Sleeping bear and Apple's Trap 11
#แอปเปิล
ผมปล่อยให้อีกคนนอนไประหว่างที่ตัวเองมาทำอาหารในครัว ห้องผมไม่ได้ใหญ่อะไร พื้นที่ตรงหน้าทีวีก็ติดกับครัวนี่แหละเพราะอย่างนั้นเวลาทำอะไรก็ได้ยินหมด บอกให้เข้าไปนอนในห้องแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ยอมไป เลือกที่จะนอนเป็นซากหมีอยู่บนพรมตรงโซฟาหน้าทีวี
เชื่อเลย ผมทำเสียงดังขนาดนี้ก็ยังหลับได้
พอทำอาหารเสร็จแล้วผมก็มานอนท้าวคางมองคนนอนหลับ นานๆ ทีถึงจะมีโอกาสพิจารณาใบหน้าของอีกคน น้ำนิ่งตอนหลับก็ไม่ได้ต่างอะไรจากตอนปกติเท่าไร คือหล่ออย่างไหนก็หล่ออย่างนั้น ถ้าไม่นับตอนพูดกับกับตอนกินเขาก็ดูนิ่งๆ สมชื่ออยู่ ใบหน้าติดจะเฉยเหมือนไม่ค่อยสนใจอะไรแต่ก็ไม่ใช่อย่างที่เห็นเสียทีเดียว
ดูได้จากการที่เขาเก็บคำพูดของผมไปใส่ใจแล้วรีบมาขอเป็นแฟนนั่นไง ยอมรับว่าตกใจตอนที่เขาบอกออกมาตรงๆ ว่ารู้สึกไม่ดีที่ผมพูดไปแบบนั้น อันที่จริงผมก็ไม่คิดว่ามันจะได้ผล แค่ลองตะโกนใส่โต๊ยไปเฉยๆ เป็นอะไรที่คิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เพราะเห็นเขาเริ่มหึงหวงผมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่สถานะเรากลับไม่ขยับไปไหน
ใครจะคิดละว่ามันจะได้ผลทันใจขนาดนี้
จ้องจมูกโด่งคมสันเพลินๆ ดวงตาคมกริบก็เปิดมาจ้องผมกลับเสียแล้ว ผมยกยิ้มกว้าง จูบปลายจมูกของเขาไปหลายที น้ำนิ่งดึงผมเข้าไปนอนทับอก
“ข้าวเสร็จแล้วนะ”
“อื้อ หิว”
“ปะๆ ไปกินข้าวกัน”
“ขอของหวานก่อน” ว่าแล้วก็ดึงผมขึ้นไปจูบ ไล่ลิ้นไปตามแนวฟัน เราจูบกันอยู่สักพักก่อนจะผละออก หน้าผมแดงร้อนแต่คนนอนข้างล่างกลับยิ้มกรุ่มกริ่ม
“หวานจริง ตรงอื่นหวานอย่างนี้เปล่า”
“อยากรู้ต้องลองเอง”
“หึหึ เตรียมตัวไว้ได้เลยเปิ้ล”
ผมลอยหน้าลอยตาลุกขึ้นยืนพร้อมดึงคนตัวโตขึ้นมาด้วย พอยืนขึ้นได้ก็โถมตัวเข้าหาผมเอียงตัวซบผมตลอดทางเหมือนคนไม่มีแรง ระยะทางมันไม่ได้ไกลหรอก สามสี่ก้าวก็ถึงโต๊ะกินข้าวแล้ว แต่ไอ้สภาพเดินแล้วมีหมีเกาะนี่มันก็ไม่ได้น่าดูเท่าไรนะ
หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็ไล่ชายหนุ่มให้ออกไปจากครัวเพราะเขาจะทำจานทุกใบของผมแตก! ตอนแรกก็ทำท่าจะไม่ยอมไปไหนบอกอยากอยู่ใกล้ๆ แต่ผมไม่อินด้วยเพราะมันเกะกะน้ำนิ่งเลยยอมเดินไปนั่งตรงโซฟาที่เดิม ผมก็ล้างจานเก็บครัวไปไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั้ง..
“แอปเปิล” น้ำนิ่งเรียกผมเสียงแผ่ว พอหันไปดูก็ต้องตกใจกับสิ่งที่อยู่ในมือของเขา
ชิบหาย! ลืมไปได้ยังไงเนี่ย!?
สิ่งที่อยู่ในมือของนิ่งและทำเอาผมจิตตกอยู่ในตอนนี้คือกระดาษพับรูปดอกไม้สีฟ้าในกล่องใส มีโพสอิทบันทึกความทรงจำแปะไว้ ผมจำได้แม่น.. เพราะมันคืออันที่ผมได้มาในวันที่รู้ว่าใครคือคนที่ให้กระดาษพับมาวางบนกระเป๋าของผมทุกๆ วัน
รู้แล้วนะว่าคุณคือใคร
“เปิ้ลรู้อยู่แล้วเหรอว่าเป็นเรา ตั้งแต่เมื่อไร นานแล้วดิ”
“อ่า.. เอ่อ..”
ผมวางผ้าเช็ดมือลงก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มที่เริ่มมีสีหน้าเหมือนคนคิดไม่ตก คิ้วเข้มขมวดยุ่ง มองกลองในมือไม่วางตา ขนาดผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วก็ยังไม่มอง
เขาโกรธเหรอ
ต้องคิดว่าผมหลอกแน่ๆ แต่ผมไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นเลยนะ
“ขอโทษ นิ่งโกรธเหรอ เราไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังนะ” ยิ่งเขาส่ายหัวผมยิ่งหน้าเสีย “เรารู้เพราะบังเอิญหันไปเห็นพอดีพอรู้ว่าเป็นคนเดียวกับที่แอบปลื้มอยู่ก็ดีใจมากๆ เลยให้เพื่อน เอ่อ.. พีชน่ะ ช่วย แล้วก็ได้รู้ว่าเป็นเพื่อนกับลูกหินด้วยแล้วก็...”
“เดี๋ยวนะ.. นี่เปิ้ลรู้จักเราฝ่ายเดียวมาตลอดเลยเหรอ”
ชิบหายรอบสอง พลั้งปากออกไปหมดเลยกู
ผมไม่มีทางเลือก โกหกไม่ได้แล้ว เลยพยักหน้าตอบกลับไป หน้าน้ำนิ่งตอนนี้คล้ายๆ คนไม่มีสติ อ้าน้อยๆ กระพริบตาถี่ๆ แล้วเขาก็เอามือกุมขมับก่อนจะนั่งลงกับโซฟา ท่าทางเหมือนสูญเสียอะไรบางอย่าง
“นี่มัน..”
“ขอโทษนะ ที่ทำเป็นไม่รู้จักมาตลอด”
“ไม่”
“....”
ผมลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ตรงระหว่างขาของเขา ตอนนี้ให้ทำอะไรก็ยอม
“ไม่ได้โกรธ แต่ว่ามันตกใจ”
“....”
“รู้สึกเสียเซลฟ์ยังไงไม่รู้”
“ห้ะ?”
“นึกว่าเนียนแล้วแท้ๆ”
“อ่า..” ผมควรบอกเขาไหมว่ามันไม่ค่อยจะเนียนเท่าไร เพราะหลังจากที่ผมรู้ผมก็เฝ้าสังเกตตลอด เขามักจะมานั่งดูผมเล่นวอลเลย์บอลแล้วอาศัยช่วงวุ่นๆ หรือคนพลุ่กพล่านวิ่งเอาของมาว่างแล้ววิ่งออกไป คือผมว่าคงมีคนอื่นสังเกตเห็นบ้างแหละแต่คงงงๆ เลยไม่อยากจะสนใจมากกว่า
น้ำนิ่งยังคงทำสีหน้าเหมือนกลืนยาขมเข้าไปทั้งก้อน น่ารักจนผมต้องยิ้มตามแล้วลูบแก้มเขาเบาๆ
“ไม่เป็นไรนะๆ รู้ก่อนรู้หลังคนให้ก็คนเดิม อีกอย่างเราดีใจมากที่คนให้กระดาษพับกับคนที่เราชอบเป็นคนเดียวกัน”
“เราก็ดีใจที่คนที่ชอบกับคนที่ทำไก่ให้เป็นคนคนเดียวกัน”
“อันนั้นเราตั้งใจจีบแล้วอะ”
“เป็นแผนเหรอ”
“ก็นิดหน่อย”
จะเรียกว่าแผนได้ไหมเพราะตอนที่รู้ว่าคนที่ให้กระดาษพับกับคนที่ชอบคือคนเดียวกันก็เพราะความบังเอิญ แล้วมันก็บังเอิญที่ลูกหินแฟนพีชเป็นเพื่อนกับเขา ผมเลยหลอกถามข้อมูลเกี่ยวกับน้ำนิ่งได้ แล้วก็รุกเข้าใส่แบบลับๆ
ผมขอเรียกมันว่าความบังเอิญดีกว่า
“ทำไมไม่บอกกันตรงๆ นี่โดนเปิ้ลหลอกมาตลอดเลยเหรอ”
“ไม่ได้หลอกน้า ก็เราไม่อยากเสียน้ำนิ่งไปนี่”
“มีแต่เราที่ไม่รู้อะไร ชอบเปิ้ลไปวันๆ”
“ตอนนี้ก็รู้แล้วนี่ไง”
แน่ะ หันหน้าหนีอีก หลังจากนั้นน้ำนิ่งก็เอาแต่เพ้อว่าผมหลอกเขาต่างๆ นานา ผมใจร้ายบ้างละ เล่นละครเก่งบ้างละ ต่อไปจะหลอกอะไรอีกไหม นู่นนี่เยอะแยะไปหมด ทุกครั้งที่ก็จะปากยื่นปากยาวเหมือนคนงอน แต่มือก็ไม่ยอมปล่อยให้ผมได้เป็นอิสระเหมือนเขาบ่นเพราะตัวเองเสียเซลฟ์มากกว่า ไม่ใช่เพราะว่าโกรธแต่อย่างใด ผมเลยต้องนั่งอธิบายนั่งปลอบจนเขาเริ่มปกติ
พอเคลียร์กันรู้เรื่อง น้ำนิ่งกับผมก็มานั่งดูละครด้วยกัน ผมปอกผลไม้ให้น้ำนิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ เรานั่งกันอยู่ที่พื้นหน้าโซฟา เขายกมือพาดไปที่โซฟาเหมือนกอดผมไว้กลายๆ เดี๋ยวก็แหย่หู เดี๋ยวก็บีบแก้ม เดี๋ยวก็เล่นผม อยู่ไม่สุข เอาแอปเปิลยัดปากแล้วก็ไม่ยอมหยุด
ผลไม้หมดแล้วผมเลยนั่งดูละครไปเงียบๆ จนกระทั้งหนังมันจบผมถึงเพิ่งสังเกตว่ามือไม้ที่เคยก่อกวนหายไปไหนมีแต่มือที่พาดบ่าไว้เฉยๆ แถมยังเงียบอีกต่างหาก พอหันมาดูก็เห็นอีกคนนั่งตาปรือไม่เป็นท่า
“จะกลับไหม เดี๋ยวไปส่ง”
ให้กลับเองคงได้ไปเสยฟุตบาทกับเสาไฟเล่น
“ใจร้ายจัง”
“อะไรล่ะ”
“ไม่เป็นห่วงกันเลย จะให้กลับสภาพนี้”
“จะไปส่งนี่ไง ใครจะปล่อยให้กลับเอง หลับในชนเสาไฟฟ้าตายกันพอดี”
ยังไม่อยากเป็นหม้ายทั้งๆ ที่ยังไม่ได้กันนะเว้ย! ใจจริงก็อยากให้ค้างอะนะ แต่มันเขินๆ ไงไม่รู้
อุ๊บ!!
ผมล้อเล่นน่ะ
“ไม่ให้นอนด้วยเหรอ” เสียงอ้อนมาเลย
“อยากนอนหรือไง”
“อยากสิ อยากนอนกอดเปิ้ล”
อะ ไอ้บ้านี่ก็พูดตรงเหลือเกิน ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าถึงจะหน้านิ่งเหมือนไม่สนใจรู้สึกอะไร แต่ความจริงไม่ใช่เลย ทั้งขี้แซว ขี้แกล้ง สารพัดจะทำไม่ค่อยเข้ากับหน้านิ่งๆ ของเขาเท่าไร แต่นั่นก็เรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งละนะ
“เขินเหรอครับ” ผมเงียบไม่ตอบหันหน้าหนีไปทางอื่น น้ำนิ่งดึงผมขึ้นมานั่งตัก “เขินจริงดิ? เวอร์จิ้นเหรอเรา”
“ไม่จิ้นเว้ย เคยแล้วเหอะ!!”
“อ้าว”
“อุ้ย แฮะๆ โอ๋ อดีตน่า อดีต จุ๊บๆ” ผมลูบแก้มเขาแล้วเริ่มอ้อนใส่เพราะน้ำนิ่งหน้านิ่งยิ่งกว่าเดิมอีกตอนนี้ “ไม่ทำหน้านิ่งน้า นะๆๆ”
“รู้หรอกว่าไม่ใช่คนแรก”
“แล้วรับได้ไหมละ”
ถามไปเหมือนลองเชิงแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใจเริ่มแป้ว ที่พูดไปก็เรื่องจริง น้ำนิ่งก็น่าจะดูออกอยู่แล้ว ใครจะรอดมาถึงตอนนี้วะ แต่คงไม่ชอบใจที่ผมพูดออกมาแบบนี้ ใครมันจะชอบใจถ้ารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนแรกของคนรัก แต่มันก็อดีตแล้วอะ ผมจะไปแก้ไขอะไรได้
“อดีตก็ส่วนอดีต” ว่าพลางไล่ปลายจมูกไปตามแก้มของผม “ปัจจุบันต้องน้ำนิ่งคนเดียวนะครับ.. แอปเปิล”
“อือ รักเดียวใจเดียว น้ำนิ่งเหอะ อย่าให้เห็น เอาตายแน่”
“หึ”
จบจากเรื่องไม่ซิงก็สรุปได้ว่าน้ำนิ่งจะนอนค้างห้องผม แต่เพราะไม่มีชุดที่อีกคนพอจะใส่ได้ และผมไม่มีของใช้สำรองอย่างพวกแปรงสีฟันเลยต้องลงไปซื้อข้างล่างแล้วก็เลยถือโอกาสชึ้นไปหาพีชข้างบนเผื่อมันจะมีชุดของลูกหินหลงเหลือติดห้องไว้ น้ำนิ่งเดินกอดคอผมจนเรามาถึงห้องของพีช เคาะเรียกอยู่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออกด้วย.. ลูกหิน
โอเค ผมไม่ตกใจหรอกที่เจอลูกหินแต่ตกใจกับสภาพตอนนี้มากกว่า เปลือยท่อนบนไม่พอ ยังรอยเล็บและคิสมาร์กจางๆ ตรงช่วงหน้าอกไปจนถึงหัวไหล่โชว์อีก ไม่ต้องเดาว่าผ่านอะไรมายิ่งสภาพของพีชที่เดินตามมาทำเอาผมนึกภาพได้เป็นฉากๆ
รอยแดงตรงคอมันเยอะกว่าของลูกหินรวมกันซะอีก!!
สภาพก็ดูเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจะล้มพับได้ทุกเมื่อ
ร้อนแรงจริงไอ้พวกนี้ วันใหม่แล้วนะ!
“มีไรวะ”หินพูดกับเพื่อนเขา
“มีอะไรเหรอเปิ้ล มาซะดึกเชียว” เป็นพีชที่ส่งเสียงพร้อมโผล่หัวน้อยๆ ออกมาให้ได้เห็น ขอบคุณที่อยู่ในชุดปกติ ไม่ทำให้ผมกระดากอายไปมากกว่านี้!
“กูมาค้างกับเปิ้ล แต่ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน”
“เลยมายืมของกูว่างั้น”
“เออดิ จะให้กูมายืมของเมียมึงเหรอ”
“สัด”
“มาๆ เข้ามาก่อน”
พวกผมเดินตามสองคนนั้นเข้าไปเพราะไม่คิดว่าการยืนรออยู่ข้างหน้าห้องมันจะเกิดประโยชน์อันใด ดีไม่ดี พวกข้างห้องได้ออกมาด่าอีก ลูกหินหายเข้าไปในห้องนอนของพีชส่วนผมก็เดินตามเพื่อนตัวเองเข้าไปที่ครัวด้วยความอยากเสือกล้วนๆ ทิ้งให้น้ำนิ่งนั่งหลับในรออยู่ตรงโซฟาคนเดียว
“ทำกันตั้งแต่กี่โมงวะเนี่ย”
“บ้าเหรอ เปิ้ล เดินตามมาเพื่อจะถามเรื่องนี้อ่ะนะ”
“ก็อยากรู้อะ”
พีชมันตัวเล็กๆ ขาวๆ น่าถะนุถนอมจับทีเหมือนกระดูกจะหักได้ทุกเมื่อ ส่วนลูกหินก็ตัวใหญ่กล้ามแน่นมีรอยสักตรงต้นแขน แข็งแรง ดูน่ากลัว แต่ก็โคตรเท่ พอคิดภาพเพื่อนตัวเองกับคนที่นิ่งยิ่งกว่าน้ำนิ่งและเย็นชาอย่างลูกหินทำกิจกรรมบนเตียงกันแล้วหน้าผมก็เห่อร้อนขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ไม่หื่นสิเปิ้ล~”
“แหม ดูร้อนแรงอะ ลูกหินมันดูเย็นชา บนเตียงนี่ยังไงวะ”
“โอ้ย ใครจะกล้าเล่าละ รอเจอด้วยตัวเองดีกว่ามั้ง”
“อะไร”ผมลอยหน้าลอยตา
“มาค้างด้วยแบบนี้..ไม่น่ารอดน้า”
“ดูมันก่อน จะหลับแล้วนั่น”
ผมบุ้ยปากไปทางหมีที่นั่งรออยู่ เพราะระยะห่างไม่ได้มากนัก ลักษณะห้องก็เหมือนๆ กันเลยต้องกระซิบคุย พีชหัวเราะรวนพอดีกับที่ลูกหินออกมาพร้อมกับชุดนอนของเขา เดินไปตบหัวเรียกให้เพื่อนตื่นก่อนจะโยนชุดให้
“มึงนี่หลับได้ตลอดเวลาจริงๆ”
“กูพักสายตาเถอะ”
จ้ะ.. พักสายตา
คืนนี้ไม่ต้องหวังไรทั้งนั้นแค่ลากไอ้หมีขี้เซาขึ้นห้อง อาบน้ำ หัวถึงหมอนมันก็หลับเป็นตาย!
เอาเถอะ ผมรอได้!
TBC
27/5/17
สวัสดีค่ะ หายไปนานกว่ารอบที่แล้วอีก ลืมกันแล้วแน่ๆ ขอโทษน้า ที่จริงเราปิดเทอมตั้งแต่ต้นเดือนแล้วค่ะ แต่ก็ติดรับปริญญาของพี่ ทำนั่นทำนี่ไม่ได้มาอัพสักที อยากแต่งให้จบช่วงแรก (14-15 ตอนแรก) ก่อนด้วยแล้วกะจะลงติดๆ กัน คนอ่านจะได้ไม่ต้องรอนาน แต่ก็ยังทำนั่นทำนี่ไม่เสร็จเลยไม่ได้ลงสักที นี่ก็บังคับให้ตัวเองมาลงก่อน มันจะสองเดือนแล้ว ฮืออ หลังจากนี้ก็จะพยายามมาให้บ่อยๆ เขียนให้จบ ลงให้ได้เยอะที่สุด ถี่ที่สุดตลอดช่วงปิดเทอมนะคะ
ตอนนี้ก็ยังคงเรื่อยๆ เหมือนเดิม เราชอบตอนสองคนนี้อยู่ด้วยกันมันน่ารักดี อาจจะน่าเอไปบ้าง แต่ก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหน ฝากติดตามกันต่อไปด้วยน้า
ไว้เจอกันใหม่ค่า
แอปเปิลตอนทำกับข้าวในครัว
เครดิต Twittwr @cotoriy