แอบมาตอนดึก อิอิอิ
ฝากด้วยน๊าครับ ขอบคุณครับ
ตอนเย็น แอรอนกลับมาจากซ้อมฟุตบอล ท่าทางเหนื่อยอ่อนมาแต่ไกล นางลิซ่าพาลูกสาวไปซูเปอร์มาเก็ตแถวบ้านเพื่อซื้อของตามปกติ ส่วนนายจอห์นนั้นหลังจากพักผ่อนกับครอบครัว
แล้วเขาก็ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงบ้าง เป็นครั้งที่สามตามโควต้าสี่ครั้งต่อเดือนของศรีภรรยานางลิซ่า…
ร่างโปร่งเดินลงมาเจอคนตัวใหญ่นั่งหน้าเครียดอยู่ในครัว ปากกินมุสช็อคโกแล็ตเอาเป็นเอาตาย
“อ้าวแอรอน คุณกลับมานานแล้วหรือ?”
ขานั้นไม่ตอบ เพียงแต่ก้มหน้าลงตักมูสใส่ปากต่อไป
“นี่ ลิซ่าบอกว่าให้อุ่นพาสต้าให้คุณ เผื่อหิว คุณหิวมั้ย?”
“หิว”
ตอบสั้นๆ ก่อนจะผุดลุกขึ้นไปอาบน้ำที่ชั้นบน อมลินเฝ้าฟังเสียงน้ำไหล…แล้วเปิดดูหม้อซอสมิตบอลซึ่งน้อยอย่างน่าใจหาย สงสัยจอห์นนี่คงจัดการก่อนออก
ไปข้างนอก ทำให้อมลินตัดสินใจจะลองแสดงฝีมือสูตรอาหารไทยให้แอรอนกิน ประจวบเหมาะกับที่ร่างสูงเดินตัวหอมฉุยลงมาพอดี
“เฮ้เจ้าชายน้อย”
คนถูกเรียกหันไป แอรอนยืนทำหน้าเครียดอยู่อีกแล้ว แต่คราวนี้เขาดูลดความรุนแรงลง
“เอ่อ เมื่อกี้นี้ผมขอโทษนะ เผอิญผมเพิ่งถูกไอ้โค้ชหัวเหม่งงี่เง่านั่นด่ามาตลอดการซ้อม เลยหงุดหงิดไปหน่อย…ผมขอโทษด้วย”
อมลินให้อภัยอยู่แล้ว…เขาเพียงพยักหน้า ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นคนอารมณ์ดีอย่าแอรอนโกรธอะไรใครเป็น พลางเริ่มสงสัยแล้วว่าเจ้า ‘โค้ชหัวเหม่งงี่เง่า’ ของแอ
รอนนั่นจะได้ชายามาสมชื่อหรือเปล่า?...
“แล้วนี่ คุณกำลังทำอะไรอยู่”
“ผมจะลองทำอาหารไทยให้คุณกิน ลองดูมั้ย?”
“จริงเหรอ!”
เจ้าของร่างสูงยิ้มกว้าง ฉับพลัน…ดูเหมือนโลกทั้งใบของอมลินจะพลอยสว่างสดใสไปด้วย
“อืม ซอสมิตบอลมีไม่พอ ว่าแต่ คุณอยากกินอะไรล่ะ ผมพอจะมีเครื่องเทศสำเร็จรูปติดตัวมาจากเมืองไทยด้วย”
แขนยาวๆเอื้อมไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาผูกรอบเอวคอดของตัวเอง พลางขยิบตาให้
“แล้วแต่เจ้าชายน้อยเลย อะไรก็ได้ ผมกินอาหารฝีมือของเจ้าชายน้อยอเล็กซ์ได้ทุกอย่าง”
รู้บ้างมั้ย…ว่าส่วนลึกข้างในของอมลิน มันอุ่นชื้นขึ้นอย่างน่าประหลาด จากคำพูดของเขา…
อมลินพยายามไม่ยิ้ม ไม่แสดงอาการดีใจอะไรมากมายเหมือนที่รู้สึก แปลกแฮะ…หมู่นี้เขาเป็นอะไร ทำไม…ทำไมใจต้องสั่นทุกครั้งที่โดนคำพูดแปลกๆแบบ
นี้กระทบเข้า
ในที่สุด ทั้งคู่ที่ช่วยกันเข้าครัวก็ได้ฤกษ์ลงมือเปิบอาหารไทยหน้าตาน่ารับประทานหลายรายการอยู่เหมือนกัน พร้อมกับที่นางลิซ่าและเอเวอรีนกลับมาพอดี ทุก
คนเลยร่วมแจมฝีมือกับข้าวกุ๊กไทยอย่างนายอมลินพร้อมๆกัน ซึ่งต่างชมว่า…
“ฉันไม่ยักรู้ ว่านักเรียนไทยรายนี้จะมีฝือมือมากขนาดนี้ เห็นทีคงต้องฝากตัวเป็นศิษย์ซะแล้ว”
นางลิซ่ากล่าวยิ้มๆหลังจากอิ่มอร่อยเสร็จแล้ว
“นี่ๆอเล็กซ์ อร่อยภาษาไทยเขาพูดว่าอะไรเหรอ?”
เอเวอรีนถามเสียงใส สีหน้าของแอรอนดูมีแววสนใจขึ้นมาบ้าง(ด้วย)
“อร่อย”
“อา-หร่อย”
ทั้งสามพยายามเลียนออกเสียง อมลินได้แต่หัวเราะเวลาฟังฝรั่งหัดพูดไทย พอเห็นเจ้าของภาษาหัวเราะทั้งหมดก็เลยหัวเราะตามกันไปด้วย แล้วหลังจากนั้นทุก
คนก็เข้าสู่โหมดสนทนาไม่จำกัดหัวข้อ คือพูดคุยกันไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีใครคนใดคนหนึ่งนึกเบื่อลุกหนีตามกันออกไป
“เอ่อนี่ทุกคน ผมเลิกกับคริสตี้แล้วนะครับ”
อมลินหันไปมองต้นเสียง และงงงันกับชื่อไม่คุ้นหู
ทว่าหญิงทั้งสองวัยต่างรับรู้เหมือนเรื่องปกติ
“โหย แอรอน พี่ไม่ต้องบอกหนูกับแม่ก็ได้ มีใครไม่รู้บ้างว่าพี่คบใครไม่เกินสองอาทิตย์ เอ่อ ยกเว้นอเล็กซ์”
“ก็แหม คนมันเสน่ห์แรงนี่”
สองพี่น้องหัวเราะร่วน ต่างจากอมลิน…ที่เสเอาแก้วน้ำยกขึ้นดื่มบังสายตา ชื่อผู้หญิงคนนั้นคงเป็นแฟนคนล่าสุดของแอรอน หลังจากเพิ่งเลิกกับแม่สาวที่ไปเที่ยว
กับครอบครัวที่ไอร์แลนด์ ตามมาด้วยสาวผิวสีชื่อเมลิสซ่า และจวบจนมาถึงอดีตคนล่าสุด(หมาดๆ)
“ขานี้ไปทำอะไรให้พี่ไม่ชอบใจอีกล่ะ?”
“ก็แค่ เบื่อๆ…อีฟ เธอมายุ่งเรื่องของฉันตั้งแต่เมื่อไรกันหา?”
แม้แต่นางลิซ่าก็ร่วมวงด้วยในเวลาต่อมา อมลินรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกขึ้นมาทันที…เขาเลี่ยงตัวออกไปอย่างเงียบเชียบ แล้วกลับขึ้นห้อง นั่งลงที่เตียง รู้สึกด้าน
ชาเหมือนถูกคนเอาค้อนมาทุบหัว
…นี่ เขาเป็นอะไรไป?...
หัวใจ หัวใจที่เจ็บจิ๊ดขึ้นมา ความรู้สึกนี้มันคืออะไร?
เด็กหนุ่มกดหน้าอกตัวเองพลางแสดงสีหน้าเหยเก จังหวะเดียวกับที่แอรอนพรวดพราดเข้ามาตามเคย
“ขอโทษทีลืมเคาะประตู ว่าแต่…เฮ้ เจ้าชายน้อย นายเป็นอะไรไป เจ็บตรงไหนเหรอ?”
ร่างสูงรีบวิ่งถลาเข้ามาประคองแขน อมลินขยับตัวหนีเล็กน้อย เป็นเหตุให้เจ้าของดวงตาสีฟ้าซึ่งจ้องมารู้สึกตัว ชะงักมือไว้ห่างจากกายเด็กหนุ่มเล็กน้อย เล็กน้อย
เท่านั้น…
“ขอโทษ…”
นัยน์ตาสีฟ้าดูหม่นหมองลง
“ผม…ไม่เป็นไรหรอก สงสัยคงกินเยอะไปหน่อย”
“แหม ก็ฝีมือใครทำล่ะครับ”
แอรอนไปลากเก้าอี้มานั่งหันหน้าเข้าหาอมลิน เขาเริ่มด้วยการเลียบเคียงถามอย่างไม่แน่ใจว่า
“เอ่อ เจ้าชายน้อย สรุปว่าคุณยังคงคบกับสาวน้อยชาวญี่ปุ่นคนนั้นอยู่หรือเปล่า?”
ยูมิโกะ…แม่สาวตาโต คนที่เขาแอบชอบ แต่บัดนี้…มันเป็นความรู้สึกที่ถูกทดแทนด้วยความเป็นเพื่อนมากกว่า สิ่งที่หลงเหลือคงเป็นความผูกพันในแง่ที่ว่า
เป็นคนต่างถิ่นเหมือนกัน แม้ว่าตอนแรกทั้งคู่…อมลินยอมรับ จะเกิดปิ๊งปั๊งขึ้นมาจริงๆ และถึงแม้เพื่อนๆในกลุ่มจะยุยงให้ลองคบกันดูสักที แต่ต่างคนต่างรู้ดี แม้กระทั่งสาวน้อยยูมิโกะ…
ว่าหลังจากคบกันไปเรื่อยๆแล้ว ทั้งสองถูกคอกันฉันท์มิตรมากกว่า
“แล้ว…คุณมองว่ายังไงล่ะ”
“ก็…คุณสนิทกับเธอ มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นแฟนกัน ไม่แน่…คุณอาจรักกับเธออยู่ ผมพูดถูกหรือเปล่า?”
อมลินยิ้ม “เกือบถูก แต่…เอาเถอะ ผมกับเธอสนิทกันแต่ไม่ได้มีอะไรกัน”
“ว้า งั้นคุณก็ยังไม่ได้ลิ้มรสชาติของความรักครั้งแรกเลยนะซิ” นัยน์ตาสีฟ้าเฉมองไปทางอื่น ก่อนจะกลับมายิ้มกว้างใส่ “งั้น ถ้าผมจะจีบเธอ คุณจะห้ามมั้ย?”
คำพูดที่ออกจากปากคนตรงหน้าเหมือนท้อนปอนด์ที่ทุบลงมาใส่หัวอมลินอีกครั้ง มึนชา…เขารู้สึกเหมือนไม่ได้ยินอะไรใดๆทั้งสิ้น
“ว่าไงเจ้าชายน้อย…ผมขอจีบเธอ คุณจะว่ามั้ย?”
คนถูกถามต้องรวบรวมสตินิดหนึ่งก่อนจะข่มเสียงให้ตอบกลับไปอย่างปกติธรรมดาได้
“ไม่มีปัญหานี่”
เขากับยูมิโกะอาจจะสนิทกัน…แต่…แต่เรื่องนี้
ทำไมเขาต้องเจ็บปวดใจ อย่างกับคนเอามีดมากรีดเนื้อแบบนี้ด้วย!
สิ่งที่หัวใจกลัว…มันเกิดขึ้นแล้ว กลัวที่แอรอนจะหันมาคบกับยูมิโกะ
“งั้นคุณช่วยเป็นพ่อสื่อให้เราหน่อยซิ นะ”
อมลินสะอึก…ตอนนี้เขาอยากนำเอาความเจ็บปวดทั้งหมดในมวลท้องและช่องอกออกมา แต่ทำไม่ได้…เขาไม่สามารถแสดงอาการใดๆออกมาได้
“ผม…”
“น๊าอเล็กซ์ ถือว่าช่วยไอ้หนุ่มตาดำๆอย่างผมหน่อยเถอะ”
ในที่สุด หลังจากเจอลูกอ้อน อมลินก็ต้องยอมโอนอ่อนให้จนได้ ทั้งๆที่…
“ขอบคุณนะเจ้าชายน้อย คุณนี่…สมกับเป็นเจ้าชายน้อยจริงๆ…”
ร่างสูงเดินออกไปพร้อมกับผิวปากอารมณ์ดี ผิดกับคนที่นั่งอยู่…ความรู้สึกที่หลงเหลือ คือความเจ็บปวด ความสันสบ…รับปากเขาไปแล้ว ทีนี้ตัวเองจะทำเช่นไร?
เรื่องวุ่นวายประดังประเดเข้ามาอีกระลอกแล้ว แต่คราวนี้…คราวนี้เมื่อล้มตัวลงนอน เขากลับพบว่า…มีอาการเจ็บจี๊ดที่หน้าอก ข้างในลึกๆแถมพกมาด้วย...
โปรดติดตามตอนต่อไป