Sweet Dilemma - รักวิบัติ #14.2 แตงกวา (Update! 14/01/20)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #14.2 แตงกวา (Update! 14/01/20)  (อ่าน 62635 ครั้ง)

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #13 All I know (Update! 23/01/18)
«ตอบ #240 เมื่อ23-01-2018 21:18:21 »

ไรท์ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เราดีใจขนาดไหน  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: น้องพีพีคัมแบ็กสเตจสักที ฮือออออออออ จะร้องไห้  :hao5:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #13 All I know (Update! 23/01/18)
«ตอบ #241 เมื่อ24-01-2018 17:30:07 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ezi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #13 All I know (Update! 23/01/18)
«ตอบ #242 เมื่อ24-01-2018 23:53:38 »

เราอ่านเรื่องนี้แล้ว สนใจปรัชญาขึ้นมาทันทีเรย

น้องปอ บอกรักไปเลยลูกกก คนนี้ไม่รักไม่ได้แล้วนะน้องปอออ


คนเขียน สู้ๆ นะคะ เวลาจะทำให้ทุกๆ อย่างดีขึ้น
สัญญา ถ้าเรื่องนี้มีแบบเล่ม , แบบอีบุ๊ค เราจะซื้อทุกทางเรยย

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #13 All I know (Update! 23/01/18)
«ตอบ #243 เมื่อ25-01-2018 02:36:21 »

เป็นกำลังใจให้นะคะ รอติดตามผลงาน

ภูมิยอมรับตัวเองแล้ :katai2-1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #13 All I know (Update! 23/01/18)
«ตอบ #244 เมื่อ26-01-2018 22:45:07 »

เสียใจด้วยนะคะเรื่องคุณพ่อ
เราเป็นกำลังใจให้ในทุกๆ เรื่องนะคะ

ออฟไลน์ ifangza!

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #13 All I know (Update! 23/01/18)
«ตอบ #245 เมื่อ26-01-2018 23:08:42 »

เรารอ มาต่ออีกเร็วๆนะ

ออฟไลน์ memomeme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #13 All I know (Update! 23/01/18)
«ตอบ #246 เมื่อ11-02-2018 20:22:20 »

พึ่งเห็นว่ากลับมาอัพ ดีใจมากๆเลยค่ะ ก่อนอื่นเลยขอเป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆค่ะ ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี :D
ส่วนตอนนี้สงสารพีพีจัง คงปวดใจน่าดูเลย ปอนะปอ!! แต่ก็เข้าใจปอแหละ จะให้บอกก็คงจะไม่ได้ แต่ถ้าบอกว่าไม่มีดราม่าก็จะเชื่อตามนั้นเลยค่ะ5555 จะรอคอยตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ dino94

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #13 All I know (Update! 23/01/18)
«ตอบ #247 เมื่อ26-02-2018 15:46:20 »

เสียใจด้วยนะคะเป็นกำลังใจให้คนแต่งแล้วก็คุณแม่ด้วยค่ะ สู้ๆนะคะ
แล้วก็ดีใจที่กลับมายังไงก็จะรอนะคะ

ออฟไลน์ kail

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #13 All I know (Update! 23/01/18)
«ตอบ #248 เมื่อ07-08-2018 17:20:30 »

 :impress2:

ออฟไลน์ lykar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #13 All I know (Update! 23/01/18)
«ตอบ #249 เมื่อ07-08-2018 17:32:07 »

#14 โลกของแบบ



บ่ายวันนี้ปรนัยทำการยึดห้องภาคด้วยหนังสือสามกอง และชีตเรียนอีกปึกใหญ่ ช่วงเวลาครึ่งเทอมหลังทำให้รายงานมากมายถาโถมดั่งพายุ มือใหญ่หยิบโพสต์อิตที่เขียนสรุปงานขึ้นมา สองนิ้วนวดระหว่างคิ้วแบบเนือยๆ พลางจ้องมองลิสต์ลำดับต่อไปที่ขีดเส้นใต้ด้วยสีแดง

‘รายงานกรีก’

เขาคุ้ยหนังสือที่เกี่ยวข้องมาวางใกล้ๆ ก่อนจะเปิดดูเนื้อหาเพื่อเติมเต็มสมองอันกลวงเปล่า หากอ่านไปได้สองหน้า เสียงเรียกที่ไม่คุ้นเคยก็ดังแทรกเข้ามาเสียก่อน

"อ้าวเฮียไม่เข้าเรียนปรัชญาดนตรีเรอะ"

ร่างสูงหันไปตามเสียงนั้น ก่อนจะพบว่าเป็นไอ้ท่านขุนมนุษย์เด็กปี 2 ที่ไม่เคยญาติดีกันสักครั้งในชีวิต

"กูไม่ได้ลงตัวนี้" เขาตอบเนือยๆ ไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงเหมือนเคย

"หืออออ" ไอ้ห่าขุนลากเสียงยาว "ผมเห็นเฮียเรียนทุกคาบอะ"

"แค่ไปนั่งเล่นเป็นเพื่อนพี--” ปลายเสียงชะงัก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “แล้วนี่กูไปเป็นเฮียมึงตั้งแต่เมื่อไร??"

"ผมเพิ่งพิจารณาเลื่อนขั้นให้เฮีย" อีกฝ่ายทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม "มาคิดดูแล้วให้เฮียเป็นเฮียมันก็จะง่ายขึ้น"

"อะไรง่ายขึ้น?" คนถามพยายามฝ่าฟันบทสนทนาอันงุนงงนั้น

"ก็พีพี--" หนุ่มรุ่นน้องอธิบายได้แค่สองคำก็โดนเสียงเข้มพูดแทรกขึ้นมาก่อน

“ภูมิ”

ขุนเบ้ปาก “เออๆๆ ก็พี่ภูมิเป็นเหมือนน้องชายเฮีย ถ้าผมให้เฮียเป็นเฮีย เฮียก็จะได้เชียร์ผมบ้างไง"

"เมื่อปีหนึ่งมึงได้ลงเรียนตรรกวิทยามั้ย"

ไอ้ขุนตอบกลับด้วยสีหน้าแบบ 'ถามอะไรโง่ๆ' แต่ยังดีที่มันตอบว่า "เด็กปรัชญาก็ต้องเรียนทุกคนดิวะเฮีย"

"แล้วมึงไปเอาตรรกวิบัติๆ แบบนี้มาจากไหน!?"

"โธ่เฮี้ยยยย”

คนฟังสะดุ้ง “เสียงลงต่ำหน่อยก็ได้มั้ง”

 เด็กปีสองในเสื้อสูทที่ดูเหมือนอาจารย์มากกว่านักศึกษายิ้มแหย

“นั่นแหละ เฮีย... เฮียว่าพี่ภูมิจะชอบสไตล์ผมมะ” ถามพลางขยับเสื้อคลุมสีเข้ม

“สไตล์มึง?”

“ใช่ดิ ลุคแบบผู้ใหญ่ สไตล์อัจฉริยะ”

คนฟังเลิกคิ้ว “อัจฉริยะหรือคนบ้า กูว่ามึงลองทบทวนดูก่อน”

“เฮี้ยยยยยย!!!”

“โอ๊ยยย!! รำคาญโว้ยยย กูจะทำรายงาน ไป๊ๆๆ”

“จำไว้เลย เฮียแม่ง!” ไอ้ท่านขุนกระแทกเสียงก่อนเดินปึงปังออกไป

ปรนัยถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังความสงบมาเยือน ใบหน้าคมก้มลงอ่านหนังสือต่อ พลางขบคิดว่าเขาจะเอาตัวรอดจากรายงานฉบับนี้ยังไงดี



‘มึงว่าปรัชญากรีกกูควรทำรายงานเรื่องอะไรดีวะ’

สองอาทิตย์ก่อนเขาถามภาคภูมิเกี่ยวกับวิชาที่ฝ่ายนั้นเรียนไปแล้ว ส่วนเขาต้องมาเก็บตกในเทอมนี้ เพราะตอนที่เพื่อนๆ เรียนกัน ตารางดันชนกับภาษาอังกฤษที่เขาต้องเรียนซ้ำ

‘มึงเข้าใจคอนเซปต์ของนักปรัชญาคนไหนก็เลือกคนนั้นดิ’ ผู้มีประสบการณ์แนะนำ ‘อ.กรรณิการ์ชอบให้เขียนจากความเข้าใจ ลอกหนังสือไปแกให้ศูนย์หมด’

‘เหยดเข้!’ คนตกที่นั่งลำบากร้องลั่น ‘แล้วถ้ากูไม่เข้าใจเลยอะ’

คนฟังหันขวับ ‘ไปลงเรียนใหม่เลยมึง’

‘อย่าใจร้ายยยย’

ภาคภูมิส่ายหน้าด้วยความระอา ‘ส่งหลังมิดเทอมไม่ใช่เหรอ รีบๆ ทำได้แล้ว’

‘ช่วยกูคิดหน่อย นะ นะ นะ’

‘ไม่’ เสียงเรียบเอ่ยก่อนจะกลับไปสนใจการ์ตูนในมือเหมือนเดิม

   ถึงจะโดนเมินใส่ แต่สุดท้ายปรนัยก็ได้รับหนังสือเล่มนี้จากเพื่อนสนิท พร้อมโน้ตย่อทุกบทที่เจ้าตัวทำไว้ตอนเรียน ถ้ามีตำแหน่ง Best friend of the year เขาก็คงยกให้ไอ้ภูมิอย่างไม่ต้องสงสัย ...แต่แล้วเขาก็ดันทำท่าจะล้ำเส้นเฟรนด์โซนกับคนที่ดีต่อตนเองขนาดนี้เลยนะ!


   “ควายยยย”

   คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ต้องสะดุ้งกับเสียงตะโกนแหวกความเงียบ ซึ่งตัวละครใหม่ที่โผล่เข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นไอ้ชิง ไอ้ห่าชิง คนนี้นี่เองงงง

   “สัส!” ปรนัยตอบกลับอย่างเกรี้ยวกราด “ไม่มีเรียนหรือไง มากวนตีนกูกันจัง”

   ผู้มาใหม่ยักไหล่ โยนกระเป๋าลงกลางโต๊ะประชุมฝั่งที่ว่างอยู่

   เห็นท่าทางกวนอารมณ์แล้วคนมาก่อนก็ได้แต่จิ๊ปากอย่างขัดใจ

   “ทำไรวะ” ชิงชิงลากเก้าอี้ทำงานที่ไม่มีที่พักแขนมาต่อกันสามตัว แบบสมมติว่าเป็นเตียงนอน

   “รายงานกรีก”

   คนที่กำลังทิ้งตัวลงนอนร้อง “อ้อ” แล้วก็ไม่ได้สนใจไถ่ถามอะไรอีก

   เมื่อปอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีประเด็นพูดคุยอะไร จึงหันกลับมาสนใจรายงานของตัวเองต่อ มือหนาพลิกหนังสือไปเรื่อยๆ จนเจอกับหัวข้อหนึ่งที่รู้สึกคุ้นชื่อที่สุด

   ‘เพลโต’

   ตัวอักษรบนกระดาษโน้ตเขียนไว้ว่า ‘โลกของแบบ’ ปรนัยพยักหน้าหงึกๆ กับตัวเอง

   จริงๆ แล้วปรัชญากรีกเป็นวิชาที่ไม่ยาก เน้นศึกษาความคิดของนักปรัชญาโบราณที่เป็นรากฐานของปรัชญาตะวันตก โดยมากนักปรัชญาในยุคนี้ จะสนใจศึกษาเรื่องราวของธรรมชาติและโลกภายนอก โดยเฉพาะคำถามที่ว่า สิ่งที่ก่อกำเนิดโลกคืออะไร
 
   “ถ้าพูดถึง ‘โลกของแบบ’ มึงนึกถึงอะไร” ปรนัยโยนคำถามไปให้สิ่งมีชีวิตอีกคนที่เรียนวิชานี้ไปแล้ว

   ชิงชิงลืมตาขึ้น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกไปด้วยความมั่นใจ

   “เพลโต”

   คนรอคำตอบแทบจะสำลักน้ำลาย “โอ๊ยยยย ฉลาดจังโว้ยยย”

   “โห่! ผ่านมาปีนึงแล้วปะ” ชิงโวยวาย “ถามอะไรที่มันปัจจุบันๆ หน่อยดิวะ”

   “เช่น?”

   “เช่น ใครไปนั่งเรียนปรัชญาดนตรีเป็นเพื่อนไอ้ภูมิไรเงี้ย”

   “.............” ปรนัยเงียบ

   “แล้วเลือกไปถูกวันด้วยนะ วันนี้เค้าสอนเรื่องเพลงรัก” คนที่นอนเหยียดบนเก้าอี้ยังว่าต่อ “กูล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าคณะเภสัชนี่เค้าให้เด็กลงเรียนเทอมละกี่ตัว ทำไมมันดูว้างว่าง”

   มือหนาวางปากกาขณะหันไปสบตากับเพื่อนสนิท “แล้วมึงอะเรียนเทอมละกี่ตัว ทำไมมันดูว้างว่าง”

   “สึสสสสส!!!” สบถใส่ไอ้คนกวนอารมณ์ แล้วชิงก็กลับมาเอาจริงเอาจังกับการนอนเช่นเคย

   แม้จะแสร้งทำเป็นอ่านหนังสือ แต่ในสมองกลับไม่มีเนื้อหาของรายงานอยู่ในนั้นสักนิด เพราะเรื่องที่รบกวนปรนัยกลับกลายเป็นเรื่องเจ้าของหนังสือมากกว่า

   ...ไม่รู้ว่าแม่งเป็นคนฮอตตั้งแต่เมื่อไร ไหนจะคนบ้าที่มาประกาศตัวว่าจะจีบ ไหนจะคนเพี้ยนที่อุตส่าห์ไปนั่งเรียนด้วย อ่อ แล้วก็ยังมี... เพื่อนเหี้ยๆ ที่ทำท่าจะคิดไม่ซื่ออีกคน

น่ารำคาญจริงๆ ...โดยเฉพาะไอ้คนสุดท้ายเนี่ย!

   คิดอย่างหงุดหงิด ขณะพยายามโฟกัสที่หนังสือซึ่งมีไฮไลต์สีเหลืองขีดเน้นข้อความไว้เป็นระยะ



‘ความสนใจของเพลโตนั้นมุ่งสู่ “สิ่งที่เที่ยงแท้ไม่เปลี่ยนแปลง” ทั้งในธรรมชาติ ศีลธรรมและสังคม เพลโตเชื่อว่า ทุกอย่างที่จับต้องได้ในธรรมชาตินั้นเลื่อนไหล จึงไม่มีสสารใดที่ไม่เสื่อมสลาย ทุกอย่างที่อยู่ในโลกของวัตถุเกิดจากวัตถุที่จะเสื่อมไปตามกาลเวลา แต่ทุกอย่างนั้นล้วนถูกจำลองมาจาก “มโนคติ” (Ideas) หรือ “แบบ” (Form) ที่อยู่เหนือกาลเวลาเป็นสิ่งเที่ยงแท้และไม่เปลี่ยนแปลง’



   
   คนอ่านทวนข้อความด้านบนเป็นรอบที่สามก่อนจะถอนหายใจหนักๆ สมองไม่ปลอดโปร่งพอจะอ่านอะไรซับซ้อนแบบนี้เลย

“งงฉิบหายยย” สบถกับตัวเองอย่างท้อแท้ เมื่ออ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ ตารีมองเลยไปยังฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง “ชิง! สัสชิง!”

   คนถูกปลุกร้องอืออาขยับตัว แต่ตายังไม่ลืมขึ้น “ไรอีกกก”

   “ตื่น! มาอธิบายโลกของแบบให้กูฟังก่อน”

   “โว้ยยย” ชิงร้อง “ถามไอ้ภูมินู่นไป๊”

พูดจบคนง่วงก็คว้าหูฟังมาสวม แล้วจัดการเปิดเพลงจากมือถือตนเอง ประกาศตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างถาวร



-----------------------------------------------------



   ‘คุงคูคับ’

   ‘คุงคูคับ’

   ‘ผมมีเรื่องอยากจะถามคุงคูคับ’

   อยู่ๆ หน้าจอมือถือของภาคภูมิก็สว่างวาบด้วยข้อความที่ส่งมารัวๆ ดีที่อาจารย์หันไปเขียนไวต์บอร์ด เขาเลยได้จังหวะกดปลดล็อกหน้าจอแล้วอ่านมันเต็มๆ

   นิ้วเรียวพิมพ์อะไรอยู่สองสามคำพลางรีบกดส่ง หากแล้วคนในบทสนทนาก็ตอบกลับมาอีกแบบไม่ยอมจบ แม้คิ้วคนอ่านจะขมวดมุ่น แต่เรียวปากกลับยกยิ้มจนคนที่นั่งเรียนอยู่ข้างๆ ต้องทัก

   “อารมณ์ดีขึ้นทันตาเลยน้า ใครไลน์มาอะ” วินกระซิบกับคนที่กำลังกัดปากกลั้นรอยยิ้ม ก็เมื่อต้นชั่วโมงภาคภูมิยังทำหน้ายุ่งจนเขาแทบไม่กล้าคุยด้วย

   คนถูกทักกดปิดหน้าจอแล้วหันไปสนใจบทเรียนต่อ

   แม้เจ้าของมือถือจะไม่ตอบ แต่วินก็ตาเร็วพอจะเห็นชื่อคนอีกฝั่งของบทสนทนา ...ปรนัย
   

   ทันทีที่อาจารย์ปล่อยคลาส ภาคภูมิก็มุ่งตรงกลับภาคที่มีไอ้เด็กโข่งรออยู่ จริงๆ ข้อความจากปรนัยไม่มีอะไรมาก แค่ขอให้เขาอธิบายเรื่องที่มันต้องทำรายงานเฉยๆ แต่ด้วยความกวนอารมณ์ของมัน กว่าจะเข้าเรื่องได้ก็เกือบจบคาบนั่นแหละ ทำให้เขาต้องแอบเล่นมือถือในคาบเรียนแบบไม่เคยทำมาก่อน

   “ตอนแรกว่าจะชวนไปหาอะไรกิน แต่ดูแล้วภูมิคงไม่ว่าง” เด็กเภสัชที่ก้าวเดินอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น ภาคภูมิหันไปมองคนพูด ใบหน้าเล็กๆ มีสีหน้าประหลาดใจ หากก็กลับมายิ้มบางๆ เช่นเดิม

   “อ่า...โทษทีนะ เราต้องไปช่วยเพื่อนทำรายงาน แล้วเย็นนี้มีนัดเลี้ยงสายรหัสด้วย”

   “อ่าวเหรอ งั้นถ้าทำรายงานเสร็จแล้ว เราไปส่งมั้ย” คนพูดเอ่ยเสียงกระตือรือร้น

   “ไม่ต้องหรอก เราไปกับพี่รหัสน่ะ”

   “งั้นไปรับก็ได้นะ พี่เค้าจะได้ไม่ต้องวนมาส่ง”

   “เราไม่รู้จะเสร็จกี่โมง กลับเองคงสะดวกกว่า”

   “อ่อ...โอเค” นึกว่ารับคำไปแล้วจะจบ แต่วินก็ชวนคนที่กำลังรีบเดินคุยต่ออีก “นี่...นอกจากแก๊งปอแล้ว ภูมิมีเพื่อนกลุ่มอื่นอีกมั้ย”

   “ถ้าเป็นกลุ่มแบบแก๊งนี้เลยก็ไม่มีแล้วนะ อ่อ...มีเพื่อนมัธยมอีกกลุ่มนึง แต่พอแยกกันมาเรียนก็เลยห่างๆ กันไปแล้ว” อธิบายอย่างจริงจัง ก่อนจะถามกลับอีกฝ่ายบ้าง

   “แล้ววินล่ะ เห็นมาที่ภาคเราบ่อยๆ”

   “เอาจริงๆ นะ” เสียงทุ้มฟังดูจริงจังขึ้นมา “เราไม่มีเพื่อนที่สนิทจริงๆ เลย”

   “หืม...”

   “ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เราสนิทกับแฝดเรามาก เป็นทั้งน้องทั้งเพื่อน รู้ใจเราที่สุด เราเลยไม่มีเพื่อนสนิทคนอื่นๆ เลย” แววตาเหม่อลอยเหมือนคนพูดไม่ได้เอ่ยกับคนที่อยู่ตรงนี้ “พอแยกกันเรียนคนละมหา’ลัย เราเลยเหมือนตัวคนเดียว”

   “เฮ้ย...อย่าไปคิดงั้นสิ วินก็มีเด็กปรัชญาเป็นเพื่อนไง”

   ใบหน้าหล่อหันกลับมามองคนพูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง “เรารู้สึกโชคดีมากเลยที่วันนั้นเดินเข้ามาคุยกับอาจารย์ธารเรื่องพระพิฆเนศ ถ้าไม่กล้าคุยกับอาจารย์ เราก็คงไม่ได้รู้จักเด็กปรัชญาอย่างทุกวันนี้” เด็กเภสัชพรูลมหายใจยาวๆ
 
   มือเรียวตบบ่าเพื่อนเบาๆ “ถ้าอยู่กับใครแล้วสบายใจก็อยู่ไปเถอะ ไม่ต้องคิดมาก”

   “จริงๆ นอกจากแฝดเรา ก็มีอีกคนนะที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ…”

   ถ้อยคำลึกซึ้งถูกส่งผ่านจากเสียงทุ้มมายังคนที่เดินเคียงกันข้างๆ ภาคภูมิเงยหน้าสบกับดวงตากลมที่จ้องมองเขาอย่างเต็มไปด้วยความหมาย

   “อ่า... วินก็รีบสะสมเพื่อนใหม่ๆ ได้แล้ว จะได้มีคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจเยอะๆ” ภาคภูมิหัวเราะแบบไม่เต็มเสียงนัก “ยังไงเรารีบไปหาปอก่อนนะ มันรอนานแล้ว เดี๋ยวงอแง”

   ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับหรือปฏิเสธ ร่างโปร่งก็รีบสาวเท้าเดินไปยังห้องพักของภาควิชาทันที ในใจสับสนกระอักกระอ่วน เมื่อรู้แน่ชัดว่าสายตาจากเพื่อนต่างคณะมีอะไรแฝงมากกว่าความเป็นเพื่อน แต่เขาก็ไม่อาจตอบรับความรู้สึกนั้นได้ ต่อให้อีกฝ่ายเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน เขาก็คงไม่สามารถคิดอะไรไปเกินกว่านี้

   เพราะนอกจาก ‘คนที่ไม่ได้รักเรา’ แล้ว

    ‘คนที่เราไม่ได้รัก’ ก็เป็นอีกอย่างที่ไม่อาจเลือกเช่นกัน



---------------------------------------------



   “เอาแบบง่ายๆ ก่อนนะ รายละเอียดอื่นๆ ค่อยว่ากัน” ภาคภูมินั่งอยู่บนขอบโต๊ะประชุม ข้างกายคือปรนัยที่กำลังเท้าคางทำท่าคล้ายตั้งใจฟังอย่างยิ่ง แต่จริงๆ แล้วเจ้าตัวกำลังพยายามเก็บซ่อนรอยยิ้มตรงมุมปาก ที่มันคอยจะผุดขึ้นมาอยู่บ่อยๆ

   ปึ้ง!

   มือเรียวปิดหนังสือที่กางเต็มโต๊ะ หยิบไปวางเรียงบนกองเอกสารซ้ายมือ ขณะเอ่ยถามเสียงเรียบ “ที่ไอ้ชิงนอนทับนั่นอะไร”

   คนกำลังซ่อนรอยยิ้มถึงกับงุนงง แต่ก็ยอมชะโงกหน้าไปมองฝั่งตรงข้ามแล้วตอบคำถามนั้น “เก้าอี้”

   “อาฮะ” ภูมิหันกลับมา “แล้วที่มึงนั่งอยู่ล่ะ”

   “ก็เก้าอี้”

   “แล้วอันนั้นล่ะ” ปลายนิ้วชี้ไปที่เก้าอี้นวมตัวใหญ่ที่พนักพิงหัก ซึ่งถูกเนรเทศไปอยู่มุมห้อง

   “เก้าอี้”

   “มึงรู้ได้ไงว่าเป็นเก้าอี้”

   “อ้าว...” คนถูกถามร้องอย่างงุนงง “ก็มันเป็นเก้าอี้อะ มีที่นั่ง มีขา นั่งได้”

   “แต่ตัวนั้นนั่งไม่ได้นะ” เก้าอี้มุมห้องถูกชี้อีกครั้ง

   คนถูกย้อนถึงกับเงียบ

   “ตกลงมันเป็นเก้าอี้มั้ย”

   “....เป็น” อีกฝ่ายตอบในที่สุด “เก้าอี้ที่พัง ก็ยังเป็นเก้าอี้อะ”

   ภาคภูมิยิ้ม “ถูกต้องนะคร้าบ”

   เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนมองใจพังยิ่งกว่าเก้าอี้...

“แนวคิดเรื่อง ‘โลกของแบบ’ ก็คือเรื่องเก้าอี้นี่แหละ” คนสอนอธิบาย “คือเพลโตเชื่อว่ามีโลกอยู่สองโลก อันแรกคือโลกที่เราอยู่ อีกอันคือ ‘โลกของแบบ’ แล้วทุกอย่างที่อยู่ในโลกของเรา ก็ถูกจำลองมาจากโลกของแบบ แน่นอนว่าของเลียนแบบมันจะไปเหมือนของจริงเป๊ะๆ ได้ยังไง สิ่งต่างๆ ในโลกนี้เลยบูดๆ เบี้ยวๆ หน้าตาพิกลพิการไปบ้าง แต่ในขณะที่ ‘ต้นแบบ’ ในโลกของแบบจะ....”

   “สมบูรณ์?” เสียงทุ้มเติมคำในช่องว่าง

   “ใช่...สมบูรณ์ สวยงาม ดีงาม เป็นจริง” คนอธิบายตอบรับขณะเลือกหนังสือเล่มอื่นจากกอง “โลกของแบบก็เหมือนแม่พิมพ์...แม่พิมพ์ปั๊มคุกกี้ออกมาเป็นล้านๆ ชิ้น ถามว่ามีชิ้นไหนสวยงามสมบูรณ์ที่สุดมั้ย? ...ไม่ มันอาจจะมีคุกกี้ชิ้นที่กลมสวยเหมือนแม่พิมพ์เป๊ะๆ แต่มันก็ยังไม่ใช่ต้นแบบที่แท้จริง เพลโตเลยคิดว่า เราต้องเข้าถึง ‘แบบ’ ที่เที่ยงแท้และไม่เปลี่ยนแปลง แบบที่เป็นที่สุดของทุกอย่าง เป็น ‘ของจริง’ ไม่ใช่ของจำลอง”

   “คือกูเข้าใจที่เพลโตบอกนะ แต่ไม่ค่อยเข้าใจว่า เราจะต้องไปไขว่คว้าหาไอ้ ‘แบบ’ ที่ว่านั่นทำไม ในเมื่อเก้าอี้ในโลกนี้ก็นั่งได้ คุกกี้บิดๆ เบี้ยวๆ มันก็อร่อยดี”

   “มึงนี่มันมนุษย์ถ้ำจริงๆ”

ปรนัยคิดว่านั่นไม่ใช่คำชม จนกระทั่งภาคภูมิอธิบายจบ เขาก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่คำชมจริงๆ

   “เพลโตเล่านิทานเรื่องนึง เกี่ยวกับมนุษย์ที่ถูกจับมานั่งหันหน้าให้ผนังถ้ำ ทุกๆ วันจะมีคนคอยเอาสิ่งต่างๆ มาชูที่ปากถ้ำ แสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านสิ่งของพวกนั้นทำให้เกิดเป็นเงาบนผนัง มนุษย์ถ้ำทุกคนเลยได้ดูแต่เงาจนคิดว่ามันเป็นของจริง แล้ววันหนึ่งก็มีมนุษย์ถ้ำแหกคอกออกมาได้ และพบว่าดอกไม้ของจริง ต้นไม้ของจริงนั้นชัดเจนและสวยงามกว่าเงาลวงๆ บนผนังถ้ำตั้งเยอะ มนุษย์คนนั้นเลยกลับเข้าไปในถ้ำแล้วเล่าให้เพื่อนฟัง ...มึงว่าเพื่อนคนอื่นจะว่าไง”

   “หาว่าคนนั้นโกหก?”

   “ถูก นอกจากไม่เชื่อแล้ว พวกมนุษย์ถ้ำที่เหลือยังฆ่าคนคนนั้นทิ้งไปด้วย”

“โหดสัส!!”

“ในเมื่อมันมี ‘แบบของคุกกี้’ ‘แบบของเก้าอี้’ ที่สวยงามและชัดเจนกว่าบรรดาเงาที่มึงสัมผัสอยู่ในโลกนี้ มึงยังอยากจะหยุดความพอใจแค่ของก็อปปี้หรือเปล่าล่ะ”

“อืม...คงไม่”

   “นั่นแหละ เหตุผลที่เพลโตตามหาโลกของแบบ”

“เฉียบ!” คนฟังยกนิ้วโป้งให้

“นี่คือคอนเซปต์หลักๆ ถ้าเข้าใจเรื่องนี้ มึงก็อ่านเรื่องอื่นๆ ของเพลโตได้เองแล้วล่ะ” อาจารย์จำเป็นกระโดดลงจากโต๊ะ กางแขนบิดตัวเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยกับอีกคน “มึงรีบทำรายงานได้แล้ว กูไปล่ะ”

   “อ้าว ไปไหน”

   แทนคำตอบ ภาคภูมิหยิบกล่องของขวัญขนาดเท่าฝ่ามือขึ้นมา

   “วันเกิดหลานรหัสกู”

   “ที่?”

   “ชาบูดิป”

   “กูไปส่งมะ”

   “ทำงานไปเถอะ เดี๋ยวพี่ปีสี่มารับ” ขาเรียวเตรียมก้าวออกจากห้อง หากเสียงเรียกของเพื่อนสนิทก็ทำให้เขาชะงัก

   “พีพี”

คนถูกเรียกหันกลับไปมอง จึงได้เห็นแววตาระยับที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว “หืม...?”

“เสร็จแล้วโทรมานะ เดี๋ยวไปรับกลับหอ”

“...อื้ม ประมาณสามทุ่มนะ”

ปรนัยทำท่าตะเบ๊ะรับทราบ ภาคภูมิจึงหันหลังเดินออกมาพลางพยายามซ่อนรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาของตัวเอง



-------------------------------
   

(ต่อด้านล่างค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2018 17:42:16 โดย lykar »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #13 All I know (Update! 23/01/18)
« ตอบ #249 เมื่อ: 07-08-2018 17:32:07 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lykar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #13 All I know (Update! 23/01/18)
«ตอบ #250 เมื่อ07-08-2018 17:41:28 »

   สามทุ่มตรง ปอก็ได้รับข้อความจากเพื่อนสนิทว่ากินข้าวกับสายรหัสเสร็จแล้ว ร่างสูงยืดตัวบิดขี้เกียจ รู้สึกเมื่อยขบกับการนั่งทำรายงานเรื่องเพลโตมาเกือบหกชั่วโมง ตอนนี้ห้องภาคไม่มีมนุษย์ที่ไหนอยู่เลยสักคน ไอ้ชิงก็สะบัดก้นไปกับไอ้แก้วตั้งแต่หกโมงเย็น ทิ้งให้เขาเดียวดายในโลกของแบบแต่เพียงลำพัง

   ปรนัยเก็บของเรียบร้อยก็เตรียมเดินตรวจตราทุกห้องเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคนเหลืออยู่ เพราะเขาจะล็อกกุญแจประตูใหญ่ของภาคด้วย เสียงทุ้มฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีขณะก้าวไปเปิดห้องต่างๆ พลางนึกว่าจะชวนพีพีไปกินข้าวร้านไหนดี เพราะตอนนี้เขาหิวไส้จะขาดแล้ว

   ห้องอาจารย์สุกฤตเป็นห้องสุดท้ายที่เขาเดินผ่าน มือหนาเอื้อมมือจะเปิดเข้าไป หากแล้วก็เปลี่ยนใจชักมือกลับ เพราะรู้ดีว่านอกจากจะใช้เป็นห้องพักส่วนตัวของอาจารย์แล้ว ห้องนี้ยังเก็บเงินของภาคที่ใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆ ไว้ด้วย ปรนัยเลยไม่อยากมีปัญหา เกิดเงินหายขึ้นมาเขาก็ไม่อยากตกเป็นผู้ต้องสงสัย อีกอย่างวันนี้อาจารย์กฤตก็มีสอนที่วิทยาเขตอื่นด้วย ยังไงก็ไม่มีคนอยู่ในห้องอยู่แล้ว เมื่อคิดดังนั้นร่างสูงจึงเดินไปสับสวิตช์ไฟ แล้วจัดการล็อกประตูอย่างแน่นหนาตามความเคยชิน

   “ฮัลโหล กูออกจากภาคละนะ อีกสิบนาทีมายืนรอหน้าร้านเลย” โทรบอกอีกฝ่ายเรียบร้อย ปอก็ปั่นจักยานออกไปอย่างรวดเร็ว

   สิบนาทีไม่ขาดไม่เกิน คนที่บอกว่าจะมารับก็จอดรถเทียบอยู่หน้าร้านชาบู ภูมิโบกมือให้เพื่อนก่อนจะรีบวิ่งมาขึ้นซ้อนที่เบาะท้าย

   “ตัวเหม็น!” คนขี่ทำจมูกย่นเมื่อได้กลิ่นอาหารจากตัวเพื่อนสนิท

   “จริงดิ..” ภาคภูมิดึงเสื้อตัวเองขึ้นมาดม ก่อนจะทำหน้าเหยเมื่อพิสูจน์ได้ว่าเหม็นจริงตามที่อีกคนบอก “ฮื่อ...โคตรเหม็น! พากูไปส่งเร็วๆๆ”

   “ไปนั่งกินข้าวกับกูก่อน หิว”

   “โหย กูอายคนอื่น ไม่เอาอ่า” คนตัวเหม็นเริ่มงอแง ร้านข้าวในเวลานี้คนยังแน่นทุกร้าน ไม่ต้องคิดเลยว่าถ้าเดินเข้าไปทุกคนจะสาปแช่งเขาขนาดไหน

   “แป๊บเดียวๆ เดี๋ยวไปร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ก็ได้ คนไม่เยอะ”

   “เออๆๆๆ” รับคำแบบไม่เต็มใจนัก ขณะระวังไม่ให้ร่างตัวเองไปพิงเบียดคนข้างหน้า เพราะกลัวเพื่อนจะบ่นว่าเหม็นอีก

   หลังจอดรถหน้าร้านเรียบร้อย ปรนัยก็คว้าไหล่ภาคภูมิแล้วลากให้เดินไปนั่งโต๊ะด้วยกัน คนตัวเล็กกว่าพยายามขืนตัวออก แต่วงแขนของอีกฝ่ายก็รัดแน่นเกินจะสู้ไหว

   “อย่ามาโดนตัวดิ” เอ่ยเบาๆ เมื่อทำยังไงก็ไม่อาจสะบัดหลุดจากคนข้างๆ ได้

   ใบหน้าคมหันมาพลางเลิกคิ้วเป็นคำถาม “ทำไมอะ”

   “เดี๋ยวกลิ่นติดเสื้อมึงไง”

   แทนคำตอบ มืออุ่นกลับเลื่อนลงมาที่เอวแล้วรั้งร่างโปร่งของเพื่อนให้เข้ามาชิดกว่าเดิม

   “เชี่ยยย!!” คนโดนแกล้งอุทานเสียงลั่น

   “หึหึ”

   หัวใจที่เต้นถี่รัวทำเอาภาคภูมิสมองเบลอไปชั่วขณะ จนเมื่อมือหนักๆ กดไหล่ให้นั่งลงนั่นแหละถึงได้รู้สึกตัว

   “ไม่เล่นแบบนี้ดิ คนอื่นจะมองมึงไม่ดี” ดวงตากลมกวาดมองไปรอบๆ ร้าน ถึงคนจะไม่เยอะ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย

   “ไม่ได้เล่น...” ปลายเสียงเอ่ยแผ่ว จนคนตรงข้ามตรงถามซ้ำ

   “หือ?”

   “เปล่า...มึงอย่าไปคิดมากดิ”

   คนถูกกล่าวหาลอบถอนหายใจ ...ก็เพราะว่ากูคิดมาก แล้วมึงคิดน้อยนี่ไง กูถึงได้อาการหนักอยู่คนเดียว

   ปอลุกไปสั่งก๋วยเตี๋ยว ก่อนจะตักน้ำแข็งเปล่ามาสองแก้ว “เอาน้ำไร”

   “น้ำเปล่าก็ได้”

   เสียงตอบรับเจือความกังวลจนคนฟังรู้สึกได้

   “เป็นไรเปล่ามึง” แขนยาวๆ เอื้อมมาแตะหน้าผากขอคนตรงข้าม

   “เปล่า...แค่รู้สึกว่าตัวเหม็น ไม่มั่นใจ” ภูมิตอบไปอีกทาง

   “มานี่มา” มือหนาตบปุๆ บนเก้าอี้พลาสติกข้างตัวเอง

   “อะไร”

   “มานั่งตรงนี้”

   “ไม่เอา ทำไมต้องไปนั่งตรงนั้นด้วย”

   “ได้...” คนบงการเอ่ยเสียงเรียบ ในเมื่ออีกคนไม่ยอมลุก งั้นเขานี่แหละที่จะลุกไปนั่งข้างๆ เอง

   “เฮ้ยๆๆ อะไรของมึงเนี่ย! มานั่งเบียดกูทำไม” ภูมิโวยวาย สองมือผลักร่างคนตัวโตที่ย้ายมานั่งแถมทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้

   “กูอยากนั่ง ...อะ ก๋วยเตี๋ยวมาแล้ว มึงก็เลิกผลักซะที เดี๋ยวชนน้องเค้า” ปรนัยหมายถึงเด็กที่ยกชามก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ พอบอกอย่างนั้นคนข้างๆ เลยหยุดผลักเขาแต่โดยดี

   ภาคภูมิทำหน้าเซ็งขณะรอเพื่อนสนิทกินก๋วยเตี๋ยว แล้วไม่รู้เป็นบ้าอะไร อยู่ๆ ก็เกิดจะเป็นคนกินช้าเคี้ยวช้าขึ้นมา ทั้งๆ ที่ปกติมันซัดเอาๆ ไม่ถึงห้านาที

   “ขอทิชชู่หน่อย” คนกินบุ้ยปากไปยังกล่องทิชชู่ที่อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม แต่กลับแกล้งพูดให้อีกคนหยิบให้เสียอย่างนั้น

   “วันนี้มึงดูเพี้ยนๆ นะ” คนที่กำลังส่งทิชชู่ให้เพื่อนเปรยขึ้นอย่างหวาดระแวง

   “ยังไง?”

   ภูมิถอนหายใจ “มึงคิดว่าผู้ชายปกติจะมานั่งเบียดกันแบบนี้มั้ย”

   “...มึงไม่ชอบเหรอ” มือหนาวางตะเกียบลงกับขอบชาม

   น้ำเสียงหงอยๆ นั่นทำให้คนดุเริ่มใจอ่อน “คือ...กูรู้ว่ามึงไม่คิดอะไร แต่คนอื่นเค้าจะมองแปลกๆ มั้ยอะ”

   “ขอโทษ... กูเห็นมึงกังวลกับไอ้เรื่องตัวเหม็น ก็แค่อยากมานั่งใกล้ๆ ให้มึงไม่ต้องคิดมาก” ฝ่ามืออุ่นเอื้อมมาตบไหล่คนข้างๆ เบาๆ “ใครจะคิดยังไงก็ช่างแม่ง รู้แค่ว่ากูเป็นห่วงความรู้สึกมึงก็พอแล้ว”



   หลังจากก๋วยเตี๋ยวมื้อนั้น ปรนัยก็ปั่นจักรยานมาส่งเพื่อนสนิทตามสัญญา แต่จะเกินสัญญาอยู่หน่อยๆ ก็ตรงที่สารถีพาตัวเองขึ้นมาบนห้องของอีกฝ่ายด้วยนี่แหละ

   “มึงจะตามกูขึ้นมาทำไมเนี่ย” เจ้าของห้องกุมขมับ เมื่ออยู่ๆ ก็มีวิญญาณตามติดมาประหนึ่งชัตเตอร์

   “ขี้เกียจกลับหอ” ตอบหน้าซื่อก่อนจะเดินไปล้างมือล้างเท้าเรียบร้อย

   “พรุ่งนี้มีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ กลับไปได้แล้ว ไป๊ๆๆ”

   “ไม่เอา ขอเล่นด้วยก่อน” ปรนัยโหมดเด็กดื้อ ทำเอาภาคภูมิเหนื่อยอกเหนื่อยใจ

   “กูจะอ่านหนังสือ พรุ่งนี้มีควิซอิ๊ง”

   “งั้นกูทำรายงานต่อก็ได้”

   “ก็ไปทำที่ห้องดิ้”

   “ไม่เอา ไม่มีสมาธิ”

   การเถียงข้างๆ คูๆ ที่ดูจะทำให้เสียเวลามากกว่าเดิมทำให้ภาคภูมิยอมแพ้ เจ้าของห้องจึงทิ้งให้ไอ้คนเพี้ยนได้อยู่ในห้องตามที่มันต้องการ ส่วนตัวเองหนีมาอาบน้ำเพราะทนกับกลิ่นชาบูไม่ไหว ออกมาอีกทีก็เห็นปรนัยนั่งปักหลักอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวที่มันเคยใช้ พร้อมใบหน้าคมที่ดูเคร่งเครียดไม่เหมือนยามปกติ

   “เข้าสู่โลกของแบบอยู่เหรอ” เสียงใสเอ่ยถามขณะใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมไปด้วย

   กลิ่นหอมสดชื่นทำให้ปรนัยต้องเงยหน้าขึ้นมา แล้วหัวใจก็พลันกระตุกกับใบหน้าใสๆ ที่กำลังชะโงกมาดูรายงานของเขา “ชะ..ใช่”

   ตอบจบก็กระแอมไอด้วยความเคอะเขิน ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากได้ภาคภูมิเวอร์ชันคลุ้งกลิ่นชาบูมากกว่า เพราะรู้สึกว่าควบคุมตัวเองได้ยากเหลือเกินในยามนี้

   “ไปอาบน้ำก่อนมั้ย สมองจะได้แล่นๆ” ร่างโปร่งขยับไปนั่งบนเตียงพลางหยิบแว่นขึ้นมาสวม มือหนึ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเช็กอะไรไปเรื่อยเปื่อย โดยไม่ทันได้เห็นว่าอีกคนในห้องกำลังสมองมึนตึง หากไม่ใช่เพราะบทเรียนแต่อย่างใด

   “เออ กู...ยืมผ้าเช็ดตัวหน่อยนะ” แล้วแขกผู้มาเยือนก็หุนหันเข้าห้องน้ำไปทันที

   เมื่อผมแห้งดีแล้ว ภูมิก็ย้ายตัวเองมาที่โต๊ะเขียนหนังสืออีกตัวที่อยู่ข้างกัน มือเรียวกดเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ อย่างที่ชอบ แล้วหยิบชีตที่จะสอบพรุ่งนี้ออกมา เปิดเร็วๆ ดูเพื่อประเมินเวลาที่ใช้อ่าน เมื่อเห็นว่ามีไม่เยอะก็รู้สึกเบาใจ ตัวนี้เขาทำคะแนนเก็บกลางภาคได้ค่อนข้างดี เลยไม่ได้กังวลอะไรนัก แต่ยังไงก็อยากอ่านทวนไว้กันพลาด

    อ่านไปได้สักพัก เสียงสั่นครืดเบาๆ ก็ดังเข้าโสตประสาท ตอนแรกเขาคิดว่ามาจากเพลง แต่เมื่อเพลงใหม่เริ่มต้นเสียงนั้นก็ยังอยู่เหมือนเดิม ความประหลาดใจทำให้เจ้าของห้องเริ่มต้นหาที่มาของเสียงนั้น มือนิ่มจับยกของทุกอย่างพลิกนู่นพลิกนี่ดู เสียงสั่นนั่นก็ยังไม่หยุด เขาไล่มาเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็พบตัวต้นเหตุ ซึ่งอยู่ในกระเป๋าเป้ของปรนัย

   ไม่ทันที่ภาคภูมิจะหยิบออกมา ปลายสายก็ตัดไปก่อน เมื่อนั้นเขาจึงเห็นจำนวนสายที่ไม่ได้รับที่มากกว่า 10 สาย ความกังวลพุ่งตัวขึ้นมา หากก็ยังมีมารยาทพอที่จะไม่กดปลดล็อกดู กำลังจะตัดสินใจเรียกเจ้าของเครื่อง วัตถุในมือก็ดันสั่นขึ้นมาเสียก่อน

   ‘อ.กฤต’

   ชื่อที่บันทึกไว้แสดงอย่างนั้น ภาคภูมิจึงตัดสินใจกดรับ

   “สวัสดีครับอาจารย์”

   “ปอ...เอ่อ ภูมิ? ภูมิเหรอครับ”

   “ใช่ครับ พอดีปออาบน้ำครับ...” ตอบไปแล้วก็รู้สึกแปลกๆ กับประโยคบอกเล่าของตัวเอง หากปลายสายกลับมีน้ำเสียงร้อนรนตอบกลับมา

   “คือมีเด็กติดอยู่ในภาคคนนึง ผมรบกวนให้ไปไขประตูให้น้องหน่อยได้มั้ยครับ”

   “อ้าว!! ใครเหรอครับอาจารย์” ภาคภูมิตกใจไม่แพ้กัน เหลือบดูเวลาก็พบว่าห้าทุ่มแล้ว ไม่รู้น้องติดอยู่ตั้งแต่ปอออกมารับเขาเลยหรือเปล่า

   “แตงกวาครับ น้องปีหนึ่ง”

   “ครับๆ เดี๋ยวผมกับปอไปไขให้อีกไม่เกินสิบนาทีนะครับ”

   “ยังไงฝากอยู่เป็นเพื่อนน้องก่อนนะครับ ผมกำลังกลับไป อีกครึ่งชั่วโมงน่าจะถึง”

   เสียงร้อนรนนั้นทำให้ภูมิไม่กล้าถามอะไรมาก ได้แต่เปลี่ยนชุดแล้วไปเคาะเรียกเพื่อนให้กลับไปที่ภาคด้วยกัน



------------------------------------


   เขาสองคนไปถึงหน้าภาคในอีกไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ปรนัยรีบใช้กุญแจที่ซ่อนอยู่หลังป้ายภาคไขเข้าไปโดยเร็ว มือหนารีบสับสวิตช์ไฟขึ้น ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องพักอาจารย์สุกฤต

   ภาพที่ปรากฏแก่สายตา คือเด็กผู้ชายปีหนึ่งที่พวกเขาคุ้นหน้ากำลังนั่งตัวสั่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร

   “แตงกวา...” เป็นภาคภูมิที่เรียกชื่ออีกฝ่าย เพียงเท่านั้นเจ้าของชื่อก็วิ่งเข้ามาและโถมกอดเขาไว้แน่น รุ่นพี่ปีสามมีสีหน้าตื่นตะลึงขณะหันมามองหน้ากัน ปรนัยได้สติก่อนจึงยกมือขึ้นลูบศีรษะของรุ่นน้องเป็นเชิงปลอบใจ

   “ไม่เป็นไรนะ พวกพี่อยู่นี่แล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยหวังให้คนที่ถูกขังไว้ใจเย็นลง ทว่าแรงสะอื้นกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนพวกเขาคิดว่าไม่น่าปลอบไหว

   “มึง!” พีพีเรียกเพื่อนสนิทด้วยเสียงร้อนรน ก่อนจะทำมือส่งสัญญาณให้อีกคนโทรหาอาจารย์กฤต

   ปอหยิบมือถือออกมาและกดโทรกลับไปหาผู้เป็นอาจารย์อย่างรวดเร็ว สัญญาณดังไม่ถึงสองวินาทีปลายสายก็กดรับอย่างรวดเร็ว

   “ครับปอ”

   “อาจารย์ ผมอยู่กับแตงกวาแล้วนะครับ แต่ว่าน้อง...”

   “ช่วยเปิดสปีกเกอร์โฟนให้หน่อยครับ” เสียงเรียบๆ ทว่าอบอุ่นเอ่ย เจ้าของโทรศัพท์จึงรีบทำตาม

   “เปิดแล้วครับ”

   “แตงกวา ...แตงกวา นี่ผมเองนะ...” อาจารย์กฤตเรียกชื่อลูกศิษย์ตัวเองแผ่วเบา

   ร่างเล็กที่กำลังร้องไห้ค่อยๆ กลั้นเสียงสะอื้นลง พยายามตอบรับปลายสาย “ครับ...ฮึก...ครับอาจารย์”

   “ผมอยู่ตรงบิ๊กซีแล้วนะ อีกไม่เกินสิบห้านาทีก็ถึงแล้ว...”

   “ฮือ...ครับ...”

   “ผมซื้อแซนด์วิชไปฝากด้วยนะ ไส้ปูอัด กวาหิวหรือเปล่า”

   “หิว...หิวครับ”

   “งั้นอยู่กับพี่ปอพี่ภูมิก่อนนะ ไม่ร้องไห้แล้วนะ ยิ่งร้องยิ่งหิวนะรู้มั้ย”

   “ผมไม่..ฮึก..ร้อง...ไม่ร้องแล้ว..ครับ”

   “เก่งมากครับ งั้นรอผมเดี๋ยวเดียวนะ” บอกกับเด็กน้อยเสร็จ อาจารย์กฤตก็เปลี่ยนมาพูดกับเจ้าของโทรศัพท์ต่อ “ปอครับ ผมขอคุยด้วยหน่อย...”



   เสียงรถยนต์อันคุ้นหูทำให้แตงกวาที่นั่งสะอื้นอยู่ในห้องรีบลุกขึ้น ไม่นานหลังจากนั้น ร่างสูงโปร่งของอาจารย์กฤตก็เปิดประตูเข้ามา ภาคภูมิกำลังจะยกมือไหว้ แต่ช้ากว่าเด็กปีหนึ่งที่พุ่งเข้าไปกอดผู้มาใหม่ไว้แน่น

   “ไม่เป็นไรแล้วนะกวา” ฝ่ามือใหญ่ลูบแผ่นหลังของร่างเล็กๆ ที่กอดตนเองอยู่ ก่อนจะหันมาพูดกับนักศึกษาอีกสองคน “ขอบคุณปอกับภูมิมากนะครับ”

   แตงกวาที่ยืนซุกอยู่หลังอาจารย์ค่อยๆ ยกมือขึ้นไหว้รุ่นพี่ทั้งสองคน ใบหน้าเล็กยังเปรอะไปด้วยน้ำตา แต่แววตาดูไม่ได้หวาดกลัวเหมือนก่อนหน้านี้

   “ผมคือคนล็อกประตูห้องภาคเองแหละครับ คิดว่าในห้องอาจารย์ไม่มีคนอยู่ ขอโทษด้วยนะครับ” ปอบอกก่อนจะหันไปพูดกับรุ่นน้อง “พี่ขอโทษอีกทีน้าา”

   คนถูกลืมไว้ในห้องภาคส่ายหัวระรัว “ผมขอโทษ...ผมเผลอหลับไปครับ”

   แววตาสำนึกผิดที่สะท้อนออกมาทำให้ปรนัยรู้สึกสงสาร และไม่อยากให้ใครต้องมาขอโทษใครอีก

   “งั้นเรากลับกันเลยมั้ยครับ”

   “ปอกับภูมิมายังไง ให้ผมไปส่งมั้ย” อาจารย์กฤตเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงมาดึกมากแล้ว

   “ไม่เป็นไรครับๆ เดี๋ยวพวกผมกลับกันเองดีกว่า”

   “โอเคครับ งั้นปอกับภูมิกลับกันก่อนเลยนะ เดี๋ยวผมปิดภาคเอง”


   
   เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ตอนที่ปรนัยปั่นจักรยานกลับมาตามถนนเส้นเดิม ไดคัทป้ายพี่ตูนบอดี้สแลมยังตั้งอยู่ที่เก่า  เช่นเดียวกับที่มีคนคนเดิมซ้อนจักรยานเขามาด้วย แม้อากาศจะเย็นลง แต่มือนิ่มๆ ของภาคภูมิที่เกาะไหล่อยู่ก็ทำให้เขาอบอุ่นใจอย่างประหลาด

   “น่าสงสารน้องมันเนอะ ถูกพ่อทารุณถูกขังจนฝังใจ” คนซ้อนเปรยขึ้นเบาๆ หลังรู้เรื่องราวที่อาจารย์กฤตเล่าให้ปรนัยฟัง

   “ดีแล้วที่จารย์กฤตช่วยดูแล”

   “อาจารย์คงห่วงมาก ขับรถกลับมาจากกรุงเทพฯ เลย”

   “ก็คงงั้น” คนขี่จักรยานรับคำขณะบังคับรถให้เลี้ยวเข้าประตูหอพักของภาคภูมิอย่างเคยชิน “นี่มึงจะอ่านหนังสือต่อเปล่า”

   “คงอ่านแหละ ยังไม่ง่วง แล้ว...มึงจะกลับเลยมั้ย”

   “ไล่กูอีกละ เออๆ ถ้าอยากให้กลับเดี๋ยวกู...”

   “นอนห้องกูก็ได้” เจ้าของห้องเอ่ยแทรกขึ้นมา “...เดี๋ยวช่วยดูรายงานเพลโต”


   โลกของแบบที่เพลโตพูดไว้ก็คงดี
   แต่ปรนัยอยากอยู่ในโลกใบนี้มากกว่า : )




TBC.

Welcome to my world (of forms) ค่าาา
ก้มกราบทุกคน สำนึกผิด เตรียมหลังมาให้ลงหวาย!!
ขนาดเล้าเป็ดยังเตือนว่ากระทู้ไม่มีความเคลื่อนไหวมากว่า 90 วัน เอ็งจะยังโพสต์มั้ย
ฮืออออออออออ

ลงทัณฑ์บัญชาแล้วก็ขอให้อ่านนังปอกับพีพีอย่างรื่นรมย์นะคะ
ตั้งใจเขียนมากๆ เป็นอีกตอนที่อยากเล่า อยากสอดแทรกอารมณ์ความรู้สึกของทุกๆ คนไว้
ส่วนใครงงเรื่องเพลโตก็ไม่เป็นไร เพราะคนเขียนก็งง!
งงมาตั้งแต่ตอนเรียน พอจะเอามาเขียน ต้องให้เพื่อน (ที่ตอนนี้เป็นอาจารย์) อธิบายให้ฟังอีกรอบ
ถ้าใครสนใจอยากอ่านเพิ่มเติม ลองไปหาอ่านกันได้
แนะนำให้เริ่มจากหนังสือเรื่อง "โลกของโซฟี" แล้วค่อยไปอ่านเล่มอื่นๆ จะเข้าใจมากขึ้นค่ะ

อ่านแล้วอยากไปเมาท์ในทวิตเตอร์ รบกวน #SweetDilemmaFiction ให้หน่อยนะคะ

ปล. ตอนหน้าพบกับอ.กฤตและแตงกวานะค้า
กำเส้นศีลธรรมให้แน่น แล้วเจอกัน!!


***มาเพิ่มเติมว่าจะมีพาร์ทพิเศษลงในเพจนะคะ ยังไงฝากติดตามด้วยค่ะ***
https://www.facebook.com/lykarfanpage/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2018 00:34:31 โดย lykar »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #13 All I know (Update! 23/01/18)
«ตอบ #251 เมื่อ07-08-2018 17:43:01 »

ไรท์ หายไปไหน  ไม่สบายหรือเปล่า   :mew2: :mew2: :mew2:

หายดีแล้วมาต่อนะ  คิดถึงนิยายดีๆ เรื่องนี้มากกกกกกกกกกกก   :z3: :z3: :z3:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lykar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #13 All I know (Update! 23/01/18)
«ตอบ #252 เมื่อ07-08-2018 17:48:44 »

ไรท์ หายไปไหน  ไม่สบายหรือเปล่า   :mew2: :mew2: :mew2:

หายดีแล้วมาต่อนะ  คิดถึงนิยายดีๆ เรื่องนี้มากกกกกกกกกกกก   :z3: :z3: :z3:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


เรารีพลายชนกันหรือเปล่าาาา เพิ่งอัพตอนที่ 14 ไปเมื่อกี๊ ไม่แน่ใจว่าเห็นมั้ย กลับมาดูก่อนน้า
แต่หายไปนานจริง ขอโทษจริงๆ ค่า พยายามปรับปรุงตัว ไม่หาย ไม่ดองน้าาา

ออฟไลน์ sunshine538

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
กำลังคิดถึงปอกับพีพีเลยค่ะ มาพร้อมเพลโต และความฟินพอกรุบกริบๆ  :hao3:

อ่านไปก็สงสารท่านขุน คุณวิน ผู้ที่ต้องอกหักแน่ ๆ สงสารน้องแตงกวาที่ถูกขังลืมแบบมืด ๆ (มันน่ากลัวจริง ๆ น้า) และสงสารปอ ผู้รู้ตัวและต้องอยู่ใกล้ชิดกับพีพีอย่างเปี่ยมสุขปนทุกข์ทรมาณ 555

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :call:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
นี่ต้องอ่านชื่อเรื่องอีกรอบนึง
กลับมาแล้ว ดีใจ ดีใจจัง ฮือออ จะไม่ทิ้งกันไปอีกใช่ไหมมม :sad4: :sad4:

มาให้กอดทีค่ะ ฮืออออ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หายไปนาน พอกลับมาก็ทำให้หายคิดถึงตอนเขามุ้งมิ้งกันนี่แหละ
รอตอนต่อไปน้าาา
 :really2: :really2:

ออฟไลน์ Aeflizm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ลั่นบ้านเลยค่า คิดถึงมากกกกกกก

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
โอ๊ยยยยย ดีใจที่กลับมาเจอกันนะคะไรท์เตอร์ คิดถึงมากๆๆๆ จริงๆ นะ
ขอบคุณที่ทำให้เราเข้าใจเพลโตมากขึ้นค่ะ อธิบายได้เข้าใจง่ายมากๆ
ชอบความแอบยิ้มของพีพีในตอนนี้ หุหุ

แง ขอบคุณค่ะ ที่ทำให้เรายิ้มได้

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ปอกับพีพีหยุดเรียนไปนาน เพื่อนเขาเลื่อนชั้นกันหมดแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ YouandMe

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
อยากบอกให้รู้ว่าเค้าเกือบลืมเนื้อเรื่องไปแล้วววววว   :mew4:
ใครคือปอ ใครคือพีพี เค้าจำไม่ได้แล้ววววว  :z1:

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ฮื่อดีใจกลับมาอัพต่อแล้ววคิดถึงมากๆเลยค่ะ
ต้องกลับไปอ่านเนื้อเรื่องใหม่อีกรอบเพราะลืมเนื้อเรื่อง5555555
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
แทบกรี๊ดคือล่าสุดเพิ่งทวิตไปว่าอยากอ่านต่อ อย่าหายไปอีกนะคะ; - ; แงงงงงงง //กระโดดกอดวิน

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เราเพิ่งรู้ข่าวตอนทอล์ค คนเขียนสู้ๆนะคะ เราเป็นกำลังใจให้ค่ะ มีเวลาจริงๆค่อยมาลงต่อก็ได้ เราอ่านวนเอา รักน้องพีพีเหมือนเดิม  :mew1:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
น้องแตงกวาของพี่


โอ๋เอ๋นะคะ



ออฟไลน์ チイ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เราอ่านไปแค่อินโทรนิดเดียวและก็ทิ้งไว้จนลืมพอเห็นว่าคนเขียนมาอัพต่อ
ก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าเรายังไม่ได้อ่านสักตอนแต่ดีใจที่กลับมานะคะ

แอบเห็นชื่อตอนล่าสุดก็งงนำไปก่อนแล้วตอนอ่านโลกของโซฟีเราไม่เคย
เข้าใจตาลุงเพลโตนี่เลยอ่านไปงงไป555555555
แวะมาเม้นก่อนไปอ่านตอนแรกอีกค่ะดูความตื่นเต้นนี้เถอะ:)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปอ แน่ใจตัวเองแต่ไม่กล้าสารภาพ 
ที่จริงเป็นเพราะความกลัว ที่มีมากน้อยแล้วแต่คน
นี่เป็นพื้นฐานของมนุษย์ส่วนใหญ่สินะ  แหะๆ......เริ่มมีปรัชญาปนๆเข้ามาและ  :laugh:

ถ้าสารภาพไป ดูเหมือนจะจบ
แต่ก็กลัวจะแตกหัก ไม่เหมือนเดิม  :serius2:
มันเลยไปต่อไม่ได้ สารภาพให้จบๆไปดีกว่านะ
เพื่อนรักนะไม่ใช่คนไม่รู้จัก จะได้ขาดกันจริงๆ
นี่ไงคนเล่น กับคนนอกวง เลยมองขาด (เพราะไรท์แหละ)

ปรนัย  ภาคภูมิ    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ チイ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไปอ่านมาแล้วแบบนอนสตอป14ตอนรวดเรียนที่นี่เหมือนกันพอมาอ่านแล้วบรรยากาศ
มันพาไปดีค่ะไม่เคยมาร่วมพิธีกรรมในเรื่องสักครั้งคือติดเรียนตลอดแต่งสนุกน่าติดตาม
จริงๆนะคะหยุดคลิ๊กหน้าต่อไปไม่ได้5555เรื่องปรัชญาต่างๆที่แทรกไว้ในเรื่องก็น่าสนใจ
ทีเดียวนังปอเป็นคนกากที่น่าเอ็นดูดีนะคะ(กัดฟัน)พีพีคือน้อนนนอ่ะอยากฟัดให้จมอก
คือลุ้นแค่ว่าเมื่อไรเค้าจะกล้าเผชิญหน้ากันเท่านั้นเองค่ะชิงคือตัวแทนชาวเรารึป่าว
เหมือนจะรู้อะไรดีๆแต่แค่ไม่พูดเท่านั้นเอง

ในส่วนของอาจารย์กับลูกศิษย์นั้นมันกร๊าวใจจริงๆค่ะทับใจมั่กมากแล้วไอ้เส้นศีลธรรม
ที่ว่านั่นเราเคยมีกันด้วยหรอคะผ่าใจกันดูมีแต่ s i n s ใช่อันเดียวกันมั้ยคะ:P

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
สนุกอ่าาาาาา
รอตอนต่อไปน๊าาาา :katai5:

ออฟไลน์ kimmiew112

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากเลยค่ะ บรรยายดีมากๆรู้สึกว่าตัวละครเรียนในมหาลัยอยู่จริงๆตัวเอกก็มีคาแรกเตอร์ คำพูดคำจาทำให้จินตนาการขฝออกเลยค่ะ แล้วก็เป็นภาษาพูดที่เด็กสมัยนี้พูดกันจริงๆค่ะ อินมากกเลย
มาอัพบ่อยๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด