อย่าลืมสิ...ว่าพี่เป็นเมียผม XXX >>>ตอนที่ 24<<< [23/05/2560]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อย่าลืมสิ...ว่าพี่เป็นเมียผม XXX >>>ตอนที่ 24<<< [23/05/2560]  (อ่าน 33041 ครั้ง)

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ดินมาแล้วววววว

คนเขียนแอบลำเอียงหรือเปล่า? ให้ดินหายไปตั้งหลายตอน  :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
สงสารพี่ดินนะ กว่าจะได้ร่วมวง

ออฟไลน์ Goffylovelove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่ดินคนดีมาแล้ววว
คนเขียนเชียร์น้องฟ้าเป็นการส่วนตัวรึเปล่า
แอบลำเอียงนะเนี่ย

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
คนผู้น่าสงสาร มาแล้ว

ออฟไลน์ Ryunosuke

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
อย่าลืมสิ...ว่าพี่เป็นเมียผม!!!






ตอนที่ 12 ฟ้า.....ดิน.....นนท์






          “ดิน!!!/พี่ดิน!!!” ชื่อของคนที่ผมเห็นยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำหลุดออกจากปากของทั้งผมและฟ้าพร้อมๆ กัน   

 
          “ฟ้า ปะ ปล่อยพี่ก่อน” ไม่รู้ทำไมผมถึงต้องรีบลนลานดันเอาฟ้าให้ห่างออกจากตัวผม


          ทำไมผมถึงไม่อยากให้ดินเห็นภาพนี้


          “พี่ริว” ถึงจะแผ่วเบา แต่ผมกลับรู้สึกได้ถึงความผิดหวังจากน้ำเสียงของฟ้า


          “ฟ้า มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ” ผมพยายามจะแก้ตัวอะไรกับฟ้า แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่เข้าใจ


          ผมไม่อยากห่างจากฟ้า แต่ผมก็ไม่อยากให้ดินเห็นภาพนี้เช่นกัน


          ผมกำลังเป็นอะไรกันแน่









          “เห้ย ดิน มึงยืนทำไรอยู่หน้าห้องน้ำวะ” พวกเราสามคนได้แต่ยืนเงียบกันอยู่นานจนกระทั่งเสียงที่ผมคุ้นเคยอีกเสียงดังขึ้นไล่หลังดินมา


          “ดิน ไหนว่าเยี่ยวจะแตก.....” เจ้าของเสียงถึงกับชะงักและพูดไม่ออกเมื่อเห็นผม









          แต่คนที่ช็อกที่สุดคือผม เพราะเจ้าของเสียงคือ









          “นะ นนท์” ผมได้แต่พึมพำกับตัวเอง ในหัวผมเหมือนกำลังเกิดจลาจล ที่เค้าว่ากรรมสมัยนี้มันติดจรวดนี่ท่าทางจะจริง นี่มันกรรมระดับ 4G พลัสพลัสชัดๆ
 

          ฟ้าที่ยืนข้างผมกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน แถมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเหมือนจะกระโจนเข้าหาผู้มาใหม่ได้ทุกเมื่อ


          “พี่นนท์ ผมบอกให้พี่ไปรอที่สนามบาสฯ ก่อนไง นี่ปวดเยี่ยวเหมือนกันอะดิ” แต่ดินกลับหันกลับไปตอบนนท์อย่างสนิทสนม




          ดินกับนนท์รู้จักกันเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน




          “ถ้ากูไม่ตามมาจะได้เห็นช็อตเด็ดแบบนี้เหรอวะ จริงไหมครับพี่ริว น้องฟ้า” นนท์เดินมากอดคอดินแล้วส่งสายตายียวนมาให้ผมกับฟ้า






          “ดินกับนนท์รู้จักกันเหรอ” ผมตัดสินใจเอ่ยถามดินหลังจากพวกเราทั้งหมดเดินมานั่งอยู่ที่โต๊ะกลมริมสนามบาสฯ


          “พี่ริว นี่พี่นนท์ไงครับ รุ่นพี่ผมหนึ่งปีที่อยู่ถาฯ ปัตย์ไงครับ อยู่บ้านรับน้องเดียวกันกับพวกเรานะพี่  แถมเป็นนักบาสฯ มหาลัยเหมือนผมด้วย” ดินพูดเหมือนผมเองก็ควรจะรู้ว่าทำไมดินกับนนท์ถึงสนิทกัน แต่ทำไมนนท์ รุ่นน้องที่อยู่คณะสถาปัตยกรรมและอยู่บ้านรับน้องเดียวกันถึงไม่ได้อยู่ในความทรงจำของผมเลย


          “.....” นนท์เหรอ ใช่ครับผมรู้จักนนท์คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมแน่นอน แต่ไม่ใช่ในฐานะรุ่นน้องของผม หรือรุ่นพี่ของดิน แต่เป็นนนท์ไบรุกร้อนแรงที่สามารถตอบสนองความต้องการของผมได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ


          “ไม่เป็นไรดิน สมัยนั้นพี่ริวเขาสนใจคนอื่นที่ไหนล่ะ สมัยนั้นพี่ริวมีแต่พี่หนาวคนเดียว ไม่เหมือนสมัยนี้ จริงไหมครับพี่ริว” นนท์ยกไม้ยกมือใส่ดินก่อนจะหันกลับมาจงใจพูดแขวะผม ผมถึงกับสะอึกที่แม้แต่หนาวคนรักเก่าของผมนนท์ก็รู้จัก


          หนาว ชื่อนี้แม้ไม่ได้อยู่ในหวงความคิดผมตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ยังแวะเวียนเข้ามาในหัวให้ผมคิดถึงอยู่เรื่อยๆ หนาวคนที่ทำให้ผมรู้จักมิตรภาพระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง หนาวคนที่ทำให้ผมรู้ว่าผู้ชายก็รักกันได้อย่างบริสุทธิ์ แต่ก็เป็นหนาวนี่แหละที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่ารักแท้มันไม่มีอยู่จริง


          “ผม ผมแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรของพี่ริวเลย ทั้งๆ ที่ผมเข้าใจว่าผมรู้ดีที่สุดแท้ๆ” ฟ้ากำมือผมแน่นพร้อมๆ กับที่ก้มลงมากระซิบที่ข้างหู


          “ฟ้า.....” ผมหันไปมองเด็กตัวโตที่นั่งอยู่ข้างๆ สีหน้าของฟ้าดูสับสนไม่แพ้ผม ดวงตาคมฉายแววความน้อยเนื้อต่ำใจจนผมรู้สึกวูบโหวงในอก









          “พี่นนท์ ไปเล่นบาสฯ กัน มาแข่งกันรำลึกความหลังกันหน่อยดีกว่า” ดินเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบอีกครั้ง


          “มึงก็รู้ว่ามึงสู้กูไม่ได้ แพ้ประจำมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนี่” นนท์พูดกับดินแต่สายตากลับจ้องมาที่ผม


          “คราวนี้มันไม่ง่ายเมื่อเมื่อก่อนแล้วพี่นนท์” ดินเองก็เช่นกัน พูดกับนนท์แต่มองตรงมาที่ผม


          “ผมจะแข่งด้วย ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน” ฟ้าตะโกนไล่หลังทั้งสองคนแล้วเดินตามออกไปที่สนามบาสฯ









          “โอ๊ย!!!” เริ่มได้ไม่นาน นนท์ก็เปิดเกมส์เดือดโดยการกระแทกฟ้าจนล้มลงเพื่อแย่งบอลทันที


          “ฟ้า!!! ใจเย็น” ดีที่ดินยังรั้งไว้ ฟ้าเองก็ดูจะเกรงใจดินเสียเหลือเกิน  ส่วนนนท์ก็ทำท่าทางและหน้าตายียวนล้อเลียนไอ้เด็กแสบของผมไม่ยอมหยุด


          เดี๋ยวนะ ผมกำลังเรียกฟ้าว่า เด็กแสบของผมงั้นเหรอ




          ผมต้องยอมรับว่าทั้งสามคนเป็นนักบาสฯ ที่เก่งกาจ สลับกันบุกทำแต้มอย่างไม่ยอมกัน ผมไม่คิดจะเชียร์ใครเป็นพิเศษ แต่ก็อดห่วงฟ้าไม่ได้เพราะดูบอบบางที่สุดในสามคนถึงแม้จะตัวสูงที่สุดก็ตาม


          มีหลายครั้งที่ฟ้าโดนชนจนล้มจากทั้งนนท์และดิน ที่ว่าบอบบางไม่ได้หมายความว่ามันตัวเล็กนะครับ ตัวมันสูงกว่าใครแถมมีกล้ามเนื้อที่สวยที่สุดก็จริง แต่เป็นมัดกล้ามเกิดจากการออกกำลังกายทั่วไปกับการเล่นฟิตเนสไม่ใช่กล้ามเนื้อแบบนักกีฬาตัวพ่ออย่างที่ดินหรือนนท์มี




          “พวกนี้มันเป็นหุ่นยนต์รึไงนะ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย” เวลาผ่านล่วงเลยไปพอสมควรทั้งสามคนก็ยังไม่ยอมหยุด แต่ละคนยังแย่งกันทำแต้มราวกับว่าคนชนะได้จะได้สิ่งสำคัญไปครอบครอง


          ทั้งสามคนหงื่อโทรมกายจนเสื้อผ้าที่ใส่มาเปียกลู่จนเห็นไปถึงไหนต่อไหน ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงนั่งชื่นชมหุ่นงามๆ ของทั้งสามอย่างเพลิดเพลิน แต่ตอนนี้ผมกำลังเริ่มรู้สึกเครียด เพราะระหว่างที่เกมส์ดำเนินไป ผมคิดว่าผมได้ยินชื่อผมออกจากปากของทั้งสามเป็นระยะๆ


          ผมเริ่มรู้สึกว่าบาสฯ เกมส์นี้มันไม่ใช่การเล่นกีฬากันทั่วๆ ไป


          ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก


          ผมอยากให้ทั้งสามคนหยุด


          “พี่หิวแล้ว ทั้งสามคนไปกินข้าวกันไหม” ผมตะโกนเข้าไปในสนามหวังจะให้เกมส์ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จบลง


          “ไม่/ไม่ครับ/ไม่ครับ” ผมชะงักไปกับคำตอบของทั้งสาม ดูเหมือนผมจะไม่ได้อยู่ในความสนใจของพวกเขาด้วยซ้ำ


          “นะๆ พี่ว่าพอได้แล้วจะอะไรหนักหนา ก็แค่บาสฯ ปะวะ” ผมเดินเข้าไปหาสามหนุ่มที่ยังวุ่นแย่งลูกบาสฯ กันไปกันมาไม่หยุด


          “พี่ริวไม่เข้าใจหรอก นี่มันเรื่องของผู้ชาย” เสียงใครสักคนพูดย้อนกลับมา


          เอ่อ แล้วนี่กูไม่ใช่ผู้ชายเหรอวะ


          “พวกมึงสามคนจะหยุดหรือไม่หยุด” สุดท้ายทั้งสามก็ทำให้ผมหมดความอดทนเพราะต่างก็เริ่มเสียงดังโวยวายจนเหมือนทะเลาะกันเสียมากกว่าเล่นบาสฯ


          ผมเข้าไปแทรกกลางและแย่งลูกบาสฯ มาไว้กับตัว ไม่ใช่ว่าผมเก่งอะไรแต่ทั้งสามคนอ่อนแรงมากแล้วผมถึงได้แย่งมาง่ายๆ


          แต่ทั้งสามก็ยังไม่หยุด ต่างคนต่างตะโกนจนฟังไม่ได้ศัพท์ จับได้อยู่ไม่กี่คำ แน่นอนมีชื่อผมอยู่ในนั้นด้วยแน่ ตามมาด้วย ของกู กูมาก่อน และคำที่จี๊ดที่สุด เมียกู!!!


          “มึงเล่นบาสฯ หรือมึงทะเลาะกัน จะเอาให้ตายกันไปข้างเลยใช่ไหม กูจะได้ไปเอามีดมาให้พวกมึงคนละเล่ม” ผมยืนชี้หน้าด่ากราดใส่ไอ้เด็กหล่อไม่รู้จักโตทั้งสามคนที่ยังฮึ่มฮ่ำกันอยู่ไม่ยอมเลิก ไอ้ฟ้าไม่เท่าไหร่เพราะมันยังเด็กมาก แต่ดินกับนนท์นี่ทำไมเป็นไปได้ขนาดนี้อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ กันแล้ว 


          “พี่ริวไม่ต้องยุ่ง เรื่องนี้พวกผมจัดการกันเอง” ผมไม่แน่ใจหนักว่าเสียงใครแต่คิดว่าน่าจะเป็นฟ้า


          “กัดกันอย่างกับหมูกับหมาแบบนี้เนี่ยนะ พวกมึงจะหยุดไม่หยุด!!!” ผมโวยวายแข่งกับพวกมันที่ไม่มีทีท่าจะยอมหยุด ตอนนี้จากจากเกมส์กีฬากลายมาเป็นสงครามน้ำลายเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้าผมปล่อยมันเลยเถิดไปกว่านี้คงได้มีลงไม้ลงมือกันแน่









          “ถ้าพวกมึงไม่หยุด กูจะไปหาเด็กใหม่!!!” 









          “ไม่!!!/ไม่!!!/ไม่ได้!!!” ทีแบบนี้ล่ะหันมาโวยใส่ผมอย่างพร้อมเพรียง









          “พี่ริวรู้ป่าวผมเล่นชนะพี่ดินกับพี่นนท์ด้วย ขอรางวัลหน่อย” ไอ้เด็กแสบเดินเอาหัวทุยๆ ของมันมาวางบนไหล่ผม


          ไอ้ฟ้า!!! ไอ้ลูกหมายักษ์เอ้ยมันใช่เวลาไหมเนี่ย มึงช่วยดูบรรยากาศนิดนึงเหอะ ระวังจะตายเอาง่ายๆ


          “พี่จะกลับ” ผมพูดอย่างระอา แต่ละคนโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงทำตัวกันอย่างกับเด็กแย่งของเล่น


          “ผมไปส่ง/ผมไปส่ง/ผมไม่ให้กลับ” ดินกับนนท์อาสาไปส่ง แต่ไอ้เด็กแสบขยั้นคะยอไม่ให้กลับ


          “พี่สัญญากับผมแล้วว่าจะย้ายมาอยู่กับผม” ฟ้าตั้งใจพูดให้อีกสองคนได้ยินอย่างเจตนา


          “ใครไปสัญญาด้วย” ผมรีบบอกปัด ยอมรับว่าห่วงความรู้สึกดิน


          “พี่ริว พี่ลืมแล้วรึไงว่าผมมีรูปพี่อยู่ พี่คงไม่อยากให้ทุกคนได้เห็นใช่ไหม” ฟ้าก้มลงมากระซิบ ผมรู้ตัวว่าสีหน้าผมเปลี่ยน และผมคิดว่าทั้งดินและนนท์ก็รับรู้


          “อะ เอ่อ พอดีพี่มีธุระกับฟ้านิดหน่อยเรื่องฝึกงาน” อยู่กับฟ้าต่ออีกนิดคงไม่เสียหายอะไร จะได้หาโอกาสลบรูปพวกนั้นให้เรียบร้อยเสียทีด้วย


          “พี่ริว ผมถามจริงๆ เหอะ พี่ไปโดนไอ้ฟ้ามันบังคับอะไร ถึงได้ยอมฟังมัน รอบที่แล้วก็ทีนึงแล้ว” นนท์โพล่งขึ้นมาอย่างไม่ยอม


          “ฟ้านี่มึงไม่ได้ทำอะไรให้พี่มังกรเดือดร้อนใช่มั้ย” ดินเองก็ออกอาการสงสัย แถมเดินเข้ามาหาฟ้าอย่างเอาเรื่อง


          “ทั้งสองคนกลับไปก่อนเถอะนะ” ผมพูดพร้อมเดินเข้าไปขวางระหว่างดินกับฟ้า


          “ผมต้องคุยกับฟ้าให้รู้เรื่อง ผมไม่ยอมให้มันทำให้พี่เดือดร้อนแบบนี้” ดินเอือมมือหมายจะกระชากคอเสื้อของฟ้า


          “นะครับดิน ถือว่าพี่ขอร้อง” ผมที่เห็นท่าไม่ดีจึงงัดไม้ตายที่คิดว่ายังไงดินก็ต้องยอมหยุด ผมรู้ว่าดินยอมฟังผมเสมอ


          “พี่มังกร...” ทั้งเสียงและสีหน้าของดินสลดลงในทันที


          “นนท์ด้วยนะ ถือว่าเห็นแก่หน้าพี่ นะครับ”


          ไม่น่าเชื่อว่าพอเล่นไม่นี้ทั้งดินและนนท์ก็ต่างยอมเบาลง ดินเองก็ช่วยปรามนนท์ด้วยอีกแรงจนสถานการณ์คลี่คลาย





 



          วันนี้ทั้งวันแทนที่ผมจะได้พักผ่อนกลับต้องมาวุ่นวายกับไอ้เด็กไม่รู้จักโตสามคน ดินกับนนท์ตามขึ้นมาอยู่ด้วยที่ห้องฟ้าจนมืดค่ำ


          ผมเอนตัวอยู่บนโซฟาหน้า LED TV ตัวหรู เพลียเกินกว่าจะสนใจว่าเด็กโข่งทั้งสามคนมันคุยอะไรกัน 


          ไม่รู้ผมเผลอหลับไปตอนไหน แต่มารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะอ้อมกอดอุ่นๆ และคำกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู









          “ฝันดีนะครับ คนดีของฟ้า”









          ท่าทางศึกวันนี้เด็กแสบของผมจะชนะสินะ






          *+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

          คนเขียนไม่เคยลำเอียงเลย จริงจริ๊งงงง

          *+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ตอนนี้เริ่มอยากได้ 4p เราโลภไปไหม ก็แหมผู้แต่ละคนหล่อแซ่บ แถมดูท่ารักริวมานาน รักมั่นคงทั้งนั้น เราเลยเสียดายอ่ะ

ออฟไลน์ Bunny_tj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
จะสามหรือสี่คนก็แล้วแต่ฟ้าแล้วปะ เพราะตอนนี้ฟ้าถือไพ่เหนือกว่าแบบชัดเจนเลย.  :laugh:
พี่ริว จะไหวไหมคะ อาวุโสโอเค?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ryunosuke

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
อย่าลืมสิ...ว่าพี่เป็นเมียผม!!!






ตอนที่ 13 ไม่จบไม่สิ้น






          ผมเป็นคนที่มีเซ็กซ์กับใครได้ไม่เกินสามครั้ง เพราะหลังจากนั้นผมจะเริ่มรู้สึกเบื่อ แม้แต่กับนนท์ที่มีความสัมพันธ์กับผมมาหลายปี ผมก็เลือกที่จะมีอะไรกับนนท์เพียงเพื่อรักษาสถานะคู่นอนไว้จะได้เรียกใช้ได้สะดวกยามต้องการ


          แต่ทุกอย่างมีข้อยกเว้นของมัน ผมอยู่กับฟ้ามาหนึ่งสัปดาห์เต็ม มีอะไรกันทุกวันวันละมากกว่าสามเวลา เรียกได้ว่ายิ่งกว่าข้าวสามมื้อ น่าแปลกที่ผมไม่มีทีท่าว่าจะเริ่มเบื่อสัมผัสจากไอ้เด็กแสบตัวยักษ์ของผมเลยแม้แต่น้อย


          แม้แต่ตอนนี้ที่ผมเลือกที่จะมานั่งกินข้าวเช้าที่โรงอาหารประจำโรงงานแทนที่จะให้เลขาเตรียมให้บนห้องทำงาน ภาพใบหน้าหล่อเหลาและร่างกายกำยำน่าหลงไหลของเด็กฟ้าก็ยังมาวนเวียนจนผมรู้สึกเสียวท้องน้อยแปลกๆ


          ผมชอบที่จะมานั่งเปลี่ยนบรรยากาศที่นี่เสมอ มีนทำให้ผมได้เรียนรู้พฤติกรรมของพนักงาน แถมยังได้ข้อมูลดีๆ และทรรศนคติที่พนักงานมีต่อการบริหารงานของบริษัทอีกด้วย


          “นี่นาย นาย” ผมหันไปตามเสียงเรียกที่ดังขึ้นระหว่างที่ผมกำลังติดอะไรเพลินๆ พลางใช้นิ้วชี้เข้าหาตัวเพื่อยืนยันว่าเจ้าของเสียงเรียกผม


          “เออ นายนั่นแหละ ขอนั่งด้วยคนดิ” ถึงจะถามแบบนั้นแต่เจ้าของเสียงไม่ได้รอคำตอบ ถือวิสาสะวางจานข้าวแล้วนั่งลงตรงหน้าผมในทันที


          “เหม่อถึงแฟนเหรอ หน้าเคลิ้มมากนะ” ผมพินิจพิจารณาคนตรงหน้าที่ไม่ยอมสนใจจานข้าวที่เจ้าตัวเพิ่งเอามาวางแม้แต่น้อย แต่เจ้าตัวกลับนั่งจ้องหน้าผมตาไม่กระพริบ


          เด็กหนุ่มในเสื้อช็อปช่าง คงเพิ่งเข้ามาเริ่มงานเพราะผมไม่เคยเห็นหน้า หุ่นผอมบางแบบเด็กวัยรุ่นแต่ก็สมส่วนอย่างคนออกกำลังกาย รอยสักกราฟฟิกไล่ตั้งแต่ลำคอด้านซ้ายลามเข้าไปในคอเสื้อไม่รู้ว่าสักยาวไปถึงไหนต่อไหน คาดว่าถ้าถอดเสื้อช็อปออกหมดคงเซ็กซี่ไม่ใช่เล่น แถมระเบิดหูไว้รูเบ่อเร่อ


          ที่สำคัญที่สุดคือคนตรงหน้าผมเด็กมากและหล่อมาก


          “แฟนที่ไหน ไม่มี” ผมแกล้งเล่นกับเด็กไม่รู้ที่ต่ำที่สูง


          “อย่ามาโม้ น่ารักขนาดนี้เนี่ยนะ” กล้าพูดกับคนที่เพิ่งรู้จักด้วยแบบนี้ ไอ้เด็กนี่ท่าจะไม่ธรรมดาซะแล้ว


          “ไม่ได้โม้ เพื่อนเล่นเหรอ”


          “น่ารัก แถมดุ นี่แหละอนาคตแม่ของลูก” มันแรงได้ใจจริงๆ


          “แล้วเป็นเกย์รึไงคุณ” ผมยังลองเชิงต่อไป


          “ก็เปล่านะ แค่ชอบคนน่ารัก เจอคนน่ารักก็บอกน่ารัก จะได้ไม่เสียโอกาส ว่าแต่นายชื่อไรอะ ทำงานไรที่นี่” เด็กช่างปากกล้าตรงหน้าว่าต่อ


          “ชื่อมังกร เป็นผู้บริหารที่นี่” ผมตอบเรียบๆ


          “อย่ามาโม้ หน้าอ่อนแบบนี้เนี่ยนะผู้บริหาร เป็นแฟนช่างน่าจะเหมาะกว่า” ไอ้นี่เริ่มลามปามครับ มือไม้มันก็เริ่มอยู่ไม่สุขละ


          “ผมเอาคุณออกได้ทันทีเดี๋ยวนี้เลยนะ” ผมเริ่มหน้าตึงและกระชากมือกลับจากการเกาะกุม ถึงจะหล่อแต่นี่มันที่โรงงาน


          “กลัวละคร้าบบบบ กลัวจะแย่แล้ว” ไอ้เด็กช่างตรงหน้าพูดไป ก็ทำท่ากลัวไป กวนตีนเป็นที่สุด






          “ท่านครับ ใกล้ถึงเวลานัดประชุมแล้ว ท่านจะให้เตรียมอะไรบ้างครับ” ระหว่างไอ้ที่เด็กช่างยังหัวเราะท้องขดท้องแข็ง พนักงานฝ่ายไอทีก็เข้ามาคุยกับผมเพื่อเตรียมความพร้อมของงานประชุมใหญ่ของฝ่ายวิศวกรรมและฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์


          “หะ เห้ย จริงดิ” ผมยิ้มอย่างพอใจตอนได้ยินเสียงไอ้เด็กช่างที่ช็อกจนหน้าเหวอ


          “หะ เห้ย ก็จริงนะสิ คุณรีบกินข้าวให้เสร็จแล้วไปทำงานซะ ผมไปล่ะ”


          “ขอโทษนะครับ กระ กระผมไม่ได้ตั้งใจจะ.....” สรรพนามเปลี่ยนไปเชียวไอ้เด็กช่าง


          “อืม ไม่เป็นไร ยังไงก็ตั้งใจทำงานนะคุณช่าง แล้วไว้เจอกัน”


          “ครับท่านผู้บริหารผู้น่ารัก” ไอ้เด็กช่างยังไม่วายหยอดจนหยดสุดท้าย


          นี่ถ้าผมไม่มีฟ้าผมคงจะหาอะไรเล่นสนุกๆ กับเจ้านี่เสียหน่อย


          ว่าแต่ทำไมผมต้องคิดถึงไอ้ฟ้าด้วยนะ ท่าจะบ้าไปแล้วไอ้ริวเอ้ย






          วันนี้เป็นวันแรกที่ผมกลับมาทำงานหลังจากหายจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์อันตรายจากเอธิโอเปีย ตามที่ฟ้าแจ้งไว้กับส้มเลขาของผม ซึ่งประจวบเหมาะกับวันที่ส้มช่วยเลื่อนนัดประชุมฝ่ายวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์และฝ่ายวิศวกรรมพอดิบพอดี


          “ผมปล่อยให้คลาดสายตาหน่อยไม่ได้เลยนะพี่ริว” ฟ้าพูดกับผมขณะที่กำลังจะเดินเข้าห้องประชุม


          “อะไร” ผมงง


          “อย่ามาเอียงคอทำหน้าตาน่ารักใส่ผมแบบนี้นะพี่ คิดว่าผมจะใจอ่อนรึไง” ฟ้าเบี่ยงหน้าหนีสายตาผม ใบหน้าหล่อขึ้นสีเลือดฝาด


          ทำไมเดี๋ยวนี้ผมถึงดูว่าฟ้ามันน่ารักขึ้นทุกวันนะ


          “ฟ้าพูดเรื่องอะไรล่ะ พี่ไปทำอะไรให้”


          “พี่ไปทำอะไรไว้เมื่อเช้าที่โรงอาหาร”


          “อ๋อ ไอ้เด็กช่างปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นอะเหรอ” ผมพูดไปยิ้มไป นึกถึงหน้าเหวอๆ ของมันแล้วยังสะใจไม่หาย


          “พี่รู้ไหมไอ้เอสมันเพิ่งสิบหก พี่ทำให้มันเพ้อไม่หยุด มันบอกมันจะต้องตั้งใจทำงานให้ผู้บริหารผู้น่ารัก” ฟ้าพูดหน้าเครียด ไอ้เด็กช่างนั่นชื่อเอสนี่เอง แถมอายุสิบหกกำลังกรุบกรอบ น่าสนใจจริงๆ 


          “ก็ดีแล้วนี่เด็กมันตั้งใจทำงาน พี่ไม่เห็นว่าจะผิดตรงไหนนะครับน้องฟ้า” ผมลอยหน้าลอยตาพูดใส่เด็กหล่อตรงหน้า


          “ผิดตรงที่พี่เป็นคนของผม แล้วไปเที่ยวหว่านเสน่ห์ให้คนอื่นนี่แหละ” ฟ้าพูดจบก็จงใจเข้าประชิดตัวผมแล้วฉกจมูกคมเข้าที่แก้มผมทันที


          “ฟ้า นี่มันทีทำงานนะ เกรงใจกันบ้าง” ทำเสียงเข้มไปงั้นแหละครับ ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่ได้รู้สึกโกรธกับสิ่งที่ฟ้าทำเลย กลับกันผมกับรู้สึกหัวใจพองโตอย่างประหลาด


          “ผมหึงนะ”


          หึงเหรอ ใช่แล้วหึงหวงกัน ความรู้สึกนี่แหละที่ทำให้หัวใจผมพองโต ความรู้สึกที่ผมแทบไม่เคยรู้สึกมาตั้งแต่เลิกกับหนาว ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะได้รับความรู้สึกนี้จากใครอีกครั้ง













          หลังจากให้นโยบายการบริหารงานใหม่เสร็จผมก็ปล่อยให้การประชุมเป็นไปตามวาระของมัน ผมจะท้วงติง และปรับรูปแบบโครงการที่นำมาเสนออยู่เป็นระยะๆ สไตล์ผมคือไม่ลงไปกำกับเสียทุกเรื่อง แต่คอยยืนอยู่ข้างๆ ทำงานไปด้วยกัน เน้นให้คิดและแสดงฝีมือ โดยมีผมคอยสนับสนุนและเชื่อมโยงบุคลากรระดับปฏิบัติงานกับผู้บริหารระดับสูงเข้าด้วยกัน


          “ดิน ผมอยากให้ช่วยดูแลโครงการสร้างโรงงานใหม่ของบริษัทนะ ท่าน CEO เน้นย้ำมาว่าต้องเป็นโรงงานระดับโลกที่ใช้เครื่องจักรทันสมัยที่สุด เอาฟ้าเป็นผู้ช่วยและให้ถือเป็นโปรเจคฝึกงานไปเลย ส่วนทีมงานที่เหลือรบกวนดินช่วยพิจารณาจากฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กับฝ่ายผลิตมาอีกฝ่ายละสองคน เซ็ตทีมได้แล้วมาแจ้งผม แล้วผมจะนัดบรีฟอีกครั้ง” ผมหยิบยื่นโครงการใหญ่ให้กับดินตามที่ท่านเมฆินทร์ได้ฝากฝัง ผมหวังว่าจะทำให้ดินได้เรียนรู้และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นได้อย่างภาคภูมิ และใช้โอกาสนี้สอนงานให้กับฟ้าในคราวเดียว


          มีเสียงฮือฮาเกิดขึ้นในห้องประชุมพอสมควรกับการตัดสินใจของผม คงข้องใจว่าทำไมผมถึงมอบโครงการนี้ให้กับเด็กที่ยังมีประสบการณ์ไม่มากอย่างดิน ที่สำคัญคนในบริษัทนี้ส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้ว่าฟ้าเป็นใคร


