►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23  (อ่าน 127170 ครั้ง)

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ต่อให้ปราดเปรื่องแค่ไหน ก็อยู่ภายใต้อารมณ์ด้านลบได้เช่นกัน

ไซเลอร์เจอก้างเคี้ยวยากซะแล้ว แถมยังโตขึ้นได้เรื่อย ๆ อีก
ทำใจนะคุณพ่อ อิอิ

ปล. แซ็ว สะกดผิดจ้ะ แค่ "แซว" ก็พอ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ตกลงหินอยากโตเพื่อปกป้องดินจริงป่ะเนี่ย
โตแล้วก็ยังขี้อ้อนเหมือนเดิม

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 32 เตรียมการ

   ผมกวาดสายตามองทุกคนที่นั่งล้อมวงกินมื้อเย็นอยู่ข้างกองไฟแล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้ เพราะรู้สึกได้ว่าบรรยากาศในตอนนี้ดูผ่อนคลายจนเหมือนกับว่าเราแค่มาตั้งแค้มป์รอบกองไฟ ไม่เหมือนว่าเพิ่งจะหนีตายกันมาสักนิด

   “ยิ้มอะไรหืม” ไซเลอร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามขึ้น เมื่อเห็นว่าผมนั่งยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียว ผมยื่นมือไปรับปลาย่างจากไซเลอร์มาถือไว้ แล้วค่อยตอบสิ่งที่คิดอยู่ให้ฟัง

   “แค่คิดว่า ตอนนี้ทุกคนดูผ่อนคลาย เหมือนกับมาเที่ยวกันมากกว่าเพิ่งจะหนีอันตรายมาน่ะครับ” ไซเลอร์ยิ้มตอบ

   “เดิมทีพวกเราชาวเคลเบรอสก็ไม่ใช่คนที่คิดอะไรมากอยู่แล้ว เราแค่พยายามทำทุกอย่างให้เต็มที่ เมื่อถึงเวลางานก็จะทำอย่างสุดความสามารถ แต่เมื่อถึงเวลาพักก็จะพักผ่อนอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน เราทุกคนเชื่อว่าหากตั้งใจทำทุกอย่างอย่างเต็มที่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน”

   “ครับ” ผมยิ้มรับคำไซเลอร์ เพราะคนที่นี่เป็นแบบนี้นี่แหละ ถึงได้อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจเสมอ

ผมแกะปลาที่ไม่ร้อนมากเหมือนเมื่อครู่แล้วเริ่มกิน ก้อนหินที่นั่งอยู่ข้างๆ พอเห็นผมเริ่มกินปลา มันก็กินเนื้อเสียบไม้ที่คนนั้นยื่นให้ที คนนี้ยื่นให้ทีแล้วส่ายหางอย่างมีความสุข ทั้งๆ ที่ตอนไปจับปลาก็เปลี่ยนร่างเป็นมังกรตัวใหญ่แล้วจับปลาเขมือบไปจนแทบจะหมดลำธารแล้วด้วยซ้ำ ผมได้แต่ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกทั้งระอาและเอ็นดู

   หลังจากกินมื้อเย็นกันจนอิ่มแล้ว ทุกคนก็เข้าไปนอนในกระท่อมทั้งหมด เพราะมิตินี้ไม่มีอันตรายเหมือนที่อื่นๆ จึงไม่จำเป็นต้องให้ใครต้องมาคอยเฝ้ายาม ก้อนหินที่อยู่ในร่างเล็กๆ ขยับมาซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดผม ผมก็กอดมันไว้ในอ้อมแขนแล้วใช้มือลูบหลังกล่อมมันด้วยความเคยชิน

   “ฝันดีนะก้อนดิน” ไซเลอร์ที่นอนอยู่ข้างๆ กระซิบบอกเบาๆ

   “ฝันดีครับไซเลอร์ ฝันดีนะก้อนหิน”

   “ก๊าส”

*************************************************************************************

   รุ่งเช้า หลังจากที่กินอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มออกเดินทางทันที ท่านเซเรสบอกว่าเป้าหมายที่เราต้องเดินทางไปสะสางก็คืออาณาจักรรุค ถึงทุกคนจะมีสีหน้าแปลกใจ แต่ก็ไม่มีใครถามอะไร เพราะเราเชื่อมั่นในตัวท่านเซเรสกันทุกคน

   เพื่อให้การเดินทางรวดเร็วขึ้น ทุกคนจึงเดินทางกันในร่างแปลงไม่เว้นแม้แต่ท่านเซเรสที่เป็นลูกครึ่งเคลเบรอสกับบาอัล ผมมองร่างแปลงของท่านเซเรสด้วยความสนใจ เพราะรูปร่างหน้าตาของร่างแปลงนั้นออกจะแปลกหน่อยๆ มองดูก็รู้ว่ามีส่วนผสมของทั้งหมาทั้งแมว คือ มันไม่ใช่ว่าส่วนบนเป็นแมว ส่วนล่างเป็นหมา หรือ ซีกซ้ายเป็นหมา ซีกขวาเป็นแมวอะไรแบบนั้นนะครับ ถ้าแบบนั้นก็ประหลาดเกิ๊น แค่เวลามององค์ประกอบโดยรวมแล้วรู้เลยว่าคือหมากับแมวผสมกัน

   เอ่อ... เข้าใจที่ผมอธิบายไหมครับ แหะๆ

   ก้อนหินที่กำลังเห่อปีกตัวเองก็ยังคงใช้ร่างเล็กๆ เหมือนในตอนแรกๆ เพื่อที่มันจะได้สยายปีกได้ขนาดตามที่ต้องการ ทำให้ตอนนี้มันสามารถบินได้แล้ว ตั้งแต่ตื่นเช้ามา มันก็บินวนเวียนรอบตัวผมไม่หยุดจนผมชักเริ่มจะเวียนหัวแล้ว

   ส่วนตัวผมนั้นต้องขึ้นไปนั่งบนหลังของมาสทิฟฟ์ เพราะมาสทิฟฟ์มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดในฝูง แม้ไซเลอร์จะอยากให้ผมขึ้นหลังตัวเองมากกว่า แต่ก็สู้เสียงส่วนใหญ่ของเพื่อนๆ ไม่ไหว เลยต้องยอมแพ้แต่โดยดี

   จากที่ปกติเวลาเดินทางมาสทิฟฟ์เคยนำหน้ามาตลอด พอมีผมอยู่บนหลังมาสทิฟฟ์ก็ถอยลงมาแล้วให้พรีซาขึ้นไปเป็นผู้นำแทน มีชเนาเซอร์กับท่านเซเรสขนาบข้าง ตามด้วยไซเลอร์และร็อตปิดท้ายขบวน

   หลังจากขึ้นบนหลังมาสทิฟฟ์แล้ว ผมก็กระชับย่ามที่ถือไว้ให้แน่นขึ้น มือแตะสำรวจของที่อยู่ข้างในเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่าเข็มชุบยาสลบที่ท่านเซเรสให้มายังอยู่ในนั้น

   ก่อนออกเดินทาง ท่านเซเรสทำเข็มบรรจุยาสลบอย่างแรงให้พวกเราทุกคนพกติดตัวกันไว้ด้วย ซึ่งยาสลบที่นำมาใส่ไว้ในเข็มนั้นได้มาจากต่อมเขี้ยวของงูชนิดหนึ่ง

   ท่านเซเรสเลคเชอร์ให้ฟังว่า งูชนิดนี้เมื่อมันกัดเหยื่อแล้ว มันจะปล่อยของเหลวที่มีฤทธิ์เป็นยาสลบอย่างแรงออกมาจากต่อมที่เขี้ยวทันที แม้จะได้รับพิษเพียงปริมาณน้อยนิดก็สามารถทำให้เหยื่อที่ถูกกัดสลบได้อย่างรวดเร็ว

สารชนิดนี้ไม่สามารถทำให้เหยื่อตายได้ แต่เหยื่อจะตายเพราะหลังจากที่สลบไปแล้ว มันจะใช้ลำตัวรัดเหยื่อจนกระดูกแหลกละเอียด เพื่อจะได้กลืนลงท้องได้ง่ายๆ ซึ่งทำให้เหยื่อขาดใจตายไปอย่างไม่รู้ตัว

ก็ดูเหมือนเหยื่อน่าจะไปสบายอยู่นะครับ เอ่อ... แต่ผมว่าถ้าไม่โดนมันเขมือบลงท้องก็น่าจะสบายกว่า...

   ท่านเซเรสพาพวกเราเข้าไปในแหล่งที่มันชอบอาศัยอยู่และที่ที่มันออกล่าเหยื่อซึ่งอยู่ด้านนอกมิตินี้ ท่านเซเรสสอนเรื่องนิสัยใจคอของมัน สอนวิธีการใช้อุปกรณ์จับและวิธีการจับที่ถูกต้องเพื่อป้องกันไม่ให้มันกัดเราได้

   เมื่อไปถึงแหล่งของมันท่านเซเรสก็จับให้ดูเป็นตัวอย่างและนำมาให้พวกเราดูให้ชัดๆ เพื่อจะได้ไม่จับผิดตัว พอได้เห็นงูชนิดนี้ชัดๆ ผมถึงรู้สึกคุ้นๆ ว่ามันเป็นงูที่ก้อนหินชอบจับกินในตอนที่ผมเจอมันแรกๆ

   ก้อนหินบอกว่าตอนแรกๆ ที่มาที่นี่ ผมไม่ค่อยมีสัญชาติญาณระวังภัยเอาซะเลย มันเลยต้องคอยระวังสัตว์มีพิษและสัตว์อันตรายพวกนี้ให้ มันกลัวว่าเจ้างูชนิดนี้จะเข้ามากัดผม ก็เลยจับกินซะก่อน รวมทั้งจับสัตว์มีพิษชนิดอื่นๆ ที่เข้ามาใกล้ผมกินด้วย มิน่าล่ะ ตอนแรกๆ ถึงได้เห็นมันกินแต่สัตว์แปลกๆ

นี่ถ้าไม่มีก้อนหิน แต่มาตัวคนเดียว ผมว่าผมคงโดนมันกัด แล้วก็คงโดนตัวอะไรสักอย่างลากไปกินแน่นอน คงไม่รอดมาจนถึงป่านนี้หรอก...

แค่คิดก็ขนลุก!

   เมื่อจับงูได้ตามจำนวนพอสมควรแล้ว ท่านเซเรสก็นำมารีดตัวยาจากต่อมที่เขี้ยวของมัน หลังจากรีดพิษออกมาแล้ว ก็เอาเข็มที่เป็นเหมือนปล้องเล็กๆ วางลงไป พิษก็จะวิ่งขึ้นไปจนเต็มเข็มแล้วคงอยู่ในนั้นจนกว่ามันจะทิ่มโดนอะไรสักอย่างมันถึงจะไหลออกมา

   ท่านเซเรสอธิบายวิธีใช้เข็มให้ฟังว่าถ้าสัมผัสด้านนอกของเข็มจะไม่เป็นอันตราย หรือถ้าสัมผัสผิวหนังเฉยๆ ตัวยาก็จะยังไม่ออกฤทธิ์ ยาชนิดนี้จะสามารถออกฤทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อเข้าสู่ร่างกายสิ่งมีชีวิตไปเท่านั้น

   ไซเลอร์กับเพื่อนๆ สามารถใช้เข็มกันได้อย่างคล่องมือ ทั้งแทงลงไปตรงๆ และซัดระยะไกลๆ ไซเลอร์บอกว่า เป็นเพราะทุกคนเคยมีพื้นฐานตอนฝึกการใช้อาวุธกันอยู่แล้ว มีแต่ผมนี่แหละที่ยังอ่อนกว่าเพื่อน เลยโดนติวเข้มในหลักสูตรเร่งรัดโดยทีมเฮดีส

   ไอ้วิธีแทงลงไปตรงๆ นี่สำหรับผมแล้วคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาเท่าไหร่ แค่สามารถเข้าประชิดตัวได้ ก็น่าจะพอหาโอกาสแทงถูกส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายได้อยู่แล้ว

แต่ท่านเซเรสกับพี่ๆ แกกลัวผมจะต้องเจอกับคนที่ฝีมือเหนือกว่า เช่นนักสู้ของแต่ละอาณาจักรที่โดนสะกดจิตอย่างที่เพิ่งได้เจอมา ทุกคนเลยเห็นตรงกันว่าถ้าไม่จำเป็นห้ามไม่ให้ผมเข้าไปใกล้คู่ต่อสู้โดยเด็ดขาด เพราะมีโอกาสเสียเปรียบและเสี่ยงอันตรายมากกว่า

   ทีมเฮดีสเลยเน้นการฝึกซัดเข็มในระยะไกลให้ผมแทน ทำให้ผมต้องฝึกซัดเข็มซ้ำๆ ไม่ได้หยุดจนรู้สึกเหมือนแขนแทบหลุดออกมาจากบ่ากว่าพี่ๆ ติวเตอร์สุดโหดจะบอกว่าใช้ได้ แล้วยอมปล่อยให้ผมไปที่ชอบๆ เอ๊ย! ปล่อยให้ผมเลิกฝึกได้ซะที จนถึงตอนที่กำลังคลำดูกล่องเข็มอยู่นี่ผมยังรู้สึกหลอนๆ เหมือนแขนจะยกไม่ขึ้นอยู่เลย!

   เนื่องจากทุกคนเดินทางโดยใช้ร่างแปลง ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเราก็จะเข้าสู่เขตอาณาจักรรุค เราพยายามเลี่ยงเมืองเพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกต ยังดีที่มีเอกสารผ่านทางที่องค์ราชาแห่งรุคฝากไว้กับคนที่ทรงไว้ใจนำมาให้ จึงทำให้การผ่านด่านต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น

เมื่อเข้าสู่เมืองหลวงของรุค ทุกคนก็กลับสู่ร่างมนุษย์ ส่วนก้อนหินสงสัยจะขี้เกียจบินแล้ว มันเลยมาอ้อนให้อุ้ม พอผมอ้าแขนปุ๊บมันก็เข้ามาซบหันหน้าเข้าหาตัวผมซุกหามุมสบายๆ สักพักก็หลับไปเฉยเลย

ผมกวาดสายตามองรอบๆ ผู้คนในอาณาจักรก็ดูจะใช้ชีวิตอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมหันไปมองหน้าท่านเซเรสอย่างงงๆ ท่านก็ยิ้มให้แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาผมก็เลยไม่ได้ถามอะไรต่อ

เราเดินทางต่อไปเรื่อยๆ จนถึงเขตพระราชวังก็พบว่าเจ้าชายอินดัสมายืนรออยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเคร่งเครียดผิดจากที่เคยพบกันเมื่อครั้งก่อนมาก เจ้าชายบอกว่าท่านมอลทีสให้มารอรับพวกเราอยู่ตรงนี้ เมื่อทักทายกันตามมารยาทเรียบร้อยแล้วเจ้าชายก็ทรงเดินนำเข้าไป

พอก้าวพ้นประตูเข้าเขตกำแพงพระราชวังเท่านั้นแหละ ผมถึงกับชะงักและได้แต่ยืนอึ้งกับภาพที่ได้เห็น เมื่อภายในเขตพระราชวังต่างกับด้านนอกราวฟ้ากับเหว ด้านในสภาพเหมือนกับเพิ่งจะผ่านพายุลูกใหญ่มา ต้นไม้น้อยใหญ่หักโค่นล้มระเนระนาด สวนสวยๆ ที่เคยเห็นเมื่อครั้งก่อนเละจนจำสภาพเดิมไม่ได้ ข้าวของพังเสียหายเกลื่อนกลาดไปทั่วทั้งบริเวณ

“คงมีคนกางเขตแดนเวทย์ไว้น่ะ ป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบกับคนภายนอก” ไซเลอร์อธิบายให้ฟัง ก่อนจะแตะแขนเพื่อบอกให้ผมเดินต่อ

ระหว่างทางก็เห็นทหารและคนที่ทำหน้าที่ต่างๆ ในวังช่วยกันเก็บข้าวของและทำความสะอาดกันวุ่นวายไปหมด เจ้าชายอินดัสพาเราเดินตรงไปยังห้องที่ใช้ต้อนรับเมื่อครั้งก่อน

เมื่อไปถึง ทหารก็ตะโกนแจ้งให้คนด้านในทราบ พอประตูเปิดออกก็พบว่ามีคนอยู่ด้านในจำนวนมากกำลังประชุมกันอยู่อย่างเคร่งเครียด

แต่เมื่อเราก้าวเข้าไปในห้องทุกคนก็หยุดคุยทันทีแล้วหันมามองกันทั้งห้องทำให้ห้องประชุมเงียบกริบจนผมเกือบสะดุด!

“ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน เชิญพวกท่านออกไปทำหน้าที่ตามที่รับผิดชอบได้เลย ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับท่านจอมปราชญ์ทั้งสามต่ออีกสักหน่อย”

“กระหม่อมทูลลา” เมื่อองค์ราชาฟอลคอนตรัสจบเกือบทุกคนในห้องก็คุกเข่าแสดงความเคารพก่อนจะทยอยเดินออกไปจากห้องไป เหลือเพียงท่านจอมปราชญ์ทั้งสามอาณาจักรที่ยังอยู่ในห้อง

   “ถวายพระพรฝ่าบาท” หลังจากโค้งคำนับให้คนที่ในห้องที่ทยอยเดินออกไปจนหมด เราทั้งเจ็ดก็เดินไปหาองค์ราชาฟอลคอนแล้วคุกเข่าแสดงความเคารพต่อองค์ราชา

   “ลุกขึ้นเถอะ” เมื่อพวกเราลุกขึ้นเรียบร้อยแล้วองค์ราชาฟอลคอนก็รับสั่งถามต่อทันที

   “ปลอดภัยดีแล้วใช่ไหมก้อนดิน”

   “ปลอดภัยดีฝ่าบาท ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วง” จากที่ได้เหลือบมองก็เห็นว่าองค์ราชาทรงมีสีหน้าเคร่งเครียดมาก ทรงกวาดสายตามองผมสักพักก่อนจะทรงตรัสต่อ

   “เราต้องขอโทษเจ้าด้วยนะ ที่คนของเราทำให้เจ้าต้องได้รับอันตราย” ผมเกือบจะถอนหายใจเฮือกกับคำขอโทษที่ได้มารับจากหลายๆ คนในช่วงนี้ แต่ยังดีที่ยั้งไว้ทัน ได้ฟังนี้บ่อยจนอยากจะซื้อไปทิ้งจริงๆ

   “มันไม่ใช่ความผิดของพระองค์เลยครับ ถ้าจะผิดก็ผิดที่คนทำมากกว่า อย่าทรงโทษตัวเองเลย” องค์ราชาทรงยิ้มแล้วถอนหายใจ

   “ถึงยังไงข้าก็มีส่วนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ท่านเซเรสสินะ ท่านมอลทีสบอกว่าท่านน่าจะเป็นผู้ที่รู้เรื่องทุกอย่างแล้ว ท่านเล่าเรื่องทั้งหมดให้ก้อนดินฟังหรือยังล่ะ” ประโยคแรกทรงตรัสกับผม ก่อนที่จะหันไปตรัสกับท่านเซเรสในประโยคหลัง

   “ยังไม่ได้เล่าฝ่าบาท มันเป็นเรื่องภายในของฝ่าบาท กระหม่อมรอให้ทรงเป็นผู้เล่าเอง” องค์ราชาฟอลคอนพยักหน้ารับรู้ก่อนจะทรงถอนหายใจแล้วตรัสบอก

   “นั่งก่อนสิ” ทรงเดินไปยังเก้าอี้ที่วางไว้ตรงมุมห้องแล้วนั่งลงก่อน พวกเราก็นั่งกันตามแล้วตั้งใจฟังเรื่องราวต่อ

   “คนที่เป็นคนจับเจ้ากับก้อนหินไปก็คือพาราคีท อนุชาขององค์ราชินีชีลา” ผมเกือบจะหลุดอุทาน ยังดีที่ยังยั้งไว้ทัน จากนั้นก็พยายามนึก เพราะรู้สึกคุ้นๆ ชื่อว่าเหมือนจะเคยได้ยินชื่อนี้เมื่อตอนที่มาครั้งก่อนด้วย

   “ตามกฎของรุค คนที่จะรับตำแหน่งราชาได้นั้นต้องมาจากตระกูลอินทรีย์หรือเหยี่ยวเท่านั้น ส่วนราชินีก็ต้องมาจากตระกูลฟินซ์เป็นหลัก แต่หากทั้งสองฝั่งไม่มีผู้ที่เหมาะสมก็ค่อยคัดจากตระกูลอื่นขึ้นมาแทน

อันที่จริงตระกูลที่ต้องมาเป็นราชาคือคนของตระกูลของราชินีชีลา แต่พาราคีทซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวของตระกูลกลับมีร่างแปลงเป็นนกหงส์หยก ดังนั้นเขาจึงไม่เป็นที่ยอมรับ ทั้งๆ ที่เขามีความสามารถมากพอ ตำแหน่งนั้นจึงตกมาที่ตระกูลของข้าแทน
ส่วนตำแหน่งราชินีก็เป็นของตระกูลฟินซ์ ซึ่งในขณะนั้นมีบุตรสาวที่คุณสมบัติเพียบพร้อมเหมาะสม พวกเจ้าคงรู้เรื่องอดีตว่าที่ราชินีของข้าอยู่แล้วใช่ไหม” พอเห็นทุกคนนิ่งเป็นคำตอบก็ทรงถอนพระทัยแล้วตรัสเล่าต่อ

“หลังจากนางจากไปแล้ว ตระกูลฟินซ์ก็ไม่มีใครที่เหมาะสมจะมารับตำแหน่งนี้อีก ตระกูลของชีลาจึงเสนอให้ชีลามาเป็นราชินีของข้าแทน เพราะคงคิดว่าถึงแม้คนในตระกูลจะไม่สามารถรับตำแหน่งราชาได้ แต่ได้ตำแหน่งราชินีของอาณาจักรมาครองก็ยังดี แม้ข้าจะพยายามปฏิเสธ เพราะตัวข้าเองนั้นมีคนรักที่ได้รู้จักหลังจากคู่หมั้นจากไปอยู่แล้ว แต่ปฏิเสธและหาเหตุผลมาแย้งอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ตระกูลต่างๆ ยืนยันว่ากฎก็ต้องเป็นกฎ แม้ว่าตอนนั้นข้าอยากจะเปลี่ยนกฎสักแค่ไหน แต่ข้าก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงภายในระยะเวลาอันสั้นได้ ข้าจึงต้องทำใจยอมรับ และต้องแต่งงานกับชีลาตามกฎเหมือนเดิม

แต่หัวใจข้าก็ไม่เหลือที่ว่างให้ใครอีกแล้ว ด้วยความเห็นแก่ตัวของข้า ข้าจึงรับโอลิเวียคนรักของข้าเข้ามาเป็นสนม นอกจากนี้ตระกูลอื่นๆ ก็ส่งบุตรสาวของตัวเองเข้ามาเพื่อถ่วงดุลอำนาจกันและกันเอาไว้ แต่ก็อย่างที่บอกว่าหัวใจของข้าเป็นของโอลิเวียแต่เพียงผู้เดียว จึงทำให้ข้าละเลยผู้หญิงคนอื่นๆ รวมถึงราชินีชีลาด้วย

   พาราคีทคงแค้นที่โดนตัดโอกาสทั้งที่เขาไม่มีความผิด ที่สำคัญก็คงแค้นที่ข้าละเลยพี่สาวของเขาด้วย ถึงได้จับพวกเจ้าไปเพราะต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงกฎต่างๆ ของที่นี่ อันที่จริงเรื่องของกฎเก่าๆ เหล่านี้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะแก้นะ แต่มันต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงบ้าง ซึ่งตอนนี้ข้ากับลูกๆ ต่างก็ค่อยๆ วางแผนปูทางเพื่อเปลี่ยนแปลงกันอยู่”

   “เอ่อ... ขอโทษนะครับ กระหม่อมสงสัย ถ้าท่านพาราคีทแค้นพระองค์ แล้วทำไมถึงได้ไปวางยาควีนคูวาสซ์ล่ะครับ” มันน่างงไหมล่ะ แค้นทางนี้ แต่ไปวางยาทางโน้น เพื่อ?

องค์ราชาฟอลคอนถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าการถอนหายใจเป็นโรคติดต่อรึไง ตอนคุยกับท่านเซเรสท่านเซเรสก็เอาแต่ถอนหายใจ พอมาคุยกับองค์ราชายังจะทรงถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าอีก องค์ราชาทรงมีสีพระพักตร์ลำบากใจ แต่ก็ทรงยอมตรัสออกมา

   “คนที่ชีลารักก็คือเกรทเดน คิงแห่งเคลเบรอส”

   “ห๊ะ!” ผมหลุดอุทานไปอย่างยั้งไม่ทัน ได้แต่ยิ้มแหยๆ อย่างขอลุแก่โทษ ซึ่งองค์ราชาก็ไม่ได้ถือสา ส่วนคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าเหมือนพอจะรู้เรื่องอยู่บ้างแล้วก็เลยนิ่งๆ ไป

   “ก่อนจะแต่งงาน ชีลามาบอกกับข้าว่านางรักเกรทเดน นางขอโอกาสให้ได้บอกรักและขอร้องให้เกรทเดนแต่งงานกับนางก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกับข้า แต่เกรทเดนก็ปฏิเสธ เพราะในตอนนั้นเกรทเดนกับคูวาสซ์ก็รักกันอยู่แล้ว เกรทเดนจึงไม่สามารถตอบรับคำขอของชีลาได้ เลยบอกเหตุผลกับนางไปตรงๆ

ชีลาเข้าใจการกระทำของเกรทเดนดี เมื่อไม่ได้รัก ก็ไม่อยากให้ความหวัง การที่ต้องมาเห็นคนที่รักอยู่กับคนอื่น เป็นใครก็คงทนไม่ได้ เลยปฏิเสธเพื่อให้นางตัดใจให้ขาดไปเลย นางจึงยอมทำตามหน้าที่แต่งงานกับข้าแต่โดยดี แต่พาราคีทคงไม่คิดเช่นนั้น เขาคงคิดว่าถ้าเกรทเดนรับชีลาเป็นราชินี ชีลาก็คงไม่ต้องมาแต่งกับข้า และคงไม่ต้องมาอยู่อย่างไม่มีความสุขแบบนี้ เพราะที่เคลเบรอสนิยมครองคู่กับคนที่รักเพียงคนเดียวไปจนตาย ก็เลยพาลแค้นเกรทเดนกับคูวาสซ์ไปด้วย ถึงได้ไปวางยาคูวาสซ์เพื่อแก้แค้นแบบนั้น

ข้าเพิ่งจะรู้ว่าก่อนหน้านี้ที่ชีลาป่วย ก็เพราะเป็นแผนของพาราคีทที่วางยาให้นางหลับไปเฉยๆ ข้าผิดเองที่เอาใจใส่ชีลาน้อยไป พอพาราคีทบอกว่านางป่วย ข้าก็ไปเยี่ยมนางแค่ไม่กี่ครั้ง เขาเลยใช้โอกาสนี้ขโมยเกล็ดมังกรไปใช้ทำเรื่องต่างๆ มากมาย
ส่วนเรื่องของพิษรัก ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพาราคีทไปได้สูตรยาปรุงพิษรักมาจากที่ไหน ถึงได้สามารถปรุงและนำพิษรักไปวางยาคูวาสซ์ได้ อีกอย่างข้าเพิ่งจะมารู้ว่าเขาวางแผนจะใช้พิษรักกับโอลิเวียด้วย แต่ยังหาโอกาสวางยาไม่ได้และความจริงถูกเปิดเผยซะก่อน โอลิเวียจึงปลอดภัย

   ที่จริงข้าก็โกรธนะที่เขาวางแผนจะทำร้ายคนที่ข้ารักด้วย แต่ข้าก็เข้าใจความรู้สึกของเขาอยู่เหมือนกัน เพราะสิ่งที่เขากับชีลาได้รับนั้นไม่ยุติธรรมกับพวกเขาเลยสักนิด ต้องสูญเสียสิ่งที่ควรจะได้รับ ต้องสูญเสียอิสรภาพ ต้องอยู่อย่างไม่มีความสุข กลับกันถ้าเป็นข้า... ข้าก็อาจจะทำเหมือนที่เขาทำเช่นเดียวกัน

   ข้าจึงอยากขอเจรจากับเขาก่อน ยังไม่อยากเปิดเผยให้คนภายนอกได้รับรู้ไปมากกว่านี้ เพื่อที่จะให้โอกาสให้เขาได้กลับตัว อีกอย่างพาราคีทพาชีลาหนีไปด้วย นางไม่ได้ทำผิดอะไรเลย แค่สิ่งที่นางได้รับทุกวันนี้ก็ไม่ยุติธรรมกับนางมากพอแล้ว ข้าไม่อยากจะให้นางต้องได้รับโทษไปด้วยและไม่อยากให้นางต้องเป็นทุกข์มากไปกว่านี้”

   “...”

   ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ทอดถอนใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กัน

   “ทรงทราบแล้วใช่ไหมฝ่าบาท ว่าคนพวกนั้นหนีไปที่ไหน” ท่านเซเรสถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าทุกคนต่างตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง

   “รู้แล้ว หลังจากที่คาดคั้นจากคนที่โดนจับเอาไว้ได้ ทำให้รู้ว่ามีการซ่องสุมกำลังคนไว้ได้สักพักแล้ว ทั้งคนในอาณาจักรที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ทั้งจอมเวทย์บิดาของคู่หมั้นข้าที่หายสาบสูญไปเมื่อหลายปีก่อน รวมทั้งกลุ่มคนที่หลงมาจากต่างมิติที่มีจิตใจไม่บริสุทธิ์ด้วย เหมือนว่าทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงร่วมกันจึงได้ร่วมมือกันได้อย่างที่เห็น ข้าจึงเรียกประชุมเพื่อวางแผนการจับกุมให้รัดกุมที่สุด ตอนนี้ก็ให้ทุกฝ่ายไปเตรียมการแล้ว พร้อมเมื่อไหร่เราจะออกเดินทางกัน แล้วท่านเซเรสมีอะไรจะเสนอบ้างไหม ข้าจะได้จัดเตรียมเพิ่ม”

   “ไม่มีแล้วฝ่าบาท ที่พระองค์เตรียมการทั้งหมดก็ถือว่าเรียบร้อยแล้ว ของที่ต้องใช้ก็มีแล้ว ส่วนคนที่เกี่ยวข้องก็มาพร้อมแล้ว เราแค่เดินทางไปสะสางให้เรียบร้อยก็พอ อ้อ! กระหม่อมอยากให้จะฝ่าบาทพาคนอีกผู้หนึ่งไปด้วย...” เมื่อท่านเซเรสเอ่ยชื่อมา ผมก็ได้แต่งงว่าคนๆ นี้จะเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง แต่ในเมื่อเป็นความประสงค์ของท่านเซเรสก็ไม่มีอะไรจะค้าน เพราะท่านคงจะมีเหตุผลของท่านนั่นแหละ


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



ตอนนี้ก็จะสั้นๆ หน่อยนะคะ เพราะว่าจะปูทางไปสู่

.

.

.



ตอนต่อไปค่ะ แฮ่!

 :m22:

เล่นแล้วก็เล่นอีกได้ ช่วงนี้คนเขียนก็จะบ้าๆ หน่อยนะคะ ฮ่าๆๆๆๆ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
[/color]

#duck-ya ติดกันหนักมากกกกด้วยค่ะ แม้แต่พี่ไซยังสู้ก้อนหินไม่ได้ ถถถ วงวารพี่ไซแกนะคะ ต้องตกเป็นรองก้อนหินตลอด   :laugh3:
#MayA@TK  ขอบคุณที่ยังเอ็นดูก้อนหินมาจนถึงตอนนี้ค่าาาา  :impress2:
#mild-dy  :L2: :L1: :L2:
#KARMI มาแล้วคร้าบบบบบบบ  :katai5:
#aiyuki คนแต่งก็งงค่ะบ่องตง  :laugh: มาแล้วค่าาาา อีกไม่กี่ตอบจะจบแล้วว
#shoi_toei เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับก้อนหินเลยค่ะ ยอมไม่ด้ายยยย  o7
#ommanymontra  :L2: :L1: :L2:
#•♀NoM!_KunG♀• ขอบคุณที่เอ็นดูก้อนหินนะคะ แต่คงแยกไปไหนยาก หินติดดินมากกกกค่ะ  :myeye:
#suikajang ยังมีอีกนิดดดดดดดดดค่ะ  :laugh: ยังมีบางประเด็นที่ยังไม่เคลียร์ ถถถ ผูกไว้เยอะเกิน แก้ทีเล่นเอามึนเลยค่ะ เรื่องนี้ก้อนหินเป็นตัวเอกค่ะ คนอื่นๆ นี่เป็นตัวประกอบ FC ก้อนหิน เยอะมากยิ่งกว่าพระเอกนายเอกอีก กร๊ากกกก
ปล.อ้าปากงับปลา ไม่ใช่ละ ฮ่าๆๆๆๆๆ รับกำลังใจมาแทนแล้วกันค่า
#tiew93 ฮื้อออ ดีใจจังเลยที่มีคนรักลูกๆ  :mew1:
#Yara ตอนนี้ก็ยังคงวุ่นวายอยู่ค่ะ รวมทั้งตอนต่อไปด้วย ถถถ ขอบคุณที่เอ็นดูลูกๆ นะคะ แม่มันปลื้มมมม  :m1:
#takara ขอบคุณที่เอ็นดูก้อนหินค่าาาา  :impress2:
#alternative ใช่ค่ะ ถ้าคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ก็เผลอทำเรื่องเลวร้ายได้เหมือนกัน ไซเลอร์นี่ตกเป็นรองตลอดค่ะ สู้ก้อนหินไม่ได้สักที ถถถ ส่วน "แซ็ว" นี่ พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน 2554 บังคับใช้คำนี้ค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะเปลี่ยนทำไม บางสำนักพิมพ์ก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้คำนี้แล้ว เลยลองใช้ดูบ้าง แต่มันไม่ใช่อะ ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด ไม่เอาอันนี้ได้ม๊ายยยยย  :serius2:
#HISY อยากโตเพื่อจะปกป้องดินอย่างเดียว แต่โตแล้วอ้อนไม่ถนัดค่ะ เลยต้องกลับมาร่างเล็กๆ เหมือนเดิม  :m13:


รวบกอดดดดดดดดดดด :กอด1:
 เป็นกำลังใจให้กันต่ออีกนิดดดดดนะคะ :m13:
 ใกล้แล้วววววววว :oni1:

 :katai5: :katai5: :katai5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2017 19:51:10 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ไปๆมาๆก็เพราะความรักทำให้เกิดเรื่องต่างๆขึ้น

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
น้องชายของราชีนีชีลานี่ทำเรื่องยุ่งจริงๆพาลไปทั่ว การวางยาคูวาสไม่มีเหตุผลเลยแบบนี้ เพราะถ้า เกรทเดนยอมแต่งงาน แต่เกรทเดนรักคูวาท ชีลาก็ต้องเตอสภาพเดียวกับที่เจอตอนนี้นะ ไม่ต่างกัน

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
สู้ๆ นะทุกคน แต่เรารู้สึกว่า ถ้าต้นเหตุทุกคนมาเจอกันมันจะมีเรื่องช็อคโลกมาอีกน่ะสิ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ต้นเหตุมาจากพาราคืทนี่เอง ทำให้วุ่นวายกันไปหมด  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ก้อนหิน แปลงกายได้แล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แต่ยังชอบอยู่ในร่างเล็ก
เพราะชอบให้ก้อนดินกอด ลูบหลัง
แถมได้ซุกอกก้อนดินหลับสบาย เพลินไปเลย  :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ความสามารถในการอ้อนของก้อนหินนั้นชนะทุกสิ่ง
พาราคีทพาลเนอะ

ปล. ขอบคุณที่ชี้แจงค่ะ เราเองเพิ่งรู้ว่ามีสะกดแบบนี่ด้วย

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ซับซ้อนวกไปวนมาเฮ้อ... สู้กันต่อไป เรารอได้เพื่อหินน้อย ไม่น้อยหล่ะ ลืมไป แต่รู้สึกจะไม่ยอมโต อ้อนแม่ตลอดเลย
สรุปพระเอกของเรื่อง คือ  :mc4: ก้อนหินจ้า  :mew1: มีแต่แฟนคลับน้องหิน คนอื่นๆ น้อยใจแย่เลย เรารักทุกคน 555+
 :กอด1:  :pig4:  :3123:

ออฟไลน์ duck-ya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เรื่องซับซ้อนซ่อนคมมาก
เจ้าหินก้น่ารักเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 33 สะสาง

   หลังจากทุกๆ ฝ่ายเตรียมการเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มทยอยแยกกันออกเดินทางเป็นกลุ่มเล็กๆ แล้วค่อยไปรวมตัวกันที่จุดนัดพบเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต ที่ต้องทำเช่นนี้เพราะองค์ราชาฟอลคอนไม่อยากให้คนภายนอกรับรู้เรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นท่านพาราคีทและผู้สมรู้ร่วมคิดอาจจะได้รับข้อหากบฏซึ่งมีบทลงโทษที่ค่อนข้างหนัก ส่วนข้าราชบริพารคนอื่นๆ ก็จำเป็นต้องเห็นด้วย เพราะลูกหลานสายรองจำนวนไม่น้อยมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย

   ส่วนผม ท่านเซเรส กับทีมเฮดีสก็ยังคงเดินทางไปด้วยกันเหมือนเดิม อยู่ๆ ผมก็รู้สึกกังวลขึ้นมา เพราะไม่รู้ว่าต้องไปเจอกับอะไรบ้าง ไม่รู้ว่าเรื่องมันจะจบลงยังไง แล้วจะจบลงด้วยดีทุกฝ่ายรึเปล่า ยิ่งคิดก็อดที่จะรู้สึกกังวลไม่ได้

   “ก๊าสสสส” เสียงก้อนหินที่อยู่ในร่างเล็กๆ และบินอยู่ข้างๆ ร่างแปลงของมาสทิฟฟ์ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ ก้อนหินบินเข้ามากอด เอาหัวถูที่อกแล้วเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋วอย่างปลอบโยนทำให้ผมอดจะกอดมันคืนแน่นๆ ไม่ได้

   “นั่นสินะ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดเถอะ แค่พยายามทำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว ขอบใจนะก้อนหิน”

   “ก๊าสสสสส” มันตอบรับแล้วกระดิกหางไปมาอย่างสบายใจเมื่อเห็นผมคลายความกังวลลงได้ มันซุกตัวเข้ากับอกผมอย่างอ้อนๆ จนอดจะหัวเราะด้วยความเอ็นดูไม่ได้ การกระทำของมันทำให้ผมแทบจะลืมไปเลยว่าตอนนี้ก้อนหินมีร่างที่เกือบจะโตเต็มวัยแล้ว

   “จะสบายเกินไปแล้วนะก้อนหิน” เสียงเอ่ยแซ็วของมาสทิฟฟ์ทำให้ก้อนหินเงยหน้าขึ้นมาจากอกของผมแล้วขยับปีนลงไปนั่งที่หลังของมาสทิฟฟ์ และเอาหัวโขกประท้วง

   “เฮ้ๆ ถึงกับทำร้ายร่างกายกันเลยเรอะ” มาสทิฟฟ์แกล้งโวยวาย

   “ก๊าสสสส”

   “ฮ่าๆๆๆๆๆ” พวกเราทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน ผมขำที่ก้อนหินตอบกลับไปว่าสมควร ส่วนคนอื่นๆ คงขำกับการกระทำของมัน เสียงหัวเราะของทุกคนทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและอุ่นใจมากขึ้น ไม่เห็นจำเป็นต้องคิดมากเลยนี่นา ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวสักหน่อย ยังมีคนที่รักและปรารถนาดีอยู่ด้วยอีกตั้งมากมาย ไม่เห็นจำเป็นต้องกลัวอะไรไปล่วงหน้าเลย ผมได้แต่มองทุกคนด้วยความรู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ



   เมื่อเราไปถึงจุดนัดพบก็พบว่ามีคนมารออยู่จำนวนหนึ่งแล้ว รอเพียงไม่นานทุกคนก็มาพร้อมกันหมด มองจากสายตาคร่าวๆ แล้วก็น่าจะมีร้อยกว่าคน ส่วนฝีมือก็คงไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะทุกกลุ่มมาถึงในเวลาที่รวดเร็วและเงียบกันมาก ตอนนี้ทุกคนกลับมาใช้ร่างมนุษย์เหมือนเดิม เพื่อความสะดวกในการสื่อสารกัน

   เมื่อคนพร้อมแล้วองค์ราชาฟอลคอนก็ส่งสัญญาณให้เริ่มออกเดินทางกันต่อเลย ถึงแม้จะมีคนร่วมเดินทางจำนวนมาก แต่ก็เป็นไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยจนผมรู้สึกทึ่ง ด้านหน้าขบวนเป็นแม่ทัพและนักรบคนสำคัญของอาณาจักรคอยคุ้มกันองค์ราชาอยู่ ส่วนรอบขบวนก็ล้อมรอบไปด้วยนักรบของอาณาจักร ส่วนผมได้รับคำสั่งให้อยู่ตรงกลาง โดยมีทีมเฮดีสคุ้มครองอีกชั้น เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่ผู้ร่วมชะตากับมังกรต้องตายก่อนวัยอันควร

   เราเดินทางกันไปจนถึงในป่าลึกที่เงียบสงัดแต่รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่อันตราย ท่านจอมปราชญ์ลิเวอร์ส่งสัญญาณให้ขบวนเดินทางหยุดแล้วปรับเปลี่ยนขบวน จากที่ตอนแรกนักสู้อยู่รอบขบวนด้านนอกปรับเปลี่ยนเป็นจอมเวทย์ขึ้นมาอยู่ข้างหน้าแทน แม้แต่ท่านเซเรสก็เดินไปร่วมที่ด้านหน้าด้วย ก้อนหินที่บินอยู่ก็ลงไปยืนที่พื้นจ้องไปข้างหน้าเขม็งเหมือนรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ท่าทีของคนรอบข้างทำให้ผมกระชับดาบในมือไว้มั่นเป็นการเตรียมพร้อม

   “มนตร์บังตา” พรีซาขยับมากระซิบบอกผมเบาๆ 

   เสียงฝีเท้าหนักๆ ที่ตรงเข้ามาทำให้แต่ละคนเตรียมอาวุธขึ้นมาถือไว้อย่างพร้อมเพรียง แต่สิ่งที่พ้นแนวต้นไม้มาทำให้ผมต้องอึ้ง เพราะมันไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์ที่มีรูปร่างเหมือนเสือที่มีฟันแหลมคมวาววับโผล่พ้นปากมา อีกทั้งยังมีเขี้ยวที่ยาวมากกว่าเสือปกติหลายเท่า

   “ไทก์”  อื้อหือ... ชื่อเท่สมตัวนะมึงน่ะ ผมนึกในใจเมื่อได้ยินชื่อของสัตว์ตรงหน้าจากไซเลอร์

   “ถึงขนาดฆ่าไทก์มาสร้างมนตร์บังตาเลยเหรอ” เสียงพึมพำด้วยน้ำเสียงเครียดๆ ของพรีซากับเสียงกัดฟันกรอดของร็อตและชเนาเซอร์ทำให้ผมต้องหันไปมองด้วยความแปลกใจ

   “ไทก์เป็นสัตว์ที่อันตรายพอๆ กับลิฟฟ่อน แต่มันเป็นสัตว์ที่หายากยิ่งกว่าลิฟฟ่อนซะอีก พรีซาคงกังวลเรื่องอันตรายของมัน ร็อตน่าจะกังวลเรื่องความหายากของมัน ส่วนชเนาเซอร์เพิ่งจะมีเรื่องกระทบจิตใจเกี่ยวกับสัตว์ที่นำมาสร้างมนตร์บังตาก่อนหน้านี้น่ะ” ไซเลอร์ขยับมาอธิบายให้ผมฟัง ขณะที่สายตาเรายังคงมองไปด้านหน้าตาแทบจะไม่กระพริบเพราะอยากรู้ว่าจอมเวทย์จะจัดการกับมันยังไง

   หลังจากฝูงไทก์นับสิบโผล่พ้นแนวพุ่มไม้ออกมาแล้ว พวกมันก็พุ่งตรงเข้ามาเพื่อโจมทีทันที จอมเวทย์ที่อยู่ด้านหน้าทุกคนก็เริ่มร่ายเวทย์ขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่จะมีกลุ่มพลังงานสีทองพุ่งเข้าไปปะทะกับฝูงไทก์ทั้งหมด

   “กรรรรรร” เสียงคำรามของไทก์ดังลั่นไปทั่วทั้งผืนป่า

   พลังงานสีดำที่พุ่งออกมาจากฝูงไทก์ปะทะเข้ากับแสงสีทองที่พุ่งไปจากจอมเวทย์ก่อให้เกิดกระแสลมแรงที่พัดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ผมรีบก้มลงไปอุ้มก้อนหินไว้ในอ้อมแขนทันทีเพราะกลัวมันจะปลิวไปซะก่อน ส่วนไซเลอร์ก็ขยับเข้ามาบังพวกเราเอาไว้อีกที

   “ก๊าสส” ก้อนหินเงยหน้าขึ้นมาบอกผมว่าไม่ต้องเป็นห่วง

   “รู้แล้วว่าตัวใหญ่ขึ้นแล้ว แต่มันอดห่วงไม่ได้นี่นา”

   “ก๊าสสสส” มันหันเข้ามากอดแล้วถูกับตัวผมอย่างออดอ้อน โอ๊ย! แค่นี้ก็หลงจะแย่แล้วหิน ไม่ต้องอ้อนมากขนาดนี้ก็ได้ ผมจับมันกอดด้วยความมันเขี้ยว ลืมสถานการณ์ตึงเครียดตรงหน้าไปชั่วขณะ

   “อะแฮ่ม” จนได้ยินเสียงกระแอมเรียกสติจากชเนาเซอร์ที่อยู่ข้างๆ นั่นแหละผมถึงได้รู้สึกตัวแล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบไป
   แหะๆ ลืมตัวไปหน่อย

   “โฮกกกกกกกก” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของไทก์ดังขึ้นมาเพียงไม่นานสายลมก็เริ่มสงบลง ผมจึงขยับโผล่หัวออกไปดู ก็พบว่าไทก์กลุ่มแรกถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว ตัวที่เหลืออยู่จึงพุ่งเข้ามาใหม่

“กรรรรรรรรร”

ไซเลอร์รีบขยับเข้ามาเพื่อบังลมบังฝุ่นให้เราทั้งคู่อีกครั้ง ถึงจะอยากออกไปแค่ไหนคนบังก็ไม่ยอมให้ทำ เพราะไม่ว่าจะขยับซ้ายขยับขวา ไซเลอร์ก็ขยับตามมาบังได้ทุกครั้งอย่างกับมีตาหลัง ผมเลยได้แต่ยอมอยู่นิ่งๆ ให้พี่แกปกป้องไป

   “โฮกกกกกกกกกก”

   สายลมเริ่มสงบลงอีกครั้ง ผมก็เลยขยับออกมาดู ซึ่งไซเลอร์ก็ไม่ได้ห้ามอะไร เพราะเมื่อออกไปดูก็พบว่าไทก์ถูกจัดการไปหมดแล้ว ตอนนี้จอมเวทย์กำลังช่วยกันร่ายเวทย์เพื่อทำลายกำแพงที่กั้นอยู่ตรงหน้าอยู่ แต่นอกจากพลังงานสีดำที่อาบกำแพงไว้แล้ว ยังมีพลังงานสีทองพุ่งออกมาเป็นระยะอีกด้วย

“พลังจากเกล็ดมังกร ใช้เกล็ดมังกรเข้าช่วย” เมื่อท่านเซเรสบอก ท่านมอลทีสกับท่านเบอร์มีส จอมปราชญ์แห่งบาอัลที่มาสมทบด้วยก็ใช้เกล็ดมังกรของเคลเบรอสและบาอัลออกมาส่งพลังไปช่วย ทำให้เกิดเป็นแสงสีทองอาบไล้ไปทั่วกำแพงที่อยู่ด้านหน้า

   เปรี๊ยะๆๆๆๆ กำแพงที่ใสราวกระจกค่อยๆ มีรอยร้าวขยายออกไปเรื่อยๆ

   แว้บบบบ ก่อนที่จะสลายและหายไป

   ทุกคนต่างระแวดระวัง ด้วยกลัวว่าจะมีอะไรเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น แต่พอรอไปได้สักพัก เมื่อพบว่าทุกอย่างยังคงเงียบสงบ เหล่าจอมเวทย์ตรวจสอบแล้วไม่พบพลังเวทย์ใดๆ อีก ท่านเซเรสก็บอกให้ออกเดินทางต่อได้

   ขบวนเดินทางถูกปรับใหม่อีกครั้ง โดยรอบนอกของขบวนมีทั้งนักสู้และจอมเวทย์สลับกัน เพราะจากที่เห็นก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝั่งน่ามีจอมเวทย์ฝีมือไม่ธรรมดาอยู่ด้วย หากถูกโจมตีตรงจุดไหนจะได้ตั้งรับได้ทัน

   เราเดินเข้าไปในป่าที่ลึกขึ้นเรื่อยๆ แต่น่าแปลกที่ป่าด้านในนี้กลับดูโปร่งขึ้น เหมือนกับว่าต้นไม้ใบหญ้าบริเวณนี้มันหายไป เมื่อเราเดินไปถึงบริเวณที่เป็นลานโล่งๆ ท่านแม่ทัพด้านหน้าก็ส่งสัญญาณให้เราหยุดเดิน

   ทุกคนหยุดนิ่งทันทีเหมือนถูกสตาฟ แม้แต่ผมยังรู้สึกได้ถึงสัญญาณอันตรายและความผิดปกติ รู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจับจ้องเราอยู่

   แซ่กๆๆๆ

   เสียงการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่างที่ดังแทรกความเงียบขึ้นมารอบๆ ขบวน ทำให้ทุกคนกระชับอาวุธประจำตัวที่ถืออยู่ในมือไว้มั่น ทุกคนหันหน้าออกนอกขบวนแล้วจ้องไปด้านหน้าของตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด 

เมื่อเห็นกลุ่มคนที่ถืออาวุธครบมือโผล่พ้นมาจากพุ่มไม้มา ทุกคนก็ยิ่งระแวดระวังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

“ข้าไม่ได้มาเพื่อทำร้าย แต่มาเพื่อขอเจรจา” องค์ราชาฟอลคอนทรงเอ่ยขึ้นก่อน

พวกมันเหลือบมองตากัน แต่ก็ยังคงเงียบไม่ตอบโต้อะไรกลับมา

“ข้าต้องการพบพาราคีท”

“ต้องการพบกระหม่อมเพื่ออะไร” เสียงของคนที่เดินแหวกกลุ่มคนออกมาถามขึ้น ผมจำได้ว่าเขาเป็นคนที่จับผมกรอกพิษรักในคุกใต้ดิน

“ข้าขอให้เจ้าหยุดทุกสิ่งทุกอย่างไว้ซะ แล้วข้าจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

“ไม่มีทาง” คนที่ก้าวออกมาเคียงข้างท่านพาราคีทเป็นคนตอบ ผมจำได้ว่าเขาคือจอมเวทย์ที่เราเจอตอนผมหนีออกมาจากคุกใต้ดิน ท่านพาราคีทหันไปมองจอมเวทย์คนนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาพูดกับองค์ราชา

“มันสายไปแล้วฝ่าบาท กระหม่อมมาไกลเกินจะกลับไปได้แล้ว อีกอย่างกระหม่อมคงไม่สามารถทำใจให้อภัยในเรื่องที่พระองค์ทำร้ายจิตใจพี่สาวกระหม่อมได้”

“อย่าพูดให้มากความเลย ถ้าไม่อยากตายส่งมังกรมรกตออกมาให้เราซะดีๆ” คนพูดน่าจะเป็นคนที่มาจากมิติอื่น เพราะการแต่งกายแปลกๆ ไปจากคนมิตินี้

แหม่... คำพูดอย่างกับลอกมาจากตัวร้ายในละคร ผมได้ยินแล้วแทบจะกลอกตา

“พาราคีท” องค์ราชามีสีพระพักตร์หนักใจและผิดหวัง

“พูดมากเสียเวลา” จบคำพูดของกลุ่มคนที่มาจากต่างมิติ พวกมันก็พุ่งเข้าใส่กลุ่มคนของเราทันที!

“อยู่ใกล้ๆ ข้าไว้นะก้อนดิน” ไซเลอร์บอก เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น

ผมกระชับดาบในมือแน่น เหลือบมองก้อนหินที่กางเล็บออกมาเตรียมพร้อมต่อสู้เหมือนกัน จึงรีบหยิบขวดยาที่รีดจากพิษงูมาเทใส่เล็บมันทันที เจอเล็บหินเวอร์รีนก่อนเป็นไง หึๆๆ

“ระวังตัวด้วยนะหิน”

   “ก๊าสส”

   การต่อสู้ในรอบนอกเป็นไปอย่างสูสี เพราะจำนวนคนของฝั่งนั้นมีไม่น้อยเหมือนกัน ทั้งนักสู้ ทั้งคนที่โดนเวทย์ควบคุม ทั้งจอมเวทย์ที่มาจากมิติอื่นบางคนฝีมือก็ไม่ธรรมดา และมีกำลังเสริมทยอยโผล่ออกมาเรื่อยๆ จนเริ่มจะมีคนที่ฝ่าจากรอบนอกเข้ามาด้านในได้เรื่อยๆ แล้ว

   เมื่อมีกลุ่มคนจากฝั่งนั้นเข้ามาใกล้ แก๊งเฮดีสก็ล้อมรอบตัวผมไว้ แล้วเริ่มลงมือปะทะทันที ส่วนผมก็คอยหาโอกาสซัดเข็มใส่คนที่ฝีมือดีๆ เพื่อตัดกำลังไว้ก่อน ส่วนคนฝีมืออ่อนๆ ก็ปล่อยให้พี่ๆ จัดการไป เพราะเข็มมีจำนวนจำกัด จะใช้อย่างพร่ำเพรื่อไม่ได้

   ขนาดไซเลอร์กับเพื่อนๆ คอยกันเอาไว้แล้วก็ยังมีคนเข้ามาใกล้ผมจนได้ เหมือนมันมีเป้าหมายที่ผมกับก้อนหินอยู่แล้ว ทั้งผมทั้งก้อนหินจึงต้องขยับเข้าไปต่อร่วมสู้ด้วย ใครมันจะยอมให้จับตัวกันได้ง่ายๆ กัน!

   ถ้าสู้กับคนที่ฝีมืออ่อนกว่าก็เอาชนะด้วยฝีมือและทำให้สลบได้ไม่ยาก แต่ถ้าเป็นคนที่ฝีมือสูสีหรือเก่งกว่าก็ใช้เข็มยาสลบเป็นเครื่องทุ่นแรง หาโอกาสหยิบมาซัดหรือไม่ก็ปักลงไปบนเนื้อของคู่ต่อสู้ สลบเหมือดไปทุกราย ของเค้าดีจริงๆ!

   “กรรรรร”

สาเหตุที่ทำให้ต้านเอาไว้ลำบากก็เพราะว่า นอกจากมนุษย์แล้วสัตว์ป่าอันตรายอื่นๆ ที่ถูกเวทย์ควบคุมก็เริ่มโผล่จากป่าเข้ามาโจมตีพวกเราด้วย ไม่เว้นแม้แต่มังกรขาวดำอีกนับสิบตัวที่น่าจะอยู่ในป่าลึกแล้วถูกเวทย์ควบคุมไว้ ซึ่งตอนนี้พวกมันกำลังบินตรงมาทางนี้แล้ว

และคนอื่นๆ ก็คงจะเห็นเช่นกัน เพราะผมเหลือบไปเห็นคนของอาณาจักรรุคหลายๆ คนยกอะไรสักอย่างที่เป็นแท่งยาวๆ เล็กๆ ที่ห้อยคอไว้ขึ้นมาเป่า เดาว่าคงเป่าเรียกมังกรของตัวเองมาช่วยด้วย

แว้บบบ

เมื่อเห็นดังนั้น ก้อนหินก็เปลี่ยนร่างเป็นขนาดใหญ่ขึ้น ผมรีบจบการต่อสู้แล้วหาโอกาสล้วงขวดยาสลบเทใส่เล็บให้มันเพิ่ม เพราะคิดว่าก้อนหินคงไม่อยากจะฆ่าเผ่าพันธุ์เดียวกันหรอก ยิ่งถูกเวทย์ควบคุมมาแล้วก็คงยิ่งไม่อยากฆ่าแน่ๆ

“ก๊าสสสสสสส” ก้อนหินคำรามดังก้องป่า เสียงของมันทำให้มังกรที่ร่อนลงสู่พื้นดินเซแล้วสะบัดหัวเหมือนเริ่มจะได้สติ แต่เสียงร่ายมนตร์ที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจากจุดใดจุดหนึ่งของป่า ทำให้มันกลับมาถูกควบคุมอีกครั้ง

“ก๊าสสสสสสสสสสส” ก้อนหินคำรามอีกครั้งเพื่อเรียกมังกรที่มีจิตแข็งแกร่งพอที่จะไม่ถูกควบคุมให้มาช่วย ก่อนที่ตัวมันจะพุ่งเข้าไปสู้กับมังกรที่ถูกเวทย์ควบคุมมา!

ผมแทบจะไม่มีสมาธิกับการต่อสู้เพราะเป็นห่วงก้อนหิน ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีวันตายแต่มันก็เจ็บเป็นเลยอดเป็นห่วงไม่ได้ จึงทำให้พลาดเสียจังหวะไป จนเกือบจะโดนดาบฟัน ยังดีที่ไซเลอร์ซัดเข็มมาช่วยไว้ได้ทันไม่งั้นคงแย่ ผมพยายามรวบรวมสมาธิกับการต่อสู้ใหม่ เพราะไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้คนอื่นๆ

แต่คู่ต่อสู้ที่เข้ามาประชิดตัวคนใหม่นี่เห็นหน้าชัดๆ แล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลาย ชิบหายละ! นักรบของรุค คุ้นๆ ว่าจะเป็นเพื่อนๆ ของทีมเฮดีสที่ถูกควบคุมอยู่ ผมกระชับดาบให้มั่น เมื่อคนตรงหน้าพุ่งเข้ามาก็พยายามหลบให้ไวแล้วหาโอกาสหยิบเข็มยาสลบออกมาทิ่มให้เร็วที่สุด

ถ้าคนที่เข้ามาหาผมได้มีฝีมือขนาดนี้แสดงว่าคนอื่นๆ ก็คงตึงมือเช่นเดียวกัน ถึงได้กันเอาไว้ไม่ได้ ผมพยายามหลบเลี่ยงคมดาบ แต่ฝีดาบที่แรงและเร็วทำให้ผมหาโอกาสหยิบเข็มออกมาไม่ได้

“โอ๊ะ!”จนสุดท้ายก็เพลี่ยงพล้ำโดนคมดาบบาดผิวเนื้อตรงแขนเข้า จนได้แผลเลือดอาบไปทั้งแขน

“ก้อนดิน”

“ก๊าสสสส”

ทั้งไซเลอร์และก้อนหินพยายามจะผละมาช่วย แต่เนื่องจากคู่ต่อสู้ของทุกคนต่างไม่ธรรมดา ส่วนคู่ต่อสู้ของก้อนหินก็มีหลายตัว จึงทำให้ไม่สามารถผละออกมาได้เร็วดั่งใจ

   ผมพยายามต่อสู้อย่างสุดความสามารถ แต่ฝีมือที่ต่างกันจนเกินไป ทำให้ได้แผลเฉี่ยวๆ มาอีกหลายแห่ง และเนื่องจากอาการบาดเจ็บ ทำให้ฝีมือผมยิ่งตกเป็นรอง จนในที่สุดก็ถูกปัดดาบออกจากมือ คนจากมิติอื่นที่รอจังหวะอยู่แล้วจึงถือโอกาสเข้ามาประชิดตัว ล็อคคอ แล้วเอาดาบพาดคอผมไว้

   “หยุด! ถ้าไม่อยากให้ไอ้เด็กนี่ตาย”

ถึงจะอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมแบบนี้ ผมก็อยากจะถอนหายใจกับบทผู้ร้ายในละครของคนที่เอาดาบพาดคออยู่จริงๆ

   การต่อสู้ค่อยๆ หยุดชะงักลงทีละคู่ โดยเฉพาะฝั่งราชาฟอลคอนที่ผละออกจากคู่ต่อสู้ก่อน แต่ก็ยังระแวดระวังดูท่าทีกันอยู่ เพียงแต่สีหน้างงงันของคนฝั่งตรงข้ามก็ทำให้ผมพลอยงงไปด้วย

   “อย่าทำอันตรายเขานะ” เสียงร้องห้ามของท่านพาราคีทดังขึ้น เมื่อคนที่จับผมไว้กดดาบแน่นขึ้นจนคมดาบบาดคอผมเลือดไหลซิบๆ และบาดมือที่ผมพยายามใช้ต้านแรงกดของดาบไว้ เหมือนกับว่าสิ่งที่ไอ้คนนี้ทำอยู่ไม่ใช่แผนที่ท่านพาราคีทวางไว้แต่แรก

   “ข้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแหละ ชักช้ากันอยู่ได้ รีบจบเรื่องบ้าๆ นี่ซะที ข้ารอมานานเต็มทีแล้ว ถ้ายุ่งยากนักก็ฆ่าแม่ง”

   อย่าให้ก้อนหินโตนะมึง จะส่งไปฝังแม่งที่แกนโลก ไม่ต้องส่งกลับมิติเดิมหรอก ส่งไปก็หนักโลกเปล่าๆ ผมคิดด้วยความโมโหและเจ็บใจ ที่ต้องมาตกเป็นเครื่องมือในการต่อรองของมัน

   “เจ้าต้องการอะไร” องค์ราชาฟอลคอนถามหยั่งเชิง

   “ส่งเกล็ดมังกรทั้งหมดมาให้ข้า”

   “ไหนตกลงจะรอให้มังกรโตก่อนไง” เสียงของหนึ่งในคนที่เข้าร่วมกับท่านพาราคีทเอ่ยแย้งขึ้นมา

   “กว่ามังกรจะโต ต้องรออีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ข้ารอนานขนาดนั้นไม่ไหวหรอก ตอนนี้ข้าต้องการแค่เกล็ดมังกร ใครจะรอมังกรโตก็ตามใจ แต่ข้าไม่รอแน่ แค่ได้เกล็ดมังกรไป เราก็สามารถเดินทางข้ามมิติไปเอาสิ่งที่ต้องการมาไว้ในกำมือได้อยู่แล้ว ทีนี้เราก็จะรวยไม่รู้เรื่อง ใครจะอยู่ฝั่งเดียวกับข้าก็ก้าวมายืนข้างหลังข้า”

   หลังจากที่มันพูดจบ กลุ่มของท่านพาราคีทก็แบ่งออกเป็นสองฝ่าย กลุ่มคนที่มาจากรุคยังคงอยู่ข้างท่านพาราคีทและจอมเวทย์คนนั้นเช่นเดิม แต่กลุ่มคนที่มาจากต่างมิติส่วนใหญ่จะเดินมาอยู่ฝั่งของคนข้างหลังผมแทน

“เอาละ ถ้าไม่อยากให้ไอ้เด็กนี่ตาย ก็ส่งเกล็ดมังกรมาให้ข้าได้แล้ว รึจะลองปล่อยให้มันตายไปก่อนที่มังกรจะโตก็ตามใจ” มันพูดขู่ แล้วกดคมดาบเข้ามาอีกนิด

   คนที่ถือเกล็ดมังกรทั้งสามหันไปสบตากัน ก่อนที่ท่านมอลทีสจะเดินเข้ามาเป็นคนแรก

   “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ! วางเกล็ดมังกรไว้บนพื้น แล้วเดินกลับไป อย่าตุกติก คนที่เหลือวางอาวุธลงให้หมด”

   เมื่อท่านมอลทีสวางเกล็ดมังกรลงแล้วถอยออกไป ส่วนคนที่เหลือก็ค่อยๆ วางอาวุธลง

   “พวกเจ้าระวังหลังให้ข้า คนที่เป็นเวทย์สร้างเวทย์คุ้มกันให้ด้วย” มันบอกกับคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอย่างรอบคอบ
ท่านเบอร์มีสจอมปราชญ์แห่งบาอัลก็เดินมาวางเกล็ดมังกรเป็นคนถัดไป ส่วนเกล็ดมังกรเกล็ดสุดท้ายซึ่งเป็นของอาณาจักรรุคที่ถูกขโมยมานั้นอยู่กับจอมเวทย์ที่ยืนเคียงข้างท่านพาราคีท

   คนๆ นั้นยังคงยืนนิ่งอยู่จนท่านพาราคีทเอ่ยปาก

   “เราจะให้เขาตายไม่ได้” เจ้าตัวจึงยอมเดินออกมาแล้ววางไว้ข้างๆ กับเกล็ดมังกรอีกสองอัน

   “น้องข้าไปหยิบมันมา” มันบอกให้คนที่อยู่ข้างหลังเดินไปหยิบเกล็ดมังกรกลับมา

   เมื่อคนคนนั้นเดินกลับมาถึงแล้วมันก็กระซิบข้างหู

   “ในเมื่อข้าได้เกล็ดมังกรแล้ว เจ้าก็อย่าอยู่เลย” มันกดดาบเข้ามาจนมือที่ผมใช้ดันดาบไว้แทบจะต้านไม่ไหว!

   “ดิน!”

   “ก๊าสสสสสสสสสสสส”

“หยุดนะ”

   “อย่านะ”

   สิ้นเสียงร้องเรียกชื่อผมของก้อนหินก็เกิดแสงสว่างสีทองที่พุ่งออกมาจากร่างของมันก่อนจะกระจายอาบไปทั่วอาณาบริเวณจนแสบตา


(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
   “ก้อนหิน เป็นอะไรรึเปล่า” ผมหลับตาลงเพราะสู้แสงไม่ไหว แต่ปากยังคงตะโกนถามมันด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับมัน

   “ดิน ลืมตาได้แล้ว” เสียงของไซเลอร์กับสัมผัสที่แตะลงบนบ่าเบาๆ ทำให้ผมลืมตาขึ้นมาดูเหตุการณ์ตรงหน้า

สิ่งที่เห็นในสายตาเป็นสิ่งแรกคือมังกรที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่ามังกรดำเกือบเท่าตัว เขาสีขาวทั้งคู่แหลมยาวโน้มไปด้านหลัง ฟันขาววาววับดูคมกริบ เขี้ยวทั้งสองข้างยาวกว่าฟันออกมาเล็กน้อย ปีกทั้งสองข้างกว้างใหญ่ เกล็ดสีเขียวมรกตกระทบกับแสงแดดเป็นประกายวาววับสวยจับใจ เกล็ดมันมีขนาดใหญ่เท่ากับเกล็ดมังกรแต่ละอาณาจักรซึ่งตอนนี้สลายไปแล้ว เนื่องจากมังกรมรกตโตเต็มที่แล้ว

“ก้อนหิน”

   “ก๊าสสสสส” มันร้องรับแล้วโน้มหัวลงมาหาผม ผมแนบแก้มเข้ากับหัวของมันแล้วกอดไว้แน่นๆ ในใจมันรู้สึกทั้งดีใจทั้งปลาบปลื้มอย่างบอกไม่ถูก ในที่สุดมันก็โตเต็มที่แล้ว จะไม่มีใครรังแกมันได้อีกแล้ว ก้อนหินใช้ปีกมาโอบล้อมผมเอาไว้เหมือนจะกอด เพราะความที่ตัวมันหนัก ทำให้ไม่สามารถยืนสองขาและกอดได้เหมือนแต่ก่อนแล้ว

   เมื่อกอดกันได้สักพัก ผมก็เพิ่งจะนึกถึงสถานการณ์ก่อนหน้านี้ได้ จึงผละตัวออกมาจากก้อนหิน เมื่อมองไปที่ไซเลอร์ก็เห็นไซเลอร์มองมาที่คอผมซึ่งตอนนี้แผลได้รับการเยียวยาจากก้อนหินจนหายไปแล้ว เหมือนเจ้าตัวจะรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ก่อนหน้า ผมก็ได้แต่ยิ้มปลอบใจไปก่อนเดี๋ยวค่อยหาโอกาสไปเคลียร์เรื่องนี้กันทีหลัง

   “แล้วคนพวกนั้นล่ะครับ” เมื่อผมถามขึ้นมา ก้อนหินก็ขยับออกมายืนข้างๆ ผม ทำให้ผมได้เห็นว่า กลุ่มคนของท่านพาราคีทถูกขังไว้ในกรงขังที่เหมือนกับกรงขังในคุกใต้ดินอย่างกับแกะ ผิดแต่ว่าเป็นกรงที่สร้างจากเวทย์ ส่วนกลุ่มคนที่ทำร้ายผมถูกขังไว้ในก้อนกลมๆ ขนาดใหญ่ คนด้านในลอยอยู่ในนั้น และลอยไปชนกันอยู่เป็นระยะเพราะบังคับการเคลื่อนไหวของตัวเองไม่ได้

พรืด! ผมอดจะหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก้อนหินรู้ดีว่าผมคงไม่ต้องการจะฆ่าใคร เลยได้แต่แกล้งเอาคืนเป็นเด็กๆ แบบนี้ แสบจริงๆ นะก้อนหิน ผมเหลือบไปมองมันขำๆ ซึ่งมันก็แยกเขี้ยวแบบสะใจกลับคืนมา

“เจ้ายอมกลับใจซะเถอะนะพาราคีท” องค์ราชาฟอลคอนไปยืนตรัสกับท่านพาราคีท

“มันสายไปแล้วฝ่าบาท กระหม่อมมาไกลเกินจะกลับไปแล้ว จะทรงลงโทษยังไงก็ทรงทำเถอะ” ท่านพาราคีทสบตากับองค์ราชาอย่างแน่วแน่

“พาราคีท” เสียงหวานใสของหญิงสาวที่ท่านลิเวอร์พาเดินเข้ามาทำให้แววตาคู่นั้นเปลี่ยนเป็นสั่นไหว

“ท่านพี่ชีลา” องค์ราชินีที่ยังคงงดงามเดินไปยืนข้างๆ องค์ราชาที่หน้ากรงขัง

“ขอฝ่าบาทอย่าลงโทษท่านพี่ชีลาเลย องค์ราชินีไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ทุกอย่างกระหม่อมทำเองทั้งหมด”

“พาราคีท ทำไมถึงทำอย่างนี้เล่าน้องพี่” องค์ราชินีถามน้องชายทั้งน้ำตา

“ข้าต้องการความยุติธรรมให้กับเรา ให้กับคนที่ต้องเจอต้องเป็นเหมือนเรา ที่สำคัญข้าไม่อยากให้ท่านต้องทนทุกข์อยู่เหมือนทุกวันนี้” องค์ราชินีส่ายหน้าก่อนจะตรัส

“จริงอยู่เมื่อก่อนความรักอาจสำคัญสำหรับข้า การที่ต้องแต่งงานกับคนที่ข้าไม่ได้รักและไม่ได้รักข้า ทำให้ข้าเป็นทุกข์เหลือเกิน แต่ในตอนนี้สำหรับข้าแล้ว สิ่งที่สำคัญกับข้ามากที่สุดก็คือชาวรุคทุกคนต่างหาก แค่ได้เห็นชาวรุคอยู่กันอย่างมีความสุข ข้าก็พอใจแล้ว อีกอย่าง ข้าก็รู้มาว่าองค์ราชาและเจ้าชายทุกคนกำลังร่วมมือกันแก้ไขกฎเก่าๆ เหล่านี้อยู่ แต่เจ้าก็รู้ว่ามันต้องใช้เวลา”

“ท่านพี่”

“ใช่ ข้ากำลังพยายามแก้ไขกฎต่างๆ เหล่านี้อยู่ แต่มันต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงอยู่สักหน่อย ถึงจะเปลี่ยนความคิดของคนรุ่นเก่าๆ ในอาณาจักรได้”

“ฝ่าบาท... กระหม่อมขอประทานอภัย” หลังจบคำพูดท่านพาราคีทก็คุกเข่าลง ส่วนคนที่เหลือต่างก็คุกเข่าลงและกล่าวด้วยคำพูดเดียวกันด้วยสีหน้าละอายใจ

“ข้าอภัยให้พวกเจ้า เพราะสิ่งที่พวกเจ้าทำก็ถือว่าทำเพื่อชาวรุคส่วนหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่คนที่เจ้าควรจะไปขอโทษจริงๆ น่าจะเป็นเกรทเดนกับคูวาสต์มากกว่า”

“กระหม่อมฝากขอประทานอภัยจากคิงเกรทเดนและควีนคูวาสต์ด้วยฝ่าบาท”

“เจ้าจะฝากทำไมล่ะ ไปขอโทษด้วยตัวเองสิ”

“แต่กระหม่อมทำผิด จนเกือบจะทำให้ผู้ผูกชะตาเกือบจะตาย”

“แต่ตอนนี้ข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ ข้าปลอดภัยดีและไม่ได้ติดใจอะไรเลย” เมื่อทุกคนหันมามอง ผมก็หันไปบอกยิ้มๆ

“นั่นสิ ตอนนี้ก้อนดินปลอดภัยดีแล้ว และก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเจ้าด้วย ประเด็นนี้ถูกปัดไป”

“แต่...”

“ไม่มีแต่ทั้งนั้น... ถ้าอยากจะไถ่โทษก็กลับไปช่วยข้าทำงานก็แล้วกัน พวกเจ้าล่ะว่าอย่างไร” องค์ราชาหันไปถามคนอื่นๆ ที่เดินทางมาด้วย

“ในเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วจะว่าอย่างไรได้เล่าฝ่าบาท”

“จริงด้วย” เสียงที่สนับสนุนขึ้นมาทำให้คนที่ถูกขังน้ำตาไหลออกมาด้วยความซาบซึ้ง

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบคุณทุกคน ขอโทษเจ้าด้วยนะก้อนดินที่ทำให้เดือดร้อน” ผมได้แต่ยิ้มรับคำขอโทษ ในเมื่อทุกอย่างมันผ่านพ้นไปแล้ว แล้วจะถือโทษโกรธกันไปอีกทำไมให้เสียเวลาเปล่า

“แล้วท่านล่ะ จะกลับใจแล้วไปช่วยข้าทำงานหรือไม่” องค์ราชาหันไปถามจอมเวทย์ที่ยังยืนนิ่งอยู่ในกรงขัง

“ข้าแพ้แล้ว จะลงโทษยังไงก็ทำไปเถอะ”

“ท่านจะแก้แค้นไปเพื่ออะไรเล่าท่านฟีเนส” ท่านเซเรสเดินมาใกล้ๆ และคุยกับจอมเวทย์ที่ผมเพิ่งจะได้รู้จักชื่อ

“คนที่ไม่ต้องสูญเสียอย่างข้า จะเข้าใจอะไร ข้าต้องการทวงความยุติธรรมให้กับลูกสาวข้า” เสียงตอบกลับมานั้นทั้งเกรี้ยวกราดและเจ็บปวด

“ท่านคิดว่านางจะมีความสุขที่ท่านเป็นเช่นนี้หรือ” ท่านฟีเนสหันหน้าหนีเหมือนไม่อยากจะฟัง ท่านเซเรสทอดถอนใจ

“นางไม่ได้มีความสุขกับการกระทำของท่านเลย สิ่งที่ท่านทำนั้นทำให้นางเป็นทุกข์เพราะความรู้สึกผิดมากกว่า”

“ท่าน... รู้ได้ยังไง” ท่านเซเรสไม่ตอบแต่หันไปยังทิศทางที่มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหา เมื่อเดินมาถึงหน้ากรงขังเด็กสาวคนนั้นก็ก้มหน้าลงแล้วร้องไห้

“ท่านพ่อ ข้าขอโทษ”

“เจ้า... ไม่จริง” จอมเวทย์ฟีเนสมีสีหน้าสับสน

“ข้าขอโทษที่ฆ่าตัวตายหนีปัญหา ขอโทษที่ทำให้ท่านต้องเสียใจ ขอโทษที่ข้าอับอายจนไม่กล้าเผยตัว ไม่กล้ามาบอกกับท่านว่าข้ากลับมาแล้ว จนปล่อยให้ท่านต้องทนทุกข์มาถึงตอนนี้ ข้าขอโทษ ฮึก” นางเอ่ยคำขอโทษแล้วก็ทิ้งตัวลงคุกเข่าแล้วเงยหน้าขึ้นมองจอมเวทย์

“ฟีน่าขอโทษนะคะท่านพ่อ ฮือออออ” จอมเวทย์ฟีเนสนิ่งไปเหมือนถูกสาป สายตาที่เคยแข็งกร้าวสั่นระริก เขาหันหน้าไปมองหน้าท่านเซเรสเหมือนจะขอความมั่นใจ

“ใช่ นางคือฟีน่าลูกสาวของท่านที่กลับมาเกิดใหม่” เมื่อได้รับคำยืนยันจอมเวทย์ฟีเนสก็ทิ้งตัวลงนั่งพยายามยื่นแขนออกมาจากกรงขัง ซึ่งก้อนหินก็ยอมปล่อยให้ยื่นออกมาได้แต่โดยดี เด็กสาวตรงหน้ายื่นมือออกไปจับมือนั้นไว้แน่น

“ฟีน่าลูกพ่อ” แล้วน้ำตาของจอมเวทย์ฟีเนสก็ไหลออกมาทันที

“ฮือ ท่านพ่อ ยกโทษให้ข้าเถิดนะคะ”

“พ่อไม่เคยโกรธเจ้าเลยลูก แค่เจ้ากลับมาพ่อก็ดีใจแล้ว แต่เพราะเหตุใดเจ้าถึงยังจำเรื่องราวในครั้งก่อนได้เล่า”

“ฮึก หลังจากที่ข้าตายแล้ว ท่านเซเรสก็ไปตามดวงจิตข้ากลับมาแล้วอบรมข้าไปยกใหญ่ ท่านเซเรสปล่อยให้ข้าสำนึกผิดและรอให้ดวงจิตของข้าเข้มแข็งขึ้นแล้วใช้พลังจากเกล็ดมังกรส่งข้ากลับมาเกิดในตระกูลฟินซ์อีกครั้ง แต่ด้วยความรู้สึกแค้นที่ยังฝังลึกอยู่ในจิตใจของข้าจึงทำให้ในวัยเด็กข้าได้ถูกดึงกลับไปที่มิตินั้นอีกครั้ง ข้าดีใจมากที่มีโอกาสได้กลับไปแก้แค้น แต่เมื่อกลับไปแล้วก็พบว่าคนที่เคยทำร้ายข้านั้นได้ถูกฆ่าตายอย่างทรมานไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ข้าคิดขึ้นได้ว่าถึงแม้ข้าจะไม่ได้แก้แค้นเอาคืน แต่กฎของโลกแต่ละโลกก็มีวิธีจัดการกับคนพวกนี้อยู่แล้ว หลังจากได้รับการช่วยเหลือกลับมา ท่านเซเรสขอให้ข้าบอกกับทุกคนว่าข้าเป็นใคร แต่ข้ายังรู้สึกละอายใจที่ทำให้ตระกูลของเราต้องอับอาย ข้าเลยไม่กล้าเผยตัว ไม่เช่นนั้นท่านพ่อคงไม่ต้องจมอยู่กับความรู้สึกแค้นนานเช่นนี้ ขอโทษนะคะท่านข้าพ่อ”

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษแล้ว พ่อเข้าใจเจ้า อย่าโทษตัวเองอีกเลยนะ” จอมเวทย์ฟีเนสยิ้มอย่างอ่อนโยน เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เด็กสาวตรงหน้าอย่างเบามือ

“ขอบคุณค่ะท่านพ่อ” นางยิ้มให้คนตรงหน้าแล้วเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้กับจอมเวทย์ฟีเนสด้วยความอ่อนโยนเช่นเดียวกัน

“ฝ่าบาท หากจะลงโทษท่านพ่อ ก็ขอให้หม่อมฉันรับโทษด้วยเถอะนะคะ เป็นเพราะหม่อมฉันทำให้ท่านพ่อต้องตกอยู่ในบ่วงแค้นและทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นเช่นนี้”

“ไม่นะฝ่าบาท กระหม่อมเป็นผู้ทำผิด ขอให้พระองค์โทษกระหม่อมแต่เพียงผู้เดียว นางไม่ได้ทำผิดอะไร ปล่อยนางไปเถอะ”

“เอาละๆ อย่าแย่งกันรับโทษอีกเลย ข้าไม่เอาโทษทั้งคู่นั่นแหละ แต่พวกเจ้าต้องรับโทษด้วยการเข้าวังไปช่วยงานข้า ตกลงไหม”

“ขอบพระทัยในความกรุณาฝ่าบาท” ทั้งคู่ก้มลงแสดงความเคารพต่อองค์ราชาด้วยความซาบซึ้ง ถึงจะเป็นเหมือนการถูกขังอยู่ในวังกลายๆ แต่ก็ยังกว่าที่จะให้อีกฝ่ายได้รับโทษ

ผมยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเรื่องราวจบลงด้วยดี แต่ในส่วนของคนที่มาจากต่างมิตินั้น องค์ราชาและจอมปราชญ์ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าจะนำไปอบรมบ่มนิสัยกันใหม่ ก่อนที่จะส่งกลับคืนมิติเดิม เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาของมิตินั้นๆ อีก ผมมองกลุ่มคนในก้อนกลมๆ ที่ยังลอยกระแทกกันไปมาอย่างขำๆ

“ที่สำคัญ ต้องขอบใจเจ้าด้วยนะก้อนดิน ถ้าไม่มีเจ้าเรื่องนี้ก็คงไม่จบดีๆ เช่นนี้” องค์ราชาหันมาขอบคุณผมอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบไป

“กระหม่อมไม่ได้ทำอะไรเลยนะฝ่าบาท ก้อนหินต่างหากที่เป็นคนช่วยให้เรื่องจบลงแบบนี้ กระหม่อมนี่เป็นตัวถ่วงให้มันซะด้วยซ้ำ”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิก้อนดิน เพราะจิตใจที่เข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ของเจ้า เลยช่วยให้เจ้าทั้งคู่ผ่านพ้นอุปสรรคทุกอย่างมาได้ และยังทำให้ก้อนหินเติบโตได้เร็วขึ้นกว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้ซะอีก” ท่านเซเรสเอ่ยค้านและให้กำลังใจผม

“ก๊าสสส” แว้บบบบ

“ใช่ ดินดีที่สุดแล้ว” ก้อนหินร้องรับก่อนจะเปลี่ยนร่างกลับเป็นมังกรตัวเล็กๆ แล้วบินมากอดคอผมอ้อนๆ

“โตแล้วก็ยังจะอ้อนอีกเหรอก้อนหิน” ชเนาเซอร์เอ่ยแซ็ว

“ก๊าส” ก้อนหินผละจากตัวผมแล้วบินไปหาชเนาเซอร์

“เฮ้ย! ปล่อยนะก้อนหิน ก้อนดินช่วยข้าด้วย” ก่อนที่มันจับชเนาเซอร์ไปขังไว้ในวงกลมขนาดเท่าตัวแล้วปล่อยให้ลอยตัวเล่นอยู่ในนั้น

“ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะของทุกคนทำให้ผมอยากจะหยิกแขนพิสูจน์ดูจริงๆ ว่าไม่ได้ฝันไป

ไซเลอร์ขยับเข้ามาประสานมือกับมือของผมแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ความอบอุ่นที่ได้รับทำให้รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้ฝันไปเอง

ดีเหลือเกิน ที่จบลงด้วยดีแบบนี้

ผมกระชับมือไซเลอร์ไว้แน่น แล้วยิ้มตอบด้วยความโล่งใจ


หลังจากเคลียร์พื้นที่เสร็จแล้ว องค์ราชาก็ให้เหล่านักรบและจอมเวทย์คุมนักโทษจากต่างมิติเอาไปขังไว้ที่คุกร้างที่ผมเคยถูกขังไว้ เพื่อที่จะรอจัดการในขั้นตอนต่อไปคือปรับทัศนคติและอบรมบ่มนิสัยใหม่ โดนท่านเซเรสอบรมหูชาแน่พวกมึง หึๆๆๆ ส่วนเหล่าจอมเวทย์ก็ตามไปช่วยร่ายเวทย์กำกับเพื่อป้องกันการหลบหนี เมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วก็วางเวรยามเฝ้าไว้ เผื่อว่าจะมีคนที่ยังไม่ถูกจับหลงเหลืออยู่มาช่วยหนีไป ส่วนคนที่เหลือก็ทยอยเดินทางกลับเมืองเหมือนตอนขามา

ผมกับแก๊งเฮดีสต้องกลับเคลเบรอสก่อน ท่านเซเรสก็ไปกับเราด้วย เพราะเป็นทางผ่านที่จะกลับมิติที่ท่านอยู่ เราเดินทางกันอย่างสบายๆ ไม่ต้องรีบเร่งเหมือนตอนขามา ทุกคนเดินทางในร่างมนุษย์ ส่วนก้อนหินก็ยังคงใช้ร่างเล็กๆ บินเคียงข้างผมเหมือนเดิม

แต่ในระหว่างเดินทางกลับอยู่นั้น ท่านเซเรสก็ชะงักและหยุดลงกะทันหัน แล้วมองเข้าไปในป่านิ่งๆ ทำให้คนที่เหลือหยุดชะงักไปด้วย

“มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมถามด้วยความแปลกใจ เพราะทั้งผมและคนอื่นๆ ไม่รู้สึกถึงอันตรายหรือความผิดปกติอะไร

“บริธส์ หยุดก่อน” ท่านเซเรสร้องเรียก ก่อนจะวิ่งไปอีกทาง เรามองหน้ากัน แล้วตัดสินใจวิ่งตามไป วิ่งไปได้สักพักท่านเซเรสก็หยุดตรงหน้าต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง

“ออกมาเถอะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า” รอบๆ ตัวเรายังคงเงียบสนิท แต่ก็รอเพียงไม่นานก็มีคนๆ หนึ่งเดินออกมาจากหลังต้นไม้ต้นใหญ่ตรงหน้า

คนที่เดินออกมาอยู่ในชุดเสื้อคลุมสีดำสนิท หน้าตาอ่อนวัยพอๆ กับท่านเซเรส เมื่อเราเห็นว่าท่านเซเรสไม่ได้มีทีท่าระวังภัยอะไรก็เลยนิ่งๆ ตามไปด้วย อีกอย่างคนตรงหน้าก็ไม่ได้แสดงท่าทีคุกคามอะไร เลยได้แต่ยืนตั้งหลักอยู่ข้างหลังท่านเซเรสเงียบๆ

“เจ้า... ออกมาได้แล้วเหรอ” ท่านเซเรสถามไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา สายตาจับจับไปยังคนตรงหน้าตาแทบไม่กะพริบ

ผมจำได้ว่าจอมเวทย์คนนี้เป็นเพื่อนกับท่านเซเรสและถูกขังอยู่ในความมืด จะออกมาได้ก็ต่อเมื่อสำนึกผิดได้แล้ว แล้วที่ตอนนี้ออกมาได้ก็หมายความว่าเขาสำนึกแล้วอย่างนั้นสิ

“อืม” คนตอบตอบกลับมาสั้นๆ แต่แววตาที่ดูอ่อนโยนคู่นั้นกลับมีความรู้สึกมากมายอัดแน่นอยู่

“เรื่องจอมเวทย์ฟีเนสฝีมือเจ้าใช่ไหม”

“ใช่”

“เฮ้อ... ในเมื่อสำนึกแล้วจะทำไปทำไมอีก”

“เขา... เหมือนกับข้า ต้องสูญเสียคนที่รักเหมือนกัน ข้าทนนิ่งดูดายไม่ไหว”

“เฮ้อ... ช่างเถอะ ในเมื่อมันจบลงแล้วจะต่อว่าเจ้าไปอีกก็ไม่มีประโยชน์ แต่ข้าอยากจะขอร้อง อย่าทำเช่นนี้อีกได้หรือไม่ ปล่อยให้มันเป็นไปตามกฎของมิติเถอะนะบลิธส์”

“... ข้าจะพยายาม” คนตรงหน้านิ่งคิดไปก่อนจะตอบกลับมา

“แต่ถ้าเจ้าไม่อยากให้ทำ ก็มาคอยดูแลข้าเองสิ”

“...”

“ได้สิ ข้าจะดูแลเจ้าเอง”



ผมมองท่านเซเรสด้วยความเป็นห่วง เมื่อท่านเซเรสบอกว่าต้องการจะแยกเดินทางไปกับจอมเวทย์บลิธส์ ผมมองอีกคนอย่างไม่ไว้วางใจ แต่ก็ห้ามอะไรไม่ได้ ในเมื่อเป็นความต้องการของท่านเซเรสเอง

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่าก้อนดิน ไม่เชื่อเจ้าลองถามก้อนหินดูก็ได้”

ก้อนหินที่อยู่ในอ้อมแขนแหงนหน้าขึ้นมาบอก

“ก๊าสสสส” ในเมื่อได้รับคำยืนยันจากก้อนหินว่าคนที่อยู่ข้างหลังท่านเซเรสไม่เป็นอันตราย ผมก็ค่อยวางใจ

“แล้วค่อยเจอกันนะ ว่างๆ ก็พาก้อนหินแวะไปหาข้าบ้าง”

“ครับ เดี๋ยวข้าจะพาก้อนหินแวะไปเยี่ยม”

ท่านเซเรสยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ตบบ่าผมเบาๆ แล้วหันหลังกลับ เดินเคียงคู่ไปกับจอมเวทย์คนนั้น ผมยืนมองจนลับสายตา ไซเลอร์ก็มาแตะบ่าอีกข้างเบาๆ

“ไปกันเถอะ”

“ครับ กลับบ้านเรากันเถอะ”

เราสองคนยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกอุ่นใจที่จะได้กลับเรือนวสุธาสักที

“แค่กๆๆๆๆๆ”

แต่เบื่อตรงไอ้พวกที่ชอบแซ็วนี่แหละ โว๊ะ! จนจะจบเรื่องอยู่แล้วก็ยังจะแซ็วได้แซ็วดี ไม่เบื่อกันรึไง!


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ตอนนี้มันก็จะยาวๆ หน่อยนะคะ คนเขียนก็จะมึนๆ หน่อย ถถถ  :undecided:

ตอนหน้าก็จะจบแล้วค่าาาาาาาา

ขอบคุณที่แวะมาอ่านมาให้กำลังๆ เสมอนะคะ 

กอดดดดดดดดดดดดดดด :กอด1: :L2: :pig4: :pig4:
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


#MayA@TK เพราะรักจึงเจ็บ เพราะเจ็บจึงแค้น ถถถ  :pig4:
#aiyuki ใช่ค่ะ แต่คนบางคนคงคิดไม่ได้ นึกถึงแต่ตัวเองไม่เคยคิดถึงคนอื่นๆ ทำให้ทุกวันนี้เป็นประเด็นให้เห็นกันเยอะแยะ เค้าไม่รักก็ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจาก "ทำใจ" ค่ะ
#Yara ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเล้ยยย จริงจริ๊งงงงงงง เชื่อสิคะ  :laugh:
#ommanymontra  :L2: :pig4: :L2:
#ซีเนียร์  :L2: :pig4:
#•♀NoM!_KunG♀• มาแล้วค่าาาาาาาาาา  :mc1:
#♥►MAGNOLIA◄♥ คนพาลก็อย่างนี้แหละค่ะ ถถถ ก้อนหินยังอยากอ้อนอยู่ค่ะ ชอบเรียกร้องความสนใจ  :laugh:
#shoi_toei ฮึบบบบบบ  :m7:
#alternative อ้อนไม่หยุดแม้วันมามากค่ะ ไม่ใช่ละ อ้อนไม่หยุดแม้ว่าจะโตขึ้นค่ะ  :laugh3:
ปล.ยินดีค่า เพิ่งจะทราบเหมือนกันค่ะ ไม่คุ้นเลยสักนิดดดด
#suikajang โตแล้วก็ยังอ้อนได้ค่าาาา เดี๋ยวดินไม่สนใจ  :laugh3: ขอบคุณที่ยังไม่ลืมคนอื่นๆ ค่ะ  :impress2:
#duck-ya ตอนนี้ก็ซ้อนพอกันค่ะ FC ก้อนหินเยอะจริงๆ ค่ะ แม่มันปลื้มมมมมม  :impress2:


ไปปั่นต่อก่อนค่ะ ใกล้จุดหมายแล้ววววววววววววววววว  :katai4:
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ก้อนหิน ร่างโคตรหล่ออออ

ว่าแต่ ๆจบเรื่องแล้ว ข้ามงานแต่ง ส่งตัวเข้าหอเลยได้มะ5555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แล้วก็จบลงด้วยดี
ลด ละ เลิก ใช้ได้นะเนี่ย

ก้อนหิน เป็นพระเอกแล้ว
หลบหน่อย......พระเอกมา สุดยอดเลย  :ling1: :ling1: :ling1:
แต่ก้อนหินยังขี้อ้อน ยังน่ารัก และเอาคืนได้เจ๋งมาก
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ก้อนหินหล่อสมเป็นลูกพ่อไซเลอร์....หืมมมม????

ดีจังที่จบลงด้วยดี

เอ๊ะ ใคร ๆ ก็สมหวังแล้ว งั้นก็ถึงตาก้อนดินถูกกินแล้วสิ! :z1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
เรื่องคลี้คลายแล้วก็สบายใจ ^^

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ดีนะที่ทุกฝ่ายเข้าใจกันได้ดี ไม่ต้องฆ่ากันให้ตาย ใช้คำว่าให้อภัยก็เพียงพอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ดีแล้วที่จบเรื่องความแค้นนี้โดยไม่มีการสูญเสีย....
เวรต้องระงับด้วยการไม่จองเวรแท้ๆเลยน๊า
ตอนหน้าไซเลอร์จะๆมุ้งมิ้งกับดินบ้างไหมน๊า รอนะคะ ^^

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ duck-ya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
งู้ยยยย ตอนหน้าจะหวานกันแล้วใช่มั้ยย
หาทางแยกก้อนดินกบก้อนหินออกจากกันให้ได้ก่อนเถ๊อะ
หึๆๆ

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
งานนี้ก้อนหินเป็นพระเอกเลยค่ะ ปิดคดี 555

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ก้อนหินเราเท่ห์สุดพระเอกสุดอ่ะ

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 o13 เขาจะกลับบ้านกันแล้ว จับมือกันกันแน่น อบอุ่นหัวใจไปสิ  :impress2:
 :L1:  :pig4:  :L1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ตามอ่านทันแล้วสนุกมากเลยครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด