#Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Adlib1 Birthday Night P.9 [16/04/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Adlib1 Birthday Night P.9 [16/04/61]  (อ่าน 77012 ครั้ง)

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 6 P.3 [18/03/60]
«ตอบ #90 เมื่อ18-03-2017 17:54:15 »

กลัวใจคนแต่งยังไงไม่รู้

ออฟไลน์ Lukaka

  • ★น้อยนิดมหาศาล★
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 613
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 6 P.3 [18/03/60]
«ตอบ #91 เมื่อ20-03-2017 12:38:49 »

"ต่างคนต่างพูดไม่ออกกกกกก ได้แต่มองตาเท่าน้านนน รักที่ให้กันเหมือนโดนกั้นขว้างทางไป"

นอฟเริ่มมีอาการ แต่คุณป๊า เหมือนยังเข้าใจว่ารักที่ให้ยังเป็นแค่ พ่อ-ลูก

คุณป๊าจะรู้ใจตัวเองไว แต่เราก็แอบคิดว่าคุณป๊าจะไม่ดึงนอฟมาหาความบาปที่นั้น

นอฟนี่กลัวใจจริงจัง เพราะไม่ได้คิดถึงหาแค่คุณป๊าคนเดียว โลกของนอฟมีแค่นั้น

คนนึงเริ่มคิดจะผลักออก อีกคนเริ่มเข้ามา(แบบไม่รู้ตัว)

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 6 P.3 [18/03/60]
«ตอบ #92 เมื่อ20-03-2017 12:53:30 »

โหหห พ่อลูกคุ่นี้คิดเองเออเองกันอีกแล้วอะ  ฮืออ

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 6 P.3 [18/03/60]
«ตอบ #93 เมื่อ20-03-2017 18:15:36 »



คุณคะ อ่าน ๆ ไป ดิฉันก็ยิ่งไม่อยากให้พวกเขาต่างสายเลือดกันเลยค่ะ
อาห์... ศีลธรรมที่คอยค้ำคอร์อยู่เนือง ๆ ทำให้เรื่องนี้เร้าใจแม่ป้าดีเหลือเกิน
(แค่นึกภาพตอนป๊าโป้นัวน้องนอฟแบบคนรักชอบกันก็ทำดิฉันเลือดกำเดาจะไหล)

รอตอนต่อไปค่ะ ^^


ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 6 P.3 [18/03/60]
«ตอบ #94 เมื่อ20-03-2017 23:38:25 »

ต่างคนก็ต่างรักเกินกว่าคำว่าพ่อลูกใช่ไหมเนี่ย มีอาการติดหนึบหนับ กลัวการถูกทิ้งด้วย
คิดจะผลักนอฟออกจากอก ระวังน้ำตาท่วมโลก

ออฟไลน์ joyey6217

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 6 P.3 [18/03/60]
«ตอบ #95 เมื่อ21-03-2017 19:15:26 »

“เพื่อฉันตรงไหนวะ เพลงบ้าอะไรก็ไม่รู้ทำให้แกอกหักซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าชีวิตจริงมันจะเศร้าขนาดนี้อย่าไปมีมันเลยฟงแฟน อยู่เป็นโสดแก่ตายไปกับฉันนี่แหละ”

มันเหมือนจะเป็นคำมั่นว่าให้อยู่ด้วยกันตลอดไปเถอะ
นอฟไม่เท่าไหร่ ถ้ากระจ้างแจ้งแก่ใจว่าที่มีความรู้สึกหวงจนหึงพ่อขนาดนี้คือความรักที่มากกว่ารักพ่อ
แต่ตัวพ่อนี่สิ ถ้ารู้ว่ารักมากกว่าลูก จะทำยังไง ในฐานะที่ถือตัวว่าเป็นผู้ใหญ่กว่า เป็นพ่อย่อมไม่อยากทำร้ายลูกตัวเอง
 (มันต้องมีดราม่าแน่เลยอะ)

ป๊าอย่าปล่อยมือจากนอฟ อย่าจากไปไหนเลย ไม่มีป๊า นอฟจะอยู่ยังไง
ถ้าปล่อยมือไปจริง ก็คงจะทนไม่ได้ทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ
ทั้งรักทั้งผูกพันธ์กันถึงเพียงนี้
เอาใจช่วยทั้งคู่มาก ให้มันเดินไปด้วยกันจนรอด ให้ได้อยู่ด้วยกัน
ไม่รู้ว่าถูกผิดใครกำหนดหรอกนะ แต่ถ้าถ้าถอดหัวโขนออก ก็คือมนุษย์เหมือนกันทำไมจะรักกันไม่ได้
อ่านแบบวางทุกอย่างไว้ในมือคนเขียน จะพาไปทางไหนไปด้วยกัน เราเชื่อคุณ  เหมือนที่เชื่อมั่นมาตลอด

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 6 P.3 [18/03/60]
«ตอบ #96 เมื่อ21-03-2017 23:08:42 »

ป๊าจะผลักใครไสใครอ่า

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 6 P.3 [18/03/60]
«ตอบ #97 เมื่อ01-04-2017 23:18:14 »

Chapter 7
 
“ฉันมีข่าวดีจะบอกล่ะ” แดเนียลเอ่ยขึ้นในเย็นวันหนึ่งหลังจากการซ้อมเสร็จสิ้นลง

นภธรณ์ละจากจานผลไม้ที่สตาฟจัดไว้ให้เป็นของว่างและเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “อะไรครับ”

“ยอดดาวน์โหลดเพลงของเธอเกินแสนครั้งแล้วนะ”

“เราเพิ่งจะปล่อยเพลงกันไปเมื่อสัปดาห์ก่อนไม่ใช่เหรอครับ นี่ถึงแล้วเหรอ” เด็กหนุ่มถามด้วยความตื่นเต้นเพราะเพลงแรกของเขากว่ายอดดาวน์โหลดจะถึงแสนใช้เวลาตั้งเกือบเดือน

“ใช่เลย! มันถึงแสนแล้ว” แดเนียลตอบนภธรณ์ด้วยรอยยิ้มกว้าง เขามีความสุขมาก มันไม่ใช่สถิติใหม่ในวงการ  แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ศิลปินของ D&T media ทำได้ ไม่รู้จะชื่นชมคนร้องหรือโปรดิวเซอร์ดี แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่ได้มาคือชื่อเสียงและสปอนเซอร์ที่กระหน่ำมาแบบไม่ขาดสาย “MV ตัดต่อเสร็จแล้วนะ คุณดุริยะเพิ่งส่งมาให้ดูเมื่อเช้า เรื่องที่เขาทำออกมาได้ดีฉันไม่แปลกใจเท่าไร แต่เรื่องที่เธอแสดงได้ดีนี่เกินความคาดหมาย แบบนี้อาจจะมีคนมาทาบทามเธอไปเล่นละครก็ได้นะ”

แล้วนภธรณ์หัวเราะออกมาเสียงดังหลังจากที่ได้ยิน เพราะรู้ว่าท่านประธานแซวเรื่องที่เขาเคยแคสติ้งละครแล้วไม่ผ่าน “อันนั้นเข็ดแล้วครับ”

“อีกเรื่องหนึ่ง ทายสิว่าใครเพิ่งได้รับเชิญให้ไปเป็นแขกพิเศษรายการเรื่องเล่าวันนี้”

“ใครครับ? ท่านประธานเหรอ”

“จะบ้าเหรอ เธอต่างหากนอฟ”

“เหย~ ล้อเล่นน่า!”

‘เรื่องเล่าวันนี้’ เป็นรายการช่วงเช้าแต่เรตติ้งนั้นครองตำแหน่งสูงสุดมาหลายเดือนติดต่อกันแล้ว และคนที่จะไปออกรายการนี้ได้ต้องเป็นคนดังหรืออยู่ในกระแสจริงๆ

“ฉันจะล้อเล่นทำไมกับเรื่องอะไรแบบนี้! คุณสมยศ เจ้าของรายการเป็นคนโทรสายตรงหาฉันเองเลยนะ เขาให้เธอร้องสดหนึ่งเพลงกับตอบคำถามสองสามข้อรวมๆ ได้โปรโมทตั้งเกือบสิบนาทีในช่วงนาทีทองแถมไม่เสียตังสักบาท นี่โชคดียิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งอีก”

“ใช่ครับคุณแดน” ตฤณที่ยืนกอดแฟ้มรายนามสปอนเซอร์อยู่ข้างๆ พยักหน้ารับหงึกหงัก

“เพราะงั้นเธอต้องไปฝึกกับคุณดุริยะเยอะๆ เลยนะ เราต้องฉวยโอกาสนี้เรียกคะแนนให้มากๆ อย่าทำให้ฉันขายหน้าล่ะ เข้าใจไหม”

“แล้วถ้าผมทำดีจะได้อะไร” นภธรณ์ถาม

“ฉันจะพาเธอไปเลี้ยงบุพเฟต์ไม่อั้นตามรอยท็อปรีวิวของวงในพากินตลอดเดือนนี้เลย!”

“นี่ท่านประธานคิดจะเอาของกินมาล่อผมเหรอ” เขาไม่ได้หยิ่งแต่ขอเล่นตัวนิดหน่อยพอเป็นพิธี

เจ้าของบริษัทเพลงเท้าแขนลงบนโต๊ะพร้อมกับชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ “แล้วได้ไหม”

“กินคาวแล้วต้องกินหวาน”

แดเนียลตบโต๊ะดังฉาด “ชีสทาร์ตเจ้าดังสองถาดต่อด้วยไอศกรีมฮาเกนดาสแล้วตบท้ายบิงซู ถ้าถึงขั้นนี้แล้วยังไม่อิ่มฉันจะให้ตฤณวิ่งไปซื้อปาท่องโก๋กับสังขยาเจ้าดังหน้าบริษัทมาให้กินรอบดึก”

นภธรณ์กำส้อมในมือแน่น และเอ่ยเรียบๆ “ต้องเป็นร้านแป๊ะโกว สังขยาสีส้มแบบใส่ไข่เท่านั้น ไม่งั้นผมไม่กิน”

“จัดไป!”

“โอเค ดีล!”

 OOOOOO

ถ้าไม่ติดว่าอาศัยอยู่ชั้น 16 นภธรณ์คงวิ่งขึ้นห้องไปแล้ว วันนี้ป๊าบอกว่าไม่มีนัดผ่าตัดและไม่ออกไปฟิตเนสจะอยู่ห้องทำอะไรสักหน่อยทั้งวัน ดังนั้นทันทีที่ลิฟต์เปิดออกเขาจึงรีบวิ่งพรวดออกไป เปิดประตูเข้าห้องได้ก็สะบัดรองเท้ากระจายไปคนละทิศแล้วโผเข้าใส่คนที่นั่งหน้าเครียดกับโทรศัพท์อยู่บนโซฟา

“ป๊า! ผมมีข่าวดีจะบอกล่ะ” นภธรณ์บอกพลางพยายามมุดเข้าใต้วงแขนเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนที่ยังไม่หยุดกดโทรศัพท์ซ้ำยังยกขึ้นสูงเล็กน้อยคล้ายไม่อยากให้เขาเห็น แต่เพราะกำลังอารมณ์ดีนภธรณ์จึงไม่ได้เอะใจคิดว่าแค่คุยงานธรรมดา “ป๊า~ สนใจผมหน่อย

ปรเมษฐ์รีบกดล็อกหน้าจอแล้วเก็บมือถือใส่กระเป๋าก่อนจะเหลือบตาลงมองเจ้าลูกชายตัวดีที่นอนจ้องตาแป๋วอยู่บนตัก “มีอะไร”

“ข่าวดี”

“ฉันก็มีอะไรจะบอกแกเหมือนกัน”

“งั้นป๊าพูดก่อน”

“มานี่สิ” ปรเมษฐ์ดันไหล่ลูกชายให้นั่งพร้อมกับลุกขึ้นเดินนำไปอยู่หน้าห้องนอนเล็กสำหรับใช้รับแขกซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนใหญ่แล้วเปิดประตูเข้าไป “เป็นไงชอบไหม นี่ฉันเลือกเองนะ”

นภธรณ์อึ้งไปชั่วขณะ จริงอยู่ว่าการตกแต่งทุกอย่างมันเป็นสไตล์ที่เขาชอบตั้งแต่ผ้าปูเตียงลายเสือไปจนถึงโปสเตอร์ของคริส บราวน์ที่เขาปลื้มนักหนา แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าป๊าต้องการจะทำอะไร “มัน... ยังไงเหรอครับ”

“ฉันคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราควรแยกห้องกันนอน”

“ท... ทำไมครับ” นภธรณ์ยังคงไม่เข้าใจ

“แกก็อยู่ม.ห้าแล้ว ถึงเวลาที่ต้องมีห้องเป็นของตัวเองแล้วไม่ใช่เหรอ เผื่อจะคุยกับแฟนหรือทำเรื่องส่วนตัวจะได้ไม่ตะขิดตะขวงใจ”

“ผมไม่มีแฟน แล้วนอนกับป๊าก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรด้วย”

ปรเมษฐ์คิดไว้แล้วว่าต้องได้รับคำตอบแบบนี้เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพยายาม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาใช้วิธีหักดิบก่อนการพูดคุย

“หมู่นี้ฉันหลับไม่ค่อยสนิทน่ะ ฉันเองก็ไม่ได้อายุน้อยๆ แล้วนะ เลิกงานมาเหนื่อยๆ ก็อยากจะพักผ่อนให้เต็มที่”

“ผมกวนป๊าเหรอ” นภธรณ์ถาม

ปรเมษฐ์เม้มปากสนิทแล้วพยักหน้า “อืม”

ได้ยินดังนั้น นภธรณ์จึงยอมรับแต่โดยดี “ถ้างั้นก็ได้ครับ”

“แล้วแกมีข่าวดีอะไรจะบอกฉัน”

“ยอดดาวน์โหลดเพลงใหม่ถึงแสนแล้วน่ะ” เพราะป๊าไม่มีท่าทียินดียินร้ายอะไรเขาจึงแกล้งเสริม “แบบนี้เรื่องที่จะได้เจอแม่ก็คงใกล้จะเป็นความจริงแล้ว”

ปรเมษฐ์พยักหน้า “อะ... อืม ดีจังเลยนะ”

“ตื่นเต้นจัง”

“นั่นสิ”

นภธรณ์เหลือบมองทางหางตาพยายามจะไม่คิดมากกับเรื่องที่ป๊าคิดถึงผู้หญิงคนนั้นแล้วแสร้งทำเป็นปิดปากหาวทั้งที่ยังไม่ง่วงสักนิด “ห๊าว~ ชักจะง่วงแล้วสิ ผมไปอาบน้ำนอนก่อนนะป๊า” โกหกอะไรโกหกได้ แต่ให้โกหกว่าคิดถึงผู้หญิงคนนั้นนี่รู้สึกละอายใจจริงๆ

เขาหมุนตัวเตรียมจะเข้าห้องนอนใหญ่ตามความเคยชิน แต่ปรเมษฐ์กลับเรียกไว้

“เสื้อผ้า ของใช้ของแกฉันจัดการขนไปไว้ห้องใหม่เรียบร้อยแล้ว”

นภธรณ์ชะงักไปเล็กน้อยกับการเตรียมพร้อมที่ไม่ได้ให้เวลาเตรียมใจเลยสักนิดว่ามันเริ่มที่คืนนี้เลย “แล้วหมอนผมล่ะ”

“ขนไปแล้วเหมือนกัน ทั้งหมอนข้างแล้วก็ผ้าห่มด้วย”

นภธรณ์ชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้องใหม่ของตน เห็นของที่ว่ามาอยู่ครบหน้าก็มุ่ยขึ้นเล็กน้อย “ทำอย่างกับจะไล่กันเลยนะป๊า”

“ไม่ได้ไล่สักหน่อย” ปรเมษฐ์รีบบอก เห็นลูกชายยังยืนนิ่งหน้าตึงๆ จึงถามออกไป “โกรธฉันหรือเปล่า”

“ไม่โกรธ ผมจะโกรธป๊าทำไมเล่า เรื่องแค่นี้” ...แค่น้อยใจต่างหาก นภธรณ์ต่อในใจวันนี้เขาทำดีแท้ๆ แต่นอกจากจะไม่ได้รางวัลแล้วยังรู้สึกเหมือนโดนทำโทษด้วย

“ฉันวางพระไว้บนหัวเตียง องค์นี้ท่านศักดิ์สิทธิ์มากเรื่องป้องกันสิ่งชั่วร้าย แล้วปลายเตียงก็ติดกับดักจับฝันร้ายไว้ให้แล้ว”

นภธรณ์เบะปาก “แค่นั้นพอที่ไหนเล่า”

“แล้วจะเอาอะไรอีก”

“เอายันต์กันผี”

“ยันต์ไหนอีก ยันโครมไหม”

“ป๊าอะ! ชอบแกล้งผมอยู่เรื่อย ไม่เล่นแล้วก็ได้ ป๊าจุ๊บราตรีสวัสดิ์ผมที ผมจะไปนอนแล้ว” พร้อมกับเดินไปทำปากยื่นปากยาวตรวหน้าผู้เป็นพ่อ คิดในใจว่าของรางวัลไม่ได้ขอของปลอบใจก็ยังดี

“นี่อีกเรื่องนึง” ปรเมษฐ์ว่าพร้อมกันใช้สันมือดันหน้าลูกชายให้ออกห่าง “เลิกมาจุ๊บๆ ทำอะไรแบบนี้สักที จูบน่ะมันมีไว้ทำกับแฟน ไม่ได้มีไว้ทำกับพ่อ”

เด็กหนุ่มตาโตและยังไม่ยอมหยุดเพราะคิดว่าป๊าแค่เล่นตัวเหมือนทุกครั้ง “ก็ตอนนี้แฟนไม่มี ขอซ้อมจูบกับป๊าไปก่อนละกัน”

“เฮ้ย! นี่ฉันจริงจังนะ”

“ทำไมล่ะป๊า”

“บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ แกอายุสิบเจ็ดแล้วนะ จะมาทำเล่นๆ เป็นเด็กได้ไง”

เสียงที่เข้มขึ้นทันทีของคนเป็นพ่อทำให้นภธรณ์ชะงัก เขาปล่อยมือแล้วเดินย่ำเท้าหนักๆ เข้าห้องไปพร้อมกับปิดประตูดังปัง!

“ป๊าเมารกเด็กหรือไงถึงได้คิดอะไรแปลกๆ เรื่องขอแยกห้องยังไม่เท่าไหร่ นี่จะมาห้ามไม่ให้จูบอีก” นภธรณ์ตะโกนโวยวายอยู่คนเดียว “อะไรของป๊าฟะ! ตั้งแต่จำความได้ก็จูบกันเป็นเรื่องปกติ มาห้ามแบบนี้แสดงว่าต้องมีอะไรแน่ๆ แถมยังมาพูดเรื่องฟงแฟนอะไรอีก ทำตัวมีพิรุธนะเนี่ย”

บ่นไปสักพักนภธรณ์ก็เริ่มรู้สึกเอะใจ แต่ไม่ใช่เรื่องเหตุผลของป๊า หากเป็นความรู้สึกของตัวเองว่าทำไมถึงต้องหงุดหงิดมากขนาดนี้กับแค่เรื่องห้ามไม่ให้จูบ คิดไปพลางก็เผลอยกมือขึ้นลูบริมฝีปากตัวเองเบาๆ

เขาเหลียวมองไปรอบๆ ห้องอันเงียบเชียบราวกับพยายามจะคำตอบที่ซุกซ่อนอยู่ตรงไหนสักแห่งก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าจนเกินไปจึงหงายหลังล้มลงตัวนอนบนเตียง

“เฮ้อ~ เตียงกว้างชะมัด”

อารมณ์ดีๆ เหมือนเดินอยู่บนปุยเมฆตั้งแต่ตอนอยู่บริษัทปลิวหายไปเกลี้ยง ไม่น่าเชื่อว่าแค่เรื่องเล็กๆ ของป๊าแต่กลับมีอิทธิพลต่อใจเขามากมายขนาดนี้

 “อยากนอนคนเดียวดีนัก ก็นอนไปเลยนะป๊า แล้วดึกๆ อย่าแกล้งทำเป็นละเมอแอบลากหมอนมานอนด้วยกันล่ะ”

บ่นพลางหันไปคว้าหมอนข้างมานอนก่าย แต่หลังจากพลิกไปพลิกมาอยู่ค่อนคืนแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจข่มตาหลับได้

และเป็นเช่นนี้อีกหลายต่อหลายคืนติดต่อกัน

“เอากาแฟหน่อยไหม” ตฤณทักนักร้องในความดูแลซึ่งเดินหน้าเหี่ยวหาวหวอดเป็นซอมบี้เข้ามาในบริษัท

“ผมไม่กินกาแฟครับ”

“งั้นเอาชานมไหม หน้าตานายต้องการคาเฟอีนมากเลยนะ เมื่อคืนมัวแต่เล่นเกมหรือไงถึงได้นอนไม่พอ บอกแล้วใช่ไหมว่าช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญนายต้องพักผ่อนให้มากๆ ข่าวเก่าเพิ่งจะซานายจะทำอะไรพลาดอีกไม่ได้นะ ไม่งั้นคราวนี้คงแย่แน่”

“ครับ” นภธรณ์รับคำไปพลางก็ยกมือขึ้นปิดปากหาวหวอดๆ

“เป็นอะไรไปยะ ซึมกะทือเป็นลูกหมาโดนวางยาไปได้” รมิดาเดินเข้ามาทัก วันนี้เธอไม่มีคิวถ่ายละครจึงแวะเข้ามาดู MV ตัวเต็มที่เพิ่งตัดต่อเสร็จด้วยตนเอง

“หมู่นี้นอนไม่ค่อยหลับน่ะ” นภธรณ์ตอบเสียงซึม

“ตื่นเต้นที่จะได้ไปออกรายการเรื่องเล่าวันนี้ล่ะสิ เริ่ดนะเนี่ย รายการนั้นขนาดดาด้ายังไม่เคยไปเลยนะ”

นภธรณ์พยายามหมุนคอไปมาและยกมือบีบนวดไปรอบๆ แนวบ่าเพื่อไล่ความง่วงงุน “ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรหรอก น่าจะแปลกที่น่ะ พอดีเปลี่ยนที่นอนนิดหน่อย”

“แบบนั้นดาด้าก็เคยเป็นเวลาไปถ่ายละครต่างจังหวัด นอฟลองเอาหมอนหรือผ้าห่มผืนเก่าไปนอนด้วยสิ มันช่วยได้เยอะเลยนะ”

“อืม” นภธรณ์รับคำแม้จะรู้ว่านั่นไม่ใช่ทางแก้ปัญหาของเขา “แล้วนั่นเธอทำอะไรน่ะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์อยู่ได้คนเดียว คุยกะแฟน?”

“ใช่ก็ดีน่ะสิ” รมิดาว่าพลางขยับหน้าจอให้ดู “คุณโป้ตอบไลน์มาน่ะ ฉันส่งไปบอกว่าวันนี้เข้ามาดูMV ที่นี่ เห็นคุณโป้หล๊อหล่อ”

นภธรณ์ชะโงกหน้าเข้าไปดูเห็นสติ๊กเกอร์รูปหมาน้อยคาบดอกไม้ที่ป๊าส่งตอบมาแล้วก็อดน้อยใจลึกๆ ไม่ได้เพราะดูจากรายการสนทนาที่ยืดยาวแล้วทั้งสองคนคุยกันแทบทุกวัน ปกติเขาก็เจอหน้าป๊าน้อยอยู่แล้ว แต่ตั้งแต่แยกห้องกันนอนแทบนับจำนวนนาทีที่เจอกันได้ เรื่องพูดคุยนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ทั้งที่เข้าใจความรู้สึกนี้ แต่ก็ไม่อยากยอมรับเลยว่าเขา ‘เหงา’ มากแค่ไหน เป็นความรู้สึกอ้างว้างที่แม้จะหาอะไรทำหรือคุยกับคนอื่นก็ไม่อาจทดแทนได้

“อ้าวๆ ไหวไหมน่ะ” รมิดาทักอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มตาแดงๆ คิดว่าเพราะนอนไม่พอ “นายต้องพักผ่อนเยอะๆ นะเห็นว่าไปโรงเรียนทุกวันพอเลิกเรียนก็มาเรียนร้องเพลงต่อ เสาร์อาทิตย์ก็ด้วย จะขยันไปไหนยะ อุ๊ย! ได้เวลาถ่ายละครแล้ว ดาด้าไปก่อนนะ วันหลังเจอกันแล้วอย่าลืมนอนพักเยอะๆ ล่ะ”

“อืม รู้แล้ว ก็พยายามอยู่” นภธรณ์โกหก เขาไม่ได้พยายามหาเวลาพักผ่อน จริงๆ แล้วเขาพยายามหาอะไรทำไม่ให้ตัวเองว่างเพื่อจะได้ไม่ต้องนอน... เพื่อจะได้ไม่ต้องทนเหงาอยู่คนดียวต่างหาก

เพราะตอนนี้กลางคืนมันยาวนานเกินไปสำหรับเขา

ในความมืดและเงียบสนิทที่ได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาขยับนั้นราวกับจะมีแค่เพียงเสียงหัวใจเต้นของตัวเองที่อยู่เป็นเพื่อนกัน

เด็กหนุ่มกอดหมอนข้างใบเก่าแน่นหวังให้คลายเหงา แต่กลายเป็นยิ่งกอดยิ่งเหงา และแอร์ก็หนาวจนขนลุกทั้งที่ห่มผ้านวมผืนหนา

เขาเพิ่งค้นพบว่าความรู้สึกอบอุ่นที่คุ้นเคยไม่ได้อยู่กับหมอนข้างในอ้อมแขนแต่อยู่ที่คนซึ่งนอนข้างๆ มาทั้งชีวิตต่างหาก

ออกจากบริษัทยังคิดไม่ออกว่าจะไปทางทิศไหนก็บังเอิญเจอดุริยะที่หน้าประตู เขาเพิ่งเสร็จจากการพูดคุยเรื่องแผนการปล่อย MV กับแดเนียลซึ่งจะเลื่อนให้เร็วขึ้นเป็นพรุ่งนี้พร้อมๆ กับที่รายการเรื่องเล่าวันนี้ออกอากาศ โปรดิวเซอร์หนุ่มใหญ่ไม่พูดพร่ำทำเพลงจูงมือเขาลากขึ้นรถและขับตรงดิ่งมาที่คอนโดของตัวเองทันทีเพื่อซักซ้อมเพลงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนแสดงจริง

หลังจากช่วงเวลาแห่งการซ้อมอันทรหดจบลง ดุริยะก็แสดงฝีมือทำอาหารอีกครั้งด้วยการชงชาน้ำผึ้งมะนาวยกมาเสิร์ฟ วันนี้เขาเก็บห้องเรียบร้อยแล้วมันจึงค่อยดูสมเป็นห้องของโปรดิวเซอร์ชื่อดังและมีพื้นที่ว่างเหลือเฟือให้นั่งพักคุยกันสบายๆ ไม่ต้องระแวงว่าจะมีหนูหรือแมลงสาบวิ่งออกมาทักทายจากกองผ้าเหมือนครั้งก่อน

“วันนี้เป็นอะไรหน้าเป็นบูดเชียว ทะเลาะกับพ่อมาหรือไง” จริงๆ ดุริยะสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ตั้งแต่ตอนอยู่ที่บริษัทแล้ว เขาจึงเลือกที่จะพามาซ้อมที่คอนโดเขา ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า เผื่อเวลาถามอะไรเด็กหนุ่มจะได้รู้สึกผ่อนคลายและกล้าเล่าให้ฟัง

“เปล่าครับ”

“เรื่องอะไรไหนเล่ามาสิ” ดุริยะยังไม่เลิกเซ้าซี้การได้ฟังเรื่องของสองพ่อลูกเป็นเชื้อไฟชั้นดีในการแต่งเพลงของเขา

“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ” นภธรณ์พยายามหัวเราะกลบเกลื่อน แค่ไม่กี่วันก็มีคนทักตั้งสามคนแล้วดูท่าเขาจะเป็นเอามากจริงๆ

ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เขารู้ว่าป๊าตั้งใจแยกห้องเพื่อให้เขาโต แต่ไม่รู้สิ... เขากลับรู้สึกเหมือนว่าป๊ากำลังทำให้เขาชินกับการถูกทิ้งมากกว่า และเขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย

นอกจากนี้เขายังเห็นว่าป๊าชอบแอบไปนั่งพิมพ์โทรศัพท์นานๆ เหมือนกำลังคุยกับใครที่บอกเขาไม่ได้ แถมพอตกดึกบางคืนป๊าก็ไม่ยอมนอนตามที่บอก แต่ออกมานั่งเหม่ออยู่ที่โซฟา เขาแอบมองผ่านช่องประตูก็ไม่กล้าทักเพราะบรรยากาศมันช่างคล้ายกันเกินไปกับความทรงจำช่วงหนึ่งในวัยเด็กที่ไม่อยากจำแต่ก็ลืมไม่ลง... ช่วงเวลาที่เกลียดที่สุดในชีวิต

ช่วงที่ป๊านั่งกินเหล้าร้องไห้คนเดียวคืนแล้วคืนเล่าเพราะคิดถึงแม่

“อย่าปากแข็งเลยน่า หน้าตาเธอน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เวลาร้องเพลงทีคิดอะไรอยู่คนเขารู้หมด” ดุริยะบอก

“พี่ยะก็พูดเวอร์ไป~”

“อ้าว พูดแบบนี้แสดงว่าไม่รู้ตัวสินะว่าคนเขาชอบเพลงของเธอตรงไหน”

“ก็ตรงที่เพลงเพราะไง”

“แล้วทำไมเพลงมันถึงเพราะล่ะ... เพราะฉันแต่งเหรอ? ก็ไม่ใช่ ใช่ไหมล่ะ เพราะเธอก็ดังมาก่อนที่ฉันจะทำเพลงให้เสียอีก ที่เพลงมันเพราะ เพราะเธอน่ะมีอินเนอร์ดีต่างหาก”

“ตอนเจอกันครั้งแรกพี่ยะบอกว่าหมาแมวอินเนอร์ดีกว่าผม”

“อุตส่าห์ชมยังจะเจ้าคิดเจ้าแค้นอีก” ดุริยะว่า “ก็นั่นเธอยังไม่เข้าใจความหมายของเพลง แต่ตอนนี้เธอเข้าใจมันแล้วเธอก็เลยร้องได้ดีไงล่ะ ถึงนั่นจะไม่ใช่อย่างที่ฉันตั้งใจแต่ฉันก็ชอบอยู่ดี และทุกคนก็ชอบเหมือนกันไม่งั้นแค่อาทิตย์เดียวจะมีคนยอมเสียเงินดาวน์โหลดตั้งแสนครั้งเหรอ”

“อะไรคือการที่พี่ยะบอกว่าผมร้องไม่ได้อย่างที่พี่ยะตั้งใจแต่ก็ชอบครับ” นักร้องหนุ่มสงสัย

“คืองี้นะ คอนเซ็ปต์ของเพลงคือ ‘Sin’ ใช่ไหมล่ะ ถึงฉันจะเป็นคนแต่งเองโปรดิวซ์เองแต่ลึกๆ ในใจฉันก็ยังรู้สึกว่าบาปยังไงมันก็คือบาป มันก็เป็นสิ่งที่ผิดอยู่ดีที่ไปแย่งของคนอื่นมา แต่หลังจากได้ฟังที่เธอร้องแล้วฉันกลับไม่รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด... จะว่าไม่แคร์ความผิดชอบชั่วดีก็ไม่ใช่ กลับกลายเป็นฉันรู้สึกเข้าใจและเห็นใจจนนึกอยากจะเอาใจช่วยมากกว่าที่เธอดันโชคร้ายไปรักคนที่เขามีเจ้าของแล้ว เหมือนเป็นบาปแต่ก็บริสุทธิ์... ก็เป็นความรู้สึกที่แปลกดีนะ”

“ตกลงว่าดีใช่ไหมครับ”

“ดีสิ นี่ชมอยู่นะ ส่วนใหญ่นักร้องคนอื่นๆ ที่ฉันทำเพลงให้มักจะถามหาแรงบันดาลใจของฉันในการแต่งเพลงเพื่อร้องให้ได้ตามนั้นมากกว่า น้อยคนนักที่จะร้องออกมาในมุมมองของตัวเอง”

“แล้วจริงๆ แรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้ของพี่ยะคืออะไรครับ” สบโอกาสจะไขข้องใจนภธรณ์จึงรีบเอ่ยถามออกไป

“แฟนเก่าน่ะ” ดุริยะเริ่มต้นเล่าพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมา เขาเลิกคิ้วครั้งหนึ่งเป็นเชิงขออนุญาตเมื่อเด็กหนุ่มพยักหน้าจึงจุดสูบ ทุกครั้งที่คิดถึงเธอมันทำให้เขาอยากสูบบุหรี่ ผู้หญิงที่ร้อนแรงเหมือนไฟแต่ก็นุ่มนวลเหมือนควัน และยังคงตราตรึงอยู่ในใจเหมือนกับกลิ่นบุหรี่ที่ติดอยู่กับกายไม่ยอมจางหายไปแม้จะสูบไปนานมากแล้วก็ตาม

“ตอนนั้นฉันเพิ่งเข้าวงการหัดทำเพลงใหม่ๆ ถึงจะมีผลงานแต่ก็ยังไม่มีชื่อเสียงอะไร ส่วนเธอเป็นนักร้อง เราเจอกันเพราะเธอชอบแนวเพลงของฉันเลยมาขอให้ฉันช่วยแต่งเพลงให้”

“แล้วพวกคุณก็เลย... มีอะไรกัน”

ดุริยะอมยิ้มน้อยๆ พร้อมกับส่ายหน้า “เธอไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่นอนด้วย แต่เป็นผู้หญิงคนแรกที่ฉันหลงรักจนอยากจะมีอะไรกันเพื่อผูกมัดเธอเอาไว้”

นภธรณ์เผลอยิ้มตาม ไม่คิดว่าผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่ากินไม่เลือกจะเคยมีโมเมนต์น่ารักๆ แบบนี้กับเขาเหมือนกัน

“เราคบกันอยู่ปีนึงเห็นจะได้ก่อนจะเลิกกันเพราะฉันจะไปเรียนทำเพลงที่อเมริกา ส่วนเธอก็มีความฝันที่ต้องทำอยู่ที่ไทย เราจบกันด้วยดีน่ะ วันสุดท้ายที่เธอมาส่งฉันที่สนามบินเรายังจูบลากันอยู่เลย... ถึงตอนนี้พอย้อนกลับไปคิดดูมันไม่ใช่ความเสียใจนะ แต่ฉันก็แค่คิด... ว่าวันนี้เราทั้งสองคนจะเป็นยังไงถ้าวันนั้นพวกเราไม่เลือกที่จะจบแบบนั้น”

“แล้วมันเป็นบาปตรงไหนเหรอครับ”

“บาปสิ” ดุริยะหัวเราะในลำคอ “ก็ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นมีลูกกับผู้ชายคนอื่นไปแล้วนี่นา”

“หมายความว่า...” นภธรณ์พูดไม่ออกถึงจะอยากให้กำลังใจแต่ก็ไม่ต้องการสนับสนุนให้ใครผิดศีลข้อ 3 “แบบนั้นมันไม่ดีมั้งครับ...”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย มันก็แค่จินตนาการเอง ฉันไม่ได้คิดจะไปแย่งเขามาจริงๆ สักหน่อย แล้วตอนนี้ฉันก็มีอะไรที่น่าสนใจมากกว่านั้นแล้วด้วย”

“อะไรครับ”

“ลูกของผู้หญิงคนนั้นไง” ดุริยะว่า “นอกจากจะสวยเหมือนแม่แล้วยังปากดีเหมือนกันด้วย น่าเอ็นดูเชียว”

นภธรณ์ยกนิ้วขึ้นนับเพื่อกะอายุคร่าวๆ ของเด็กคนนั้น ถ้าตั้งต้นสมการที่ตอนนี้พี่ยะอายุสี่สิบ ไม่ว่าจะคำนวณยังไงเต็มที่ก็อายุมากกว่าเขาไม่กี่ปีแน่ๆ “แต่แบบนั้นมันวัวแก่กินหญ้าอ่อนชัดๆ เลยนะครับ”

โปรดิวเซอร์หนุ่มใหญ่พ่นควันออกปากช้าๆ ให้เป็นวงลอยขึ้นไปในอากาศพร้อมกับกรีดยิ้ม “พอดีอายุมากแล้วหมอแนะนำให้กินอาหารอ่อนๆ น่ะจะได้ย่อยง่ายๆ”

“งั้นเอาที่พี่ยะสบายใจเลยครับ แต่ผมน่ะของแสลง พี่ยะกินไม่ได้หรอกเดี๋ยวท้องเสีย” นภธรณ์เขยิบตัวหนีเล็กน้อย “แล้วทำไมพี่ยะถึงเลือกให้ผมร้องเพลงนี้ล่ะ”

“เพราะมันมีที่มาจากรักครั้งแรกที่มีความพิเศษน่ะ ก็เลยอยากให้คนพิเศษแบบเธอร้อง” นัยน์ตาพราวระยับขึ้นทันทีพร้อมกับชะโงกตัวเข้าไปใกล้ เห็นเด็กหนุ่มเอียงตัวหนีจนเกือบจะหงายหลังตกเก้าอี้จึงเลิกแกล้งพลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเห็นเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วจึงเอ่ยขึ้น “ดึกป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย ถึงเวลาที่ซินเดอเรลลาต้องกลับบ้านแล้วสินะ”

“ครับ” นภธรณ์หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย เห็นด้วยกับคำว่าดึกแต่เขายังไม่รู้สึกอยากกลับบ้านเลยสักนิด กลับไปก็ต้องนอนเหงาคนเดียว เขาอยากหมุนเวลาให้มันข้ามไปตอนเช้าที่จะได้เจอหน้าป๊าที่โต๊ะกินข้าวเลย

“เป็นอะไร”

“เปล่าครับ”

“ถ้ายังไม่อยากกลับจะค้างก็ได้นะ ห้องนอนฉันเตียงใหญ่บรรยากาศดีแถมฟรีไวไฟ เดี๋ยวเช้ามาแถมอาบน้ำกับทำอาหารเช้าให้กินบนเตียงด้วยก็ได้นะ”

“พี่ยะก็...” พูดได้เท่านั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเขาจึงรีบกดรับ “ครับป๊า”

“มีอะไรเหรอ” ดุริยะขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่ดับนึกหมั่นไส้ขึ้นมาทันทีที่โทรศัพท์สายสั้นๆ ทำให้หน้าหงิกเป็นตูดกลับมาบานแฉ่งแบบนั้นได้

“ป๊ามาจอดรถรออยู่ข้างล่างแล้ว” เด็กหนุ่มบอกเสียงใสพร้อมกับกระโดดลุกขึ้นยืน

“รอด้วยสิ” ดุริยะลุกขึ้นบ้าง ไม่แปลกใจที่ปรเมษฐ์จะรู้เพราะผู้จัดการของเด็กหนุ่มที่ยืนมองอยู่คงโทรรายงานตั้งตอนเห็นเขาลากนภธรณ์ขึ้นรถแล้ว “คุณป๊าของเธออุตส่าห์มาหาถึงที่ฉันก็ควรจะไปทักทายเขาสักหน่อย”

“ผมว่าไม่ต้องก็ได้ครับ” นภธรณ์รีบบอกแต่โปรดิวเซอร์หนุ่มใหญ่ไม่สนใจและเอามือคล้องคอลากเขาเข้าไปในลิฟต์

เมื่อผ่านส่วนต้อนรับออกมาทั้งสองก็เห็นรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูซีรีส์เจ็ดสีดำจอดเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าประตู นภธรณ์รีบมุดหนีออกจากวงแขนโปรดิวเซอร์คนดังและวิ่งขึ้นนั่งข้างคนขับ ในขณะที่ปรเมษฐ์ลดกระจกลงตามมารยาทเมื่อเห็นดุริยะเดินมาหยุดข้างรถพร้อมทั้งกล่าวทักทาย

“สวัสดีครับ”

“ไม่จำเป็นต้องตามมาเฝ้าถึงขนาดนี้ก็ได้มั้งครับ ผมไม่ทำอะไรเด็กคนนี้หรอกน่า”

“ก็ดีแล้วครับ” ปรเมษฐ์ตอบสั้นๆ ไม่คิดจะซ่อนความหงุดหงิดในน้ำเสียงที่เพิ่งเห็นคนตรงหน้ากอดคอหยอกล้อกับลูกชายเขาออกมาจากลิฟต์

“เพราะจริงๆ แล้วผมมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่านั้น”

ปรเมษฐ์เหลือบมองด้วยหางตาเพราะรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่แฝงมาในแววตาเป็นประกายนั่น “อะไรครับ”

คนอายุมากกว่ากรีดยิ้มพรายก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามาใกล้และกระซิบที่ข้างหู “เรียก ‘พี่ยะ’ ก่อนสิครับน้องโป้แล้วเดี๋ยวพี่จะเล่าอะไรดีๆ ให้ฟัง”

“เพื่อนเล่นเหรอครับ” ปรเมษฐ์กระซิบตอบกลับไป ถ้าไม่กลัวเสียมารยาทต่อหน้าลูกชายเขาคงแกล้งกดกระจกรถขึ้นหนีบให้หูขาดไปแล้ว

“ไม่อยากรู้ก็ตามใจนะ” ดุริยะยืดตัวขึ้นยืนตามเดิมพร้อมกับไหวไหล่ เวลาแกล้งเจ้าหนูนั่นให้ลนลานก็สนุกดีอยู่หรอก แต่เวลาเห็นคุณป๊าทำตาขวางใส่ก็เล่นเอาใจสั่นไปเลยเหมือนกัน เขาเยาะยิ้มให้ปรเมษฐ์อีกครั้งก่อนจะโบกมือลานภธรณ์ “พรุ่งนี้เช้าเจอกันนะเจ้าหนู”

“ครับพี่ยะ”

นภธรณ์กำลังจะยืดตัวข้ามเบาะมายกมือไหว้แต่คนพ่อก็กดกระจกรถขึ้นและเหยียบคันเร่งหนีออกมาเสียก่อน

“เมื่อกี้กระซิบกระซาบอะไรกันน่ะป๊า”

“เรื่องของผู้ใหญ่” ปรเมษฐ์ว่า

“ตอบแบบนี้ทั้งปี” นภธรณ์ย่นปาก “แล้วเมื่อไหร่ผมถึงจะโตในสายตาป๊าล่ะ”

“ไม่รู้สิ... สักยี่สิบมั้ง”

“ตกลงผมต้องรอไปอีกสามปีเลยเหรอ”

“แค่สามปีเอง”

“ตั้งสามปี” นภธรณ์เป่าลมเข้าแก้มแล้วกระแทกหลังพิงเบาะเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาคว้าคอเสื้อแล้วลากเข้าไปใกล้ “มะ... มี อะไรป๊า” เขาเสียงสั่นไปเล็กน้อยเมื่อปลายจมูกโด่งซุกลงมาบนเรือนผมอยู่อึดใจ

“เหม็น” ปรเมษฐ์พึมพำก่อนจะผลักลูกชายให้กลับไปนั่งที่เบาะตามเดิม “แค่ไปซ้อมร้องเพลงด้วยกันทำไมมีกลิ่นบุหรี่ติดตัวติดผมกลับมาแบบนี้”

“กะ... ก็พี่ยะสูบในห้อง” เด็กหนุ่มหน้าเจื่อนไปถนัด

“กลับบ้านไปอาบน้ำสระผมให้สะอาดเลยนะ”

“รู้แล้วครับ”


(ต่อข้างล่างค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-04-2017 01:50:14 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 6 P.3 [18/03/60]
«ตอบ #98 เมื่อ01-04-2017 23:24:23 »

(ต่อตรงนี้ค่ะ)

อาบน้ำสระผมเรียบร้อยเด็กหนุ่มที่ยังไม่อยากเข้านอนก็มานั่งเล่นเกมฆ่าเวลาอยู่ตรงที่ประจำคือบนพื้นหน้าโซฟาพร้อมกับเปิดโทรทัศน์เอาไว้เป็นเพื่อน

ปรเมษฐ์ที่เพิ่งทำงานเสร็จหูแว่วได้ยินเสียงโทรทัศน์จึงเปิดประตูออกมาดูเห็นลูกชายนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์จึงเดินเข้าไปหา “ยังไม่นอนอีกเหรอ”

“ขออีกตาครับ” ตอบทั้งๆ ที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา

ปรเมษฐ์กวาดตามองเรือนผมเปียกชื้นที่เรียบลู่ไปกับกรอบหน้า บางส่วนยังคงมีน้ำหยดติ๋งๆ และนั่นทำให้เขาอดที่จะนั่งลงบนโซฟาเพื่อช่วยเช็ดให้ไม่ได้ “จะเล่นเกมน่ะฉันไม่ว่าหรอก แต่เช็ดผมให้แห้งก่อนสิ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”

“ไม่มีกลิ่นบุหรี่แล้วนะป๊าจะลองดมดูก็ได้” นภธรณ์ว่า

สัมผัสอุ่นของมือใหญ่ที่ไล้ลงมาตามลำคอเพื่อฉวยผ้าขนหนูทำให้นภธรณ์รู้สึกสะดุ้งยิ่งปรเมษฐ์ก้มหน้าลงแตะปลายจมูกเบาๆ ทำให้ผิวเนื้อที่เย็นเพราะน้ำร้อนวูบวาบลามไปทั่วทั้งหน้า

“ค่อยยังชั่วหน่อย” ปรเมษฐ์พึมพำในลำคอ

“ทำไมป๊าต้องโกรธด้วยล่ะ” นภธรณ์ถามเสียงดังเพื่อกลบเสียงหัวใจที่จู่ๆ ก็เต้นแรงขึ้นมาเสียเฉยๆ พยายามคิดว่าเป็นผลพวงจากการห่างหายสัมผัสใกล้ชิดแบบนี้ไปเสียนาน “จริงๆ ป๊าก็ไม่ได้อะไรกับบุหรี่เสียหน่อย เพื่อนป๊าก็สูบกันเยอะแยะ หมอโมเคยบอกว่าเมื่อก่อนป๊าก็สูบแต่เลิกไปแล้ว”

“ไม่มีอะไรหรอกแค่ใครบางคนไม่ชอบน่ะ แล้วมันก็ไม่มีประโยชน์ด้วยเลยเลิกดีกว่า”

“แม่เหรอ”

“มั้ง”

“ทำไมป๊าต้องมั้งด้วยล่ะ”

“เรื่องบางเรื่องแกก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกน่า”

รอยยิ้มเล็กๆ ที่ผุดขึ้นตรงมุมปากของปรเมษฐ์ยามเอ่ยถึง ‘ผู้หญิงคนนั้น’ ทำให้นภธรณ์หงุดหงิดจนเล่นเกมพลาดและแพ้ในที่สุด เขากดปิดเกมแล้ววางโทรศัพท์ลง

เมื่อไม่มีสิ่งอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจ ความรู้สึกทั้งหมดจึงจดจ่ออยู่กับปลายนิ้วแข็งแรงที่ค่อยๆ สอดสางไปตามเส้นผมพร้อมกับนวดหนังศีรษะให้ เปลือกตาเริ่มปรือปิดด้วยความง่วงงุนที่สะสมมาหลายวัน เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงพิงหน้าอกกว้างเต็มที่ ถึงจะแข็งไม่เหมือนหมอนนุ่มๆ แต่กลับอุ่นน่าหนุน และกลิ่นหอมสบู่ที่ถึงจะเป็นกลิ่นเดียวกันกับที่เขาใช้แท้ๆ แต่กลับหอมชื่นใจพาอารมณ์ให้ล่องลอยอยากจะฝังตัวนอนหลับอยู่ตรงนี้ทั้งคืน

“ป๊าครับ”

“อะไร”

“ป๊า~”

เสียงหวานที่กระซิบเรียกเป็นครั้งที่สองทำให้ปรเมษฐ์หยุดมือที่กำลังเช็ดผมและเลื่อนลงประคองเอวไว้หลวมๆ “ว่าไง”

“คืนนี้ขอนอนด้วยคนนะ”

“ทำไม”

“ไม่ทำไมอะ แค่อยากนอนด้วย ได้หรือเปล่า”

“ไม่ได้”

“ทำไมอะป๊า แค่นี้เอง” นภธรณ์พิงศีรษะลงบนหน้าขาอีกฝ่ายและแหงนหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดๆ “นะครับป๊า”

ปรเมษฐ์แสยะยิ้มเย็นชา “ดูปากฉันนะนอฟ ไม่-ได้”

“ไม่ดูอะ” นภธรณ์ว่าพร้อมกับยกสองมือขึ้นคล้องรอบคอเพื่อดึงตัวอีกฝ่ายลงมาจุ๊บปากเหมือนทุกครั้ง

แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งเมื่อปรเมษฐ์ปัดมือเขาออกรวดเร็ว

เพี๊ยะ!

“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำแบบนี้อีก!”

เด็กหนุ่มมีสีหน้าตกใจและเอ่ยคำขอโทษ “ขอโทษครับ”

ปรเมษฐ์ใจหายวาบเพราะกำลังหงุดหงิดเขาจึงไม่ทันคิดถึงแรงมือที่ตีไปเลยจนกระทั่งนภธรณ์ลดมือลงเห็นรอยแดงเป็นปื้นตรงมุมปาก “นอฟ... ฉันขอโทษ... เจ็บหรือเปล่า”

“ผมไปนอนก่อนนะ” นภธรณ์ลุกพรวดขึ้นและเดินย่ำเท้าหนักๆ เข้าห้องไป

เขาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมจนมิด ในหัวมีแต่คำถามว่าตัวเองทำผิดอะไร ตั้งแต่เรื่องที่ป๊าขอแยกห้องไปจนถึงเรื่องจูบ เขาก็ทำแบบนี้มาตลอดเวลาจะอ้อนป๊า แล้วป๊าก็จะอารมณ์ดียิ้มได้ทุกครั้ง มาวันนี้ เขาก็แค่ทำเหมือนเดิม แต่ทำไมป๊าถึงรู้สึกไม่เหมือนเดิมล่ะ... ทำไมเรื่องที่เคยทำให้ป๊าดีใจมันถึงกลายเป็นความผิดไปได้

เขานอนคิดเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนในที่สุดความอ่อนเพลียก็ดึงให้เปลือกตาปิดลงจนได้

กลางดึกสงัด บานประตูถูกแง้มเปิดออกช้าๆ ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเบียดตัวแทรกเข้ามาอย่างเงียบเชียบด้วยกลัวว่าจะปลุกคนบนเตียงตื่น

ปรเมษฐ์เองก็นอนไม่หลับเช่นกันกับความพลั้งเผลอที่ตีลูกไปทั้งที่นั่นไม่ใช่ความผิดอะไร เขาทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียง สายตาทอดมองเด็กหนุ่มที่ซุกหน้าแน่นอยู่กับหมอนข้าง เห็นน้ำหยดเล็กๆ ที่รื้นอยู่หางตา มือใหญ่ค่อยยกขึ้นแตะเกลี่ยเบาๆ หน้าคมขยับลงต่ำโดยไม่รู้ตัว แต่ในเสี้ยวนาทีสุดท้ายก่อนที่ริมฝีปากจะสัมผัสผิวแก้มนิ่มเขาก็รีบยืดตัวขึ้นแล้วเปลี่ยนเป็นดึงผ้าขึ้นห่มให้จนถึงคอก่อนจะรีบลุกเดินออกประตูไป

เสียงประตูปิดแม้จะดังกึกเบาๆ หากก็ปลุกให้เด็กหนุ่มที่เคยชินกับการเฝ้ารอมาทั้งชีวิตลืมตาขึ้นมอง

“ป๊า?”

เรียกออกไปอย่างมีความหวังว่าคนที่รอจะมาหาก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว... นี่ไม่ใช่ห้องที่เขาเคยนอนกับป๊า และไม่ว่าจะรอนานแค่ไหนป๊าก็จะไม่มานอนกับเขาอีก

เด็กหนุ่มกำผ้าห่มแน่น

...ไม่! เขาจะไม่ยอมให้มันเปลี่ยนไป!...

นภธรณ์ผุดลุกลงจากเตียงและพุ่งไปที่ประตู เขาจะไม่ยอมให้เรื่องมันคาราคาซังและปล่อยไปแบบนี้ เขาจะต้องคุยกับป๊าให้รู้เรื่องว่ามันมีเรื่องอะไรอีกถึงจะมาแยกห้องนอน และที่ตีเขา ไม่ยอมให้เขาจูบนั่นก็แค่เผลอใช่ไหม แค่ตกใจเพราะทำงานหนักพักผ่อนน้อยใช่หรือเปล่า? ยังไงป๊าก็ยังรักเขา ไม่ได้คิดจะทิ้งเขาไปอยู่แล้วใช่ไหม

เด็กหนุ่มเปิดประตูออกไป ป๊าไม่ได้อยู่ที่โซฟาแล้ว สายตาเหลือบมองนาฬิกาที่ตอนนี้บอกเวลาสองนาฬิกาของวันใหม่ แล้วตัดสินใจเดินไปห้องนอนใหญ่ ต่อให้ป๊าหลับไปแล้วเขาก็จะปลุกขึ้นมาคุยกันให้รู้เรื่องให้ได้

นภธรณ์ยกมือขึ้นเตรียมจะเคาะแล้วก็ชะงักไปเมื่อหูแว่วได้ยินเสียงหนึ่งดังลอดออกมา

มันคือเสียงสะอื้นที่ผสมปนเปมากับเสียงกระซิบเรียกชื่อหนึ่งที่ทำให้หัวใจคนฟังแทบแหลกสลาย

“ตอนนี้คุณไปอยู่ที่ไหนนะ... วา”

เขารู้มาตลอดว่าป๊ายังรักผู้หญิงคนนั้น เขาจำได้ดีว่าป๊าไม่เคยลืมเธอ และตอนนี้อีกข้อหนึ่งที่ได้รู้คือป๊าผิดสัญญาว่าจะไม่ร้องไห้อีก... แล้วแบบนี้เรื่องที่ว่าจะไม่ทิ้งกันไปเขาจะยังเชื่อใจได้อยู่หรือเปล่า... หรือที่บอกว่าอยากให้เขาโต คือโตพอที่จะทิ้งให้อยู่ลำพังแล้วไปหาผู้หญิงคนนั้นอย่างนั้นเหรอ

นี่น่ะเหรอ ความรักของผู้ใหญ่ที่พี่ยะเคยบอก ทำไมมันถึงมีแต่คำโกหกเต็มไปหมด แล้วทำไม... มันถึงเจ็บปวดได้มากมายขนาดนี้

OOOOOO

เสียงออดที่ดังในยามวิกาลทำให้โปรดิวเซอร์หนุ่มใหญ่ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความหงุดหงิด เขาเดินปิดปากหาวไปดึงประตูเปิดออกและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงนั้น “อ้าว ลืมอะไรเหรอ”

“ขอผมนอนด้วยได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มที่อยู่ในชุดนอนเสื้อยืดกางเกงขาสั้นบอกกับเขา

ดุริยะตาสว่างแทบจะในทันที เขากวาดตามองคนอายุน้อยกว่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แค่เห็นคนที่ปกติขี้เก๊กในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงดูไม่ได้ก็พอจะเดาได้แล้วว่ามีเรื่องไม่บายใจมากๆ และกำลังต้องการหาที่พักพิง

“เห็นพี่ยะเคยบอกว่าจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าวันนี้ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ”

“เปล่าๆ ไม่ได้ว่าอะไร แค่ตกใจน่ะที่จู่ๆ เธอก็เป็นฝ่ายมาหาฉันเอง เข้ามาสิ” ดุริยะเปิดประตูให้กว้างขึ้นพร้อมกับคว้ามือดึงเข้ามา ฝ่ามือเล็กนั้นเย็นเฉียบจนคนอายุมากกว่าสะดุ้ง ยิ่งเมื่อแสงไฟตกกระทบหน้าเขาจึงได้เห็นขอบตาที่บวมช้ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักจึงคิดว่าจะเป็นการดีกว่าถ้าจะปล่อยให้เด็กหนุ่มได้พักจนสบายใจแล้วค่อยเล่าออกมาเอง

“ผมขอนอนโซฟานะ”

“นอนตรงนั้นไม่สบายหรอก เธอไปนอนในห้องเถอะ”

“แต่...”

“ที่มาหาฉันนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเธอไม่มีที่ไปจริงๆ ก็แสดงว่าเตรียมใจจะโดนฉันปล้ำมาเรียบร้อยแล้วสินะ”

“เป็นอย่างแรกต่างหากครับ” นภธรณ์ตอบ

อันที่จริงเขามีที่ให้ไปเยอะแยะ เปิดรายชื่อในโทรศัพท์มีลิสต์เบอร์โทรทั้งเพื่อนตัวเองและเพื่อนสนิทป๊าเป็นสิบ คนแรกที่เขาคิดถึงคือหมอโมที่เป็นอดีตรูมเมทป๊าตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนแพทย์และคนสำคัญอีกคนที่ช่วยป๊าเลี้ยงเขามาจนเขาชอบแซวว่าหมอโมเป็นพ่อของเขาอีกคน แต่ตอนนี้หมอโมมีแฟนแล้ว เขารู้ว่าต่อให้กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่กับแฟนหมอโมก็ต้องเลือกเขา หมอโมเป็นหมอเด็กที่น่ารักและใจดีเสมอ ซึ่งเขารู้ในจุดนั้นดีจึงไม่อยากกวนอีกทั้งถ้าเขาไปบ้านหมอโมป๊าจะต้องตามเจอง่ายๆ แน่ๆ เพื่อนคนอื่นๆ ก็เหมือนกัน ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เขายังไม่พร้อมจะคุยกับป๊า เขาจึงเลือกจะมาหาพี่ยะ คนที่ตอนนี้ดูเหมือนป๊าจะเกลียดขี้หน้ามากที่สุด ถ้าป๊ารู้ป๊าจะต้องโกรธมากแน่ๆ ซึ่งก็ดีแล้วเพราะป๊าจะได้รู้ว่าตอนนี้เขาเองก็โกรธป๊ามากเหมือนกัน

“ถ้าฉันจะปล้ำจริงๆ น่ะ จะนอนตรงไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละเพราะที่นี่บ้านฉัน” ดุริยะว่า “แต่ฉันไม่ทำหรอกเพราะฉะนั้นเธอเข้าไปนอนดีๆ ในห้องเถอะ ฉันจะนอนที่ห้องซ้อมเอง ฉันสัญญา”

“ของแบบนั้นมันมีอยู่จริงด้วยเหรอครับ” นภธรณ์กระซิบถามน้ำเสียงแหบแห้ง “คำสัญญาน่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ลงกลอนจากข้างในซะสิ” ดุริยะบอก

“ประตูเหรอครับ?” เด็กหนุ่มสงสัย

“หัวใจต่างหากล่ะ” ดุริยะว่าพร้อมกับจูงมือเดินเข้าไปในห้องนอน “รีบนอนเถอะพรุ่งนี้เราต้องไปอัดรายการแต่เช้านะ”

เด็กหนุ่มนั่งลงบนเตียง จู่ๆ ก็รู้สึกหนาวสะท้านทั้งที่อากาศในห้องก็ไม่ได้เย็นอะไรมากมาย เขากวาดตามองไปรอบๆ ห้องที่ไม่คุ้นเคยแล้วคว้าชายเสื้อคนอายุมากกว่าที่กำลังจะลุกไปไว้ “พี่ยะครับ”

“อะไร”

“นอนด้วยกันไหมครับ”

“แน่ใจนะ” คนอายุมากกว่าถามย้ำ และคำตอบที่ได้รับคือการพยักหน้า เขาออกแรงดึงตัวเด็กหนุ่มเข้ามาประชิดหน้าอกก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดไฟที่หัวเตียง

************************************************TBC******************************************

ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนเราบ้าง แต่พอจบตอนนี้แล้วอยาก "กดเปิดไฟ" จัง ฮึ่ม!!!

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
«ตอบ #99 เมื่อ01-04-2017 23:48:01 »

พี่ยะรักแบบลูกสินะ
อดีตของ ยะ โป้ วา คงกลับมาทำร้ายน้อฟที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย
สงสารเด็กอ่ะะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
« ตอบ #99 เมื่อ: 01-04-2017 23:48:01 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Lukaka

  • ★น้อยนิดมหาศาล★
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 613
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
«ตอบ #100 เมื่อ01-04-2017 23:52:27 »

นี่เดาว่า คุณโปรดิวส์น่าจะรู้จักแม่นอฟ ก็น่าจะเป็นแฟนเก่า

และมีเปอร์เซนสูงที่นอฟจะเป็นลูกคุณโปรดิวส์

แต่เอ็นดูนอฟ คุณป๊ายังคิดถึง แม่ตัวเองอยู่ตลอดเวลา


นี่ถ้านอฟเจอแม่แล้ว นอฟจะเฉยใส่แค่ไหน

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
«ตอบ #101 เมื่อ02-04-2017 00:06:14 »

เชื่อว่าพี่ยะ ไม่ทำอะไรนอฟหรอก  :ling1:

ป๊าทำไมใจร้ายจัง ไม่รักลูกคนนี้แล้วเหรอออออออออ จะร้องไห้~

ออฟไลน์ w-for-winnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
«ตอบ #102 เมื่อ02-04-2017 01:32:12 »

เราว่าพี่ยะต้องเป็นพ่อนอฟแน่ๆ ส่วนแฟนเก่ายะก็คือแม่ของนอฟ
ป๊าก็คงรู้มาตลอดว่านอฟไม่ใช่ลูกของตัวเอง แต่ที่ยอมเลี้ยงตอนแรกก็เพราะยังรักวา
แต่ที่ต้องบังคับนอฟให้แยกห้องนอน ก็เพราะต้องเริ่มกลัวว่าจะรู้สึกกับนอฟมากกว่าอย่างอื่นที่ไม่ใช่พ่อลูกแน่ๆ

เดามั่วๆ ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า รอคนแต่งมาเฉลยค่ะ 555
 :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
«ตอบ #103 เมื่อ02-04-2017 06:58:12 »

ตีหมอโป้ซักหลายๆที ได้มั้ย โกรธ!!! รู้อยู่ว่า นอฟกลัวโดนทิ้ง ทำไมไม่พูดดีๆ ให้นอฟฟัง

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
«ตอบ #104 เมื่อ02-04-2017 07:23:34 »

พี่ยะปิดไฟหัวเตียง

ฉันกดเปิดไฟเพดานได้ใช่ไหม?

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
«ตอบ #105 เมื่อ02-04-2017 07:44:27 »

ที่ผลักไสลูกแบบนี้ เพราะแค่คิดถึงเมียเท่านั้นจริงๆเหรอหมอโป้?? //  แสดงว่าทั้งดุริยะ ทั้งหมอโป้ ต่างก็จำกันและกันได้สินะ  ถึงได้เขม่นกันอยู่บ่อยๆแบบนี้  :hao3:  // อยากรู้ ถ้าเจ้วาแม่นอฟโผล่มา นางจะยังแลดูเป็นคนสำคัญ ยังเป็นราชินีที่มีแต่คนรัก คนแย่ง อยู่ไหม? #สงสารนอฟ  :hao5:

ออฟไลน์ therappizdrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
«ตอบ #106 เมื่อ02-04-2017 13:38:25 »

หมอโป้!!!! ผลักไสลูกแบบนี้มีอะไรรรรร ทำไมมมม

ตอนนี้เราขออนุญาตเดาเรื่องนะคะ

เดาว่าแท้จริงแล้วหมอโป้ไม่ใช่พ่อแท้ๆ อันนี้เดามาแต่แรกแล้ว

ส่วนพี่ยะ นี่ก็แฟนเก่าวา เป็นรัก 3 เส้า โป้ วา ยะ

ไม่มั่นใจไม่กล้าเดาว่านอฟเป็นลูกยะ

มั่นใจว่ายะ กับ หมอโป้มีซัมติงก็เรื่องวา

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
«ตอบ #107 เมื่อ02-04-2017 15:42:56 »

วงวารน้องนอฟอ่ะ
เด็กบริสุทธิ์ผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ถ้าให้ดเานะ พี่ยะอาจเป็นพ่อจริงๆของนอฟก็ได้
เพราะตอนที่พี่ยะพูดอ่ะว่าเคยรักผู้หญิงคนนึง
แต่สุดท้ายก็เลิกกันแล้วเค้ามามีลูกกับผู้ชายอีกคน
ผู้ชายอีกคนน่าจะเป็นคุณโป้นะ

ส่วนที่แยกห้องอ่ะ เราว่าคุณโป้ต้องคิดอะไรเกินเลยกับนอฟ
มากกว่าลูกที่เลี้ยงดูแน่ๆ เหมือนรู้สึกผิดอ่ะเลยร้องไห้คิดถึงวาอยู่ในห้อง
เหมือนตัวเองยังรักวาอยู่ป่าว

ช่างซับซ้อนจริงเรื่องนี้

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
«ตอบ #108 เมื่อ03-04-2017 22:55:24 »

สงสารนอฟที่สุดเลยลูก เคว้งคว้าง เดียวดาย
อิพี่ยะรู้อะไรดี คายออกมาเดี๋ยวนี้

ออฟไลน์ CIndY59

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
«ตอบ #109 เมื่อ05-04-2017 03:17:07 »

เดาว่า นอฟเป็นลูกของยะกับวา
วาอาจจะท้องตอนที่ยะจะไปเรียนต่อ เลยไม่ได้บอก เลยคลอดเเล้วฝากหมอโป้ที่เป็นเพื่อนไว้ แล้วที่หมอโป้บอกบังคับ เอานอฟไว้คงเพราะไม่อยากให้วาหอบลูกเล็กไปไหนๆ ไรงี้ แล้วที่ร้องไห้เพราะกำลังรักและล่อลวงลูกเพื่อนที่ไว้ใจให้ดูเเล

นี่เดาล้วนๆ มั่วเป็นระยะ 555

ชอบพล็อตเรื่องทุกเรื่องของคนแต่งเลยค่ะ ชวนตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา แล้วก็หักมุม จบฉลาดมีเหตุผลไม่จบแบบส่งๆ
จะติดตามไปทุกเรื่องเลยค่ะ  :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
« ตอบ #109 เมื่อ: 05-04-2017 03:17:07 »





ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
«ตอบ #110 เมื่อ05-04-2017 16:16:59 »



อืม... ความอึมครึมนี้นั้น เมื่อไรจะผ่านไปหนอ
เดาว่าการย้ายมานอนกับพี่ยะในวันนี้จะช่วยให้หมอโป้ตาสว่างขึ้นบ้าง
แต่ถ้าไม่ ป้าจะเกียมตั้งน้ำร้อนรอลวกมาม่าเลยค่ะ เพราะมันจะต้องอึดอัดมากแน่ ๆ ฮือ!
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ^ ^  :L2:


ออฟไลน์ scottoppa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-0
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
«ตอบ #111 เมื่อ08-04-2017 10:55:48 »

ชอบพี่ยะมากกกกกกกกก หลังจากตามอ่านมาจนทันล่าสุด
เราว่าพี่ยะจะเป็นคนคลายปมแน่ๆ เหมือนรู้ทุกอย่างไปหมดเลย
ส่วนคุณป๊า เราก็กลัวใจมากๆ ยิ่งตอนล่าสุดก็ตีตัวออกห่างจากน้องสุดๆ
ถ้ารู้ว่าน้องหรือตัวเองคิดเกินเลย ป๊าต้องยิ่งกว่านี้แน่เลย ฮือออ
เชื่อว่าคุณหมอต้องเป็นผู้ใหญ่ แล้วอยากให้น้องได้ดี ไม่ใช่จมอยู่กับพ่อ(รึป่าว) แน่ๆ
โอยยยยยย แอบหน่วงงงงง พี่ยะช่วยด้วยยยยยย (ไม่ใช่ล้ะ555555555)
รอตอนต่อไปนะคะ สู้ๆๆ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
«ตอบ #112 เมื่อ15-04-2017 21:29:40 »

Chapter 8

“ว่าไงโป้” กุมารแพทย์หนุ่มถามคนที่เดินหน้ามุ่ยข้ามสายงานเข้ามาในพื้นที่ห้องตรวจโรคผู้ป่วยเด็ก

“นอฟอยู่กับนายหรือเปล่า” ปรเมษฐ์เอ่ยถามเพื่อนสนิท

“หืม ลูกนายจะมาอยู่กับฉันได้ไง วันนี้จะไปออกรายการเรื่องเล่าวันนี้ไม่ใช่เรอะ เมื่อวานยังไลน์มาเตือนฉันอยู่เลยว่าอย่าลืมดู นี่ฉันก็กำลังรอดูกับพวกคุณพยาบาลที่ OPD เนี่ย” นายแพทย์เอกรงค์หรือหมอโมของเด็กๆ กล่าวอย่างตื่นเต้นก่อนน้ำเสียงจะเปลี่ยนไปเมื่อจับสังเกตความผิดปกติได้ “มีอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า” ปรเมษฐ์กล่าวปฏิเสธทันที

เอกรงค์กอดอกฉับ “โป้! เราคบกันมากี่ปี นอฟเองฉันก็ช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย นายอย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทัน นี่ทะเลาะกันใช่ไหม และดูท่าแล้วคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เสียด้วย”

“คือ... เปล่าไม่ได้ทะเลาะ”

“แล้วเกิดอะไรขึ้น”


“เมื่อเช้าฉันตื่นมาก็ไม่เจอมันแล้ว โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่รับ ตฤณส่งข้อความมาบอกว่านอฟไปถึงสตูดิโอแล้วล่ะ แต่... ก็... เอ่อ...”

“ฉันพอเดาเรื่องได้ล่ะ” เอกรงค์ว่า “นอฟไม่ได้ออกจากบ้านไปเมื่อเช้า แต่น่าจะแอบออกไปตั้งแต่ช่วงกลางคืนสินะ”

ปรเมษฐ์พยักหน้า

“ตกลงทะเลาะอะไรกัน”

“ก็บอกว่าไม่ได้ทะเลาะ” ปรเมษฐ์เสียงดังขึ้นเล็กน้อยเพราะไม่รู้จริงๆ ถ้าแค่เรื่องที่เผลอตีไปมันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรขนาดนั้น และถ้าโกรธกันจริงๆ ปกตินภธรณ์ต้องโวยวายเสียงดัง อาจจะมีเดินหนีบ้างแต่สุดท้ายก็จะมาคอยวนเวียนใกล้ๆ ให้เขาง้อ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่หนีออกจากบ้านไปกลางดึกและไม่ยอมรับโทรศัพท์เขาแบบนี้

“เล่ามาเถอะ เดี๋ยวฉันวิเคราะห์เอง” เอกรงค์ย้ำ “เล่าให้หมดด้วยนะ”

“ก็...” เมื่อจนปัญญาจะแก้ปัญหาด้วยตนเองปรเมษฐ์จึงเล่าทุกอย่างให้ฟัง

เอกรงค์ถอนหายใจเสียงดังทันทีที่ฟังจบ “มีใครเคยบอกไหมว่านายเก่งทุกอย่างยกเว้นเรื่องเลี้ยงลูก”

“มี”

“ใครวะ”

“นายไง”

“รู้ตัวก็ดีแล้ว! เพราะงั้นวันนี้ฉันจะพูดซ้ำอีกครั้งว่านายนี่โง่มากเลยว่ะ” เอกรงค์ว่า “ฉันฟังนายเล่าฉันยังรู้เลยว่านอฟโกรธเรื่องอะไร แล้วทำไมนายถึงไม่รู้วะ”

“อะไรล่ะ” ปรเมษฐ์ถาม “เรื่องตีเหรอ หรือว่าเรื่องแยกห้อง แต่ฉันถามแล้วมันก็บอกว่าไม่โกรธนะ”

“ก็ไม่ได้โกรธน่ะสิ”

“แล้วเป็นอะไร” ปรเมษฐ์ถามต่อ “หรือว่ากำลังเข้าช่วงวัยต่อต้าน”

“โป้” เอกรงค์เริ่มช้าๆ เขาเลือกจะไม่บอกตรงๆ แต่ใช้วิธีเปรียบเทียบเพื่อให้อีกฝ่ายได้คิดเอง “ฉันรู้ว่านายต้องเคยได้ยินเรื่องหนังยางใช่ไหม ที่คนสองคนจับดึงไว้คนละฝั่ง และคนที่ปล่อยมือที่หลังคือคนเจ็บ”

“อืม”

“แล้วทำไมนายถึงเลือกจะปล่อยมือทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ยอมปล่อยล่ะ นายกลัวเจ็บแล้วคิดว่านอฟมันไม่เจ็บเหรอ ในเมื่อนายเลือกจะปล่อยตอนที่กำลังดึงให้ยางมันยืดเกือบถึงที่สุด นายกำลังทำร้ายคนที่นายรักและรักนายด้วยตัวเองนั่นแหละ”

“แล้วฉันควรจะทำยังไงล่ะ”
“อย่าไปคิดเยอะสิ แค่คิดง่ายๆ ว่าเวลานอฟมันเจ็บ มันร้องไห้ นายอยากจะกอดปลอบด้วยตัวเองหรือปล่อยไปให้คนอื่นกอด” เอกรงค์ว่าพร้อมกับตบบ่าเพื่อนรัก

“ขอบใจนะโม” ปรเมษฐ์บอก “ทำไมตอนนั้นฉันไม่เลือกเป็นหมอเด็กแบบนายนะ เผื่อจะเข้าใจลูกได้ดีขึ้น”

“ไม่ต้องเป็นหมอเด็กนายก็เข้าใจเด็กได้” เอกรงค์ว่า “ขอแค่รักก็พอ และนายก็มีความรู้สึกนั้นอยู่เต็มหัวใจเลยไม่ใช่หรือไงถึงได้เลือกมาเป็นหมอสูติฯ หรือว่านายลืมมันไปแล้ว”

“ไม่ลืม” ปรเมษฐ์ตอบ

พลันเสียงร้องเล็กๆ จากความทรงจำเมื่อนานมาแล้วดังขึ้นในหัว

นักเรียนแพทย์หนุ่มในชุดกาวน์ปลอดเชื้อคาดผ้าปิดปากปิดจมูกค่อยประคองทารกเนื้อตัวซีดเซียวที่ร่างกายปกคลุมด้วยไขไว้ในอ้อมแขน มือของเขาสั่นเล็กน้อยและหัวใจก็ยังเต้นแรงไม่หยุดกับประสบการณ์การช่วยทำคลอดครั้งแรกในชีวิต ยังไม่ทันจะได้ตบตูดลูบหลังตามตำราที่เรียนมาทารกน้อยก็แผดเสียงลั่นอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดง่ายๆ สร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนอยู่ในห้องคลอด ผิวสีอมเทาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเลือดฝาดเมื่อปอดทำงานเต็มที่ แก้มยุ้ยเปล่งปลั่งดูนุ่มนิ่มน่ามันเขี้ยวเขาใช้ปลายนิ้วลองเขี่ยเบาๆตรงมุมปากแล้วเสียงร้องไห้จ้านั้นก็ค่อยแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะอ้อแอ้อย่างร่าเริง ริมฝีปากบางเฉียบสีแดงสดส่งยิ้มหวานมาให้เขา

สมองซีกซ้ายพยายามจะอธิบายว่ารอยยิ้มนี้เป็นแค่ Sucking Reflex ไม่ใช่เพราะทารกจะชอบอกชอบใจอะไรเขา ถึงหัวใจจะยอมรับฟังหากก็สายเกินไปเสียแล้ว เมื่อมันเต็มใจกระโจนลงหลุมพรางที่เรียกว่า ‘รักแรกพบ’

“ถ้าโทรไม่ติดก็ลองส่งข้อความไหม” เอกรงค์ช่วยคิดหาทางให้สองพ่อลูกคืนดีกัน

“เดี๋ยวฉันไปหาเลยดีกว่า” ปรเมษฐ์บอก “ฝากดูคนไข้ด้วยนะ”

“เรื่องนั้นเห็นทีจะช่วยไม่ได้ว่ะ”

“ทำไมล่ะ”

“นายเป็นหมอสูติแต่ฉันเป็นหมอเด็กนะโป้ ถ้ายังไม่คลอดออกมาจากท้องแม่ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ” เอกรงค์บอก แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของคนที่กำลังกลุ้มใจก็รีบโบกมือไล่ “รีบไปเถอะ เดี๋ยวโทรไปบอกที่ OPD ให้เองว่านายจะไปช้า”

“ขอบคุณมาก” ปรเมษฐ์หันมาขอบคุณเพื่อนรักก่อนจะรีบออกไป

OOOOOO

“ไม่เลวนี่เจ้าหนูมีแฟนคลับมาเชียร์เยอะเลย” ดุริยะบอกพลางชี้มือชี้ไม้ไปทางมุมหนึ่งในห้องส่งที่จัดแถวเก้าอี้ไว้ให้ มีทั้งเด็กสาว สาวรุ่นเพื่อนแม่และแฟนบอยร่วมร้อยชีวิตที่ถือป้ายชื่อและข้อความให้กำลังใจ

นภธรณ์พยักหน้ารับเนือยๆ ตอนนี้แม้แต่ไมค์ที่ถืออยู่ประจำก็รู้สึกว่ามันหนักเหลือเกิน

เด็กหนุ่มเอนศีรษะพิงผนังอย่างเหนื่อยล้า เมื่อคืนเขาก็นอนไม่หลับเหมือนเดิมทั้งที่ไม่ได้นอนคนเดียว แต่แผ่นหลังของคนที่นอนด้วยกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกคลายเหงาลงสักนิด เขากวาดตามองไปรอบๆ ตฤณกำลังทบทวนรายละเอียดลำดับขั้นตอนการออกอากาศต่างๆ อีกครั้ง ถัดออกไปท่านประธานแดเนียลที่มาให้กำลังใจยืนคุยอยู่กับคุณสมยศ เจ้าของรายการและพิธีกรหลักของรายการเรื่องเล่าวันนี้อย่างออกรส รอบตัวเต็มไปด้วยสตาฟของห้องส่งที่ส่งเสียงคุยกันเซ็งแซ่พลางจัดการงานของตัวเอง

นภธรณ์หันไปหาแฟนคลับที่ชูมือชูไม้ส่งสัญญาณบอกรักและให้กำลังใจแทนการพูดเพราะถูกห้ามไม่ให้ส่งเสียงดัง เขาพยายามจะส่งยิ้มให้พวกเธอ แต่ก็พบว่ามันยากเย็นเต็มทีจึงเพียงโบกมือให้ครั้งหนึ่ง

ทั้งที่อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่เขากลับรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว กำลังใจที่ได้จากแฟนคลับนั่นก็ส่วนหนึ่งหากแต่มันยังไม่พอจะเติมเชื้อไฟในใจได้ พลันสายตาเหลือบไปเห็นป้ายล้อเนื้อเพลงในมือเด็กสาวที่เขียนว่า ‘คุณเป็นของฉัน’ ยิ่งสะท้อนในใจว่ามันใช่เหรอ? เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นของใครเลยต่างหาก ขนาดป๊าที่ตัวอยู่กับเขา หัวใจยังเป็นของแม่มาตลอดเลย

“ไหวนะ”

เสียงดุริยะที่กระซิบถามขึ้นทำให้นภธรณ์สะดุ้งตื่นจากภวังค์

“เอ่อ... อืม... ไหวครับ”

“แน่ใจนะ เพราะตอนนี้สีหน้าและแววตาเธอไม่ได้อยากร้องเพลงสักนิด”

“คุณดุริยะอย่าพูดอะไรแปลกๆ สิครับ” ตฤณว่า ทั้งเขาและแดเนียลต่างก็สังเกตเห็นเหมือนกันแต่เลือกทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เพราะกลัวเรื่องจะไปกันใหญ่

“ผมร้องได้ครับ” นภธรณ์ตอบทั้งที่รู้อยู่เต็มหัวใจว่าดุริยะพูดถูก เขาอยากร้องเพลงให้ป๊าฟัง แต่ตอนนี้เขาจะร้องไปทำไมในเมื่อคนฟังไม่เคยรับรู้ถึงความสุขที่เขาส่งผ่านเสียงเพลงไปให้เลย

“คงจะเครียดล่ะสิ รายการสด แถมยังร้องสดอีกต่างหาก นายลองไปคุยกับแฟนคลับดูไหม เผื่อจะสดชื่นขึ้น” ตฤณพยายามกระตุ้น

“ไม่ครับ” นภธรณ์ตอบพลางเหลือบตาลงมองโทรศัพท์ในมือซึ่งแสดงมิสคอลจากปรเมษฐ์ที่นับจนถึงตอนนี้ก็ร่วมยี่สิบสายแล้ว... ขนาดคนที่อยากคุยด้วยที่สุดเขายังไม่พร้อมจะคุยแล้วจะให้ไปคุยกับใครได้ คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจแรงๆ ทิ้งอีกครั้ง

“สวัสดีครับ”

เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังมาจากทางประตูห้องส่งทำเอาหัวใจกระตุกวูบ คิดว่าตัวเองหูเพี้ยนเพราะคิดถึงมากเกินไป หากคำทักทายของตฤณก็ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าปรเมษฐ์กำลังเดินเข้ามาหาจริงๆ

“อ้าวคุณโป้ ไม่บอกล่วงหน้าว่าจะมาผมจะได้เตรียมบัตรสำหรับสตาฟหรือที่นั่งชมไว้ให้”

นภธรณ์หลุบตามองพื้น พยายามไม่หันไปมองทั้งที่ตอนนี้รับรู้ได้ว่าป๊าเดินเข้ามายืนอยู่ใกล้แค่เอื้อม

“ไม่เป็นไรครับผมมาปุบปับเอง” ปรเมษฐ์บอกพลางเหลือบตามองเด็กหนุ่มที่นั่งกอดอกหันหน้าหนีไปอีกทางอย่างจงใจ “ผมขอคุยกับลูกสักครู่ได้ไหมครับ”

ตฤณยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา “ตอนนี้ใกล้จะได้เวลาออกอากาศแล้ว ถ้ายังไงไว้คุณโป้คุยหลังจบรายการ...”

“คุณมีเวลาครึ่งชั่วโมง” ดุริยะที่ยืนสังเกตการณ์อยู่แทรกขึ้น

“ตะ... แต่... จะดีเหรอครับ มันเป็นรายการสดนะครับ ถ้าเกิดว่ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา” ตฤณพยายามมองหาตัวช่วยตัดสินใจ แต่แดเนียลก็เพิ่งจะเดินออกไปส่งคุณสมยศเพื่อเริ่มรายการเมื่อสักครู่นี่เอง

“มันจะพลาดเพราะไม่ได้คุยนี่ล่ะ” ดุริยะบอกก่อนจะหันไปคว้ามือนภธรณ์ดึงให้ลุกขึ้นยืนแล้วผลักให้ไปยืนตรงหน้าปรเมษฐ์ “ห้องแต่งตัวว่างอยู่น่ะ ไปคุยที่นั่นก็ได้”

นภธรณ์หันมาทำหน้าบูดใส่โปรดิวเซอร์ใหญ่

“ขอบคุณครับ” ปรเมษฐ์ค้อมศีรษะให้ดุริยะครั้งหนึ่งแล้วเดินตามนภธรณ์ที่กระแทกเท้าเดินนำออกไปก่อน

“ทำไมมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ” ดุริยะถามตฤณเมื่อสองพ่อลูกคล้อยหลังไป “ไม่คิดว่าฉันเป็นคนดีล่ะสิ”

“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ คือ...”

“ก็ไม่ใช่จริงๆ น่ะแหละ” ดุริยะว่า “เพราะถ้าปล่อยให้เด็กนั่นร้องเพลงทั้งๆ แบบนั้นฉันเองก็จะพลอยเสียชื่อไปด้วยน่ะสิ แล้วบางที... วันนี้ฉันอาจจะได้ฟังเพลงเดิมแต่ความหมายใหม่ก็ได้ ใครจะไปรู้”

“คุณยะหมายความว่าไงครับ”

“ถ้าอยากรู้คืนนี้ก็มาฟังที่ห้องสิ” นัยน์ตาพราวระยับเหลือบมองผู้จัดการหนุ่มพร้อมกับสืบเท้าเข้าใกล้จนอีกฝ่ายถอยหนีหลังติดกำแพง “เอาไหม พี่จะร้องให้ฟังทั้งคืนเลย เอ๊ะ! หรือตฤณจะเป็นคนร้องให้พี่ฟังแทนครับ”

“คุณยะครับ... อย่า...”

ดุริยะไม่สนใจคำทัดทาน เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะลงบนผิวแก้มทำให้คนที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย เขาลากปล่อยนิ้วลงต่ำผ่านลำคอลงมาจนถึงเนินไหปลาร้าก่อนปล่อยหัวเราะออกมาพร้อมกับชักมือกลับ “ท่าทางคืนนี้จะไม่ว่างสินะ”

ดุริยะไม่ได้เลิกยุ่งเพราะเห็นร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของที่ซอกคอขาว แต่เป็นเพราะเจ้าของรอยนั้นเพิ่งเดินกลับมาและกำลังจ้องเขม็งอยู่ด้วยความไม่พอใจต่างหาก
OOOOOO

(ต่อข้างล่างค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2017 21:33:54 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 7 P.4 [1/04/60]
«ตอบ #113 เมื่อ15-04-2017 21:31:43 »

(ต่อตรงนี้ค่ะ)

นภธรณ์เดินนำเข้าไปในห้องแต่งตัวของตนที่ถูกจัดไว้ให้โดยมีผู้เป็นพ่อเดินตามมาติดๆ เขายังคงไม่ยอมสบตาและยืนหันหลังให้

ปรเมษฐ์กดล็อกประตู เพราะถูกกำชับมาว่าเวลามีน้อยเขาจึงรีบเข้าเรื่อง “เมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา” แต่ด้วยความที่รีบไปหน่อยถ้อยคำที่ต้องการแสดงความเป็นห่วงจึงกลับฟังดูห้วนไปถนัด

นภธรณ์พ่นลมหายใจออกจมูกและตอบด้วยเสียงที่ห้วนไม่ต่างกัน “บ้านพี่ยะ”

คำตอบที่ได้ฟังเหมือนโยนไฟเข้าไปในกองถ่านที่ยังคุกรุ่น ปรเมษฐ์สติขาดและคว้าไหล่ลูกชายแน่น “นอฟ! หันมาคุยกันเดี๋ยวนี้ มองตาฉันสิ แล้วอธิบายมาว่ามันเรื่องอะไรถึงได้หนีไปนอนบ้านไอ้... คนอื่น! จะโกรธ จะประชดอะไรฉันก็ให้มันน้อยๆ หน่อย โตๆ กันแล้วนะ”

นภธรณ์เม้มปากสนิทแล้วหันไปสบตา “ผมไม่ได้ประชด”

จริงดังปากว่าในแววตาแดงช้ำไม่ได้เจือความโกรธ แต่มันคือความเศร้าที่หยั่งปริมาณไม่ได้

ใจคนเป็นพ่อร่วงลงไปกองที่ตาตุ่ม ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นสายตาแบบนี้ของลูกชายมันก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว “แล้วทำอะไรอยู่”

“ผมแค่ไม่อยากเห็นคนผิดสัญญา”

ปรเมษฐ์พอจะเดาได้ว่าหมายถึงสัญญาข้อไหน แต่ก็อยากให้แน่ใจว่าเข้าใจไม่ผิด “สัญญาอะไร...”

“คำสัญญาที่ว่าป๊าจะไม่ร้องไห้ไง” นภธรณ์พูด เสียงมันสั่นจนแม้แต่ตัวเองยังไม่อยากจะเชื่อว่านั่นคือเสียงของตัวเอง “เมื่อคืนนี้ ผมได้ยินนะ... ป๊าสัญญากับผมแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าผมร้องเพลง ป๊าจะเลิกร้องไห้ ตะ... แต่ป๊าก็ยังร้องไห้อยู่ดี...”

เขาพูดต่อไม่ได้แล้วก้อนอะไรสักอย่างท้นขึ้นมาจุกอยู่ที่อก และขอบตาก็แสบร้อนไปหมด เขาปัดมือที่จับไหล่ไว้ออกแล้วหันหลังเดินหนีไปอีกทาง

ปรเมษฐ์ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก “นอฟ หันมาคุยกันก่อน”

“ไม่ครับ” นภธรณ์บอก “พอกันที ผมไม่อยากทนเห็นป๊าร้องไห้โดยที่ผมทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว”

“ฟังก่อนสิ ฉันไม่ได้ร้องไห้เพราะวา ฉันร้องเพราะแกต่างหาก”

เท้าที่กำลังก้าวไปข้างหน้าชะงักทันที “ผมทำอะไรผิดเหรอป๊าถึงต้องร้องไห้เพราะผม” นภธรณ์ถามกลับ “อ้อ... ผมผิดตั้งแต่เกิดมาเป็นภาระของป๊าแล้วสินะ ที่ป๊าบอกรอให้ผมโตน่ะคือโตพอจะอยู่คนเดียวได้แล้วป๊าก็จะไปหาแม่ใช่ไหม จริงๆ ป๊าไม่ต้องรอก็ได้นะ ถ้าป๊าคิดถึงแม่มากก็ไปหาตอนนี้เลยก็ได้ ไม่ต้องมาทนอยู่กับผมหรอก”

ปรเมษฐ์คว้ามือลูกชายที่พยายามจะสะบัดออกได้ในที่สุด “นอฟ ฉันบอกให้ฟังไง!”

“ไม่! ผมไม่อยากฟังอะไรแล้ว” นภธรณ์พยายามสะบัดอย่างแรงอีกครั้ง ปรเมษฐ์จึงรวบข้อมือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวแล้วดึงตัวเข้ามากอด

“แต่แกต้องฟัง!”

“ไม่ฟัง!” นภธรณ์สะบัดมือข้างหนึ่งหลุดและใช้ยันที่หน้าอกอย่างแรงเพื่อขืนตัวออกห่าง “ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!”

“ฉันกลัวว่าสักวันแกจะทิ้งไปต่างหาก”

คำพูดต่อมาของคนที่พยายามกอดไว้ทำให้เด็กหนุ่มหยุดดิ้นรนทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าเต็มตาเป็นครั้งแรก น้ำเสียงแหบแห้งนั้นว่าไม่โกหกแล้วนัยน์ตาเว้าวอนกลับซื่อตรงยิ่งกว่าจนต้องถามให้แน่ใจ “ผมเนี่ยนะจะทิ้งป๊า”

“ก็แกคิดถึงแม่ อยากเจอใจจะขาดจนถึงขั้นมาร้องเพลงเพื่อตามหาไม่ใช่เหรอ ตอนนี้แกก็ดังแล้วนี่ สักวันถ้าวากลับมา แกก็คงจะไปกับเขาแล้วทิ้งฉันไว้คนเดียวเหมือนอย่างที่แม่แกเคยทำน่ะแหละ” ปรเมษฐ์พูดรัวเร็ว

นภธรณ์นิ่งงันไปอึดใจ คาดไม่ถึงว่าเป็นคำโกหกของตัวเองที่ทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่ายมาตลอดเหมือนกัน “ผม... จะทำแบบนั้นได้ยังไง”

“จะไปรู้เหรอ ขนาดเมื่อคืนแกยังหนีฉันไปนอนกับคนอื่นได้ง่ายๆ แล้วนับประสาอะไรกับแม่แท้ๆ ล่ะ”

แววตาของคนตรงหน้าทอดมองมาด้วยความเศร้าสร้อย เขารู้ว่าป๊าเป็นคนพูดไม่เก่ง ป๊าถนัดการแสดงออกมากกว่าพูดออกมา และถึงจะเป็นคนตรงๆ แต่บางครั้งคำพูดกับการกระทำก็สวนกันไปคนละทาง เขารู้ในข้อนั้นดี เพราะเขาเองก็เป็นแบบนั้น ปากบอกว่าโกรธ ไม่อยากเจอ แต่ในใจเฝ้ารอให้เดินมาง้อใจจะขาด ดังนั้นตอนนี้เขาคงต้องพูดแล้วสินะไม่ว่ามันจะทำให้ป๊าชอบหรือไม่ชอบก็ตาม เรื่องที่เขาไม่เคยคิดถึงผู้หญิงคนนั้นจนนิดเดียว

“ป๊า ผมมีเรื่องจะสารภาพล่ะ ผมไม่ได้ร้องเพลงเพราะอยากจะตามหาแม่หรอก”

“แล้ว...”

“ไหนเคยคุยนักคุยหนาว่ารู้เรื่องของผมทุกอย่างไง แล้วเรื่องแค่นี้ทำไมป๊าถึงไม่รู้ล่ะ”

ฝ่ามือที่ยันอยู่หน้าอกค่อยเลื่อนขึ้นไปสัมผัสข้างแก้มอีกฝ่ายและจับให้อยู่นิ่งเพื่อสบตาให้ชัดๆ

“ผมร้องเพลง เพราะไม่อยากให้ใครคนหนึ่งร้องไห้ และที่เป็นนักร้องก็เพราะว่าเวลาที่มีใครสักคนเปิดวิทยุ เสียงของผมก็จะดังไปทั่ว คนๆ นั้นก็จะยังได้ยินเสียงของผมตลอดเวลาแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพื่อที่ว่าเขาจะได้ไม่เหงาและไม่ต้องแอบไปร้องไห้คนเดียวอีก”

นภธรณ์ลดมือลงมากำไว้ตรงหน้าก่อนจะค่อยๆ ขยับยกนิ้วก้อยขึ้น “ป๊าจะคิดถึงแม่มากเท่าไหร่ก็ได้ แต่ป๊าให้สัญญากับผมอีกครั้งได้ไหมครับว่าป๊าจะไม่ร้องไห้อีก”

ถามด้วยความหวาดกลัวที่ยังมีเต็มหัวใจว่าเรียกร้องอะไรไม่เข้าท่า ยิ่งเห็นเจ้าของสายตาคมตวัดลงมองโดยไม่พูดอะไรใจยิ่งสั่น

“ดะ... ได้ไหมครับ”

ปรเมษฐ์ก้มหน้าลงเล็กน้อย หากในเสี้ยววินาทีที่ริมฝีปากกำลังจะแตะปลายปลายนิ้วนั้นกลับเคลื่อนไปหยุดตรงริมฝีปาก

เหมือนโดนกระแสไฟฟ้าแรงสูงช็อตทั้งที่ริมฝีปากแตะเพียงแผ่วค่อย หัวใจที่เต้นโหวงเหวงอยู่หลังอกกลับเต้นรัวแรงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งริมฝีปากหยักลึกนั้นผละออกแล้วลากรอยยิ้มขึ้นช้าๆ พร้อมกับกระซิบเสียงนุ่มใจยิ่งสั่น

“สัญญา”

“ป๊า...ผม...”

 “นอฟเราต้องไปแล้ว!”

เสียงตฤณตะโกนพร้อมกับเสียงเคาะประตูทำให้นภธรณ์สะดุ้งเล็กน้อย เขาเหลือบตามองไปที่ประตูก่อนจะหันมามองป๊า

“ไปได้แล้ว”

“แต่เรายังคุยกันไม่จบ...”

“ฉันจะรออยู่ในห้องส่งนี่แหละ ร้องเพลงเสร็จเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกันต่อก็ได้”

นภธรณ์เงยหน้าขึ้นสบสายตาคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มกว้างมาให้ก่อนจะคลายวงแขนออกแล้วจูงมือเขาเดินไปที่ประตู

“มาเร็ว” ตฤณพูดแทบไม่หายใจทันทีเห็นหน้านภธรณ์พร้อมกับคว้ามือแล้ววิ่งกลับไปยังห้องส่งเพื่อให้ทันคิวออกอากาศ

เด็กหนุ่มเหลียวมองกลับหลังไปเป็นระยะ เห็นป๊าเดินตามมาก็ค่อยใจชื้น เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามาถึงห้องส่งตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตฤณยัดไมค์ใส่มือมาให้แล้วเริ่มนับถอยหลังเพื่อให้สัญญาณ

“พร้อมนะนอฟ สาม... สี่... ไป”

แรงผลักที่หลังเบาๆ ส่งเขาให้ผ่านด้านหลังฉากออกมาสู่แสงสว่างของสปอร์ตไลท์ซึ่งสาดมาที่เขา นภธรณ์เหลียวไปมองยังข้างฉากอีกครั้ง และทั้งที่ค่อนข้างมืดจนแทบแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร แต่เขากลับมองเห็นคนที่มองหาในทันที

ปรเมษฐ์ขยับริมฝีปากที่เขาอ่านได้ความว่า ‘ฉันกำลังฟังอยู่’

นภธรณ์พยักหน้า มือกระชับไมค์แน่นขึ้นอีกแล้วยกขึ้นจรดริมฝีปาก

ตอนนี้หูไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว มีเพียงเนื้อเพลงที่ลอยวนอยู่ทั่วทั้งตัวแล้วถูกขับขานผ่านริมฝีปากออกมาเป็นเพลง... เพลงที่ตอนนี้ไม่ไม่ได้อัดแน่นไปด้วยการอ้อน ความอิจฉาหรือแม้เแต่ความหวงแหนเหมือนทุกครั้งที่ร้อง และความรู้สึกนั้นก็เป็นมากกว่าความต้องการจะครอบครอง

ทันทีที่เพลงจบลง เสียงตบมือก็ดังกึกก้องขึ้นพร้อมๆ กับที่คนดูในห้องส่งกว่าครึ่งลุกขึ้นยืน

นภธรณ์ลดไมค์ลงและกวาดตามองไปรอบๆ อย่างตื่นตะลึง เขารู้สึกตัวเบาหวิว เหมือนโบยบินอยู่อากาศเมื่อได้ประกาศให้โลกรู้ในสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจ

แต่ในขณะที่เดินกลับเข้ามา ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป โลกที่สว่างไสวพลันดับมืดลง สองขาหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ เหมือนโดนโซ่เหล็กถ่วง... เป็นโซ่ตรวนที่ชื่อ ‘ความสัมพันธ์’

มันพันธการรัดแน่นขึ้นทุกทีจนเจ็บไปหมด ในที่สุดเมื่อก้าวเท้าพ้นจากแสงไฟ เด็กหนุ่มก็หมดแรงทรุดตัวลงนั่งพร้อมกับยกสองมือขึ้นปิดหน้าเพื่อซ่อนความเจ็บปวดที่กำลังพรั่งพรูไม่ขาดสาย หูแว่วได้ยินเสียงพิธีกรสาธยายถึงธีมเพลงที่เขาเพิ่งร้องออกไปให้ทุกๆ คนฟัง

‘บาป’

คำๆ นี้ดังก้องอยู่ในหัว เขานี่แหละคือคนบาปที่แท้จริง... ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกที่ไหลวนอยู่ในอกคืออะไร... ไม่ว่าจะเป็นความอิจฉา เจ็บปวด หวงแหน ยิ้มกว้างเพียงแค่ได้ยินชื่อ รู้สึกอุ่นในใจทุกครั้งที่เห็นใบหน้านั้นเปื้อนยิ้ม และเจ็บแทบขาดใจเพียงแค่รู้ถึงความเศร้าของใครคนนั้นแม้จะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย

ทั้งที่ไม่ต้องการ แต่เขาก็ทรยศต่อความรักแสนบริสุทธิ์ที่อีกฝ่ายมีให้ไปเสียแล้ว

ผู้จัดการหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาหา “นอฟ เป็นอะไรหรือเปล่า”

นภธรณ์ค่อยลดมือที่ปิดหน้าไว้ลง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งที่ชะเง้อคอมองด้วยความเป็นห่วงอยู่มุมหนึ่ง เด็กหนุ่มคว้าเสื้อคนตรงหน้าแน่น “พี่ตฤน ผมจะทำยังไงดี”

จะปฏิเสธก็ไม่ได้ แต่จะให้ยอมรับในทันทีก็ไม่กล้า เมื่อความรู้สึกที่เพิ่งเข้าใจนั้นมันคือความรัก และคนที่เขาหลงรักคือ ‘พ่อของตัวเอง’

นัยน์ตาจับจ้องไปยังคนที่พยายามจะฝ่าการ์ดของรายการเดินเข้ามาหา แล้วก็ซบหน้าลงกับฝ่ามืออีกครั้งพร้อมกับความคิดที่ว่าเขาควรจบมันเสียตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้ถลำลึกไปมากกว่านี้


 ************************TBC**********************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2017 22:25:47 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 8 P.4 [15/04/60]
«ตอบ #114 เมื่อ15-04-2017 21:52:29 »

 :pig4:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 8 P.4 [15/04/60]
«ตอบ #115 เมื่อ15-04-2017 21:57:12 »

กรี๊ดดดดด  :ling1:  เอาแล้วๆๆๆๆ นอฟชัดแล้ว ยังไงต่อหล่ะทีนี้ หมอโป้ยังไงดี? งือออออ ยากเนอะ  :hao5:

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 8 P.4 [15/04/60]
«ตอบ #116 เมื่อ15-04-2017 22:24:39 »

ไม่น้านอฟฟฟ ไม่ต้องจบบบบบ ไม่เสียใจเหรอ ไม่เศร้าเหรอ แต่เราเศร้าเราเสียใจน้าาาา  :o12:

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 8 P.4 [15/04/60]
«ตอบ #117 เมื่อ15-04-2017 22:27:31 »

โธ่น้องนอฟฟฟฟฟฟ

ออฟไลน์ PHA_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 8 P.4 [15/04/60]
«ตอบ #118 เมื่อ15-04-2017 22:49:04 »

นอฟรู้ตัวแล้วววว คราวนี้ก็รอคุณพ่ิอแล้วล่ะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: #Falsetto เสียงซ่อนหัวใจ# Chapter 8 P.4 [15/04/60]
«ตอบ #119 เมื่อ15-04-2017 22:54:54 »

สองคนนี้หายโกรธกันง่ายมาก

และพาเราเข้าสู่พื้นที่ต้มมาม่าอย่างง่ายดายเช่นกัน

ฮืออออออ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด