ตอนที่27
ภรรยา(เก่า)
คำๆนี้ทำให้ผมรู้สึกอยากจะพาไอ้แก่เดินหนีออกไปจากที่ตรงนี้จริงๆ ผมหันมองไอ้แก่ด้วยความกลัว
กลัวสายตาของมัน
สายตาของไอ้แก่เต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและเกลียดชัง มันมองผู้หญิงตรงหน้านิ่ง ไม่ได้กล่าวทักทายตามที่อีกฝั่งเชิญชวน
“สบายดีไหม”กลายเป็นหญิงสาวตรงหน้าที่เอ่ยทักทายแทน
“ดีกว่าที่คุณคิดแน่นอน”แววตาของไอ้แก่เปลี่ยนไป มันเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
“อ้าวจะไม่แนะนำหนุ่มน้อยคนนั้นหน่อยหรือไง”ผมกลายเป็นจุดสนใจอีกครั้งเมื่อชายแก่ตรงหน้าเอ่ยขึ้น
“ความจริงผมคิดว่าไม่จำเป็น แต่ไหนๆแล้ว ก็ขอแนะนำเลยแล้วกัน นี่น่าน คนรักของผม”ไอ้แก่บอกด้วยสีหน้านิ่งๆ
“5555 ไม่เจอแต่ไม่กี่ปี เปลี่ยนจากหน้า มาเป็นหลังแล้วหรือไง”ชายแก่ระเบิดเสียงหัวเราะดัง จนทำให้ผู้คนในบริเวณนั้นหันมามอง มือของผมเอื้อมไปจับมือของไอ้แก่ทันทีเพราะความหวาดหวั่น เผลอมองไปยังคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียเก่าของมันอย่างควบคุมสายตาไม่ได้
เธอจ้องมองผมกลับ ดวงตาคู่สวย แฝงไปด้วยความไม่พอใจ
ผมเผลอหลบตามองพื้นอัตโนมัติ ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่กล้าสู่หน้าเธอ
“ก็อาจจะใช่อย่างที่คุณลัวว่าแหละครับ ว่าแต่คุณเถอะอายุก็ล่วงเลยมาขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าจะด้านหลังหรือด้านหลัง ยังไหวหรอหรือเปล่าครับ”ไอ้แก่ยิ้มเย็น ทำเอาชายสูงอายุตรงหน้าชักสีหน้าใส่ทันที
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวดีกว่า ไปเถอะ”ไอ้แก่รีบตัดบทสนทนา ก่อนจะโอบหลังของผมดันให้เดินหนีจากคนตรงหน้า
“หึ ไม่น่าเชื่อนะว่าโดนเมียนอกใจจนทำให้ต้องหันไปเอาผู้ชายมาเป็นเมียแทน”ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินไปไหนไกล เสียงพูดเสียดแทงก็ทำให้พวกเราต้องหยุดหันกลับไปมอง หลายคนในงานมองมาที่พวกเราอย่างสนใจ แต่เพราะในงานมีวงดนตรีบรรเลง เลยทำให้เสียงของพวกผมไม่ได้ดังไปจนทั่วงาน
“.....”ผมได้ยินเสียงขบกรามของไอ้แก่อย่างเดือดดาน มันหันกลับ ก่อนที่จะเหยียดยิ้มใส่สองคนตรงหน้า
“ผู้หญิงเลวๆแบบนั้น ไม่ได้มีอิทธิพลต่อรสนิยมของผมขนาดนั้นหรอกครับ”มันเดินกลับไปพูดกับชายสูงอายุคนนั้น
“คนที่อยู่อยู่ทางนั้นต่างหากที่มีอิทธิผลต่อทั้งรสนิยม และหัวใจของผม”มันพูดนิ่งๆ ก่อนจะเบนหน้าไปมองหน้าภรรยาเก่าของตัวเอง “สำหรับผู้หญิงมือสองแบบนี้ ผมไม่เก็บเอามาใส่ใจหรอกครับ”ไอ้แก่ว่าจบก็เดินกลับมายังจุดที่ผมยืนอยู่ที่ห่างออกมาไม่กี่ก้าว
“ไอ้พวกวิปริต”ยังไม่ทันที่ไอ้แก่จะเดินมาถึงตัวผม ชายสูงอายุคนนั้นก็ขบฟันพูดออกมา ถึงจะไม่ได้ดังเท่าระดับเสียงการพูดคุยก่อนหน้านี้ แต่มันก็ดังพอที่จะทำให้ไอ้แก่เดินกลับเข้าไปเผชิญหน้ากับชายคนนั้นอีกครั้ง ผู้คนกลุ่มใหญ่ที่มี ท่านหญิงโจโซเฟียอยู่ด้วยยืนมองไอ้แก่และชายสูงอายุคนนั้น อย่างสงสัย
“จะหยาบคายไปหน่อยนะครับ โลกสมัยนี้เขาไปถึงไหนกันแล้ว แค่ผู้ชายสองคนรักกัน คนที่เจริญแล้วเขายอมรับกันได้หมดแล้ว จะมีก็แต่พวกคนแก่คร่ำครึ ใจแคบเท่านั้นแหละที่ใช้คำพูดต่อว่าเพศที่3แบบนี้ ผมเข้าใจครับ70ปีก่อน ทีวีเองยังเป็นขาวดำอยู่เลย โลกก็คงจะแคบน่าดู “ว่าจบก็ยกยิ้มจนตายี๋ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมไอ้แก่ยิ้มขนาดนี้
ผมควรจะดีใจไหมที่มันยิ้มในสถานการณ์แบบนี้
“ไอ้!”
“คุณลัว ไม่พบกันนานเลยนะ”ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้ ท่านผู้หญิงโจโซเฟียก็เข้ามาขัดไว้ซะก่อน
“สวัสดีครับ ไม่พบกันนานจริงนะครับ ท่าหญิง”ชายสูงอายุคนนั้นหยุดทุกคำพูดก่อนจะหันมาทักทายท่านผู้หญิงกลับ แต่ที่เป็นประเด็นมากที่สุดคงหนีไม่พ้นหลายชายของท่านผู้หญิงที่มีศักดิ์เป็นหม่อมหลวงแบบในบ้านเรา เข้ามาแนะนำตัว
“ยินดีที่ได้พบนะครับ คุณลัว”ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับไอ้แก่เดินเข้ามาจับมือกับผู้ชายที่ชื่อลัว
“นี่สตีฟ หลานชายดิฉันเอง “ท่านผู้หญิงยิ้มแย้มแนะนำ “ส่วนนี่ โทนี่ คนรักของสตีฟ หลานเขยของดิฉัน”เธอกล่าวแนะนำ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ราวกับสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้ไม่ได้จงใจเสียดสีชายตรงหน้าสักนิด
.........................................................
งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างน่าเบื่อ ผู้คนที่ผมไม่รู้จักต่างพยายามเข้ามาทักทาย บางคนมีคำพูดเน็บแนบแฝงมาในคำทักทาย บางคนก็ส่งสายตาไม่ชอบใจให้ตั้งแต่ไกล
ผมเข้าใจแล้วว่าพวกคนรวยๆถึงได้ดูสุดยอดนัก
ทั้งๆที่คนที่พร้อมจะแทงคุณจากข้างหลังรายล้อมตัวคุณอยู่นับสิบ แต่คุณก็ทำได้แค่คอยระวังตัวและยิ้มรับไม่รู้ว่าทนกับความรู้สึกแบบนี้ได้ยังไง
งานเลี้ยงไม่ได้เป็นงานสนุกสนานอย่างที่ควรจะเป็น ในงานมีแต่คนพยายามขายลูกหลาน รวมไปถึงเรื่องธุรกิจ การระดมทุนเพื่อการกุสลดูจะเป็นแค่ป้ายบนเวทีเท่านั้น
ผมไม่ชินกับเรื่องแบบนี้ ผมไม่สามารถรับมือได้นาน หน้าที่เคยพยายามเหยียดยิ้มทำความรู้จักเล่ามหาเศรษฐีในงาน ตอนนี้เรียบตึงจนไอ้แก่สัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าอย่างที่สุดของผม
“ออกไปข้างนอกกัน”ไอ้แก่กระซิบก่อนที่จะประคองผมรีบเร่งเดินออกมาที่ระเบียงขนาดใหญ่
จากตรงนี้แสงไฟภายในงานสาดส่องมาถึงแค่เล็กน้อย มีเพียงเสาโคมไฟเล็กๆเท่านั้นที่ทำให้สวนที่มืดมิดมองเห็นได้บ้าง
“เดี๋ยวกูไปเอาน้ำมาให้”ไอ้แก่ว่า ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในงาน
ชานระเบียงขนาดใหญ่ ไม่มีผู้คนที่ชวนให้อึดอัดดั่งเช่นในงาน ผมสูดลมหายรับออกซิเจนเข้าปอดอย่างผ่อนคาย
“ทำไมไว...”ผมได้ยินเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินมา ผมเลยคิดว่าเป็นไอ้แก่ แต่พอหันกลับไป กลับหญิงสาวในชุดขาวเข้ารูปยืนอยู่ตรงหน้า
แคทเทอรีน เมียเก่าไอ้แก่
“ออกไปจากชีวิตของเขา”เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แววตาของเธอบ่งบอกว่าสิ่งที่เธอกำลังพูดอยู่ตอนนี้ เป็นเรื่องที่ต้องการให้ผมทำจริง
“แล้วทำไมต้องทำตามที่คุณต้องการ”ผมหันไปตอบ พยายามทำตัวเองให้เหนือกว่าผู้หญิงตรงหน้า ถึงแม้ภายในใจจะรู้สึกระวนกระวายแค่ไหน แต่ผมก็ไม่อยากแสดงความรู้สึกนี้ออกไป
ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งไอ้แก่หลงรัก ผู้หญิงที่เป็นแม่ของลูกๆที่รักของมัน
เมียเก่า แต่ถึงจะรู้อยู่เต็มอก แต่ใจก็อดคิดเรื่องระหว่างเธอกับไอ้แก่ไม่ได้ มันก็เหมือนเวลาที่แฟนของคุณมาเจอแฟนเก่า มันไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด ผมทั้งกังวลทั้งกลัว กลัวใจของไอ้แก่ กลัวมันจะยังมีเยื้อใยให้กับคนตรงหน้า ถึงวันนี้จะถูกแนะนำว่าเป็นคนรัก แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนกับผมถูกยกเอามาประชดผู้หญิงตรงหน้านี้เลย
หวังว่าเจตนาของมันจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด
“ฉันมาเตือนเธอด้วยความหวังดี อีกไม่นานฉันจะเป็นอิสระ และฉันจะกลับมาหาเขา และระหว่างผู้หญิงที่เขาหลงรักมานับ10ปีพ่วงด้วยตำแหน่งแม่ของลูก กับผู้ชายที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า คงคิดออกนะ ว่าผลมันจะเป็นยังไง”เธอยกแขนเรียวขึ้นกอดอกด้วยท่าทางที่ไม่ต่างกับนางพญา มองมาที่ผมด้วยความท้าทายอย่างคนที่เหนือกว่า
ผมไม่สามารถเก็บอาการที่สั่นสะท้านนี้ไว้ได้ หลบตามองต่ำลงพื้นอย่างหาจุดยืนของตัวเอง รู้สึกเหมือนผมไม่มีสิทธิมาที่นี่
“ทำไมคุณถึงทิ้งมันไป คุณคิดว่ามันจะกลับมารักผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยทำมันเสียใจหรือไง”ผมตอบกลับ พยายามตั้งสติ กว่าผมกับมันจะมาอยู่ในจุดนี้ จุดที่ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ดำเนินไปด้วยดี จู่ๆจะให้คนในอดีตของมัน มาแย่งไปง่ายๆได้ยังไง
“ฉันมีเหตุผล เหตุผลที่จะทำให้เขาเข้าใจ และยอมให้อภัยในสิ่งที่ฉันทำ”แวบหนึ่งผมเห็นความเจ็บปวดจากคำถามของผมในดวงตาเรียวตรงหน้า
“น่าน”ก่อนที่ผมจะถูกต้อนจนมุมไปมากกว่านี้ ไอ้แก่ก็เดินกลับมา ในมือของมันมีแก้ทรงสูงที่บรรจุน้ำส้มสีสวยกับอีกแก้วที่มีแชมแปนใส่อยู่
“......”เราทั้งคู่หันไปมองไอ้แก่ที่ก้าวขายาวๆเดินเข้ามา
“มีอะไรหรือเปล่า”ไอ้แก่ไม่ได้สนใจผู้หญิงที่เป็นอดีตคนรักเก่า แต่มันเลือกที่จะหันมาถามผม ผมรอบมองสีหน้าเยือกเย็นของผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ
"ไม่มีอะไร ไปเถอะ กูเริ่มร้อนแล้ว”ผมบอก ก่อนจะเดินออกมาโดยมีไอ้แก่เดินตามมาติดๆ
............................
ในระหว่างทางกลับหลังงานเลี้ยงเลิก ผมกับไอ้แก่ก็ตรงกลับบ้านทันที ตลอดทางผมเอาแต่เงียบ คิดแต่เรื่องที่เมียเก่าไอ้แก่มันพูด
คำพูดของเธอมันวนเวียนอยู่ในหัวของผมตลอดเวลาจนไม่เป็นอันทำอะไร ในใจก็เอาแต่คิดว่าถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอพูด ผมจะทำยังไงดี พอนึกขึ้นได้แบบนี้ก็พาลเอานอยไอ้แก่มันไปด้วย
“มีอะไรหรือเปล่าไอ้แก่ถาม แต่ผมเลือกที่จะทำทูทวนลม แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินที่มันพูด
พอมาถึงบ้านผมก็เปิดประตูรีบลงรถทันที เดินเร็วๆขึ้นชั้นสองไม่หันกลับไปมองไอ้แก่ด้วยซ้ำ ตอนนี้ผมรู้สึกแย่สุดๆ ทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ และทั้งกลัว ความรู้สึกไม่ดีทุกอย่างเหมือนมาปนเปกันจนอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ
ในใจก็ภาวนาว่าเรื่องมันจะต้องไม่เป็นไปตามที่ผู้หญิงคนนั้นต้องการ
ผมเข้ามาแช่น้ำในอ่างอาบน้ำ อยากจะผ่อนคลายและหยุดคิดเรื่องพวกนี้สักพัก แต่มันก็ไม่เป็นผล ยิ่งผมอยู่คนเดียวในห้องน้ำ หัวผมก็เอาแต่นึกภาพไอ้แก่กับเมียเก่าของมันพลอดรักกัน ยิ่งอยากจะหนีจากเรื่องนี้ผมก็ยิ่งเอาแต่คิดถึงมัน
จนกระทั่งไอ้แก่ที่ตอนนี้สวมเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันอยู่ที่เอวเดินเข้ามาในห้องน้ำ พอเห็นมันผมก็เลยจะลุกออกจากอ่าง ตอนนี้แค่เห็นหน้ามันผมก็ยิ่งเอาแต่คิดว่าก่อนหน้านี้มันรักเธอคนนั้นขนาดไหน ผมไม่อยากรู้ ว่ามันเคยรักคนอื่นมากมายเท่าไหร่ ไม่อยากรู้...
“นั่งลง”น้ำเสียงทุ่มต่ำเอ่ยสั่งพร้อมกับมือที่กดไหล่ผมให้นั่งที่อ่างตามเดิม
มันก้าวลงมาในอ่าง จับตัวผมให้หมุนหันหลังให้มัน ก่อนจะเอาผ้าขนหนูที่เปียกชุมน้ำสบู่มาขัดหลังให้เบาๆ ผมนั่งนิ่งปล่อยให้มันทำ
“เขาพูดอะไรหรือเปล่า”ไอ้แก่ถาม มือของมันยังคงขัดหลังผมไปมาเบาๆ
“..........”ผมเงียบ ก้มหน้าซบลงที่หัวเข่าตัวเอง ด้วยความกังวล ไม่ชอบเลยที่มันพูดถึงเมียเก่ามันไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
“พูดมา”ตัวผมถูกจับหมุนให้มาเผชิญหน้ามันอีกครั้ง มันจ้องตาผมก่อนจะพูดขอแก้มบังคับ
“กูงี่เง่าเองแหละ ไม่มีอะไรหรอก”ผมตอบมัน ก่อนจะจับมันหันหลังเพื่อถูหลังให้มันบ้าง
“เมื่อ4ปีก่อน กูยังไม่มีอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็น บ้าน รถ หรือเงิน”จู่ๆไอ้แก่ก็เริ่มเล่าเรื่องของมันในอดีต
“.........”ผมเงียบฟัง มือก็ขัดหลังเบาๆให้มันไปด้วย
“กูกับเขารักกันตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมปลายเราสองคนคบหากัน แต่ไม่มีใครยอมรับ เพราะที่บ้านของพวกเราต่างกัน ถ้าจะพูดก็คือ ที่บ้านของกูไม่ชอบเธอตั้งแต่ตอนที่กูกับเขาเริ่มคบกันแล้ว แต่กูก็ยังดึงดันที่จะคบกับเขา กูถูกไล่ออกจากบ้าน แต่ตอนนั้นกูก็ไม่คิดเสียใจอะไร ก็อย่างที่รู้ว่าตระกูลกูค่อนข้างมีเงิน กูเลยมีเงินเก็บจากการที่เขาโอนให้เยอะมาก เยอะจนกูเผลอคิดไปว่าแค่นี้ก็พอสำหรับใช้ชีวิตสำหรับกูกับเขาแล้ว แต่ว่ามันไม่ใช่ ยิ่งเราโตเรายิ่งได้รู้ค่าของเงิน เงินที่กูมีเริ่มหายไปกับการใช้ชีวิต ทั้งกูและเขาเราไม่ยอมทำงาน เพราะกลัวที่จะโดนดูถูก เงินที่มีก็เริ่มน้อยลงไปทุกทีจนกระทั่ง เขาท้อง นั้นยิ่งเป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้เงิน กูตัดสินใจทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อเขาและลูกๆ กูทำงานแทบจะ24ชั่วโมง หลายครั้งที่กูไม่กลับมาบ้าน จนวันที่เขาคลอดลูก เราตกใจมากที่เป็นลูกแฝด เราไม่เคยไปอันตราซาวเพราะ รพ.ที่จีนค่าตรวจแพงมากกูเลยไม่เคยรู้ เงินที่หามาอาจจะพอเลี้ยงคนสองคนได้ในระยะหนึ่ง อย่างน้อยๆก็รอได้จนกว่าลูกกูจะ1ขวบ แต่ไม่มันไม่พอสำหรับ3คน เงินที่กูหามาหมดภายใน3เดือน ลูกแฝดสองคนกินจุมาก และพวกเขาก็ร่างกายอ่อนแอ เราต้องไป รพ.แทบทุกอาทิตย์ กูเริ่มมีหนี้ ตอนนั้นเขาบอกให้กูกลับไปขอเงินที่บ้าน แต่กูไม่ยอม เราทะเลาะกัน กูเลยตัดสินใจออกไปทำงาน ต่างเมืองโดยไม่กลับบ้านเป็นเดือนๆ ทิ้งลูกแฝดวัย4เดือนให้เขาดูแลคนเดียว โดยที่กูโอนเงินน้อยนิดที่กูหาได้ให้เขาทุกอาทิตย์ จนวันที่งานหมด กูเริ่มคิดถึงเขาและลูกๆก็เลยซื้อดอกไม้และขนมราคาแพงที่เขาเคยชอบกลับมาเป็นของฝาก กูกลับมาบ้านโดยไม่ได้บอกอะไรเขาล่วงหน้า กูเลยได้เห็น ว่าผู้หญิงที่กูรักกำลังมีอะไรกันกับผู้ชายที่อายุคราวพ่อ มีอะไรกันที่โซฟาโดยที่ลูกแฝดของเรานอนอยู่บนเบาะที่พื้น “
น้ำเสียงของไอ้แก่ค่อยๆเปลี่ยนไปจากที่ราบเรียบเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดจันผมสัมผัสได้ ผมชันเข่าขึ้นกอดมันจากด้านหลัง ผมไม่เคยรู้มาก่อน ว่าชีวิตมันต้องเจอเธอเลวร้ายขนาดนี้
“ไม่ต้องเล่าแล้ว”ผมกระซิบที่ข้างหู กดริมฝีปากลงที่ข้างขมับ
TBC.
การบ้านเยอะมากกกกกกกกกกกกก
ปล.ช่างอิ่นอายุ33 นะครัช นางถูกไล่ออกจากบ้านตอนอายุ24เพิ่งจบมหาลัยใหม่ๆ เพราะบ้านรวยเลยไม่เคยทำงานทำการ หนีไปอยู่กับเมียตั้งแต่24-27-28 โดยประมาณ เดี๋ยวทุกคนจะงง คำอธิบายไม่มีในเล่มนะครัช5555
ปล2.ก็ต้องเห็นใจเมีย(เก่า)อีแก่ ผู้ชายอายุ27-28แต่ชีวิตยังไม่มีอะไรลูกมีสองคนยังเลี้ยงได้ไม่ดีพอ (เเสดงความเสียใจกับนางด้วยครัช)