          “ครับพี่มังกร ผมจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง พี่เชื่อใจผมได้ครับ” ดินรับคำอย่างหนักแน่น แววตาที่หนักแน่นส่งมาหาผมอย่างมุ่งมั่น ผมอาจจะคิดมากไปเอง แต่คำมั่นของดินดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องงานอย่างเดียวแต่พยายามสื่อถึงเรื่องอื่นด้วยเช่นกัน


          “โอเค สุดท้ายนี้ผมมีอะไรจะพูดกับพวกคุณทุกคน ผมอยากขอความร่วมมือจากทุกคน ผมเองอายุยังน้อยแต่ได้รับโอกาสที่ดีมากในชีวิต ผมได้รับความเชื่อใจทั้งจากท่านเมฆินทร์ CEO ของบริษัท และคุณวีรพงศ์ ผู้บริหารสูงสุดของฝ่ายวิศวกรรมที่กำลังจะเกษียณจากตำแหน่ง ให้ผมก้าวมาอยู่ในตำแหน่งนี้ ผมขอพูดไว้ตรงนี้กับทุกคน ว่าผมไม่ได้เก่งกว่าใคร มีหลายคนในที่นี้ที่ทั้งเก่งกว่าผมและมีประสบการณ์มากกว่าผม ผมอยากให้การทำงานของเราต่อจากนี้เป็นไปอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย เรียนรู้ซึ่งกันและกัน มีอะไรที่ผมผิดพลาดขอให้ช่วยแนะนำ อะไรที่ดีก็ขอให้ช่วยสนับสนุน แล้วพวกเราทุกคนจะนำพาบริษัทก้าวสู่ยุคใหม่ที่เจริญรุ่งเรื่องและยั่งยืนร่วมกัน ผมขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาร่วมประชุมในวันนี้ ผมขอปิดประชุมเพียงเท่านี้ครับ”


          ทันทีที่ผมพูดจบเสียงปรบมือก็ดังขึ้นจากทั่วทั้งห้องประชุมใหญ่


          ผมได้แต่คิดในใจว่าขอให้ทุกอย่างราบรื่นไปด้วยดี ถึงแม้จะรู้ดีกว่าจะมีอุปสรรคมากมายรอผมอยู่ในภายภาคหน้าก็ตาม






          “พี่ริวของผมเก่งที่สุดในโลก” ฟ้าเดินเข้ามาออดอ้อนคลอเคลียผมหลังจากที่ทุกคนออกจากห้องประชุมจนหมด


          ไอ้ลูกหมายักษ์ตัวนี้มันอ้อนเก่งขึ้นกว่าช่วงแรกๆ มาก


          “ยะ อย่า ฟ้า เดี๋ยวมีคนมาเห็น” ผมเบี่ยงตัวหลบฟ้าที่ยื่นหน้าเข้ามาหวังจะหอมแก้มผม


          “ไม่มีใครเห็นหรอกครับผมดูต้นทางแล้ว” ฟ้ายิ้มจนเต็มแก้ม ยิ้มแบบที่ทำให้ผมใจสั่นเสมอ


          “วันนี้ฟ้ากลับห้องไปก่อนนะ พอดีพี่มีกินข้าวกับลูกค้าสำคัญต่อเย็นนี้”


          “ผมไปด้วยไม่ได้เหรอ” ฟ้าทำหน้าเป็นหมาหงอยทันที


          “ไม่ได้หรอก มีแต่คนของบริษัททั้งนั้น”


          “เหรอครับ งั้นผมจะรอที่ห้องนะครับ” เดี๋ยวนี้พูดง่ายขึ้นเยอะ


          “อืม.....อื้ม” มือใหญ่ช้อนใบหน้าของผมไปรับจูบหลังจากผมตอบรับในลำคอ ฟ้าทำหน้าพึงพอใจก่อนจะเดินอย่างอารมณ์ดีออกจากห้องประชุมไป


          ความจริงผมตอบไปอย่างนั้นแหละครับวันนี้หลังจากกินข้าวกับลูกค้าเสร็จผมว่าจะกลับบ้าน อยากกลับไปหาแม่เสียหน่อย ถ้าบอกความจริงฟ้ามันไม่ยอมให้ผมกลับแน่


          เวลาผมมีเรื่องวุ่นวายใจก็มีแม่นี่แหละครับที่ช่วยผมได้เสมอ ในหัวผมมีเรื่องราวมากมายยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเริ่มเล่าให้แม่ฟังอย่างไร แต่อย่างน้อยการได้นอนกอดแม่เท่านี้ก็เพียงพอจะทำให้ผมมีแรงสู้กับทุกๆ เรื่องแล้ว


          แค่คิดถึงแม่ก็เหมือนจะทำให้ผมยิ้มได้แล้ว






          ‘แกร๊ก’ แต่หลังจากที่ฟ้าเดินออกไปไม่นานกลับมีเรื่องที่ผมขาดไม่ถึงเกิดขึ้น เมื่อประตูห้องควบคุมเครื่องเสียงที่อยู่ภายในห้องประชุมเปิดออก และเผยให้เห็นร่างสูงของเด็กที่ผมคุ้นเคยอีกคน






          “ดิน.....มาตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่คิดว่าออกไปเตรียมตัวไปกินข้าวกับลูกค้าแล้ว”









          “นาน.....พอที่จะเห็นและได้ยินทุกอย่างครับ”






          *+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
มาแค่นี้เหรอ มาต่ออีกป่ะ

ไรท์เลิกหาผู้แซ่บ ๆ มาให้เราหวั่นไหวและนอกใจฟ้ากะดินได้แล้วนะ นนท์ก็คนนึงละ นี่มีเอสมาอีก ทำงี้กะเราได้งัย

ออฟไลน์ Goffylovelove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่ริวววว หยุดก่อนดีม้ายยย นี่สามคนแล้วนะ ไหนจะพี่หนาวปั๋วเก่าที่ไม่รู้จะกลับมามีบทบาทเมื่อไหร่อีก
ผู้เรื่องนี้มัแต่แซ่บๆ มีลางว่าเอสอาจจะมีบทบาทสำมะคัญ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
มีความหมั่นไส้ฟ้าอย่างแรง สงสารดิน 

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แค่ฟ้าคนเดียว ริวก็บอบช้ำ ถึงขั้นเป็นไข้หวัดเอธิโอเปีย
เอส ทำท่าติดบ่วงเสน่ห์ผู้บริหารที่น่ารักอีกคนและ
ฟ้า สกาย เวหา ที่หลงรักพี่ริวตั้งแต่มัธยม
แล้วริว มีทีท่าใจสั่น ไหวหวั่นกับฟ้า ไม่เบื่อ ไม่โกรธ
ฟ้าจะได้เปรียบคนอื่นหรือเปล่า
กับดิน ริวก็ซาบซึ้งความดี
นนท์ ริวก็เก็บไว้เป็นตัวสำรอง
แล้วรักแรกหนาว จะลมรักหวนย้อนมาหาริว มั้ยเนี่ย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :impress2:  แหม สงสัยคืนนี้จะได้นอนซบดินเสียแล้ว
เมื่อคืนก้อนอนใต้ผืนฟ้า อิจแรงมาก ไหนจะมีเด็กๆกรุบกริบแวะเวียนมายั่วอีก
555555 บริหารให้ดีนะพี่ริว กลัวพาดหัวข่าว

ออฟไลน์ Ryunosuke

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
อย่าลืมสิ...ว่าพี่เป็นเมียผม!!!






ตอนที่ 14 ตัดสินใจ...






          ‘นาน.....พอที่จะเห็นและได้ยินทุกอย่างครับ’


          เสียงของดินยังดังก้องอยู่ในหัวผมไปมา ผมตกอยู่ในสถานการณ์นี้มาเกือบชั่วโมงแล้วหลังจากดินเปิดประตูเข้ามาและอาสาที่จะขับรถให้ผม


          ดินไม่พูดไม่ถามอะไรในขณะที่เราอยู่ด้วยกันเพียงสองคนบนรถยุโรปคันหรู นั่นทำให้บรรยากาศหนักอึ้งจนผมอึดอัด


          ผมไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองเอาเสียเลย ผมกำลังรู้สึกเหมือนถูกแฟนจับได้ว่านอกใจ


          ผมกำลังรู้สึกผิดต่อดินจนแทบจะไม่กล้าเงยหน้าสู้สายตาที่คอยชำเลืองมองผมผ่านกระจกมองหลัง


          “...........ทำไมถึงเป็นฟ้าล่ะครับพี่มังกร” เสียงทุ้มของดินเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบที่แสนอึดอัด แต่ทว่าคำพูดที่ดินเอ่ยกลับยื่งทำให้บรรยากาศยิ่งหนักอึ้งขึ้นไปอีก


          “อะ อะไรนะดิน”


          “ทำไมพี่ถึงเลือกฟ้า.....” เสียงของดินจริงจังอย่างที่ผมเองก็ตกใจ


          “ดินพูดอะไร พี่ไม่เข้าใจ พี่กับฟ้าเราไม่ได้.....”


          “พี่มังกรกำลังหลงรักฟ้าครับ ถ้าเกิดพี่ยังไม่รู้ตัว”


          “ไม่ ไม่ใช่นะดิน ดินก็รู้คนอย่างพี่มันเลิกรักใครไปนานแล้วตั้งแต่.....” รู้สิ ทำไมผมจะไม่รู้ตัวว่าเผลอไผลปล่อยความรู้สึกให้กับฟ้าไปอย่างไร แต่ผมเองก็ไม่อยากยอมรับมัน ผมยังคิดว่าผมสามารควบคุมความรู้สึกตัวเองได้


          “ตั้งแต่เรื่องพี่หนาวเหรอครับ งั้นผมขอพูดในฐานะคนที่เฝ้ามองพี่อยู่ตลอดเวลานะครับ พี่มังกรรู้มั้ยครับ ว่าผมเคยคิดว่าผมนี่แหละคือคนที่จะยืนแทนที่พี่หนาว และผมนี่แหละคือคนที่จะทำให้พี่มีรอยยิ้มเหมือนสมัยที่พี่ยังมีพี่หนาวอยู่” บทจะพูดดินก็เล่นพูดเสียยาว


          “ดิน.....” ผมพูดอะไรไม่ออกรู้สึกโหว่งๆ ในอกแปลกๆ


          “แต่พี่มังกรรู้อะไรไหมครับ พี่มีรอยยิ้มแบบนั้นตอนที่อยู่กับฟ้าและผมเห็นมันมาเต็มๆ สองตา ผมไม่ดีตรงไหนเหรอครับ มีอะไรที่ผมขาดตกบกพร่อง พี่มังกรช่วยบอก ผะ ผม...ที.....นะครับ” เสียงทุ้มแน่นของดินค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสั่นเครือในตอนท้าย


          “ดิน.....ดินดีทุกอย่าง แค่พี่ไม่เหมาะกับดิน ดินอยู่กับพี่ก็มีแต่จะเสียใจ” ผมขยับตัวเลื่อนไปด้านหลังที่นั่งคนขับเพื่อหลบให้พ้นสายตาของดิน ยกมือขึ้นกอดตัวเองเพื่อระงับอาการสั่นไหวในอก


          ผม ไอ้ริวคนนี้กำลังหวั่นไหว ฟ้าก็คนหนึ่งแล้ว นี่จะยังมาเป็นแบบนี้กับดินอีก ริวคนเสเพลที่ไม่เคยสนใจใครมันหายไปไหนกันนะ


          เด็กสองคนนี้กำลังทำให้ผมสูญเสียความเป็นตัวเอง ผมต้องจัดการให้เด็ดขาด


          “ผมไม่เคยกลัว.....ที่จะเสียใจเพราะพี่ เพื่อ.....เพื่อพี่ผมให้ได้ทุกอย่าง.....พี่ก็รู้” ผมรู้สึกได้ว่าดินกำลังร้องไห้เพราะน้ำเสียที่ขาดเป็นห้วงๆ รุ่นน้องตัวสูงเหมือนนั่งนิ่งๆ แต่ก็ปล่อยให้น้ำตาทำหน้าที่ของมันโดยไม่ได้ยกมือขึ้นเช็ดแต่อย่างใด


          “ดิน.....”


          “ให้ผมเป็นอะไรก็ได้ เป็นสิ่งของ เป็นสัตว์เลี้ยง เป็นทาส หรือพี่จะให้ผมไปตายให้พ้นๆ สายตาตอนนี้ผมยังทำเพื่อพี่ได้.....อึก” ดินร้องไห้หนักขึ้นจนได้ยินเสียงสะอื้น






          “งั้นก็ไป.....ซะ.....” ผมรู้ว่ามันรุนแรงเกินจะรับ แต่ความรู้สึกในตอนนี้คือผมไม่อยากให้ดินเสียใจไปกว่านี้ ดินควรจะเลิกรักผม ยิ่งเปลี่ยนเป็นเกลียดไปเลยได้ยิ่งดี


          ผมกลืนก้อนแข็งๆ ลงคออย่างลำบาก ไม่รู้ทำไมคราวนี้ผมถึงได้เจ็บแปลบในอก ทั้งๆ ที่ผ่านมาผมก็ใช้คำพูดทำร้ายความรู้สึกดินมาตลอด


          “ทำไมไม่เป็นผมล่ะครับ ในวันที่พี่ยอมกลับมาเปิดรับใคร ทำไมคนคนนั้นถึงกลายเป็นฟ้า” ดินตอบผมทันควัน






          “ก็ถ้ารู้แบบนี้แล้วก็เลิกยุ่งกับพี่สักทีสิ จะให้พูดรึไงว่าดินไม่เคยอยู่ในสายตาพี่ หรือถ้าไม่งั้นก็ยอมรับสถานะที่ด้อยกว่าฟ้าซะ ทำได้มั้ยล่ะ” ผมเลวผมรู้ตัว แต่คงต้องอาศัยจังหวะนี้ทำให้ดินเกลียดผมอย่างถึงที่สุด






          “พะ.....พี่มังกรหมายความว่าอะไรครับ”






          “ก็หมายความว่า ถ้าดินอยากเป็นคนของพี่ ดินต้องยอมให้พี่มีฟ้าด้วยไงล่ะ” เกลียดสิ เกลียดกันให้มากๆ เลยยิ่งดี ผมมั่นใจว่าคนรักเดียวใจเดียวแบบดินต้องเกลียดข้อเสนอที่ผมกำลังยัดเยียดให้อย่างแน่นอน
 


















          “พี่.....พี่มังกร.....ถ้าต่อจากนี้ผมจะได้มีพี่ ผมยอมได้ทุกอย่าง” ดินตอบนิ่งๆ แผ่วเบาและผมกลับได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน








ออฟไลน์ Ryunosuke

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0






          ไม่นานดินก็ขับรถพาเราสองคนมาถึงร้านหรูที่จองไว้รับแขกสำคัญของบริษัท


          “เชิญครับ.....พี่มังกร คนสำคัญของผม” ดินจัดแจงจอดรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้กับผม


          “ดิน.....แน่ใจแล้วเหรอ” ผมยังไม่หายตกใจกับสิ่งที่ดินตอบรับ ทุกอย่างมันผิดพลาดไปหมด หรือผมกำลังประเมินความรักที่ดินมีให้ผมต่ำเกินไป






          “แต่ผมไม่คิดว่าฟ้าจะยอมหรอกนะครับ.....” ดินพูดก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมแล้วเดินนำเข้าร้านอาหารไป


 
 


          คำพูดและการตัดสินใจของดินทำให้อาหารชุดสุดหรูตรงหน้าไม่ถูกปากผมสักเท่าไหร่ ผมได้แต่ปั้นหน้ายิ้มแย้มรับแขกและเจรจาเพื่อไม่ให้เสียลูกค้าคนสำคัญ อีกอย่างท่านเมฆินทร์เองก็นั่งอยู่ข้างๆ ด้วย


          ลูกค้าสำคัญในคราวนี้เป็นตระกูลเจ้าของธุรกิจส่งออกรายใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศอย่างตระกูลทรัพย์ดำรง


          ผมรู้สึกคุ้นกับนามสกุลนี้มาก แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเสียทีว่าเคยเห็นเคยได้ยินมาจากที่ไหน


          ข้อมูลที่ผมได้รับจากส้มเลขาฯ ของผม มีเพียงแค่ทางตระกูลทรัพย์ดำรงอยากจะนำทายาทคนใหม่มาทำความรู้จักเพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจร่วมกันในอนาคต


          แต่เท่าที่กวาดสายตามองในตอนนี้ก็ยังไม่เห็นตัวทายาทที่ว่าเพราะที่นั่งเรียงกันอยู่ก็ล้วนแล้วแต่หน้าตาคุ้นเคยและมีอายุกันแล้วทั้งนั้น






          “ขอโทษครับที่มาสาย ผมเร่งแล้วจริงๆ แต่ติดลูกค้าใหญ่จากอเมริกาทำให้ล่าช้าครับ” เสียงที่ผมคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังจนผมสะดุ้ง ในใจได้แต่คิดว่าต้องไม่ใช่ ไม่ใช่ นะ.....


          “ลูกเอ็ม นั่งลงสิลูก ยืนค้ำหัวคุณมังกรเขาอยู่ได้ อย่าเสียมารยาท” เสียงของคุณหญิงตระกูลทรัพย์ดำรง เอ็ดเบาๆ ใส่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ


          “ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ มากกว่านี้ผมก็ทำมาแล้ว” นนท์ยิ้มมุมปากก็จะหย่อนตัวลงที่เก้าอี้ข้างคุณหญิงแม่


          “ซวยแล้ว.....” ผมได้แต่พึมพำกับตัวเอง นี่มันเรื่องอะไรกันนะ ทำไมคนที่ผมมีสัมพันธ์ด้วยมันดันเป็นคนที่มีผลในชีวิตของผมกันหมด


          ว่าแต่ ‘เอ็ม’ งั้นเหรอ นี่มัน ‘นนท์’ ชัดๆ


          “ไม่เป็นไรนะครับพี่มังกร ผมอยู่นี่” มือใหญ่ของดินคว้าหมับเข้าที่มือที่กำลังเงอะๆ งะๆ ทำอะไรไม่ถูกของผม


          “ท่านเมฆินทร์ คุณมังกร ดิฉันขออนุญาตแนะนำตัวลูกชายของดิฉัน ซึ่งจะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารคนใหม่ในอนาคต น้องชื่อ ธนนท์ ทรัพย์ดำรง หรือจะเรียกสั้นๆ ว่า ‘เอ็ม’ ก็ได้นะคะ น้องเอ็มแกเรียนจบด้านการตลาดจากอเมริกาได้หลายปีแล้วล่ะค่ะ แต่เพิ่งจะมาลงมือเอาจริงเอาจริงกับธุรกิจที่บ้านได้ไม่นาน ดิฉันเลยขออนุญาตใช้โอกาสนี้แนะนำน้องให้ท่านเมฆินทร์ และคุณมังกรได้รู้จักน่ะค่ะ” คุณหญิงแม่พูดยาวเป็นชุด


          “ครับ ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ ถ้ามีอะไรก็ติดต่อกับริวได้โดยตรงเลยนะครับ มังกรเนี่ยเรียกได้ว่าเป็นมือขวาของผมเลยครับ” ท่านเมฆินทร์เอ่ยเรียบๆ แต่กลับสร้างความหนักอึ้งให้กับผมอย่างมหาศาล


          “คุณมังกรเนี่ยทั้งเก่งทั้งน่ารักเลยนะครับ ต่อไปผมคงต้องฝากตัวด้วยนะครับ แล้วก็แม่ครับ ผมบอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกผมว่า ‘นนท์’ นี่ถ้าเกิดคนที่ผมอยากให้เค้าจำผมให้ได้จำผมไม่ได้ขึ้นมา ผมเสียหายนะครับ” นนท์เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกึ่งล้อเลียน


          “เห็นน้องเอ็มว่ารู้จักคุณมังกรมาก่อน น้องเอ็มเล่าให้ดิฉันฟังว่า คุณมังกรเก่งอย่างนู้นอย่างนี้ แถมหน้าตาดีเป็นที่หนึ่ง ขนาดดิฉันไม่รู้จักคุณมังกรมาก่อนยังเดาได้ตั้งแต่แรกเห็นเลยล่ะค่ะ” คุณหญิงแม่ยังเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับลูกชายสุดที่รัก


          “มะ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ยังไงก็ขอบคุณคุณ ‘เอ็ม’ มากนะครับ” ผมได้แต่น้อมรับแบบขอไปที ผมอยากให้การนัดรับประทานอาหารครั้งนี้จบลงโดยเร็วที่สุด






          อาหารเย็นมื้อนี้ดูจะเป็นไปด้วยดีในแง่การเจรจาธุรกิจ แต่กลับสร้างความลำบากใจให้ผมเป็นอย่างมาก


          ในช่วงท้ายของการรับประทานอาหารค่ำผมขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำเพราะไม่สามารถทนกับการปั้นหน้ารับแขกต่อไปได้ ผมพุ่งตรงไปที่อ่างล้างหน้าวักน้ำขึ้นสาดหน้าหวังจะไล่ความเครียดที่สะสมจนเกินพิกัด


          “อ๊ะ!!!” แต่ผมก็ต้องสะดุ้งเพราะสัมผัสที่เอวของผม


          “ออกมาเข้าห้องน้ำไม่ชวนกันเลยนะครับ คุณมังกร”


          “นะ คุณ ธนนท์”


          “เดี๋ยวนี้ทำไมพูดจาห่างเหินกับผมจังครับ พี่ริว” นนท์พูดพร้อมกับเดินเข้าประชิดจนตัวผมติดกับอ่างล้างหน้า


          “จะ จะทำอะไร” ผมผลักอกนนท์ให้ออกห่างตัว แต่ก็สู้แรงนนท์ไม่ไหว


          “ห่วงเนื้อห่วงตัวเป็นคนละคน กลัวผัวเด็กทั้งสองคนของพี่มันว่าเอารึไง”


          “พูดอะไรนนท์”


          “อย่ามาปฏิเสธผม ดิน กับ ฟ้า พี่คิดว่าผมโง่จนดูไม่ออกรึไงว่ามันสองคนคิดอะไรกับพี่ พี่เอาพวกมันไปแล้วสอง พี่จะรับผมเป็นผัวพี่อีกสักคนก็ไม่น่าจะมีปัญหามั้ง”






          “พี่นนท์ ปล่อยพี่มังกร ระวังคำพูดและให้เกียรติพี่มังกรด้วยครับ” ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรดินก็พุ่งเข้ามาแทรกระหว่างผมกับนนท์


          “นั่นไง ทาสรักผู้ซื่อสัตย์ ไอ้ดิน มึงมันโง่ มึงไม่รู้ตัวรึไง คนอย่างพี่ริวไม่เคยรักใครจริง ไม่สิอาจจะต้องเรียกว่าคนอย่างพี่ริวมันไร้หัวใจ ที่สำคัญต่อให้เขารักใครเป็นเขาก็ไม่ได้รักมึง คนที่มีโอกาสคือไอ้ฟ้า มึงได้ยินมั้ย คนที่พี่ริวให้ความสำคัญไม่ใช่มึง มึงกับกูเห็นมันมาเต็มสองตาด้วยกันทั้งคู่ อย่าทำเป็นแกล้งโง่อยู่เลย” สิ่งที่นนท์พูดกลับมาใส่ดินทำให้ผมสะอึกจนพูดไม่ออก


          ใช่ คนอย่างผมมันทิ้งความรักไปนานเหลือเกิน คนอย่างผมมันรักใครไม่เป็น


          “ผมยอมโง่พี่ ผมยอมเป็นอะไรก็ได้ อย่างน้อยวันนี้พี่มังกรก็บอกว่าผมเป็นคนของเขา พี่นนท์รู้มั้ยว่ามันทำให้ผมรู้สึกว่าคุ้มค่าแค่ไหนที่ทำเพื่อใครคนหนึ่งมาตลอด พี่กลับไปเถอะ อย่าทำให้มันยุ่งยาก พวกเรายังมีหน้าที่ของเรา อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้ทุกอย่างมันพัง” ดินพูดนิ่งๆ พร้อมกับโอบแขนเข้ามากอดผมไว้


          คำพูดของดินทำให้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ภาพทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยทำกับดินมันย้อนขึ้นมาในความคิด ทั้งที่ผมทำเรื่องเลวๆ กับดินไว้มากมาย แถมยังคิดจะทำร้ายความรู้สึกให้ยิ่งสาหัสกว่าที่ผ่านๆ มา


          แต่ดินกลับไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดินยังเป็นดินคนเดิมที่เคยสารภาพรักกับผมเสมอมา


          “พี่นนท์กลับไปเถอะ วันนี้พี่มังกรจะกลับกับผม” ดินใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาผมเบาๆ


          “กูว่าพี่ริวจะหนีไปหาไอ้ฟ้ามากกว่าล่ะม้าง ฟ้ามันทั้งเด็กกว่า สดกว่า ไม่ว่ามึงหรือกูก็โดนเขี่ยทิ้งแล้วทั้งคู่นั่นแหละ” นนท์พูดเยาะเย้ย


          “ผมว่าพี่รีบกลับเถอะถ้าไม่อยากมีเรื่อง มือไม้ผมมันไม่ได้เบาเหมือนฟ้านะครับ” ดินพูดเสียงแข็งแต่ก็ยังพยายามควบคุมอารมณ์


          “กูว่ามึงถามพี่ริวดีกว่ามั้ยว่าเขาอยากกลับกับใคร ว่าไงครับพี่ริว จะกลับกับนนท์ หรือจะกลับกับดิน เอ้.....หรือว่าจะกลับไปหาน้องฟ้า.....”













          “พะ พี่จะกลับกับดิน!!!”






          *+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
นนท์ แบดบอย ชอบอ่ะ ขอนนท์เพิ่มอีกคนได้ไหม

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: ริว คนเสน่ห์แรง
ฟ้า ดิน นนท์ ไม่มีใครยอมใคร จมปลักรักหลงพี่ริวคนเดียว
ทุกคนมีความทรงจำกับริวทั้งนั้น
เอาไงล่ะ 4p เหรอ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
มีแต่คนอยากได้ ..

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Hotมากค่ะ มีแต่คนต้องการ เหมือนrare

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
นนท์รีบไปไกลๆ ดูเลวแบบนี้ พี่ริวควรมีแฟนสองคนค่ะ จะได้ต่อกรกับสารพัดอดีตคู่นอนของพี่ริวได้
อีกอย่างฟ้ากับดินมีศัตรูร่วมกัน แหม คุ้มกว่านี้ไม่มีแล้วพี่ริว  รีบๆตัดสินใจเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2017 21:36:38 โดย ❣☾月亮☽❣ »

ออฟไลน์ Goffylovelove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฟ้าเหลืองไปแล้ว ท่าทางรอบนี้จะโดนธรณีสูบนะพี่มังกร
หวั่นไหวซะขนาดนี้ก็ยอมๆ เด็กมันไปเถอะ งานดีงานละเอียดขนาดนี้

ออฟไลน์ Ryunosuke

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
อย่าลืมสิ...ว่าพี่เป็นเมียผม!!!






ตอนที่ 15 ความทรงจำของดิน






“พะ พี่จะกลับกับดิน!!!” คำพูดเพียงไม่กี่คำของพี่ริวทำให้หัวใจของผมพองโต


“ดินพาพี่กลับบ้านได้มั้ย”


“ได้สิครับ” พูดจบผมก็ประคองพี่มังกรและเดินนำไปที่รถ โดยไม่สนใจเสียงโวยวายของพี่นนท์ที่ยังให้ร้ายคนในอ้อมแขนของผมไม่ยอมหยุด


หลังจากประคองให้พี่มังกรนั่งลงที่เบาะหลัง ผมเดินอ้อมมาฝั่งที่นั่งคนขับ เข้าไปนั่งประจำที่โดยอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองคนสำคัญของผมอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าพี่มังกรได้นั่งอยู่ในท่าทางที่สบายที่สุด ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อพาเราทั้งคู่ออกจากร้านอาหารสุดหรูใจกลางเมือง









“พี่มังกรโอเคนะครับ” ผมอดไม่ได้ที่เอ่ยถามด้วยความเป็นหวง หลังจากได้เห็นสีหน้าติดกังวลของพี่มังกรผ่านกระจกมองหลัง


“พะ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันดิน เห้อ.....” เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าของคนสำคัญทำให้ผมอยากจอดรถเสียตรงนี้แล้วเข้าไปกอดปลอบให้มันรู้แล้วรู้รอด


“ผมอยู่ตรงนี้นะครับ อยู่ตรงนี้เสมอ” ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง ผมปลอบคนไม่เป็น แต่ผมรู้ว่าผมพร้อมทำทุกอย่างเพื่อพี่มังกร


“ขอบใจนะดิน ขะ ขอบใจ มาก ทะ ทั้งที่ อึก ทั้งที่ พี่ทำแบบนั้นกับดินมาตลอด อึก” ไม่อยากเชื่อว่าคนสำคัญของผมกำลังร้องไห้ พี่มังกรคนที่แทบจะไม่แสดงอารมณ์อ่อนไหวใดๆ ให้ใครเห็น


“ให้ไปส่งที่บ้านใหญ่เหรอครับ”


“อืม ฝากด้วยนะดิน พี่ขอพักสักหน่อย” พี่มังกรพูดในขณะที่ค่อยๆ เอียงศีรษะวางลงบนพนักพิงช้าๆ ดวงหน้าที่ออกไปทางสวยมากกว่าหล่อดูอ่อนล้าและอิดโรยกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยได้เห็นมา


ผมเลือกที่จะไม่ตอบอะไร แต่กดปุ่มอัตโนมัติให้พนักพิงเบาะหลังของพี่มังกรเอนลงในระดับที่จะทำให้คนสำคัญของผมได้มีพื้นที่ในการพักผ่อนมากขึ้น


ระหว่างทางผมอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาขึ้นมองคนสำคัญผ่านกระจกมองหลังอยู่เป็นระยะๆ ใครจะเชื่อว่าพี่มังกรอายุเข้าปีที่สามสิบเอ็ดแล้ว ใบหน้าเรียวไร้ซึ่งริ้วรอยและตำหนิ จมูกคมรั้นได้รูปเหมาะกับริมฝีปากเป็นกระจับสมส่วน


ถึงจะไปบอกใครว่าอายุเพิ่งจะยี่สิบผมว่าก็ไม่มีใครกล้าเถียง 


พี่มังกรไม่ใช่คนตัวสูง ถ้ากะด้วยสายตาก็คงราวๆ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามถึงหนึ่งร้อยเจ็บสิบห้าเซนติเมตร บอบบางแต่ก็มีกล้ามเนื้อชัดเจนอย่างคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ หน้าท้องเป็นลอนบางๆ ผิวขาวอย่างกับหยวกกล้วย ร้อยทั้งร้อยถ้าได้เห็นทั้งหมดอย่างที่ผมเคยเห็นจะเข้าใจว่าผมต้องอดกลั้นแค่ไหนเวลาที่อยู่ใกล้กับคนคนนี้


ไหนจะแรงดึงดูทางเพศมากมายมหาศาลที่แผ่ออกจากตัว ขนาดแต่งตัวซะมิเชิดยังฟุ้งกระจายออกมาจนผมทำตัวไม่ถูก แค่เมื่อกี้เจ้าตัวละเมอเอามือรั้งเนคไทและปลดกระดุมเสื้อออกเผยให้เห็นกระดูกไปปลาร้าที่เชื่อมกับหัวไหล่กลมมน นั้นยังเล่นเอาผมต้องรีบหลบสายตากลับมามองถนนเพราะกลัวว่าจะละสายตาออกมาไม่ได้อีก


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมจ้องมองพี่มังกรตอนหลับใหลไม่ได้สติ แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ผมจะสามารถห้ามคิดอกุศลที่มีต่อสิ่งสวยงามตรงหน้าได้


ถ้าถามว่าผมเจอพี่มังกรครั้งแรกเมื่อไหร่ คงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยผมเพิ่งจบมัธยมต้นใหม่ๆ ตอนนั้นผมอายุสิบสี่ย่างสิบห้า ผมเสียครอบครัวของผมไปจากอุบัติเหตุรถยนต์ตั้งแต่อายุสิบขวบ ความจริงพ่อของผมเป็นลูกชายคนโตของตระกูลเตชะรัตนบรรจง ตระกูลมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองไทย แต่พ่อกลับไปหลงรักหญิงชาวบ้านเจ้าของสวนยางเล็กๆ ทางใต้ พ่อจึงปิดบังฐานะของตนเองมาตลอดเพื่อเข้าหาแม่ของผม


อธิบายให้ง่ายกว่านั้นก็คือพ่อของผมเป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่านเมฆินทร์พ่อของฟ้า ท่านเมฆินทร์มารับตัวผมที่โรงพยาบาลหลังจากวันที่เกิดเหตุเพียงไม่กี่วัน รับเลี้ยงผมเป็นลูกบุญธรรมและให้ความสำคัญไม่ต่างจากลูกชายแท้ๆ ของตัวเองซึ่งในขณะนั้นอายุได้เพียงสามขวบ


ถึงอย่างนั้นผมเองก็รู้สึกเกรงใจท่านเมฆินทร์มาตลอด จึงได้หาโอกาสทำงานพิเศษต่างๆ เพื่อเอามาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน


ช่วงที่ผมกำลังจะขึ้นมัธยมปลาย ผมสอบเข้าเรียนได้ในโรงเรียนมัธยมปลายใจกลางเมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในโรงเรียนที่เก่งที่สุดของประเทศ นั่นทำให้ผมตัดสินใจขอท่านเมฆินทร์ออกมาอยู่หอด้วยตัวเองและหางานพิเศษทำอย่างจริงจัง


การตัดสินใจครั้งนั้นทำให้ผมได้พบเจอกับคนสำคัญของผม


ผมจะแอบมองเขาเสมอทุกๆ เช้าในวันที่ผมมาทำงานพิเศษในร้านฟาสต์ฟู๊ดชื่อดังที่มีสัญลักษณ์เป็นสีแดงและสีเหลือง


ทุกครั้งที่เขาเข้ามาผมต้องพยายามทุกอย่างเพื่อให้มั่นในว่าผมจะต้องได้เป็นคนรับออเดอร์ ผมต้องเป็นคนได้ไปเสิร์ฟ และผมต้องเป็นคนเก็บโต๊ะ


ผมยังจำวันแรกที่เขาเปิดประตูเข้ามาในร้านได้ดี ในตอนนั้นเข้าตัวสูงกว่าผมนิดหน่อย วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาจนผมทรงรากไทรที่ซอยไว้เป็นอย่างดีเปียกน้อยๆ และลู่ไปกับใบหน้าและลำคอระหง


“เอาชุดเบอเกอร์ปลาครับน้อง” ริมฝีปากสีอมชมพูตรงหน้าผมขยับขึ้นลง ผมต้องขอสารภาพเลยว่าในตอนนั้นหูมันอื้อไปหมดจนจับใจความอะไรไม่ได้


“..........” ยิ่งมือเรียวนั่นยกขึ้นปลดกระดุมคอเพิ่มขึ้นอีกเม็ดและขยับคอเสื้อขึ้นลงทำให้ผมถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื้อก


“อะ เอ่อน้องครับ น้องยังอยู่กับพี่มั้ย เหม่อไปถึงไหนแล้วนั่น......แล้ว เห้ย!!! เลือดกำเดาไหล น้องไม่สบายรึเปล่าเนี่ย” คนตรงหน้าพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาอังหน้าผากผมว่าตัวร้อนหรือไม่ แถมยังเอาผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวมาเช็ดเลือดกำเดาให้ผมอีก 


“คะ ครับ ขะ ขอโทษครับ พี่จะรับอะไรดีครับ” ผมรวบรวมความกล้าก่อนจะพยายามทำหน้าที่พนักงานที่ดีให้กับลูกค้าตรงหน้า


“ชุดเบอเกอร์ปลาครับเด็กน้อย” คนตรงหน้าผมพูดไปก็ยิ้มไปครับ แถมยังเอามือมายีหัวผมอีก


น่าแปลกที่คำพูดกับสัมผัสของคนตรงหน้าทำให้ผมอุ่นวาบไปถึงหัวใจ


“คะ ครับ เพิ่มขนาดเครื่องดื่มและเฟรนช์ฟรายส์ด้วยมั้ยครับ” ผมไม่กล้าสบสายตาคนตรงหน้าด้วยซ้ำ มันเหมือนแสงสว่างที่จ้าจนตาผมสู้ไม่ไหว






.....รักแรกพบ.....






จู่ๆ คำนี้มันก็ผุดขึ้นมาในหัวผมอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


“ได้เลยครับเด็กน้อย พี่ชอบโค้กใหญ่ๆ แล้วก็ช่วยตักเอาเฟรนช์ฟรายส์แท่งยาวๆ นะครับ” ไม่รู้ว่าเขาจงใจแกล้งผมหรือไม่ แต่คำพูดของคนตรงหน้าทำเอาผมคิดไปถึงไหนต่อไหนจนทำอะไรไม่ถูก


“เอาๆ พี่ไม่แกล้งแล้วครับ ทั้งหมดเท่าไหร่ครับเด็กน้อย”


“อะ เออ หนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าบาทครับ”


“เอานี่ แล้วก็ไม่ต้องทอนนะครับ คีย์เข้าเครื่องแค่ร้อยเก้าเก้าเป็นใช่มั้ย ที่เหลือเราก็เก็บไว้กินขนมเถอะ” ลูกค้าคนสำคัญของผมพูดจบก็ยื่นธนบัตรใบละพันมาให้


“มะ ไม่ได้นะครับ”


“เอาน่า พี่ชอบเด็กขยันๆ ที่สำคัญน่ารักขนาดนี้ โตขึ้นมาต้องหล่อแน่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”


“อย่าเลยนะครับพี่”


“อย่าดื้อสิครับเด็กน้อย งั้นเอางี้ พี่ขี้เกียจยกไปเอง เด็กน้อยเอาไปเสิร์ฟให้พี่แล้วกัน แล้วถ้าวันต่อๆ พี่มาแล้วเราเจอพี่อีกก็มาเสิร์ฟให้ประจำ แบบนี้ดีมั้ย ถือว่าให้ค่าจ้างล่วงหน้าไงครับ”


“ถะ ถ้าแบบนั้น ก็ได้ครับ” นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมประทับใจเขามากขึ้นทุกวัน


“พี่นั่งโต๊ะริมหน้าต่างนะครับเด็กน้อย” คนตรงหน้าส่งยิ้มน้อยๆ พร้อมขยิบตาก่อนจะรับใบเสร็จจากมือผมไป


คนคนนี้มีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ แถมยังบริหารมันเป็นอย่างร้ายกาจ


“คะ ครับผม ผมจะรีบไปส่งให้นะครับ” ทันทีที่ผมตอบรับลูกค้าคนสำคัญเสร็จ ก็รีบกุลีกุจอหันกลับไปเตรียมของในครัวจนแม้แต่พี่ๆ พนักงานด้วยกันยังแซว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2017 21:47:19 โดย Ryunosuke »

ออฟไลน์ Ryunosuke

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0





ความทรงจำของวันแรกที่พบกันมันน่าจะสวยงามกว่านี้ถ้าไม่มีกลุ่มเด็กมัธยมปลายจากโรงเรียนชายล้วนชื่อดังสีชมพูฟ้าที่นั่งรวมกลุ่มกันอยู่ระหว่างทางก่อนที่จะถึงที่นั่งของคนคนนั้น


“เห้ย.....น้องชุดนักเรียนคนนั้น บ้านจนมากเหรอ”

“เออว่ะ แมร่งหน้าตาผิวพรรณก็ดูผู้ดีนี่หว่า ทำไมต้องมาทำงานแบบนี้วะ”

“สงสัยแม่ทิ้งไปมีผัวใหม่”

“กูว่าแกล้งมันดีมั้ย”

“เออดี มั่นไส้แมร่ง แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่พวกเราพูด”


คำพูดเหยียดหยามมากมายดังกระทบเข้ามาในโสดประสาทในระหว่างที่ผมกำลังยกถาดอาหารไปให้ลูกค้าคนสำคัญ ผมเจอแบบนี้มาจนชิน น่าแปลกที่สังคมไทยในสมัยนั้นกลับมองเด็กที่ออกมาหางานพิเศษทำอย่างเหยียดหยาม แทนที่จะให้ความชื่นชมกับความขยันขันแข็งอย่างทุกวันนี้


“ขอบคุณนะครับเด็กน้อย แล้วก็ไม่ต้องไปสนใจพวกนั้น มันทำได้แค่เห่า เด็กอย่างเรามีคุณค่าเกินกว่าจะเอาตัวไปแลกนะครับรู้ไหม” ลูกค้าคนสำคัญของผมพูดขึ้นหลังจากที่ผมวางถาดอาหารลงอย่างระมัดระวัง


“คะ ครับผม” มือเรียวของคนตรงหน้าวางลงบนหัวผมเบาๆ อีกครั้งแล้วที่สัมผัสของคนคนนี้กำลังเล่นงานหัวใจผม


“แล้วอย่าลืมที่เราคุยกันนะ เจอพี่เมื่อไหร่ต้องเป็นคนบริการนะครับเด็กน้อย” พูดจบปั๊บก็ยิ้มปุ๊บ สว่างสไสวจนผมแทบไม่กล้าสบตา


ผมทำได้แค่ค่อยๆ เดินจากมา แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเป็นระยะๆ นั่นทำให้ผมไม่ได้ระวังตัวจนกระทั่ง


โครม!!! ผมเสียหลักล้มคะมำหน้ากระแทกพื้นจนปากแตก


“ไอ้โง่เอ้ย จนแล้วยังโง่ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ” ผมหันกลับมาตามเสียงนั่น ถึงได้รู้ว่าหนึ่งในกลุ่มเด็กชายล้วนกางเกงดำนั่นตั้งใจยื่นขาออกมาจากที่นั่งเพื่อแกล้งผม


“นั่นมันพี่มังกรรุนพี่โรงเรียนกูแถมเป็นเดือนวิทยาเชียวนะ ทั้งโง่ทั้งจนอย่างมึงเขาไม่แลหรอก”


พี่มังกร ลูกค้าคนสำคัญของผมชื่อพี่มังกรนี่เอง


“ใช่ ขนาดทั้งหล่อทั้งรวยอย่างกูเขายังไม่แล ต่ำๆ อย่างมึงคงได้แค่เห่าหอนมองเครื่องบินเท่านั้นแหละเว้ย” อีกคนที่เรียกได้ว่าหน้าตาดีโดดเด่นออกมาจากกลุ่มพูดขึ้นสำทับ


“จริงของมึงไอ้เชี่ยเอ็ม กูเห็นมึงโคตรจะเขาหาโคตรจะพยายามเปย์ พี่มังกรแมร่งไม่เห็นสน อีกอย่างแค่นึกถึงตีนพี่หนาวกูก็ขนลุกแล้วว่ะ แมร่งคู่รักอมตะจริงๆ” คนที่นั่งตรงข้ามไอ้หน้าหล่อเสริม


“เชี่ยมึงจะขยี้หาพ่อง แค่นี้กูก็ช้ำใจจะแย่”


“แล้วมึงเหวออะไร เตะขากูทำไมไม่ขอโทษ” ทุกสายตากลับมาจดจ้องผมอีกครั้ง


“ขอโทษครับ” ผมไม่อยากมีเรื่อง อีกอย่างคนสำคัญของผมเพิ่งบอกว่าอย่าเอาตัวไปแลกกับคนพวกนี้


“ขอโทษ แต่กูไม่หายว่ะ กูจะเอาคืน” เด็กชายล้วนตรงหน้ายืนขึ้นเต็มความสูงพร้อมแก้วน้ำอัดลมในมือ ผมได้แต่ยกมือขึ้นแล้วหลับตาปี๋เตรียมรับน้ำรสซ่าสีดำเย็นๆ ในแก้วนั้น


แต่จนแล้วจนรอดผมกลับไม่รู้สึกถึงละอองน้ำใดๆ จนผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วพบกับใบหน้าของคนที่ทำให้หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ


พี่มังกรเอาตัวมาบังผมไว้จากน้ำอัดลมทั้งแก้ว!!!


“พะ พี่มังกร”
“พี่มัง.....”
“ซวยแล้ว.....”
“พี่ผมขอโทษครับ”


และอีกหลายเสียงขอโทษขอโพยที่ตามมาหลังจากที่คนตรงหน้าหันกลับไปเผชิญหน้ากับเด็กชายล้วนทั้งกลุ่ม


“พวกมึงรู้จักกูด้วย? ถ้าพวกมึงยังมีความเคารพกูในฐานะรุ่นพี่ พวกมึงต้องขอโทษเด็กคนนี้เดี๋ยวนี้!!!” เสียงของพี่มังกรเบ็นชาและแข็งกร้าวจนเล่นเอาผมยังสะดุ้ง ผมไม่กล้าสบสายตาใครได้แต่มองแผ่นหลังที่เปียกโชกไปด้วยน้ำอัดลมของคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิดที่เต็มเปี่ยม


พี่มังกรไม่ควรต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้เพราะผมเลย


“ตะ แต่ มันเป็นแต่เด็กเสิร์ฟนะ.....”


“แล้วไงวะ เด็กเสิร์ฟแล้วเป็นไง วันหนึ่งคนอย่างมันอาจจะได้ดีกว่าพวกมึง วันหนึ่งพวกมึงอาจจะเป็นแค่เศษเล็บเศษขี้ตีนของเด็กคนนี้ก็ได้ ถ้าสันดานดูถูกคนของพวกมึงมันยังแก้ไม่หาย”


“ขะ ขอโทษครับ พี่มังกร”


“กูบอกให้ขอโทษเด็ก ไม่ใช่ขอโทษกู” บทจะโหดพี่มังกรก็แผ่รังสีอำมะหิตไปทั่ว จนบรรยากาศเงียบกริบไปทั้งร้าน


“เออ เออ ขอโทษ”


ผั่ว!!! “พูดให้มันดีๆ เป็นไหม” พี่มังกรตบหัวเด็กชายล้วนตัวปัญหา แรงเสียจนแทบจะกระแทกกับโต๊ะ


“คะ ครับ ขอโทษครับน้อง”


“มะ ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบรับเบาๆ ใจจริงก็ไม่ได้อยากให้เรื่องราวใหญ่โตอะไรขนาดนี้


“มานี่มาเรา มานั่งกับพี่นี่มา” พี่มังกรพูดพลางดึงมือผมไปทางโต๊ะที่เขานั่ง


“คะ คือ.....”


“ไหนพี่ดูหน่อย ปากแตกเจ็บมั้ยครับ มีแผลตรงไหนอีกรึเปล่า” เสียงพี่มังกรในตอนนี้อ่อนโยนเสียจนลืมเสียงพญามังกรเมื่อครู่ไปเป็นปลิดทิ้ง 


“มะ ไม่แล้วครับ อะ เออ ผมว่าพี่เอาเงินที่พี่ผมไปซื้อเสื้อใหม่แทนดีไหมอะครับ” บอกตามตรงผมโคตรรู้สึกผิด ยิ่งได้เห็นชัดๆ ว่าเสื้อนิสิตของพี่มังกรเปียกยาวตั้งแต่หัวไหล่ไปจนถึงเอว ผมยิ่งรู้สึกแย่


“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพี่โทรให้คนเอาเสื้อมาให้ใหม่ได้ครับ” ว่าจบพี่มังกรก็ยกโทรศัพท์มือถือจอสีรุ่นแพงที่สุดในสมัยนั้นขึ้นมาแนบหูทันที




[ฮาโหล หนาววว เอ็งค้าบบบบ จอดรถเสร็จรึยังอ่า] พี่มังกรกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์มือถือ หวานเสียจนผมเคลิ้ม เมื่อกี้มันอะไร น้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้น ผมอยากให้พี่เขาใช้กับผมบ้างจัง

[ฝากเอ็งเอาเสื้อนิสิตตัวใหม่จากในรถมาหน่อยสิค้าบ]

[อะ เอ่อ ไม่มีไรมากหรอก ก็แค่พวกรุ่นน้องโรงเรียนเอ็งมันก่อเรื่องนิดหน่อย ข้าเลยต้องไปเคลียร์อ่า.....อย่าเพิ่งโวยจิค้าบ เอ็งใจเย็น.....หนาวใจเย็นสิค้าบ ริวไม่เป็นไรริวปลอดภัยดี]

[ค้าบ.....เอ็งรีบมาน้า ข้าหนาวจะแย่แล้ว.....ค้าบ.....รักมากเหมือนกันค้าบ]


สาบานได้ว่าเป็นการพูดกันด้วยสรรพนามเอ็งกับข้าที่หวานที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา


“ผมทำให้พี่เดือดร้อน พี่ไม่น่าต้องทำแบบนั้นเลย”


“คิดมากน่าเด็กน้อย”


“ผมต้องตอบแทนพี่”


“หูย เรื่องเล็กน้อยแบบนี้อย่าเก็บเอาไปคิดให้หนักหัวเลยเด็กน้อย”


“ไม่ได้ครับ ผมจะต้องตอบแทนพี่ให้ได้”


“แค่เป็นคนดีอย่างที่เป็นอยู่แบบนี้ โตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีก็พอแล้ว”


“ละ แล้วถ้าคนพวกนั้นไม่ยอมจบละครับ ถ้ามันมาทำพี่ลับหลังล่ะครับ”









“งั้นเอางี้.....เรามาตกลงกันนะเด็กน้อย”









“ได้ครับพี่อยากให้ผมทำอะไรผมทำให้พี่ได้ทุกอย่าง”









“รักษาตัวเองดีๆ โตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงและเข้มแข็ง”









“ไม่เอาสิครับแบบนี้ มันทำเพื่อตัวผมเองชัดๆ”









“เด็กน้อย ฟังให้จบก่อนสิครับ โตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี แล้วพอถึงวันนั้นเราก็สลับหน้าที่กัน มาปกป้องพี่แทนดีไหมครับ”








“ครับ ผมตกลง”



















ผมเองก็ไม่รู้ว่าพี่มังกรยังจำเรื่องราวในวันนั้นได้หรือไม่



















รู้แค่เพียงว่าผมจำมันขึ้นใจและยึดถือมันเหนือสิ่งอื่นใดในชีวิต









*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด