ขอบคุณทุกๆท่านค่ะ เรื่องนี้พี่เคทเขียนจบแล้ว และมีตอนพิเศษด้วย อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณน้องมิ้นมากๆนะคะ ที่อาสามาลงให้นะคะ
+1 ให้พี่เคทคนเก่ง รออ่านอยู่นะคะ
แล้วเรื่องดอกรักสีม่วง พี่เคทคงไม่หมายความว่าปีใหม่คือปี 53 นะคะ ...
พี่เคทบอกมาว่าจะลงต่อให้หลังจากจบเรื่องนี้ค่ะ
บทที่ 54
-----------------------
“เคลวินอยากกลับแล้วหรือครับ”
ถามเขาอย่างสงสัย เพราะผมยังเห็นเขาสนุกอยู่เลย พนักงานก็พากันดีอกดีใจกับความไม่ถือเนื้อถือตัวของเขา อยากให้เขาร่วมสนุกด้วย ผมไม่อยากให้ความกังวลใจที่เขามีต่อผม ทำให้เขาละเลยต่อพนักงานคนอื่นๆ
“ก็...ผมเห็นเคนดูเหงาๆ เหมือนว่างานมันไม่สนุก แล้วผมก็ไม่อยากให้เคนไปมีเรื่องมีราวกับใครด้วยครับ....”
เขาบอกเหตุผลให้ฟัง ผมรู้สึกตื้นตันในหัวอก เคลวินห่วงผมมากจริงๆ คงเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมแล้วไม่สบายใจ ด้วยนิสัยของเขา ไม่ชอบให้อะไรมันค้างคา
เขาคงอยากจะจัดการกับคนพวกนั้นให้เด็ดขาด แต่ผมขอร้องไม่ให้เคลวินยุ่งเรื่องนี้ เขาก็เลยอึดอัดใจและกังวล ทางเดียวที่เขาจะช่วยผมได้ ก็คือดึงผมออกห่างจากเหตุการณ์ที่น่าจะเป็นอันตราย
“อย่าห่วงเลยครับ คงไม่มีอะไรหรอก เขาไม่กล้าทำอะไรผมในงานนี้อย่างแน่นอน ขืนทำเกิดถูกไล่ออกมาจะว่าไง”
ให้ความมั่นใจกับเคลวินอีกครั้ง แต่เหมือนเขาจะยังกังวลอยู่ไม่เลิก
“เคลวินอย่าคิดมากสิครับ แล้วก็อย่าส่งสายตากับทำหน้าอ้อนๆแบบนี้กับผมในที่ที่มีคนอยู่เยอะๆแบบนี้สิครับ เดี๋ยวคนเห็นจะทำไง ทำหน้าดุๆเคร่งขรึมแบบเดิมดีแล้วนะ คนจะได้ไม่เอาไปพูดกัน”
เตือนให้เขารู้ตัวว่าเขากำลังหลุดบทบาทของภรรยาออกมาให้เห็นทุกที หากเขาไม่ควบคุมตัวเอง มีหวังความแตก
“เคนกลัวเหรอ”
เขาถามเสียงกระเง้ากระงอด โชคดีที่รอบข้างเราไม่มีคนอยู่ ออกไปเต้นหน้าเวทีกันจนหมด จึงไม่มีใครเห็นเขาทำท่าตัดพ้อผม
“ผมกลัวเคลวินโดนนินทาครับ”
“เคนยังบอกว่ารักผมออกอากาศเลย”
เขาบอกพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ ผมพยายามนึกว่าไปบอกรักเขาออกอากาศตั้งแต่เมื่อไหร่ สักพักก็นึกออก เคลวินคงหมายถึงเพลงที่ผมร้องให้เขานั่นเอง
ที่จริง ผมไม่ได้บอกอะไรให้ใครฟังเลย ทุกอย่างมันอยู่ในใจผมเท่านั้น ผมรู้สึกดีกับเขา ถึงร้องเพลงนี้ออกมา เพื่อบอกให้รู้ว่าผมให้คำมั่นที่จะรักษาความรักที่เขามีต่อผมเอาไว้
จะไม่รังเกียจหรือดูถูกความรักของเขา จะเข้าใจเขาให้มากขึ้น แต่ผมยังไม่ได้บอกรักเขาเป็นกิจลักษณะสักหน่อย เพลงมันพาไปต่างหาก
ใครจะกล้าบอกรักกันต่อหน้าผู้คน เรื่องแบบนี้ต้องเก็บไว้บอกกันสองคนเมื่อมั่นใจแล้วต่างหาก
ผมเถียงเคลวินในใจ ยังไม่อยากยอมรับกับตัวเองตอนนี้ว่าผมรักเขา ผมคงแค่แพ้ความดีของเคลวินที่เขาทำทุกอย่างเพื่อผมแค่นั้น จะให้รักผู้ชายด้วยกัน ผมก็ยังทำใจลำบาก
แม้ว่าจะไม่ได้นึกรังเกียจเรื่องนี้แล้วก็ตาม แต่อนาคตวันข้างหน้ามันก็ไม่แน่ ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่าจะไม่มีทางรักเขา
ถึงทุกวันนี้ผมก็ยอมให้เคลวินหลายอย่างมากแล้ว บางทีผมอาจจะรักเขาในวันข้างหน้าก็ได้ใครจะรู้ แต่ตอนนี้ขอปฏิเสธไว้ก่อนดีกว่า
“เพลงที่เคนร้องเพราะมากเลยนะครับ ผมชอบเพลงนี้นะ”
เคลวินทำตาเยิ้มใส่ผมอีก เห็นท่าจะไม่ได้การแล้ว ดูเหมือนเขาจะถูกบทบาทภรรยาครอบงำมากขึ้นกว่าเดิม ประธานบริษัทผู้เคร่งขรึมถูกเบียดหายไปไหนไม่รู้
ตอนนี้เคลวินพร้อมจะหลอมละลายด้วยความรักที่มีต่อผมได้ทุกเมื่อ คงเป็นเพราะเพลงที่ผมร้องให้เขานั่นเอง ขืนยังนั่งอยู่ที่เดิม ไม่นานคงมีคนสังเกตเห็น
ถ้าเขาจะหวานใส่ผมอีก ก็ชวนไปในที่ลับหูลับตาคนดีกว่า จะได้ไม่มีใครคอยมองและเอาไปนินทาให้เสียหาย
ผมลุกขึ้นยืน แล้วชวนเขากลับบ้าน เคลวินลุกตามอย่างว่าง่าย ผมยืนนิ่งยังไม่ยอมไป ให้เคลวินเดินนำไปก่อน ถึงอย่างไรเขาก็เป็นประธานบริษัท เขาต้องเป็นผู้นำ แล้วผมเป็นผู้ตาม ดังนั้นผมจะเดินไปก่อนเขาไม่ได้
ตอนแรกเคลวินก็รีรอจะให้ผมเดินไป แต่พอเห็นผมหยุดให้เขานำไปก่อน เขาคงคิดได้ จึงก้าวเดินฉับๆ โดยมีผมเดินตามไปติดๆ ผมเจอสต๊าฟจัดงานที่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยง
เขามองเคลวินกับผมที่เดินออกมา ซึ่งผมก็ทำหน้าที่เลขาในการชี้แจงให้เขาทราบว่าเคลวินง่วงนอน และจะกลับไปพักผ่อน และผมจะไปส่งเขา เพราะพักอยู่ที่เดียวกัน
เขาก็เข้าใจ และก็บอกว่าทางนี้พวกเขาจะดูแลรับผิดชอบไม่ให้เกิดปัญหา ให้ผมรายงานกับเคลวินด้วย ซึ่งผมก็รับปาก ก่อนที่จะเดินตามไปสมทบกับเคลวินซึ่งเดินรีๆรอๆผมอยู่
“เคนร้องเพลงนั้นให้ผมหรือครับ”
พอเราอยู่ด้วยกันสองคน บนทางเดินที่จะไปยังตัวบ้านพัก เคลวินก็ถามผมด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมพยักหน้า ไม่ปฏิเสธความจริง ดูเหมือนคำตอบของผมจะสร้างความปลาบปลื้มให้กับเคลวินไม่น้อย เขาเดินมาใกล้ผมมากขึ้น จากเดิมที่เดินรักษาระยะห่างเอาไว้ ไม่ให้คนครหา
“ผมชอบเพลงนั้นที่สุดเลย เคนต้องร้องไห้ผมฟังบ่อยๆนะครับ เคนเสียงดีมากๆเลยรู้ไหม แล้วเพลงนั้นก็เพราะและมีความหมายมากด้วย”
เขาฉอเลาะชวนคุยจนผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มด้วยความขำเขา เคลวินเวลาอ้อนนี่ดูน่ารักดี บางครั้งก็อารมณ์เหมือนผู้หญิง มีงอนให้ง้อด้วย
“เคนต้องการจะบอกอะไรกับผมเป็นนัยๆหรือเปล่า”
ถามนำทางเพื่อให้ผมตอบในสิ่งที่เขาได้ยิน แต่ใครจะบอกกันล่ะ เรื่องแบบนี้มันก็น่าเขินอยู่เหมือนกันนะ
“อะไรหรือครับ”
แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ก็ที่เคนบอกในเพลงไงครับ ว่าจะเก็บรักษาใจของผม และจะรักผมให้เท่ากับผมมอบใจให้เคนไงครับ”
เคลวินทำน้ำเสียงขึ้นจมูกแบบขัดใจ และทวนเนื้อหาตามเพลงที่ผมร้องบนเวที ผมหัวเราะเบาๆด้วยความขำฝรั่งตัวโต นึกแล้วว่าเขาต้องเอาเพลงของผมมาตีความเข้าข้างตัวเอง ที่จริงจะโทษเขาก็ไม่ถูกเพลงมันหวานซะขนาดนั้น ตอนร้อง ผมก็ส่งสายตามาทางเขาบ่อยๆด้วย ถ้าเขาจะเข้าใจผิด ผมเองก็มีส่วนที่ทำให้เขาเข้าใจแบบนั้นตั้งแต่เลือกเพลงที่ร้องแล้ว
“เคนหัวเราะแบบนี้ จะบอกผมหรือว่า ที่ร้องมานั้น เคนแค่โกหก ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมแม้แต่น้อย”
เขาทำเสียงน้อยอกน้อยใจ ท่าทางจะงอนจริงๆที่
“เปล่าครับ อย่าเข้าใจผิดนะ ผมร้องเพลงนั้น เพื่อเคลวินจริงๆ ร้องด้วยความรู้สึกจากใจ ผมพูดจริงๆไม่ได้โกหกเลยครับ ผมรู้สึกขอบคุณเคลวิน ที่มอบความรัก ความหวังดีให้กับผม ผมรู้ว่าเคลวินรักผมมาก และผมก็ตั้งใจจะเก็บรักษาความรักที่เคลวินมอบให้ผมไว้ตราบนานเท่านาน...”
ผมอธิบายถึงที่ไปที่มาของการขึ้นไปร้องเพลงนั้นให้เขาฟังว่าผมรู้สึกกับเขาอย่างไร เคลวินเป็นผู้ฟังที่ดี หน้าที่งออยู่เมื่อครู่เริ่มมีรอยยิ้ม
“มีเพียงแค่สิ่งที่ผมยังไม่อาจจะฟันธงลงไปได้ ก็คือความรัก ผมบอกไม่ได้ว่าตอนนี้ผมรู้สึกรักเคลวินหรือเปล่า ผมก็เลยไม่อยากให้สัญญายังไงครับ เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการให้ความหวังกับคุณ แล้วถ้าเกิดผมทำไม่ได้ คุณจะเสียใจเปล่าๆ”
บอกไปตามความเป็นจริง หวังว่าเคลวินคงเข้าใจ คนขี้งอนเงียบไปสักพัก จากนั้นเขาก็พูดกับผมด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“สำหรับผม แค่นี้ก็ถือว่าพอใจที่สุดแล้วครับ ก่อนหน้านี้เคนปฏิเสธผมเสียงแข็งจนผมแทบจะหมดหวังในตัวเคน แต่ตอนนี้เคนยอมตามใจผมหลายเรื่อง และก็ยอมรับว่าเคนเองก็รู้สึกดีกับผม มันทำให้ผมเป็นสุขมากรู้ไหม ...”
ดีจังที่เคลวินยอมเข้าใจ ไม่ดื้อรั้นที่จะเอาคำว่ารักจากผมให้ได้ อย่างน้อยเขาก็ยังให้เวลาผมในการคิด ไตร่ตรอง ว่าอะไรคือสิ่งที่ผมต้องการ
“ผมรอเวลาที่เคนจะรู้ใจตัวเองได้เสมอครับ...ไม่ได้รีบร้อนอะไร ถึงยังไงผมก็ยังมีเวลาอยู่กับเคนอีกนาน ใช่ไหมครับ”
เขาเอาสิ่งที่ผมพูดกับเขามาย้อนเพื่อเอาคำมั่น ผมไม่ตอบว่าอะไร ได้แต่ยิ้มในความมืด และถึงผมไม่ตอบเคลวินก็คงฉลาดพอที่จะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่
“แต่ตอนนี้ ผมแทบไม่อยากรอเลย อยากกลับถึงบ้านพักเร็วๆ แล้วครับ คิดถึงห้องนอน คิดถึงเตียงนุ่มๆ”
“เคลวินง่วงนอนแล้วหรือครับ”
ถามเขาเสียงเย้า ดูท่าเขาไม่น่าจะง่วงสักเท่าไหร่ ผมเห็นตาเขาเป็นประกายใสแจ๋วสะท้อนแสงไฟตามทางเดิน
“อืม...ยังไม่ง่วงหรอก แต่ผมอยากไปเช็คของรางวัลมากกว่า”
พูดจบคนพูดก็หัวเราะอิ๊อิ๊ เป็นเสียงเจ้าเล่ห์ ผมเลยเดาออกว่าเขาหมายถึงอะไร