ตอนที่ 26 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด(3)(ตอนจบ)"รับเงินพี่ไปนะ ท็อป" ฟังคนบ่นกระปอดกระแปด จนต้องแกล้งทำท่าแคะขี้หู ก็ดูสิ พี่ฆีนบ่นเป็นคนแก่ไปได้
ตั้งแต่เดินทางมาถึงภูเก็ต พี่ฆีนยังไม่หยุดบ่น ส่วนสาเหตุก็คือ ไม่พอใจที่ท็อปพามาพักที่ราคาแพงแบบนี้ ก็ที่ที่พี่ฆีนเคยพามายังไงล่ะ
เพราะความชื่นชอบส่วนตัว รวมถึงคำสัญญาที่ท็อปเคยเอ่ยปากกับพี่ฆีนว่าอยากมาอีกครั้ง พอปรับความเข้าใจกันได้ ท็อปจึงชวนพี่ฆีนมานอนพักห้องพูลวิลล่าที่ได้นั่งทอดสายตามองท้องทะเลอันดามันพร้อมวิวธรรมชาติแบบพาโนราม่าอย่างที่เคยมาคราวก่อน
และที่บ่นก็เพราะว่าพอฆีนจะช่วยออกค่าใช้จ่าย ท็อปก็บ่ายเบี่ยงปฏิเสธตลอด
"ท็อปบอกพี่ฆีนแล้วไง ว่าไม่เป็นไร" ฆีนถอนหายใจเสียงดังอย่างตั้งใจให้อีกฝ่ายรู้ตัว ก็ดูสิ คนดื้อก็ดื้อจริงๆ ให้ตายสิ พับผ่า!
"เรายังไม่ได้งาน ทำไมใช้จ่ายสิ้นเปลืองแบบนี้ พี่ไม่โอเคเอามากๆ" กลอกตาไปมากับคำดุด่าแถมทำหน้าทำตาถมึงทึงก็อดจะงอนกลับไม่ได้ อะไรกัน! หนีแม่บ่น มิวายมาเจอพี่ฆีนอีก
เฮ้อ!...ให้มันได้อย่างนี้สิ นายทินภัทร์
เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนหันไปออดอ้อนเอาใจ
"ไม่เป็นไรครับ นานๆท็อปจะพาแฟนมาสวีท อย่าบ่นนะครับ..พี่ฆีนสุดหล่อ"
เดี๋ยวนี้ เป็นงาน เป็นการ มีทำมาพูดเอาอกเอาใจ จะว่าไป ตั้งแต่คืนดีกันหนนี้ ท็อปเปลี่ยนไปมากจริงๆ
ในตอนแรก ฆีนแอบกังวลเหมือนกัน คนที่เคยทำผิดครั้งใหญ่หลวง จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้จริงๆหรือ? จะยังรักแบบสนิทใจได้อยู่หรือ?
แต่วันนี้ ท็อปพิสูจน์ให้เห็น จนฆีนไม่รู้สึกคลางแคลงใจอะไรอีกต่อไป
บ่นเรื่องห้องพักไม่ทันไร ก็ยังหันมาบ่นเรื่องเสื้อผ้าที่ก่อนมาต่างจังหวัด คนรักกำชับฆีนให้ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางกางผ้าขายาวสีกรมท่าเหมือนกันอีก
"แล้วทำไมต้องบังคับให้พี่แต่งตัวเหมือนกันด้วยครับ"
หรือเขาจะแก่จริงๆ วันนี้ ทั้งวัน เจ้าตัวบ่นไม่หยุด
แต่ต่อให้พูดพร่ำแค่ไหน เด็กหนุ่มก็ไม่สะทกสะท้าน มิหนำซ้ำ กลับยิ้มกว้างจนตาหยีเดินมาเกาะแขนฆีนพลางซุกหน้าคลอเคลียต้นแขนอย่างออดอ้อนไปอีก
"ท็อปว่าคนเป็นแฟนกัน เวลาแต่งตัวเหมือนกันและถ่ายรูปคู่มันดูน่ารักดีครับ" โอ้ย! ดูทำหน้าเข้าสิ ยั่วจนอยากฟัดให้หายอยากชะมัด
"รู้จักคิดนะเรา" ว่าจบก็โยกหัวท็อปเบาๆ
"เอ้! จะว่าไปตั้งแต่เราคบกัน ยังไม่มีรูปคู่เลย ถ้างั้นมาถ่ายรูปคู่กันเถอะ" สิ้นเสียง เด็กหนุ่มควักโทรศัพท์ สไลค์หน้าจอเลื่อนเข้าสู่โหมดถ่ายภาพ
กดถ่ายอยู่หลายที จนได้ภาพที่พอใจ ท็อปลดมือลง นั่งมองรูปถ่ายด้วยอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
คัดรูปภาพที่ชอบ ก่อนจะตัดสินใจโพสต์ภาพลงอินสตาแกรมส่วนตัว
แรกๆก็ทำเป็นไม่สนใจ แต่เพราะความอยากรู้ จึงแอบลอบมองคนที่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ จึงเหลือบเห็นท็อปกำลังอัพโหลดภาพที่เพิ่งถ่ายเมื่อครู่
"ท็อปจะลงภาพนั้นจริงๆหรือ?""พี่ฆีนอายหรือครับ?" ถามเขา แต่กลับชะงักกึกเสียเอง เมื่อโดนย้อนคำถามที่ฆีนเคยถามท็อปมาก่อน
"เปล่า แต่...""ท็อปบอกแล้วไง ว่าท็อปไม่อายแล้ว ที่ผ่านมา ท็อปเหนื่อยมากกับการไม่เป็นตัวเอง ตอนนี้ ท็อปอยากทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างครับ" ระบายความรู้สึกภายในใจออกมา
ทุกอย่างที่พูด คือ เรื่องจริงว่าที่ผ่านมา ท็อปเหนื่อยเหลือเกินกับการขอความรักจากคนอื่น จากนี้ ใครจะรักหรือไม่รัก ท็อปไม่สนใจแล้ว เพราะท็อปขอโฟกัสแค่คนที่รักเขา อย่าง คนในครอบครัว เพื่อนหรือแม้กระทั่งคนรัก คนนี้
"พี่ดีใจนะที่ท็อปคิดได้"
"ครับ พอท็อปคิดได้ ก็โคตรสบายใจเลย"
ว่าจบ ท็อปจุ๊บริมฝีปากพี่ฆีนเบาๆ ก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากมาขบเม้ม ดูดดึงผิวเนื้อบริเวณซอกคอของฆีนจนขึ้นสีเรื่อๆ มิหนำซ้ำยังใช้ปลายลิ้นเลียวนร่องรอยช้ำที่เพิ่งเกิดขึ้น
ฆีนไปไหนไม่รอดแล้ว นอกจากจะขี้ยั่วเป็นที่หนึ่ง ยังขี้อ้อนอีกด้วย"ท็อป รู้ใช่ไหมครับ? ว่าช่วงนี้ เราไม่ค่อยได้มีเซ็กซ์กันเท่าไหร่" มองคนที่หน้าแดง คอแดง แล้วอดขำไม่ได้ สีหน้าแบบนี้ไม่ใช่อายหรอก ความต้องการทางเพศล้วนๆ
"ฮ่าๆ" กลั้นไม่ไหวถึงกับหลุดกลั้วหัวเราะเสียงดังลั่น เมื่อเจอคำพูดตรงๆ นี่แหละหนา เอกลักษณ์ของพี่ฆีน เรื่องความหื่นไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
จุดอ่อนของฆีนคือแพ้สัมผัสท็อปทุกที เวลาโดนตัวนิด โดนตัวหน่อย เป็นต้องได้ของขึ้นไปทุกทีสิน่า
มีความอยากได้พี่ฆีนเหมือนกัน แต่ท็อปต้องรีบตัดบท เพราะเดี๋ยวจะเลยกำหนดการที่เจ้าตัวตั้งใจไว้
"ท็อปว่าเราไปหาอะไรกินดีกว่าครับ นี่มันสี่โมงเย็นแล้ว"
"ท็อปหิวแล้วหรือ?""ใช่ครับ ไปเถอะนะ"จุ๊บ!
ส่งจูบมาอ้อนเอาใจ แล้วจะไม่ให้ฆีนหลงได้อย่างไร มองหน้าคนขี้ยั่วอย่างแสนเสียดายที่อดทำรักในตอนนี้
รับคำเสร็จ ทั้งสองก็เดินลงมาถึงส่วนรับประทานอาหาร โดยท็อปพาพี่ฆีนมานั่งโซนเอาท์ดอร์ริมทะเล
สายลมเย็นเอื่อยๆพัดมากระทบผิวกายผสานกับวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติ ช่างให้ความรู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจได้ดีจริงๆ
นั่งสักพักก็รับเมนูเล่มหนามาจากพนักงาน พลิกทีละหน้า ดูเมนูโปรดจนพอใจ ก็เรียกพนักงานมารับออเดอร์
สั่งเสร็จสรรพ ในระหว่างที่นั่งคุยกัน มีมือหนามาวางบนไหล่ของฆีนจากด้านหลัง จนทำให้ฆีนต้องเอี้ยวตัวมอง
"อ้าว...ฆิตมาได้ไง" ฆีนสะดุ้งตกใจ เพราะการเจอน้องชายที่ต่างจังหวัดและสถานที่เดียวกันแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ
ด้านหลังของฆิตยังมีกราฟ และพลที่ยืนยิ้มพนมมือไหว้อยู่
"มาเป็นก้างขวางคอไง" ฆิตหัวเราะก่อนจะเรียกพนักงาน เพื่อเสริมโต๊ะนั่ง
ฆีนหรี่ตามองคนตรงข้ามที่ยิ้มกว้างและอารมณ์ดีผิดปกติ
"ท็อปรู้เรื่องนี้ใช่ไหม?" ถามอย่างต้องการคำตอบ แต่คนรักกลับทำหน้าไม่รู้ ไม่ชี้ เห็นอย่างนี้แล้วอยากกระชากคอมาจูบชะมัด
กราฟไม่อยากให้พี่ฆีนจับไต๋ได้ จึงทำทีชวนคุยเรื่องครอบครัวของพี่ฆีน เพราะตอนนี้ กราฟเองก็เริ่มเข้าออกบ้านพี่ฆิตจนเป็นแขกประจำไปเสียแล้ว
ละสายตาจากท็อปก็หันไปตอบแฟนน้องชาย
คุยกันได้สักพัก อาหารก็เริ่มทะยอยมาเสิร์ฟ ยังไม่มีใครตักอาหาร เพราะท็อปบอกว่าให้รอก่อนและลุกหายเข้าไปส่วนอาคาร
ฆีนขมวดคิ้วมุ่น เขาชักมีลางสังหรณ์แปลกๆแล้วสิ
ไม่นานนัก ท็อปเดินมาพร้อมพ่อแม่ของฆีน รวมถึงแม่ของท็อปด้วย
"ฆิต มีอะไรไม่บอกพี่" หันขวับดุน้องชายทันที สงสัยรวมหัวกันวางแผนแน่นอน ฟากฆิตนั่งยิ้มแหยๆ
ไม่ทันได้ว่าต่อ ผู้ใหญ่ทั้งสามท่านก็ทิ้งตัวลงนั่งด้วยรอยยิ้มกว้าง
"ว่าไงเจ้าฆีน อึ้งล่ะสิ" มารดาคนเดิม เพิ่มเติมเป็นคนตลกก็เอ่ยแซวลูกชายคนโต จนคนอื่นๆกลั้นขำ
ฆีนนั่งนิ่ง ชำเลืองมองคนรักที่ยิ้มกว้างจนตาหยี
มันน่าจับตีก้นนัก ที่คนรักมาแกล้งกันแบบนี้
"ท็อปน่ารักนะเนี่ย พาแม่มาเปลี่ยนบรรยากาศชมวิวทะเล ลูกชายแม่น่ะเหรอ ไม่มีซะหรอกที่จะพามาที่แบบนี้" แขวะลูกชาย จนฆีนสังเกตได้ถึงความผิดแปลกไป
แม่เอ่ยปากชมท็อปอย่างสนิทสนม นั่นหมายความว่า ท็อปต้องแอบวางแผน เข้าบ้านของฆีนไปหาแม่โดยไม่บอกกล่าวก่อนแน่ๆ เพราะการที่แม่จะคุยเล่นหรือหยอกล้อ คุ้นเคยแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเจอท็อปเพียงแค่ครั้งเดียว ท็อปต้องแอบไปเจอแม่มากกว่าห้าครั้งแน่นอน ฆีนรู้นิสัยแม่ดี
ไม่อยากคิดปะติดปะต่อเหตุการณ์อะไรให้ปวดหัวอีก เขาควรจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ในเมื่อบรรยากาศตอนนี้ช่างเต็มไปด้วยความอบอุ่น จนฆีนอดยิ้มออกมาไม่ได้
กว่าสองชั่วโมงผ่านไปที่ทุกคนร่วมรับประทานอาหารกันอย่างอิ่มเอิบ หลังจากจัดการของคาวเสร็จสิ้น ก็ตบท้ายของหวาน ท่ามกลางความสุขที่มาพร้อมเสียงหัวเราะ ทำให้ทุกคนดูผ่อนคลายมากกว่าเดิม ฟากผู้ใหญ่สนทนาเรื่องมีสาระกันไป ส่วนพวกเด็กๆหน่อยก็หันมาจับกลุ่มคุยเรื่องบ้าบอ เฮฮากันตามประสา
ครู่หนึ่ง ท็อปแอบมองหน้าทุกคนที่เจือความสุขก็แอบดีใจลึกๆ มันเป็นความรู้สึกที่เขาโหยหามานาน
ความรู้สึกของการได้อยู่ท่ามกลางความรัก ความอบอุ่นที่ท็อปอยากได้มาตลอดมันได้เกิดขึ้นแล้วในวันนี้ หยุดเชียวนะ ไอ้ท็อป จะร้องไห้ให้คนอื่นเห็นไม่ได้นะ
เพราะความตื้นตันใจจะพาให้ท็อปน้ำตาซึม เด็กหนุ่มรีบขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ด้วยสาเหตุไม่อยากให้บรรยากาศเสีย
เด็กหนุ่มหยุดยืนตรงหน้ากระจก เปิดก็อกน้ำ วักน้ำล้างหน้า จังหวะที่เงยขึ้นมามองกระจก ก็ตกใจเมื่อเหลือบเห็นคนข้างหลังเป็นพี่ฆีนที่มายืนตอนไหนก็ไม่รู้
"วางแผนหรือ?" ทุกอย่างเป็นใจขนาดนี้ จะบอกว่าไม่ใช่ก็คงดูออกว่าโกหก
" ท็อปอยากทำอะไรให้พี่ฆีนบ้าง เซอร์ไพรส์ไหมครับ?" ท็อปยิ้มกว้าง ก้าวไปกุมมือพี่ฆีนที่ยืนเงียบ ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยเสียงสดใสขึ้นอีกครั้ง
"ท็อปขอร้องให้ทุกคนมาวันนี้ เพราะท็อปตั้งใจอยากให้เป็นเหมือนวันรวมญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายให้มาพร้อมหน้า พร้อมตากัน เป็นพยานว่าเรารักกันจริงๆ แต่ไอ้ครั้นจะให้บอกผู้ใหญ่ว่าท็อปจะจัดงานแต่งของสองเรา มาร่วมงานกันนะครับ พวกผู้ใหญ่ก็คงมองพิลึกน่าดู มันไม่มีทางเป็นไปได้
ที่สำคัญ พี่ฆีนก็มีหน้ามีตาในสังคม เฮ้อ! ถ้าถามใจท็อปนะ เอาจริงๆ ท็อปอยากชวนพี่ฆีนบินไปต่างประเทศด้วยซ้ำ ไปแต่งงานและจดทะเบียนกันที่นั่น ท็อปอยากได้ความรู้สึกที่มีคนมากมายส่งยิ้มและมองเราเดินจับมือกัน สวมแหวนให้กัน ท็อปว่ามันคงโร....แมน....ติก" น้ำเสียงมุ่งมั่นจริงใจ อธิบายมาเป็นฉากๆจนฆีนน้ำตาคลอ
จะไม่ให้น้ำตาซึมได้อย่างไร คนที่เอาแต่หลบซ่อน ปิดบังตัวตนในอดีต ขลาดกลัวไปเสียทุกอย่าง ในวันนี้ คนๆเดียวกันนั้นกลับเป็นฝ่ายอยากเปิดเผยตัวเองอย่างไม่แคร์ใครหน้าไหน
มันไม่ใช่การแต่งงานแบบผู้หญิง-ผู้ชาย แต่มันคือการแต่งงานแบบเพศเดียวกัน ซึ่ง นั่นมันหมายถึง ท็อปกล้าที่จะยอมรับตัวเองและเปิดเผยต่อสาธารณชนให้รับรู้
ไม่ฟังให้จบ ฆีนดึงท็อปมากอดกระชับแน่น
"ท..ท็อป ไม่ต้องพูดแล้ว สำหรับพี่แค่นี้ก็มากพอแล้ว มันพอแล้วจริงๆครับ"กึก!
ที่ชะงัก ไม่ใช่ถ้อยคำจริงใจ แต่เพราะท็อปสัมผัสได้ถึงเสียงสั่นเครือและความเปียกชื้นบนบ่า
"พ...พี่ฆีน...ร้องไห้หรือครับ?"
ท็อปพูดจบก็พยายามดันตัวเองออกเพราะอยากมองหน้าพี่ฆีน แต่ก็โดนอีกฝ่ายโอบรัดเอวแน่นไปอีก
"พี่ดีใจนะดีใจจริงๆ พี่รักท็อปนะครับ"
"ครับๆ ท็อปก็รักพี่ฆีน" สองคนกอดกันกลม แต่เพราะไม่ใช่เวลาหวานแหววใส่กัน เนื่องจากยังมีผู้ใหญ่ด้านนอกนั่งรับประทานอาหารอยู่ จึงตัดบทแล้วเดินออกไป
เหมือนฝัน แต่มันเป็นจริง ฆีนเดินมองมือท็อปที่คว้ามือเขาไปจับไว้
เนิ่นนานพอสมควรที่ทุกคนอิ่มอก อิ่มใจ ตลอดเวลาที่นั่งรับประทานและพูดคุยกันมา ไม่มีใครแสดงท่าทางรังเกียจที่ทั้งสองคบกันเลย ส่วนใหญ่จะกลายเป็นแซวถึงความรักทั้งคู่เสียมากกว่า
ยอมเดินทางตามคำขอร้องอ้อนวอนของเด็กหนุ่ม ก็แอบเหนื่อยกันนิดหน่อย พวกผู้ใหญ่จึงขอตัวเข้าห้องพักผ่อน
เมื่อทุกคนแยกย้ายเข้าห้องพัก จึงเหลือเพียงสองพี่น้อง ก่อนไป ฆิตแอบย่องมาบอกความลับพี่ชาย
"พี่ฆีน ผมมีอะไรจะเล่า แต่ห้ามไปบอกท็อปนะ วันนั้นผมอยู่ในเหตุการณ์พอดี ตอนท็อปมาขอร้องพ่อแม่เราน่ะ พี่รู้ไหม? ผมขนลุกเลย ตอนที่ท็อปนั่งแผ่กระดาษ แจงรายละเอียดที่น้องมันเขียนขึ้นมาอธิบายทุกอย่าง ที่สำคัญ น้องโคตรน่าสงสาร ตอนยกมือไหว้อ้อนวอน กราบเท้าแม่และพ่อให้ช่วยมางานหน่อย บอกตั้งใจเซอร์ไพร์สพี่ อยากเห็นพี่มีความสุข แต่ติดตรงที่ว่า น้องมีเงินจ่ายแค่ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ไม่มีเงินจ่ายค่าห้องพักเลยจะรบกวนพ่อแม่แค่มาร่วมงานแล้วให้กลับคืนนั้นเลย เพราะพี่ก็รู้นี่ว่าห้องพักที่มีวิวดีแบบนี้ หลายห้องรวมๆกันราคาก็เหยียบแสน แม่เราก็เห็นความพยายามมุ่งมั่นและตั้งใจจริงของท็อปก็เลยใจอ่อนมา โดยอาสาที่จะออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ตอนแรกน้องมันค้านหัวชนฝาเรื่องค่าใช้จ่ายเพราะเกรงใจ แต่แม่เราก็ขี้แกล้งอยู่แล้วไงเลยแซวท็อปไปว่า เป็นค่าทำขวัญที่พี่ฆีนทำน้องเสียหาย ท็อปนั่งเหวอไปเลย ผมล่ะขำแม่จริงๆ"
เหลือบเห็นใบหน้าพี่ชายที่ดูนิ่งอึ้งไปพอสมควร ฆิตตบไหล่พี่ชายปุๆ แล้วย้ำประโยคสุดท้ายที่ฆิตใช้มุมมองจากคนนอก
"พี่ฆีน ผมไม่รู้อดีตหรอกนะ แต่จากที่ผมดูตอนนี้ ท็อปมันรักพี่มากจริงๆว่ะ" ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งเห็นถึงความพยายามของคนรัก ดั่งสายน้ำชะโลมจิตใจให้ชุ่มฉ่ำ ชายหนุ่มหัวใจฟูฟ่องพองโตอย่างมีความสุขขึ้นมาทันที
"ขอบใจนะฆิต" สองพี่น้องส่งยิ้มให้กันก่อนลา จากนั้น ฆีนรีบเร่งฝีเท้าไปหาคนที่ตั้งใจทำวันนี้ให้เป็นวันดีของเราสอง เขาไม่คิดเลยว่าท็อปจะทุ่มทุนแรงกาย แรงใจขนาดนี้
เข้าห้องได้รีบปิดประตู กวาดตามองหาคนรัก จนสายตามาหยุดอยู่ที่สระว่ายน้ำส่วนตัวที่มีเด็กหนุ่มนอนแช่น้ำชมวิวทะเลมุมสูงอย่างเพลิดเพลินใจ ฆีนยืนพิงกรอบประตูมองอย่างยิ้มๆ ก่อนจะเดินลงน้ำ ก้าวไปหาเด็กหนุ่ม
"ขอบคุณนะครับ พี่มีความสุขมากจริงๆ" ประชิดตัวเด็กหนุ่มพร้อมจูบขมับเอาใจคนรัก
ท็อปเอี้ยวตัวมองพลางยิ้มหวาน
"พี่ฆีนมีความสุข ท็อปก็ดีใจ ท็อปรักพี่ฆีนนะ รักท็อปมากๆด้วยล่ะ"
ส่งสายตาออดอ้อนเสร็จก็หันหน้ามาซุกซอกคอ มิวายลากจมูกคลอเคลียจนฆีนขนลุกทั่วร่าง
เขาต้องจับไหล่สองข้างของเด็กหนุ่มให้หยุดก่อน เพราะถ้าขืนท็อปทำต่อ ฆีนจะไม่ได้พูดความรู้สึกในใจออกไป จะกลายเป็นจับท็อปมาฟัดนัวเนียกลางสระว่ายน้ำเพราะทนไม่ไหวนี่แหละ
"ท็อปครับ อนาคตเป็นอย่างไรพี่ไม่รู้ แต่พี่จะทำวันนี้ให้ดีที่สุด จะรักและมีความสุขกับท็อปให้มากที่สุดนะครับ คนดีของพี่"
"น่ารัก"
"หืมม! คำว่าน่ารักต้องใช้กับท็อป ไม่ใช่ใช้กับพี่" ดุไปที ใช้คำว่าน่ารักกับฆีน เจ้าตัวถึงกับทำหน้าแหยง
จังหวะนั้นเอง...
ตึ่ง ตึ้ง
เสียงโทรศัพท์ดังขัดขึ้น ทำให้ท็อปรีบหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางริมสระมาเช็ดไม้ เช็ดมือ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู
"พี่ฆีน ดูนี่สิ พี่ดล พี่กั๊กมาเขียนแซวรูปคู่ที่ท็อปลงด้วย" ฆีนเดินไปหาคนรักพลางกดสายตาลงต่ำมองหน้าจอโทรศัพท์ กับข้อความแซวที่พี่ๆน้องๆที่ทำงานเก่าเข้ามาแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นหวานจนมดขึ้นบ้างล่ะ อิจฉาบ้างล่ะ คิดถึงทั้งสองให้มานัดรวมตัวสังสรรค์กันบ้างล่ะ
ข้อความเหล่านั้น ทำให้ทั้งคู่ตื้นตันใจที่อย่างน้อยก็ยังมีคนใจกว้างกับเรื่องพวกนี้อยู่เหมือนกัน
ลอบมองคนยิ้มแก้มปริ ก็สวมกอดท็อปจากด้านหลังพลางจูบซับหลังต้นคอเบาๆ ก่อนจะวางหน้าซบลงบนบ่าของคนรัก
กว่าจะผ่านอุปสรรคมามากมายได้จนถึงตอนนี้ ฆีนบอกเลยว่ามันคุ้มค่ามากๆ
ใบหน้าหล่อ จุดรอยยิ้มกว้างอย่างเก็บไว้ไม่อยู่
ฆีนไม่รู้จะอธิบายเป็นรูปธรรมได้อย่างไรถึงความรู้สึกที่เป็นอยู่ รู้แค่ว่ามันมีความสุขจนล้นอกอย่างบอกไม่ถูก
หรือความรู้สึกแบบนี้ใช่ไหม? ที่เขาเรียกว่า ...แฮปปี้ เอนดิ้ง... .........Happy Ending........
จบแล้วววว ...คงคิดถึงตัวละครของเรื่องนี้น่าดู และคงคิดถึงคนอ่านขาประจำและขาจร คิดถึงคนคอมเมนท์ที่มาแสดงความคิดเห็นกันไม่เคยขาด คุณรู้ไหมว่าพวกคุณคือกำลังใจของคนเขียนตัวเล็กๆคนนี้มากๆเลยล่ะ
กว่าจะเขียนเรื่องนี้จบ ชีวิตจริงก็อย่างกับในนิยายเลย สมหวังผิดหวัง มาจนท้อและนอยบ้างตามกาลเวลา 5555555
ขอบคุณมากๆค่ะ ที่อยู่ด้วยกันมาจนจบ เราจะพัฒนาการเขียนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ชอบไม่ชอบก็บอกกันได้นะ
หวังใจว่า จะมีนักอ่านประจำที่ชื่นชอบสไตล์การเขียนของเรานะคะ
ขอบคุณจริงๆ
riny riny