ร้าย...จนรัก chapter 12
ผมเดินออกมาจากห้องนอน(?)กำลังจะเดินไปที่ประตูแต่เลขาคนเดิมก็ยกน้ำผลไม้กับจานขนมเล็กๆเข้ามาพอดี เธอเดินเอาน้ำกับขนมไปวางที่โต๊ะกระจกเล็กๆหน้าโซฟา
“เอ่อ ไม่ทราบว่ามีกล่องปฐมพยาบาลไหมครับ”ผมถามอย่างประหม่า เธอสวยจริงๆครับยิ่งอยู่ใกล้แบบนี้ยิ่งสวย หน้าเนียนมากตาก็โตจมูกโด่งเชิดริมฝีปากอวบอิ่ม สวยขนาดนี้เป็นดาราได้สบายเลย
“คะ?”เธอมองผมอย่างสงสัย
“ไอ้แก่ เฮ้ย คุณหวังเขาให้มาขอครับ”ผมบอก เธอเลยยิ้มแล้วบอกเดี๋ยวเอาเข้ามาให้ ไม่นานนักเธอก็กลับมาพร้อมกล่องประถมพยาบาลสีขาว ผมกล่าวขอบคุณเธอและหยิบแก้วน้ำผลไม้เดินถือไปดูดไปเข้ามาหาไอ้แก่ในห้องนอน
พอเข้ามาก็ไม่เจอมัน แต่ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำเลยเอาไปวางไว้ที่เตียง ถือโอกาสมองสำรวจห้องนี่ไปด้วย
เอ๋ หรือนี่จะเป็นห้องที่มันอยู่ประจำ เพราะคอมโดที่ผมอยู่มันไม่มีข้าวของของมันเท่าไหร่ แต่ที่นี่ดูเหมือนจะมีของใช้ของมันครบเลย งั้น รูปของผมคงต้องซ่อนอยู่ที่ไหนสักที่ในนี้แน่เลย
คิดได้แบบนั้นตาก็สอดส่องไปเจอแมคบุ๊คเครื่องเล็กวางอยู่ที่โต๊ะข้างหัวเตียง หันไปมองทางห้องน้ำอย่างหวาดระแวงกลัวมันจะเดินออกมา แต่ไอ้แก่เป็นพวกอาบน้ำนานน่าจะพอมีเวลาให้ผมได้ค้นหาอะไรมากพอควร
เลยแอบๆนั่งที่พื้นข้างเตียงแล้วฉกแมคบุ๊คของมันมานี่น่าจะเป็นเครื่องส่วนตัวของมันถ้ามันจะเก็บไฟล์รูปมันต้องเก็บในนี้แน่นอน
แต่พอเปิดเครื่องก็เจอเข้ากับรหัสผ่าน8ตัว ทำเอาผมไปไม่ถูกเลย แถมยังป้อนได้แค่4ครั้งด้วย ลองใส่ชื่อมันลงไป แต่ก็ไม่ได้ ป้อนวันเกิดแบบแบบเต็มไปก็ไม่ถูก เหลืออีก2ครั้ง ผมมองหาของรอบๆห้องเพื่อหาเบาะแส ตาก็ไปสะดุดกับชื่อภาพวาดที่แขวนผนังนับดูก็เห็นครบ8ตัวพอดีเลยพิมพ์ลงไป ก็ไม่มีอะไรที่คิดออกแล้วนี่ แต่ก็ไม่ใช่อีก เหลืออีกครั้งเดียวก่อนที่เครื่องจะล็อกผมมองดูรอบๆห้องอย่างคิดหนัก
อะไรกัน รหัสของมันน่าจะเป็นอะไร
“01031996”ฟังดูเหมือนวันเกิดผมเลยแปลกจัง
“เข้าได้แล้ว ขอบใจ เฮ้ย!”ผมแทบจะปาแมคบุ๊คทิ้งเลย เมื่อตั้งใจจะหันไปขอบคุณบุคคลปริศนาแต่ก็เจอเข้ากับไอ้แก่ที่นั่งอยู่บนเตียง มองมาที่ผมอย่างไม่ชอบใจ
“.............”ผมรีบโยนแมคบุ๊คไปที่พื้นพรมเลย
“อะไร กูแค่จะเล่นเกม”ผมหันไปบอกมัน ก่อนจะรีบลุกขึ้นเก็บแมคบุ๊คมาวางไว้ที่เดิม
“อยากได้ไฟล์ภาพหรอ”มันถามก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงานขนาดไม่ใหญ่นักในห้อง เปิดลิ้นชักข้างโต๊ะ แล้วหยิบแฟลชไดร์ฟขึ้นเดินกลับมาหาผมที่ยืนตัวชาอยู่ข้างๆเตียง ตอนนี้ไม่ต่างจากเด็กที่ถูกจับได้ว่าขโมยของในร้านขนม
“ในนั้นไม่มีหรอก มันอยู่ในนี้ “มันเดินเข้ามาแทบจะชิดตัวผมท่อนบนเปลือยเปล่าท่อนล่างมีแค่ผ้าเช็ดตัวสีขาวผันไว้อย่างหมิ่นเม ที่ข้างเอวของมันมีรอยแผลที่ยังไม่สมานเป็นทางยาวจนดูน่ากลัว ถึงเลือดจะหยุดไหลแต่มันก็ยังดูน่ากลัวอยู่ดี
“เอาไปซิ อยากได้ไอ้นี่ไม่ใช่หรอ”มันยื่นแฟลชไดร์ฟสีดำมาตรงหน้าผม
“....”ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่กล้ายื่นมือไปรับมา
“เอาไปซิ ถือว่าเป็นของขวัญ”มันจับมือผมแล้วเอาแฟลชไดร์ฟยัดใส่มือผม
“ทำไม”ผมไม่ไว้ใจ เพราะนี่เป็นของอย่างเดียวที่ใช้ข่มขู่ผมได้ มันดูไม่ทุกข์ไม่ร้อน หยิบผ้าขนหนูที่คล้องคอมาเช็ดผม ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันแปลก! ถ้าเป็นปกติมันคงขึงผมไว้ที่เตียงแล้วปูยี่ปูย่ำทั้งวันทั้งคืนแน่ แต่นี่ดูมันไม่สะทกสะท้านอะไร
“มันไม่จำเป็นแล้ว เพราะถึงไม่ต้องใช้มัน มึงก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่ดี”มันโน้นตัวเข้ามากระซิบที่ข้างหู ก่อนจะถอยออกมาแล้วยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก
“กูไม่เอา”ผมบอก มันยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่ มันผิดปกติเกินไปจนไว้ใจไม่ได้ ผมเอาแฟลชไดร์ฟไปยัดใส่มือมันคืน ผมว่ามันจะต้องมีก๊อปปี้ไว้อีกเพรียบแน่นอนถึงผมเอาไปมันก็มีอีกอันอยู่ดีแล้วจะมีประโยชน์อะไร
“หึ”มันยิ้มเยาะ แล้วโยนแฟลชไดร์ฟ ไปที่โต๊ะทำงานเมื่อกี้
ผมเลยได้แต่เดินหัวเสียไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดูดต่อ หวังให้น้ำผลไม้เย็นๆเบาเทาความแค้น ไม่ให้ผมลุกขึ้นไปบีบคอมันให้ตาย
“จะทำไหมแผลอ่ะ หรือจะปล่อยให้เน่าตาย”ไม่ได้พาลครับ แค่หงุดหงิดที่มันเดินทำหน้าอารมณ์ดีผ่านไปผ่านมา
มันใส่กางเกงกีฬายี่ห้อดัง แล้วเดินมานั่งลงที่เตียงที่ผมนั่งรออยู่
ผมเลยเริ่มลงมือทำแผลให้มันอีกครั้ง
“น่าจะไปให้หมอเย็บ แบบนี้ทั้งเดือนก็ไม่หายหรอก”ผมบอกขนาดที่กำลังเอาแอลกอฮอล์ล้างแผลให้มัน เงยหน้าขึ้นมองหน้ามันเพื่อรอคำตอบ แต่กลับเห็นรอบยิ้มที่ดูยังไงก็เหมือนสะใจอะไรบ้างอยู่ ชวนให้หงุดหงิดจริงๆ เลยแกล้งเช็ดแผลแรงๆ
“โอ๊ย”มันร้องออกมา พร้อมทำหน้าไม่พอใจ นั้นแหละที่ผมต้องการ ทำแผลให้มันจนเสร็จผมก็เอาอุปกรณ์ไปเก็บที่โต๊ะหัวเตียงคงต้องใช้อีกบ่อยๆ วางไว้ใกล้มือนี่แหละ
ไอ้แก่พอทำแผลเสร็จมันก็ออกจากห้องไปทำงานที่ห้องทำงานของมัน ส่วนผมไม่มีอะไรทำอยู่แล้วเลยเอาแมคบุ๊กมันมานอนเล่น เกม เล่นไปเล่นมาก็หลับทั้งๆแบบนั้น
“อืม”แอร์เย็นฉ่ำทำให้รู้สึกหนาวแม้จะอยู่ภายใต้ผ้านวมพื้นใหญ่ แขนของใครบ้างคนกำลังเกี่ยวรั้งเข้าที่เอวดึงตัวให้แนบชิดกับไออุ่นจากด้านหลัง มันอุ่นจนเผลอขยับตัวเข้าไปหา รู้สึกอบอุ่นเหมือนกำลังนอนอนอยู่ในอ้อมกอดใครสักคน สติที่มีเพียงน้องนิดดับลง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงแห่งนิทราแสนสบาย
ตื่นขึ้นมาเพราะความหิวรู้สึกหนักที่เอวหันไปก็เจอไอ้แก่กำลังนอนรัดผมอยู่ ผมเลยค่อยๆแกะแขนมันออก ไม่อยากให้มันตื่น ไม่ใช่เพราะอยากให้มันพักผ่อนหรืออะไรนะ แต่แค่เวลามาตื่นมันน่ารำคราญกว่าตอนที่มันหลับ เลยให้แม่งนอนไปดีกว่า
“จะไปไหน”ผมกำลังจะลงจากเตียง จู่ๆผมก็ถูกดึงให้ลงไปนอนตามเดิม แถมไอ้คนที่มันควรจะนอนหลับ กลับมาคร่อมผมอยู่ แขนทั้งสองข้างถูกตึงไว้ด้วยมือของคนอายุมากกว่าเพื่อกันไม่ให้ผมขัดขืน
“เข้าห้องน้ำ”ผมตอบ จ้องมองมันด้วยความไม่พอใจ จริงๆผมไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำหรอกครับ แต่ผมแค่หิว เลยกะจะไปหาอะไรกินข้างนอก จำได้ว่าตอนขึ้นรถมาเห็นร้านส้มตำอยู่ใกล้บริษัทมัน จู่ๆก็นึกอยากกินขึ้นมาซะอย่างนั้น
“......”มันจ้องผมเหมือนกำลังจับผิด
“ปล่อย ซิว่ะ”ผมพยายามดิ้น เพื่อให้มันปล่อย แต่เหมือนจะเปล่าประโยชน์ นอกจากมันจะไม่ปล่อยแล้วไอ้แก่ยังโน้มตัวลงมาขบกัดที่ซอกคอของผมจนเจ็บไปหมด รอยที่ครั้งที่แล้วเพิ่งหายไป มันก็สร้างมันขึ้นอีกครั้ง
“หึ”มันยิ้มเยาะก่อนจะปล่อยให้ผมเป็นอิสระ พอมันปล่อยผมก็รีบกลิ้งตัวลงจากเตียงทันที อยู่บนเตียงกับมันเป็นอะไรที่อันตรายสุดแล้วในชีวิตผม ถึงหลังๆมามันจะไม่เลวร้ายเท่าก่อนหน้านี้ก็เถอะ แต่เรื่องที่มันเคยทำอะไรกับผมไว้นั้นผมไม่ลืมหรอก!
“ครั้งนี้จะยอม ยกโทษให้ อย่าขัดคำสั่งกูอีก”ไอ้แก่นั่งอยู่บนเตียงพูดด้วยน้ำเรียบๆเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
“กูทำอะไร”ผมยืนกอดอก จ้องมันอย่างสงสัย นี่ผมอุตส่าห์มีเมตตาทำแผลให้มันตั้งสองครั้ง นอกจากจะไม่ขอบคุณแล้วยังจะมาวางมาดใส่อีก รู้แบบนี้ปล่อยให้แผลมันเน่าตายไปซะก็ดี
“ไปเก็บข้าวของที่หอซะ แล้วก็ทำเรื่องย้ายออกดัวย”มันบอกลงจากเตียงเดินไปหยิบมือถือขึ้นมากดๆ
“ไม่ กูจะอยู่หอกู”ผมบอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“อย่าต้องให้ลงมือ หอโทรมๆแบบนั้นกูไม่อยากไปเหยียบบ่อยๆหรอกนะ”มันเงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากดมือถือต่อ
“ใครใช้ให้ไป”ผมบอกอย่างไม่สบอารมณ์ ไอ้แก่เงยหน้ามามองผมตาขวาง ผมก็ไม่ได้ใช้ให้มันไปนี่ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา
“อย่างให้พูดหลายรอบ จะไปย้ายดีๆหรือว่าต้องให้ทุบมันทิ้งเลือกเอา”มันเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง จ้องหน้าผมอย่างเริ่มหมดความอดทน
“เอ่อ ไห้เหี้ย!”ผมต้องจำยอมทำตามที่มันสั่งเพราะไม่ต้องการให้คนอื่นเดือดร้อน ผมรู้ว่าถ้ามันจะทุบทิ้งจริง มันก็คงทำได้ไม่อยาก คนที่มีเงินมากมายขนาดนี้ ไม่ว่าอะไรแค่ขยับนิ้วนิดเดียวก็ทำได้ทุกอย่างนั้นแหละ
ผมเดินกระแทกเท้าเข้าห้องน้ำอย่างไม่พอใจ ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องย้ายออกจากหอหรอกครับ ถ้าให้เลือกระหว่างคอนโดหรูๆกับหอพักโทรมๆใครๆก็เลือกคอนโดหรูอยู่แล้ว แต่ที่ผมหงุดหงิดคือ ท่าทีของมันที่ทำเหมือนผมผิดทุกอย่าง ทั้งๆที่ความจริงก็เป็นเพราะมันหายหัวไปนั้นแหละ แถมยังไม่บอกเหี้ยอะไรเลยอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ขอให้แม่งแผลติดเชื้อตายๆไปเลย
ช่างอิ่นpart
ผมได้แต่ส่ายหัวมองตามแผ่นหลังของคนเอาแต่ใจ ที่เดินกระแทกเท้าไม่พอใจเข้าห้องน้ำไป นี่ผมไม่จับมันมาขึงบนเตียงสั่งสอนให้หราบจำก็ดีแค่ไหนแล้ว ที่กล้าหอบข้าวหอบของหนี้ผมกลับไปอยู่หอพักโทรมๆนั้น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพราะปัญหาโรงงานที่ชลบุรีมันเริ่มใหญ่จนควบคุมไม่ได้ ทำให้ผมต้องรีบลงไปจัดการด้วยตัวเอง โรงงานของผมโดนรอบวางเผลิง โชคดีที่มีพนักงานกลับไปเอาของที่ลืมไว้เลยเห็นและดับไฟได้ก่อนที่จะไหม้ลุกลามไปกันใหญ่ เสียหายไม่มาก แต่ถ้าครั้งแรกไม่สำเร็จมันก็ต้องมีครั้งที่สอง ผมลงไปตรวจดูทุกอย่างที่โรงงานด้วยตัวเอง เพราะเรื่องทั้งหมดคาดว่าน่าจะเกิดจากฝีมือคนใน เพราะไม่ว่าจะเป็นเวลาเข้ากะของ รปภ.หรือจุดที่ไม่มีคนเดินผ่าน มันรู้ทุกอย่างอย่างดี เลยทำให้จับไม่ได้สักครั้ง ทั้งๆที่ผมเพิ่มคนให้เดินตรวจสอบถึง3เท่าจากปกติ ถ้าไม่ใช่ฝีมือคนในก็ต้องมีหนอนบ่อนไส้แน่นอน ซึ่งผมส่งคนไปดูหลายครั้ง แต่ก็จับพิรุธอะไรใครไม่ได้เลย ทำให้ผมต้องลงมาดูด้วยตัวเอง
ปกติ การสั่งซื้อวัสดุหรือการควบคุมการผลิตต่างๆ ผมจะให้คนจาก ที่สำนักงานใหญ่เข้าไปจัดการ อาทิตย์ล่ะ3วัน เรื่องการเงินหรืออะไรที่สามารถยักยอกได้แทบจะไม่มี ของทุกอย่างจะถูกควบคุมโดยลูกน้องมือดีที่ผมคัดมากับมือ ไว้ใจได้และพวกนี้จะไม่ทำงานผิดพลาด แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่อง ผมเลยจำเป็นต้องเดินทางไปด้วยตัวเอง นั่งดูกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆเองตลอด3วันก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุวางเพลิง จนสุดท้ายก็ได้คนหน้าสงสัย4คน ผมต้องค่อยจับตาดูคนพวกนั้นเวลาที่มาทำงานที่โรงงานผ่านกล้องวงจรปิด ผ่านไป2วันมันก็เริ่มโผล่หาง
ผมเห็นพนักงานโรงงานสองใน4เดินไปที่โรงบำบัดน้ำ ซึ่งเป็นที่ที่ไม่มีคนผ่านไปนัก และผมก็สั่งให้ติดกล้องตามพื้นที่ที่คนผ่านน้อยๆไว้หมดแล้ว เห็นพวกนั้นเดินไปที่บ่อบำบัด ไม่นานก็มีผู้ชาย3คนเดินมาหามัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ศิวัตร ลูกชายอดีตเจ้าของบริษัทที่ผมจัดการเทคโอเวอร์มา และเป็นคนที่เคยควบคุมที่โรงงานนี้ด้วย
พวกนั้นยืนคุยกัน แต่ผมไม่สามารถได้ยินเสียงได้ เพราะเครื่องบำบัดน้ำดังมาก เห็นศิวัตรยื่นซองสีน้ำตาลที่ผมคาดว่าคงจะเป็นเงินค่าจ้างที่มาป่วนโรงงานนี้ แต่ดูเหมือนว่าเพราะวางเพลิงไม่สำเร็จเงินที่สองคนนั้นได้เลยไม่เท่าที่ตกลงเห็นทำท่าทางเหมือนมีปากเสียงกัน พอสองคนนั้นพยายามจะเข้าไปทำร้าย ศิวัตร ลูกน้องของศิวัตรที่ตามมาด้วยก็ยกปืนจ่อไปที่หัวทั้งสองคนนั้น สุดท้ายสองคนนั้นก็ยอมถอยออกมาสามสี่ก้าว คุยกันอีกไม่นานก็แยกย้ายกัน พวกนั้นเดินกลับเข้ามาทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ให้ผมจัดการเลยไหมครับ”เสือเป็นลูกน้องคนสนิทของผมอีกคนถามขึ้น เสือเป็นพวกเลือดร้อน ชอบใช้กำลังฝีมือก็ดีเลยมักจะเป็นผ่ายดูแลงานสกปรกต่างๆที่ผมสั่งให้ทำ ซึ่งแตกต่างกับภาค ที่ใจเย็นและรอบครอบถึงฝีมือการต่อสู้จะสู่สีกัน แต่ภาคมักจะรับคำสั่งที่ละเอียดอ่อนไปทำ ความแตกต่างของทั้งสองคน ที่ความลงตัวที่หายได้ยาก และเป็นสิ่งที่ผมจำเป็นต้องมี
“รอก่อน ไม่นานมันต้องลงมือแน่ จับให้ได้คามือ มันจะได้ดิ้นหนีไปไหนไม่ได้”ผมบอกเอนหลังไปกับเก้าอี้ราคาแพงอย่างใช้ความคิด
“ไปบอกทุกคนว่าฉันจะกลับกรุงเทพ เตรียมรถให้พร้อมด้วย”ผมสั่ง ภาคเดินอกไปจากห้องทันทีที่ผมพูดจบ
“จะกลับทำไมครับนาย ไหนบอกว่า..”เสือถามอย่างไม่เข้าใจ ทำหน้าเหมือนไม่ชอบการตัดสินใจของผม
“ใครว่าจะกลับจริง เตรียมตัวไว้ เรียกคนมาเพิ่มสักสองสามคนด้วย”ผมบอก จุดประสงค์ที่แท้จริง
“แค่ผมก็เอาอยู่ครับนาย”เรื่องที่เสือพูดผมรู้ว่าทำได้จริง แต่ ผมต้องการคนเพิ่มเพื่อทำอย่างอื่นต่างหาก
“ฉันสั่งก็ทำ อย่าวู่วามนัก ไปเตรียมตัว คืนนี้มันลงมือแน่”ผมหมุนเก้าอี้นวมตัวใหญ่หันหน้าไปทางหน้าต่างกระจกบานใหญ่แสดงให้เห็นท้องฟ้าเริ่มมือครึ้ม ชั่งเข้ากับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นานจริงๆ
TBC.
มาดึกเลยวันนี้
ครั้งที่เเล้วง่วงๆเลยตัดจบแบบดื้อไปหน่อยขออภัย
ถึงจะเป็นเสี่ยช่างก็ยังต้องทำงานด้วยตัวเองนะครัช ทำงานเลี้ยงเมีย
น้องน่านไม่เข้าใจเลยอ่ะใครหน้าเห็นใจมากกว่ากันแน่
ปล.ถ้าชอบอย่าลืมกดถูกใจให้ด้วยนะครัช