My wife is bigboss by Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My wife is bigboss by Katesnk  (อ่าน 221562 ครั้ง)

February

  • บุคคลทั่วไป
 :o8: หวานซะ.....


กลับบ้านได้แล้วเคน ดึกแล้ว เดี๋ยวนอนไม่พอ..... :haun4:


+ อีก1 ให้คนน่ารักแสนขยัน...

katesnk

  • บุคคลทั่วไป
 :L2: ขอบคุณทุกๆท่านค่ะ เรื่องนี้พี่เคทเขียนจบแล้ว และมีตอนพิเศษด้วย อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณน้องมิ้นมากๆนะคะ ที่อาสามาลงให้นะคะ

February

  • บุคคลทั่วไป
:L2: ขอบคุณทุกๆท่านค่ะ เรื่องนี้พี่เคทเขียนจบแล้ว และมีตอนพิเศษด้วย อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณน้องมิ้นมากๆนะคะ ที่อาสามาลงให้นะคะ

+1 ให้พี่เคทคนเก่ง รออ่านอยู่นะคะ  :L2:


แล้วเรื่องดอกรักสีม่วง  พี่เคทคงไม่หมายความว่าปีใหม่คือปี 53 นะคะ ... :sad4:

ออฟไลน์ ┗◎┗◎

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +734/-7

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
:L2: ขอบคุณทุกๆท่านค่ะ เรื่องนี้พี่เคทเขียนจบแล้ว และมีตอนพิเศษด้วย อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณน้องมิ้นมากๆนะคะ ที่อาสามาลงให้นะคะ

+1 ให้พี่เคทคนเก่ง รออ่านอยู่นะคะ  :L2:


แล้วเรื่องดอกรักสีม่วง  พี่เคทคงไม่หมายความว่าปีใหม่คือปี 53 นะคะ ... :sad4:


พี่เคทบอกมาว่าจะลงต่อให้หลังจากจบเรื่องนี้ค่ะ


บทที่ 54

-----------------------


“เคลวินอยากกลับแล้วหรือครับ”

ถามเขาอย่างสงสัย เพราะผมยังเห็นเขาสนุกอยู่เลย พนักงานก็พากันดีอกดีใจกับความไม่ถือเนื้อถือตัวของเขา อยากให้เขาร่วมสนุกด้วย ผมไม่อยากให้ความกังวลใจที่เขามีต่อผม ทำให้เขาละเลยต่อพนักงานคนอื่นๆ

“ก็...ผมเห็นเคนดูเหงาๆ เหมือนว่างานมันไม่สนุก แล้วผมก็ไม่อยากให้เคนไปมีเรื่องมีราวกับใครด้วยครับ....”

เขาบอกเหตุผลให้ฟัง ผมรู้สึกตื้นตันในหัวอก เคลวินห่วงผมมากจริงๆ คงเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมแล้วไม่สบายใจ ด้วยนิสัยของเขา ไม่ชอบให้อะไรมันค้างคา

เขาคงอยากจะจัดการกับคนพวกนั้นให้เด็ดขาด แต่ผมขอร้องไม่ให้เคลวินยุ่งเรื่องนี้ เขาก็เลยอึดอัดใจและกังวล ทางเดียวที่เขาจะช่วยผมได้ ก็คือดึงผมออกห่างจากเหตุการณ์ที่น่าจะเป็นอันตราย

“อย่าห่วงเลยครับ คงไม่มีอะไรหรอก เขาไม่กล้าทำอะไรผมในงานนี้อย่างแน่นอน ขืนทำเกิดถูกไล่ออกมาจะว่าไง”

ให้ความมั่นใจกับเคลวินอีกครั้ง แต่เหมือนเขาจะยังกังวลอยู่ไม่เลิก

“เคลวินอย่าคิดมากสิครับ แล้วก็อย่าส่งสายตากับทำหน้าอ้อนๆแบบนี้กับผมในที่ที่มีคนอยู่เยอะๆแบบนี้สิครับ เดี๋ยวคนเห็นจะทำไง ทำหน้าดุๆเคร่งขรึมแบบเดิมดีแล้วนะ คนจะได้ไม่เอาไปพูดกัน”

เตือนให้เขารู้ตัวว่าเขากำลังหลุดบทบาทของภรรยาออกมาให้เห็นทุกที หากเขาไม่ควบคุมตัวเอง มีหวังความแตก

“เคนกลัวเหรอ”

เขาถามเสียงกระเง้ากระงอด โชคดีที่รอบข้างเราไม่มีคนอยู่ ออกไปเต้นหน้าเวทีกันจนหมด จึงไม่มีใครเห็นเขาทำท่าตัดพ้อผม

“ผมกลัวเคลวินโดนนินทาครับ”

“เคนยังบอกว่ารักผมออกอากาศเลย”

เขาบอกพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ ผมพยายามนึกว่าไปบอกรักเขาออกอากาศตั้งแต่เมื่อไหร่ สักพักก็นึกออก เคลวินคงหมายถึงเพลงที่ผมร้องให้เขานั่นเอง

ที่จริง ผมไม่ได้บอกอะไรให้ใครฟังเลย ทุกอย่างมันอยู่ในใจผมเท่านั้น ผมรู้สึกดีกับเขา ถึงร้องเพลงนี้ออกมา เพื่อบอกให้รู้ว่าผมให้คำมั่นที่จะรักษาความรักที่เขามีต่อผมเอาไว้

จะไม่รังเกียจหรือดูถูกความรักของเขา จะเข้าใจเขาให้มากขึ้น แต่ผมยังไม่ได้บอกรักเขาเป็นกิจลักษณะสักหน่อย เพลงมันพาไปต่างหาก

ใครจะกล้าบอกรักกันต่อหน้าผู้คน เรื่องแบบนี้ต้องเก็บไว้บอกกันสองคนเมื่อมั่นใจแล้วต่างหาก

ผมเถียงเคลวินในใจ ยังไม่อยากยอมรับกับตัวเองตอนนี้ว่าผมรักเขา ผมคงแค่แพ้ความดีของเคลวินที่เขาทำทุกอย่างเพื่อผมแค่นั้น จะให้รักผู้ชายด้วยกัน ผมก็ยังทำใจลำบาก

แม้ว่าจะไม่ได้นึกรังเกียจเรื่องนี้แล้วก็ตาม แต่อนาคตวันข้างหน้ามันก็ไม่แน่ ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่าจะไม่มีทางรักเขา

ถึงทุกวันนี้ผมก็ยอมให้เคลวินหลายอย่างมากแล้ว บางทีผมอาจจะรักเขาในวันข้างหน้าก็ได้ใครจะรู้ แต่ตอนนี้ขอปฏิเสธไว้ก่อนดีกว่า

“เพลงที่เคนร้องเพราะมากเลยนะครับ ผมชอบเพลงนี้นะ”

เคลวินทำตาเยิ้มใส่ผมอีก เห็นท่าจะไม่ได้การแล้ว ดูเหมือนเขาจะถูกบทบาทภรรยาครอบงำมากขึ้นกว่าเดิม ประธานบริษัทผู้เคร่งขรึมถูกเบียดหายไปไหนไม่รู้

ตอนนี้เคลวินพร้อมจะหลอมละลายด้วยความรักที่มีต่อผมได้ทุกเมื่อ คงเป็นเพราะเพลงที่ผมร้องให้เขานั่นเอง ขืนยังนั่งอยู่ที่เดิม ไม่นานคงมีคนสังเกตเห็น

ถ้าเขาจะหวานใส่ผมอีก ก็ชวนไปในที่ลับหูลับตาคนดีกว่า จะได้ไม่มีใครคอยมองและเอาไปนินทาให้เสียหาย

ผมลุกขึ้นยืน แล้วชวนเขากลับบ้าน เคลวินลุกตามอย่างว่าง่าย ผมยืนนิ่งยังไม่ยอมไป ให้เคลวินเดินนำไปก่อน ถึงอย่างไรเขาก็เป็นประธานบริษัท เขาต้องเป็นผู้นำ แล้วผมเป็นผู้ตาม ดังนั้นผมจะเดินไปก่อนเขาไม่ได้

ตอนแรกเคลวินก็รีรอจะให้ผมเดินไป แต่พอเห็นผมหยุดให้เขานำไปก่อน เขาคงคิดได้ จึงก้าวเดินฉับๆ โดยมีผมเดินตามไปติดๆ ผมเจอสต๊าฟจัดงานที่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยง

เขามองเคลวินกับผมที่เดินออกมา ซึ่งผมก็ทำหน้าที่เลขาในการชี้แจงให้เขาทราบว่าเคลวินง่วงนอน และจะกลับไปพักผ่อน และผมจะไปส่งเขา เพราะพักอยู่ที่เดียวกัน

เขาก็เข้าใจ และก็บอกว่าทางนี้พวกเขาจะดูแลรับผิดชอบไม่ให้เกิดปัญหา ให้ผมรายงานกับเคลวินด้วย ซึ่งผมก็รับปาก ก่อนที่จะเดินตามไปสมทบกับเคลวินซึ่งเดินรีๆรอๆผมอยู่

“เคนร้องเพลงนั้นให้ผมหรือครับ”

พอเราอยู่ด้วยกันสองคน บนทางเดินที่จะไปยังตัวบ้านพัก เคลวินก็ถามผมด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมพยักหน้า ไม่ปฏิเสธความจริง ดูเหมือนคำตอบของผมจะสร้างความปลาบปลื้มให้กับเคลวินไม่น้อย เขาเดินมาใกล้ผมมากขึ้น จากเดิมที่เดินรักษาระยะห่างเอาไว้ ไม่ให้คนครหา

“ผมชอบเพลงนั้นที่สุดเลย เคนต้องร้องไห้ผมฟังบ่อยๆนะครับ เคนเสียงดีมากๆเลยรู้ไหม แล้วเพลงนั้นก็เพราะและมีความหมายมากด้วย”

เขาฉอเลาะชวนคุยจนผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มด้วยความขำเขา เคลวินเวลาอ้อนนี่ดูน่ารักดี บางครั้งก็อารมณ์เหมือนผู้หญิง มีงอนให้ง้อด้วย

“เคนต้องการจะบอกอะไรกับผมเป็นนัยๆหรือเปล่า”

ถามนำทางเพื่อให้ผมตอบในสิ่งที่เขาได้ยิน แต่ใครจะบอกกันล่ะ เรื่องแบบนี้มันก็น่าเขินอยู่เหมือนกันนะ

“อะไรหรือครับ”

แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ก็ที่เคนบอกในเพลงไงครับ ว่าจะเก็บรักษาใจของผม และจะรักผมให้เท่ากับผมมอบใจให้เคนไงครับ”

เคลวินทำน้ำเสียงขึ้นจมูกแบบขัดใจ และทวนเนื้อหาตามเพลงที่ผมร้องบนเวที ผมหัวเราะเบาๆด้วยความขำฝรั่งตัวโต นึกแล้วว่าเขาต้องเอาเพลงของผมมาตีความเข้าข้างตัวเอง ที่จริงจะโทษเขาก็ไม่ถูกเพลงมันหวานซะขนาดนั้น ตอนร้อง ผมก็ส่งสายตามาทางเขาบ่อยๆด้วย ถ้าเขาจะเข้าใจผิด ผมเองก็มีส่วนที่ทำให้เขาเข้าใจแบบนั้นตั้งแต่เลือกเพลงที่ร้องแล้ว

“เคนหัวเราะแบบนี้ จะบอกผมหรือว่า ที่ร้องมานั้น เคนแค่โกหก ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมแม้แต่น้อย”

เขาทำเสียงน้อยอกน้อยใจ ท่าทางจะงอนจริงๆที่

“เปล่าครับ อย่าเข้าใจผิดนะ ผมร้องเพลงนั้น เพื่อเคลวินจริงๆ ร้องด้วยความรู้สึกจากใจ ผมพูดจริงๆไม่ได้โกหกเลยครับ ผมรู้สึกขอบคุณเคลวิน ที่มอบความรัก ความหวังดีให้กับผม ผมรู้ว่าเคลวินรักผมมาก และผมก็ตั้งใจจะเก็บรักษาความรักที่เคลวินมอบให้ผมไว้ตราบนานเท่านาน...”

ผมอธิบายถึงที่ไปที่มาของการขึ้นไปร้องเพลงนั้นให้เขาฟังว่าผมรู้สึกกับเขาอย่างไร เคลวินเป็นผู้ฟังที่ดี หน้าที่งออยู่เมื่อครู่เริ่มมีรอยยิ้ม

“มีเพียงแค่สิ่งที่ผมยังไม่อาจจะฟันธงลงไปได้ ก็คือความรัก ผมบอกไม่ได้ว่าตอนนี้ผมรู้สึกรักเคลวินหรือเปล่า ผมก็เลยไม่อยากให้สัญญายังไงครับ เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการให้ความหวังกับคุณ แล้วถ้าเกิดผมทำไม่ได้ คุณจะเสียใจเปล่าๆ”

บอกไปตามความเป็นจริง หวังว่าเคลวินคงเข้าใจ คนขี้งอนเงียบไปสักพัก จากนั้นเขาก็พูดกับผมด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“สำหรับผม แค่นี้ก็ถือว่าพอใจที่สุดแล้วครับ ก่อนหน้านี้เคนปฏิเสธผมเสียงแข็งจนผมแทบจะหมดหวังในตัวเคน แต่ตอนนี้เคนยอมตามใจผมหลายเรื่อง และก็ยอมรับว่าเคนเองก็รู้สึกดีกับผม มันทำให้ผมเป็นสุขมากรู้ไหม ...”

ดีจังที่เคลวินยอมเข้าใจ ไม่ดื้อรั้นที่จะเอาคำว่ารักจากผมให้ได้ อย่างน้อยเขาก็ยังให้เวลาผมในการคิด ไตร่ตรอง ว่าอะไรคือสิ่งที่ผมต้องการ

“ผมรอเวลาที่เคนจะรู้ใจตัวเองได้เสมอครับ...ไม่ได้รีบร้อนอะไร ถึงยังไงผมก็ยังมีเวลาอยู่กับเคนอีกนาน ใช่ไหมครับ”

เขาเอาสิ่งที่ผมพูดกับเขามาย้อนเพื่อเอาคำมั่น ผมไม่ตอบว่าอะไร ได้แต่ยิ้มในความมืด และถึงผมไม่ตอบเคลวินก็คงฉลาดพอที่จะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่

“แต่ตอนนี้ ผมแทบไม่อยากรอเลย อยากกลับถึงบ้านพักเร็วๆ แล้วครับ คิดถึงห้องนอน คิดถึงเตียงนุ่มๆ”
“เคลวินง่วงนอนแล้วหรือครับ”

ถามเขาเสียงเย้า ดูท่าเขาไม่น่าจะง่วงสักเท่าไหร่ ผมเห็นตาเขาเป็นประกายใสแจ๋วสะท้อนแสงไฟตามทางเดิน
“อืม...ยังไม่ง่วงหรอก แต่ผมอยากไปเช็คของรางวัลมากกว่า”

พูดจบคนพูดก็หัวเราะอิ๊อิ๊ เป็นเสียงเจ้าเล่ห์ ผมเลยเดาออกว่าเขาหมายถึงอะไร


ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
“ยังจะหื่นอีกนะครับ”

แซวเขาอย่างนึกขำ ความหื่นกลายเป็นโลโก้ติดตัวของเคลวินไปเสียแล้ว

“อ้าว...ผมชนะนี่นา เคนก็ต้องทำตามสัญญาสิครับ หรือว่าเคนจะเบี้ยวล่ะ ผมไม่ยอมจริงๆนะ”

เขาโวยวายกลับ ทำให้ผมต้องจำนน หลวมตัวไปท้ากับเขาเอาไว้ แล้วดันแพ้เสียอีก ก็ต้องยอมรับกติกาโดยดี

“ผมรักเคนนะครับ”

เคลวินพูดกับผมเสียงหวาน หลังจากที่ผมยอมรับที่จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ท่าทางของเคลวินมีความสุขมาก

น่าแปลกที่ผมเองก็เกิดร้อนวูบไปทั้งตัว มีความสุขด้วยเช่นกัน ทั้งที่ผมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ทั้งที่ผมต้องยอมทำตามที่เขาต้องการ แต่ผมกลับไม่มีความรู้สึกที่จะต่อต้านมันแม้แต่น้อย

“คืนนี้ผมต้องมีความสุขอย่างแน่นอน....เคนเดินเร็วๆเถอะครับ”

คนเจ้าเล่ห์เร่งผมยิกๆให้รีบเดิน ผมหัวเราะขำความกระตือรือร้นของเขา เคลวินนี่เอาแต่ใจตัวเองจริงๆ อยากได้อะไรต้องได้ คิดว่าคนอื่นเขาต้องยอมตามใจตัวเองทุกอย่างหรือไง ผมค่อนว่าเขา แต่ก็เร่งฝีเท้าเดินตามไปโดยดี

ไม่ถึง 5 นาที เราก็ถึงหน้าบ้านพัก เขาหันมายิ้มหวานให้ผม ก่อนจะเอามือล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง ผมเห็นเขาล้วงควักไปมาหลายรอบ พลางทำหน้าตาเลิกลั่ก เหมือนมีบางอย่างหายไป

“มีอะไรหรือครับเคลวิน ทำกุญแจบ้านพักหายเหรอ”

ถามเขาอย่างสงสัยเมื่อเห็นเคลวินทำหน้าไม่ดี

“เอ้อ กุญแจบ้านพักมีครับ แต่ผมหามือถือไม่เจอ สงสัยจะเผลอทำหล่นระหว่างทาง หรือไม่ก็ลืมทิ้งไว้ที่ห้องจัดงานเลี้ยงครับ...”

เคลวินพยายามนึกว่าเขาวางไว้ที่ไหน แล้วก็บอกสถานที่ที่เขาสงสัย

“หาดูดีๆแล้วหรือยัง ลืมไว้ที่ห้องหรือเปล่าครับ”

“ไม่ได้ลืมนะ ปกติ ผมจะเอาติดตัวไปด้วยเสมอ ที่จริงแค่มือถือ ผมไม่ซีเรียสหรอกครับ ถ้าหากว่าในนั้นไม่มีรูปของเคนที่ผมถ่ายไว้”

เขาตบที่กระเป๋ากางเกงของตัวเอง เพื่อยืนยันว่าเขาเอามาไว้ในกระเป๋าจริงๆ เห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเขาแล้วผมก็เชื่อว่าเขาพูดจริง ทว่าประโยคต่อมาของเขาสร้างความตกใจให้ผมไม่น้อย

“หา...คลิปหลุดอะไรแบบนั้นหรือเปล่า”

เห็นสีหน้าที่แสดงความกังวลของผม เขาก็หัวเราะออกมา พลางเฉลย

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับเคน ถึงผมจะหื่น แต่ผมก็ไม่ได้โรคจิตนะครับ ผมแค่ถ่ายภาพเคนตอนนอนหลับเอาไว้เท่านั้นเอง เพราะว่ามันน่ารักดี”

“ค่อยยังชั่วหน่อย แต่มันก็ไม่ดีเหมือนกันถ้าใครมาเปิดเห็นเข้า ความลับของเราสองคนแตกแน่ๆ”

ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ได้มีเรื่องร้ายแรงอย่างที่คิด แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังวางใจไม่ได้ การมีรูปของผมอยู่ในมือถือของเคลวิน

แล้วเป็นตอนนอนหลับด้วย มันชวนให้จินตนาการได้มากมาย ใครที่มาเปิดเห็นเข้าก็คงสงสัยว่าทำไมเคลวินจึงมีรูปผมซึ่งถ่ายในแบบส่วนตัว คนไม่คิดเห็นรูปก็คงคิดกันไปไกล และคงปะติดปะต่อจนใกล้ความจริง

“นั่นสิ ทำไงดีอ่ะครับ”

หน้าของเคลวินบ่งบอกถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ผมเลยอาสาจะไปตามมือถือให้เขา เคลวินจะได้สบายใจ และปลอดภัยจากการมีคนมาล่วงรู้ความลับ

“ผมไปลองหาดูให้ไหมครับ”

“อย่าไปเลยครับ อยู่กับผมก่อนก็ได้ เดี๋ยวใช้โทรศัพท์หาดูดีกว่าเพื่อใครเก็บได้ ก็ให้เอามาคืน”

เขาไม่ยอมให้ผมไป แต่ผมเริ่มเป็นกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้เราสองคนต้องระวังตัวให้มาก เพราะมีคนเริ่มรู้เกี่ยวกับเรื่องเราแล้ว

แม้ว่านายชาตรีเองก็มีชะนักติดหลัง มีเรื่องที่ต้องปกปิดด้วยเช่นกัน แต่คนอื่นที่ไม่ใช่นายชาตรี หากบังเอิญมาได้รู้ได้เห็น อาจจะไม่ปิดปากเหมือนผู้จัดการก็ได้

“เดี๋ยวมันจะไม่ทันการณ์นะสิครับ ผมไปหาก่อนดีกว่า จะรีบไปรีบมาครับ”

“เคนอย่าไปนานนักนะครับ ผมคิดถึง”

“รู้ครับ ยังไงผมก็มาทำตามสัญญาอยู่ดี เคลวินรีบเข้าบ้านเถอะครับ ตรงนี้ลมมันเย็น เดี๋ยวจะไม่สบายไปซะ”

ผมรีบไล่ให้เขาเข้าบ้าน จากนั้นก็รีบเดินกลับไปตามทางเก่าที่ผมกับเขาเพิ่งเดินมา สายตาก็สอดส่ายมองหามือถือที่อาจจะหล่นตามข้างทาง แต่ก็ไม่เจอ

ผมเดินมาเรื่อยๆจนถึงสวนหย่อม ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างที่พักกับห้องจัดเลี้ยง ตรงนั้นรกครึ้มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ กลางวันดูร่มรื่น กลางคืนก็ดูเปลี่ยวนิดๆ มีเพียงแสงไฟจากโคมไฟข้างทางที่พอส่องสว่างให้เห็น

ขณะที่ผมกำลังก้มๆเงยๆ มองหาของให้เคลวิน ก็มีเงาวูบผ่าน เข้ามา เมื่อผมเงยขึ้นมอง ก็เห็นโจทก์เก่าของผมยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับเพื่อนชุดเดิม ท่าทางจะเมาทั้งกลุ่ม เพราะได้กลิ่นเหล้าหึ่ง พวกเขายืนขวางทางไม่ให้ผมเดินไปต่อ หัวโจกพูดกับผมด้วยเสียงกระโชกโฮกฮาก

“เจอกันอีกแล้วนะไอ้อ่อน”

ผมไม่อยากมีเรื่อง จึงเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่พวกเขาก็ดักหน้าผมเอาไว้

“จะไปไหน คุยกันก่อนสิ”

“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพวกคุณ”

ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แม้จะขุ่นเคืองใจ และนึกกลัวนิดๆ แต่ผมก็พยายามข่มอารมณ์เอาไว้ และพูดกับคนพวกนั้นดีๆ

“แต่กูมีเรื่องจะพูดกับมึงไอ้อ่อน”

เจ้าตัวหัวหน้าพูดเสียงเกือบเป็นตะคอก แล้วเอามือผลักไหล่ผมจนเซไปด้านหลัง ผมจ้องหน้าคนพวกนั้น ตั้งสติมั่น เตรียมพร้อมสำหรับการมีเรื่อง ก่อนที่จะถามออกไปอย่างไม่เกรงกลัว

“เรื่องอะไรไม่ทราบ”

เสียงหน้าต่างที่กระทบกันปึงปัง ทำให้ผมต้องเดินไปจับมันงับเข้าหากันแล้วลงกลอนอย่างแน่นหนา อยู่ดีๆ ก็มีลมกระโชกมาหอบใหญ่ ทำท่าเหมือนฝนจะตกทั้งที่ไม่มีเค้ามาก่อน

ผมรู้สึกห่วงเคนขึ้นมาอย่างจับจิต เขาไปหามือถือให้ผมนานมากแล้ว ป่านนี้ยังไม่กลับมา

ต้องโทษว่าเป็นความผิดของผมเอง ที่ไม่หาข้าวของให้ดีก่อน หลังจากที่เคนเดินกลับไปหาของให้ผมแล้ว ผมก็ไขกุญแจเข้ามาในบ้าน อาบน้ำอาบท่าเพื่อรอต้อนรับสามีกลับมา

ตอนที่เปลี่ยนเสื้อผ้า ผมก็เจอมือถือของตัวเอง ในกระเป๋า ผมคงลืมเอาใส่ไว้ ตอนแต่งตัวออกจากบ้านพักในตอนเย็น

จะโทรหาเคนเพื่อบอกว่าผมเจอโทรศัพท์แล้ว ก็ติดต่อเขาไม่ได้ เพราะโทรศัพท์ที่ผมให้เคนเอาไว้ใช้ เขาก็ไม่ยอมเอาไป เคนยังคงเกรงใจ ไม่กล้าใช้โทรศัพท์ของผม

ทั้งที่ผมอนุญาตเขา และบอกว่ามันจำเป็นต่อการทำงาน ผมต้องติดต่อเขาตลอด เขาจะไม่ใช้ไม่ได้ เขาก็ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง และมักจะเก็บมันเอาไว้ที่บ้านบ่อยๆ

ตอนมาที่นี่ผมก็ใส่มือถือไว้ในกระเป๋าเขา เคนก็ไม่ได้เอาติดตัวไปเสียอีก ผมเลยติดต่อเขาไม่ได้เลย ต้องรอคอยเขากลับมาอย่างเดียว

ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้ว เคนก็ยังไม่โผล่มา ผมเดินวนไปวนมาในห้องอย่างงุ่นง่าน ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ เมื่อคิดว่าเคนคงจะเบี้ยวผมเสียแล้ว

เขาไม่อยากนอนกับผม เลยหาเรื่องถ่วงเวลา นี่คงจะกลับเข้าไปในงาน และเต้นระบำรำฟ้อนอยู่กับเพื่อนพนักงานด้วยกันแหงๆ

จริงสิ ก่อนออกมาจากงานเลี้ยง มีสาวๆกลุ่มหนึ่งเต้นอยู่กับเขา ท่าทางเคนจะสนุกไม่น้อย ถ้าผมไม่ส่งสายตาไม่พอใจให้เขาเห็น

เคนก็คงไม่เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ คงจะสนุกกับสาวๆพวกนั้นไม่เลิก เป็นไปได้ไหมนะ ที่เคนจะไปนั่งคุยกับสาวๆพวกนั้น สานสัมพันธ์กันต่อ

ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม ผมอุตส่าห์ดีใจที่เคนร้องเพลงนั้นให้ผม แต่แล้วเขาก็บอกว่าเขายังไม่คิดอะไร เขากลัวผมเสียใจ

หรือว่าการที่เขาพูดแบบนี้ เพราะผู้หญิงพวกนั้นทำให้เขาไขว้เขว เคนอาจจะฉุกคิดขึ้นมาได้ ว่าในท้ายที่สุดผู้หญิงก็ดีกว่าผู้ชายอย่างผมวันยังค่ำ

การที่เขาไม่กลับมาตามที่สัญญาไว้ ทำให้ผมคิดฟุ้งซ่านวุ่นวายใจไปหมด และเมื่อสรุปเอาเองว่าเขาต้องการหนีผม ไม่อยากนอนด้วย ผมก็รู้สึกเสียใจมาก

ผมไปบีบบังคับทำให้เคนไม่สบายใจ เขาต้องตกปากรับคำผมทั้งที่เขาไม่ต้องการ ผมทำให้คนที่ผมรักอึดอัด เขารับปากผมอย่างเสียไม่ได้ ในท้ายที่สุดเขาก็เลยหนีผมไปดื้อๆ

ผมไม่น่าให้เคนไปหาของให้เลย ผมน่าจะปล่อยเลยตามเลยถ้าหากมันหายจริงแล้วมีใครเก็บได้ เรื่องของผมกับเคน จะได้เปิดเผยให้ใครต่อใครรู้เสียที ไม่อยากจะต้องหลบๆซ่อนๆอีกต่อไป

ทว่าเปิดเผยแล้วจะได้ประโยชน์อะไรกัน ในเมื่อเคนไม่มีใจให้ผมเลย ผมมันหลงคิดเข้าข้างตัวเองไปคนเดียว ว่าเขามีใจให้ เห็นเขาร้องเพลง ก็คิดว่าเขาร้องให้ผม ที่จริงเขาอาจจะร้องให้คนอื่นฟังก็ได้

อยู่ดีๆ น้ำตาผมมันก็ไหลออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ ผมไม่เคยอ่อนแอถึงขนาดนี้เลย แต่ครั้งนี้ยอมรับว่าผมเจ็บมาก ถ้าเคนไม่รักผม ไม่ชอบให้ผมทำอย่างนี้ก็น่าจะบอกผม ไม่ใช่หนีผมไป ผมรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า ภรรยาที่สามีไม่ต้องการคงจะรู้สึกอย่างนี้นี่เอง

ข้างนอกฝนตกแล้ว ได้ยินเสียงหลังคาดังกราวๆ มองไปนอกหน้าต่างห้องที่เป็นกระจก ก็เห็นสายฝนลงมาเป็นเม็ดหนา ความกังวลถึงคนที่ผมรัก มีมากกว่าความน้อยอกน้อยใจที่เขาไม่กลับมา มันทำให้ผมปาดน้ำตาทิ้ง และเอาโทรศัพท์มากดหาเลขาของผมอีกคน

ผมต้องทนฟังเสียงรอสายนานอยู่เกือบ 5 นาที กว่าที่นนนี่จะรับโทรศัพท์ผม แถมเสียงก็ดังซ่าๆอู้อี้ เนื่องจากสัญญาณถูกรบกวนเนื่องจากฝนตกกระหน่ำ ผมพยายามเงี่ยหูฟังเลขาพูด และกล่าวด้วยเสียงอันดัง เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ยินชัดเจน

“นนนี่เหรอ เห็นเคนหรือเปล่า”

“ไม่เห็นค่ะคุณเคลวิน เขากลับไปพร้อมกับเจ้านายแล้วไม่ใช่เหรอคะ”

เลขาของผมตอบกลับมาด้วยเสียงที่งัวเงีย เธอกับครอบครัวคงจะพักผ่อนแล้ว ผมคงโทรไปรบกวนเวลาของเธอ แต่ผมจำเป็นจริงๆ

“กลับมาแล้วก็ออกไปอีก ไปหาของให้ผม แต่ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย”

บอกเธอไปตามตรง ด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“เอ ไปไหนของเขานะ ฝนก็ตกหนักซะด้วย หรือว่าติดฝนอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยงคะ แต่ช่วงนี้งานก็น่าจะเลิกแล้วนี่นา”

นนนี่พยายามเดา แต่มันไม่ช่วยทำให้ผมสบายใจขึ้นเลย

“นั่นสิ งานน่าจะเลิกแล้ว แล้วเขาไปไหนกัน”

“ใจเย็นๆค่ะเจ้านาย เดี๋ยวนนนี่ ถามให้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”

นนนี่วางสายไปแล้วหลังจากรับปากว่าจะติดต่อให้ ผมรออย่างกระวนกระวายใจเกือบ 20 นาทีกว่านนนี่จะโทรกลับมา

“เจ้านายคะ นนนี่ลองเช็คให้หมดทุกที่แล้ว เขาบอกว่าไม่เจอเคนเลย เคนไม่ได้กลับเข้าไปในงานคะ”

คำตอบของเธอทำให้ผมยิ่งเพิ่มกังวลใจหนักขึ้นไปอีก เคนไม่ได้เข้าไปในงาน แล้วเคนไปไหนกัน หรือว่าไปเจอสาวพวกนั้นระหว่างทาง แล้วก็พากันหายไปอยู่บ้านผู้หญิงเหล่านั้นคนใดคนหนึ่ง

แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เคนจะไวไฟขนาดนั้นเลยเหรอ เขาไม่ใช่คนอย่างนั้นนี่นา หรือว่าเขาจะเกิดอุบัติเหตุอะไรระหว่างทาง

“อ้าว แล้วเขาไปไหนกันล่ะ ไม่มีใครเห็นเขาบ้างเลยเหรอ”

“ไม่มีค่ะเจ้านาย ครั้งล่าสุดที่มีคนเห็นเขาก็คือ สต๊าฟจัดงาน เขาบอกว่าเห็นเจ้านาย กับ เคน กลับไปที่บ้านพัก แล้วก็ไม่เห็นเคนกลับเข้ามาอีก แล้วเรื่องมือถือ ก็ไม่มีใครมาเดินหา หรือมาเก็บค่ะ”

เธอรายงานให้ผมฟังทุกอย่างตามที่ได้ไปโทรศัพท์ตามหาเคนกับคนที่น่าจะเห็นเขา

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ นนนี่ช่วยผมที ช่วยโทรไปยังเจ้าหน้าที่โรงแรมหน่อยนะ ให้เขาช่วยกันตามหาเคนให้หน่อย เพื่อว่าจะมีใครเห็นเขาบ้าง”

ผมสั่งงานให้นนนี่ทำ นึกขอโทษเลขาของผมในใจที่ไปรบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ แต่ผมไม่สามารถจะออกมาจัดการด้วยตัวเอง

เพราะเดี๋ยวเรื่องมันจะเอิกเกริกกันไปใหญ่ ที่พนักงานหายไปทั้งคน แล้วประธานบริษัทต้องออกโรง ตามหา คนก็จะเริ่มสงสัยว่า เคนสำคัญเพียงใด

เดี๋ยวจะเกิดการคุ้ยแคะตามล่าหาความจริงกันใหญ่ ซึ่งไม่ปลอดภัยกับทั้งตัวผมและเคนด้วย

“ค่ะ เจ้านาย เดี๋ยวนนนี่จัดการให้เดี๋ยวนี้ค่ะ”

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
เลขาของผมรับปากก่อนจะวางหูไป ผมนั่งไม่ติดแล้ว เดินไปเดินมา พยายามคิดว่าเขาไปไหน ผมพยายามไม่คิดว่าเคนไปกับผู้หญิงพวกนั้น แม้ว่าใจมันจะเชื่อไปบ้างแล้วก็ตาม

พยายามคิดในแง่ดีจากการที่ได้รู้จักเคนมานาน ผมไม่คิดว่าเขาจะกล้าไปหลบอยู่ในห้องสาวคนไหน

เพราะเขาต้องรู้ว่าการทำแบบนั้นกับผมมันหมายถึงการทรยศหักหลังซึ่งไม่ใช่นิสัยของเคน ถ้าเขาจะเดินจากไป

เขาต้องมาจบเรื่องราวกับผมก่อน และเคนไม่ใช่คนเจ้าชู้ เรื่องที่จะไปขอเบอร์โทรศัพท์ใครก่อน หรือไปเจ้าชู้กระหลีกะหลอกะลิ้มกะเหลี่ยผู้หญิงคนไหนคงไม่มี

ผมจึงค่อนข้างไว้ใจ ว่าเคนจะไม่มีทางไปยุ่งเกี่ยวกับสาวคนไหน ในขณะที่ยังมีผมอยู่ทั้งคนแน่ๆ

ส่วนเรื่องการหนีผม ไม่ยอมนอนด้วยนั้น ตอนแรก ผมก็คิดไปอย่างพาลๆ เพราะผมเป็นคนบังคับให้เขาพนันกับผม แต่พอคิดไปคิดมา

ผมก็เริ่มคิดได้ว่า เคนไม่ได้มีทีท่าว่าไม่อยากจะนอนกับผม เขายอมรับในกติกา แพ้ก็คือแพ้ ไม่งอแง หรือต่อรองอะไร

ถ้าเป็นช่วงแรกๆ ที่ผมกับเขาอยู่ด้วยกัน เขาก็แสดงท่ารังเกียจผมอย่างชัดเจน แต่ช่วงหลังๆ เคนไม่มีทีท่าว่าไม่พอใจที่ผมอยู่ด้วย และเขายังตามใจผมในหลายๆเรื่อง

และคนอย่างเคนรักศักดิ์ศรีจะตายไป ดังนั้นผมจึงเชื่อว่าเขาไม่มีทางหนีผมไปเพราะไม่อยากทำตามสัญญาอย่างแน่นอน

ถ้าอย่างนั้น สามีของผมอยู่ไหน ผมควรจะออกไปตามเขาดีไหม แล้วฝนตกหนักไม่ยอมหยุดอย่างนี้ ผมจะเจอเขาได้ที่ไหน ร่มก็ไม่ได้ติดเอามาด้วย

มีอยู่สองสามคันในรถของผม ถ้าเดินออกไปเอาร่ม ก็ไม่ต่างอะไรจากการเดินไปหาเคนเลย เพราะยังไงก็เปียกอยู่ดี แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ เคนอยู่ที่ไหนต่างหาก ผมจะเจอเขาได้ที่ใด

ขณะที่ผมกำลังคิดวุ่นวายใจนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ผมพยายามเงี่ยหูฟังว่าเป็นเสียงอะไร จนกระทั่งได้ยินเสียงชัดเจน ผมจึงรีบเดินไปที่ประตู และเปิดรับคนที่ทั้งเคาะทั้งตะโกนเรียกผม

วูบแรกผมนึกดีใจ คิดว่าเคนกลับมาแล้ว แต่เมื่อประตูเปิดออก และเห็นคนสองสามคนที่โผล่เข้ามาในสายตา ผมก็ต้องเบิกตากว้าง เอามือขึ้นปิดปากด้วยกลัวว่าจะร้องตะโกนออกมาอย่างเสียจริต

นายชาตรีกับมอด พยุงร่างไร้สติของเคนที่เปียกโชกไปด้วยฝน เข้ามาในบ้าน แสงไฟจากโคมที่เพดาน ทำให้ผมมองเห็นเคนถนัดถนี่

ร่างของเคนเหมือนถูกคนรุมกระทืบมา เสื้อผ้าหลุดลุ่ยออกจากตัว ใบหน้าบวมปูด ปากเจ่อ คิ้วแตก มีเลือดไหลซึมเปรอะ แต่ถูกฝนชะลงมาเลอะเสื้อผ้า เห็นสีจางๆ เนื้อตัวเปียกโชกไปหมด

เห็นสภาพของเคนแล้ว น้ำตาผมแทบจะไหลออกมาให้ได้ แต่ความที่ผมเป็นประธานบริษัท หัวโขนที่ใส่ไว้ ทำให้ผมอ่อนแอออกมาให้ลูกน้องสองคนของผมเห็นไม่ได้ จึงทำได้แค่เพียงถามไถ่ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจ

นายชาตรีกับมอดเล่าให้ฟังว่า พวกเขาออกมาหลังงานปาร์ตี้ แล้วก็ชวนกันไปเล่นน้ำทะเลกลางคืน เขาไม่ได้บอกว่าไปกันกี่คน

แต่ดูจากสภาพและสายตาที่มองกันแล้ว ผมก็รู้ว่าเขาไปกันตามลำพังอย่างแน่นอน ใช่ว่าผมจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาสองคน พอระแคะระคายบ้าง

แต่ผมไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะถึงอย่างไร นายชาตรีกับมอด ก็เป็นแบบเดียวกับผม คือรักผุ้ชายด้วยกัน ผมเลยไม่อยากทำร้ายเขา ดังนั้นเขาจะลอบคบกันไม่ใช่ปัญหาของผม

เสียงของเขาเล่าสืบไป ดูเหมือนเขาก็ไม่ได้จงใจจะปิดบัง เพียงแต่ไม่เล่าละเอียดเท่านั้น พูดแต่เพียงว่า เขาไปเล่นน้ำกัน แล้วฝนตก เล่นกันต่อไปไม่ไหว เลยพากันขึ้นมา แล้วไปเจอกับเคน นอนสลบอยู่ที่ชายหาด สงสัยจะถูกคนทำร้าย เลยพาเคนมาที่นี่

ขณะที่สองคนเล่าให้ผมฟัง ผมก็กำมือแน่น ด้วยความโกรธจัด กรามบดเป็นสันนูน นึกโกรธและเจ็บแทนเคน นี่กระมังที่เป็นเหตุให้เคนไม่ได้กลับบ้านพักมาตามสัญญาที่ให้ไว้กับผม

ในขณะที่ผมมัวแต่นั่งน้อยอกน้อยใจในตัวเขา เคนก็ไปหามือถือให้ผม และคงจะเจอพวกนักเลงอันธพาลเข้า ใครกันหนอที่ทำร้ายคนน่ารักของผมได้ลงคอ

อย่าให้ผมรู้ตัวเชียวนะ มันผู้ใดก็ตามที่บังอาจมาทำให้เคนต้องเจ็บ คนพวกนั้นก็จะเจ็บกว่าหลายร้อยเท่า และถ้าคนที่ทำร้ายเคนเป็นพนักงานบริษัทผมละก็ ผมไม่มีวันเก็บพวกเขาไว้แน่ๆ

“ขอบคุณมากนะครับคุณชาตรี ขอบคุณมากนะมอด ถ้าพวกคุณสองคนไม่ไปเจอเขา เคนจะเป็นอย่างไรบ้างไม่รู้”
กล่าวขอบคุณทั้งสองอย่างจริงใจ นายชาตรีมองผมด้วยสายตาที่ฉายแววปราณี เขาเองก็เหมือนญาติผู้ใหญ่ของผมคนหนึ่ง ทำงานด้วยกันมานานแล้ว แม้จะจุกจิก ขี้บ่นไปบ้าง ไม่ค่อยมีใครชอบแกเท่าไหร่

แต่ผมก็ยังรับรู้ได้ว่าแกมีความหวังดีต่อบริษัท ต่อผม และพ่อ ถึงแกจะทำท่าอยากได้ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงขึ้นออกหน้าออกตาไปหน่อยก็ตาม ถ้าตัดเรื่องเสียของแกออกไปบางเรื่อง แกก็เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพคนหนึ่ง

“ให้พวกเราอยู่เป็นเพื่อนไหมครับคุณเคลวิน จะได้ช่วยกันดูแลเคน”

เขาเสนอ แต่ผมปฏิเสธ เวลานี้ผมอยากอยู่กับเคนสองคนมากกว่า ผมอยากกอดเขา อยากขอโทษที่เข้าใจผิด อยากอยู่พยาบาลเขาทั้งคืน ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วย ผมคงทำหน้าที่ภรรยาไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะหวังดี ผมก็คงรับไว้ได้เพียงแค่น้ำใจ แต่ในทางปฏิบัติ ผมขอทำเอง

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมดูแลเขาเอง คุณสองคนช่วยกันพาเขาไปนอนในห้องเถอะครับ”


---------------------------------

TBC

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

เอาไป ๑+ สำหรับความขยันนะคะ คุณน้อง

อิเจ้  :L1:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
แอร๊ยยยส์ เคลวินจัดการพวกนั้นให้หมดเลยนะ สงสารเคน  :monkeysad:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เคลวิน อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวลนะ  :fire:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ โน๊อา

  • อยู่เป็นคู่ เช่น ฉันคู่เธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
มาเป็นกำลังใจให้  เคน กะ เคล ดีก่า  :กอด1:

February

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: คืนที่แสนหวานของเรา...หายวับไปกับตา ... o22



 :z3: :z3: :z3: อย่าปล่อยมันไว้.....

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0

บทที่ 55

------------------------

พอผมร้องขอ ทั้งสองก็ปฏิบัติตามโดยไม่ต้องสั่งซ้ำ เมื่อเขาพาเคนเข้าไปนอนในห้องแล้ว ผมก็ขอให้มอดไปยังบ้านพักของนนนี่ เพื่อขอร่วมยา นนนี่จะเป็นฝ่ายเตรียมอุปกรณ์พวกนี้เอาไว้ เผื่อมีพนักงานเจ็บป่วย บาดเจ็บจากกิจกรรมต่างๆ จะได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น

มอดรับคำแล้ววิ่งไปบ้านนนนี่ตามที่ผมบอก ทิ้งให้ผมอยู่กับนายชาตรีตามลำพัง เขาช่วยผมเช็ดเนื้อเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เคน เป็นครั้งแรก ที่ผมยอมให้เขาเห็นร่างกายของสามีผม เพราะผมไม่อาจจะเปลี่ยนด้วยตัวเองได้โดยไม่ถูกครหา

และมันมีความจำเป็นที่จะต้องทำตัวเขาให้แห้ง ก่อนที่เขาจะเป็นปอดบวมเพิ่มขึ้น แต่ผมก็มีลิมิตคือไม่ยอมถอดปราการด่านสุดท้ายของเคนออก เพราะของแบบนี้จะมาให้ใครเห็นง่ายๆได้อย่างไร

“คุณชาตรีคิดว่า เคนไปเจอใครทำร้ายครับ”

ขณะที่เช็ดตัวเคนให้แห้ง ปากผมก็ถามเขาไปเรื่อย อยากรู้ว่านายชาตรี ระแคะระคายอะไรบ้างไหม

“เอ ผมก็ไม่ทราบสิครับ ตอนแรก ก็คิดว่าน่าจะเป็นพวกโจรผู้ร้าย ที่ประสงค์ต่อทรัพย์ของนักท่องเที่ยวหรือเปล่า

แต่มาคิดอีกทีก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ รีสอร์ทหรูขนาดนี้ แถมมีเวรยามรักษาความปลอดภัยเข้มงวด คงไม่ปล่อยให้มีโจรผู้ร้ายเข้ามาปล้นจี้ แขกที่มาพักเป็นการหยามน้ำหน้าหรอกครับ”

คำพูดของเขาตรงกับที่ใจผมคิดเช่นกัน ผมไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือของพวกโจร แต่น่าจะเป็นฝีมือจากคนในมากกว่า

“ถ้าตัดโจรนอกออกไป ก็อาจจะเป็นคนภายในนี่แหละทำร้ายเขา แต่คงไม่ใช่พนักงานรีสอร์ท เพราะถ้าถูกจับได้คงถูกไล่ออกแถมติดคุกด้วย

แต่ถ้าเป็นพนักงานบริษัท ใครกันที่จะทำร้ายเขา เคนเองก็ไม่ค่อยได้ยุ่งสุงสิงกับคนอื่น ทำแต่งาน จึงไม่น่าจะมีใครคิดเป็นศัตรูด้วย

ถ้าจะมีก็พวกที่เขม่นเขา ที่ได้ดีข้ามหัวคนอื่น แต่พนักงานพวกนั้นก็ไม่มีใครเป็นนักเลงสักคน คงไม่มีใครกล้าทำเขาหรอกมั๊งครับ”

นายชาตรีสรุปอย่างไม่มั่นใจนัก แต่ผมปักใจเชื่อไปแล้วว่าเป็นฝีมือใคร

“สงสัยต้องพึ่งมือตำรวจสืบหาตัวคนร้ายมั๊งครับ”

ผู้จัดการของผมตอบอย่างหมดท่า ผมไม่โทษอะไรเขา เพราะนายชาตรีคงไม่รู้เรื่องอะไร คนที่ประสบเหตุมีแค่ผมกับเคนเท่านั้น

ผมคิดว่าต้องเป็นนักเลงอันธพาลกลุ่มนั้นแน่นอนที่ทำร้ายเคน ผมไม่รู้ว่าเกิดจากเหตุผลใด ที่คนเราจะไม่ชอบขี้หน้ากันถึงขนาดลงมือทำร้ายกัน

ทั้งที่พวกเขาก็เป็นพนักงานบริษัท เปรียบไปก็เหมือนลงเรือลำเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน จะมาทำร้ายกันทำไม

และยิ่งไม่น่าเชื่อก็คือ พนักงานเหล่านี้ถูกคัดมาอย่างดี และมีการศึกษาที่ดี ไม่ใช่พวกที่ไม่รู้หนังสือหนังหา เขาต้องรู้กฎระเบียบว่า หากทำร้ายพนักงานในบริษัท จะถูกลงโทษสถานใด

ตอนนี้พยานปากเอกที่จะชี้ตัวคนร้ายก็มีเพียงเคนที่นอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่เท่านั้น หากเขาฟื้นเมื่อไหร่ คงได้เวลาสอบสวน และหากว่าพวกนั้นทำร้ายเคนจริงๆ ผมจะจัดการอย่างเด็ดขาด ไม่ฟังคำทัดทานจากเคนอีกแล้ว

จัดการซะแต่ทีแรกก็คงไม่ปวดใจ แต่นี่เพราะผมทำตามที่เคนขอร้องคือต้องการเคลียร์ปัญหาระหว่างพนักงานด้วยกันเอง โดยที่ประธานบริษัทไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยว แล้วนี่เคลียร์กันอีท่าไหน เคนของผมถึงถูกซ้อมถึงขนาดนี้

ยังไม่ได้ตรวจดูเลยว่ากระดูกกระเดี้ยวแตกหักเสียหายตรงไหนหรือเปล่า ถ้าฝนไม่ตกหนัก ผมคงพาออกไปหาหมอแล้ว แต่ฝนตกราวกับฟ้ารั่วแบบนี้

แค่จะพาเคนไปขึ้นรถยังลำบาก ต่อให้เรียกรถมา ตอนพาเขาขึ้นรถก็ลำบากอยู่ดี เลยตั้งใจจะดูอาการเคนสักคืน ในขณะที่ผมก็จะสืบเรื่องไปด้วย

“มอดมาแล้วครับคุณเคลวิน”


กล่องยาถูกนำมายื่นให้ผม มอดเล่าว่าตอนแรกนนนี่จะตามมาด้วยหลังจากได้ฟังมอดเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเคน

แต่ฝนตกหนัก ไม่สะดวกมา เลยฝากข้อความมาบอกผมว่าเธอจะจัดการกับทางโรงแรมเอง จะให้เขาช่วยกันสอบถามพนักงานของเขาว่ามีใครมีพิรุธน่าสงสัย หายไปจากเหตุการณ์นี้หรือเปล่า

เธอรับปากว่าจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมและสถานที่ให้หมด

นนนี่ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังจริงๆ เธอรู้ใจผมไปหมดทุกอย่าง และโดยที่ผมไม่ได้สั่งเธอก็จัดการทุกอย่างให้ตรงกับที่ใจผมต้องการ

เธอเป็นเลขาที่เก่งมากๆ สมแล้วที่ผมมอบความไว้วางใจให้เธอทำงานแทนผมในหลายๆเรื่อง

ผมเอาสำลีชุบแอลกอฮอลล์เช็ดบาดแผลให้กับเคน จากนั้นค่อยใส่ยาแล้วปิดผ้าพันแผลให้เขา ฝีมือผมไม่ได้เรื่องได้ราวนัก แต่ก็ทำเอาไว้ก่อน เพื่อเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้น

หลังจากทำบาดแผลให้กับเคนเสร็จและใส่เสื้อผ้าให้เขาเรียบร้อยแล้ว ผมก็เอ่ยปากอนุญาตให้นายชาตรีกับมอดเข้าไปพักผ่อนได้

ผมไม่อยากรบกวนเวลาของพวกเขา แต่ก่อนไป ผมก็ฝากให้ผู้จัดการของผม ช่วยสืบหาตัวคนร้ายรายนี้มาลงโทษให้ได้ โดยไปหาจากในกลุ่มพนักงาน เผื่อจะมีบุคคลที่ต้องสงสัย

ผมไม่ได้ระบุเจาะจงไปยังคนกลุ่มนั้น เพราะผมไม่อยากจะปรักปรำ จนกว่าจะได้หลักฐานมัดแน่นหนา ผมถึงจะกล่าวโทษและดำเนินการลงโทษขั้นสูงสุด เพราะทำร้ายกันขนาดนี้ ก็คงจะปล่อยให้ลอยนวลอยู่ในบริษัทไม่ได้

หลังจากนายชาตรีไปได้สักพัก นนนี่ก็โทรมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ผมบอกอาการของเคน ณ ปัจจุบันให้ฟัง และบอกไม่ต้องกังวล

นนนี่ปลอบใจผม แล้วก็รับปากว่าจะจัดการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเคน ผมกล่าวขอบคุณเธออย่างจริงใจที่เธออาสาจะช่วยผม หลังจากนั้นจึงวางหู

พอไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว น้ำตาที่กลั้นมานาน ก็ไหลออกมาไม่ยอมหยุด ผมนั่งลงบนเตียง ข้างๆเคนที่นอนไม่ได้สติ แล้วก็ร้องไห้โฮออกมา

รู้สึกสงสารเขาอย่างบอกไม่ถูก นึกโกรธตัวเองที่ไม่มีความพยายามเพียงพอที่จะห้ามเคนไว้ไม่ให้ออกไปตามหามือถือให้ผม โทษที่ตัวเองไม่หาของให้ดีก่อน แล้วทำเป็นจิตตกให้เคนกังวลตาม หากไม่เป็นเพราะผม เคนก็คงไม่เจ็บตัวแบบนี้

มือของเคนถูกดึงขึ้นมาจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมอยากจะเป็นฝ่ายเจ็บปวดเสียเอง ยิ่งเห็นใบหน้าที่บวมช้ำของเคน ก็ยิ่งประจานความผิดของตัวเอง

นึกละอายใจที่เคยสงสัยในความรักของเคนที่มีต่อผม และเรียกร้องไม่มีสิ้นสุด สิ่งที่เกิดขึ้นกับเคนในค่ำคืนนี้ มันทำให้ผมตระหนักว่า

เคนทำเพื่อผมมากมายเพียงไร ถ้าเขาไม่ห่วงผมมากพอว่าจะถูกครหานินทา เขาไม่จำเป็นจะต้องไปเอามือถือมาให้ผมก็ได้ เคนดีกับผมถึงเพียงนี้ ผมยังอยากได้อะไรจากเขาอีก

“เคนครับ อย่าเป็นอะไรนะ ผมขอโทษ...ผมสัญญาว่าจะลากตัวคนผิดมาจัดการให้จงได้ จะไม่ยอมให้เคนเจ็บตัวฟรีๆอย่างเด็ดขาด”

ผมก้มลงกระซิบที่ข้างหูของเขา น้ำตาของผมตกต้องหน้าเคนพอดี ผมเอามือที่สั่นระริกป้ายน้ำตาออกจากหน้าของเขา

จากนั้นก็ลูบเลยไปที่หัวคิ้วที่มีผ้าพันแผลปิดไว้ แล้วเลื่อนต่ำมาที่โหนกแก้มบวมเป่ง และปากที่แตกบวมเจ่อ ลูบไป น้ำตาก็ไหลไม่ยอมหยุด จนร่วงหล่นโดนหน้าของเคนเปียกไปหมด

ในที่สุดผมก็หมดความอดทน ฝืนกลั้นสะอื้นต่อไปไม่ไหว ต้องทรุดตัวลงกอดเขาไว้แน่น และเกลือกหน้าที่ชุ่มน้ำตากับอกเสื้อของเขา

หลังจากที่อยู่โยงเฝ้าเคนทั้งคืน ผมก็ผล็อยหลับไปในตอนเกือบรุ่งเช้า ตื่นขั้นมาอีกที เมื่อร่างที่ผมนอนกอดทั้งคืนขยับยุกยิก พอผมลืมตาขึ้นก็เห็นเคนนอนจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาที่อยู่ภายใต้หนังตาที่บวมเป่งมองผมอย่างอ่อนโยน ผมร้องเรียกชื่อเขาอย่างดีใจ

“เคน ฟื้นแล้วหรือครับ”

เขาขยับปาก ทำท่าจะพูด แต่คงเจ็บปากที่แตก เพราะได้ยินเสียงเขาสูดปากด้วยความเจ็บ ผมลุกขึ้นแล้วเอามือแตะปากเขาเบาๆเป็นเชิงว่าห้ามพูด เคนคงไม่สะดวกสักเท่าไหร่ เพราะปากของเขาบวมเจ่อไม่ใช่น้อย

“หิวน้ำไหม อยากกินอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวผมหามาให้”

เขาไม่ตอบอะไร ได้แต่พยักหน้า ผมเลยรินน้ำใส่แก้วมาวางไว้ข้างๆโต๊ะ แล้วพยุงเขาให้ลุกขึ้น เอาหมอนสองใบมาวางซ้อนหลังเขาไว้ ให้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน จากนั้นก็ประคองแก้วน้ำให้เขาดื่มกิน เคนคงจะกระหายน้ำมาก เพราะเขาดื่มจนหมดแก้ว

“ทานโจ๊กนะครับ เดี๋ยวผมสั่งให้พนักงานโรงแรมเอามาให้”

บอกเขาเสร็จ ก็กดโทรศัพท์ที่อยู่ในห้องตามหมายเลขที่ต่อถึงห้องอาหารโดยตรง แล้วสั่งอาหารเช้าสำหรับเคน 1 และตัวผมเอง 1 ชุด วันนี้ผมคงไม่ไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร แต่จะทานจากที่บ้านพักเลย ก่อนที่จะไปร่วมประชุมในตอนเช้ากับพวกพนักงาน

“วันนี้เคนนอนพักอยู่ที่นี่นะครับ ไม่ต้องไปเข้าร่วมประชุมกับเขาแล้วล่ะ วันนี้เป็นแค่ฟังวิชาการเฉยๆ เรื่อง “หัวใจการบริการ” เคนมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในตัวเปี่ยมล้น ไม่ต้องไปฟังก็ได้”

ผมปลอบใจเขา ไม่ให้กังวล เพราะรู้ดีว่าเคนเป็นคนดื้อ เขาไม่ชอบทำตัวมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ถ้าพนักงานบริษัทได้รับสิทธิ์แค่ไหน หรือต้องมีบทบาทหน้าที่อะไร เขาก็จะทำเหมือนกัน ไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเองก็เห็นด้วยกับเขาอย่างมาก

เพราะในฐานะนายจ้าง ย่อมต้องการลูกน้องที่มีคุณภาพ และรู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไร ไม่ต้องมีใครมาบอกกล่าว กฎระเบียบมีไว้ต้องศึกษาและต้องพยายามทำตามให้ได้ ซึ่งที่ผ่านมา ผมไม่เคยกังวลใจกับพฤติกรรมการทำงานของเคนเลยแม้แต่น้อย

“แล้วก็ วันนี้เคนไม่ต้องกลับรถบัสนะครับ ผมบอกนนนี่ให้จัดการไว้แล้ว คุณกลับกับผมนะครับ ผมจะได้ดูแลคุณได้เต็มที่”

คราวนี้ผมสั่งเขาโดยไม่ขอความเห็นก่อน มีเรื่องเกิดขึ้นกับเคนอย่างนี้ ผมไม่มีทางปล่อยให้เคนไกลหูไกลตาผมแน่ การให้เคนกลับกับผมจึงเป็นวิธีการเดียวที่ผมจะสามารถปกป้องเคนได้

“ผมอนุญาตให้เคนหยุดงานได้สักสองสามวันนะครับ ต้องรักษาตัวก่อน จะไปทำงานทั้งอย่างนี้ไม่ได้ เดี๋ยวไม่หาย แถมคนโน้นคนนี้มาถามวุ่นวายอีก”

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคำสั่งของผม ต้องห้ามกันไว้ก่อน เพราะเคนดื้อ เขาไม่ค่อยห่วงตัวเอง ห่วงงานมากกว่า การไปทำงานในสภาพหน้าตาบวมปูดแบบนี้รับรองเป็นจุดสนใจอย่างแน่นอน และต้องมีคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น และก็คงถามไถ่กันไม่มีหยุด ดีดีไม่ดี อาจจะทำให้การสืบหาตัวคนที่ทำร้ายเคนต้องคว้าน้ำเหลว เพราะผู้ร้ายไหวตัวเสียก่อน

“เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น ผมจะทวงถามหาความยุติธรรมแทนเคนเอง เคนไม่ต้องกังวลนะครับ อ้อ ไม่ต้องห้ามปรามผมด้วย”

รีบพูดดักคอ เพราะเห็นเคนอ้าปากจะค้าน โชคดีที่เขาเจ็บปากเลยพูดไม่ทันผม ซึ่งรีบสรุปให้เขาฟังหมดแล้ว ว่าผมต้องจัดการคนที่ทำร้ายคนที่ผมรักอย่างแน่นอน และห้ามขอให้ผมอภัยให้คนพวกนั้น เพราะการที่พนักงานคนหนึ่งทำร้ายพนักงานคนหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่ควรจะจัดการให้เด็ดขาด ไม่ใช่ปล่อยนิ่งเฉยๆ เพราะเท่ากับจะเป็นการให้โอกาสพวกเขาได้ทำอีก

สั่งเสร็จสรรพโดยที่เคนไม่มีโอกาสโต้แย้ง สามีของผมก็น่ารักมาก นั่งฟังตาปริบๆบนเตียง เหมือนเขาจะพยายามยิ้มให้ผมด้วย

ผมนั่งพูดคุยกับเขา ให้คำมั่นว่าผมจะดูแลเขาจนกว่าจะหาย เคนบีบมือผมไว้แน่น และกล่าวขอบคุณผม กว่าจะพูดได้แต่ละคำ ก็ลำบาก ฟังแทบไม่รู้เรื่อง เพราะปากเจ่อไปหมด

ผมสงสารเขาไม่อยากให้เขาพูดหรือทำอะไร เลยบังคับให้เขานอนนิ่งๆ เอาผ้ามาเช็ดเนื้อเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา พออาหารมา ผมก็บริการตักป้อนให้ถึงปาก หลังจากนั้นจึงค่อยจัดการอาหารเช้าของตัวเอง

กินไปได้นิดหน่อย ก็ต้องหยุดกิน ความแค้นเคืองที่เคนถูกทำร้ายมันอัดแน่นอยู่ในอก ยิ่งเห็นใบหน้าที่บวมปูดของเคน ผมก็ยิ่งปวดร้าว

อยากให้ถึงเวลาไปประชุมเร็วๆ อยากดูน้ำหน้าไอ้คนที่ผมสงสัยว่าจะทำร้ายเคน ดูสิว่าหน้าตามันเป็นอย่างไรบ้าง มันจะได้รับบาดเจ็บอย่างที่พวกมันทำกับเคนหรือเปล่า

หลังจากดูแลเคนให้นอนพักผ่อนเรียบร้อย ผมก็อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปงานสัมมนาที่จะมีขึ้นในภาคเช้า ก่อนที่พนักงานจะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมกลับกรุงเทพ โดยมีโปรแกรมเที่ยวต่อระหว่างทาง

โดยก่อนออกจากบ้าน ผมไม่ลืมที่จะโทรไปบอกคุณชาตรีให้ส่งมอดมาอยู่เป็นเพื่อนเคน เพราะมอดเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย โดยเนื้องานแล้ว เขาไม่ต้องเข้าร่วมประชุมเรื่องหัวใจการบริการก็ได้

ซึ่งนายชาตรีก็รับปากจะจัดการให้ ผมเลยค่อนข้างสบายใจที่มีคนมาดูแลเคนในช่วงที่ผมไม่อยู่ ผมจะได้ดำเนินการจัดประชุมโดยไม่ต้องพะวักพะวน

ความร้อนใจทำให้ผมไปถึงห้องประชุมแต่เช้า ยังไม่มีพนักงานคนไหนโผล่มา เพราะคงมัวแต่ทานอาหารกันอยู่ ผมเจอแค่นนนี่ กับสต๊าฟจัดงานแค่สองสามคนเท่านั้น

ทันทีที่นนนี่เห็นผม เธอก็ปราดเข้ามาถามไถ่เรื่องเคน พอรับรู้ว่าผมให้พักผ่อนอยู่ที่บ้านพักเธอก็โล่งใจ จากนั้นก็รายงานเรื่องที่เธอรับปากจะจัดการให้ผม ซึ่งมันก็ตรงกับสิ่งที่ผมคิดไว้

ไม่มีพนักงานคนไหนรู้เรื่องที่เกิดขึ้น และไม่มีพนักงานคนไหนไปอยู่ในบริเวณเกิดเหตุ ไม่มีใครหายไปอย่างผิดสังเกต

ทางโรงแรมยินดีจะให้ตรวจสอบพนักงานทุกคนเพื่อความบริสุทธิ์ใจ และยินดีจะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยการตามหาตัวบุคคลที่ต้องสงสัยอีกแรงหนึ่ง

ผมกล่าวขอบคุณนนนี่ และเล่าถึงสิ่งที่สงสัยให้ฟัง ผมกล้าพูดบางเรื่องให้เลขาของผมได้รู้ เพราะเธอเป็นคนที่ไว้ใจได้ ที่สำคัญนนนี่เข้าใจผม

ถึงผมจะไม่บอกเรื่องระหว่างผมกับเคนให้เธอทราบ แต่ด้วยความช่างสังเกต นนนี่ก็คงจะพอเดาออก แต่เธอก็ไม่เคยทำเป็นอวดฉลาด

เรื่องไหนที่ไม่เกี่ยวกับงานเธอจะไม่เข้ามายุ่งวุ่นวาย ไม่ทำให้ผมอึดอัดใจด้วยการเข้ามาสอดรู้สอดเห็น ผมจึงวางใจที่จะพูดให้เธอฟัง โดยไม่กลัวว่าเธอจะปากโป้ง ทำให้ผมเดือดร้อน

หลังจากเราคุยกันไปได้สักพัก พนักงานก็ทยอยกันเข้ามาในห้อง พอเห็นผมรออยู่ก่อนแล้ว ทุกคนก็หน้าตาตื่น รีบเดินตัวลีบเข้าห้องประชุมไป

การที่ได้เห็นผมมาก่อนเวลา ทำให้พวกเขารู้สึกละอาย เพราะสำหรับประธานบริษัทไม่จำเป็นจะต้องมารอพนักงานก็ได้ ให้ทุกคนเข้าห้องประชุมเรียบร้อยก่อน คนที่กำกับรายการค่อยไปเชิญผมมาเปิดงาน

แต่พอผมมาก่อนเวลาแบบนี้ พวกเขาก็คงรู้สึกผิดที่มัวแต่เถลไถลล่าช้าต้องให้ผมเป็นฝ่ายมาคอย

ผมนั่งดูพนักงานที่เข้านั่งในห้องประชุมจนเกือบเต็ม กลุ่มคนต้องสงสัยเข้ามาเกือบจะสุดท้าย สายตาของผมตวัดไปที่คนที่มีเรื่องกับเคนทันที

เขาเองเมื่อหันมาเจอผมจ้องที่เขา ก็มีทีท่าตกใจเช่นกัน ผมมองผ่านอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้คนกลุ่มนั้นรู้ตัวว่าผมกำลังจับผิดพวกเขา สายตาพยายามเก็บรายละเอียดเต็มที่

ดูจากสภาพร่างกายแล้ว พนักงานที่มีเรื่องกับเคน ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บใดๆ มีเพียงโหนกแก้มที่เขียวช้ำนิดหน่อย ซึ่งก็บ่งบอกไม่ได้ว่าไปโดนอะไรมา

ผมเห็นหน้าเขาแล้วก็ปวดใจ หากเขามีเรื่องกับเคนจริงๆ เคนก็โต้ตอบเขาได้น้อยมาก แทบไม่ระคายเคืองอะไรเลย แต่สภาพบอบช้ำของเคนที่ผมเห็น มันทำให้ผมตระหนักได้ว่า เคนโดนกระทำหนักหนาสาหัสเพียงไร

แทบไม่อยากจินตนาการถึงการที่สามีของผมถูกกลุ้มรุมทำร้าย เขาคงสู้ยิบตา แต่สามีของผมไม่ใช่คนตัวใหญ่มากมาย เทียบกับคู่ต่อสู้ของเขาคนนี้

ร่างกายของเคนเป็นรองหลายเท่า ยังไม่นับว่าเขาคนเดียว กับฝ่ายนั้นที่มีพวกอีกหลายคน เคนจะไปต้านทานนักเลงอันธพาลเหล่านั้นได้อย่างไร

มือของผมกำแน่น เกร็งจนเห็นข้อขาว พยายามระงับอารมณ์ตัวเองอย่างที่สุดที่จะไม่แสดงความโกรธออกมา ผมกลัวว่าตัวเองจะยับยั้งชั่งใจไม่อยู่ เดินไปกระชากคอเสื้อพนักงานของตัวเองแล้วตะคอกถามว่าทำร้ายเคนของผมหรือไม่

ผมอยากจะถอดหัวโขนประธานบริษัททิ้งใจจะขาด อยากเป็นคนธรรมดาสามัญ ที่สามารถทำอะไรได้ตามใจ ไม่ต้องกลัวว่าใครจะนินทาว่าร้าย หรือเสื่อมศรัทธาในตัวเรา

ผมอยากจะเอาคืนคนที่ทำร้ายคนที่ผมรักเพื่อปกป้องเกียรติของเขา แต่สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือเพียงแค่นิ่งเฉย ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ในใจถูกแผดเผาด้วยไฟแค้นที่สุมอก

เมื่อทุกคนเข้านั่งที่ประชุมเรียบร้อย พิธีกรก็กล่าวเชิญผมเพื่อเปิดงาน ผมขึ้นไปกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการสัมมนาในช่วงเช้านี้ ในหัวข้อ หัวใจของการบริการ เพราะเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำงาน

งานของเราคือผลิตสินค้าและบริการ และลูกค้าคือพระเจ้า เราต้องดูแลและบริการลูกค้าของเราอย่างเต็มที่ เพื่อให้เขาเกิดความประทับใจ จะได้เกิดเป็นความจงรักภักดีต่อบริษัท และต่อสินค้าของเรา

เมื่อเขาชื่นชอบนิยมในตัวสินค้าและการบริการของเรา เขาก็จะเรียกใช้ต่อไปในภายภาคหน้า และก็จะแนะนำบอกต่อกันไป

ซึ่งการบริการนี้ไม่ใช่มีแต่เฉพาะตอนขายสินค้าเท่านั้น แต่ต้องมีบริการหลังการขาย ซึ่งทุกคนจะต้องทำด้วยใจ และเต็มที่กับมัน หน้าที่ในการบริการเป็นของทุกคน ทุกระดับชั้น

ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายบริการลูกค้าหลังการขาย ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายการตลาด หรือฝ่ายประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของบริษัท

และการบริการนั้นไม่ใช่จะต้องทำเฉพาะกับลูกค้าที่มาติดต่อซื้อสินค้าและรับบริการของบริษัทเราเท่านั้น แม้แต่พนักงานแต่ละฝ่ายก็ถือว่าเป็นลูกค้าที่เราจะต้องบริการด้วยใจ

เช่นฝ่ายการตลาดเวลาไปติดต่อกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ ก็ให้ถือว่า ฝ่ายการตลาดเป็นลูกค้าของฝ่ายประชาสัมพันธ์ ซึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์จะต้องดูแลและให้บริการด้วยความเต็มอกเต็มใจ ไม่ถือว่าต่างฝ่ายต่างพวก

ทุกคนในบริษัทคือเพื่อนร่วมงาน คือพี่คือน้อง และในขณะเดียวกัน ก็ให้ถือว่าเป็นลูกค้าที่เราจะต้องดูแลเอาใจใส่ด้วย

ผมบอกกับพวกเขาว่า ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้รับเกียรติให้มากุมบังเหียนดูแลกิจการที่นี่ ที่ผ่านมา ทุกคนมุ่งมั่นขยันทำงาน เป็นที่น่าพอใจ อัตราการเติบโตของบริษัทเพิ่มขึ้นทุกปี เป็นผลมาจากความตั้งใจจริงของทุกคน

และผมย้ำว่า สำหรับคนที่ขยันอดทน ทุกคนจะได้รับรางวัลอย่างแน่นอน ผมยินดีสนับสนุนคนทำงาน คนที่ตั้งใจจริง และผมไม่นิยมการเล่นเส้นสาย

ใครที่คิดว่า การประจบสอพลอ จะทำให้ก้าวหน้าขอให้เลิกคิดได้ หรือใครที่กำลังคิดอยู่ว่าตัวเองไม่ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง เป็นเพราะผู้บังคับบัญชาลำเอียงไม่ให้ความเป็นธรรม และรู้สึกข้องใจ ก็ให้เดินมาหาผม ห้องทำงานของผมเปิดต้อนรับทุกคน เรามาคุยกัน จะได้รู้ว่าเพราะอะไรทำไมถึงไม่ได้

สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะขอร้องพวกเขาคือ อย่าไปคิดสรุปกันเอาเองว่าที่ตัวเองได้รับการเมินเฉยเพราะถูกหัวหน้ารังเกียจ อย่าไปเชื่อข่าวลือ จนกว่าจะได้เห็นด้วยตา หรือได้ยินจากหูของตัวเอง

เพราะบางทีข่าวลือก็ถูกปล่อยออกมาจากผู้ไม่ประสงค์ดี หรือต้องการทำลายกัน และที่สำคัญอย่ากล่าวโทษคนอื่นที่เขาได้ดีกว่า เพียงเพราะเชื่อคำที่ได้ยินได้ฟังเขาเล่ามา เพราะคุณอาจจะเป็นเหยื่อของผู้ที่ต้องการทำให้เกิดความแตกแยก

ข้อสรุปสุดท้ายของผมที่บอกกล่าวกับทุกคนคือ ผมรักพนักงานของผมทุกคน และยินดีให้ความเป็นธรรมกับพวกเขา หากใครมีเรื่องอะไรขุ่นข้องหมองใจ ไม่สบายใจให้เดินมาบอกผม หรือบอกหัวหน้าของพวกเขาก็ได้

เพราะทุกเรื่องถึงผมเหมือนกันหมด ผมขอให้พวกเขารักกัน อย่ามีอคติต่อกัน เพราะทุกคนคือเพื่อนร่วมงาน ถ้าใครไม่ชอบคนไหน ก็ขอให้ไปเคลียร์กันอย่างมีเหตุผล

อย่าใช้ความรุนแรง หากผมพบว่า มีใครเกลียดกัน และทำร้ายกันด้วยวิธีป่าเถื่อน ผมจะจัดการขั้นรุนแรงกับคนพวกนั้น เพราะถือว่าเขาไม่เคารพเพื่อนร่วมงานของตัวเอง โทษมีสถานเดียวก็คือไล่ออก และผมจะไม่รอมชอมใดๆทั้งสิ้น

ตอนที่ผมพูดเรื่องนี้ สายตาของผมจับจ้องตรงไปที่พนักงานที่มีเรื่องกับเคน ผมเห็นเขาก้มหน้าก้มตา เหมือนกลัวความผิด สังหรณ์บางอย่างทำให้ผมคิดว่าเขาคือคนที่เล่นงานเคนอย่างแน่นอน

แต่ในเมื่อตอนนี้หลักฐานที่จะมัดตัวเขา ยังมาไม่ถึงมือผม ก็คงทำอะไรไม่ได้ คงได้แต่ตักเตือนทางอ้อม บอกให้รู้เป็นนัยๆว่าผมรู้เรื่องนี้ และไม่มีวันที่จะนิ่งเฉยอย่างเด็ดขาด

อย่างน้อยๆ ก็คงปรามเขาได้บ้าง ไม่ให้ไปเล่นงานเคนอีก เพราะถ้าเขายังขืนรังแกคนของผม เขาก็จะได้รับการตอบแทนที่สาสมเช่นเดียวกัน

ลงจากเวทีแล้ว พิธีกรก็กล่าวเชิญวิทยากรรับเชิญที่เราจ้างมาบรรยายในหัวข้อหัวใจการบริการ ขึ้นไปพูดถึงวิธีการที่จะดูแลลูกค้าให้ประทับใจ

ผมนั่งฟังไปสักครึ่งชั่วโมง ก็เดินออกมาข้างนอก เพื่อโทรศัพท์ถามไถ่มอดเรื่องอาการของเคน มอดรายงานว่าเคนหลับตลอดตั้งแต่ผมออกจากบ้านพัก คงเพราะความอ่อนเพลีย และฤทธิ์ยาที่ผมบังคับให้เคนทาน ทำให้เขาหลับไป ซึ่งก็เป็นการดีที่เคนจะได้พักผ่อนร่างกายบ้าง

เมื่อหมดห่วงเรื่องเคนแล้ว ผมก็กลับเข้าไปในห้องประชุมตามเดิม เพื่อนั่งฟังวิทยากรบรรยายจนจบ เพื่อเป็นการให้เกียรติวิทยากรที่เชิญมา และรอมอบของที่ระลึกให้เขาด้วย

เสร็จสิ้นการสัมมนา ผมก็กล่าวปิดประชุม และอวยพรให้พนักงานทุกคนที่กำลังจะเดินทางกลับกรุงเทพ ให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ และขอให้ทุกคนกลับมาทำงานในวันรุ่งขึ้น อย่างสดชื่นแจ่มใส

แง้มถึงโบนัสที่ผมจะให้กับพวกเขาด้วย ข่าวนี้สร้างความดีใจและฮือฮาให้พวกเขาไม่น้อย ทุกคนปรบมือและร้องตะโกนขอบคุณผมกันยกใหญ่

ผมยิ้มให้กับทุกคน และโบกไม้โบกมืออำลาพวกเขาซึ่งกำลังจะเดินทางกลับกัน

ก่อนที่จะกลับบ้านพัก ผมเสียเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงกับการคุยกับผู้จัดการโรงแรมที่มาพบผมเพื่อขอโทษขอโพยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และพร้อมจะสืบสาวราวเรื่องให้

ผมกล่าวขอบคุณเขาที่แสดงความรับผิดชอบออกมา ที่จริงผมไม่ติดใจเอาความทางรีสอร์ท เพราะรู้ว่าคนของเขาคงไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเคน

ตอนนี้ผมปักใจว่า คนในบริษัทผมเองที่ทำร้ายสามีของผม แต่ถึงอย่างไร ผมก็ต้องการเบาะแสบ้าง เผื่อว่าในค่ำคืนนั้นจะมีใครเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเคน อันจะสาวไปถึงตัวผู้ร้ายตัวจริง ซึ่งผมจะได้ใช้เป็นหลักฐานมัดตัวเอาคนทำผิดมาลงโทษ

จบจากการพูดคุยกับผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมก็ตรงดิ่งกลับบ้านทันที ใจผมไปอยู่ที่เคนหมดแล้ว

เป็นห่วงกังวลไปสารพัด กลัวว่าเขาจะเจ็บหนัก กลัวจะไข้ขึ้น กลัวว่าเขาจะช้ำใน แม้ว่าผมจะตรวจตราดูบาดแผลของเขาก่อนออกจากบ้าน ว่าไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงมากก็ตาม

แต่ผมก็วางใจไม่ได้อยู่ดี เกิดเคนเป็นอะไรขึ้นมาระหว่างนี้ ผมคงรู้สึกแย่ที่ไม่ได้อยู่ข้างเขา ตอนที่เขาต้องการใครสักคน

มอดรายงานเกี่ยวกับอาการของเคนให้ผมฟัง ผมกล่าวขอบคุณเขาที่ช่วยดูแลเคนเป็นอย่างดี ตอนแรกว่าจะให้เงินเป็นรางวัลกับเขา แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ

การได้อยู่ใกล้ชิดเคนทำให้ผมรู้ว่า บางครั้งเงินก็ซื้อความรักความภักดีจากคนไม่ได้ ผมควรจะตอบแทนน้ำใจของมอดด้วยวิธีการอื่นดีกว่า ซึ่งน่าจะทำให้มอดรู้สึกดีที่จะตบรางวัลเป็นเงินกับเขา

หลังจากมอดกลับที่พักของตัวเองเพื่อเตรียมตัวไปกับรถบัส ผมก็นั่งเฝ้าเคนต่อข้างๆเตียง จนกระทั่งเคนตื่นลืมตาขึ้นมาอีกครึ่งชั่วโมงให้หลัง

เมื่อเขาเห็นผมนั่งมองเขาหน้าเศร้าอยู่ข้างเตียง เคนก็เอามือของเขามาจับมือผมไว้ แล้วพูดเย้าผมด้วยเสียงอู้อี้ เนื่องจากปากแตกบวมทำให้พูดไม่ค่อยถนัด

“ทำหน้าแบบนี้ไม่หล่อเลยนะ”

“เคนอ่ะ อารมณ์แบบนี้ใครจะมาห่วงหน้าตาตัวเองกัน”

ตัดพ้อเขา แต่ก็ไม่วายยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง เอ...หรือว่าผมจะโทรมจริงๆ จนเคนมองแล้วไม่สบายตา ไม่ได้การแล้ว กลับไปบ้าน ต้องโปะครีมบำรุงสุดฤทธิ์ หน้าจะได้เด้งเนียนใส เคนจะได้หายป่วยเมื่อมองหน้าผม


ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
“อย่ากังวลเรื่องผมมากนักนะ คนดี”

เขาพูดอย่างอยากลำบาก จนผมต้องตะแคงหูฟัง แต่ถึงกระนั้น ผมก็ได้ยินคำว่า “คนดี” ผ่านปากบวมเจ่อของเขา มันทำให้ผมปลื้มถึงกับน้ำตารื้น..

โถ.... พ่อคุณของเมีย เห็นสภาพสามีเป็นอย่างนี้แล้ว ใครจะรื่นเริงอย่างไรไหว ต้องทนสงบอกสงบใจ ไม่อาละวาดเอากับคนที่ผมมั่นใจว่าทำร้ายเขา ก็มากพอดูแล้ว

ใจจริงอยากจะชกหน้าสักเปรี้ยงให้หายแค้น แต่หัวโขนประธานค้ำคอ ทำให้ไม่สามารถทำรุนแรงกับลูกน้องตัวเองได้

ต้องกล้ำกลืนฝืนทนเห็นพวกนั้นลอยนวล โดยไม่มีใครทำอะไร ได้แต่หวังว่า นนนี่และนายชาตรี จะหาหลักฐานมาให้ผมเอาผิดคนเลวได้ในเร็ววัน

“อย่าพูดมากเลยครับ เดี๋ยวทานข้าว แล้วทานยาแก้ปวดสักนิดนะครับ ผมสั่งพนักงานเขาจัดอาหารกลางวันมาให้เคนแล้ว

ทานเสร็จเราจะได้กลับกัน กลับบ้านของเรา เอ้อ...ผมหมายถึงเพนท์เฮาส์ของผมนะครับ เคนเจ็บแบบนี้ ผมไม่ให้กลับบ้านเช่าของเคนแน่ๆ”

ผมถือวิสาสะจัดการเรื่องที่พักของเคนซะเอง ที่ผมไม่อยากให้เคนกลับห้องเช่า เพราะที่นั่นคับแคบ และสิ่งแวดล้อมไม่ดี เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆก็ไม่มี ไม่เหมาะกับการจะใช้ที่นั่นเป็นสถานที่พักผ่อนตอนที่เคนเจ็บแบบนี้

สู้ไปนอนพักที่บ้านผมดีกว่า ผมจะได้แวบขึ้นมาดูแลอาการเคนได้บ่อยๆ ไม่ต้องนั่งคอยกังวลว่าเคนจะเป็นอะไรหรือเปล่า

สามีของผมไม่โต้แย้งอะไร อันที่จริง เขาไม่อยู่ในสภาพที่จะขัดขืนอะไรได้มากกว่า หน้าตาบวมปูด ปากแตกแบบนั้น แค่จะพูดตอบผม ก็ยังลำบากเลย เขาก็เลยต้องยอมทำตามผมไปโดยปริยาย

หลังทานอาหารเที่ยง และเช็คเอาท์เรียบร้อยแล้ว ผมก็พาเคนกลับบ้าน โดยลุงเทพคนขับรถของผมเป็นคนขับ ส่วนผมกับเคนนั่งข้างหลัง

ผมให้เคนนอนหนุนตักหลับไปอย่างสบาย ตอนแรกเขาไม่ยอมเพราะอายคนของผม ต้องอาศัยการหว่านล้อมว่าลุงเทพรู้เรื่องของเราเป็นอย่างดี และไม่มีวันปากโป้ง เคนถึงได้ยอม

แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมหลับ นั่งจ้องด้านหลังคนขับตาแป๋ว คงกลัวลุงจะหันมาให้ความสนใจ สักพัก ฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปก็ทำให้เขาง่วง ก็เลยผล็อยหลับไป

ด้วยความช่วยเหลือของลุงเทพ เราสองคนก็ช่วยกันพยุงเคนขึ้นมายังเพนท์เฮ้าส์ ของผมได้ ผมไม่ลืมสั่งให้ป้าหมี่ แม่บ้านของผม ซึ่งเคยดูแลเคนมาก่อนตอนเคนป่วย ให้ช่วยมาดูแลเขาด้วย

อย่างน้อยๆ ตอนที่เคนนอนป่วยอยู่ตามลำพัง ในขณะที่ผมไปทำงาน จะได้มีคนช่วยดูแลเขา และเคนก็คุ้นกับป้าหมี่แล้ว คงจะดูแลกันได้

“ไม่ให้ผมไปทำงานจริงๆเหรอ”

ตอนเย็น หลังจากที่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว เขาก็ถามผมทันที เหมือนว่ามันเป็นเรืองคาใจเขา ผมยิ้มให้สามี และกุมมือเขาไว้แน่น ก่อนจะพูดกับเขาอย่างอ่อนโยน

“นอนอยู่ที่นี่ดีแล้วนะครับ หน้าตาบวมอย่างนี้ จะไปทำงานได้ไง”

มือข้างหนึ่งของผมเอื้อมไปแตะที่หน้าของเขาแผ่วเบา

“ผมรู้ว่าเคนห่วงงาน แต่ห่วงตัวเองก่อนดีไหมครับ ผมไม่ใช่เจ้านายใจร้าย ที่จะใช้ลูกน้องทั้งที่เขาเจ็บป่วยหรอกนะ คุณไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้นี่นา”

ปลอบเขาให้คลายความกังวลใจ เคนพยายามยิ้มให้ผม แม้มันจะคลี่ปากออกยาก เพราะมันคงจะตึงและแสบ
ไปหมด แต่ดวงตาที่พราวระยับทำให้ผมรู้ว่าเคนกำลังยิ้มให้ผม

“เคนต้องพักผ่อนให้มากๆนะครับ เมื่อครู่ตอนคุณนอนหลับ ผมให้หมอมาตรวจดูอาการคุณแล้ว

หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ไม่มีกระดูกแตกหัก และไม่มีอาการที่บ่งบอกว่าช้ำใน แผลภายนอกอย่างนี้ อีกไม่กี่วันก็หาย แต่เคนต้องทานยา และพักผ่อนนะครับ”

ขอร้องแกมสั่งเขา ซึ่งเคนไม่มีทางเลี่ยง ต้องจำยอมรับปาก ผมรู้ว่าเขาห่วงงาน กลัวทำไม่ทัน ในฐานะประธานแค่ได้ฟังอย่างนี้ผมก็ชื่นใจแล้ว

มีลูกน้องที่ทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างนี้ ผมคงใจดำปล่อยให้เขาไปทำงานทั้งที่หน้าตาบวมปูดไม่ได้หรอก

ยิ่งในฐานะคนเป็นเมียย่อมไม่อยากเห็นสามีอาการทรุดหนักย่ำแย่กว่าเดิม ดังนั้น การตัดสินใจให้เขานอนพักผ่อนอยู่กับบ้าน ในขณะที่ผมไปทำงานและสืบเรื่องคนทำร้ายเขา จึงเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมแล้ว

“เลยอดกุ๊กกิ๊กกับเคนเลย”

ผมบ่นกระปอดกระแปด นึกเสียดายช่วงเวลาที่จะได้ฮันนีมูนกับเคนในบรรยากาศสุดโรแมนติก ไอ้คนเลวบางคนดันมาทำให้พังทลายเสียได้

“แต่ไม่เป็นไรหรอก เท่ากับเคนยังติดค้างผมอีก รวมกับหนก่อน เป็น 9 ครั้งนะ”

อดไม่ได้ที่จะทวง ตาของเคนเต้นระริกด้วยความขำ มุมปากกระตุก เหมือนเขาจะหัวเราะ แต่ปากที่บวมเจ่อ ทำให้รอยยิ้มของเขานั้นดูแปลกๆพิกล

“9 ครั้งนี่ แล้วพอเลยใช่ไหมครับ แล้วไม่ยุ่งกันอีกเลย”

สามีของผมแซวขำๆ เออหนอ ยังมีแก่ใจจะอำผมอีก และผมก็บ้าจี้พอที่จะโวยวาย เหมือนเด็กที่ถูกริบของที่ชอบกลับคืน

“อะไรอ่ะ ผมหมายถึง 9 ครั้งในคืนเดียวต่างหาก ส่วนวันอื่น ก็ต้องกุ๊กกิ๊กกันตามปกติ”

ผมไม่ยอมสูญเสียโอกาสดีๆ ที่จะได้ผูกสัมพันธ์แนบแน่นกับเคนหรอก

“รู้ตัวบ้างไหม ว่าเคลวินเป็นภรรยาที่หื่นมากๆเลย ในสมองนี่คิดเรื่องอื่นเป็นบ้างไหมครับ”

เขาทำเสียงเย้า ดวงตาที่เขาทอดมองมา อ่อนโยนนัก ผมโน้มตัวลงไปกอดเขาอย่างแนบแน่น เอาหน้าเกลือกที่หน้าอกเคน

คำว่า “ภรรยา” ที่เขาเผลอพูดออกมา ดังก้องสะท้อนในหัว ดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่เคนเรียกผมด้วยคำนี้ ต้องพยายามอย่างมาก ที่จะไม่เผลอพูดถึงเรื่องนี้ออกไป ด้วยกลัวว่าเคนจะเอาแต่ระวังตัว และไม่ยอมเรียกผมด้วยคำนี้อีก

“ก็...แหม...พูดอย่างนี้อายนะเนี่ย ...ที่หื่นน่ะ ก็หื่นกับเคนคนเดียว ไม่เคยหื่นกับใครเลยนะ ...หื่นเพราะรัก ผมรักเคนนะครับ”

แขนของเคนสอดเข้ามากอดตอบผมอย่างเก้ๆกังๆ เหมือนเขาจะไม่แน่ใจในการกระทำของตัวเอง ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ใจลุ้นระทึกว่าเขาจะกอดผมหรือคลายอ้อมแขนออก

แล้วผมก็ต้องแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเขากอดผมแน่น เคนคงรับรู้ได้ถึงความรักที่ผมมีต่อเขาอย่างท่วมท้นหัวใจ

และเขาคงกำลังตอบแทนความรักของผมด้วยวิธีการของเขา แม้จะเป็นแค่การกอด ผมก็รู้สึกดีใจจนเนื้อเต้นแล้ว และได้แต่หวังว่า การสัมผัสทางกายอื่นๆ ที่บ่งบอกว่าเขารักผม คงจะตามมาในไม่ช้า







หลังจากที่นอนหลับพักผ่อนเป็นเวลานานหลายชั่วโมงติดต่อกัน ผมก็ตื่นลืมตาขึ้นมาในสภาพที่หนักตรงหน้าอกและลำตัวด้านข้าง

ผมเอี้ยวมองคนที่เอนตัวมาซบผมในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอน แล้วเกิดความรู้สึกสงสาร

ตั้งแต่เกิดเรื่องเคลวินเฝ้าดูแลผมไม่ยอมห่าง ปรนนิบัติพัดวี ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ดูแลให้ผมกินยา และพักผ่อน จนตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีอาการดีขึ้นบ้างแล้ว

แผลบนใบหน้าเริ่มแห้ง ตึงบ้างในบางที่ตรงบริเวณที่มันแตก แต่ไม่ค่อยเจ็บเหมือนวันแรกๆที่โดนซ้อมมา
เหตุการณ์วันที่ผมโดนทำร้ายผมยังจำได้ติดตา

ทว่าผมไม่พยายามจะพูดถึงมัน เพราะกลัวว่าจะเป็นการสุมไฟแค้นให้เคลวิน ผมรู้ดีว่า เมื่อไหร่ที่ผมหาย เคลวินก็คงจะต้องซักถามผมถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อหาตัวคนผิดมาลงโทษ

แต่ผมไม่อยากลากให้เคลวินมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แค่ที่เป็นอยู่ เคลวินก็มัวหมองเพราะผมมากเกินไปแล้ว ผมไม่อยากให้เขาเสียคนด้วยเรื่องของเรา มันเป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องปกป้องเกียรติของเขาเอาไว้

แน่นอนว่า ผมไม่มีทางปล่อยให้เรื่องมันจบลงแค่นี้ ผมต้องหาวิธีจัดการกับคนพวกนั้นด้วยตัวเอง ผมรู้ว่าคนเหล่านั้นคงไม่หยุดแค่การทำร้ายผม

เขาคงต้องหาวิธีในการที่จะทำให้ผมอยู่ที่บริษัทนี้ไม่ได้ และวิธีการนั้นอาจจะดึงเคลวินมาเกี่ยวข้องโดยปริยาย

ผมอยากไปทำงานเหลือเกิน อยากไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รู้ตัวดีว่าผมคงนอนพักผ่อนในสภาพที่จิตใจร้อนรุ่มไม่ได้

แต่ในสภาพที่เป็นอยู่ ผมคงทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากนอนพักรักษาตัวให้หาย แล้วก็ไปจัดการเรื่องที่มันยังคั่งค้างอยู่

“เคลวิน..สายแล้วนะครับ ไม่ไปทำงานหรือไง”

คนขี้เซาไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ยังคงนอนซบอกผมอยู่อย่างเดิม ตามปกติเขาเป็นคนความรู้สึกไว และตื่นเช้ามาก วันนี้กลับนอนตื่นสาย คงเพราะเฝ้าพยาบาลผมจนอ่อนเพลีย ทำให้ไม่ลุกมาง่ายๆ

“ประธานเคลวิน ตื่นได้แล้วนะ”

ผมเอานิ้วไปแหย่รูหูเขา แล้วไชนิ้วยุกยิก เคลวินทำคอย่น มีเสียงหัวเราะดังมาให้ได้ยิน แต่ตายังหลับ ผมเลื่อนมือไปดึงจมูกโด่งสวยของเขา แล้วบีบที่ปลายจมูก สักพักเขาก็ลืมตาขึ้น แล้วร้องโวยวาย

“นี่ตอบแทนความดีของผม ด้วยการที่จะฆ่ากันให้ตายหรือไง”

“ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้จะตื่นขึ้นมาหรือครับ”

“นี่เหรอวิธีการปลุกของเคน ต้องแบบนี้ครับ”

พูดจบ เคลวินก็เลื่อนตัวขึ้น แล้วเอาสองมือประคองใบหน้าผมเข้าไปหาเขาแล้วประทับจูบ สักพักเขาก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ ก็ผละออก แต่มือยังประคองหน้าผมไว้ เขาจ้องผมตาโต แล้วก็ถามผม ด้วยท่าทางเหมือนคนไม่มั่นใจตัวเอง

“ผมมีกลิ่นปากยามเช้าหรือเปล่าครับ”

คำถามของเขาทำให้ผมหัวเราะก๊ากออกมา แล้วก็ต้องสูดปากที่ตึงเพราะแผลแห้ง เคลวินทำหน้างอ เมื่อเห็นผมหัวเราะเขา และหน้านั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างดีใจ เมื่อผมส่ายหน้าแทนคำตอบว่า “ไม่”

“ดีจังยาสีฟังยี่ห้อนี้ ต้องซื้อมาใช้บ่อยๆ ....ถ้างั้น เรามาปลุกกันต่อนะครับ”

เคลวินยังคงความหื่นต่อเนื่อง ผมไม่รู้ว่าใครปลุกใครกันแน่ เป็นผมที่ปลุกให้เขาตื่น หรือเป็นเขาที่ปลุกอารมณ์ผมให้กระเจิง

“ไม่อยากไปทำงานเลย...อยากอยู่กับเคน”

---------------------------

TBC

ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3
 :z6: มันเป็นใคร มากไปแล้วบังอาจมาทำ เคนจังของเค้า

โดนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :beat:  :z6:  :beat:  :z6:

ออฟไลน์ Ottomechan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 701
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
อยากอยู่[ดู]ด้วยคน


อิอิ o18

ออฟไลน์ pdolphin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-2

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
รออยู่นะครับ หนูมิ้น อย่าได้ชักช้า ได้ข่าวว่าคุณเคทแต่งจบแล้ว  :z2:

+1 ให้แล้วด้วย พร้อมกับของ คุณเคทด้วย +1 เหมือนกัน

ปล. หวังว่าคงได้อ่านต้นน้ำในเร็ว ๆ นี้ ใช่ไหมครับ คุณเคท  :L2:

ออฟไลน์ โน๊อา

  • อยู่เป็นคู่ เช่น ฉันคู่เธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
เป็นกำลังใจให้เคนนะ 
ต้องมีวิธีให้ เคล เอาคืนสิเนอะ

ltahset

  • บุคคลทั่วไป
หวานมากมาย

^^

ขอบคุณค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
 :serius2:

ขออีกซักครึ่งตอนไม่ได้หรอ :monkeysad:

เหอะๆๆ คราวนีเมื่อเคนเอาจริงคงตายกันเป็นเสี่ยงๆ
หึๆๆๆ :fire:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
 :angry2: ใครนะที่ทำร้ายเคน จัดการมันเลย เพราะทำให้อดอ่านเอ็นซี  :z1: ต้องรอไปอีกจนกว่าเคนจะหาย แอร๊ยยยส์ ขัดใจ  :serius2:

February

  • บุคคลทั่วไป
 o13 กำลังรอลุ้น การเอาคืนของเคน...

ออฟไลน์ saseum

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เคนจะทำยังไงเนี่ย อยากรู้จริงๆ


ปล. เมื่อไหร่ท่านประธานจะสมหวังซะที


ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
บทที่ 56

-----------------------------

“ไม่อยากไปทำงานเลย...อยากอยู่กับเคน”

หลังจากจูบผมเสร็จ เคลวินก็ทำท่าออดอ้อนงอแง จะไม่ไปทำหน้าที่ของตัวเองเอาดื้อๆ

“อย่าทำอย่างนี้สิครับ ผมรู้สึกผิดนะ เพราะผมเจ็บ เคลวินเลยห่วงใช่ไหมล่ะ ถ้างั้นเราไปทำงานด้วยกันดีไหม เคลวินจะได้ไม่ต้องห่วงผม”

ยื่นข้อเสนอ เคลวินตาโต ร้องห้าม

“ไม่นะ เคนไม่ต้องไปหรอก ผมไปเอง”

เขาพูดพลางลุกขึ้น ด้วยกลัวว่าผมจะไปทำงานกับเขาจริงๆ ทว่าแทนที่จะลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เคลวินก็ยืนมอง ส่งสายตาเป็นห่วงเป็นใยผม

“งั้นก็ไปซะทีสิครับ จะมายืนอยู่ทำไม สายแล้ว”

ผมโน้มตัวมาใกล้เขา แล้วเอามือฟาดเบาๆไปที่ก้นของเคลวิน เหมือนกระตุ้นม้าให้เดิน เขาจิกตามองผม มือหนึ่งเลื่อนขึ้นมาลูบหน้าอก อีกมือหนึ่ง แตะที่ริมฝีปาก เขาใช้นิ้วชี้ของตัวเอง ลากไปบนริมฝีปากล่างสไลด์จากมุมหนึ่งไปมุมหนึ่ง ทำท่ายวนยั่วเหมือนผู้หญิง และพูดด้วยเสียงเซ็กซี่

“ตีก้นเค้าด้วย ชอบเขาใช่ป่ะล่ะ ตัวเอง”

เห็นท่าของเขาเล่นเอาผมหลุดก๊ากออกมาอย่างไม่กลัวเจ็บปาก

“โอ๊ย ยั่ว ยั่วมาก...แต่ยั่วโมโหนะ”

เคลวินหลุดหัวเราะออกมาเช่นกัน ท่าทางเขามีความสุขไม่น้อย ที่การทำท่าตลกๆของเขาทำให้ผมร่าเริงได้ แกล้งผมเสร็จเขาก็เดินผิวปากหวือเข้าห้องน้ำอย่างสบายใจ ทิ้งให้ผมมองตามเคลวินอย่างนึกเอ็นดู

ตอนสายๆ หลังจากเคลวินลงไปทำงานแล้ว ป้าหมี่ก็มาเยี่ยมเยียนผมที่ห้องของเคลวิน คราวนี้ไม่ต้องสืบกันเลยว่าผมกับเคลวินเป็นอะไรกัน

แกมองหน้าผมยิ้มๆ ไม่ได้เยาะหยัน แต่เป็นลักษณะชื่นชมมากกว่า เคลวินคงคุยเรื่องผมกับแกไว้เยอะ เพราะดูเหมือนแกจะไม่แปลกใจเลยที่เห็นผมนอนอยู่บนเตียงคุณหนูของแก

“ลำบากป้าหมี่แย่เลย ต้องมาดูแลผมแบบนี้ ที่จริงผมก็ไม่เป็นอะไรมากเลยนะครับป้า ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้”

พูดกับแกอย่างเกรงใจ ผมรู้สึกไม่คุ้นกับการที่มีแม่นมมาคอยดูแลผม ท่านประธานเคลวินอาจจะเคยชินกับการถูกประคบประหงมเป็นคุณหนูไฮโซ

แต่ผมเคยอยู่กับพ่อกับแม่ ซึ่งก็ไม่ต้องดูแลกันมากนัก พอมีคนมาคอยรับใช้ทำอะไรหลายๆอย่างให้ แถมคนนั้นยังแก่กว่าผมด้วย ผมก็เลยไม่ชิน

“อย่าคิดมากสิ คุณหนูเคน ป้ายินดี และ เต็มใจที่จะดูแลคุณหนูเคนนะคะ อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนอื่นคนไกลสิ คุณหนูเคนเป็นคนในครอบครัวของคุณหนูเคลวินนะคะ”

เล่นพูดกันแบบนี้ผมก็เขินหน้าแดงสิ ป้าหมี่นะป้าหมี่ ไปฟังที่เคลวินพูดทำไมก็ไม่รู้ ขานั้นชอบโมเมสรุปเอาเองอยู่เรื่อยเลย ดูสิ ใครต่อใครเข้าใจผิดหมด

“ไม่ต้องเขินหรอกค่ะ คนในบ้านของคุณเคลวินหลายคนรู้ว่าคุณเคลวินมีคนพิเศษอยู่ที่บริษัทนี้ แล้วหลายคนก็อยากมาดูหน้าคุณหนูเคนอยู่”

คำพูดของป้าหมี่ทำเอาผมเกือบช็อค คนที่บ้านของเคลวินรู้เรื่องผมกับเขาแล้วเหรอ หนอยประธานสองหน้าเจ้าเล่ห์ เอาไปปูดให้คนในครอบครัวฟังจนหมดแล้วหรือไง ไม่อายบ้างเหรอ

“ใครบ้างครับป้าหมี่”

ถามออกไปอย่างร้อนรน

“ก็ พวกพี่ๆของคุณเคลวิน และคุณแม่”

ป้าหมี่ตอบด้วยสีหน้าปกติ เหมือนไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร ตรงกันข้ามกับผม ที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“หา พี่กับแม่ ก็รู้ด้วยเหรอ”

“ค่ะ คุณเคลวินเขาสนิทกับพวกพี่ๆ แล้วก็คุณแม่ แต่คุณพ่อยังไม่รู้”

แม่นมของเคลวินตอบยิ้มๆ
“ตายละสิ แล้วป้าหมี่พอจะรู้ไหมครับ ว่าท่านประธานไปพูดอะไรไว้บ้าง”

ซักป้าหมี่อีก อยากรู้นักว่าพ่อตัวดีพูดถึงเรื่องราวของเราสองคนไว้อย่างไร อย่างน้อยผมจะได้เตรียมตัวเตรียมใจได้ถูก หากพ่อแม่ญาติพี่น้องของเขามาถามผม

“ก็ ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่เปรยๆว่าอยากแต่งงาน คุณพี่กับคุณแม่ก็เลยจะพาสาวๆมาแนะนำตัว คุณหนูเคลวินจะได้เลือกเป็นแฟนสักคน

แต่เธอบอกกับที่บ้านว่า เธอมีคนที่เธอรักและพร้อมจะแต่งงานด้วยแล้ว คุณแม่กับคุณพี่ก็เลยอยากรู้จัก อยากเห็นแฟนเธอกันใหญ่”

ผู้สื่อข่าวรายงานให้ผมทราบคร่าวๆ ดูเหมือนคราวนี้ป้าหมี่จะไม่ค่อยรักษาความลับเหมือนครั้งแรก คงเป็นเพราะเรื่องนี้ได้ถูกพูดกันในครอบครัวของเคลวินแล้ว ป้าหมี่เลยพูดเหมือนกับมันเป็นเรื่องทั่วๆไป

“เหรอครับป้า แล้วเคลวิน เอ๊ย ท่านประธานได้บอกชื่อคนๆนั้นไปหรือยังครับ”

ร้องถามป้าหมี่เสียงดัง ปากก็แสบ แต่ยังน้อยกว่าความวิตกจริตที่ผมมี ทำไมถึงมีเรื่องมีราวไม่หยุดอย่างนี้

ผมทะเลาะกับพนักงานอันธพาล ด้วยเรื่องเกี่ยวกับรางวัล และลามมาถึงเรื่องการปกป้องเกียรติให้เคลวิน แต่เจ้าตัวเหมือนจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร กลับพร้อมที่จะบอกใครต่อใครด้วยเรื่องของเราอีก

นี่ผมจะเจ็บตัวฟรีๆหรือไงกัน

“ไม่ได้บอกหรอกค่ะ คุณพี่กับคุณแม่กำลังสืบอยู่”


ป้าพูดพลางหัวเราะที่เห็นผมทำท่าแตกตื่น

“ตายล่ะสิ ทำไงดีอะครับป้า”

“ไม่เห็นจะต้องทำอะไรนี่คะ คุณหนูเคน ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ คุณหนูเคนคือคนพิเศษของคุณเคลวินจริงๆไม่ใช่หรือคะ ป้าไม่เห็นว่าจะต้องปกปิดอะไรนี่ คุณเคลวินเองเธอก็เปิดเผยจะตาย อยากให้ใครต่อใครรู้ด้วยซ้ำ ว่าคนรักของเธอเป็นใคร”

ป้ากล่าวอย่างติดตลก ท่าทางเธอจะเอ็นดูคุณหนูของเธอไม่น้อย แต่ผมไม่ขำด้วย นึกภาพที่ญาติพี่น้องเธอมาที่บริษัท มาสืบหาคนที่เคลวินอยากแต่งงานด้วย และถ้ารู้ว่าคนๆนั้นคือผม ทั้งบริษัทคงโกลาหลแน่

“โธ่ ป้าครับ มันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่ป้าพูดอย่างนั้นนะครับ”

แย้งอย่างไม่เห็นด้วย

“ทำไมล่ะ”

แม่นมของเคลวินถามอย่างสงสัย

“ก็….”

อยู่ๆก็ติดอ่างขึ้นมา จะให้ผมพูดออกไปอย่างชัดแจ้งได้อย่างไร ว่าที่ผมไม่เห็นด้วยเพราะความรักระหว่างชายกับชาย ใครจะยอมรับ

“ก็อะไรคะ ...คุณหนูเคนจะบอกว่าเพราะคุณสองคนเป็นผู้ชายเหมือนกันเหรอ”

ในขณะที่ผมมัวแต่อ้อมค้อม ป้าก็พูดโพล่งออกมาจนผมสะดุ้ง

“ทำนองนั้นแหละครับ”

พยักหน้ายอมรับอย่างจำใจ

“ไร้สาระมากค่ะ คุณหนูเคน คนที่เอาเรื่องเพศมาเป็นอคตินี่ หัวโบราณ ใช้ไม่ได้เลยค่ะ คุณแม่กับคุณพี่ของคุณหนูเคลวิน เขารับได้ตั้งนานแล้ว

เรื่องที่คุณหนูอยากเป็นเจ้าสาว แล้วก่อนหน้านั้นคุณหนูเคลวินก็เคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน เพียงแต่ไม่ได้พาเข้าบ้านพ่อบ้านแม่เท่านั้นเอง

บ้านนี้เขามีแนวความคิดแปลกดีจัง ตั้งแต่คุณนายของบ้าน ลูกสาว ยันคนรับใช้ ขนาดป้าหมี่แก่ขนาดนี้ แกยังมีหัวคิดทันสมัย ไม่คิดว่าความรักในเพศเดียวกันจะเป็นเรื่องผิดปกติ

ฟังแกพูดแล้วผมยังรู้สึกละอายใจแทน ที่บางครั้งก็แอบมีอคติในเรื่องรักร่วมเพศ หัวคิดสู้แกไม่ได้สักนิด

“ครอบครัวของคุณเคลวินเขาไม่คิดมากเรื่องนี้หรอกค่ะ ยิ่งแม่ของคุณเคลวินเธอเป็นหญิงไทยหัวก้าวหน้า ที่สำคัญเธอรักลูกมากนะคะ

อะไรก็ตามที่เป็นความสุขลูก เธอไม่คิดขัดขวางหรอก เพียงแต่เธอต้องการความแน่ใจว่าลูกเธอจะเจอะเจอแต่คนดีๆ”

ช่างเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเข้าใจลูกได้ดีจริงๆ แต่ผมจะเหมาะสมกับคุณหนูเคลวินแน่เหรอ

“ท่านประธานบอกเรื่องนี้กับครอบครัวนานหรือยังครับ”

“ก็หลายเดือนแล้วค่ะ ตอนที่กลับไปบ้าน คือคุณแม่ของคุณเคลวินให้ป้าโทรตามลูกชายท่านให้กลับไปเยี่ยมบ้านบ้าง เพราะคุณเคลวินไม่ยอมกลับบ้านหลายเดือนแล้ว

ท่านคิดถึงก็เลยให้ไปหาท่าน คุณเคลวินก็ไป คุณแม่เขาก็แซวลูกตัวเองว่าไม่กลับบ้าน สงสัยติดพันใครอยู่แน่ๆ

คุณเคลวินก็ตอบว่าใช่ ทีนี้คุณแม่ก็เลยอยากรู้ขึ้นมา ไปเล่าให้คุณน้าฟัง คุณน้าก็ไปพูดกับญาติๆ ทุกคนก็มาถามคุณเคลวินค่ะ เธอก็เลยเปรยๆ ว่าเธอจะแต่งงานกับคนที่เธอรัก ตอนนี้กำลังดูใจกันอยู่ค่ะ”

คราวนี้ป้าหมี่เล่าเสียละเอียดลออเลย ไม่ปิดบังเหมือนคราวแรกที่แกมาดูแลผม ก็แน่ล่ะสิ พ่อตัวดี เอาไปพูดซะขนาดนั้น แล้วคนฉลาดอย่างป้าหมี่ คงพอจะเดาออกว่าเคลวินหมายถึงผมนั่นเอง

หนก่อนที่แกมาเฝ้าไข้ผมแทนเคลวิน แกก็พูดเป็นนัยๆหลายอย่าง ตอนนั้นเคลวินคงจะปากโป้งพูดถึงความสัมพันธ์ของเราสองคนให้แม่นมของเขาได้รู้บ้าง

และตอนหลังๆ ก็คงจะพูดมากขึ้น ยิ่งมีคนซักถาม ก็ยิ่งแย้มพรายให้คนรู้เพิ่มขึ้นไปอีก ก็เขาอยากแต่งงานจะตาย เทียวไล้เทียวขื่อให้ผมยอมรับเขาเป็นภรรยา นี่ก็เล่นแผนใต้ดิน บอกให้คนที่บ้านรับรู้อีก เจ้าเล่ห์จริงๆเลย

“แม่ของคุณเคลวินใจดีนะคะ เธอตามใจลูกจะตาย แต่ถ้าเป็นคุณพ่อล่ะไม่แน่ แม้จะเป็นฝรั่งหัวนอก แต่คุณพ่อก็ชอบให้ลูกเป็นผู้ชายเต็มตัวมากกว่า แต่อย่างว่าแหละ ความสุขของลูกจะห้ามได้อย่างไรละคะ”

การมาดูแลผมของป้าหมี่คราวนี้ แกมาพร้อมกับเรื่องราวต่างๆภายในครอบครัวของเคลวินที่ผมไม่เคยได้รู้ เพราะเขาเองก็ไม่ได้เล่าให้ผมฟังเหมือนกัน

อาจจะเป็นเพราะเขาต้องการให้ผมยอมรับในตัวของเขาก่อน ถึงจะเปิดเผยเรื่องครอบครัวของผมให้รู้ คงไม่อยากให้ผมยกเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธเขา

อย่างน้อยๆ ตอนนี้ผมก็ได้รู้แล้วว่า ในครอบครัวของเคลวิน ก็ยังมีคนที่คิดเหมือนกับคนอื่นทั่วๆไป ที่คิดว่าลูกผู้ชาย

ต้องทำตัวให้สมกับเป็นผู้ชาย และพ่อของเคลวินน่าจะเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เขาไม่สามารถทำตามใจปรารถนาได้

ยิ่งได้ยินแบบนี้ ผมก็ยิ่งไม่อยากทำให้เคลวินลำบากใจ ผมรู้ว่าเขารักผมมาก และจากการที่ได้ยินได้ฟังป้าหมี่เล่า ก็รู้ว่าครอบครัวทางฝ่ายแม่ของเคลวินคงไม่มีปัญหาเรื่องที่ลูกตัวเองจะรักชอบใคร

แต่เมื่อพ่อไม่ยอมรับ เคลวินก็คงไม่สามารถทำใจตัวเองได้ แล้วไหนจะพนักงานในบริษัทอีก ถ้ามีใครรู้ว่าเขากับผมมีอะไรกัน

จะมีสักกี่คนที่รับได้ เคลวินคงไม่พ้นถูกนินทาว่าร้าย หรือล้อเลียนให้ได้อาย ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่งที่ผมจะทำให้ประธานบริษัทถูกคนพูดถึงราวกับเป็นตัวตลก

“อย่าไปคิดอะไรมากเลยค่ะ คุณหนูเคน ป้าก็พูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่อยากให้คุณหนูไม่สบายใจเพิ่มหรอกนะคะ บางทีเรื่องมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดหรอกค่ะ”

ป้าหมี่คงเห็นหน้าตาที่บ่งบอกถึงความไม่สบายใจของผมก็เลยปลอบใจ ผมยิ้มให้แก แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แกคงรู้ตัวว่าได้เผลอพลาดพูดเรื่องที่ไม่ควรออกไป แกเลยนิ่งเงียบเหมือนกัน แล้วหันไปเข้าครัว ทำอาหารมาให้ผมทาน







ตอนกลางวันเคลวินขึ้นมาหาผมที่ห้อง ป้าหมี่ทำอาหารไว้สำหรับเราสองคนแล้ว อาหารรสชาติอ่อนๆ เพราะเคลวินทานเผ็ดไม่เก่ง ส่วนผมเป็นอาหารอ่อนเช่นกัน และเป็นอาหารย่อยง่าย ไม่ต้องเคี้ยวมากมาย เพราะผมยังเจ็บปากอยู่

ตลอดเวลาที่นั่งกินข้าวด้วยกัน ผมไม่พูดไม่จากับเคลวิน เอาแต่นั่งนิ่ง เขาชวนคุยก็ตอบไปบ้าง เป็นลักษณะถามคำตอบคำ จนในที่สุด เคลวินก็ทนไม่ไหว

ตลอดเวลาที่นั่งกินข้าวด้วยกัน ผมไม่พูดไม่จากับเคลวิน เอาแต่นั่งนิ่ง เขาชวนคุยก็ตอบไปบ้าง เป็นลักษณะถามคำตอบคำ จนในที่สุด เคลวินก็ทนไม่ไหว
“เคน ยังเจ็บปากอยู่หรือครับ”

เขาถามผมขึ้นมา หลังจากเรานั่งกินข้าวกันไปสักพัก

“ก็..ไม่นี่ ค่อยยังชั่วแล้ว”

ตอบแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าว ผมไม่ได้ให้เขาป้อน แต่ลุกขึ้นมานั่งกินเองที่โต๊ะอาหาร เพราะผมแค่เจ็บที่หน้าและลำตัวที่โดนซ้อม แต่ไม่ได้เป็นง่อย ถึงขนาดที่จะเดินไม่ได้

“เอ้อ...แล้วที่หัวล่ะ ยังเจ็บไหมครับ”

เคลวินมองไปที่ศีรษะผม

“ไม่เจ็บแล้วครับ”

“รู้สึกมึนๆ งงๆ บ้างไหม”

ยังคงถามต่อเนื่อง จนผมแปลกใจว่าทำไมอยู่ๆถึงมาซักไซ้อาการของผม

“ไม่นี่ครับ”

“อ้าว แล้วทำไมเคนถึงไม่ค่อยมีปฏิกิริยาตอบสนองผมเลยล่ะ ถามอะไรก็ทำท่าเหมือนไม่อยากพูดอยากตอบ พอตอบออกมาก็ตอบแบบเสียไม่ได้

ถ้าเคนไม่ได้กำลังเจ็บปวดหรือไม่สบายอยู่ งั้นเคนเป็นอะไรหรือครับ งอนผมเหรอ งอนที่ผมไม่มาอยู่ด้วย งอนที่ผมขึ้นมาหาช้าหรือครับ”

ในที่สุดเขาก็เอ่ยถึงสิ่งที่คลางแคลงใจออกมา

“ไม่ใช่ครับ..”

“แล้วทำไมเฉยชากับผมล่ะ ผมทำอะไรผิดเหรอ”

“เปล่าครับ”

ตอบปฏิเสธ โดยไม่มองหน้าเขา ผมรู้ว่าเคลวินฉลาด เขาคงจับสังเกตได้ ว่าผมมีอาการแปลกไป แต่จะให้ผมทำอย่างไรล่ะ ผมพยายามแล้วที่จะทำตัวปกติ

แต่สิ่งที่ป้าหมี่บอก ทำให้ผมโกรธเคลวินนิดๆ ที่เขาเอาเรื่องของเราไปพูดกับคนใกล้ชิดจนหมดเปลือก โดยไม่บอกให้ผมรู้

ทั้งที่ผมก็อุตส่าห์เฝ้าระวัง กลัวว่าเขาจะเสียภาพพจน์ ยอมแม้กระทั่งเจ็บตัว ทะเลาะกับพนักงานที่โมโหผมเรื่องการพลาดของรางวัล ที่ดันมารู้เรื่องของเราโดยบังเอิญ แล้วก็เอามาข่มขู่ แต่เขากลับไม่พยายามจะปกปิดเรื่องของตัวเองจนนิดเดียว

“ไม่จริงอ่ะ ผมไม่เชื่อ เคนทำท่าเหมือนงอนผม มีอะไรก็พูดออกมาให้หมดสิ เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันแล้วนะ”

เขาฉลาดอย่างที่ผมว่าไว้ รู้ได้โดยการสังเกตว่าผมมีอะไรในใจ และไม่ยอมบอกเขา

“เบาๆสิครับ เดี๋ยวป้าหมี่ได้ยิน”

ผมเอามือจุ๊ปาก มองเขาด้วยสายตาตำหนิ เมื่อเคลวินทำเสียงดังใส่ พลางกวาดสายตาไปรอบห้อง ป้าหมี่ไม่ได้อยู่บริเวณนั้น คงจะไปทำความสะอาดห้องนอนให้เคลวิน

ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วหันมามองเคลวิน ซึ่งคนเจ้าเล่ห์มองผมอยู่ก่อนแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก ป้าหมี่รู้เรื่องระหว่างคุณกับผมทุกอย่าง”

ประธานสองหน้าลดเสียงลง แต่หน้ายังไม่หายยุ่ง

“เคลวิน นี่คุณบอกป้าหมี่หมดเลยเหรอ”

ถามอย่างตกใจ ผมรู้ว่าป้าหมี่รู้เรื่องของเราสองคน แต่ไม่คิดว่าจะรู้ละเอียดทุกเรื่อง

“ครับ ก็ป้าหมี่เป็นแม่นมของผมนี่นา ตามปกติ ผมก็ไม่เคยมีความลับกับแกอยู่แล้ว แกรู้ทุกเรื่องของผมแหละครับ แล้วแกก็ไว้ใจได้ด้วย”

คนพูดทำราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร ไม่เห็นจะต้องมาตกอกตกใจ ตื่นเต้น

“แต่เรื่องแบบนี้ มันสมควรพูดเหรอครับ เรื่องระหว่างเรานี่อ่ะ”

ถามเขาอย่างหวั่นวิตก เคลวินยักไหล่ ดูเขาไม่เป็นกังวลกับเรื่องระหว่างผมกับเขานัก

“แล้วทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะ ก็มันเรื่องจริงนี่ คุณกับผม เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ ทำไมถึงจะบอกใครให้รู้ไม่ได้ล่ะ”

“แต่ก็ไม่ใช่จะบอกใครทุกคนไปทั่วนี่ มีใครรู้บ้างนอกจากป้าหมี่”

ถามอย่างกังวล กลัวคนจะรู้เรื่องของเรามากมาย

“ก็ ป้าหมี่ ลุงเทพ หมอเต้”

เคลวินตอบด้วยท่าทีสบายๆ แถมยังยิ้มให้ผมอีก

“หา ทั้งสามคนรู้เรื่องเราหมดเลยเหรอ”

“ก็ใช่ แต่พวกนี้ไว้ใจได้หมดเลยนะ”

เขาการันตีความน่าเชื่อถือของคนเหล่านั้น

“นอกจากสามคนนี้แล้ว ยังมีใครอีกไหมที่รู้เรื่องของเรา”

“ก็ ที่รู้ว่าเรามีอะไรกัน ก็สามคนนี้ ที่รู้แบบระแคะระคาย ก็นนนี่ นายชาตรี และมอด ส่วนที่กำลังสงสัยอยู่ว่าคนรักของผมคือใคร ก็แม่ พี่สาว และญาติๆที่สนิทบางคนครับ”

โอย ผมอยากตายเสียให้ได้ เคลวินเล่นบอกไปหมดเลยทุกคนหรือนี่ นับไปนับมาคนที่รู้เรื่องของเราสองคนก็เป็นสิบคนแล้ว คนรู้เรื่องของเราเยอะขนาดนี้ เขายังไม่รู้สึกเป็นกังวลอะไร แถมเป็นเขาที่ปล่อยข่าวเสียเอง

“เคนกลัวอะไรเหรอ กลัวเรื่องมันจะไปถึงหูคนนอกเหรอครับ ไม่ต้องกลัวหรอก ผมเลือกบอกเฉพาะคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น ถ้ามันหลุดไป ก็มาจากคนกลุ่มนี้แหละครับ จัดการได้ง่าย”

พอเห็นหน้าเหวอๆของผม เคลวินก็ทำเสียงไม่พอใจ รีบพูดเพื่อให้ผมหยุดตื่นตระหนกเสียที ทว่าผมยังไม่เลิกกังวล

“เคลวินไม่อายหรือครับ ที่เที่ยวไปบอกใครต่อใครแบบนี้”

“อายทำไมล่ะครับ เรื่องการเป็นสามีภรรยากัน มันเป็นเรื่องปกตินี่นา โตมาขนาดนี้แล้ว ผมก็ต้องคิดเรื่องแต่งงาน เรื่องสร้างครอบครัวนี่ครับ หรือเคนไม่คิด”

เคลวินย้อนถาม

“แต่เรื่องของเรามันไม่ปกติ”

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
พอพูดออกไปแล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามันอาจจะกระทบกระเทือนใจของเคลวิน อยากจะเอาคำพูดกลับคืน แต่มันก็สายไปแล้ว เคลวินหน้าตึง และตอบอย่างโกรธๆ

“ใครกันล่ะครับที่คิดว่ามันไม่ปกติ คุณ ผม หรือคนนอก ถ้าคุณไม่คิดว่ามันผิดปกติ ผมเองก็ไม่คิดว่ามันผิดปกติ คนนอกจะคิดอย่างไรก็ช่างเขาสิครับ เขาไม่ได้มาทุกข์มาสุขกับเรืองของเราเสียหน่อย”

“เคลวินไม่ห่วงเรื่องชื่อเสียงตัวเองหรือครับ”

ถึงอย่างไรผมก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี จึงถามออกไปอีก ทั้งที่รู้ว่าเคลวินกำลังโกรธอยู่ที่ผมกลัวนั่นกลัวนี่ จนกลายเป็นคนตื่นตระหนกที่น่ารำคาญ

“ไม่เลย... ชื่อเสียงมันก็แค่เปลือกนอกที่หุ้มห่อตัวเราครับ เนื้อในแท้ๆต่างๆหากคือสิ่งที่สำคัญ

ผมไม่เชื่อว่าการที่ผมชอบผู้ชาย จะทำลายชื่อเสียงวงศ์ตระกูล หรือทำลายหน้าที่การงานของผม หากมีใครบางคนไม่เห็นด้วย จนถึงกับเลิกคบผม เพียงเพราะผมชอบผู้ชาย ก็ปล่อยเขาไปเถอะครับ

เพราะแสดงว่าเขาไม่ได้รักในสิ่งที่ผมเป็น เขารักแค่เปลือกสวยงามที่ห่อหุ้มผมอยู่เท่านั้น ”

น้ำเสียงของเคลวินจริงจังมาก หน้าตาก็ดุดัน เหมือนตอนที่เขาอยู่ในสถานะของประธานบริษัทที่มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ ผมฟังเหตุผลของเคลวินแล้ว ก็รู้สึกชื่นชมแนวคิดของเขา จนเกิดคล้อยตามไปด้วย

จริงสินะ ความรักของเรา ความสุขของเรา ทำไมต้องไปอ้างอิงคนอื่นด้วย ใครจะชอบหรือไม่ชอบ ทำไมต้องสน

ในเมื่อคนที่จะสัมผัสทุกข์สุขจริงๆคือคนสองคนที่ร่วมชีวิตกัน ไม่ใช่คนอื่นที่คอยเชียร์หรือคอยห้าม ดังนั้นจะแคร์ไปทำไมว่าจะมีคนเห็นด้วยหรือไม่

“ผมไม่ชอบทำตัวลวงโลกนะครับ ผมต้องการพูดความจริง เพราะความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ถ้าโอกาสเอื้ออำนวยให้ผมพูดได้ผมก็จะพูด

แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ผมไม่พูดก็ได้ แต่ผมจะไม่โกหก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมก็มีความสุขกับสิ่งที่ผมเลือกอยู่แล้ว และถ้ามันจะเจ็บปวดบ้างก็ช่างมัน เพราะมันคือสิ่งที่ผมเลือกเอง”

นี่คือข้อสรุปของเคลวิน เขาจบคำพูดของเขาด้วยการจ้องผมนิ่งๆ ใบหน้าเรียบเฉย ปราศจากรอยยิ้ม ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก ก้มหน้าก้มตากินอาหารในจาน ไม่กล้าสู้หน้าเขา

ในที่สุดผมก็ต้องพ่ายแพ้ความตั้งใจจริงของเคลวินอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ เคลวินมีเหตุและผลที่สยบผมได้เสมอ

สมแล้วที่ใครๆก็ว่าเขาฉลาด และเป็นคนที่มีความคิดกว้างไกล ยิ่งได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของเขา ทำให้ผมไม่แปลกใจเลย ว่าเคลวินได้วิธีการคิดมาจากไหน

“เคน...ถามจริงๆนะ ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เป็นเพราะว่าคุณกลัวคำครหานินทา หรือว่ารังเกียจผมกันแน่”

เขาไม่ปล่อยให้ผมลอยนวล พอเห็นผมนั่งเงียบ เคลวินซึ่งคงอารมณ์ค้าง และรอดูปฏิกิริยาของผมอยู่ ก็เลยทนไม่ได้ ต้องซักไซ้ผมให้ตอบให้หายคาใจ

“ผมไม่ได้รังเกียจเคลวินนะครับ แต่ผมกลัวว่าคุณจะถูกคนนินทา”

บอกไปตามตรง นี่คือสิ่งที่ผมกังวลใจเสมอมา

“ถ้าผมบอกว่า ผมไม่แคร์คำนินทา ไม่ว่าจะมาจากใครก็ตาม คุณจะเลิกกังวล และเลิกใส่ใจกับคนอื่นสักทีได้ไหมครับ”

เคลวินคาดคั้นให้ผมตอบ

“คนที่คุณควรจะใส่ใจคือผมต่างหาก ไม่ใช่คนอื่น ผมรักเคนนะ ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อเคน แล้วทำไมเคนต้องแคร์คนอื่น มากกว่าแคร์ผมล่ะ”

นั่นสิ ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน รู้สึกสับสนไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร การที่เป็นกังวลอยู่ทุกวันนี้ เป็นเพราะผมกลัวว่าเคลวินจะเสียหาย

แต่ในเมื่อเจ้าตัวเขาไม่แคร์แม้แต่นิดเดียว แล้วผมจะต้องกังวลใจแทนเขาไหม หรือว่าผมควรจะทำตัวไม่แคร์สังคมแบบเขาบ้าง

“ผมดีกับเคน น้อยกว่าที่คนอื่นดีกับเคนหรือครับ คุณถึงได้แคร์คำพูดของพวกเขามากกว่าคำพูดของผม”

ประธานถามคำถามที่ทำเอาผมถึงกับอึ้ง พูดไม่ออก สิ่งที่เคลวินพูดมามันจี้ใจดำผมอย่างจัง จริงอย่างที่เขาตัดพ้อ

ทำไมผมต้องแคร์คนอื่นที่ไม่เคยดีกับผมเหมือนอย่างเคลวิน ทำไมคำพูดของคนที่รักเรา ทำเพื่อเราทุกอย่าง เรากลับไม่ใส่ใจ ไม่แคร์

คนที่ผมควรจะให้ความสำคัญ ควรจะเป็นเคลวินเท่านั้น ผมนี่โง่จริงๆ ถ้าเขาไม่แคร์ แล้วทำไมผมต้องแคร์ด้วย

ถ้าหากเรื่องมันถูกเปิดเผยออกไป คนที่จะเสียหายมากที่สุดก็คือเขาไม่ใช่ผม แต่เคลวินก็เลือกที่จะไม่สนใจ เลือกที่จะรับมือกับมันอย่างกล้าหาญ ผมก็ควรที่จะยืนเคียงข้าง เป็นกำลังใจให้กับเขา ไม่ใช่คิดหลบเลี่ยงปัญหา อย่างคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ


จริงอยู่ ที่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของเราสองคนมันเริ่มต้นจากเคลวิน แต่ในเวลาต่อมา ผมก็ยินยอมพร้อมใจ ร่วมไม้ร่วมมือไปกับเขา ก็เท่ากับผมได้รับรู้แล้วว่ามันจะเกิดอะไรตามมา

แต่ผมก็ไม่ยับยั้งตัวเอง ปล่อยทุกอย่างให้เกิดขึ้น ดังนั้นจะให้เคลวินเผชิญปัญหาคนเดียวได้ไง

เก้าอี้ถูกเลื่อนถอยไปด้านหลัง เคลวินวางช้อนส้อมบนจาน เช็ดปาก แล้วลุกขึ้น ท่าทางงอนเต็มที่ เขาคงเข้าใจว่า ผมห่วงแต่เรื่องชื่อเสียง มากกว่าความรู้สึกของเขา

คนตัวโตเดินตรงไปที่ห้องของเขา เดาเอาว่าน่าจะเข้าไปเพื่อสงบจิตสงบใจ ก่อนที่จะลงไปทำงานข้างล่างต่อ ผมนั่งเบื้อใบ้ได้สักพัก ก็ตัดสินใจลุกขึ้น แล้วเดินเร็วๆ ไปหาเขา พอทันกัน ผมก็คว้าตัวเขามากอดเอาไว้

“ขอโทษครับ”

พูดได้แค่นั้น เคลวินก็หันกลับมาสวมกอดผมไว้แน่น เราต่างคนต่างกอดกันอยู่อย่างนั้น โดยไม่พูดอะไรสักคำ ความเข้าอกเข้าใจผ่องถ่ายถึงกันโดยไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยออกมา

ผมให้สัญญาว่า นับจากนี้ไป ผมจะไม่พูดเรื่องการยอมรับของสังคมเกี่ยวกับเรื่องของเราอีกแล้ว จากนี้ไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็จะยืนเคียงข้างเคลวิน จะสู้ไปกับเขา

ในฐานะที่ผมเองก็มีส่วนที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์ต้องห้ามนี้ขึ้น จะปกป้องเขาด้วยสองมือของผม ให้สาสมกับที่เขามอบความรัก และความปรารถนาดีให้ผมเสมอมา

ที่ด้านหลังเคลวิน ป้าหมี่เปิดประตูห้องนอนของเขาออกมา เจอเราสองคนกำลังยืนกอดกันพอดี ป้าหมี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พลางลิ่วตาล้อผม

เธอรู้หน้าที่ดีว่าไม่ควรเข้ามาขัดจังหวะในตอนนี้ จึงหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องเคลวินตามเดิม ห้องของเคลวินคงสะอาดเรี่ยมหมดจดคราวนี้ เนื่องจากป้าหมี่ไม่กล้าออกมานอกห้อง แล้วก็คงทำความสะอาดซ้ำไปซ้ำมาด้วยความสุขใจ


-----------------------------

TBC

คืนนี้จะมาต่ออีกตอนนะคะ  ถ้าเน็ตไม่เน่า

February

  • บุคคลทั่วไป
 :-[ จะรอคืนนี้  รอ รอ รอ

ออฟไลน์ saseum

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
 :-[ :-[ :-[

อยากอ่านต่อเลย

จะรอคืนนะคะ

ออฟไลน์ pdolphin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-2
รอคืนนี้ค่ะ

อย่าลืม  NC  จะแถม SM ก็ไม่มีใครว่า

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เหตุผลของเคลวินนี่ เถียงไม่ออกเลยจริงๆๆ เก่งมาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด