#Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Adlib1 Birthday Night P.9 [16/04/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Adlib1 Birthday Night P.9 [16/04/61]  (อ่าน 77124 ครั้ง)

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




สารบัญ

Chapter 1
Chapter 2
Chapter 3
Chapter 4
Chapter 5
Chapter 6
Chapter 7
Chapter 8
Chapter 9
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2018 20:47:49 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Chapter 1

ท่ามกลางความมืดมิดในฮอลล์ขนาดใหญ่ที่จุคนได้กว่าครึ่งหมื่น แสงสปอตไลท์นับสิบดวงบนหลังคาสว่างพรึ่บขึ้นพร้อมกันสาดลงมายังจุดศูนย์รวมเดียวบนเวทียกพื้นสูง ตกกระทบเรือนร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่ง โครงหน้าเรียวยาวรูปไข่รับกับดวงตากลมโตเป็นประกายและเรือนผมสีน้ำตาลแดงขับให้ใบหน้าดูหวานผิดกับลูกกระเดือกใหญ่แสดงสัญลักษณ์ความเป็นเพศชายที่กำลังเข้าสู่วัยหนุ่มเต็มที่ ยิ่งเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นสีขาวทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูเหมือนเจ้าชายน้อยผู้แสนอ่อนโยน
การปรากฏตัวของเขาสร้างเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งให้กับแฟนคลับที่รอชมการแสดง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเรียกชื่ออย่างพร้อมเพรียงกันดังกึกก้องพร้อมกับที่อินโทรเพลงดังขึ้น แต่สิ่งที่เรียกเสียงกรี๊ดได้กระหึ่มที่สุดเห็นจะเป็นตอนที่เสียงหวานใสราวกับระฆังแก้วขับขานบทเพลงกังวาลไปทั่วทั้งฮอลล์

เด็กหนุ่มเริ่มออกเดินไปรอบๆ พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นโบกทักทายแฟนคลับอย่างทั่วถึงไม่ว่าจะเป็นโซน VIP ติดขอบเวที หลุมยืนแสนทรหดหรือบนยอดดอยชั้นสองที่แลดูไกลสุดสายตารอยยิ้มสดใสนั้นก็ถูกส่งไปจนถึง

บทเพลงท่อนสุดท้ายจบลงม่านก็ค่อยๆ เลื่อนลงปิด เสียงของผู้ชมที่ดังเซ็งแซ่เริ่มซาลง เมื่อคนที่เพิ่งจะหายไปแหวกม่านออกมาให้เห็นแต่ส่วนหัวด้วยใบหน้าเอียงอายพร้อมกับขยิบตาให้ข้างหนึ่ง “ขอเวลาผมเปลี่ยนชุดแป๊บนึงนะครับ”

เพียงแค่นั้นก็กลับมาสร้างเสียงร้องอย่างบ้าคลั่งได้อีกครั้งเมื่อสาวๆ ต่างพากันจินตนาการเตลิดไปถึงเรือนร่างเปลือยที่ซ่อนอยู่หลังม่านก่อนที่เจ้าตัวจะผลุบหายเข้าไปอีกครั้ง




“ตอนที่พูดนั่นคงไม่ได้โป๊จริงๆ หรอกใช่ไหม” หนุ่มใหญ่วัยกลางคนซึ่งนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาหลุยส์ตัวยาวถามแกมบ่นกับคนที่นอนหนุนอยู่บนตัก เขาคือ ‘นายแพทย์ปรเมษฐ์’ หรือ ‘คุณหมอปีโป้’ เจ้าของห้องบนคอนโดชั้นที่ 16 ใจกลางย่านสุขุมวิทซึ่งขึ้นชื่อว่าหรูหราและแพงที่สุดแห่งนี้

“ให้ทาย” เด็กหนุ่มสวมชุดเสื้อยืดคอกลมย้วยๆ กางเกงขาสั้น ผมรองทรงชี้ฟูไม่เป็นทรงตอบ ถึงจะดูแตกต่างกันราวเทพบุตรกับยาจกแต่เด็กหนุ่มคนนี้คือ ‘นภธรณ์’ หรือ ‘นอฟ’ นักร้องที่กำลังร้องเพลงอยู่ในทีวีไม่ผิดแน่

“ปากดีไปอย่างนั้นสินะ” หนุ่มใหญ่ที่ถือครองรีโมทไว้พ่นลมออกจมูก “ว่าแต่แกจะออกไปจากตักฉันได้หรือยัง” บ่นพลางก้มลงมองเด็กหนุ่มที่นอนหนุนตักเขาสบายใจเฉิบ มือข้างหนึ่งคว้าป็อปคอร์นในจานซึ่งวางอยู่บนโต๊ะกระจกโยนใส่ปากเคี้ยวหยับๆ ทำเศษร่วงใส่เต็มเสื้อด้านหน้า

“ทำไม? ผมขอหนุนนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้ไม่ได้เหรอครับ” เด็กหนุ่มลอยหน้าลอยตาบอก

“มันปวดขา” ปรเมษฐ์บ่นพลางเหยียดขาออกเต็มที่ ดีดเด็กโข่งบนตักกลิ้งลงจากโซฟาไปนอนคว่ำหน้าบนพื้นพรมเสียงดังโครมใหญ่

“โอ๊ยยยย!”

“แกก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะนอฟ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วยังจะมาอ้อนอีก ถามจริง ผู้ชายแก่ๆ แบบฉันมันน่าอ้อนตรงไหน”

“36 ยังไม่แก่สักหน่อย” นภธรณ์ยังไม่วายตะกายขึ้นมาเท้าแขนบนโซฟาแล้ววางศีรษะลงบนหน้าขา “ท่านประธานแดนนี่ปีนี้อายุก็ปาไป 42 แล้วยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว ผมว่าผู้ชายวัยกลางคนนี่กำลังมีเสน่ห์เลยนะ” ปากพูดไปก็แนบแก้มถูๆ ไถๆ ท่อนขาแข็งแรงถึงจะเต็มไปด้วยขนหยิกหยอยแต่เขาก็ชอบตรงที่มันให้ความรู้สึกจั๊กจี้พิลึกดีนี่แหละ

“ปากหวาน” ปรเมษฐ์ชักขาหนีแต่คนที่หนุนอยู่ก็ยังไม่วายเลื้อยตัวตามขึ้นมาเกยอยู่บนตัก

“ยังไม่ได้ชิมรู้ได้ไงว่าหวาน”

“งั้นก็มาให้ชิมสิ”

สิ้นคำปรเมษฐ์ เด็กหนุ่มก็ดีดตัวขึ้นจากพื้นพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าคออีกฝ่ายโน้มลงมาแล้วทำปากยื่นปากยาวไปจุ๊บเบาๆ ครั้งนึง
มือใหญ่ยกขึ้นสอดเข้าไปตามไรผมก่อนจะเลื่อนลงไปคว้าคอเสื้อดึงให้ริมฝีปากที่ราวกับมีแม่เหล็กดูดนั้นออกห่าง หากคนอายุน้อยกว่าก็ยังเกาะไว้แน่นเป็นลูกลิง

“หมื่นนึงพอไหม” หนุ่มใหญ่ว่า

“เยอะจัง” นภธรณ์ยิ้มจนแก้มปริที่ปรเมษฐ์รู้ทันแผนอ้อนขอตังค่าขนมเพิ่ม มันช่วยไม่ได้จริงๆ นี่นาที่ไนกี้ดันออกรองเท้ารุ่นลิมิเต็ทอิดิชั่นมาตอนที่เงินค่าตัวเขายังไม่ออก เด็กหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บแก้มอีกครั้งแทนคำขอบคุณ “จริงๆ ผมอยากได้แค่ห้าพันเองนะเนี่ย แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับ ‘ป๊า’”

ปรเมษฐ์โคลงศีรษะเบาๆ กับลูกอ้อนของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ครอบครัวของเขาเป็นคนไทยแท้ๆ แต่ถูกเลี้ยงดูมาแบบฝรั่งตั้งแต่รุ่นปู่ย่าจึงไม่แปลกที่จะใช้การจูบหรือหอมแก้มเป็นการทักทายและแสดงถึงความรักในชีวิตประจำวัน

ถึงจะอยากดีดให้คนที่ยังไม่เลิกเกาะแข้งเกาะขาให้หน้าหงายอีกรอบด้วยความหมั่นไส้ แต่มือใหญ่ก็เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโอนเงินออนไลน์ให้ตามที่เจ้าตัวต้องการ “ไม่ต้องทอน พอดีเดือนนี้หุ้นที่ซื้อไว้ได้กำไรเยอะ"

ทันทีที่เสียงดังตึ๊งของข้อความแสดงยอดเงินคงเหลือในบัญชีที่เพิ่มมากขึ้น นภธรณ์ก็เบี่ยงตัวลงไปนั่งดีๆ บนอีกฟากของโซฟา “หมอก็จะเป็น หุ้นก็จะเล่น ป๊านี่ขยันจัง”

“ขนาดขยันขนาดนี้ ยังหาเงินเลี้ยงแกไม่ทันเลย”

“ผมไม่ได้ใช้เงินเปลืองสักหน่อย” นภธรณ์ค้อนไปหนึ่งที

“แค่ล้างผลาญ”

“ป๊า!”

“ฮะฮะ ล้อเล่นน่า ไปนอนได้แล้วไป พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้าแถมยังมีถ่ายรูปโปรโมทเพลงใหม่ต่อตอนเย็นอีกไม่ใช่เหรอ” ปรเมษฐ์หัวเราะลงคอพลางขยี้หัวลูกชายแรงๆ ครั้งหนึ่ง

“ป๊าก็ไปนอนด้วยกันสิ... นะครับป๊า นะ นะ น้าาา~”

ตาคมเหลือบมองนัยน์ตาเป็นประกายเว้าวอน แวบหนึ่งที่เริ่มใจอ่อนก่อนจะเม้มปากแน่นแล้วตัดสินใจผลักหัวกลมๆ นั้นให้พ้นมือ “โตจนอยู่ม.ปลายแล้วหัดนอนคนเดียวให้เป็นน่า”

นภธรณ์ทำแก้มป่องแล้วลุกขึ้นเดินกระแทกเท้าอย่างขัดใจปิดประตูปึงเข้าห้องไป ปรเมษฐ์ส่ายศีรษะอย่างจนใจกับความเอาแต่ใจของลูกชายคนเดียว แต่จะให้บ่นอะไรได้ล่ะ ในเมื่อเป็นความผิดเขาเองที่ตามใจจนเหลิงมาตั้งแต่เด็ก ไม่สิ! ถ้าจะพูดให้ถูกคือตั้งแต่เด็กคนนี้ลืมตาดูโลกขึ้นมาน่ะแหละ

มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เขาจะใจอ่อนและตามใจนภธรณ์ในทุกๆ เรื่องเพราะคนเป็นพ่ออย่างเขาคิดว่านี่เป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยเติมเต็มความรักที่ขาดหายของผู้เป็นแม่ไปได้

‘วาริณี’ หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ผู้ชายคนนี้จะขอมอบทั้งชีวิตและหัวใจให้ เธอจากไปในวันที่ให้กำเนิดเด็กชาย สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือใช้ชีวิตที่เหลือทุ่มเทดูแลลูกชายที่เธอทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า แม้ว่าตอนนั้นเขาจะเพิ่งอายุได้ 19 ปี และเป็นแค่นักเรียนแพทย์ปีสาม เขาทะเลาะกับที่บ้านยกใหญ่จนถึงขั้นไล่ออกจากบ้านและตัดหางปล่อยวัด แต่พ่อก็ยังใจดีพอจะไม่ทวงคอนโดกับรถคืน เงินเก็บเดิมก็พอมี ทำให้เขาพอหาลู่ทางเอาตัวรอดจนเรียนจบมาได้ ส่วนเรื่องเลี้ยงลูกชายนั้นแน่นอนว่าปัญหาเยอะอยู่แล้วตามประสาเด็กหนุ่มที่ไม่เคยทำอะไรเองแม้แต่ซักกางเกงใน แต่เขาก็ผ่านมันมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากกลุ่มเพื่อนสนิท ที่ช่วยกันเลี้ยงไปพลางเปิดคู่มือคุณพ่อมือใหม่ไปพลาง และช่วยกันปกปิดไม่ให้เรื่องรู้ไปถึงหูอาจารย์และทางมหาวิทยาลัย

สำหรับคนอื่นๆ อาจมองว่านี่เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ แต่สำหรับเขามันคือ ‘โชคชะตา’ ถึงตลอดเวลาสิบเจ็ดปีที่ผ่านมาจะมีทุกข์ถึงทุกข์มากจนถึงขั้นอยากจะหันหลังหนีหลายต่อหลายครั้ง แต่เสียงหวานที่ร้องเรียกชื่อเขากับมือเล็กๆ ที่เกาะชายเสื้อไว้ก็ฉุดรั้งให้เขาหันกลับมาได้เสมอ เมื่อหัวใจค้นพบว่าความสุขที่มีมันมากเกินพอจะถมความทุกข์นั้นจนเต็ม

ชายหนุ่มดึงตัวเองจากอดีตกลับมาปัจจุบัน เขากดปิดทีวีที่ภาพกำลังฉายเทปบันทึกภาพการแสดงคอนเสิร์ตของลูกชายก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ปรเมษฐ์เหลียวมองไปรอบห้องที่ว่างเปล่าอยู่อึดใจก่อนจะเดินเข้าห้องนอน ทำเป็นปากดีว่าจะให้นอนคนเดียวแต่ดูท่าแล้วคงเป็นเขาเองนี่แหละที่จะเหงาถ้าต้องแยกห้องกันนอน

ตาคมกวาดมองร่างที่นอนอยู่ในโปงผ้าที่เติบโตขึ้นจากเมื่อวันวานอย่างเอ็นดู

“ป๊า” นภธรณ์กระซิบขึ้นมาจากหมอนทั้งที่ยังไม่ลืมตา แต่รู้สึกได้ถึงแรงยวบบนเตียงข้างตัวด้วยน้ำหนักที่คุ้นเคย

“บอกให้นอนทำไมไม่นอน ฮึ เด็กดื้อ” ปรเมษฐ์บ่นไม่จริงจังพลางล้มตัวลงนอนหันหลังให้

“รอป๊าอยู่”

แม้จะงึมงัมตอบกลับมาด้วยความง่วงจัด ทว่านั่นก็เป็นความจริงอย่างที่สุด เพราะสองพ่อลูกอยู่กันตามลำพัง และด้วยหน้าที่การงานของปรเมษฐ์ที่ไม่เป็นเวล่ำเวลาเหมือนผู้ปกครองคนอื่นๆ บ่อยครั้งที่นภธรณ์ต้องอยู่คนเดียว ถึงจะยอมรับได้และไม่งอแง แต่เขาก็จะรอแม้จะดึกดื่น จนเป็นนิสัยและจะนอนหลับไม่สนิทจนกว่าป๊าจะกลับมา เอกรงค์เพื่อนสนิทของป๊าที่เป็นหมอเด็ก เคยบอกไว้ว่าเกิดจากการที่เขาขาดความอบอุ่นเพราะไม่มีแม่ กลัวว่าป๊าจะทิ้งไปไม่กลับมา

ซึ่งเขาเห็นด้วยนะ... เพราะถ้าไม่มีป๊า เขาก็คงไม่เหลือใครแล้วจริงๆ

(ต่อข้างล่างค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2017 01:58:13 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter1 [14/02/60]
«ตอบ #2 เมื่อ14-02-2017 02:00:00 »

(ต่อตรงนี้ค่ะ)

ทันทีที่เปิดประตูก้าวลงจากรถ เสียงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นก็เซ็งแซ่ขึ้นพร้อมกับเสียงรัวชัตเตอร์ทั้งจากกล้องโปรตัวใหญ่และโทรศัพท์มือถือที่สาดมาจากทั่วสารทิศ

ยังไม่ทันจะหันไปโบกมือให้กล้องพลันเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นก็ดังขึ้นพร้อมกับที่หลายๆ คนต่างพากันยกมือชี้ชวนไปยังยอดตึกสูงเจ็ดชั้นซึ่งเป็นตึกหลักของโรงเรียน มีแผ่นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ถูกปล่อยกางลงมาเป็นรูปถ่ายแบบเต็มตัวของนักร้องดังขวัญใจวัยรุ่นในชุดสูทสีขาว ยืนสองมือล้วงกระเป๋าขยิบตาให้ข้างหนึ่ง ใต้ภาพมีเครดิตเจ้าของภาพนี้ซึ่งเป็นเว็บไซต์แฟนคลับหรือที่เรียกกันในวงการว่า ‘บ้าน’ ชื่อ @mynovember

“พี่นอฟ ไฟต์ติ้งงงง!!!”

นักร้องหนุ่มเจ้าของรูปพยักหน้าพร้อมกับโบกมือให้ครั้งหนึ่ง แต่เพียงเท่านั้นเจ้าของโปรเจคก็ยิ้มหวานกลับบ้านไปนอนตายตาหลับแล้ว

ถึงนภธรณ์จะรู้สึกประหลาดใจกับการต้อนรับสุดอลังการอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มากไปกว่าเดิมเท่าใดนัก เขาชินเสียแล้วกับการเป็นจุดสนใจตั้งแต่เด็ก ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นนักร้องโด่งดังอะไรหรอก และคำตอบนั้นก็อยู่ที่คนในชุดสูทเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าซึ่งนั่งอยู่ในรถ ไม่สิ! อันที่จริงใครๆ ก็พากันเหลียวมองตั้งแต่เห็นบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 7 สีดำปราดเปรียวพุ่งมาจอดเทียบที่หน้าประตูโรงเรียนแล้ว

“แฟนคลับเยอะนะเนี่ย” แล้วต้นตอของเสียงกรี๊ดอีกคนก็ถอดแว่นตาดำที่ใส่สำหรับขับรถออกเพื่อมองหน้าลูกชายให้ชัดๆ และนั่นยิ่งเรียกเสียงกรีดร้องให้ดังขึ้นไปอีก แต่ปรเมษฐ์ก็ยังคงไม่รู้ตัวและชะโงกหน้ามองไปรอบๆ อย่างสนอกสนใจโดยเฉพาะป้ายไวนิลขนาดใหญ่นั่น

นภธรณ์กรอกตามองบน “ไม่เท่าป๊าหรอกมั้ง”

“ตั้งใจเรียนล่ะ”

“จะพยายามให้ได้ตามเกณฑ์ของผมล่ะนะ” นภธรณ์ว่า ก็มันเป็นความผิดป๊าเองนี่นาที่ดันส่งต่อมาให้แต่โครโมโซมวายแต่ไม่ยอมแบ่งความฉลาดติดปลายหางตัวอสุจิมาให้บ้างเลย ตอนที่เพื่อนๆ ของป๊าซึ่งเป็นหมอมาช่วยติวให้เขาสอบเข้ามัธยมถึงขั้นบ่นกันระงมว่าเขาเป็นลูกป๊าจริงไหม อย่างว่าแหละถ้าหากรูปหล่อขนาดนี้แล้วยังฉลาดอีก มันก็คงดีเกินไปเดี๋ยวใครๆ จะนินทาว่าพระเจ้าลำเอียง

“เย็นนี้ป๊าจะไปดูผมถ่ายปกหรือเปล่า” นภธรณ์ถามจริงจังแต่ก็ไม่ได้คาดหวังเพราะรู้อยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร ปรเมษฐ์ทำงานเป็นหมอสูติฯ ของโรงพยาบาลรัฐบาลที่งานยุ่งมากแค่ว่างมารับส่งเขาที่โรงเรียนได้สักเดือนละหน กินข้าวด้วยสัปดาห์ละครั้งนี่ก็ดีถมไปแล้ว

และครั้งนี้คำตอบของปรเมษฐ์ก็ยังคงเหมือนกับทุกๆ ครั้ง “ไม่ล่ะ มีผ่าตัด คงกลับดึกๆ เลย ยังไงวันนี้ให้ตฤณไปส่งที่บ้านเหมือนเดิมนะ” เขาหมายถึงผู้จัดการส่วนตัวที่ทางบริษัทต้นสังกัดส่งมาดูแล

“ครับ” นภธรณ์รับคำ แล้วรถเก๋งสีดำก็พุ่งทะยานออกไป เขามองส่งจนสุดสายตาเหมือนทุกครั้งก่อนจะเดินเข้าโรงเรียน แต่เขาก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อมีรุ่นน้องใจกล้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามายืนบิดกระมิดกระเมี้ยนตรงหน้า

“อะ... เอ่อ... พี่นอฟคะหนูขอลายเซ็นได้ไหมคะ”

หน้าหล่อตรึกตรองอยู่อึดใจ เขาไม่ใช่คนหยิ่ง แต่ได้หนึ่งแล้วต้องมีสอง สาม สี่ตามมา และมันน่ารำคาญจนเกินไป เขาจึงเลือกที่จะโบกมือปฏิเสธ หากก็ไม่ลืมตวัดยิ้มให้หนึ่งฉับไปตามมารยาท เพราะถ้าเรทติ้งตกก็คงจะไม่งาม

แต่เพียงแค่นั้นน้องนางก็กรีดร้องราวกับคนเป็นบ้าก่อนจะวิ่งปิดหน้าปิดตาด้วยความเขินกลับไปหากลุ่มเพื่อนของเธอ

“แกรรรรร ฉันได้สบตาพี่เค้าด้วย!”

นภธรณ์พ่นลมออกจมูก แฟนคลับเขาแต่ละคนนี่เป็นพวกมักน้อยดีจังยิ้มให้แค่นี่ก็พอใจแล้ว เขากระชับสายกระเป๋าและออกเดินโดยไม่สนใจใครอีก

เดิมทีนภธรณ์ก็ไม่ได้หวังจะมาเป็นนักร้องอยู่แล้ว ทั้งหมดนี้มันก็เป็นแค่ความบังเอิญที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ในขณะที่เขากำลังนั่งคีบหมูย่างเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยอยู่กับป๊าซึ่งนานๆ จะว่างพามากินข้าวด้วยกันสักที ไม่รู้เหมือนกันว่าท่าเคี้ยวหมูอย่างตะกละตะกรามหรือลีลาการแคะขี้ฟันอย่างเมามัน ดันไปเข้าตาแมวมองจากบริษัทชื่อดังเข้าจึงมาขอทาบทามให้เขาไปทดลองแคสติ้งละครเรื่องหนึ่งในบทพระเอกวัยเด็ก

วันต่อมาเขาก็ลองไปตามสถานที่ในนามบัตรที่ให้ไว้ แน่นอนว่าไปคนเดียวเพราะปรเมษฐ์ต้องไปทำงานเหมือนอย่างเคย ผลการแคสติ้งเป็นไปอย่างรวดเร็วว่าไม่ผ่านเพราะนอกจากหน้าตาหล่อเหลาแล้ว แอคติ้งของเขานั้นดูเป็นธรรมชาติมาก... มากชนิดที่แทบแยกไม่ออกว่านี่คนหรือก้อนหิน

ถึงจะไม่ได้คาดหวังแต่เพราะทำเต็มที่และเขาเป็นพวกเกลียดการพ่ายแพ้เข้าไส้ นภธรณ์ก็เดินคอตกออกมาเข้าห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าเอาความเศร้าหมองออกก่อนไปเจอผู้คนบนท้องถนน เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตาตัวเองในกระจกแล้วก็คิดถึงใครคนหนึ่ง ทั้งที่จริงก็ไม่ได้อยากกวนแต่ก็อดใจกดโทรหาไม่ได้

“เป็นไงบ้าง” ปลายสายถามคำถามที่ราวกับรู้ว่าเขาต้องการโทรมาเพื่อบอกเรื่องอะไร

“ไม่ผ่านครับ” ทั้งที่คิดว่าเข้มแข็งแต่กลับได้ยินเสียงของตัวเองที่เหมือนจะสั่นนิดๆ

“จะให้ไปรับไหม”

ยิ่งน้ำเสียงปลายสายแสดงความอาทรมามากเท่าใด น้ำตาก็พาลจะไหล นภธรณ์ยกหลังมือขึ้นกดแน่นๆ ที่หัวตา พยายามทำเสียงให้เป็นปกติ “ไม่เป็นไรครับป๊า เดี๋ยวผมกลับเองได้ นั่งแท๊กซี่แค่นี้”

“เหรอ” แล้วปรเมษฐ์ก็เงียบไป นภธรณ์ได้ยินเสียงแว่วมาในสาย มันเป็นเสียงทารกกำลังร้องไห้กับเสียงที่เมื่อฟังจากเรื่องที่กำลังพูดแล้วป๊าคงอยู่กับนักเรียนแพทย์ไม่ผิดแน่ เขารู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่โทรมาตอนกำลังทำงานจึงรีบตัดบทเพื่อวางสาย “ขอโทษนะป๊าที่รบกวน... แค่นี้นะครับ”

แต่อีกฝ่ายกลับเรียกไว้ “นอฟ”

“อะไรอีกล่ะป๊า”

“ร้องเพลงให้ฟังหน่อย”

“ห๊ะ!” นภธรณ์ตอบรับงงๆ “จะบ้าเหรอป๊า ตอนนี้ผมอยู่ในห้องน้ำนะ ผมจะร้อง...”

“เพราะแกโทรเข้ามาเจ้าหนูนี่เลยตื่น” ปรเมษฐ์ว่า อันที่จริงเขาไม่ได้ยุ่งอะไรหรอกแค่กำลังซักถามนักเรียนแพทย์หลังจากทำคลอดเสร็จแล้วเพื่อประเมินความรู้เท่านั้น แล้วทารกน้อยตัวแดงซึ่งนอนอยู่ในตู้อบก็ร้องไห้จ้าขึ้นมาพอดีเขาจึงยุติการสอนและไล่ให้นักเรียนแพทย์ไปดูแลเด็กก่อน “ร้องสิเพลงอะไรก็ได้”

“ก็...” เพราะไม่อยากขัดใจป๊า นภธรณ์จึงฮึมฮัมทำนองเพลงแรกที่นึกขึ้นได้อยู่ในลำคอ ครู่หนึ่งเมื่อปรับอารมณ์ที่ขุ่นมัวของตัวเองให้สนุกไปกับเพลงได้ก็ค่อยๆ ถ่ายทอดเนื้อร้องออกมา

“รู้สึกดีขึ้นไหม”

“อืม” นภธรณ์สูดเสียงขึ้นจมูก การร้องเพลงมันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและลืมเรื่องเศร้าไปได้จริงๆ นั่นแหละ

“กลับบ้านดีๆ ล่ะ เดี๋ยววันนี้เลิกเร็วจะพาไปกินข้าวข้างนอกนะ”

“ครับ” นภธรณ์รับคำแล้วกดวางสาย

ทันใดนั้นประตูห้องน้ำด้านหลังเปิดออกพร้อมกับที่ผู้ชายตัวผอมแห้งท่าทางอมโรค ในชุดสูทสีน้ำตาลตัวหลวมโคร่งก้าวพรวดพราดออกมาหันซ้ายหันขวาท่าทางร้อนรน นภธรณ์ขยับหลบให้และกำลังจะออกจากห้องน้ำ แต่ผู้ชายคนนั้นหันมาคว้าไหล่เขาไว้

“เมื่อกี้เธอเป็นคนร้องเพลงเหรอ!” เขาตะโกนถามน้ำลายแตกฟองพร้อมกับชะโงกหน้าเข้าใกล้ จนเด็กหนุ่มเห็นเงาตัวเองบนกระจกแว่นตาหนาเตอะเหมือนเด็กเนิร์ดนั่น

“คะ... ครับ” นภธรณ์เบียดตัวหนีจนติดกำแพง ป๊าสอนเสมอว่าให้ระวังคนแปลกหน้า และผู้ชายคนนี้ก็หน้าตาแปลกๆ เสียด้วย

ชายหนุ่มทำตาโตก่อนจะทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าบนพื้นในท่าขอแต่งงานพร้อมกับกุมมือเขาไว้แน่น ดังนั้นถึงตอนนี้นภธรณ์อยากจะวิ่งหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว

“อย่าทำอะไรผมเลยนะครับ... เงินก็ไม่มี ถึงโทรศัพท์จะถ่ายรูปได้แต่ก็แค่ไอโฟนรุ่นเก่า แต่ถ้าคุณอยากได้ก็เอาไปเลยครับ ผมยกให้แล้วอย่าทำอะไรผมเลยนะ”

“ใครเขาอยากได้ของแบบนั้นกัน ฉันอยากได้อย่างอื่น”

“แล้วคุณจะเอาอะไร” เด็กหนุ่มสบสายตาที่อยู่หลังแว่นก่อนจะตวัดลงต่ำ พลันขนอ่อนก็ลุกซู่เขารีบหนีบขาตัวเองไว้แน่น “เห็นหน้าตาดีแบบนี้แต่ผมเป็นผู้ชายนะ”

คนแปลกหน้าเริ่มจะทนการต่อล้อต่อเถียงไม่ไหว เขาลุกพรวดขึ้นแล้วชะโงกหน้าเข้ามาจนชิด “ที่ฉันอยากได้น่ะคือเสียงของเธอต่างหากล่ะ”

“เสียง?” นภธรณ์ทวนคำงงๆ แต่ก็โล่งใจที่พรหมจรรย์ของตัวเองยังปลอดภัย

“เสียงของเธอเพราะมากเลย ทั้งหวานแล้วก็มีพลัง ได้โปรดมาเป็นนักร้องในสังกัดของเราเถอะนะ”

“เอ่อ... คือ... ผม...”

หลังจากการขอร้องที่ยิ่งกว่าตามตื๊อในวันนั้น นภธรณ์ก็กลายมาเป็นศิลปินเดี่ยวของบริษัท D&T media โดยมีผู้ชายหุ่นกระแหร่งคนนั้นหรือก็คือ ‘ตฤณ’ มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวที่คอยตามติดทุกฝีก้าว

หลังจากเปิดตัวซิงเกิ้ลแรก เสียงหวานๆ ของเขาก็ส่งเพลงให้ฮิตติดหูอย่างรวดเร็ว ประกอบกับใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ต้องผ่านปรุงแต่งและมาดคุณหนูที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทำให้เขาได้รับความนิยมทั้งในหมู่ลูกเด็กเล็กแดง วัยรุ่น รวมไปถึงสาวแก่แม่ม่ายที่แห่กันมาขอเป็นแม่ยก

******************************************************TBC***************************************

Happy Valentine day นะคะ❤ (เย้~ นึกว่าจะคลอดไม่ทันซะแล้ว)

Talk
เรื่องนี้ตั้งใจจะเขียนออกมาให้รอมคอมค่ะ แต่หลังจากเขียนไปได้สักพักก็พบว่ามันเป็น โรแมนติก-ดราม่า ที่มีกลิ่นอายคอมเมดี้... น้อย... มาก... มาก(หรือเปล่าวะ555)
เรื่องนี้ไม่มีฉาก CPR สุดอลัง ไม่มีผี ไม่มีเรื่องเหนือธรรมชาติและการย้อนเวลา มีแค่คนสองคนที่รักกันเท่านั้นค่ะ

ฝากน้องนอฟกับหมอโป้ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2018 02:10:25 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter1 [14/02/60]
«ตอบ #3 เมื่อ14-02-2017 08:15:57 »

รอๆๆ

ออฟไลน์ w-for-winnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter1 [14/02/60]
«ตอบ #4 เมื่อ14-02-2017 08:26:39 »

ว้าวว เรื่องใหม่มาแล้ว รอๆๆค่ะ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ว่าแต่พระเอก-นายเอกนี่คือหมอโป้กับน้องนอฟหรอคะ
ไม่ใช่ว่าเค้าเป็นพ่อลูกกันหรอกหรอ หรือว่าคนแต่งสร้างปมอะไรไว้อีก
เป็นลูกไม่แท้อะไรอย่างงี้?

มาต่อไวๆนะคะ <3

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter1 [14/02/60]
«ตอบ #5 เมื่อ14-02-2017 09:59:04 »

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter1 [14/02/60]
«ตอบ #6 เมื่อ14-02-2017 11:24:33 »

ว้าว เรื่องใหม่ๆ
คุณพ่อปีโป้กับน้องนอฟน่ารักจัง

ออฟไลน์ NoteZapZa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter1 [14/02/60]
«ตอบ #7 เมื่อ14-02-2017 12:25:10 »

อื่อหือ!!!!มีความรักต้องห้าม รอลุ้นเลน อยากรู้ว่าความรักฉบับบนี้จะจบยังไง ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ Lukaka

  • ★น้อยนิดมหาศาล★
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 613
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter1 [14/02/60]
«ตอบ #8 เมื่อ14-02-2017 13:49:45 »

"ฝากน้องนอฟกับหมอโป้ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ"

กลิ่น หอมๆ หวานๆ ปนกลิ่นบาป ลอยมาแตะจมูก ............. ทำไมนะทำไม

เพราะเป็นคนบาปสินะถึงได้กลิ่น รอติดตามตอนต่อป้ายยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter1 [14/02/60]
«ตอบ #9 เมื่อ14-02-2017 14:35:44 »


อยากเป็นเด็กป๋าๆๆๆๆ
คุณป๋าปีโป้งานดีจังเลยค่าาาา
ลูกก็หล่อ พ่อก็ดี บอกเลยว่าตอนฉากคอนเสิร์ตน้องนอฟนี่รู้สึกเหมือนโดนปลุกความเป็นติ่งในตัวคุณมาก
อยากจะไปโบกป้ายไฟอยู่หน้าเวที ก๊ากกกกกกกกกกกกกกก

รออ่านตอนต่อไปนะฮะ มาโบกธงทีมคนแก่ (แต่เอ๊ะ? 36 นี่ไม่แก่เนอะ ถถถถถถถถถ)

 :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter1 [14/02/60]
« ตอบ #9 เมื่อ: 14-02-2017 14:35:44 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter1 [14/02/60]
«ตอบ #10 เมื่อ18-02-2017 19:48:37 »

Chapter 2

คอนเซ็ปต์ของซิงเกิ้ลใหม่นั้นคือ ‘Sin’ หรือ ‘บาป’ ดังนั้นจากที่เคยแต่งตัวด้วยชุดเสื้อผ้าง่ายๆ เสื้อยืดกางเกงยีนส์ สวมทับด้วยแจ๊คเก็ตเหมือนเพลงในอัลบั้มก่อนๆ นภธรณ์จึงโดนจับใส่เสื้อเชิ้ตเข้ารูปกางสแลคและรองเท้าหนังเพื่อให้ดูเป็นผู้ใหญ่

“อะไรคือ sin” เด็กหนุ่มเอ่ยถามกับผู้จัดการส่วนตัวหลังจากเห็นคอนเซ็ปต์เพลงเป็นครั้งแรกพลางมองสำรวจตัวเองในกระจกเงาแบบเต็มตัว ทีแรกเขาคิดว่ามันเป็น sin cos tan ด้วยซ้ำเพราะเพิ่งเรียนตรีโกณมิติมาหมาดๆ ก็งงๆ อยู่ว่าความรักมันเกี่ยวอะไรกับเลขคณิต ดีนะ! ที่คิดในใจไม่พูดออกไปไม่งั้นคงได้ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ พออ่านเนื้อเพลงแล้วถึงเข้าใจว่ามันน่าจะมาจากอย่างอื่นก็เลยรีบไปเปิดดิกฯ ดู “ผมอ่านเนื้อเพลงแล้วก็ยังงงๆ อยู่เลย ว่าแค่การที่ไปหลงรักคนๆ หนึ่งมันจะเป็นบาปตรงไหน ก็แค่เพลงแอบรักเหมือนๆ กับที่ผมเคยร้องไม่ใช่เหรอ”

“เพราะนี่เป็นความรักของผู้ใหญ่ไงมันถึงไม่เหมือนกัน” ตฤณยิ้มให้กำลังใจ “ลองค่อยๆ ทำความเข้าใจกับเพลงในแบบของนายดู”

ถึงจะฟังดูเป็นเรื่องไม่ยากแต่กลับไม่ง่ายเลย สำหรับเด็กหนุ่มผู้ซึ่งไม่เคยมีความรัก

เพราะไม่เข้าใจในความหมายของบทเพลง ต่อให้นภธรณ์พยายามมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกออกมาต่อหน้ากล้องได้เลย และนั่นทำให้ใครคนหนึ่งหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

“ห่วยแตก!” เสียงแหบต่ำดังก้องไปทั่วสตูดิโอทำเอาบรรดาสตาฟพากันกลัวหัวหด “นี่น่ะเหรอไอดอลเด็กที่เพิ่งได้รับรางวัลนักร้องหน้าใหม่คนล่าสุด ขนาดถ่ายรูปหมาแมวมันยังอินเนอร์ดีกว่านี้อีก”

“เอาแล้วไง” ตฤณเอ่ยกับตัวเองเสียงเบาก่อนที่จะรีบปราดเข้าไปประกบนักร้องในสังกัดทันทีเมื่อได้ยินเสียงโวยวายนั้น

เจ้าของระเบิดลูกโตนั้นคือ ‘ดุริยะ’ โปรดิวเซอร์ชื่อดังผู้ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นตำนานเพลงที่ยังมีชีวิต ด้วยวัยเพียงแค่ 40 ปีกับผลงานเกือบร้อยเพลง กว่าครึ่งหนึ่งได้รับรางวัลผลงานเพลงยอดเยี่ยมและไม่มีเพลงไหนที่ไม่ฮิตติดชาร์ตเพลง

“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับคุณดุริยะ พอดีว่านอฟเพิ่งรับโจทย์มาวันแรกก็เลยคงจะงงๆ อยู่บ้าง...”

“ห่วยก็คือห่วย คนแบบนี้มันไร้ความสามารถชัดๆ”
คนเกลียดความพ่ายแพ้กำมือแน่น “ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา”

ตฤณหน้าถอดสีพยายามยกมือขึ้นปิดปากเด็กหนุ่มไม่ให้เถียง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

“เธอว่าไงนะ!”

“ก็ปกติก่อนการถ่ายทำผมจะต้องได้รับเดโมเพลงมาฟังและศึกษาอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์ถึงจะเริ่มถ่ายปกและเข้าห้องอัดนี่นา จู่ๆ คุณมาโยนเพลงให้ผมเมื่อกี้แล้วก็ถ่ายเลย ใครมันจะไปทำได้ละครับ”

“นั่นไม่ใช่ข้อแก้ตัวของมืออาชีพ! ฉันผิดหวังในตัวเธอจริงๆ” ดุริยะกล่าวเสียงเฉียบ

“เอ่อ... คุณดุริยะใจ... เย็นๆ... ก่อนนะครับ” ตฤณพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่ก็จนปัญญาเมื่ออีกคนร้อนดั่งไฟ และอีกฝ่ายก็เหมือนน้ำมัน

“คุณก็ให้เวลาผมหน่อยสิ ผมรับรองว่าจะทำให้คุณพอใจจนร้องว้าวให้ได้”

ตฤณจะเป็นลมแล้วตอนนี้ ไม่มีใครที่กล้าเถียงดุริยะแล้วยังมีชีวิตสงบสุขบนเส้นทางบันเทิงมาก่อน เขาเหลือบตามองโปรดิวเซอร์หนุ่มแทบจะเห็นเส้นเลือดที่ข้างขมับเต้นตุบๆ คล้ายกำลังขบคิดอะไรอย่างหนัก

“พักกองสิบนาที!” เจ้าของเพลงประกาศลั่นแล้วหมุนตัวกลับไปกระแทกตัวลงนั่งไขว่ห้างลงบนเก้าอี้ผ้าใบหลังจอมอนิเตอร์ สาวน้อยสองคนผู้ทำหน้าที่ดูแล VIP รีบกุลีกุจอเสิร์ฟน้ำและผ้าเย็นพร้อมกับช่วยกันพัดวีเพื่อให้อารมณ์เย็นลง

ตฤณถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะกวักมือเรียกบรรดาช่างแต่งหน้าให้กรูกันมาช่วยซับมัน เติมแป้งและเซ็ตผมให้นภธรณ์ที่ยังคงยืนตัวแข็งทื่อ มือกำเป็นหมัดแน่นด้วยยังโกรธจนทำอะไรไม่ถูกที่โดนต่อว่ารุนแรงขนาดนี้เป็นครั้งแรก สมองตื้อไม่รับรู้อะไร ถึงจะปากดีไปแบบนั้นแต่เอาเข้าจริงก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง จนกระทั่งเสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้นที่ประตู

“ขออนุญาตครับ ผมมาหาลูกชาย”

“ป๊า!” เด็กหนุ่มโบกมือเรียกคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในสตูดิโอ พร้อมกับวิ่งเข้าไปหาลืมความเศร้าทั้งหมดไปชั่วขณะ “ไหนป๊าบอกจะไม่มาไง”

ปรเมษฐ์ค้อมศีรษะทักทายคนอื่นไปรอบๆ ถึงจะไม่ค่อยได้มากองถ่ายแต่ทีมงานทุกคนก็รู้จักเขาเป็นอย่างดี ด้วยอัธยาศัยไมตรีที่มอบผ่านขนมของกินทุกครั้งที่นภธรณ์มาทำงานอีกทั้งยังเป็นคนไม่จู้จี้ ไม่เรื่องมากยิ่งรวมกับท่าทางภูมิฐานใบหน้าหล่อเหลาจึงทำให้เขาถูกจัดเข้าอยู่ในกลุ่มผู้ปกครองดีเด่นของโพลเจ้าหน้าที่กองถ่าย “พอดีเสร็จเร็วเลยแวะมา แล้วนี่แกใกล้เสร็จหรือยังล่ะ”

“อีก... แป๊บนึงครับ” นภธรณ์ตอบไม่เต็มเสียง เขาเคยให้สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ท้อและไม่ทำให้คนอื่นโดยเฉพาะพ่อไม่สบายใจในทางที่ตัวเองเลือกแล้ว

แต่มีหรือความไม่สบายใจนั้นจะเล็ดลอดสายตาเฉียบคมได้ “โดนดุเหรอ”

นภธรณ์ย่นปาก ทั้งรู้สึกแย่แต่ก็ดีใจไปพร้อมๆ กัน “ผมพยายามแล้วแต่... มันก็ยังออกมาไม่ดี”

“แล้วยังไง ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าไปเถียงกับเขามาใช่ไหม”

นภธรณ์กรอกตา ไม่มีอะไรที่พ่อเขาดูไม่ออกจริงๆ “ก็มันไม่แฟร์นี่นา”

“ขนาดรูจมูกสองข้างของแกยังไม่เท่ากันแล้วแกจะมาถามหาความยุติธรรมอะไรกับใจคนอื่น” ปรเมษฐ์กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นตรงหน้า “จำไว้นะนอฟ โลกของการทำงานไม่มีใครสนใจหรอกว่าแกพยายามเหนื่อยหนักแค่ไหน ทุกคนสนใจแค่ผลลัพธ์ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะโดนต่อว่าอะไรแกต้องยิ้มรับแล้วท้าทายกลับไปว่าแกทำได้ การไปเถียงกับเขานั่นคือการที่แกแสดงความอ่อนแอให้เห็น และคนที่แพ้ก็คือตัวแกเอง... แกอยากเป็นไอ้ขี้แพ้เหรอนอฟ”

นภธรณ์ส่ายหน้า สีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

“งั้นก็สงบสติอารมณ์กลับไปตั้งใจทำงาน แล้วก็อย่าลืมขอโทษเขาด้วยล่ะ”

นภธรณ์พยักหน้า

รอยยิ้มค่อยๆ คลี่ขึ้นบนริมฝีปากปรเมษฐ์ลูบศีรษะลูกชายที่เริ่มมีทีท่าอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดพลางกวาดตามองชุดไม่คุ้นตาที่เด็กหนุ่มสวมใส่ตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วย่นคิ้วเข้าหากันด้วยไม่ชอบใจกับกระดุมเสื้อเชิ้ตที่โดนปลดออกไปถึงสามเม็ด อีกเพียงแค่นิดเดียวก็จะแหวกจนเห็นสะดือแล้ว “คอนเซ็ปต์อะไรเนี่ย”

“Sin”

“ซินเดอเรลล่า?”

“ช่ายยย ผมต้องสวมบทเป็นเจ้าหญิงแสนสวยที่นั่งตะไบเล็บรอเจ้าชายเอารองเท้าแก้วมาใส่ให้น่ะ...เหวยยย! ไม่ใช่แล้วป๊า s-i-n ซิน ที่แปลว่าบาปต่างหากล่ะ” หลังจากโดนสั่งสอนไปชุดใหญ่จนได้สตินภธรณ์ก็กลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง

“แกไปทำอะไรถึงจะเป็นบาป”

นภธรณ์นึกแปลกใจเล็กๆ ที่จู่ๆ พ่อก็เกิดสนใจงานของเขาขึ้นมา ตั้งแต่เดบิวต์จนอยู่ในวงการนี้มาร่วมสองปี ออกผลงานมาหนึ่งอัลบั้ม ทั้งออกรายการโทรทัศน์ ขึ้นคอนเสิร์ตก็หลายครั้งไม่เคยเห็นปรเมษฐ์จะอินังขังขอบอะไร แค่บอกว่าถ้าเป็นงานที่รักก็ทำไปแล้วก็ย้ำว่าต้องไปเรียนให้ครบและสอบให้ผ่านเท่านั้น “ผมต้องไปแอบชอบสาวรุ่นพี่ที่มีแฟนอยู่แล้ว”

“คือไปเป็นกิ๊กเขาว่างั้นเถอะ”

“ไม่ได้ไปเป็นกิ๊กซะหน่อย แค่แอบชอบแล้วก็พยายามทำทุกอย่างให้เขาหันมารัก”

“ฉันฟังยังไงก็กิ๊กว่ะ สิ่งที่แกพูดมามันคือการพยายามจะแย่งเขามาจากผู้ชายอีกคน ไม่งั้นเขาจะตั้งคอนเซปต์ว่า Sin ทำไม นี่แค่ตีโจทย์เพลงยังไม่แตกเลยนะแล้วแกจะร้องได้ไหมเนี่ย” ปรเมษฐ์พูดติดตลก แต่มันกลับเต็มไปด้วยสาระที่ทำให้เด็กหนุ่มม.ปลายผู้ไม่เคยมีความรักพอจะเข้าใจได้

นภธรณ์พยักหน้าตามนึกขอบคุณในใจสำหรับคำแนะนำแต่ก็อดแซวไม่ได้ “ทำเป็นว่าผม ป๊าร้องเพลงห่วยจะตาย”

“เรื่องร้องเพลงกับตีโจทย์มันคนละเรื่องกันเว้ย... เขาตามแล้ว รีบไปเข้ากล้องเถอะไปจะได้เสร็จเร็วๆ ฉันหิวข้าวแล้ว”

“รู้แล้วน่า”

นภธรณ์กำลังจะวิ่งกลับไปเข้ากล้องเมื่อมือใหญ่คว้าต้นแขนดึงให้หันกลับมา

“ความเซ็กซี่แบบผู้ใหญ่น่ะมันไม่จำเป็นต้องเปิดเผยเนื้อหนัง แต่ดูเซ็กซี่ออกมาจากข้างในผ่านแววตาและการกระทำต่างหาก” ปรเมษฐ์บอกพลางติดกระดุมเสื้อให้จนถึงคอ

“แต่ว่า...” นภธรณ์เหลือบตาไปยังทีมงานที่มองอยู่อย่างไม่แน่ใจ พยายามจะแกะเม็ดบนที่รัดคอหอยแน่นออกสักเม็ด แต่ก็โดนมือใหญ่ตีดังเพียะและติดกลับให้ตามเดิม

“เสน่ห์ของผู้ชายอายุน้อยกว่าคือการอ้อน ลองจินตนาการดูสิว่าจะทำยังไงให้ผู้หญิงคนนั้นยอมอยู่กับแกนานกว่านี้ และแค่นาทีเดียวหรือสองสามชั่วโมงมันก็ไม่พอ แกต้องการมากกว่านั้น ให้เขาอยู่กับแกทั้งวันทั้งคืนไม่ไปหาผู้ชายอีกคน” ปรเมษฐ์ลองยกตัวอย่างแต่ลูกชายก็ยังคงคิดไม่ออก เขาจึงเปลี่ยนตัวอย่างใหม่ “เอางี้... จำได้ไหมตอนม.สองที่แกไปดูหนังผีกับเพื่อนมาแล้วก็เกิดกลัวจนอยู่ห้องคนเดียวไม่ได้ ขนาดปวดฉี่จะราดที่นอนก็ยังไม่ยอมลุกไปเข้าห้องน้ำ...”

“โห ป๊า! มาเผาอะไรกันตรงนี้” นภธรณ์กระโดดปิดปากพ่อแทบไม่ทันพลางเหลือบตามองซ้ายขวาให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครได้ยินเรื่องน่าอายของเขา แต่เมื่อดูจากรอยยิ้มมุมปากของพี่ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองที่เพิ่งเดินผ่านไป เขาก็รู้ทันทีว่าเรื่องนี้ต้องโดนเหยียบกระจายภายในเช้าวันรุ่งขึ้นแน่ๆ หมดกัน! ภาพพจน์ที่สั่งสมมา

“อย่าเพิ่งขัดสิ” ปรเมษฐ์แกะมือลูกชายออกจากปากและพูดต่อ “แกกลัวมากที่ต้องอยู่คนเดียวในห้องที่ทั้งกว้างและเงียบ ต่อให้เปิดไฟก็ยังวังเวง แล้วคืนนั้นฉันอยู่เวร... ลองนึกดูสิว่าวันนั้นแกทำยังไง ฉันถึงยอมทิ้งงานทั้งหมดแล้วกลับไปนอนเป็นเพื่อนแก”

“ผม...”

เพราะลูกชายยังมีท่าทีลังเล ปรเมษฐ์จึงยกมือขึ้นกอดอกและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เลือกเอานอฟ ว่าคืนนี้จะนอนกับฉันหรืออยากโดนทิ้งให้นอนคนเดียว”

“ตะ... แต่เขาบอกว่ามันต้องเป็นรักแบบผู้ใหญ่ ไม่ใช่การเอาแต่ใจแบบเด็กๆ นะป๊า”

ปรเมษฐ์เลิกคิ้ว “แล้วที่แกทำนั่นเรียกเอาแต่ใจเหรอ?”

นภธรณ์ส่ายหน้า “ผมแค่อยากให้ป๊าอยู่ด้วย”

รอยยิ้มหยักขึ้นตรงมุมปาก ปรเมษฐ์ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้จับปลายจมูกโด่งแล้วบิดไปมา “นอนคนเดียวระวังแมวหง่าวมาหลอกนะ เด็กโง่” ขยิบตาให้ครั้งหนึ่งแล้วก็เดินแยกตัวออกไปยืนสังเกตการณ์อยู่มุมหนึ่ง ยังไม่ทันจะปักหลักได้เรียบร้อยผู้จัดการส่วนตัวของลูกชายก็เดินเข้ามาหา

“ว่างได้ยังไงครับ” ตฤณถามปรเมษฐ์เสียงเบาเพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่นที่เริ่มถ่ายแบบต่ออีกครั้ง

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มยามคุยกับลูกชายหายไปสิ้น เหลือเพียงความเครียดเขม็งในแววตา “ก็ไม่ได้เต็มใจจะว่างหรอก แต่เพราะนายดันเอ่ยชื่อหมอนั่นขึ้นมานั่นแหละ”

“ถึงกับนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยเหรอครับ”

“ไม่เชิง” ปรเมษฐ์ว่า “แต่มาดูให้เห็นกับตาก็สบายใจกว่าใช่ไหมล่ะ และนายก็คิดแบบนั้นไม่ใช่หรือไงถึงได้โทรบอกฉัน”

“ก็มันแปลกจริงๆ นี่ครับที่จู่ๆ โปรดิวเซอร์ระดับนั้นจะเสนอตัวมาขอทำเพลงเอง ถึงตอนนี้ชื่อของนอฟจะดังมากเข้าข่ายไอดอลแถวหน้าก็เถอะ” ตฤณว่า “แต่ทุกผลงานของเขาย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนราคาแพง ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเขาต้องการอะไรแต่เพราะเหตุผลทางธุรกิจท่านประธานจึงไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอของเขาได้”

“เรื่องนั้นผมเข้าใจ” ปรเมษฐ์บอกเพราะถ้าว่ากันตามตรงตัวเขาก็มีสายเลือดของนักธุรกิจไหลเวียนอยู่เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะทางแม่ที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโรงพยาบาล หรือฝั่งพ่อที่เป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่

ปากพูดไปแบบนั้น แต่กลับกำมือแน่นเมื่อทำได้แค่เฝ้ามองห่างๆ อย่างห่วงๆ เพราะนี่เป็นทางที่ลูกชายเลือกแล้ว

“เสียงนอฟนี่เพราะจริงๆ นะครับ” ตฤณเริ่มต้นโคลงศีรษะไปเบาๆ เข้ากับทำนองเพลงในอัลบั้มเก่าที่เปิดคลออยู่ “ผมก็ไม่อยากยอมรับหรอกนะ แต่ถ้าหากได้คุณดุริยะทำเพลงให้นอฟจะต้องดังได้มากกว่านี้ โอกาสที่แม่ของเขาได้ฟังก็จะมากขึ้น นึกถึงเรื่องนั้นแล้วผมยังขนลุกไม่หายเลยตอนที่นอฟให้สัมภาษณ์กับนิตยสารเมื่อครั้งเดบิวต์ว่ามาเป็นนักร้องเพราะอยากจะตามหาแม่น่ะ ถ้าแม่เขาได้ฟังแล้วยอมกลับมาเจอหน้ากันก็คงจะดีนะครับ”

“อืม” ปรเมษฐ์พยักหน้า “หมอนั่นมันร้องเพลงเก่งเหมือนแม่จริงๆ นั่นแหละ ไม่เห็นมีอะไรที่เหมือนผมสักนิด”

ตฤณหัวเราะ จากการคลุกคลีอยู่กับนถธรณ์มาสองปีเขาเองก็พอรู้วีรกรรมด้านอื่นๆ ของนักร้องในสังกัดอยู่บ้าง “แหม มีสิครับ อย่างน้อยก็ความหล่อไง”
“ขอบคุณครับ” ปรเมษฐ์ค้อมศีรษะ ก่อนจะทอดสายตามองไปยังคนที่กำลังพูดถึง

เด็กหนุ่มยืนอยู่หน้าแบคดร็อปสีขาวกระกระจ่าง ท่ามกลางสปอตไลท์ที่ส่องสว่าง ต่อหน้ากล้องตัวใหญ่และสายตานับสิบที่จับจ้องมา เขาปิดตาลงเพื่อหนีจากความกดดันรอบกายและดึงเอาความทรงจำในวันที่ผู้เป็นพ่อพูดถึงออกมา...

เขานั่งกอดเข่าคลุมโปงอยู่บนเตียงหลังใหญ่ ลูกตาที่โผล่พ้นขอบผ้าออกมากวาดมองไปรอบห้องอย่างตื่นตระหนก เมื่อจู่ๆ ฝนที่ตกหนักมาตั้งแต่ช่วงเย็นทำให้เกิดหม้อแปลงระเบิดจนไฟดับทั้งช่วงถนน

ในความมืดนั้นมีแค่เสียงสายลมหวีดหวิวกับเสียงฝนกระทบหน้าต่างราวกับข้างนอกนั่นมีใครมาเคาะเรียกให้เขาออกไปหา

ความรู้สึกทั้งหวาดกลัวและเหงาปะทุขึ้นในอก จนในที่สุดก็ทนไม่ไหวต้องคว้าโทรศัพท์มากดหาใครคนหนึ่ง

เสียงรอสายดังยาวนานแทบขาดใจเมื่อไม่มีคนรับสักที เขากดวางสายแล้วโทรใหม่อีกครั้ง... และอีกครั้ง จนกระทั่งเสียงนั้นแปรเปลี่ยนเป็นเสียงของคนที่คิดถึงสุดหัวใจ

“ว่าไง”


“พร้อมจะถ่ายหรือยัง” ดุริยะตะโกนถาม

เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับพยักหน้า สายตามองตรงไปข้างหน้ายังเลนส์กล้องตัวใหญ่ แต่ไม่ได้หยุดอยู่แค่ตรงนั้น เขามองลึกเข้าไปในนั้นราวกับจะให้ทะลุไปถึงดวงตาของช่างกล้องที่รอจับภาพอยู่

...ที่ยืนอยู่ข้างหลังกล้องนั่นคือป๊าสินะ... ทำไมป๊าเย็นชากับผมแบบนั้นล่ะ... ผมเป็นลูกคนเดียวของป๊านะ ผมเหงา ป๊ากลับมาอยู่กับผมได้ไหม... อย่าปล่อยให้ผมต้องทนเหงาอยู่คนเดียวแบบนี้สิหรือว่า... ป๊าไม่รักผมแล้วเหรอ?

“ดี” ตากล้องกระซิบพร้อมกับส่งสัญญาณมือให้ขยับเปลี่ยนท่าไปเรื่อยๆ

“คุณพูดอะไรกับเขา” ตฤณถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเด็กหนุ่มจากที่ก่อนหน้านี้ดูหลุกหลิกและยังไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกรักออกมาได้กลับเปลี่ยนท่าทีไปเป็นคนละคน ทั้งที่แค่ยืนมองเฉยๆ แต่สายตานั้นกลับเว้าวอนจนทุกคนที่อยู่ในที่นั้นรู้สึกปวดหนึบในอกจนอยากโผเข้าไปกอดปลอบแน่นๆ

“แค่แนะนำอะไรนิดหน่อย” ปรเมษฐ์ว่า ถึงผลลัพท์จะออกมาเป็นที่น่าพอใจแต่ทำไมเขากลับรู้สึกไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย เหมือนรู้สึกน้อยใจลึกๆ ที่เห็นลูกชายสุดที่รักไปอ้อนคนอื่นนอกจากเขา

และทุกอย่างนั้นก็อยู่ในสายตาของโปรดิวเซอร์ผู้คร่ำหวอดในวงการมากว่ายี่สิบปี ยิ้มเจ้าเล่ห์หยักขึ้นตรงมุมปาก ดุริยะยกมือขึ้นจับปลายคางครุ่นคิดกับเรื่องสนุกๆ ที่กำลังวางแผนจะทำ

“ไม่เลวนี่เจ้าหนู” ดุริยะเดินมือไพล่หลังเข้ามาในฉากหลังจากได้ภาพจนเป็นที่น่าพอใจ

“ขอบคุณครับ” นภธรณ์ตอบรับพร้อมกับยกหลังมือขึ้นปาดน้ำที่หัวตาดูเหมือนว่าเขาคงจะอินมากไปหน่อย

ทว่ามือของคนอายุมากกว่านั้นไวกว่า

เด็กหนุ่มพยายามเบี่ยงตัวหลบแต่ก็ไม่พ้นอุ้งมือใหญ่ที่ประกบรอบกรอบหน้า “เอ่อ... เมื่อกี้ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่เสียงดังใส่”

โปรดิวเซอร์ใหญ่เหลือบตาลงมองหยดน้ำที่ติดอยู่ปลายนิ้วคิดว่ามาพร้อมกับคำขอโทษจากความรู้สึกผิดจึงเอ่ยเสียงนุ่ม “ไม่เป็นไร ถือว่าเธอแก้ตัวได้ดี”

“ขอบคุณครับ”

ดุริยะกวาดตามองเด็กหนุ่ม รอยยิ้มที่กระจ่างเต็มหน้าอย่างไร้เดียงสาเพียงแค่เขาเอ่ยชมยิ่งทำให้รู้สึกสนใจขึ้นมา “ถ่ายเสร็จแล้วไปกินข้าวด้วยกันหน่อยสิ ฉันอยากจะคุยกับเธอเรื่องเพลง”

ถ้อยคำชักชวนเรียบง่ายแต่กลับทำให้ทีมงานทุกคนที่ได้ยินพากันเงียบงันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนจะสบตากันด้วยความหวาดหวั่น

ยังไม่ทันที่นภธรณ์จะตอบคำถามผู้เป็นพ่อก็เดินเข้ามาแทรกกลางวง “นอฟ กลับได้แล้ว”

“ป๊า”

“อ้าว มีผู้ปกครองมารับด้วยรึ?” ดุริยะแสร้งทำเป็นเพิ่งสังเกตเห็นทั้งที่เฝ้าดูพฤติกรรมของสองพ่อลูกอยู่ตลอดนับตั้งแต่ปรเมษฐ์เปิดประตูเข้ามา

“ผมชื่อปรเมษฐ์ครับเป็นพ่อของเด็กนี้” ปรเมษฐ์แนะนำตัวอย่างเป็นทางการพร้อมกับส่งนามบัตรให้อีกฝ่ายที่รับไปใส่กระเป๋าโดยไม่เสียเวลาอ่านสักนิด

“ถ้ายังทำตัวเป็นลูกแหง่แบบนี้จะเข้าใจความรักของผู้ใหญ่ได้ยังไง... วันนี้เธอต้องไปกินข้าวกับฉันและเราจะคุยเรื่องนี้กัน”

“ขอโทษนะครับแต่ผมคงให้นอฟไปกับคุณไม่ได้จริงๆ” ปรเมษฐ์บอกอย่างสุภาพหากก็มีความเฉียบขาดอยู่ในที หัวเด็ดตีนขาดยังไงเขาก็ไม่ยอมให้นภธรณ์ไปเด็ดขาด

“ไม่เคยมีใครปฏิเสธฉันแล้วยังอยู่รอดในวงการนี้ได้หรอกนะ” ดุริยะพูดเรียบๆ หากนั่นก็เท่ากับเป็นการประกาศสงครามกลายๆ

“ไม่รอดก็ไม่เห็นแคร์เลยครับ ลูกชายคนเดียวผมก็เลี้ยงมาได้ตั้งสิบเจ็ดปีแล้ว” ปรเมษฐ์เริ่มมีอารมณ์หลังจากโดนขู่พร้อมกับหันไปคว้ามือลูกชาย “กลับกันเถอะนอฟ”

แต่นภธรณ์ไม่ยอมขยับ

“นอฟ?” ปรเมษฐ์ถลึงตาใส่

“ผมอยากทำงานกับเขาครับ” นภธรณ์บอกหนักแน่น “ผมตัดสินใจแล้วครับ ไม่เคยมีนักร้องคนไหนที่คุณดุริยะออกปากจะทำเพลงให้ก่อน ดังนั้น ผมจึงอยากรู้ว่าคุณดุริยะมองเห็นอะไรในตัวผมและผมเองก็อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผมทำได้”

“นอฟ!”

“ไม่เป็นไรๆ” ดุริยะกล่าวอย่างใจเย็นเมื่อเห็นฝ่ายตัวเองเป็นต่อ “เอาไว้วันหลังก็ได้ วันนี้กลับไปตกลงกับผู้ปกครองของเธอก่อน แต่อย่าลืมนะ ไม่งั้นเธอก็ไม่มีวันได้เพลงของฉันไป”

“งั้นพรุ่งนี้นะครับ ผมจะจัดคิวให้” ตฤณรีบปราดเข้ามาต่อรอง

“ตกลงตามนี้นะ” ดุริยะสรุป “อ้อ! คุณผู้จัดการ ร้านน่ะผมจะเป็นคนเลือกเอง ให้เด็กของคุณรออยู่ที่บริษัทแล้วผมจะส่งคนไปรับ”

ตฤณหายใจขัด นั่นเท่ากับจับเนื้อสมันผูกโบจัดใส่จานให้เสือร้ายชัดๆ “เอ่อ... ผมไม่อยากรบกวนคุณ ถ้ายังไงให้ทางเรา...”

“คุณน่าจะรู้นะว่าผมไม่ชอบให้ใครมาขัดใจ” ดุริยะพูดเสียงเฉียบ

ตฤณหน้าซีด ด้วยอิทธิพลของผู้ชายคนนี้มันเกินกว่าคนระดับเขาจะต่อรองไหว และถึงให้โทรขอความช่วยเหลือจากท่านประธานเขาคิดว่าคำตอบก็คงจะมีแต่ตกลงเท่านั้น เพราะ D & T media เองก็เป็นแค่บริษัทเล็กๆ ที่มีนักร้องในสังกัดแค่ไม่กี่คน เขาจึงได้แต่เอ่ยตอบรับกลับไป “ครับ”

ดุริยะกรีดยิ้มอย่างพึงใจใส่คนที่ได้แต่ยืนกัดฟันกรอดก่อนจะเดินจากไป

“ขอโทษครับคุณปรเมษฐ์ ผม...” ตฤณรีบพูดด้วยรู้สึกผิดที่ปกป้องเด็กในสังกัดไม่ได้

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะป๊า ผมดูแลตัวเองได้น่าแค่ไปกินข้าวเอง” นภธรณ์รีบบอก

“อย่าทำเป็นปากดีนักเลย รู้หรือเปล่าว่าผู้ชายคนนั้นนอกจากเรื่องทำเพลงแล้วยังขึ้นชื่อเรื่องอะไรอีก”

“รู้ดิ เรื่องผู้หญิงไง” นภธรณ์บอก รู้ดีอยู่เต็มอกเช่นกันถึงชื่อเสียงทางลบในการขอสิ่งแลกเปลี่ยนกับผลงานเพลงซึ่งจะเป็นที่จดจำตลอดไป “แต่ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่ครับผมเองก็เป็นผู้ชายนะ ไม่ใช่เด็กสาวๆ ทางนั้นก็ใช่ว่าจะหนุ่มๆ มีอะไรก็น่าจะสู้แรงเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงเป็นนะป๊าผมไม่ไปเป็นหญ้าอ่อนให้เขาเคี้ยวได้ง่ายๆ หรอกน่า”

ปรเมษฐ์ขบกรามจนเป็นสัน... ใช่! เขาจะไม่ห่วงเลยถ้าเป็นการสู้แบบตัวต่อตัว แต่สิ่งที่เขารู้มามันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ และเขาไม่ต้องการให้ลูกชายต้องตกเป็นของเล่นของใคร

*********************************TBC*****************************

ได้เวลาเลือกทีมแล้วค่ะ! จะ #ทีมป๊า หรือ #ทีมพี่ยะ
ปล. อย่าลืมเอาข้าวผัดไปเยี่ยมเราที่คุกด้วยนะ (โบกผ้าเช็ดหน้า)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2017 20:11:51 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ Lukaka

  • ★น้อยนิดมหาศาล★
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 613
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #11 เมื่อ18-02-2017 20:09:01 »

#ทีมป๊า
อยากจิจับนอฟมาตีก้น ดื้อจริงเชียว

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #12 เมื่อ18-02-2017 20:38:54 »

ทีมป๊าเลยยยย
ไม่เอาลุงยะ คนเจ้าเล่ห์  :ling1:

นอฟออกมาลูก~ คนแก่ทางนั้นอันตราย~

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #13 เมื่อ18-02-2017 20:41:35 »

#ป๊า&ดุริยะ #ท่านประธานแดนนี่&นอฟ  *จิกตา มายังไง?*  ก็ตอนที่ 1 นอฟบอกท่านประธานอายุ 42 แล้วยังมีเสน่ห์อยู่นี่นา *นี่เอกมโน*  อย่าให้เป็น sin พ่อลูกเลยนะ เขากลัวเขารับไม่ไหวง่ะ งือออออ ลุ้นๆ  // พี่น้องสองเกลอจากบ้านศิลปะพี่ติ๊น จะตามมาเรื่องนี้ไหมน้า ชอบเวลาเขาแท๊คทีมกัน ใสๆ น่ารักดี

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #14 เมื่อ18-02-2017 21:27:45 »


โอ้โห ได้กลิ่นบาปอันหอมหวานเย้ายวนใจ
รู้สึกอยากจะเข้าไปนั่งกินข้าวผัดซดโอเลี้ยงอยู่ในตารางกับคุณป๊าเหลือเกิน
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เราทีมป๊านะ!
นี่ไม่ชอบพี่ยะอะไรนั่นเลยอะ ดูใช้อำนาจ ดูว่าตัวเองเองยิ่งใหญ่
ไม่มีใครกล้าขัดใจชั้น ใครทำแบบนั้นจะไม่ได้อยู่ในวงการอีกต่อไป เชอะะะะะะะะะะะ

คุณป๊าเค้ารวยนะคะ! นอกจากเป็นคุณหมอหนุ่มรูปหล่อใจดีแล้วยังเล่นหุ้นอีก
ลูกชายคนเดียวคุณป๊าเลี้ยงได้ ไม่ต้องยืมมือคุณโปรดิวเซอร์หรอก!! #อินมากกกก

เป็นห่วงน้องนอฟมาก
ตอนนี้เหมือนเป็นกระต่ายน้อยแสนซนที่หลุดจากกรงไปเข้าถ้ำเสือ ;w;;
คุณป๊าปกป้องลูกชายให้ได้นะคะ อย่าไปยอมมม ไปนั่งกินข้าวด้วยเลยก็ยิ่งดี! 5555555555555

ปล. อยากอ้อนคุณป๊า /)////////(\


ออฟไลน์ PHA_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #15 เมื่อ19-02-2017 00:29:19 »

ทีมคุงป๊าาาาาาาา ม

ออฟไลน์ therappizdrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #16 เมื่อ19-02-2017 01:02:25 »

อ่านไปใจเต้นไปเลยค่ะ กลัวใจมากว่าตะเป็นพ่อลูก

คือลุงยะแกดูดื้อจะพาน้องไปห่างจากป๊ามาก

มีแผนอะไรแน่ๆ นอฟไม่เอานะ ต้องรอดมานะลูก

สารภาพว่าในหัวเราตอนอ่านonceนอฟมีลุคเด็กผู้ชายทะโมนที่ติดอ้อนพ่อ

แต่พอมาเรื่องนี้เหมือนเป็นมุมนอฟจริงๆแล้วรู้สึกถึง

ความลึกซึ้งของสองพ่อลูกนะคะ ถึงได้กลัวใจไง 5555

แบบนี้2พี่น้องแห่งบ้านพี่ติ๊นละคะ จะมามั้ยๆๆๆ

ออฟไลน์ joyey6217

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #17 เมื่อ19-02-2017 07:21:11 »

ได้กลิ่นบาปจางๆ มาเลย ชูป้ายไฟอยู่ ทีมป๊า (ติดคุกแน่ๆเลยกรุ)...
อีตาโปรดิวเซอร์ไม่น่าไว้วางใจเลย เด็กอย่างนอฟจะไปทันเกมส์เฒ่าเจ้าเล่ห์รึ นอฟต้องรอดนะลูก

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #18 เมื่อ19-02-2017 07:40:26 »

อ่านแบบกล้า ๆ กลัว ๆ

เอาเป็นว่า #ทีมตฤน !!!!

ดูปลอดภัยดี แหะ ๆ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #19 เมื่อ19-02-2017 09:14:27 »

เกลียดผู้ชายเจ้าชู้!!! #ทีมป๊า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
« ตอบ #19 เมื่อ: 19-02-2017 09:14:27 »





ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
Chapter 1

‘วาริณี’ หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ผู้ชายคนนี้จะขอมอบทั้งชีวิตและหัวใจให้ เธอจากไปในวันที่ให้กำเนิดเด็กชาย


เธอจากไปในวันที่ให้กำเนิดเด็กชาย  ประโยคนี้มันทำให้เข้าใจว่า วาริณีตายไปแล้วนะคะ
แต่พออ่านบทสองกลับมีบทสนทนาทำนองว่า นอฟร้องเพลงเพื่อตามหาแม่
สร้างความเข้าใจได้สองอย่างคือวาริณีตายไปแล้วจริงๆ แต่คุณป๋าไม่ยอมบอกความจริงว่าแม่ตายไปแล้ว แต่อันนี้จะทำไปทำไม การสร้างความหวังให้เด็กทั้งที่ความจริงมันเป็นไปไม่ได้ ไม่น่าจะเกิดผลดีนะ คุณป๋าที่เป็นหมอคงไม่น่าจะทำแบบนั้นหรอก
สองคือ วาริณีทิ้งพวกเขาสองพ่อลูกไว้ แล้วตัวเองก็หนีหายไปเพราะอาจจะมีเหตุผลจำเป็นบางอย่าง
เป็นอย่างไหนหรือค่ะ

ออฟไลน์ นางสาวกานาเลส

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #21 เมื่อ19-02-2017 12:08:09 »

เดี๋ยวๆ พี่ยะนี่มันจะมาร้ายแล้วดีหรือ หรือจะร้ายแล้วร้ายจนจบกัน หืมมมมมมมมมม ยังทีมป๊าก่อน ค่อยดูพฤติกรรมลุงยะ ว่าเป็นไง 55555555

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #22 เมื่อ19-02-2017 12:54:35 »

#ทีมป๊า ค่ะ ดุริยะคุณมันร้าย
น้องนอฟจะรอดมั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Chapter 1

‘วาริณี’ หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ผู้ชายคนนี้จะขอมอบทั้งชีวิตและหัวใจให้ เธอจากไปในวันที่ให้กำเนิดเด็กชาย


เธอจากไปในวันที่ให้กำเนิดเด็กชาย  ประโยคนี้มันทำให้เข้าใจว่า วาริณีตายไปแล้วนะคะ
แต่พออ่านบทสองกลับมีบทสนทนาทำนองว่า นอฟร้องเพลงเพื่อตามหาแม่
สร้างความเข้าใจได้สองอย่างคือวาริณีตายไปแล้วจริงๆ แต่คุณป๋าไม่ยอมบอกความจริงว่าแม่ตายไปแล้ว แต่อันนี้จะทำไปทำไม การสร้างความหวังให้เด็กทั้งที่ความจริงมันเป็นไปไม่ได้ ไม่น่าจะเกิดผลดีนะ คุณป๋าที่เป็นหมอคงไม่น่าจะทำแบบนั้นหรอก
สองคือ วาริณีทิ้งพวกเขาสองพ่อลูกไว้ แล้วตัวเองก็หนีหายไปเพราะอาจจะมีเหตุผลจำเป็นบางอย่าง
เป็นอย่างไหนหรือค่ะ


แม่นอฟยังไม่ตายค่ะ ส่วนเหตุผลอื่นเราจะค่อยๆ เฉลยในตอนต่อๆ ไปค่ะ ^^

ออฟไลน์ pippo_pippo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #24 เมื่อ19-02-2017 14:32:19 »

 :mew5: :mew5: นอฟจะเป็นไงอ่ะ..รู้สึกเป็นห่วงจัง  :mew5: :mew5:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #25 เมื่อ23-02-2017 13:44:37 »

โห อิพี่ยะ นี่ต่อหน้าพ่อเขายังกล้าข่มขู่ จะมากเกินไปแล้วนะ มันจะไหวเหรอนอฟ

ออฟไลน์ pearlypear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #26 เมื่อ23-02-2017 21:29:29 »

#ทีมป๊า #sin #ไม่เอาลุงยะนะ
นอฟทำไมซื่อบื้ออ่ะ  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #27 เมื่อ25-02-2017 13:02:57 »

Chapter 3

“แน่ใจนะว่าจะไป” ‘แดเนียล คิม’ หนุ่มใหญ่ลูกครึ่งไทย-สิงคโปร์ประธานบริษัท D&T media เอ่ยถามเป็นครั้งสุดท้ายกับนักร้องในสังกัด

“ครับคุณแดนนี่” นภธรณ์ตอบด้วยความมั่นใจ

“ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ” ท่านประธานวางมือลงบนบ่า

วงการมายานั้นเต็มไปด้วยแสงสี และเบื้องหลังความสวยงามนั้นก็คือเงามืดของปิศาจร้ายดีๆ นี่เอง ไม่ว่าจะเป็นการเอาตัวเข้าแลกเพื่อชื่อเสียง ข่าวฉาวคาวโลกีย์ทำให้เรื่องของการกลั่นแกล้งเหยียบกันขึ้นสู่การเป็นที่หนึ่งของวงการดูเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไปเลย บอกตามตรงสำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องธรรมดา มีดารานักร้องหลายคนที่เอ่ยกับเขาตรงๆ เลยด้วยซ้ำเพียงแต่นั่นมาจากความสมัครใจ และเขาคิดว่านภธรณ์ยังเด็กอีกทั้งยังมีพรสวรรค์ที่สามารถพัฒนาได้อีกไกลซึ่งจะทำให้โด่งดังได้โดยไม่ต้องเข้าใกล้สิ่งเหล่านี้

“เห็นท่าไม่ดี มีอะไรก็รีบโทรมาทันทีเลยเข้าใจไหม แล้วเราจะส่งคนไปรับ อ้างว่ามีเรื่องอะไรด่วนก็ว่าไป” กำชับไปอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง

“ขอบคุณครับ”

“แล้วนี่โป้เขายอมปล่อยนายมาง่ายๆ ได้ไง ฉันนึกว่าเขาจะอาละวาดบ้านแตกซะอีก” แดเนียลว่า นึกแล้วยังขนลุกไม่หายถึงวันที่ปรเมษฐ์มาเซ็นสัญญาที่บริษัทเพราะนภธรณ์ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ผู้ชายหน้าคมสายตาดุดันที่นั่งกอดอกอ่านทุกตัวอักษรบนเอกสารซ้ำอยู่สามรอบราวกับหวาดกลัวว่าเขาเป็นพวกแมงดาจะมาหลอกลูกชายไปขาย

“ก็นิดหน่อยครับ” นภธรณ์ยิ้มแหยเพราะก่อนจะออกมาพวกเขาตีกันบ้านแทบแตก

“ฉันบอกว่าไม่ให้ไปทำไมไม่ฟังกันบ้าง”

“ผมก็บอกอยู่ว่าดูแลตัวเองได้ แล้วทำไมป๊าไม่ฟังบ้างล่ะ”

“นอฟ!” ปรเมษฐ์โกรธจนควันออกหู “ขนาดอยู่ในกองถ่ายมีคนเป็นสิบ แกยังปล่อยให้เขามาจับแก้มเช็ดน้ำตาได้ รู้หรือเปล่าว่ามันแอบแต๊ะอั๋ง”

“ผมก็แค่หลบไม่ทัน แล้วป๊าก็คิดมากไปหรือเปล่าเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้”

“ถ้าไปอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แล้วเขาจะทำมิดีมิร้ายแกคิดว่าจะมีปัญญาหนีเขาได้เรอะ”

“ผมโตแล้วนะป๊า ผมดูแลตัวเองได้น่า” นภธณ์ยังไม่เลิกเถียงทั้งที่รู้ว่าพ่อมีเหตุผลที่ฟังขึ้นมากทีเดียว

“อยากดูแลนักใช่ไหมตัวเองน่ะ ปีกกล้าขาแข็งแล้วสิ ได้! อยากทำอะไรก็เชิญ แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องมาโอดครวญให้ฉันได้ยินนะ”

ปรเมษฐ์ทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนจะคว้ากุญแจรถแล้วกระแทกประตูเปิดออกไป


นภธรณ์ลอบถอนหายใจ รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่คิดจะโทรไปขอโทษ เขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่าโตพอจะดูแลตัวเองได้แล้วจริงๆ

“คุณดุริยะมาแล้วครับ” ตฤณเปิดประตูเข้ามาบอก

เด็กหนุ่มเดินตามหลังผู้จัดการส่วนตัวออกมาหน้าบริษัท รถยุโรปหรูคันหนึ่งจอดขวางหน้าทางเข้าออก คนขับรถซึ่งสวมสูทสีดำผูกหูกระต่ายค้อมศีรษะให้เขาพร้อมกับเปิดประตูรถให้ นภธรณ์มองเข้าไปด้านในเห็นโปรดิวเซอร์ใหญ่นั่งอยู่

“ผมไปก่อนนะครับท่านประธาน พี่ตฤณ” เขาบอกกับทุกคนแล้วก้าวขึ้นรถ

คนขับดูแลปิดประตูจนเรียบร้อยก่อนจะวิ่งอ้อมขึ้นรถแล้วขับออกไป

“สวัสดีครับ” นภธรณ์ยกมือไหว้ทักทาย

“ไม่ต้องเกร็งเจ้าหนู ทำตัวตามสบาย” ดุริยะชวนคุยเรื่อยๆ ในขณะที่รถเคลื่อนตัวไปอย่างเงียบเชียบ

“ครับ” นภธรณ์ตอบรับแต่ความเกร็งก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เขาขยับไปนั่งจนชิดประตูอีกฝั่งตาก็กวาดมองหาทางหนีทีไล่และคอยชำเลืองดูสองข้างทางว่ากำลังจะถูกพาไปที่ไหน

“ฉันแค่อยากสร้างความสนิทสนมกับเธอเพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะร้องเพลงได้ตรงตามคอนเซ็ปต์ของฉันก็เท่านั้น”

“หมายถึง ‘บาป’ น่ะหรือครับ”

“ใช่”

“เรื่องนั้นผมคิดว่าผมทำได้นะครับ คุณดุริยะก็เห็นแล้วนี่ครับ”

“ก็แค่ภาพนิ่ง” ดุริยะว่า “ฉันยังไม่ได้ฟังเสียงเธอสักแอะ แล้วไหนจะ MV อีก แน่ใจนะว่าเด็กใสซื่อบริสุทธิ์แบบเธอจะรู้จักคำนี้ดีพอ”

“ผมทำได้ครับ” นภธรณ์ยืนยัน

“แน่ใจเหรอ... ถ้ายังไงให้สอนไหม ว่า ‘บาป’ ของผู้ใหญ่น่ะมันเป็นยังไง”

“เขาว่าคุณเป็นเสือผู้หญิง” นภธรณ์ลองพูดตรงๆ หวังจะดักทางคนอายุมากกว่าไว้ก่อน

“อย่าไปเชื่อข่าวพวกนั้นเลย มั่วสิ้นดี” ดุริยะว่า

เด็กหนุ่มนั่งนิ่งเหมือนโดนสตาฟเมื่อจู่ๆ ฝ่ามือแข็งแรงก็เลื่อนมาวางทับลงมาบนหลังมือตน

โปรดิวเซอร์ผู้มากประสบการณ์แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับชะโงกหน้าเข้าไปใกล้แล้วกระซิบที่ข้างหู “เพราะเด็กหนุ่มๆ หน้าตาดีแบบเธอฉันก็ชอบเหมือนกัน”

เขาไม่ได้โดนหอมแก้ม แต่ริมฝีปากนั้นก็เฉียดผิวเนื้อไปนิดเดียว จริงอยู่ว่าเขาคุ้นเคยกับการถึงเนื้อถึงตัวแต่เพิ่งจะรู้ว่าเมื่อมันมาจากคนอื่นกลับรู้สึกสะอิดสะเอียนได้ถึงขนาดนี้ และคิดถึงคำพูดของป๊าขึ้นมาทันที เขานี่ช่างหาเหาใส่หัวแท้ๆ ไม่เป็นไร เหามันอาจจะตัวโตหน่อย แต่ตัวโตๆ มาให้เห็นชัดๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันเขาจะได้วางแผนรับมือได้ทัน

“เรียกฉันว่าพี่ยะก็ได้จะได้ฟังดูสนิทสนมหน่อย ใครๆ ก็เรียกแบบนั้น”

“ครับ... พี่ยะ”

โปรดิวเซอร์ใหญ่อมยิ้มกรุ้มกริ่ม

อึดใจต่อมารถก็ค่อยๆ ชะลอและจอดสนิทลงหน้าประตูกระจกบานใหญ่

“ถึงร้านแล้วไปกินข้าวกันเถอะ”

นภธรณ์มองไปรอบๆ ร้านอาหารที่ดูโอ่โถง มีโคมไฟระย้าทำจากคริสตัลห้อยอยู่เหนือหัว บริกรชายในชุดหูกระต่ายเดินนำเขาเข้าไปยังห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้ด้านใน

“เธอมีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษไหม” ดุริยะถามเมื่อทั้งสองนั่งลงตรงข้ามกันบนโต๊ะอาหาร

“ผมกินได้ทุกอย่าง ยกเว้นผัก” นภธรณ์บอก

“ดีเลย เพราะฉันเองก็ไม่ชอบกินผักเหมือนกัน หวังว่าเธอจะถูกใจเมนูที่ฉันเตรียมไว้ให้นะ” ดุริยะยิ้มอย่างพึงใจก่อนจะชวนคุยต่อ “พ่อเธอยังหนุ่มอยู่เลยนะ”

“ป๊ามีผมตอนอายุสิบเก้า” นภธรณ์ตอบตามตรง เพราะใครๆ ก็รู้เรื่องนี้และเขาเองก็เคยให้สัมภาษณ์ออกสื่อไปหลายครั้งแล้ว “เป็นนักเรียนแพทย์ปีสาม แต่เพราะแม่ไปจากตั้งแต่ผมเกิด ผมเลยอยู่กับป๊าสองคน”

บริกรเริ่มต้นเสิร์ฟออร์เดิร์ฟและนั่นทำให้คนที่รักการกินเป็นชีวิตจิตใจผ่อนคลายลงนิดหน่อย นภธรณ์จิ้มกุ้งต้มใส่ปากเคี้ยวไปเล่าไป

“แล้วปู่ย่า ตายายเธอล่ะ”

“ตากับยายผมไม่รู้ ป๊าคงไม่อยากยุ่งน่ะ แต่ปู่กับย่าตัดหางปล่อยวัดป๊ามาเพราะป๊าไม่ยอมบอกว่าแม่ผมเป็นใคร”

“หมายความว่าไง”

“สมัยหนุ่มๆ ป๊าค่อนข้างป๊อบน่ะ” นภธรณ์ว่า “พี่ยะก็ดูลูกชายสิ หล่อซะขนาดนี้ ป๊าก็ต้องหล่ออยู่แล้วใช่ไหมล่ะ”

ดุริยะขำ จะมีสักกี่คนที่หลงตัวเองได้เป็นธรรมชาติขนาดนี้

“มีผู้หญิงมาติดพันเยอะ แต่ป๊ามีคนที่ชอบอยู่แล้วซึ่งก็คือแม่ ที่บ้านไม่มีใครชอบแม่เพราะเป็นนักร้องตามผับ ทั้งสองเลยแอบคบกันโดยไม่บอกใครแม้แต่เพื่อนสนิท แล้วจู่ๆ แม่ก็ท้อง แล้วก็คลอดผมออกมา” นภธรณ์สะบัดมือในอากาศเป็นเชิงบอกว่าเรื่องมันก็ง่ายๆ แค่นี้

“แล้วพ่อเลี้ยงเธอมาได้ยังไงตัวคนเดียวแถมยังเรียนไปด้วย เขาเป็นถึงทายาทคนรองของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังไม่ใช่เหรอ” ดุริยะถาม

ถึงนามบัตรใบที่ให้มาจะบอกแค่ว่าเป็นสูตินารีแพทย์ประจำโรงพยาบาลรัฐบาล แต่นามสกุล ‘บารมีไพศาลวานิช’ นั้นไม่ใช่นามสกุลโหลๆ หากเป็นตระกูลกลุ่มธุรกิจใหญ่ที่สืบต่อกันมารุ่นต่อรุ่น โดยประธานคนปัจจุบันคือ ‘นายบังเอิญ บารมีไพศาลวานิช’ ผู้เป็นพ่อของปรเมษฐ์ แถมยังได้เชื้อสายผู้ดีเก่าจากทางฝั่งแม่ด้วย

“ถึงจะบอกว่าตัดหางปล่อยวัดแต่ปู่ก็ไม่ได้ใจจืดใจดำถึงขั้นยึดรถกับคอนโดคืน ค่าเทอมก็ยังส่งเสียเหมือนเดิม แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เป็นของผมป๊าหาเองโดยเอาเงินเก็บไปลงทุนน่ะ กับทำงานพิเศษ แล้วคงมีหยิบยืมเพื่อนๆ มาหมุนบ้างมั้ง” นภธรณ์พยายามเล่าข้ามๆ ตรงจุดที่ปู่ส่งพี่เลี้ยงเด็กมาคอยช่วยดูแลเขาในวันที่ปรเมษฐ์ต้องไปเรียนหรือขึ้นฝึกงานแล้วหาคนช่วยเลี้ยงไม่ได้ เพราะป๊าจะทำหน้าบึ้งทุกครั้งเวลาที่พูดถึง

“ฉันอ่านบทสัมภาษณ์ของเธอเห็นว่าพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงนี่ได้มาจากแม่เหรอ” หลังจากฟังเรื่องฝ่ายพ่อมาพอสมควรดุริยะก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องแม่บ้าง

“ตามที่ป๊าบอกมาคงเป็นแบบนั้นน่ะครับ” นภธรณ์ตอบพลางใช้ช้อนส้อมจิ้มทรัฟเฟิลใส่ปากเคี้ยวหยับๆ “เพราะป๊าร้องเพลงห่วยมาก พี่ยะต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าสมัยผมยังเด็กป๊าใช้วิธีอ่านตำราแพทย์ให้ผมฟังจนหลับแทนการร้องเพลงกล่อมให้นอน”

ดุริยะหัวเราะ “เธอก็เลยมาเป็นนักร้องเพราะอยากจะตามหาแม่สินะ เป็นสตอรี่ที่น่าเอ็นดูชวนให้คนสงสารเหมาะกับเธอจริงๆ”

นภธรณ์ไหวไหล่

“แล้วทำไมแม่ถึงจากเธอไปล่ะ... ทะเลาะกับพ่อ?”

“ผมไม่รู้” นภธรณ์ว่า “ป๊าบอกว่าแม่ไปจากเราด้วยเหตุผลบางอย่าง”

เขารู้เรื่องทุกอย่างดี อันที่จริงก็คือ ‘ทิ้ง’ ไปน่ะแหละ ปรเมษฐ์บอกว่าเธอต้องการไปทำ ‘ความฝัน’ ให้เป็นจริงซึ่ง... พวกเขาคงเป็นตัวถ่วงของผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่เขาไม่คิดว่าคู่ควรกับคำว่าแม่เลยสักนิด ที่เรียกอยู่ทุกวันนี้เพราะไม่อยากให้ป๊าเสียใจหรอก ใครจะว่ายังไงก็ช่างแต่เขาโตมาด้วยนมผงกับนมวัว ไม่ใช่นมแม่ และคนที่เลี้ยงมาก็คือป๊ากับเพื่อนๆ ของป๊า ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่มีรูปถ่ายในบ้านสักใบคนนั้น

“เธอคงจะคิดถึงแม่มากสินะ”

“ก็มีบ้าง”

“เอ๋~” ดุริยะลากเสียงอย่างสนใจเพราะท่าทีของเด็กหนุ่มยามพูดถึงพ่อกับแม่นั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว “ถ้าอย่างนั้นเธอจะตามหาแม่ไปทำไมล่ะ”

“มันไม่เกี่ยวกับคุณ"

“ขอฉันทายนะ” โปรดิวเซอร์มือหนึ่งจับคางครุ่นคิดจริงจัง เรื่องที่ชวนมากินข้าวโดยบอกว่าเป็นงานนั้นก็ไม่ใช่สักแต่อ้างไปซะทีเดียวเพราะเขาอยากทำความรู้จักให้รู้ซึ้งถึงความคิดที่ซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของใจ “เพื่อผู้ชายคนนั้น... พ่อของเธอน่ะ เขาคงรักแม่เธอมากสินะ”

นภธรณ์เลือกไม่ตอบแล้วตักอาหารยัดใส่ปากให้เต็มเพื่อจะได้ไม่ต้องพูดอะไรอีก เขาไม่อยากให้ใครมายุ่มย่ามกับเรื่องส่วนตัวมากไปกว่านี้

แต่ดูเหมือนดุริยะจะไม่หมดความสนใจง่ายๆ “เธอชื่อนอฟใช่ไหม”

“แปลกตรงไหนเหรอครับ” เด็กหนุ่มย่นคิ้วนี่เป็นอีกเรื่องเขาไม่สบอารมณ์ในตัวโปรดิวเซอร์คนนี้ ตัวเองสั่งให้คนอื่นเรียก ‘พี่ยะ’ แต่มาเรียกเขาว่า ‘เจ้าหนู’ หรือ ‘เธอๆ’ อยู่ได้ ฟังแล้วประหลาดชะมัด

“แปลกสิสำหรับคนที่เกิดเดือนตุลาอย่างเธอ ในเมื่อ NOV มันมาจากคำว่า November เอ๊ะ! หรือว่ามันมีที่มาจากอย่างอื่นอีก”

“ผมไม่รู้” นภธรณ์ตอบตามตรง “ผมรู้แค่ว่าป๊าเป็นคนตั้ง”

“คนเราน่ะ ชอบตั้งชื่ออะไรสักอย่างตามสิ่งที่มีค่ามากที่สุดนะ” ดุริยะจ้องตาเด็กหนุ่มตรงหน้าที่มองสบมาอย่างไม่คิดจะหลบ “อืมมม... ทั้งชื่อและพรสวรรค์... ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้าเธอหน้าเหมือนแม่ ‘ป๊า’ ของเธอถึงได้ดูแลประคบประหงมเธอดีขนาดนั้น บางทีเขาอาจจะเห็นเธอเป็นตัวแทนของคนรักที่ทิ้งไปก็ได้นะ”

“คุณพูดเรื่องอะไร” เด็กหนุ่มเสียงห้วนขึ้นทันที

“ก็พูดถึงความรักในแบบผู้ใหญ่ไง” ดุริยะว่า “โลกนี้ไม่ได้สวยงามอย่างที่เธอคิดหรอกนะ คิดดูสิ พ่อเธอเป็นลูกคุณหนูอยู่คฤหาสน์ดีๆ ทำไมถึงต้องเอาความสบายมาทิ้งกับเด็กอย่างเธอด้วย”

“เพราะป๊ารักผมไง ผมเป็นลูกของเขานะ”

“แน่ใจเหรอ... ฉันว่าเพราะเขารักแม่ของเธอมากกว่านะ”

ริมฝีปากบางขยับจะเถียง แต่ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ที่คอไม่ให้พูดออกไปได้ “เราเลิกพูดเรื่องนี้กันได้ไหมครับ”

“โอ๋ๆ แค่นี้ทำงอน ฉันไม่แกล้งแล้ว กินกุ้งอีกตัวนะ” ดุริยะยิ้มกริ่มในขณะที่ช่วยตักอาหารให้เด็กหนุ่ม เมื่อสังเกตได้ว่าคำพูดของตนไปสะกิดโดนอะไรบางอย่างเข้า มันอาจจะไม่รุนแรง แต่เขาก็คิดว่ามันมากพอจะสั่นคลอนความไว้เนื้อเชื่อใจที่นภธรณ์เคยมีให้คนเป็นพ่อมาตลอดชีวิตได้

เสาหลักต่อให้ปักลึกแค่ไหนแต่ถ้าหมั่นโยกบ่อยๆ มีหรือจะไม่โอนเอน สักวันมันก็คงพังทลายลงไม่เป็นท่า และเขาอยากจะเห็นวันนั้นเหลือเกิน

(ต่อด้านล่างค่ะ)

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter2 [18/02/60]
«ตอบ #28 เมื่อ25-02-2017 13:12:05 »

(ต่อตรงนี้ค่ะ)

เมื่อรถยุโรปหรูมาจอดเทียบหน้าประตูคอนโดย่านใจกลางสุขุมวิท เด็กหนุ่มก็เปิดประตูลงจากรถ

ดุริยะเลื่อนกระจกรถลงและชะโงกหน้าออกมาคุยด้วย “วันนี้สนุกมากเลย แล้ววันหลังเราไปกินข้าวด้วยกันอีกนะ”

“ครับ”

“พรุ่งนี้เจอกันที่ห้องอัด ฉันคาดหวังว่าเธอจะทำได้ดีเหมือนวันก่อนนะ”

นภธรณ์ยกมือไหว้แล้วรีบกลับหลังหันวิ่งเข้าคอนโดทันที โดยไม่รอให้รถของคนที่มาส่งแล่นออกไปก่อน เขารู้สึกโล่งอกที่ผ่านพ้นมื้ออาหารนี้ไปได้โดยไม่โดนทำมิดีมิร้าย

แต่ในระหว่างที่ยืนรอลิฟต์ทำให้เขามีเวลาว่างคิดทบทวนดูและรู้สึกว่าจริงๆ แล้วการไปกินอาหารกับดุริยะมันก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ กลับกันอีกฝ่ายออกจะเป็นคนง่ายๆ และคุยสนุกด้วยซ้ำ ถ้าไม่นับเรื่องที่ชอบซักไซ้เรื่องส่วนตัวนั่น ถึงจะบอกว่าทำความรู้จักเพื่อเอาไปทำเพลง แต่เรื่องตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาลกับเกรดนั่นดูไม่ค่อยเกี่ยวนะ เอ๊ะ! หรือพี่ยะจะคิดว่าเขาโง่จนอ่านโน้ตเพลงไม่ออก บ้าน่า! เขาเป็นนักร้องนะ เรื่องง่ายๆ แค่นี้ จริงอยู่ว่าตอนเข้าวงการใหม่ๆ ไม่รู้จักแม้กระทั่งกุญแจซอล แต่ก็ได้พี่ตฤณช่วยติวเข้มให้จนตอนนี้อ่านออกหมดทุกตัวแล้วนะ

อึดใจต่อมาลิฟต์ก็มาจอดที่ชั้น 16 สิ่งที่เขาจินตนาการไว้เมื่อกลับถึงห้องคือภาพของผู้เป็นพ่อนั่งกอดอกหน้าบึ้งรอเขาอยู่ที่โซฟา ป๊าเป็นคนปากแข็งแต่ก็ใจอ่อนกับเขาเสมอ และเพราะเป็นความผิดตัวเองนภธรณ์จึงตั้งใจจะยอมคืนดีแต่โดยดี

ทว่าทันทีที่เปิดประตูเข้าไปนอกจากจะไม่ได้เห็นหน้าตาบูดบึ้งของป๊าแล้ว ปรเมษฐ์ยังดูอารมณ์ดีและกำลังคุยหัวร่อต่อกระซิกอยู่กับ... ผู้หญิงซึ่งเขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนตรงโซฟากลางห้อง

นภธรณ์แกล้งปิดประตูเสียงดังเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ปรเมษฐ์ก็ยังคงคุยกับหญิงสาวอย่างออกรส เขาจึงพูดเสียงดัง “กลับมาแล้วครับ”

นั่นเรียกเสียงตอบรับแค่ “อืม” โดยที่ผู้เป็นพ่อยังไม่หันมามองแม้หางตา

นภธรณ์เดินเข้าไปใกล้พลางเหลือบมองสำรวจหญิงสาวคนนั้น เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวแก้มป่องอายุพอๆ กับเขาและเธอก็ไม่มีทีท่าจะสนใจเขาที่เป็นถึงนักร้องดังเลยสักนิด... ให้ตายสิ! นี่บ้านเธอมีทีวีหรือเปล่าเนี่ย “วันนี้คุณดุริยะพาไปกินข้าวที่ The sky มา”

“อืม”

“อาหารอร่อย แล้วก็หรูมากเลย มีทั้งล็อบเตอร์...”

“เข้าห้องไปก่อนได้ไหมฉันทำงานอยู่” ปรเมษฐ์พูดห้วนๆ เป็นการตัดบท

“ป๊า...”

“ขอโทษนะ แต่เราย้ายไปติวหนังสือกันต่อที่ห้องเธอดีกว่า” ปรเมษฐ์บอกกับหญิงสาวพลางรวบหนังสือบนโต๊ะขึ้นไว้ในอ้อมแขนและผายมือให้เธอเดินนำออกจากห้องไป

เด็กหนุ่มยืนคว้างด้วยทำอะไรไม่ถูกอยู่อึดใจก่อนจะเดินปึงปังเข้าห้องไป เขาไม่ได้โกรธที่ปรเมษฐ์ทำงานยุ่งหรือพาคนอื่นเข้าบ้าน แต่ไม่ชอบที่มาทำเมินใส่เหมือนเขาไม่มีตัวตนแบบนี้

นภธรณ์เหลียวมองไปรอบห้องที่ว่างเปล่า พลันสายตาไปหยุดลงที่เงาสะท้อนของตัวเองบนระนาบกระจกเงาแบบเต็มตัว

ไม่ต้องรอให้ดุริยะหรือใครมาบอกเขาก็รู้ดีอยู่เต็มอก ในเมื่อตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีส่วนไหนที่เหมือนป๊า

ปรเมษฐ์มีกรามใหญ่คอหนาใบหน้าคมเข้ม ในขณะที่เขามีใบหน้ารูปไข่และหวานเหมือนผู้หญิง ป๊าตัวค่อนข้างสูงใหญ่มีแต่กล้าม ในขณะที่เขาสูงเพรียวถึงจะเข้ายิมด้วยกันแต่ดูเหมือนกล้ามจะไปงอกที่ป๊าอยู่คนเดียว และ... ป๊าเก่งทุกอย่างยกเว้นเรื่องร้องเพลงที่เพี้ยนแม้กระทั่งคีย์ง่ายๆ ในขณะที่การร้องเพลงเป็นความสามารถเพียงอย่างเดียวที่เขามี

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งรู้สึกผิดกับสิ่งที่โป้ปดกับทุกคน

เขาไม่ได้ร้องเพลงเพราะคิดถึงแม่ ทุกวันนี้ที่ร้องเพลงเพียงเพราะปรเมษฐ์ชอบฟัง ไม่ว่าจะเป็นช่วงตอนไหนในความทรงจำถ้าหากเขาร้องเพลงเขาจะได้เห็นรอยยิ้มละมุนฉาบอยู่บนใบหน้านั่นเสมอ เขารู้ตัวว่าไม่ใช่คนเก่ง เรื่องเรียนก็ห่วยแตก เล่นกีฬาก็งั้นๆ เทียบกับลูกบ้านอื่นไม่มีอะไรจะทำให้ป๊าภูมิใจได้สักอย่าง ถ้าการร้องเพลงมันจะเป็นสิ่งที่เด็กโง่ๆ อย่างเขาจะทำให้ป๊ายิ้มได้ เขาก็อยากจะทำมันให้ดีที่สุด

แต่ดูเหมือนป๊าจะไม่ได้คิดแบบนั้นสินะ เพราะที่เขาเห็นกองอยู่บนโต๊ะเมื่อสักครู่คือตำราเตรียมสอบแพทย์ ป๊าสามารถหาเวลามาติวหนังสือให้ผู้หญิงคนนั้นได้ทั้งที่แทบไม่มีเวลาว่างไปรับไปส่งเขาด้วยซ้ำ... แล้วไหนจะรอยยิ้มแบบนั้นอีก จริงๆ แล้วป๊าไม่ได้ใจดีแค่กับเขาสินะ หรือจริงๆ แล้วป๊าไม่ได้รักเขาเพราะคิดว่าเขาเป็นลูก แค่คิดว่าต้องดูแลเขาให้ดีเพราะเขาเป็นลูกของแม่ เหมือนอย่างที่ดุริยะพูดว่า

...เขาเป็นแค่ตัวแทนความรักของผู้หญิงคนนั้น...


********************************TBC**************************

แอบไปส่องแทคมาแล้วก็พบว่า...
...
...
...
อะไรคือ #โป้ยะ ตอบบบบ
555555

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตามค่ะ

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 3 [26/02/60]
«ตอบ #29 เมื่อ25-02-2017 13:40:31 »

ทำไมป๊าทำงี้อะ ขออย่าให้มองกันเป็นตัวแทนเลย T_T นอกจากจะทำร้ายนอฟแล้ว ยังทำร้ายเราด้วย
กลิ่น 'บาป' แบบนี้ ช่างหอมนัก  :heaven

ถ้าจะมีโป้ยะ ต้องมาในรูปแบบแก้แค้นค่ะ  :hao6:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-02-2017 09:12:10 โดย XVIII.88 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด