►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23  (อ่าน 126787 ครั้ง)

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทส่งท้าย ผูกจิตร่วมคู่

   ผมนั่งสงบสติอารมณ์ของตัวเองนิ่งๆ แต่รู้สึกเลยว่าหน้าตัวเองยังคงแดงเถือกและคาดว่าคงจะแดงไปทั้งตัวเพราะรู้สึกร้อนตั้งแต่หัวจรดหาง พอเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เห็นว่ามีอาการไม่ต่างกัน เพราะผิวเข้มๆ ของเจ้าตัวนั้นแดงเท่าที่จะสามารถแดงได้ โดยเฉพาะใบหูที่เห็นได้ชัดว่าแดงจัด จากที่เขินสุดๆ ก็เลยกลายเป็นหลุดขำซะอย่างงั้น

   “พรืด ฮะ... ฮ่าๆๆๆๆ”

   “ขำอะไรฮึ” ไซเลอร์หันหน้าที่ยังไม่หายแดงมาถาม แต่พอสบตาสีเขียวๆ คู่นั้นแล้วในหัวก็ดันนึกถึงเรื่องที่เพิ่งจะได้เรียนรู้มาก็ทำเอาต่างฝ่ายต่างหน้าแดงแข่งกัน แล้วต่างก็หันหน้าหนีกันไปคนละทาง

   อ๊ากกกกก ให้ตายสิ เขินโว๊ยยยยยย

   รู้สึกเลยว่าหน้าร้อนจนแทบจะระเบิดจนต้องปิดหน้าไว้ให้หายร้อน

   ส่วนสาเหตุที่ทำให้เราทั้งคู่มีอาการแบบนี้น่ะเหรอ

   ...

   หลังที่กลับมาถึงเคลเบรอส ผมก็ได้รับคำขอโทษจากคนที่นี่อย่างล้นเหลือ เพราะทุกคนยังรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่ผมถูกจับไปจากพระราชวังอยู่ จนผมอยากจะขอซื้อคำนี้ไปทิ้งวันละหลายๆ รอบ พร้อมทั้งอัดคำตอบและจัดแถลงข่าวไปซะให้รู้แล้วรู้รอด เพราะกว่าจะตอบและปลอบใจได้หมดทุกคนนี่ก็เล่นเอาเพลียไปเลย

   ท่านไซรีนแม่ของไซเลอร์ก็ปลอบขวัญผมเป็นการใหญ่ คอยทำนั่นทำนี่ให้กิน ดูแลประคบประหงมผมเป็นอย่างดี เวลาที่ถูกตามไปปฏิบัติภารกิจนี่ คนที่รับหน้าที่มาตามแทบจะถูกกินหัว จนผมทั้งขำทั้งปลื้มที่ได้รับการเอาใจใส่จากท่านถึงขนาดนี้ ตอนแรกท่านไซรีนจะให้ผมเข้าไปอยู่ในบ้านใหญ่ซะด้วยซ้ำ แต่ผมต้องใจแข็งปฏิเสธไปเพราะผมชอบเรือนวสุธาของไซเลอร์มากกว่า (ท่านไซรีนเรียกบ้านใหญ่ แต่ผมว่าเรียกคฤหาสน์น่าจะเหมาะกว่า)

   พอก้อนหินโตเต็มวัย มันก็สามารถใช้พลังของมังกรมรกตได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้สามารถควบคุมประตูมิติให้เสถียรมากขึ้นด้วย นานๆ ทีถึงจะมีคนหลุดหลงมา ทั้งสามอาณาจักรบนดินและหนึ่งอาณาจักรใต้น้ำจึงได้ประชุมร่วมกันเพื่อวางแผนปรับรูปแบบในการส่งคนกลับมิติกันใหม่

   ถ้าหากมีคนหลงมาที่มิตินี้ หรือว่ามีจากมิตินี้คนหลงไปที่อื่น ก้อนหินกับผมก็จะรับรู้ได้ในทันที ผมก็จะขึ้นหลังก้อนหินบินไปแจ้งให้แต่ละอาณาจักรทราบ แล้วนำคนของแต่ละอาณาจักรเดินทางไปหาคนที่หลงเข้ามาในพื้นที่ของอาณาจักรนั้นๆ ก่อนที่ก้อนหินจะใช้พลังเปิดประตูมิติ แล้วให้คนของแต่ละอาณาจักรเดินทางไปส่งคนเหล่านั้นกลับไปยังจุดเดิมที่หลงมา

เพราะในบางมิติก้อนหินถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลก อาจจะทำให้สิ่งมีชีวิตในมิติอื่นๆ แตกตื่นได้ อย่างเช่นมิติที่ผมจากมาเป็นต้น ทั้งก้อนหิน คิง องค์ราชา และคนสำคัญของทุกอาณาจักรต่างเห็นพ้องต้องกันว่าไม่อยากให้ผมต้องเสี่ยงโดยไม่จำเป็นอีก ถึงแม้ว่าเมื่อได้รับเลือดของก้อนหินแล้วผมจะมีอายุขัยเท่ากับคนที่นี่ แต่ก็ยังถือว่าเป็นจุดอ่อนของก้อนหินอยู่ดี ก็เลยต้องมีข้อตกลงกันตามนี้

   ในช่วงปีอธิกมาสที่ประตูมิติแปรปรวนมากๆ ทุกคนก็จะยุ่งกันมากหน่อย เพราะจะมีคนหลงมิติบ่อยและมากกว่าปกติหลายเท่า ทั้งผมกับก้อนหิน และทีมส่งคนกลับมิติแต่ละอาณาจักรก็ยุ่งไปตามๆ กัน จนก้อนหินต้องถอนเกล็ดออกเพื่อให้แยกกันไปทำหน้าที่ หลังจากนั้นก็ต้องเอากลับมาคืนก้อนหินเพื่อให้พลังรวมอยู่ที่ก้อนหินเป็นการรักษาสมดุลของประตูมิติต่อไป

แต่พอพ้นปีนี้ไปแล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น ทุกคนก็จะมีเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง บางคนก็ฝึกปรือฝีมือต่อ บางคนก็ออกเดินทางท่องเที่ยว บางคนก็เข้าพิธีร่วมคู่อย่างพี่ไซรอสกับเจ้าหญิงพริโอเนซแห่งคราเคนก็จัดพิธีร่วมคู่กันเรียบร้อยแล้ว

ส่วนผมก็ได้รับเชิญให้ไปสอนเรื่องยาสมุนไพรและการรักษาในการประชุมสำนักแพทย์ของทั้งสามอาณาจักรเป็นประจำ ว่างๆ ก็ชวนก้อนหินกับไซเลอร์ไปหาลุงเซเรสบ้าง

ตอนนี้เราก็กำลังวางแผนในการส่งคนจากมิติเราไปประจำยังมิติอื่นๆ เพื่อให้สะดวกต่อการติดต่อประสานงานส่งคนกลับมิติเดิม โดยเฉพาะในช่วงปีอธิกมาสที่มิติแปรปรวนมากๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการตัดสินใจและวางแผนให้รอบคอบก่อนว่าจะส่งไปประจำที่มิติไหนบ้าง แล้วจะส่งใครไปประจำที่ไหน เพื่อความปลอดภัยของคนที่ต้องเดินทางไปอยู่ที่นั่นด้วย

วันหนึ่งระหว่างที่นั่งรับประทานอาหารเช้าร่วมกันที่บ้านใหญ่อยู่ๆ ไม่รู้ว่าท่านอลาสนึกยังไงถึงได้เอ่ยปากถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“เมื่อไหร่เจ้าทั้งคู่ถึงจะผูกจิตร่วมคู่ด้วยกันล่ะ ไซเลอร์ ก้อนดิน”

เคร้ง!!

“แค่กๆๆๆ” ผมสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ทันที ไซเลอร์รีบขยับมาช่วยลูบหลังให้ ก้อนหินที่อยู่ในร่างเล็กๆ ก็รีบหยิบผ้าที่ผมพกไว้บินมาส่งให้ พอผมหายสำลักผมก็มองไปยังท่านไซรีนที่ทำช้อนหล่นกระทบจานเสียงดังเมื่อครู่

“ตายแล้ว นี่น้องลืมไปซะสนิทเลยว่าทั้งคู่ยังไม่ได้ผูกจิตร่วมคู่กัน ตอนแรกคิดไว้ว่าจะจัดหลังงานของไซรอสเลย ไซเลอร์ก็บอกว่ายังไม่พร้อม แม่ขอโทษนะไซเลอร์ ก้อนดิน ทำไมท่านพี่ไม่พูดให้เร็วกว่านี้ล่ะคะ ไม่ได้การแล้ว เราต้องไปแจ้งคิงกับควีน ต้องซื้อของ ต้องเตรียมงาน...”

“เดี๋ยวๆ น้องหญิง เจ้าต้องใจเย็นๆ ก่อน ก่อนจะจัดงานนี่ถามความสมัครใจของก้อนดินรึยัง” แล้วสายตาทุกคู่ก็ย้ายมาจดจ้องที่ผมแทน

“ว่ายังไงจ๊ะก้อนดิน เจ้าเต็มใจจะผูกจิตกับลูกชายของแม่ไหม เจ้ารังเกียจพี่เขารึเปล่าลูก”

“เอ่อ...” ทุกคนมีสีหน้าลุ้นๆ ผิดกับผมที่หัวใจเต้นกระหน่ำ รู้สึกหน้าร้อนๆ ขึ้นมาทันที แต่พอหันไปเห็นสีหน้าคาดหวังและดวงตาเว้าวอนของไซเลอร์ก็เผลอตอบไปอย่างไม่รู้ตัว

“ไม่รังเกียจครับ”

“ได้ยินไหมคะท่านพี่ว่าก้อนดินไม่รังเกียจ ถ้าอย่างนั้นเราไปขออนุญาตคิงและควีนจัดงานกันเถอะค่ะ” พูดจบท่านไซรีนก็ลุกแล้วเดินออกจากห้องอาหารไปทันที ปล่อยให้เรามองตามตาปริบๆ ท่านอลาสกันถอนหายใจ ต่อให้ยังไม่อิ่มก็ต้องยอมอิ่มไปโดยปริยาย ท่านอลาสกันลุกเดินมาตบบ่าเราทั้งคู่

“พวกเจ้าทั้งคู่ก็ปรึกษาเรื่องนี้กันต่อก็แล้วกันนะ”

“เร็วสิคะท่านพี่” เมื่อได้ยินเสียงเร่งของท่านไซรีน ท่านอลาสกันก็ได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินตามออกไป ปล่อยให้เราทั้งสี่นั่งมองหน้ากันต่อ

“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ไม่อยู่รบกวนพวกเจ้าแล้ว” พี่ไซรอสพูดยิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาตบบ่าเราทั้งคู่

“ยินดีด้วยนะ” แล้วพี่แกก็เดินจากไป ปล่อยให้เราสองคนกับหนึ่งตัวมองตามตาปริบๆ แล้วก็เป็นไซเลอร์ที่เอ่ยปากก่อน

“กลับไปคุยกันที่เรือนวสุธากันไหม”

“ครับ” ผมอุ้มก้อนหินที่ยังคงจ้องไซเลอร์เขม็งมากอดไว้ ถึงสีหน้ามันจะดูขัดใจ แต่มันก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไร แค่ทำตาขวางใส่ไซเลอร์เท่านั้นเอง

“ไม่พอใจเหรอตัวยุ่ง” ระหว่างที่เดินอยู่ไซเลอร์ก็ถามขึ้นแล้วเอื้อมมือมาโยกหัวมันเล่น

“ก๊าสสส” ก้อนหินโยกหัวหลบแล้วตอบว่าใช่

“อย่าหวงก้อนดินนักเลย ข้าสัญญาว่าจะรักจะดูแลก้อนดินเป็นอย่างดี และจะทำให้ก้อนดินมีความสุขที่สุด” คำพูดเหมือนจะอธิบายให้ก้อนหินฟัง แต่สายตาสีเขียวคู่นั้นกลับจ้องมาที่ผมอย่างแน่วแน่

“ก๊าสสสส” มันไม่ตอบไซเลอร์แต่หันมาถามผมแทนว่ารักมันมากที่สุดใช่ไหม

“ครับหินครับ รักหินมากที่สุดอยู่แล้ว”

“ก๊าสสสส” มันเอาหัวถูอ้อนๆ กระดิกหางด้วยความพอใจ ผมก็ได้แต่กอดมันไว้ด้วยความเอ็นดู แม้ว่ามันจะโตเต็มที่ มีรับผิดชอบตั้งมากมายแล้วก็ยังไม่เลิกอ้อน แถมเจ้าตัวยังไม่ชอบอยู่ในร่างโตเต็มวัยอีกด้วย เวลาอยู่กับผมจะใช้ร่างเดิมตลอด เพราะมันยังชินกับการกอด การอ้อน และนอนด้วยกันอยู่ ยกเว้นเวลาที่ปฏิบัติภารกิจเพียงอย่างเดียวที่มันต้องยอมเปลี่ยนร่างเพื่อให้ผมขี่หลังเดินทางไป

“ไซเลอร์ ก้อนดิน” ระหว่างที่เราสองคนกำลังจะเดินขึ้นบันไดเรือนวสุธาก็มีเสียงเรียกจากชเนาเซอร์ที่กำลังวิ่งตรงมาซะก่อน ผมก้าวขึ้นไปต่อแล้วยืนมองอยู่ตรงระเบียง ปล่อยให้ไซเลอร์ยืนรอเพื่อนอยู่ตรงนั้น พอมองจากตรงนี้ไปก็เห็นว่าทั้งร็อต มาสทิฟฟ์และพรีซาก็กำลังเดินตามมาด้วย

“มีอะไรรึเปล่าชเนาเซอร์” ไซเลอร์ถามเมื่อชเนาเซอร์วิ่งมาถึง

“ข้าได้ข่าวจากข้างในว่าพวกเจ้าจะผูกจิตร่วมคู่กันเหรอ”

เฮ้ย! ทำไมข่าวมันไวนักล่ะ

“พอดีพวกข้ากำลังฝึกอยู่ที่ลานฝึกซ้อมแล้วได้ยินคนที่นั่นพูดกัน ก็เลยจะมาถามพวกเจ้านี่แหละ” มาสทิฟฟ์ที่เดินมาถึงพูดต่อ

“ขึ้นบ้านก่อน” ไซเลอร์บอกก่อนจะเดินนำขึ้นมาที่ระเบียง ไซเลอร์เดินมายืนระหว่างผมกับก้อนหินที่ตอนนี้นั่งห้อยขาอยู่บนระเบียง ตอนแรกก็กลัวระเบียงจะพัง แต่ก้อนหินบอกว่าคุมพลังได้ ไม่ต้องห่วง เมื่อคนอื่นๆ เดินขึ้นมาแล้วก็แยกย้ายไปยืนพิงหรือไม่ก็นั่งบนระเบียงรอฟังคำตอบ

“ว่าไง ตกลงว่าจริงรึเปล่า” ชเนาเซอร์เป็นฝ่ายใจร้อนถามย้ำอีกครั้ง

“จริง” ไซเลอร์ตอบยิ้มๆ

ปฏิกิริยาของทุกคนคือยิ้มกว้าง สีหน้าแสดงความดีใจอย่างปิดไม่มิด ก่อนที่ทั้งสี่จะเดินมากอดผมกับไซเลอร์และกล่าวแสดงความยินดีทีละคน

“ยินดีกับพวกเจ้าด้วย ยินดีด้วยนะไซเลอร์” พูดจบก็ตบบ่าไซเลอร์หนักๆ ส่วนคนโดนตบบ่าก็ได้แต่ยิ้มกว้าง จนผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

“ยินดีด้วยนะไซเลอร์ ยินดีด้วยนะน้องดิน” ชเนาเซอร์เป็นคนสุดท้ายที่เข้ามากอดผม แต่เจ้าตัวดันกอดไม่ยอมปล่อยจนไซเลอร์ต้องขยับมาดึงออก

“ขี้งก กอดหน่อยก็ไม่ได้” ชเนาเซอร์บ่นงึมงำอยู่คนเดียว

“ข้าก็ลุ้นตั้งนานว่าเมื่อไหร่พวกเจ้าจะร่วมคู่กันสักที” ร็อตพูดยิ้มๆ

“นั่นน่ะสิ ข้าก็คิดว่าจบเรื่องแล้วเจ้าจะขอก้อนดินเลยซะด้วยซ้ำ” พรีซาเสริม

ผมหันไปมองไซเลอร์อย่างแปลกใจและสงสัยอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าเพื่อนๆ ชงกันขนาดนี้ พี่แกก็ไม่น่าจะลืม แต่ที่ผ่านมาไม่เห็นมีวี่แววว่าจะเอ่ยปากเลย ไซเลอร์หันมาสบตาผมแล้วตอบ

“ไม่ใช่ว่าไม่อยากขอ ข้าแค่ไม่กล้าที่จะขอ ในเมื่อข้าเคยปล่อยให้เจ้าได้รับอันตรายตั้งหลายครั้งหลายครา ข้าเลยอยากจะพิสูจน์ตัวเองให้เจ้ามั่นใจก่อนว่าข้าสามารถดูแลเจ้าได้ แต่ถึงแม้ว่าวันนี้ท่านพ่อไม่พูดขึ้นมาก่อน ข้าก็วางแผนจะขอเจ้าเร็วๆ นี้อยู่แล้ว” ไม่คิดเลยว่าเรื่องครั้งนั้นจะทำให้ไซเลอร์รู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้ ตอนแรกคิดว่าหลังจบเรื่องจะเคลียร์กันซะหน่อย แต่ผมก็ดันลืมไปซะสนิทเลย

“ไซเลอร์ เจ้าก็รู้ว่าเรื่องบางเรื่องเราไม่สามารถควบคุมให้เป็นได้ดั่งใจเราทุกอย่าง เรื่องครั้งนั้นมันก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเลยนะ ข้ารู้ว่าเจ้าพยายามดูแลข้าอย่างสุดความสามารถแล้ว อีกอย่างตอนนี้ข้าก็ปลอดภัยดีแล้ว อย่าโทษตัวเองอีกเลย ไม่เช่นนั้นข้าก็คงรู้สึกไม่สบายใจเหมือนกันที่ทำให้เจ้าต้องเป็นทุกข์เพราะข้าเป็นต้นเหตุ” ไซเลอร์ยกมือขึ้นมาจับใบหน้าผมไว้แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจนะก้อนดิน” ผมยิ้มตอบด้วยความรู้สึกดีใจที่ไซเลอร์เข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อและเลิกรู้สึกผิดสักที

“อะแฮ่ม”

โดยลืมไปซะสนิทว่ามีก้างอยู่ตรงนี้อีกหลายตัว เอ๊ย! หลายคน

“แหมๆๆ ทำอย่างกับโลกนี้มีกันอยู่แค่สองคน” ชเนาเซอร์เอ่ยปากแซ็วเป็นคนแรก

แหมพ่อง!

“ข้าอิจฉาจังเลยพรีซา เราสองคนไปสร้างโลกส่วนตัวกันบ้างไหม” มาสทิฟฟ์หันไปจับมือพรีซาแล้วสบตาทำหน้าซึ้งๆ ใส่

“ก็เอาสิ” พรีซายกมือขึ้นตบหน้ามาสทิฟฟ์แปะๆ

แม้แต่พรีซาก็เอากับเขาด้วย!

“หึๆๆๆ” ส่วนร็อตนี่ยืนขำอย่างเดียว

โว้ยยยย! เบื่อแก๊งนี้จริงๆ แซ็วได้แซ็วดี ไม่เบื่อกันบ้างรึงายยยยย

“น้องดินเป็นอะไรเหรอ หน้าแดงๆ นะ” คนที่เรียกอย่างนี้มีอยู่คนเดียวแหละครับ ชเนาเซอร์! ยังไม่เลิกอีกนะ เดี๋ยวก็ให้ก้อนหินจัดการซะเลย ฮึ่ย!

“ฮ่าๆๆๆๆ” แล้วทุกคนก็พากันหัวเราะขำสีหน้าของผมกันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ไซเลอร์ ส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจและพยายามทำใจให้ชิน เพราะถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อไปก็คงต้องโดนแซ็วแบบนี้ไปอีกนาน

“เออ ว่าแต่ ถ้าเข้าพิธีไปแล้วตกลงพวกเจ้าใครจะรุก ใครจะรับล่ะ” เมื่อหยุดหัวเราะแล้วไอ้คนไฮเปอร์ของกลุ่มก็ถามขึ้นมา

“เอ่อ...อะไรคือรุกคือรับน่ะ” ผมหันไปถามไซเลอร์ด้วยความงง

 “ชเนาเซอร์” ไซเลอร์หันไปส่งเสียงปรามชเนาเซอร์ด้วยท่าทางเก้อเขินอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“ก็คือคนที่อยู่ตำแหน่งบนหรือล่างในตอนที่ขึ้นเตียงไง พวกเจ้าตกลงกันรึยัง” ชเนาเซอร์ยังคงอธิบายต่อด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

“ชเนาเซอร์!” คราวนี้ไซเลอร์ไม่เพียงแค่เอ่ยปราม แต่ยังถีบคนอธิบายอีกด้วย

“อะไรกันเล่า! ก็ก้อนดินสงสัยข้าก็อธิบายให้ฟังไง”

ผมพอจะเข้าใจคำถามของชเนาเซอร์แล้ว ยิ่งประกอบกับท่าทีและสีหน้าขัดเขินของไซเลอร์ก็ยิ่งเก็ท พอหันไปสบตาคนที่เขินนำไปก่อนก็ทำให้ผมพลอยเขินตามไปด้วย ตอนนี้เราสองคนเลยหน้าแดงแข่งกัน

“พวกเจ้าต้องตกลงกันก่อนนะ ข้าได้ยินมาว่าคนที่ต้องรับน่ะลำบากมาก ใช่ไหมพรีซา” ชเนาเซอร์หันไปถามพรีซาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ เลยได้รับคำตอบด้วยฝ่าเท้าของพรีซาไปอีกหนึ่งที

“โอ๊ย! พวกเจ้านี่ ข้าแค่พูดความจริงทำไมต้องทำร้ายกันด้วย” พอเพื่อนๆ ทำท่ายกเท้าเจ้าตัวก็ถอยกรูดๆ ไปไกลๆ ฝ่าเท้าเพื่อนๆ ทันที

ไม่เคยได้ยินรึไง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนพูดความจริงน่ะ ตายทุกคน!

“ก็ได้ๆ ข้าไม่ถามแล้วก็ได้ พวกเจ้าไม่อยากรู้กันใช่ไหม”

“อยาก” ประสานเสียงกันมาเลย

โว๊ะ! ไอ้พวกขี้เผือก!

“หึๆๆๆๆ” ไอ้ตัวดีมันส่งเสียงหัวเราะเหมือนผู้ชนะ

“ว่าไงล่ะไซเลอร์” เจ้าของชื่อยังคงเงียบกริบ ไม่ยอมตอบ จนคนถามทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ

“แต่ถ้าให้ข้าเดา ไซเลอร์ตัวใหญ่กว่าก็ต้องเป็นฝ่ายรุกแน่นอนใช่ไหม”

“อย่าเดาส่งเดชเซ่!” ถึงจะยังไม่แน่ใจ แต่ผมก็อดจะเอ่ยค้านขึ้นมาไม่ได้

“แล้วเจ้าจะเป็นฝ่ายรุกเหรอดิน เจ้ายอมเหรอไซเลอร์” ประโยคแรกถามผม ส่วนประโยคหลังนี่หันไปถามเพื่อนตัวเองด้วยสีหน้ายียวน

“ขอแค่ก้อนดินยอมผูกจิตร่วมคู่กับข้า จะให้เป็นอะไรข้าก็ยอมได้ทั้งนั้นแหละ” ไซเลอร์ตอบทั้งๆ ที่สายตามองผมด้วยแววตาอ่อนโยน จนผมอดจะเขินไม่ได้

“โห่ ไม่ได้เรื่องเลยไซเลอร์” ชเนาเซอร์บ่นด้วยสีหน้าขัดใจ

“ถึงคราวเจ้า ข้าจะรอดูว่าจะรุกใครเค้าได้ไหม เจ้าลูกหมา” ร็อตเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้านิ่งๆ

“ฮ่าๆๆๆๆๆ” จบคำพูดของร็อตทุกคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างถูกใจ เพราะคนโดนสบประมาทนั้นแยกเขี้ยวและถลึงตาใส่คนพูดและเพื่อนๆ ทุกคนอย่างไม่สบอารมณ์


หลังจากท่านไซรีนกับท่านอลาสกันกลับมาทุกอย่างก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ท่านไซรีนเกณฑ์คนทั้งบ้านไปซื้อของ เตรียมอาหาร เตรียมสถานที่ และเตรียมอีกสารพัดอย่างจนวุ่นวายกันทั้งบ้าน ส่วนแขกนั้นแทบจะไม่ต้องเชิญ เพราะแค่ไปแจ้งคิงกับควีน ข่าวก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วจนคาดว่าน่ารู้กันข้ามอาณาจักรไปแล้ว

ดูๆ ไปแล้วพิธีผูกจิตร่วมคู่ก็ไม่ต่างจากพิธีแต่งงานดีๆ นี่เอง

หลังจากผมกับไซเลอร์ลองชุดกันเรียบร้อยแล้ว เราสองคนก็ถูกส่งไปเข้าคอร์สเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือฝ่ายรุกกับฝ่ายรับตามที่ชเนาเซอร์ว่าไว้นั่นแหละกันที่สำนักแพทย์ โดยต้องฝากก้อนหินไว้กับร็อตก่อน ตอนแรกก้อนหินก็ทำท่านจะไม่ยอม ไม่รู้ไซเลอร์ไปพูดยังไงถึงได้ยอมได้

ไซเลอร์ให้ผมเข้าไปศึกษาวิธีการเป็นฝ่ายรุกอย่างใจกว้าง ส่วนเจ้าก็ตัวยอมไปศึกษาขั้นตอนการเป็นฝ่ายรับอย่างที่เคยเอ่ยปากบอกไว้จริงๆ แต่ผมแอบไปคุยนอกรอบกับคนจัดคิวแล้วว่าถ้าไซเลอร์ฟังจบ ให้ช่วยสลับให้เราทั้งคู่ได้ไปฟังในส่วนของอีกฝ่ายด้วย แต่ขอให้ช่วยรั้งไซเลอร์ไว้แล้วให้เราเข้าคนละทางโดยไม่ต้องเจอหน้ากัน เพราะถ้าได้เจอก่อนจะฟังจบผมว่าผมต้องทำหน้าไม่ถูกแน่ๆ

เมื่อเข้าไปในห้องก็พบกับชายหนุ่มที่คุ้นหน้าคนหนึ่งนั่งอยู่ในนั้น พอเห็นผมก็ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้ผมต้องเก้อเขินไปกว่าที่เป็น เมื่อผมเดินไปใกล้เขาก็ลุกขึ้นโค้งรับอย่างสุภาพและส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยน

หลังจากที่ทักทายกันเรียบร้อย ผมก็นั่งลงฟังคำอธิบายของสิ่งที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าและขั้นตอนของฝ่ายรุก เพียงเริ่มแค่ขั้นแรกก็ทำเอาผมก็รู้สึกร้อนหน้าเหมือนหน้าจะไหม้!

ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะอธิบายโดยใช้คำพูดในเชิงวิชาการอย่างสุภาพ จนแทบจะไม่มีถ้อยคำหยาบโลนให้ระคายหูเลยก็ตาม ถึงผมจะไม่ได้ไร้เดียงสาแต่ฟังแล้วมันก็อดจะเขินไม่ได้ ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าถึงแม้จะเป็นผู้ชายด้วยกันแล้วมันจะมีขั้นตอนและรายละเอียดเยอะแยะขนาดนี้

ทั้งขั้นตอนการเล้าโลม การเตรียมพร้อมให้ร่างกายของฝ่ายรับ การกระตุ้นอารมณ์ จุดที่ไวต่อสัมผัส ท่าต่างๆ ข้อควรระวัง และอีกหลายๆ อย่างที่กว่าจะฟังจบนี่ผมรู้สึกว่าเลือดลมไหลเวียนดีจนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว ไม่ต้องส่องกระจกดูก็รู้ว่าตอนนี้หน้าคงแดงจัดแน่ๆ พออธิบายจบคนสอนก็ถามผมว่าสงสัยตรงไหนรึเปล่า มีอะไรจะถามอีกไหม พอเห็นผมส่ายหน้าจนหัวแทบหลุด คนตรงหน้าก็ยิ้มให้แล้วมองด้วยสายตาแสดงความเอ็นดู

พอออกมาจากห้องได้ผมก็มานั่งเอามือปิดหน้าตัวเองอยู่หน้าห้องเพื่อให้หน้าหายร้อนและทำใจสักพัก ก่อนที่จะเดินไปอีกห้องเพื่อที่จะศึกษาในบทบาทของฝ่ายรับต่อ

เมื่อเข้าไปด้านในห้องก็เห็นหนุ่มหน้าใสที่รู้สึกคุ้นๆ หน้านั่งยิ้มรับแขกอยู่ด้านใน เมื่อเห็นหน้าผมก็แสดงสีหน้าตื่นเต้น ก่อนจะพยายามเก็บอาการและลุกขึ้นโค้งให้อย่างสุภาพแล้วกล่าวทักทาย

“ท่านก้อนดิน”

“ไม่ต้องเรียกท่านหรอก เรียกดินเฉยๆ ก็พอ” จะให้เรียกพี่ก็ไม่มั่นใจในอายุของคนที่นี่สักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่หน้าตาของคนที่นี่จะคงที่เมื่อโตเต็มวัย และค่อยๆ แก่ตัวลงอย่างช้าๆ ทำให้อายุแต่ละคนก้าวนำใบหน้าไปมาก คนที่มีอายุร้อยกว่าปีเกือบสองร้อยปีโน่นแหละถึงจะมีใบหน้าสมวัยหน่อย

“เรียกแบบนี้ดีกว่าครับ ข้าสบายใจกว่า เพราะถึงยังไงท่านก้อนดินก็ถือว่าเป็นอาจารย์ของข้า”

“ฮะๆ พูดเหมือนคนฝั่งโน้นเลย” ผมอดจะรู้สึกขำไม่ได้ เมื่อทั้งคู่ตอบเหมือนกันอย่างกับลอกกันมา

แต่เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ามีสีหน้าเหมือนจะดีใจผมก็อดจะแปลกใจไม่ได้ เลยเผลอแสดงสีหน้าสงสัยออกไป พอรู้สึกรู้ตัว คนตรงหน้าก็ลูบท้ายทอยแล้วบอกด้วยสีหน้าที่เก้อเขิน

“เราเป็นคนรักกันน่ะครับ” ฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มด้วยความเอ็นดู ความรักนี่มันดีจริงๆ นะ ทำให้คนเรารู้สึกเป็นสุขได้เพียงเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้เอง

“ข้าก็มัวแต่ชวนท่านก้อนดินคุยจนเสียเวลาไปตั้งนาน เรามาเริ่มกันเลยดีไหมครับ”

ตอนแรกผมคิดว่าการที่ได้พูดคุยได้ทำความคุ้นเคยกันก่อนจะช่วยให้เวลาที่เรียนรู้แล้วจะรู้สึกอายน้อยลงซะอีก

ผมเข้าใจผิดไปเอง เพราะไม่ว่ายังไงผมก็ยังรู้สึกเหมือนหน้าจะไหม้อยู่เหมือนเดิม!

โว้ยยยย จะอายอะไรกันนักกันหนาวะก้อนดิน

มันเป็นเรื่อง เอ่อ.. ธรรมชาติ ตะ.. แต่ มันก็อดเขินไม่ได้อยู่ดี ฮื้ออออ

ว่าขั้นตอนการเป็นฝ่ายรุกน่าอายแล้ว ขั้นตอนการเป็นฝ่ายรับยิ่งน่าอายกว่าซะอีก

ทั้งการเตรียมพร้อมช่องทางตรงนั้น ยาที่ต้องใช้ขยายช่องทาง การตอบสนองฝ่ายตรงข้าม ส่วนการเล้าโลมและจุดที่ไวต่อสัมผัสนั้นมีเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องการทำความสะอาดหลังจากนั้นอีกด้วย ขนาดการยั่วยวนและวิธีกระตุ้นอารมณ์ก็ยังมี!

ผมยกมือปิดหน้าสงบสติอารมณ์ของตัวเอง โดยมีคนสอนนั่งยิ้มขำๆ แต่มีสีหน้าเข้าอกเข้าใจอยู่ตรงหน้า จากที่ฟังมา ทั้งฝ่ายรุกฝ่ายรับมีข้อดีข้อเสียกันคนละแบบ

“บอกได้ไหมว่าตอนฟังเจ้าอธิบาย ไซเลอร์มีสีหน้ายังไง” หลังจากสงบสติอารมณ์ตัวเองได้แล้ว ผมก็ถามเรื่องที่สงสัยไปทันที

“ท่านไซเลอร์เหรอครับ อืม ตอนข้าอธิบายก็ตั้งใจฟังมากครับ ถึงจะมีท่าทางเก้อเขินอยู่บ้าง แต่ท่านไซเลอร์ก็ตั้งใจเรียนรู้เป็นอย่างดี มีอะไรสงสัยก็ถามอย่างละเอียด โดยเฉพาะวิธีที่จะทำให้ฝ่ายรุกรู้สึกดีที่สุด ขนาดข้าให้ท่านไซเลอร์เลือกกลิ่นตัวยาที่ใช้ช่วยขยายช่องทาง ท่านไซเลอร์ยังบอกว่าเดี๋ยวจะให้ท่านก้อนดินมาเลือกเองเลย

พรืด! 

พอนึกถึงสภาพไซเลอร์ยั่วยวนแล้ว มันอดจะจินตนาการตามไม่ได้และอดจะขำไม่ได้จริงๆ

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

“ฮ่าๆๆๆ” พอเห็นคนสอนทำหน้างง ผมก็โบกไม้โบกมือพยายามกลั้นหัวเราะแล้วอธิบาย

“ไม่มีอะไรๆ ข้าแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย หึๆๆๆ”

“ท่านก้อนดินโชคดีจังเลยนะครับที่ได้ท่านไซเลอร์เป็นคู่ เพราะหายากมากที่จะมีคนที่ยอมเป็นฝ่ายรับให้คนที่ตัวเล็กกว่าแบบนี้ได้ อีกอย่าง... ทุกอย่างที่ท่านไซเลอร์ถามก็ล้วนแล้วแต่เพื่อท่านก้อนดินทั้งนั้นเลย แสดงว่าท่านไซเลอร์ใส่ใจความรู้สึกของท่านก้อนดินที่สุดเลยครับ”

“อ๊ะ แต่ข้าไม่ได้หมายความว่าท่านไซเลอร์จะไม่โชคดีที่ได้ท่านเป็นคู่นะครับ ท่านไซเลอร์ก็โชคดีเหมือนกัน คะ...คือ... ข้าหมายถึงท่านทั้งคู่เหมาะสมกันมากครับ แหะๆ”

ผมหัวเราะด้วยความเอ็นดูกับความพยายามในการอธิบายของคนตรงหน้า สงสัยว่ากลัวผมจะโกรธถึงได้อธิบายซะลิ้นพันกันขนาดนั้น ผมได้แต่ยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน

“อืม ข้าโชคดีจริงๆ นั่นแหละ”

แต่หลังจากที่ถูกคะยั้นคะยอให้เลือกน้ำยาที่ช่วยขยายช่องทาง ก็ทำให้ความรู้สึกอายกลับมาได้อีกครั้ง เพราะคนสอนกระตือรือร้นในการอธิบายเหลือเกินว่ากลิ่นไหนเหมาะที่จะใช้ในบรรยากาศแบบไหน จนผมต้องเบรกให้หยุดเพราะกลัวว่าหน้าตัวเองจะระเบิดไปซะก่อน

พอผมเลือกกลิ่นได้ คนสอนก็หยิบกลิ่นอื่นๆ ที่เห็นว่าผมดูสนใจใส่เพิ่มไปด้วย (ไม่รู้ว่าจะให้เลือกทำไม) บอกว่าเดี๋ยวจะให้คนไปส่งให้ที่บ้านก่อนวันงาน หรือถ้าจะใช้ก่อนก็จะให้คนไปส่งก่อนก็ได้ ผมได้แต่ส่ายหน้าจนหัวแทบหลุด รีบบอกไปว่าไม่ต้องรีบ ก่อนจะกล่าวลาและเดินออกมานั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่หน้าห้องเหมือนเดิม

เพียงไม่นานก็รู้สึกว่ามีคนมานั่งอยู่ข้างๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงเป็นไซเลอร์ที่ศึกษาจากอีกฝั่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอเห็นหน้าคนข้างๆ เท่านั้นแหละ มันก็อดจะขำไม่ได้ จนเผลอหลุดหัวเราะออกมา แต่พอสบตากันปุ๊บก็เผลอนึกถึงเรื่องที่ได้เรียนรู้มาแล้วก็อดจะเขินไม่ได้

หลังจากต่างคนต่างพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่สักพัก ไซเลอร์ก็ยื่นมือมาให้ผมแล้วแบออก ผมไล่สายตาจากฝ่ามือไปถึงใบหน้าเจ้าของมือแล้วเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัยว่าต้องการอะไร

   “ก้อนดิน”

   “ครับ” เมื่อผมขานรับไซเลอร์ก็มองมาด้วยสีหน้าจริงจังก่อนจะพูดต่อ

   “ตั้งแต่วันที่ท่านพ่อพูดเรื่องการร่วมคู่ของเราทั้งสอง ข้าก็ยังไม่ได้ถามเจ้าด้วยตัวเองสักที” ไซเลอร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เหมือนจะรวบรวมกำลังใจ

   “ข้าสัญญาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะรักและดูแลปกป้องเจ้าด้วยชีวิตของข้าเอง เจ้ายินดีจะผูกจิตร่วมคู่และอยู่ที่นี่กับข้าไปชั่วชีวิตหรือไม่ เจ้าพร้อมที่จะวางชีวิตและหัวใจของเจ้าไว้ในมือของข้าแล้วหรือยัง”

   ผมยิ้มให้ไซเลอร์ด้วยความรู้สึกตื้นตันก่อนจะยื่นมือไปวางลงบนมือไซเลอร์

   “พร้อมครับ เพราะข้าก็รู้สึก ‘รัก’ และอยากใช้ชีวิตกับเจ้าตลอดไปเหมือนกัน” เมื่อได้ยินคำตอบของผมไซเลอร์ก็ยิ้มกว้างออกมา กุมมือผมไว้แล้วยกขึ้นไปจูบอย่างอ่อนโยน แววตาทอประกายความสุขอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผมพลอยยิ้มและรู้สึกมีความสุขตามไปด้วย

   ถ้าได้ใช้ชีวิตร่วมกับไซเลอร์ ผมมั่นใจว่าผมจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน


(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-01-2018 21:33:00 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
   เมื่อถึงกำหนดวันงาน ในช่วงเช้าเราก็ไปทำพิธีผูกจิตกันต่อหน้าหินหินศักดิ์สิทธิ์ที่พระราชวังแห่งเคลเบรอส เมื่อเข้าไปในห้องโถงใหญ่ห้องหนึ่งในพระราชวังแล้ว ผมก็ได้เห็นพลอยสีแดงก่ำที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นโกเมนถูกสลักเป็นรูปสุนัขสามหัวตั้งอยู่ด้านในสุดของห้องโถง

ท่านเซเรสอธิบายให้ฟังว่านอกจากมังกรมรกตแล้ว ก้อนหินก้อนนี้ก็มีส่วนในการช่วยควบคุมความสมดุลของมิติอีกอย่างหนึ่งและช่วยควบคุมพลังของคนในอาณาจักรด้วย ทุกอาณาจักรในมิตินี้จะมีก้อนหินชนิดนี้ตั้งอยู่ ซึ่งเป็นที่มาที่สามอาณาจักรบนบกตั้งเมืองเป็นสามเหลี่ยมเพื่อดูแลปกป้องหินศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามก้อนนี้ไว้ นอกจากนี้ที่อาณาจักรคราเคนซึ่งเป็นอาณาจักรใต้ทะเลก็มีอยู่อีกก้อนหนึ่งที่อยู่ตรงใจกลางเมืองเหมือนกัน ต่างกันก็แค่รูปร่างก้อนหินแต่ละอาณาจักรเป็นร่างแปลงของอาณาจักรใครอาณาจักรมันเท่านั้น

   ผมกับไซเลอร์ยืนหันหน้าเข้าหากันอยู่ข้างหน้าหินศักดิ์สิทธิ์แห่งเคลเบรอส ด้านในสุดเป็นแท่นยกพื้นสูงเล็กน้อยบนแท่นมีคิง ควีน องค์ราชาและราชินีของทุกอาณาจักรนั่งเป็นประธาน ท่านเซเรสซึ่งเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่และก้อนหินที่เป็นเหมือนครอบครัวยืนอยู่ข้างๆ รอบๆ ตัวของเรารายล้อมไปด้วยแขกคนสำคัญของทั้งสี่อาณาจักรที่มาเป็นสักขีพยานจนเกือบจะเต็มห้อง ทั้งๆ ที่ตอนแรกผมบอกไปว่าไม่จำเป็นต้องจัดงาน หรือถ้าจะมีก็แค่อยากให้เป็นแค่งานเล็กๆ แท้ๆ เพราะผมก็เป็นแค่คนธรรมดาที่หลงมาอาศัยอยู่ที่นี่เท่านั้นเอง แต่พอแจ้งคิงกับควีนไป ทำไมถึงได้กลายเป็นงานใหญ่ขนาดนี้ไปได้ก็ไม่รู้

เมื่อถึงฤกษ์ที่เหมาะสม ท่านมอลทีสก็นำจอกทองคำมายื่นตรงกลางระหว่างเราสองคน ท่านอลาสกันยื่นกริชฝังโกเมนให้ไซเลอร์ ส่วนท่านเซเรสก็นำมายื่นให้กับผม เราสองคนรับกริชมาแล้วยื่นนิ้วนางไว้บนจอกก่อนจะกดคมกริชลงบนปลายนิ้วพร้อมๆ กัน แล้วปล่อยให้เลือดของเราค่อยๆ หยดลงไปในจอกที่มีของเหลวอยู่ด้านในส่วนหนึ่งแล้ว

เมื่อเพียงพอแล้วท่านไซรีนก็นำผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดและกดเพื่อหยุดเลือดให้เราทั้งคู่ ส่วนท่านมอลทีสถอยไปยืนหันหน้าเข้าหารูปปั้นแล้วเริ่มพิธี

   “ไซเลอร์ ก้อนดิน”

   “ครับ” เราทั้งคู่ขานรับขึ้นพร้อมกัน

   “พวกเจ้าทั้งสองพร้อมที่จะผูกจิตร่วมคู่ด้วยกันหรือไม่”

   “พร้อมครับ”

   “พร้อมที่จะร่วมทุกข์ ร่วมสุข ดูแลกันไปชั่วชีวิตหรือไม่”

   “พร้อมครับ”

   “ด้วยอำนาจแห่งมังกรมรกต อำนาจแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และอำนาจแห่งผู้เป็นใหญ่ในเบื้องบน โปรดเป็นสักขีพยานในการผูกจิตของไซเลอร์และก้อนดิน เพื่อให้เขาทั้งคู่ได้เป็นเสมือนคนๆ เดียวกันด้วยเถิด” หลังจบคำพูดของท่านมอลทีส จอมเวทย์ทุกคนก็ร่วมกันร่ายเวทย์จนดังกระหึ่มไปทั้งห้อง

ผมรู้สึกขนลุกจนอยากจะลูบแขนตัวเองแต่เกรงใจ เลยได้แต่มองหน้าไซเลอร์ที่ยังคงยิ้มละไมและมองมาอย่างอ่อนโยนแล้วยิ้มตอบอย่างมีความสุข หันไปมองก้อนดินที่ยังทำหน้ายุ่งๆ อยู่ในร่างโตเต็มวัยแล้วก็อดจะขำไม่ได้ มันไม่ได้ดูน่ารักเลยก้อนหิน พอทำในร่างนี้นี่ ดูน่ากลัวพิลึก

หลังจากการร่ายเวทย์จบลงก็มีแสงสีทองสว่างวาบขึ้นภายในจอก ท่านมอลทีสเดินมายื่นจอกให้ไซเลอร์ก่อน ไซเลอร์รับจอกแล้วมองหน้าผมด้วยแววตาที่มั่นคงแล้วกล่าวอย่างหนักแน่น

“ข้าไซเลอร์แห่งเคลเบรอสขอสาบานว่าจะรัก จะซื่อสัตย์ต่อก้อนดินแต่เพียงผู้เดียวไปจนชั่วชีวิต” กล่าวจบก็ยกจกขึ้นดื่มแล้วยื่นมาให้ผมที่หัวใจเต้นกระหน่ำด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ

“ข้าก้อนดิน ก็ขอสาบานว่าจะรัก จะซื่อสัตย์ต่อไซเลอร์แต่เพียงผู้เดียวไปจนชั่วชีวิตเช่นกัน” ก่อนจะยกจอกขึ้นดื่มน้ำที่อยู่ที่ด้านใน พร้อมกับสบตากับไซเลอร์ที่ยิ้มกว้างจนปากจะฉีก หมดมาดคนขรึมอย่างสิ้นเชิง พอผมยื่นจอกให้ท่านมอลทีส เสียงปรบมือและเสียงแสดงความยินดีก็ดังกระหึ่มทั่วห้อง

เราสองคนเดินไปหาคิงและควีน องค์ราชาและองค์ราชินีเพื่อรับพร ก่อนจะเดินกลับมาที่เดิม

ผมหันมองคนรอบตัวอย่างมีความสุข ท่านเซเรส ท่านมอลทีส และท่านอลาสกันเดินเข้ากอดเราทั้งคู่เพื่อแสดงความยินดี ท่านไซรีนซับน้ำตาป้อยๆ จนผมต้องกอดกลับแน่นๆ ส่วนเพื่อนๆ ไซเลอร์นี่กอดจนผมกระดูกจะหัก น่าจะถือโอกาสแสดงความยินดีด้วยแกล้งเพื่อนไปด้วย กอดนานจนไซเลอร์ต้องมาดึงออก หลังจากนั้นก็เป็นคนอื่นๆ ที่เข้ามาแสดงยินดี ทั้งที่คุ้นหน้าและไม่รู้จักแต่ผมก็ยิ้มรับจนเหงือกแห้ง เข้าใจความรู้สึกของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเวลาแต่งงานอย่างลึกซึ้งก็ตอนนี้

หลังจากแสดงความยินดีกันเรียบร้อยแล้ว คิงและควีนก็เลี้ยงอาหารกลางวันคนที่มาร่วมงานที่พระราชวัง ส่วนกลางคืนก็มีงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ หลังรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องกลับไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงตอนเย็นที่คฤหาสน์กันต่อ

พอกลับมาถึงผมกับไซเลอร์ก็ไปช่วยคนอื่นยกของเตรียมของ ช่วยงานในส่วนที่พอจะช่วยได้ แม้แต่ก้อนหินยังใช้ร่างเล็กๆ บินตามเพื่อไม่ให้เกะกะคนที่กำลังทำงาน จนท่านไซรีนมาเห็นถึงได้ไล่ให้ไปพักผ่อน เราทั้งคู่จึงต้องเดินกลับเรือนวสุธาตามบัญชาแต่โดยดี

เมื่อมาถึงเรือนวสุธาและเดินขึ้นเรือนมาแล้ว ทั้งผมทั้งไซเลอร์ต่างก็ยืนนิ่งกันอยู่ตรงชานเรือนเหมือนต่างฝ่ายต่างมีเรื่องจะพูดกับอีกฝ่ายแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี

“ก๊าส” จนก้อนหินที่อยู่ในอ้อมแขนของผมถามว่าหยุดเดินทำไม ไซเลอร์ถึงได้หันมาหาแล้วเอ่ยปากขึ้นมาก่อน

“ก้อนดิน”

“ครับ” เมื่อเห็นท่าทางเก้อเขินของคนตรงหน้าก็ทำเอาผมพลอยรู้สึกเขินไปด้วย

“ข้า... ขอกอดหน่อยได้ไหม” ขออนุญาตเสร็จก็ไม่รอคำตอบกลับก้าวเข้ามากอดผมเลย

อ้าว! แล้วพี่แกจะขอทำไม

“ข้าอยากกอดเจ้าตั้งแต่อยู่ในห้องพิธีแล้ว แต่คนมาแสดงความยินดีด้วยมากมายเหลือเกิน คนอื่นได้กอดเจ้ากันหมด แต่ข้าไม่ได้กอดเลย” คนที่กอดผมอยู่บ่นด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ จนผมอดจะหัวเราะไม่ได้ ทำไมถึงได้ทำตัวเหมือนก้อนหินขนาดนี้!

“ก๊าสสส” แน่ะ พูดถึงก้อนหิน ก้อนหินก็ประท้วงขึ้นมาทันทีเมื่อถูกกอดนานจนเกินไป ไม่แน่ใจว่าเพราะอึดอัด หรือเพราะไม่ชอบที่ไซเลอร์กอดผมก็ไม่รู้ เห็นไหมว่าขี้หวงเหมือนกันเข้าไปทุกที

ไซเลอร์ถอนหายใจเฮือกก่อนจะคลายอ้อมกอดออกเพื่อสบตากับก้อนหิน ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดใหม่

“ก๊าสสสสส”

“หึๆๆๆ”

ผมได้แต่ยิ้มและส่ายหัวกับวิธีการแกล้งของไซเลอร์และเสียงร้องประท้วงของก้อนหิน เมื่อไซเลอร์อยู่นิ่งๆ ก้อนหินก็เลยยอมนิ่งด้วย ผมจึงกอดตอบไซเลอร์ซึมซับความอบอุ่นของทั้งคู่แล้วยิ้มอย่างมีความสุข

การได้อยู่กับคนที่เรารักนี่มันรู้สึกดีจริงๆ ครับ

พอกอดจนพอใจแล้วไซเลอร์ก็จูงมือผมไปส่งที่ห้อง แล้วพี่แกก็ทำเนียนเข้ามานอนด้วย ไซเลอร์รบกับก้อนหินไปอีกรอบหนึ่งจนก้อนหินหลับไปก่อน เราสองคนก็นอนจ้องตากับผมเงียบๆ โดยมีก้อนหินคั่นกลางอยู่ ไม่นานผมก็เคลิ้มหลับไปพร้อมรอยยิ้ม

จนใกล้จะถึงเวลางานเลี้ยงตอนเย็นท่านไซรีนจึงให้คนมาตามที่เรือน เราสองคนแต่งชุดที่ท่านไซรีนเตรียมไว้ให้ก่อนจะออกเดินไปที่สวนหน้าคฤหาสน์

เมื่อไปถึงท่านไซรีนก็เดินมาจูงมือเราทั้งคู่ไปยืนรอที่ทางเข้างานเพื่อรอต้อนรับคิง ควีน องค์ราชา องค์ราชินี และแขกผู้ใหญ่คนสำคัญของแต่ละอาณาจักร ก่อนจะเดินทักทายแขกไปเรื่อยๆ เพราะงานเลี้ยงจัดแบบสบายๆ มีเพียงโต๊ะของประธานที่ตั้งไว้พอเป็นพิธีเท่านั้น เนื่องจากตอนนี้ทุกคนยืนคุยรำลึกความหลังกันเหมือนกับมางานรวมรุ่นมากกว่าจะเป็นงานร่วมคู่ของเราสองคน

แต่ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร กลับชอบซะอีกเพราะไม่ค่อยคุ้นกับพิธีรีตองสักเท่าไหร่ ไซเลอร์จูงผมเดินทักทายแขกเหรื่อด้วยร้อยยิ้มไปเรื่อยๆ เวลาเจอเพื่อนๆ ของไซเลอร์ผมก็จะโดนล้อ โดนแซ็ว โดนแกล้งตลอด ซึ่งไซเลอร์ก็มักจะยืนมองอย่างอารมณ์ดี แต่ถ้าเริ่มจะเลยเถิดก็จะเข้ามาห้ามจนโดนเพื่อนโห่เป็นระยะ ส่วนชเนาเซอร์ก็ตามติดเป็นเหาฉลาม เดินตามไปบ่นไปว่าไซเลอร์ขี้อวดแต่ก็ยังไม่เลิกเดินตาม เพลียกับพี่แกจริงๆ

หลังจากเดินทักทายแขกจนทั่วแล้ว ระหว่างที่ไซเลอร์ไปตักอาหารมาให้ ผมก็มายืนมองบรรดาผู้นำของแต่ละอาณาจักรที่พอมาเจออยู่ด้วยกันแล้วเหมือนเด็กห้าขวบ ล้อกัน เย้ากัน อย่างกับอยู่อนุบาลหมีน้อย ทั้งๆ ที่แต่ละคนตัวก็ไม่ใช่น้อยๆ สักคน โดยเฉพาะควีนที่โดนเพื่อนๆ ล้อหนัก เพราะทุกคนต่างก็รู้ว่าควีนแสลงกับตำแหน่งของตัวเองมากแค่ไหน โดยเฉพาะบรรดาพ่อๆ ของแก๊งเฮดีสที่พากันล้อเลียนอย่างไม่กลัวตาย เพราะถือว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน

งานเลี้ยงเป็นไปอย่างสนุกสนาน เป็นกันเองและผ่อนคลาย จนกระทั่งใกล้ถึงฤกษ์ร่วมคู่ คิง ควีน องค์ราชา ราชินีและคนอื่นๆ ก็เข้ามาอวยพรเราทั้งคู่เป็นระยะ หลังจากนั้นท่านเซเรส ท่านอลาสกันและท่านไซรีนก็เดินมาส่งที่เรือนวสุธา ผมได้แต่หน้าร้อนๆ กับเสียงโห่แซ็วของเพื่อนๆ ไซเลอร์ ผิดกับไซเลอร์ที่จับมือผมเดินไปด้วยรอยยิ้มที่กว้างขวาง

เมื่อไปถึงหน้าห้องนอนทุกคนก็อวยพรกันอีกรอบ

“ขอให้มีความสุขมากๆ นะ” ท่านเซเรสอวยพรคนแรก

“ขอให้อยู่กันอย่างมีความสุข มีอะไรก็พูดคุยกัน มีปัญหาอะไรก็ปรึกษาพ่อได้ทุกเรื่อง ดูแลก้อนดินให้ดีๆ นะไซเลอร์” ท่านอลาสกันอวยพรต่อ ก่อนจะหันไปบอกไซเลอร์ที่รับคำอย่างหนักแน่น

“ขอให้ลูกทั้งคู่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขไปชั่วชีวิต ถนอมความรักของกันและกันไว้ดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ต้องห่างกันไว้นะไซเลอร์ ส่วนก้อนดิน ฝากพี่เค้าด้วยนะลูก”

“ครับ” เราทั้งคู่รับคำพร้อมกัน

เมื่อท่านไซรีนอวยพรจบ ท่านเซเรสก็พยายามแงะเอาก้อนหินออกจากตัวผม เพราะว่ามันเกาะไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“ให้เวลาทั้งคู่อยู่ด้วยกันหน่อยน่า อย่าดื้อสิก้อนหิน พรุ่งนี้เช้าค่อยมาหาก้อนดินก็ได้”

“ก๊าสสสส” เมื่อมันปฏิเสธผมก็ได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนใจ ไซเลอร์เลยโน้มตัวลงมามองมันใกล้ๆ แล้วลูบหัวมันเบาๆ

“ขอร้องละตัวยุ่ง” แล้วทั้งคู่ก็จ้องตากันนิ่งๆ จนก้อนหินถอนหายใจพรืด เอาหัวถูเข้ากับตัวผมเหมือนระบายอารมณ์ ก่อนจะยอมปล่อยมือแล้วยอมให้ท่านเซเรสอุ้มไปแต่โดยดี

พอเหลือกันสองคนก็ชักจะรู้สึกทำอะไรไม่ถูก จนไซเลอร์เปิดประตูห้องแล้วจูงผมเข้าไปในห้อง หลังจากปิดประตูแล้วไซเลอร์ก็ดึงผมเข้าไปกอดแน่น ซึ่งผมก็กอดตอบหัวใจที่เต้นกระหน่ำเพราะเรื่องที่คิดจะทำ ก่อนที่ความอบอุ่นที่ได้รับจะทำให้หัวใจค่อยๆ สงบลง

พอกอดจนพอใจแล้วไซเลอร์ก็ขยับตัวออกแล้วยิ้มให้ผมด้วยแววตาอ่อนโยนอ่อนหวาน ดวงตาสีเขียวทอประกายระยิบระยับสวยงามเหมือนเกล็ดของก้อนหินเวลาโดนแสงแดด จนผมเผลอไผลปล่อยให้ดวงตาคู่นั้นตรึงไว้นิ่งๆ แม้ยามที่ใบหน้าของเจ้าของดวงตาเข้ามาใกล้ เมื่อใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกันผมจึงหลับตารับสัมผัสที่ริมฝีปากอุ่นประทับลงมาอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะขยับริมฝีปากบดคลึงขบเม้มริมฝีปากกันและกันเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกที่อัดแน่นในหัวใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะตัดใจผละออกแล้วมองหน้าแดงๆ ของกันและกันด้วยรอยยิ้ม

ไซเลอร์จูงมือผมไปที่เตียงก่อนที่เจ้าตัวจะขยับขึ้นไปนอนรอนิ่งๆ เหมือนจะปล่อยให้ผมได้ทำอะไรต่อมิอะไรก็ได้ตามใจ ทำเอาผมหลุดขำพรืดแล้วยิ้มด้วยความตื้นตันใจที่พี่แกยอมให้ผมได้ถึงขนาดนี้

ผมขยับเข้าไปคร่อมตัวไซเลอร์ไว้ สบตาคนที่อยู่ข้างล่างด้วยแววตารักใคร่ ก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหูของไซเลอร์

“ไซเลอร์”

“ครับ”

“ข้ารักเจ้า”

“ข้าก็รักเจ้าเหมือนกัน” คำพูดที่ตอบกลับมาทันทีทำให้ผมได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนที่จะพูดต่อ

“ข้าอยากให้เจ้าเป็นของข้า”

“ข้าเป็นของเจ้าเสมอก้อนดิน”

“และข้าก็อยากเป็นของเจ้า”

“...”

“ไซเลอร์”

“ครับ”

“ข้าอยากเป็นของเจ้า ขะ... เข้าใจที่ข้าพูดใช่ไหม”

พอจบคำพูดของผมก็กลายเป็นความเงียบ

“โอ๊ะ” ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าโลกหมุนกลับเพราะถูกไซเลอร์จับพลิกให้มาอยู่ข้างล่างแทน ไซเลอร์ที่ตอนนี้เป็นฝ่ายที่คร่อมตัวผมอยู่สบตาผมนิ่งๆ แล้วเอ่ยถาม

“แน่ใจเหรอก้อนดิน”

“อื้ม” ผมตอบแล้วหลบสายตาด้วยหน้าตาที่น่าจะแดงก่ำเพราะรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า

ระหว่างที่รอวันงาน ผมก็คิดเรื่องนี้มาโดยตลอดและตัดสินใจมาดีแล้ว ถ้าให้ผมเป็นฝ่ายรุก คาดว่าไซเลอร์น่าจะเวอร์จิ้นไปจนตายนั่นแหละ เพราะผมคงอายเกินกว่าจะเป็นฝ่ายเริ่ม อีกอย่าง ผมมั่นใจอย่างที่สุดว่าไซเลอร์จะทะนุถนอมผมเป็นอย่างดียิ่งกว่าตัวผมเองซะด้วยซ้ำ

เมื่อไซเลอร์เอื้อมมือมาแตะแก้มอย่างอ่อนโยนผมก็เอียงใบหน้าแนบฝ่ามือหลับตาซึมซับความที่อบอุ่นนั้น ก่อนที่จะลืมตามามองเมื่อนิ้วโป้งของมืออีกข้างไล้ริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบาจนรู้สึกจั๊กจี้

“ก้อนดิน”

“ครับ”

“ขอบคุณที่วางใจข้า ข้าสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมเจ้าให้มากที่สุด” ผมไม่ได้ตอบเพียงแต่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะดันตัวขึ้นไปโน้มต้นคอไซเลอร์ลงมาจูบอย่างแผ่วเบา

“ข้ารู้”

ก่อนที่ริมฝีปากของเราทั้งคู่จะสัมผัสกันอีกครั้ง แรกๆ ก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนอ่อนหวาน ก่อนจะทวีความเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ ไซเลอร์ทั้งบดคลึง ดูดดึง ขบเม้ม แล้วใช้ปลายลิ้นแตะริมฝีปากแผ่วเบาเพื่อขออนุญาต เมื่อผมยอมเปิดริมฝีปากให้ก็ปรับองศาแล้วส่งลิ้นนุ่มเข้าไปสัมผัสกับลิ้นของผมและเรียกร้องให้ตอบสนอง

ผมก็พยายามตอบสนองอย่างเงอะๆ งะ ตามที่ได้เรียนรู้มา ได้ยินเสียงคำรามอย่างพึงพอใจจากไซเลอร์ แล้วก็ยิ่งได้รับจูบที่หนักหน่วงมากขึ้นจนผมรู้สึกหูอื้อตาลายและเริ่มจะหายใจไม่ทันจึงทุบหลังประท้วง

ไซเลอร์ถึงได้ยอมผละออกแล้วจูบหน้าผากอย่างอ่อนโยนเหมือนจะขอโทษ ก่อนละไล่จูบระเรื่อยลงไปตามสันจมูก ไปหยุดอยู่ที่ต้นคอแล้วทั้งจูบทั้งขบเม้มจนผมรู้สึกเจ็บจี๊ด คาดว่าน่าจะเป็นรอยหลายรอย ก่อนที่ริมฝีปากจะย้ายกลับมาจูบริมฝีปากผมใหม่ ทั้งจูบที่ร้อนแรงและมือที่ลูบไล้ไปทั่วตัวทำเอาสติผมกระเจิดกระเจิง มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เสื้อหายไปจากตัวแล้ว

ไซเลอร์ผละมามองหน้าผมที่หอบหายใจด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ก่อนที่เจ้าตัวจะถอดเสื้อออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวย ผมกวาดสายตามองอย่างเผลอไผล พอกลับมาสบตาที่เปล่งประกายล้อเลียนก็เขินจนเหมือนหน้าจะระเบิดเลยต้องเบือนหน้าหนี

ไซเลอร์ก้มลงไล่จูบแล้วทิ้งรอยไว้ตามแนวกระดูกไหปลาร้า ก่อนที่จะไล่ลงมาที่หน้าอกทั้งสองข้าง แล้วริมฝีปากอุ่นๆ นั้นก็ครอบครองดูดดึงตุ่มไตทั้งสองข้างสลับกับใช้ปลายนิ้วบดขยี้ข้างที่ว่างจนผมดิ้นพล่านด้วยความรู้สึกร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตรงจุดนี้จะกระตุ้นอารมณ์ได้ถึงขนาดนี้ ผมกำเส้นผมของไซเลอร์แน่นเพื่อระบายอารมณ์ ทั้งอยากผลักออกและทั้งอยากให้แนบชิดยิ่งกว่านี้ ทำได้เพียงปล่อยให้เสียงครางหลุดออกมาจากปากอย่างไม่รู้ตัว

“อื้อ ซะ ไซเลอร์” แม้จะได้ยินเสียงประท้วง เจ้าของชื่อก็ไม่ยอมหยุด ยังคงตั้งใจรังแกกันต่อ ซ้ำมืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ค่อยลูบไล้ลงไปเบื้องล่าง เลื้อยเข้าสู่ขอบกางเกงแล้วไปแตะยังส่วนที่ตอนนี้เริ่มจะแข็งขึงจนผมสะดุ้ง

“อ๊ะ”

“ชู่ว” ไซเลอร์ผละจากยอดอกผมมาปลอบ ดวงตาสีเขียวที่เต็มไปด้วยอารมณ์คู่นั้นจ้องนิ่งๆ ก่อนที่จะก้มลงไปจูบที่หน้าท้องแล้วค่อยๆ ปลดกางเกงของผมออกอย่างอ่อนโยน ผมมองการกระทำของคนตรงหน้าด้วยหน้าที่แดงก่ำแล้วหลับตาลงเพื่อระงับความอายของตัวเองลงบ้างเมื่อรู้สึกว่าตัวเปล่าเปลือยอยู่

ไซเลอร์ขยับมาจูบริมฝีปากอีกครั้ง ส่วนมือก็ขยับไปกอบกุมส่วนนั้นอย่างแผ่วเบาแล้วเริ่มรูดรั้งจนผมเผลอหลุดครางออกมา

“อ๊ะ” เจ้าของมือนั้นขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทำให้อารมณ์ผมยิ่งพุ่งทะยานสูงขึ้นจนรู้สึกหูอื้อตาลาย แล้วสมองก็โล่งเมื่อถึงจุดสูงสุดของอารมณ์

ผมนอนหลับตานิ่งๆ เพื่อปรับลมหายใจตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้หายเหนื่อย ก็รู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่ไล่จูบไปตามตัวอีกครั้งก่อนที่จะครอบลงบนส่วนที่เพิ่งจะปลดปล่อยไปเมื่อครู่

“ไซเลอร์ อย่า” แต่เจ้าของชื่อไม่ฟังสักนิด ยังคงตั้งใจปลุกเร้าสิ่งที่สงบไปแล้วให้ลุกขึ้นมาใหม่ ด้วยความที่รู้จักความต้องการของผู้ชายเหมือนกันดี จึงทำให้ส่วนนั้นตื่นขึ้นมาไม่ยาก

“อื้อ” ผมได้แต่ปล่อยให้ไซเลอร์ทำต่อไปเพราะไม่มีแรงจะห้าม ได้แต่พยายามกลั้นเสียงครางของตัวเองเอาไว้ด้วยความอาย ไซเลอร์เริ่มเร่งความเร็วมากขึ้นจนในที่สุดผมก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

ผมได้แต่นอนหอบหัวใจเต้นกระหน่ำจนกลัวว่าจะหัวใจวายตายซะก่อน สายตาเหลือบไปเห็นไซเลอร์ถอดผ้าชิ้นที่เหลือออกจากตัว พอกวาดสายตามองต่ำลงไปก็ได้แต่ชักสายตากลับมาแทบไม่ทัน เพราะถึงจะมีเหมือนๆ กันแต่พอมองของคนที่รักก็ทำให้รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งคิดว่าเจ้าสิ่งนั้นจะ... โว๊ยยยย จะคิดทำไมดิน ลามก!

ตบตีกับความคิดของตัวเองได้ไม่นานก็ถูกดึงกลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง เมื่อไซเลอร์เริ่มจะปลุกอารมณ์ผมขึ้นมาอีก จนเมื่อเห็นว่าผมพร้อมแล้ว ไซเลอร์ก็ขยับไปหยิบยาขยายช่องทางกลิ่นที่ผมเลือกมาถือไว้ ซึ่งเจ้าคนสอนมาส่งเองกับมือแล้วย้ำนักย้ำหนากับไซเลอร์ว่าเป็นกลิ่นที่ผมชอบจนผมอายจนพูดไม่ออก

ผมหันหน้าหนีแล้วหลับตาจากภาพตรงหน้าเพราะทนรู้สึกอายต่อไปไม่ไหว ไม่นานก็รู้สึกเย็นๆ ที่ช่องทางด้านหลังเพราะไซเลอร์เทน้ำยาลงมาใส่ เพียงไม่นานมือของไซเลอร์ก็ขยับมาสัมผัสเบาๆ เหมือนจะปลอบโยนแล้วค่อยๆ ใช้นิ้วที่ชุ่มไปด้วยน้ำยาสอดใส่เข้าไปทีละนิดอย่างใจเย็น

เมื่อเห็นว่าคิ้วผมขมวดไซเลอร์ก็ขยับขึ้นมาจูบเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วค่อยๆ เพิ่มนิ้วเข้าไปอีก ตัวยานี้นอกจากจะช่วยขยายช่องทางให้ยืดหยุ่นขึ้นแล้วยังเป็นเหมือนยาช่วยบรรเทาความเจ็บอีกด้วย เมื่อนิ้วเข้าไปได้ครบทั้งสามนิ้วแล้วไซเลอร์ก็เริ่มขยับเบาๆ จนผมเริ่มส่งเสียงครางไซเลอร์ก็ดึงนิ้วออกแล้วแทนด้วยส่วนที่แข็งขึงของตัวเอง

“อื้อ” เมื่อรู้สึกว่ามีสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วเข้ามาผมก็เผลอเกร็งโดยไม่รู้ตัว

“ชู่ว ผ่อนคลายหน่อยสิก้อนดิน นะครับ” พอได้ยินคำปลอบก็พยายามหายใจเข้าและผ่อนคลายลง ปล่อยให้ไซเลอร์กดเจ้าส่วนนั้นเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าพยายามอดทน เหงื่อผุดซึมขึ้นตามกรอบใบหน้าจนผมรู้สึกสงสาร

“ขะ... เข้ามาเลยไซเลอร์” ผมฝืนความอายบอกไป เพราะยิ่งรั้งไว้ ไซเลอร์ก็ยิ่งทรมาน

ไซเลอร์ขยับขึ้นมาจูบปิดปากผมไว้ก่อนจะขยับพรวดเข้ามาทีเดียวจนผมรู้สึกจุกกับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาจนสุด

“อื้อ”

“ดิน ก้อนดินของข้า” ไซเลอร์เรียกชื่ออย่างอ่อนหวาน สบตาผมนิ่งๆ ด้วยแววตาร้อนแรง แล้วค่อยๆ ขยับอย่างเชื่องช้า น่าจะเพราะสรรพคุณของยาทำให้ผมไม่รู้สึกเจ็บอย่างที่คิด แต่รู้สึกเสียดเสียวเมื่อตัวตนของไซเลอร์กระแทกไปโดนจุดบางจุด

“อ๊า” เมื่อรู้ว่าจุดไหนที่ทำให้ผมดิ้นพล่านได้ ไซเลอร์ก็ขยับหมุนวน กระแทกมาซ้ำๆ จนผมจะคลั่งใจตาย

“อืม ก้อนดิน” เสียงหอบหายใจและเสียงเรียกชื่อจากไซเลอร์ ทำให้ความรู้สึกของผมพุ่งสูงขึ้นจนเผลอขยับตอบและบีบรัดอีกฝ่ายไว้แน่น แล้วก็เหมือนเป็นการปลดสลักความต้องการของไซเลอร์ เพราะหลังจากนั้นไซเลอร์ก็เริ่มขยับจากช้าๆ เป็นรัวเร็วจนผมแทบจะขาดใจตาย

“อื้อ ไซเลอร์”

“เรียกอีก”

“ไซเลอร์”

“เรียกวสุสิ”

“วสุ”

เพียงได้ยินคำเรียกชื่อสุดท้ายไซเลอร์ก็ขยับตอกตรึงหนักๆ มาอีกหลายๆ ครั้งก่อนที่อารมณ์จะพุ่งสูงจนถึงขีดสุดจนรู้สึกพร่าพรายและปลดปล่อยออกมาในที่สุด เมื่อถูกบีบรัดแน่นๆ ไซเลอร์ก็คำรามก่อนจะปลดปล่อยตามมาแล้วทิ้งตัวลงนอนกอดผมไว้นิ่งๆ โดยระวังไม่ทิ้งน้ำหนักตัวลงมาเต็มที่

เราทั้งคู่นอนนิ่งๆ เพื่อปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ก่อนที่ไซเลอร์จะยันตัวขึ้นมาจูบหน้าผากเบาๆ จับมือที่ประสานกันไว้ขึ้นมาจูบแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ข้าเป็นของเจ้าแล้วนะ”

“ครับ ข้าก็เป็นของเจ้าเหมือนกัน” แล้วเราทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน ผมพยายามจะขยับตัวเพื่อจะลุก แล้วก็รู้สึกว่าส่วนนั้นของไซเลอร์ยังคงคาช่องทางอยู่แล้วเหมือนจะขยายขึ้นมาใหม่จนผมเบิกตากว้างหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที ไซเลอร์เองก็หน้าแดงแข่งกันเมื่อควบคุมส่วนที่กำลังตื่นมาไม่ได้

“เอ่อ... ข้าจะขยับออก” แต่พอจะขยับออกกลับไปโดนจุดที่ทำให้ผมหลุดครางจนเผลอรัดไซเลอร์ไว้จนคนที่ถูกรัดหน้าตาเหยเก

“อา... ก้อนดิน” ไซเลอร์สบตาด้วยแววตาเว้าวอน

“ก็... ก็ตามใจสิ” ผมอนุญาตด้วยใบหน้าแดงก่ำ เพราะเริ่มจะรู้สึกต้องการขึ้นมาอีกเหมือนกัน

แล้วไซเลอร์ก็ก้มเข้ามาหาและขยับเข้ามาอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง


(มีต่อค่า ยาวปายยยย)

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนล้า เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอะไรที่ทำให้ต้องมาอยู่ในสภาพนี้ก็ต้องซุกหมอนแก้เขินเมื่อภาพเมื่อคืนผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ เมื่อลุกขึ้นมานั่งสำรวจตัวเองก็พบเพียงรอยจูบตามตัว แต่ไม่รู้สึกเจ็บตรงจุดนั้นมากอย่างที่คิด คาดว่าน่าจะเป็นจากฤทธิ์ของตัวยาที่ได้มา แค่รู้สึกเมื่อยๆ ตามเนื้อตัว เพราะไซเลอร์เหมือนกับคนที่อดอยาก อ้อนวอนขอซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนผมประท้วงว่าไม่ไหว ถึงได้ยอมหยุด ก่อนที่จะช่วยทำความสะอาดช่องทางและร่างกายจนสะอาดสบายตัว ช่วยทายาให้อย่างเรียบร้อย และนำยาที่ทางสำนักแพทย์จัดเตรียมไว้มาให้กิน ก่อนจะพาย้ายไปนอนอีกห้องจนผมหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ผมนึกเรื่องเมื่อคืนไปหน้าก็ร้อนไปจนต้องหยิบหมอนมาปิดหน้าไว้ให้หายร้อน

“ตื่นแล้วเหรอก้อนดิน” เสียงที่ดังมาจากหน้าประตูทำให้ผมต้องโผล่หน้ามาจากหมอน แล้วก็ต้องหลบตาเมื่อเจอกับสายตาที่อ่อนหวานและมีแววเหมือนอยากจะกลืนกินของไซเลอร์ เมื่อเห็นผมมีสีหน้าขัดเขินไซเลอร์ก็ยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาจูบหน้าผากเบาๆ

“ไปอาบน้ำก่อน แล้วออกไปกินมื้อเช้ากัน”

“ครับ” เมื่อผมลดหมอนลง พี่แกก็ก้มลงมาจูบริมฝีปากเบาๆ แล้วเดินผิวปากออกจากห้องไป ปล่อยให้ผมนั่งหน้าร้อนอยู่คนเดียว

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วผมก็มานั่งรอที่โต๊ะอาหารที่ไซเลอร์ทำไว้รอ ข้างๆ เก้าอี้ของผมมีเนื้อเสียบไม้วางไว้จนพูนจาน นอกจากนี้ก็ยังมีปลาสดๆ ที่แล่ใส่จานไว้อย่างเรียบร้อยอีกชามใหญ่ๆ เดาไม่ยากว่าเป็นของใคร ผมจึงกำหนดจิตแล้วร้องเรียกก้อนหิน




   “ทำไมถึงทำท่าเหมือนเด็กขาดความอบอุ่นอย่างนี้ล่ะก้อนหิน”

   เซเรสเดินมาหาก้อนหินในร่างเล็กๆ ที่นั่งจ้องปลาอยู่หน้าคฤหาสน์นิ่งๆ แล้วได้คำตอบเป็นเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จนอดจะรู้สึกขำไม่ได้ เพิ่งจะเคยเห็นมังกรที่ติดกับผู้ร่วมชะตามากขนาดนี้ เพราะจากที่เคยได้ยินมา ตามปกติมังกรมรกตจะมีความรักอิสระในสายเลือด ถึงจะถูกผูกจิตไว้กับผู้ร่วมชะตา ต้องทำภารกิจร่วมกัน แต่บางครั้งก็ชอบที่จะไปไหนมาไหนเพียงลำพังเสมอ

   “เอาน่า ถ้าเสร็จ แฮ่ม ข้าหมายถึงถ้าพร้อมเมื่อไหร่ เดี๋ยวก้อนดินก็เรียกเอง ก้อนดินรักเจ้าจะตาย” ไม่ใช่แค่ก้อนหินที่ติดก้อนดินฝ่ายเดียว ก้อนดินก็ไม่ได้ต่างกันเลย ติดกันอย่างกับอะไรดี

“ก้อนหิน หินอยู่ที่ไหน กลับบ้านเร็ว”

ก้อนหินเงี่ยหูฟัง เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตนเอง เมื่อแน่ใจว่าเป็นเสียงของคนที่รออยู่หางก็สะบัดด้วยความดีใจ

   “ดินเรียก”

   แว้บบบบ

   แล้วก้อนหินจะหายตัวไป ปล่อยให้เซเรสส่ายหน้าแล้วยิ้มด้วยความเอ็นดูอยู่คนเดียว

   “เห็นไหมล่ะ พูดยังไม่ทันขาดคำก็เรียกหากันซะแล้ว”



“แอ่ก” ผมเกือบจะหงายหลังเมื่อก้อนหินโผล่พุ่งเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว

“เบาหินเบา”

“ก๊าสสส” ก้อนหินเงยหน้าขึ้นมาเบะปากและมองด้วยแววตาตัดพ้อ จนผมอดจะกอดปลอบไม่ได้

“หึๆ”

“ก๊าสสส” เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของไซเลอร์ก้อนหินก็หันไปหาเรื่องจนไซเลอร์ต้องยกมือขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแพ้

“กินอะไรก่อนสิจะได้มีแรง”

โครก! พอจบคำพูดของไซเลอร์ ท้องของก้อนหินก็ร้องขึ้นพอดี

“ฮ่าๆๆๆ” พวกเราสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน ส่วนก้อนหินก็เอาหน้าซุกกับตัวผมแก้เขิน

“ไซเลอร์ ก้อนดิน” ระหว่างที่กินอาหารเช้ากันอยู่ก็ได้ยินเสียงเรียกคุ้นๆ จากหน้าเรือน

“อยู่นี่” ไซเลอร์ขานรับ ไม่นานก็เห็นชเนาเซอร์กับเพื่อนๆ อีกสามคนโผล่เข้ามาในห้องอาหารทีละคนด้วยท่าทางที่เกรงใจ

“ที่จริงก็ไม่ได้อยากจะมากวนหรอกนะ แต่ชเนาเซอร์ลากมา” มาสทิฟฟ์รีบปัดให้เพื่อนเมื่อเห็นไซเลอร์จ้องตาเขียว

“อ้าว! ไหงงั้นล่ะ ยอมรับเถอะว่าพวกเจ้าก็อยากมา อย่าโยนให้ข้าคนเดียวสิ” ชเนาเซอร์โวยวายขึ้นมาทันที

ไซเลอร์กวาดตามองคนที่เหลือนิ่งๆ

“เอ่อ... เห็นท่านเซเรสบอกว่าจะมีภารกิจ ก็เลยตามชเนาเซอร์มาถามก้อนดิน”

“หือ” ผมหันไปมองร็อตแล้วก็หันมามองก้อนหิน ถ้าต้องมีภารกิจทำไมผมไม่รู้สึกล่ะ

“ก๊าสสส”

“ไม่ด่วนเหรอ” อ๋อ เพราะท่านเซเรสรู้จากนิมิตนี่เอง แต่เมื่อก้อนหินบอกว่าไม่รีบก็แสดงว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

“ก๊าสส” ก้อนหินรับคำก่อนจะหยิบปลาเข้าปากต่ออย่างไม่สนใจคนอื่นๆ เลย

“คือ จะไม่ชวนเรากินมื้อเช้าบ้างเหรอไซเลอร์” ชเนาเซอร์ถามไซเลอร์ที่ตักอาหารเข้าปากเงียบๆ

“ไม่มีเผื่อ”

พรืด! ผมอดจะหลุดขำไม่ได้ ชเนาเซอร์หันมาแยกเขี้ยวใส่ผมจนผมยิ่งขำไปกันใหญ่

“ใจร้าย” เสียงบ่นลอยๆ ทำให้ผมต้องอมยิ้ม ก่อนที่คนบ่นจะขยับไปใกล้ๆ ไซเลอร์ที่เหลือบตามองนิ่งๆ แล้วกระซิบถาม

“ครั้งแรกเป็นไงมั่ง เจ็บรึเปล่า”

“แค่กๆๆๆ” ไซเลอร์สำลักน้ำขึ้นมาทันที

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” โอ๊ย! ไม่ไหวละ กูฮา ไม่คิดว่าชเนาเซอร์จะเชื่อจริงจังขนาดนั้นว่าผมจะเป็นฝ่ายรุกไซเลอร์จริงๆ

“เจ้าก็ลองดูสิ เดี๋ยวก็รู้เอง” หลังจากหายสำลัก ไซเลอร์ก็ตอบนิ่งๆ ไม่ปฏิเสธสักนิด ชเนาเซอร์ถลึงตาใส่เพื่อนเมื่อได้ฟังคำตอบ ส่วนผมก็สบตากับไซเลอร์แล้วก็ยิ้มให้กัน

“อะแฮ่ม” ก่อนที่จะได้ยินเสียงกระแอมไอของก้าง เอ๊ย! ของแขกที่ไม่ได้รับเชิญทั้งหลาย

หลังจากอิ่มแล้ว เราก็ออกไปปฏิบัติภารกิจส่งคนกลับมิติ ผมขึ้นหลังก้อนหินนำหน้าตรงไปในป่าของอาณาจักรรุค เมื่อไปถึงถ้ำฟินซ์ก็ทักทายท่านพีเจียนที่มารอนำทางอยู่แล้ว เราเดินตามเข้าไปข้างในถ้ำเพื่อเปิดประตูมิติ แล้วให้ท่านพีเจียนกับไซเลอร์และเพื่อนๆ ข้ามไปตามหาไข่ของหงส์ฟินซ์ที่หายไป


“ดวงจิตหายไปแล้ว” พีเจียนเอ่ยเมื่อพบว่าไข่หงส์ฟินซ์ที่หลงมิติมาได้ฟักจากไข่และตายไปแล้ว

“แล้วจะไม่เป็นปัญหาเหรอท่าน” ร็อตหันไปถาม

“ไม่หรอกครับ ท่านจอมปราชญ์ลิเวอร์ให้มาตรวจสอบเพื่อยืนยันกับตระกูลฟินซ์เฉยๆ เพราะท่านเห็นในนิมิตว่าดวงจิตของไข่ใบนี้ได้กลับไปเกิดใหม่ในตระกูลแล้ว” พีเจียนอธิบายเมื่อเห็นสีหน้ากังวลใจของร็อต

“แล้วร่างของหงส์ฟินซ์นี่ล่ะ ต้องเอากลับรึเปล่า” พรีซาถามแล้วเตรียมพร้อมจะเดินลุยน้ำไปเอาร่างที่ลอยอยู่กลางลำธารกลับมา

“ไม่ต้องหรอกครับ ท่านลิเวอร์บอกว่าให้ทิ้งไว้ที่นี่จะเป็นประโยชน์มากกว่า”

เมื่อได้ฟังคำตอบก็ได้แต่มองหน้ากันด้วยความงง มีประโยชน์? กับใครล่ะ?

“ถ้าท่านลิเวอร์ว่าเช่นนั้น ก็คงต้องทำตาม งั้นเราก็กลับกันเถอะ” มาสทิฟฟ์สรุป

“ก้อนดิน ก้อนหิน” เมื่อได้ยินเสียงเรียกของไซเลอร์ ก้อนหินก็เปิดประตูมิติให้ทั้งหมดเดินผ่านกลับมา

ระหว่างที่ไซเลอร์กับเพื่อนๆ ข้ามมิติไป ก้อนหินก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง บอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกลิขิตไว้แล้ว จึงไม่สามารถไปช่วยได้

เมื่อออกมาจากถ้ำ ก้อนหินก็ให้ไซรัสมังกรของไซเลอร์กลับกับคนอื่นๆ ไปก่อน แล้วบอกให้ไซเลอร์ขึ้นหลังไปกับผมแทน ถึงจะสงสัยแต่ไซเลอร์ก็ทำตามด้วยความยินดีที่ก้อนหินยอมให้คนอื่นนอกจากผู้ร่วมชะตาขึ้นหลังได้

ก้อนหินพาเราสองคนบินไปเรื่อยๆ แล้วไปหยุดอยู่ที่ยอดภูเขาไฟเขาไวเวิร์นที่ที่ผมได้เจอก้อนหินที่เชิงเขาครั้งแรก เราสองคนกับอีกหนึ่งตัวนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินอยู่บนหลังก้อนหิน เพราะด้านนอกเขตคุ้มกันของก้อนหินช่วงที่หิมะยังไม่ตกอุณหภูมิจากภูเขาไฟน่าจะร้อนมาก

สายลมพัดมาเบาๆ ให้ความรู้สึกเย็นสบาย ไซเลอร์ที่อยู่ด้านหลังกอดผมเอาไว้ ผมจึงเอนไปพิงเพื่อรับไออุ่นและมองภาพตรงหน้าอย่างสบายใจ

พระอาทิตย์เริ่มคล้อยลงต่ำเรื่อยๆ แสงสีทองที่กำลังอาบไล้ไปทั่วอาณาบริเวณกำลังจะหายไป ความมืดเริ่มจะเข้ามาครอบครองแทนที่ ผมถอนหายใจอย่างเป็นสุข ละสายตาจากภาพตรงหน้าแล้วหันไปยิ้มให้ไซเลอร์

“กลับเรือนวสุธากันเถอะ”

“ครับ กลับบ้านกัน”

“ก๊าสสสสส”

   กลับ ‘บ้านของเรา’

จบ.


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เอร๊ยยยย ในที่สุดก็จบแล้วค่า จุดพลุ เย้ๆๆๆๆ
ในส่วนของเลิฟซีนที่เรียกร้องมานั้นก็ได้ประมาณนี้แหละค่ะ แหะๆ

ขอบคุณแม่ยกก้อนหินและลูกๆ ทุกคนที่อยู่เคียงข้างมาจนถึงตอนนี้นะคะ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้เสมอมา
ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาเม้นท์ มาช่วยเป็นแรงผลักดันให้มีความพยายามและมีแรงฮึดเขียนต่อไปได้เรื่อยๆ ค่ะ

แค่ได้เขียนจนจบได้ก็ดีใจมากแล้วค่ะ เป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิตเลย ถ้าไม่นับเรื่องสั้นอีกเรื่อง

ที่แล้วมาหากมีคำพูดใดหรือสิ่งใดที่ทำให้ขุ่นข้องหมองใจก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

กราบแนบอกทุกคนงามๆ

ในส่วนของคู่รองนั้น วงเล็บตัวโตๆ ว่า “ถ้าขยัน” จะมีตอนพิเศษของแต่ละคู่ตามมาค่ะ แฮ่! // โดนตบ

เนื่องในโอกาสปีใหม่ ก็ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนนับถือ โปรดดลบันดาลให้ทุกคนมีความสุขมากๆ
การงานเจริญก้าวหน้า การเงินเข้มแข็ง มีตังค์ไว้เปย์นิยายกันเยอะๆ
ขอสุขภาพแข็งแรง พบเจอแต่สิ่งดีๆ คนดีๆ โชคดีมีชัย ตลอดปี ตลอดไปนะคะ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

@ shoi_toei ก้อนหินหล่ออยู่แล้วค่ะ ถามดินแล้วดินหินหล่อที่สุด จัดให้แล้วนะคะ ได้แค่นี้แหละค่า แหะๆ
@♥►MAGNOLIA◄♥ ใช่ค่า โตแล้วหล่อมากกกก รักก้อนหิน ขอให้ได้เอาคืนนิดๆ หน่อยๆ ก็เอาค่ะ บังอาจแตะต้องก้อนดินของหิน
@alternative ก้อนหินหล่อสุดในเรื่องแล้วค่ะ เพราะแม่มันก็หลงก้อนหินหนักมาก ฮ่าๆๆๆ ในส่วนของการโดนกินนั้น เรียบร้อยแล้วค่ะ หลายรอบด้วย แค่กๆๆๆ
@ommanymontra  :L2: :pig4: :L2:
@aiyuki คนเขียนก็สบายใจค่า ยาวนานเหลือเกินนนนน
@MayA@TK อยากไปอยู่ที่มิตินี้มากเลยค่ะ วาร์ปไปด้วยกันไหมคะ
@poppycake อยากให้เป็นที่ๆ อยู่แล้วสบายใจค่ะ อยากอยู่ในที่แบบนี้ น่าจะมีความสุขดีนะคะ จัดให้แล้วนะคะ มุ้งมิ้งพอไหม  แหะๆ
@Billie  :L2: :L2: :pig4: :L2:
@duck-ya หวานพอไหมคะ ฮ่าๆๆๆ นี่พยายามหาคนช่วยแยกก้อนหินออกมาแล้วนะคะ ไม่งั้นคงไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันหรอก ติดกันมาก
@Yara ใช่ค่ะ เด่นสุด แม่รักที่สุด ฮ่าๆๆๆ
@HISY พระเอกตัวจริงกระทิงแดง ไม่ใช่ละ ฮ่าๆๆๆ พระเอกตัวจริงก็ก้อนหินนี่แหละค่ะ แต่ตอนนี้ขอเอาพระเอกไปเก็บก่อน ให้ตัวประกอบเค้ามุ้งมิ้งกันก่อน
@suikajang ได้กินกันสักที แค่กๆๆ หมายถึง ได้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขสักทีค่ะ ตอนนี้ได้ยิ่งกว่าจับมืออีก เอร๊ยยย เขิน ไม่รู้ว่าใช้ได้รึเปล่า แต่เลิฟซีนจะได้ประมาณนี้แหละค่ะ แม่มันเขิน
@ •♀NoM!_KunG♀• ขอบคุณมากที่คอยติดตามเหมือนกันค่า
@บูมเบส ดีใจที่ชอบค่า คนอ่านชอบ คนเขียนก็ปลื้มมมมมมม

กอดรวบบบบบบบบบบบบ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รักทุกคนนนนนนนนนนนน  :L1: :L2: :L1:
เจอกันใหม่เมื่อไฟมานะคะ (เผื่อจะมีคนรอ)  :bye2:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
  :heaven จบได้ หวาน ฟินจิกหมอนไปสิเรา :m25:  จัดไป 5 คำ เน้นเลยคะ  :mc4: เขาได้กันแล้วจ้า  o13
 :L1:   :pig4:   :L1:
 :กอด1: มีเรืองต่อไปต้องตามไปแน่นอนคะ
ปล.พิมในโทรศัพทยากมาก อยากตอบยาวกวานี  :sad4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เป็นของขวัญปีใหม่ที่ถูกใจมาก

คาดว่าพี่ไซจะอดอยากปากแห้งมาก....คริคริ
ดินเอ๊ยยยยย ขำที่ไซเลอร์จะเวอร์จินตลอดชีวิตเพราะเอ็งอายเนี่ยแหละ
หิน:อ้อนชนะทุกจักรวาล

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
หว่า จบซะละ ไม่อยากให้จบเล่อออ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :-[
เขิลเลย

 :L2: :L1: :pig4:

ขอบคุณนักเขียนที่ลงเรื่องสนุกๆให้เราได้อ่านกัน

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
น่ารักก
หินยังคงเป็นเด็กน้อยเสมอ
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 :katai2-1: o13 o13 o13 :katai2-1:


 :กอด1: :L2: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L2: :กอด1:

“ก๊าสสสสสสสสสส”   (((ขอบคุณมากครับ  ที่เขียนผลงานอันยอดเยี่ยมให้ได้อ่านกัน )))   “ก๊าสสสสสสสสสส”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
จบแบบหวานมากกกกก ซาบซึ้งๆ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ในที่สุดก็ได้กัน เอ้ย ผูกจิตกันนนนตอนจบอยอุ่นมาก ชอบจัง กลับบ้านกัน

ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารัก ๆ เจ้าหินยังคงเป็นเด็กน้อยน่าเอ็นดูเสมอ

ถึวแม้ร่างจริงจะไม่น้อยแล้วก็ตาม ฮาาาา อิตอนนั่งหงอย น่าเอ็นดูวว

ตอนที่ดินเรียกแล้วกระดิกหาง น่ารักไปอีกกกก โตและแก เรา รอ อ่าน ตอน พิ เศษ 555

สุดท้าย สวัสดีปี 2018 ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีสำหรับคนเขียนค่ะ love na u !!

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สวัสดีปีใหม่จ้า

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ สนุกๆ จ้า :L2:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ขอบคุณคนเขียนมากครับสำหรับนิยายดีๆสนุกๆแบบนี้ จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปอีกนะครับ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์สุขสันต์ มีความสุขมากๆ

โอ๊ะโอ........ไซเลอร์ ก้อนดิน ผูกพันกันแล้ว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เอ่อ.........ผูกพันกันซะหลายรอบด้วย   :hao5: :sad4: :heaven

สงสารก้อนหินต้องห่างจากอ้อมกอดดิน
นั่งเศร้าข้าวปลาไม่กิน น่ารัก น่าฟัด น่ากอด จริง จริ้ง  :-[
พอได้ยินก้อนดินเรียกงี้ หายแว้ปไปหาทันที
ขอบคุณไรท์มาก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:         

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
จบซะแล้วไม่ได้เจอก้อนหินอีกแล้ว :mew2:

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
ฟินจิกหมอนนน  น่ารักกันจริงๆ เลยย. ขอให้คนเขียนมีแรงขยันเขียนตอนพิเศษเยอะๆ  :mew1: :3123:

ออฟไลน์ duck-ya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ฮืออออ อยากอ่านต่ออออ
ตอนพิเศษก็ได้
จริงๆอยากเห็นโมเม้นแบบไซเลอร์ต้องอยู่กับก้อนหิน
อยากเห็นเค้ามุ้งมิ้งตามประสาพ่อลูก (?)
สนุกมากๆเลยจะรอติดตามผลงานค่าา

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
หวานเว่อ อิอิ อยากให้ก้อนดินมีลูกได้จัง เพราะคงน่ารักมาก

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


เกินความคาดเดา

แต่ฟินไปอีก

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Premo1492

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 o13 รอฟินกับตอนพิเศษต่อไป :mew1:

ออฟไลน์ Persephone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มีความดีงามดีต่อใจมาก ชอบนิยายแนวนี้มากอ่ะ :-[ :-[
อยากอ่านตอนพิเศษจังเลย :mew2: :mew2: :impress2:
 :pig4:

ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ก้อนหินเนี่ยน่าฟัดจริงๆ หมั่นเขี้ยว ขอบคุณคร้าบบบ

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
พึ่งเจอเรื่องนี้ เข้ามาเพราะคำว่าแฟนตาซี(หาอ่านเรื่องที่ถูกใจยากมาก)
รู้สึกหลงรักก้อนหินนนนน ไม่อยากให้จบเลย ขอตอนพิเศษก้อนหินเยอะไปได้ไหมคะ(ฮา)
จะรอติดตามตอนพิเศษอิอิ
 :pig4: :3123: :pig4:

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จบซะแล้ว ชอบนิยายแนวนี้มากๆ
สนุก อ่านแล้ววางไม่ลง ไม่อยากให้จบเลย
ก้อนหินน่ารักมากอ่ะอยากได้
ขอแบบนี้ตัวนึงสิ อิอิ

ออฟไลน์ neno.jann

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
สนุกกกกก สรุปคนที่น่าสงสารที่สุดคือคุณไฟสินะเป็นบุคคลที่ถูกลืม 5555 ตอนแรกเชียร์นะ แต่พอเจอไซเลอร์ละลืมเลยจ้าาาส

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ก้อนหิน มังกรขี้อ้อน ขี้หวง น่ารัก จบลงด้วยดี สนุกมากค่ะชอบแนวแฟนตาซี ตื่นเต้นดี :pig4:

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ขอบคุณคนเขียนมาก เป็นเรื่องที่พระเอกดีงามมากนายเอกก็น่ารัก ที่น่ารักสุดก็ต้องหิน5555   แต่แอบอยากรู้เรื่องคุณไฟ ถึงจะชอบแกล้งยังไงนั่นก็คนที่รัก คงรู้สึกผิดมากเสียใจมาก อยากให้มีคนมาปลอบจัง คนเขียน * ^*

ออฟไลน์ kungyung

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1756
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3

ออฟไลน์ ASAMENG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :pig4: น่าติดตามตลอดเวลา ให้ความสึกอบอุ่นดี  :-[
น่ารัก  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด