าให้แบนไปแล้ว


“ไม่ล่ะ ต้องขับรถ”


“ทำอย่างกับคออ่อนไปได้”


ดีนส่ายหน้า “มีรณณ์มาด้วย”


คริสพยักหน้าเข้าใจ ถ้าขับรถคนเดียวดีนสามารถดื่มได้ถึงสี่หรือห้ากระป๋องแบบสบาย แต่นี่คงเป็นห่วงความปลอดภัยของคนรักเสียมากกว่า


“ดึกแล้ว ไอกลับละนะ” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนไม่รอฟังคำลาของพี่ชายสักนิด


“เดี๋ยว”


ดีนหันมองเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นแทนคำถาม


“เลือกแฟนเก่งนี่หว่า”


คนน้องไหวไหล่แทนคำตอบที่ว่า ‘ของมันแน่อยู่แล้ว’ ให้คนพี่หมั่นไส้ก่อนเดินจากไปทิ้งให้คริสมองตามหลังด้วยความยินดีกับความรักของทั้งคู่จากใจจริง






“เอ่อ...คุณดีนครับ”


“หื้ม”


“คุณดีนว่า...เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันข้ามขั้นไปหน่อยไหมครับ” เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมันรวดเร็วเสียจนราวกับฝันไป เด็กหนุ่มยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตนได้รับการยอมรับจากครอบครัวของคุณดีนแน่แล้วหรือ


ดีนทำท่าคิด “จริงสิ เรายังไม่เคยเดทกันเลยใช่ไหม?” ไม่ว่าจะเจอกันด้วยความบังเอิญหรือไปไหนมาไหนด้วยเรื่องงานนั่นนับว่าเดทหรือเปล่าเขาก็ไม่แน่ใจ


รณณ์หัวเราะคิกคัก “ครับ เพิ่งตกลงคบกันแค่สองเดือนกว่าเอง เดทสักครั้งยังไม่เคย แต่เมื่อกี๊นี้…” พูดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกกระดากอายอย่างไรชอบกล ดีนมองคนที่เพิ่งเริ่มเขินทั้งที่ระบายออกมาเสียเกือบหมดแล้ว


“เมื่อกี๊นี้อะไร” ดีนเอนตัวเข้าไปใกล้


“อย่าแกล้งกันสิครับ ชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย” รณณ์กระแทกไหล่ใส่อีกคนเบา ๆ เพื่อให้ถอยห่างออกไป


“ก็เมื่อกี๊นี้อะไรล่ะ” ดีนกอดคอคนเด็กกว่าแล้วออกเดินไปด้วยกัน “เหมือนแต่งงานกันแล้วน่ะเหรอ”


อ่า...แก้มใสสุกปรั่งเย้ายวนจนต้องฝังจมูกลงไปหอมเสียฟอดใหญ่ให้อีกฝ่ายร้องท้วงเสียงแผ่วด้วยความอายเพราะยังไม่พ้นประตูรั้วบ้านอาม่าเลย


“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ก็ส่งตัวเข้าหอน่ะสิ ใช่ไหม”


รณณ์หันมองคนพูดตาโต รู้ว่าวันหนึ่งเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นแต่ก็อดตกใจไม่ได้เพราะที่ผ่านมาคุณดีนไม่เคยพูดหรือทำอะไรลุ่มล่ามมากไปกว่ากอดจูบ ซึ่งก็จูบแทบจะนับครั้งได้ด้วยซ้ำ “กะ ก็แค่เหมือนครับ ไม่ได้แต่งจริงซะหน่อย”


ดีนยิ้มเอ็นดู ลดมือลงจากไหล่เล็กมากุมมืออีกฝ่ายไว้หลวม ๆ เงยหน้ามองท้องฟ้าที่แถบชานเมืองแบบนี้ทำให้เห็นดาวพร่างพรายไปทั่ว “คืนนี้ดาวสวย ไปหาที่นอนดูดาวกันไหม”


“ที่ไหนครับ”


ดีนยิ้ม ไม่เฉลยความสงสัย รณณ์ได้รับคำตอบก็เมื่อตอนที่รถหรูเลี้ยวเข้าจอดในตึกสูงเสียดฟ้าที่มองอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นหอพักของเขาไปได้


“คุณดีน…”


ดีนยิ้มเอ็นดู “นอนดูดาวไง”


ไม่มีท่าทีใดไม่น่าไว้วางใจ และไม่มีเหตุผลใดที่รณณ์จะไม่ไว้ใจคนรัก



แม้จะไม่ได้เป็นเพ้นท์เฮาส์หรูอย่างห้องของดาวแต่ห้องของคุณดีนก็กว้างขวางกว่าหอพักแคบ ๆ ของเขาเยอะ ระเบียงที่ยื่นยาวออกไปได้รับการปรับแต่งเพิ่มโดยการกั้นกระจกใสปิดครอบเตียง beanbag สีขาวขนาดใหญ่สำหรับนอนดูดาวอย่างที่คุณดีนว่าไว้ได้


ในเมืองแบบนี้ไม่มีดาวระยิบระยับทั่วฟ้าให้มองเพลินตาเหมือนแถบชานเมืองแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความมืดมิดของมันก็เพลินตามากทีเดียว ยิ่งได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนรักด้วยแล้ว รณณ์แทบจะเพลินเสียจนเกือบเคลิ้มหลับ


“คุณดีนหลับรึยังครับ”


“มีอะไรหื้ม?” ดีนละสายตาจากผืนฟ้ากว้างมามองคนรักในอ้อมกอดที่เปลี่ยนมาใส่ชุดนอนของเขาได้เกือบพอดีเพราะขนาดตัวไม่ต่างกันมาก


“ผมมีอะไรอยากจะบอกครับ”


ดีนหอมกลุ่มผมนุ่มแทนการตอบรับให้อีกฝ่ายเล่าต่อได้ “ผมรู้จักคุณดีนมาก่อนนานแล้วครับ”


“หืม?”


“รู้จักผ่านทวิตฯกับไอจี”


ดีนกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น แม้ตรงนี้จะไม่มีลมพัดเอื่อยไร้ผิวเนื้อให้หนาวเหน็บแต่อุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศภายในห้องก็ทำให้ต้องการไออุ่นจากคนรักไม่น้อยทีเดียว


“ผมเองก็รู้จักคุณนะ...คุณอาร์โอเอ็นเอ็น” จริงอยู่ที่มีคนรีทวิตเนื้อหาของคนอื่นต่อจากเขาเยอะ การแจ้งเตือนขึ้นบนหน้าจอถี่แทบทุกชั่วโมงจนเขารำคาญและไม่คิดจะสนใจมัน แต่เห็นจะมีอยู่แค่คนเดียวที่สะดุดตาเพราะตามเฟบทวีตที่เขาโพสเองเสียทุกครั้ง แม้ไม่ได้สนใจนักแต่เห็นอย่างนั้นก็ย่อมเกิดความสงสัยจนต้องตามเข้าไปดูหน้าโปรไฟล์ของอีกฝ่าย ทวีตส่วนใหญ่ก็มาจากการรีต่อจากเขาทั้งนั้น จะมีบ้างนานครั้งที่เจ้าตัวเล่าเรื่องตัวเองผ่านตัวอักษรบ้างเพียงแต่ดีนไม่ได้สนใจมันเท่าที่อีกฝ่ายรู้สึกด้วยเท่านั้นเอง


...ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เจอกัน…


อย่างที่เขาเคยบอกผิงไว้ ไม่ต้องออกไปค้นหาให้เสียเวลา ถ้าจะเจอ...มันก็เจอเอง


“รณณ์…”


“ครับ” เด็กหนุ่มไม่เพียงแต่ตอบรับ ใบหน้าหล่อใสยังเงยขึ้นมองอีกฝ่ายด้วย


ดีนยิ้มบาง นับวันเด็กนี่จะยิ่งทำให้เขาหลงจนหัวปักหัวปำ นัยน์ตาใสมองมาอย่างซุกซนไม่ต่างจากรอยยิ้มนั่นก็น่่าหมั่นไส้จนต้องก้มลงไปสัมผัสมันด้วยริมฝีปากอย่างไม่รู้จักพอ “...เราเจอกันแล้วนะ ต่อจากนี้...ถึงเวลาเรียนรู้กันและกันให้มากขึ้น”


รณณ์ยิ้มกว้าง เป็นยิ้มในแบบที่ดีนชอบ ยิ้มที่ทำให้ดีนหลงรักตั้งแต่แรกเจอ




“ในที่สุดก็หากันจนเจอสักทีนะครับ”









(จบบริบูรณ์)
--------------------------------------------------------------------------
คืนนั้น...บทเรียนแรกคือการเรียนรู้ร่างกายของกันและกัน

นานมากแล้วที่ไม่ได้แต่งนิยายจนจบ ต้องขอบคุณแรงใจจากทุกคนนะคะ ตอนนี้เลยมาช้าหน่อย มันยากมากจริงๆค่ะ ขออภัย

ธัญญ์เป็นคนที่มีเรื่องราวมากมายอยู่ในหัวมานานเป็นสิบปีได้แล้วค่ะ
คิดอะไรได้ก็เขียนก็พิมพ์เก็บไว้ ส่วนเรื่องนี้ไม่เคยพิมพ์อะไรเก็บไว้เลย
ไม่มีอะไรมาต่อยอด มีเพียงความรู้สึกที่เกิดขึ้นเหมือนกันทุกครั้งเวลาฟังเพลงหากันจนเจอ
ทุกครั้งที่ได้ยินเพลงนี้ จะคิดเสมอว่าชอบท่อนร้องที่ว่า
“ใบไม้เพียงใบหนึ่ง หล่นตอนที่เดินผ่าน ฉันคงจะมองมัน เมื่อเธอเดินผ่านมา”
เพราะมันตรงกับชีวิตเรา ถ้ามีอะไรเคลื่อนไหว เราจะสนใจสิ่งนั้นมากกว่าผู้คนที่เดินสวนกัน
จนสุดท้ายก็กลั่นออกมาเป็นเรื่องนี้จนจบ
ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นเรื่องแรกในรอบสามปีที่แต่งจบ
ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าจะจบแล้ว
ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้เดินมาถึงจุดจบแล้ว จุดจบของการ “หากันจนเจอ”
ไม่รู้ว่าจะถูกใจคนอ่านไหม หรืออาจมีบางคนคิดว่ามันยังไม่สุด
แต่ก็ยอมรับว่ามันไม่สุด เพียงแต่บางประเด็นถ้ายืดไปก็มีแต่จะน้ำเน่า
(ถ้าจะแต่งให้จบแบบสุดคือสรุปเรื่องเอาว่าน้องรณณ์ของเรามโนเรื่องทั้งหมดขึ้นมาหลังจากวันที่รู้ว่าคุณดีนเป็นเจ้านายตัวเอง เรื่องคงจะจบแบบสุดได้เพราะไม่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรกันแล้ว)
สิ่งที่ทำให้ธัญญ์คิดว่ายังไม่สุดเพราะส่วนที่ยังไม่มีคือความสัมพันธ์ที่มันจะดำเนินต่อไป
ธัญญ์ยังไม่ได้เล่าถึงวิธีที่พวกเขาทรีตกันและกัน
คุณดีนคนที่ไม่เคยมีความรักจะดูแลแฟนแบบไหน
คุณดีนคนที่รักสันโดษมาทั้งชีวิตจะอยู่กับคน ๆ หนึ่งได้ตลอดจริงเหรอ
คุณดีนคนที่พูดตรง ยึดมั่นทั้งกฎและความคิดต่าง ๆ จะเผลอทำร้ายความรู้สึกน้องบ้างไหม
รณณ์คนที่ไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายจะทำตัวอย่างไร
รณณ์คนที่เป็นเด็กดีเข้าใจเชื่อใจคุณดีนทุกอย่างจะมีช่วงเวลาที่งี่เง่าเข้าใจอะไรยากบ้างไหม
ชีวิตของเราไม่มีวันจบจนกระทั่งตาย ความสัมพันธ์ของคนเราก็เช่นกันค่ะ
เพราะฉะนั้นในความรู้สึก “หากันจนเจอ” จบลงตรงนี้แล้วค่ะ
ตรงที่พวกเขาเจอกัน รักกัน และสามารถคบกันโดยข้ามผ่านอุปสรรคขั้นต้นไปกันได้
แต่ธัญญ์ไม่ทิ้งคนอ่านไว้กับความรู้สึกแค่นี้หรอกค่ะ
จะมีตอนพิเศษตามมาค่ะ ที่ลงในเว็บคือคุณดีนจะแกรนด์โอเพนนิ่งน้องรณณ์กับเพื่อน ๆ
และบทส่งท้ายคือวันงานรับปริญญาของรณณ์ค่ะ
ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน คอมเม้นท์แสดงความเห็นต่าง ๆ (รวมถึงตั้งชื่อใหม่ของดาวไว้มากมายด้วย)
ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนจบ หวังเป็นอย่างยิ่งจริง ๆ ว่าทุกคนจะพอใจกับตอนจบ
ปล.แต่ละตัวละครมีทั้งดีและไม่ดี มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ อย่างเช่น คริส ดาว ผิง เพราะพวกเขาคือคน ไม่มีใครเกิดมาเพื่อทำแต่เรื่องแย่ ๆ ไม่มีใครเกิดมาเพื่อให้มีแต่คนรักหรือเกลียด
คุณดีนเองก็ไม่ได้ทำถูกไปซะทุกอย่าง มีคนไม่ชอบการแก้ปัญหาของเขา แต่ก็มีคนชอบ เพราะพวกเขามีความเป็นคนค่ะ

#ไม่ดิ้นรนหา
ด้วยรักและขอบคุณ
ปล.จะกลับไปอัพ #โรคประจำใจ แล้วน้าาา ฝากด้วยค่ะ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-01-2018 20:24:47
ในที่สุดก็สมหวังกันทั้งคู่ ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆแล้ว ประทับใจคุณดีนมากเลยค่ะ ชายในฝัน อยากติดตามคนหล่อในทวิตเตอร์แล้วได้มาครองบ้าง 5555555 ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ ติดตามโรคประจำใจต่อค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-01-2018 20:57:36
เป็นตอนจบที่สมบูรณ์ในความคิดเรานะ ตอนนี้เจอกันแล้ว ที่เหลือก็ค่อยๆเรียนรู้กันไป

ไอ้ปิดท้ายเรื่องการเรียนรู้ร่างกายนี่ เราก็อยากจะไปเผือกกะเขาด้วยสิ  :hao3:

ขอบคุณมาก :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 16-01-2018 21:06:24
ดีจัง เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆเวลาอ่านเรื่องของคุณดีนกับรณณ์ ชอบความรู้สึกซื่อตรงของทั้งคู่ มันคงเป็นอะไรที่พิเศษมากๆเวลาที่มีใครสักคนบอกเราว่า "ในที่สุดเราก็หากันจนเจอซะที" อบอุ่นดีจัง รอติดตามโอมอินคนขี้หวงต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 16-01-2018 21:12:26
ฮืออออ  จบอย่างมีความสุข ละมุนละไมที่สุด  :m1:
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ ดีมาก ๆ ชอบมาก ๆ เลยค่ะ
ทั้งคุณดีนทั้งน้องรณณ์ เป็นพระเอกนายเอกแบบที่เราชอบเหลือเกิน
เป็นเรื่องที่อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีตอนไหนที่ทำให้รู้สึกขัดใจกับคุณดีนและน้องรณณ์เลย
อีกตัวละครที่ชอบมาก ก็คืออาม่า ผู้สนับสนุนคนสำคัญของทั้งคู่  น่ารักมาก
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ภาษาสวยมาก อ่านเพลินสบาย ๆ ทำให้มีความสุขมากค่ะ
ขอบคุณคนเขียนอีกครั้ง รอติดตามตอนพิเศษนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 16-01-2018 21:12:36
แงง น่ารักทั้งคนพี่คนน้อง อบอุ่นมากค่าา นักกันไปนานๆเน้อทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-01-2018 21:32:18
จบได้ดีแล้วจ๊ะ ที่ได้มาพบกันแล้ว หลังจากนั้น ก็คงเป็นปกติชีวิตคู่
ไม่ว่าคู่หญิงชาย ชายชาย หญิงหญิง ย่อมมีปัญหามาให้ทั้งนั้น
อยู่ที่ว่า ทั้งคู่รักกันมากพอที่จะจับมือฝ่าฟันไปด้วยกัน
รักคนเขียน
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 16-01-2018 21:41:19
ไม่ต้องหา ถ้าจะเจอ ก็คงได้เจอ ชอบคำนี้จัง
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 16-01-2018 21:53:43
 สนุกมากๆเลยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-01-2018 23:00:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 16-01-2018 23:23:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 17-01-2018 00:36:34
มันดียยยย์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-01-2018 00:40:59
 :katai2-1: o13 :katai2-1:



 :กอด1: :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 17-01-2018 01:50:31
ขอบคุณค่ะ  สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 17-01-2018 07:10:21
จบละมุนดีจัง
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 17-01-2018 07:33:54
มีความสุข  :-[
เจอเรื่องแย่ ๆ มา ได้อ่านเรื่องนี้ช่วยได้เยอะเลยค่ะ ฮือออ
ขอบคุณตอนจบที่แสนอบอุ่น รักคุณดีนน้องรณณ์มากกก
ขอบคุณคนเขียนที่สร้างสรรค์ผลงานดี ๆ นี้ขึ้นมาค่า  :L1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 17-01-2018 12:35:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-01-2018 16:48:20
พี่ดีนเท่มาก
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 17-01-2018 18:03:58
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 17-01-2018 21:31:51
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 17-01-2018 22:12:30
สมหวังแล้ว ดีใจด้วยจ้ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: wetter ที่ 18-01-2018 01:15:14
ชอบมากเลยค่ะ ละมุนมาก
ชอบในความมั่นคงของทั้งสองคน ปัญหาเยอะแต่จากคนอื่นทั้งนั้น สองคนนี้เขาดีมาก แงๆๆ
รณณ์น่าเอ็นดูมากเป็นเด็กที่วางตัวดีจริงๆ ส่วนคุณดีนพอรู้จักความรักแล้วอ่อนโยนมากเลย
ถึงจะตะหงิดกับคุณผิงมากๆแต่ก็ดีที่ไม่ใข่ปัญหาใหญ่ ดูเป็นคนที่เหมือนจะช่วยแต่ก็สร้างปัญหาเช่นกัน555555

รอตอนพิเศษนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 18-01-2018 11:00:32
ชอบมากกก ดีมากจริงๆ
 :กอด1: :hao5: :mc4: :o8: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 18-01-2018 14:29:21
 :o8:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 18-01-2018 16:22:52
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 18-01-2018 18:56:07
อบอุ่นละมุนขอบคุณที่คุณดีนมั่นคงมากหากันเจอแล้วอย่าปล่อยให้หายไปน้า
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-01-2018 19:17:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 19-01-2018 03:49:47
ไม่ต้องมีฉากNC ก็ฟินได้
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 19-01-2018 05:28:36
ทำมาเป็นชวนน้องดูดงดูดาว ร้ายจริง ๆ พี่ดีน
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: khungyf ที่ 19-01-2018 09:36:34
ละมุน
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Lili405 ที่ 19-01-2018 10:29:50
ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ เป็นนิยายที่อ่านแล้วมีความสุขมาก :)
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 19-01-2018 22:36:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 19-01-2018 22:46:28
เป็นอะไรที่น่ารักมากครับ ขอบคุณมากครับสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-01-2018 23:23:06
 o13
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: tuuili ที่ 20-01-2018 02:19:40
รอคอยตอนพิเศษนะคะ :)
คุณดีนเท่สุดๆค่ะะะ หลงรักเลยย
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 20-01-2018 12:33:12
จบแล้วววววว อยากอ่านต่ออีกหลายๆตอนเลยค่ะ หลงรักคุณดีนแล้ว  :กอด1:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: nutjisub ที่ 20-01-2018 16:32:35
เรื่องนี้สนุกมากๆๆๆ คนเขียนเขียนเด่งมากนะ เราอินเลยละ ความสัมพันธ์น่ารัก ชอบคู่หมอธันว์กับแรมด้วย
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: super hero ที่ 21-01-2018 23:40:28
ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :L1:
 :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 22-01-2018 05:16:33
ไล่อ่านจนจบแล้ว ขอบคุณนะคะ เรื่องดีมากเลย อ่านแล้วอิ่มเอมใจ บอกไม่ถูก ชอบมมกกกค่าาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 25-01-2018 01:19:57
อ่านจบแล้ว ขอบคุณคนเขียนมากๆเลยนะ
คุณดีนกับรณน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 25-01-2018 11:27:47
เรื่องน่ารักมากค่ะ ชอบ ทำเอาอยากเล่นทวิตเตอร์เลย ปกติไม่ได้เล่น

ขอบคุณสำหรับนิยาย :pig4:
บวกๆค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 25-01-2018 18:13:44
สวัสดีค่ะอ่านจบในวันเดียวเลย  หากันจนเจอเป็นเพลงโปรดของเราด้วยเหมือนกันค่ะพอลองได้อ่านย่อหน้าแรกที่คุณดีนทวีตเรื่องที่ว่า  ในตอนที่คุณตอบตกลงแต่งงานกับใครสักคนคุณคิดยังไงถึงฝากชีวิตที่เหลือไว้กับเขาคนนั้น//สำหรับผมไม่รู้ดิผมไม่อิน  เป็นอะไรที่โดนใจมากๆถึงมากที่สุด  เราคิดแบบเดียวกับคุณดีนนะ  ยิ่งกับความคิดที่ว่าความรักไม่จำเป็นต้องดิ้นรนหาถ้าจะเจอเดี๋ยวก็เจอเอง  บอกได้เลยว่ารักเรื่องนี้มากๆค่ะชอบทั้งสำนวนที่ใช้บรรยายชอบทั้งวีธีการนำเสนอการดำเนินเรื่องที่เรารู้สึกได้ว่าเป็นเรื่องจริงได้ไม่ยาก. ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆแบบนี้นะคะแล้วจะรออ่านตอนพิเศษค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/17] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 25-01-2018 22:55:24
จบลงด้วยดี แอบเสียดายเค้ายังไม่ได้ไปเดทกันเลย
แต่สองคนก็ทำให้วันธรรมดาๆเป็นวันดีๆได้ทุกวันอยั่แล้วเนอะ มันเป็นความพอดีที่ลงตัวของสองคนเนอะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/18] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 26-01-2018 23:50:39
งือออออ อ่านจบแล้ว
เรื่องนี้อ่านแล้ว"อิ่ม"มาก
มีทุกรส
ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความฝัน ความหวัง ความเศร้า ความเสียใจ ไม่จำเป็นจะต้องมีตัวละครมากมายแต่ก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้ทั้งหมด
หวังว่าจะได้อ่านตอนพิเศษเร็วๆนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/18] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 28-01-2018 17:16:43
ตอนที่ 17

เป็นการขอคบที่ไม่หวาน แต่ให้ความรฤู้สึกหนักแน่นมากๆ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/18] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 28-01-2018 20:09:39
รอ ตอนพิเศษ และบทส่งท้ายนครับ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/18] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 28-01-2018 21:31:20
สนุกมากค่ะ ขอบคุณคนเขียนมากนะคะสำหรับนิยายดีๆ :pig4: :L1:
ปล.เขินคำที่ดีนใช้เรียกรณณ์มากกก น่ารักกก เบ๊บบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/18] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 28-01-2018 22:10:26
อ่านแล้วละมุนมากๆเลย ขอบคุณนะคะ o13
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/18] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: dyomonrain ที่ 29-01-2018 12:00:04
สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณที่แต่งจนจบนะคะ
เราเพิ่งได้เข้ามาอ่าน เสียดายนะคะเนี่ย เราพลาดนิยายดี ๆ แบบนี้ไปได้ยังไง

เราอยากอ่านตอนต่อไปนะคะ เพราะการรักกันมันเป็นค่จเริ่มต้นจริงๆ
เราจะรอนะคะ :)
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/18] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: basza2x ที่ 29-01-2018 12:43:25
ชอบมากๆๆๆๆ นิยายน่ารัก คุณดีนคูลมากๆ 555 รออ่านตอนพิเศษนะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/18] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 30-01-2018 00:19:31
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/18] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 30-01-2018 08:34:50
ดีต่อใจ-- :mew1:
อ่านจบ อยากกลับไปขุด account ใน twitter
กลับขึ้นมาเล่นใหม่
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/18] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: megatef4 ที่ 31-01-2018 04:21:19
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนะคะ
เรื่องน่ารัก ค่อยเป็นค่อยไป มีขัดใจพี่คริสบ้าง ลอยตัวอยู่คนเดียว คนอื่นต้องมารับข่าวลือ นิสัยยย
รณณ์น่ารักกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/18] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 31-01-2018 08:05:10
เย้เย พอจะมีตอนพิเศษมั้ย อิอิ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/18] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 31-01-2018 17:02:51
ดีงามมากค่ะ เรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/18] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 31-01-2018 19:16:45
ในที่สุดก็หากันจนเจอ
รักในความธรรมชาติของทุกตัวละคร
ดูมีชีวิตจริง จับต้องได้
มีทั้งดีเลว .. รักไม่รัก
การแก้ปัญหาที่คนที่อยู่จุดนั่นต้องทำ และทำให้ได้
และคิดกลับไปว่า ถ้เราเป็นเขาหรือเธอคนนั้น เราก็คงทำเข่นนั้นเหมือนกัน
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ฟีลกู๊ด อ่านแล้วรู้สึกดีต่อใจ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 20 (ตอนจบ) [16/01/18] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: whoami ที่ 31-01-2018 23:16:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 05-02-2018 00:30:00

ห า กั น จ น เ จ อ

ตอนพิเศษ รณณ์ แฟนกู






สักพักใหญ่แล้วที่ชื่อของคุณดีนกลายเป็นความเคยชินบนแถบค้นหาในสมาร์ตโฟนของตัวเอง รณณ์ไม่ชอบกดโทร.จากประวัติการโทร.เข้าออกสักเท่าไหร่เพราะมันรวมทั้งเบอร์และแอคเคาน์ไลน์จึงทำให้เผลอกดผิดกดถูกอยู่บ่อยครั้ง


เด็กหนุ่มรอสายอยู่นานจนเกือบจะกดวางอยู่รอมร่อแต่อีกฝ่ายชิงกดรับเสียก่อน


[อยู่ไหนแล้วครับ] น้ำเสียงคุณดีนยังทุ้มนุ่มเสมอแม้จะเจือเสียงหืดหอบเล็กน้อย คงเพราะรีบมารับสายเขา


“บีทีเอสครับ” ว่าที่บัณฑิตนิเทศศาสตร์เพิ่งออกจากตึกบริษัทผลิตสื่อโทรทัศน์แห่งหนึ่งหลังเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์งานและได้รับการตอบรับหลังจากรอนานถึงสองชั่วโมง “คุณดีนว่ายน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ” คบกันมาพักใหญ่เพิ่งรู้ว่าคุณดีนชอบออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละสามครั้งเลยทีเดียว ต่างจากเขาที่ทิ้งห่างการออกกำลังกายมานานพอสมควร


“อื้ม อาบน้ำเสร็จพอดี” พอรู้แบบนั้นก็เหมือนจะได้ยินเสียงสวบสาบดังเข้ามาพอดี คนทางนี้รู้สึกขัดเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเผลอจินตนาการว่าปลายสายกำลังทำอะไรอยู่


“คุณดีนไปแต่งตัวก่อนเถอะ เจอกันที่ร้านอาหารเลยแล้วกันนะครับ จะได้ไม่ต้องขับรถวกไปมา เดี๋ยวจะสาย”


คุณดีนรับคำแล้ววางสายไป วันนี้พวกเขามีนัดสำคัญ นัดที่ยาวตั้งแต่ห้าโมงเย็นไปจนถึงกี่โมงยามรณณ์ก็ไม่แน่ใจ คุณดีนไม่ได้บอกอะไรมากนัก เด็กหนุ่มกลับหอพักเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ วันนี้เหนื่อยล้ามาทั้งวันแล้ว ถ้าต้องไปต่อด้วยชุดเดิมนี้อีกคงรู้สึกไม่สบายตัวแน่







แปลกใจเล็กน้อยที่คุณดีนนัดมาทานอาหารเย็นกันที่ร้านอาหารไทย มิหนำซ้ำช่วงนี้ยังเข้าร้านอาหารประเภทนี้ถี่เสียจนเขาลืมไปแล้วว่าอีกฝ่ายไม่โปรดมันสักเท่าไหร่ ครั้นนึกถึงเหตุผลที่เคยได้รับ ใบหน้าหล่อใสก็เห่อร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น


‘ฝึกไว้ไปเอาใจพ่อตาแม่ยาย’


เด็กหนุ่มสลัดหัวไล่ความคิดออกราวกับรำคาญทั้งที่ใบหน้าใสยังเปื้อนยิ้มไม่จางในตอนที่ย่างกรายเข้าเรือนไม้ทรงไทยซึ่งเป็นร้านอาหารที่คุณดีนบอกว่านัดกับพี่ผิงไว้


ไม่ต้องเสียเวลามองหาให้นาน ร่างสูงใหญ่ไทป์ลูกเสี้ยวโดดเด่นในสายตาจนสองเท้าก้าวตรงไปหาได้ทันที


ดีนยิ้มรับ มองคนอ่อนวัยกว่าที่มีสีหน้าอิดโรยจนอดห่วงไม่ได้


“นั่งนี่สิ” ดีนหมายถึงเก้าอี้ด้านขวามือฝั่งเดียวกับตนเอง


“เหนื่อยมากเหรอ หื้ม” ดีนเกลี่ยปอยผมที่ปกหน้าลงมาของอีกฝ่ายอย่างเบามือ แม้จะอยู่ในที่สาธารณะแบบนี้แต่รณณ์ก็ไม่ได้ปฏิเสธสัมผัสนั้นแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกหายเหนื่อยราวกับปลิดทิ้งเลยด้วยซ้ำ


รณณ์ยิ้มบางส่ายหน้าน้อย ๆ ให้คนรัก “เพราะอากาศร้อนมากกว่า”


“สัมภาษณ์งานเป็นไงบ้าง” ดีนเลื่อนแก้วน้ำหวานที่สั่งรอไว้แล้วไปตรงหน้าคนรัก


“ได้แล้วครับ”


“ได้ของอะไร” ที่ถามเพราะรู้ว่าวันนี้รณณ์ไปสัมภาษณ์ถึงสองที่ ช่วงเช้ากับช่วงสาย


เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายหนืดลงคออย่างยากลำบาก ไหนจะการหลบสายตาแสร้งทำเป็นดื่มน้ำราวกับกระหายเสียเต็มประดานั่นอีก ทั้งหมดนั้นทำให้ดีนเข้าใจได้ในทันทีว่าเจ้าตัวได้งานที่บริษัทไหน


บริษัท AA


ไม่อยากจะบอกหรอกว่าเขาอธิษฐานอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าไม่ให้บริษัทนั้นรับคนรักของเขาเข้าทำงาน จริงอยู่ที่บริษัทนั้นขึ้นชื่อเรื่องรายการโทรทัศน์ดัง ๆ มากมายในยุคนี้ และรณณ์จะมีโอกาสก้าวหน้าในสายงานสูง แต่ที่ไม่อยากให้ไปทำเพราะที่นั่นมีใครคนหนึ่งอยู่ด้วย...ใครคนที่เขาเคยกันออกจากรณณ์เพียงเพราะอีกฝ่ายแสดงท่าทีเอ็นดูคนของเขาเป็นพิเศษ


“บริษัท AA?” ดีนทวนซ้ำ ยังคงหวังจะได้ยินคำแก้ต่างเพื่อยืนยันว่าตนเข้าใจผิดไปเอง


“ครับ”


สิ้นคำตอบรับ ใบหน้าคมคายก็ตึงเครียดขึ้นมาทันทีจนคนมองใจหาย


“ผมคงไม่เจอเขาหรอกครับ”


“แทบจะเหมาเป็นพิธีกรทุกรายการขนาดนั้น ไม่มีทางที่จะไม่เจอเขาแน่”


รณณ์ก้มหน้าเม้มปาก คิดหาเหตุผลดี ๆ สักข้อมาบอกอีกฝ่ายให้สบายใจแต่คิดเท่าไหร่ก็จนปัญญาเสียจริง


ดีนเหลือบมองท่าทางคนรักแล้วก็ถอนหายใจหนักอย่างอ่อนใจ “นี่ผมกำลังงี่เง่าเหรอ”


“ไม่เลยครับ” รณณ์แย้งขึ้นทันควันพร้อมกับส่ายหน้าจนผมที่ไม่ได้เซ็ตมาปลิวไสว


“แต่ผมไม่อยากให้คุณไปทำงานที่นั่นเลยนะ” ถึงไม่อยากจะรู้สึก แต่ดีนก็ยอมรับว่าตนกำลังมีความคิดงี่เง่าแบบเด็กเอาแต่ใจ


“คุณภพไม่ได้จีบผมหรอกครับ”


“เขาเอ็นดูคุณขนาดนั้น” ...อีกไม่นานคงแสดงออกว่าชอบคุณ


“ถ้าเขาเข้ามาจีบจริง ๆ ผมจะรีบบอกเขาเลยว่ามีแฟนแล้ว”


“...” คุณดีนนั่งนิ่ง ใบหน้าหล่อเรียบตึงไม่เปลี่ยนแปลง


“จะบอกด้วยว่าแฟนหวงมาก”


“...” พูดเอาใจขนาดนี้แต่มุมปากนั่นก็ยังไม่ขยับยิ้มสักนิด


“จะบอกเขาอีกด้วยว่าผมรักแฟนมากครับ”


...ขยับแล้ว


“อย่าอยู่ใกล้เขา” ดีนหันมองคนช่างเอาใจ กำชับเสียงเข้ม


“ถ้าต้องทำงานร่วมกันละครับ”


“รีบบอกประโยคสุดท้ายนั่นไปเลย”


“ครับ?”


“บอกไปก่อนเลยว่าคุณรักแฟนมาก เข้าใจไหมเบ๊บ”


รณณ์ยังไม่ทันตอบรับ หญิงสาวที่นัดกันไว้ก็เดินเข้ามาถึงโต๊ะเสียก่อน


“อะไรกัน ฉันมาสายนิดเดียว นายต้องทำหน้าตึงขนาดนี้เลยเหรอ” หญิงสาวเอ่ยถามก่อนรับไหว้จากเด็กหนุ่มข้างกายดีน


“ไม่ใช่หรอกครับ” รณณ์ยิ้มรับหน้าแทนก่อนกระซิบบอกดีนว่าให้ทำหน้าสดใสกว่านี้หน่อยแล้วตนจะทำตามที่อีกฝ่ายขอ


“แล้วทำไมหน้าตึงคะบอกอ”


“หึงเด็ก” ดีนตอบหน้านิ่ง


“ห๊ะ!” ทั้งเพื่อนทั้ง ‘เด็ก’ ร้องด้วยความตกใจออกมาพร้อมกันก่อนที่ฝ่ายเด็กจะหน้าแดงซ่าน หยอดกันสองต่อสองยังอาย นับประสาอะไรกับการถูกหยอดต่อหน้าคนอื่นแบบนี้


“แหม เข้าใจแล้วสินะว่าหึงเป็นยังไง”


“พูดเยอะ สั่งอาหารสิ”


ผิงย่นหน้าใส่ยอมเปิดเมนูอาหารแต่ไม่ยอมทิ้งประเด็นเดิม “แล้วนี่ปรับความเข้าใจกันรึยัง”


“ผมง้อแล้วครับ” ถึงจะอายอยู่บ้างแต่ก็ยอมพูดออกไปด้วยหวังว่าจะได้คนร่วมทีมมาช่วยพูดให้คุณดีนเข้าใจ


“อย่างี่เง่าหน่าดีน นายแก่แล้วนะ หลุดจากนี้ได้บวชยาวแน่ คงไม่เจอใครแล้ว” ดีนมองเพื่อนสาวคนสนิทด้วยสายตาขุ่นเคือง สิ่งหนึ่งที่ดีนกลัวคือการกลายเป็นคนในแบบที่ตัวเองไม่ชอบ ซึ่งผิงรู้ดีถึงได้จงใจพูดคำนั้นออกมา


‘งี่เง่า’


“ไม่งี่เง่าหรอกครับ ผมว่าน่ารักดี”


“นี่ก็ให้ท้ายกันตลอด” หญิงสาวลากเสียงยาวอย่างนึกหมั่นไส้


“ไม่ได้ให้ท้ายนะครับ ไม่ได้พูดเอาใจด้วย คุณดีนมีสิทธิจะรู้สึกแบบนั้น แต่เพราะยังยอมคุยกันด้วยเหตุผล ผมเลยคิดว่าไม่งี่เง่า แต่น่ารัก”


“โอ้ยจ้า แสนดีขนาดนี้เพื่อนฉันจะไปไหนรอดล่ะ...แล้วนึกไงชวนมาทานอาหารไทย เดี๋ยวนี้ทานได้แล้วเหรอ” หลังจากแซ็วเพื่อนตัวเองแล้วผิงก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาที่สงสัยมาตั้งแต่ทราบสถานที่นัดหมายแล้ว กอปรกับหมั่นไส้ความรักของทั้งคู่จนอยากจะพาตัวเองออกจากประเด็นนั้น


“ฝึกไว้ จะไปเอาใจพ่อตาแม่ยาย” ดีนตอบหน้านิ่งแต่สายตาที่เหลือบมองคนรักข้างกายนั้นผิงรับรู้ได้ว่ามันเปลี่ยนไปจากดีนที่เธอเคยรู้จัก


“เยอะเหมือนกันนะนายเนี่ย”


ดีนร้องหึ




ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟดีนได้แนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง “เบ๊บ พี่ผิงเป็นเพื่อนสนิทของผมสมัยเรียนมหา’ลัย คุณน่าจะรู้จักอยู่แล้ว”


“ส่วนผิง นี่รณณ์ แฟนฉัน”


“ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะจ๊ะ แฟนดีน” การพูดเน้นเสียงตรงสถานะไม่ทำให้รณณ์เขินได้เท่ากับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของผิง ต่างจากดีนที่ยังปั้นหน้านิ่งไม่สะทกสะท้านไปตามท่าทางที่จงใจล้อของเพื่อนสาว


“แล้วนี่จะพาน้องไปเจอพวกนั้นเมื่อไหร่” รณณ์อาจจะงงเล็กน้อยว่า ‘พวกนั้น’ คือใครกันบ้าง แต่เดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทอีกกลุ่มของคุณดีน


“คืนนี้”


รณณ์หันมองหน้าคนที่บอกว่า ‘คืนนี้’ โดยที่ไม่บอกให้ทราบล่วงหน้าเลยสักนิด


ผิงมองแล้วนึกเอ็นดู มุมปากแต้มยิ้มซุกซน นึกสนุกขึ้นมาพิลึก


“ที่ไหน”









ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ กว่าที่ฉันจะลบเธอจากใจ
กว่าที่ความทรงจำดี ๆ มันจะเลือนหาย กว่าจะได้รักใคร อีกครั้ง





ดีนนิ่วหน้า รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงเพลงดังกระหึ่มในบรรยากาศแสงสลัว มือหนาขว้าเอามือเรียวเล็กกว่าของคนที่เดินตามหลังมากุมไว้อัตโนมัติเพื่อพากันฝ่าฝูงชนเข้าไปหาโต๊ะกลมตัวใหญ่ที่แทบจะอยู่ตรงกลางร้าน


ดีนไม่เข้าใจว่าเพื่อนอยากให้นักร้องวงโปรดของตัวเองเป็นพยานรักให้เขากับรณณ์ด้วยหรืออย่างไรถึงได้นัดมาในสถานที่แบบนี้และวันนี้!


หนุ่มลูกเสี้ยวบอกคนรักไว้เมื่อหลายวันก่อนแค่ว่าจะชวนมานั่งฟังเพลงแต่ไม่ได้บอกว่าจะพามาเจอเพื่อน ๆ ตนที่นี่ ส่วนหนึ่งเพราะคิดว่าอยากจะนัดเจอกันนอกรอบอีกสักครั้ง เพราะมาที่แบบนี้คงไม่ได้คุยอะไรกันสักเท่าไหร่นัก แต่ที่ต้องมาเพราะธันวาบอกว่าตนสะดวกแค่วันนี้เท่านั้นและอยากดูการแสดงสดของวงโปรดด้วย


“มาแล้วเว้ย มาแล้ว ๆ” คู่แฝดนรกประสานเสียงกันทันทีเมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่พวกตนรอคอยเดินเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับใครคนหนึ่งในตอนที่เพลงโปรดของใครหลายคนจบลงพอดี


ดีนกวาดตามองรอบโต๊ะแล้วยิ้มอย่างพอใจเพราะทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่เว้นแม้แต่ตัวแถมอย่างแรมที่มาร่วมวงบ่อยจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเขาไปแล้ว และดีนเองก็หวังจะให้รณณ์เข้ากับเพื่อนเขาได้ทุกคนเช่นเดียวกับแรม


“อ้าว ไม่ใช่คนที่มึงมองในงานเลี้ยงคืนนั้นนี่หว่า” ทีมเปิดประเด็นขึ้นมายิ้ม ๆ ดีนไม่รู้ว่ารณณ์กำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ เขารู้แค่ว่าเพื่อนต้องการเล่นงานเขาแน่ ๆ และวันนี้เขาคงต้องเตรียมรับมือให้ดีเสียแล้ว


“ก็คนนี้แหละ มองอยู่คนเดียว


รณณ์อยากขอบคุณแสงในผับที่ไม่สว่างพอจะประจานสีหน้าตนเองแก่สายตาเพื่อนคุณดีนได้


ไม่เคยจะชินเสียที


โดนจีบแบบนี้ อย่างไรก็ไม่ชิน


“นี่รณณ์ แฟนกู”


คนถูกแนะนำในสถานะแฟนกระพุ่มไหว้ทั่วทั้งโต๊ะท่ามกลางเสียงโห่แซ็วของทุกคน


“เต็มปากเต็มคำเลยนะ แฟนกูเนี่ย” ทีมแซ็วขึ้นมาก่อนใครเพื่อน ส่วนธันวากับแรมยังนั่งนิ่งประเมินท่าทีเพื่อนคนสนิท


“นั่นดิ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันที่มันได้พูดคำนี้ นี่กูหูฝาดไปรึเปล่าวะนะโม”


“แซ็วไปเพื่อนมึงก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก มีแต่จะทำให้เด็กมันอาย” แรมพูดขึ้นเรียบ ๆ วันนี้แพทย์หนุ่มทั้งสามพร้อมใจกันนั่งติดกันโดยมีธันวานั่งตรงกลางก่อนที่ตำแหน่งจะเปลี่ยนเมื่อเก่งย้ายก้นออกไปนั่งใกล้คู่แฝดซึ่งติดกับแรมอีกทีหนึ่งทำให้เหลือสองที่นั่งใกล้ธันวาพอดี


ธันวาตบเก้าอี้ปุ ๆ เชื้อเชิญให้ดีนนั่งลงข้างตนทำให้รณณ์ต้องนั่งถัดไปซึ่งติดกับทีมที่กำลังชงเครื่องดื่มสำหรับพวกเขาอยู่


“สามคนนี้เป็นหมอ คนนั้นพี่เก่ง คนนี้พี่ธันว์ ส่วนข้าง ๆ นั่นพี่แรมเป็นแฟนพี่ธันว์” ดีนแนะนำเสียงดังแข่งกับเสียงเพลงที่เริ่มบรรเลงขึ้นใหม่อีกครั้งหลังจากที่หยุดพูดคุยกับลูกค้าในร้านได้ครู่หนึ่ง


เด็กหนุ่มยกมือไหว้ทักทายรายคนไล่เรียงกัน “สวัสดีครับพี่หมอเก่ง พี่หมอแรม พี่หมอธันว์”


“เห้ย! ไม่ดิ ๆ” ธันวาโบกมือไปมา “เรียกว่าพี่ก็พอ พี่เก่ง พี่แรม แล้วก็พี่ธันว์ หรือจะเรียกธันวาเหมือนไอ้ดีนมันก็ได้ครับ”


รณณ์ยิ้มรับด้วยความยินดี


“ส่วนคู่แฝดนี่พี่โอมกับพี่นะโม”


“อ่า…” รณณ์มีท่าทีประหม่าเล็กน้อย พยายามจดจำและแยกแยะใบหน้าที่คล้ายกันมากออกจากกัน ด้วยกลัวว่าเรียกผิดแล้วจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีเอาได้


“เรียกรวมกันเลยก็ได้ครับ พวกพี่ไม่ถือ” โอมบอกก่อนที่แฝดน้องจะสำทับ “ใช่ ๆ โดนมาทั้งชีวิตละ”


“ส่วนนั่นพี่ทีม นั่งห่าง ๆ มันไว้นะ มันยื่นแก้วให้ก็ไม่ต้องรับมาดื่ม...ไว้ใจไม่ได้” วลีท้ายดีนก้มลงไปพูดข้างหูน้องให้ได้ยินกันแค่สองคน


“เห้ย ๆ นั่นนินทากูหรือหอมแก้มน้องวะ” ทีมโวยวายไม่จริงจังนักขณะยื่นแก้วมาให้ดีนและรณณ์ตามลำดับ “แทนคำทักทายครับ”


สินน้ำใจแทนคำทักทายของทีมโดนใครอีกคนรับตัดหน้าคนอ่อนวัยสุดไปเสียก่อน ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่เอาหน่าไอ้ตี๋ น้องมันก็ผู้ชายนะเว้ย”


ดีนไม่ฟังคำแย้ง เขายกแก้วที่แย่งมาได้ยกขึ้นเตรียมจะชิมแต่เจ้าของแก้วที่แท้จริงคว้าเอาไว้ก่อน ดีนส่ายหน้าให้เจ้าของนัยน์ตาใสที่มองมา เขาเข้าใจว่ารณณ์คงไม่อยากให้เพื่อนเขาคิดว่าตัวเองถูกโอ๋เกินไป “อาม่าบอกว่าไงคุณดีนจำไม่ได้เหรอครับ”


‘อย่าหยามเกียรติกันและกัน...พึงระลึกว่าน้องก็เป็นผู้ชาย’


คำเตือนที่ไม่ได้หมายความแค่การห้ามใช้กำลังข่มเหง แต่หมายถึงการให้เกียรติในความเป็นเพศชายของอีกฝ่ายด้วย เพศชายที่ไม่ได้อ่อนแอและจำเป็นต้องทะนุถนอมมากเกินพอดีแต่ให้ดูแลกันและกันพอประมาณ


“กูไม่ชงเข้มหรอกหน่า” ทีมพูดขึ้นขัดท่าทีลังเลของเพื่อน ดีนเหลือบตามอง ถึงแม้จะยังไม่ไว้ใจแต่ก็ยอมปล่อยแก้วให้คนรักรับไป


“ผมไม่ดื่มจนเมาหรอกครับ” รณณ์บอกให้ดีนสบายใจ คนฟังยิ้มรับน้อย ๆ ก่อนมองเพื่อนที่ชงเหล้าให้ด้วยสายตาคาดโทษ


“เป็นไงน้องรณณ์ พี่ชงอร่อยไหม”


“อร่อยครับ ไม่เข้มไป”


“น้องชอบสูตรไหนล่ะ พี่จะได้ชงให้ถูก”


“ปกติผมผสมโค้กกับโซดาครับ โค้กเยอะกว่าหน่อย”


“ได้ แก้วต่อไปพี่จะชงให้สุดฝีมือเลยครับ”


“พี่ไม่ต้องพูดเพราะกับผมขนาดนั้นก็ได้ครับ ถือซะว่าผมเป็นรุ่นน้องคนหนึ่ง”


ดีนปิดซ่อนรอยยิ้มหลังปากแก้วเมื่อเห็นว่ารณณ์ดูเข้าได้ดีกับทีมไปแล้วหนึ่งคน อาจเพราะว่าทั้งคู่นั่งติดกันไม่ต้องตะเบ็งเสียงแข่งกับดนตรีที่ดังกระหึ่ม คนทั้งคู่ถึงได้พูดคุยกันอย่างลื่นไหล


“จะยิ้มก็ยิ้มออกมาตรง ๆ ไม่เห็นต้องปกปิด” ธันวาที่ขยับเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ชะโงกหน้าเข้ามาพูดใกล้ ๆ ดีนหันไปเห็นหน้าเพื่อนสนิทแล้วก็นึกมันเขี้ยว ยกแขนล็อกคอคนตัวเล็กกว่าเข้าหาจนก้นอีกฝ่ายแทบหลุดจากที่นั่ง


สองหนุ่มแกล้งกันอย่างสนุกสนานจนเพื่อนร่วมโต๊ะหันมามองกันเป็นตาเดียว ต่างจากแรมที่มองไม่ละสายตาไปไหนอยู่ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นสองหนุ่มเพื่อนซี๊ก็ยังไม่รู้สึกตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาของใครอยู่บ้าง


“สองคนนี้มันเล่นกันแบบนี้ตลอดแหละ อย่าคิดมากเลย” ทีมกระซิบบอกรณณ์


“ผมก็แค่แปลกใจครับ ไม่เคยเห็นคุณดีนเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน”


...เล่นถึงเนื้อถึงตัว....


...ยิ้มแย้มเต็มทั้งปากไปถึงตา…


...มีความสุข…


ใช่...คุณดีนดูมีความสุขเวลาอยู่กับพี่ธันวา


“กับไอ้ธันว์น่ะพิเศษ อยู่กับธันว์แล้วมันมีความสุข กับพวกพี่นี่ไม่มีแบบนี้หรอกนะ แทบจะแดกหัวเลยด้วยซ้ำ” โอมชะโงกหน้าเข้ามาพูดเสริม ยิ่งได้เห็นเด็กหนุ่มมองไปที่เพื่อนฝรั่งหน้าตี๋เหมือนนิ่งค้างไปแล้ว มุมปากคู่แฝดกับเพื่อนอีกสองคนก็พร้อมใจกันยกขึ้นอย่างนึกสนุกแต่พอเหลือบไปเห็นตาเขียวปั๊ดของแรม ความสนุกที่มีก็ลดฮวบลงเฉียบพลันจนตัวหงอตัวเล็กด้วยความเกรงใจ เว้นก็แต่ทีม


คนต้นคิดแผนการแสร้งชงเหล้าไม่สนใจ ถ้าดีนไม่กลัวแรม ทีมก็ค่อนข้างมีภูมิคุ้มกันกับแรมพอสมควร ส่วนหนึ่งเพราะไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย กิตติศัพท์ความหึงหวงที่ได้ยินมาก็ล้วนมาจากปากเพื่อนฝูงทั้งนั้น ถึงครั้งนี้จะเจอกับตัวแต่ก็ไม่ได้ทำให้นึกกลัวขึ้นมา เพราะตราบใดที่อีกฝ่ายยังเก็บกดมันไว้ได้ เขาก็ยังลอยหน้าลอยตายิ้มแย้มไปกับสถานการณ์ตรงหน้าได้เช่นกัน




ไม่ใช่ว่าแรมจะพอใจที่คนรักตัวเองเล่นถึงเนื้อถึงตัวกับเพื่อนสนิท โดยเฉพาะเป็นดีนโจทย์เก่าด้วยแล้ว แต่เพราะห้ามไม่ได้ต่างหาก ธันวาขอไว้หนึ่งวัน แรมจึงได้แต่หมายมั่นว่าหมดวันนี้เมื่อไหร่คงต้องคิดบัญชีครั้งใหญ่เสียแล้ว


ขณะที่แรมแสร้งทำเป็นไม่สนใจแต่รณณ์กลับไม่อาจละความสนใจไปจากคู่เพื่อนซี๊ได้เลย คนอ่อนวัยที่สุดในโต๊ะยังจ้องมองคุณดีนเล่นกับเพื่อนไม่วางตา รับรู้ว่าตอนนี้ตนไม่ได้รู้สึกหึง แต่ก็บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกับภาพตรงหน้ากันแน่


...รู้แค่ไม่อยากให้ ‘เล่น’ กัน


ถึงแม้จะเล่นกับพี่ธันว์ที่มีแฟนมานั่งเฝ้าข้าง ๆ ด้วยก็เถอะ


“ขอชนแก้วด้วยได้ไหมคะ” ไม่ใช่แค่เพราะเสียงที่ทำให้รณณ์ละสายตาจากคนรัก แต่เพราะแรงสะกิดจากทางด้านหลังด้วย รณณ์หันไปหาก็พบสาวสวยที่น่าจะอ่อนกว่าเขาเล็กน้อยในชุดแซครัดรูปสีแดงสดที่พยายามแทรกกลางระหว่างเขากับทีม


“ไม่สะดวก ขอโทษด้วยครับ”


ไม่ใช่คำปฏิเสธจากรณณ์ น้ำเสียงกระด้างและถ้อยคำไม่รักษาน้ำใจที่ทำเอาหญิงสาวหน้าเสียดังมาจากใครอีกคนที่รณณ์คิดว่าคงลืมไปเสียแล้วว่าว่าพาเขามาด้วย


กลุ่มเพื่อนของดีนหันมองหน้ากันอย่างนึกสนุกรวมถึงธันวาที่ถูกปล่อยเป็นอิสระอย่างรวดเร็วตั้งแต่ที่ดีนเห็นว่ามีคนเข้าหาคนรัก


ไม่ทันสนใจว่าหญิงสาวเดินจากไปตอนไหน เพราะทันทีที่ได้ยินเสียดีนแทรกขึ้นมารณณ์ก็หันกลับไปมองเจ้าของคำพูดตาโต เขาอาจจะไม่คาดคิดว่าคุณดีนที่แสนสุภาพจะพูดแบบนั้น แต่ไม่ใช่สำหรับเพื่อนฝูง พวกเขารู้ดีเพราะดีนมักปฏิเสธสาว ๆ ที่เข้ามาทำลายบรรยากาศของตนแบบนี้เสมอ คำพูดที่แรงกว่านี้ก็เคยพูดมาแล้วด้วยซ้ำ


“ผมไม่ควรพูดแบบนั้นเหรอ” ดีนไม่ได้ตะเบ็งเสียงถามทั้งที่ดนตรีดังออกขนาดนั้น เขาใช้น้ำเสียงเหมือนที่คุยกันปกติ แต่คนที่ยังนั่งจ้องเขาตาโตก็ได้ยินชัด


รณณ์ส่ายหน้าจนผมที่ปรกหน้าผากลงมาปัดป่ายเสียทรง “ผมตกใจเพราะไม่คิดว่าคุณจะยังสนใจกันอยู่ต่างหาก”


ดีนคลี่ยิ้ม ยื่นมือเข้าไปช่วยเกลี่ยเส้นผมให้เข้าที่เข้าทาง “สนใจสิ ถ้ามีคุณอยู่ใกล้ ๆ ผมต้องสนใจคุณอยู่แล้ว”


รณณ์เม้มปาก คิดไตร่ตรองว่าควรพูดออกไปดีหรือไม่ “ผมเห็นคุณเล่นอยู่กับพี่ธันว์ ไม่คิดว่าจะเห็นตอนเธอเข้ามาด้วย”


ดีนยิ้มบางอย่างปลอบปะโลม “ถ้าเราอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ เคยมีครั้งไหนที่ผมเลิกสนใจคุณด้วยเหรอเบ๊บ หื้ม”


...ไม่เคย


คราวนี้รณณ์เม้มปากแน่นไม่กล้ายิ้มออกมาตรง ๆ ทั้งที่แก้มจะปริแตกอยู่รอมร่อ กลัวคุณดีนจะจับได้ว่าตนแอบน้อยใจที่อีกฝ่ายละเลยตน


อ่า...เขานึกออกแล้ว เขาแค่น้อยใจที่เห็นคุณดีนสนใจแต่พี่ธันว์...แค่น้อยใจไม่ใช่หึงจริง ๆ ด้วย




นั่งดื่มกันไปได้พักใหญ่พี่หมอร่างโปร่งบางก็เอนซบคนของเขาเสียจนรณณ์ต้องขมวดคิ้วมุ่น คุณดีนที่เคยเอาแต่จ้องมองบนเวทีก้มมองศีรษะกลมที่พิงไหล่หนาอยู่ นัยน์ตาคมเหมือนจะเหลือบมองแฟนเพื่อนสนิทแวบหนึ่ง แต่คงเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังคุยอยู่กับพี่เก่ง คุณดีนจึงปล่อยให้พี่ธันว์พิงตนต่อไป มิหนำซ้ำยังใจดีโอบไหล่อีกฝ่ายไว้ไม่ให้ไหลตกเก้าอี้อีกด้วย


ไม่รู้ว่ารับรู้ได้ถึงสายตาของคนรักที่มองมาหรือเป็นเพราะว่าอยากมองอยู่แล้วหนุ่มลูกเสี้ยวถึงได้เงยหน้ากลับมามองดวงหน้าใส นัยน์ตาคมคล้ายจะบอกเป็นความนัยให้อีกฝ่ายเชื่อใจตนเอง เด็กหนุ่มเกือบจะสิ่งยิ้มบางกลับไปหากไม่มีคนข้างกายจากอีกฝั่งกระซิบถามขึ้นมาเสียก่อน


“หึงมันบ้างรึเปล่า”


“ครับ?” รณณ์หันไปมองทีม


“เพื่อนพี่น่ะ นายเคยหึงมันกับใครบ้างไหม”


รณณ์หันกลับมามองคนรักที่ยังมีใครอีกคนอิงซบอยู่ “ไม่เคยครับ...” เขาเชื่อว่าดีนไม่มีทางได้ยินในสิ่งที่ทีมพูด แต่คงอ่านปากเขาได้ไม่ยากเพราะนั่งมองหน้ากันอยู่ “...คุณดีนไม่เคยทำอะไรให้ต้องหึง” ...แต่อาจจะมีหวงบ้าง


“แล้วตอนนี้ล่ะ”


ทีมมองเด็กหนุ่มกับเพื่อนตัวเองที่นั่งเล่นเกมจ้องตากันอยู่ นานทีเดียวกว่ารณณ์จะตอบออกมาเสียงแผ่ว ทว่าก็ยังชัดเจนสำหรับคนที่นั่งใกล้อย่างเขา...และคนที่นั่งจ้องกันอยู่ด้วย


“หึงครับ”


“พี่แรม” ดีนเอ่ยเรียกคนรักของเพื่อนด้วยเสียงที่ไม่ดังนักแต่เจ้าของชื่อที่รออยู่ก่อนแล้วรีบหันมาหาทันที “เอาแฟนพี่ออกไป”


แรมรีบดึงร่างคนรักของตนกลับสู่อ้อมอกทันที “นึกว่าจะไม่คืน” ดีนจุดยิ้มมุมปาก ถ้าเขาไม่คืนจริงมีหรือที่แรมจะยอม


คืนคนรักคนอื่นกลับไปหาเจ้าของแล้วดีนก็หันกลับมาหาคนรักของตัวเองบ้าง รณณ์ยังคงมองหน้าเขาอยู่ ใบหน้าใสดูสับสนคล้ายไม่รู้ว่าจะแสดงออกอย่างไร แต่สิ่งที่ดีนไม่รู้คือรณณ์กำลังสับสนกับความรู้สึกจริง ๆ เขาไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรหลังจากที่ดีนยอมคือธันวาให้แรมไป เขาไม่ควรจะใจแคบที่เห็นดีนอิงซบกับเพื่อนสนิท แต่ลึก ๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตนพอใจแค่ไหนที่ดีนทำแบบเมื่อครู่หลังจากที่เขาออกปากไปว่า ‘หึง’


“อยากออกไปคุยกันหน่อยไหม” ดีนยื่นมือไปกุมมือคนรักที่วางอยู่บนหน้าขาเจ้าตัว ตอนนี้ศิลปินวงโปรดของธันวาลงจากเวทีไปแล้ว แต่ทำนองเพลงรีมิกซ์ที่ผับเปิดต่อจากนั้นดังกระหึ่มจนดีนไม่สามารถคุยอะไรได้สะดวก รณณ์นิ่งคิดในเสี้ยวนาทีก่อนพยักหน้ารับ ดีนหันไปบอกเพื่อนว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ทุกคนพยักหน้ารับทราบ ทว่าลับหลังคู่รักที่เพิ่งเปิดตัวพวกเขากลับรีบชนแก้วฉลองที่ทำให้สองคนนั้นเจอ ‘ปัญหา’ ได้สำเร็จ...ไม่เว้นแม้แต่คนเมาอย่างธันวา


ที่พวกเขาทำใช่ว่าจะอยากกลั่นแกล้งเพื่อนสนิท แต่เพราะว่าเป็นห่วง ดีนไม่เคยมีความรัก สิ่งที่ต้องพบเจอในความสัมพันธ์มีอะไรบ้างดีนก็อาจจะไม่รู้ อย่างน้อยก็ไม่เคยเผชิญหรือได้สัมผัสมันจริง ๆ พวกเขาไม่ได้หวังจะให้สองคนนั้นทะเลาะกันใหญ่โต หวังแค่ว่าความหึงหวงหรือไม่พอใจที่เด็กหนุ่มแสดงออกมาจะทำให้เพื่อนของเขาได้รู้จักคนรักของตัวเองมากขึ้น





“สับสนอะไรอีกหื้ม เด็กดี” ลานโล่งตรงทางเชื่อมระหว่างห้องน้ำกับลานจอดรถคือแหล่งปลอดคนมากพอที่ดีนเลือก “รู้สึกยังไงก็แสดงออกมาตรง ๆ สิ ผมทำอะไรแล้วคุณไม่พอใจขอแค่คุณบอกมา เราคุยกันได้ทุกเรื่องนี่”


“ขอโทษครับ ผมแค่ไม่อยากงี่เง่า”


ดีนยิ้มเอ็นดู “ไม่เอาหน่าเบ๊บ เมื่อกลางวันผมก็เพิ่งงี่เง่าใส่คุณนะ” ดีนพูดยิ้ม ๆ ไม่อยากให้รณณ์มองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่


“แต่ความรู้สึกของผมมันหยุมหยิมเหมือนพวกผู้หญิง ผมไม่ชอบ และ...”


“กลัวว่าผมจะไม่ชอบด้วยน่ะเหรอ”


รณณ์พยักหน้างึกงัก “รณณ์...” ตั้งแต่ที่คุณดีนใช้คำว่า ‘เบ๊บ’ เรียกเขา รณณ์ก็แทบจะนับครั้งได้ที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาออกมาแบบนี้ มันให้ความรู้สึกทั้งจริงจังและซื่อตรงอย่างบอกไม่ถูก “...ผมไม่ได้ชอบที่คุณนิสัยเหมือนผู้ชายหรือผู้หญิง ผมชอบที่คุณเป็นคุณ อย่ากลัวที่จะเป็นตัวเอง”


“...”


“รู้สึกยังไงก็แสดงออกมา ความรู้สึกบางอย่างคุณอาจจะจัดการได้ แต่ถ้าบางอย่างที่คุณจัดการไม่ได้ก็อย่าปล่อยให้มันรบกวนจิตใจและสะสมอยู่อย่างนั้นเพื่อรอวันระเบิด...เราตกลงกันแล้วนี่ว่าจะคุยกันด้วยเหตุผล อะไรชอบ อะไรไม่ชอบ”


“...”


“ในหนึ่งวันเราเจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ ผมไม่ถือหรอกถ้าคุณจะหึงจะหวงบ้างแบบนี้  ไม่น่ารำคาญเลยสักนิด ชุ่มชื้นหัวใจดีจะตาย แต่ผมไม่อยากให้เราใช้เวลาด้วยกันไปพร้อมกับความอึดอัดหรือไม่สบายใจ” คุณดีนยังคงยิ้ม ไร้สีหน้ากังวลใด ๆ จนรณณ์เริ่มเบาใจ


“แต่ผมไม่ควรหึงคุณกับเพื่อน”


“เด็กดี...” ดีนยื่นมือไปลูบผมนิ่มของอีกฝ่ายที่เริ่มปลิวตามสายลมอ่อน ๆ “ธันวาเป็นเพื่อนสนิทที่ผมรักมากที่สุด เราใกล้ชิดกันบ้างตามประสาคนที่รู้จักกันมานานเกินครึ่งชีวิต เราอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของกันและกันมานักต่อนัก มันกับผมเหมือนคนเดียวกันไปแล้ว ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมัน มันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผม ถ้าคุณไม่ชอบใจที่เราแนบชิดกันเกินไปผมก็พร้อมจะถอยห่างให้ เพราะยังไงคุณก็คงไม่ได้อยากให้ผมเลิกคบมันเป็นเพื่อนอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ”


รณณ์ส่ายหน้ารัวเร็วทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น ภาพความสนิทสนมของคนรักกับเพื่อนสนิทแค่ทำให้เขารู้สึกคันยุบยิบในใจเท่านั้น ไม่ได้ก่อตัวรุนแรงจนถึงขั้นที่อีกฝ่ายพูด “ไม่ครับไม่ ผมแค่หวงเล็ก ๆ เท่านั้นเอง”


คราวนี้คุณดีนตีหน้ายุ่ง “แค่หวงเล็ก ๆ เองเหรอ น่าน้อยใจจัง แฟนไม่หึงเลย”


“คุณดีนครับ!”







(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 05-02-2018 00:30:38



นะโมส่งสัญญาณให้ทุกคนทำตัวเป็นปกติเมื่อเห็นคู่รักคู่ใหม่เดินตีคู่เข้ามาพร้อมกันด้วยสีหน้าสดใสกว่าตอนเดินออกไป ดีนเห็นหน้าเพื่อนทุกคนแล้วอยากจะมอบรางวัลออสการ์ให้เสียจริง พวกมันไปเรียนการแสดงมาจากไหนถึงได้ซ่อนความร้ายกาจไว้ใต้ใบหน้าเป็นมิตรได้แนบเนียนขนาดนี้


ความจริงแล้วพวกเขาก็เสียดายอยู่เล็ก ๆ ที่ไม่มีโอกาสได้เห็นดีนในโหมด ‘เคลียร์’ กับคนรัก แต่พอเห็นว่าเดินเข้ามาด้วยสีหน้าระรื่นกันแบบนี้ พวกเขาก็มั่นใจว่าเพื่อนคนนี้คงไม่โสดไปอีกนาน เพราะฉะนั้นยังมีเวลาอีกเยอะให้พวกเขาได้สร้างเรื่องให้ทั้งคู่ ‘เคลียร์’ กัน




เพราะยังพูดคุยทำความรู้จักอะไรกันไม่ได้มากนัก หลังผับปิดพวกเขาจึงไปต่อกันที่ร้านข้าวต้มใกล้ ๆ ธันวามึนเมาเล็กน้อย เนื้อตัวโอนเอนไปมาจนแรมต้องกอดเอวประคองไม่ห่าง ขณะที่คนอื่นรวมถึงรณณ์แค่กรึ่ม ๆ เท่านั้น จะมีก็แต่ดีนที่ปกติที่สุดเพราะดื่มไปเพียงแค่หนึ่งแก้ว


“พรุ่งนี้พี่เก่งต้องทำงานไหมครับ” รณณ์ชวนนายแพทย์หนุ่มที่เดินขนาบข้างตนมาด้านซ้ายมือคุย ส่วนคนด้านขวามืออย่างดีนเดินตีคู่กันไปพลางหันมองเพื่อนสนิทกับคนรักด้วยความสนใจ


“พี่เวรบ่ายครับ ส่วนคนที่เวรเช้าน่ะเมาอยู่โน่น”


รณณ์และดีนมองตาม รอยยิ้มมุมปากจุดบนใบหน้าตี๋อินเตอร์ เห็นธันวาเดินเซเบียดแรมไปมาแบบนั้นใช่จะเชื่อได้สนิทใจว่าเมาแอ๋ คบเป็นเพื่อนกันมานานมีหรือจะหลงเชื่อว่าอีกฝ่ายเมาจริง ๆ นั่นมันก็แค่การแสดง...ในผับเมื่อครู่นี้ก็เช่นกัน


“ธันวามันว่างแค่วันนี้วันเดียว...” จะพูดให้ถูกคือธันวากับแรมว่างตรงกันแค่วันนี้ต่างหาก ทำไมดีนจะไม่รู้ สองคนนั้นตัวติดกันจะตาย มาเจอเพื่อนแต่ละทีแรมไม่เคยปล่อยให้ธันวามาคนเดียวเลยสักครั้ง “...แล้วเสือกอยากดูวงนี้เล่นสดด้วยไง ไอ้ดีนมันก็เลยต้องพาน้องมาที่นี่ทั้งที่ไม่อยากมา...มันแม่งโคตรแคร์และโคตรของโคตรตามใจไอ้ธันว์” เก่งพูดจบก็มีเสียงสนับสนุนว่าใช่อีกหลายเสียงดังขึ้นมา



“กูไม่ได้ตามใจมัน กูแค่อยากให้รณณ์ได้เจอเพื่อนกูแบบพร้อมหน้าพร้อมตาและเร็วที่สุด อาจจะแย่หน่อยที่ดันเป็นสถานที่แบบนี้แทนที่จะเป็นร้านอาหารหรือร้านกาแฟซักแห่ง”


ดีนยิ้มรับรอยยิ้มของคนรักก่อนเหลือบมองเพื่อนแล้วยักคิ้วข้างเดียวส่งไปให้อย่างผู้ชนะ จนเพื่อนพากันขบเขี้ยวด้วยความหมั่นไส้ที่ดีนรอดไปได้ทุกสถานการณ์




ร้านข้าวต้มกุ๊ยแทบแตกเพราะเหล่าผีเสื้อราตรีพากันมาสร่างเมาก่อนขับรถกลับที่ร้านนี้ โชคยังดีที่พวกเขาออกมาก่อนผับปิดเล็กน้อย โต๊ะใหญ่สุดจึงตกเป็นของพวกเขาแปดคน คู่แฝดเป็นตัวแทนสั่งกับข้าวเพราะเมนูส่วนใหญ่จะเป็นเมนูเดิม ๆ ที่รับประทานกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเผื่อแผ่มาถามสมาชิกใหม่ของกลุ่มว่าอยากได้อะไรเพิ่มหรือไม่ เด็กหนุ่มยิ้มซื่อปฏิเสธเพราะเท่าที่ฟังหนึ่งในนั้นทวนรายการ เขาก็รู้สึกว่ามันน่าจะเกินพอดีสำหรับแปดคนด้วยซ้ำ


อยู่ดี ๆ ความเงียบก็เข้าปกคลุมบนโต๊ะอาหาร คนอ่อนวัยสุดรับรู้ได้ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาจากทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนเมาอย่างธันวาที่นั่งเท้าคางตัวตรงด้วย


“ใครจะคิดว่าไอ้ดีนจะมีแฟนเด็กกว่าวะ อย่างมันนี่กูนึกว่าจะได้พวกกระดังงาลนไฟซะอีก” เก่งทำลายความเงียบด้วยการออกความเห็นที่ทุกคนพร้อมใจกันพยักหน้าเห็นด้วย ไม่เว้นแม้แต่ธันวาที่สนิทกว่าใครเพื่อนยังเคยคิดแบบนั้น ดีนเป็นผู้ใหญ่มากและไม่ชอบเรื่องหยุมหยิม ใครจะคิดว่าดีนจะถูกชะตากับหนุ่มรุ่นน้องได้


“รณณ์เขาไม่ได้เด็กขนาดนั้น”


“แพ้ลูกอ้อนเด็กมันก็บอก ไม่ต้องอายเว้ย”


“อย่าให้เห็นว่ามึงได้เด็กกว่ากูนะ” ดีนชี้หน้าคาดโทษเก่ง


“ไม่มีทาง อย่างกูต้องรุ่นเดียวกันเว้ย”


“ผิงน่ะเหรอ” ทีมโพล่งขึ้นมาจนรณณ์เผลอตาโตด้วยความตกใจ


“นี่มึงจริงจังเหรอวะ” โอมถาม ตีหน้าฉงนใส่


“เออสิวะ กูชอบจริงนะเว้ย”


“ไม่เห็นมึงจะทำอะไรนอกจากพูดอยู่อย่างนี้” โผล่หน้าไปทำคะแนนสักนิดก็ไม่มี


“สัด กูจะทำอะไรได้นอกจากสร้างอนาคตที่มั่นคง งานกูอย่างเยอะ”


“งั้นก็หาเมียเป็นหมอง่ายกว่า”


“ไม่อ่ะ ไอ้ธันว์ไม่เบื่อแต่กูเบื่อ”


“หึ มึงรู้ได้ไงว่ามันไม่เบื่อ” ดีนพูดพลางยิ้มเย้ยใส่แรม


เพี๊ยะ!


เสียงมือคนข้าง ๆ วาดกระทบลงบนท่อนแขนคนพูดทันทีโดยไม่ต้องเสียแรงคนถูกพาดพิงอย่างเคย แรมจุดยิ้มมุมปากอย่างชอบใจที่มีคนมาจัดการความปากเสียของดีนแทนตนแล้ว


“ดูพูดเข้า”


“แค่แหย่เล่นหน่าเบ๊บ”


“ถ้ามีคนแหย่คุณแบบนี้บ้างคุณขำออกเหรอครับ”


อะไร? ให้มานั่งฟังคนอื่นบอกว่ารณณ์เบื่อเขาน่ะหรือ


“เอาแล้วเว้ย เอาแล้ว” เพื่อนฝูงต่างพากันหัวเราะชอบใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับดีน ตี๋อินเตอร์ร่างสูงใหญ่อย่างชาวตะวันตกถึงกับหงอเล็กเพียงแค่ถูกคนรักที่อ่อนวัยกว่าดุใส่





ธันวามองแล้วอมยิ้มเล็ก ๆ ไม่แปลกใจสักนิดที่เด็กหนุ่มตรงหน้าทำให้ดีนหลงรักได้ รอยยิ้มใสซื่อนั่นไม่เคยปิดบังความรู้สึก และมันก็สว่างสดใสเสียเหลือเกิน




กว่าจะจบอาหารมื้อนั้นและพร้อมจะแยกย้ายกันก็เกือบตีสี่ เรื่องราวมมากมายสัพเพเหระถูกหยิบยกมาพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนสมาชิกใหม่อย่างรณณ์ได้แต่มองคนนั้นคนนี้พูดพลางร่วมขำไปด้วย บ่อยครั้งที่ถูกโยงเข้าบทสนทนาเพราะวกกลับมาที่เรื่องของคุณดีนแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกสนุกและมีความสุขกับช่วงเวลานี้มากทีเดียว


ในตอนที่ออกจากร้านธันวาซิวตัวแฟนเพื่อนออกห่างจากเจ้าของพาเดินเคียงคู่นำใครต่อใครไปอยู่หน้าสุด


“รู้ไหม...ดีนเคยบอกว่าอยู่กับพี่แล้วมีความสุข” อยู่ดี ๆ ธันวาก็เปรยขึ้นมา


รู้ครับ… “พี่ทีมบอกตอนอยู่ในผับครับ” เห็นกับตาตัวเองแล้วด้วย


ธันวาหันมองแฟนเพื่อนที่แม้จะเป็นรุ่นน้องที่ส่วนสูงสูสีกันแต่เพราะขนาดตัวที่ต่างกันมากจึงทำให้ตนดูตัวเล็กกว่าไปเสียอย่างนั้น “แต่ตอนอยู่กับรณณ์ ไม่ต้องรอให้มันพูดออกมาพี่และทุกคนก็รับรู้ได้ว่าเจ้านั่นมีความสุขมากขนาดไหนที่ได้อยู่กับรณณ์”


“พี่น่ะเป็นแค่เพื่อน กอดดีนได้ไม่อุ่นเท่ารณณ์กอดหรอกนะ”





เมื่อคนรักหนีไปเดินเคียงคู่กับคนอื่นแรมจึงต้องเดินรั้งท้ายกับคู่ปรับเก่าที่ทุกวันนี้ก็ยังหาโอกาสกัดเล็กกัดน้อยกันตามโอกาสเสมอ


“เป็นไง...กูเห็นว่ามึงมีความสุขมากกูก็ดีใจด้วย”


“ขอบคุณคำแนะนำของพี่” อยากจีบต้องทำไง…


“งั้นกูจะแนะนำอะไรให้อีกสักอย่างนะดีน กฎข้อที่หนึ่งของความสัมพันธ์ก็คือ...อย่าพยายามฝืน จงเลือกทำในสิ่งที่เราทำแล้วสบายใจ ความสัมพันธ์ระยะยาวไม่มีทางเกิดจากการฝืนทำ จำเอาไว้”








“เพื่อนผมเป็นไงบ้าง”


“น่ารักครับ พี่ ๆ น่ารักกันมาก ดีกับผมมากด้วย” ได้ยินคนรักเรียกเพื่อน ๆ เขาว่าพี่แล้วก็อยากให้รณณ์เรียกตนแบบนั้นบ้างแต่ก็รู้สึกว่าชินกับคำเรียกว่าคุณเสียแล้ว


ดีนยื่นมือไปวางบนศีรษะทุยแล้วลูบไปมาเบา ๆ “คุณดีนนัดเจอเพื่อน ๆ บ่อยเหรอครับ”


“อื้ม เพื่อนสมัยมหา’ลัยมีแต่ผู้หญิง สนิทสุดก็ผิงนั่นแหละ แต่กับเพื่อนกลุ่มนี้คบกันมานานมากและเหนียวแน่นมากนะ แม้ว่าตอนนี้แต่ละคนจะมีหน้าที่การงานรัดตัวอาจจะเจอกันยากขึ้นแต่ก็พยายามออกมาเจอกันบ่อยพอสมควร”


เด็กหนุ่มพยักหน้ารับรู้


“ไว้วันหลังไปทานข้าวด้วยกันอีกนะ”


รณณ์ยิ้มเต็มใบหน้า “ไม่พลาดแน่นอนครับ”


“เออ แล้วพี่ธันว์คุยอะไรด้วย”


รณณ์หน้าแดงซ่านขึ้นมาเสียดื้อ ๆ “ความลับครับ”


ดีนหันมองแล้วขมวดคิ้วมุ่น ไม่รู้ว่าควรไม่ไว้ใจใครระหว่างเพื่อนสนิทกับคนรักที่หน้าเห่อแดงแต่ยังยิ้มมีพิรุธ


“ถ้ายอมบอกจะให้ของขวัญหนึ่งชิ้น”


รณณ์หัวเราะร่วน นานทีจะเห็นคุณดีนอยากรู้อะไรสักอย่างมากมายจนถึงกับต้องเซ้าซี้ถาม “อย่าเปย์ครับป๋า เปย์หนักขนาดไหนก็ไม่บอกหรอก”


“เด็กไม่ดี”


ได้ยินเสียงบ่นพึมพำ คนเป็น ‘เด็กไม่ดี’ ก็ยิ่งหัวเราะหนักขึ้น


“แล้วคืนนี้จะนอนไหนหื้ม” หลังจากคบกันพวกเขายังไม่ได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน รณณ์ยังอยู่ในหอพัักแคบ ๆ เหมือนเดิม นาน ๆ ครั้งจะไปค้างคืนกับคุณดีนบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากนอนกอดกันดูดาวตรงระเบียง


“หอครับ”


ดีนขมวดคิ้วให้คำตอบนั้น


“ตั้งใจว่าจะนอนตื่นสายหน่อย เลยไม่อยากรบกวนคุณดีน” พรุ่งนี้ดีนต้องออกไปทำงานขณะที่เขายังไม่ได้เริ่มงานจึงไม่อยากนอนโดยที่เจ้าของห้องไม่อยู่ เกรงใจจะแย่


“งั้นผมไปนอนห้องคุณ ผมออกไปทำงาน คุณก็นอนต่อได้”


“ทำไมไม่นอนที่ห้องตัวเองให้สบายละครับ มาทนนอนหลังขดหลังแข็งที่ห้องผมทำไมกัน” คุณดีนไม่ได้แวะมานอนด้วยบ่อย แต่เห็นทุกครั้งก็อดสงสารไม่ได้ คุณภาพเตียงในหอพักสำหรับนักศึกษาเช่าไม่ได้นุ่มพอที่จะเป็นสวรรค์ของการพักผ่อนเลยสักนิด


“นอนกอดแฟนไม่สบายตรงไหน”


“ครับ ๆ ตามสบายเลยครับคุณแฟน”


“หึ น่ารัก”







(จบ)
-------------------------------------------------------------------
ห่างหายไปนาน ลืมคุณดีนกับน้องรณณ์กันรึยังคะ

ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายที่อัพลงเว็บและจะมาอัพเดทเรื่องการตีพิมพ์ด้วยนะคะ
หวังว่าคุณดีนกับน้องรณณ์จะได้ไปอยู่ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนค่ะ

#ไม่ดิ้นรนหา
อ่านทุกคอมเม้นท์และทุกทวีตที่ติดแฮชแท็ก ดีใจที่คนอ่านชอบคู่นี้ค่ะ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: uri uri ที่ 05-02-2018 02:12:11
ประทับใจมากค่ะ
ชอบมากๆ
การใช้ภาษาดี
เนื้อเรื่องดำเนินดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 05-02-2018 20:39:10
คุณดีนกับน้องรณณ์ยังน่ารักอยู่เหมือนเดิมเลยค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 05-02-2018 22:32:22
เรื่องนี้น่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-02-2018 22:59:34
 :mew1: :mew1: :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-02-2018 01:18:18
น่ารักตลอด

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 06-02-2018 02:21:15
พึ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ ...น่ารักมาก อบอุ่นมากกกกิ o13 เริ่มอยากมีแบบนี้เป็นของตัวเองบ้าง  :hao7:

รบกวนช่วยทำ E-Book ด้วยได้ไหมค่ะplease  อยากได้มากๆ  แต่ไม่สะดวกซื้อเป็นรูปเล่มค่ะ
 
Please ทำE-Book นะค่ะ please  :ling1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 06-02-2018 19:30:01
หึงกันน่ารักตลอดดดด :mew1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-02-2018 21:32:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 06-02-2018 21:55:09
คุณดีนกับ'เบ๊บ'น่ารักมากๆๆคุณดีนฝืนอะไรบ้างหรือเปล่านะพี่แรมกำลังจะบอกอะไร..เราจะรอเล่ม
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 07-02-2018 19:31:35
อบอุ่นนน ละมุมมากมายยยย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-02-2018 21:18:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 07-02-2018 21:53:03
น่ารักงุ้งงิ้งๆกันตลอดเลยคู่นี้
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 08-02-2018 09:12:34
น่ารักดีนะ  ความสัมพนธ์กลุ่มเพื่อนดีมากก
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 08-02-2018 16:30:52
น่ารักใสๆ
อบอุ่น ละมุนมาก
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: up2goo ที่ 09-02-2018 15:29:34
แงงง น่ารักกก :-[
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 09-02-2018 22:25:16
เหมือนเราเฝ้ามองพัฒนาการของ 2 คนนี้มาตลอดครับ ดีใจกับทั้งคู่ด้วยครับ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 10-02-2018 07:50:46
คู่นี้น่ารักเสมออออ ชอบทั้งคู่เลยยย
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-02-2018 10:23:12
น่ารักมาก งุ้งงิ้ง ๆ ๆ
 :really2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 10-02-2018 10:48:28
ชอบคู่นี้
ไม่เร่งจนเกินไป
เป็นธรรมชาติ
มั่นคงและรับฟัง
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: JanJanIsHappy ที่ 10-02-2018 19:13:41
น่ารักมาก พัฒนาความสัมพันธ์แบบเป็นธรรมชาติและเรียลมาก ชอบการไม่บอกจุดจบของดาว หรือความสัมพันธ์ของผิงกับพี่คริส และความเรื่อยๆของเนื้อหาต่างๆที่ไม่น่าเบื่อเลย ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-02-2018 19:35:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-02-2018 19:57:24
เป็นคู่ที่น่ารักมากเลยค่ะ ไม่หวือหวา แต่ว่าดีมากๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 11-02-2018 18:46:00
ขอบคุณมากๆค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: แ ฝ ง. ที่ 12-02-2018 22:00:02
น่ารักมากๆเลยค่ะ
เป็นนิยายเรียบๆแต่สนุกมาก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 13-02-2018 09:00:26
เพิ่งได้มีโอกาสอ่านเรื่องนี้จบค่ะ ดีมากเลยจริงๆๆๆ ดีมากเลย :m4:   จำได้ว่าเคยติดตามเรื่องนี้ช่วงออนแอร์อยู่พักนึงแล้วตัวเองก็ยุ่งๆด้วยภาระการงานหน้าที่ เข้าๆออกๆเล้าไม่เป็นเวลา กว่าจะได้ฤกษ์มาอ่านจริงๆก็เมื่อคืนนี้ รวดเดียวเกือบเช้าาาา 555555

สาเหตุแรกที่กลับมาอ่านเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง คือประทับใจในภาษาการเขียนในรูปแบบการบรรยายมันละมุน นุ่มๆ เบาๆ และเหตุผลที่สองคือ..ชอบในเนื้อหาของเรื่องที่คนเขียนสื่อให้เห็นความเป็นตัวตนของดีน ผู้ชายที่เหม็นความรัก ไม่อิน และมองดูบทสรุปความรักของพี่ชายด้วยความปลงๆ จนได้มาเจอน้อง #บุพเพสันนิวาสมันอาจมีจริง เพียงแค่คุณเจียดเวลาออกมาจากโลกส่วนตัวคุณแล้วเหลียวมองคนรอบข้างบ้าง  เขินไปกับน้องตอนคุณดีนบอก "จะจีบแล้วนะ ให้ความร่วมมือด้วย" บ้าบอออออ  :-[ และอีกพาร์ทที่ประทับใจคือคำตอบของดีนในคำถามที่ทุกคนสงสัยว่าสิ่งที่ดีนรู้สึก แน่ใจได้อย่างไรว่ามันคือความรัก? ดีน (คนเขียน) ตอบดีมากกกกกก .... ไม่รู้หรอกว่าใช่รักไหม? แต่รู้แค่ว่าไม่เคยหยุดคิดถึงน้องได้ในทุกๆเวลา และทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันไม่เคยอึดอัดถึงแม้ว่าจะนั่งกันเงียบๆไม่ได้พูดอะไรกันเลยก็ตาม ..... อ่านแล้วต้องทุบอกซ้ายตัวเองเบาๆ มันกระตุกวูบไปแล้ววววว งืออออออ

และอีกช่วง (ยังประทับใจต่อเนื่อง) ตอนท้ายของเรื่อง ตอนอาม่าสอนดีนและน้องรณณ์ สอนให้ดีนรักและดูแลน้อง อย่าใช้ความเป็นพี่ข่มเหงน้องเพราะน้องก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรี น้องก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน อือออออออ อาม่าสอนดีมากกกกก เรียลมากกกก พี่ดีนโชคดีที่ได้ครอบครัว ได้ผู้ใหญ่ที่เข้าใจและช่วยแนะนำ #รักครั้งแรก อยากให้มั่นคง ยืนยาว เพราะเราจะค่อยๆก้าวไปด้วยกัน

#แพ้คนเรียกแฟนว่าเบ๊บ งืออออออต้องเอ็นดูกันแค่ไหน? ถึงได้เรียกแบบน้านนนนน #เหม็นพี่ดีนคนหลงน้อง

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ ไม่แปลกใจเลยที่ได้รับการตีพิมพ์ถ้ามีโอกาสเราจะอุดหนุนนะ   :กอด1:  คนเขียนเขียนได้ดีมากค่ะชื่นชม จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปนะคะ #รักเลย
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 13-02-2018 14:56:43
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
คือน่ารักมากกกกกก สนุกมากก ภาษาดีมากก
อ่านแล้วแบบสบายตา สบายใจกับการเล่าเรื่องแบบนี้เลยค่ะ
น้องรณณ์น่ารักอยู่แล้วเป็นที่ประจักษ์ถึงความน่ารักสดใสของน้อง
คนอะไรยิ้มเก่ง มองโลกในแง่ดี แถมเชื่อใจคุณดีนเป็นที่สุดอีก
ไม่แปลกใจที่คุณดีนจะรัก จะหลงได้ขนาดนี้เลยอะ
ส่วนคุณด่นเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงมากๆเลยค่ะ
นึกไม่ถึงส่าคนนิ่งๆแอบขวางโลกแบบนี้เวลามีความรักจะน่ารักได้ขนาดนี้
ความรักนี่เปลี่ยนคนไปในทางที่ดีเสมอเลยนะคะ
อ่านคุณดีนตอนแรกๆแล้วนึกถึงตัวเองเลยค่ะ/ขำา
เราไม่เชื่อเรื่องความรักที่ยั่งยืน ไม่ได้ต่อต้าน แต่ไม่อิน และไม่ขวนขวายจะหา
พออ่านแล้วก้รู้สึกเข้าใจมากๆกับคุณดีนอะ ไม่ได้รู้สึกว่าเค้าขวางโลกอะไร
พอคนแบนี้มีความรักแล้วเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้โดยไม่ได้รู้สึกว่ามันฝืนหรือผิดปกติอะไร
ตรงกันข้ามคือมันดูเป็นธรรมชาติมากๆจนเผลอคิดไปว่าเค้าอาจจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
มันน่ารักมากก เป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีแบบที่คนรอบตัวสามารถสังเกตได้ชัดเจนเลยค่ะ
ยังแอบสงสัยเรื่องพี่ทศนิดหน่อยว่าที่พูดหมายถึงอะไร พี่แกคิดยังไงกันแน่
รอตอนสุดท้ายนะคะ
ขอบคุณที่แต่งนิยายที่ภาษาดีๆ และน่ารักขนาดนี้ให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: colloniiz ที่ 13-02-2018 16:40:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 15-02-2018 18:26:49
ยังอยากอ่านต่ออยู่เลย มีสเปอีกสักบทได้มั้ยนะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 16-02-2018 00:35:20
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วกลับไปขอบคุณคนแนะนำเลย มันดีต่อใจมากกกก มากกก แบบที่พยายามอ่านช้าๆ เพื่อไม่ให้มันจบเร็วๆ ไปซะก่อน อ่านละอยากเจอคนที่ใช่แบบดีนกับรณณ์บ้างเลย ชอบความคิดเกี่ยวกับเรื่องความรักจองดีนนะ อาจจะเพราะเป็นคนคล้ายๆ กัน
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Yukina ที่ 16-02-2018 11:54:36
คือ อ่านรวดเดียวจบบบบบบบบบบบบ สนุกมากกกก ละมุน

แต่อยากจะขอออกความเห็นนิดว่า รุ้สึกมันไม่สุดอ่า ก้อเข้าใจว่า ตามชื่อเรื่อง หากันจนเจอ

แต่อยากให้มีเหตุการณ์หวานๆ ต่อจากนี้หน่อย

แต่ไงก้อขอบคุนนะครับ คนแต่ง ชอบมากๆๆๆๆๆ  :mew1: :mew2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 18-02-2018 22:50:19
น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 20-02-2018 16:14:35
มีความสุขที่ได้อ่านครับ ยิ่งตอนแรกๆนี้อ่านไปอายม้วนไปเลยครับ...ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 21-02-2018 22:19:53
ชอบค่ะน่ารักไม่หวือหวาไม่เลี่ยนอุ่นๆละมุนๆไม่เอื่อยไปไม่เร็วไปเป็นนิยายอีกเรื่องที่ประทับใจ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: เมียงู ที่ 22-02-2018 11:12:03
ภาษาดี เนื้อเรื่องอบอุ่นไม่ยืดเยื้อเลย ขอบคุณที่แต่งให้อ่านค่ะ รอติดตามเรื่องต่อๆไปอยู่นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 23-02-2018 06:18:01
อ่านไปถึงตอนสุดท้าย ร้อง ห๊ะ จบแล้วเรอะ

อ่าน talk นักเขียน อ้อๆ โอเคๆ ก็สมเหตุสมผลนะ

ตอนแรกนึกว่าตัวละครสนับสนุน เพื่อนรณณ์ (ชื่อเอก?) กับ พี่หัวหน้าทีม (ชื่อทิศ?) จะมีบทบาทกว่านี้ โดยเฉพาะพี่หัวหน้าทีม เห็นชอบพูดอะไรเป็นนัยๆ

ส่วนที่ดาวพยายามเปิดเผยความสัมพันธ์ของดีนกับรณณ์ ถ้าทำสำเร็จ เราว่าผลมันน่าจะแย่มากนะ คือรณณ์อาจจะฝึกงานไม่ผ่านจนต้องจบช้าไปอย่างต่ำ 1 เทอม ดีไม่ดีโดนดิสเครดิตเวลาหางานอีก มันเป็นการทำลายอนาคตเด็กคนหนึ่งเลยทีเดียว เราว่าดาวกับดีนคิดน้อยไป มัวแต่ทะเลาะกันจนคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่รับเคราะห์ไปเต็มๆ

อีกเรื่องคือรอยร้าวระหว่างคริส/ดีน/ดาว/ผิง เอาจริงๆนะ จะทำงานร่วมกันต่อไปได้เหรอ? ยิ่งดาวตำแหน่งใหญ่ด้วย กลัวใจ

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 24-02-2018 22:32:48
เรื่องนี้น่ารักดีค่ะ ชอบการดำเนินเรื่อง
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 24-02-2018 23:46:11
ชอบมากๆเลยค่ะ พึ่งได้มาอ่านเรื่องนี้
โอ้ยชอบบบบบบ :ling1: :ling1: :ling1:
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 25-02-2018 20:29:33
ชอบค่ะน่ารักไม่หวือหวาไม่เลี่ยนอุ่นๆละมุนๆไม่เอื่อยไปไม่เร็วไปเป็นนิยายอีกเรื่องที่ประทับใจ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ //ตอนพิเศษ_รณณ์แฟนกู [05/02/18] P.13 [ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: ชายกุมภ์ ที่ 27-02-2018 21:27:49
ชอบเรื่องนี้มาก
ขอบคุณนะครับคุณนักเขียน
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 01-03-2018 22:54:44

ห า กั น จ น เ จ อ

ตอน Congratulations




รณณ์หลีดนิเทศน์มีพี่ชายด้วยเหรอ?


หลายคนที่รู้จักคนดังอย่างรณณ์กระซิบกระซาบกันในทุกพื้นที่ที่รณณ์ปรากฏตัวพร้อมตากล้องส่วนตัวที่ดูอย่างไรก็เกินกว่าแค่ตำแหน่งตากล้องอย่างแน่นอน เพราะทั้งวันซ้อมย่อยซ้อมใหญ่แถมวันรับจริงอย่างวันนี้ก็ยังเห็นหนุ่มตี๋ไทป์ฝรั่งตามติดไม่ห่าง ทั้งดูแลบริการเอาใจสารพัดแบบที่ถ้าพวกเธอจ้างตากล้องแล้วได้รับบริการดีขนาดนี้ก็คงรีบว่าจ้างแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยทีเดียว แต่เพราะว่าหาจ้างที่ไหนก็ไม่น่าจะได้ถึงขนาดนี้ ความสงสัยในทุกผู้คนจึงยังมีอยู่ และไม่รู้เพราะว่ามีตากล้องส่วนตัวนั่งคุมแจหรืออย่างไรถึงได้ไม่มีใครกล้าเข้าไปถามทั้งที่รณณ์ก็ไม่ใช่คนคุยยาก ออกจะอัธยาศัยดีเสียด้วยซ้ำ


ว่าแต่...ตาตี๋ ๆ แต่ดูไทป์ฝรั่งแบบนั้นเป็นพี่ชายของรณณ์ได้จริงเหรอ




เพราะดีนตามเฝ้าตามมองอยู่หลายวันจึงได้รู้ว่ารอยยิ้มที่รณณ์มอบให้เขากับยิ้มหน้ากล้องไม่เหมือนกัน ไม่สิ! ความจริงแล้วยิ้มให้เขากับยิ้มทั่วไปต่างหากที่ไม่เหมือนกัน เดิมทีรณณ์เป็นคนยิ้มสวยอยู่แล้ว แต่เพราะรอยยิ้มที่มอบให้เขามันมักผสมความรู้สึกบางอย่างมาด้วยมันถึงได้ดูสวยมากขึ้นอีกเท่าตัว ดีนไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่ออกมาพร้อมรอยยิ้มนั่นมันคืออะไร ความรู้สึกที่รณณ์ก็คงจะสื่อมันออกมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน


มันอาจจะเป็นความปลาบปลื้ม ความเขินอาย หรืออะไรทำนองนั้นที่อีกฝ่ายมีให้เขาเพียงคนเดียว


“บอกแล้วว่าให้อัดโพเมดมาเยอะ ๆ” ดีนดุเด็กดื้อที่ไม่ยอมใช้เจลเซตผมเพราะกลัวมันจะชี้โด่ชี้เด่แต่กลับใช้โพเมดเซตผมมา แล้วแทนที่จะใช้เยอะ ๆ กลับทาเสียบางจนตอนนี้ผมกระเซิงแทบไม่เป็นทรงหลังจากที่วิ่งวุ่นถ่ายรูปกับเพื่อนในคณะยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ


“บ่นจังเลยครับ” ถึงจะต่อว่าแต่นัยน์ตาไม่ได้ฉายแววเบื่อหน่ายเหมือนคำพูด นัยน์ตาซุกซนล้อคนตัวโตเสียมากกว่า


“เดี๋ยวเถอะ” ดีนเองก็มองดุไม่จริงจังนัก


“นั่งลงเลย” ดีนสับเปลี่ยนตำแหน่งให้บัณฑิตหนุ่มในชุดครบองค์นั่งลงแทนที่ตน ส่วนตัวเองเปลี่ยนมายืนตรงหน้าพร้อมกระปุกโพเมดในมือ หยิบกระจกมาให้คนที่นั่งอยู่ถือไว้ก่อนที่เขาจะจัดการกับทรงผมของอีกฝ่ายเสียใหม่


รณณ์เคยบอกว่าชอบใช้โพเมดเพราะสามารถจัดแต่งทรงผมเพิ่มเติมได้ในระหว่างวัน ไม่เงาและไม่แข็งเหมือนเจลหรือแวกซ์ แต่ถ้าทาเยอะแบบที่ดีนบอกมันจะเป็นเงาได้ ซึ่งเขาไม่ชอบ ก่อนออกจากห้องเมื่อเช้าก็เลยทามาแค่บาง ๆ เท่านั้น


“ยิ้มอะไรครับ” ดีนชะงักมือก้มมองดวงหน้าใสที่เม้มปากกลั้นยิ้มใส่กระจก ถ้าไม่ติดว่ามือเลอะทั้งสองข้างก็อยากจะยื่นออกไปคลายมันออกจากกัน “เม้มมากช้ำหมดกันพอดี”


“รู้สึกเหมือนตอนรับปริญญาจบอนุบาลสามเลยครับ นั่งนิ่ง ๆ แบบนี้ให้พ่อเซตผมให้” รณณ์เล่าติดตลกแต่คนฟังตาเขียวปั๊ด


“ถ้าเป็นพ่อทูนหัวละก็ใช่”


จบคำคุณดีนเพื่อนฝูงต่างพากันสำลักน้ำ ไอค่อกไอแค่กกันยกใหญ่ จากที่รณณ์เขินกับคำพูดของคนรักแล้วยังต้องมาอายเพื่อนเพราะรู้ว่าพวกนั้นแอบฟังอยู่อีกด้วย




โต๊ะไม้ตัวยาวตัวหนึ่งใต้ถุนตึกคณะนิเทศศาสตร์ถูกกลุ่มของรณณ์ยึดพื้นที่โดยมีคนเฝ้าโต๊ะและของกิตติมศักดิ์อย่างบรรณาธิการนิตยสารไลฟ์ การถ่ายรูปคู่บ้างหมู่บ้างกับเพื่อนฝูงส่วนใหญ่จะใช้กล้องโทรศัพท์หรือไม่ก็กล้องของคนอื่น รณณ์จึงไม่อยากให้คุณดีนที่ยังชอบชีวิตสันโดษมากกว่าความวุ่นวายตามไปด้วยเพราะกลัวจะต้องตอบคำถามบรรดาเพื่อนของเขาแบบไม่หวาดไม่ไหวว่าตนเป็นใคร กลัว ‘แฟนบัณฑิต’ คนนี้จะเหนื่อยก่อนงานจบเสียก่อน


ตลอดหลายวันมานี้ทั้งซ้อมย่อยซ้อมใหญ่รวมถึงรับจริงอย่างวันนี้ คุณดีนไม่เพียงแต่มาคอยดูแลเขาเพียงอย่างเดียวแต่ยังแผ่ความเอาใจใส่ไปถึงเพื่อนในกลุ่มของเขาด้วย ดูได้จากสารพัดอาหารและเครื่องดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะเพราะคุณดีนกลัวบัณฑิตที่ตื่นแต่ไก่โห่รีบมารายงานตัวจะเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน


“พวกเพื่อน ๆ ผมนัดกันไว้ว่าจะฉลองให้คุณนอกรอบเพราะมาร่วมงานไม่ได้”


“เกรงใจพี่ ๆ เขาจังเลยครับ โดยเฉพาะพี่เก่งพี่แรมพี่ธันว์” แค่ส่งข้อความมาแสดงความยินดีด้วยก็ขอบคุณมากแล้ว


“ไม่ต้องเกรงใจหรอก พี่ ๆ เขาแค่หาเรื่องเมาเท่านั้นแหละ”


รณณ์หัวเราะร่วนกับความคิดของคนรัก


เหลือเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก่อนเข้าหอประชุมใหญ่ บัณฑิตหนุ่มหน้าใสยังคงวุ่นกับการถ่ายรูปกับคนนั้นคนนี้ที่เข้ามาหา ไหนจะน้องกลุ่มใหญ่ที่มาขอบูมหาเงินไปทำกิจกรรมอีก ดีนตามถ่ายรูปคนรักอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย รอยยิ้มหลังกล้องนั่นคือหลักฐานชั้นดี


“ไม่มีพร็อบอะไรให้คุณถือเลย อยากได้ดอกไม้สักช่อไหม” ดีนพูดเมื่อรณณ์ฝ่าวงล้อมรุ่นน้องออกมาได้


รณณ์ยิ้มบาง คุณดีนก็ยังคงซื่อตรง อยากให้อะไรจะถาม ไม่เคยมีเรื่องเซอร์ไพรส์ใด ๆ ทั้งสิ้น “ไม่ต้องหรอกครับ เป็นผู้ชายไม่ต้องพร็อบเยอะหรอก ยืนเท่ ๆ ก็พอแล้ว”


มาตามเฝ้าตามปรณนิบัติอยู่หลายวันแต่รณณ์ก็ยังไม่ได้รับของขวัญรับปริญญาจากดีนสักชิ้น ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้แสดงความยินดี คนเป็นบัณฑิตเองก็ไม่งอแง เพราะแค่คุณดีนลางานมาดูแลเอาใจใส่กันตลอดก็มีค่ามากกว่าของขวัญชิ้นใด ๆ แล้ว


“พี่ดีน!”


เจ้าของชื่อหันไปมองก็พบกับบัณฑิตสาวกลุ่มใหญ่จากคณะเดียวกันกับตน คนที่เดินหน้าบึ้งเข้ามาใกล้และคงจะเป็นเจ้าของเสียงเรียกด้้วยทำให้ดีนยิ้มอ่อนอย่างรู้สึกผิด


“ตอนเพื่อนบอกว่าเห็นพี่ดีนอยู่ที่นี่หนูก็ยังไม่เชื่อนะ แต่พอรู้ว่ามาจริง ๆ แล้วไม่ไปหาหนูบ้างก็น่าน้อยใจชะมัด” พี่รหัสเธอคนนี้ชอบความวุ่นวายเสียที่ไหน ยิ่งงานรับปริญญายิ่งไม่ต้องพูดถึง ขนาดตอนตัวเองรับยังแอบไปหลบมุมจนต้องตามหากันให้วุ่น ถึงคราวงานของเธอพี่ดีนก็มาร่วมยินดีตอนวันซ้อมย่อยของคณะ วันที่ชาวบ้านเขาไม่มาและเธอก็มีเพียงแค่ชุดนักศึกษาถูกระเบียบติดตัวเท่านั้น แต่ดันมาเจอพี่ดีนยืนอยู่ใต้คณะนิเทศฯซึ่งเป็นทางผ่านไปหอประชุมใหญ่ เธอก็อดไม่ได้ที่จะน้อยใจ


“ขอโทษครับ”


“ขอเหตุผลดี ๆ สักข้อค่ะ”


ดีนยิ้มแหย หันซ้ายหันขวาก่อนจะพบว่ารณณ์ปลีกตัวออกไปรวมกลุ่มกับเพื่อนแล้ว “มาเฝ้าแฟนครับ”


“โอเคค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับทราบ แต่พอเพิ่งรู้สึกตัวว่าสิ่งที่ได้ยินคืออะไร เธอก็ร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ “ห๊ะ! อะไรนะพี่ดีน!”


“ฟะ แฟนจริง ๆ เหรอ” ชะนีนิเทศฯนางไหนได้หัวใจพี่รหัสของเธอไปครองกันนะ ถ้าเป็นบัณฑิตปีนี้ รุ่นเดียวกับเธอที่สวยเด่นก็เห็นจะมีอยู่ไม่กี่คน


“แฟนจริงสิ ไม่ต้องทำหน้าอยากรู้แบบนั้นเลยนะ ไปหอประชุมได้แล้วไป เพื่อนเรารอนานแล้วนะ”


แม้จะอยากซักไซ้แต่เพราะคนพี่รุนหลังให้กลับไปหาเพื่อน เธอจึงได้แต่ฟึดฟัดขัดใจด้วยความอยากรู้


ดีนมองตามไปจนรุ่นน้องสาวหายลับตาไปไม่ทันไรรณณ์ก็เข้ามาสะกิดไหล่ยิก ๆ “ขอถ่ายรูปส่งให้พ่อกับแม่หน่อยนะครับ พวกท่านจะได้หาคุณเจอ” เพราะรณณ์ไม่อยากให้พวกท่านมารอในสถานที่ที่ทั้งร้อนและแออัด เขาจึงให้พวกท่านมาหาในตอนที่ตนออกจากหอประชุมใหญ่ในพิธีแล้ว


คนที่ไม่ค่อยได้ถูกถ่ายรูปบ่อยนักยืนปั้นหน้าไม่ถูก จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก มุมปากมันเก้กังไม่รู้มุม มือไม้ก็เกะกะวางไม่เป็นที่ทางจนคนที่ถือกล้องค้างอดขำไม่ได้


“เอาแบบนี้ดีกว่าครับ”


แบบนี้ที่ว่าของรณณ์คือการเซลฟี่ บัณฑิตหนุ่มหันหลังให้ไหล่ซ้อนคนตัวโตกว่าก่อนยกกล้องขึ้นสูง “ยิ้มหน่อยสิครับ ยิ้มเหมือนที่ชอบยิ้มให้ผมอ่ะ”


ดีนทำตามผู้กำกับจำเป็นจนสุดท้ายก็ได้รูปคู่ออกมาหนึ่งรูปเพื่อส่งไปบอกพิกัดแก่แม่ตนเอง จะว่าไปนี่ก็เป็นรูปคู่เพียงรูปเดียวของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ


“ตอนผมไม่อยู่ก็ทำคะแนนกับแม่ผมไปก่อนแล้วกันนะครับ”


“รู้แล้วหน่า” ดีนวางมือบนหัวทุยโยกไปมาด้วยความหมั่นไส้ก่อนจัดแต่งทรงผมให้เข้าที่ดังเดิมเพราะรณณ์ต้องเข้าไปเตรียมตัวแล้ว







โต๊ะตัวที่ดีนเลือกนั่งเป็นจุดที่ใกล้โทรทัศน์ถ่ายทอดสดมากที่สุดจุดหนึ่ง จะบอกว่าเลือกที่นั่งเอาใจพ่อแม่แฟนละก็ใช่ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคืออยากดูวินาทีสำคัญของคนเป็นบัณฑิตร่วมกับอีกสองคนที่ภูมิใจในตัวบัณฑิตมากที่สุด


“ดีนใช่ไหมลูก” คล้อยหลังรณณ์เข้าหอประชุมใหญ่ไปไม่ทันไรดีนก็ได้พบกับบุพการีทั้งสองของคนรัก หนุ่มลูกเสี้ยวยกมือไหว้อย่างนอบน้อม สังเกตเห็นว่าคนเป็นแม่มองเขาด้วยท่าทางเป็นมิตรขณะที่คนเป็นพ่อส่งสายตาเคลือบแคลงมาให้


“นั่งตรงนี้คุณอาจะได้ดูรณณ์ผ่านทีวีด้วยครับ” ดีนจัดแจงที่นั่งให้คนทั้งคู่ก่อนยื่นขวดน้ำที่เปิดฝาเสียบหลอดให้เสร็จสรรพไปให้คนทั้งคู่ “น้ำครับ”


“ขอบใจจ๊ะ” คนเป็นแม่ตอบรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มต่างกับสามีของเธอที่แค่ยิ้มบางแทนคำขอบคุณเท่านั้น


“เดินหายากไหมครับ อากาศค่อนข้างร้อนด้วย” ดีนยื่นซองทิชชูให้พวกท่าน เพิ่งมาสังเกตตอนเห็นเหงื่อบนหน้าพวกท่านนี้เองว่ารณณ์ได้รอยยิ้มพิมพ์เดียวกับแม่มาเต็ม ๆ


“ก็เกือบหลงอยู่เหมือนกันนะ โชคดีที่มีเด็ก ๆ ช่วยพามาส่ง” ดนัยมองภรรยาพูดคุยกับหนุ่มรุ่นลูกอย่างเป็นกันเองขณะที่เขามองสำรวจคนตรงหน้าไปด้วย


‘พี่ดีน’ เป็นรุ่นพี่ในมหา’ลัยที่รณณ์รู้จักตอนไปฝึกงานที่นิตยสารไลฟ์ พี่ดีนคอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือทุกอย่างจนสนิทกันมาก พี่ดีนเป็นคนใจดีใจเย็นพูดตรง และอีกสารพัด ‘พี่ดีนอย่างนั้น’ ‘พี่ดีนอย่างนี้’ ที่ลูกชายตัวดีเล่าให้พ่อกับแม่ฟังตลอดครึ่งปีมานี้หลังจากที่กลับบ้านตอนฝึกงานเสร็จในครั้งนั้น


ภรรยาเขาเองก็ใช่ว่าจะไม่เคลือบแคลงในความสัมพันธ์ของทั้งสอง ช่วงแรกที่ได้ยินลูกชายเอ่ยถึงอีกฝ่ายอาจจะไม่ทันคิดอะไรนอกจากลูกได้เจอเพื่อนร่วมงานดี ๆ แต่พอได้ยินลูกเอ่ยถึงบ่อยขึ้นจนถึงขั้นทุกครั้งที่โทร.หา เธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดสงสัย ลำพังแค่พูดถึงคงไม่เท่ากับการที่รณณ์เล่าเรื่องของตัวเองแต่มี ‘พี่ดีน’ รวมอยู่ด้วยไปเสียทุกครั้ง ไม่ว่ารณณ์จะทำอะไรหรือไปที่ไหนเป็นต้องทำและไปกับคน ๆ นี้ทั้งนั้น


มีหรือที่พ่อกับแม่จะไม่รู้ ลูกกำลังทำให้พวกเขาคุ้นเคยกับ ‘พี่ดีน’ ของเขา


“ลูกชายแม่เล่าให้ฟังตลอดว่าพี่ดีนคอยช่วยเหลือสารพัดอย่าง” ดีนสะดุดหูตรงคำเรียกเขาที่คนรักคงจะใช้ในการพูดถึง แค่พูดถึงเขาก็แปลกใจมากแล้ว นี่ยังเรียกเขาว่า ‘พี่ดีน’ อีกหรือ ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอยิ้มน้อย ๆ ออกไปให้คนมองยิ่งเชื่อในข้อสันนิษฐาน


“นี่ก็คงจะมาดูแลทุกวันที่ซ้อมเลยสินะ”


“ครับ ช่วยน้องประหยัดค่าตากล้องน่ะครับ” ดีนเล่าติดตลก


“เหนื่อยแย่เลยนะ”


ดีนยิ้มบาง “นิดหน่อยครับ แต่คงไม่เหนื่อยเท่าบัณฑิตหรอกครับ” ใครเคยรับปริญญาเป็นต้องโอดครวญว่าจะไม่เข้าร่วมพิธีนี้อีกแล้ว ทั้งร้อนทั้งเหนื่อย ไหนจะชุดที่สวมใส่ ไม่มีความสบายเลยสักนิด


นั่งคุยกันไปได้ครู่ใหญ่ก็ถึงเวลาที่นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์รับปริญญาบัตร ไล่เรียงตั้งแต่คนที่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนเก่งของดีนรวมอยู่ด้วย ชายหนุ่มยิ้มเอ็นดูเมื่อหญิงวัยสี่สิบปลาย ๆ ลุกจากที่นั่งเข้าไปใกล้หน้าจอมากขึ้นก่อนหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเตรียมอัดวิดีโอวินาทีสำคัญของลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ และเพราะคิดว่ารณณ์เองก็คงอยากเห็นในสิ่งที่เขากำลังเห็น ภาพตรงหน้าจึงถูกบันทึกลงเมมโมรี่กล้องของเขาด้วย


ต่อเมื่อเธอกลับมานั่งที่เดิม คนเป็นสามีถึงได้บอกว่าตนจะออกไปหาช่อดอกไม้ไว้ต้อนรับตอนลูกชายกลับมา ดีนแนะนำจุดขายที่ผู้คนไม่มากนักและใกล้บริเวณนี้ให้ก่อนรับปากว่าจะดูแลคุณแม่ของรณณ์ให้เป็นอย่างดี


ดนัยกลับมาพร้อมดอกไม้ช่อใหญ่ไม่ถึงชั่วโมงลูกชายคนเก่งก็เดินแทรกกลุ่มบัณฑิตตรงเข้ามาหา ร่างสูงโปร่งในชุดครุยอ้าแขนกว้างเพื่อสวมกอดบุพการีพร้อมกันถึงสองคน ใบหน้าของทั้งสามอิ่มเอิบเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขจนดีนต้องยกกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพไว้


“เก่งมากลูกแม่ เก่งที่สุดเลยลูก” น้ำตาแห่งความปิติไหลอาบสองแก้มของคนเป็นแม่จนลูกชายแทบจะร้องไห้ตาม


“โอ๋แม่ครับ ไม่ร้องนะครับ” รณณ์เช็ดคราบน้ำตาให้อย่างเบามือก่อนสวมกอดเธอแนบแน่นเพื่อปลอบประโลมโดยมีคนเป็นพ่อมองดูด้วยความตื้นตันใจ


คนที่ถูกกันออกจากความร่วมปิติยินดีของคนในครอบครัวอย่างดีนทำได้แค่มองภาพเหล่านั้นผ่านเลนส์กล้องด้วยความอิ่มเอม บรรยากาศของการรับปริญญาไม่มีอะไรให้ความรู้สึกอุ่นใจเท่ากับการที่คนในครอบครัวร่วมยินดีกับความสำเร็จในก้าวแรกของการเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ของเรา


ผู้ใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบมากมายไม่ใช่แค่เพียงตัวเองเท่านั้น


“อย่าร้องสิครับ ดูสิ วันนี้ผมเท่ไหม คุณดีนเขาแต่งตัวให้ จัดทรงผมให้ด้วยนะครับ วันนี้มีแต่คนชมว่าเท่สุด ๆ ไปเลย” บัณฑิตหมาด ๆ เล่าด้วยความภาคภูมิเพื่อให้แม่หายเศร้าจนลืมสังเกตสีหน้าของพ่อที่เปลี่ยนไป


ดีนยิ้มน้อย ๆ ในตอนที่พ่อของคนรักหันมามองแวบหนึ่ง


“ทำไมเรียกคุณ ไหนบอกเป็นรุ่นพี่” คนเป็นพ่อถามเสียงแข็ง


“อ่า...ชินน่ะครับ” เพราะว่ายังไม่ได้บอกพ่อกับแม่ว่าคบกับคุณดีนในสถานะไหน จึงเรียกว่าพี่เพราะอยากให้พวกท่านเข้าใจว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันในมหาวิทยาลัย เพราะถ้าเป็นพี่เป็นน้อง คงจะสนิทกันได้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้าเรียกคุณ พวกท่านคงสงสัยแน่ว่าสนิทกันถึงขั้นนี้ได้อย่างไร




เพราะยืนอยู่ใกล้ตลอดดีนจึงได้ยินบนสนทนาทุกอย่างอันเป็นต้นว่าเย็นนี้ญาติ ๆ ที่กรุงเทพฯและที่เดินทางมาจากชลบุรีรอเลี้ยงฉลองให้บัณฑิตคนเก่งที่บ้าน ดีนเผลอกัดปากอย่างครุ่นคิด เป็นอันว่าแผนทำคะแนนกับพ่อตาแม่ยายล่มไม่เป็นท่าเพราะไม่อาจไปร่วมฉลองกับครอบครัวคนรักได้


เพราะรณณ์คงยังไม่ชวนไปเปิดตัวกับญาติคนอื่นทั้งที่พ่อกับแม่ยังไม่ยอมรับแน่ ๆ


แม้ใบหน้าเกือบครึ่งของดีนจะถูกบดบังด้วยกล้องตัวใหญ่แต่รณณ์ก็รับรู้ได้ว่าคนรักคงรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่กับสิ่งที่พ่อเขาเพิ่งพูดออกมา เด็กหนุ่มหันกลับมามอง ตั้งใจจะส่งผ่านความห่วงใยผ่านเลนส์กล้องไปให้ถึงคนที่อยู่ข้างหลัง ดีนขยับกล้องให้ตัวเลนส์กระดกขึ้นลงเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายทำตัวตามปกติไม่ต้องห่วงตน


ดีนตามถ่ายรูปให้สามคนพ่อแม่ลูกในอีกหลายมุมสำคัญในบริเวณนั้น ซึ่งล้วนเป็นมุมที่ผู้คนต่างก็ต้องการเนื่องจากสื่อถึงสถานศึกษาที่จบมาได้ชัดจนเหมาะแก่การถ่ายรูปครอบครัวที่นำไปอัดรูปตั้งโชว์ที่บ้านได้


“ถ่ายกับน้องไปบ้างรึยังล่ะดีน” คนเป็นแม่ร้องถามตากล้องหนุ่มคนสนิทของลูกชายที่คอยถ่ายและจัดท่าทางให้โดยไม่บ่นเหนื่อย


ดีนลดกล้องลงยิ้มเขิน “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ชินเท่าไหร่” มีรูปคู่แล้วหนึ่งรูปก็น่าจะพอ


“มาเถอะ เดี๋ยวให้พ่อเขาถ่ายให้” เธอกวักมือเรียกก่อนหันไปบอกให้สามีตัวเองไปทำหน้าที่แทน คนถูกยัดเยียดหน้าที่ให้ตีหน้ายุ่ง ไม่พอใจเพียงไรก็ขัดใจคนรักไม่ได้ ไหนจะลูกชายที่มองมาเหมือนคอยสังเกตท่าทางเขาอยู่ด้วย จะแสดงออกว่าไม่พอใจมากก็คงไม่ได้


“รบกวนด้วยนะครับคุณอา” ดีนเอ่ยอย่างนอบน้อมขณะยื่นกล้องให้ คนรับกล้องไปเพียงแค่พยักหน้านิ่ง ๆ ก่อนเพยิดหน้าบอกให้คนหนุ่มกว่ารู้ว่าควรรีบไปยืนข้างบัณฑิตเสียที


“ปกติพ่อผมไม่ดุนะครับ” รณณ์พูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคนในตอนที่ดีนกำลังจัดท่าทางตัวเอง


“ก่อนหน้าได้รู้จักพี่ดีนน่ะก็คงใช่” ปกติจะถ่ายรูปแต่ละครั้งก็แสนยากลำบากสำหรับดีนมากแล้ว ยิ่งต้องถ่ายคู่กับรณณ์โดยมีพ่อเจ้าตัวเป็นคนกดชัตเตอร์ดีนก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก ต้องยืนห่างแค่ไหน หรือใกล้ได้เท่าไหร่จึงจะถูกใจ มือไม้วางบนตัวบัณฑิตได้บ้างหรือควรเก็บไว้กับตัวยืนเอามือล้วงกระเป๋าเท่ ๆ ดีกว่า


เพราะมัวแต่วุ่นอยู่กับการจัดการตัวเองจึงไม่ทันสังเกตว่าคนรักหน้าแดงขนาดไหนกับคำล้อชื่อเรียกที่ตนจงใจพูดออกมา


“ยืนใกล้กันหน่อยสิลูก เดี๋ยวตกเฟรมนะ” ผู้กำกับจำเป็นออกความเห็น ดีนมองแม่คนรักก่อนเหลือบมองคนเป็นพ่อเชิงขออนุญาต พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่แสดงอาการอะไรเพิ่มเติมจากเดิมเขาจึงขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นก่อนได้ยินเสียงขบขันจากคนรัก


“ขำอะไรครับ”


เพราะหันไปมองหมายจะคาดโทษคนเด็กกว่าจึงได้เห็นเส้นผมที่หลุดทรงจนตกลงมาปรกหน้าบางส่วนจนเผลอยื่นมือไปเกลี่ยออกแล้วจัดเสียใหม่ “คนหรือลิง ทำไมโพเมดเอาไม่อยู่”


ไม่เพียงแค่ภาพ ‘รุ่นพี่คนสนิท’ ดูแลเอาใจใส่ลูกชายของตนเท่านั้นที่สองสามีภรรยามองเห็น แต่แววตาของความสุขยามที่ลูกชายอยู่กับคน ๆ นี้มันมากมายจนพวกเขารับรู้ได้


“ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมลูกถึงมักจะไปไหนหรือทำอะไรกับพี่ดีนของเขา”


คนเป็นสามีละสายตาจากเด็กหนุ่มสองคนมามองภรรยาด้วยความสงสัย


“คนเราน่ะ อยู่ตรงไหนแล้วมีความสุขก็มักจะพาตัวเองไปอยู่ตรงนั้น จริงไหมล่ะคุณ”


ภรรยาพูดถูก และเขาเองก็ไม่ได้ตาบอดที่จะมองไม่ออก แต่ถึงอย่างไรมันก็ยากจะยอมรับได้ เพราะเขาเชื่อว่าวันหนึ่งลูกชายจะเจอคน ‘ที่เหมาะที่ควร’ จะเป็นความสุขของเขา


...มากกว่าคน ๆ นี้




ภาพสองหนุ่มเอาใจใส่กันไม่เพียงแต่อยู่ในสายตาของสองสามีภรรยาเท่านั้นแต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เดินมาทันเห็นพอดี


“พวกอีน่ารักดีนะ ลื้อว่าไหมอาตี๋” หญิงชราที่ยืนเกาะแขนหลานชายพูดกับลูกชายที่ยังยืนจ้องสองคนนั้นไม่วางตา งานรับปริญญาในวันนี้ใช่ว่าคนเป็นบัณฑิตหรือจะมีใครเชิญ แต่พวกเขามากันเองเพราะตั้งใจมาเซอร์ไพรส์ด้วยรู้ดีว่าครอบครัวของบัณฑิตต้องมาในวันนี้อย่างแน่นอน


“ไปหาพวกอีกันได้แล้ว”





ผลจากการสละตำแหน่งตากล้องมาเป็นแบบเองทำให้ดีนได้รูปคู่กับรณณ์มาสองรูปถ้วน ไม่ใช่แค่ยืนข้างกันเท่านั้นแต่ดีนยังโอบไหล่คนรักได้ตามการกำกับของแม่อีกฝ่าย หลังจากได้รูปที่น่าพอใจแล้วดีนก็กลับสู่ตำแหน่งเดิม


“อาม่า!” เสียงคนรักดังขึ้นมาก่อนที่ดีนจะทันได้มองผ่านช่องวิวไฟน์เดอร์อีกครั้ง หนุ่มลูกเสี้ยวหันไปมองข้างหลังตามสายตารณณ์ก่อนจะพบกับกลุ่มคนที่ทำให้เขาตกใจจนเกือบจะต้องกุมขมับ


อาม่าไม่ควรมาวันนี้


...อย่างน้อยก็ไม่ควรพาอาเตี่ยมาด้วย


พวกเขาคบกันมาหลายเดือนแล้วก็จริงแต่อาเตี่ยยังไม่มีท่าทียอมรับมากขึ้นจากครั้งแรกที่เจอแม้ว่าดีนจะพารณณ์ไปหาอยู่บ่อยครั้ง ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันแล้วยังไปปิดท้ายมื้อเย็นที่บ้านของอาม่าพร้อมสมาชิกในครอบครัวเขาอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นอาเตี่ยก็ยังไว้เชิง


“สวัสดีครับอาม่า คุณลุง มัม พี่คริส” รณณ์กระพุ่มไหว้ทักทายอย่างสนิทสนมก่อนที่ดีนจะแนะนำฝั่งครอบครัวตนให้บุพการีของรณณ์รู้จักบ้าง


สองครอบครัวทักทายกันพอประมาณแล้วพ่อแม่รณณ์ก็เปิดโอกาสให้ครอบครัวดีนแสดงความยินดีกับบัณฑิต มัมของดีนมอบดอกไม้ช่อใหญ่ให้ก่อนสวมกอดตัดหน้าอาม่าที่เข้าถึงตัวบัณฑิตช้ากว่าเพราะต้องให้หลานชายช่วยพยุงทั้งสองข้าง


“ม่าครับ ผมบอกแล้วไงว่าจะพารณณ์ไปหาวันหลัง” ดีนกระซิบบอกอาม่า หญิงชรายิ้มเอ็นดู


“ได้ไงล่ะ วันนี้เราจะเจอพ่อแม่อารณณ์อี ม่าก็ต้องมาให้เขาเห็นว่าเรารักลูกเขาขนาดไหน”


“โธ่...อาม่า”


“อาเตี่ยลื้อยังยอมมาเลยนะ”


“ได้ไงล่ะ อาดีนอีก็ลูกอั๊ว เผื่อทางนั้นอีไม่อยากได้ อั๊วจะได้ฉะกลับเลย”


“อาเตี่ย!”


“ลื้อน่ะนั่งเงียบ ๆ ไปเลยอาตี๋ งานนี้อั๊วะออกโรงเอง”


ถุงผ้าสีแดงใบเล็กที่อาม่ามอบให้รณณ์นั้นซ่อนของขวัญอะไรไว้ข้างในก็คงเดาได้ไม่ยาก สองสามีภรรยาที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลมองลูกชายรับมาด้วยสีหน้าลำบากใจแล้วก็ไม่อยากจะคาดเดาถึงมูลค่าของมัน แต่สิ่งที่ไม่อยากจะนึกถึงเลยก็คือระดับความสัมพันธ์ของลูกกับคนบ้านนั้น แค่ยกโขยงกันมาร่วมแสดงความยินดีกันทั้งครอบครัวก็ประหลาดใจพอแล้ว ยิ่งผู้หญิงแก่ ๆ ที่ลูกเรียกชินปากว่าอาม่านั่นมอบของแบบนั้นให้ในวันรับปริญญาอีก ไหนจะอ้อมกอดของสาวต่างชาติที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของดีนอีกด้วย คนบ้านนั้นต้องรักลูกเขามากขนาดไหนถึงทำแบบนั้นได้


ไม่อยากจะยอมรับว่าถ้าไม่กังขาเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสอง เขาเองก็ถูกชะตากับ ‘พี่ดีน’ ของลูกอยู่ไม่น้อย ถึงจะยังไม่มีโอกาสได้คุยกันมากแต่เท่าที่ได้ยินตอนอีกฝ่ายชวนภรรยาของตนคุยก็พอจะบอกอะไรได้บ้าง


ดีนถ่ายรูปให้รณณ์กับครอบครัวตนสองถึงสามรูปก่อนที่จะเข้าไปร่วมเฟรมด้วยตามคำขอของรณณ์โดยให้นักศึกษาคนหนึ่งช่วยถ่ายให้ แต่ก็เพียงแค่ไม่กี่รูปเท่านั้นเพราะรณณ์ต้องรีบออกจากที่นี่ก่อนที่การเดินทางจะลำบากไปมากกว่านี้


“อั๊วตั้งใจจะมาร่วมเลี้ยงฉลองให้อารณณ์อี” หญิงชราพูดกับบุพการีของคนรักของหลานชายคนโปรดก่อนหันไปหาเจ้าตัว “นี่ม่าจองร้านอาหารไว้แล้วนะ ถ้าพ่อแม่ลื้อยังไม่รู้จะไปไหน ไปร้านที่ม่าจองไว้ก็ได้ อาหารไทยรสเลิศ รับรองว่าลื้อต้องชอบ” อาม่าบอกความตั้งใจของตัวเองในตอนที่พากันย้ายเข้ามานั่งพักที่โต๊ะตัวเดิมโดยที่ดีนและรณณ์ช่วยกันเก็บของ


“อาม่าครับ รณณ์เขาจะไปฉลองที่บ้านญาติครับ” ดีนชิงอธิบายขึ้นก่อน


“อ่า...เสียดายจัง ไม่เป็นไร ๆ ไว้วันหลังลื้อไปบ้านม่านะ ม่าจะจัดเลี้ยงฉลองให้ลื้อชุดใหญ่เลย...แล้วนี่ลื้อจะไปกับอีด้วยไหมล่ะอาดีน”


คำถามของอาม่าทำเอาหลานชายกลืนน้ำลายดังเอื้อก ฟากรณณ์เองก็มองหน้าพ่อกับแม่อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ใจตนอยากจะชวนคุณดีนไปด้วยกันแต่ก็เกรงใจพ่อกับแม่อยู่เหมือนกัน


“เปล่าครับม่า” ดีนตอบออกมาก่อนที่สายตาของเธอจะกดดันพ่อแม่ของคนรักมากเกินไปนัก


การจากลาเป็นไปด้วยดี ดีนช่วยรณณ์ถือของไปส่งถึงรถผู้ปกครอง บอกลาด้วยการแสดงความยินดีกับคนเป็นบัณฑิตแค่คำสั้น ๆ ก่อนยืนมองอีกฝ่ายจากไปด้วยใจห่อเหี่ยว


ของขวัญที่ซื้อมาก็ยังไม่ได้ให้


งานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่ตั้งใจจัดให้ก็ไม่ได้ทำ


ดีนพรูลมหายใจปลอบตัวเอง วันนี้เข้าใกล้พ่อแม่คนรักได้แค่นี้ก็ดีถมไป ไม่ถูกเขาไล่ตะเพิดหรือพูดจาแสดงความรังเกียจออกมาก็ดีแค่ไหนแล้ว ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปนัก การเจอกันวันนี้ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีทีเดียว








(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 01-03-2018 22:55:26
ติ้งหน่อง ~~~~~~


เสียงกริ่งดังขึ้นสองถึงสามครั้งในช่วงใกล้สามทุ่มขัดจังหวะการดูหนังของเจ้าของห้องหนุ่มลูกเสี้ยว ดีนขมวดคิ้วมุ่น ซดเบียร์อึกสุดท้ายในกระป๋องลงคอก่อนว่างมันลงบนโต๊ะตัวเล็กรวมกับเพื่อนของมันแล้วลุกเดินออกไปพร้อมคำถามคาใจว่าใครกันช่างมาหาในยามดึกดื่น 


เมื่อเห็นคนที่มีสายเลือดเดียวกันยืนอยู่หน้าห้อง คิ้วเข้มก็เพียงแค่เลิกขึ้นข้างหนึ่งแทนคำทักทายเท่านั้น


“Hi Bro, are you okay?”


ดีนส่ายหน้าก่อนเดินเข้าห้องปล่อยให้พี่ชายเดินตามเข้ามา


คริสหัวเราะน้อย ๆ รู้ว่าที่น้องส่ายหน้าไม่ได้เป็นการตอบคำถามเขาที่แปลว่าไม่ไหวแต่เป็นการแสดงความระอาออกมาต่างหาก


ดีนเดินกลับไปนั่งที่เดิมก่อนคว้าหนึ่งในสองกระป๋องที่ยังไม่ถูกเปิดออกมาเปิดแล้วยกซดเหมือนก่อนหน้านี้ราวกับไม่ได้เพิ่งเปิดห้องต้อนรับแขก แต่เพราะอีกฝาสยยังยืนกอดอกอยู่กลางห้อง เขาจึงต้องมีน้ำใจเอ่ยถามออกไป “มาถึงนี่มีอะไร”


คริสมองกองกระป๋องเบียร์ยี่ห้อโปรดของพวกเขาบนโต๊ะก่อนถามกวน ๆ กลับไปแทนการตอบคำถาม “ฉลองรับปริญญาให้แฟนอยู่เหรอวะ”


แม้จะรู้สึกไม่พอใจแต่ดีนก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมานอกจากจดจ่ออยู่กับหนังที่กำลังฉายในโทรทัศน์


“มาทำไม” ดีนย้ำคำถามเดิมอีกครั้งแต่เสียงเรียบขึ้น คริสยกยิ้มพอใจที่ตนยังกวนอารมณ์น้องได้เช่นเคย “เตี่ยให้มาดูว่ายูยังอยู่ดีไหม”


“สบายดี” ได้ยินคำตอบอย่างนั้นก็ไม่คิดเซ้าซี้ต่อ คนอย่างน้องชายเขาต้องใช้เวลาในการล้วงความรู้สึก จะมาเร่งลัดเอาคำตอบแบบนั้นไม่มีทางได้ ต้องให้เวลาเจ้าตัวได้ตกผลึกมันออกมาเสียก่อน คริสจึงเดินเลี้ยวเข้าไปในครัว หยิบเอาเบียร์แช่เย็นออกมาอีกสี่กระป๋องแล้วเดินไปนั่งกับคนเป็นน้อง


“จะมาก็ควรซื้อติดมือมาบ้างนะ”


“ซื้อทำไม ที่ห้องยูมีอยู่เต็มตู้” คริสคิดว่านอกจากมีสายเลือดเดียวกันแล้ว รสสัมผัสที่ชื่นชอบเบียร์ยี่ห้อนี้คงเป็นความเหมือนกันเพียงอย่างเดียวของพวกเขา


“นี่ล็อตสุดท้ายแล้ว”


“หือ” คริสหันมองหน้าน้อง


“ต่อไปจะมีติดตู้แค่ไม่กี่กระป๋องเท่านั้น”


คริสแค่นหัวเราะหึ “ทำไม? แฟนยูจะซื้อนมมาใส่ให้แทนเหรอ...ไม่เอาหน่าดีน ยูโตแล้วนะ แค่มีแฟนถึงกับต้องยอมขนาดนี้เลยเหรอ” เมื่อก่อนตอนเป็นวัยรุ่น พวกเขาดื่มเบียร์กันแทบทุกวัน ถึงจะไม่ได้ดื่มเยอะเหมือนคนติดเหล้าแต่ก็ดื่มเคล้าบรรยากาศกันอย่างน้อยก็คนละกระป๋อง ไม่ต้องพูดถึงช่วงชีวิตที่ต่างประเทศเลย อากาศหนาวแบบนั้นแทบจะดื่มเบียร์ต่างน้ำ ไม่มีทางที่ดีนจะลดการดื่มเบียร์ไปได้


“เปล่า ไม่ได้เลิกดื่ม” ดีนยิ้ม คริสเห็น น้องยิ้มออกมาจากตาที่เคยไร้ความรู้สึกคู่นั้น “แต่เขาจะซื้อของสดมาใส่ บอกว่าอยากทานอาหารนอกบ้านน้อยลง อย่างน้อยในวันหยุดก็ควรทำอาหารทานกันเองบ้าง เขาอยากลดความเสี่ยงการเกิดโรค” ประโยคหลังดีนเล่าติดตลกเล็กน้อย “ส่วนเบียร์อาจจะตุนน้อยลงเพราะพื้นที่ในตู้เย็นไม่พอก็เท่านั้น”


“แต่ยูก็ยังดื่มมันทุกวันเหมือนเดิมใช่ไหม”

 
“เบียร์เย็นดีไหม” ดีนถามกลับ รอจนคนพี่ตอบรับว่าเย็นมากถึงจะยอมพูดต่อ “ไม่เย็นก็แย่ละ มันแช่อยู่ในตู้มาสองเดือนได้แล้วมั้ง” ทุกวันนี้ดีนแทบจะไม่มีเวลามานั่งดื่มเบียร์ตอนกลางคืนแล้ว เพราะเมื่อมีใครสักคนมาร่วมแชร์ช่วงเวลาอาหารเย็นด้วยกันมันทำให้เขารู้สึกว่าอาหารมื้อนั้นมันสมบูรณ์อยู่ในตัวโดยไม่ต้องกลับมาเติมเต็มด้วยเบียร์รสโปรดอีกเลย


ชั่ววูบหนึ่งดีนก็อดยอมรับไม่ได้ว่าที่ผ่านมาคงเพราะว่าตัวเองเหงา


...เหมือนวันนี้


คริสยิ้มบาง มันช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ที่น้องชายเขามีความสุขเหลือเกิน


“แล้วยูเป็นไงบ้าง”


“ก็ดีนะ”


“กับเธอ...”


คริสกระดกเบียร์ซดอึกใหญ่ก่อนตอบ “ดาวเขายอมรับความจริงได้...แต่คงต้องใช้เวลาหน่อย” คริสรู้ว่าลึก ๆ แล้วคนรักเก่ายังคงหวังว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้


“ไอว่า แค่ยูไม่หันไปคบผิงเธอก็ดูโอเคขึ้นนะ”


“ไอรู้ว่าความสนิทของไอกับผิงสร้างบาดแผลในใจดาวมาโดยตลอด”


ดีนพยักหน้าเห็นด้วย กับผู้หญิงคนอื่น ดาวไม่เคยหึงหวงแบบขาดสติเลยสักครั้ง แต่กับผิง ดาวสามารถกลายเป็นนางร้ายในละครหลังข่าวได้เลยทีเดียว


“โชคดีที่ดาวเป็นคนฉลาดพอที่จะไม่ทำลายอนาคตตัวเองเพียงเพราะเลิกกับยู”


คริสยิ้มขื่น รู้ดีว่าอดีตคนรักรักงานนี้มากพอกับที่รักเขา เธอไม่มีทางทิ้งงานที่เธอรัก และคนแบบเธอไม่มีทางเสียหน้าลาออกจากงานเพียงเพราะเลิกกับเขาให้ผู้คนนินทาได้ เธอเป็นมืออาชีพพอที่จะทำงานร่วมกับเขาและผิงได้ หรืออาจจะจริงอย่างที่ดีนว่า เธอยังทำงานร่วมกันได้ ตราบใดที่สถานะของเขากับผิงไม่เปลี่ยนไป


“ไม่ดื่มเบียร์มานานแล้ว ทำไมวันนี้ถึงดื่ม”


“เสียดาย กลัวหมดอายุ”


คริสหัวร่อ “บอกไอดี ๆ ก็ได้ จะรีบมาช่วยดื่มเลย”


ดีนไม่ต่อบท เขาเลือกจะนั่งดูหนังไปเงียบ ๆ และคริสก็รู้ว่าจังหวะนี้ยังไม่ควรแหย่ต่อ คนเป็นพี่จึงต้องหันไปสนใจหนังตรงหน้าด้วยเช่นกัน


เบียร์สี่กระป๋องที่ถูกหยิบมาเพิ่มหมดพร้อมกับเอ็นเครดิตที่ถูกฉายขึ้นมาพอดี


“ขอนอนนี่ได้ไหม จะมีใครกลับเข้ามาตอนดึก ๆ รึเปล่า” คริสถามหยั่งเชิง


“ไม่มี” รณณ์ไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน หลังจากย้ายออกจากหอพักที่เก่า อีกฝ่ายก็เลือกที่จะย้ายไปเช่าคอนโดใกล้ที่ทำงานมากกว่า และถึงแม้จะแวะเวียนมาหาเขาที่นี่บ้างแต่ก็คงไม่ได้มาคืนนี้


“ยูเหงาเหรอ”


ดีนเงียบไปนานจนคริสนึกว่าจะไม่ได้รับคำตอบเสียแล้ว แต่สุดท้ายสุ้มเสียงทุ้มก็เอ่ยออกมาแผ่วเบาราวกับไม่อยากยอมรับตัวเองสักเท่าไหร่ “คงงั้น”


“ยูขาดเขาไม่ได้”


“ไอไม่อยากใช้ชีวิตแบบนั้น” ชีวิตที่ขาดใครคนนั้นไม่ได้ มันเป็นความน่ากลัวในความรู้สึก แต่ดีนรู้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้เหงาเพราะรู้สึกขาด เขาเหงาเพราะรู้สึกไม่มั่นใจ “ไอแค่คิดวิธีรับมือพ่อแม่เขา”


“ยูเอาชนะใจพวกเขาได้อยู่แล้ว มั่นใจหน่อย” คริสตบไหล่ให้กำลังใจน้อง


ถ้ารณณ์ไม่ใช่ลูกคนเดียว ดีนคงจะใจชื้นมากกว่านี้...หรือไม่ก็คงเป็นเพราะฤทธิ์ออลกอฮอล์ที่ทำให้เขาอ่อนไหวเป็นพิเศษ


“ไอเชื่อว่าเด็กนั่นก็เชื่อมั่นในตัวยูนะ”


ดีนตั้งใจจะปิดจบบทสนทนาด้วยการแยกย้ายไปนอน แต่เพราะโทรศัพท์ของตัวเองที่สั่นครืดบนโต๊ะขัดขึ้นเสียก่อน ดีนเหลือบมองเห็นเป็นเบอร์แปลกโทร.มาในตอนดีกแบบนี้ก็ช่างใจก่อนปลีกตัวออกไปคุย


คริสมองตามไปก่อนจะละสายตามาจ้องมองจอที่เริ่มฉายหนังเรื่องต่อไปแล้ว นัยน์ตาสีอ่อนไม่ได้จดจ่อกับมันด้วยความสนใจ เขากำลังคิดใคร่ครวญเรื่องความสัมพันธ์ในแบบของน้องชายพร้อมคำถามที่ผุดขึ้นในใจ


ยังไม่ทันได้หาคำตอบให้ตัวเองได้ดีนก็ตะโกนบอกเสียงดังขัดความคิดขึ้นเสียก่อน


“ไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ไอมีธุระสำคัญต้องทำ”











“เย็นนี้ออกไปทานอาหารนอกบ้านกัน”


ดนัยพูดขึ้นในช่วงสายของวัน วันนี้สามคนพ่อแม่ลูกอาศัยร่วมกันในบ้านของญาติทางฝั่งแม่ซึ่งเป็นผลพวงจากงานเลี้ยงเมื่อคืน


“ได้สิครับ พ่ออยากทานอะไรละครับ”


“ไปร้านที่รณณ์กับเขาไปกันบ่อยที่สุด”


“ครับ? หมายถึงคุณดีนน่ะเหรอครับ”


“นั่นแหละ เราเล่าว่าทำนั่นทำนี่กับเขาบ่อยไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นต้องมีร้านประจำกันสิ”


“อ่า ครับ”


“พ่ออยากทานสักห้าโมง ร้านอยู่ไกลไหม เราออกจากบ้านกันสักสี่โมงทันรึเปล่า”


“ทันครับ ร้านอยู่ไม่ไกล”


“อืม” คนเป็นพ่อไม่ได้ ย้ำเตือนลูกชายว่าห้ามบอก ‘เขา’ อาศัยแค่ให้ภรรยาคอยช่วยกันลูกชายออกจากทุกช่องทางการติดต่อเท่านั้น





อาคารไม้ทรงเรือนไทยกลายเป็นร้านอาหารไทยเจ้าประจำที่พักหลังมานี้คุณดีนพามาบ่อยเพราะติดใจรสชาติอาหารของที่นี่เสียมาก เด็กหนุ่มเดินนำเข้าไปในร้าน พุ่งเป้าไปยังโต๊ะประจำตามคำขอของบุพการีแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคนรักนั่งดื่มกาแฟร้อนอยู่ที่โต๊ะเดียวกันนั้นอยู่ก่อนแล้ว


อีกฝ่ายเองก็ตกใจไม่แพ้กัน กลางดึกคืนก่อนเขาได้รับโทรศัพท์จากพ่อของคนรัก ใจความคือการนัดเจอที่ร้านอาหารประจำของเขากับรณณ์ตอนเวลาห้าโมงเย็นโดยที่รณณ์ต้องไม่รู้เรื่องนี้ ตอนรับปากก็คิดเพียงว่าผู้ใหญ่ทั้งสองคงมีเรื่องที่ต้องการจะคุยกันเป็นการส่วนตัว ไม่คิดว่ารณณ์จะมาด้วย


ฟากคนนัดหมายมองหนุ่มลูกเสี้ยวด้วยสีหน้าพอใจแวบหนึ่ง เพราะนอกจากอีกฝ่ายจะใจตรงกับรณณ์มาเจอที่ร้านเดียวกันแล้ว ‘พี่ดีน’ ของลูกชายยังมารอก่อนเวลานัดอีกด้วย


“สวัสดีครับ เชิญนั่งก่อนครับ” ดีนเชิญผู้ใหญ่ทั้งสองนั่งฝั่งตรงข้ามเมื่อตั้งสติได้ รณณ์เดินอ้อมไปนั่งฝั่งเดียวกับดีนทางขวามือปล่อยให้คนรักนั่งเผชิญหน้ากับพ่อของตน


“มาร้านนี้กันบ่อยเหรอ” ดนัยเปิดบทสนทนาขึ้นเสียงเรียบ


“ครับ เกือบทุกครั้งที่ทานอาหารนอกบ้าน แต่ช่วงนี้รณณ์ทำงานหนักขึ้น ตกเย็นทีไรเป็นต้องจบที่บุฟเฟ่ต์ทุกที แต่ถ้าวันไหนเขาเลิกดึกหน่อยก็ไม่พ้นข้างทางครับ” ดีนเล่ายิ้ม ๆ นัยน์ตาสีอ่อนเต็มไปด้วยความเอ็นดูยามมองคนที่ถูกพาดพิง


คงจะจริงอย่างที่คุณเขาว่า เพราะแม้ลูกชายตัวดีจะบ่นว่างานหนักทุกครั้งที่โทร.หาแต่เนื้อตัวกลับไม่ได้ผอมแห้งแต่อย่างใด ‘พี่ดีน’ คงจะดูแลเรื่องอาหารการกินให้เป็นอย่างดีทีเดียว


“พ่อกับแม่เลือกได้เลยนะครับ อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่าง หรือให้ผมสั่งให้ดีครับ”


“รณณ์สั่งให้เลยแล้วกันนะลูก”


คนเป็นลูกตอบรับความต้องการของแม่ก่อนจัดแจงสั่งทั้งเมนูโปรดของพ่อแม่และของคนรัก


“คุณชอบอาหารไทยเหรอ” ดนัยเปิดประเด็นขึ้นอีกครั้งหลังจากพนักงานรับออเดอร์เดินจากไปแล้ว ดีนใจชื้นที่อีกฝ่ายไม่ได้เปิดบทสนทนาด้วยการบอกให้พวกเขาเลิกกัน เพราะอย่างน้อยการชวนคุยเรื่องความชอบก็บ่งบอกได้ว่าอีกฝ่ายเปิดใจเรียนรู้เขาก่อนที่จะตัดสิน


“เมื่อก่อนก็ไม่หรอกครับ มันเผ็ดและก็จัดจ้านไปหน่อย” ดีนตอบตามตรง


“แล้วทำไมถึงหัดทาน เพราะลูกชายผมน่ะเหรอ”


ดีนยิ้มอ่อนน้อม มาถึงขั้นนี้คงไม่ต้องบอกแล้วว่าสถานะของตนคืออะไรก็ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจดีอยู่แล้ว...และคงไม่อยากให้พวกเขาพูดออกมาตรง ๆ นัก  “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ ผมไม่อยากให้ท่านมองว่ามันเป็นการฝืนเปลื่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนอื่น เพราะผมคิดแค่ว่าผมอยากลองปรับตัวเพื่อให้ได้ใช้เวลาทานอาหารกับเขาได้บ่อยขึ้นครับ”


“ลูกชายผมไม่ได้ชอบอาหารไทยขนาดนั้น” ว่ากันตามตรงแล้วรณณ์ก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่ทานอาหารฟาสฟู้ดมากกว่าอาหารไทยพวกนี้เสียอีก เพียงแต่คนเป็นพ่อไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้คนรักของลูกชายนั้นแทบไม่แตะต้องมันเลยด้วยซ้ำ


“ครับ แต่เขาก็คงมาทานอาหารฝรั่งกับผมทุกวันไม่ได้เหมือนกัน...อีกอย่าง ผมฝึกไว้เผื่อได้มาทานข้าวกับคุณอาทั้งสองบ่อย ๆ ด้วยครับ”


“คุณอยู่กับลูกชายเรา ไม่ใช่เรา”


ดีนยิ้มอย่างนอบน้อม


“ครับ ผมอยู่กับรณณ์ ไม่ใช่คุณอา แต่ผมแค่อยากเข้ากับคุณอาทั้งสองได้ เพราะผมอยากให้คนที่ผมรักมีความสุขครับ” หนุ่มลูกเสี้ยวท่าทางภูมิฐานหันมองลูกชายเขาที่นั่งข้างกัน ไม่อยากจะคิดว่าที่ใต้โต๊ะสองคนจะจับมือกันแน่นขนาดไหน “ไม่อยากเห็นเขาทุกข์ใจที่พ่อแม่เขาไม่ชอบผม...เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็คงอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีความสุขเช่นกันครับ”


ดีนเรียนรู้จากความรักของพี่ชาย ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ความสัมพันธ์ในระยะยาวเป็นเรื่องของสองตระกูล เราไม่ได้อยู่กันแค่สองคน แต่เราควรจะเข้ากันได้กับคนในครอบครัวของอีกฝ่ายด้วย


“เท่าที่ดู คุณพ่อคุณก็ดูไม่ได้ชอบลูกชายผมนัก”


ดีนไม่ได้หันมองดวงหน้าซีดเผือดของคนรักแต่ใช้วิธีการบีบมือที่กุมกันไว้แทน เขารู้ว่านี่คืออีกประเด็นหนึ่งที่รณณ์กังวล ดีนเผยยิ้ม “อาเตี่ยกำลังเรียนรู้ที่จะรักรณณ์เหมือนที่ผมรักครับ”


และรณณ์ก็น่าจะรู้ว่าเขาไม่ได้พูดเกินจริง


หญิงสาวหนึ่งเดียวในที่นี้มองสามีถอนหายใจ รับรู้ถึงความกังวลของคนรักแต่เพราะว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนใจร้อน เธอจึงยังสบายใจที่จะเป็นผู้ฟังต่อไป


“รณณ์บอกว่าคุณเป็นรุ่นพี่ที่มหา’ลัย แต่ทำไมเรียกว่าคุณ”


“ครับ สมัยเรียนเราไม่เคยเจอกัน มาเจอกันตอนที่เขาฝึกงานครับ ผมเป็นบอกออยู่ที่นั่น”


“ตายจริง!” คนเป็นแม่แสดงความรู้สึกออกมาผ่านคำพูดเป็นครั้งแรก นัยน์ตาหวานเบิกโตด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจนดีนต้องรีบอธิบายต่อ


“เราเจอกันนอกสถานะนั้นก่อนแล้วครับ ผมไม่ได้มีส่วนในการจบการฝึกงานของเขา รณณ์จบด้วยความสามารถของเขาเองครับ”


คนเป็นพ่อเป็นแม่โล่งอก ไม่อยากจะคิดในแง่ร้ายเช่นนั้น แต่พอรู้หน้าที่การงานของดีนแล้วก็อดไม่ได้ที่จะคิด


บทสนทนาขาดตอนเพราะอาหารที่เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ สองสามีภรรยาสังเกตว่านอกจากอาหารจานโปรดของพวกตนแล้วนอกนั้นแทบจะรสชาติกลาง ๆ  ทั้งนั้น ลูกชายคนเดียวของพวกเขาจัดแจงตำแหน่งของอาหารบนโต๊ะเพื่อให้สะดวกแก่ทุกคนและยังเอาใจด้วยการตักอาหารให้พวกเขาอีกด้วย


“คุณกับลูกชายผม...มีอะไรกันรึยัง”


“อะแค่ก แค่ก” คนเป็นลูกสำลักน้ำซุปทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น ดีนยื่นแก้วน้ำให้พร้อมลูบหลังอีกฝ่ายเบา ๆ ไม่มีใครคาดคิดว่าดนัยจะถามคำถามนี้ขึ้นมาท่ามกลางมื้ออาหาร


“ยังครับ”


“คบกันมาเกินครึ่งปีแล้วทำไมถึงยัง”


“ยังไม่ถึงเวลาครับ” เจ้าของคำถามขมวดคิ้ว “ผมแค่คิดว่าถ้าคุณอาทั้งสองยังไม่ยอมรับเรื่องของเราสองคน เรื่องแบบนั้นยังก็ไม่ควรเกิดขึ้นครับ” เรื่องกอดจูบมีบ้างเป็นปกติของคู่รัก ครั้นจะให้เลยเถิดไปไกลกว่านั้นยังไม่เคย อย่างมากที่สุดของการร่วมเตียงกันก็แค่นอนกอดกันในวันที่ต่างก็เหนื่อยกับงานมาทั้งวัน


ดนัยเหลือบมองลูกชายที่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารด้วยต้องการปิดซ่อนความเขินอายและใบหน้าแดงซ่านจากสายตาพ่อแม่


เขารวบช้อนเก็บเป็นสัญญาณว่าอิ่มแล้วและเมื่อเห็นอย่างนั้น คนเป็นภรรยาจึงทำตามอย่างไม่รีรอ


“พ่อกับแม่อิ่มแล้วเหรอครับ”


“อือ อิ่มรึยังน่ะเรา” ถึงจะเป็นคำถามแต่รณณ์รู้ดีว่านั่นคือคำสั่งกลาย ๆ ว่าควรจะจบมื้ออาหารแล้วเหมือนกัน เด็กหนุ่มรับคำ รวบช้อนแล้วดื่มน้ำตามเตรียมพร้อมลุกจากโต๊ะทันทีที่พ่อแม่ต้องการ


“คุณคงรู้ว่าผมมีลูกชายคนเดียว”


ดีนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ คำถามที่หวั่นใจที่สุดถูกส่งมาพร้อมสายตาที่จดจ้องอย่างไม่ลดละ “ผมเข้าใจครับ ผมรู้ว่าเงินมากมายขนาดไหนก็ไม่อาจทดแทนกับการที่สายเลือดของคุณอาสิ้นสุดลงที่ตรงนี้ได้ แต่ผมสัญญาด้วยเกียรติว่าจะดูแลเลือดเนื้อเชื้อไขสุดท้ายของท่านอย่างดีที่สุดครับ”


อยากจะคิดอยู่เหมือนกันว่าผู้ชายคนนี้เข้ามาหลอกให้ลูกชายตนเขวออกนอกเส้นทาง แต่พอเห็นแววตาที่ซื่อตรงแสดงความรู้สึกออกมาชัดเจนอย่างตรงไปตรงมาแล้วก็ต้องยอมแพ้ แม้ยากจะทำใจ แต่จะให้ใจร้ายกับสิ่งที่ลูกต้องการคงไม่ใช่ตัวเขา อีกอย่าง ภรรยาของเขาเองก็ใจอ่อนให้ผู้ชายคนนี้ไปนานแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะใจอ่อนไปตั้งแต่ก่อนมาเจอหน้าแล้วด้วยซ้ำ


“กลับบ้านกันคุณ” ดนัยบอกภรรยาแต่มองลูกชายเป็นเชิงบอกว่ารวมอีกฝ่ายด้วย


“ผมขออนุญาตไปส่งน้องที่บ้านครับ” ดีนเอ่ยขึ้นมาในตอนที่ผู้ใหญ่ทั้งสองลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป


คนสูงวัยกว่าปรายตามองคนร้องขอแวบหนึ่งก่อนหันมองลูกชายตัวเอง สองพ่อลูกประสานสายตากันนานทีเดียวในความรู้สึกของคนรออย่างดีนจนกระทั่งอีกฝ่ายพูดออกมาเสียงเรียบว่า “กลับไปเจอกันที่บ้านนะรณณ์”


ดีนคลี่ยิ้มบางขณะที่คนเป็นลูกชายยิ้มกว้างออกมาอย่างเปิดเผยให้กับคำทิ้งท้ายของคนเป็นพ่อ


“ไม่ต้องขับรถเร็วล่ะ ผมไม่รีบ”





ผลของคำบอกนั้นคือนอกจากจะยังนั่งดื่มกาแฟกันต่อแล้วคุณดีนยังขับรถช้ามากที่สุดในชีวิตอีกด้วย สองเสียงดังประสานกันตามเนื้อเพลงที่เปิดผ่านวิทยุอย่างมีความสุข ไร้บทสนทนาใด ๆ แม้ว่าจะอยู่กันตามลำพังแล้วก็ตาม


“Don’t be confused by my smile,‘cause I ain’t ever been more for real, for real”


นิ้วเรียวเคาะบนพวงมาลัยตามจังหวะดูอารมณ์ดีมากจนคนที่นั่งรถมาด้วยยังหันมองด้วยความแปลกใจ


“อารมณ์ดีอะไรขนาดนี้ครับ”


ดีนหันไปส่งยิ้มให้ เป็นยิ้มที่เต็มตื้นทั้งตาและปาก “พ่อตาเปิดทางให้ทั้งทีก็ต้องอารมณ์ดีสิครับ”


“กะ ก็แค่ยอมให้ไปส่งเองครับ”


ดีนยิ้มกว้างก่อนยื่นมือข้างหนึ่งไปวางบนศีรษะอีกฝ่ายแล้วลูบไปมา “จะให้แปลความนัยประโยคนั้นว่ายกให้เลยก็ยังได้นะ”


“คุณดีน!”


ดีนหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งเด็กให้อายม้วนได้ เขาเชื่อว่ารณณ์ต้องเข้าใจในสิ่งที่พ่อตัวเองสื่อออกมา การยินยอมให้อยู่ด้วยกันสองคนและไม่เร่งให้รีบพาไปส่งก็พอจะบอกได้แล้วว่าอีกฝ่ายเปิดทางให้และสบายที่ลูกชายตนมาอยู่กับเขา แต่สิ่งที่รณณ์ยังไม่รู้คือข้อความลับที่พ่อของตนส่งให้ดีนหลังออกจากร้านไปได้ไม่นาน


‘พ่อกับแม่เลี้ยงลูกด้วยความรักให้เติมโตมามีชีวิตที่ดี หวังว่าความรักของคุณจะทำให้เขาได้ใช้ชีวิตที่ดีอย่างมีความสุขเช่นกัน’



“ของในถุงด้านหลังนั่น ผมให้คุณนะ”


“ครับ?”


“ของขวัญรับปริญญาไง”


“โธ่ ไม่เห็นจำเป็นเลยครับ” รณณ์ไม่คาดหวังว่าคุณดีนจะให้ของขวัญเนื่องในโอกาสนี้เลย เพราะแค่เวลาอันมีค่าและการดูแลอย่างดีที่อีกฝ่ายมอบให้ก็มีค่ามากกว่าของขวัญชิ้นไหน ๆ แล้ว


“แค่ได้หัวใจผมคุณก็พอใจแล้วใช่ไหมล่ะเบ๊บ”


“ง่อว” รณณ์ลากเสียงยาว “เสี่ยวเหมือนกันนะเนี่ย” แม้จะเขินกับคำหยอดแต่ก็ยังใจกล้าล้อกลับไป


“เกลียดตัวเองอยู่เหมือนกัน” ดีนแค่นหัวเราะหึ รู้สึกว่าที่พูดออกไปนั่นไม่ใช่ตัวเขาเลยสักนิด อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตัวเขาตอนมีความรักอย่างที่เคยคิดไว้ ไม่สิ! ไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะมีความรัก แม้จะรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเองแต่กลับอยากพูดออกไปเพราะอยากแกล้งอีกฝ่ายเล่นเสียอย่างนั้น


“เกลียดทำไมละครับ พูดความจริงนี่” ประโยคหลังแผ่วเบาจนกลืนหายไปกับเสียงเพลง


“หึ...ร้ายนัก”


รณณ์ยิ้มระรื่นใส่ก่อนเอี้ยวตัวไปหยิบของขวัญที่เบาะหลัง รอยยิ้มบางผุดทันทีที่เห็นสิ่งนั้น เด็กหนุ่มนั่งมองถุงขนาดกลางของห้างชื่อดังที่ภายในมีกล่องเปลือยโชว์แบรนด์หราไร้ซึ่งการห่อปกปิดใด ๆ ทั้งสิ้นแบบไม่ปล่อยให้คนรับได้จินตนาการเลยสักนิด


“ชอบไหม”


“มือสั่นเลยเนี่ยคุณดีน ดูดิ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยื่นมือออกไปจับแขนอีกฝ่ายเพื่อพิสูจน์ให้รู้ว่ามันสั่นแค่ไหน


ดีนยิ้มเอ็นดู มือคู่นั้นที่สัมผัสตนทั้งเย็นทั้งสั่นจนอดไม่ได้ที่จะวางมือตัวเองทับลงไปเพื่อให้ความอบอุ่น


“หายสั่นแล้วก็แกะดูสิ”


รณณ์แกะกล่องอย่างประณีตบรรจง แม้มือจะยังไม่หายสั่นแต่ก็พยายามแกะจนของภายในปรากฎแก่สายตา


กล้องแอ็คชั่นแคมแบรนด์ดังรุ่นใหม่ล่าสุดนอนนิ่งอยู่ในกล่องพร้อมอุปกรณ์เสริมครบชุด จะว่ากำลังต้องการอยู่ก็ไม่ใช่ ที่ดีใจจนเนื้อเต้นเพราะไม่คาดคิดว่าคุณดีนจะซื้อสิ่งนี้ให้ต่างหาก


“มันน่าจะมีประโยชน์กับเบ๊บนะ” นานมากแล้วที่ไม่ได้ซื้อของขวัญให้ใครสักคนนอกจากอาม่าที่มักจะอยากได้ของเดิม ๆ กว่าจะได้กล้องตัวนี้มาดีนคิดจนหัวแทบแตก ของที่ใช้งานได้ มีประโยชน์และเหมาะกับหน้าที่การงานของคนที่เพิ่งเริ่มชีวิตวัยทำงานคงไม่ใช่ปากกาหรู ๆ สักแท่งเหมือนอย่างที่เขาเคยได้ เนคไทเส้นสวยก็คงไม่จำเป็นเท่าอุปกรณ์อะไรสักอย่างที่เหมาะกับสายงาน


รณณ์ฉีกยิ้มกว้าง “มากทีเดียวครับ ขอบคุณมากนะครับ”


ดีนมองคนที่เอาแต่สนใจฟังก์ชันนั่นนี่ของเครื่องมือคู่กายชิ้นใหม่แล้วอดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่ “ไหนล่ะรางวัล”


“ครับ?


“รางวัลของผมไงเบ๊บ”


คนถูกขอรางวัลเม้มปากแน่นอย่างชั่งใจ “อย่าเม้มปากบ่อย เดี๋ยวก็งัดด้วยปากซะเลย”


“โถ่...คุณดีน”


“อะไรเล่า นี่รอรางวัลอยู่นะ”


รณณ์รั้งรอให้รถจอดสนิทตอนติดไฟแดงก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่ ดีนยกยิ้มทว่ายังไม่พอใจ


“เบ๊บ”


“ค...” ดีนปิดช่องทางของเสียงด้วยสิ่งเดียวกันของตน ในใจนับเลขถอยหลังด้วยจำนวนวินาทีที่น้อยกว่าตัวเลขล่าสุดที่มองสัญญาณไฟเล็กน้อย เรียวลิ้นเกี่ยวพันหยอกล้อกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใครให้ความรู้สึกหวาบหวามและซาบซ่านมากขึ้นทุกครั้งที่สัมผัสกันแบบนี้


สาม


สอง


หนึ่ง


ริมฝีปากดูดดึงกันจนเกิดเสียงก่อนที่ดีนจะผละออกด้วยความเสียดาย


“แวะคอนโดผมก่อนไหม คุณพ่อคุณบอกว่าไม่รีบนี่” สิ้นคำกล่าวรถคันหรูก็กระชากตัวออกไปด้วยความเร็วที่มากที่สุดเท่าที่ดีนเคยขับมาเช่นกัน


“คุณดีน!” รณณ์ว่าขำ ๆ


เขาเคยคิดว่าตัวเองชอบกลิ่นกาแฟเวลานั่งอยู่ด้วยกันกับคุณดีนมากแล้ว เพิ่งรู้ว่าชอบรสขมของมันที่ติดริมฝีปากยามคุณดีนถอนจูบออกไปมากกว่า






รัก.
----------------------------------------------------
หลายคนอาจสงสัยในคำพูดคำจาของพี่ทศ อยากจะบอกว่าที่ทศพูดมันได้ถูกเฉลยในแง่ของปัญหาที่ดีนกับรณณ์ได้พบเจอแล้วค่ะ นั่นคือทศมองเห็นความไม่เหมาะสมของการสนิทสนมกันของเด็กฝึกงานกับเจ้านายค่ะ ถ้าไม่ชัดเจนธัญญ์ขออภัยด้วยยยยย

ตอนพิเศษมีทั้งหมด 5+ ตอนนะคะ ที่บวกคืออาจมีเพิ่ม แต่ที่แน่ๆคือ 5 ตอนตามนี้ค่ะ
1. รณณ์ แฟนกู (ลงเล้า)
2. Congratulations (ลงเล้า)
3. 1st Anniversary ……...ครบรอบ 1 ปี ในวันวาเลนไทน์ คุณดีนคนที่มีความรักแล้วจะยอมทำนิตยสารไลฟ์ ฉบับเลิฟ รึเปล่านะ
4. งานเลี้ยง 70 ปี อักษรฯ …………..เมื่อน้องรหัสปล่อยข่าวลือจนรู้กันทั้งคณะว่าดีนมีแฟนแล้ว หลายคนในคณะจึงตื่นเต้นกับงานเลี้ยงในคืนนี้เป็นพิเศษ
5. Road trip หอบรักไปพักร้อน ………..ทำงานครบ 1 ปีแล้วก็ถึงเวลาลาพักร้อน! ควงคู่กันไปเมลเบิร์น เมืองที่เด่นทั้งศิลปะ กาแฟ และธรรมชาติ

สุดท้ายนี้ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ทุกกำลังใจที่มอบให้และทุกการชอบแล้วบอกต่อนะคะ เคยมีคนวาดรูปฉากบนดาดฟ้าให้แต่ธัญญ์มีปัญหากับการอัพรูปในนี้มากๆก็เลยอัพให้้ดูกันไม่ได้ แต่อยากขอบคุณมากนะคะ ใครอยากรู้ว่ารูปไหนก็ไปดูได้จากดิสทวิตเตอร์ของธัญญ์ค่ะ
#ไม่ดิ้นรนหา

สิ่งที่อยากฝาก
1. เร็วๆนี้จะเอาเรื่องของแรมกับธันวามาลงค่ะ เรื่องมี 15 ตอน เหมือนจะสั้นแต่ยาว อาจมีการแบ่งพาร์ทในการลง ชื่อเรื่อง #แรมเดือนสิบสอง เป็นชีวิตสมัยยังเป็นนักศึกษาแพทย์ ยังไม่ได้รักกันอย่างทุกวันนี้  ‘ถึงเวลาที่คืนจันทร์แรมจะโคจรเข้าครอบครองเดือนสิบสองแล้ว’ https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67032.msg3822903#msg3822903 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67032.msg3822903#msg3822903)
2. พี่คริสก็จะมีเรื่องของนางด้วย ชื่อเรื่อง #LoveResearch #วิจัยในรัก 5 ปีที่หัวใจไม่มีใครได้ครอบครองและสมองที่ยังคงค้นหาคำตอบของความรักในแบบของน้องชายทำให้เขายื่นโปรไฟล์เข้าร่วมงานวิจัยของนักวิชาการคนหนึ่ง (ในตอนนี้จะสังเกตเห็นว่าแวบหนึ่งคริสเกิดคำถามขึ้นมาตอนที่อยู่ในห้องของดีน)
3. หมอเก่งของเราจะมีแฟนเด็กกว่าคุณดีนหรือเปล่าต้องติดตามในเรื่อง #CCU #วิกฤติรักห้องพักหัวใจ ‘กฎของการเข้าพักคือห้ามรักหมอ’  ชีวิตของแพทย์ประจำบ้านอายุรกรรมประจำหน่วยหัวใจห้อง CCU จะมี ‘เด็กเวร’ เข้ามาป่วนจนหัวใจเข้าขั้นโคม่ายิ่งกว่าคนไข้ที่หมอเคยเจอมาเสียอีก!
ขอฝากติดตามทุกคู่ด้วยนะคะ


ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-03-2018 23:07:28
 :L2: :L1: :pig4:

ดีใจ เรามารอตลอดเลย
เรื่องน่าติดตามทั้งนั้นเลบ งอมแงม
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-03-2018 06:05:32
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 02-03-2018 07:32:58
 :m1:  คุณพ่อยอมรับแล้ว  เย้ ๆ
รักกันหวานชื่น กับคุณดีนคนหลงแฟน > <
ชอบเรื่องนี้มากมาย อ่านแล้วมีความสุขตลอดเลย
ขอบคุณคนเขียน สำหรับนิยายดี ๆ อย่างนี้นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 02-03-2018 10:16:31
ทีแรกนึกว่าตาฝาดแต่พอกดเข้ามาดูใช่จริงๆด้วย 
ดีใจมากๆเลยที่คุณคนเขียนมาอัพตอนพิเศษเพิ่มเนื้อเรื่องก็ยังคงความเป็นจริงในความสัมพันธ์ของคนสองคนและความรักของครอบครัวเราชอบวิธีการดำเนินเรื่องสไตล์นี้ของคุณคนเขียนมากๆเลยค่ะ
แล้วก็เรื่องใหม่ที่เกริ่นทิ้งท้ายไว้น่าอ่านทุกเรื่องเลยค่ะ. จะรออ่านแน่นอนค่ะ
ขอบคุณนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 02-03-2018 10:40:14
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย เหตุผลของคุณดีนน่ารักจังง นอกจากจะให้เกียรติรณณ์ ยังให้เกียรติพ่อกับแม่รณณ์ด้วย :impress2: :impress2: :impress2:
น่ารักและอิ่มไปทั้งใจกับเรื่องราวความรักของทั้งคู่ รอติดตามในรูปเล่มต่อค่ะ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 02-03-2018 12:44:27
โอ้ยย น่าร้ากก คู่นี้เหมาะสมและคู่ควรกันมากจริงๆ คุณดีนพอมีความรักแล้วหว๊านหวานเลยนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: z9_0 ที่ 02-03-2018 13:41:05
น่ารักอ่ะืำไมพี่ดีนดีขนาดนี้  อยากเป็นเบ๊บของพี่ดีนเวอร์  ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-03-2018 15:30:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 02-03-2018 16:13:48
ครอบครัวยอมรับแล้วอยากได้เล่มเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-03-2018 16:16:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Kkfu ที่ 02-03-2018 17:28:52
ดีจังเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: mpalism31 ที่ 02-03-2018 21:22:24
น่ารักสุดๆไปเลยยยยยยยยยยย  :-[
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-03-2018 21:35:11
พี่ดีนช่างเท่
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ
รอเรื่องต่อ ๆ ไปนะคะ น่าอ่านทั้งนั้นเลย
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 02-03-2018 22:27:30
Happy
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 03-03-2018 03:01:25
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษครับ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 03-03-2018 09:27:30
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: oumoum21 ที่ 03-03-2018 10:30:01
ขอบคุณค่ะ อยากอ่านทุกเรื่องเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 03-03-2018 11:21:32
รออ่านเรื่องใหม่ค่ะ  และรอซื้อคุณดีนเป็นเล่มจ้า
สนุกน่ารักมากกก
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: renardette ที่ 03-03-2018 12:17:56
ชอบมากเลยเรื่องนี้ ขอบคุณมากนะคะ ต้องซื้อเล่มเก็บแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 03-03-2018 13:13:29
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-03-2018 23:16:22
 o13



 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-03-2018 00:17:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 05-03-2018 17:14:36
มีงัดปากกันด้วยแหละ  :impress2:

ปล. อยากให้คุณพี่รณณ์กับคุณพ่อดีณปะทะกันซักยก น่าสนุก
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 08-03-2018 19:28:15
 :heaven :mew2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 13-03-2018 00:58:48
ขอบคุณค่ะ พี่ดีนอบอุ่นมากกเลยย
น้องรณณ์ก้น่ารักกก
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 18-03-2018 14:51:38
ช่วงชะตานำพาสองคนเดินสวนกันไปมา
ดีนะที่หากันจนเจอ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 20-03-2018 13:39:20
สนุกมากเลยค่ะ ละมุนมาก
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 24-03-2018 20:27:44
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
สนุกมากเลยค่ะ เอ็นดูรณณ์มากๆๆ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Orange151987 ที่ 24-03-2018 22:00:34
 :katai2-1: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: khunkun91 ที่ 27-03-2018 23:46:29
ไม่เชิงอ่านรวดเดียวจบ แต่มันดจียยยยยย์ ฮืออออออ
ละมุนไปหมดเลยยยย แพ้คำว่า “เบ๊บ” มากเลยค่ะคุณขา ><
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: abbaba ที่ 29-03-2018 07:06:49
เราอ่านรวดเดียวยังไม่ได้นอนเลยค่ะ 55555
เนื้อเรื่องน่ารักมากๆ ภาษาดีมากกกกก ลื่น สนุกกกกก
ชอบความค่อยๆเป็นค่อยๆไปมากๆ
ตอนพิเศษน่าสนใจมากเลยค่ะ รอปกเล่มเลยนะคะ
แล้วก็จะติดตามเรื่องอื่นๆด้วยค่ะ
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 29-03-2018 12:43:26
อยากได้รูปเล่มแล้ววววววว


 :impress2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-04-2018 21:01:26
สนุกมาก ลื่นไหล อบอุ่นละมุนละไม
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 20-04-2018 07:59:19
สนุกมากๆๆๆ ชอบความตรงของคุณดีน
อ่านแล้วรู้สึกว่าค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบ
อยากอ่านเรื่องของคุณคริสแล้ว
ดูมีความสงสัยในเรื่องความรักของดีนมาก
อยากรู้ว่าคนของคริสจะเป็นยังไง
รออ่านอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 24-04-2018 00:34:26
น่ารักกกกก อยากอ่านอีกเรื่อยๆ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 17-05-2018 16:00:43
มาดันนิยายที่รักและคิดถึง  :o8: :man1: คิดถึงคุณดีนและน้องรณณ์ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 25-05-2018 13:36:38
น่ารักมากเลยค่ะ อ่านแล้วมีความสุข  :-[
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: hwang ที่ 31-05-2018 03:04:56
 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven

โฮ้ยยย จบแล้ว ดีมากทุกตอนเลยค่ะ ไม่มีตอนไหนไม่ดี
เป็นเรื่องที่ตอนแรกฟุ้งๆหน่อย แต่อ่านแล้วรู้สึกโลกสดใสมากค่ะ 5555555555555
เอ็นดูทั้งน้อง ทั้งพี่ แอบเห็นใจคุณดาวหน่อย ๆ ชีวิตเขาเจออะไรมาเยอะเหมือนกันนะคะ ขอให้เขาปลงได้สักวันหนึ่ง
เพื่อน ๆ ของคุณพี่ดีนน่ารักทุกคนเลยค่ะ อ่านแล้วก็เอ็นดู


ขอบคุณคนแต่งมาก ๆ เลยนะคะ ที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมา
ให้เราได้ซึมซับบรรยากาศ อารมณ์ต่าง ๆ ในเรื่อง โมเม้นเขิน ๆ ที่อ่านแล้วอยากจะหมุนตัวหลาย ๆ รอบบ 555555
ทำให้ชีวิตเราสดใสไปชั่วขณะนึงเลย เป็นพลังบวกจริง ๆ นะคะ เติมพลังมากมากก :ruready :ruready :ruready :ruready
เรื่องนี้พลอตดีมากเลยนะคะ  เราจะติดตามซัพพอร์ตคุณไปเรื่อย ๆ นะคะ

<3
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: mrsnikiforov ที่ 02-06-2018 07:13:44
ขอบคุณมากเลยค่ะสำหรับนิยายดีๆ อ่านแล้วอิ่มอกอิ่มใจ อมยิ้มไปหนักมาก รักความไม่ปิดั้นตัวเองเรื่องความรักของทั้งคู่ค่ะ แอบอยากให้ตอนเฉลยว่าน้องตามพี่ดีนในทวิตในไอจีตั้งสามปีกว่านี่ ยาวกว่านี้นะคะ55 เฉลยแล้วปุ๊ปปั๊ป แอบอยากเห็น side story ฝั่งพี่ดีนตอนเห็น RONN ว่าสะกิดใจตอนไหนว่ารณณ์เดียวกันน่ะค่ะ

รักน้องเบ๊บของพี่ดีน อ่านไปก็ม้วนตัวสิบตลบ เขิลลจังเลยค่า ชัดสุดก็พี่ดีนที่ก่อนหน้ามีความรักกับตอนมีความรัก มีความต่างมว้ากกก คุณบอกอหวานเป็นน้ำเชื่อมเลย ฮื่อออ แต่ดีตรงปากตรงกับใจ ไม่ลังเลที่จะรัก นัลลักก

เอ๋ พี่คริสก็มีเรื่องของตัวเองเหรอคะเนี่ย หมอเก่งอีก แบบนี้ก็หมายความว่าจะชอบผู้ชายกันสินะคะ อาเตี่ยจะยอมเหรอออ อมก ไม่อยากจะคิดว่าจะดราม่าขนาดไหน ;-; แต่ก็สนใจว่าคนแบบพี่คริสจะเป็นไง เป็นอีกคนที่อ่านแล้วหมั่นไส้มากค่ะ 5555 ดูเป็นคนที่ไม่ได้ศรัทธาและไม่ได้เข้าใจความรักเท่าไหร่เลยนะคะ หมอเก่งงคนที่ปากบอกจะจีบผิงสินะคะ5555 ผิงควรจะรู้สึกยังไงถ้าเกิดว่าพี่คริสทั้งหมอเก่งหันไปชอบผู้ชายกันหมด โง้ยยยย555 ไว้อาลัยเลยนะคะ แต่จะคอยติดตามผลงานทุกเรื่องค่ะ //ปูเสื่อรอพี่แรมกับหมอธันว์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 08-06-2018 20:55:24
ขอบคุณมาก น่ารักสุดๆเลยเป็นเรื่องที่อบอุ่น ความรักทั้งสองคนมั่นคงเชื่อใจและไม่เคยเกิดปัญหาจากทั้งสองคนเลยเกิดจากคนรอบข้างและสถานการณ์ล้วน รู้สึกดีมาก ขอบคุณคนเขียนนะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-07-2018 22:22:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 21-07-2018 10:53:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: glimpse ที่ 21-07-2018 20:35:53
รออ่านหนังสืออยู่นะคะ อยากอ่านมากๆเลยค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 23-07-2018 01:52:25
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 23-07-2018 11:17:49
กลับมาอ่านพิเศษค่ะ
ยังคงละมุนกับคุณดีนเหมือนเดิม ...

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: ahpanpit ที่ 27-07-2018 08:32:44
สนุกมากกกกกก
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดี ๆให้อ่านนะคะ
อ่านไปก็อมยิ้มไป
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 28-07-2018 13:11:04
 :pig2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 31-07-2018 22:46:22
 :กอด1:ชอบมากกก กับมุมมองความรัก :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 18-09-2018 12:19:00
แอบมาเจอเรื่องนี้โดยบังเอิญ หลังจากที่หากหายจากการอ่านนิยายวายแบบจริงๆ จังๆ ไปพักใหญ่ เราชอบมุมมองความรักของเรื่องนี้มาก และชอบความค่อยเป็นค่อยไปในการพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เราว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่โรแมนติกและดูฟุ้งๆ ดี เพราะทั้งคู่เล่นวนเวียนอยู่ใกล้ๆ กัน ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แต่เพิ่งจะมีโอกาสได้มาทำความรู้จักกันก็ตอนก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ยิ่งคนไม่รู้จักความรักแบบดีน ได้ลองมีความรักสักครั้ง มันทำให้เรารู้สึกว่า เออ ความรัก เราไม่จำเป็นต้องดิ้นรนหาจริงๆ น่ะแหละ เพราะถ้ามันจะมา ก็มา เรียกได้ว่าเป็นโชคชะตาอย่างนึงแหละ แต่จริงๆ ตอนอ่านทีแรก เราคิดว่าปมยุ่งเหยิงอีรุงตุนังระหว่าง ดาว กับ ดีน ที่มีผลพวงมาจากคริสและผิง มันจะจบยากกว่านี้นะ เพราะดาวดูไม่ยอมแพ้ ดูเคียดแค้นดีนมาก แต่อย่างว่า ในเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน อะไรๆ มันก็ย่อมจบง่าย ส่วนประเด็นของคริสที่ยกเลิกแต่งงานเนี่ย เอาจริงๆ ในชีวิตจริงก็เจอมาเยอะนะ ประมาณว่าพอจะแต่งแล้วรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่อ่ะ แต่ความรักไม่ใช่เรื่องของคนสองคน นี่จริงที่สุด เพราะประเด็นนี้ทำให้มีปัญหามานักต่อนักละ ส่วนเรื่องที่ทศเคยพูดไว้ เอาจริงเรานึกว่ามันจะเป็นด้านมืดของคุณดีนไปแล้วนะนั่น เพราะพี่แกเล่นพูดกำกวมที่มันไม่ได้สื่อไปในแนวความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับลูกน้องเลย สุดท้ายนี้อยากบอกว่าจะรอเก็บเล่มนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 20-09-2018 05:14:37
สนุกมากๆ เลยค่ะ นี่รอหนังสือเลย ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องน่ารักแบบนี้
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-09-2018 20:03:59
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
พี่ดีนกับน้องรณณ์น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ /ตอนพิเศษ Congratulations [01/03/18]P.14 [ตีพิมพ์กับเฮอร์มิท]
เริ่มหัวข้อโดย: benceii ที่ 24-09-2018 22:29:55
แงงงงง เพิ่งเห็นว่ามีรวมเล่มด้วย จะรออุดหนุนนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // พบกันงานหนังสือตุลาคมนี้บูธเฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 04-10-2018 19:43:12
กราบสวัสดีแฟนๆคุณดีนและน้องรณณ์นะคะ

พบกันในงานหนังสือเดือนตุลาคมนี้ค่ะ

ฝาก หากันจนเจอ ไว้ในอ้อมอกด้วยนะคะ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

(http://)
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // พบกันงานหนังสือตุลาคมนี้บูธสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: nopenew ที่ 10-10-2018 23:51:24
เป็นนิยายเรื่องโปรดอีกเรื่องเลย รณณ์สดใสมากจริงๆ แทบไม่มีความเศร้าหรือการคิดไปเองเลย ความคลุมเครือของพระ-นายก็ไม่มากเท่านิยายที่ส่วนใหญ่จะมีให้หน่วงกันหลายๆ ตอนเพราะสถานะไม่ชัดเจน อ่านแล้วสบายสมองมากค่ะ คิดถึงบรรยากาศร้านกาแฟจนอยากจะมีร้านประจำแบบนี้บ้าง ฮ่าๆๆ แถมยังได้เพลงโปรดเพิ่มอีกเพลงด้วย (+closer :heaven ) ขอบคุณที่แต่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นมานะคะ  :katai2-1: :call:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // พบกันงานหนังสือตุลาคมนี้บูธสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 18-10-2018 20:58:32
เพราะว่าติดใจในชื่อเรื่อง เลยได้เข้ามาอ่านและก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ เราชอบที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนคือความไม่เข้ากันที่อยู่ด้วยกันได้ แค่มีจุดเชื่อมโยงกันเพียงเล็กน้อยก็ตาม ฟินนน ให้กำลังใจคนแต่ง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // พบกันงานหนังสือตุลาคมนี้บูธสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 24-10-2018 15:24:33
คู่นี้ดูเป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผลกันดีจริงๆ น่ารักกกก
ขอบคุณมากค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // พบกันงานหนังสือตุลาคมนี้บูธสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-10-2018 11:30:31
เป็นความรักที่ละมุนละไม ดีต่อใจที่สุด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // พบกันงานหนังสือตุลาคมนี้บูธสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 29-10-2018 10:53:14
โอ้ยยยยย น่ารักมาก  :-[
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // พบกันงานหนังสือตุลาคมนี้บูธสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 04-11-2018 18:24:28
เป็นนิยายที่น่ารักมากกกก โทนเรื่องเรื่อยๆแต่อุ่นในใจตลอดเรื่องเลย
ขอบคุณนักเขียน  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // พบกันงานหนังสือตุลาคมนี้บูธสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: hardened-boy ที่ 05-11-2018 11:19:38
ชอบจัง
แนวที่จีบกันนานๆแบบนี้อะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: MSX1917 ที่ 06-02-2019 14:01:25
  :pighaun: เขินตัวบิด หยอดกันไปมา
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 06-02-2019 23:15:57
 :pig4: :pig4: หากันจนเจอจริงๆครอบครัวยอมรับได้และน่ารักมากกกก ฮืออออจะหาผู้แบบพี่เค้าได้ที่ไหนคะมีขายไหมมมมอยากได้
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: little_def ที่ 08-02-2019 22:25:37
ละมุนอะไรเบอร์นี้คะ  :-[
ขอบคุณคุณธัญญ์มากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 28-04-2019 10:12:09
 o13 o13 o13 o13 o13 ชอบมากกกกกก ฮืออออ เขียนดีมากกกกก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: หวาน ละมุน ดีๆๆๆๆ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 09-05-2019 20:22:09
ชอบการพูดกันของคุณดีนและรณณ์
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 27-07-2019 21:20:36
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 09-08-2019 19:34:18
สนุกค่ะ  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 13-08-2019 19:47:36
ชอบบบบบบบบ มุมมองความรักดีมากๆเลยเรื่องนี้ อ่านแล้วอินมาก ขอบคุณนิยายดีๆแบบนี้ค่ะ ตามอ่านเรื่องอื่นด้วยแน่นอน
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวยุ่ง ที่ 18-09-2019 18:10:31
ดำเนินเรื่องแบบเรียบๆ เรื่อยๆ แต่ละมุน อบอุ่นใจจังเลยค่ะ ชอบมากๆ เลยกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ขอบคุณนักเขียนสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 22-09-2019 10:21:26
 :mew1:  อ่านแล้ว  อยากอ่านอีกค่่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Fasai25448 ที่ 12-10-2019 15:13:33
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ อ่านแล้วมีความสุขมากค่ะ♡
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 17-10-2019 18:07:50
เป็นเรื่องที่น่ารักอบอุ่นหัวใจมากค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mpalism31 ที่ 18-10-2019 05:14:46
อีกตัวละครนึงที่น่าสนใจก็คือเฮียคริสสสสสส เราอยากให้พี่แกมีเมียเป็นผู้มากๆ อยากหาใครมาปราบ หมั่นไส้เว่อร์/ รอออออนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JJAY.K ที่ 27-10-2019 17:20:59
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
ก่อนอื่นต้องขอบคุณนักเขียนสำหรับนิยายดี ๆ ครับ  เป็นเรื่องที่อ่านแล้วชอบอีกเรื่องเลย  การเดินเรื่องค่อย ๆ เป็นไป  แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามันช้าหรือยืดเยื้อทำให้อ่านได้ลื่นไหล  ชอบความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ที่มันค่อย ๆ ปรับเข้าหากัน  รอติดตามเรื่องต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 28-10-2019 21:03:37
ชอบความสัมพันธ์แบบค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้จัง
บทจะรักคุณดีนก็รักแบบหมดตัวหมดใจมาก
อิจฉารณณ์เลยนะเนี้ย

ปล.ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆ นะคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 03-11-2019 02:53:52
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 12-12-2019 19:02:28
แต่งดีมากๆค่ะ ตามมาจาก เดือนแรม และธันวา ชอบสไตล์การเขียนมาก ขอบคุณที่แต่งนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 23-12-2019 10:48:04
อ่านแล้วเขินตามเลย  :o8:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 05-03-2020 15:31:42
โอ๊ย ๆๆ มันดีต่อใจมาก ๆ อบอุ่นละมุนละไมจริง ๆ อ่านแล้วอิ่มเอมสุด ๆ สำนาภาษาก็งดงาม เรื่องราวก็ดีงาม ถ้านี่เป็นเจ้าของบริษัทผลิตละครหรือซีรี่ส์จะเอาเรื่องไปสร้างเลย รักเรื่องนี้

 :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: onlyskyy2912 ที่ 04-04-2020 23:52:52
และเราก็หากันจนเจอจริงๆ ประทับใจมากๆ เป็นเรื่องที่ไม่หวือหวา แต่ชัดเจนในความรู้สึก ทั้งดีนและรณณ์ พวกเขาชัดเจนและซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองมาก มันดีมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 14-04-2020 12:56:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: littlepink ที่ 25-05-2020 21:46:20
น่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 27-05-2020 00:55:33
ไปอยู่ไหนมาไม่รู้พึ่งมาเจอเรื่องนี้!!
แงงงน่ารักมากอุ่นหัวใจไปหมดด
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: wipor ที่ 01-06-2020 19:54:56
 :mew1:น่ารัก
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 03-06-2020 17:39:35
 o13
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: เกี๊ยวกงจื่อ ที่ 05-06-2020 23:20:54
อ่านจนจบแล้ว​ อุ่นในหัวใจมาก

ขอบคุณ​นักเขียน​มาก​ ๆ​ นะครับ​ :)​
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: OmleteO. ที่ 06-06-2020 18:29:55
น่ารักมากเลยค่ะคุณนักเขียน อ่านไปยิ้มไปมีความสุขขขข  ><
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ice-cream ที่ 07-06-2020 22:12:29
เป็นนิยายฟีลกู๊ดดดดด น่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: reginasorn ที่ 17-06-2020 21:30:55
อ่านแล้วอุ่นใจ ตัวละครไม่งี่เง่าด้วย  :katai2-1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 02-08-2020 23:28:50
ขอบคุณนักเขียนที่สร้างสรรค์นิยายเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นเรื่องที่สนุกและอบอุ่นใจเรามากๆ ชอบมากๆ รณคนน่ารัก น้อนรณ 55555 และคุณดีนคนหล่อของเรา วรั้ยยย55555 โดยรวมคือดี ดีใจที่ได้รู้จักพวกเค้า ขอบคุณอีกครั้งนะค้าบบบ จะคิดถึงรณและคุณดีนนะ ขอให้รักกันนานๆจนแก่เฒ่าเลยนะ รักกกกก :กอด1: