ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่7
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่7  (อ่าน 4332 ครั้ง)

ออฟไลน์ ArStyle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-04-2018 10:21:31 โดย ArStyle »

ออฟไลน์ ArStyle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จุดเริ่มต้น ขมิ้นชัน กันต์กวี




        สวนใหญ่หน้าบ้านวัชระปกรณ์

       “ตั้งแต่พี่วีไปเรียนต่อต่างประเทศ…นี่ก็ผ่านมาสิบปีแล้วนะครับ”

       คณานนท์หนุ่มร่างโปร่งพูดพลางยื่นมือขาวลูบลำต้นไม้ใหญ่ตรงหน้า

       “สิบปีแล้วที่ขมิ้นไม่ได้เจอพี่วี…”


      ย้อนกลับไปเมื่อสิบห้าปีก่อน

       ในสวนใหญ่แห่งนี้คณานนท์วัยเด็กนั่งฟุบหน้ากอดเข่าร้องไห้จนตัวโยนอยู่บนเก้าอี้ยาวใต้ต้นไม้และร่ำไห้เสียงสั่น

       “ฮึก! ขมิ้นคิดถึงคุณพ่อคิดถึงคุณแม่ ฮึก! ขมิ้นคิดถึงพี่คาริสา ขมิ้นอยากกลับบ้านของเรา ฮือ!”

       ตุบ! เสียงปริศนาทำเด็กชายตกใจรีบผละหน้าจากเข่าเล็กแล้วมองข้างๆ น้ำหูน้ำตาที่นองเมื่อครู่ถูกเช็ดออกอย่างลวกๆ มือเล็กคว้าจับผลส้มปริศนาซึ่งตกลงข้างกายมาถือมองไว้ด้วยท่าทีสงสัยระคนวิตก

       “ฮึก ม…มาได้ยังไง”

       “ฮ่าฮ่าฮ่า”

       “ค…ใครน่ะ?! เสียงใคร?!”ว่าแล้วก็หันซ้ายหันขวามองหาอย่างลนลาน

       แต่...คิดอีกอย่างไม่ว่าเสียงนั้นจะเป็นของใคร เด็กชายไม่สนใจจะรับรู้ คิดได้แบบนั้นขมิ้นวัยเยาว์จึงรีบลุกจากเก้าอี้เพื่อหวังเดินหนี

       แต่แล้ว…

       “เฮ้!อย่าเพิ่งหนีสิขมิ้นชันคนขี้แย”

       ฝีเท้าเล็กหยุดชะงัก

       เสียงที่ดังซ้ำเมื่อครู่มันช่างคุ้นหูและเหมือนจะจับทิศทางได้ราวกับมันอยู่เหนือหัว คณานนท์ที่ดวงตากับใบหน้ายังมีคราบน้ำตารีบเงยหน้าแล้วมองไปบนต้นไม้ใหญ่
แล้วก็ต้องตะลึงเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายที่ทำให้ตกใจคือใคร มือเล็กบีบผลส้มในมืออย่างนึกโกรธแล้วตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจ!

       “ไอ้คุณกันต์กวี!”

       “ไงขมิ้นชัน”

       กันต์กวีเด็กหนุ่มวัยรุ่นยักคิ้วยิ้มกวนจากด้านบนแล้วโดดลงจากต้นไม้ดังกล่าว

       เขายืนกอดอกมองหน้าคณานนท์ซึ่งตัวเล็กกว่าตัวเองอย่างยียวน คณานนท์นั้นแม้จะเด็กและตัวเล็กกว่าแต่เด็กชายตัวน้อยก็มองคนตัวสูงตรงหน้าอย่างถมึงทึงถือดีแล้วเชิดหน้าใส่ก่อนจะหมุนตัวขยับขาเพื่อเดินหนี แต่กันต์กวีกลับคว้าข้อมือเล็กของเด็กชายเอาไว้

       “ปล่อยผมนะ! คุณมาจับผมไว้ทำไม?! ปล่อยผม!”พยายามดึงข้อมือตัวเองให้หลุดจากมือใหญ่ของอีกฝ่าย
ในใจของเด็กชายก็นึกด่าไอ้คุณกันต์กวีว่ามันจะเอายังไงแน่!

       ไอ้คนถูกนึกด่าในใจมองคนตัวเล็กที่ออกแรงยื้อให้หลุดจากมือเขาแล้วยิ้มยวนก่อนจะพูดไปยิ้มไปเหมือนไม่สนใจว่าอีกฝ่ายอยู่ในอาการไหน

       “ไม่ต้องดิ้นให้เปลืองแรงหรอกนา ปล่อยน่ะปล่อยแน่ แต่ร้องไห้แบบตะกี้ให้ดูอีกทีสิ อ๊ะ! แต่ถ้าร้องไม่ออกเพราะมีคุณวีอยู่ด้วยงั้นคิดซะว่าคุณวีไม่อยู่ตรงนี้แล้วกัน เอา! ร้องไห้ให้ดูหน่อย”

       “คุณบ้าหรือไง! มาบังคับให้คนอื่นเขาร้องให้ เห็นคนอื่นร้องไห้แล้วคุณมีความสุขนักเหรอ?!”

       รอยยิ้มหล่อแต่มากด้วยความยียวนของกันต์กวีหุบลง นัยน์ตาคมจับจ้องคนตัวเล็ก

       “ก็เปล่า แต่คุณวีชอบเห็นคนอื่นมีความสุข”

       “อะไรของคุณ?!”

       ยิ่งพูดด้วยก็ยิ่งวกวน!

       รู้หรอกว่าคนๆนี้ชอบสร้างเสียงหัวเราะให้คนในบ้าน แต่การมาบังคับให้เขาร้องไห้มันเป็นการสร้างความสุขตรงไหน แล้วมือที่ใหญ่กว่านี่อีก

       ไอ้คุณกันต์กวีมันทากาวหรือยังไงเด็กชายพยายามยื้อเท่าไหร่มันก็ไม่หลุดสักที

       “อ้าว! ก็เห็นขมิ้นชันคนขี้แยชอบหลบมาร้องไห้คนเดียวบ่อยๆเลยคิดว่าสงสัยร้องไห้แล้วขมิ้นชันคงมีความสุข คุณวีก็เลยอยากให้ร้องไห้อีกไงล่ะ”

       “ผมเปล่ามีความสุข!” มองกันต์กวีอย่างนึกเจ็บใจกับคำพูดนั้น ตากลมโตเริ่มน้ำตาซึม“ใครที่ไหนร้องไห้แล้วมีความสุข...ฮึก…!”

       “นั่นไง! ตัวเองก็รู้นี่ แล้วจะร้องไห้อีกทำไม รู้ทั้งรู้ว่าร้องไห้แล้วมันไม่มีความสุขแล้วขมิ้นชันจะร้องทำไม”

       “ผม…!” คนถูกถามเริ่มสะอื้น “ฮึก…! ผม…! ผม...!”

       พูดอะไรต่อไม่ออก

       เด็กชายทำได้เพียงกลับมาสะอื้นหนักอีกครั้ง คำพูดบางอย่างแม้จะยากเกินความเข้าใจแต่คณานนท์กลับรู้สึกเหมือนในคำพูดนั้นของกันต์กวีช่างบีบรัดหัวใจนัก

       “พูดยังไม่ทันขาดคำ”

       มือใหญ่ของกันต์กวีที่คว้าข้อมือคนตัวเล็กไว้ตอนแรกเลื่อนเปลี่ยนมาเป็นดึงตัวอีกฝ่ายเข้าหาแล้วกอดร่างเล็กที่กำลังสั่นด้วยแรงสะอื้นไว้

       “ฮือ…”

       “เงียบได้แล้วนา” เขาลูบหลังให้คณานนท์ระหว่างที่มือนั้นกอดคนตัวเล็กกว่าเอาไว้

       “ไหนบอกร้องไห้มันไม่ได้มีความสุขไง แล้วจะร้องทำไมนักหนา น้ำตานะไม่ใช่น้ำประปาร้องมากแค่ไหนเราก็เอาไปใช้อะไรไม่ได้ รู้ไหม”

       เหมือนกันต์กวีพูดให้เป็นเรื่องตลก

       หากแต่น้ำเสียงของเขาช่างอ่อนโยน กอดของเขาช่างอบอุ่น มันอุ่นไปถึงหัวใจของเด็กชายซึ่งอยู่ในอ้อมกอด คณานนท์ไม่มีคำพูดใดที่สามารถพูดออกมาเป็นประโยคใดๆได้เลยสักคำในตอนนี้

       สิ่งเดียวที่เด็กชายทำได้...

       “ฮือ!!!”ร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ

       พอเห็นแบบนั้นฝ่ายที่สวมกอดอยู่ก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วยิ้มบางอย่างเอ็นดู

       “ต่อไปถ้าเมื่อไหร่ที่มาตรงนี้ห้ามร้องไห้อีกนะ คงไม่รู้สิว่าตรงนี้มันเป็นที่ของพี่ เพราะงั้นในฐานะเจ้าของพี่ขอสั่งให้ขมิ้นห้ามร้องไห้ในที่ของพี่อีก”

       “…!!!...” เด็กชายเงยหน้ามองกันต์กวีทั้งน้ำตาอย่างตกใจ

       เมื่อตะกี้… เมื่อตะกี้เขาแทนตัวเองว่า ‘พี่ ’ แถมยังเรียกคณานนท์ด้วยชื่อเล่น 'ขมิ้น' ไม่ใช่ 'ขมิ้นชัน…'

       “ค…คุณ…”

       “แน่ะ! ตะกี้พี่ก็แทนตัวเองว่าพี่ไปแล้วๆทำไมขมิ้นยังมาเรียกพี่ว่าคุณอีก งั้นเอางี้ นอกจากเรื่องห้ามร้องไห้ พี่ขอเพิ่มอีกอย่างเลยแล้วกัน พี่ขอสั่งให้ตั้งแต่วันนี้ขมิ้นต้องเรียกพี่ว่าพี่วี แล้วก็แทนตัวเองว่าขมิ้น ตกลงตามนี้นะ ถ้าไม่ตกลงพี่วีจะฟ้องพ่อแม่เรื่องที่ขมิ้นชอบหลบมาร้องไห้ แล้วในฐานะเจ้าของตรงนี้พี่จะไม่ให้ขมิ้นมานั่งหรือยืนอีก” ยื่นหน้าเข้ามาหาคณานนท์อย่างใกล้แล้วพูดต่อ“ว่าไง”

       คนถูกถามซ้ำยังถูกอีกฝ่ายยื่นหน้าพร้อมรอยยิ้มเข้ามาใกล้จู่ๆในใจก็นึกหวั่น แม้น้ำตายังไม่หยุดไหล แต่คำพูดที่เอาแต่ใจของกันต์กวีกลับทำให้หัวใจของเด็กชายอุ่นวาบและพองโตขึ้นอย่างน่าประหลาด

       “ฮึก…! ครับ” คณานนท์ตอบกลับและยิ้มให้ทั้งน้ำตา “ครับพี่วี”




       นั่นเป็นความอบอุ่นและจุดเริ่มต้นความผูกผันที่คณานนท์วัยเด็กมีให้พี่วี คิดถึงเรื่องราวดีดีในช่วงนั้นคณานนท์ในตอนนี้ก็ยิ้มบาง

       “แต่ผ่านมาตั้งสิบปีแล้ว…” คณานนณ์ขยับหัวไปหาต้นไม้ตรงหน้าแล้วอิงหน้าผากกับลำต้น

       “บางทีพี่วีอาจลืมขมิ้นไปแล้วก็ได้”

       “ขมิ้น!”

       "โอ๊ย...!” คณานนท์สะดุ้งจนเผลอโหม่งหน้าผากเข้ากับต้นไม้อย่าจัง “จ…เจ็บ…!”

       “กรี๊ด! ขมิ้นเป็นอะไรหรือเปล่า รอตรงนั้นนะพี่จะไปดูให้!”

       “ไม่…! ไม่เป็นไรครับพี่มน!” เขารีบหันตามเสียงใสแล้วบอกปัด ก่อนจะยิ้มบางให้เจ้าของเสียงที่อยู่ตรงบันไดทางขึ้นเรือน
วันนี้เองก็เหมือนทุกวันตลอดสิบปี คงทำได้แค่มายืนรำลึกถึงความหลังเมื่อครั้งยังเด็ก แต่อย่างน้อยความทรงจำเหล่านั้นก็เป็นเหมือนน้ำทิพย์คอยหล่อเลี้ยงหัวใจของขมิ้น เท่านี้ก็พอแล้ว

       คณานนท์ยิ้มบางอีกครั้ง ดวงตากลมมองต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าแล้วเดินออกมาจากบริเวณสวน




       “ขอโทษนะครับพี่มนที่ให้รอ” พูดพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

       “รอเรออะไรล่ะขมิ้น”

       พี่มนหรือกันต์กมลพูดยิ้มๆแล้วยื่นมาลูบแตะหน้าผากคนตรงหน้า

       “หือ แดงเหมือนกันนะเนี่ย เดี๋ยวขึ้นบ้านแล้วพี่ทายาให้”
       “ขอบคุณครับพี่มน แต่ผมแค่หน้าผากโขกนิดเดียวไม่เป็นอะไรหรอกครับ คนที่ควรห่วงแล้วก็ได้รับการดูแลน่าจะเป็นคุณ
หมอกันต์กมลมากกว่าท่าทางเหนื่อยๆนะครับ ที่โรงพยาบาลงานเยอะเหรอครับวันนี้”

       “อื้อ!”พยักหน้ารับรัวๆ “วันนี้ที่โรงพยาบาลคนไข้เยอะมาก เหนื่อยหนักจนอยากโทรมาอ้อนให้ขมิ้นขับรถไปรับเลยล่ะ ฮ่าฮ่า”

       “แล้วทำไมคุณหมอคนสวยไม่โทรตามผมล่ะครับ วันนี้ผมไม่ได้เข้าไปดูงานที่บริษัทกับพี่ธรอย่างทุกทีนะ”

       “อ้าวเหรอ แหะๆ พี่ไม่รู้นี่ แล้วทำไมขมิ้นถึงไม่ได้เข้าบริษัทล่ะ”

       “เรื่องที่มหาลัยน่ะครับ วันนี้กับพรุ่งนี้อาจารย์ให้เข้าไปดูว่ายังมีงานอะไรที่ค้างหรือเปล่า หากมีให้รีบจัดการ เดี๋ยวถึงเวลาใกล้จบจะได้ไม่มีปัญหา”

       “อ๋อ…” ลากเสียงยาวแล้วมองคณานนท์อีกครั้งพลางยิ้มบางอย่างเอ็นดูอีกฝ่าย

       “แป๊บๆขมิ้นตัวน้อยก็จะจบมหาลัยแล้ว นี่ก็เหลือแค่รอรับใบประกาศเนอะ”

       “ครับ” ชายนุ่มตอบกลับยิ้มๆ “พี่มนคงอยากนั่งพักแล้ว เราขึ้นบ้านกันเถอะครับ ส่วนกระเป๋าสัมภาระของคุณหมอ”
หยิบกระเป๋าทั้งหมดมาถือไว้ “เดี๋ยวผมจัดการให้”

       “ขอบใจนะขมิ้น”

       กันต์กมลมองตามหลังน้องชายต่างสายเลือดที่รักราวกับเป็นน้องชายแท้ๆแล้วอมยิ้ม
ตอนเด็กว่าขมิ้นน่ารักน่าหยิกแล้วนะ แต่สิบปีผ่านไปพอขมิ้นโตเป็นหนุ่มเต็มตัวนี่ทั้งน่ารักทั้งหล่ออะไรขนาดนี้ แล้วไหนจะเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษ

       นี่ถ้าพี่วีที่อีกไม่กี่วันจะกลับมาบ้านเจอเข้าต้องตกใจมากแน่ๆ





ติดตามตอนต่อไป
สวัสดีค่ะ ArStyle เคยลงเรื่องในเล้ามาสองสามครั้ง ครั้งนี้ตั้งใจแล้วว่าจะแต่งแบบบรรยายตอนยาวค่ะ ขอฝากด้วยนะคะ ขอบคุณค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2021 17:27:45 โดย ArStyle »

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี
«ตอบ #2 เมื่อ31-03-2017 14:00:36 »

 :mew1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี
«ตอบ #3 เมื่อ31-03-2017 15:07:27 »

เหมือนจะมีกลิ่นอายน่ารัก ๆ อยู่นะ

ออฟไลน์ ArStyle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่1
«ตอบ #4 เมื่อ06-04-2017 19:54:15 »

ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่1




   ช่วงสายของบ้านวัชระปกรณ์วันนี้บรรยากาศที่บ้านค่อนข้างเงียบสงัด คณานนท์ในชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงผ้าขายาวเดินมือแห้งหมาดจากห้องครัวมายังห้องรับแขกแล้วทิ้งร่างนั่งบนโซฟาเบาะนิ่ม แม้ในบ้านจะเงียบแต่เขากลับไม่รู้สึกเหงา หากแต่ความเคยชินในทุกๆวันเมื่อมองผ่านผนังกระจกไปยังโต๊ะอาหารซึ่งอยู่เยื่องถัดไปจากนี้เล็กน้อยใจเขาก็อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้

   ปกติคุณลุงสถาพรคุณป้ากรรัมภาพี่กันต์ธรและพี่กันต์กมลรวมถึงเขาต้องรับประทานอาหารเช้าเย็นพร้อมหน้ากันเสมอ แต่วันนี้ทุกคนมีภารกิจซึ่งต่างสละเวลาพร้อมหน้ากันอย่างเช่นทุกวันไม่ได้เพราะพี่กันต์ธรหนุ่มไฟแรงวัยสามสิบต้องเร่งเข้าบริษัทเลยรีบออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด เช่นกันกับพี่กันต์กมลคุณหมอคนสวยเองวันนี้ที่โรงพยาบาลมีเคสพิเศษเข้าด่วน ส่วนคุณลุงกับคุณป้าที่ปกติชอบอยู่ติดบ้านแต่วันนี้อยากออกทำบุญใหญ่เก้าวัด ท้ายที่สุดบ้านใหญ่ทั้งหลังก็เหลือเพียงคณานนท์ลำพัง

   แต่ที่อยู่ลำพังใช่ว่าถูกปล่อยทิ้งหากแต่เขาห่วงระหว่างการเดินทางคุณลุงคุณป้าในวัยห้าสิบต้นๆจะเหนื่อยหนักกับการเดินทาง คณานนท์จึงให้ทั้งแม่บ้านและคนรถร่วมทางไปกับงานบุญครั้งนี้

   ในทีแรกแทบทั้งบ้านรีบค้านยกใหญ่แต่เพราะชายหนุ่มยืนยันหนักแน่นว่าตนไม่มีปัญหา อย่างไรเสียเรื่องกับข้าวกับปลาซึ่งคณานนท์ได้รับวิชาจากคุณป้ากรรัมภาคนเก่งมาพอตัวก็ออกตัวไว้แล้วว่าไม่เป็นไร ถึงฝ่ายนั้นไม่พ้นความห่วงใยแต่เพราะวันแห่งภารกิจของแต่ละคนสุดท้ายวันนี้ทั้งบ้านก็เหลือเพียงเขา

   แต่บอกแล้วว่านั่นไม่ใช่ปัญหาแม้คุณลุงคุณป้าจะค้างนอกบ้านแต่เดี๋ยวตกเย็นทั้งพี่ธรและพี่มนก็กลับจากทำงานอยู่ดี และวันนี้คณานนท์เองก็มีธุระที่มหาวิทยาลัยต้องจัดการให้เรียบร้อยเพราะงั้นแค่อาหารเช้ามื้อเดียวซึ่งเจ้าตัวจัดการทำทานจวบจนล้างถ้วยชามเองเสร็จสรรพก็เป็นอันไร้กังวล

   “แต่ทุกคนก็ยังไม่วายเป็นห่วงขมิ้นสินะครับ”เขาพูดเสียงแผ่วแต่ปากสีแดงสดแบบธรรมชาตินั้นกลับยิ้มบาง

   ตั้งแต่ทุกคนออกไปจากบ้านตามลำดับความเร่งรีบ ตั้งแต่นั้นมือถือของเขาก็มีแต่การแจ้งเตือนข้อความขาเข้าเป็นว่าเล่นและอักษรที่ส่งมานั้นก็ไม่พ้นข้อความถามไถ่และความห่วงใยสารพัดจากสมาชิกบ้านวัชระปกรณ์

   “หากมีพี่วีอีกคนก็คงดีนะครับ…”

   เอ่ยถึงชื่อๆนี้แล้วยิ้มบางมีอันต้องหุบ เสียงแผ่วในตอนแรกก็ยิ่งเบาไปใหญ่

   สิบปีแล้วที่ไม่เจอกันและสิบปีเช่นกันที่พี่วีไม่ติดต่อหาเขา… คณานนท์ยังจำวันจากลาครั้งนั้นที่สนามบินได้ดี เขาในวัยเด็กซึ่งผูกติดและผูกพันกับกันต์กวีมากมายร้องไห้ตัวโยนจนฝ่ายนั้นต้องกอดปลอบอยู่นาน แล้วก่อนกันต์กวีจะขึ้นเครื่องบินประโยคสุดท้ายที่คณานนท์จำแม่นก็คือ… ‘รอพี่นะขมิ้น…’

   ฝ่ายนั้นบอกให้รอ…เขาก็รอ แต่อาจมีเพียงเขาก็เป็นได้ที่รอพี่วี รอตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้รอแล้วรอเล่า รออย่างไรก็ไม่เคยได้พานพบ สิบปีที่ว่าไม่เจอกันใช่ว่าฝ่ายนั้นไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านซะทีเดียว แต่เพราะเหตุใดคณานนท์ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ทุกครั้งที่กันต์กวีกลับมาเขาไม่เคยได้เจอกันสักครั้ง ไม่เคยแม้จะเฉียด…

   ครืน ครืน ขณะความคิดกำลังดิ่งหาอดีตและค้นหาคำตอบ ระบบสั่นตามด้วยเสียงเรียกเข้าจากมือถือในมือดึงสติคณานนท์กลับมาสู่ปัจจุบัน ตากลมโตที่สิบปีผ่านไปอย่างไรแต่ดวงตาคู่กลมก็ยังส่องประกายน่ามองไม่เปลี่ยนหลุบมองชื่อบนหน้าจอเพียงชั่ววินาทียิ้มบางที่จางลงก็แย้มกว้างออกมาใหม่ สายโทรเข้าจากทางไกล ไกลจากต่างประเทศ…

   คนโทรมาคือพี่คาริสา…





   “ครับพี่คะนิ้ง แล้วเจอกันครับ” จบการสนทนานานนับสิบนาทีกับพี่คะนิ้งหรือคาริสาพี่สาวแท้ๆเพียงคนเดียวของตนลงด้วยยิ้มกว้าง คณานนท์เงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วสูดอากาศในสวนหน้าบ้านเข้าเต็มปอด ถึงไม่ใช่อากาศดีสุดอย่างช่วงเช้าแต่ในสวนแห่งนี้ไม่ว่าจะเวลาใดเขาก็รู้สึกดีทุกครั้ง แล้วยิ่งรู้สึกดีมากก็ตอนเดินออกมาจากตัวบ้านแล้วได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะคุยกับพี่สาวที่ไม่ได้เจอกันนานกว่าสิบปี

   แม้จะเป็นสิบกว่าปีที่เขาและครอบครัวไม่ได้พบกันเลยสักหนหากแต่คณานนท์ก็หมดความน้อยใจไปนานแล้ว ไม่ใช่แค่เพราะครอบครัวตัวไกลแต่การติดต่อสื่อสารนั้นใกล้ชิด แต่เพราะช่วงแรกที่เข้ามาเป็นสมาชิกบ้านหลังนี้ เด็กชายตัวน้อยได้ชายที่ชื่อกันต์กวีปลอบประโลมเอาไว้ เพราะในวันที่อ่อนแอเขามีกอดอบอุ่นของพี่วีโอบอุ้ม เพราะแบบนั้นคณานนท์จึงยอมเปิดใจและเข้าใจ

   แต่…คิดวนไปซ้ำมาท้ายที่สุดในหัวหรือกระทั่งในใจของเขาก็เหมือนจะมีแต่กันต์กวีวนเวียนไม่เลือนหายจนเจ้าตัวต้องรีบสลัดภาพบุคคลที่ว่าออกไปและกลับมานึกถึงคุณลุงคุณป้าพี่ธรและพี่มนแล้วแย้มยิ้มด้วยเรื่องที่อยากรีบเล่าให้เขาเหล่านั้นฟังว่าอีกสามเดือนคาริสาจะมา สิบกว่าปีที่ไม่เจอกันแต่อีกแค่เพียงสามเดือนพี่สาวของคณานนท์กำลังจะมาหาเขาแล้ว

   แค่นึกชายหนุ่มก็สุขใจจนแทบเก็บอาการไม่ไหว อยากรีบโทรบอกทุกคนให้รู้กันถ้วนหน้าเหลือเกินหากแต่มือขาวที่เตรียมกดมือถือมีอันต้องค้างไว้ เสียงรถเครื่องซึ่งดังอยู่ไม่ไกลทำให้เขาต้องหันรีหันขวางตามต้นเสียงก็พบว่าที่ประตูรั้วหน้าบ้านมีรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่…

   ชายในชุดสูทคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ ฝ่ายนั้นทำท่าจัดแจงเสื้อผ้าก่อนจะเงยหน้าที่มีแว่นกัดแดดสีดำทับอยู่ชะเง้อเข้ามายังตัวบ้าน

   “ใคร?”

   คณานนท์งึมงำอย่างสงสัย แน่ใจว่าฝ่ายนั้นมองเห็นเขา ชั่วขณะความคิดว่าหากเป็นทุกครั้งคงเป็นคนรถไม่ก็แม่บ้านที่ต้องออกไปถามไถ่แต่เพราะวันนี้บ้านทั้งบ้านมีเพียงเขาขาเจ้ากรรมของคณานนท์ก็ก้าวยาวๆจนมาหยุดอยู่คนละฝั่งกับบุคคลที่ว่าเสียแล้ว

   แม้ต่างฝ่ายต่างยังไม่เอ่ยคำใดๆแต่ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆ…

    “ไม่เจอกันนานนะ”

   เป็นฝ่ายที่อยู่นอกรั้วบ้านออกปากก่อนแล้วตามด้วยแว่นกันแดดที่ถูกถอดออก ยิ้มยวนที่อีกฝ่ายส่งมากับนัยน์ตาที่เขาไม่เคยลืมทำเอาคณานนท์แทบผงะ ตากลมโตกระพริบปริบส่วนปากสีแดงสดก็เกือบอ้าค้างแต่ยังดีที่พอมีสติเขาจึงรีบงับเอาไว้ได้

   พี่วี…คณานนท์นึกเรียกชื่อหนุ่มร่างสูงตรงหน้าด้วยความรู้สึกราวกับว่าฝัน สิบปีที่ไม่เจอกัน…สิบปีแล้วสินะ… สิบปีแล้วที่เขาไม่ได้เจอกับพี่วี

   “พ…พี่ เอ่อ ค...คุณวี...!”

   คุณวี คุณวี คุณวี…! คณานนท์อยากจะตีปากตัวเองเสียตรงนี้ อยากเรียกคนตรงหน้าว่า ‘พี่’ แทบตายแต่สุดท้ายเขากลับเรียกฝ่ายนั้นว่า ‘คุณ’ แต่…คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง ชายหนุ่มคิดแล้วมองหน้าฝ่ายนั้นที่ยังอยู่นอกรั้วด้วยหลากหลายความรู้สึก
   
   คิดถึง ดีใจ อยากโผกอดพี่วีเหมือนสมัยยังเด็ก แต่…ระยะห่างระหว่างเขากับกันต์กวีมันมากเกินไป สิบปีที่คิดถึงมันยาวนานเกินกว่าการที่จู่ๆก็ได้พบกันดื้อๆแล้วเขาจะปรับตัวทัน

   “รอเดี๋ยวนะครับคุณวี”

   อีกแล้ว! เขาเรียกพี่วีว่าคุณอีกแล้ว แม้ในใจจะนึกต่อว่าตัวเองแต่คณานนท์ก็ไม่ได้ยืนเฉย เขารีบจัดการปลดล็อคประตูแล้วเลื่อนรั้วหน้าบ้านให้อีกฝ่าย ดวงตากลมโตสบไปยังนัยน์ตาซึ่งทีแรกฝ่ายนั้นเหมือนฉายแววยียวนแต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่สายตากับใบหน้านั้นเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย

   รู้สึกไม่ดีเลย
   
   “ขึ้นรถสิ จะได้เข้าบ้านพร้อมกัน”กันต์กวีเอ่ยชวนแล้วเดินขึ้นรถในทันที
   
   แต่…เขากลับยืนนิ่งก่อนจะส่ายหน้าอย่างรวดเร็วพอกัน “ผมจะรอปิดประตู คุณขับรถเข้าไปก่อนเถอะครับ”
   
   พูดจบก็รีบเบี่ยงตัวหลบให้พ้นทางรถ หากคณานนท์ไม่เอาแต่เสมองไปทางอื่นเพราะตื่นเต้นไม่หาย ตอนนี้ชายหนุ่มคงได้เห็นสายตาเอาเรื่องของกันต์กวีที่มองตนแบบตาไม่กระพริบไปแล้ว
   
   แต่…รอก่อนเถอะ รอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเมื่อไหร่เขาจะจัดการเด็กดื้อขมิ้นชันให้เข็ด แต่ตอนนี้กันต์กวีทำได้เพียงนึกหมายมั่นในใจแล้วขับรถเข้าสู่รั้วบ้านวัชระปกรณ์ หากแต่สายตาก็ไม่วายส่องกระจกหลังเพื่อมองคณานนท์ที่ตอนนี้ฝ่ายนั้นเลิกแกล้งเสมองทางอื่นแล้วหันมามองตามเขา
   
   “ทุกคนรู้ว่าพี่วีกลับมาวันนี้สินะก็เลยให้คนเอารถไปรอให้ขับกลับมาเอง”
   
   แต่…รถคันที่กันต์กวีขับคณานนท์ไม่ยักจะจำได้ว่าเป็นรถคันใดคนหนึ่งของที่บ้าน แต่…รถคันที่พี่วีขับมาคันนี้ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นตาเหมือนเคยเจอตามสถานที่ต่างๆในบางที่ที่ๆเขาเคยไปมานะ…






ติดตามตอนต่อไป

เจอกันตอนต่อไปนะคะ แต่จะมาวันไหนยังไม่ชัวร์ค่ะ แง

ขอบคุณคุณนักอ่าน ขอบคุณคอมเม้นท์ติดตามและแนะคำที่ผิดนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2021 17:29:53 โดย ArStyle »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี
«ตอบ #5 เมื่อ06-04-2017 20:59:48 »

เจอกันเสียที... พี่วีคนยียวนกลับมาแล้ว

ปล. พานพบ เขียนแบบนี้นะคะ ไม่ใช่ พาลพบ

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี
«ตอบ #6 เมื่อ06-04-2017 21:46:29 »

เจอกันแล้วจะเป็นยังไงต่อไปหนอ :3123:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี
«ตอบ #7 เมื่อ06-04-2017 23:31:51 »

 สนุกคับ อ่านตอนแรกๆซึ้งๆดี

ออฟไลน์ ArStyle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่2
«ตอบ #8 เมื่อ14-04-2017 22:41:49 »

ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่2




   “น้ำครับ”คณานนท์ยื่นน้ำในแก้วให้เจ้าบ้านซึ่งกำลังเดินสำรวจอะไรเรื่อยเปื่อยทันทีเมื่อตามมาถึง ออกจะสั่นนิดๆหวั่นหน่อยๆแต่ตามมารยาทแล้วเขาควรทำแบบนี้ แม้ฝ่ายนั้นจะเป็นเจ้าบ้าน แต่อย่างไรเสียผู้มาใหม่ก็คือผู้มาใหม่ เขาซึ่งแม้จะเป็นเพียงคนอาศัยแต่รู้ที่ทางกว่าย่อมต้องเป็นฝ่ายให้การต้อนรับ

   “ขอบใจ” กันต์กวีหันมายิ้มแล้วรับแก้วน้ำจากคณานนท์ก่อนจะจิบน้ำเย็นไปพลางพูดไปพลาง “บ้านเงียบเนอะ”

   “วันนี้คุณลุงคุณป้าออกจากบ้านแต่เช้าไปทำบุญเก้าวัดแล้วก็จะค้างนอกบ้านหนึ่งคืน พี่ธรกับพี่มนมีงานเช้าแต่เย็นๆก็กลับ ว่าแต่คุณวีโทรบอกทุกคนรึยังครับว่าถึงบ้านแล้ว”

   “ทำไมถึงเรียกแบบนั้น…”

        “ครับ?”

       แทนที่จะได้คำตอบในเรื่องที่ถามแต่เขากลับโดนฝ่ายที่ตัวเองถามๆกลับ คณานนท์กระพริบดวงตาคู่กลมมองฝ่ายตรงข้ามอย่างนึกสงสัย นี่เขาพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือไง

       “พี่ถามว่าทำไมขมิ้นถึงเรียกพี่ว่าคุณวี ทำไมไม่เรียกพี่วีอย่างเมื่อก่อน”

       หัวใจกลับมาเต้นแรงอีกรอบ

       ประโยคนี้ของกันต์กวีทำหัวใจคณานนท์วูบไหวหากแต่มันอบอุ่นในใจอย่างน่าประหลาด… แต่ถึงอย่างนั้นแม้จะอบอุ่นเพียงใดแต่ความรู้สึกสิบปีที่มีต่อกันต์กวีแม้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่วันนี้ตอนนี้มันยังไม่คงเดิม

       คณานนท์ยังไม่กล้า…

       “คือผม…” รู้สึกอึกอักกระอักกระอวนอย่างบอกไม่ถูก

       ปกติเขาไม่ได้เป็นแบบนี้ คณานนท์รู้ตัวเองดีเขาอาจไม่ใช่คนช่างจ้อแต่ก็ใช่ว่าเขาจะเชื่องช้าหรือถามตอบกับใครได้ลำบากเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับกันต์กวีซึ่งเวลาสิบปีไม่ได้ทำให้คณานนท์ที่บัดนี้มีรูปร่างสูงโปร่งมีความสูงเทียบเท่าหรือมากกว่าอีกฝ่ายสักนิด

       จากการมองวัดความสูงตัวเองและอีกฝ่ายด้วยสายตาคณานนท์ก็พอได้ยิ้มย่องในใจว่าตัวเองนั้นไม่ใช่เด็กชายตัวเล็กอย่างเมื่อวันวานอีกแล้ว จริงอยู่ที่เขาสูงไม่เท่าพี่วี แต่ตอนนี้เขาโตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว

       แต่...!!! นี่ใช่ประเด็นที่เขาควรคิดตอนนี้เสียที่ไหน เขาควรคิดหาคำตอบกับคำถามของกันต์กวีสิถึงจะถูกจุด เขาควรตอบยังไง

       “แล้วทำไมถึงแทนตัวเองว่าผมหรือคิดว่าตัวเองโตแล้ว ก็เลยไม่สนใจเรื่องเรียกพี่วีกับแทนตัวเองว่าขมิ้นกับพี่”

       อยากจะบ้าตาย!

       คำถามแรกเขายังไม่ทันได้ตอบ คำถามต่อมาก็ถูกจ่อถามในระยะประชิดเพราะกันต์กวีใช้ช่วงเผลอก้าวมาใกล้จนเขาตกใจเกือบเผลอกระโดดหนี ความรู้สึกเหมือนถูกคุกคามนี่มันยังไง แน่นอนว่าบุคคลตรงหน้าคือกันต์กวีคนเดิมหากแต่เพิ่มเติมด้วยอะไรสักอย่าง… อะไรบางอย่างที่เขาเองไม่สามารถคาดเดาได้

       “เรื่องนั้น…”

       ครืน ครืนเสียงระฆังที่เรียกว่ามือถือดังขัดจังหวะการตอบคำถามอีกหน รู้สึกวันนี้มือถือของคณานนท์จะเป็นที่นิยมเพราะมีสายเข้ามาแทบตลอด เขาไม่รอช้ารีบหยิบเครื่องมือสื่อสารที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาดูก่อนจะมองหน้าคนรอคำตอบซึ่งจู่ๆก็ทำหน้าเซ็งหงุดหงิดจนคณานนท์นึกหวั่น

       เขาต้องรีบชิ่งพี่วี

       “ถ้ายังไงคุณวีจัดการทุกอย่างเองนะครับ ผมต้องรับโทรศัพท์ ข…ขอตัวก่อน”

       พูดจบก็รีบชิ่งวิ่งหนีขึ้นบันไดจนกันต์กวีต้องรีบร้องเรียก “ขมิ้น!”

      การได้ยินกันต์กวีเรียกชื่อเล่นอีกครั้งหัวใจของเขาก็เต้นรัวอย่างห้ามไม่อยู่อีกหน ใจหนึ่งอยากหยุดขาที่กำลังวิ่งขึ้นบันไดจนเกือบถึงชั้นสองเพื่อหันกลับไปมองคนเบื้องล่าง แต่ก็ต้องห้ามความรู้สึกทำหูทวนลมรีบวิ่งต่อจนเมื่อถึงหน้าห้องก็รีบปิดประตูหายวับเข้าไปเสียดื้อๆ

        หัวใจของเขาทำไมมันถึงได้ขยันเต้นแรงแบบนี้!



       กันต์กวีทำได้เพียงเงยหน้ามองตามแผ่นหลังไวไวของคณานนท์ที่หายวับเข้าห้องนอนไปแล้วอย่างนึกหมั่นเขี้ยว อยากตามขึ้นไปคุยกับขมิ้นให้รู้เรื่องถึงในห้องนอนด้วยซ้ำ แต่…รอก่อน…รออีกนิด ไม่ใช่เขาไม่รู้ว่าคณานนท์ตกใจเพียงใดที่จู่ๆเขาก็โผล่มาแถมยังมาในวันที่บ้านทั้งบ้านมีเพียงเจ้าตัวอยู่ลำพัง

       แต่ก็นั่นแหละที่กันต์กวีตั้งใจ!

       วันก่อนเขาโทรบอกที่บ้านว่าจะกลับไทยในอีกไม่กี่วันนั่นเป็นแผนๆหนึ่ง กลับไทยน่ะเขากลับแน่ก็อย่างที่เห็นว่าแล้วตอนนี้เขากลับมาแล้ว แต่…เขาไม่ได้จะกลับมาในวันสองวันข้างหน้าอย่างที่บอกไว้ทางบ้านเอาไว้เพราะถ้ามาวันนั้นจริงๆเขาคงไม่มีจังหวะได้เจอคนที่อยากเจอมาตลอดแบบไม่มีอะไรหรือใครมาขัดได้อย่างวันนี้

       แต่ดูสิ่งที่อีกฝ่ายทำกับเขาเข้าซี่! ไหนล่ะขมิ้นชันที่ติดพี่วีแจ จะไปไหนจะทำอะไรก็ต้องพี่วี นี่อะไร! ฝ่ายนั้นไม่เรียกเขาว่าพี่ไม่พอหนำซ้ำยังแทนตัวเองซะห่างเหินด้วยคำว่าผม
ขัดใจกันต์กวีจริงๆเลยโว้ย!




       เกือบชั่วโมงที่คณานนท์หายเข้าไปในห้องและกลับลงมาด้วยชุดนิสิต ระหว่างรีบเร่งวิ่งลงมาพอเงยหน้าในจังหวะจะก้าวลงจากบันไดขั้นสุดทายเขาก็แทบผงะอีกหนเพราะเจอเข้ากับกันต์กวีที่ดูจากท่าทางแล้วเจ้าตัวค่อนข้างแน่ใจว่าฝ่ายกันต์กวีคงยืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เขาขึ้นชั้นบน

       “คุณวีมีอะไรหรือเปล่าครับ”ว่าจะชิ่งวิ่งผ่านไปดื้อๆก็เหมือนจะเสียมารยาท

       คณานนท์ก้าวจากบันไดคั่นสุดท้ายแล้วเดินมาหากันต์กวีก่อนจะได้ฟังคำพูดสั้นๆจากฝ่ายที่ยืนหน้านิ่ง

       “หิว”

       “ห…หิว เอ่อคุณวีจะทานอะไรครับเดี๋ยวผมโทรสั่งให้”

       “ไม่อยากกินแบบโทรสั่ง”

       คนตอบๆกลับราวกับเด็กเอาแต่ใจจนคณานนท์นึกหมั่นไส้อยากพุ่งกำปั้นใส่ไอ้หน้าหมดจดที่ทำเป็นนิ่งสักที! แต่ก็นั่นแหละ เขาทำได้เพียงแอบพ่นลมหายใจแล้วพูดกับฝ่ายที่บอกสั้นๆว่าหิวใหม่อีกครั้ง

       “แล้วคุณวีจะทานยังไงแบบไหนดีครับ วันนี้ที่บ้านไม่มีกับข้าวอะไรสักอย่าง ถ้ายังไงคุณวีลองขับรถออกไปหาร้านแถวนี้ทานก่อนดีไหมครับ เดี๋ยวตอนเย็นพี่ธรกับพี่มนกลับมาผมจะทำอาหารทานพร้อมกันทีเดียว”

       “ขมิ้นทำอาหารเป็น?”

       “ก็...ครับ”

       จู่ๆเขาก็รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาอีกหน ท่าทางของกันต์กวีตอนได้ยินว่าเขาทำอาหารเป็นฝ่ายนั้นดูตื่นเต้นจนเผลอยิ้ม ยิ้ม…ที่คณานนท์ชอบมองพี่วียิ้มเมื่อสิบปีที่แล้ว

       “ผมเคยลองหัดกับคุณป้า”

       “อือ งั้นทำให้ทานหน่อยสิ พี่หิว”

       อะไรจะเอาแต่ใจขนาดนี้! เขาชอบยิ้มของพี่วีแต่ยิ้มของพี่วีในตอนนี้ไม่ได้ทำให้ความรีบร้อนของคณานนท์ลดลงสักนิด เขาเลือกกระชับสายกระเป๋าสะพายข้างบนไหล่ตัวเองเพื่อไล่อาการหัวเสีย เอาจริงๆนี่พี่วีไม่ได้มองสถานการณ์จากการแต่งตัวของเขาเลยรึไงว่าเขากำลังจะออกไปข้างนอก เขามีธุระ เขารีบ!

       “แต่ท่าทางขมิ้นจะไม่สะดวก ดูจากท่าทางแล้วก็การแต่งตัวเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก”

       “ครับ”

       เหมือนตัวเองเป็นพวกอารมณ์ขั้ว เจอกันต์กวีไม่ทันครบสองชั่วโมงคณานนท์ทั้งเดี๋ยวตื่นเต้น เดี๋ยวหมั่นไส้แล้วตอนนี้ก็กลับมายิ้มได้อีกครั้งเพราะประโยคที่อีกฝ่ายพูด แต่ไม่เป็นไร!เขานึกปลอบขวัญให้จิตใจตัวเองสงบ กันต์กวีคนยียวนที่เขาสัมผัสได้เมื่อสักครู่คงเป็นเขาที่คิดไปเองเพราะรีบร้อนเกินเหตุส่งผลให้นึกหงุดหงิด

       “แล้วขมิ้นจะไปไหน”

       “ผมต้องไปมหา’ลัย วันนี้นัดคุยเรื่องจบกับอาจารย์วันสุดท้าย ถ้าคุณวีไม่มีอะไรแล้วผมไปนะครับ”

       “ไปสิ ไปกัน”

       “ไปกัน? ค…คุณวีจะไปไหนครับ?!”

       ไม่ได้ร้องถามปากเปล่า คณานนท์เผลอถลาตัวตามกันต์กวีซึ่งก้าวนำหน้า เขายื่นมือดึงหลังเสื้อกันต์กวีไว้จนฝ่ายนั้นหันมาหา ชิบหายแล้ว! เขาอยากจะดึงมือที่ดึงเสื้อกันต์กวีกลับแล้วตีมือตัวเองแรงๆสักหน ทำไมเขาทำอะไรไม่คิด ไปดึงเสื้อฝ่ายนั้นแบบนี้ได้ยังไง

       แค่คิดชายหนุ่มร่างโปร่งอย่างเขาก็หวั่นจะโดนดีจากฝ่ายตรงข้ามที่รูปร่างสูงใหญ่กว่าตัวเองแล้ว
แต่เมื่อทำไปแล้วคนอย่างคณานนท์ก็ต้องกล้าเงยหน้ารับผล คณานนท์คนคิดมากกัดปากตัวเองจนเจ็บแล้วเงยหน้าสบท่าทีอีกฝ่าย และเขาก็ต้องหน้าเหวอเมื่อเจอกันต์กวีหันมาจริงๆแต่ฝ่ายนั้นหันมาพร้อมรอยยิ้มยวนก่อนจะพูดให้เขาต้องอ้าปากค้าง

       “ก็ไปส่งขมิ้นที่มหา’ลัยไง และพอขมิ้นเสร็จธุระแล้วจากนั้นค่อยพาพี่ไปหาอะไรทาน”

       “แต่มันนานนะครับ! แล้วอีกอย่างคุณวีเองก็มีรถ คุณวีตระเวนขับไปเองคนเดียวก็ได้”

       “ใจดำ!”


       ‘ห้ะ!’ เป็นเสียงที่ไม่อาจอุทาน คณานนท์เปลี่ยนสายตาจากตกใจเป็นจ้องจิกกันต์กวีแล้วนึกอยากโต้กลับ คำว่า ‘ใจดำ’ ใช้กับเขาได้เหรอ คนที่ใจดำจริงๆคือกันต์กวีไม่ใช่หรือไงที่ทำเสมือนเขาไม่มีตัวตนมาเป็นสิบปี

       คิดแล้วก็พาให้จะขำทั้งน้ำตา นี่เองสินะที่ทำให้เขาไม่กล้าเรียกอีกฝ่ายได้อย่างสนิทใจว่า ‘พี่’ เหมือนเมื่อครั้งอดีต สิบปีที่ไม่พบมันมีช่องว่างเกิดขึ้นในใจคณานนท์เข้าแล้ว

        “ไปเหอะนา ยังไงที่บ้านก็ไม่มีรถเหลือสักคัน ขมิ้นต้องรีบไปไม่ใช่หรือไง หรือจะเสียเวลารอรถไปเอง”

       “ครับ!”

       “ก็ได้งั้นตามใจขมิ้น แต่พี่ก็จะตามใจตัวเองเหมือนกัน ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทัน”

       “คุณวี!”

       “เมื่อไหร่จะยอมเรียกพี่วีสักที…”

       กันต์กวีไม่ได้ใช่น้ำเสียงดุดันหรือรุนแรง เขาคว้าข้อมือที่แม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงสิบปีแต่คนร่างโปร่งที่ยืนตัวทื่อตกใจอย่างคณานนท์ก็ไม่ได้ใหญ่ขึ้นกว่าสมัยเด็กเท่าไหร่นัก ขมิ้นชันของเขายังคงน่ารักน่าแกล้งน่าเอ็นดูไม่เคยเปลี่ยน

       ยิ่งตอนโกรธเขาล่ะยิ่งชอบ!

       “เอาเถ้อ เรื่องนั้นเดี๋ยวพี่วีจะค่อยๆจัดการขมิ้นชันคนดื้อทีละนิด แต่ตอนนี้รีบไปกันได้แล้ว เสร็จจากเรื่องเรียนแล้วจะได้รีบหาอะไรทานต่อ พี่วีหิว”

       “คุณวี!”

       พูดเองเออเองจบคณานนท์ก็ตัวปลิวตามแรงดึงของอีกฝ่ายอย่างไม่อาจขัดขืน ให้มันได้อย่างนี้ซี่! ระหว่างเขาทั้งสองมีช่องว่างความรู้สึกสิบปีอยู่ก็จริง แต่ดูกันต์กวีทำกับเขาเข้า ทำไมพี่วีถึงทำราวกับตัวเองไม่เคยห่างเหินตีจากๆเขาสักนิด!





       ติดตามตอนต่อไป
       ตอนนี้ก็ยังสั้นได้อี๊กกกก เรื่องนี้อาจมาทีละหน่อยแต่จะพยายามมาให้ได้ทุกอาทิตย์นะคะ
       ดีใจสุดคือมีคนอ่านเรื่องนี้แล้วมีคอมเม้นท์แนะนำ งือ! ดีใจนอนกลิ้งไปยิ้มไป
       ขอบคุณเล้าเป็ด ขอบคุณผู้อ่าน ขอบคุณคอมเม้นท์ และขอบคุณทุกอย่างๆนะคะ
       ปล.สวัสดีปีใหม่ไทย สุขสวัสดีสงกรานต์นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2021 17:33:43 โดย ArStyle »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่2
«ตอบ #9 เมื่อ16-04-2017 17:15:39 »

กันต์กวีดูขี้แกล้งนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่2
« ตอบ #9 เมื่อ: 16-04-2017 17:15:39 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ArStyle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่3
«ตอบ #10 เมื่อ21-04-2017 22:48:52 »


ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่3




       การได้นั่งรถมาด้วยกันแบบนี้ทำให้คณานนท์ซึ่งนั่งเงียบตลอดทางอดไม่ได้ที่จะมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายแล้วหวนนึกถึงพี่ในวันนั้นกับกันต์กวีในวันนี้ จากการยืนเทียบความสูงตอนอยู่ที่บ้าน คณานนท์รู้ได้ทันทีว่านอกจากส่วนสูงพี่วีจะเพิ่มขึ้นแล้วร่างกายของอีกฝ่ายยังดูบึกบึนกว่าแต่ก่อนเป็นกอง ไหนจะจมูกเป็นสัน คิ้วเข้มดกดำ ตาคู่คมแต่แฝงด้วยความอ่อนโยนที่ถูกฝ่ายนั้นมองทีไรหัวใจของเขาก็อบอุ่นเสมอ

       ต…แต่ไม่ใช่ในตอนนี้

       นี่เขาเผลอมองพี่วีนานเกินไปจนอีกฝ่ายรู้สึกตัวเลยเหรอ

       อาการเหลอหลากับหัวใจที่ว่าอบอุ่นเสมอเมื่อสายตาของกันต์กวีมองมาตอนนี้มันกำลังเต้นโครมครามอย่างห้ามไม่อยู่ จำได้ว่าครั้งแรกที่คุณลุงสถาพรอนุญาตให้เขาเข้าไปช่วยงานพี่ธรในบริษัทแล้วต้องแนะนำตัวกับบรรดาพนักงานระดับสูงหัวใจเขามันยังไม่ทำงานหนักเท่ากับการที่กันต์กวีสบสายตาด้วยซ้ำ

       “หน้าพี่มีอะไรติดหรือเปล่า”คนถูกแอบมองถามยิ้มๆ

       “ม…ไม่นี่ครับ”

       “แต่ทำไมขมิ้นถึงมองหน้าพี่นานนักล่ะ พี่เห็นนะ”

       “คือผม…ผม ผมแค่มองเพราะสงสัยว่าทำไมคุณวีดูชำนาญทางทั้งที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ”

       แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆทั้งที่เขามองกันต์กวีจริงอย่างที่ฝ่ายนั้นพูด แต่เหมือนคำตอบของเขาจะทำกันต์กวีสะดุ้งเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้จนเจ้าตัวที่ยิ้มยวนตอนแรกต้องรีบตีหน้าขรึม

       ชิบหายแล้ว! กันต์กวีนึกด่าตัวเองเมื่อคิดได้ว่าเขาเผลอหลุดความเคยชินที่ยังไม่ควรเปิดเผยให้คณานนท์รู้สึกตัวตอนนี้

       “พี่ก็ขับมั่วไปงั้นนั่นแหละ เอ่อ…แล้วนี่ใกล้ถึงมหา’ลัยขมิ้นรึยัง”

       ไม่ใช่แค่สีหน้าที่ทำทีเป็นเคร่งขรึม กระทั่งโทนเสียงชื่นมื่นก่อนๆก็เหมือนจะลดระดับความกวนลงเสียจนคณานนท์รู้สึกแปลก พี่วีขับรถพาเขามาหมาวิทยาลัยทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาเรียนที่ไหน เขาควรอึ้งในความมั่วขั้นเทพแต่มาได้ถูกทางของกันต์กวีเพราะเลยป้ายรถเมล์ข้างหน้านั่นก็เป็นที่เรียนของเขาหรือเขาควรนึกสงสัยในความมั่วที่เหมือนอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วกันแน่

       “ข้างหน้าก็ถึงแล้วครับ”

       “…ข้างหน้าสินะ นี่ถ้าขมิ้นไม่ทักขึ้นมาก่อนพี่คงขับเลยไม่ก็หลงทางไปแล้ว ฮ่าๆ”

       เป็นการหัวเราะที่คณานนท์รู้สึกว่ามันช่างขัดกับท่าทางของกันต์กวีสุดๆ ไม่รู้คิดไปเองอีกหรือเปล่าว่ากันต์กวีเหมือนจะเลิ่กลั่ก แต่ท่าทางแบบนี้ของอีกฝ่ายใช่ว่าจะหาดูได้ง่ายๆ คณานนท์เลือกจะไม่มองกันต์กวีตรงๆแต่ใช้วิธีเหลือบมองแล้วอมยิ้ม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่เวลาพี่วีโกหกไม่เนียนก็มักจะเป็นแบบนี้ทุกที

       จุดนี้เองที่คณานนท์รู้สึกใกล้พี่วีขึ้นอีกนิด…

       แต่…พี่วีคงไม่ได้โกหกเขาเรื่องขับรถมั่วหรอกมั้ง?




   เมื่อถึงมหาวิทยาลัยคณานนท์ไม่พูดพร่ำอะไรมากนอกจากขอบคุณกันต์กวีที่มาส่งแล้วรีบชิ่งกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าตึกคณะบริหาร ไม่รู้พี่วีจะว่าอย่างไรแต่หัวใจเขาเต้นแรงและหนักกว่านี้ไม่ไหวอีกแล้ว หากกลับมาอีกครั้งหลังจากคุยกับอาจารย์เสร็จกันต์กวีจะไม่รอรับเรื่องนั้นคณานนท์ก็คงนึกโกรธไม่ได้ คงต้องคิดว่าดีเสียอีกถ้าหากกลับมาอีกครั้งไม่เจอกัน แม้ตกเย็นอย่างไรก็ต้องเจอที่บ้านแต่อย่างน้อยตอนนั้นทั้งพี่ธรกับพี่มนก็คงกลับมาจากทำงานแล้ว

   ตอนนี้สิ่งที่เขาควรจัดการให้เสร็จคือคุยธุระเรื่องจบปริญญาตรีกับอาจารย์ให้เรียบร้อยเพราะหากชักช้าแล้วกันต์กวีเกิดรอเขาขึ้นมานั่นเท่ากับเขาทำให้พี่วีรอ…

   “คงไม่หรอก…”เขางึมงำ

   ความคิดที่ว่ากันต์กวีจะรอดันผุดขึ้นมาจนขาที่เร่งก้าวไปให้ถึงห้องอาจารย์หยุดกึก เขาไม่คิดว่ากันต์กวีจะรอรับเขาเพื่อไปหาอะไรทานพร้อมกัน แต่ทำไมอีกความคิดมันถึงได้ตีกันวุ่นไปหมดจนท้ายที่สุดในใจดันกลับลำว่าควรรีบทำธุระเพื่อพี่วีจะได้ไม่รอเขานาน…

    “…รอก็คือรอ ไม่รอก็คือไม่รอ…”

   เขาพูดกับตัวเองเหมือนเป็นการตัดรำคาญความคิดอันว้าวุ่นแล้วเดินต่ออย่างรีบเร่ง เร่งกระทั่งตัวเองยังไม่รู้สึกว่าแม้จะพูดตัดรำคาญไปแล้วหากแต่ใจกับร่างกายกลับกระทำสิ่งที่สวนทางกับความคิด




       เกือบสองชั่วโมงที่ขมิ้นชันของเขาหายเขาไปในตึกคณะบริหาร

       กันต์กวีนั่งเอนหลังพิงเบาะตากแอร์เย็นสบายอยู่ในรถแล้วยิ้มกว้างอย่างไม่รู้สึกเคอะเขินกับความคิด ขมิ้นวัยเด็กที่เขาเฝ้ามองมาเป็นสิบปีในที่สุดก็ได้เจอกันตัวต่อตัวแบบไม่ต้องหลบซ่อนเพื่อคอยมองอีกแล้ว สิบปีที่เขาเรียนอยู่ต่างประเทศแล้วกลับมาเยี่ยมบ้านที่ไทยไม่เคยมีครั้งไหนที่ไม่สนใจหรือใส่ใจขมิ้นสักครั้ง

       แต่ทุกเหตุการณ์ทุกการกระทำแต่ละอย่างที่ไม่แสดงออกอย่างชัดเจนให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าตัวเองนั้นอยู่ในสายตาและอยู่ในใจเขาเสมอของกันต์กวีย่อมมีเหตุผล เขายังจำวันแรกที่ต้องจากครอบครัววัชระปกรณ์และอีกหนึ่งสมาชิกคนสำคัญอย่างคณานนท์ได้ไม่รู้ลืม น้ำตาของเด็กชายในวันนั้นทำใจของเด็กหนุ่มวัยแรกรุ่นอย่างเขาแทบร่วง ยิ่งรู้จักยิ่งผูกพัน ยิ่งผูกพันก็ยิ่งรัก…

       รักขมิ้น พี่วีรักขมิ้นชัน…

       มันคือความรู้สึกที่เขารู้ได้ทันทีว่าตัวเองได้ตกหลุมรักเด็กชายตาแป๋วที่ยามเมื่อเจ้าตัวยิ้มจะยิ่งน่ารัก หากแต่ขมิ้นชันกลับซ่อนความน่ารักนั้นไว้ใต้ความหดหู่เพราะต้องห่างครอบครัวตั้งแต่วัยเยาว์ ซ้ำยังย้ายมาอยู่บ้านเขา

      บ้านวัชระปกรณ์ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับครอบครัวของคณานนท์สักนิด

       หากแต่คุณอาคณาธิปกับคุณอาชาลิดาพ่อแม่ของคณานนท์และพ่อแม่กันต์กวีนั้นเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องซึ่งนับถือกันมานานตั้งแต่สมัยเรียน เมื่อครอบครัวขมิ้นมีเหตุผลทั้งทางธุรกิจที่กำลังขยายกิจการแล้วไหนจะการรักษาอาการป่วยของลูกสาวคนโตอย่างคาริสา การจะให้เด็กชายตัวน้อยซึ่งยังไม่รู้ประสาติดตามไปต่างแดนด้วยคงไม่ส่งผลดีต่อเด็กน้อยนัก

       ท้ายที่สุดเมื่อไม่มีญาติที่สามารถฝากฝังลูกชายไว้ได้ พ่อแม่ของขมิ้นจึงไหว้วานให้ครอบครัววัชระปกรณ์ช่วยรับเลี้ยงดูบุตรชายของเขา และแน่นอนว่าคุณสถาพรและคุณกรรัมภาสองสามีภรรยาผู้มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่ก็เต็มใจยิ่ง นั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นของการพบกันของเขาและขมิ้นชัน เด็กชายที่ก่อนจะได้เจอตัวจริงพ่อแม่ของเขาเคยพูดนักพูดหนาว่าทั้งน่ารักน่าชังใครใคร่เจอก็ต้องหลงรักและเอ็นดู

       และเมื่อแรกเจอหัวใจกันต์กวีก็รู้สึกเช่นนั้น

       ขัดก็แต่เจ้าของความน่ารักกลับไม่แสดงถึงด้านดีดีที่พ่อแม่เขาเคยสัมผัสมาก่อนให้ได้เห็นเมื่อต้องมาอยู่ร่วมบ้านวัชระปกรณ์อย่างกะทันหัน เห็นแบบนั้นแล้วถึงเด็กชายจะน่ารักเพียงใดแต่คนขี้แกล้งอย่างกันต์กวีก็นึกหมั่นไส้ ครั้นจะหาเรื่องแกล้งตั้งแต่วันแรกที่อีกฝ่ายเหยียบย่างเข้ามาที่บ้านก็กระไรอยู่ แต่ก็เพราะกะจะทิ้งให้เหยื่อตัวน้อยตายใจไปก่อนนั่นแหละเป็นเหตุให้กันต์กวีได้เห็นว่าเด็กชายหน้าตาน่ารักแต่มักแสดงท่าทางเมินเฉยแท้จริงแล้วเจ้าตัวพยายามแสดงความเข้มแข็งทั้งที่เป็นเพียงเด็กชายตัวเล็กๆ

       แล้วมีหรือที่คนขี้แกล้งอย่างกันต์กวีแต่มีคุณสถาพรและคุณกรรัมภาผู้เป็นพ่อแม่คอยสั่งสอนใส่ใจทั้งตัวเขาและพี่น้องมาเสมอจะใจร้ายแกล้งเจ้าหนูขมิ้นชันได้ลงคอ หลายครั้งหลายคราที่นึกอยากแกล้งเจ้าเด็กตาใสแต่กันต์กวีกลับทำไม่เคยลงสักครั้ง กลับเป็นเขาเสียเองที่เป็นฝ่ายยอมจำนนให้เด็กชาย

       กระนั้นก็อยากให้ขมิ้นเปิดใจ

       แต่คนขี้แกล้งอย่างกันต์กวีไม่เคยเข้าหาใครหรือสร้างรอยิ้มให้ใครด้วยวิธีธรรมดาอยู่แล้ว ความช่างสังเกตทำให้เขารู้ว่าขมิ้นชอบแอบไปนั่งร้องไห้ในสวน วันนั้นกันต์กวีจึงแกล้งแอบหลบปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้แล้วทำทีโยนลูกส้มลงมาข้างกายขมิ้น แน่นอนทุกอย่างเป็นไปตามแผน ขมิ้นต่อปากต่อคำแทบจะทั้งน้ำตากับเขา แต่ท้ายที่สุดทั้งคู่กลับสนิทสนมกันจนทั้งบ้านวัชระปกรณ์ยังต้องทึ้ง

       กว่าสองปีที่ได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกันความรักที่กันต์กวีมีต่อขมิ้นยิ่งเพิ่มขึ้นจนเจ้าตัวแทบเก็บความรู้สึกไม่ไหว แต่เพราะอีกฝ่ายยังเด็ก เด็กเกินกว่ากันต์กวีจะอธิบายความรู้สึกของเขาที่มีต่อขมิ้นให้เข้าใจได้ทั้งหมด ท้ายที่สุดเขาเองเป็นฝ่ายเลือกถอยห่าง แต่ไม่ใช่การยอมห่างเพื่อตัดใจ ความห่างไกลนั้นจะเป็นบทพิสูจน์อะไรหลายๆอย่างรวมทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพให้แก่ตัวเอง และความห่างไกลทำให้เขาชัดเจนว่ารักขมิ้นชันมากกว่าความรักความเอ็นดูอย่างพี่น้องผิดจากที่กันต์ธรและกันต์กมลรู้สึก

       แต่ก็นั่นแหละ แม้จะรักเพียงใดแต่นิสัยขี้แกล้งของเขากลับไม่ได้น้อยลงสักนิด ทั้งอยากแกล้งทั้งอยากพิสูจน์คำพูดตัวเองที่ให้ไว้กับเด็กชายว่าให้รอพี่นะ ให้รอพี่วีกลับมามอบความรักความรู้สึกที่มีให้ขมิ้นเมื่อถึงเวลาที่ทุกอย่างพร้อม แต่ใครจะคิดว่าเขาจะใช้เวลานานถึงสิบปี! สิบปีที่ต้องแกล้งทำเหมือนลืมอีกฝ่าย สิบปีที่กลับมากี่ครั้งๆก็ต้องรีบหลบหน้า สิบปีที่กลับมากี่ครั้งๆแม้จะอยู่ไทยนานเป็นเดือนแต่เขากลับเลือกไปอยู่บ้านอีกหลัง บ้านที่ขมิ้นไม่เคยรู้ และใช้เวลาที่เขาหยุดซัมเมอร์แต่ขมิ้นที่เรียนโรงเรียนประจำยังไม่ปิดเทอมคอยตามสอดส่องว่าใครหน้าไหนกล้าแหยมกับขมิ้นชันของเขาไหมด้วยการขอร้องแกมบังคับพี่ชายอย่างกันต์ธรคอยเป็นสารถีคอยขับรถให้

       จนมาช่วงสามปีหลังเมื่อเขาเรียนจบปอตรีและขอเรียนต่อโทบวกกับเลือกเป็นตัวแทนทำงานติดต่อกับฝ่ายต่างประทศเพื่อเปิดตลาดให้บริษัทของที่บ้านในที่สุดกันต์กวีก็ได้รถยนต์เป็นของตัวเองเพื่อคอยใช้ขับวนเวียนตามขมิ้นไปยังที่ต่างๆโดยเจ้าตัวไม่เคยรู้ตัวสักนิด มันอาจเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายและทรหดสุดๆสำหรับกันต์กวีที่ต้องปิดบังขมิ้นและพิสูจน์หลายอย่างซึ่งอีกไม่นานเขาจะบอกอีกฝ่ายให้ได้รู้ว่าสิบปีที่เขาทำเหมือนเมินเฉยแท้จริงแล้วไม่เคยเลยสักครั้งที่พี่วีจะไม่รักไม่คิดถึงขมิ้น…

       “แต่ทุกอย่างก็ยังอยู่ในขอบเขตของเวลา…” กันต์กวีเปรยลำพังก่อนนัยน์ตาคมจะมองกลับไปยังทางเดินตึกคณะบริหาร
ร่างโปร่งที่หายเข้าตึกไปสองจนเกือบสามชั่วโมงกำลังเดินโต๋เต๋ออกมาแล้ว กันต์กวียิ้มมุมปาก เขาอยากรู้นักว่าขมิ้นจะทำหน้ายังไงหากรู้ว่าเขาทำตามที่พูดจริงๆว่ารอก็คือรอ แต่การรอนับจากนี้ไม่ใช่การรออย่างเดียวดายอีกแล้ว เวลาสิบปีมันนานเกินไปจริงๆแต่นับจากนี้กันต์กวีจะเร่งใช้เวลาทั้งหมดก่อนที่ข้อตกลงของเขากับใครอีกหลายต่อหลายคนจะหมดลงพิชิตหัวใจขมิ้นชันที่เขาเฝ้ารักมาตลอดให้ได้

       “…!!!...” กันต์กวีสะดุ้งโหยง

       ความคิดหมายมั่นจู่ๆมีอันหล่นฮวบลงแทบในทันทีเมื่อคณานนท์ที่เดินๆอยู่จู่ๆก็หยุดคุยกับหญิงสาวคนหนึ่ง เขาจำได้ว่านั่นเป็นเพื่อนร่วมคณะของขมิ้น สาวสวยคนนี้เธอมีดีกรีเป็นถึงดาวคณะและแน่นอนเธอสนใจขมิ้นชันของเขา รวมทั้งเหล่ารุ่นน้องทั้งชายและหญิงกลุ่มใหญ่ที่กำลังพากันเดินเวียนว่ายเข้ามาทักทายรุ่นพี่ที่ใกล้เรียนจบเต็มแก่อย่างคณานนท์แบบตีเนียนทำทีเป็นสวัสดีแสดงความเคารพรุ่นพี่ทั้งที่จริงๆแล้วกันต์กวีซึ่งตามคณานนท์มาตลอดรู้ดีว่าไอ้เด็กพวกนี้พยายามจะจีบขมิ้น!

       คิดแล้วก็หวงโว้ย!

       กันต์กวีรีบรุดลงจากรถเร่งเดินเร็วๆไปหาแทนที่จะรอให้หนุ่มอัธยาศัยดีอย่างขมิ้นชันเดินมาหาเขาเองน่าจะแหล่มสุด!



       …………………………..




       ติดตามตอนต่อไป…

       ได้แต่ลงทีละนิด นี่ตอนสามแล้วแต่หนึ่งวันในเรื่องช่างยาวนานมากกกก

       ตอนท้ายๆเน้นหนักไปกับความในใจของพี่วี บทพูดนี่นับคำได้  :a5:

       เรื่องนี้อาจเรื่อยๆ แต่จะพยายามให้มากกว่านี้ค่ะ ฮึบ!

       ขอบคุณเล้าเป็ด ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่าน และขอบคุณความเห็นนะคะ[/color]
       
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2021 17:37:05 โดย ArStyle »

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่3
«ตอบ #11 เมื่อ22-04-2017 03:02:55 »

เนื้อเรื่องดูน่ารักจังเลยค่ะ รอติดตาม

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่3
«ตอบ #12 เมื่อ22-04-2017 06:47:03 »

ตลกพี่วี แอบรักแอบหวงมานาน น่าสงสารที่น้องไม่เคยรู้เลย... ดีนะที่ขมิ้นชันไม่มีแฟนไปเสียก่อน

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่3
«ตอบ #13 เมื่อ22-04-2017 14:15:55 »

มันน่าให้ขมิ้นชันมีแฟนใหม่ไปแล้วจริงๆ หมั่นไส้พี่วีอ่ะ

ออฟไลน์ ArStyle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่4
«ตอบ #14 เมื่อ28-04-2017 22:32:36 »


ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่4




       เกือบสองชั่วโมงที่คณานนท์ใช้เวลาคุยเรื่องจบปริญญาตรีกับอาจารย์ ซ้ำก่อนขอตัวกลับชายหนุ่มยังขันอาสาช่วยเหลืองานของเหล่าคณะอาจารย์ในห้องนั้นจนเสร็จสรรพบวกทบเวลาแล้วนั่นเท่ากับสองชั่วโมงเต็มๆ ระหว่างเร่งเดินจากตึกบริหาร แม้ใบหน้าจะนิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆหากแต่ใจนั้นกลับร้อนรน…มันรนเพราะคิดว่าหากใครบางคนที่ว่าจะรอๆอยู่จริงๆป่านนี้ฝ่ายนั้นจะเป็นอย่างไร

       “พี่วีไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า”

       ปากงึมงำอย่างกังวลพลางยกข้อมือขวาด้านที่ถนัดซึ่งใส่นาฬิกาขึ้นมาดู เข็มสั้นชี้ที่เลขหนึ่ง…หมายความว่านี่บ่ายโมงแล้ว ส่วนเข็มยาวกำลังจะแตะที่เลขสิบ นั่นแปลว่าอีกเพียงสิบกว่านาทีกำลังจะบ่ายสอง เขาใช้เวลามากโขขนาดนี้ป่านนี้พี่วีคงไม่รอแล้ว

       แต่เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่วี แม้ใจหนึ่งหวั่นว่าฝ่ายนั้นจะรอหรือไม่รอ แต่อย่างไรเสียเขาก็เร่งเดินซะจนตัวเองยังไม่ทันรู้สึกด้วยซ้ำ กระทั่งระหว่างนั้นมีเสียงทักทายจากเหล่ารุ่นน้องแต่ละชั้นปีที่รู้จักเขาฉุดเอาความคิดซึ่งไม่สัมพันธ์กับร่างกายให้หยุด หยุดเพื่อรับการทำความเคารพที่เขาไม่เคยนึกว่าในคำทักทายแต่ละครั้งของเขาที่ส่งผ่านรอยยิ้มบางจะสร้างความดีใจแก่ผู้พบเห็นได้มาก

       คณานนท์ไม่เคยรู้ตัวว่าท่าทางสุภาพ มากน้ำใจ ยิ้มสดใส ตากลมแป๋วหรืออะไรก็ตามที่เป็นตัวเขา ไม่ว่าจะใครได้พบใครได้สัมผัส ใครต่อใครเหล่านั้นล้วนแต่ชื่นชมตกหลุมรักเขาอย่างจังแทบทั้งนั้น และมันไม่มีการแบ่งเรื่องเพศสภาพเพราะคณานนท์ในสายตาสาวๆหรือหนุ่มๆเขาเปรียบดั่งเทพบุตร

       หากแต่ตัวเทพบุตรกลับมองทุกคนเป็นเพียงมิตร ตลอดสิบปีแม้จะพบคนมากหน้าหลายตาแต่ไม่มีสักคนที่ทำให้เขาคะนึงหาได้อย่างพี่วี…

       “นนท์”

       ก่อนความคิดจะเตลิดไกล เสียงใสคุ้นหูก็ดึงเขาออกจากห้วงความคิดแปลกๆอีกครั้ง ตลอดทางเขาเอาแต่เดินๆหยุดๆเพราะต้องทักทายกับหลายต่อหลายคนที่เข้ามาหายจนบัดนี้เดินมาถึงใต้ตึกคณะบริหารเขาจึงได้พบกับแก้มใส หญิงสาวร่างบางหน้าตาสะสวย เธอเป็นดาวคณะในรุ่นของเขา หนำซ้ำยังเรียนห้องเดียวกันตลอดสี่ปีของการเป็นนักศึกษาคณะบริหาร

       “เหม่ออะไรอยู่”

       หญิงสาวถามต่อด้วยเสียงใสน่าฟัง ไม่ต้องแปลกใจที่เขาโดนอีกฝ่ายเรียกว่า นนท์ เพราะชื่อเล่นขมิ้นน้อยคนนักที่จะรู้ เอาเข้าจริงในรั้วมหาวิทยาลัยมีเพียงคนเดียวที่เขาสนิทใจให้เรียกชื่อเล่น แต่เป็นเดือนแล้วหลังสอบเสร็จอีกฝ่ายก็หายหัว ยังดีที่พวกเขามีการติดต่อกันอยู่เรื่อยๆผ่านแอปพิเคชั่นบนมือถือ

       “นนท์คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะแก้ม”

       เขาตอบเจ้าของร่างบางตรงหน้าซึ่งมองมาที่เขาด้วยสายตาเป็นห่วง ก่อนจะคิดได้ว่าควรขอบใจเธอที่ส่งเสียงเรียกทำให้เขาหลุดจากวงล้อมทักทายของเหล่ารุ่นน้องมาได้อย่างหวุดหวิด

       “เมื่อตะกี้ขอบใจแก้มมากนะที่ช่วยเรียกนนท์ นี่ถ้าไม่มีแก้มเรียกไว้ป่านนี้นนท์คงทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะชิ่งออกมายังไงเหมือนกัน”

       “ใครจะปล่อยให้นนท์โดนรุ่นน้องรุมจีบตัดหน้าได้เล่า แก้มชอบของแก้มมาตั้งนานนะ ฮ่าๆ”

       “จะเป็นไปได้ยังไงเล่าแก้ม”คณานนท์รีบท้วงอย่างนึกขำ

       ส่วนแก้มใสนั้นแม้ประโยคที่เธอพูดจะออกแนวทีเล่นทีจริงแต่จริงๆเธอจงใจบอกความในใจให้อีกฝ่ายได้รู้ แต่เพราะความซื่อของคณานนท์บวกกับเสียงหัวเราะน่ารักพ่วงท้ายของเธอทำให้อีกฝ่ายมองเธอแล้วยิ้มน้อยอย่างไม่ประสา

       แก้มใสเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและน่ารัก เขานึกชื่นชมเธอผ่านยิ้มบางด้วยกลีบปากสีแดงน่าสัมผัส

       นอกจากจะนิสัยดี มีเสียงสดใสไหนจะการแสดงออกใสใสไม่ต่างจากชื่อสมแล้วที่มีหนุ่มๆคอยตามชายขนมจีบเธออยู่อย่าไม่เว้นว่าง แต่ก็น่าแปลกที่เขาไม่ยักมีใครพิชิตใจสาวเจ้าได้สักคน ชีวิตส่วนใหญ่ในรั้วหมาวิทยาลัยที่เขาเห็นคือแก้มใสมักวนเวียนอยู่ใกล้เขา จะคิดยังไงได้อีกหากไม่ใช่เพราะเธอคงสบายใจจะอยู่ใกล้เขาในฐานะเพื่อนชายที่ไม่รุ่มร่ามหรือแสดงท่าทีเหมือนจีบเธออย่างหนุ่มคนอื่นๆ

       “น้องๆพวกนั้นจีบนนท์จริงๆนะ”เธอยังคงพูดด้วยเสียงสดใสหากแต่มีความมั่นใจเสียจนคณานนท์ต้องกลั้นขำ

       “น้องไม่ได้เข้ามาจีบนนท์แก้ม น้องๆแค่เข้ามายินดีล่วงหน้าเรื่องที่ใกล้จบปอตรี จีบเจิบอะไรนั่นไม่มีหรอก แก้มก็เห็นส่วนใหญ่ที่เข้ามาทักนนท์หนักไปทางผู้ชาย ส่วนน้องๆผู้หญิงนนท์ก็เห็นเอาแต่ยิ้มๆให้จนจนเองยังเขิน”

       เขาพูดยิ้มๆด้วยความเขินเมื่อพูดถึงเรื่องที่เล่า กี่ครั้งๆที่มีน้องๆหรือใครก็ตามเข้ามาทักทาย คณานนท์มักจะรู้สึกเขินและเผลอแก้เขินด้วยการยิ้มบางออกไปเสมอ แม้แก้มใสจะขัดใจที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่ารุ่นน้องแต่ละคนทั้งชายทั้งหญิงที่เข้ามานั้นล้วนแต่คิดจะจีบตัวเองอย่างที่เธอเองก็พยายามมาตลอดจริงๆ แต่ท่าทางเขินน้อยๆของคณานนท์ก็มัดใจเธอเสียจนอยู่หมัด

       หากคณานนท์ไม่เอาแต่หลุบตาลงเพราะพูดไปเขิน ป่านนี้เขาคงสังเกตเห็นพ่วงแก้มของเธอตรงหน้าได้อย่างชัดเจนว่าเธอเองก็กำลังเขินเขา เขินจัดๆกับอากับกริยาน่ารักน่าหลงของชายหนุ่มที่เธอเฝ้าแอบชอบตั้งแต่ครั้งเข้าศึกษาที่นี่ใหม่ๆจวบจนเวลานี้ที่ต่างคนต่างแยกย้ายเพื่อตามเรื่องจบและรอรับใบประกาศ

       คิดแล้วก็ดีใจเหมือนคนถูกรางวัลใหญ่! หญิงสาวรู้สึกว่าโชคชะตาช่างเข้าข้างเธอนัก คิดแล้วก็อยากจะตบเข่าสักฉาด ว่าแล้วไงวันนี้วันดีเหมือนมีอะไรดลใจให้เธอมามหาวิทยาลัยและแล้วเธอก็ได้เจอกับนนท์ กรี๊ด!

       “เอ้อ ว่าแต่แก้มคุยกับอาจารย์เรียบร้อยหรือยัง”

       “จ้ะ เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็รอรับใบประกาศอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ตื่นเต้นจังเลยนะนนท์ แต่อีกใจแก้มก็อดใจหายไม่ได้”

       “หืม?”

       เสียใจ แก้มใสเสียใจเรื่องอะไร คณานนท์ร้องฉงนในลำคอแล้วมองหน้าหญิงสาวซึ่งกำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาสั่นระริกนิดๆ แก้มใสมีเรื่องอะไรให้ใจหาย จะเรียนจบต้องดีใจสิถึงจะถูก หรือแก้มใสมีอะไรคั่งค้างในใจกระทั่งเปลี่ยนแววตาสดใสให้กลายเป็นสั่นไหวได้รวดเร็วปานนี้?

       “ก็ต่อไปจะไม่ได้เจอนนท์ เอ่อ! แก้มหมายถึงไม่ได้เจอเพื่อนๆอย่างที่เคยเจอเป็นประจำอย่างเมื่อตอนเรียนน่ะ คิดแล้วมันใจหายยังไงไม่รู้”

       “ฮ่าๆ เรื่องนี้นี่เอง ไม่ต้องคิดมากนะ เดี๋ยววันซ้อมรับใบประกาศกับวันรับจริงทุกคนต้องได้มาเจอกันแล้วก็ถ่ายรูปด้วยกันอยู่แล้ว ถึงวันนั้นเมื่อไหร่ค่อยแลกที่อยู่เบอร์โทรกันให้ครบเลยเป็นไง”

       “งั้นแก้มเริ่มจากขอเบอร์โทรนนท์วันนี้เลยนะ”

       เข้าทาง! กิ้งก่าเปลี่ยนสีเร็วฉันใดแต่แววตาสั่นระริกของแก้มใสนั้นเปลี่ยนกลับมาสดใสเร็วกว่าหลายเท่า เธอยิ้มน้อยให้ทั้งที่ในใจกำลังลิงโลด หญิงสาวรีบควานหามือถือในกระเป๋าหวังให้อีกฝ่ายกดเบอร์มือถือ แม้จะเรียนคณะเดียวกัน ห้องเดียวกัน แต่คณานนท์ในสายตาหลายคนค่อนข้างเข้าถึงยากอยู่หน่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นใครได้เจอได้เห็นก็มีอันต้องหลงเสน่ห์ แต่บอกแล้ววันนี้โอกาสดีเป็นของเธอ ยังไงเธอต้องได้เบอร์โทรของนนท์

       แต่เหมือนมือที่พยายามหยิบมือถือจากกระเป๋าจะช้ากว่าเสียงซึ่งดังจากทางด้านหลัง แก้มใสชะงักมือไว้แล้วรีบหันขวับเพื่อมอง วินาทีนั้นไม่ใช่เพียงเธอที่ใจเต้นรัวเพราะความดูดีของเจ้าเสียงผู้มาเยือน คณานนท์ที่ยืนอยู่ตรงข้ามนั้นถึงกับตัวแข็งไปชั่ววูบหนึ่ง ไม่อยากจะเชื่อว่าใช้เวลานานขนาดนี้อีกฝ่ายจะยังอยู่…พี่วียังอยู่รอเขา…

       “คุณวี…”

       “ใช่ คุณวีเอง คุณวีรอตั้งนานนึกว่าขมิ้นชันกำลังวุ่นคุยกับอาจารย์ซะอีก ที่ไหนได้ปล่อยให้คุณวีหิ้วท้องรอแต่ตัวเองดันมายืนจีบสาว แถมยังสวยมากด้วยนะครับ”

       สัมผัสได้ว่ากันต์กวีแขวะเขาแต่น้ำเสียงตอนท้ายกับสายตากะลิ้มกะเหลี่ยนั่นกลับดูจงใจส่งให้แก่แก้มใสที่บัดนี้พวงแก้มเนียนกระจ่างกำลังขึ้นสีระเรื่อกว่าชั่วครู่ก่อนลิบ คณานนท์ได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยประโยคใดต่อ ไม่ใช่ตกใจที่พี่วีจะหยอดมุกจีบหญิง แต่เขากำลังรู้สึกหน้าชาที่พี่วีแทนตัวเองว่า ‘คุณวี’ กันต์กวีแทนตัวเองว่า ‘คุณ’ กับตน

       ความห่างเหินสิบปีเข้ามาแทนที่ความดีใจที่เห็นว่าฝ่ายนั้นยังรอจนหมดสิ้นแล้ว 

       “ผม…”

       คำพูดที่จะเอ่ยเป็นคำพูดง่ายๆแต่ทำไมตอนนี้คณานนท์รู้สึกว่ามันยากเย็นเกินกว่าจะพูดนักหนา แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องพูด

       "ผมขอโทษครับที่ให้คุณวีรอ คุณวีคงหิวมากแล้ว ถ้ายังไงเชิญคุณวีเลยนะครับ ผมมีที่ๆต้องไปต่อคงไปกับคุณวีไม่ได้ ขอโทษอีกครั้งนะครับที่ทำให้เสียเวลา ขอโทษแก้มด้วยนะนนท์มีธุระ ขอตัว…”

       “น…นนท์!”

       เสียงของแก้มใสไม่อาจฉุดร่างสูงโปร่งของคณานนท์ไว้ได้ คณานนท์หันหลังและเลือกจะเดินกลับไปทางเก่าเพื่อเลี่ยงการเดินผ่านทั้งคู่ หากแต่มือของชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหญิงสาวซึ่งคั่นกลางชายทั้งสองก็เร็วพอจะยื่นออกไปคว้าต้นแขนของอีกฝ่ายอย่างว่องไวจนอยู่มือ และจากแรงดึงหรือเรียกอีกอย่างว่าแรงฉุดของกันต์กวีนั้นทำเอาคณานนท์ถึงกับเซถลาจนแผ่นหลังชนเข้ากับอกแกร่งของอีกฝ่ายอย่างรั้งตัวไม่อยู่

       ดวงตาคมก้มมองใบหน้าตระหนกของร่างโปร่งที่ตากลมโตนั้นกำลังมองเขาอย่างเลิ่กลั่ก

       แทบจะหุบยิ้มไว้ไม่ทัน...กันต์กวีต้องใช้ความพยายามในการกลั้นขำกลั้นยิ้มเอาไว้เมื่อเห็นท่าทีคณานนท์เป็นเช่นนั้น ไม่ติดว่าข้างๆมีคนอื่นอยู่หรือที่นี่คือสถานศึกษา เขาล่ะอยากจะก้มหน้าเข้าไปใกล้เจ้าของร่างโปรงที่หลังแนบชิดกับอกเขาให้มากกว่านี้จริงๆ

       “สงสัยขมิ้นชันจะหิวเหมือนคุณวีแน่ๆ ให้เดานี่คงจะหิวกว่าจนไม่มีแรงใช่รึเปล่า คุณวีแค่ดึงไว้เบาๆตัวขมิ้นชันก็แทบปลิวแล้ว แบบนี้ไม่ดีแน่เลย ใช่ไหมครับ”

       ท้ายประโยคกันต์กวีหันไปพูดเสียงอ่อนกับแก้มใสที่ยืนตะลึงตกใจกับเหตุการณ์อยู่ หญิงสาวได้แต่ทำหน้าเหลอหลาหากแต่ก็ยอมผงกหัวเห็นด้วย กันต์กวีเห็นแล้วยิ้มมุมปากมากด้วยความกรุ้มกริ่ม

       อะไรคือพูดเองเออเองอย่างไม่เปิดโอกาสให้เขาที่ถูกกล่าวหาว่าหิวได้แก้ต่าง แล้วไหนจะเรื่องโกหกคำโตที่บอกว่าตัวเองแค่ดึงเขาไว้เบาๆนั่นอีก แรงที่กันต์กวีดึงตนจากข้างหลังนั่นมันแรงมหาสารเลยนะเว่ย

       แต่มีหรือที่ขมิ้นน้อยซึ่งตกอยู่ในมือมารนามว่ากันต์กวีจะมีโอกาสได้พูดอะไรได้

       “ขอโทษนะครับที่ทำให้ตกใจ ถ้ามีโอกาสเอาไว้คราวหน้าคุณวีจะเลี้ยงปลอบขวัญนะครับ แต่วันนี้ขอพาขมิ้นชันไปหาอะไรอร่อยๆทานก่อน ขอตัวนะครับ”

       “ค…คุณวี!!!”

       จบคำกันต์กวี ร่างของคณานนท์ซึ่งติดกับอกกว้างของอีกฝ่ายก็ถูกจับพลิกและโดนอุ้มพาดบ่าราวกับตัวเขาไร้น้ำหนัก ร้องเรียกชื่อคนเอาแต่ใจที่อุ้มเขาอย่างไม่แคร์สถานที่ไม่แคร์ใครหน้าไหนไปก็เหมือนคนอุ้มจะแกล้งทำหูทวนลม ครั้นจะร้องขอความช่วยเหลือจากแก้มใสเขากลับต้องผิดหวัง หญิงสาวที่มากความสดใสบัดนี้ยืนม้วนตัวบิดไปมาราวกับกำลังเคอะเขินอะไรบางอย่าง

       นี่แค่พี่วีพูดกับเธอแค่นั้นแก้มใสถึงกับสติเตลิดเพราะเขินอายเลยเรอะ ให้มันได้อย่างนี้ซี่!

       คณานนท์ซึ่งพยายามดิ้นจากบ่ากว้างของกันต์กวีตอนนี้ได้แต่ตัวแข็งขณะถูกอุ้มเดินลิ่วๆไปยังรถซึ่งจอดอยู่ที่เดิมอย่างไม่อาจขัดขืน ตัวก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าเขามากนักแต่ทำไมพี่วี…ไม่สิ แม้ในใจตอนนี้ก็ต้องเรียกอีกฝ่ายว่าคุณวีถึงจะถูก คำพูดแทนตัวของกันต์กวีเมื่อครู่ยังแทงใจคณานนท์ไม่หาย เขาไม่คงไม่คิดไม่เปรียบไม่เทียบขนาดตัวหรืออะไรของเขากับกันต์กวีอีกแล้ว

       ก็นี่มันคุณวีนี่! คุณวีคนเอาแต่ใจอยากสั่งอยากทำอะไรก็เชิญ!!!

       “พี่นึกว่าขมิ้นลืมที่เคยให้สัญญาเรื่องไม่ให้คนอื่นที่ไม่สนิทเรียกชื่อเล่นขมิ้นแล้วซะอีก ได้ยินเขาเรียกขมิ้นว่านนท์แบบนั้น พี่วีดีใจม๊ากมาก”

       “ห๊ะ!”

      “สงสัยอะไรค่อยคุยกันในรถแล้วกันเนอะ ตอนนี้พี่วีหิวแล้ว ขมิ้นเลือกร้านที่อยากไปได้เลย เดี๋ยวเราจะไปที่นั่นกัน นะครับ”

       อยู่กับกันต์กวี…อยู่กับคุณวี…อยู่กับพี่วีได้ยังไม่ทันครบวัน แต่ทำไมความรู้สึกที่พี่วีสร้างให้เขามันถึงได้มากมายขนาดนี้นะ หน้าที่ว่าชาตอนนี้มันกลับมาร้อนผ่าวเพียงเพราะพี่วี…กลับมาแทนตัวเองด้วยคำว่าพี่ คอที่ว่าจุกความเค็มบางอย่างตอนนี้มันกลับหายใจได้สะดวกเพียงเพราะคนที่อุ้มเขาพาดบ่าพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

       แค่พี่วีทำเท่านี้ ทั้งหมดที่น้อยใจมันก็คล้ายกับไม่เคยรู้สึก…


 




ติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณเล้าเป็ด ขอบคุณคอมเม้นท์ ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2021 17:38:12 โดย ArStyle »

ออฟไลน์ pearlypear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่4
«ตอบ #15 เมื่อ29-04-2017 01:01:23 »

งืออออ ดีต่อใจค่ะ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่4
«ตอบ #16 เมื่อ29-04-2017 07:48:41 »

ต้องรีบออกโรงเลยทีเดียว ฮา

ออฟไลน์ ArStyle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่5
«ตอบ #17 เมื่อ14-08-2017 20:22:42 »


ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่5



   หน้าพระประธานองค์เหลืองอร่ามบนแท่นสูงในโบสถ์ของวัดลำดับที่สามจากเป้าหมายทำบุญเก้าวัด คุณกรรัมภา วัชระปกรณ์ หญิงวัยห้าสิบกว่าแต่ความคล่องแคล่วว่องไวแข็งแรงนั้นเธอไม่แพ้สาวรุ่นวัยสามสิบ เช่นกันกับคุณสถาพร วัชระปกรณ์คุณสามีที่นั่งในท่าเทพบุตรมองภรรยาของเขาพนมมือหลับตาอธิษฐานไหว้ขอพรหน้าองค์พระ

   ชายวัยปลายห้าสิบซึ่งอายุมากกว่าภรรยาอยู่สองสามปีมองใบหน้าชื่นมื่นของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม แม้ไม่พูดไม่บอกว่าคุณกรรัมภาเธอขอสิ่งใดแต่เขารู้แก่ใจดีว่าศรีภรรยาจะขอสิ่งใดต่อองค์พระ นอกจากขอให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุข สุขทั้งกายสบายทั้งใจแล้ว แน่นอนสมาชิกอีกคนของบ้านอย่างขมิ้นหรือคณานนท์ลูกชายรุ่นน้องที่เขากับภรรยาเต็มใจรับดูแลซ้ำยังรักประหนึ่งลูกแท้ๆก็อยู่ในพรที่ขอด้วย

   “สาธุ…”คุณกรรัมภาเอ่ยขึ้นเบาๆก่อนจะก้มกราบและเงยหน้ามองคุณสถาพรซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขากำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

   เห็นท่าทีคู่ชีวิตซึ่งร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาสามสิบกว่าปีอย่างนี้คุณกรรัมภาเองก็นึกขัน แม้ยิ้มจะมีริ้วรอยตามวัยแต่ยิ้มของเธอก็ยังเป็นยิ้มที่สดใสน่ามองเสมอสำหรับคุณสถาพร ไม่มีคำพูดใดระหว่างที่สองภามีภรรยาสบตามองหน้ากันและกัน ทั้งคู่ยกมือไหว้องค์พระอีกหนก่อนจะลุกเดินออกจากตัวโบสถ์ด้วยท่าทีสำรวม

   “วัดที่สามแล้วนะคุณรัมภา”คุณสถาพรเอ่ยระหว่างกุมมือภรรยาพากันก้าวย่างไปยังรถยนต์ซึ่งมีคนรถและแม่บ้านรออยู่

   “ก่อนไปวัดที่สี่เราแวะหาอะไรทานก่อนดีไหม”คุณสถาพรเสนอ เพราะนี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว

   “ตามใจคุณค่ะ” เธอมองหน้าตอบสามีแล้วพูดยิ้มๆ แต่เพียงชั่วครู่ดวงตาสุกปลั่งกับรอยยิ้มแสนสุขก็เลือนลงอย่างเห็นได้ถนัด เสียงถอนหายใจหนักๆของเธอสร้างความงุนงงให้แก่คนข้างกายจนอีกฝ่ายต้องถาม

   “อะไรกัน ยิ้มอยู่ดีๆทำไมถอนหายใจอย่างนี้ล่ะคุณ”

   คนถูกถามซึ่งหลบตาลงไปแล้วกลับเงยหน้าสบตากับสามีซึงมองด้วยความห่วงใยแล้วพูดต่อ “ฉันรักแล้วก็เอ็นดูขมิ้นจริงๆนะคะคุณ”

   คุณสถาพรได้ยินแล้วกลั้นยิ้ม เป็นอย่างนี้ทุกทีสิศรีภรรยาของเขา นี่เพิ่งห่างหลานรักยังไม่ทันพ้นวัน อาการเพ้อถึงหลานก็กำเริบอีกแล้ว “ผมรู้ ทุกคนในบ้านก็รักก็เอ็นดูขมิ้นกันทั้งนั้น แล้วทำไมคุณถึงถอนหายใจล่ะ”

   “ไม่แค่นั้นสิคุณ ฉันไม่ได้เอ็นดูไม่ได้รักขมิ้นเหมือนเด็กทั่วไปนะคะ แต่ฉันรักแกเหมือนแกเป็นลูกแท้ๆอีกคนต่างหาก”

   พูดแล้วคุณกรรัมภาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาทำท่าซับน้ำตาแม้ไม่มีเค้าว่าจะมีการหลั่งของน้ำใสๆรสชาติเค็มๆนั่นสักหยด

   “คุณเองก็รู้ ขมิ้นจบปริญญาตรีแล้ว แล้วอีกไม่กี่เดือนหลานก็รับใบประกาศ”

   ถึงตรงนี้คุณสถาพรก็เข้าใจทั้งอาการและน้ำเสียงของภรรยาในทันที นับจากวันนั้นจนวันนี้นี่ก็สิบปีเต็มที่คณานนท์อยู่กับตระกูลวัชระปกรณ์ แม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่ทุกคนก็รักและเอ็นดูคณานนท์ตั้งแต่เจ้าตัวยังเด็กจนบัดนี้เจริญวัยโตเป็นหนุ่มเต็มตัว

   แม้เป็นเช่นนั้น แต่ไม่ว่าจะรู้สึกผูกพันกันเช่นไร อย่างไรเสียคณานนท์ก็มีครอบครัวที่คิดถึง คณานนท์มีครอบครัวของตนที่เจ้าตัวโหยหามาตั้งแต่วัยเด็ก

   “ฉันอยากได้ขมิ้นมาเป็นลูกค่ะคุณ ฉันอยากให้หลานอยู่กับเราไปตลอด”

   เธอรู้ว่านี่เป็นคำพูดที่ผิดวิสัยของผู้ใหญ่ แต่แล้วอย่างไรล่ะ ในเมื่อเธออดไม่ได้ที่จะพูดในสิ่งที่ตนรู้สึกและต้องการให้เป็นดั่งใจหวังให้สามีช่วยรับฟัง อย่างน้อยตอนนี้ก็ขอพูดไอ้สิ่งที่อยู่ในใจออกไปก่อนเป็นโล่งสุด

   ด้านคุณสถาพรได้ยินกับเห็นท่าทางภรรยาแล้วส่ายหน้ากลั้นยิ้มรอบแล้วรอบเล่า ไม่รู้ว่าภรรยาเขาจะรู้ตัวหรือจำได้ไหมว่าเธอมักพร่ำพูดเรื่องนี้บ่อยครั้งแค่ไหน นี่ดีนะที่ทั้งเขาและลูกๆต่างรักและเอ็นดูคณานนท์ไม่แพ้เธอ แต่ละคนจึงไม่นึกน้อยใจ ยิ่งกับลูกสาวคนเล็กอย่างกันต์กมลรายนั้นยิ่งเข้าคู่กับแม่นัก

   “กลับไปขอพรพระท่านเรื่องนี้ด้วยดีกว่าค่ะคุณ”

   ไม่พูดเปล่า คุณกรรัมภาทำท่าจะเดินย้อนกลับไปยังโบสถ์อีกครั้ง ยังดีที่คุณสถาพรกระชับมือที่กุมเธอไว้ได้ทันก่อนจะกึ่งฉุดกึ่งลากภรรยาสุดรักให้เดินไปยังรถ

   “ไม่ใช่กิจของท่านนะคุณ ถ้าคุณอยากได้หลานมาเป็นลูกนักทำไมคุณไม่ไปสู่ขอให้ลูกเราเล่า”

   เป็นคำพูดที่พูดทีเล่นทีจริงจากสามี หากแต่ฝ่ายภรรยาได้ฟังแล้วฉุนขึ้นเสียดื้อๆ

   “ทำได้ฉันทำแล้วคุณ ลูกสาวเราอย่างยัยมนก็มีแฟนที่คบหากันตั้งแต่มหาวิทยาลัย ซ้ำพ่อว่าที่ลูกเขยก็ดีแสนดีจนฉันฉันทำร้ายจิตใจลูกๆไม่ลง ไม่งั้นป่านนี้ฉันวางแผนจับขมิ้นกับยัยมนขังรวมกันไปแล้วค่ะ”

   “คุณนี่นะ ไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่เลย”

   “ก็ฉันรักของฉันนี่ หรือคุณไม่รักไม่เอ็นดูหลาน”

   คุณกรรัมภาหันขวับมองสามีตาเขียว ด้านคุณสถาพรยังคงท่าเดิมนั่นคือยิ้มบางพลางส่ายหน้า จะให้เขาคิดในใจหรือบอกออกไปอีกสักกี่ครั้งกี่หนว่าไม่มีใครในบ้านวัชระปกรณ์ไม่รักไม่เอ็นดูหลานคนนี้สักคน

   “สมัยนี้สมัยไหนแล้วคุณ จำเป็นด้วยเหรอที่หญิงสาวชายหนุ่มจะสร้างครอบครัวกันได้เท่านั้น บ้านเราก็ใช่จะมียัยมนเป็นลูกคนเดียว ไหนจะตาธรแล้วจอมแสบอย่างตาวีอีกคน”

   “คุณ…”

   คุณกรรัมภาครางเรียกรั้งสามีให้หยุดและจ้องลึกไปยังนัยน์ตาอบอุ่นของอีกฝ่าย รอยยิ้มปีติเมื่อครู่ครั้งไหว้องค์พระประธานกลับมาฉาบบนเรียวปากเธออีกหน ที่สามีเธอเอ่ยนั้น เขาพูดมันด้วยความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆแน่แท้

   “คุณพูดแล้วนะคะ รักคุณที่สุด”

   เชื่อว่าคุณสถาพรแม้จะรู้อยู่บ้างว่าลูกชายคนรองของตนรู้สึกเช่นไรกับหลานชายสุดรัก แต่ประโยคที่พูดให้ศรีภรรยาฟังไปเมื่อครู่ คุณสถาพรนึกได้ตอนนี้ก็อยากตีปากตัวเองที่ชี้โพรงให้ภรรยาเสียกระไร

   สิบปีที่กันต์กวีออกปากพิสูจน์ตัวเอง ในบ้านวัชระปกรณ์มีคนเป็นพ่ออย่างคุณสถาพรและพี่ชายคนโตกันต์ธรเท่านั้นรู้เรื่องนี้ แต่ไอ้เรื่องที่เพิ่งพูดแล้วเข้าทางภรรยาได้อย่างน่าประหลาดเมื่อครู่นี้ทำคุณสถาพรชวนหัว ท่าทางคนเจ้าเล่ห์ซึ่งใกล้กลับบ้านมาเต็มแก่อย่างกันต์กวีจะยิ่งได้ใจ

   เขาพลาดเองที่หลุดปากสนับสนุน งานนี้ถ้าแม่ลูกรู้ๆกันคณานนท์คงไม่พ้นตกหลุมของเจ้าลูกชายเขาเป็นแน่!





   คณานนท์นั่งนิ่งเป็นสิบๆนาทีอย่างนี้นับตั้งแต่ถูกกันต์กวีอุ้มขึ้นรถและพาออกมาจากมหาวิทยาลัย จนขณะนี้รถแล่นอยู่บนถนนใหญ่ ทั้งเขาและกันต์กวีต่างไม่มีฝ่ายใดปริปากพูดสักประโยค ไม่สิ…! คณานนท์ที่เผลอเหลือบมองคนขับรถซึ่งนั่งข้างกันรีบหันสายตาสนใจนอกรถพลางกัดฟันกรอดเพื่อข่มอารมณ์หงุดหงิด

   จริงอยู่ว่าคุณวีไม่ได้ปริปากเหมือนกันกับเขา แต่ฝ่ายนั้นเพียงออกรถได้ก็เริ่มฮัมเพลงอย่างสบายใจไม่ยอมหยุด ผิดจากเขาที่เอาแต่เงียบเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้หลายอย่างทำความคิดและหัวใจชายหนุ่มของเขาสั่นไหวไม่หาย หากตอนนี้มีหมอวินิจฉัยว่าเขาอาจกำลังป่วยด้วยโรคอารมณ์สองขั้วเจ้าตัวคงไม่แปลกใจเป็นแน่แท้ แต่เขาคงนึกสงสัยว่าทำไมอาการป่วยนี้มันถึงจำเพาะเกิดตอนอยู่กับกันต์กวี

   ซึ่งไม่ว่าจะเป็นวัยเด็กหรือวัยหนุ่ม ไม่ว่าช่วงเวลาไหนหรือครั้งใดๆ ทำไมอาการนี้จำต้องเป็นเพียงเพราะกันต์กวีที่คอยป่วนอารมณ์เขาเสมอ!

   “ขมิ้นอยากทานอาหารร้านไหน”

   ความเงียบถูกทำลายจากชายที่ทีแรกเอาแต่ขับรถและฮัมเพลงในที่สุด

   แต่คำถามนั้นหาได้พาคำตอบจากเจ้าของชื่อที่นั่งข้างๆ แม้จะสงบความน้อยใจที่กันต์กวีแทนตัวเองว่า‘คุณ’เมื่อครั้งอยู่ต่อหน้าแก้มใสได้แล้ว แต่อย่างที่คิดนั่นไงว่าระหว่างนั่งรถมาด้วยกัน แค่นึกถึงหลายอย่างที่กันต์กวีพูดและกระทำ แม้น้ำเสียงที่อีกฝ่ายเหมือนจะเจือความใส่ใจ แต่ไอ้ปมเล็กๆในใจมันกำลังสร้างความไม่พอใจแก่คณานนท์คนใจเย็นให้รู้สึกเดือดราวกับเขากลับไปเป็นเด็กน้อยขมิ้นชัน

   “พี่วีถาม ทำไมขมิ้นไม่ตอบ”

   “ตามใจคุณวีเถอะครับ!”

   สาบานว่านั่นเป็นคำพูดออกจากปากหนุ่มตาแป๋วที่เมื่อครู่ก่อนๆท่าทางยังดูไม่ค่อยไม่สู้เขาแม้ เห็นท่าทีอย่างนั้นของคนข้างๆแล้วกันต์กวีถึงกับต้องรีบยกมือข้างหนึ่งป้องปากที่มันกำลังกลั้นยิ้มกลั้นความดีใจออกนอกหน้าในทันที… กลับมาได้เร็วทันใจจริงๆขมิ้นชันคนเดิมที่เขาคุ้นเคย กลับมาแล้วสินะเจ้าเด็กแสบของเขา ถึงจะยังติดใจเรื่องเรียกเขาว่าคุณ แต่ไอ้ท่าทีแข็งขืนและน้ำเสียงห้วนๆแฝงประชดประชันนั้น กลับสร้างความพอใจให้กันต์กวีนัก

   “จะตามใจพี่วีได้ยังไง ขมิ้นก็รู้ว่าพี่ยังไม่ชินเส้นทาง”

   อีกครั้งและอีกครั้งที่เขาโกหกอีกฝ่าย บอกในใจไปแล้งไงว่านี่เพิ่งเริ่มต้นการเข้าหาขมิ้นชันอย่างเต็มตัวในรอบสิบปีที่เขาต้องหักห้ามความคิดถึง ไหนๆก็ตีเนียนมาได้ถึงสิบปีแล้ว หากเนียนมันต่อไปอีกหน่อยจะเป็นไร

   “เลือกร้านที่ขมิ้นอยากไปหรือชอบไปที่สุดได้เลยนะ” กันต์กวีตีหน้าซื่อเสียงอ่อน

   สิบปีมานี้แม้จะเทียวไปเทียวมาคอยตามเฝ้ามองขมิ้นของเขาอยู่เสมอ แต่ใช่ว่าทุกเรื่องราวในชีวิตของอีกฝ่ายกันต์กวีจะรู้เสียทั้งหมด จริงอยู่เขาคอยตามขมิ้นไปแทบทุกที่ แต่ไอ้ทุกที่ที่ว่าถ้าไม่ถูกกันต์ธรพี่ชายซึ่งรู้ความรู้สึกของเขาคอยกันท่า ไหนจะพ่อที่หวงหลานรักกว่าเก่าเมื่อรู้ว่าเขาคิดไม่ซื่อกับขมิ้น แล้วไหนจะไอ้เพื่อนสนิทของเขานั่นอีก แต่ละคนล้วนทำตัวเป็นมารขวางทางรักของเข้าทั้งนั้น!

   ด้านคณานนท์คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ถึงจะยังนั่งนิ่ง แต่พอได้ยินกันต์กวีบอกแบบนั้น นั่นกลับทำให้เขาที่เข้าใจว่าพี่วีเพิ่งกลับมาไทยไม่ทันครบวันแต่กลับโดนเขาซึ่งเผลอหงุดหงิดเก็บอารมณ์ไม่อยู่ประชดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ คณานนท์กำลังรู้สึกผิด

      จะไม่ให้เขารู้สึกผิดได้ยังไง ในเมื่อคำพูดเหล่านั้นมันไม่ควรหลุดจากปากหลานชายคนโปรดหลานชายคนดีที่คุณป้ากรรัมภาผู้เป็นมารดาของอีกฝ่ายคอยอมรมสอนสั่งสารพัดมารยาทความดีต่างๆให้เขาด้วยรักใส่ใจและเอ็นดูราวกับลูกคนหนึ่ง

      แต่หลุดปากไปแล้วก็แปลว่าเอากลับคืนไม่ได้ สิ่งสำคัญคือตอนนี้คณานนท์ควรรีบช่วยคิดช่วยแนะนำพี่วีซึ่งกำลังหน้าสลดนี่ต่างหาก เขาควรแนะนำร้านอาหารร้านไหน ร้านไหนที่ไปแล้วเขาจะลดความรู้สึกประหม่า ร้านไหนที่ไปแล้วจิตเขาจะนิ่ง สติไม่หลุดง่ายๆเมื่อต้องเผชิญกับพี่วีคนชอบกวนประสาท

   คณานนท์ควรเลือกไปร้านอาหารร้านไหน…

   ติ๊ง! เสียงแจ้งข้อความจากมือถือฉุดคณานนท์ที่กำลังคิดหนักให้ก้มมองหน้าสีดำซึ่งบัดนี้สว่างจ้า หลังเจ้าตัวใช้นิ้วโป้งสัมผัสหน้าจอแล้วเลื่อนอ่านข้อความ… ชั่ววินาทีจากหน้านิ่งเปลี่ยนเป็นสดใส เจ้าของข้อความไม่ใช่ใครที่ไหน นี่เป็นข้อความจากอาโป คณานนท์เห็นชื่อที่บันทึกไว้แล้วยิ้มกว้าง กว้างเสียจนกันต์กวีซึ่งแม้กำลังขับรถแต่หางตากลับคอยจ้องมองมายังชายหนุ่ม

   ข้อความอะไร! ข้อความจากใคร! ทำไมขมิ้นถึงยิ้มอารมณ์ดีแต่ชวนเขาอารมณ์เสีย คิดแล้วกันต์กวีขบกรามแน่น เขากำลังหึง เขากำลังไม่พอใจ ถึงไม่รู้ว่าข้อความที่ขมิ้นอ่านมีใจความเช่นไรและจากใคร แต่เขาไม่ชอบ ไม่ชอบโว้ย!

    “ผมมีร้านอร่อยๆแนะนำคุณวีแล้วครับ”

   คณานนท์ละสายตาจากมือถือแล้วเอ่ยกับกันต์กวีซึ่งฝ่ายนั้นแสดงออกอย่างชัดแจ้งว่าเขาไม่พอใจสุดๆ

   “ร้านไหน?”

   แม้เสียงนั้นไม่ได้กระโชกหรือประชดประชัน แต่กันต์กวีใส่ความไม่พอใจอย่างโจ่งแจ้งผสมร่วมไปด้วย  แต่ผิดคาดผิดความหวังเพราะครั้งนี้คณานนท์ไม่ใส่ใจน้ำเสียงเขาสักนิด

   คณานนท์กำลังอารมณ์ดีเพราะมีทางออกให้ตัวเองเรื่องหนทางที่จะไป นึกแล้วก็ขอบคุณอาโป ชายหนุ่มจอมทะเล้นเพื่อนสนิทที่เขาสนิทใจให้เรียกชื่อเล่นขมิ้น ช่างเป็นจังหวะเหมาะเสียจริงที่ฝ่ายนั้นส่งข้อความมาเวลานี้พอดิบพอดี ไม่เสียแรงตอนอยู่มหาวิยาลัยเขาคิดถึงเพื่อนคนนี้ มันต้องได้อย่างนี้ซี่ถึงเรียกเพื่อนแท้ ถึงยามยากเพียงคิดถึงแป๊บๆก็ส่งข้อความมาช่วยเหลือ

   “ชื่อร้านนาวาครับ อยู่ไม่ไกลจากนี่นัก ยังไงคุณวีขับตรงไปเรื่อยๆแล้วผมจะบอกทางนะครับ” คณานนท์บอกกลับยิ้มๆก่อนจะหันสายตามองเลยไปนอกหน้าต่างรถ

   นี่แหละร้านอาหารที่ดีที่สุด ร้านพี่นาวา ร้านอาหารใกล้บ้านอาโป สถานที่อีกที่ที่อาโปมักไปช่วยงานและบางครั้งเขาเองก็ขอร่วมด้วย นอกจากอาหารรสชาติอร่อย บรรยากาศดี เวลานี้อีกสิ่งที่มันดีอยู่แล้วและยิ่งดีเข้าไปอีกคือที่นั่นมีอาโปเพื่อนซี้และพี่นาวาชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับพี่วี ซึ่งนอกจากเขาจะหล่อเหลาทำอาหารอร่อยและเก่ง พี่นาวาคนนั้นยังเป็นที่พึ่งให้เขาและอาโปได้เสมอ

   ไม่ติดว่าคุณวีบุคคลซึ่งทำให้คณานนท์คิดหนักนั่งอยู่ข้างๆป่านนี้เขาคงส่งเสียงดีใจไปแล้ว

   แต่เหมือนเขาทั้งสอง กันต์กวีกับคณานนท์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เวลานี้ช่างแตกต่างกันยิ่งนัก กันต์กวีแปรเปลี่ยนจากชายผู้มีนัยน์ตาคมแต่เต็มไปด้วยความฉุนเฉียวไม่พอใจเมื่อครู่ ตอนนี้นัยน์ตาคู่นั้นมันกำลังเบิกกว้างร่วมด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นกะทันหันราวกับมีคนจงใจพรหมน้ำให้

   เชี่ยแล้วไง! เขาลั่นในใจ

   ชื่อร้านนาวาในประเทศไทยไม่ได้มีร้านเดียวแน่ๆ กันต์กวีนึกพลางแอบสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่ไอ้ที่ทำเขาอยากหักพวงมาลัยกวนรถกลับบ้านทันทีมันเพราะเส้นทางแถบนี้ ไอ้ร้านที่ว่าอยู่ไม่ไกลจากถนนใหญ่นี่ ไอ้ร้านที่ขมิ้นจะบอกทางพาเขาไป ร้านอาหารที่ชื่อนาวา ไม่ผิดแน่ ไอ้ร้านที่ว่ามันเป็นร้านไอ้นาวาหนึ่งในเพื่อนสนิทที่รู้เช่นเห็นชาติเขาเรื่องขมิ้นนี่หว่า!




ติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณคอมเม้นท์ ขอบคุณคนอ่าน ขอบคุณเล้าเป็ดค่า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2021 17:40:48 โดย ArStyle »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนพิเศษ
«ตอบ #18 เมื่อ14-08-2017 21:06:22 »

เหมือนแม่ลูกทำงานเป็นขบวนการ ฮา
รอตอนต่อไปค่ะ
ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่5
«ตอบ #19 เมื่อ23-08-2017 22:00:42 »

ไม่โอ กับคุณวี ที่ว่ารักขมิ้น  :z3: :z3: :z3:
รัก แต่ไม่ติดต่อสื่อสาร ไม่โทรศัพท์หา ไม่มาเจอขมิ้นตลอดสิบปี
ใช้แต่คำบอกว่ารอนะ รอพี่วี  บ้ามากๆ
ถ้าขมิ้นจะมีแฟน ก็ไม่น่าผิด
รอ รอเจอ รอแบบไหน
รอแบบคนรักเหรอ ก็ไม่เห็นบอกรักขมิ้นเลย

แต่คุณวีกลับมาแล้วแอบส่องขมิ้น ตลกละ รักแบบไหนกันเนี่ย
ขมิ้น จะเก้อเขิน ไม่ใช้คำเรียกเหมือนเดิม ก็สมควรละ
สิบปีนะ ไม่ใช่หนึ่งปี  :fire: :fire: :fire:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2017 22:24:18 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่5
« ตอบ #19 เมื่อ: 23-08-2017 22:00:42 »





ออฟไลน์ ArStyle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่6
«ตอบ #20 เมื่อ12-09-2017 21:03:34 »

ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่6



เป็นอาหารมื้อแรกในรอบสิบปีที่กันต์กวีได้ร่วมโต๊ะรับประทานพร้อมคณานนท์สองต่อสอง ช่างเป็นช่วงเวลาที่อิ่มทั้งท้องและหัวใจยิ่ง กันต์กวียิ้มเล็กยิ้มน้อยเมื่อย้อนคิดถึงช่วงเวลาที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้ในระหว่างขับรถกลับบ้านพร้อมคณานนท์ที่นั่งนิ่งตากลมโตนั่นเลิ่กลั่กอยู่หน่อยๆจนเขานึกขำ

ร้านที่คณานนท์พาไปเป็นร้านเพื่อนเขาจริงๆ แต่โชคดียังเข้าข้างเขา วันนี้ไอ้นาวาออกไปทำธุระตั้งแต่ก่อนเที่ยง แม้พนักงานในร้านจะคุ้นหน้าเขาเพราะร้านไอ้นาวาเป็นที่สุมหัวของเขากับนาวาและศาสตราสามเกลอสนิทที่สนิทและมันสองคนต่างรู้เรื่องสิบปีของเขากับขมิ้น

เพราะแบบนั้นเมื่อคณานนท์เสนอให้ไปร้านมัน กันต์กวีถึงตกใจจนเกือบส่อพิรุธหนัก แม้รู้แก่ใจว่าคณานนท์รู้จักกับนาวาช่วงสองสามปีเป็นการส่วนตัวหลังจากก่อนหน้านี้กันต์กวีเทียวไปเทียวมาต่างประเทศกับไทยเคยฝากฝังทั้งนาวากับศาสตราที่อยู่ไทยให้คอยช่วยกันต์ธรช่วยเหลือตัวเองเรื่องคณานนท์ แต่เขาให้พวกมันคอยมองอีกฝ่ายอยู่ห่างๆไม่ใช่เข้าใกล้กระทั่งฝ่ายนั้นนับมันเป็นพี่อีกคนอย่างนี้เสียเมื่อไหร่

หึ! อย่าได้สงสัยว่าทำไมเขารู้เรื่องนี้ ก็มันนั่นไง ไอ้นาวาเจ้าของร้านอาหารนั่นแหละที่บอกเขาตอนนั้น แต่มันไม่ยอมปริปากว่าไปทำไอ้ท่าไหนถึงเข้าถึงตัวคณานนท์ได้อย่างสนิทสนม แต่หลังไปเยือนร้านมันพร้อมคณานนท์วันนี้กันต์กวีก็กระจ่างชัด เรียบเรียงให้เข้าใจคือคณานนท์มีเพื่อนชื่ออาโป อาโปรู้จักกับนาวานอกจากบ้านเด็กนั่นอยู่ใกล้ร้านไอ้นาวาแล้ว ครอบครัวของสองฝ่ายก็รู้จักกันตั้งแต่รุ่นพ่อ เหมือนกันกับครอบครัวเขาและคณานนท์ แล้วเมื่อคณานนท์กับอาโปเป็นเพื่อนกัน ไอ้แสบนาวาที่แม้มันจะคอยช่วยเขาเรื่องขมิ้นแต่มันก็ไม่พ้นหมั่นไส้นิสัยขี้แกล้งของกันต์กวี พอได้จังหวะเข้าถึงคณานนท์ ไอ้เพื่อนสุดแสบถึงแทงข้างหลังเขาจังๆ!

แต่…ยังดีที่คณานนท์ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างกันต์กวีและนาวา เช่นเดียวกับเพื่อนจอมกวนของเจ้าตัวอย่างเด็กแสบอาโป เด็กนั่นท่าจะสนิทกับคณานนท์มาก วันนี้ที่ร้านเจ้าของร้านอย่างไอ้นาวาไม่อยู่แต่น้องชายคนสนิทอย่างเด็กอาโปก็เข้ามาช่วยงานในร้านแล้วพุ่งมาหาขมิ้นชันของเขาอย่างถึงเนื้อถึงตัวเรียกชื่อเล่นกันอย่างสนิทชิดเชื้อ โว้ย! คิดถึงตอนนั้นแล้วหงุดหงิด แต่…เพื่อนก็คือเพื่อน บางอย่างที่เด็กหนุ่มรุ่นเดียวกับคณานนท์แสดงออกและพูดกับเขาก่อนพาขมิ้นกลับบ้านหลังทานอาหารเสร็จทำให้กันต์กวีดีใจที่ขมิ้นชันของตนมีอาโปเป็นเพื่อนรัก

‘ขมิ้นรอคุณมาสิบปี วันนี้คุณกลับมาแล้วคุณอย่าทำให้สิบปีที่ขมิ้นรอคุณต้องสูญเปล่าล่ะ’

แม้ระหว่างอยู่ในร้านฝ่ายนั้นจะคอยป่วนเขาและคณานนท์อยู่พักใหญ่ แต่คำพูดคำจาสีหน้าท่าทางจริงจังจริงใจที่เจ้าตัวแสดงต่อเขาภายหลังคณานนท์คนซื่อไม่ทันมองนั้นกันต์กวีรับรู้ว่าอีกฝ่ายคงทราบเรื่องเขาจากคณานนท์พอตัว เด็กคนนั้นร้ายพอๆกับนาวา แต่ก็ยังน่าเอ็นดูน่าคบหาและเหมาะแก่การดึงมาร่วมทีมช่วยเขาคว้าใจขมิ้นชัน

“สนิทกันมากเหรอ”

“ครับ?”คณานนท์ขานรับงงๆ หน้าฉงนนั้นทำกันต์กวีที่จู่ๆทำลายความเงียบในรถด้วยการโพล่งถามต้องรีบกลั้นยิ้มและวางท่าขรึมแล้วเอ่ยหน้านิ่ง

“ก็ขมิ้นชันกับอาโปอาไรนั่นไง สนิทกันมากถึงขั้นให้เรียกชื่อเล่นขมิ้นได้ด้วย”เสียงแสดงชัดถึงความไม่พอใจเพราะคนขี้แกล้งจงใจให้คนฟังรู้สึกเช่นนั้น

แม้ตอนนี้กันต์กวีไม่ได้ไม่พอใจเหมือนครั้งที่อยู่ในร้านอาหาร แต่ยังไงเขาก็ยังนึกหวงกันต์กวียังคงนึกห่วง แต่ก่อนมีแค่คนในครอบครัวคณานนท์กับคนบ้านวัชระปกรณ์เท่านั้นที่เจ้าของชื่อยอมให้เรียกชื่อเล่นนั่นได้ แล้วนี่อะไร! สิบปีที่เขาคอยเฝ้ามองอยู่ห่างๆด้วยความรัก แต่กลับมีไอ้นาวากับเด็กอาโปนั่นเข้ามาเป็นอีกสองคนที่ได้เรียกชื่อเล่นนี้ได้เนี่ยนะ คนมันหวงยังไงก็หวง!

“ครับ ชื่อเล่นขมิ้นมีแค่คนที่สนิทกันจริงถึงที่เรียกได้”คนถูกถามตอบรับซื่อๆ

กันต์กวีหันขวับมองใบหน้าหมดจดของอีกฝ่ายอย่างขุ่นใจตงิดๆ มุมปากที่แอบยิ้มเพราะตั้งใจแกล้งให้คนตอบหน้าเสียในคำถามหุบลงแทบทันที ทำไมขมิ้นตอบเขาแบบนั้น นี่จะตอบให้ชื่นใจว่า ‘ไม่’ หน่อยไม่ได้รึไง!

“แต่ไม่มีใครเรียกชื่อเล่นชื่อนี้แล้วผมรู้สึกดีใจเท่ากับที่คุณวีเรียก…”

“ขมิ้น…”

คณานนท์ยิ้มบางทั้งที่หน้าเศร้า แม้ตอนนี้ตากลมๆกำลังพยายามมองสบตาคมของคนตรงหน้า แต่น้ำเสียงที่ฝืนพูดต่อมันกลับสั่นจนเจ้าตัวเกินจะควบคุมไหว

“ผมดีใจนะครับ ดีใจมาก ดีใจที่วันนี้ได้เจอคุณวีแล้วก็ได้คุยกัน อันที่จริงผมตื่นเต้นมากๆที่เจอคุณวีช่วงสาย ถึงตอนนี้ผมก็ยังตื่นเต้นดีใจจนทำตัวไม่ถูก…”

ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งแผ่ว ปากยังยิ้มแต่ดวงตากลมเริ่มมีม่านน้ำใสๆเอ่อขึ้นอย่างคุมไม่ไหว จังหวะนั้นกันต์กวีรู้สึกหัวใจร่วงหล่นไปที่ตาตุ่ม ชายหนุ่มชะลอความเร็วรถแล้วจอดเทียบข้างทาง เขารีบปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองให้พ้นและสวมกอดคณานนท์อย่างหวงแหนระคนรู้สึกผิด

“…คุณวี”

คนถูกสวมกอดเรียกอีกฝ่ายอย่างตกใจและนั่นทำให้ม่านน้ำใสที่เอ่ออยู่ข้างในนัยน์ตากลมล้นไหลอาบแก้ม เขาพยายามแล้ว คณานนท์พยายามจะเก็บทุกอย่างให้ถึงที่สุดและปล่อยมันออกทีเดียวหลังกลับถึงบ้านตอนอยู่ในห้อง แต่ตั้งแต่เจอกันต์กวีช่วงสายของวันกระทั่งถึงเวลานี้ อะไรที่ว่าจะทน อะไรที่ทนมานานสิบปีกลับกลั้นไว้ไม่ไหว

“ฮือ!”

ราวกับย้อนกลับไปยังช่วงวัยเด็ก คณานนท์ซุกหน้าเปื้อนน้ำตาปล่อยโฮกับอกชายหนุ่มที่ตนเฝ้าคิดถึง สิบปีที่ทนรอมันร้าวแหลกจนเก็บไม่อยู่เพราะพี่วีพูดเหมือนตัดพ้อเรื่องชื่อเล่น ใจหนึ่งรู้สึกดีใจจนเผลอยิ้มที่พี่วียังแคร์เรื่องชื่อ แต่เดี๋ยวเดียวยิ้มนั้นกลับเจือความเศร้าเพราะท่าทางและน้ำเสียงของอีกฝ่ายที่แสดงออกมากมายหลากหลายอาการเหลือเกินในเวลาไม่ทันครบวันยิ่งทำให้คณานนท์อ่อนล้า

ระยะห่างสิบปีที่มีเหตุให้มีเพียงคณานนท์คนเดียวที่ต้องคลาดกับกันต์กวีมันส่งผลมากมายเกินจะทนได้แล้ว ในความดีใจมีความเศร้าเจืออยู่ แต่ความเศร้านั้นมันก็มีความสุขที่มากโขจนคณานนท์ไม่รู้ว่าจะเก็บซ่อนมันได้

“ขนาดนี้แล้วยังไม่เรียกพี่วีอีกเหรอ”

ถึงจะรู้ว่าตัวเองผิดและเป็นสาเหตุให้ขมิ้นร้องไห้เพราะยังคงเส้นคงวาเรื่องชอบแกล้งคนในอ้อมกอด แต่กันต์กวีที่แอบน้ำตาซึมกลับไม่พ้นทวงถามถึงคำขึ้นต้นเรียกชื่อตัวให้คนที่ตนกระชับกอดนึกเคืองแล้วโผล่หน้าขึ้นมางับบ่ากว้างจนเขาเผลอผ่อนแรงกอด
คณานนท์รีบผละจากกันต์กวีแล้วเช็ดน้ำตาตัวเองอย่างลวกๆ เขาไม่ใช่เด็กแล้ว เผลอร้องไห้งอแงกับพี่วีที่ยังเอาแต่ชอบแกล้งแบบนี้ไม่ได้

“เช็ดลวกๆแบบนั้นมันไม่ช่วยให้น้ำตาคนขี้แยแห้งเร็วหรอกนะขมิ้น”

“คุณวี!”

เสียงดังได้แค่นั้นก็ต้องเงียบปาก กันต์กวียื่นมือเกลี่ยน้ำตาบนหน้าขาวแต่มีน้ำตาเปื้อนอยู่ขณะที่ตัวเองยิ้มขำเมื่อเห็นขมิ้นชันกลับเข้าโหมดโวยวายไม่ต่างจากเด็กขี้แยคนเดิมที่เขาเคยแกล้งแล้วปลอบในสวนของบ้านวัชระปกรณ์คนนั้น แต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไป อย่างไรขมิ้นของเขาก็คือขมิ้นของเขา

“เมื่อไหร่ขมิ้นจะเรียกพี่วีว่าพี่วีสักที”

“ผม…ผมยังไม่…”

“นี่ก็ด้วย เริ่มจากเลิกแทนตัวเองว่า‘ผม’เป็นแทนตัวเองด้วยชื่อเถอะ นะ นะๆขมิ้นชัน”

“ผม…”

“แน่ะ!”

“อย่ามาแน่ะนะครับคุณวี!” เป็นคณานนท์ที่กลับมาเสียงดังแล้วทำหน้ายุ่งพร้อมปัดมือกันต์กวีออกห่างไม่แรงมากนัก

“คุณวีไม่ได้คุยได้เจอกับผมมาเป็นสิบปี แล้วมาวันนี้จะให้ผมเรียกคุณวีอย่างเดิมแทนตัวเองอย่างเก่ามันไม่แปลกไปหน่อยรึไง”

“ไม่เห็นแปลก ทีพี่วียังเรียกขมิ้นแล้วก็แทนตัวเองว่าพี่”

“ก็นั่นมันคุณวีนี่ครับ!”

“โอเคๆ งั้นนับจากนี้ ทุกๆวันพี่วีกับขมิ้นจะเจอกันทุกวันแล้วก็คุยกันทุกวัน เพราะงั้นเตรียมปากไว้ชินสำหรับการกลับไปเรียกพี่วีว่าพี่แล้วก็แทนชื่อตัวเองกับพี่วีไว้ซะนะ”

คณานนท์กลอกตากลมๆกับความเอาแต่ใจไม่เปลี่ยนของกันต์กวีเหมือนระอาระคนเลิ่กลั่ก ผิดจากคนพูดที่ยังแอบตอดเล็กตอดน้อยยื่นมือเกลี่ยคราบน้ำตาบนแก้มขาว ความเก้อเขินแปลกๆทำให้คณานนท์ยกมือจะปัดมือนั้นทิ้งอีกหนแต่กันต์กวีกลับใช้มืออีกข้างจับมือนั้นไว้แล้วโน้มหน้าเข้าใกล้กว่าเก่าพร้อมกับกระซิบข้างหู…

“นอกจากเตรียมปากแล้ว ขมิ้นต้องเตรียมใจด้วยนะ”

ความห่างของปากกับใบหูมันใกล้กันจนคณานนท์ขนลุก แต่เพราะคำพูดชวนงงของกันต์กวีกลับทำให้คนฟังทำอะไรไม่ถูกนอกจากกระพริบตาปริบๆมองคนพูดๆต่อ

“พี่จะทำให้ขมิ้นกลับมาเรียกพี่อย่างสนิทใจแล้วก็รับรักพี่อย่างที่พี่รักขมิ้น”

“ค…คุณวี”คณานนท์อ้าปากพะงาบเรียกชื่อคนพูดได้แค่นั้น

กันต์กวียิ้มกริ่มขณะออกตัวบังคับรถ แต่ก่อนจะหันไปสนใจเส้นทางคนขี้แกล้งกลับฉกจุ๊บหน้าผากคณานนท์ที่นั่งตกใจกับประโยคเมื่อครู่และทำท่าตั้งใจขับรถพร้อมยิ้มอารมณ์ดีฮัมเพลงไปเรื่อย

ตกใจกับคำพูดของพี่วี แต่ปากเจ้ากรรมกลับพูดอะไรไม่ออก แม้ไม่ส่องกระจกแต่ตัวเองรู้ชัดว่าหน้าที่กำลังร้อนวูบวาบคงขึ้นสีแดงเพราะเขินที่โดนจุ๊บหน้าผาก แล้วไหนจะหัวใจที่เต้นตุบๆนี่อีก มันเต้นรัวแรงและเร็วกว่าช่วงสายของวันที่เจอพี่วีเป็นสอง…ไม่สิ ส…สี่ถึงห้าเท่าเลยต่างหาก

สิบปีที่เฝ้ารอ คณานนท์รอวันนี้ รอวันที่พี่วีกลับมา ทั้งที่ได้แค่เฝ้ารออย่างนั้น และวันนี้ก็สมหวังแล้ว แต่ทำไมพี่วีกลับทำให้เขาที่เริ่มสงบได้เดี๋ยวเดียวต้องไม่เป็นอันทำอะไรเพียงเพราะพี่วีพุ่งพูดว่าจะทำให้เขารับรักอีกฝ่ายอย่างที่ฝ่ายนั้นก็รักตนอย่างนั้นเล่า

นี่พี่วีเพียงพูดลอยๆเพราะอยากแกล้งเขาให้ตกใจเล่นหรือพี่วีพูดจริงกันแน่???!!!

.

.

.

ติดตามตอนต่อไป…
ขอบคุณเล้าเป็ด ขอบคุณคนอ่าน ขอบคุณความคิดเห็นนะคะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2021 17:41:39 โดย ArStyle »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่6
«ตอบ #21 เมื่อ12-09-2017 21:36:27 »

โถถถ พี่วีเขาไม่เคยบอก แถมยังหายไปนาน(มาก) ขมิ้นเลยไม่มั่นใจสินะ มาเลยนะคุณวี มาทำให้น้องมั่นใจเลย

ออฟไลน์ ArStyle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่7
«ตอบ #22 เมื่อ26-04-2018 10:23:03 »

ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่7



หนึ่งวันยังไม่หมดอย่าเพิ่งนับอัตราการเต้นของหัวใจที่ร้อนรุ่ม

แม้น้ำเย็นจากฝักบัวในห้องอาบน้ำก็ไม่ได้ช่วยให้คณานนท์ใจชื้นขึ้นสักนิด ยิ่งตอนได้ยินคำสารภาพจากพี่วีแล้วยังต้องนั่งบนรถข้างๆกันร่วมชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านก็เย็นย่ำ คณานนท์มือชื้นเหงื่อแล้วชื้นเหงื่อเล่า ครั้นถึงบ้านสิ่งที่หวังไว้ว่าต้องรออยู่เช่นทุกวันอย่างกันต์ธรและกันต์กมลกลับว่างเปล่า

สองพี่น้องยังไม่ได้กลับบ้าน ไม่สิ ทั้งคู่ไม่ได้กลับมาค้างที่บ้าน…

คณานนท์รู้เรื่องนี้หลังได้รับข้อความจากกันต์ธรหรือพี่ธรพี่ชายคนโตของบ้านว่าพี่ธรติดคุยธุระกับลูกค้าจนดึกเลยตัดสินใจนอนค้างโรงแรม ส่วนพี่มน รายนั้นเป็นพี่ธรอีกนั่นแหละที่ข้อความมาบอกว่าติดเข้าเวรแทนเพื่อนหมอด้วยกัน วันนี้เลยกลับบ้านไม่ได้ ส่วนคุณลุงสถาพรคุณป้ากรรัมภา คนรถและแม่บ้านอย่างที่รู้กันวันนี้ไม่มีใครกลับเพราะค้างนอกบ้านด้วยเหตุที่ว่าตระเวนทำบุญเก้าวัด

“นี่มันเรื่องบังเอิญหรือมีใครตั้งใจหรือเปล่า”

คณานนท์พูดลำพังด้วยความสงสัยระหว่างพาเดินตัวเปล่าออกจากคอกฝักบัวแวะหยิบผ้าเช็ดตัวผืนหนาที่แขวนไว้บนราวในห้องน้ำขึ้นมาเช็ดร่างกายหมาดๆแล้วใช้ผ้าอีกผืนพันท่อนล่างไว้  กระจกเงาตรงหน้าบ่งบอกสีหน้าชายหนุ่มว่าเจ้าของใบหน้าหมดจดกำลังกังวลอยู่หน่อยๆ คืนนี้บ้านทั้งบ้านเหลือเพียงเขากับพี่วี..

พี่วีคนที่เจอกันในรอบสิบปีแล้วจู่ๆก็พุ่งสารภาพว่ารักเขาและจะทำให้เขารัก

อยากจะตะโกนให้ลั่น แต่แบบนั้นมันผิดวิสัยของเขา แม้ตอนเด็กถึงจะดื้อจะซน แต่หลายปีนี้คุณป้ากรรัมภาคอยอบรมให้เด็กชายในวันนั้นโตขึ้นเป็นชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมทั้งด้านบุคลิก ความคิด การพูดจาและอะไรดีๆอีกมาก แต่เพียงกันต์กวี…เพียงการก้าวเข้ามาในชีวิตแบบเต็มรูปแบบในวันเดียวของฝ่ายนั้นกลับทำคณานนท์คนใจเย็นกลับสติกระเจิงแล้วกระเจิงเล่า

พี่วีมันตัวอันตรายของแท้!!!

“ข้าวเย็นอิ่มจากมื้อบ่ายแล้ว น้ำท่าก็อาบแล้วเรียบร้อยเพราะงั้นคืนนี้ห้ามออกไปไหน นอนๆ”

มันเป็นทั้งประโยคคำสั่งและการสะกดตัวเองไปในตัวของคณานนท์  ชุดนอนผ้าเนื้อนิ่มถูกสวมใส่แทนที่ผ้าเช็ดตัวเสร็จสรรพ คณานนท์จำได้ก่อนอาบน้ำเวลาบนนาฬิการาวๆสิบนาทีที่แล้วบอกไว้ว่าสองทุ่มตรงและตอนนี้ก็คงสองทุ่มสิบกว่านาที พี่วีจะเป็นยังไงเรื่องนั้นคงต้องช่างแล้ว ยังไงเสียนี่ก็บ้านของเขา เขาคงจัดการอะไรเองได้โดยไม่ต้องมีคณานนท์ออกไปช่วยหรอกมั้ง

“อาบน้ำนานเหมือนกันนะเนี่ย”

“คุณวี!”คณานนท์ร้องเสียงหลง

คิดถึงอีกฝ่ายอยู่ดีๆพอเปิดประตูห้องน้ำก้าวเท้ามายังส่วนห้องนอนคณานนท์ก็แทบผงะ พี่วีนั่งยิ้มอยู่บนเตียงกลางห้องนอนของเขาได้ยังไง เขาจำได้ว่าตัวเองล็อคประตูห้องแล้วนะเว่ย

“ทำหน้าสงสัยไปได้”กันต์กวีพูดยิ้มๆ “กุญแจสำรองน่ะกุญแจสำรอง พี่วีใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าห้องขมิ้น”

“คุณวีทำแบบนั้นไม่ได้นะครับ!”

คณานนท์เสียงดังใส่คนที่ยังนั่งยิ้มอยู่บนที่นอนโดยไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกไปไหน จำยอมต้องเดินเร็วๆไปใกล้พร้อมกับออกปากเชิญอีกฝ่ายให้ออกจากห้องส่วนตัวของเขา

“พี่วียังไม่ชินที่” กันต์กวียังคงยิ้มน้อยพ่วงด้วยการโกหกคำโต

นี่บ้านเขานะมีเหรอที่เขาไม่ชิน ถึงไม่ได้อยู่ยาวๆมานานแล้วก็เถอะแต่บ้านยังไงก็คือบ้านแต่อะไรที่ทำให้เขาได้ใกล้เชิดอีกฝ่ายกันต์กวีก็พร้อมอ้างทั้งนั้นแหละ แถมอ้างหน้าด้านๆด้วย

“บ้านทั้งบ้านตอนนี้ก็มีแค่ขมิ้น คืนนี้ขอพี่วีนอนด้วยคนนะ”

“ห้องนอนคุณวีก็มี!”

“ห้องนั้นยังไม่จัดการทำความสะอาดสักหน่อย อ๊ะ แล้วอย่ามาไล่พี่วีให้ไปนอนห้องพี่ธรด้วย ขมิ้นก็รู้แต่ไหนแต่ไรพี่ธรหวงห้องนอนจะตาย ส่วนห้องยัยมนนั่นห้องผู้หญิงพี่วีไม่นอนหรอก แล้วห้องรับแขกพี่วีก็ไม่นอน สรุปพี่วีนอนกับขมิ้น”ไม่พูดเปล่ากันต์กวียักคิ้วหลิ่วตากวนใจคณานนท์จนคนถูกกวนนึกอยากพุ่งบีบคอให้อีกฝ่ายดิ้น

ผิดจากกันต์กวีเห็นสีหน้าท่าทางคณานนท์แล้วยิ่งอารมณ์ดี ไม่ได้อยากแกล้งให้ขมิ้นชันโกรธเลยนะกันต์กวีขอสาบาน แต่เห็นหน้าอีกฝ่ายทีไรเขาอดไม่ไหวทุกครั้งสิ แม้ว่าก่อนหน้านี้คนโดนแกล้งจะร้องไห้เพราะเขาก็เถอะ

แต่ยังไงกันต์กวีก็อดไม่ได้ อดใจไม่ได้จริงๆ

“นั่นคุณวีทำอะไรอีกครับ!”

“ก็นอนไงขมิ้น วันนี้คุณวีเหนื่อยทั้งวัน ขมิ้นก็คงเหนื่อยเหมือนกัน มาๆมานอนด้วยกัน”

กันต์กวีทิ้งตัวนอนตะแคงพร้อมส่งยิ้มกวนมองหน้าคณานนท์ขณะที่มือนั้นก็ตบเตียงนอนเชิญเจ้าของห้องให้นอนพร้อมกัน จริงอยู่ที่ที่นอนของคณานนท์ไม่แคบสำหรับคนสองคน แต่นี่คนที่ต้องนอนด้วยคือพี่วีคนที่เขาเฝ้ารอ คนที่หลายชั่วโมงที่แล้วสารภาพรักเขาไปไม่ใช่เรอะ

แบบนี้ใครมันจะกล้านอนร่วมเตียง ไม่สิ แค่นอนร่วมห้องคณานนท์ยังไม่กล้า!

“ถ้าคุณวีอยากนอนห้องนี้งั้นตามสบายครับ ผมไปนอนห้องรับแขกเอง”

คณานนท์พูดแค่นั้นก็เบี่ยงตัวตั้งใจเดินออกจากห้อง แต่กันต์กวีเด้งตัวจากที่นอนแล้วพุ่งตามสวมกอดด้านหลังเจ้าของร่างโปร่งมาไว้ในอ้อมอกอย่างรวดเร็วจนคนถูกจู่โจมแทบหงายหลัง ยังดีที่กันต์กวีตัวโตและสูงกว่า แรงตกใจของคณานนท์ที่เผลอขยับถอยจึงไม่ส่งผลต่อการทรงตัวต่อของเขา

“พี่วีบอกแล้วไงว่าจะนอนกับขมิ้น”

“ต…แต่ว่า!”

“สัญญา นอนกับขมิ้นเฉยๆ พี่วีไม่ทำอะไรหรอก นะขมิ้นนะ”

เสียงกันต์กวีเต็มไปด้วยความออดอ้อน แต่นั่นไม่ได้ทำให้คณานนท์คล้อยตามสักนิด สิ่งที่นำพาร่างคณานนท์ไปยังที่นอนกลับเป็นแรงดึงของกันต์กวีต่างหากที่ลากกอดเขาจากด้านหลังให้นั่งบนตักของอีกฝ่ายบนปลายเตียง

น…นี่มันยังไงแปลกๆ คณานนท์คิดและพยายามขืนตัวแต่กันต์กวีกลับยิ่งกระชับกอดแล้วเกยคางบนไหล่และกระซิบข้างหู
   
“ตั้งสิบปีไม่ได้นอนข้างขมิ้น วันนี้นอนด้วยกันเหมือนตอนขมิ้นยังเด็กแล้วชอบอ้อนขอนอนกับพี่วีนะ”

“ผมไม่เคยอ้อน!”

“ขมิ้นใจร้าย ใช่ซี่ ตอนนี้โตแล้วนี่ พี่วีมันไม่สำคัญแล้วนี่”

กันต์กวีพูดราวกับกำลังตัดพ้อจนคณานนท์ต้องเอี้ยวหน้ามามอง แต่งานนี้ถือว่าคณานนท์พลาดอย่างหนัก จากน้ำเสียงตัดพ้อแกล้งตีหน้าเศร้า กันต์กวีเปลี่ยนเป็นยิ้มกริ่มรีบขยับจมูกโด่งของตัวเองเกลี่ยจมูกคณานนท์แล้วจุ๊บปาก

“คุณวี!”

แน่นอนคณานนท์ตั้งใจผลักให้ฝ่ายนั้นออกห่าง แต่มือตุ๊กแกที่เกาะอย่างเหนี่ยวแน่นของกันต์กวีกลับฉุดคณานนท์ให้ล้มลงกับที่นอนพร้อมกันกับตนเอง จากที่เป็นคณานนท์คร่อมทับ กันต์กวีเปลี่ยนให้อีกฝ่ายนอนข้างๆแล้วกระชับกอดแนบอกอย่างแน่นหนา

วงแขนแกร่งโอบกอดร่างทั้งร่างจนคณานนท์ดิ้นไม่หลุด ส่วนล่างอย่างขาก็ใช้เกี่ยวกันดิ้นทำให้คณานนท์ได้แต่นอนนิ่งและหากขยับตัวมากว่านี้มีหวังส่วนล่างของเขาทั้งคู่คงได้สัมผัสกันเป็นแน่ อีกทั้งใบหน้าของกันต์กวียังประชิดขยับใกล้ใบหน้าคณานนท์เรื่อยๆ

“ก็ได้ครับคุณวี ตกลงนอนด้วยกันก็นอน!”

คณานนท์ร้องลั่นรีบซุกหน้าหลบภัย กันต์กวีเห็นแบบนั้นแล้วยิ่งยิ้มกริ่มขยับดึงคณานนท์เข้าซุกกับอกกว้างของตน คางได้รูปเกยเล่นอยู่บนหัวของคนข้างใต้ หัวใจเขาเต้นแรงแค่ไหนกันต์กวีอยากให้คณานนท์รับรู้ แม้ชอบแกล้งแค่ไหนแต่อยากให้รู้เหลือเกินว่ายามใกล้คณานนท์ผู้เป็นที่รัก หัวใจกันต์กวีใช่จะเต้นปกติ

หัวใจของพี่วีเต้นเร็วและรัวไม่ต่างจากเขา วันนี้ตอนนี้คณานนท์สัมผัสมันได้แล้ว นึกโกรธนึกเคืองในความร้ายของพี่วีก็อีกส่วน แต่จังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่โกหกและอ้อมกอดที่เฝ้ารอกลับสร้างยิ้มบางบนเรียวปากชายหนุ่มที่พาจมูกตัวเองเผลอสูดกลิ่นกายจากแผ่นอกคนตรงหน้า

สิบปีผ่านไปอย่างไรแต่พี่วีก็ยังเป็นพี่วี คณานนท์ยังจำกลิ่นนี้ได้ขึ้นได้

“ขมิ้นชันหื่นเหมือนกันนะเนี่ย”

กันต์แกล้งหยอก แน่นอนคณานนท์ที่เผลอสูดกลิ่นกลายของอีกฝ่ายได้ยินอย่างนั้นก็ทั้งหน้าแดงและหน้าบึ้ง นึกหมั่นไส้อดไม่ไหวต้องฝากร่องรอยซี่ฟันกับอกกว้างนั่นจนกันต์กวีร้องโอย

“เจ็บนะขมิ้น” กันต์กวีแกล้งโอดครวญ “เดี๋ยวก็ทำมากกว่านอนกอดหรอก”

“คุณวี!”   

“เรียกพี่วีว่าพี่วีไม่ได้เหรอขมิ้น”

ไม่ใช่ประโยคคำถามแต่มันคือคำร้องขอ น้ำเสียงกันต์กวีแผ่วลงแต่เจือด้วยความอ่อนโยน คณานนท์ชั่งใจเล็กน้อยแล้วเงยหน้าสบตามองกันต์กวีที่มองเขาไม่กระพริบ ให้เรียกว่าพี่มันไม่ใช่เรื่องยาก แต่…

“นะขมิ้นนะเรียกพี่วีว่าพี่เถอะนะ”

“คุณวี…”

“ขมิ้น…”กันต์กวีเรียกชื่อเล่นคนในอ้อมกอดเสียงแผ่ว

หรือสิบปีของเขาจะสูญเปล่าแล้วจริงๆ หากเป็นอย่างนั้นทั้งหมดเป็นเพราะเขาเองที่ทำให้อีกฝ่ายห่างเหินเขา เป็นเขาเองที่มัวแต่คิดถึงอนาคตมากกว่าปัจจุบันที่จับต้องได้…

“คุณวีบอกเองนี่ว่าจะทำให้ผมกลับไปเรียกคุณวีว่าพี่ นี่ยังไม่ทันไรจะให้ผมเรียกคุณวีว่าพี่แล้วเหรอครับ”คณานนท์ยิ้มกว้างคล้ายล้อเลียน

กันต์กวีที่เหมือนท้อใจได้ยินได้เห็นอย่างนั้นก็กลับมายิ้มออกอีกหน

นี่คงเป็นการเอาคืนสิบปีจากเด็กดื้อขมิ้นชันสินะ แต่อย่างน้อยวันนี้เขาทั้งสองก็ได้กลับมาใกล้ชิดกันอีกครั้ง แม้ต้องใช้เวลาซึ่งมีอย่างจำกัดพิชิตใจอีกฝ่าย แต่กันต์กวีเชื่อ… เชื่อว่าความรักที่ตัวเองมีให้ขมิ้นจะสามารถทำให้ทุกอย่างกลับไปเป็นได้มากกว่าสิบปีที่แล้วได้ในไม่ช้า

“พี่วีรักขมิ้นนะ”

กันต์กวีพูดแล้วก้มลงแตะสัมผัสเรียกปากคณานนท์อย่างรวดเร็วอีกครั้ง ตาคมสบกับตากลมโตนิ่งงัน แม้กันต์กวีจะถอนจูบแผ่วเบานั่นออกไปแล้ว แต่คณานนท์กลับเอาแต่มองอีกฝ่ายนิ่งๆ เขาควรขัดขืนหรือถีบเตะพี่วีให้ตกจากเตียงที่เขากลับไม่ทำซ้ำตอนนี้ยิ้มน้อยๆกลับผุดขึ้นบนเรียวปาก แก้มขาวในห้องนอนที่มีแสงสว่างจากแสงโคมไฟขึ้นสีระเรื่อทีละนิด

ไม่มีคำพูดใดจากทั้งคู่ กันต์กวีปิดสวิทช์โคมไฟบนหัวนอน แล้วดึงคณานนท์มากอดแนบอกอย่างโหยหา อยากทำมากกว่านี้ให้สมกับสิบปีที่เฝ้าหวงเฝ้าห่วง หากแต่นี่เป็นการเริ่มต้นเท่านั้น จากนี้กันต์กวีจะไม่ยอมห่างจากคณานนท์อีกแล้ว ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมห่างอีกแล้ว

.
.
.
ติดตามตอนต่อไป
กลับมาแล้วค่ะ ฮือ ก่อนอื่นขอกล่าวคำขอโทษ ขออภัย ไม่นึกว่าตัวเองจะหายไปนานมาก ตอนนี้กลับมาแล้วแต่ยังไม่รู้ว่าจะได้ลงบ่อยไหม ดีใจมากๆ ที่ได้กลับมาลงพี่วีกับขมิ้นชัน ในช่วงที่ผ่านมารู้สึกผิดไม่น้อยเลยที่ไม่ได้มาลง ต่อไปจะรักษาสุขภาพให้แข็งแรงๆ ค่ะ ขอบคุณเล้าเป็ด ขอบคุณคนอ่าน และขอบคุณความคิดเห็นค่ะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2021 17:43:57 โดย ArStyle »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: ขมิ้นชัน กันต์กวี ตอนที่7
«ตอบ #23 เมื่อ22-05-2018 10:23:57 »

 :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด