(Omegaverse) Love Bites ซ่อนรอยรัก Special (13/7/19) P.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (Omegaverse) Love Bites ซ่อนรอยรัก Special (13/7/19) P.6  (อ่าน 43390 ครั้ง)

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ได้กันล้าวววว

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เราชอบริชาร์ดมากกว่าคาเล็มนะ
แต่ลาซัสคงเลือกไม่ถูก 3p ได้ไหมมมม

ออฟไลน์ numberll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ถ้าเป็นแนวเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด เราคงต้องขอบายไปก่อนและกัน
เข้ามาอ่านนึกว่าจะแบบรักหนึ่งเดียว
ขอบคุณน้า ที่เขียนผลงานดีๆ ออกมา แต่คงไม่ใช่แนวเรา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คาเล็ม เป็นคนรัก
ริช ก็ดี น่ารัก และรักลาซัส เช่นกัน
ถ้าทั้งสองเข้าใจ และยอมรับกันได้
ทั้งหมดก็มีความสุข คิดว่า 3p ก็ไปได้สวย
เพราะทั้งคาเล็ม และริช เป็นเพื่อนรักกันนานมาก
ถูกใจคนรักคนเดียวกัน มันก็เป็นไปได้
สามารถปกป้องลาซัสได้ดียิ่งขึ้น
เพราะท่าทางไอ้พี่ตัวแสบจ้องขโมยอยู่แล้ว
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
สามพีสิจ๊ะคนดี55555555

ออฟไลน์ Spenguin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารคุณหมอ เรียกมาร่วมวงด่วนน

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คนแต่งคะ ขอร้องละคะ เปลี่ยนแนวเรื่องเป็น3pด้วยเถอะคะ เพราะว่าน้องไม่สามารถทนให้ ริชาร์ดไปคู่กับคนอื่นได้ แต่อีกใจนึงก็ไม่อยากเสียหมอไป(หรือจะตัดอีหมอไปเลยก็ได้คะ เพราะชอบริชาร์ดมากกว่า) อยากให้คนเขียนพิจารณา ฮืออ เรารู้ว่ายังมีคนคิดแบบน้องอยู่อีก น้องแค่แสดงความคิดเห็น แต่ถ้าคนเขียนจะทำแบบ3p ให้เราจะดีใจมากคะ ส่งเลขที่บัญชีมาเดี้ยวโอนตังให้55555 แต่ถ้าไม่ทำเราก็ได้คะ แต่เราคงจะรู้สึกตึงจนไม่มีอารมร่วม แต่เราก็จะอ่านต่อไปคะ เพราะว่าเรารักเรื่องนี้ รักคนเขียนนะคะ ซารังเฮ :mew1: ยาวมากจากใจ5555 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คือ ลาซัสรัก คาเล็มอยู่ แต่ชื่อเรื่องยกหัวใจให้ฉันได้ไหม แสดงว่าพระเอกคือริชาร์ดอ้ะเปา

แล้วบาริสต้า กับ อัยการ  :ruready
นี่ต้องมีอะไรมากกว่าที่คิด

ออฟไลน์ phasau

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เพิ่งเคยอ่านครั้งแรก สนุกมากเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
ปล.ขอให้เป็น 3p ทีเถอะ ไม่อยากให้ริชาร์ดอกหักเลย ><

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura
บทที่ 12



“นายไม่เป็นอะไรเลยเหรอลาซัส?” หลังจากตื่นมาอาบน้ำชำระล้างร่างกาย ริชาร์ดก็เอ่ยถามและมองดูลาซารัสอย่างจริงจังอีกครั้งหลังจากทำอะไรๆกันมาแล้วเป็นครั้งที่สอง

“เอ่อ...ก็...ปวดเอวนิดหน่อย...ครับ” คำตอบที่ทำเอาคนพูดหน้าแดงซะเอง ส่วนคนฟังก็เกือบจะสติหลุดพุ่งเข้าไปฟัดใบหน้ามนแสนน่ารักนั้นอีกรอบ แต่ขืนบุกต่อวันนี้คงได้ลางานครึ่งวันแน่...

“ไม่ใช่ๆ ฉันหมายถึงนายไม่มีอาการแปลกๆอย่างปวดท้อง ปวดหัว หรือคลื่นไส้อาเจียนบ้างเลยเหรอ?”

“ผมยังไม่ท้องสักหน่อยนะครับคุณริช!” โอเมก้าหนุ่มตวาดใส่อัลฟ่ามากวัยกว่า

“ไม่ช้ายยย ไม่เกี่ยวกับเรื่องท้องหรอก” ...ถึงจะแอบหวังลึกๆให้ท้องจริงๆอยู่บ้างก็ตาม...“ฉันเคยได้ยินว่าหลังจากตีตราแล้วฟีโรโมนของโอเมก้าคนนั้นจะไม่มีผลกับอัลฟ่าที่ไม่ใช่คู่ของตัวเอง แต่ฉันก็ยังคงได้กลิ่นตัวนายเหมือนเดิม”

“ผมเองก็...ประหลาดใจครับ ยังกับว่าตัวเองเป็นโอเมก้าที่ผิดปกติยังไงยังงั้น”

ตั้งแต่วันนั้นแม้จะผ่านมานานแล้วฟีโรโมนของลาซารัสก็ยังคงมีผลกับริชาร์ดและอัลฟ่าคนอื่น ทั้งๆ ที่ถูกตีตราความเป็นเจ้าของถึงสองคนแล้วแท้ๆ นั่นเลยเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้องคอยระวังและดูแลลาซารัสเป็นพิเศษ นี่ถ้าหากไม่มีเรื่องของประธานรอสเกรย์เข้ามาเกี่ยวกะทันหันล่ะก็คาเล็มคงได้หาสาเหตุที่เกิดขึ้นกับโอเมก้าคนนี้ต่ออย่างแน่นอน

“นายไม่ได้ผิดปกติหรอก” ซีอีโอหนุ่มพูดปลอบใจคนในความดูแลของตัวเอง “ขนาดโอเมก้าบางคนเองยังเข้าช่วงฮีทเดือนละครั้งเลย”

“แต่นั่นก็เป็นโอเมก้าผู้หญิงใช่มั้ยล่ะครับ” ลาซารัสเคยได้ลองศึกษาจากในหนังสืองานวิจัยของคาเล็มมาว่าแม้แต่ในไทป์โอเมก้าด้วยกันเอง โอเมก้าหญิงจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้บ่อยครั้งกว่าโอเมก้าชาย ด้วยเพศสภาพดั้งเดิมที่พร้อมจะเป็นผู้ให้กำเนิดเผ่าพันธุ์นี้อยู่แล้ว

“เอ่อ...คิดว่านะ” ริชาร์ดไม่แน่ใจนัก เพราะไม่ได้เข้าไปคลุกคลีกับงานของเพื่อนโดยตรง ก็แค่พอจะรู้มาบ้างว่าแต่ละคนก็มีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนกัน “มันก็คงจะถูกอย่างที่นายว่านั่นแหละ”

เพราะถ้าหากโอเมก้าเข้าช่วงฮีทแถมตั้งท้องได้แค่ปีละครั้งแบบที่ลาซารัสเป็นก็จะมีอัลฟ่ากับโอเมก้าเกิดใหม่ในแต่ละปีน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอเมก้าที่เกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะมากพอที่จะให้ทางโรงพยาบาลใช้เครื่องมือแพทย์ตรวจหาเพศสภาพของลูกได้ตั้งแต่แรกเกิดนั้นด้วยเพราะมีค่าใช้จ่ายที่สูง บางคนกว่าจะรู้ว่าลูกของตนมีเพศรองเป็นอะไรก็ต้องรอจนกว่าจะโตเป็นวัยรุ่น เพราะอาการฮีทจะไม่แสดงออกในช่วงที่พวกเขายังเป็นเด็กอยู่ บางคนก็อาจถึงขั้นต้องขอลาออกจากโรงเรียนเพราะไม่สามารถทนอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมเดิมที่มีนักเรียนไทป์อัลฟ่าซึ่งยังควบคุมสัญชาตญาณตัวเองไม่ได้เรียนอยู่ในโรงเรียนเดียวกันด้วย

ขนาดอัลฟ่าผู้ใหญ่ยังควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ถ้าไม่ใช้ยาต้านอาการฮีทช่วย แล้วเด็กวัยรุ่นที่ร่างกายยังไม่พร้อมจะรับยาพรรค์นี้ได้จะไปเหลืออะไร

“ผม...จะรอให้คุณหมอจบคดีนี้ก่อน ค่อยลองตรวจดูก็ได้มั้งครับ” ลาซารัสตอบเสียงแผ่วและปิดหนังสือในมือ ก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้ที่ระเบียงห้องนอน เขาปิดหน้าต่างให้เรียบร้อยเพราะวันนี้ลมค่อนข้างแรงแต่เช้า เกรงว่าจะพัดเอาเศษใบไม้หรืออะไรแปลกๆเข้าห้อง

“...นายไหวรึเปล่า?” ริชาร์ดมองอีกฝ่ายที่พอพูดถึงคาเล็มก็ดันหดหู่ลงเสียดื้อๆ

“ผมไม่เป็นไรครับ” คนตัวเล็กกว่าเดินผ่านร่างสูงที่เดินเข้ามาหาเพื่อเอาหนังสือในมือไปวางเก็บไว้บนชั้นวางข้างเตียง “นี่จะได้เวลาอาหารเช้าแล้ว รีบไปเถอะครับ เดี๋ยวคุณเจสสิก้าจะดุเอาอีก”

“อ่าฮะ เดินไหวรึเปล่า? ขอโทษที่รุนแรงไป..”

“ผมไม่ค่อยหิวครับ คุณริชไปทานก่อนเถอะ” ลาซารัสพูดแทรกขึ้นมา

“เอ๋?” ริชาร์ดพยายามสังเกตุสีหน้าอีกคน แต่เหมือนลาซารัสเองก็พยายามหลบตาไม่มองหน้าเจ้าของชีวิตตอนนี้ตรงๆ “ลาซัส?”

“ขอผมอยู่คนเดียวสักพักได้มั้ยครับ?”

“...อืม.. อย่าลืมหาอะไรกินด้วยล่ะ” ริชาร์ดเอ่ยอย่างเป็นห่วงและยอมเดินออกไปจากห้องของลาซารัสอย่างง่ายดาย

เมื่อเสียงประตูปิดลง ลาซารัสก็เดินมานั่งลงกับเตียงช้าๆอย่างหมดเรี่ยวแรง สองมือยกขึ้นลูบใบหน้าและบีบนวดขมับราวกับคิดไม่ตกกับสิ่งที่เกิดขึ้น มือถือสั่นแจ้งเตือนข้อความเข้าทำให้ดวงตาสีฟ้าสดแอบเหลือบไปมอง เป็นข้อความจากเรนเดล โดยปกติก็จะส่งมาทักทายแทบทุกเช้า แต่เช้านี้เขากลับรู้สึกไม่อยากจะเปิดขึ้นมาอ่านอย่างไรอย่างนั้น

“นายทำตัวเอง ลาซัส” ความรู้สึกผิดจุกแน่นในอกแทบหายใจไม่ออก เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความฝัน และตอนนี้เขาก็เริ่มคิดถึงเรื่องการสร้างไทม์แมชชีนจริงๆเสียแล้วสิ… ในหัวมีแต่คำถามที่พร่ำถามตัวเองว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจแบบนี้ ทำไมเมื่อคืนเขาถึงเชื้อเชิญอีกฝ่ายเข้ามาทั้งๆที่มันมีทางออกอื่นให้เลือกแท้ๆ

เสียงข้อความดังขึ้นอีกครั้ง ท่าทางเรนเดลกำลังเป็นห่วงที่เขาไม่ตอบทั้งที่ปกติแม้จะไม่มีงาน เขาก็ควรจะตื่นแล้วแท้ๆ มือเรียวเอื้อมไปหยิบมือถือของตนมา แต่ก็ไม่กล้าพิมพ์อะไรตอบไปอยู่ดี… พลันนึกถึงอัลฟ่าที่เป็นเจ้าของชีวิตตนเองก็ยิ่งรู้สึกแย่ สีหน้าลำบากใจของริชาร์ดที่โดนบอกให้เก็บความลับไว้ยังคงติดตาเขาอยู่เช่นกัน…

“โดนเกลียดแหงๆเลย..” ลาซารัสพึมพำก่อนจะตอบกลับเรนเดลด้วยข้อความดังเช่นปกติ ในวันพรุ่งนี้จะต้องไปเจอหน้าคาเล็มแล้ว เขาจะกล้าสารภาพบาปออกไปมั้ยนะ?


ริชาร์ดยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องของโอเมก้าในครอบครองของตนเอง ใจหนึ่งก็เป็นห่วงอีกฝ่าย แต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่ควรพูดอะไรมากในตอนนี้ แม้จะแอบฟังก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร ...ยิ่งน่าเป็นห่วงแฮะ…

อัลฟ่ามากวัยกดเบอร์โทรศัพท์หาโคลวิสทันที ตัวเขาตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงกับโอเมก้าของตน จึงทำได้เพียงลองปรึกษาโอเมก้าคนอื่นเผื่อว่าจะหาทางออกที่ดีกว่าการนั่งคิดคนเดียวได้

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์แต่เช้าทำเอาคนที่โดนปลุกก่อนเวลาปกติหงุดหงิด มือควานหาโทรศัพท์มือถือที่หัวเตียงแล้วกดรับสายทันทีโดยไม่ทันดูว่าหน้าจอเป็นชื่อของใคร

“ใครวะ…?”

“เอ่อ...ฉันเอง ขอโทษที่โทรมารบกวนแต่เช้านะ” พอได้ยินเสียงคุ้นเคย จากที่เมาขี้ตาอยู่ก็ตื่นเต็มตาและลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าที่เตียงอย่างลืมตัว

“เวรล่ะคุณริช!” บาริสต้าหนุ่มเผลอสบถทั้งๆที่ยังถือสายพูดกับซีอีโอของบริษัทอยู่ “อ่ะ! ผมไม่ได้ว่าคุณนะครับ!”

“ฮ่ะๆๆ ไม่เป็นไรๆ” สารภาพเลยว่าเผลอสะดุ้งไปเหมือนกันตอนที่ได้ยินปลายสายพูด “เออนี่ ถ้าฉันจะขอถามอะไรค่อนข้างส่วนตัวสักหน่อย นายจะสะดวกมั้ย?”

“ได้ครับ! ถามได้ทุกอย่างเลยครับ!” ขอแค่อย่าสั่งปิดร้านกาแฟของเขาก็พอ วันหลังจะดูชื่อคนโทรมาก่อนทุกครั้งเลย ไม่สิ...ตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าเฉพาะไว้เลยดีกว่า!

“ตอนพวกนายฮีทพวกนายทำยังไง…”

“ห๊าาาาาาา!!” ยังไม่ทันจะได้ฟังจนจบประโยคดีโอเมก้าหนุ่มหัวสีก็แหวเสียงลั่นออกมา เสียงของโคลวิสทำเอาอัลฟ่ามากวัยกว่าถึงกับต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูตัวเองเพราะทนเสียงบาดแก้วหูนั่นไม่ไหว

เออ...สมแล้วจริงๆที่เป็นนักร้อง...

“ใจเย้นน! นี่ไม่ใช่จะละลาบละล้วงนะ คือว่า...ฮัลโหล? เฮ้! อย่าเพิ่งวางสายนะโคลวิส!” ซีอีโออัลฟ่าพยายามรั้งปลายสายไว้สุดชีวิต “นี่เรื่องคอขาดบาดตายนะ อย่างน้อยๆก็ถือว่าช่วยอัลฟ่าแก่ๆคนนึงเอาบุญทีเถอะ”

“คุณมันแย่ที่สุดเลย...” โคลวิสยกมือปิดหน้าตัวเอง ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าคนที่ตัวเองชอบจะเป็นคนแบบนี้

“เออ...ยอมรับก็ได้ แต่ฉันมีเหตุผลนะ” ริชาร์ดเปลี่ยนไปคุยทีอื่นเพราะกลัวว่าเสียงของตนจะดังไปถึงหูลาซารัสที่ยังอยู่ในห้อง “งั้นเปลี่ยนคำถามก็ได้ ปกติโอเมก้าอย่างพวกนายใช้บริการอะไรเวลาเกิดฮีทขึ้นมาเหรอ แบบ...แบบว่าตอนที่ทนไม่ไหวสุดๆ เอ่อ…อุปกรณ์ก็เอาไม่อยู่แล้ว”

ริชาร์ดเพิ่งรู้สึกตัวว่ายิ่งพูดยิ่งเหมือนพวกโรคจิตที่เที่ยวโทรหาเบอร์คนแปลกหน้ายังไงยังงั้น

“โอเค ผมพอจะเข้าใจคำถามแล้วครับ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” โคลวิสพอจะเดาสถานการณ์ออกคร่าวๆแล้วว่าซีอีโอคนนั้นคงเจอไอ้เหตุการณ์อย่างที่ว่ามาแน่ๆ “กรณีของพวกโอเมก้าที่ไม่มีคู่เป็นของตัวเองแต่เกิดฮีทจนทนไม่ไหวชนิดว่าต้องการใครสักคนขึ้นมาจริงๆ ก็จะไปใช้บริการของบริษัทจัดหาคู่สำหรับโอเมก้าที่ต้องการอัลฟ่ามาช่วยตอนที่ฮีท ก็...คงคล้ายๆ กับพวกโฮสต์นั่นแหละครับ ”

โคลวิสพยายามเลือกใช้คำที่ปลอดภัยเท่าที่ตนพอจะนึกออก เพราะงานบริการแบบนี้มันก็รู้ๆกันอยู่ว่าต้องทำอะไรๆ

“อ๋อ..” ริชาร์ดเริ่มจะนึกอะไรได้ เหมือนเคยได้ยินโอเมก้าบางคนที่เคยรู้จักเล่าให้ฟังอยู่ “นั่นก็น่าสนใจ งั้นขออีกนิดสิ… ตอนที่พวกนายฮีทนี่… จะควบคุมตัวเองได้ขนาดไหนเหรอ?”

“แล้วแต่กรณีสุดๆเลยครับ” โคลวิสเกาศีรษะ ไม่รู้จะยกตัวอย่างอะไรก่อนดีเพราะมันเยอะจนไม่รู้จะจัดหมวดหมู่อย่างไร “แต่ส่วนใหญ่จะลดเหตุผลลงทั้งนั้น… ยิ่งถ้ามีอัลฟ่าที่ไม่ได้รังเกียจอยู่ใกล้ๆ ก็มีสิทธิ์ทำอะไรโง่ๆเยอะอยู่”

“งั้นเหรอ” คนฟังแอบรู้สึกเหมือนหัวใจพองโตเล็กน้อย

“...ลาซารัสเค้าฮีทเหรอครับ?” คำถามตรงไปตรงมาถามใส่ปลายสายจนริชาร์ดเปลี่ยนสีหน้าระรื่นมายิ้มแห้งทันที

“ก็ใช่…”

คำตอบเสียงแผ่วของริชาร์ดทำให้โคลวิสพอจะเดาสีหน้าท่าทางของซีอีโอคนนี้ได้ไม่ยาก และเดาได้ว่าคงเผลอล่วงเกินไปแล้วคิดไม่ตกสินะนี่? “ขอโทษเขาไปแล้วรึยังล่ะครับ?”

“หือ? อ่อ...ก็ขอโทษไปแล้วล่ะ… แต่ยังซึมอยู่เลย”

“เปล่าครับ ผมหมายถึงเพื่อนคุณน่ะ ที่เป็นแฟนลาซารัสน่ะครับ”

ริชาร์ดนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาสัญญาอย่างหนักใจไปแล้วว่าจะไม่บอกคาเล็มนี่สิ “ยัง..”

“...รีบบอกไปก็ดีนะครับ ไม่รู้หรอกว่าเพื่อนคุณจะอยากฆ่าคุณมั้ย แต่มันโล่งใจกว่าเยอะนะ”

“ฮะๆ..ก็….” รอยยิ้มเจื่อนปรากฎที่มุมปากของอัลฟ่าสูงวัย ครั้งที่แล้วเขาเกือบจะโดนฆ่าจริงๆแล้วมั้งนั่น… “งั้น...ไม่กวนนายแล้วก็ละกัน ขอบใจมากนะโคลวิส”

โคลวิสเงียบเสียงไม่ตอบอะไรอีกฝ่ายกระทั่งริชาร์ดตัดสายไป โอเมก้าที่โดนปลุกก่อนเวลายังคงนั่งอยู่ท่าเดิมและปิดหน้าจอมือถือของตัวเอง “ไม่รบกวนหรอกน่า…” แต่เสียงกระซิบแผ่วเบานั้นไม่กล้าแม้แต่จะพูดออกไปด้วยซ้ำ…

ริชาร์ดมองโทรศัพท์และเบอร์คุ้นเคยอีกเบอร์อยู่ไม่ห่างจากห้องของลาซารัสนัก เขามองหน้าจอสลับกับประตูห้องนั้นสักพักและตัดสินใจเดินออกมา ตรงไปที่ห้องอาหารก่อนจะถึงเวลามื้อเช้าเสียด้วยซ้ำ

“ขอโทษทีนะลาซัส” ร่างสูงเอ่ยก่อนจะกดโทรศัพท์และโทรไปหาเบอร์นั้นระหว่างที่นึกว่าเช้านี้จะได้กินอะไรกันนะ?


“คุณริชาร์ดโทรมาครับนายน้อย” เรนเดลส่งโทรศัพท์ของตนให้กับมือของเจ้านายที่ยังสะลึมสะลือเพราะกว่าจะได้นอนก็ราวๆตีสี่ เรียกว่าอยู่โยงจนเกือบถึงเช้า

“มีเรื่องอะไรถึงโทรมาแต่เช้าแบบนี้?”

“กระผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ”

“เรื่องลาซารัสรึเปล่านะ…” คาเล็มยกโทรศัพท์ขึ้นมาและกรอกเสียงลงไปคุยกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ “ว่าไง?”

“......คาเล็ม” น้ำเสียงของปลายสายที่เรียกชื่อตนฟังดูแล้วอาการน่าเป็นห่วงอย่างมาก

“มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”

“มี…ฉันเลยอยากขอโทษนายไว้ก่อน” ริชาร์ดรวบรวมความกล้าเท่าที่มีบอกออกไป “ลาซัสฮีทเมื่อคืน ฉันก็เลย...ทำลงไปอีกแล้วล่ะ”

“..........”

“คาเล็ม...ฉันขอโทษจริงๆนะ แต่มันจะไม่มีผลกระทบอะไรกับการทดสอบยาในวันพรุ่งนี้ใช่มั้ย?”

“ไม่...ไม่มี” หมออัลฟ่าเอ่ยปฏิเสธ “แค่นี้สินะ ฉันหิวแล้ว”

“คาเล็ม เดี๋ย-ว!” ร่างสูงรีบวางสายทิ้งแล้วเดินเอาโทรศัพท์ไปคืนเรนเดล ก่อนจะขอตัวไปล้างหน้าล้างตา กว่าจะลงมาทานอาหารเช้าก็นับว่าใช้เวลาจัดการธุระส่วนตัวตอนเช้านานอย่างผิดปกติ จนอัยการที่มาค้างบ้านลูกความและรอร่วมโต๊ะอาหารมื้อเช้าด้วยนั้นทานล่วงหน้าไปก่อนแล้วเพราะรอไม่ไหว

“ท้องเสียรึไง นึกว่าหลับในห้องน้ำไปแล้วซะอีก”

“...โทษที”

เออร์แฟนมองอย่างนึกแปลกใจที่อีกฝ่ายไม่ด่าสวนคำพูดกลับมาอย่างทุกที แถมชายสูงวัยก็ดูจะยังตื่นไม่เต็มตาหรือไงไม่ทราบถึงได้ดูไม่มีแรงแม้แต่จะจับมีดและส้อมเอาซะเลย

“ถ้านายไม่กินเดี๋ยวฉันกินคนเดียวหมดนะ”

ท่าทางเหม่อลอยและสายตาว่างเปล่าของคาเล็มทำเอาอาหารรสเลิศของคุณพ่อบ้านจืดชืดลงไปเหมือนกัน

“...อืม” อัลฟ่าสูงวัยตอบรับอย่างเชื่องช้าพร้อมกับวางมีดและส้อมลงข้างจาน “ฉันอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะ”

สายตาของอัยการหนุ่มและพ่อบ้านมองตามหลังหมอคาเล็มที่เดินขึ้นบันไดกลับเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง

“ดูแปลกๆชอบกล ก่อนหน้านี้ยังกระตือรือร้นดูมีไฟอยู่เลยแท้ๆ”

“อาจจะเหนื่อยก็ได้นะครับ ก็เล่นโหมงานมาตลอดทั้งสัปดาห์เพื่อให้ทันวันพรุ่งนี้นี่นา” ชายชรากล่าวกับแขก แต่ลางสังหรณ์บอกว่าคงมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ เพราะตั้งแต่วางสายจากริชาร์ดก็เห็นซึมไปทันทีเลย

คาเล็มทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานตัวเดิม สมองนึกย้อนถึงเรื่องที่เพื่อนรักโทรมาสารภาพกับตนเมื่อเช้านี้แล้ว เขาได้แต่ฟังเงียบๆไม่ได้ตอบอะไรกลับไปมากเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าควรจะโกรธ เกลียดหรือควรจะรู้สึกยังไงดี รู้แต่เพียงว่าเขาเหนื่อยล้าเหลือเกิน…

“เดี๋ยวมันก็จบแล้ว…” มือหนาถอดแว่นสายตาเอาออกมาเช็ดเพราะเลนส์พร่ามัวทั้งที่รู้ว่ามันไม่ใช่เพราะแว่นตา ที่ภาพอะไรๆมันเบลอไปหมดนั้นเป็นเพราะน้ำตามันบดบังทุกอย่างในสายตาของตนเอง

คาเล็มสลัดความเศร้าทิ้งไปจากหัว แม้จะเจ็บปวดกับเรื่องลาซารัสและเพื่อนรักของตน แต่ก็ยังไม่เท่ากับตอนที่เขาสูญเสียโนเอลไปอย่างไม่มีวันกลับคืน

เขาต้องมุ่งมั่นเดินหน้าหน้าต่อ ไม่มีเวลาว่างพอจะมาหยุดอยู่กับเรื่องเศร้าเหล่านี้ มือยกเอาแว่นตาขึ้นมาสวมคืนและมองรายชื่อคนที่ทั้งเสนอตัวมาและเขาไปสอบถามความสมัครใจในการเป็นคนลองยาให้กับเขา ตอนนี้ก็เหลือแค่ไม่กี่คนที่เขาต้องไปคุยด้วยในวันพรุ่งนี้…แน่นอนว่ามีลาซารัสอยู่ในลิสต์เช่นกัน

คาเล็มแบ่งยาที่อยู่ในขั้นทดลองออกมาเป็นหมวดหมู่และกระจายมันไปให้แต่ละคนทดลองกินสักระยะ แต่ว่า…สักระยะที่ว่านั้นก็นานนับปีเพื่อให้เห็นผลชัดเจน เวลาเป็นปีๆนี้ ถ้าเป็นตัวเขาเมื่อก่อนคงรู้สึกว่านาน ทว่าสำหรับคาเล็มตอนนี้ เขากลับรู้สึกว่ามันเข้าใกล้ความจริงอย่างรวดเร็วจนตัวเองยังนึกแปลกใจ

เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะที่คุ้นหูดังเรียกสติเจ้าของบ้าน คุณหมอส่งเสียงขานรับทุ้มต่ำเพื่อให้พ่อบ้านเปิดเข้ามาได้ “ผมเอาของว่างมาให้ เห็นทานข้าวไปแค่นิดเดียว เกรงจะไม่มีแรงทำงานต่อน่ะครับ”

“ขอบใจนะ” คาเล็มตอบเรียบๆและจัดแจงเอกสารบางอย่างลงกระเป๋า

“เรื่องยาเป็นยังไงบ้างครับ?”

อัลฟ่าสูงวัยหันมามองชายชราอย่างประหลาดใจเล็กน้อยเพราะปกติเรนเดลแทบจะไม่มายุ่งเรื่องงานเขาเลย นอกเสียจากมาทำความสะอาดนานๆครั้ง “ก็…ดี ปรับลดสารบางตัวแล้ว โดยเฉพาะพวกตระกูลที่กดประสาท ถึงบางตัวจะยังมีส่วนประกอบอันตรายอยู่ แต่ไม่ถึงชีวิตหรอก”

“อย่างนี้นี่เอง แล้วคุณแมทเวย์จะได้ยาตัวไหนไปล่ะครับ?”

“…เป็น..ยาที่ค่อนข้างจัดหนักอยู่ นั่นน่ะเพราะเขาอยู่ในหมวดโอเมก้าที่สภาพร่างกายสมบูรณ์ที่สุด เลยพอจะรับความเสี่ยงได้บ้าง”

“น่าเป็นห่วงเหมือนกันนะครับ” เรนเดลขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่เขาคงดีใจนะครับ ในที่สุดก็ได้ทำอะไรเพื่อคุณบ้าง”

“อ่าฮะ…”

“…..และผมคิดว่าเขาคงยินดีที่จะรับฟังทุกอย่างที่คุณพูดในวันพรุ่งนี้นะครับ” เรนเดลพูดเสียงนุ่มอย่างปลอบประโลมจนคาเล็มต้องหันมามองพ่อบ้านของตนอีกครั้ง แต่ชายชราก็ก้าวเท้าออกไปจนถึงประตูและโค้งให้เขาเหมือนจะขอตัวไปทำอย่างอื่นต่อเสียแล้ว

เมื่อประตูปิดลง คาเล็มยังคงนั่งนิ่งมองไปทางที่พ่อบ้านผู้ไหวพริบดีเดินจากไป

“……ยุ่งน่า…” คาเล็มสบถเบาหัวเสียเล็กน้อย เขาหันกลับไปหาโต๊ะทำงานของตัวเอง พลันสายตาก็สบเข้ากับนาฬิกาที่เคยให้ลาซารัสใส่เพื่อเก็บข้อมูลอยู่พักหนึ่ง ตอนนั้นเองที่คาเล็มเหมือนจะนึกอะไรออกและลุกออกจากโต๊ะไปทันที

คุณหมอขอยืมโทรศัพท์จากพ่อบ้านแล้วติดต่อไปยังคนของศูนย์วิจัยเดิมของตนให้จัดอุปกรณ์ดังกล่าวมาให้อีกนับสิบๆเรือนภายในวันพรุ่งนี้

“นั่นอะไรน่ะ ลืมของสำคัญที่ต้องใช้พรุ่งนี้รึไง?” อัยการหนุ่มหันไปถามพ่อบ้านว่านาฬิกาที่คาเล็มต้องใช้นั้นมันคืออะไร พอได้รู้คำตอบนั้นแล้วเออร์แฟนก็มองด้วยสายตาสงบนิ่ง และยิ่งรู้สึกโชคดีมากขึ้นไปอีกที่เขาไม่ได้เกิดมาเป็นโอเมก้าจริงๆนั่นแหละ

“อยากเปลี่ยนใจมาเป็นพ่อบ้านให้ผมแทนหมอนั่นเมื่อไหร่ก็บอกได้นะคุณเรนเดล เผื่อจะเอือมระอากับรสนิยมถ้ำมองของหมอนั่น” เออร์แฟนแอบกระซิบเสียงเบาแค่พอให้ได้ยินสองคน

“กระผมขอรับไว้แค่น้ำใจแล้วกันครับ” ชายชรายิ้มให้อย่างสุภาพ เมื่อนานมาแล้วริชาร์ดเองก็เคยมาพูดแบบนี้กับเขาเช่นกัน

“อย่าคิดว่าอยู่ไกลแล้วฉันจะไม่ได้ยินนายกำลังนินทาแล้วก็ล่อลวงคนของฉันนะเฮ้ยเออร์แฟน!”

ทีแบบนี้ล่ะหูดีขึ้นมาเลยเชียว...

“งั้นก็ถามตรงๆได้สินะว่านายจะเอานาฬิกาพวกนั้นไปทำอะไร” เออร์แฟนเดินเข้ามาและหยิบอุปกรณ์รูปร่างคล้ายนาฬิกามาทำท่าจะลองสวมดู

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้เอง” มือหนายื่นไปคว้านาฬิกาเอากลับคืนมาและเอาไปเก็บในกล่อง

“บอกตอนนี้เลยไม่ได้รึไง?”  ดวงตาหลังแว่นของคุณหมออัลฟ่ามองจ้องเขม็งมาที่เขาด้วยสายตาที่อ่านได้ชัดว่าขี้คร้านจะบอก “มันทำงานยังไงรึ?”

คาเล็มถอนหายใจในความช่างซักช่างถามของเออร์แฟน  นี่เป็นเพราะความอยากรู้ตามนิสัยวิชาชีพหรืออย่างไรไม่ทราบถึงต้องการรู้ให้ได้ไปหมดทุกเรื่อง

สุดท้ายก็ยอมบอกแต่โดยดีว่าเรือนที่ใช้อยู่ที่นี่เป็นรุ่นเก่า ของที่จะใช้ในวันพรุ่งนี้เป็นรุ่นล่าสุดที่ปรับปรุงใหม่แล้ว การทำงานยังคงระบบดั้งเดิมไว้เพียงแต่เพิ่มฟังก์ชั่นให้แจ้งเตือนได้เมื่อถึงเวลาที่ต้องกินยาเพื่อการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และหากร่างกายยังไม่ได้รับยาภายในห้านาที นาฬิกาจะทำการยิงเข็มฉีดยาเข้าเส้นเลือดให้ทันที และแน่นอนว่าผู้สวมจะไม่สามารถถอดเองได้เพราะควบคุมด้วยรหัสคำสั่งเฉพาะ

“ให้ใส่ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ถอดแบบนั้น แล้วมันจะไม่พังเอาง่ายๆ รึไงนั่น?”

“ทนทายาด กันน้ำกันกระแทกไม่มีการสึกหรอแม้แต่รอยขีดข่วน วิธีเดียวที่จะเอาออกได้มีแต่ต้องตัดข้อมือทิ้งเท่านัันแหละ” 

“ไม่โหดเกินไปหน่อยรึนั่นน่ะ” อัยการหนุ่มยกมือกอดอก ก่อนจะโดนสวนกลับว่านี่ยังไม่ได้สักครึ่งหนึ่งของวิธีการที่เขาและลูกน้องเคยใช้เพื่อให้ตนชนะในการว่าความหรอก

“คนที่คิดพัฒนาเจ้าเครื่องนี่ไม่ใช่ฉันสักหน่อย” พอหันไปจะหยิบของว่างมาทานก็โดนอีกฝ่ายยึดไป มาไม้นี้คงต้องการให้เขาคายชื่อเจ้าของไอเดียออกมาอีกนั่นแหละว่าอีกฝ่ายคือใคร

“ไม่คิดจะแนะนำพ่อคนรสนิยมแย่พอๆกับนายให้ฉันรู้จักหน่อยรึ?” คุณหมอจ้องคนที่พูดโดยไม่วายแอบจิกกัดเขาเล็กๆน้อยๆ มันน่าเล่าให้ฟังมั้ยนี่...

“ก็แค่เพื่อนเก่าในศูนย์วิจัยที่ออกไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้จักหรอก” บอกปัดเพราะไม่มีความจำเป็น อีกทั้งยังไม่อยากจะนึกถึงอีกฝ่ายแม้ว่าจะเป็นคนต้นคิดอุปกรณ์พวกนี้ก็ตาม

“นายนี่มนุษย์สัมพันธ์แย่จริง เค้าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่แท้ๆ” ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าว่าเออร์แฟนจงใจเน้นเสียงคำว่าแก่เป็นพิเศษ “ลองบอกชื่อมาสิ เผื่อว่าฉันอาจจะรู้อะไรๆมากกว่าที่นายคิดก็ได้”

“นายหมายความว่าไง?”

“ช่วงวันสองวันมานี้ลูกน้องที่ฉันสั่งให้จับตาดูพวกพี่ๆของนาย ดูเหมือนจะได้เรื่องได้ราวอะไรมาบ้างแล้วล่ะ”

“พวกนัันคิดจะทำอะไรอีก!?” คาเล็มลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ อัยการหนุ่มยื่นมือข้างที่ไม่ได้ถือจานอาหารว่างไปแตะบ่าให้คุณหมออัลฟ่าหัวร้อนใจเย็นๆแล้วนั่งลง

“ไม่รู้ว่าจะได้ทำรึเปล่านะ ได้ยินว่าประธานรอสเกรย์จู่ๆก็ล้มป่วยจนต้องให้แพทย์และพยาบาลมาเฝ้าดูอาการในบ้านอย่างใกล้ชิด ดีไม่ดีคงได้วางมือเร็วๆ นี้แล้วให้คนอื่นกุมบังเหียนบริษัทแทนแล้วล่ะ”

นี่จะนับว่าเป็นข่าวดีได้รึเปล่านะ…ที่อุปสรรคชิ้นใหญ่ในชีวิตที่คอยคุกคามเขามาตลอดกำลังจะหายไป

“ได้ยินว่าแพทย์คนนั้นเคยทำงานที่ศูนย์วิจัยเกี่ยวกับยาต้านอาการฮีทในโอเมก้ามาก่อน จู่ๆมาเป็นหมอส่วนตัวให้พี่ชายของนายก็เลยรู้สึกตงิดๆน่ะ”

“...หมอนั่นคงไม่ได้ชื่ออาเซล ฟลอยด์หรอกใช่ไหม?”

“บิงโก ชื่อเดียวกันเป๊ะ” เออร์แฟนวางจานของว่างลงที่เดิมก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งที่หน้าโต๊ะทำงานของคาเล็ม “เวลามีไม่มาก เล่ามาให้หมดเปลือกซะ” 

“ทำไมไม่สืบเองอย่างทุกที”

“ไอ้สืบน่ะฉันสืบแน่ เริ่มจากเค้นเรื่องราวของเจ้านั่นจากนายก่อนเนี่ยแหละ”

เรนเดลเดินหลบฉากเพื่อไปจัดการงานบ้านทั้งที่ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำแล้วปล่อยให้ทั้งคู่ได้สนทนาเรื่องสำคัญกันต่อ

“ถึงจะบอกว่าเพื่อนเก่า แต่ฉันกับหมอนั่นก็ไม่ได้สนิทสนมกันมากนักหรอก ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็แทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเท่าไหร่นัก”

“ไม่ถูกกันรึ?”

“ก็ไม่เชิง แต่หมอนั่นก็ค่อนข้างทำตัวเป็นกลางนะ ไม่ได้เข้าข้างโอเมก้าแต่ก็ไมได้คิดว่าอัลฟ่าเป็นพวกมีอภิสิทธิ์ชนเหนือใคร”

“อ่าฮะ...งั้นแสดงว่าคงเป็นเบต้าล่ะสิ”

“อืม เคยได้ยินว่ามีบรรพบุรุษเป็นอัลฟ่า แต่ว่าทั้งตระกูลไม่ได้ยึดติดธรรมเนียมอะไรเลยแต่งงานกับเบต้ามาตลอด และในครอบครัวเองก็ไม่เคยมีใครเกิดมาเป็นอัลฟ่าเลยด้วย”

“แล้วที่ว่าฝ่ายนั้นลาออกไปนี่เพราะมีความเห็นไม่ลงรอยกันรึไง?”

“ปัญหาก็คือเรื่องทัศนคติในที่ทำงาน คนที่ศูนย์วิจัยส่วนใหญ่รวมทั้งฉันอยู่ฝ่ายพวกที่สนับสนุนการปกป้องสิทธิของโอเมก้า พอหมอนั่นมีความเห็นต่างขึ้นมาก็เลยมีคนที่ไม่ชอบเท่าไหร่”

“รวมทั้งนายด้วย?”

“ฉันแสดงออกชัดไม่พอรึไงว่าอยู่ข้างโอเมก้าน่ะ”

“โอเค สรุปว่าก็ไม่ค่อยถูกกันอยู่ดีสินะ แล้วที่ว่าออกจากศูนย์วิจัยน่ะตั้งแต่เมื่อไหร่”

“นานมากแล้ว ก็ตั้งแต่ที่ข่าวเรื่องยาต้านอาการฮีทเริ่มส่งผลเสียระยะยาวให้ผู้ใช้ยาจนโดนฟ้องร้องทั้งคณะ หลายคนก็เลยทยอยถอนตัวออกจากงานวิจัยรวมถึงอาเซลด้วย”

เมื่อฟังเรื่องราวมาจนถึงตรงนี้อัยการหนุ่มชักเริ่มรู้สึกสะกิดใจบางอย่าง

“นายเคยนึกสงสัยบ้างมั้ยว่าตัวเองอาจจะโดนกลั่นแกล้งโดยเพื่อนร่วมงานเพราะความอิจฉา”

“...นายสงสัยหมอนั่น?” คาเล็มขมวดคิ้วจ้องเออร์แฟนตาเขม็ง

“ก็นิดหน่อย ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยนี่นา ผลงานทุ่มทุนสร้างที่ประสบความสำเร็จแต่มีแค่ชื่อของนายที่ได้รับการยอมรับอย่างออกหน้าออกตา แถมพอเกิดเรื่องเสียหายขึ้นมายังเก็บข้าวของฉวยโอกาสหนีไปอีกต่างหาก”

“นั่นมันเป็นเพราะความผิดพลาดของฉันเองต่างหากล่ะ”

“จะคิดแบบนั้นก็แล้วแต่นาย แต่หลังจากการทดสอบวันพรุ่งนี้ฉันจะให้คนไปสืบเรื่องของหมอนั่นอีกที หวังว่าคงไม่ขัดข้องนะ”

“ต่อให้ฉันขอให้นายไม่ไปยุ่งเรื่องหมอนั่น ยังไงๆนายก็คงจะทำอยู่ดีไม่ใช่เหรอ”

“ก็รู้ดีนี่นา”

“...เออๆ แต่อย่าต้อนให้อีกฝ่ายจนมุมมากจนเกินไปแล้วกัน ถ้าทำได้ฉันก็ไม่อยากสร้างศัตรูเพิ่มนักหรอก”

“ขอบใจที่ให้ข้อมูลดีๆนะ” เออร์แฟนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มองดูแล้วอดคิดไม่ได้ว่าในหัวนั้นกำลังวางแผนอะไรที่คาดเดาไม่ได้อยู่หรือเปล่า แต่คุณหมออัลฟ่าก็ไม่อยากจะถามออกไปเท่าไหร่นัก

“เฮ่อ…” คาเล็มถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะหยิบอาหารว่างที่เริ่มเย็นชืดขึ้นมาทาน ในใจยังคงหวังให้เรื่องของเพื่อนเก่าที่อัยการเจ้าเล่ห์ระแวงเป็นเพียงแค่สิ่งที่อีกฝ่ายคิดกังวลจนเกินเหตุไปเท่านั้น




(ยังมีต่อ)

ปล. สำหรับเนื้อหาตอนนี้จะค่อยๆทยอยเอามาลงนะคะ ผู้เขียนทั้งสองงานเข้าทั้งคู่เลยยังเขียนไม่จบตอนดี ต้องขอโทษที่ให้รอนานจริงๆค่ะ  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ติดตามจ้า :katai2-1:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดูท่าเพื่อนร่วมงานเบต้าของคาเล็มหักหลังนะ
ลาซารัส มีโอกาสจะตั้งท้องแฝดใช่มั้ย
คาเล็ม ริชาร์ด ต่างก็ให้ความรัก เอ็นดูลาซารัสดีมาก
อยากเห็นเพื่อนซี้ มีคูรักคนเดียวกัน
พี่คาเล็ม วางแผนไรอีก แกล้งป่วย
ทำเป็นวางมือหรือเปล่า ให้คาเล็มตายใจสินะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ phasau

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เดาเรื่องไม่ถูกเลย รอมาต่อนะคะ :)

ออฟไลน์ AmPnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เราเลือกไม่ถูกอ่ะ ขอ3pนะคะจะได้ไม่มีใครเจ็บปวด รวมถึงเราด้วย :monkeysad: :call: :call:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura
(ต่อ)

ด้วยความที่ยิ่งอยู่เฉยก็กลัวตัวเองจะคิดฟุ้งซ่านไม่หยุด ลาซารัสเลยลงมาหาอะไรทำที่ห้องครัว ตอนแรกก็คิดจะขับรถพาตัวเองไปยังสนามยิงปืนก่อนถึงวันที่นัดกับริชาร์ดว่าจะไปด้วยกัน แต่การออกไปข้างนอกเขาต้องกินยาและฉีดน้ำหอมซึ่งตอนนี้ต้องงดใช้ของเหล่านั้นไปจนกว่าจะพ้นวันพรุ่งนี้

“ทำเค้กดีมั้ยนะ…?” ขนมง่ายๆก็พอจะทำเป็นแล้ว แต่ของที่ต้องใช้เวลาทำและฝีมืออย่างเค้กนี่ไม่รู้จะเกินตัวไปรึเปล่า แต่ขืนทำขนมแบบง่ายๆ ใช้เวลาแป๊บเดียวก็คงเสร็จแล้ว ตอนนี้เขาอยากจะจดจ่ออยู่กับอะไรสักอย่างนานๆด้วย “หรือลองทำอาหารดูบ้างดีกว่า”

...จะฝึกสกิลไปเป็นแม่บ้านรึไงลาซัส

“อ้าว คุณแมทเวย์ มาอยู่ที่นี่เอง” เจสสิก้าเอ่ยทักคนที่ยืนลังเลอยู๋ในครัว “หิวหรือคะ?”

“เปล่าครับ ผมแค่..มาหาอะไรทำน่ะครับ”

“ดิฉันแนะนำให้หาอะไรทานก่อนก็ดีนะคะ การจะทำอาหารหรือขนมก็ใช้แรงมิใช่น้อย”

“ค..ครับ” โดนแม่บ้านขู่ปนดุไปเล็กน้อยลาซารัสจึงเดินตามเจสสิก้าไปแต่โดยดี

“ถ้าคุณแมทเวย์อยากหาอะไรทำให้สงบจิตสงบใจ ดิฉันแนะนำให้ลองเล่นรอยัลไอซิ่งมั้ยเจ้าคะ” เจสสิก้าพาลาซารัสมานั่งที่โต๊ะเล็กๆในห้องพักอาหารเพื่อหาของว่างให้กิน “มันอาจจะดูไม่ยุ่งยาก เน้นความคิดสร้างสรร แถมต่อให้ทำออกมาไม่ดียังไงก็ไม่มีทางรสชาติแย่หรอกค่ะ”

“อ๋อ..ที่เอาไว้แต่งหน้าเค้ก...รึเปล่าครับ?” ชายหนุ่มเอียงคอ เคยได้ยินชื่อมาบ้าง แต่ที่จำได้ก็มีแต่พวกของตกแต่งบนเค้กเท่านั้นเอง “ต...แต่ก็ต้องทำเค้กก่อนสินะ”

“เราจะวาดบนคุ้กกี้ต่างหากล่ะ อย่างน้อยคุณแมทเวย์ก็อบคุ้กกี้เป็นแล้วใช่มั้ยคะ?” เจสสิก้ายิ้มอบอุ่นให้ราวกับเป็นคุณแม่ก็ไม่ปาน ความจริง หากเขายังอยู่กับครอบครัว แม่แท้ๆของลาซารัสก็คงอายุราวๆนี้

“ครับ”

“ดีเลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะบอกให้เด็กๆเตรียมอุปกรณ์ให้นะคะ” หญิงสูงวัยวางถาดปอเปี๊ยะกุ้งชีสลงตรงหน้าลาซารัสก่อนจะเดินออกไปอีกทางเพื่อไปตามเหล่าสาวใช้ให้มาช่วยเขา “หากว่ากำลังเศร้าหรือวิตกกังวล ดิฉันแนะนำให้อยู่กับคนอื่นจะดีกว่านะคะ แม้จะไม่ได้พูดปัญหาในใจออกไปอย่างน้อยเราก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวนะ”

“...ขอบคุณมากครับ” ไม่รู้ว่าเจสสิก้ารู้อะไรมากแค่ไหน แต่ท่าทางเธอก็เป็นห่วงเขาอยู่ ระหว่างรอลาซารัสจึงเปิดวิดีโอการทำรอยัลไอซิ่งคุ้กกี้ดูไปพลางขณะกินปอเปี๊ยะ ..อืม ก็น่าสนุกดีนะ...

“คุณแมทเวย์อยากทำคุ้กกี้ทรงไหนดีคะ” เสียงใสเจื้อยแจ้วของสาวใช้สองสามคนที่เขายังจำชื่อไม่ได้ดังทักมาจากประตู ต่างคนต่างถืออุปกรณ์เตรียมมาสำหรับละเลงครัวให้เละเทะกันทั้งนั้น

“เอ๊ะ? เอ่อ...ยังไม่ได้คิดเลยครับ”

“จะทำไปให้ใครรึเปล่าคะ” สามสาวเริ่มเอ่ยแซวแทบจะทันทีที่เห็นว่าลาซารัสดูไม่มีพิษภัย จนชายหนุ่มคนเดียว ณ ที่นี้ตัวลีบเล็กลงแทบจะหายไปกับโต๊ะ “ดิฉันคิดว่ารูปหัวใจก็ดีนะคะ ใช้ได้หลายโอกาสเลยล่ะค่ะ”

“ห...หัวใจ” รู้สึกเหมือนกำลังจะได้ทำอะไรที่โคตรไม่ใช่สิ่งที่หนุ่มๆเขาทำกันยังไงยังงั้นเลยล่ะ…

“คุณแมทเวย์ทานให้อิ่มก่อนนะคะ เดี๋ยวพวกเราไปเตรียมวัตถุดิบให้”

“ม..ไม่เป็นไรครับ ผมอิ่มพอดี” จะให้สาวๆเตรียมให้ก็ไม่ค่อยจะแมนเสียเท่าไหร่ ลาซารัสเดินตามร่างอรชรที่จ้ำเท้าได้เร็วเกินคาดไป ทิ้งให้ปอเปี๊ยะอีกสองสามชิ้นบนโต๊ะตกเป็นของสก็อตและแก๊งค์ขนฟูอีกหลายตัวที่แอบตามมา… แม้จะยังสลัดเรื่องความรู้สึกผิดออกไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่านั่งซึมเศร้าไปเสียเฉยๆ

ตอนนี้มานั่งคิดก่อนดีกว่าว่าจะทำคุ้กกี้แบบไหนออกมาดีนะ...


เหตุการณ์ในตอนเช้าส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ และมันก็มาถึงตัวซีอีโอหนุ่มอีกคน หลังจากเข้ามานั่งทำงานที่บริษัทแต่เช้าเพื่อให้ลืมๆเรื่องปวดหัวลงไปบ้าง ทว่าวันนี้กลับกลายเป็นว่าริชาร์ดดันว่างงานไม่มีอะไรให้ทำมากนัก เพราะเขาเร่งมือให้ทุกอย่างเรียบร้อยไปตั้งแต่เมื่อวาน เพื่อให้ช่วงวันสองวันนี้ตนมีเวลาว่างพาลาซารัสไปจัดการเรื่องทดสอบยากับคาเล็มตามนัดในวันพรุ่งนี้

“รู้งี้ไม่น่าขยันซะก็ดี…” เพราะมันเป็นนิสัยติดตัวที่จะทำทุกอย่างให้เสร็จเพื่อให้มีเวลาว่างมากพอจะไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องกังวล ดูท่าทางเขาคงต้องหาเรื่องออกไปไหนก็ได้สักที่หนึ่ง ขืนกลับบ้านไปเจอลาซาลัสตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะโดนหลบหน้าอีกมั้ย...นั่นน่ะมันโคตรปวดใจเลยนะ

“...พักเที่ยงเร็วกว่าปกติหน่อยก็แล้วกัน” ร่างสูงมองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่เพิ่งจะสิบเอ็ดโมงและเก็บเอกสารลงกระเป๋าออกไปหาอะไรทานโดยไม่ลืมสั่งเลขาฯว่าจะกลับมาอีกทีตอนบ่าย พลันสายตาหันไปเห็นเด็กฝาแฝดชายหญิงสองคนอายุราวสี่ห้าขวบกำลังนั่งเล่นอยู่ที่โซฟาในห้องรับรองแขกที่เป็นห้องกระจกใส

“เด็กที่ไหนน่ะ?” ซีอีโอหนุ่มถามเลขาฯ และได้คำตอบว่าเป็นลูกของพนักงานชายที่พามาที่ทำงานด้วยเพราะภรรยาต้องเข้าโรงพยาบาลกะทันหันจึงไม่มีคนดูแลเด็ก แม้จะตักเตือนไปแล้วว่าไม่ควรพามาที่ทำงานด้วยแต่ทางนั้นก็บอกว่ามีความจำเป็นจริงๆ จึงขอแค่วันนี้เท่านั้นแล้วจะรีบหาพี่เลี้ยงมาดูแลชั่วคราวไม่ก็พาไปฝากไว้ที่เนอสเซอรี่

“แต่พวกเขาก็ไม่ดื้อไม่ซนหรือไปรบกวนพนักงานคนอื่นๆ เลยล่ะค่ะ ก็เลยปล่อยให้เล่นกันเงียบๆอยู่ในห้องนั้นไป” เลขาฯสาวพยายามพูดเพราะเกรงว่าเจ้านายของเธอจะไม่พอใจเอาได้ เนื่องจากจ้องมองเด็กสองคนนั้นไม่วางตามาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว

“เรียกพนักงานคนนั้นให้ไปพบฉันที่ห้องด้วย” ริชาร์ดสั่งเสียงเรียบก่อนหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน เลขาฯสาวลอบถอนหายใจก่อนเดินไปเรียกผู้ปกครองของเด็กแฝดทั้งสองให้ไปพบเจ้านายโดยเร็ว

เสียงเคาะประตูจังหวะเชื่องช้าดังขึ้นเป็นเชิงขออนุญาตก่อนริชาร์ดจะบอกให้เข้ามา ชายที่ดูอ่อนวัยกว่าเขาค่อยๆก้าวเข้ามาในห้องทำงานกว้างอย่างเก้ๆกังๆ ใบหน้าซีดเพราะกำลังจินตนาการถึงสิ่งเลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการพาเด็กทั้งสองมาที่บริษัท

“คุณคงรู้ว่าผมเรียกมาทำไม” ริชาร์ดที่ปกติจะดูเหมือนคุณลุงใจดียิ้มง่าย ตอนนี้กลับมีใบหน้าจริงจังและเรียบนิ่ง

“ครับ เรื่องลูกๆของผม” ชายหนุ่มในชุดพนักงานออฟฟิศทั่วๆไปก้มหน้าลงเล็กน้อย แม้แอร์จะเย็นชื่นใจแค่ไหนแต่เหงื่อกลับผุดขึ้นมาเต็มสองข้างขมับ

“ผมเข้าใจคุณนะครับ และเห็นใจเรื่องภรรยาคุณด้วย” เจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างบนตึกนี้เอนหลังพิงพนักเก้าอี้และถอนหายใจ “แม้เด็กๆจะไม่ดื้อหรือซน แต่หากผมไม่ตักเตือนคุณบ้าง พนักงานคนอื่นจะเอาอย่างได้ เกรงว่าจะมีคนทำตามอีกแล้วอ้างว่าเดือดร้อนน่ะครับ”

“ผมไม่ได้โกหกนะครับ!” ลูกจ้างของเขาดูตื่นตระหนกขึ้นมากกว่าเดิม “ผมขอโทษที่ทำอะไรโดยพลการครับ”

“อืม… ยังหาพี่เลี้ยงไม่ได้ใช่มั้ยครับ?”

“ครับ”

“งั้นพักงานไปหาให้เรียบร้อยเสียก่อนดีมั้ย?”

“เอ๊ะ? เอ่อ...คือ…” ใบหน้าของผู้เป็นเบี้ยล่างซีดเผือด แต่ยังไม่ทันที่เขาจะถามต่อริชาร์ดก็ส่งยิ้มกวนมาให้

“ลางานไปหาคนดูแลเด็กๆก่อนเถอะครับ เด็กๆจะเบื่อเอานะ ที่นี่ไม่มีอะไรให้เล่นนักหรอก”

“ค...ครับ?”

“ผมจะบอกฝ่ายบุคคลว่าลงเป็นทำเรื่องลากิจย้อนหลังละกัน แล้วมาทำงานล่วงเวลาหรือชดเชยวันอื่นแทนก็แล้วกันครับ” ริชาร์ดยื่นข้อเสนอที่ดูท่าทางเหมือนจะออกคำสั่งด้วยใบหน้าเป็นมิตรมากกว่า “แล้วก็ขอโทษหัวหน้าแผนกด้วยละกันนะครับ ที่ต้องหยุดไปช่วงครึ่งบ่าย”

“อ...เอ่อ..ครับ! ขอบคุณมากครับ!!” พนักงานที่ยืนตัวลีบอยู่เมื่อครู่รีบขอบคุณเป็นการใหญ่และขอตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

“เด็กๆเหรอ…”

เห็นแล้วรู้สึกอยากมีลูกชะมัด… เดี๋ยวสิ คิดอะไรอยู่เนี่ย!?

ริชาร์ดสะบัดหัวไล่ความคิดเหล่านั้นออกไปแล้วรีบจ้ำเท้าออกไปหาอะไรกินให้ท้องอิ่มเผื่อจะหลับๆไปเสียในช่วงบ่าย ช่างเป็นผู้บริหารที่ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างเสียจริง…

ในระหว่างที่กำลังเดินไปลิฟต์จู่ๆโทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้า ทีแรกริชาร์ดคิดว่าเลขาโทรกลับมาตามไปตรวจงานด่วนหรือประชุมเรื่องเอเจนซี่งี่เง่าอะไรอีก ทว่าเมื่อยกมือถือขึ้นมาดูก็ดันเป็นเบอร์คุณพ่อบ้านของเพื่อนรักซะนี่

“ว่าไง?” มือรีบกดรับสายอย่างรวดเร็ว ใจเต้นระทึกว่าจะโดนด่าเสียหมาขนาดไหน “ห้ะ? ฝากซื้อของ?”

“ยังไงบ่ายวันอังคารแบบนี้นายไม่มีประชุมอะไรอยู่แล้วนี่?” คาเล็มพูดเสียงเรียบขณะที่กำลังจัดการแยกยาใส่ซองไว้ให้เรียบร้อย สองมือยังไม่ว่างเขาจึงต้องหนีบโทรศัพท์ไว้กับคอแทน

“ได้อยู่ จะเอาอะไรล่ะ?” แม้จะสงสัยว่าทำไมคนที่น่าจะอยากซิ่งรถมาฆ่าเขาถึงออฟฟิศถึงโทรมาวานซื้อของซะอย่างนั้น?

“แหวน”

“อ่ะ...เอ่อ…” ริชาร์ดขมวดคิ้ว ยิ่งสงสัยหนักข้อเข้า มือว่างอีกข้างเอื้อมไปกดเรียกลิฟต์รอขณะที่คุยต่อไป “ให้ลาซัส?”

“ใช่” เสียงปลายสายอ่อนลงเล็กน้อยแต่ก็ตอบมาเต็มปากเต็มคำ

“...ได้สิ...แต่ไม่มาเลือกเองจะดีเหรอ”

“เลือกไว้แล้วต่างหาก” คาเล็มแอบยิ้มเล็กน้อยแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเห็น “เดี๋ยวส่งรูปไปให้ ร้านที่จะไปซื้อนั่น นายก็คงจะรู้เอง”

คาเล็มตอบมาแค่นั้นแล้วก็วางสายกันไป ริชาร์ดได้เพียงมองโทรศัพท์ของตัวเองอย่างฉงนงุนงง ไม่กี่วินาทีต่อมาเสียงข้อความก็ดังพร้อมกับลิฟต์ที่มาถึงพอดิบพอดี เมื่อริชาร์ดเปิดดูตอนที่ก้าวเข้าไปในลิฟต์เขาก็เผลอช็อคจนลืมกดปิดลิฟต์ให้เปลืองค่าไฟเล่นเพิ่มอีกนิด

“เอางี้เหรอฟะ?” แม้ว่าตัวรูปลักษณ์ของแหวนในภาพที่ส่งมาและมูลค่าของมันจะไม่ได้สูงเลอค่า แต่ก็ถือว่าน้ำงามมีราคาพอตัว พอกดดูชื่อร้านจิวเวลรี่และเซิร์จเปิดแผนที่เช็คที่ตั้งของร้านก็พอจะไปเองถูกอยู่เหมือนกัน

เดี๋ยวแวะไปซื้อก่อนค่อยออกไปหาอะไรกินแถวนั้นทีหลังก็แล้วกัน


ทางด้านคาเล็มที่คุยธุระเสร็จก็คืนมือถือให้เรนเดลตามเดิม กะว่าหลังจากนี้คงต้องหาเบอร์ใหม่มาใช้แทนซิมเก่า เพราะคงไม่สะดวกนักหากจะยืมของคนอื่นมาใช้บ่อยๆ

“กระผมอบขนมปังพิซซ่าไว้ใกล้จะได้ที่แล้ว เสร็จงานแล้วรีบลงมาทานนะครับ” พ่อบ้านสูงวัยกล่าวก่อนขอตัวไปจัดเตรียมมื้อเที่ยงต่อ

“จะไม่ว่าอะไรฉันหน่อยเหรอเรนเดล?”

“อยากจะทำอะไรก็ทำเถอะครับ กระผมไม่ขัดข้องหรอก” แม้จะพูดแบบเอาใจเจ้านาย แต่คุณหมอก็แอบจับสังเกตจากน้ำเสียงคนที่อยู่ด้วยกันมานานได้ดี

“...ถ้าทำได้ ฉันก็อยากให้อะไรๆ มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ”

...แม้รู้แก่ใจดีว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

“ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดครับนายน้อย ไม่ว่าผู้คน สถานที่ จิตใจ หรือความสัมพันธ์ อาจจะดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ก็แย่ลงกว่าเก่าก็ได้ทั้งนั้น” พ่อบ้านที่แม้จะเก็บตัวไม่ต่างจากผู้เป็นนายแต่ก็ป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมาก่อนอยู่ดี “สิ่งไหนสำคัญก็รักษาไว้ดีๆเถอะครับ แต่ว่าต่อให้เก็บใส่กล่องทะนุถนอมไว้ ถ้าข้างในมันพังแล้วสักวันก็คงต้องเอาไปทิ้งอยู่ดี”


“รอบนิ้วเท่าไหร่คะ?”

“ครับ?” ริชาร์ดกะพริบตาปริบเมื่อเจอคำถามของพนักงานหญิงร้านจิวเวลรี่หลังจากส่งแบบแหวนในรูปให้ดู

“ขนาดนิ้วเจ้าของแหวนน่ะค่ะ เท่าไหร่คะ?”

“เอ่อ…” เขาดันลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปสนิท ระหว่างขับรถมาก็ดันมัวแต่คิดเรื่องอื่นเลยไม่ได้เอะใจว่าขาดข้อมูลสำคัญไป “...สักครู่นะครับ”

พนักงานหญิงยิ้มให้ตามมารยาทก่อนหันไปดูแลลูกค้ารายอื่นระหว่างรอให้ซีอีโอหนุ่มยืนนึกเรื่องสำคัญที่สุด ไอ้คุณเพื่อนรักก็ส่งมาให้แต่รูป ไม่ได้บอกขนาดนิ้วของเจ้าตัวมาด้วย

ส่วนเขาน่ะ...ก็ไม่รู้เหมือนกัน!

ริชาร์ดคิดว่าคาเล็มเองก็คงไม่รู้เช่นกัน เขาเลยรีบกดเบอร์โทรเข้าบ้านแล้วไหว้วานให้เจสสิก้าช่วยหาทางวัดขนาดนิ้วของลาซารัสให้ที เพราะขืนเขาถามเจ้าตัวตรงๆ ก็คงไม่ยอมบอกแน่ ต่อให้บอกความจริงไปว่าคาเล็มฝากเขามาซื้อแหวนก็คงไม่เชื่อเขาอยู่ดี

แหงสิ...ตอนนี้เขาทำคะแนนติดลบฮวบฮาบสุดๆเลย ความไว้วางใจแทบจะไม่มีเหลือแล้วมั้ง…

ระหว่างที่ริชาร์ดยืนรอให้คุณแม่บ้านติดต่อมา พนักงานจิวเวลลี่ก็เข้ามาแนะนำให้ดูเครื่องประดับอย่างอื่นในร้านไปด้วย เผื่อจะได้อะไรติดไม่ติดมือกลับไปเพิ่ม

ดูท่าทางจะมีสายตาแหลมไม่เบาถึงได้มั่นใจว่าเจอลูกค้ากระเป๋าหนัก

ขอโทษนะครับ แต่ตอนนี้มาซื้อของให้เพื่อนเพื่อให้มันเอาไปเปย์คนอื่นน่ะ...คิดแล้วก็อยากร้องไห้นิดๆเหมือนกัน เฮ่อ...



“คุณแมทเวย์คะ ปกติใส่แหวนไซส์ไหนเหรอคะ?”

“ห้ะ? ครับ?” ลาซารัสที่กำลังใจจดจ่อกับการวาดลายเบี้ยวๆบนไอซ์ซิงที่ยังไม่แห้งดีก็พลันหยุดมือหันขึ้นมามองสาวใช้ที่ทำหน้าลำบากใจข้างๆ “ทำไมเหรอครับ?”

“คือว่า ใกล้จะถึงวันเกิดแฟนดิฉันแล้วค่ะ เลยคิดว่าจะซื้อแหวนให้ แต่ไม่รู้ว่าจะรู้รอบนิ้วเค้าได้ยังไง” เด็กสาวทำหน้าลำบากใจพลางมองมือถือในมือ “แต่พอเห็นคุณแมทเวย์ตอนทำอาหารก็รู้สึกว่าขนาดตัวขนาดมือใกล้เคียงกับแฟนดิฉันมากๆ เลยขอเสียมารยาทถามนิดนึงน่ะค่ะ”

“อ๋อ เอ่อ...ผมก็ไม่รู้หรอกครับ” ลาซารัสกระพริบตาปริบ

“เอ..เคยอ่านมาว่าเอาเชือกวัดรอบนิ้วแล้วเทียบกับไม้บรรทัดก็ได้นะ” สาวใช้อีกคนเสนอขณะที่กำลังเอาคุ้กกี้ถาดหนึ่งมาวางบนโต๊ะ

สุดท้ายลาซารัสก็โดนวัดขนาดนิ้วไปเสียทุกนิ้วบนมือ เจ้าตัวรู้สึกเหมือนกลายเป็นของเล่นสาวๆไปชั่วขณะ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มยินดีของคนที่กำลังตกที่นั่งลำบากแล้วเขาก็รู้สึกดีขึ้นมา

“ขอบคุณมากค่ะคุณแมทเวย์”

“ไม่เป็นไรครับ คุณเจนก็ช่วยผมตั้งหลายอย่าง”

“จำชื่อพวกเราได้แล้วเหรอคะ?”

“เอ๋? ก็อยู่ช่วยมาทั้งวันก็ต้องจำได้สิครับ!”

สามสาวหัวเราะสนุกสนานที่ได้หยอกล้อเด็กหนุ่ม เจนเปิดมือถือของตัวเองขึ้นมาก่อนจะส่งข้อความไปหาหัวหน้าของตัวเอง…
เจสสิก้าที่กำลังจดบันทึกรายจ่ายที่ซื้อของต่างๆ เข้ามาในบ้านก็หยิบมือถือขึ้นมามองก่อนคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ

“ขอบใจนะเจน” เธอพึมพำ เห็นตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้าลาซารัสแล้วว่าไม่มีทางที่จะตามมารยาหญิงที่ถูกฝึกมาอย่างดีของเหล่าสาวใช้ในคฤหาสน์เบอร์ตั้นทันอย่างแน่นอน จึงได้วานทั้งสามคนให้หาวิธีเอาขนาดนิ้วของเด็กหนุ่มมาให้เธอให้ได้ “ค่ะ คุณผู้ชาย ได้ขนาดนิ้วของคุณแมทเวย์มาแล้วนะคะ”

เมื่อเป้าหมายบรรลุเธอก็โทรไปรายงานผลให้เจ้าของคำขอฟังทันที

“อา..ขอบใจมากนะเจสสิก้า” ริชร์ดถอนหายใจ รู้สึกเหมือนมีแม่ที่ไม่ว่าจะหาอะไรไม่เจอหาไม่ได้ก็ขอแค่บอกเท่านั้น คุณแม่ก็จะสามารถเดินไปหยิบมาให้ได้ทั้งหมด “เอ่อ...แล้ว.. ลาซัสเป็นยังไงบ้าง?”

“กำลังโดนสาวๆ รุมแกล้งอยู่กระมัง” เสียงอ่อนนุ่มแอบหัวเราะ เท่าที่เห็นครั้งสุดท้ายก็ดูเหมือนว่าจะยังคงทำตัวไม่ถูกอยู่ดี

“อ่าฮะ ฝากดูแลด้วยนะครับ” ริชาร์ดทิ้งท้ายก่อนวางสายไป และเอาขนาดนิ้วที่ได้ไปปรึกษาช่างที่กำลังเตรียมเครื่องมือสำหรับขัดแหวนไว้รอ เมื่อตกลงเรื่องขนาดกับแบบได้ลงตัวก็นั่งรอ อีกครู่เดียวเขาก็จะได้ออกไปหาข้าวกิน… นั่นสิ ลืมเลยว่าจะออกมาหาอะไรกิน….


ยามบ่ายแสนเงียบเหงาในวันทำงานดังเช่นเดิมทำเอาโคลวิสแทบจะหลับคาเคาท์เตอร์อยู่หลายรอบ ช่วงเช้ากระทั่งถึงตอนเที่ยงคนก็แน่นและคิวยาวเหยียด แต่พอตกบ่ายเหมือนทุกคนพร้อมใจกันก้มหน้าก้มตาทำงาน ทำให้ร้านกาแฟค่อนข้างโล่ง มีคนมานั่งคุยงานบ้างก็เพียงประปราย ร้านกาแฟในตึกสำนักงานก็ไม่ค่อยมีขาจรแบบนี้ล่ะนะ..

“แกเห็นตัวอย่างหนังใหม่ยังวะ” เพื่อนพนักงานที่กำลังเล่นมือถืออย่างเมามันยื่นหน้าจอมาให้โคลวิสดูเผื่อจะแก้ง่วงได้บ้าง

“เรื่องอะไร?” หนุ่มหัวสีรับมือถือมาพร้อมกับถาม “อ้อ..เรื่องนี้.. อ้าว ตัวอย่างใหม่เรอะ”

“คุณคนขายจะขายกาแฟมั้ยครับ?”

เสียงเรียกคุ้นหูของลูกค้าที่โผล่มาไม่ทันตั้งตัวทำเอาโคลวิสและเพื่อนนเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ พบว่าเจ้าของตึกนี้กำลังยืนมองเมนูที่ด้านหลังเคาท์เตอร์เหมือนกำลังตัดสินใจว่าจะกินอะไรดี สองหนุ่มเด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้แทบจะทันที เกรงว่าถ้าช้าอีกสักเสี้ยววินาที ริชาร์ดคงพิจารณาสั่งยุบร้านเป็นแน่แท้

“อ..เอาเหมือนเดิม?” โคลวิสโดนเพื่อนผลักไสออกมารับหน้า ส่วนเจ้าคนแอบอู้ก่อนก็หลบไปเก็บมือถือและหูฟังอยู่ด้านหลังเขาอีกที

“อืม...วันนี้ขอเปลี่ยนแนวดูบ้างดีกว่า” ริชาร์ดหรี่ตาลงเหมือนคิดไม่ตก “เอามัคคิอาโต้ละกัน”

“หวานนิดนึงนะครับ” โคลวิสเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและเตือนถึงรสชาติที่อาจไม่ถูกปากคนสั่ง

“ลองดูไง” แต่เหมือนริชาร์ดจะอยากลองของ เขาจึงได้แค่พยักหน้าและไล่เพื่อนไปทำตามออเดอร์มา ส่วนเขาก็กดเครื่องคิดเงินและจัดการรับและทอนเงินให้เรียบร้อย “พรุ่งนี้ห้องประชุมนั่นจะว่างมั้ย?”

“หือ?” โคลวิสมองตามนิ้วของริชาร์ดไป ภายในร้านกาแฟจะมีกระจกฝ้ากั้นไว้สองสามห้องเผื่อให้ลูกค้าบางกลุ่มมาใช้ร้านกาแฟนั่งประชุมเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ปกติจะเต็มตลอดต้องจองล่วงหน้าสักวันสองวันไม่อย่างนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ได้ใช้ “น่าจะว่างห้องนึงนะ ทำไมเหรอครับ?”

“เดี๋ยวจะขอใช้สักห้อง จองไว้เลยแล้วกัน” ริชาร์ดรับแก้วกาแฟที่แยกชั้นนมและกาแฟออกจนเป็นสองสีสวยงามมา “ดูดีนี่.. พรุ่งนี้เพื่อนฉันจะมาหาลาซัสน่ะ เลยอยากให้บรรยากาศมันสบายๆหน่อย”

“เพื่อน...อ้อ…” ร่างเล็กรู้ทันทีว่าริชาร์ดพูดถึงใคร ทีแรกก็คงจะเดาไม่ออกแต่เมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายก็เดาได้แทบจะทันที “ไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไร แต่ก็พยายามอย่าฆ่ากันซะล่ะครับ”

“ข..ขอบใจที่เตือน” ริชาร์ดยกแก้วขึ้นชิมของใหม่ที่ได้ลองกิน ปกติจะสั่งแค่เอสเปรสโซ่เท่านั้น แต่ช่วงนี้เหมือนเครียดหลายเรื่องเหลือเกิน สมองต้องการน้ำตาลบ้าง สีหน้าพอใจปิดไม่อยู่ของคนตรงไปตรงมาปรากฎขึ้นมาก่อนที่เขาจะหันหลังเดินออกจากร้าน โคลวิสแอบมองตามกระทั่งร่างสูงใหญ่ลับสายตาไป เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่และนั่งลงตามเดิม

“พรุ่งนี้คุณริชาร์ดจะมาอยู่ใกล้ๆนี่ทั้งวันเลยนะ”

“หุบปาก!” หมัดชกใส่เพื่อนเบต้าของตัวเองทีเล่นทีจริงกับคำหยอกล้อ “อัล...แกเลิกล้อแบบนั้นสักทีเหอะ”

“แกก็อย่าทำตัวน่าแหย่สิวะ” จบประโยคก็เหมือนคนเพิ่งเตือนอย่าให้เกิดการฆ่าแกงกันก็กำลังลงมือประทุษร้ายคุณเพื่อนร่วมอาชีพอย่างจริงจัง แต่ก็เป็นเพียงการกลั่นแกล้งกันระหว่างเพื่อนอย่างเงียบๆที่ด้านหลังเคาท์เตอร์เท่านั้น “เอ..แต่พรุ่งนี้จะได้เห็นหน้าโอเมก้าของคุณริชาร์ดแล้วนี่นา”

“เคยเห็นแล้วน่า”

“อ้าว เมื่อไหร่วะ?”

“เคยเจอกันที่งานเลี้ยงที่ฉันไปรับร้องเพลงในงานน่ะ”

“งี้นี่เอง ไงๆ เป็นคนยังไงบ้าง?”

“ขี้เสือกจังนะแก.. ไม่ได้เลวร้ายอะไร ออกจะซื่อๆ” โคลวิสนึกย้อนกลับไปถึงโอเมก้าคนอื่นๆที่เคยมาติดพันริชาร์ดอยู่บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ที่เข้ามาหาก่อนล้วนมาเพื่อหวังเกาะเอาตัวรอดจากการโดนอัลฟ่าคนอื่นกดขี่ทั้งนั้น แต่ก็มีบ้างที่หวังแต่เงินทองของชายคนนั้น แน่นอนว่าแม้ริชาร์ดจะทำตัวราวกับไม่ใช่คนที่อยู่บนยอดพีระมิดอย่างอัลฟ่าแต่เขาก็ดูออกและสลัดหลุดมาได้ทั้งนั้น.. ส่วนโอเมก้าที่มีปัญหาเรื่องโดนกดขี่มานั้น...ตอนนี้หายไปไหนเขาก็ไม่อาจจะรู้ได้…. “น่าจะยังไม่เจนโลก”

“โอว...หายากจังนะ” คุณเพื่อนผิวปาก “ไปตกมาได้จากหลืบไหนล่ะนั่น หรือจะเป็นคุณหนูโอเมก้าจากตระกูลไหนสักคน?”

“ไม่รู้” โคลวิสตอบเพื่อนเหมือนจงใจกวน “ฉันเพิ่งเจอเขาแค่ครั้งสองครั้ง ไม่รู้เรื่องส่วนตัวของทางนั้นหรอก แต่ถ้าให้เดาก็ไม่น่าจะเป็นโอเมก้าลูกผู้ดีที่ไหน”

“ทำไมถึงรู้?”

“คุณริชาร์ดไม่ชอบการผูกมัดเพื่อผลประโยชน์นี่” แม้จะเป็นนักธุรกิจชั้นนำแต่กลับมีแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่เจ้าตัวไม่เอาด้วย หลายปากเสียงที่ได้ยินมาจากบรรดาพนักงานในตึกที่มานั่งดื่มกาแฟที่ร้านล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคนระดับนั้นจะหาโอเมก้ามาเลี้ยงดูสักกี่คนก็ได้ แถมดูท่าทางจะเลี้ยงดีไม่ปล่อยให้เป็นแค่ของประดับบารมีเหมือนอัลฟ่าเห็นแก่ตัวแบบคนอื่นๆ

“งั้นก็คงบังเอิญไปเจอกันเข้าล่ะมั้ง แต่ยังไงเขาก็เป็นคนโชคดีที่มีคนอย่างคุณริชาร์ดดูแลนั่นแหละน้า…นี่ล่ะมั้งหนูตกถังข้าวสาร” อัลพูดไปเรื่อยแต่พอเห็นสีหน้าของเพื่อนหมองลงก็รู้ตัวว่าเผลอพูดมากเกินเลยรีบตบปากตัวเอง

“อย่างน้อยเขาก็เป็นที่ต้องการล่ะนะ…” โคลวิสยกมือแตะที่หลังคอของตน ผมที่ยาวมาถึงท้ายทอยปิดข้างหลังจนมิดและสีผมโดดเด่นที่เขาย้อมทำให้แทบไม่มีใครสังเกตเห็นรอยกัด และก็ไม่ได้ใส่ปลอกคอสำหรับโอเมก้าปิดรอยมันไว้ด้วย เขาไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าตนเป็นโอเมก้าที่มีเจ้าของ เพราะว่าตอนนี้ตัวเขาไม่มีคนที่ว่านั้นอยู่อีกแล้ว

อัลฟ่าดีๆ ที่รักเดียวใจเดียวกับคู่ของตัวเองตลอดชีวิตก็ใช่ว่าจะไม่มี เพียงแต่อัลฟ่าดีๆที่ว่าก็หาได้ยากพอๆกัน บางคู่รักใคร่อยู่ด้วยกันดีๆ แถมยังตีตราโอเมก้าคู่ของตนแล้วเรียบร้อย ทว่าพอเจอคนที่ดีกว่าก็ทิ้งขว้างคนเก่าไปง่ายๆ

ถ้าโอเมก้าเป็นที่ต้องการจริง… เขาก็คงเป็นส่วนน้อยที่ไม่เป็นที่ต้องการกระมัง


ที่ลานจอดรถในอาคาร ริชาร์ดเปิดประตูรถเลกซัสสีขาวตั้งใจว่าจะกลับบ้านเลย เขาสตาร์ทเครื่องและนั่งแช่อยู่ในรถสักพัก สายตามองไปยังที่นั่งข้างคนขับที่มีถุงสี่เหลี่ยมสีเทาเล็กๆใส่กล่องแหวนที่เพื่อนรักฝากซื้อไว้ข้างใน

“เฮ่อ…” ร่างสูงเท้าแขนเอาหัวซุกกับพวงมาลัยรถ สมองเริ่มคิดอะไรไม่เข้าท่าให้เหนื่อยใจเล่นอีกตามเคย

คาเล็มจะขอลาซารัสแต่งงานเลยรึเปล่านะ? หรือว่าแค่หมั้นจองตัวไว้เฉยๆ? แต่ลาซัสก็ยังอยู่กับเขานะ... ไหนว่าจะฝากไว้ก่อนกันไม่ให้พี่ชายมายุ่งไง แบบนี้ก็เสียเรื่องหมดสิ

“คิดมากไปก็ปวดหัวริชเอ๊ย…” เขาบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะหันมาจับพวงมาลัยค่อยๆ ถอยรถออกช้าๆ ก่อนจะเหยียบเบรคจนเกือบหัวทิ่มเพราะมีรถตู้สีเงินวิ่งมาจอดขวาง

“บ้าเอ๊ย! ไม่เห็นรึไงว่าคนกำลังจะถอยรถออก” ริชาร์ดสบถหัวเสียแต่สักพักก็เริ่มรู้สึกเอะใจเพราะรถตู้คันดังกล่าวไม่มีทีท่าจะขยับเปิดทางให้เขา แถมมองประจกหลังก็เห็นพวกนั้นเปิดประตูแถมใส่โม่งคลุมหน้าลงมาด้วย

ชิบหายละไง!

ริชาร์ดรีบกดล็อคประตูรถไม่ให้พวกนั้นเปิดประตูได้ เสียงเคาะกระจกจากคนที่อยู่ด้านนอกทำให้เขาลดกระจกลงเล็กน้อยพอให้ได้ยินเสียงพูดคุยของอีกฝ่าย

“พวกนายต้องการอะไร?”

“มากับเราเสียดีๆ มิสเตอร์เบอร์ตั้น”

ซีอีโอหนุ่มมองไปรอบๆ ตัว พวกนั้นไม่มีอาวุธอยู่ในมือ แต่มากันประมาณสี่ห้าคน เป้าหมายคงไม่ใช่ทำร้ายร่างกายแล้วจี้ชิงทรัพย์แต่เป็นตัวเขา

“ถ้าปฏิเสธล่ะ?”

“งั้นคงต้องใช้กำลัง”

เหล่าผู้ไม่หวังดีออกแรงประทุษร้ายทุบรถคันงามจนกระจกรถแตก คนที่พยายามเปิดประตูผ่านกระจกที่โดนทุบกินหมัดจากเจ้าของรถเสยเข้าหน้าไปเต็มๆ ร่างสูงรีบเปิดประตูข้างที่นั่งคนขับให้กระแทกใส่หน้าคนร้ายอีกคนที่กำลังพยายามงัดเข้ามาและคว้าถุงใส่แหวนวิ่งออกไป แต่แล้วก็มีรถมอเตอร์ไซด์ BMW สองคันที่ขี่มาด้วยความเร็วขับมาวนรอบเป็นกำแพงขวางทางไม่ให้เหยื่อหนีไปไหนรอด

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับแจ้งว่ามีดังเสียงผิดปกติในบริเวณลานจอดรถจึงรีบรุดไปดู ก่อนจะพบว่ารถของซีอีโอเบอร์ตั้นถูกทุบกระจกจนเละ และก็ไม่พบร่างเจ้าของรถอยู่บริเวณนั้นเลย...


(ยังมีต่อ)


พยายามจะอัพรายสัปดาห์ แต่ก็มีหลายๆเรื่องให้จัดการจนเขียนได้ช้าและมาเลทกว่าที่ตั้งใจ ขออภัยอีกครั้งนะคะ :z3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2017 22:13:03 โดย pichi »

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
คุณริชของอิช้านนนน :katai1: :sad4:

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
มาต่อเร็วๆน้า :katai2-1:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
สนุกจังเลยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ริชชี่ตกที่นั่งลำบากแล้ว

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

ข่าวเรื่องซีอีโอริชาร์ด เบอร์ตั้นหายตัวไปถูกนำเสนอผ่านสื่อต่างๆภายในไม่กี่ชั่วโมงถัดมา โทรศัพท์ของเจ้าตัวก็ถูกตัดขาดติดต่อไม่ได้ อัยการเออร์แฟนที่รู้ข่าวนี้ตั้งแต่ก่อนที่โทรทัศน์จะประโคมข่าวเสียใหญ่โตก็กำลังติดต่อถามความคืบหน้าจากพวกลูกน้อง แต่ก็แทบจะไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมนัก ไม่รู้เลยว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของใคร แต่ถึงกับกล้าลงมือกลางวันแสกๆ แบบนี้ ถ้าไม่มั่นใจว่าแบ็คอัพหนาพอล่ะก็ไม่กล้าลงมืออุกอาจแบบนี้แน่นอน

คาเล็มเองก็รีบติดต่อไปหาลาซารัส พบว่าทางนั้นยังปลอดภัยดี เพียงแต่ตอนนี้ที่คฤหาสน์กำลังวุ่นวายเพราะคุณเจสสิก้าเป็นลมวูบไปหลังจากได้ยินข่าว ตอนนี้บริษัทซึ่งเป็นที่เกิดเหตุและที่บ้านก็มีรถตำรวจและนักข่าวมารออยู่เต็มไปหมด ไม่รู้ว่าขนกันมาจากไหน

“คุณหมอครับ แล้ววันพรุ่งนี้…” โอเมก้าหนุ่มพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น ทั้งที่พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญแท้ๆ แต่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้สิ เขาควรจะทำอย่างไรดี?...

“นายอยู่ที่นั่นแหละ เรื่องวันพรุ่งนี้ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ ทุกอย่างจะผ่านไปได้”

“แต่…”

“เชื่อฉันสิ ริชาร์ดไม่เป็นอะไรหรอก หมอนั่นเคยเจอเหตุการณ์ที่แย่กว่านี้มาแล้วยังรอดมาได้เลย นายไม่ต้องเป็นห่วงหมอนั่นนะ…” คุณหมออัลฟ่าพยายามปลอบใจ สิ่งที่เขาพูดก็ไม่ได้พูดเกินจริง เมื่อก่อนเพื่อนรักของเขาเคยประสบภัยระหว่างท่องเที่ยวบ่อยจนคิดว่าจะตายเสียหลายครั้ง แต่หมอนั่นก็ดวงแข็งรอดกลับมาได้ตลอด เพียงแต่ครั้งนี้อาจต่างออกไป...

“คุณหมอ...ช่วยคุณริชาร์ดด้วยนะครับ ได้โปรด…” มาถึงตรงนี้ลาซารัสแทบไม่อาจสะกดกลั้นความอดทนเอาไว้ได้ แต่คนอื่นๆในบ้านกำลังขวัญเสีย เขาเองก็จะทำตัวอ่อนแออีกคนตอนนี้ไม่ได้ “เมื่อเช้า...ผมพูดจาไม่ดีกับเขาเอาไว้ ผม…”

“ฉันรู้…” คาเล็มพูดเพียงแค่นั้น ไม่ได้บอกความจริงว่าเขารู้หมดทุกอย่างแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ “มีอะไรคืบหน้าแล้วฉันจะติดต่อไปนะ แค่นี้ก่อน”

คาเล็มวางสายและถอนหายใจหนัก ดวงตาหลังกรอบแว่นหันไปมองอัยการหนุ่มที่ดูจะหัวเสียไม่ต่างกัน “เรนเดล เครื่องเก่าฉันอยู่ไหน?”

“นายจะทำอะไร?” เออร์แฟนหันหน้ามาหาลูกความของตนทั้งที่มือยังถือสายคุยกับลูกน้องอยู่

“ฉันจะโทรไปคุยกับพี่ชาย…”

“อย่าหาเรื่องใส่ตัวน่ะ” เขาสบถและกดวางสาย “เรื่องนี้เป็นฝีมือพี่ชายนายหรือเปล่าก็ไม่รู้ นายอยู่เฉยๆเถอะ ถ้าคนพวกนั้นมันต้องการอะไรล่ะก็จะต้องติดต่อมาแน่”

“ฉันไม่รอ” ดวงตาคมจ้องดวงตาสีทองอย่างไม่สนใจคำเตือน “ริชาร์ดกำลังรอความช่วยเหลืออยู่”

เออร์แฟนส่ายหน้าให้กับความหัวรั้นนั้น เขาปล่อยให้หมออัลฟ่าทำตามใจแล้วนั่งลงกับโซฟา

“นี่ครับนายน้อย” เรนเดลเดินกลับมาพร้อมโทรศัพท์ของคาเล็มที่ใส่ซิมการ์ดเดิมเข้าไปแล้ว โชคดีที่แบตยังไม่หมดไปเสียก่อน
ดวงตาหลังแว่นมองเบอร์ของคนที่โทรเข้ามาแต่ไม่ได้รับสายระหว่างที่เขาปิดเครื่องไป ปลายนิ้วกดเบอร์ส่วนตัวของพี่ชาย รอสายอยู่สักพักก็มีคนรับ แต่ไม่ใช่เสียงของพี่ใหญ่คนนั้น

“โทรมาเวลาแบบนี้คงไม่ได้จะมาดูใจพี่ใหญ่หรอกใช่มั้ยน้องเล็ก” คาร์เรย์พี่ชายคนรองเป็นคนรับสายแทน คาเล็มฟังน้ำเสียงเจ้าของคำเรียกตัวเขาที่ไม่เคยเปลี่ยนไปจากสมัยก่อนก่อนจะเอ่ยธุระของตนออกไป

“ฝีมือพวกไหน ถ้ารู้ก็รีบตอบมา”

“เฮ้อออ…” เสียงลากยาวจากปลายสายทำเอาคุณหมออัลฟ่าหงุดหงิดใจอย่างมาก “จะบอกก็ได้ แต่...แกต้องมากินข้าวที่บ้านพร้อมกับพาพ่อหนูโอเมก้าคนนั้นมาด้วย”

“คนไหน?” คาเล็มเริ่มชักสีหน้าไม่พอใจกับข้อเสนอ

“ก็คนที่นายหิ้ว...ไม่สิ หิ้วนายที่ขากะเผลกมาในงานแต่งวันนั้นไง โอเมก้าที่ดวงตาสีฟ้าสดใสคนนั้น” คาร์เรย์พูดติดตลกนึกถึงเรื่องวันนั้น แต่คนโทรมาเริ่มจะไม่ตลกด้วยแล้ว

“ฝีมือพวกแกจริงๆใช่มั้ย!”

“ชู่ว...อย่าเสียงดังน่าเดี๋ยวพี่ใหญ่ก็ตื่นหรอก หมอยิ่งกำชับให้พักผ่อนมากๆอยู่ด้วย” คาร์เรย์ยกนิ้วขึ้นทำท่าจะให้น้องชายคนเล็กเบาเสียงลงด้วยสีหน้าที่กำลังสนุกสนาน “พูดไปแล้วนี่ว่าถ้าพามาด้วยแล้วฉันจะบอกน่ะ แก่แล้วหูตึงรึไง?”

“...เมื่อไหร่?” คาเล็มเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยากจะรีบไปบีบคออีกฝ่ายมันเสียเดี๋ยวนี้เลย

“เอาตามที่นายสะดวกได้เลย ฉันว่างเสมอน้องชาย” พูดจบก็ชิงกดวางสายไปก่อนลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาหาชายสูงวัยที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงกว้างรายล้อมไปด้วยเครื่องมือแพทย์ “เดี๋ยวน้องเล็กจะมาเยี่ยมด้วยนะพี่ใหญ่ ดีใจมั้ยครับ?”


“ว่าไงล่ะ?” เออร์แฟนมองสีหน้าของอัลฟ่ามากวัยที่เหมือนพร้อมจะบีบคอใครก็ได้ที่อยู่ใกล้มือตอนนี้ แต่คาเล็มไม่ตอบอะไรกลับมา คงโดนปั่นหัวมาอีกตามเคย… “จะให้ช่วยอะไรไหม?”

“มี..แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออก” คาเล็มที่โดนอะไรต่อมิอะไรรุมเร้าก็เดินไปทรุดนั่งลงบนโซฟาเหมือนไมเกรนจะกินอยู่รอมร่อ เรนเดลเอายามาให้พร้อมกับผ้าชุบน้ำเย็นเผื่อจะให้นายน้อยได้เช็ดหัวให้เย็นลงบ้าง

“ดูเป็นห่วงเพื่อนผิดกับลุคนะ” เออร์แฟนเอ่ยแซวเล็กน้อยแต่สายตาและนิ้วยังคงคอยสั่งการผ่านโทรศัพท์ระรัวจนดูแล้ว นิ้วเรียวนั่นยังไม่หยุดขยับมาสักพัก.. 

“....ฉันโกรธหมอนั่นจนอยากจะฆ่าทิ้งก็จริง.. แต่พอคิดว่าจะตัดขาดกันมันก็ไม่ไหว…” คาเล็มถอดแว่นออกและเช็ดหน้าเช็ดตาด้วยผ้าเย็นฉ่ำก่อนจะพับผ้าเป็นผืนเล็กๆวางทาบไว้บนหน้าผากของตนเอง คุณหมอเอนหลังลงพิงโซฟานุ่มเหมือนอยากจะพักผ่อนสมองบ้าง “ค่อยให้มันชดใช้ด้วยอย่างอื่นเอาละกัน”

เออร์แฟนอมยิ้มและส่ายหัวเบาๆ “ให้ฉันส่งเด็กๆไปที่บ้านริชาร์ดมั้ย? เป็ดน้อยนั่นอยู่คนเดียวนี่?”

“บอร์ดี้การ์ดนายน่ะเหรอ?” คาเล็มถามพลางนึกถึงหน้าชายร่างสูงใหญ่น่ากลัวเป็นกองทัพที่กลายเป็นทาสหมาของจูเลียตไปหมดแทบทุกคน “ไม่ต้องหรอก”

“หือ?” เออร์แฟนหยุดการเคลื่อนไหวใดๆแล้วหันไปมองคาเล็มที่กำลังลอบยิ้มอยู่

“ที่ฉันส่งลาซัสไปอยู่กับริชาร์ดเนี่ย ก็เพราะที่นั่นปลอดภัยที่สุดแล้ว”


ลาซารัสคอยนั่งเฝ้าช่วยเหล่าสาวใช้พยุงร่างอ่อนแรงของเจสสิก้าขึ้นมานั่งบนโซฟาดีๆ เมื่อเธอเริ่มมีแรงและสติ สาวๆก็กุลีกุจอเอาน้ำและยาดมมาให้จนในโถงรับแขกวุ่นวายขึ้นมาเล็กน้อย

“คุณเจสสิก้า ไม่เป็นไรนะครับ?” ลาซารัสนั่งอยู่ที่โซฟาตัวเล็กข้างๆถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“อา..ไม่ไหวเลย พอเป็นเรื่องของคุณผู้ชายทีไรก็จะเป็นแบบนี้ตลอด” เจสสิก้าถอนหายใจและรับแก้วน้ำจากสาวใช้ข้างๆมาจิบทีละนิด “ดิฉันดูแลเขาเหมือนลูกคนหนึ่งเลยล่ะค่ะ แต่นั่นอาจจะเพราะดิฉันไม่มีลูกก็ได้กระมัง ก็เลยทุ่มเทมากไปหน่อย”

“เอ่ะ เอ่อ…” ลาซารัสไม่รู้จะพูดอะไร จึงได้เพียงนั่งฟังที่เจสสิก้าเล่าออกมาราวกับกำลังระบายความในใจ

“แต่ดิฉันคงจะอายุมากแล้วล่ะมั้งคะ แค่นี้ก็เป็นลมเป็นแล้งซะอย่างนั้น” เจสสิก้ายิ้ม และหันไปหาสาวใช้คนหนึ่งที่ยืนอยู่ที่ประตูห้องรับแขก “ลอร่า ไปบอกคนอื่นๆแล้วก็พวกพ่อบ้านด้วยนะว่า เข้าโหมดเฝ้าระวังคฤหาสน์เบอร์ตั้นได้”

“ค่ะ คุณเจสสิก้า”

“ห่ะ? เอ๊ะ?? โหมดเฝ้าระวัง?” ชายหนุ่มคนเดียวในห้องนั้นขมวดคิ้วอย่างสงสัย เขามองไปทางสาวใช้คนอื่นๆที่กำลังลุกเดินออกจากห้องโถงไปอย่างรวดเร็ว

“คุณแมทเวย์คะ กรุณาอย่าเพิ่งออกจากห้องนี้ไปไหนนะคะ” เจสสิก้าหันมาบอกเขาด้วยสายตาที่หนักแน่นกว่าปกติ น้ำเสียงอ่อนโยนกลับกลายเป็นเชิงออกคำสั่งจนตัวเขาได้แต่พยักหน้ารับ เมื่อหญิงสูงวัยลุกขึ้นและเดินออกจากโถงตามคนอื่นๆไป

ลาซารัสนั่งนิ่งไม่กล้าขยับไปไหน แค่เครียดเรื่องเมื่อคืนก็แทบเป็นบ้าอยู่แล้ว ริชาร์ดยังมาโดนลักพาตัวอีก พรุ่งนี้ก็ต้องไปหาคุณหมอเรื่องยา...จะได้ไปไหมเนี่ย?.. แล้วตอนนี้เหลือเขาอยู่คนเดียวในบ้านหลังโตที่เขายังเดินไม่ทั่วด้วยซ้ำ ลาซารัสยกมือถือขึ้น..แต่ก็ไม่กล้าจะโทรไปหาเรนเดลหรือคาเล็ม ทางนั้นเองก็คงจะวุ่นวายกันแน่ๆ ทั้งเรื่องนี้และเรื่องพรุ่งนี้

รู้สึก โดดเดี่ยวยังไงก็ไม่รู้…

เสียงฝีเท้าของคนจำนวนหนึ่งเดินมาทางห้องที่ลาซารัสนั่งอยู่ เมื่อเขาหันไปมอง ก็พบว่าสาวใช้กลุ่มเดิมเดินกลับมา...ในยูนิฟอร์มที่เปลี่ยนไป… ชุดสาวใช้ที่ปกติจะเรียบร้อย ตอนนี้กระโปรงกลับสั้นขึ้นมาจนถึงหน้าตัก ใบหน้าสดใสของแต่ละคนกลายเป็นใบหน้าสงบนิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้น เสียงเอะอะจากด้านนอกทำให้โอเมก้าหนุ่มต้องหันไปมอง

เหล่านักข่าวที่ทีแรกยังรวมตัวกันอยู่รอบบ้านและในสวนกำลังล่าถอยออกไป เมื่อเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเสียงขู่คำรามของสัตว์ดังแว่วมา ลาซารัสเดินไปส่องดูที่หน้าต่างและพบว่าพ่อบ้านแต่ละคนกำลังจูงสุนัขตัวใหญ่หลากหลายสายพันธุ์คนละตัว

“ขออภัยที่จำเป็นต้องขอให้พวกคุณช่วยออกไป แต่ที่ๆพวกคุณกำลังยืนเหยียบอยู่คือพื้นที่ส่วนตัวของคุณริชาร์ด เบอร์ตั้น” เสียงของเจสสิก้าดังขึ้นที่หน้าบ้าน เธอยืนเด่นสง่าอยู่ที่ประตูหน้าบ้านที่ถูกยกสูงจากพื้น บันไดทางเข้าบ้านเต็มไปด้วยพ่อบ้านที่จูงฝูงพิทบูลตัวใหญ่ “หากไม่ออกไปภายในสิบนาที ดิฉันจะไม่รับประกันความปลอดภัยของพวกคุณ แน่นอนว่าเนื่องด้วยการป้องกันตัวเองด้วยนะคะ”

เหล่าสาวใช้จำนวนมากเดินไปปิดผ้าม่านหน้าต่างทุกบานของคฤหาสน์ แน่นอนว่าจุดที่ลาซารัสยืนอยู่ก็ด้วย.. เมื่อร่างอรชรเข้ามาใกล้ ลาซารัสก็สังเกตุเห็นวัตถุสีดำที่แอบอยู่หลังโบว์อันใหญ่ที่เอวด้านหลังของพวกเธอ.. ปืน! ปืนนี่!! โอเมก้าหนุ่มหน้าซีดทันที เมื่อสาวใช้เห็นดังนั้นก็แอบขำออกมา

“คุณแมทเวย์ไม่ต้องกลัวหรอกนะคะ ใช่ว่าพวกเราจะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้”

“เจน วานเธอจัดเวรยามตอนกลางคืนที ไปบอกพวกคนสวนให้เปิดไฟในสวนให้สว่างทุกส่วนในตอนมืดค่ำด้วยนะ” เจสสิก้าเดินกลับเข้ามาในบ้านพร้อมๆกับประตูทางเข้าที่ปิดลง “ลอร่า บอกพวกพ่อบ้านว่าฉันปลดคำสั่งห้ามพกอาวุธ”

“อ...อาวุธ…” ลาซารัสหัวหมุนยืนตัวลีบอยู่ติดกำแพงมองสาวๆแต่ละคนที่เดินผ่านไป สาวใช้บางคนเลิกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยเพื่อตรวจเช็คปืนที่เก็บไว้ข้างใต้กับมีดอีกสองสามอัน...นี่เขาอยู่กลางสนามรบเหรอ!?

“คุณแมทเวย์ อาจจะอึดอัดสักหน่อย แต่รับรองว่าจะไม่มีนักข่าวมาวุ่นวายกับคุณแน่ๆค่ะ” เจสสิก้าเดินมาหาโอเมก้าหนุ่มที่ดูท่าทางกำลังกลัวจนตัวสั่น

“ค..ครับ.. ต..แต่ว่า ต้องทำขนาดนี้?”

หญิงสูงวัยยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนก่อนจะพาเขามานั่งลงบนโซฟาตามเดิม “นี่เป็นบ้านของคนที่ดิฉันรักเยี่ยงลูกชายคนหนึ่ง ดิฉันจึงต้องทำหน้าที่ปกป้องมันไว้ ไม่มีอะไรโหดร้ายไปกว่าการไม่มีบ้านให้กลับหรอกนะคะ”

“...อ..อืม นั่นสินะครับ” ลาซารัสรู้สึกผ่อนคลายลง คงเพราะความอบอุ่นคล้ายความเป็นแม่ที่คอยปลอบประโลมเขาอยู่ “แล้ว..ทุกคนใช้...ปืน.. เป็นเหรอครับ?”

“แน่นอนค่ะคุณแมทเวย์” สาวใช้ร่างเล็กคนหนึ่งตอบเสียงฉะฉาน ในมือมีถาดอาหารว่างยามบ่ายยกมาให้ราวกับวันนี้ก็เป็นวันปกติทั่วๆไป “พวกเราทุกคนที่นี่ก็ได้คุณผู้ชายช่วยเอาไว้จากเรื่องร้ายๆ แค่เรียนรู้การต่อสู้เพิ่มเพื่อรักษาความปลอดภัยน่ะเรื่องเล็กน้อยเองค่ะ”

“...และคุณผู้ชายก็กำชับไว้ว่า ให้ดูแลคุณด้วย”

“ผม?”

“คุณผู้ชายไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติม แต่ดิฉันจำคุณได้ตั้งแต่วันที่คุณมาหาพวกเราครั้งแรก.. คุณรอสเกรย์ดูสดใสขึ้นมากเลยนะคะ” เจสสิก้าแอบหัวเราะ ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งเขินอายให้สาวๆขำกันคิกคัก

“ผ...ผมก็ไม่เห็นคุณหมอจะเปลี่ยนไปเท่าไหร่…” ลาซารัสพยายามพูดตอบโต้บ้าง พลางหยิบขนมขึ้นมากินแก้เขิน

“หึหึหึ สาวๆเขาดูออกกันนะคะ”

นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าเซนส์ของลูกผู้หญิง...น่ากลัวจริงๆ เลยครับ

พอลาซารัสเห็นถึงศักยภาพของเหล่าคนรับใช้ในคฤหาสน์ก็รู้สึกหายห่วงเจ้าชีวิตของตนไปได้เปลาะหนึ่ง ดูเหมือนพวกที่ลักพาตัวคนๆ นั้นไปจะเล่นงานผิดคนเสียแล้วกระมัง...




TBC.




*****************************************************************************************

ลงจนจบตอนเสียที รู้สึกยาวนานมาก คิดว่าควรเขียนให้จบตอนก่อนค่อยเอามาลงทีเดียวดีมั้ย...แต่ก็กลัวจะรอนานเกินไปเหมือนกันค่ะ :z10:


ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
จัดหนักจัดเต็ม
คุณพี่ชายนอนท่ามกลางอุปกรณ์การแพทย์คืออะไร
ไม่ใช่ว่าคุณพี่โดนสอยไปด้วยนะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใครกันนะ ลักต้วริชาร์ด  :katai1:
ใช่พี่ชายคาเล็มหรือเปล่า
     

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ตกที่นั่งลำบากเสียแล้วนะคะ... คุณรอสเกรย์คนพี่

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1510
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
สนุก แต่ยังอ่านไม่ทันตอนล่าสุด ขอเม้นก่อน มันอัดอั้นมาก อิน
ชอบลุงคาเล็ม เชียร์ลุง
ช็อคมากตอนที่ลาซัสตกเป็นของริชาร์ด ริชจะว่าเป็นคนดี ก็พูดได้ไม่้เต็มปาก
ตอนแรกอาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่หลังจากนั้นคือยังไงละ นั่นเมียเพื่อนนะ อยากให้ริชได้กับคนอื่นมากกว่า รู้สึกแปลกๆ ถ้าจะ 3P  คือสงสารลุง คราวของโนเอลลุงก็น่าจะเจ็บหนัก ถึงได้ปิดตัวเองนานขนาดนั้น
มาคราวนี้เพื่อนสนิทตีท้ายครัวอีก
อยากให้ลุงมีความสุขบ้าง ได้รับความรักจากลาซัสไปคนเดียวไม่ต้องแบ่งใคร

ติดตามต่อนะ รอคนเขียนมาต่อนะ แต่งตามที่คิดเลย เราคอมเม้นตามความอิน อย่าพึ่งนอยด์กับคอมเม้นละ ถ้าอ่านแล้วไม่ได้ลุ้น ไม่ได้อยู่ทีมใครสักคน รักกันง่ายไปก็ไม่สนุกสิ

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ลุ้นนนนนนมากกกก เลย

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1510
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
อ่านทันแล้ว
ริชโดนอุ้ม สมน้ำหน้า ริชาร์ดทำให้ความสัมพันธ์มันยุ่งไปอีก
รู้ว่าผิดแต่ก็ยังทำ ไม่ปฏิเสธ
แถมดึงคุณนักร้องที่ไม่ควรเจ็บมาเจ็บด้วยอีก
ฝั่งคุณหมอก็ตกอยู่ในสภาพทำอะไรไม่ได้
จนแอบกลัว เผลอคิดในแง่ร้ายสุดๆไปแล้วว่า ลาซัสอาจจะเป็นน้องชายหมอ
คงไม่ดราม่าเบอร์นั้นใช่มั้ย
อยากจะให้ลาซัสรักกับคุณทนายเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย จะได้สมน้ำหน้าเจ้าสองคนนั้น
หมอก็ไม่เข้าข้างแล้ว ดูจะรักเพื่อนมากกว่าเมียซะอีก โกรธหมอแล่ว

ปล.เขียนผิดน้อยมากเลย ชื่นชม และแต่ละตอนยาวสะใจมาก

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1510
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
ปกติอ่านเงียบๆแต่มาเรื่องนี้อดจะเม้นท์ไม่ได้ (ขอโทษนะคะ) ฟฟฟฟฟ
ต้องขอปักป้าย #ทีมคุณหมอคาเล็ม เคราะห์กรรมระกำซัดยิ่งกว่านายเอกซะอีก โบกธงเชียร์.
อ่านมาถึงตอนล่าสุดยิ่งไม่ชอบริชาร์ดเลยอ่ะ ความชอบหมดไหตั้งแต่ไปเอาเมียเพื่อนสนิทตัวเองอ่ะ ไม่ชอบคนไม่มีสำนึกนี้ถือว่าตีท้ายครัวเพื่อนเลยน่ะ. ซะใจตอนเออร์แฟนด่าแทน แต่นางก็ไม่รู้สึก...  แล้วยิ่งมาตอนนี้ล่าสุด บอกจะขอโทษค่ะคุณหมอ แต่กำลังคิด"“ขอโทษทีนะลาซัส” ร่างสูงเอ่ยก่อนจะกดโทรศัพท์และโทรไปหาเบอร์นั้นระหว่างที่นึกว่าเช้านี้จะได้กินอะไรกันนะ?" ว่าจะกินอะไรดี คือโห้ยยยถ้าไม่มีความตั้งใจและรู้สึกผิดอยากจะขอโทษจริงๆ ไม่ต้องก็ได้น่ะริชาร์ด เสียเวลาคิดเมนูจะกินอะไรดีของนายซะเปล่า เก็บเอาไว้เถอะ
แล้วเออเรางงลาซารัสที่เปิดประตูบอกว่าอยากได้คำตอบ  คำตอบของเรื่องอะไรเรอ ทำไมพอตื่นมายังสับสนไปอีก เพราะนางตอนแรกปูมาเหมือนฉลาดอ่ะ ดูเป็นนายเอกที่เก่งและฉลาด. ไหวพริบดีงี้ แต่พอโดนเพื่อนของสามีเอาก็ดูสับสนวุ่นวายไปเลยเนอะ
ไม่เข้าใจความสับสนที่นางว่า ทั้งที่นางก็เป็นคนเลือกให้เป็นแบบนั้นเองนิ
ส่วนคุณหมอเราก็นางเอกดีๆนี้แหละ โดนเพื่อนเอาเมียไปแดกก็ไม่อะไรให้อภัย นี้พ่อประเสิรฐไปแล้วววววว คือพ่อคนดีจะรู้มั้ยว่าเพื่อนมันตั้งใจจะเอาเมีย ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรลับหลังก็จ้องจีบเมียตัวเองอยู่ ว้อยยยยยยยยย อยากให้คุณหมอรู้และเลิกคบไปเลย จะให้ชดเชยอะไรกับเพื่อนแบบนี้ค่ะ. อะไรก็ไม่คุ้มค่ะ มีแต่หัวใจที่เจ็บกลับมาค่ะคุณหมอ. แต่อาจจะคุ้มที่ได้เห็นธาตุแท้ของริชาร์ด
อยากมอบเพลง ด้านได้อายอด ให้จริงๆเล้ย
แต่อันนี้เรางงและสงสัยค่ะ เรื่องฮีท มันมีหลายระดับฮีทเรอคะบางทีก็ฮีทมีสติ บางทีก็ไม่มี ทั้งๆที่บอกว่าฮีทเหมือนกัน หรือว่ามันมีข้อแตกต่างมั้ยค่ะ แล้วก็สังคมโอเมก้าใช้บริการโฮสต์อัลฟ่า คือถ้าฮีทอยู่แล้วออกไปใช้บริการจะไม่ถูกฉุดกลางทางก่จากที่โคลวิสบอก ซึ่งมันตรงข้ามที่เออร์แฟนพูดว่าพวกโอเมก้าไม่ค่อยออกสังคมและค่อนข้างปิดตัวอ่า หรือเราจำผิดไปก็ไม่แน่ใจค่ะ
แต่ขอเป็นแรงเชียร์ให้คุณหมอชนะคดีให้จงได้ค่ะ #คุณหมอคาเล็ม
และรอดูความพังพินาศของริชาร์ด. (ซึ่งไม่รู้ว่าเขาหรือคุณหมอจะพินาศก่อนกันฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ) :sad4:
ส่วนลาซารัสจะคู่ใคร ก็เอาเถอะค่า 5555555 แต่ถ้าได้คุณหมอxเออร์แฟน ก็ดีน่ะ 555555555 ตามเค้ามานานอ่ะต้องได้แล้วล่ะ? ก๊ากกกกกก
ปล ง่วงเบลอๆมากขออภัยหากพิมพ์ไม่รู้เรื่อง

จริงๆ เราเห็นด้วย เรื่องอิตาริชาร์ด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด