เฮ้ย ! มันไม่ใช่ลูกกู
ตอนที่ 34
" เดี๋ยวมึงรอตรงนี้ก่อน กูจะเดินไปดูจดหมาย ค่ามือถือเดือนนี้น่าจะมาแล้ว " ผมเอ่ยบอกไอ้ขมตอนที่มันกำลังจะเอื้อมมือไปกดลิฟต์ให้หยุดรออยู่ตรงนั้นก่อน
“ อื้ม ตามสบายเถอะ " ร่างบางพยักหน้ารับ ผมก็ปลดล๊อคประตูของคอนโดแล้วเดินออกไปข้างนอก เลี้ยวเข้าไปในส่วนของตู้จดหมาย ตอนที่กำลังเปิดตู้หยิบเอกสารทั้งหมดออกมา เสียงนึงที่ไม่คุ้นเลยสักนิดก็ทักขึ้นมา
“ ภาพ..” ผู้หญิงที่เอ่ยเรียกผม เป็นสาวลูกครึ่งผมสีดำยาวถึงกลางหลัง ลุคที่ดูเปรี้ยวซ่าส์ของเธอมาในชุดเสื้อกล้ามแบบสั้นครึ่งตัวกับกางเกงยีนส์สีซีดที่เน้นทรวดทรงองค์เอวชัดเจน รอยสักเก๋ๆปรากฏอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นข้อมือ ไหปลาร้า หรือไหล่ จมูกที่ถูกเจาะ สะดือที่ถูกเจาะ ชวนให้ผมขมวดคิ้วงง ..
" ครับ ? เรียกผมเหรอ "
" อะไรกัน นี่ยูจำไอไม่ได้เหรอ ให้ตายสิ! จริงๆเลยนะ " เธอว่าพลางเคี้ยวหมากฝรั่งในปากไปมา ก่อนจะกอดอกแน่นแล้วจ้องหน้าผมอยู่แบบนั้น " นี่ จำไม่ได้จริงๆน่ะเหรอ ตายละ นี่ไอเสียใจนะเนี้ย ที่ยูจำไอไม่ได้ แต่ก็ช่างเถอะ แล้วขมละ ? กาลิคละ ? อยู่ไหน " ผมสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อยตอนที่เธอเอ่ยถามถึงชื่อของอีกสองคนขึ้นมา กับชื่อขมคงไม่แปลก แต่กับชื่อของไอ้ตัวเล็กนั่น ก็ดูจะแปลกอยู่หน่อยเพราะเรื่องของกาลิคเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครรู้ หรือว่านี่จะเป็น ... ' แม่ของกาลิค '
“ คือ.. "
“ ว่าไง จำได้แล้วเหรอ " เธอทวนถามก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ มือคู่นั้นเอื้อมมาจับแก้มของผม " ยูนี่.. ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ขนาดนิ่งคิดว่าไอเป็นใคร ยังหล่อแล้วก็น่าหลงใหลสุดๆไปเลย " สบสายตาเธอที่มองผมแบบนั้น " โอลิเวียไง จำไม่ได้เหรอ เราเจอกันที่ออสเตเรียตอนที่ยูไปเที่ยวช่วงซัมเมอร์ไง ยูไปกับขมน่ะ จำได้ยัง "
“ โอลิเวีย ? “ ก็ยังจำไม่ได้อยู่ดี ผมอยากจะบอกเธอแบบนั้น ตอนนี้สมองมันตื้อไปหมด เหมือนโดนรมก๊าซอะไรสักอย่างที่ทำให้เบลอ สติทุกอย่างหายไปไม่มีความคิดอะไรโผล่เข้ามาในหัวทั้งนั้น
ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังช็อค รู้สึกว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อนผมยังมีความสุข แต่ตอนนี้มันกลับค่อยๆหายไป เพราะผู้หญิงคนนี้ที่จู่ๆก็มายืนอยู่ตรงหน้า เอ่ยทักทายเหมือนรู้จักกันดีแต่ผมกลับไม่คุ้นหน้าตาเธอเลยสักนิด
เธอพูดชื่อกาลิค ทั้งๆที่ไม่น่าจะรู้จักเด็กคนนั้นด้วยซ้ำ แถมคำพูดคำจายังดูมั่นใจแบบคนไร้มารยาท บุคลิคทั้งภายนอกภายในทำให้ผมคิดทบทวนอยู่นาน แต่ก็ได้เพียงแค่คำตอบเดียวในใจตอนนี้ และมันก็เป็นคำตอบที่ตัวผมไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไหร่ คำตอบที่ว่า เธอคือแม่ของกาลิค แล้วพอคิดแบบนั้น สายตาของผมก็มองเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
' นี่แม่ของไอ้กาลิคจริงๆเหรอวะ ผู้หญิงท่าทางแบบนี้นี่อะนะ จะอุ้มท้องเด็กที่หน้าตาน่ารักขนาดนั้นออกมา ผู้หญิงแบบนี้เหรอวะ ที่กาลิคมันจะต้องเรียกว่า แม่ แบบนี้เหรอวะ ? '
“ สงสัยจะจำไม่ได้จริงๆ งั้นไอขอถามละกัน เมื่อห้าปีก่อนยูไปเที่ยวออสเตเรียกับขมตอนซัมเมอร์ ยูจำได้มั้ย "
“ จำได้ " ผมพยักหน้ารับ เธอก็อธิบายต่อ
“ ยูพักที่บ้านคนไทยที่เป็นญาติของยูชื่อพี่อเล็กซ์ ถูกมั้ย " ผมพยักหน้ารับเธอก็ยิ้ม " ครั้งแรกที่เราเจอกันคือช่วงวันคริสมาสที่ไอกับแม่ไปงานเลี้ยงฉลองคริสมาสกับพวกกลุ่มคนไทยเพื่อนๆพี่อเล็กซ์ที่มาอยู่ออสเตเรียไง เราเจอกันครั้งแรกที่นั่น คราวนี้ยูจำไอได้รึยังละ ภาพ "
“ โอลิเวีย " ผมพูดออกมาเสียงเบาๆในขณะที่คนตรงหน้ายิ้มออกมา คำอธิบายของเธอเหมือนกับฟิล์มในหนังสักเรื่องที่ฉายขึ้นมาในสมองของผม ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นทะยอยเข้ามาในสมองของผมเป็นฉากๆ แม้ว่าคนตรงหน้าจะแตกต่างจากครั้งแรกที่เคยเห็นกัน แต่ผมก็จำเรื่องราวตอนเจอเธอครั้งแรกได้ดี
เด็กผู้หญิงลูกครึ่งไทยออสเตเรียหน้าตาน่ารักที่เดินเข้ามากับแม่ของเธอในคืนฉลองวันคริสมาสที่บ้านพี่อเล็กซ์ลูกพี่ลูกน้องของผมที่ไปเรียนต่ออยู่ที่นั่น โอลิเวียในตอนนั้นเธอเป็นคนที่สวยจนสะดุดตา และเพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมพี่อเล็กซ์ก็เลยแนะนำให้เราได้รู้จักกัน เธอคุยภาษาไทยได้คล่องบวกกับนิสัยเฟรนลี่เป็นกันเองเราเลยสนิทกันได้รวดเร็วเพียงแค่ช่วงข้ามคืนนั้น แล้วพอวันถัดมา ทริปท่องเที่ยวสามคนของเราที่เคยมีแค่ผม ไอ้ขมและพี่อเล็กซ์ ก็ได้เพิ่มเธอเข้ามาร่วมเดินทางด้วยอีกคน
“ จำได้สักทีนะ "
" หน้าเธอเปลี่ยนไปน่ะ ฉันเลยจำไม่ได้ " ผมบอกสั้นๆ อีกคนก็เหลือบมองไปทางอื่นก่อนจะเอียงหน้ายิ้มอายๆ
" ก็คงจะเป็นเพราะฉันโตขึ้นละมั้ง มันก็มีอะไรหลายๆอย่างให้ลอง "
" งั้นเหรอ " ก็คงไม่พ้นจากพวกยาเสพติดหรอก เพราะดูท่าทางเธอคงสูบบุหรี่จัดกว่าผมซะอีก แล้วก็คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องยาชนิดอื่นๆของพวกนั้นก็คงลองมาหมดแล้ว ไม่งั้นหญิงสาวที่เคยที่ใบหน้าสวยสะดุดตาคงไม่เปลี่ยนไปจนดูโทรมขนาดนี้
“ แต่ยูดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะภาพ ยังหล่อเหมือนเดิมเลย แต่ถ้าพูดให้ถูกคงต้องบอกว่าหล่อกว่าเดิมอีก ก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนี่นะ " ผมพยักหน้ารับก่อนที่เธอจะมองผ่านเข้าไปข้างในประตูคอนโดที่ผมเดินออกมาเมื่อครู่ " แล้วกาลิคละอยู่ไหน ฉันจะมารับเค้ากลับละนะ "
“ กาลิค...เป็นลูกเธอเหรอ "
“ of course!! แน่นอนสิ ทำไมถามแบบนั้นละ “ เธอยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นตบไหล่ผม " ขอบคุณที่ช่วยดูแลให้นะภาพ แต่ต่อไปนี้ ยูไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นละ ฉันมารับเค้าแล้ว "
“ ง่ายจัง " ผมพูดเสียงเบาๆ ก่อนจะมองหน้าเธอที่ก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกผิดในเรื่องที่เกิดขึ้นเลยสักนิด เธอยังคงยิ้มมีความสุขเหมือนไม่ได้แคร์เลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอสร้างความลำบากให้พวกผม ไม่ได้สนใจหรือนึกถึงจิตใจของเด็กคนนั้นเลยด้วยซ้ำไป เธอทำเหมือนกาลิคเป็นสิ่งของ เป็นตุ๊กตาที่นึกอยากจะเอาไปฝากใครไว้ ก็เอาไปฝาก แล้วพออยากจะได้คืนก็มาเอามันกลับไปง่ายๆแค่นั้น
“ ยูว่าอะไรนะ "
“ เข้ามาคุยข้างในก่อนสิ " ผมบอกเธอด้วยสีหน้านิ่งๆ ท่าทางที่ทำให้โอลิเวียในตอนนั้นคลายความร่าเริงที่ไม่สนซึ่งสิ่งใดนั้นลง เธอพยักหน้ารับ
“ โอเค ไอคุยก็ได้ "
ผมกดปลดล็อคประตูของคอนโด ให้โอลิเวียเดินเข้าไปก่อนที่ผมจะเดินตามมา เราเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลิฟต์ที่มีขมยืนรออยู่ แต่ทว่าร่างบางกลับไม่ได้หันมาสนใจเราเลยสักนิด ไม่ใช่ว่าไม่รู้ตัวหรอกว่าเรามายืนอยู่ข้างหลังแล้ว แต่เพราะรู้แล้วตังหากเลยไม่กล้าที่จะหันมามอง ขมที่ได้แต่กอดกาลิคไว้แน่นในตอนนั้นเป็นท่าทางที่บอกกับผมว่า ตัวมันเองก็คงรู้แล้วว่าเธอคนนี้เป็นใคร
" กาลิคคคคคค คิดถึงจังเลยย มาให้หม่ามี๊กอดหน่อยเร็ว " เธอพูดเสียงร่าเริงก่อนจะคว้าเอาตัวเด็กน้อยที่หลับอยู่ในอ้อมกอดของไอ้ขมขึ้นมาโดยไม่ได้สนสิ่งใด " กาลิค ตื่นๆ นี่หม่ามี๊มารับแล้วนะ ตื่นสิ ดีใจกันหน่อย ตื่นๆ "
“ งื้อออออออ ฮือๆ อาขมมมม จะนอนนน อึก ฮือๆ " เสียงร้องไห้จ้าที่ดังขึ้นหลังจากถูกปลุกให้ตื่นด้วยการเขย่าแรงๆจากคนเป็นแม่ของตัวเอง มือเล็กๆที่ยังหลับจะนอนไม่รู้เรื่องราวอะไรก็ได้แต่เอื้อมไขว่คว้าหาไอ้ขมที่ได้แต่ยืนนิ่งตอนที่เห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดๆ " อึก อาขมมมม กาลิคจะนอน "
“ เอามานี่ " ขมมันพูดสั้นๆก่อนจะดึงเด็กน้อยกลับมากอดไว้เหมือนเดิม มันที่โยกตัวเดินไปมากล่อมให้กาลิคหยุดร้องไห้แล้วหลับไปอีกครั้ง ท่าทางที่ดูโมโหของมันพยายามผ่อนลมหายใจระงับความรู้สึกของตัวเองไว้ " เด็กกำลังหลับปลุกแบบนั้นได้ยังไง มันตกใจนะ "
“ ก็ไอดีใจนี่! ไอเป็นผิดเหรอ ? ไอเป็นแม่นะ ไอไม่เจอลูกตั้งนานก็ต้องคิดถึงกันเป็นธรรมดา " เธอว่าก่อนจะทำหน้าหงุดหงิดใส่อีกคนที่ติเธอ " ก็ไม่เห็นต้องทำหน้าหงุดหงิดใส่ไอขนาดนั้นเลยนะ " ทุกอย่างเงียบมีแต่เสียงถอนหายใจเซ็งๆทั้งของผมแล้วก็ของไอ้ขม ที่ดังออกมา โอลิเวียเอียงหน้ามองคนที่อุ้มกาลิคไว้ก่อนจะยิ้ม " ว่าแต่ขมจำไอได้มั้ยละ "
“ หึ " มันพูดเสียงในคอ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“ อะไรกัน อีกคนแล้วเหรอ โอลิเวียไง จำได้รึยัง เราเจอกันที่ออสเตเรียไงเราเคยไปเที่ยวด้วยกันตอนที่ยูกับภาพไปเที่ยวที่นั้น ยูจำได้มั้ย " เธอแนะนำตัวเองก่อนจะยิ้มให้ไอ้ขมที่นิ่งไปสักพักแล้วพยักหน้ารับเข้าใจ
“ โอลิเวีย.. จำได้แล้วละ "
“ จำได้แล้วสินะ! " เธอยิ้มก่อนจะเอียงหน้ามองเด็กน้อยที่ไอ้ขมอุ้มอยู่ " วันนี้ไอจะมารับกาลิคกลับอเมริกาน่ะ " ไอ้ขมดึงตัวเองออกห่างเธอทันทีตอนที่ได้ยินประโยคนั้น มันที่กอดกาลิคไว้แน่นด้วยสีหน้าและท่าทางที่ไม่ได้แสดงออกถึงความยินดีในคำพูดนั้นแต่อย่างใด ทุกอย่างรอบตัวของเราเงียบความอึดอัดที่เข้ามาแทนที่โอลิเวียมองขมสลับกับผมด้วยท่าทีงงๆ " อะไรกัน นี่ไอจะมาเอาลูกคืนนะ ทำไมพวกยูต้องทำท่าทางแบบนั้นด้วยละ พวกยูต้องดีใจสิที่หมดสิ้นภาระแล้วน่ะ "
“ เราไม่คืนให้ง่ายๆอย่างตอนที่เธอเอามาทิ้งหรอก อย่างน้อยก็ต้องคุยกันหน่อย " ผมบอกเธอก็ผ่อนลมหายใจออกมาพลางบ่นเบาๆ
“ แล้วต้องทำให้ยุ่งยากด้วยนะ ไอก็มาเอาเด็กคืนแล้ว พวกยูก็แค่ให้เด็กมากับไอ ก็แค่นั้น ง่ายๆ สบายๆ ทุกอย่างมันจะได้จบ ไอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากด้วย "
“ เหี้ยจัง นี่แม่คนจริงๆรึเปล่าวะ " ไอ้ขมว่าเสียงเบา โอลิเวียก็เบิกตาใส่มันก่อนจะเหลือบมามองผม เธอที่กำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างผมก็พูดขัดคำนั้นออกไปก่อน
“ ลิฟต์มาแล้ว เข้าไปได้แล้ว " เธอผ่อนลมหายใจหงุดหงิดออกมา เสียงฟึดฟัดที่ไม่พอใจของเธอจำใจเดินตามเราเข้ามาในลิฟต์
ประตูห้องถูกเปิดออก ขมเดินตรงเข้าไปในห้องของตัวเองทันทีมันปล่อยให้ผมอยู่กับเธอแค่สองต่อสอง โอลิเวียที่ตอนนี้มองไปรอบๆห้องก่อนจะหลุดยิ้มแล้วหัวเราะออกมา
“ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกยูจะสนใจการเลี้ยงเด็กกันขนาดนี้ ดูสิของเล่นกาลิคเยอะแยะไปหมด ขอบใจนะที่ช่วยดูแลลูกไออย่างดีน่ะ "
“ นั่งสิ คุยอะไรกันหน่อย เดี๋ยวขอไปตามไอ้ขมออกมาก่อน " เชิดหน้าไปที่โซฟา หญิงสาวก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินไปนั่งลงอย่างว่าง่าย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เคาะประตูห้องก่อนจะเปิดแล้วเดินเข้าไปหา ปากที่กำลังเอ่ยทักมันให้ออกไปนั่งคุยด้วยกันนั้นอยู่ๆก็ใบ้กินขึ้นมาทันที ขมที่นั่งอยู่บนเตียงเอื้อมมือไปลูบหัวกาลิคครั้งแล้วครั้งเล่ามันที่ก้มหน้าร้องไห้ออกมาก่อนจะเอ่ยถามผมเสียงเบาๆ
" เราต้องคืนมันไปจริงๆใช่มั้ยมึง "
" เชี้ยขม " ผมหลุดสบถออกมา ก่อนจะเงยหน้ามองเพดานเพราะรู้สึกว่าน้ำตามันกำลังจะไหลออกมาเหมือนกัน หย่อนตัวลงนั่งข้างๆมัน ผมเอื้อมมือไปกอดไหล่มันไว้ อีกคนก็ยิ่งร้องไห้ออกมา
" กูรู้ว่ามันเป็นแม่ของไอ้หัวหอม แต่กูไม่อยากจะให้ไอ้หัวหอมไปอยู่กับคนแบบนั้นเลย มึงดูมันสิ ขนาดไอ้หัวหอมหลับมันยังปลุกด้วยท่าทางแบบนั้นได้เลย แล้วถ้าหัวหอมงอแงขึ้นมา แม่มันจะไม่หงุดหงิดแล้วทำร้ายลูกตัวเองเหรอวะ กูทำใจไม่ได้อะมึง กูไม่อยากออกไปคุยเลยอะ กูไม่อยากออกไป " มันส่ายหน้าไปมาพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลออกมา " กูกลัวภาพ อึก กูกลัวจริงๆนะมึง ฮือๆ กูกลัว กูกลัวว่าพอเราคุยกับมันแล้วสุดท้าย ผลออกมาว่า ไอ้หัวหอมต้องไปจากกูจริงๆแล้วแบบนั้นกูจะทำใจได้ยังไงวะมึง อึก กูไม่อยากจะให้เป็นแบบนั้น ฮือๆ กูไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลย ทำไมวะ ทำไมแม่มันไม่เป็นคนอื่น ทำไมแม่มันไม่ใช่คนที่ดูรักมันกว่านี้ ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนั้นวะ ผู้หญิงที่ทิ้งลูกตัวเองได้โดยไม่รู้สึกอะไร ทำไมวะ ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนด้วย ทำไมวะ อึก ฮือๆ "
" มึงฟังกูนะ " ผมถอนหายใจออกมาตอนที่มองหน้าขมที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก " มึงบอกว่าอยากจะให้แม่ไอ้กาลิคเป็นคนอื่นที่ดี แต่มึงคนดีๆที่ไหนมันจะทิ้งลูกตัวเองให้มาอยู่กับคนอื่นได้วะ มันก็ต้องเป็นคนที่เหี้ยแบบนั้นแหละมันถึงจะทำได้ " ขมเบือนหน้าหนีคำพูดของผม มันที่เอาแต่ร้องไห้ผมเอื้อมมือไปกอดมันไว้ " ขม กูขอถามมึงสักคำนะ บอกมาตามความจริง มึงเคยมีอะไรกับโอลิเวียรึเปล่า "
" ไม่เคย " มันส่ายหน้า ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ
“ แต่กูเคย " สารภาพความจริงออกไปกับอีกคน ขมก็เบิกตาขึ้นราวกับคนที่คิดอะไรขึ้นมาได้สักอย่าง
“ แล้วมึงจะทำยังไง " สบสายตามันแต่ยังไม่ได้ให้คำตอบอะไร แต่คนที่รอฟังคำตอบอย่างขมก็รวบมือของผมเข้าไปจับแล้วบีบไว้แน่น มันที่พูดทุกอย่างออกมาด้วยความรีบร้อน ที่ทั้งกลัวแล้วก็กังวล " ตรวจดีเอ็นเอเลยมึง ถ้ามันเป็นลูกมึง มึงห้ามให้มันเอาไอ้หัวหอมกลับไปนะ อึก กูขอร้องภาพ กูขอร้อง กูไหว้มึงก็ได้ จะให้กูทำอะไรก็ได้ก็ยอมทั้งนั้น อึก ตรวจดีเอ็นเอนะภาพ กูขอร้อง ฮือๆ ถ้ามึงไม่อยากจะเป็นพ่อมัน กูขอแค่ช่วงนี้ก็พอ พอกูเรียนจบกูจะเอามันมาเป็นลูกกูเอง กูจะเลี้ยงมันเอง แต่ตอนนี้กูขอร้องเถอะภาพ มึงช่วยมันด้วยเถอะนะ อย่าให้มันหัวหอมไปเลย อึก อย่าให้มันเอาหัวหอมไปจากกูนะมึง ฮือๆ "
" ขม ใจเย็นๆมึง ใจเย็นๆนะ" เอื้อมมือไปดึงอีกคนเข้ามากอดไว้แน่น ไอ้ขมก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง นานแล้วที่ไม่เห็นมันเป็นแบบนี้มันที่กำลังไม่มีสติเพราะเห็นท่าทางที่ไม่น่าไว้ใจของผู้หญิงคนนั้น มันที่กำลังกลัวและคาดคะแนถึงเหตุการณ์ที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับกาลิคเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่เข้ามาทำให้มันรักสุดหัวใจ ตั้งแต่ไอ้กาลิคเข้ามาอยู่ที่นี่ ขมก็เลี้ยงกาลิคมาตลอด มันใช้ชีวิตอยู่ใกล้กันแทบจะทุกวัน ทั้งรัก ทั้งดูแล แล้วเอาใจใส่ได้ดี ยิ่งกว่าคนเป็นแม่คนนั้นเสียอีก
“ ภาพ ช่วยหัวหอมที อึก ช่วยหัวหอมของกูที ภาพ อึก กูขอน้อง อือๆ "
" ขมมึงฟังนะ ถ้ากาลิคเป็นลูกกู กูรับแน่ มึงไม่ต้องห่วง แต่กูกลัวว่ามันจะไม่ใช่ลูกกูนะสิ ถ้ามันไม่ใช่ เราก็คงทำอะไรไม่ได้ ตามกฏหมาย ถ้าพ่อแม่ยังอยู่ พ่อแม่เท่านั้นที่มีสิทธิดูแลลูก คนอื่นไม่มีสิทธิ "
" แล้วเราจะทำยังไง ให้กาลิคไปกับมันงั้นเหรอ ไม่เอาอะ ไม่เอา " มันส่ายหน้าไปมา ผมก็ถอนหายใจออกมา
" ออกไปคุยกันก่อน แล้วเรามาหาทางแก้ไขกัน ตกลงมั้ย " ขมหันมองกาลิคที่หลับอยู่ตอนที่ผมพูดแบบนั้น มันที่นิ่งอยู่นาน จำใจพยักหน้ารับ
" เช็ดน้ำตาซะ " ผมเอ่ยบอก มันก็ก้มหน้าลงเช็ดน้ำตาของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามผม
" หน้ากูเหมือนคนร้องไห้มากมั้ย "
" ยิ่งกว่าเหมือนอีกไอ้สัด ไปล้างหน้าไป แล้วออกไปพร้อมกัน "
" อื้ม " ขมเดินเข้าไปล้างหน้าให้ห้องน้ำ มันที่เดินออกมาผ่อนลมหายใจช้านัยน์ตาที่ยังแดงจัด ผมหันไปมองหน้ามัน
" กูขอให้สัญญากับมึง ยังไงซะกูก็ไม่ให้มันเอาไอ้กาลิคไปจากเราง่ายๆหรอก ต่อให้มันจะไม่ใช่ของลูกกูก็เถอะ "