#Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Adlib1 Birthday Night P.9 [16/04/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Adlib1 Birthday Night P.9 [16/04/61]  (อ่าน 76985 ครั้ง)

ออฟไลน์ joyey6217

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 4 [4/03/60]
«ตอบ #60 เมื่อ06-03-2017 19:50:11 »

เสียงซ่อนหัวใจที่นอฟมีให้ป๊า นี่เอง
หวงเกินหวง อยากยื้อแย่งมาเป็นของตัวแต่เพียงผู้เดียว
มันเป็นบาป แบบนี้นี่เอง

ดุริยะ ก็น่าหวั่น แต่คนที่น่ากลัวของจริงคือ แม่ ที่อาจจะกลับมาต่างหาก

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 4 [4/03/60]
«ตอบ #61 เมื่อ06-03-2017 21:34:15 »

อ่านไปหวั่นไป

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 4 [4/03/60]
«ตอบ #62 เมื่อ06-03-2017 22:30:50 »


กลิ่นบาปมันหอมหวานเหลือเกินนน
ยิ่งตอนนี้กลิ่นก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นไปอีก ฮือๆๆ ชอบบบบบ TvT

เอาจริงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นข้อดีของคุณโปรดิวเซอร์เลยสักนิด
มือไว เจ้าอารมณ์ หงุดหงิดง่าย หมั่นไส้มากอะ ไม่ชอบเลย โดยเฉพาะเวลามานัวเนียลวนลามน้องนอฟนี่อยากเอาไม้หน้าสามฟาดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก /กดเบอร์ 191 *^*

ทั้งนี้ทั้งนั้นรู้สึกเหมือนจะได้กลิ่นดราม่าปนกับกลิ่นบาปมาแต่ไกล
ลูกชายเริ่มจะเข้าใกล้ความรู้สึกของตัวเองทีละนิดแล้ว กลัวว่าถ้าน้องนอฟรู้ใจตัวเองขึ้นมาเมื่อไหร่ รู้ว่าความรู้สึกหวงป๊ามันไม่ใช่ความรู้สึกของพ่อลูกอย่างที่ควรจะเป็นแล้วน้องจะเสียใจ และที่สำคัญก็คือกลัวอิคุณป๊าเนี่ยแหละทำลูกตัวเองเสียใจ กลัวน้องจะเตลิดไปกับอิตาโปรดิวเซอร์เฒ่าหัวงู ;w;;;;;

รอตอนหน้าาาาาาาาาาา


ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 4 [4/03/60]
«ตอบ #63 เมื่อ10-03-2017 22:51:45 »

แต่แปลกใจคลอดลูกวันเดียวนี่ออก รพ.ได้แล้วเหรอ แข็งแรงจริง


หืมมมม วาไม่ได้คลอดแล้วกลับบ้านเลยนะคะ มีตรงไหนที่เราเขียนแล้วทำให้เข้าใจผิดหรือเปล่า เราจะได้แก้ไข เพราะมีผลกับเนื้อเรื่องต่อจากนี้ค่ะ

ปล. [ข้อมูล] คลอดตามธรรมชาติ(normal labor) ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ แม่แข็งแรง ลูกแข็งแรง วันรุ่งขึ้นก็กลับบ้านได้ค่ะ


‘วาริณี’ หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ผู้ชายคนนี้จะขอมอบทั้งชีวิตและหัวใจให้ เธอจากไปในวันที่ให้กำเนิดเด็กชาย

ตรงนี้น่ะค่า ทำให้คิดว่าคลอดเสร็จก็หายตัวไปเลยอะไรแบบนั้น

ส่วนตอนนี้นั้น พอเข้าใจได้ว่านอฟอาจจะรักหมอโป้แบบชู้สาวได้ หมอโป้อายุแค่ 36 เก่งและเท่มากในสายตาเด็กอายุ 17
ที่ไม่มีแม่ และพ่อเป็นทุกอย่างในชีวิต ที่สำคัญนอฟเห็นว่าแม่เป็นคู่แข่งซะด้วย
แต่หมอโป้เลี้ยงนอฟมาแบบลูก มันจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ยังไง

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 4 [4/03/60]
«ตอบ #64 เมื่อ11-03-2017 12:52:04 »

ติดตามต่อไปค่ะ

ดำเนินเรื่องได้ดีมาก

พี่ยะนี้เหมือนเป็นตัวแปรสำคัญกับเรื่องนี้เลยนะะคะ

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 4 [4/03/60]
«ตอบ #65 เมื่อ11-03-2017 20:58:02 »

เอาจริงๆมะ เรารู้สึกหมั่นเขี้ยวคุณผจก.ตฤณจังเลยค่ะ ขอเอาใส่พานไปให้โปรดิวเซอร์ยะได้ไหม มันจะเป็นอะไรที่หอมหวนมาก #น้ำยายไหย

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 4 [4/03/60]
«ตอบ #66 เมื่อ12-03-2017 19:34:32 »

Chapter 5

การที่นภธรณ์ร้องเพลงได้เป็นที่พึงพอใจของดุริยะนั่นไม่ได้หมายความว่าเขาประสบความสำเร็จ เพียงแต่เขาสามารถ ‘ก้าวขึ้นบันไดขั้นแรก’ มาได้และหนทางข้างหน้านั้นก็ยังเหลือบันไดขั้นที่ทั้งสูงและชันให้ปีนขึ้นไปอีก

เพลงของเขาอัดเสร็จแล้วและถูกส่งไปตามรายการเพลงรวมทั้งคลื่นวิทยุต่างๆ เพื่อรอวันเปิด โดยในระหว่างนี้ทีมงานก็วุ่นวายเตรียมงานสำหรับถ่ายทำ MV และวางแผนโปรโมทในระยะยาว

ตอนนี้ชีวิตของนภธรณ์จึงวนว่ายอยู่กับการไปโรงเรียนในตอนเช้าเพราะป๊าสั่งเด็ดขาดว่าห้ามขาดเรียน ตกเย็นก็วิ่งรอกมาที่สตูดิโอเพื่อเรียนร้องเพลงและฝึกเทคนิคพิเศษเพิ่มเติมกับดุริยะที่ถึงจะโหดเขี้ยวลากแต่ก็สอนเขาแบบไม่มีกั๊ก ทั้งดีดอิเล็คโทนเองและกำกับเองไปทีละท่อน รวมไปถึงสอนการแสดงออกบนเวทีตอนร้องเพลงด้วย

“ท่าทางวันนี้อารมณ์ดีนะ มีอะไรเหรอ” ดุริยะถามเพราะไม่ว่าเขาจะดุว่าอะไรเด็กหนุ่มก็ยิ้มรับตลอด จะว่าไปพอได้คลุกคลีและทำความรู้จักเขาก็ได้รู้ว่านภธรณ์ที่ดูเหมือนเป็นเด็กหัวแข็ง ปากดี ชอบเถียงในครั้งแรกที่ได้เจอนั้นจริงๆ แล้วก็แค่เป็นคนตรงๆ มากกว่า คิดอะไรก็พูด สงสัยอะไรก็ถาม

“วันนี้ป๊าไม่มีนัดผ่าตัดครับ เลยบอกว่าจะมารับไปกินข้าว” นภธรณ์บอก ช่วงหนึ่งสัปดาห์มานี้กลับถึงห้องหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย ป๊าเองก็กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้างเป็นปกติจึงไม่ได้เห็นหน้าหรือคุยกันตรงๆ เลย

“ช่วงนี้เพลาๆ เรื่องปิ้งย่างบ้างนะ ของทอดของมันด้วย มันไม่ค่อยดีกับเส้นเสียง” ดุริยะบอก

“โห พี่ยะอะรู้ทัน”

โปรดิวเซอร์หนุ่มใหญ่หัวเราะลงคอพร้อมกับยื่นมือไปจับแก้มเด็กหนุ่มดึงเล่นไปมา “ทางที่ดีไดเอทหน่อยก็ดีนะ แก้มออกแล้วเนี่ยถึงแก้มยุ้ยๆ จะน่ารัก แต่พอออกกล้องแล้วมันขึ้นอืด”

“อี้อ๊ะ~ อ่าแอ้งอิ อ๋มเอ็บอ๊ะ” นภธรณ์สะบัดตัวหนีออกมาได้ในที่สุดและใช้สองมือนวดหน้าที่โดนดึงจนเจ็บไปหมด “แฟนคลับผมออกจะชอบ”

“ถ้าเธอจะพูดแบบนั้น ฉันก็ชอบเหมือนกันนะ” พร้อมกับขยิบตาให้ครั้งหนึ่ง

“งั้นผมลดน้ำหนักก็ได้ แต่พรุ่งนี้นะวันนี้ขอกินหมูย่างก่อน ถือเป็นมื้อสั่งลา พรุ่งนี้จะลดจริงๆ ครับ” เด็กหนุ่มทำท่าตะเบ๊ะขึงขัง

ดุริยะหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจไปพร้อมๆ กับเด็กหนุ่ม

แต่แล้วเสียงข้อความที่ดังขึ้นแค่เพียง ‘ปี๊บ’ สั้นๆ ก็กลับพรากเอารอยยิ้มบนหน้านภธรณ์ไปจนสิ้น

“มีอะไรเหรอ” ดุริยะถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มใช้ปลายนิ้วปัดหน้าจอไปมาซ้ำๆ อยู่หลายครั้งทั้งที่เขาแอบเห็นว่าข้อความมันก็ไม่ได้ยาวนัก

“ป๊าบอกว่ามีเคสด่วนครับ มารับไม่ได้แล้ว” นภธรณ์ตอบ “ป๊าน่ะเป็นแบบนี้ประจำแหละ ผมชินแล้วละครับ... เดี๋ยวผมโทรให้พี่ตฤณมารับก็ได้”

“ไม่ต้องหรอก” ดุริยะยกมือขึ้นฉวยข้อมือเด็กหนุ่มไว้ ถึงท่าทางจะดูเหมือนไม่มีอะไร แววตานิ่งสนิท แต่ในน้ำเสียงที่เรียบเฉยนั้นเขาฟังออกว่ามันมีทั้งความผิดหวังและเสียใจซ่อนอยู่ “เดี๋ยวฉันไปส่งเอง แล้วจะพาไปเลี้ยงข้าวด้วย”

“ตะ... แต่...”

“วันนี้เธอทำได้ดีถูกใจฉันมาก และพรุ่งนี้เพลงของเราก็จะออนแอร์ทั่วประเทศแล้ว ถือว่าเป็นรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ละกัน กลับดึกนิดหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

เด็กหนุ่มก้มหน้าลงมองข้อความที่ยังคงเปิดค้างอยู่บนหน้าจอ เขาครุ่นคิดอยู่อึดใจและตอบตกลง “ครับ”

oooooo

“พี่ยะพาผมมาที่ไหนเนี่ย” เด็กหนุ่มถามตื่นๆ เพราะวันนี้ดุริยะขับรถมาเองเขาจึงวางใจว่าถ้ารถวิ่งไปที่แปลกๆ ก็จะเปิดประตูกระโดดลงได้โดยที่อีกฝ่ายจะจับไม่ได้เพราะต้องตั้งสมาธิกับการขับรถ แต่เมื่อได้เห็นจุดหมายปลายทางซึ่งเป็นคอนโดแทนที่จะเป็นร้านอาหารก็อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน

“บ้านฉันไง” ดุริยะเปิดประตูลงจากรถพร้อมกับพยักเพยิดให้เดินตามเข้าไป

“แต่พี่ยะบอกจะพาผมไปเลี้ยงข้าวไม่ใช่เหรอครับ” นภธรณ์ก้าวยาวๆ ตามไป หลังจากคิดทบทวนดู มาถึงขั้นนี้แล้วก็คงไม่กลับหลังหันง่ายๆ ...เพราะต่อให้รีบกลับบ้านไปก็ไม่มีคนรอและเขาก็ต้องทนเหงาอยู่คนเดียวจนถึงเช้า จริงอยู่ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนยกเลิกนัด แต่ไม่ว่ายังไงใจก็ไม่เคยชินสักที โดยเฉพาะวันที่เป็น ‘วันสำคัญ’ ขนาดนี้

“แต่ฉันไม่ได้บอกนี่ว่าที่ไหน” ดุริยะพูดยิ้มๆ พร้อมกับไขกุญแจเปิดประตูเข้าไป “เข้ามาสิ แล้วก็เดินระวังๆ หน่อยละ”

นภธรณ์ออกจะตกใจไม่น้อยกับสภาพห้องตรงหน้าที่แสนรกจนแทบไม่มีที่จะเดิน สภาพเหมือนรูหนูขัดกับตัวอาคารภายนอกซึ่งเป็นคอนโดหรู มีเสื้อผ้าซึ่งไม่แน่ใจว่าใส่หรือยังวางกองอยู่บนโซฟารับแขก แถมยังมีถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับจานชามที่ยังไม่ได้ล้างวางกองสุมๆ อยู่บนโต๊ะ บนพื้นเองก็มีพวกกระดาษโน้ตทั้งใบใหญ่เล็กรวมทั้งที่โดนขยำเป็นก้อนกลมๆ กระจายเกลื่อน นั่นยิ่งสร้างความแปลกใจมากขึ้นไปอีกเพราะถ้าคิดจะทำมิดีมิร้ายพาเข้าโรงแรมน่าจะง่ายกว่า “พี่ยะอยู่คนเดียวเหรอครับ”
 
“แน่นอนอยู่แล้ว ก็ฉันโสดนี่” ดุริยะไหวไหล่พลางเก็บเสื้อผ้ารวมๆ เข้าด้วยกันไปโยนลงตะกร้าเพื่อให้มีที่นั่ง

“ไหนบอกว่าตัวเองเชี่ยวเรื่องผู้หญิงไง”

“ช่วงนี้ไม่มี” ดุริยะตอบ “ทำเพลงให้เธออยู่ เลยอยากโฟกัสแค่เรื่องเดียว”

กระดาษก้อนหนึ่งกลิ้งมาหยุดที่ข้างเท้า เขาจึงหยิบขึ้นมาคลี่ออกดู มันเป็นเนื้อเพลงที่เขียนด้วยลายมือขยุกขยุยเต็มไปด้วยรอยขีดฆ่า

“ก่อนจะมาเป็นเพลงของเธอน่ะแหละ” ดุริยะเดินเข้ามาดึงไปจากมือขยำรวมกับกระดาษแผ่นอื่นๆ ที่เขาเก็บมาก่อนหน้าแล้วปาลงถังขยะที่เต็มจนล้น

นภธรณ์ไม่เคยเห็นวิธีการแต่งเพลงแต่ก็พอจะรู้ว่ากว่าจะได้มานั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย เขามองไปรอบห้องเห็นพื้นที่บางจุดอย่างบนโซฟาหรือเก้าอี้ตรงข้างหน้าต่างถูกเว้นว่างไว้ไม่มีข้าวของวางกองบ่งบอกว่าตรงนั้นเป็นจุดที่เจ้าตัวนั่งทำงานเสมอๆ พลันภาพกิจวัตรประจำวันช่วงหนึ่งของเจ้าของห้องก็ปรากฏขึ้นในหัว ผู้ชายหน้าดุที่นั่งหลังขดหลังแข็งอยู่กับสมุดเล่มหนึ่ง ในมือถือปากกาจดขยุกขยิก สักพักก็ขีดฆ่าก่อนจะฉีกออกแล้วปาทิ้งไปอย่างขัดใจ พอท้องหิวก็ลุกไปต้มมาม่าแล้ววนกลับมานั่งที่เดิม มือข้างหนึ่งถือส้อมม้วนเส้นในถ้วยส่งเข้าปาก ในขณะที่อีกมือหยิบปากกาขึ้นมาอีกครั้ง วนเวียนไปแบบนี้เป็นวัฏจักรจนกระทั่งเซ็นชื่อลงบนบรรทัดสุดท้ายของกระดาษ

ดังนั้นนอกจากความแปลกใจที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจว่าทำไมดุริยะถึงเลือกทำเพลงให้เขาโดยไม่ได้ร้องขอ ตอนนี้นภธรณ์ยังรู้สึกตื้นตันอยู่ในอกถึงความตั้งใจที่จะทำเพลงที่ดีที่สุดให้เขา

“แปลกใจอะไรเหรอ” ดุริยะถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเงียบไป

“อ้อ... เอ่อ แค่สงสัยว่ารกขนาดนี้พี่ยะนอนตรงไหน”
โปรดิวเซอร์เลิกคิ้วขึ้นสูง “สนใจเรื่องที่หลับที่นอนของฉันด้วยเหรอ ทำไม คิดจะมานอนเป็นเพื่อนหรือไง”

นภธรณ์จิ๊ปาก กะแล้วเชียวว่าต้องมามุกนี้ “ผมถามเพราะเป็นห่วงนะครับ”

ได้ยินแบบนั้นคนอายุมากกว่าจึงเลิกยวน และพยักเพยิดไปทางประตูที่อยู่ด้านใน “มานี่สิ จะให้ดูอะไร... มาเถอะ ฉันไม่ทำอะไรหรอกน่า”

“จริงๆ นะครับ”

“ก็ไม่รู้สินะ”

สิ่งที่อยู่ด้านหลังบานประตูนั้น แทบจะเป็นคนละโลกกับด้านนอก นอกจากจะประกอบไปด้วยเครื่องเล่นดนตรีทันสมัยทั้งคีย์บอร์ด กลองชุด เบส ลำโพงและอุปกรณ์ต่างๆ มากมาย มีเตียงเล็กๆ อยู่ตรงมุมหนึ่ง “ห้องนอนใหญ่ก็มีนะ แต่ฉันชอบนอนในนี้มากกว่า อยู่กับเจ้าพวกนี้อุ่นใจดี”

“พี่ยะชอบดนตรีมากเลยนะครับ” นภธรณ์พูดอย่างตื่นตะลึง เขาหันไปสบตาเจ้าของห้องที่ผายมือเป็นเชิงอนุญาตจึงค่อยก้าวเดินสำรวจไปรอบๆ ห้อง

“เมื่อก่อนมันคือความฝันของฉัน แต่ตอนนี้มันเป็นยิ่งกว่านั้น” ดุริยะว่า

“แล้วมันเป็นอะไรครับ”

“ลูก”

เพราะคนอายุมากกว่าตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจเต็มเปี่ยม นภธรณ์จึงไม่แปลกใจกับสถานภาพโสดและนึกสงสัยว่าจำนวน ‘แม่’ ของบรรดาลูกๆ ที่ออกมาอวดโฉมให้ได้ฟังนั้นจะมีมากมายสักขนาดไหนกัน

“แล้วนั่นอะไรครับ” เขาชี้มือไปทางมุมห้องตรงที่มีเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งถูกคลุมผ้าไว้อยู่

“เปียโนน่ะ ตอนนี้ไม่ค่อยได้เล่นแล้ว เลยเอาไปแอบไว้ตรงนั้น”

นภธรณ์พยักหน้า ถึงจะขัดใจกับคำว่า ‘แอบ’ เพราะผ้าที่ใช้คลุมนั้นสะอาดสะอ้านอีกทั้งพื้นที่รอบๆ ก็เป็นระเบียบเรียบร้อยเกินกว่าจะเป็นมุมสำหรับเก็บของ ดูจากลักษณะแล้วถึงจะไม่ได้เล่นแต่เจ้าตัวก็คงจะเข้าไปลูบๆ คลำๆ มันอยู่เสมอ

“พักเรื่องเพลงไว้ก่อนเถอะ ฉันเริ่มหิวข้าวแล้ว” ดุริยะบอกก่อนจะเดินนำออกจากห้องแล้วเลี้ยวหายเข้าไปทางห้องครัว

“นั่นพี่ยะจะทำอะไรครับ” ถามเมื่อเห็นหนุ่มใหญ่หยิบเอาผ้ากันเปื้อนออกมาสวม แถมยังเป็นสีชมพูลายคิตตี้น่ารักขัดกับหน้าโหดๆ แต่ที่น่าตกใจที่สุดเห็นจะเป็นการที่เจ้าตัวใส่ได้โดยไม่ดูเคอะเขิน

“อาหารไง” ดุริยะตอบ “เรามากินข้าวกันไม่ใช่เหรอ”

“เอ๋~”

“ไม่ต้องห่วง เห็นแบบนี้ฉันทำเก่งนะ ตอนไปเรียนทำเพลงที่อเมริกาต้องอยู่คนเดียว จะซื้อกินก็แพงแถมรสชาติไม่ถูกใจเลยทำกินเองน่ะ เดิมทีฉันก็เป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้วด้วย”

นภธรณ์มองคนตรงหน้าแล้วกวาดตามองไปรอบๆ ที่อีกฝ่ายพูดมาไม่น่าเกินจริงเพราะถึงพื้นที่ในครัวนั้นจะรกและไม่เป็นระเบียบแต่ก็มีอุปกรณ์ทำครัวและเครื่องปรุงครบครัน อีกทั้งยังดูเหมือนผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนและเป็นประจำ ซึ่งต่างกับที่บ้านของเขาอย่างสิ้นเชิงที่แทบไม่มีอะไรเลยเพราะปรเมษฐ์เลือกที่จะไปกินข้าวนอกบ้านตลอด เท่าที่จำความได้มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ป๊าทำอาหารให้กิน มันเป็นแพนเค้กทอดที่หน้าตาไม่สู้ดีนัก ส่วนรสชาตินั้นก็เลือนไปจากลิ้นจนหมดแล้ว แต่ที่ยังจำได้แม่นยำคือความสนุกและความสุขที่ได้ทำอาหารด้วยกัน

คิดถึงตรงนี้รอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนริมฝีปากช้าๆ
เด็กหนุ่มมองแผ่นหลังคนอายุมากกว่าที่กำลังขะมักเขม้นอยู่หน้าเตาแล้วเดินเข้าไปยืนข้างๆ “ให้ผมช่วยไหม”

“เธอทำเป็นเหรอ” ดุริยะขมวดคิ้วให้คนที่มีสีหน้ากระตือรือร้นเต็มเปี่ยม

นภธรณ์พยักหน้า “ถ้าง่ายๆ พอได้ครับ เพราะบางครั้งผมก็ต้องทำกินเองเหมือนกันเวลาอยู่คนเดียว”

“มาม่าไม่นับนะ” ดุริยะรีบพูดดักไว้ก่อน

“ผมทอดไข่ไม่ไหม้ได้นะครับ”

“เฮ้ย! เอาให้ดี ไม่ไหม้ หรือ ไหม้ไหม้”

“ไม่ไหม้ครับ”

“หืมมมม”

“อันที่มันไม่ดำอะพี่ยะ”

“แล้วสุกไหม”

“สุกสิครับ!”

“โอเคๆ” ดุริยะหัวเราะร่วน “งั้นให้ช่วยก็ได้”

นภธรณ์ยิ้มแก้มแทบปริแล้วชะโงกหน้าเข้าใกล้มากขึ้นเพื่อดูอุปกรณ์ที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ “ว่าแต่เราจะทำอะไรกันครับ”

“ดูจากที่เหลือในตู้เย็นตอนนี้คงทำได้แค่ข้าวผัดปลากระป๋องกับไข่ดาว... เธอกินได้ใช่ไหม”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก นั่นเป็นหนึ่งในเมนูโปรดของเขาเลยล่ะ “ผมกินได้ทุกอย่างครับ”

“ดีมาก งั้นมาช่วยเปิดกระป๋องหน่อย”

เพียงอึดใจอาหารก็เสร็จส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่วห้อง ดุริยะยกทั้งกระทะไปวางบนโต๊ะอาหารที่เด็กหนุ่มเตรียมจานไว้รอแล้ว เขาจัดการตักแบ่งให้ก่อนนั่งลงตรงข้ามกันและเริ่มต้นรับประทาน

“พี่ยะทำอาหารอร่อยจัง”

“เชฟกระทะเหล็กชิดซ้ายเลยใช่ไหมล่ะ มา เติมข้าวอีกหน่อยนะ” ดุริยะโอ่พลางหยิบจานของเด็กหนุ่มที่เกลี้ยงเกลาลงอย่างรวดเร็วมาตักข้าวผัดในกระทะใส่จนพูนอีกครั้ง “ว่าแต่พ่อเธอไม่เคยทำอาหารให้กินเลยเหรอ แปลกจัง นี่อยู่กันยังไงเนี่ย”

“เท่าที่จำความได้ป๊าก็พาไปกินที่ร้านตลอด” นภธรณ์ตอบ “มีแค่ครั้งเดียวที่ทำให้กินคือตอนผมอยู่อนุบาลแล้วป๊าซื้อกระทะมาใหม่ เราทำแพนเค้กกินกันแต่หลังจากวันนั้นป๊าก็ไม่เคยเฉียดเข้าใกล้ครัวเลย ขอร้องให้ตายก็ปฏิเสธตลอด”

“แสดงว่าอร่อยมาก” ดุริยะแซว

“รสชาติไม่แย่นะครับ ผมจำได้ว่ากินหมดเกลี้ยง แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมป๊าไม่ยอมทำอาหารอีก สงสัยจะขี้เกียจมั้ง ป๊าเองก็งานยุ่งด้วย”

“เลี้ยงลูกไม่น่ามีคำว่าขี้เกียจนะ แล้วอาหารที่ทำขายนอกบ้านก็ใช่ว่าจะดีกับเด็ก นี่เป็นพ่อภาษาอะไรเนี่ยได้ข่าวว่าเป็นหมอไม่ใช่เหรอ เขาน่าจะใส่ใจเธอให้มากกว่านี้นะ” ดุริยะหลุดปากบ่นออกไปโดยไม่ตั้งใจ เห็นหน้าเด็กหนุ่มเจื่อนไปเล็กน้อยจึงรีบพูดต่อ “โทษที ฉันมันคนปากหมาน่ะ อดวิจารณ์ไม่ได้... ช่างเหอะ! เอาไว้วันหลังถ้าเธออยากทำอาหารมาหาฉันก็ได้นะ หรือจะทำขนมก็ได้อุปกรณ์มีครบ ที่นี่ยินดีต้อนรับเธอเสมอ”

“ขอบคุณครับ” นภธรณ์ยิ้ม และตักอาหารกินต่อ
ถึงแม้จะไม่ได้นั่งอยู่ในร้านหรู และอาหารตรงหน้าก็เป็นเมนูพื้นๆ ไม่ใช่ฝีมือเชฟชื่อดังเหมือนครั้งก่อน แต่ทำไมนะ เขาถึงรู้สึกว่ามันอร่อยและอิ่มในใจเหลือเกิน

oooooo

“นอฟ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” ปรเมษฐ์ถามเสียงเข้มพร้อมกับโยนไอแพดซึ่งหน้าจอแสดงภาพข่าวซุบซิบดาราให้นภธรณ์ดูที่โต๊ะอาหาร เขาเพิ่งกลับมาถึงห้องเมื่อตอนย่ำรุ่ง อาบน้ำชำระล้างความเหนื่อยล้าเสร็จหวังใจจะได้กำลังใจจากลูกชายก่อนกลับไปลุยงานต่อ แต่สิ่งที่ได้กลับกลายเป็นบั่นทอนให้โกรธจัดจนควันออกหู

พาดหัวข่าวคือ ‘เด็กใหม่’ ของ ‘โปรดิวเซอร์ดัง’ พร้อมภาพประกอบเป็นรูปเด็กหนุ่มกำลังเดินเข้าคอนโดไปกับดุริยะตอนเย็น และกลับออกมาในช่วงกลางดึก

นภธรณ์ชะโงกหน้าเข้าไปดู “ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ เราแค่ไปกินข้าวด้วยกัน”

“ไปกินข้าวภาษาอะไรกัน ถึงได้เดินออกมาจากบ้านเขา แถมยังดึกๆ ดื่นๆ” ปรเมษฐ์ยกมือขึ้นกอดอก และนั่นเป็นสัญญาณว่าโกรธจนที่สุดแล้วเพราะเขากำลังฝืนตัวเองไม่ให้ลงมือตีหรือแม้แต่ชี้นิ้วใส่

แต่นภธรณ์ก็ยังไม่มีทีท่าจะยอมทั้งที่เข้าใจอาการนั้นเต็มอกเพราะมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสีย “พี่ยะเขาแค่อยากโชว์ฝีมือทำกับข้าวให้กิน กินเสร็จผมก็กลับ”

“รู้จักกันไม่เท่าไหร่ นี่แกกล้าไปถึงบ้านเขาแล้วเหรอ”

“ก็ผมว่างนี่นา”

“ว่าง!” ปรเมษฐ์ทวนคำเสียงดังจนเกือบจะตะคอก “นั่นมันใช่เหตุผลเหรอนอฟ ฉันเคยเตือน...”

“แล้วไงครับ” นภธรณ์สวนกลับก่อนที่ปรเมษฐ์จะพูดจบ “คนผิดนัดอย่างป๊าไม่มีสิทธิ์มาพูดหรอกนะ”

“นอฟ?!”

“ผมก็แค่ไปกินข้าว ป๊าไม่เชื่อก็ตามใจ” แล้วคว้ากระเป๋าก้าวฉับๆ ออกจากห้อง

oooooo

“เห็นข่าวหรือยัง” แดเนียล คิมประธาน  D&T media กล่าวเสียงเครียดในที่ประชุม บนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าเป็นหนังสือพิมพ์และภาพสื่อจากสำนักข่าวต่างๆ ที่ปรินท์ออกมาจากอินเตอร์เน็ต

“ครับ” นภธรณ์ที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่มุมหนึ่งตอบ ในขณะที่ต้นข่าวอีกคนไหวไหล่เบาๆ อย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน

อันที่จริงเขาต้องไปโรงเรียนวันนี้ แต่เพียงแค่ก้าวเท้าลงจากรถที่หน้าประตูก็เจอกับกองทัพนักข่าวที่มารอสัมภาษณ์ ถึงจะหนีเข้าโรงเรียนไปได้แต่นักข่าวก็ยังคงปักหลักไม่ไปไหน เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างความวุ่นวายให้กับทางโรงเรียนมากไปกว่านี้เขาจึงตัดสินใจขอลาภาคบ่ายและโทรตามพี่ตฤณให้ช่วยมารับที่ประตูหลังแล้วหนีมาอยู่ที่บริษัท

“แล้วจะทำยังไงดี มีข่าวฉาววันเปิดตัวเพลงแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ” แดเนียลกุมขมับ เช้าวันนี้เขารับโทรศัพท์เรื่องนี้ไม่รู้กี่สายต่อกี่สายแล้ว คนของเขาก็เป็นนักร้องหน้าใหม่ที่กำลังเป็นนิยมในขณะที่อีกฝ่ายก็เป็นโปรดิวเซอร์ดังที่ขึ้นชื่อเรื่อง ‘กินเด็ก’ เป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลง

ดุริยะจุ๊ปาก “อย่าคิดอะไรที่มันร้ายๆ แบบนั้นสิ คุณเองก็อยู่ในวงการมายามาตั้งหลายปีนะแดน ทำไมถึงไม่คิดจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสล่ะ”

“แล้วคุณมีแผนอะไร” แดเนียลถาม

“เชื่อมือผมสิ เรื่องแบบนี้ผมถนัด” ดุริยะบอกพร้อมกับหันไปหานภธรณ์ “ว่าแต่เธอจะเห็นด้วยหรือเปล่า”

“ไม่มีปัญหาครับ ผมยังไงก็ได้”

เมื่อไม่มีใครค้านการประชุมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว ด้วยข้อสรุปว่าถ้ามีนักข่าวมาถามอะไรให้คนอื่นปฎิเสธไปว่าไม่ทราบและดุริยะจะเป็นคนให้คำตอบเอง

เด็กหนุ่มเดินสองมือล้วงกระเป๋าออกจากห้อง วันนี้เพลงใหม่ของเขาจะเริ่มออกอากาศเป็นวันแรก ถ้าเป็นปกติเขาคงนั่งรอฟังวิทยุเตรียมเช็กเรทติ้งกับท่านประธานและพี่ตฤณแล้ว แต่วันนี้เขาไม่มีอารมณ์เอาเสียเลย ไม่ใช่เรื่องตกเป็นข่าวที่ทำให้เขาหงุดหงิด แต่เป็นเรื่องที่ป๊าไม่ไว้ใจเขาต่างหาก

คิดมาถึงตรงนี้ขอบตาก็ร้อนผ่าว เขายกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาเร็วๆ ก่อนที่ใครจะมาเห็น รู้สึกดีใจที่อย่างน้อยเมื่อเช้ามีอารมณ์โกรธมากพอจนไม่ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าป๊า

คนใจร้าย... แค่ตัวเองเบี้ยวนัดก็แย่พอแล้วยังมาหาว่าเขาไปทำเรื่องไม่ดีอีก

“นอฟ” ตฤณที่รู้สึกเป็นห่วงวิ่งตามมาคุยด้วย “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

“ไม่มีอะไรนี่ครับ”

“มันจะไม่มีอะไรได้ยังไงก็เมื่อวานนายบอกกับฉันว่าจะไปกินข้าวกับคุณโป้ไม่ต้องมารับ แล้วจู่ๆ ไปโผล่บ้านคุณยะได้ไง”

“ตามที่บอกแหละครับ ผมแค่ไปกินข้าว พี่ยะเลี้ยงฉลองล่วงหน้าที่เพลงจะออนแอร์ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”

“แต่นายบอกให้ฉันช่วยเคลียร์คิวให้ว่างเพราะเป็นวันเกิดคุณโป้ไม่ใช่เหรอ” ตฤณถาม “นายวางแผนจะเซอร์ไพรซ์เขานี่นา”

“ก็เจ้าของวันเกิดไม่ว่างจะให้ผมทำยังไงได้ละครับ” นภธรณ์ตอบตามตรง และนั่นทำให้ตฤณเข้าใจเรื่องราวในทันที “ช่างเถอะครับพี่ตฤณ ใช่ว่าผมไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้สักหน่อย... แค่มันยังไม่ชินเท่านั้นเอง”

“นอฟ” ผู้จัดการส่วนตัวเรียกเสียงอ่อยด้วยสงสารเพราะเห็นถึงความตั้งใจของเด็กหนุ่มในการวางแผนและเตรียมการตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งเลือกเมนูและศึกษาวิธีการทำจากยูทูป

“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค พี่ตฤณอย่าบอกป๊านะ ผมขอร้องล่ะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแค่นี้เขาก็โกรธผมจะแย่แล้ว”

“แต่นายลงทุนฝึกทำอาหารกับป้าแม่ครัวที่กองทุกวันเพราะอยากจะทำให้เขากินไม่ใช่เหรอ”

“ไม่เป็นไรครับ ไว้ปีหน้าก็ได้ หรือจริงๆ ไม่ได้ทำอาจจะดีกว่าเพราะผมก็ไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือตัวเองเท่าไหร่ ป๊ากินเข้าไปอาจจะท้องเสียก็ได้” นภธรณ์ว่า “มันก็แค่ความเอาแต่ใจของผม ดังนั้น ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ”

“แน่ใจนะ”

“ผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะพี่ตฤณ เรื่องงี่เง่าแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกน่า ผม...” พูดได้แค่นั้นขอบตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งจนพูดต่อไม่ได้

“แล้ว... เอ่อ... นายจะไปไหนนี่ก็จวนใกล้จะได้เวลาเพลงออกอากาศรายการแรกแล้วนะรีบเข้าไปฟังกันเถอะ”

นภธรณ์ส่ายหน้า “ขอโทษนะครับ แต่ผมรู้สึกเหนื่อยจังขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ”

“ก็ได้ เดี๋ยวฉันไปส่ง”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเรียกแท๊กซี่ได้” รีบบอกพร้อมกับก้าวยาวๆ จากไป

ทันทีที่ประตูเปิดออกเด็กหนุ่มก็ถึงกับผงะถอยหลังเมื่อกลุ่มนักข่าวที่ดักรออยู่พากันกรูเข้ามาและยิงคำถามใส่

“เรื่องมันเป็นยังไงคะ”

“ตกลงเรื่องที่ลือกันว่ามีความสัมพันธ์กันเพื่อให้แต่งเพลงให้เป็นความจริงหรือเปล่าครับ”

“หรือว่าคบกันอยู่จริงๆ”

นภธรณ์หน้าเหวอทำอะไรไม่ถูก พยายามจะหนีแต่ก็ไม่พ้นกลุ่มนักข่าวที่พยายามจะรุมกันเข้ามา

“เอ่อ... คือ... ผม...”

อยากจะมีผ้าคลุมล่องหนจะได้หายตัวหนีไปจากสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ พอถูกกระหน่ำซักไซ้เอามากๆ เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกสังคมประนามหรือตราหน้าทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรผิด จะเอ่ยเล่าไปเองว่าเรื่องราวเป็นยังไงก็พูดไม่ออกเพราะตกลงกับต้นสังกัดว่าจะเงียบ และดูเหมือนการเงียบนั้นจะยิ่งจุดชนวนให้นักข่าวคิดว่าทั้งหมดคือเรื่องจริง

“ช่วยพูดอะไรสักอย่างได้ไหมครับ”

“ผม... ผม...”

“นอฟ” ตฤณพยายามจะเข้ามาช่วยแต่ก็เข้าไม่ถึงตัว เขาจึงต่อสายหาโปรดิวเซอร์ใหญ่ที่อาสาจะเคลียร์ทุกอย่างเอง “เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับคุณยะ”

ทันทีที่วางสายร่างของดุริยะก็ปรากฏที่สุดทางเดินและรีบวิ่งตรงมาหา

“เขาได้พูดอะไรไปบ้างหรือเปล่า”

“แค่ทำหน้ามึนอย่างเดียวครับ” ตฤณบอก

ดุริยะพยักหน้าและเดินออกมาให้นักข่าวเห็น “ใจเย็นๆ ครับทุกคน เรื่องมันไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยครับ”

“แล้วมันเป็นยังไงหรือครับ”

นภธรณ์สบตาคนอายุมากกว่าอย่างขอความช่วยเหลือ รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกที่มีใครสักคนเข้ามาช่วย

ดุริยะขยิบตาให้ครั้งหนึ่งและตอบคำถามของนักข่าว “ก็เป็นอย่างในภาพที่พวกคุณเห็น ผมกับเด็กคนนี้...”

พูดได้เท่านั้นก็ถูกขัดด้วยเสียงฮือฮาของนักข่าวกลุ่มที่อยู่ด้านหลังเมื่อหนุ่มใหญ่ในชุดสูทอีกคนปรากฏตัวขึ้น

“สวัสดีครับ” ชายคนนั้นกล่าวพร้อมกับยกมือไหว้ทักทาย

พลันหัวใจที่กำลังถูกบีบคั้นก็คลายออกเพียงแค่ปรเมษฐ์หันมาสบตา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าป๊ามาทำไม มาได้ยังไง หรือจะช่วยเขาได้ไหม... เขาแค่รู้สึกว่า ‘อุ่นใจ’ ที่สุด ยิ่งกว่าตอนที่เห็นดุริยะปรากฏตัว

“ป๊า”

นักข่าวเปลี่ยนฝั่งทันที เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าผู้ปกครองของเด็กหนุ่มนั้นขึ้นชื่อเรื่องหวงลูกมาก

“คุณพ่อ มีความเห็นยังไงกับข่าวที่ออกมาคะ”

“คุณพ่อได้มีการพูดคุยอะไรกับนอฟบ้างคะหลังเห็นภาพที่ออกมา”

ปรเมษฐ์สบสายตาลูกชายที่เป็นประกายขึ้นมาทันทีแม้จะยังทำปั้นปึ่งใส่ ก่อนจะเหลือบตามองดุริยะที่จ้องเขม็งมาราวกับตั้งคำถามผ่านสายตาว่า ‘คนนอกมาทำอะไรที่นี่’ ซึ่งปรเมษฐ์ก็ตอบโต้ด้วยการหันไปกล่าวกับนักข่าวอย่างสุขุม “ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ คุณดุริยะเป็นคนทำเพลงใหม่ให้ลูกชายผม หมู่นี้ก็เลยสนิทกันและต้องไปไหนมาไหนด้วยกันบ้างเป็นธรรมดา”

“แต่ว่าภาพที่ออกมาไม่ธรรมดาเลยนะคะ”

“อะไรหรือครับที่ว่าไม่ธรรมดา” ปรเมษฐ์ถามกลับเรียบๆ “ก็แค่เด็กไปกินข้าวบ้าน ‘พี่ชายที่ทำงานด้วย’”

เขาจงใจเน้นคำนี้เป็นพิเศษพร้อมกับหันไปสบตาดุริยะอีกครั้ง ไม่ใช่การขอร้องหรือตั้งคำถามหากเป็นการขีดเส้นใต้ประโยคคำสั่งว่าห้ามให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเกินเลยไปมากกว่านี้เด็ดขาด และเป็นการเน้นกลับไปว่า ‘ใครกันแน่ที่เป็นคนนอก’

เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน จากที่ตั้งใจจะใส่สีตีไข่สักหน่อยเพื่อให้สื่อช่วยประโคมข่าวถือเป็นการโปรโมทเพลงใหม่ไปในตัว โปรดิวเซอร์ใหญ่จึงจำใจยอมรับความจริงไปอย่างง่ายๆ “ใช่ครับ เราไปเลี้ยงฉลองล่วงหน้าที่เพลงจะออกอากาศวันนี้”

“แค่กินข้าวด้วยกันแล้วก็กลับเลยเหรอครับ” นักข่าวยังไม่เลิกเซ้าซี้

“ใช่ครับ” เป็นปรเมษฐ์ที่ชิงตอบก่อนอีกครั้งทำเอาดุริยะหน้าตูมไปอีก

“คุณพ่อจะแน่ใจได้อย่างไรครับในเมื่อภาพมันฟ้องขนาดนั้น กินข้าวอะไรกันถึงได้เลิกค่ำมืดขนาดนั้น”

“ผมเชื่อใจในตัวนอฟครับ”

คำตอบเสียงดังฟังชัดทำเอาตัวต้นเรื่องต้องแอบก้มหน้าซ่อนความดีใจ... คนอื่นจะมองยังไงก็ช่างขอเพียงแค่ป๊าคนเดียวที่อยู่ข้างเขาก็พอแล้ว

“แต่ถ้าคุณนักข่าวยังแคลงใจก็เอาไว้มีภาพเสียหายออกมายืนยันมากกว่านี้ก่อนค่อยว่ากัน แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคงไม่มีเพราะนอฟเป็นเด็กดี... หรือคุณนักข่าวไม่คิดแบบนั้นครับ”

แล้วตบท้ายด้วยยิ้มหวานให้อย่างทั่วถึง ทำให้นักข่าวเริ่มคล้อยตามเพราะนภธรณ์ก็เป็นที่รักของทุกคนและก็มีภาพลักษณ์เป็นเด็กใสซื่อน่าสงสารที่มาร้องเพลงเพื่อตามหาแม่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

“ลองคุณพ่อออกตัวเองแบบนี้ สงสัยจะไม่มีอะไรจริงๆ”

พวกเขาหันไปกระซิบกระซาบกัน

“น่าเบื่อว่ะ นึกว่าจะได้ข่าวเด็ด”

เห็นดังนั้นปรเมษฐ์จึงอาศัยจังหวะนี้รีบพูดต่อเพื่อย้ำความผูกพันในบ้านพร้อมกับตัดบท “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขออนุญาตพานอฟกลับนะครับ พอดีเมื่อวานวันเกิดผมแต่ผมติดธุระเลยไม่ได้ฉลองกัน วันนี้เลยมารับไปแก้ตัวน่ะครับ อ้อ! วันนี้นอฟเปิดตัวเพลงใหม่ด้วยอย่าลืมไปฟังกันนะครับ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ รบกวนถามคุณดุริยะได้เลย ผมขอตัวก่อนนะครับ... มาเถอะนอฟฉันหิวข้าวแล้ว” โยนเรื่องให้เสร็จก็หันไปคว้ามือลูกชายและดึงให้เดินตามมา

เมื่อไม่มีอะไรให้ถามแล้วนักข่าวจึงพากันเปิดทางให้ทั้งสองเดินออกไปโดยง่ายพร้อมทั้งกล่าวอวยพร

“สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณพ่อ”

“ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ”

ก่อนจะหันไปรุมสัมภาษณ์โปรดิวเซอร์ดังต่อ

(ต่อข้างล่างค่ะ)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 21:09:21 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 4 [4/03/60]
«ตอบ #67 เมื่อ12-03-2017 19:44:53 »

(ต่อตรงนี้ค่ะ)

ใบหน้าฉาบยิ้มยามอยู่ต่อหน้านักข่าวละลายหายไปสิ้นทันทีที่คล้อยหลัง ปรเมษฐ์เดินกลับมาขึ้นรถด้วยใบหน้าบูดบึ้งพร้อมนภธรณ์และขับออกมาโดยไม่ยอมพูดอะไรอีกจนกระทั่งถึงห้อง

เขาถอดเสื้อสูทตัวนอกพับลวกๆ และโยนพาดไว้บนพนักเก้าอี้ก่อนจะเริ่มปลดกระดุมข้อมือ เห็นลูกชายเบะปากทำหน้าเหมือนจะยอมรับผิดแต่กลับไม่ยอมหันมาสบตาตรงๆ จึงถามออกไป “มีอะไรจะพูดไหม”

“ไม่มี”

“ยังจะปากแข็ง ปีนี้มีอะไรจะเซอร์ไพรซ์ ไหนลองว่ามาสิ”

เด็กหนุ่มเหลียวมามองด้วยหางตา ...ป๊ารู้จริงๆ ด้วยว่าเขางอนเรื่องอะไร แต่ความน้อยใจที่โดนเบี้ยวนัดก็ทำให้ปากยังแข็งขืน “ไม่มีแล้ว”

“ใจร้ายจัง” ปรเมษฐ์พูดเรียบๆ

“ป๊าต่างหากที่ใจร้าย” นภธรณ์ว่า

“พูดใหม่สิ” ปรเมษฐ์ทวน “ได้ข่าวว่าเป็นวันเกิดฉัน แต่ฉันต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำแล้วลูกชายยังมีหน้าหนีไปกินข้าวกับคนอื่นจนเป็นเรื่องเป็นราวอีก”

“ก็...” นภธรณ์กรอกตาหนีและไม่ยอมพูดอะไรอีก จะว่าไปมันก็จริงอย่างที่ป๊าพูดน่ะแหละ

ปรเมษฐ์ถอนหายใจ มือใหญ่ดึงเนกไทที่คอให้คลายออกแล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา “เมื่อคืน... ฉันแอบคาดหวังนะว่าแกจะมาหาเพราะเมื่อก่อนแกก็เคยทำแบบนั้นบ่อยๆ”

ถ้อยคำต่อมาที่หลุดออกจากปากทำให้เด็กหนุ่มเหลียวไปมอง ทีแรกเขาคิดว่าผู้เป็นพ่อกำลังจะตั้งต้นบ่นหรือต่อว่า แต่หน้าคมนั้นกลับอมยิ้มน้อยๆ เมื่อตกอยู่ในห้วงเวลาของความหลัง

หลายครั้ง ไม่สิ! ทุกครั้งที่ปรเมษฐ์ติดงานกลับมาบ้านไม่ได้ เขาจะขอร้องให้หมอโมที่เป็นเพื่อนสนิทป๊าพาไปนั่งรอที่ห้องพักแพทย์พร้อมกับเค้กหนึ่งก้อนที่แวะซื้อจากร้านเบเกอรี่หน้าคอนโด แล้วรอจนกว่าป๊าจะเลิกงานและมาเป่าเค้กด้วยกัน

เป็นแบบนี้ปีแล้วปีเล่า จนมาถึงปีนี้ที่เขาคิดอยากจะเซอร์ไพรส์ด้วยวิธีอื่นบ้างและเป็นการไถ่โทษเรื่องที่ทำตัวไม่น่ารักก่อนหน้านี้ด้วย

“แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ไม่มา เมื่อคืนกว่าจะเสร็จก็เกือบเช้า ฉันไม่อยากเห็นแกมาแกร่วรอเหมือนปีก่อนๆ ได้กินอิ่มนอนหลับบนที่นอนอุ่นๆ ก็ดีแล้ว เมื่อเช้าขอโทษนะที่เสียงดังใส่ ฉันผิดเองแหละ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจแกหรอก... ยังไงดี ก็แค่น้อยใจละมั้งที่เห็นแกไปกับคนอื่น โมมันก็เคยเตือนแล้วแท้ๆ ว่าเด็กน่ะโตไว จากที่เคยติดพ่อเดี๋ยวก็หนีไปหาคนอื่นแล้ว”

“ป๊า...” นภธรณ์เรียกเสียงอ่อย เรื่องที่จะเซอร์ไพรส์มันเป็นความเอาแต่ใจของเขาเองไม่ใช่สิ่งที่ป๊าต้องการเลยสักนิด และทั้งอย่างนั้นป๊าก็เป็นห่วงเขามากกว่าความรู้สึกของตัวเอง

ปรเมษฐ์ถอนหายใจอีกครั้ง รู้สึกว่าตัวเองเริ่มดราม่าเรื่องไร้สาระจึงเปลี่ยนเรื่อง “หิวข้าวหรือยัง อยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวฉันขอเปลี่ยนชุดแป๊บนึงแล้วจะพาไป”

“แต่ผมไม่อยากออกไปข้างนอก มันวุ่นวาย ยังไงเราทำกับข้าวกินกันเองไหมครับ” นภธรณ์ลองเลียบเคียงถาม

“อย่าเลยนอฟ จะกินอยู่บ้านก็ได้แต่ฉันว่าโทรสั่งดีกว่า ไม่ยุ่งยาก แถมท้องเสียขึ้นมาไม่คุ้มหรอก”

“ไม่เสียหรอก เมื่อวานผมทำกับพี่ยะก็กินได้นะ”

“แต่ฉันไม่ได้ทำอาหารเก่งเหมือนเขานี่นา!”

เด็กหนุ่มหน้าเจื่อนไปถนัด “เอ่อ...”

ปรเมษฐ์ยกมือขึ้นกุมหน้าเมื่อรู้ตัวว่าเผลอเสียงดังใส่อีกแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมหมู่นี้เขาถึงคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้เลย โดยเฉพาะถ้ามีชื่อโปรดิวเซอร์นั่นมาเกี่ยวข้อง

“ฉันไม่ได้กลัวตัวเองท้องเสีย” เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ พยายามทำใจให้เย็นลงอีกครั้ง “แต่เป็นแกต่างหาก”

“ผม?”

“ครั้งแรกและครั้งเดียวที่ฉันทำอาหารให้แกกิน แกท้องเสียนอนโรงพยาบาลวันนึงเต็มๆ เลยนะ จำไม่ได้เหรอ”

นภธรณ์ส่ายหน้า ปกติเขาก็แทบจะยึดโรงพยาบาลเป็นบ้านหลังที่สองอยู่แล้ว และถึงเรื่องนี้จะเคยเกิดขึ้นจริงเขาก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตที่ต้องจำสักนิด “มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอครับ”

“เรื่องมันนานแล้วล่ะ สมัยแกอยู่อนุบาลหนึ่งกลับมาบ้านบ่นอยากกินแพนเค้กเพราะเห็นแม่เพื่อนที่โรงเรียนทำมาแจก ฉันเลยพาขึ้นรถออกไปซื้ออุปกรณ์ที่ห้างแล้วกลับมาเปิดดูยูปทำให้กิน แล้วคืนนั้นแกก็ปวดท้อง”

นภธรณ์ย่นคิ้วนึกตาม ตกลงวันนั้นปรเมษฐ์ไม่ได้ทำอาหารเพราะเห่อกระทะใหม่ แต่ลงทุนออกไปซื้อมาใหม่เพราะเขาขอให้ทำอย่างนั้นเหรอ “แสดงว่าที่ป๊าไม่ยอมทำอาหารเป็นเพราะผมเหรอ”

“เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเถอะ ฉันไม่อยากเห็นแกป่วยอีก” ปรเมษฐ์โบกมือในอากาศ ภาพลูกชายนอนซมบนเตียงยังคงติดตาจนไม่กล้าแตะอุปกรณ์ทำครัวใดๆ อีกเป็นครั้งที่สอง “ตกลงกินอะไรดี สุกี้ไหม ได้เวลาที่แกต้องควบคุมอาหารแล้วนี่”

นภธรณ์เริ่มยิ้มออก ทั้งที่ไม่เคยบอกเรื่องยิบย่อยพวกนี้เพราะไม่อยากให้วุ่นวายแต่ปรเมษฐ์ก็ดูเหมือนจะใส่ใจเป็นอย่างดี “ไม่เป็นไรครับ เอาไว้ลดวันหลังก็ได้ เอาที่ป๊าอยากกินสิ นี่ฉลองวันเกิดป๊านะ”

ปรเมษฐ์เหลือบตามองลูกชาย “งั้นฉันสั่งข้าวผัดกระเพราะไข่ดาวร้านอาหารตามสั่งข้างล่างให้ขึ้นมาส่งนะ”

นภธรณ์พยักหน้า ตาเป็นประกาย จะเป็นอะไรก็ได้ขอแค่ได้กินข้าวด้วยกันก็พอใจแล้ว “ของผมไข่แดงไม่สุกนะ”

“รู้แล้วน่า”

“งั้นเดี๋ยวผมลงไปซื้อเค้กก่อนนะ”

“ไม่ต้องหรอกนอฟ”

“ได้ยังไงล่ะป๊า วันเกิดทั้งทีจะไม่เป่าเค้กได้ไง ป๊าชอบเค้กสตรอว์เบอร์รี่ใช่ไหม แต่ร้านนี้ขายดีเสียด้วยถ้าไม่มีเอาเค้กชอคโกแลตได้ไหม”

“ฉันไม่ชอบเค้กชอคโกแลต” ปรเมษฐ์พูดช้าๆ “เค้กสตรอว์เบอร์รี่ก็ไม่ชอบ อันที่จริงฉันไม่ชอบกินของหวานด้วยซ้ำ แต่ที่กินอยู่ทุกปีเพราะแกตั้งใจซื้อมาให้ต่างหาก”

นภธรณ์อึ้งไปเล็กน้อยกับความจริงที่เพิ่งรู้ และเริ่มไปไม่เป็นเพราะนอกจากเรื่องทำอาหารกับเค้กแล้วก็ไม่ได้คิดวางแผนสำรองเอาไว้สักอย่างว่าจะให้อะไรเป็นของขวัญ “เอ่อ... เอางี้! ป๊ามีอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษไหม เดี๋ยวค่าตัวออกผมจะซื้อให้”

“ไม่ต้องหรอก เพราะของที่อยากได้ฉันมีแล้ว”

“อะไรครับ”

“แกไง”

นภธรณ์ทำเป็นย่นปากทั้งที่ตอนนี้หน้าบานเท่ากระด้งแล้ว “ไม่ใช่สิป๊า ผมหมายถึงอะไรที่มัน ‘พิเศษ’ จริงๆ น่ะ”

“ก็มีแล้วจริงๆ นี่นา” ปรเมษฐ์ยืนยัน “ไม่ต้องมีเค้ก ไม่ต้องเป่าเทียนหรอก แค่ได้เห็นแกเติบโตอย่างมีความสุขทุกวันก็เป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดของฉันแล้ว”

“วันนี้ป๊าเป็นอะไรเนี่ย น้ำเน่าจัง”

“เป็นโรคกลัวลูกชายไม่รักละมั้ง” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนหันหลังเป็นการตัดบท ทำทีเป็นยกโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์โทรร้านอาหาร

นภธรณ์เอามือไพล่หลังเดินตามไปยืนข้างหลังพยายามจะชะเง้อมองว่าป๊ากำลังเขินจนแก้มแดงหรือเปล่า แต่ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันมากทำให้มองไม่เห็นอะไรนอกจากใบหูส่วนที่โผล่พ้นไรผมซึ่งอมชมพูระเรื่อ “ถ้าโรคนั้นป๊าไม่ต้องกลัวนะผมมียาดี”

“อย่ามาโม้น่า”

“จริงๆ นะเชื่อผมสิ พ่อผมเป็นหมอนะป๊า”

ปรเมษฐ์พ่นลมออกจมูกกับมุกตุ่นๆ ของลูกชายพร้อมกับหันมาครึ่งๆ “ยาอะไรของแกวะ”

“นี่ไง!”

พูดจบนภธรณ์ก็พุ่งเข้าสวมกอดจากทางด้านหลังเต็มวงแขนและก่อนที่ปรเมษฐ์จะทันได้ตอบโต้อะไรเขาก็จัดการฝังริมฝีปากลงข้างแก้มพร้อมกับขโมยหอมไปฟอดใหญ่

“ผมรักป๊านะ”

“รู้แล้ว”

“รู้แล้วก็เลิกงอนได้แล้ว”

“ไม่ได้งอน” ปรเมษฐ์ว่า “ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบนะเว้ยที่จะได้มางอนอะไรแบบนี้”

“ก็ป๊าบอกเองว่าน้อยใจที่ผมหนีไปกินข้าวกับพี่ยะ”

ปรเมษฐ์กุมขมับรู้สึกพลาดจริงๆ ที่หลุดปากพูดออกไป

“ตกลงหายยัง?” เด็กหนุ่มกระเซ้าพร้อมกับถูไถแก้มไปมาบนแผ่นหลังกว้าง... ท่อนขาที่มีแต่ขนก็ชอบอยู่หรอกแต่แผ่นหลังกว้างๆ แข็งๆ นี่ก็อุ่นดีจัง “ว่าไงครับป๊า ตกลงหายงอนผมหรือยัง”

“หายแล้ว”

“งั้นก็ยิ้มสิ”

ปรเมษฐ์หันมาแยกเขี้ยวใส่คนที่เกาะเอวแน่นเป็นลูกลิงซึ่งกำลังตั้งต้นร้องเพลงฉลองวันเกิดให้เขาก่อนจะตบท้ายด้วยประโยคที่พูดให้ฟังทุกปี

“สุขสันต์วันเกิดนะป๊า”

พูดจบลูกลิงก็ชะโงกหน้ามาขโมยหอมไปจากแก้มอีกข้างพร้อมกับยิ้มกว้างหน้าแป้นแล้น

รอยยิ้มละมุนคลี่เต็มริมฝีปากและกระจายไปจนถึงนัยน์ตา ถึงปีนี้คำอวยพรจะมาช้าไปหนึ่งวันเต็มๆ แต่ปรเมษฐ์ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีความสุขน้อยลงไปกว่าเดิมเลยสักนิดเดียว

oooooo

หลังจากจัดการอาหารเย็นเสร็จสิ้น ปรเมษฐ์ก็ปล่อยให้ลูกชายเข้าห้องไปอาบน้ำนอนก่อน และเมื่อถึงตาเขาอาบน้ำเสร็จออกมาก็พบว่านภธรณ์หลับปุ๋ยไปเสียแล้ว

ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปยืนข้างเตียงอย่างเงียบเชียบด้วยกลัวจะรบกวนคนที่หลับสบายก่อนจะค่อยทรุดตัวลงนั่งและหันลำตัวครึ่งหนึ่งไปมองลูกชายที่นอนอ้าปากเหวอ น้ำลายยืด เสื้อยืดคอย้วยที่เจ้าตัวชอบใส่เป็นประจำเลิกขึ้นจนถึงอกอวดพุงขาวๆ ที่เกิดจากการฟาดมื้อเย็นควบขนมหวานคนเดียวจนอิ่มแปร้

ใบหน้าหลับพริ้มนั้นอ่อนเยาว์แต่ถึงกระนั้นก็ยังดูเติบโตขึ้นมากจากเด็กชายในความทรงจำเมื่อวันวาน

เมื่อตอนเย็นนภธรณ์พูดถึงวันที่เขาทำอาหารเป็นครั้งแรกและทำให้ลูกชายท้องเสีย มันดูเหมือนจะมีแต่ความทรงจำที่เลวร้าย แต่จริงๆ แล้วยังมีความทรงจำอีกส่วนซึ่งเขาไม่เคยมีวันลืมเลือนเลยเช่นกัน

พ่อครัวมือใหม่มองจานใส่แพนเค้กทอดที่ซ้อนเป็นชั้นสูง มันอาจจะดูหน้าตาไม่ดีนักเมื่อเทียบกับภาพจากอินเตอร์เน็ตด้วยรอยไหม้เกรียมตรงขอบกับรูปทรงที่บิดเบี้ยว แต่เขาก็พอใจกับผลงานชิ้นแรกและผู้ช่วยตัวเล็กหน้าตาเปรอะแป้งที่ใช้ทำขนมซึ่งเกาะขอบเคาน์เตอร์อยู่ข้างๆ ก็ตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้นไม่น้อย

“ลองดมดูสิครับว่าหอมไหม” บอกพร้อมกับค้อมตัวลงให้เสมอกันและยื่นจานใส่ขนมไปตรงหน้า

“หอม”

ปรเมษฐ์หน้าร้อนวาบเพราะแทนที่ลูกชายจะดมขนมแต่กลับเอาปลายจมูกมาชนแก้มเขาเสียนี่ “นอฟ ป๊าบอกให้ดมขนมไม่ใช่แก้มป๊านะครับ”

เด็กชายพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นแล้วชะโงกหน้าเข้ามาจุ๊บแก้มอีกข้าง “ดมแล้ว หอมครับ”

ปรเมษฐ์หัวเราะ “อย่ามัวแต่เล่น รีบกินให้หมดจะได้ปิดไฟนอน”

“ป๊ากินก่อน”

“ไม่เอาน่านอฟ... ป๊าไม่ชอบของหว...” พูดยังไม่ทันจบประโยคดีลูกชายก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“สุขสันต์วันเกิดนะป๊า”

“หืมมมม” ปรเมษฐ์แปลกใจไม่น้อย เขามั่นใจว่าไม่เคยบอกลูกชายให้รู้และตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มัวแต่ยุ่งกับงานจนลืมการฉลองไปแล้ว วันเกิดมันก็แค่วันครบรอบที่ทำให้อายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น “ไหนบอกว่าอยากกินแพนเค้กไง ตกลงว่านอฟโกหกป๊าเหรอครับ”

เด็กชายพยักหน้า “ขอโทษครับ ก็ผมมีเงินแค่สิบบาทแล้วคุณครูบอกว่าไม่พอซื้อเค้ก”

รอยยิ้มเอ็นดูคลี่เต็มริมฝีปาก ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่แผนอ้อนขอค่าขนมเพิ่มแต่เขาก็บอกกับตัวเองในใจว่าเดือนหน้าจะขึ้นให้อีกเท่าตัว “ก็ไม่ต้องฉลองก็ได้นี่นา”

“ตอนวันเกิดผม ป๊าเคยบอกว่าวันเกิดเป็นวันสำคัญเพราะป๊ามีความสุขมากที่ผมเกิดมา” เด็กชายเอียงคอมองตาเขาปริบๆ “เพราะงั้นวันเกิดป๊าก็สำคัญ เพราะผมมีความสุขที่มีป๊าอยู่ด้วย”

“ขอบคุณนะครับ นอฟคนเก่งของป๊า”

เด็กชายไม่ตอบ แต่ทำแก้มป่องเอียงหน้าให้ข้างหนึ่งเป็นอันรู้กันว่าต้องการของตอบแทนเป็นอะไร

ปรเมษฐ์จึงชะโงกหน้าเข้าไปหอมฟอดใหญ่พร้อมกับแถมเบิ้ลไปด้วยอย่างไม่กลัวว่าแก้มใสนั้นจะช้ำ

“พอแล้วป๊ามันจั๊กจี้” เด็กชายหัวเราะคิกคักพร้อมกับใช้หลังมือถูแก้มที่เปียกชื้น ก่อนจะหยิบส้อมขึ้นมาตัดแบ่งชิ้นแพนเค้กแล้วจิ้มยื่นมาจ่อที่ริมฝีปาก “อะ... อ้ามมม กินสิครับ... ทำไมป๊าไม่กินล่ะ หรือว่าป๊าไม่ชอบแพนเค้กเหรอ”

ตาคมเหลือบมองชิ้นขนมก่อนจะตวัดขึ้นสบแววตาเป็นประกายใสที่จ้องมองเขาอยู่แล้วอ้าปากงับขนมเข้าปาก สำหรับคนไม่ชอบขนมมันหวานจนติดลิ้น แต่ก็เทียบกันไม่ได้เลยกับรสหวานของรอยจูบที่ติดอยู่ข้างแก้มและกำซาบไปถึงหัวใจ และตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าจะเสพติดรสหวานนี้เข้าเสียแล้ว

“ชอบสิครับ... ป๊าชอบที่สุดเลย”

เด็กชายยิ้มแก้มแทบปริ “เอาไว้ผมโตทำงานมีตัง ผมจะซื้อเค้กสวยๆ ให้ป๊านะ”

“อื้อ” ปรเมษฐ์ตอบเสียงอู้อี้ ไม่ใช่แค่เพราะมีขนมอยู่เต็มปากแต่เขาพูดไม่ออก มันรู้สึกตื้นตันอยู่ในอกที่เด็กตัวเล็กๆ คิดจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เขาดีใจ

“เอาเค้กไรดี” เด็กชายยู่ปากทำท่าทางครุ่นคิด “ป๊าชอบสตรอว์เบอร์รี่ไหม”

“ครับ ชอบครับ” จริงๆ นั่นเป็นเมนูโปรดของคนยื่นข้อเสนอ... แต่ไม่ว่าอะไรที่ลูกชายชอบเขาก็ชอบเหมือนกัน

“งั้นตกลงตามนี้นะ”


“เผลอแป๊บเดียว แกโตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย” ปรเมษฐ์รำพึงกับตัวเอง “ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้วสินะ”

“ป๊า” เสียงหวานงึมงำผ่านริมฝีปากบางคล้ายกับกำลังฝันดี “มีอะไรครับ เค้กเหรอ? ผมกินไม่ไหวแล้ว พุงจะแตก ไว้กินต่อพรุ่งนี้นะป๊า”

รอยยิ้มบางฉาบลงบนเรียวปาก ปรเมษฐ์ยกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าให้พ้นตาก่อนจะไล้ปลายนิ้วอย่างนิ่มนวลไปตามพวงแก้ม

ไม่ใช่สินะ... จริงๆ แล้ว ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลยต่างหาก เพราะไม่ว่าจะเป็นวันนั้นหรือตอนนี้... ความรู้สึกซื่อตรงที่เต้นรัวอยู่หลังอกนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม
 
เขาโน้มตัวลงช้าๆ เพื่อแตะริมฝีปากลงข้างแก้มนิ่มพร้อมกับกระซิบ “ขอบใจนะเจ้าเด็กดื้อ” ก่อนจะดึงชายเสื้อลงให้เรียบร้อยแล้วห่มผ้าให้จนถึงคอและล้มตัวลงนอนข้างกัน

คืนนั้นสองพ่อลูกฝันถึงเรื่องราวในวันนั้น... ในส่วนของบทสนทนาที่เหลือซึ่งทำให้ต่างคนต่างอมยิ้มกันไปตลอดทั้งคืน

“แล้วระหว่างสตรอว์เบอร์รี่กับผม ป๊าชอบอะไรมากกว่ากัน”

“ป๊าต้องชอบนอฟมากกว่าสิครับ”

เด็กชายยิ้มกว้าง แก้มป่องๆ กลายเป็นสีอมชมพูระเรื่อ ก่อนจะเขย่งตัวขึ้นบนปลายเท้าเพื่อใช้สองมือเล็กๆ นั้นจับใบหน้าผู้เป็นพ่อให้อยู่นิ่งแล้วจุ๊บเบาๆ ครั้งหนึ่ง

“ผมก็ชอบป๊ามากที่สุดเหมือนกัน”


************************TBC************************

รู้สึกเสียดายที่ไม่มีวิปครีม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 21:56:31 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #68 เมื่อ12-03-2017 20:38:18 »

บาปนี่ช่างหอมหวานนัก

ออฟไลน์ Lukaka

  • ★น้อยนิดมหาศาล★
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 613
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #69 เมื่อ12-03-2017 20:59:10 »

โอ้โฮ้ววววววววววววววว

หอมไปสามบ้านแปดบ้านสำหรับบาป(ของคนชอบแนวนี้)

คุณป๊า คือสุดด มาทีเดียวจัดการทุกอย่างได้หมด

ทำไมนอฟดูเจ้าชู้แต่เด็กกกกกกกกกก ฮาๆๆ ทำไม ถามว่าแพนเค้กหอมไหม แต่หอมแก้มป๊า อะไรยังไงฮึนอฟฟ ตอบป้าสิ

ปล.อายุเท่าป๊ายังไม่ใช่หนุ่มใหญ่ม้ายยยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2017 08:23:50 โดย Lukaka »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
« ตอบ #69 เมื่อ: 12-03-2017 20:59:10 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #70 เมื่อ12-03-2017 21:21:55 »

เหมือนจะมีความสุข แต่ทำไม่หน่วงในใจก็ไม่รู้

ออฟไลน์ joyey6217

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #71 เมื่อ12-03-2017 21:35:53 »

ป๊าปีโป้้ วันนี้ป๋าเท่ห์มาก พระเอกที่สุด พระเอกตัวจริง ป๋าอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ มาทันเวลาพอดี
แฟนคลับป๋าอย่างอิชั้น ตื้นตันน้ำตาไหลพราก กลิ่นบาปลอยโชยหอมหวนตั้งแต่อดีตในวันวานแล้ว
มันลึกซึ้งและพิเศษเกินกว่าใครจะแทรกระหว่างป๋ากับนอฟได้จริงๆ  ดุริยะอย่าหวังเลยย่ะ ชิ้วๆๆ

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #72 เมื่อ12-03-2017 21:46:27 »

อยากใหกลิ่นบาปหอมแบบนี้ตลอดไป  :heaven
อยากให้บาปยังคงเป็นบาปไปจนถึงตอนจบ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #73 เมื่อ12-03-2017 22:31:50 »

ป๊าเท่ทะลุโลก

ออฟไลน์ therappizdrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #74 เมื่อ12-03-2017 22:55:18 »

อร๊าาาาา

ฉันรักบาปนี้จัง

หอมหวาน น่าค้นหา กรี๊ดดดดดด


ออฟไลน์ pearlypear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #75 เมื่อ12-03-2017 23:01:39 »

ถ้าจะหวานขนาดนี้ บาปแค่ไหนก็ยอมอ่าาา :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #76 เมื่อ12-03-2017 23:43:26 »

ตอนที่นอฟอยู่กับพี่ยะและพูดคุยกันดี ๆ มันก็น่าเชียร์อยู่
แต่พอหมอโป้โผล่มาเท่านั้น มาดเท่ระเบิด พี่ยะอะไรไม่รู้จัก เป็นตัวประกอบไปเหอะ

ออฟไลน์ gakuen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #77 เมื่อ13-03-2017 00:36:46 »

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ PHA_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #78 เมื่อ13-03-2017 01:24:54 »

คุงป๊าาาาาาา

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #79 เมื่อ13-03-2017 01:57:14 »

พ่อลูกคู่นี้งอนกันไปงอนกันมาาา อีพี่ยะก็ชอบปั่นให้พ่อลูกเค้าทะเลาะกัน น้องนอฟก็ยังเด็ก มาเจอคนพูดงี้ก้หวั่นไหวว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
« ตอบ #79 เมื่อ: 13-03-2017 01:57:14 »





ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #80 เมื่อ13-03-2017 16:05:22 »


ไม่รู้ว่าระหว่างเค้กสตรอเบอรี่กับความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกนี่อะไรจะหอมหวานมากกว่ากัน
ฮือออออออออออออออออออออ คุณป๊า
ดูเป็นผู้ชายที่แข็งนอกอ่อนในเนอะ เหมือนเป็นคนเย็นชาไม่ใส่ใจอะไร
แต่จำรายละเอียดทุกอย่างของลูกชายได้หมดเลย

เอาจริงคุณป๊าไม่ต้องซึนมากก็ได้นะคะ
คิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้นเถอะ น้องนอฟยังเด็ก ป๊าไม่พูด น้องก็ดูไม่ออกว่าป๊าต้องการอะไร
เดี๋ยวก็เตลิดไปกับตาลุงโปรดิวเซอร์เป็นข่าวเสียๆ หายๆ อีก

ต่อให้พี่ยะทำกับข้าวเก่งกว่าคุณป๊าเราก็ยังไม่ย้ายทีมหรอก เชอะ!

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #81 เมื่อ13-03-2017 17:31:18 »

อืมมมมมมมม ทำไม? รู้สึก ฟินพิกล ทำไม?ฉันแอบมีเสียง "แอร๊ยยยย" หลุดออกมาตอนนอฟถามว่า "หายงอนยัง?" เห้ยๆๆๆ อย่านะ ได้โปรดดดด  :o8:

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #82 เมื่อ15-03-2017 08:03:12 »




อาห์ บาปหวานแท้ ๆ  :impress2:



ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #83 เมื่อ18-03-2017 12:26:09 »

Chapter 6

หลังจากเปิดตัวเพลงใหม่ไปวันก่อนก็เป็นที่ชื่นชอบของคนหมู่มาก ประกอบกับข่าวหน้าหนึ่งกับดุริยะที่เพิ่งออกไปคนก็ยิ่งให้ความสนใจ จึงทำให้เพลงของนภธรณ์ไต่อันดับขึ้นชาร์จอย่างรวดเร็ว

วันนี้บรรยากาศในกองถ่ายทำ MV จึงเต็มไปด้วยความชื่นมื่น โดยเฉพาะตฤณที่ดูจะหน้าบานกว่าใครๆ ซึ่งนภธรณ์มารู้ทีหลังว่าไม่ใช่เพราะดีใจเรื่องเพลงของเขาหรอก แต่เป็นเพราะนางเอก MV ต่างหาก

“เธอเป็นใครเหรอ พี่ตฤณ” นภธรณ์ถามตฤณด้วยความอยากรู้

จากที่อ่านมาในสคริปต์เห็นว่าชื่อรมิดา และมีอายุพอๆ กับเขา นั่นสร้างความแปลกใจให้นภธรณ์ไม่น้อยเพราะตามเนื้อหาของเพลงและบทบาทแล้วควรจะเป็นผู้หญิงอายุมากกว่า

“ก็น้องดาด้าไงที่เป็นดาราดังน่ะ” ตฤณตอบ

“เธอดังขนาดนั้นเลยเหรอครับ” นภธรณ์ถามพาซื่อ ปกติเขาเป็นคนไม่ดูหนัง ถึงในวงการจะรู้จักคนมากมายแต่ก็ไม่สนิทมากพอจนเรียกว่าเพื่อนได้สักคนเดียว และเขาก็ไม่เคยได้ยินชื่อผู้หญิงคนนี้มาก่อน

“มากๆ กอ ไก่ล้านตัว” ตฤณย้ำ “เธอเป็นนักแสดงตั้งแต่ยังเด็ก มากความสามารถไม่ว่าบทไหนเธอก็เล่นได้ นี่ฉันอุตส่าห์ไปทาบทามเธอมาเป็นนางเอกให้นายเลยนะ”

“ผมว่าเป็นเพราะพี่ตฤณชอบเธอเป็นการส่วนตัวมากกว่ามั้ง” นภธรณ์บอกอย่างรู้ทัน

“แหม... นายก็พูดไป อันนั้นมันผลพลอยได้หรอกน่า” แก้มของตฤณแดงขึ้นเล็กน้อยเพราะเขาเป็นแฟนคลับน้องดาด้ามาหลายปี อย่าว่าแต่แค่โปสเตอร์หรือใบปลิวหนังเลย ขนาดซองทิชชูที่ลงโฆษณารูปเธอเขายังเก็บใส่ซองสูญญากาศไว้อย่างดี “เอาเป็นว่านายทำตัวดีๆ นะ เธอจะได้ประทับใจวันหลังจะได้เชิญให้มาเล่นด้วยอีก”

“ครับๆ รู้แล้วคร้าบ~”

“นั่นไงๆ เธอมานู่นแล้ว ยืนดีๆ ยิ้มกว้างๆ แล้วก็พูดเพราะๆ นะนอฟ” ตฤณกำชับพร้อมกับช่วยเซ็ตเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางอีกครั้ง ก่อนจะจับไหล่เด็กหนุ่มกลับหลังหันไปทักทาย “สวัสดีครับน้องดาด้า จำพี่ตฤณได้ใช่ไหมครับเราเคยเจอกันแล้ว ส่วนนี่นอฟ เจ้าของเพลงที่น้องดาด้ามาเป็นนางเอก MV ให้ครับ”

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ” นภธรณ์พยักหน้ารับคำทักทายพลางมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้า เธอเป็นคนตัวเล็กผอมบางหุ่นตามพิมพ์นิยมสาวไทย ผิวขาว แก้มป่องดูน่ารักสดใส แต่ดูยังไงก็ไม่เหมาะกับบทนางเอก MV ของเขาสักนิด “ขอฝากตัวด้วยนะครับ”

“เราอายุเท่ากันเรียกดาด้าเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”

“โอเค ดาด้าเฉยๆ”

“หืม~” รมิดาเหล่ตามอง “แซวกันตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรกแบบนี้ เดี๋ยวดาด้าก็เข้าใจผิดว่านอฟจะจีบดาด้านะ”

นภธรณ์หัวเราะ “กล้าพูด~”

“คนสวยพูดอะไรก็ไม่ผิดค่ะ”

“เห็นหล่อๆ แบบนี้นี่ก็เลือกเป็นนะ”

“ดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่... แล้วดูว่าหล่อแน่จริงไหม นอฟเอาเบอร์พ่อมาดีกว่าเดี๋ยวดาด้าพิสูจน์เอง”

แล้วเธอก็ขยิบตาให้เขาครั้งหนึ่งเป็นอันรู้กันว่าล้อเล่น นภธรณ์จึงค่อยผ่อนคลายลงเล็กน้อย เพราะทีแรกนึกว่าหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นดาราดังจะเข้าหายากเสียอีก

“เกิดเรื่องบ้าอะไรอีก!”

เสียงของดุริยะที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำเอาทั้งกองถ่ายสะดุ้งไปตามๆ กัน นภธรณ์หันไปเห็นเขากอดอกทำหน้าถมึงทึงใส่ทีมงานคนหนึ่งที่ยืนตัวลีบอยู่ตรงหน้า

“มีปัญหานิดหน่อยน่ะครับ ดูเหมือนคุณเอที่จะมาเล่นเป็นบทแฟนน้องดาด้ามีปัญหาทำให้มาถ่ายไม่ได้น่ะครับ”

“มาไม่ได้แล้วมาบอกอะไรกันตอนนี้วะ!” ดุริยะสบถด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“อะ... เอ่อ... ยังไงวันนี้เราเปลี่ยนคิวเป็นฉากที่ไม่ต้องมีเขาละกันนะครับ”

“แบบนั้นมันยุ่งยาก ถ้าไม่มีความรับผิดชอบนักเปลี่ยนคนใหม่ไปเลยง่ายกว่า” ดุริยะกล่าวเสียงเฉียบ “ไม่มีความจำเป็นต้องให้คนเป็นสิบที่เตรียมตัวมาอย่างดีต้องเปลี่ยนแผนเพราะคนๆ เดียว”

“ละ... แล้วเราจะหาใครมาแทนได้ละครับ เวลากระชั้นชิดขนาดนี้” ทีมงานหนุ่มโอดครวญ

“มีถมถืด ไปหามาสิ”

“ใครครับ”

“นั่นมันหน้าที่นาย” โปรดิวเซอร์ใหญ่ตัดบทพร้อมกับเดินไปนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง

“อะ อ้าววว คุณดุริยะ”

นภธรณ์ยิ้มให้กำลังใจทีมงานที่หน้าจ๋อยไปถนัด กำลังจะวิ่งตามดุริยะไปเพื่อชวนคุยให้อารมณ์ดี และเป็นการซักซ้อมความเข้าใจในบทบาทที่เขาต้องแสดงออก แต่กลับกลายเป็นว่าหญิงสาวที่ยืนคุยอยู่ด้วยกันนั้นไวกว่า

“แหม พี่ยะไม่เอาไม่เครียดนะคะ” รมิดาคล้องแขนข้างหนึ่งลงรอบท่อนแขนแกร่งทำเล่นหูเล่นตา “เดี๋ยวดาด้าช่วยคิดนะคะว่ามีคนรู้จักคนไหนพอจะว่างวันนี้บ้าง คนที่ดูเป็นผู้ใหญ่แล้วก็หล่อๆ เนอะ เพราะต้องมาเล่นเป็นแฟนดาด้า” เธอเอียงคอครุ่นคิดพลางกวาดตามองไปรอบๆ อย่างไม่มีจุดหมาย แต่แล้วสายตาก็หยุดลงตรงชายหนุ่มที่นั่งอ่านบทอยู่บนเก้าอี้ตรงมุมห้องอีกฝั่ง “โอ๊ะ! พี่ยะขา ผู้ชายคนนั้นเป็นไงคะ”

“ใครเหรอครับน้องดาด้า” ดุริยะถามเสียงหวาน ดูท่าเขาจะไม่ได้มีแค่สองมาตรฐานแต่มีมาตรฐานที่สามสำหรับผู้หญิงสวยๆ ด้วย

“นั่นไงคะ ผู้ชายหล่อๆ ที่นั่งอยู่ตรงนั้นไง เขาเป็นทีมงานเราใช่ไหมคะ ดาด้าว่าเขาใช้ได้เลยนะ” รมิดาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพลางชี้มือชี้ไม้

ทุกคนในที่นั้นมองตามปลายนิ้วเรียวสวยไปก่อนที่นภธรณ์จะอุทานขึ้น

“นั่นป๊าผมเอง”

“หืม~” รมิดาตาโตทันที

“มีอะไรเหรอ” น้องร้องหนุ่มถาม

“งานดีทั้งพ่อทั้งลูกเลยนะ” รมิดาจีบปากจีบคอว่า “แต่ดูป๊านายจะฮ็อตกว่านะ”

นภธรณ์กรอกตา ใช่สิ! คนอะไรแค่นั่งทำหน้าเข้มพลิกกระดาษไปมายังดูเท่ “เขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วล่ะ”

“งั้นก็ตกลงนะ ฉันจะไปชวนเขาเอง”

“จะ... จะดีเหรอ” นภธรณ์ว่าพลางเหลือบตามองโปรดิวเซอร์ใหญ่อย่างขอความเห็น แต่ดุริยะก็ไม่มีท่าทีคัดค้านใดๆ เพราะความเห็นจากตัวนักแสดงนำโดยเฉพาะคนมีความสามารถอย่างรมิดาก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรมองข้าม

“ลองชวนดูก็ได้ เบ้าหน้าเขาใช้ได้อยู่”

เมื่อได้รับไฟเขียวจากดุริยะ รมิดาก็เดินเร็วๆ เข้าไปหาปรเมษฐ์

“ป๊าไม่มาเสียเวลาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอก” นภธรณ์กอดอกบ่นพึมพำกับตัวเอง

แต่เขายังบ่นไม่ทันจบดีด้วยซ้ำเมื่อหญิงสาวหันมาโบกมือส่งสัญญาณมือเป็นรูปหัวใจก่อนจะป้องปากตะโกนมาว่า “คุณโป้โอเคค่า~”

“ห๊า~” นภธรณ์อุทานนึกสงสัยขึ้นมาทันทีว่ารมิดาอมสาลิกาลิ้นทองวัดไหนถึงได้กล่อมป๊าเขาง่ายดายนัก วันหลังจะได้ไปบูชามาใช้บ้าง แถมในเวลาไม่ถึงสองนาทียังอุตส่าห์รู้ด้วยว่าป๊าชื่อเล่นว่าอะไรและเรียกได้อย่างสนิทสนม

“น้องดาด้านี่สุดยอดจริงๆ” ตฤณชื่มชมดาราสาวก่อนจะหันไปพูดกับคุณพ่อของนักร้องในสังกัด “แล้วก็ต้องขอโทษคุณโป้ด้วยนะครับที่ทำให้ลำบาก”

“เมื่อกี้ฉันนั่งอ่านสคริปต์จนจบแล้ว ถึงจะเป็นเล่นเป็นแฟนตัวจริงนางเอก แต่ก็แค่โผล่ออกมาเดินผ่านฉากนิดๆ หน่อยๆ ใช่ไหมล่ะ ก็คงไม่ยากเท่าไร ถ้าไม่เป็นตัวถ่วงแล้วจะทำให้งานเสร็จเร็วขึ้นก็ไม่มีปัญหา” ปรเมษฐ์ว่า อันที่จริงเขาเผลอตอบตกลงไปโดยไม่ทันคิดให้ถี่ถ้วนเพราะกำลังนึกโล่งใจที่สคริปต์ในส่วนของนภธรณ์ไม่มีเลิฟซีนหวือหวา เต็มที่ก็แค่วิ่งเข้าไปกอดนางเอกจากทางด้านหลังแล้วโดนผลักออก

“ขอบคุณนะครับ ส่วนเรื่องค่าตอบแทนผมจะจ่ายให้เท่าในส่วนของนักแสดงที่ไม่มาครับ”

“อืม ก็ตามนั้น”

“งั้นเชิญคุณโป้ไปแต่งตัวทางนี้เลยครับ น้องดาด้าด้วยนะเดี๋ยวเราจะได้เริ่มกันเลย” ตฤณผายมือเชื้อเชิญ

ใช้เวลาไม่นานนักปรเมษฐ์ก็เดินกลับออกมาเพราะไม่มีอะไรให้ต้องแต่งเพิ่มมาก ด้วยหุ่นมาตรฐานนายแบบทำให้หาเสื้อผ้าได้ไม่ยากนักแม้จะไม่ได้ลองชุดมาก่อน และด้วยใบหน้าที่คมเข้มแค่ลงรองพื้นบางเบากับปัดคิ้วจัดผมให้เข้าที่เพียงแค่นี้ก็ดีพอจะเข้ากล้องได้แล้ว

“โห~” นภธรณ์ถึงกับพูดไม่ออก ปกติเขาจะคุ้นเคยกับป๊าในชุดสูทและเสื้อกาวน์ ซึ่งนั่นก็ดูดีอยู่แล้ว แต่พอเปลี่ยนมาใส่แจ๊คเก็ตให้เป็นวัยรุ่นขึ้นกับแต่งหน้านิดหน่อย จากแต่เดิมที่ดูไม่ค่อยเหมือนพ่อลูกกัน ตอนนี้ยิ่งลดลงมาเหลือแค่พี่น้อง ไม่สิ! จะบอกว่ารุ่นพี่ที่โรงเรียนยังทำใจเชื่อได้เลย

“ดูตลกเหรอ” ปรเมษฐ์ถาม รู้สึกประหม่านิดๆ นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้แต่งตัวสไตล์นี้

“ป๊าแอ๊บเด็กอ่ะ” นภธรณ์แซว

“ไม่ดีเหรอ งั้นฉันให้เขาเปลี่ยนดีกว่า”

“ดีแล้วค่ะ คุณโป้ดูหล่อมากเลย” หญิงสาวในชุดเดรสยาวสีขาวผ่าข้างอวดเรียวขายาวสวยบนรองเท้าส้นเข้มเดินนวยนาดเข้ามาแทรกกลางวงและช่วยจัดปกเสื้อให้

เธอหันหน้าที่ฉาบด้วยเครื่องสำอางมาสบตา นภธรณ์ยังคงงงอยู่อีกอึดใจว่าเธอเป็นใครจนกระทั่งริมฝีปากสีกุหลาบนั้นคลี่ยิ้มหวานให้ และมันเป็นรอยยิ้มพิมพ์เดียวกับคนที่บอกว่าจะมาเป็นนางเอก MV ของเขาไม่ผิดแน่

“ดาด้า!” นภธรณ์ร้องอย่างตื่นตะลึง

“รู้ตัวว่าสวย ขอบคุณค่ะ” รมิดาทำหน้าชะมดชม้อยพร้อมทั้งย่อตัวเร็วๆ ครั้งหนึ่ง “เช็ดน้ำลายด้วยค่ะ ไหลย้อยไปถึงตาตุ่มแล้ว”

“เปล่า” นภธรณ์ว่า “ฉันแค่ตกใจน่ะว่าทำไมเธอแต่งออกมาได้แก่ขนาดนี้”

“เฮ้!” ยิ้มหวานหุบฉับก่อนจะเปลี่ยนเป็นตีหน้ายักษ์พร้อมกับเท้าเอวใส่

“เออๆ เชื่อแล้วว่าเธอเก่งจริงๆ นี่อายุเท่ากันแท้ๆ แต่แต่งออกมาได้เหมือนป้าข้างบ้าน เอ๊ย! เหมือนสาวมหา’ลัยเลย” นภธรณ์พูดไปขำไป “ถามจริง นี่เธออายุเท่าฉันแน่เหรอ โกงพ.ศ.เกิดหรือเปล่า? ถ้าไม่บอกนี่ฉันนึกว่าเธอรุ่นเดียวกับป๊าเลยนะ”

“นอฟจ๊ะ! ทำไมถึงได้ปากคอเราะร้ายกับนางเอกของนายแบบนี้ละจ๊ะ”

“เฮ้ย! นี่เราชมนะ” นภธรณ์ทำเสียงสูงซึ่งไม่ได้ไปด้วยกันกับหน้าตาเลยสักนิด

“ชมบ้านพ่อนายสิ! อุ้ย!” พูดจบรมิดาก็นึกขึ้นได้ เธอรีบปิดปากเก็บอาการและหันไปยกมือไหว้ปรเมษฐ์ “ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณโป้นะคะ”

ปรเมษฐ์โบกมืออย่างไม่ถือสาและหัวเราะลงคออย่างขบขัน เขาไม่ค่อยได้ไปรับส่งนภธรณ์ที่โรงเรียนและเจ้าตัวก็ไม่เคยพาเพื่อนมาบ้าน นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นลูกชายหยอกล้อกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน

“พร้อมกันหรือยังครับ” เสียงตฤณตะโกนเรียกทำให้สงครามน้ำลายต้องหยุดลงแค่นั้น

“ฝากไว้ก่อนเถอะ” รมิดาทำปากขมุบขมิบ

“อย่าลืมมาเอาคืนนะครับ คนสวย” นภธรณ์ว่าก่อนจะวิ่งฉิวหนีเข้าฉากไปยืนเตรียมพร้อม

รมิดาเดินตามไป แต่ด้วยส้นรองเท้าที่เล็กและสูงมากประกอบทรงกระโปรงที่แคบและยาวลากพื้นจึงทำให้เดินได้ไม่ถนัดนัก และมันก็ชอบเข้าไปติดอยู่ที่ส้นรองเท้าจนเธอก้าวสะดุดหลายครั้ง

“ดาด้า” นภธรณ์เรียกหลังจากที่เห็นรมิดาพยายามดึงชายกระโปรงออกอย่างเก้ๆ กังๆ เพราะต้องพยายามทรงตัวไม่ให้ล้ม

“เรียกทำไมยะ”

“อยู่นิ่งๆ นะ” พูดจบนภธรณ์ก็นั่งพรวดลงตรงหน้าแบบไม่มีมาดใดๆ “จับไหล่ฉันไว้สิ แล้วค่อยๆ ยกขาขึ้นนิดนึงนะ” แล้วเขาก็แกะชายกระโปรงออกจากส้นรองเท้าของเธอให้พร้อมกับช่วยยกให้ลอยพ้นพื้นจนเดินมาถึงฉาก

“ขอบใจ” รมิดาบอกอ้อมแอ้ม เธอเข้าวงการตั้งอายุสามขวบ ผ่านการแสดงกับผู้ชายหล่อๆ มาก็มาก ฉากร้อนแรงกว่านี้ก็ทำมาแล้ว แต่ไม่เคยรู้สึกว่าหัวใจไม่เคยเต้นแรงเท่านี้มาก่อน นั่นเพราะเธอรับรู้ได้ถึงความแตกต่างของการเล่นละครกับความมีน้ำใจ มิน่าล่ะแฟนคลับถึงได้หลงกันนัก

“ฉากนี้ถ่ายไม่นานทนหน่อยนะ เดี๋ยวเปลี่ยนชุดแล้วก็คงดีขึ้น”

ให้กำลังใจไปแบบนั้น แต่กลับกลายเป็นเขาเองที่เป็นตัวถ่วง

“คัท!” ดุริยะตะโกนเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้และก้าวพรวดพราดมาหา เทคสองสามเขายังพอทำเนา แต่นี่จนเทคที่ 18 แล้วมันออกจะมากไปหน่อยกับฉากง่ายๆ “เธอน่ะ!... ไม่ใช่ดาด้าจ๊ะ... ฉันหมายถึงเธอ นอฟน่ะ ช่วยมีอารมณ์ร่วมมากกว่านี้อีกนิดได้ไหม... ฉันขออีกนีดนึงนะ มันจะได้ดูมีความแตกต่างจากก้อนหินหน่อย ตามบทเธอต้องรักผู้หญิงคนนี้มากจนยอมทำทุกอย่างเพื่อฉุดรั้งนะ ไม่ใช่พอเขาสะบัดมือก็ปล่อยเลยตามเลย”

“แล้วผมต้องทำยังไงละครับ” นภธรณ์เกาหัวแกรก... ก็สคริปต์มันเขียนมาแค่นี้นี่นา

“ก็แบบ...” ดุริยะอยากจะกรี๊ดให้บ้านแตกเสียให้รู้แล้วรู้รอด ไม่เคยสอนการแสดงใครยากขนาดนี้มาก่อน “ยื้อน่ะ... รู้จักไหมการยื้อแย่งน่ะ... จะเอาๆ ตามเนื้อเพลงเลย เขาไม่รักก็จะขอให้เขาอยู่ด้วย ไม่ใช่ทำตัวแบบไม่รักไม่ต้องมาแคร์ไม่ต้องมาดีกับฉัน อันนั้นมันเพลงคนอื่นเว้ย เพลงของเธอมันต้องกระเสือกกระสนจะเอาเขามาเป็นของตัวเองให้ได้”

เห็นท่าไม่ดี นางเอก MV จึงเข้ามาช่วยแนะนำเสียเองก่อนที่ระเบิดจะลงแล้วจะถ่ายกันต่อไม่ได้

“นอฟต้องดึงมือดาด้าไว้ เรียกให้หันมา นี่ ทำแบบนี้นะ...” รมิดาหันไปคว้ามือดุริยะเตรียมสาธิตก่อนจะมุ่ยหน้าเล็กน้อย “ไม่เอาดีกว่า... คุณโป้ขา มาทางนี้หน่อยค่ะ ดาด้ามีเรื่องรบกวน”

“อะไรครับ” ปรเมษฐ์เดินเข้ามาหา

“ถ้าดาด้ากำลังจะไปหาผู้ชายอีกคนคุณโป้จะทำยังไงคะ”

ปรเมษฐ์มองหน้าหญิงสาวงงๆ แต่พอหันไปสบตาลูกชายที่ทำหน้าตามึนๆ ก็ถึงบางอ้อ และเริ่มต้นสาธิตด้วยการคว้าข้อมือหญิงสาวแล้วรั้งตัวเข้ามากอดแนบอก

แต่รมิดาขัดขืน ผลักเขาออกอย่างแรงและหมุนตัวเดินหนี

ปรเมษฐ์ไม่ยอมแพ้ เขาพุ่งเข้าสวมกอดเธอจากทางด้านหลัง สอดคางวางลงบนบ่าแล้วกระซิบเสียงพร่าที่ข้างหู “อย่าไปหาเขาเลยนะครับ”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ แม้แต่ดุริยะเองยังพยักหน้าพอใจกับการกระทำง่ายๆ ทว่าชัดเจนและเรียกอารมณ์ได้ดี

“ก็... คงประมาณนี้มั้งครับ” ปรเมษฐ์กระซิบอ้อมแอ้มพร้อมกับคลายมือออกและค้อมศีรษะให้หญิงสาวครั้งหนึ่ง

“เริ่ดค่ะ” รมิดาชูนิ้วโป้งให้ก่อนจะหันไปหานภธรณ์ “เอาแบบนี้เลยนะ”

แต่นภธรณ์ยังคงยืนนิ่งด้วยความตื่นตะลึง ถึงจะเป็นฉากรักแค่เสี้ยวนาทีแต่มันกลับทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นส่ำ... เขาไม่ได้ตื่นเต้น หรือรู้สึกอิจฉา แค่หัวใจมันสั่นที่เห็นป๊ากอดคนอื่นต่อหน้าเป็นครั้งแรก

อีกแล้ว!... ก็แค่กอด ทำไมเขาถึงต้องหงุดหงิดแบบนี้ด้วย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสายตาและน้ำเสียงแบบนั้นใช่ไหม?
มันคืออาการที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน โดยเฉพาะท่าทีที่แสดงถึงความเป็น ‘คนรัก’

“โอเคไหมนอฟ!” รมิดาถามซ้ำด้วยเสียงที่ดังขึ้น

“อะ... โอเค... เอาแบบนี้ใช่ไหม”

การถ่ายทำเป็นไปอย่างเรียบร้อยตามกำหนดการ หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงฉากที่ต้องถ่ายร่วมกับคนอื่นก็เสร็จสิ้น คงเหลือแต่ฉากเดี่ยวของนภธรณ์ที่ต้องยืนร้องเพลงเฉยๆ ซึ่งจะมาเก็บรายละเอียดตรงจุดนี้ในวันต่อไป

“มีปัญหาอะไรกับหน้าฉันหรือเปล่า” นภธรณ์ถามหญิงสาวที่มองเขาด้วยสายตาแปลกๆ ในขณะที่นั่งพักดื่มน้ำด้วยกัน

“แค่ไม่คิดน่ะว่าหน้าตาอย่างนายจะร้องเพลงเพราะ” ถึงจะอดกัดไม่ได้แต่รมิดาก็ตั้งใจชมจริงๆ

ก่อนจะมาถ่ายทำวันนี้เธอเคยฟังเพลงของเขามาบ้างแล้ว และรู้สึกถูกใจในเสียงที่หวานติดหู พอได้ยินว่าเจ้าพ่อแห่งวงการเพลงอย่างดุริยะเป็นคนออกปากขอทำเพลงให้ด้วยตนเองจึงยอมตกลงเล่นเป็นนางเอกเพราะอยากรู้ว่านภธรณ์จะมีดีสักแค่ไหน มาวันนี้ได้ฟังเสียงร้องสดก็ยิ่งรู้สึกประทับใจว่าผู้ชายคนนี้ใช้ ‘หัวใจ’ ร้องเพลงจริงๆ และเขาก็เต็มที่กับการทำงานมากๆ ถึงจะเป็นมือใหม่แต่ก็ร่วมงานได้อย่างสบายใจ

“หมายความว่าไง”

“ก็แค่นั้นแหละ” รมิดาทำเป็นกอดอกอย่างไว้เชิง ชมมากกว่านี้ไม่ได้หรอกเพราะอีกฝ่ายดูเป็นพวกเหลิงง่าย “ว่าแต่นายเถอะมองฉันแบบนั้นมีอะไร”

“ขอบใจนะ” นภธรณ์บอกและนั่นสร้างความแปลกใจให้หญิงสาวไม่น้อย

“เรื่องอะไรยะ”

“ฉันร้องเพลงได้อย่างเดียว แต่การแสดงนี่ไม่ได้เรื่องเลย ปกติจะต้องถ่ายเป็นวันๆ แต่เพราะวันนี้ได้เธอช่วยส่งบทและแนะนำอะไรให้เยอะแยะเลยเสร็จไวขึ้นมากเลย”

“กับไม้พะยูงฉันก็เล่นมาแล้ว แค่ก้อนหินสักยันต์แบบนายนี่สบายมาก”

นภธรณ์เบะปาก “จ้า~ แม่ดาราดัง แม่ตุ๊กตาทองคำ แม่ดาราหนังออสการ์”

“อุ๊ย! นอฟพูดตรงๆ แบบนี้ดาด้าเขินนะ”

“ประชดเว้ย!”

“ไม่ต้องเขินหรอกนอฟ ดาด้าสวย ดาด้าเข้าใจ”

“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ” ปรเมษฐ์เดินเข้ามาร่วมวง

นภธรณ์หันไปยิ้มกับปรเมษฐ์ที่ยังอยู่ในคราบของพี่ชาย “เหนื่อยไหมป๊า...”

“ไม่นะ”

“วันนี้คุณโป้แสดงได้ดีมากเลยค่ะ” รมิดารีบแทรกขึ้นพร้อมเหลือบตามองนภธรณ์ “ผิดกับใครบางคนลิบลับ”

“อ้อ... ไม่หรอกครับ ผมก็แค่ยืนเฉยๆ คุณต่างหากที่เก่งมาเลยเล่นเทคเดียวผ่าน ไม่เหมือนลูกชายผม”

“เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ” นภธรณ์ว่า

“แหม ไม่หรอกค่ะ” รมิดาหัวเราะคิกคัก “คุณโป้เรียกดาด้าเฉยๆ ก็ได้ค่ะดูสนิทสนมกันดี”

“ครับ น้องดาด้า”

นภธรณ์หันไปถลึงตาใส่ป๊า กับดาด้าเขาไม่คิดอะไรแต่ไม่คิดว่าป๊าจะเล่นด้วย

“งั้นดาด้าเรียกพี่โป้นะ เพราะพี่โป้ดูหนุ่มเกินกว่าจะเป็นคุณอา”

“ได้ครับ”

“เพลงใหม่ของนอฟนี่ดีมากเลยนะคะ ดาด้าฟังแล้วเคลิ้มเลย รู้สึกสงสารนอฟจังที่ต้องไปหลงรักคนมีเจ้าของแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทุ่มเทให้ผู้หญิงคนนี้เต็มที่เพราะหวังว่าเธอจะหันมามอง”

“เป็นเพลงอกหักเพลงแรกของฉันเลยนะ แต่ก็ทำออกมาได้ดีใช่ไหมล่ะ” ได้ยินคำชมเข้าหน่อยนภธรณ์ก็ทำชูคอลอยหน้าลอยตา

“เขาบอกว่าผู้ชายเวลารักใครจะให้เต็มร้อยแล้วค่อยๆ ลดลงน่ะครับ” ปรเมษฐ์กล่าวเป็นการเป็นงาน “ส่วนผู้หญิงเริ่มจากศูนย์แล้วไปร้อย แต่ในเคสนี้ดูน่าจะติดลบนะครับ”

“ที่พี่โป้พูดมาก็จริงนะคะ ปกติดาด้าชอบใครก็เริ่มจากศูนย์... 089-987xxxx อุ๊ย! ดาด้าพูดอะไรออกไปเนี่ย... ว่าแต่ พี่โป้จดทันไหมคะ”

ปรเมษฐ์ยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก “089-987xxxx ใช่ไหมครับ”

“เป๊ะเวอร์”

ปรเมษฐ์ล้วงมือลงในกระเป๋าและหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งส่งให้อย่างรู้งาน “ส่วนนี่นามบัตรผมครับ”

“ขอบคุณนะคะ” เธอบกมือไหว้และรีบรับไปลองกดโทรออกเพื่อให้แน่ใจว่าถูกต้อง เมื่อเห็นโทรศัพท์คนอายุมากกว่าสั่นพร้อมกับที่เบอร์ของตนปรากฏขึ้นที่หน้าจอจึงกดตัดสาย “อย่าลืมเมมเบอร์ดาด้านะคะ”

“ครับ”

“ป๊า!” นภธรณ์เรียกเสียงดัง “กลับกันเถอะ ผมหิวข้าวแล้ว”

“จะกินอะไรอีก เมื่อกี้แกก็เพิ่งกินข้าวกองถ่ายไปไม่ใช่เหรอ”

“ก็ตอนนี้หิวแล้ว”

“แล้วไอ้ที่ถืออยู่ในมือนั่นล่ะ” ปรเมษฐ์ชี้ไปที่มันฝรั่งทอดกรอบรสชีสถุงใหญ่ที่ลูกชายกำลังหยิบใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ “ไหนว่าลดน้ำหนักไง”

“ก็ลดอยู่” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่มือก็ยังเติมขนมใส่ปากไม่หยุด “ตกลงจะกลับได้ยัง”

“เออๆ”

ปรเมษฐ์ทำท่าจะลุก แต่รมิดายังไม่เลิกรั้ง “พี่โป้เล่นไลน์ไหมคะ เผื่อตอนเช้าๆ ไม่รู้จะส่งสติ๊กเกอร์สวัสดีวันจันทร์ให้ใครส่งให้ดาด้าก็ได้นะ ดาด้าชอบ ดาด้าสัญญาว่าจะตอบทุกอันเลย”

“ครับ” ปรเมษฐ์พยักหน้าพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดรับคำขอเป็นเพื่อนจากหญิงสาว

“แล้วพี่โป้เล่นเฟสไหมคะ”

“ไม่เล่นครับ”

“ป๊า! จะไปยัง”

ปรเมษฐ์หันไปหรี่ตาใส่ลูกชายก่อนจะหันกลับมายิ้มหวานให้หญิงสาว “ขอตัวก่อนนะครับ”

“เจอกันวันหลังนะคะ”

“ครับ” แล้วออกเดินนำไปขึ้นรถ

“นอฟ!” รมิดาเรียก

นภธรณ์เหล่มองทางหางตา “มี’ไร”

“ไอ้ขี้งก!” รมิดาทำปากขมุบขมิบใส่ จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ตั้งใจจะจีบปรเมษฐ์หรืออะไรหรอก แค่เห็นอีกฝ่ายหวงพ่อดีนักก็เลยอยากลองแกล้งแหย่เล่นเท่านั้น

นภธรณ์ก็ไม่ยอมน้อยหน้า เขาหันมาแลบลิ้นให้ก่อนจะทำหน้าเชิดเดินออกไป


(ต่อด้านล่างค่ะ)

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 5 [12/03/60]
«ตอบ #84 เมื่อ18-03-2017 12:47:05 »

(ต่อตรงนี้)

“งอนอะไรเด็กโง่” ปรเมษฐ์ถามลูกชายที่เอาแต่นั่งหน้าบูดมาตลอดทาง พอกลับถึงห้องก็เดินฉับๆ ตัดหน้าเขาไปทิ้งตัวลงนั่งกอดอกบนโซฟา “อย่าบอกนะว่าเรื่องที่ฉันมัวแต่คุยกับดาด้าจนไม่สนใจแกน่ะ”

นภธรณ์ทำแก้มป่อง “ป๊าก็รู้ตัวนี่”

“ไร้สาระน่า”

“ไม่ไร้สาระนะ ก็วันนี้ป๊าน่ะเอาแต่หว่านเสน่ห์ใส่คนโน้นคนนี้ไปทั่ว ทั้งสไตล์ลิสท์ ช่างทำผม ช่างแต่งหน้าก็เอาแต่ชมป๊าว่าหล่ออย่างนั้นอย่างนี้ ปกติเวลานักข่าวมาสัมภาษณ์ผม ป๊าก็หลบฉากหนีกล้องตลอด แล้วไหงถึงมายอมเล่น MV ง่ายๆ ได้ล่ะ หรือว่าหลงเคลิ้มไปกับการที่ใครๆ ชมว่าหล่อแถมยังหน้าเด็ก”

“ให้มันน้อยๆ หน่อยนอฟ ฉันไม่ใช่แกนะจะได้หลงตัวเอง” ปรเมษฐ์ว่าพร้อมกับเดินไปทรุดตัวลงนั่งข้างกัน “ฉันแค่ไม่อยากเข้ากล้องไปแย่งซีนแกต่างหาก แล้วฉันก็ไม่ได้หว่านเสน่ห์แต่เรียกว่าสร้างคอนเน็คชั่น มีมิตรก็ดีกว่าศัตรูนะ... ไม่เอาน่านอฟ อายุฉันกับน้องดาด้านี่ต่างกันรอบกว่า เป็นพ่อกับลูกได้เลยนะ ฉันจะไปชอบเขาได้ยังไง แล้วก็... ฉันยังไม่ลืมแม่แกนะ”

ประโยคที่ว่าห่างกันจนเป็นพ่อกับลูกได้ก็ฟังสะดุดหูพอแล้ว แต่คำที่ทิ้งท้ายนี่ทำเอาเจ็บจี๊ดในอกแปลกๆ

“ก็ดีแล้ว”

“นี่! ที่ฉันช่วยน่ะเพราะฉันไม่อยากให้พี่ยะอะไรนั่นหงุดหงิด เผลอๆ แกจะพลอยซวยโดนหางเลขไปด้วย แล้วมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร ก็คล้ายๆ ละครเวทีสมัยเรียนมหา’ลัย”

“ป๊าเป็นห่วงผมขนาดนั้นเชียว”

“ฉันไม่อยากกลับดึกต่างหาก” ปรเมษฐ์ว่า

“ว่าแต่ป๊าเล่นไลน์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นบอกผม ปกติใช้เป็นแต่ส่งข้อความ SMS”

“เทคโนโลยีเขาไปถึงไหนต่อไหนฉันก็ต้องตามให้ทันสิ ไม่งั้นจะจับได้ไล่แกทันเหรอ”

“งั้นมาทดสอบกันดีกว่า” นภธรณ์บอกพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาขอกดแอดเฟรนด์

“ได้!” ปรเมษฐ์รับคำท้า

“ส่งรูปให้ดูหน่อย”

สิ้นคำภาพตัวเขาเองที่นอนกอดหมอนข้างน้ำลายยืดเมื่อวันก่อนก็ถูกส่งเข้ามาในหน้าแชท

นภธรณ์หันไปเบะปากใส่ป๊าที่ยักคิ้วให้ครั้งหนึ่ง “อย่าเพิ่งได้ใจไป ไลน์คอลล่ะทำเป็นไหมป๊า”

ปลายนิ้วสไลด์ไปบนหน้าจอโทรศัพท์อยู่อึดใจเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ในมือนภธรณ์ก็แผดดังขึ้น และพอเขากดรับก็ได้เห็นหน้าป๊าปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

“อยากทดสอบอะไรอีกไหม”

นภธรณ์ตัดสายทิ้งพร้อมกับลดโทรศัพท์ในมือลงเพียงเพื่อจะได้เห็นป๊าทำหน้าตาเยาะเย้ยอยู่ตรงหน้า เขานิ่วหน้าก่อนจะนึกไม้เด็ดได้ “เก่งจริงก็แชร์โลมาให้ผมดูหน่อย”

“ไม่มีปัญหา”

แล้วปรเมษฐ์ก็เงียบไปอึดใจ นภธรณ์ทำคอยืดคอยาวชะเง้อไปมองดูว่าทำอะไรอยู่ แต่ป๊าก็ขยับโทรศัพท์หลบไม่ยอมให้เขาเห็น

ผ่านไปอีกราวหนึ่งถึงสองนาทีโทรศัพท์ในมือก็สั่นอีกครั้ง นภธรณ์กดเปิดดูผลงานผู้เป็นพ่อแล้วก็อุทานลั่น

“ป๊า!”

“น่ารักใช่ไหมล่ะ”

“ไม่ใช่โลมานี้” แล้วนภธรณ์ก็ขำจนน้ำหูน้ำตาไหลกับภาพโลมาสีชมพูยิ้มแฉ่งที่กระโดดเล่นน้ำอยู่ในทะเล

“อ้าว แล้วแกจะเอาโลมาพันธุ์ไหนทำไมไม่บอกให้เคลียร์ๆ นี่ฉันอุตส่าห์เลือกตัวสีชมพูทำปากจู๋น่าเอ็นดูจะตาย”

นภธรณ์ต้องใช้สองมืออุดปากเพื่อหยุดหัวเราะและตั้งสติ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอธิบายไปขำไป “ผมหมายถึงโลเกชั่น เขาพูดกันสั้นๆ ว่าแชร์โลฯ มาหน่อย ผมจะไปอยากดูรูปปลาโลมาทำไมละป๊า”

“แล้วก็ไม่พูดให้เต็มๆ” ปรเมษฐ์พึมพำอายๆ ที่ไม่ทันศัพท์วัยรุ่น

นภธรณ์เขยิบเข้าใกล้มากพอจนเอาคางเกยบนไหล่ได้ ทีแรกสายตาก็จับจ้องอยู่ที่ปลายนิ้วซึ่งลากไปมาบนหน้าจอโทรศัพท์ แต่สักพักก็เลื่อนไปยังมือใหญ่ ไล่ขึ้นมาตามท่อนแขนแกร่งที่เห็นเส้นเลือดเป็นลำสีเขียวจางๆ ไปจนถึงอกกว้าง

ตอนนี้ปรเมษฐ์เปลี่ยนกลับมาใส่ชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแลคที่คุ้นตาเหมือนเดิมแล้ว ถึงใครๆ ที่กองถ่ายจะพากันบ่นเสียงขรมว่าเสียดาย อยากให้ใส่ชุดที่ถ่ายทำกลับไปเลยเพราะไหนๆ สปอนเซอร์ก็ยกให้แล้ว เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้ปรเมษฐ์ลองหันมาแต่งตัวสไตล์นี้บ้าง แต่เขาคิดว่าแบบนี้แหละดีแล้ว สำหรับเขาไม่ว่าป๊าจะใส่อะไร แบบไหนก็ดูดี ที่สำคัญเขาก็ไม่อยากให้ป๊าป๊อบไปมากกว่านี้ วันนี้เห็นดาด้ามาเกาะแกะป๊าแล้วรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ ยิ่งตอนที่เห็นป๊ากอดดาด้าด้วยท่าทีแบบนั้นทำให้อดคิดไม่ได้ว่า แล้วตอนที่ ‘ผู้หญิงคนนั้น’ จะไป ป๊าทำแบบนี้ไหม ป๊าดึงเธอมากอดแล้วอ้อนวอนแบบนั้นหรือเปล่า

คิดถึงตรงนี้ก็เผลอยกสองมือขึ้นคล้องรอบท่อนแขนแกร่งแน่น พร้อมกับซุกหน้าลงบนบ่ากว้างราวกับต้องการความมั่นใจว่าตอนนี้ป๊ายังนั่งอยู่กับเขาจริงๆ

“แบบนี้ใช่ไหม”

เสียงของปรเมษฐ์กับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอีกครั้งปลุกนภธรณ์ให้ตื่นจากภวังค์ เขารีบยกศีรษะขึ้นแล้วกดโทรศัพท์ดูก่อนจะทำเป็นแซวกลบเกลื่อน “เก่งนี่นาป๊า”

“โมมันสอนมาน่ะ” ปรเมษฐ์เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าพลางกวาดตามองลูกชายที่ตอนนี้เบียดเข้ามาจนแทบจะขึ้นมานั่งอยู่บนตัก “มากระแซะแบบนี้จะอ้อนเอาอะไรอีกล่ะ”

“เปล่า”

“มีอะไรก็พูดมา อย่ามาอ้อมค้อม”

เพราะไม่รู้จะไปทางไหนจึงวกเข้าเรื่องงาน “เพลงใหม่ผมเพราะหรือเปล่า”

“ก็ดี”

“ป๊าไม่ชอบเหรอ”

“ไม่เลยสักนิด” ปรเมษฐ์ตอบจากใจ

“ทำไมล่ะป๊า นี่ผมอุตส่าห์ตั้งใจร้องเพื่อป๊าเลยนะ”

“เพื่อฉันตรงไหนวะ เพลงบ้าอะไรก็ไม่รู้ทำให้แกอกหักซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าชีวิตจริงมันจะเศร้าขนาดนี้อย่าไปมีมันเลยฟงแฟน อยู่เป็นโสดแก่ตายไปกับฉันนี่แหละ”

“ป๊าอะ!” นภธรณ์รัวหมัดลงบนท่อนแขนแบบหยอกๆ นึกแปลกใจเหมือนกันว่าแทนที่จะโกรธที่โดนแช่งให้ขึ้นคาน แต่เขากลับเขินเสียได้

“อยากร้องให้ฉันฟัง ร้องที่บ้านก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องไปเป็นนักร้องเลย” ปรเมษฐ์ใช้ปลายนิ้วชี้ดุนดันที่ปลายจมูกโด่งเชิดรั้นนั้นด้วยความมันเขี้ยว สงสัยจริงๆ ว่าไอ้ความดื้อ เอาแต่ใจนี่ได้มาจากใคร

“ก็บอกแล้วไงว่ามาตามหาแม่ให้ป๊า”

“นั่นสินะ” มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อยคล้ายรอยยิ้มเมื่อนึกออกว่าเหมือนใคร

แต่ยิ้มเล็กๆ นั้นกลับมีอานุภาพบาดหัวใจคนที่เฝ้าดูอยู่ไม่น้อย ปกติเวลาป๊าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นทีไรนภธรณ์ก็ไม่ชอบใจอยู่แล้ว แต่พักหลังมานี่ยิ่งหงุดหงิดตัวเองจนทนไม่ได้ แล้วยังมายิ้มหวานแบบนั้นอีก

เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องโดยการล้มตัวลงนอนบนตัก

“ตกลงอยากได้อะไรเนี่ย” ปรเมษฐ์ถามตรงๆ นภธรณ์เริ่มโตขึ้นมากจนบางทีเขาก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าสามารถเดาใจและรู้ทุกเรื่องเหมือนเมื่อก่อน

“ขอนอนหน่อยนะป๊า เมื่อเช้าตื่นไปกองตั้งแต่ตีห้า ผมง่วงเป็นบ้าเลย”

“ง่วงก็ไปนอนดีๆ ที่เตียงสิ ไป๊!”

“ก็ผมอยากนอนตักป๊านี่นา”

“นอฟ...”

“ขอนิดนึงน่า... นะ... นะ”

“นอฟไม่เอาน่า” ปรเมษฐ์สอดมือเข้าใต้เอวและพยายามจับนั่งแต่ลูกชายก็ขืนตัวไว้

นภธรณ์พลิกตัวตะแคงข้างซุกหน้ากับพุงที่มีชั้นไขมันอยู่น้อยนิดและกอดเอวผู้เป็นพ่อแน่น “ทีกับดาด้าป๊ายังกอดได้เลย แค่นอนหนุนตักแค่นี้อย่าทำเป็นหวงตัวกับลูกชายนักสิ”

“ดูพูดเข้า” ปรเมษฐ์หัวเราะคาดไม่ถึงว่างอนเรื่องนี้จริงๆ “ไม่ได้หวงสักหน่อย แต่วันนี้ยืนทั้งวันฉันปวดขา”

แต่นภธรณ์ก็ยังไม่ยอมขยับ

“นอฟ ฉันบอกว่า...” พูดได้เท่านั้นเมื่อลูกชายยกมือขึ้นคว้าหลังคอแล้วดึงตัวขึ้นมาจุ๊บปิดปาก

“ยาแก้ปวดครับ” กระซิบเบาๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนซุกตัวที่ตักตามเดิม

ปรเมษฐ์ปิดเปลือกตาแน่นๆ พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง รู้ว่านี่เป็นแผนการอ้อน แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่เขาแพ้ทางใจอ่อนให้ทุกที

“เด็กดื้อเอ๊ย!”

และลูกชายก็ยอมรับคำบ่นแต่โดยดีด้วยการกอดเอวแน่นขึ้นอีก

เมื่อเห็นว่าห้ามไม่ได้ ปรเมษฐ์จึงยอมเป็นทั้งที่นอนและหมอนข้างให้นภธรณ์กอดก่าย ฝ่ามือใหญ่ลูบไปตามเรือนผมอย่างแสนรัก ตาคมก็กวาดมองไปรอบห้องที่มีความทรงจำของทั้งสองคนอยู่มากมาย นับตั้งแต่ปัจจุบันย้อนไปเป็นหนุ่มน้อยในชุดม.ต้นที่กระโดดโลดเต้นไปรอบๆ ห้องตื่นเต้นกับการไปโรงเรียนใหม่วันแรก เด็กประถมตัวจ้อยหน้าตามอมแมมเพราะเพิ่งไปทะเลาะกับเพื่อนมาหลังจากโดนล้อว่าเป็นลูกไม่มีแม่แล้วกลับมาร้องไห้ให้เขาปลอบไปทำแผลไป เด็กอนุบาลสวมผ้ากันเปื้อนที่กอดขาโต๊ะแน่นไม่ยอมไปโรงเรียน เพราะอายที่ฉี่รดที่นอนตอนนอนกลางวัน เด็กน้อยวัยเตาะแตะที่กำลังแผลงฤทธิ์มโนว่าตัวเองเป็นพ่อมด เอาตำราแพทย์ของเขามากางเต็มพื้นแล้วเอาแป้งโรยเพื่อทำพิธีร่ายมนตร์ปลุกเสกอะไรสักอย่าง แล้วสุดท้ายก็ปลุกเอาปีศาจในตัวเขานี่แหละให้ตื่นขึ้นมาคว้าไม้แขวนเสื้อวิ่งไล่ฟาดไปรอบๆ ห้อง

ปรเมษฐ์หลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อคิดไปถึงมุกที่ลูกชายจำมาจากละครเพื่อใช้หยุดไม่ให้เขาตี

‘ป๊าไม่รักผมแล้วเหรอ เมื่อคืนเรายังนอนกอดกันอยู่เลยนะป๊า’

ตอนที่ได้ยินประโยคนั้นทำเอาเขาใจสั่นทิ้งไม้แขวนเสื้อแล้วโผเข้ากอดลูกชายแทบไม่ทัน

ปรเมษฐ์ไล่มองต่อไปเรื่อยๆ ก่อนสายตาจะหยุดลงที่กรอบรูปใบหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนชั้น มันเป็นรูปเขาในวัยสิบเก้าปีกำลังตระกองกอดเด็กทารกตัวแดงไว้ในอ้อมแขน เด็กน้อยหลับตาพริ้ม อมยิ้มมุมปากให้เขาที่แตะริมฝีปากลงข้างแก้มใส และนั่นคือรูปภาพใบแรกที่ถ่ายด้วยกัน

ปรเมษฐ์มองรูปนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ประกายในแววตาที่เคยแน่วนิ่งเกิดสั่นไหว เขาถอนสายตากลับมามองดูทารกซึ่งเติบโตขึ้นเป็นเด็กหนุ่มที่นอนหลัยปุ๋ยอยู่บนตัก

...มันไม่มีอะไรเปลี่ยนไป...

คำๆ นี้ผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ทั้งที่ใจคิดแบบนั้นแต่ปรเมษฐ์รู้ดีว่ามันไม่ใช่ นภธรณ์โตแล้ว อีกไม่นานก็จะเป็นชายหนุ่มเต็มตัวและก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ มีคนรัก ต้องแต่งงานมีครอบครัวและแยกออกไปมีชีวิตใหม่ ไม่ใช่เด็กที่จะมาติดพ่อเหมือนตอนนี้

ทั้งที่คิดได้ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก แต่ก็อดเจ็บลึกๆ ในหัวใจไม่ได้

และถ้าหากวันหนึ่งวากลับมา... เด็กคนนี้จะยังเลือกอยู่กับเขาต่อไปหรือเปล่า เพราะเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนนอฟไม่ได้เป็นคนเลือกว่าจะอยู่กับเขา แต่ถ้ามีโอกาสล่ะ เด็กคนนี้อาจจะเลือกแม่มากกว่าพ่อก็ได้ ขนาดไม่เคยเห็นหน้ายังตั้งหน้าตั้งตาตามหาและเฝ้ารอวันจะได้เจอขนาดนี้ วาเองก็เป็นศิลปินเหมือนกัน ทุกๆ อย่างนอฟถอดแบบแม่มาจนหมด... หมดทุกอย่างทั้งรูปร่างหน้าตา ความชอบ ไปจนถึงอุปนิสัยและความคิดอ่าน... เหมือนมากจนเขากลัวว่าวันหนึ่งนอฟจะตัดสินใจทิ้งเขาไปเหมือนอย่างที่วาเคยทำ

เด็กหนุ่มหลับสนิทไปแล้ว หากมือทั้งสองข้างยังคงจับเอวเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

ปรเมษฐ์จ้องมองคนบนตักอยู่อีกอึดใจ ก่อนจะก้มหน้าลงสูดกลิ่นหอมบนพวงแก้มครั้งหนึ่งพร้อมกับบอกตัวเองหนักแน่นว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ

ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย ก็คงได้เวลาที่เขาต้องเป็นฝ่ายผลักไสมือนี้เองเสียแล้ว... เพราะเขาคงทนไม่ได้ถ้าต้องเป็นฝ่ายถูกทิ้งไปก่อน

**********************************************TBC********************************************

Talk

แต่งมา 6 บทยังไม่เคยคุยกันจริงๆ จังๆ เลย
ถ้าใครตามอ่านนิยายของเรามาตั้งแต่ ER Textbook ก็น่าจะเดาได้ถึงความเชื่อมโยงของธีมหลักใหญ่ๆ แบบใหญ่มว้ากอย่างหนึ่ง... เอ้า คิดสิคิด
ติีกต่อก...

ติ๊กต่อก...

ต๊ิกต่อก...

เฉลยล่ะ ธีมใหญ่คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
ER=ตาย Textbook=เจ็บป่วย ส่วน Falsetto=เกิด (ส่วนแก่นี่คงไม่มีแล้ว เพราะแก่คือพระเอกแก่ค่ะ เคลียร์นะ555)

เราช่วยชีวิต จนถึง ทำให้มีชีวิต ตอนนี้เราจะมาวนกลับไปที่ การให้ชีวิต(เกิด) เรื่องมันก็เลยออกมาอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ
สำหรับคนที่อยากรู้ว่าเป็นพ่อลูกกันจริงๆ หรือไม่เป็น... โอ้วววว รออ่านกันยาวๆ ดีกว่าค่ะ เราไม่สัญญาล่ะ แต่บอกได้อย่างหนึ่งว่าเราค่อนข้างมั่นใจว่าจะเป็นตอนจบอย่างที่เราพอใจ และทุกคน(น่าจะนะคิดเองเออเอง)ยอมรับได้ เหมือนที่ทุกคนหลงรักพี่วินทร์มาแล้ว

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และทุกๆ การติดตามค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2017 15:35:30 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 6 P.3 [18/03/60]
«ตอบ #85 เมื่อ18-03-2017 13:25:04 »

ไม่อยากเดาแล้วววว คิดอะไรไม่ออกเลยยยย  :z3: เพลินไปกับแต่ละตอน เจ็บไปพร้อม ๆ กับตัวละครแทนดีกว่า

--
คุณยะนี่แอบมีอารมณ์ขัน นิวจิ๋วก็มา 55555

ถ้าพ่อลูกคุยเรื่องความสัมพันธ์ ก็กลัวจะทำให้อะไรแย่ไปอีก
 :ling3:
แต่ป๊าไม่ต้องกลัวนะว่า นอฟจะทิ้ง เพราะงั้น อย่าทิ้งนอฟ อย่าทำร้ายอย่าผลักไสนอฟเลย  :hao5:

ออฟไลน์ therappizdrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 6 P.3 [18/03/60]
«ตอบ #86 เมื่อ18-03-2017 13:32:03 »

พ่อลูกจริงไม่จริง ดิฉันไม่สนแล้วววววววว

คืออ่านแล้วชอบตรงที่คิดมาได้ว่าเขาเป็นพ่อลูกกัน

แสดงความรักแบบนี้ไม่แปลกเลย จะหอมจะกอดอะไรก็ตาม

ถึงแม้ผู้ชายส่วนมากจะไม่ทำแบบนี้กับพ่อตัวเองก็ตาม

อ่านแล้วก็ อาาาาา รู้สึกบาปดีจัง 55555555

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 6 P.3 [18/03/60]
«ตอบ #87 เมื่อ18-03-2017 14:47:10 »

งุ้ยยยยยยยย บาปสีชมพูลอยฟุ้งเต็มหน้าจอเลยยยย มันแลดูหวาน ดูอบอุ่นเนอะ คู่พ่อลูกอ่ะ // ชอบโมเม้นแชร์โลฯ 55555 มันใช่อ่ะ เหมือนวัยรุ่นกำลังลองภูมิลุงข้างบ้านแบบนั้นเลย 55555

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 6 P.3 [18/03/60]
«ตอบ #88 เมื่อ18-03-2017 15:17:57 »

สองคนนี้ต้องไม่ใช่พ่อลูกกันจริงๆอ่ะ
ไม่แน่นะ ถ้าแม่ของน้องกลับมา
อาจจะเฉลยก็ได้แบบไปท้องกะคนอื่น
ไรแบบนี้อ่ะ เดาล้วนๆ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 6 P.3 [18/03/60]
«ตอบ #89 เมื่อ18-03-2017 17:32:07 »

อ้าว ป๊าพี่โป้อย่ามาใจปลาซิวดิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด