[เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)  (อ่าน 97554 ครั้ง)

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เพิ่งมาตามอ่านค่ะ
สงสารกอดอนมาก
ขอให้อย่าจบเศร้ามากเลยนะคะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ยังไงก็เกลียดนังมารร้าย  :fire: :angry2:    ชังนางมากกกกกกกกกก   :m16: :m31:
นางเป็นอะไรกับจอห์น ถึงจะไปกำหนดว่าใครสมควรที่จอห์นชอบได้ รักได้
แค่ขัดใจนาง นางก็ทำร้ายคนแบบตายไปเลยก็ไม่รู้สึกรู้สา เหี้ย(ม) โหด อำมหิตมากๆ.......
ยังทำเป็นคนมีอุดมการณ์แบบเท่าเทียมกัน  ดีแต่ปากละว้า  :z6: :a5: o22 
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ขอบคุณที่ตอบค่ะ   

ส่งกำลังใจให้นะคะ เราชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ


อเล็กซี่ถามคนอื่นเอาหลังโดนแคทเธอรีนไล่ไปค่ะ


อืม แพทริกก็รู้เห็นแต่ไม่ห้ามเนอะ 

การแบ่งแยกชนชั้นในสมัยก่อนช่างโหดร้าย

นี่เราว่าจอห์นใจดีมากแล้วนะที่ไม่จัดการแพทริกหนักกว่านี้

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
ขอบคุณที่ตอบค่ะ   

ส่งกำลังใจให้นะคะ เราชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ


อเล็กซี่ถามคนอื่นเอาหลังโดนแคทเธอรีนไล่ไปค่ะ


อืม แพทริกก็รู้เห็นแต่ไม่ห้ามเนอะ 

การแบ่งแยกชนชั้นในสมัยก่อนช่างโหดร้าย

นี่เราว่าจอห์นใจดีมากแล้วนะที่ไม่จัดการแพทริกหนักกว่านี้
จัดการแบบผู้ดีค่ะ นี่ถ้าตอห์นเป็นชาวบ้านชาวช่องคงต่อยหน้าบวมไปล่ะค่ะ ปล.สมัยก่อนน่าจะแบ่งแรงค่ะ แบบที่กอร์ดอนไปยืนในงานแล้วหายใจไม่ออกต้องรีบออกมา จอหฺนนะจอห์น

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่44 คำขอโทษ

   กอร์ดอนตื่นมาอีกครั้งในเช้าวันรุ่งขึ้น ยังคงรู้สึกปวดระบมไปทั่วร่าง ดีที่มือของเขาไม่เป็นอะไรมากนัก คงเพราะเขากำเอาไว้ นิ้วเลยไม่ได้ถูกตีไปด้วย ช่างตัดเสื้อยันตัวขึ้นมาแล้วตะโกนเรียกเด็กรับใช้ ไม่นานเดวิดก็เปิดประตูเข้ามา

   “อรุณสวัสดิ์ครับมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก อาการคุณเป็นไงบ้างครับ”

   “ก็ดี ไปเอาสมุดจดคิวมาให้ฉันที”

   “ได้ครับ”

   ไม่นานเด็กหนุ่มก็กลับมาพร้อมกับสมุดบันทึกที่อัดแน่นไปด้วยกระดาษแผ่นเล็กหลายชิ้น กอร์ดอนเปิดหน้าที่ใช้ริบบิ้นคั่นขึ้นมา แล้วเงยขึ้นถามเดวิดเรื่องเสื้อที่เย็บค้างไว้

   “งานที่คุณสั่งส่วนของวันเสาร์เสร็จหมดเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ทุกคนตกใจน่าดูที่คุณได้รับบาดเจ็บมา เลยช่วยๆ กันเคลียร์งานจนเสร็จ คุณจะลงไปตรวจดูรึเปล่าครับ”

   “อือ หยิบไม้เท้าให้ฉันหน่อยสิ”

   เดวิดหยิบไม้เท้ามาให้ และช่วยพยุงกอร์ดอนลงไปชั้นล่าง

   “วันนี้วันอะไร วันอาทิตย์หรือ”

   “ครับ เมื่อวานคุณหลับไปทั้งวัน มิสซิสมาร์ธาเลยต้มข้าวโอ๊ตเผื่อไว้ให้คุณเช้านี้ วันนี้เดี๋ยวสายๆ เธอจะแวะเข้ามาครับ”

   “ขอบใจนะ” กอร์ดอนพูด อาการปวดร้าวตามร่างกายทำให้เขาหน้าเหยเกทุกครั้งที่ขยับตัว ในที่สุดเขาก็ไปถึงห้องตัดเย็บที่อยู่ชั้นล่าง กอร์ดอนตรวจงานที่ช่างในร้านเย็บไว้ พยักหน้าด้วยความพอใจ

   “วันนี้ฉันคงไม่ไปโบสถ์” กอร์ดอนว่าขณะเดินมาที่โต๊ะอาหาร เดวิดที่กำลังอุ่นข้าวโอ๊ตพูดตอบเขา

   “ขนาดเดินคุณยังทำหน้าเบี้ยวขนาดนั้น ผมว่าไม่ไปโบถส์น่ะดีแล้วครับ คนจะถามเอาเปล่าๆ”

   “นั่นสินะ”

   “ว่าแต่คุณจำไม่ได้จริงๆ หรือครับว่าไปเจออะไรมาถึงได้เจ็บหนักขนาดนี้”

   “อือ”

   เดวิดทำหน้าประหลาดใจ “แล้วคุณไม่นึกจะอยากรู้เลยหรือครับ”

   “ไม่ล่ะ” กอร์ดอนว่า “มันต้องเป็นเรื่องน่ากลัวมากแน่ โชคดีที่ลืมแล้ว จะพยายามกลับไปจำมันทำไม”

   “ก็ถูกของคุณนะ แต่... ฮึ้ย ผมโมโหนี่นา ใครนะใจดำทำลงไปได้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดจอร์จ รวมถึงมิสเฮเก้นต์คนนั้นก็โกรธมากเหมือนกัน”

   “หืม แอนรู้เรื่องนี้หรือ”

   “รู้สิครับ เธอมาที่นี่พร้อมกับเพื่อนๆ ของลอร์ดโทรว์บริดจ์ แถมยังอยู่ดูแลคุณจนถึงช่วงเย็นของเมื่อวานแน่ะ”

   “จริงสินะ... ฉันพอจำได้ลางๆ ล่ะ คิดว่าฝันไปเสียอีก”

   “ดีนะครับที่คุณไม่ได้ลืมไปเสียหมด ไม่งั้นล่ะก็แย่แน่ๆ”

   “ใช่ แย่แน่ๆ” กอร์ดอนว่า “ตารางส่งงานของวันจันทร์น่ะทันอยู่หรอก แต่ของวันอื่นๆ นี่สิ งานของเซอร์จอร์จเลื่อนได้ เขาไม่รีบ แต่ของมิสเตอร์อาเธอร์ต้องส่งภายในวันพฤหัส ฉันคงต้องจัดตารางงานใหม่ เพราะสภาพนี้คงทำงานได้ไม่เต็มร้อยแน่”

   “คุณพักหน่อยก็ได้ครับ สภาพคุณเป็นแบบนี้แล้ว”

   กอร์ดอนถอนหายใจ “มันเป็นความรับผิดชอบน่ะ แต่ฉันจะทำเท่าที่ทำไหวนั่นแหละ ไม่ฝืนตัวเองหรอก แล้วนี่เธอจะกลับบ้านกี่โมง”

   “เรื่องนั้นไม่ต้องแล้วครับ” เดวิดว่า “เมื่อวานลอร์ดโทรว์บริดจ์ให้กรุณาให้ผมส่งโทรเลขไปบอกแม่แล้ว เพราะงั้นวันนี้คุณเรียกใช้ผมได้เต็มที่เลยครับ”

   กอร์ดอนยิ้มออกมา หลังจัดการมื้อเช้าเสร็จ เขาก็ไปนั่งพักที่เก้าอี้ข้างหน้าต่าง ทว่าอาการปวดนั้นทวีมากขึ้นจนยากจะทน โชคดีที่มิสซิสมาร์ธามาพอดี เธอจึงผสมยาแก้ปวดให้เขาดื่ม แล้วพาช่างตัดเสื้อกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้อง กอร์ดอนผล็อยหลับไปด้วยฤทธิ์ยา เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นาฬิกาก็บอกเวลาบ่ายโมงกว่าเข้าไปแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจเสียยิ่งกว่า ก็คือกุหลาบฟาเบียนกาช่อใหญ่ที่จู่ๆ ก็มาปรากฏอยู่ภายในห้อง เขาตะโกนเรียกเดวิดทันที

   “ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาหรือ”

   เดวิดสั่นศีรษะ แล้วพูดขึ้น “คุณคงหมายถึงช่อกุหลาบนั่น ร้านดอกไม้เอามาส่งให้ครับ ไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนสั่ง แต่ผมเดาว่าต้องเป็นท่านลอร์ดนั่นแหละ”

   “อ้อ...”

   “นี่แค่ครึ่งเดียวนะครับ มิสซิสมาร์ธากำลังหาแจกันมาใส่ส่วนที่เหลือ ผมว่าถ้าวันนี้ร้านขายแจกันเปิด เธอคงออกไปซื้อมาเพิ่มแน่ๆ”

   กอร์ดอนอ้าปากเหวอ ก่อนจะยิ้มออกมา “เขาไม่คิดเรื่องนี้บ้างเลยหรือไงเนี่ย”

   “จริงๆ ผมยังคิดว่าเดี๋ยวสักพักร้านแจกันจะมากดออดเลย ท่านลอร์ดไม่น่าลืมได้”

   “พอเถอะ ฉันไม่ได้อยากให้เขานึกได้จริงๆ หรอก”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาปรากฏตัวที่ร้านช่วงสายของวันรุ่งขึ้น เขาตรงขึ้นมาเยี่ยมกอร์ดอนถึงในห้อง

   “โอ้ ยอดรัก อาการคุณเป็นไงบ้าง”

   “ดีขึ้นแล้วล่ะครับ เมื่อวานนี้ผมเอาแต่นอนท่าเดียว”

   “ดีขึ้นก็ดีแล้ว ผมเอาสีผึ้งทาแก้ปวดมาให้ อ้อ ผมสั่งแจกันให้มาส่งแล้วนะ สักพักน่าจะมาถึงแหละ”

   “นี่เดวิดบอกคุณหรือครับ เรื่องแจกันน่ะ”

   “เปล่า จริงๆ ผมอยากให้มาส่งเมื่อวานพร้อมกุหลาบนั่นแหละ แต่ลูกน้องที่ร้านหยุด เลยต้องขนมาส่งวันนี้แทน”

   “คุณนี่... จริงๆ เลย” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่กอร์ดอนก็อดยิ้มไม่ได้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง

   “ขอโทษนะกอร์ดอน ถ้าไม่ใช่เพราะความดึงดันของผม คุณก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้”

   “อย่าพูดงั้นสิครับ ไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย ผมไม่ดูตาม้าตาเรือเอง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจใหญ่ กอร์ดอนจึงพูดขึ้นต่อ “ว่าแต่ลอร์ดแมกซ์หายดีแล้วหรือครับ”

   “อืม สัปดาห์นี้เขาคงลงซ้อมได้แล้วล่ะ จริงสิ ผมพาเด็กรับใช้ชั่วคราวมาให้คุณ ระหว่างที่คุณป่วยอยู่นี่ ก็เรียกใช้เขาให้เต็มที่เลยนะ”

   “หา” กอร์ดอนร้องออกมา ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่งให้เดวิดเปิดประตู

   “เดวิด พาเด็กรับใช้คนใหม่เข้ามาซิ”

   กอร์ดอนแทบจะกระโดดขึ้นจากเตียง “นั่นมันเซอร์เจเรมีไม่ใช่หรือครับ”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดยืนอยู่ที่ประตู แต่ไม่ได้เข้ามาในห้อง เจ้าตัวมองเขาแล้วพูดขึ้น

   “อาการเป็นไงบ้าง มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก”

   “ค่อยดีขึ้นแล้วครับ” กอร์ดอนว่า เขาหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ “นี่คุณคงไม่ได้หมายถึงเขาใช่ไหม”

   “ใช่ เขานั่นแหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า และพูดต่อโดยไม่ปล่อยจังหวะให้ใครพูดแทรก “เรื่องเกิดขึ้นในบ้านของเขาเอง เขาต้องรับผิดชอบสิ”

   “โธ่ ผมอาจจะซุ่มซ่ามตกบันไดเองก็ได้นะครับ ไปโทษเขาทำไม”

   “คุณตกบันไดอีท่าไหนถึงลงไปอยู่ในกระสอบได้ล่ะ”

   “....”

   “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมตัดสินแล้วว่าเขาจะต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ ด้วยการมาช่วยงานคุณสักระยะ”

   “โธ่ จอห์น ผมจะให้เซอร์เจเรมีมาช่วยงานที่ร้านได้ยังไง ขอเถอะครับ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดใครเสียหน่อย อีกอย่างผมจำอะไรไม่ได้ มันอาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องโทษเซอร์เจเรมีหรอกครับ”

   “ยังไงเสียผมก็ต้องรับผิดชอบ” เซอร์เจเรมีพูดขึ้นในที่สุด “ถ้าคุณไม่สะดวกใจ จะให้ผมจ่ายค่าเสียหายเป็นเช็ค หรืออย่างอื่นก็ได้ ผมปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้หรอก”

   กอร์ดอนนิ่งคิดอึดใจหนึ่ง “งั้น... ขอเป็นไวน์ที่คุณใช้เสิร์ฟแขกคืนนั้นแล้วกันครับ ขวดเดียวก็พอ”

   “แค่นั้นรึ”

   “ครับ”

   “จอห์น นายได้ยินหรือยัง” เซอร์เจเรมีหันไปทางลอร์ดโทรว์บริดจ์ “เจ้าตัวเขาว่างั้น นายคงไม่มีปัญหาขัดข้องอะไรใช่ไหม”

   “ก็ได้ เจเรมี ในเมื่อกอร์ดอนว่างี้ ฉันก็ต้องว่าตามอยู่แล้ว ถือว่านายโชคดีแล้วกันที่กอร์ดอนเป็นคนจิตใจดีมากน่ะ”

   “โธ่ มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรสักหน่อยนี่ครับ”

   เซอร์เจเรมีอ้าปากทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ “งั้นลาก่อนมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณ”

   “เดวิด ไปส่งเซอร์เจเรมีหน่อย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่ง “ดูให้ดีว่าเขาขึ้นรถกลับบ้านถูก”

   ได้ยินเซอร์เจเรมีเค้นเสียงขึ้นจมูก ก่อนที่เดวิดจะพาเขาออกไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินไปล็อกประตู

   “ยอดรัก คุณลุกไหวไหม ผมจะทายาให้”

   กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงช่วยพยุงตัวเขาขึ้นมา และช่วยปลดกระดุมเสื้อออก กอร์ดอนรู้สึกเขินเลยรีบพูด

   “ผมถอดเองก็ได้ครับ”

   “คุณเจ็บอยู่ ให้ผมถอดเถอะ ผมแค่จะทายา ไม่ทำอย่างอื่นหรอก”

   กอร์ดอนหน้าแดง แต่ก็ยอมให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอดเสื้อให้แต่โดยดี ที่หลังรวมถึงท่อนแขนของเขามีรอยช้ำสีม่วงเป็นทางยาวหลายสิบรอย ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นแล้วก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้

   “ผมเสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้หักนิ้วพวกมันสักสองสามนิ้วเป็นการสั่งสอน”

   “โธ่ จอห์น คุณพูดอย่างกับนักเลงแน่ะ จะไปหักนิ้วใครกันครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ “คุณนี่จริงๆ เลยนะ กอร์ดอน โดนขนาดนี้แล้วยังจะปกป้องคนผิดอยู่อีก”

   “ผมจำไม่ได้นี่ครับ”

   “....” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงียบไปอึดใจ ก่อนจะเปิดตลับยาออก “ถ้าผมมือหนักไปก็บอกนะ”

   เขาค่อยๆ ทายาลงไปบนรอยช้ำพวกนั้นอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้ กอร์ดอนรู้สึกเย็น แต่ก็รู้สึกอุ่นใจไปพร้อมกัน มือของลอร์ดโทรว์บริดจ์นุ่ม และสัมผัสของเขาก็อ่อนโยน ความรู้สึกบางอย่างที่เอ่อท้นขึ้นมาทำกอร์ดอนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว

   “เจ็บหรือ”

   “เปล่านี่ครับ”

   “แต่คุณร้องไห้”

   “หืม” กอร์ดอนยกมือขึ้นแตะใบหน้า จึงรู้ว่าน้ำตาไหลออกมาจริงๆ เขารีบใช้นิ้วปาดออก “ผมคงดีใจมากไป”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความสงสัย กอร์ดอนจึงอธิบายต่อ “ผมดีใจที่คุณอยู่ตรงนี้ไงครับ... ดีใจที่ได้พบคุณอีก”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักมือที่ใช้ทายา “คุณรู้ไหม ผมแทบจะร้องไห้ออกมา ตอนที่พบคุณถูกทิ้งอยู่ในกระสอบ ใครกันที่มันทำเรื่องเลวร้ายขนาดนี้”

   “โอ... ช่างเถอะครับ แค่ผมได้อยู่ตรงนี้กับคุณผมก็ดีใจแล้ว”

   ลอร์ดหนุ่มเม้มริมฝีปาก เขาทายาให้กอร์ดอนจนทั่ว แล้วจึงช่วยอีกฝ่ายใส่เสื้อผ้า

   “ยอดรัก ถึงคุณจะไม่พูด แต่ผมก็รู้แล้วล่ะว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้”

   กอร์ดอนอ้าปากเหวอ “อะไรนะครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือเขาขึ้นมากุมไว้เบาๆ “คุณโกหกไม่เก่งเลยรู้ไหม ไม่มีใครไม่สงสัยหรอกว่าตัวเองบาดเจ็บได้ยังไง แม้ว่าจะจำอะไรไม่ได้ก็เถอะ”

   กอร์ดอนก้มหน้า ขณะที่อีกฝ่ายพูดต่อ “แต่ถึงคุณจะทำแบบนั้น ผมก็ยังสืบจนรู้มาได้อยู่ดี ผมคงนอนไม่หลับแน่ถ้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องร้ายกาจนี่”

   “คุณรู้จริงๆ หรือครับ”

   “อืม ผมรู้แล้วว่าอเล็กซานดร้าเป็นคนทำเรื่องนี้”

   กอร์ดอนสะดุ้งเฮือก “คุณคงไม่ได้ไปจัดการอะไรกับเธอใช่ไหมครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มออกมา “นี่คุณเป็นห่วงหรือว่ากลัวเธอกันแน่”

   “ผมแค่ไม่อยากให้คุณมีเรื่อง” กอร์ดอนว่า “ผมรู้ว่าคุณต้องโกรธมากแน่ แต่เธอเป็นผู้หญิงนะครับ และเธอก็มาอยู่ที่นี่แค่ชั่วคราวเท่านั้น”

   “เพราะงั้นคุณเลยโกหกผมว่าจำไม่ได้งั้นสิ”

   “ครับ... ขอโทษด้วยนะครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจเฮือก “คุณไม่ต้องขอโทษผมหรอก แล้วไม่ต้องกังวลใจเรื่องอเล็กซานดร้าด้วย ผมคุยกับเธอเรื่องนี้แล้ว เธอยอมรับผิดทั้งหมด สาบานเลยว่าผมไม่ได้ใช้ความรุนแรงกับเธอแม้แต่นิดเดียว”

   “ครับ ผมรู้หรอกว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษพอ ผมแค่ไม่อยากทำให้คุณลำบากไปมากกว่านี้เท่านั้นเอง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองคนรักอย่างสะทกสะท้อน “กอร์ดอน ที่คุณต้องเจ็บตัวทั้งหมดนี่ เพราะคุณยืนกรานที่จะปกป้องสิทธิ์ของเรา อเล็กซานดร้าเล่าเรื่องให้ผมฟังหมดแล้ว ผมอธิบายไม่ได้เลยว่ารู้สึกเจ็บปวดขนาดไหนที่ต้องให้คุณเผชิญเรื่องนี้แค่คนเดียว”

   “เธอแค่หวังดีกับคุณหรอกครับ” กอร์ดอนว่า “เป็นผม ผมก็อาจจะทำแบบนั้นเหมือนกัน”

   “....”

   “เธอชอบคุณมากนะครับ”

   “ผมรู้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยอมรับ “แต่มันเป็นสิทธิ์ของผมในการตัดสินใจอย่างที่คุณพูด และมันก็เป็นสิทธิ์ของคุณที่จะพูดเรื่องนั้นด้วย”

   “จอห์น...”

   “กอร์ดอน ผมอยากพาคุณหนีไปเดี๋ยวนี้เลย ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีใครรู้จักเรา ที่ที่เราสามารถอยู่ด้วยกันได้โดยไม่ถูกรังเกียจ”

   กอร์ดอนยิ้มออกมา เขาใช้มืออีกข้างกุมมือลอร์ดโทรว์บริดจ์ “ทั้งคุณและผมก็รู้นี่ครับว่าไม่มีที่แบบนั้นหรอก”

   “แต่ชีวิตแบบนี้... ผมอึดอัดจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ที่ต้องปิดบังความจริงว่าเราเป็นคนรักกัน”

   “ถึงงั้นเราก็ต้องอดทนนะครับ” กอร์ดอนว่า “ผมยอมหลบๆ ซ่อนๆ ดีกว่าต้องเสียคุณไป ผมคงทนไม่ได้แน่ถ้ามันไปถึงจุดนั้น”

   “กอร์ดอน...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เรียกชื่อคนรักเสียงเครือ กอร์ดอนเงยหน้ามองเขา น้ำตาไหล

   “ตอนที่ผมถูกทำร้าย ผมคิดแค่อย่างเดียวว่าขอให้ผมได้พบกับคุณอีกครั้ง แค่คุณเท่านั้น... จอห์น แค่ผมได้พบกับคุณผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือของกอร์ดอนขึ้นมาจูบ น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลออกมาจากดวงตาสีเขียวคู่สวยของเขา

------------------------------------------------

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนได้ต้อนรับแขกที่คาดไม่ถึง เมื่อเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มาหาเธอถึงคฤหาสน์

   “แคทเธอรีน ฉันมีเรื่องอยากให้เธอช่วย”

   เลดี้แคทเธอรีนมองไปยังแขกที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าของเลดี้อเล็กซานดร้าไม่สู้ดีนัก เหมือนเพิ่งเจอเรื่องร้ายแรงมาหมาดๆ

   “มีอะไรหรือ”

   “คืองี้จ้ะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เลดี้แคทเธอรีนฟัง แน่นอนว่ามันทำให้เลดี้แคทเธอรีนตกใจเป็นอันมาก

   “โธ่ อเล็กซานดร้า แล้วนี่มิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นไงบ้าง”

   “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน จอห์นบอกว่าเขาปลอดภัย ฉันอยากไปเยี่ยมเขานะ แต่...”

   “ถ้าอยากไปเยี่ยมเขาก็ไปเถอะ”

   “แต่เขาต้องเกลียดฉันแน่ ฉันเป็นคนสั่งให้คนทำร้ายเขา”

   “ไม่หรอก เขาบอกจอห์นว่าจำอะไรไม่ได้ไม่ใช่หรือ เขาอาจจะไม่ได้โกรธเธอขนาดนั้นก็ได้”

   ขอบตาของเลดี้อเล็กซานดร้าแดงเรื่อ “งั้น... เธอไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม ฉันไม่กล้าไปคนเดียว”

   เลดี้แคทเธอรีนยิ้มออกมา “ได้สิ เมื่อไหร่ล่ะ”

   “พรุ่งนี้ดีไหม วันนี้เจเรมไปบ้านของเขาตามสัญญาที่ให้ไว้กับจอห์น เดี๋ยวเจเรมกลับมาแล้วฉันจะลองถามดูว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม”

   เลดี้แคทเธอรีนนึกได้ว่าพรุ่งนี้เธอมีนัดดื่มชากับลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่เขาคงไม่เดือดร้อนอะไรถ้าเธอจะขอยกเลิกนัด

   “ได้จ้ะ ฉันว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กน่าจะตกใจน่าดูเรื่องเจเรมี เขาคงขอร้องให้จอห์นยกเลิกสัญญาแน่”

   เลดี้อเล็กซานดร้ามองคู่สนทนด้วยความสงสัย “แล้วจอห์นจะทำตามหรือ ถ้าเป็นผู้หญิงที่เขากำลังคบหาขอร้องก็น่าจะเป็นไปได้ แต่เธออาศัยอยู่ร่วมบ้านกับเขาเลยหรือ ได้ยินว่าที่นั่นเป็นร้านตัดเสื้อชายนี่นา”

   “เอ่อ... อันนี้ฉันก็ไม่รู้หรอก แต่จอห์นน่ะใจอ่อนกับคำพูดของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเสมอแหละ”

   “งั้นเธอก็รู้จักเขาดีใช่ไหม เธอรู้เรื่องผู้หญิงคนรักของจอห์นด้วยหรือเปล่า”

   “ฉันไม่รู้หรอก” เลดี้แคทเธอรีนรีบปฏิเสธทันที เลดี้อเล็กซานดร้าพูดต่อ

 “อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้จะไปหาเรื่องเธอ แค่อยากจะช่วยให้พวกเขาสมหวังเท่านั้น จอห์นน่ะดูรักเธอมาก แต่ทำไมเขาถึงไม่กล้าเปิดเผยเธอต่อสาธารณะชนล่ะ ต่อให้เป็นหญิงชาวบ้านก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรสำหรับจอห์นนี่นา ฉันเลยสงสัยว่าเธออาจจะกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวบางอย่าง ที่จอห์นไม่อาจควบคุมได้ ฉันพูดจริงๆ นะแคทเธอรีน ฉันคิดว่าพอจะช่วยพูดให้ท่านพ่อจัดการเรื่องนี้ให้เธอได้ แต่ฉันต้องรู้ก่อนว่าเธอเป็นใครกันแน่”

   เลดี้แคทเธอรีนนิ่งไปพักใหญ่ๆ “เธอคงต้องถามเอากับจอห์นหรือมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเองแล้วล่ะ”

   “พวกเขาคงไม่ตอบฉันแน่” เลดี้อเล็กซานดร้าพูด พลางถอนหายใจ “ฉันน่ะมาที่ลอนดอนเพื่อมาพบกับคนรักของจอห์น คิดว่าถ้าเป็นผู้หญิงที่สวยและฉลาดอย่างเธอฉันคงยอมรับได้ แต่กลายเป็นว่าคนรักของเขาเป็นผู้หญิงลึกลับที่ไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน เขารักเธอ แต่ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนของเธอ มันเศร้ามากนะแคทเธอรีน ฉันไม่คิดเลยว่าความรักของจอห์นจะเจ็บปวดแบบนี้ ตอนนี้สิ่งที่ฉันพอจะทำไถ่โทษเรื่องที่ทำร้ายเพื่อนของเขาได้ ก็คือช่วยเขาให้สมหวัง และฉันอยากให้เธอช่วย ไม่อย่างนั้นฉันคงรู้สึกผิดไปจนวันตาย แม้ว่าเขาจะให้อภัยฉันแล้วก็ตาม”

   เลดี้แคทเธอรีนคิดใคร่ครวญถึงคำตอบอยู่พัก “ก็ได้ ฉันจะพยายามแล้วกัน แต่ไม่รับประกันหรอกนะว่าจะได้ผล”

   “ไม่เป็นไร” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า “ถ้าเขาไม่บอก ฉันจะลองหาวิธีอื่นดู ต้องมีสักทางสิที่ช่วยเขาเรื่องนี้ได้”

-------------------------------------------
(มีต่อ)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   “อเล็กซานดร้ามาคุยกับหลานเรื่องอะไรหรือ แล้วพวกเขาพบหรือยังว่าพ่อหนุ่มกอร์ดอนหายไปไหน”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดถามขึ้นเมื่อเห็นหลานสาวเดินเข้ามาในห้อง เธอนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ และตอบคำถาม

   “อเล็กซานดร้าบอกว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กไม่ค่อยสบายค่ะ เธอชวนหลานไปเยี่ยมเขาพรุ่งนี้”

   “งั้นหรือ เขาออกไปเดินตากน้ำค้างด้านนอกนานเกินไปล่ะสิ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า “จอห์นก็จริงๆ เลยเชียว พาเขาไปที่งานแบบนั้นทำไมก็ไม่รู้ มันไม่เหมาะกับคนแบบพ่อหนุ่มกอร์ดอนหรอก มีแต่จะทำให้เขาอึดอัดเสียเปล่าๆ”

   เลดี้แคทเธอรีนได้แต่ยิ้ม “หนูว่าจะยกเลิกนัดกับจอห์นพรุ่งนี้ค่ะ”

   “อืม เอาสิ ให้คนไปส่งจดหมายบอกก็ได้ อ้อ เขียนบอกเขาด้วยแล้วกัน ว่าพ่อหนุ่มกอร์ดอนป่วยเพราะเขาเป็นต้นเหตุ เจ้าหนุ่มนั่นจะได้หัดคิดถึงใจคนอื่นเขาเสียบ้าง”

   “ท่านตาล่ะก็... จอห์นไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำสักหน่อยนะคะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดไม่ตอบ เพียงแต่ทำเสียงขึ้นจมูกเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าไม่เห็นด้วย เลดี้แคทเธอรีนจึงออกไปเขียนจดหมายเพื่อฝากคนรับใช้ไปส่งให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์

   “หนูบอกจอห์นแล้วนะคะ เรื่องมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก” เลดี้แคทเธอรีนบอกท่านตาของเธอเมื่อเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเรียกให้หลานสาวนั่งลง

   “ฤดูหนาวปีนี้หลานมีแผนจะไปไหนรึเปล่า”

   “ไม่มีค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนตอบตามตรง “พ่อกับแม่อาจจะไปสวิตซ์ แต่หนูอยากอยู่ดูแลท่านตามากกว่า”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดคลี่ยิ้ม “ปีนี้ตาว่าจะไปอิตาลี”

   “ว้าว อิตาลีหรือคะ” เลดี้แคทเธอรีนตาโตด้วยความประหลาดใจ “หนูยังไม่เคยไปอิตาลีช่วงหน้าหนาวมาก่อนเลยค่ะ ได้ยินว่าที่นั่นอากาศไม่หนาวเท่าอังกฤษ ว่าแต่ทำไมจู่ๆ ท่านตาถึงจะไปอิตาลีล่ะค่ะ หนูคิดว่าจะไปที่ใกล้ๆ อย่างฝรั่งเศสเสียอีก”

   “เฮนรี่กับมาเรียชวนน่ะ ตาเองก็เห็นว่าอิตาลีเข้าท่าดี ไม่ได้ไปมาหลายปีแล้วด้วย เห็นว่าจะไปที่เวนิสกันด้วยน่ะ”

   “ที่นั่นไม่เป็นน้ำแข็งหรือคะ”

   “ไม่หรอก เวนิสติดทะเล อากาศน่าจะดีทีเดียวล่ะ”

   “ดีจังเลยค่ะ... แล้วจอห์นจะไปด้วยกันรึเปล่าคะ”

   “อืม พ่อหนุ่มนั่นล่ะที่ยืนกรานหัวชนฝาว่าจะไม่ไปฝรั่งเศสเด็ดขาด สุดท้ายก็เลยกลายเป็นอิตาลีไป” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า ก่อนจะพูดต่อ “ถึงจอห์นจะไม่ใช่สุภาพบุรุษที่สุภาพนัก แต่เขาก็เป็นคนใช้ได้ ตาเห็นว่ามันเหมาะควรที่จะพาหลานไปใช้เวลาช่วงฤดูหนาวกับเขา แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเพราะตาอยากจะไปอิตาลีด้วย”

   เลดี้แคทเธอรีนยิ้ม เธอเข้าใจถึงเจตนาของชายชรา แต่ไม่อาจบอกความจริงออกไปได้

   “งั้น... เราชวนมิสเตอร์โอเดนเบิร์กไปด้วยดีไหมคะ”

   “หืม... พ่อหนุ่มกอร์ดอนน่ะหรือ อย่าเลย”

   “ทำไมล่ะคะ เขาเปิดร้านกระทั่งในฤดูหนาวหรือ”

   “เปล่า ถ้าชวนเขาคงปฏิเสธ หรือถ้าไม่ก็ตกลงด้วยความเกรงใจ ตาไม่อยากให้เขาต้องทนอึดอัดเพราะความเกรงใจอย่างที่จอห์นทำลงไปหรอก อืม... ตาคงต้องฝากหลานย้ำเขาเรื่องนี้ด้วย ว่าอย่าไปทำให้พ่อหนุ่มกอร์ดอนลำบากใจมากไปกว่านี้ ถึงไม่เกรงใจพ่อหนุ่มกอร์ดอนก็ควรจะเกรงใจผู้ใหญ่บ้าง”

   เลดี้แคทเธอรีนพยักหน้า “หนูจะบอกเขาให้ค่ะ”

---------------------------------------------

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มาร่วมซ้อมรักบี้ในช่วงเย็นวันจันทร์ ท่ามกลางความดีใจของเพื่อนร่วมทีม แน่นอนว่าแอนนาเบล เฮเก้นต์ตามมาดูเขาที่ขอบสนามด้วย

   “สุภาพสตรีสาวสวยคนนั้นเป็นใครกัน จอร์จ นายรู้จักมั้ย” ลอร์ดเบอร์มิ่งหันมากระซิบกระซาบกับลอร์ดจอร์จ เฟลตัน อีกฝ่ายเลยตอบเขายิ้มๆ

   “เธอชื่อแอนนาเบล เฮเก้นต์ นายอย่าได้คิดไปก้อร่อก้อติกเธอเชียว ถ้าไม่อยากโดนแมกซ์อัดหน้า”

   “หา อย่าบอกนะว่าเธอกับแมกซ์...”

   “เธอเป็นพยาบาลส่วนตัวของแมกซ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “แต่ฉันรับรองกับนายว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาใกล้ชิดกว่านั้นเยอะ”

   “ว้าว แสดงว่าแมกซ์จีบพยาบาลที่มาดูแลเขาสำเร็จน่ะสิ หรือว่าเธอแค่สนใจที่เขาเป็นลอร์ด”

   “ผิดทั้งสองอย่าง เพราะเขาจีบเธอติด เลยได้เธอมาเป็นพยาบาลให้ต่างหาก ฮ่าๆ”

   “ไม่น่าเชื่อ ฉันจะต้องเขียนไปเล่าเรื่องนี้ให้เอ็มมี่ฟัง ว่าแต่คนอื่นๆ รู้แล้วหรือยัง”

   “นายน่าจะรู้เป็นคนแรก เขาเพิ่งพาเธอมาเปิดตัววันนี้เอง”

   “ฮ่าๆ เจมส์กับเจฟฟรีต้องตกใจจนตาถลนแน่ พวกนั้นต้องนึกไม่ถึงว่าแมกซ์จะจีบสาวสวยขนาดนี้ติด”

   “อย่าพูดดังไป” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเอ็ด “ถ้าเธอไปบอกแมกซ์นายจะหัวเราะไม่ออก”

   “แหม... ฉันไม่ได้ไปและเล็มอะไรเธอเสียหน่อย ว่าแต่แมกซ์หายดีแล้วใช่ไหม”

   “อือ โชคดีที่ไม่ต้องหาคนอื่นมาแทนเขา”

   “แล้วกอร์ดอนล่ะ หมอนั่นไม่คิดจะโผล่มาดูบ้างเลยหรือ”

   “เขามาอยู่นะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ช่วงที่นายมัวแต่ไปแทงม้านั่นแหละ”

   “ว้า งั้นเขาก็ไม่ใช่นักพนันตัวจริงน่ะสิ” ลอร์ดเบอร์มิ่งพูดพลางหัวเราะ พวกเขานั่งดูการซ้อมจนถึงเวลาเลิก

   “จอห์นนี่ ฉันมีของจะให้นาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บอกลอร์ดโทรว์บริดจ์ระหว่างเดินมาที่อัฒจันทร์

   “หืม ของอะไร”

   “จำเรื่องที่นายบอกให้ฉันช่วยสืบเกี่ยวกับมิสเตอร์เบนจามิน ดอว์สันได้ไหม ฉันได้ข้อมูลของเขามาแล้ว”

   “อ้อ”

   “มันเป็นข้อมูลที่น่าตกใจอยู่ นายควรจะดูเอง” อีกฝ่ายว่า “ฉันฝากเอกสารไว้ที่แอนแล้ว”

   อีกฝ่ายยิ้ม “ฉันคิดว่านายจะพาเธอมาเปิดตัวเสียอีก ที่แท้แค่เอาไว้ฝากของหรอกหรือ”

   “นายหัดเล่นมุกร้ายกาจแบบจอร์จมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะ “ฉันว่าจะให้เธอร่วมมื้อเย็นกับพวกเราด้วย ถ้านายไม่รังเกียจ”

   “ฉันยินดีมากเชียวล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ทั้งคู่เดินไปสมทบกับเพื่อนๆ ที่รออยู่

--------------------------------------

   “เฮนรีค่ะ ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณค่ะ”

   ลอร์ดบาธหันไปมองภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่ร่วมกันมาหลายปี สีหน้าของเธอดูกังวลใจ

   “มีอะไรหรือ”

   “คืออย่างนี้ค่ะ” เธอจูงสามีไปนั่งที่เก้าอี้หน้าเตียง “ฉันรู้สึกว่าพักนี้จอห์นดูแปลกๆ ไป”

   ลอร์ดบาธเลิกคิ้ว ขณะที่ภรรยาของเขาพูดต่อ “คุณก็รู้ว่าลูกเราเป็นคนเปิดเผยมาก ถ้าเขาชอบหรือสนใจอะไร เขาจะแสดงมันออกมาแบบไม่ปิดบัง แม้ว่าบางอย่างมันจะไม่เหมาะกับฐานะของเขาก็ตาม”

   “อืม... ผมรู้ว่าลูกเอาแต่ใจ แต่เขาก็ไม่ใช่คนเหลวไหล”

   “ค่ะ ฉันรู้ว่าลูกเป็นคนจริงจังมาก นั่นล่ะค่ะที่แปลก”

   “ผมไม่เข้าใจ มีอะไรแปลกหรือ”

   “จำเรื่องที่คุณเชิญโอเดนเบิร์กมาคุยได้ไหมคะ ที่เราสงสัยว่าจอห์นอาจจะไปติดพันญาติสาวของเขา”

   “อืม จำได้ เรื่องนี้เกี่ยวกับเขาด้วยหรือ”

   “ไม่เชิงหรอกค่ะ เราคุยกับโอเดนเบิร์กเรื่องญาติสาวของเขา เขาเองก็รับปากว่าจะจัดการให้ จอห์นเองก็เคยพูดว่าเขารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่จู่ๆ จอห์นก็เชิญโอเดนเบิร์กไปงานเลี้ยงของดยุกแห่งแคมบริดจ์ ฉันรู้สึกว่าเขาให้ความสำคัญกับโอเดนเบิร์กมากเป็นพิเศษค่ะ ตอนกลับมาจากอเมริกาใหม่ๆ เขาก็พาโอเดนเบิร์กมาที่งานเลี้ยงต้อนรับ แล้วเขาก็เคยชวนโอเดนเบิร์กมากินมื้อเย็นที่บ้านเราด้วย พอคุณไม่อนุญาตเขาก็อารมณ์เสียมาก ฉันคิดว่าถ้าเขาทำขนาดนี้เพราะติดพันญาติสาวของโอเดนเบิร์กล่ะก็ เขาต้องจริงจังกับเธอมาก และด้วยนิสัยอย่างเขาคงไม่ปิดไว้แน่ แต่เขากลับไม่เคยพูดถึงเธอให้เราฟังเลย ฉันรู้สึกว่ามันแปลกค่ะ”

   “มันก็แปลกอย่างที่คุณว่าจริงๆ นั่นแหละ” ลอร์ดบาธยอมรับ “แต่จอห์นคงมีเหตุผลส่วนตัว เขาอาจจะอยากพาเธอมาแนะนำให้เรารู้จักใจจะขาดก็ได้ แต่ก็รู้ว่ามันไม่ควร ผมว่าสักพักเขาคงเลิกเห่อไปเองนั่นแหละ”

   “ถ้าเขาพาเธอมาแนะนำกับเรา ฉันคงจะสบายใจกว่านี้ค่ะ”

   “ไม่เอาน่า ผมไม่รู้ว่าคุณกังวลเรื่องอะไรกันแน่ แต่ฤดูหนาวนี้เราจะไปอิตาลีกันไม่ใช่หรือ ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดและแคทเธอรีนก็จะไปกับเราด้วย ไม่แน่ว่าหลังกลับจากอิตาลีเขาอาจจะลืมเธอไปเลยก็ได้”

   “ก็จริงของคุณค่ะ ฉันคงกังวลไปเอง”

   ลอร์ดบาธโอบภรรยาเข้ามากอด “ผมรู้ว่าคุณรักจอห์นมาก ผมเองก็เหมือนกัน แต่ลูกอายุยี่สิบสี่ ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ปล่อยให้เขาเรียนรู้และจัดการกับปัญหาด้วยตัวเองเถอะนะ”

   เลดี้บาธพยักหน้า แล้วเอนตัวลงซบไหล่สามี เธอเข้าใจเหตุผลของเขา แต่ก็ยังอดรู้สึกกังวลไม่ได้อยู่ดี

-------------------------------------

   วันอังคาร อาการปวดของกอร์ดอนทุเลาลงไปมาก เขาลุกขึ้นจากเตียงได้โดยไม่ต้องให้ใครช่วยพยุง และยังอารมณ์ดีพอจะเดินชมดอกกุหลาบและแจกันใหม่ที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ซื้อมาให้

   “มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ผมคิดว่าคุณเลิกตัดเสื้อไปเปิดร้านขายดอกไม้เสียล่ะ” ช่างคนหนึ่งในร้านแซว ตอนที่กอร์ดอนเดินเข้าไปในห้องตัดเย็บ “ดอกไม้เยอะมาก เห็นว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่งมาหรือครับ”

   “อื้อ” กอร์ดอนพยักหน้า “ปกติเขาก็สั่งดอกไม้มาให้ที่นี่เป็นประจำอยู่แล้ว”

   ช่างคนนั้นหัวเราะ “นี่ถ้าคุณเป็นผู้หญิง ผมต้องฟันธงว่าเขาตั้งใจจีบคุณแน่ๆ ว่าแต่อาการดีขึ้นแล้วหรือครับ”

   “อือ ผมว่าจะทำงานที่ค้างต่อ”

   “อย่าหักโหมมากนะครับมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก เดี๋ยวจะเป็นลมหน้ามืดตกบันไดอีก”

   เลดี้แคทเธอรีนและเลดี้อเล็กซานดร้าแวะมาเยี่ยมก่อนเวลาน้ำชาเล็กน้อย สร้างความประหลาดใจให้กับช่างตัดเสื้อเป็นอย่างมาก

   “สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”

   “อเล็กซานดร้ากับฉันแวะมาเยี่ยมคุณค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนว่า เลดี้อเล็กซานดร้าจึงพูดขึ้นต่อ

   “อาการเป็นไงบ้างคะ ฉันต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ”

   “เอ่อ... ขึ้นไปคุยกันที่ห้องนั่งเล่นชั้นบนดีไหมครับ” กอร์ดอนเสนอขึ้นมา พอเลดี้แคทเธอรีนเหลือบไปเห็นบรรดาช่างในร้านที่แอบโผล่หน้ามาดูตรงประตู เลยตกลง

   “ขอโทษนะครับ พอดีที่ร้านผมไม่ค่อยมีสุภาพสตรีแวะมาเท่าไหร่” กอร์ดอนพูดขึ้นต่อหลังพาเลดี้ทั้งสองขึ้นมาที่ห้องนั่งเล่นชั้นบนแล้ว เลดี้แคทเธอรีนจึงพูดขึ้น

   “ไม่เป็นไรค่ะ ก็ร้านคุณเป็นร้านตัดเสื้อสุภาพบุรุษนี่นา”

   “มิสเตอร์โอเดนเบิร์กคะ” เลดี้อเล็กซานดร้าพูดแทรกขึ้น “ฉันมาที่นี่เพื่อต้องการขอโทษคุณจริงๆ นะคะ”

   “ครับ ผมทราบแล้วครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “เรื่องที่เกิดขึ้นแย่มาก”

   “ขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันไม่คิดเลยว่ามันจะเลวร้ายขนาดนั้น ฉันจัดการลงโทษคนรับใช้พวกนั้นแล้วค่ะ”

   “พวกเขาแค่ทำตามคำสั่งของคุณนะครับ”

   “....”

   กอร์ดอนถอนหายใจเฮือก “จะบอกว่าผมไม่โกรธคุณเลยก็คงเป็นการโกหก แต่ผมดีใจที่คุณรู้ว่านี่เป็นเรื่องเลวร้าย หวังว่าคุณจะไม่ทำแบบนี้กับใครอีกนะครับ”

   “ฉันจะระมัดระวังค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้าหน้าแดงด้วยความอับอาย เธออยากจะพูดเหลือเกินว่าถ้าฝ่ายนั้นไม่เถียงเธอก่อน เรื่องคงไม่เกิดขึ้น แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อล้อต่อเถียงกับเขา

   “ฉันรู้ค่ะว่าที่คุณพูดแบบนั้นเพื่อปกป้องเพื่อนของคุณ” เลดี้แคทเธอรีนพูดขึ้น “อเล็กซานดร้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังแล้ว เธอสำนึกผิดจริงๆ ฉันหวังว่าคุณจะให้อภัยเธอในเรื่องที่เกิดขึ้น”

   “ผมให้อภัยเธอครับ” กอร์ดอนว่า “เพียงแต่หวังว่าหลังจากนี้ไปเธอจะไม่ทำแบบนี้กับใครอีก มันไม่ดีกับตัวเธอเองนะครับ สุภาพสตรีที่ดีควรจะเป็นคนจิตใจดี และมีเหตุผลนะครับ ไม่ใช่ไม่พอใจอะไรก็จะใช้กำลังท่าเดียว”

   เลดี้อเล็กซานดร้าอับอายจนอยากจะวิ่งออกไปจากห้องเสีย เธอเอาแต่ก้มหน้างุดไม่พูดไม่จา เลดี้แคทเธอรีนเห็นดังนั้นจึงรีบพูดขึ้น “พอเถอะค่ะ มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ถึงเธอจะผิดจริง แต่คุณก็ไม่ควรจะย้ำให้เธอรู้สึกอับอายไปมากกว่านี้นะคะ”

   “โอ... ขออภัยครับ” กอร์ดอนเพิ่งสังเกตเห็นท่าที่ของเลดี้อเล็กซานดร้า “ผมเองก็ต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท”

   เลดี้อเล็กซานดร้าพยักหน้า พยายามจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะพูดตอบเขา “วันนี้ฉันตั้งใจว่าจะมาขอโทษคุณจริงๆ ค่ะ แล้วก็อยากจะช่วยคุณด้วย”

   “ไม่ต้องหรอกครับ แค่ท่านหญิงมาด้วยตัวเองผมก็ซาบซึ้งมากแล้วล่ะครับ”

   “ไม่ค่ะ ฉันตั้งใจไว้แล้ว” เลดี้อเล็กซานดร้าพูด “เจเรมบอกว่าคุณเรียกร้องแค่ไวน์ขวดเดียว ซึ่งเขาเองก็มองว่ามันเล็กน้อยเกินไป ฉันเลยเสนอว่าในเมื่อคุณมีไวน์ขาวแล้วก็ต้องมีไวน์แดงด้วย แน่นอนว่าแก้วไวน์ก็ควรจะเป็นของใหม่”

   “เอ่อ... ขอบคุณครับ”

   เลดี้อเล็กซานดร้ายิ้ม “แล้วก็ยังมีอีกเรื่องค่ะ”

   “ครับ...”

   “ฉันอยากจะช่วยให้จอห์นสมหวังกับเธอคนนั้นค่ะ คุณเป็นเพื่อนจอห์น ก็ต้องอยากให้เขามีความสุขใช่ไหมคะ ฉันไปคิดดูแล้วล่ะค่ะ ในเมื่อเธอมีฐานะต่ำกว่าเขามาก งั้นก็ทำให้เธอมีหน้ามีตาทัดเทียมเขาสิคะ เรื่องนี้ฉันขอให้ท่านพ่อช่วยได้นะคะ”

   “ดะ... เดี๋ยวนะครับ” กอร์ดอนแทรกขึ้นมา “หมายความว่าไงหรือครับ”

   “ก็... ผู้หญิงที่เป็นคนรักของจอห์นไงคะ ฉันไม่อยากให้เขาหลบๆ ซ่อนๆ เธออีกต่อไปค่ะ เขาอาจจะติดปัญหาเรื่องฐานะของเธอ ซึ่งเรื่องนี้ฉันช่วยได้นะคะ ฉันอยากให้พวกเขาสมหวังกันจริงๆ ค่ะ”

   กอร์ดอนหันไปมองเลดี้แคทเธอรีน อีกฝ่ายจึงพูดขึ้น “ก็อย่างนั้นล่ะค่ะ มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก เธอตั้งใจจะช่วยจริงๆ แต่ฉันคิดว่าคุณคงไม่สะดวกจะบอก มันควรต้องถามความสมัครใจของเธอและจอห์นด้วย”

   กอร์ดอนรีบพยักหน้าทันที “ขอบคุณในน้ำใจนะครับท่านหญิง แต่ผมคงให้คำตอบแทนใครไม่ได้ ยังไงคุณลองไปคุยกับจอห์นดูอีกที...”

   “แต่จอห์นต้องไม่เชื่อฉันแน่ๆ ค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า “หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้น เขาคงระแวงฉันมาก แต่ฉันอยากช่วยจริงๆ นะคะ อยากให้เขารู้ว่าฉันหวังดีกับเขาจริงๆ”

   “....”

   “เอางี้ดีไหม” เลดี้แคทเธอรีนเสนอขึ้นมา “ให้มิสเตอร์โอเดนเบิร์กไปปรึกษากับเธอก่อน จะให้เขาตัดสินใจแทนเธอไม่ได้หรอก”

   “จริงครับ” กอร์ดอนรีบเสริม “ให้เวลาพวกผมปรึกษากันก่อนดีกว่า”

   “อืม... เอางั้นก็ได้ค่ะ แต่ฉันหวังให้เธอตกลงนะคะ แม้ว่าเธอจะเคยเป็นคู่แข่งความรักของฉันก็เถอะ” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า พวกเขาดื่มชาและคุยกันอยู่อีกพัก ทั้งสองสาวจึงขอตัวกลับ

   “ว้าว มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก สุภาพสตรีสองคนนั้นเป็นใครกันครับ แต่ละคนสวยอย่างกับนางฟ้าแน่ะ”

   ช่างในร้านถามทันทีที่กอร์ดอนโผล่หน้าเข้าไป ฝ่ายนั้นจึงหรี่ตามองพวกเขา แล้วตอบ

   “เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน หลานของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด กับเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิก ลูกสาวคนเล็กของดยุกแห่งแคมบริดจ์น่ะ”

   “โห... มิน่า พอพวกเธอเดินเข้ามา ก็รู้สึกเหมือนร้านเราซอมซ่อไปถนัด”

   “ผมกำลังจะบอกว่า พวกคุณแอบไปดูแบบนั้นมันเสียมารยาทมากนะ”

   “โธ่ ก็พวกผมไม่เคยเห็นสุภาพสตรีตัวเป็นๆ แบบใกล้ๆ นี่ครับ คุณน่ะพูดได้ซี่ ก็พวกเธอมาหาคุณนี่นา ว่าแต่มันเรื่องอะไรหรือครับ หรือพวกเธอมาเพราะเรื่องลอร์ดโทรว์บริดจ์  อยากให้คุณเป็นพ่อสื่อให้ล่ะสิ”

   “เอาล่ะ พอๆ” กอร์ดอนตัดบท “ผมไปมีอุบัติเหตุในงานเลี้ยงของดยุกแห่งแคมบริดจ์ เลดี้อเล็กซานดร้าเลยชวนเลดี้แคทเธอรีนแวะมาเยี่ยมผมก็เท่านั้นเอง อีกอย่างเลดี้แคทเธอรีนก็สนิทกับลอร์ดโทรว์บริดจ์อยู่แล้ว ไม่ต้องพึ่งผมหรอก”

   “ว้าว ถ้าตกบันไดในงานเลี้ยงแล้วมีสุภาพสตรีมาเยี่ยมถึงบ้านแบบนี้ล่ะก็ มันก็น่าตกอยู่เหมือนกันนะครับ”

   “แต่ผมไม่อยากตกซ้ำหรอกนะ แค่นี่ก็ระบมจะตายแล้ว”

   เดวิดโผล่หน้าเข้ามาหลังจากนั้น “มิสเตอร์โอเดนเบิร์กครับ ช่วยมาที่ครัวหน่อยครับ มีเรื่องใหญ่แล้ว”

   กอร์ดอนจึงต้องผละออกจากห้องตัดเย็บ ที่ห้องครัว มิสซิสมาร์ธากำลังยืนเท้าสะเอวทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่

   “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”

   “ก็ไวน์พวกนี้น่ะสิคะ” เธอชี้ไปยังลังไม้สองลังที่วางอยู่บนพื้น “เราไม่มีชั้นพอจะใส่มันนะคะ”

   “อะไรนะครับ” กอร์ดอนร้อง มิสซิสมาร์ธาจึงพูดต่อ

   “สุภาพสตรีสองคนนั้นฝากไวน์สองลังไว้ให้คุณค่ะ ไวน์ขาวหนึ่งไวน์แดงหนึ่ง แล้วก็มีแก้วไวน์อีกห้าใบ เป็นแก้วเนื้อดี ใส เสียงกังวานมากเลยนะคะ ฉันแกะดูแล้ว แต่ไวน์พวกนี้สิคะ ฉันหาที่เก็บไม่ได้ค่ะ ท่าทางคุณต้องสั่งต่อชั้นเพิ่มแล้วนะคะ จะให้วางบนพื้นแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ”

   “เอ่อ...” กอร์ดอนครางออกมา ต่อจากดอกไม้ที่เหมือนจะขนมาทั้งลอนดอนของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก็ต่อด้วยไวน์ของเซอร์เจเรมีกับเลดี้อเล็กซานดร้า สงสัยจริงๆ ว่าคนพวกนี้ไม่คิดถึงขนาดพื้นที่ที่เขาอยู่บ้างเลยหรือไร

----------------------------

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาที่ร้านตอนหกโมงเย็น ท่าทางเป็นกังวล

   “แคทเธอรีนกับอเล็กซานดร้ามาหาคุณหรือยัง”

   “มาแล้วครับ ผมอยากจะคุยเรื่องนี้กับคุณอยู่พอดี”

   “งั้นหรือ ผมมานี่ก็เพราะเรื่องนี้เหมือนกัน มิสซิสมาร์ธาเตรียมมือเย็นหรือยังน่ะ”

   “กำลังเตรียมอยู่ครับ”

   “งั้นบอกให้เธอเตรียมเผื่อผมด้วยอีกที่ ผมว่าเราน่าจะต้องคุยกันยาวเลย”

   กอร์ดอนสั่งเดวิดให้ไปบอกมิสซิสมาร์ธา แล้วเชิญลอร์ดโทรว์บริดจ์ขึ้นไปนั่งคุยต่อที่ห้องนั่งเล่นชั้นบน

   “คุณรู้ได้ไงครับว่าพวกเธอจะมาที่นี่”

   “แคทเธอรีนเขียนจดหมายไปบอกผม” ลอร์ดหนุ่มตอบ “เธอบอกว่าอเล็กซานดร้าอยากรู้ตัวจริงเรื่องคนรักของผม และจะมาถามเอาจากคุณ ตกลงเธอมาหาคุณเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”

   “เอ่อ... ไม่เชิงหรอกครับ” กอร์ดอนว่า “เธอมาขอโทษผม เอาไวน์มาให้ด้วย ส่วนเรื่องที่คุณถาม เธอพูดถึงอยู่ครับ แต่เธอบอกว่าอยากจะช่วยให้คุณสมหวัง เธอว่าเธอพอจะพูดกับพ่อของเธอเรื่องนี้ได้”

   “ยังไงนะ”

   “ดูเหมือนเธอจะคิดว่าคุณต้องปิดบังคนรักเอาไว้ เพราะฐานะของเธอไม่เหมาะสม ซึ่งคุณไม่สามารถทำอะไรได้ เลดี้อเล็กซานดร้าบอกว่าเธอช่วยเรื่องนี้ได้ครับ เธออาจจะพูดเกลี้ยกล่อมพ่อของเธอให้รับรองฐานะของผู้หญิงคนนั้นได้”

   “ให้ตาย เธอพูดแบบนั้นหรือ”

   “ครับ ท่าทางเธอจริงจังมากนะครับ คุณว่าเธอแค่อยากจะรู้ว่าคนรักของคุณเป็นใคร หรือตั้งใจทำอย่างที่พูดกันครับ”

   “เธอเอาจริงแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อเล็กซานดร้าเป็นคนรั้น ลองตั้งใจจะทำอะไรแล้ว เธอจะทุ่มสุดตัวนั่นแหละ”

   “งั้นก็น่าสงสารนะครับ เพราะเธอเข้าใจผิดไปทั้งหมดเลย”

   “เรื่องนั้นน่ะไม่น่าห่วงหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมกลัวแต่เธอจะพยายามสืบเรื่องนี้เอาเองจนกลายเป็นเรื่องน่ะสิ”

   กอร์ดอนหัวเราะ “คุณกังวลไปรึเปล่าครับ เธอมาอยู่ที่นี่ชั่วคราว แถมแทบไม่รู้จักใครเลย ผมว่าปล่อยไว้เดี๋ยวเธอก็คงเลิกไปเองนั่นล่ะครับ”

   “ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่าเธอจะไม่ยอมเลิกจนกว่าจะรู้ว่าคนรักของผมเป็นใคร ครั้นผมจะบอกมันก็ใช่ที่ จะให้คุณปลอมเป็นสาวสวย เรื่องมันก็อาจจะยุ่งยิ่งกว่าเดิม”

   “งั้นคุณบอกเธอไปสิครับว่าจริงๆ แล้วคุณไม่มีคนรักแต่แรก”

   “พูดงั้นเธอก็จะตื๊อผมไม่เลิกน่ะสิ”

   “แหม เธอจะตามตื๊อคุณไปตลอดชีวิตเลยหรือไงครับ เดี๋ยวเธอก็ต้องกลับบ้านแล้ว”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจเฮือก “ผมจะลองบอกเธอดูแล้วกัน”

   กอร์ดอนยิ้ม “ผมเข้าใจความรู้สึกคุณเลยนะจอห์น ตอนผมเจอคุณแรกๆ ผมก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน”

   “จะบอกว่าผมกับอเล็กซานดร้านิสัยเหมือนกันงั้นสิ”

   “ก็คุณเคยบอกไม่ใช่หรือครับ ว่าถ้ามีน้องสาว ก็คงจะนิสัยเหมือนเธอนี่แหละ ผมว่ามันก็ใช่อยู่นะครับ เหมือนคุณเจอเงาตัวเองเลย”

   “หึ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงขึ้นจมูก “ลุกขึ้นมานี่เดี๋ยวนี้เลยนะ”

   กอร์ดอนลุกขึ้นเดินไปหาเขา พลางหัวเราะ “ทำไมครับ จะทำโทษผมข้อหาพูดเรื่องจริงหรือไง”

   “แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด แล้วคว้าตัวกอร์ดอนมานั่งบนตัก

   “โอ๊ย เบาหน่อยสิครับ” กอร์ดอนว่า “ผมยังเจ็บอยู่นะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์จูบปลอบเบาๆ “โทษที เจ็บมากรึเปล่า”

   กอร์ดอนยิ้มอายๆ “นิดหน่อยครับ กลัวแต่คุณจะลงโทษให้ผมเจ็บมากกว่านี้”

   อีกฝ่ายเม้มจูบลงบนริมฝีปากเขาอีกครั้ง “ใครว่า... ผมจะจูบจนกว่าคุณจะรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้จูบกับผมตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันเลย เว้นเสียแต่ว่าคุณจะเจ็บปากมากจนจูบกับผมไม่ไหวน่ะนะ”

   กอร์ดอนตอบคำถามนั้นด้วยการจูบกลับคนรักของเขา

-----------------------------------
(จบตอน)

ออฟไลน์ 5577

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอาใจช่วยความรักของทั้งคู่

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เรื่องร้ายๆ กลับกลายเป็นดี แต่ก็คงดีในช่วงนี้นะ ที่เหลือต้องฝ่าฟันอีกเยอะ
เอาใจช่วยทั้งคู่นะ สู้ ๆ ๆ ๆ
 :3123: :3123: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จะก้าวผ่านอุปสรรคได้ไหมนะ
เป็นห่วงจังเลย
อย่าให้ต้องเจ็บปวดอีกเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เอาใจช่วยทั้งสองคนให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี

ขอบคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่45 สืบเรื่อง

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ไม่ได้โผล่มาอีกหลังจากนั้น ทว่าในสัปดาห์ต่อมา กอร์ดอนก็ได้ต้อนรับแขกที่คาดไม่ถึง

   “ไง โอเดนเบิร์ก”

   ลอร์ดฟาริงดอนนั่นเอง เพราะมากับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ กอร์ดอนจึงรู้ว่าเป็นเขา แต่ตอนนี้สองพี่น้องยิ่งเหมือนกันอย่างกับแกะ เนื่องจากผิวของลอร์ดฟาริงดอนขาวขึ้นแล้ว นี่ถ้าแยกเจอคนเดียวเขาคงไม่รู้อยู่ดีว่าใครเป็นใคร

   “อรุณสวัสดิ์ครับท่านลอร์ด กลับมานานแล้วหรือครับ”

   “สองสามวันนี่เอง” ลอร์ดฟาริงดอนตอบ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกในร้าน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งลงข้างๆ “ได้ยินว่าบาดเจ็บหรือ”

   “อ๋อ เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดฟาริงดอนพูดต่อ

“ผมเอาของมาให้ เป็นสก็อตวิสกี้ คิดว่าคุณน่าจะชอบ อากาศเริ่มเย็นแล้ว ดื่มอะไรให้ตัวอุ่นเอาไว้จะดีกว่า” เขาวางขวดเหล้าลงบนโต๊ะ

“ขอบคุณมากครับ แล้วคุณเป็นไงบ้างครับ”

   “ก็ดี เรามานี่เพื่อจะบอกคุณว่า น้องชายของผมหมั้นแล้ว และเขามีกำหนดจะแต่งงานในฤดูร้อนปีหน้า”

   “ว้าว จริงหรือครับ” กอร์ดอนร้อง ทั้งดีใจทั้งใจหาย สาวสวยที่เขาเคยหลงรักกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายที่จริงจังและฐานะมั่นคงมากคนหนึ่ง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดต่ออย่างเขินๆ

   “อาจจะกะทันหันไปหน่อย แต่ฉันว่าฉันคิดดีแล้ว”

   “โอ... ผมยินดีด้วยจริงๆ ครับ” กอร์ดอนว่า “แอนเป็นผู้หญิงที่ดี และคุณก็เป็นสุภาพบุรุษที่เพียบพร้อม จะให้ผมตัดชุดสำหรับวันงานให้ด้วยรึเปล่าครับ”

   “แน่นอน” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ผมแน่ใจเลยว่าคงไม่มีใครตัดชุดให้น้องชายผมได้ดีเท่าคุณอีกแล้ว แต่วันนี้ผมไม่ได้พาเขามาวัดตัวหรอก เพราะยังอีกตั้งหลายเดือนกว่าจะถึงงาน”

   “อ้อ...”

   “ผมมานี่เพราะแมกซ์จะไปอิตาลีกับจอห์นในช่วงฤดูหนาว เขาตั้งใจจะทิ้งผมให้นั่งหนาวอยู่คนเดียวในคฤหาสน์หลังใหญ่ เห็นว่าคุณปิดร้านช่วงฤดูหนาว ผมเลยจะมาชวนคุณไปพักด้วย”

   “เอ๋ คุณไม่ได้ออกไปไหนหรือครับ”

   ลอร์ดฟาริงดอนยักไหล่ “ต้องมีคนอยู่ที่ลอนดอนในช่วงฤดูหนาว แมกซ์อยู่แทนผมมาหลายปีแล้ว ปีนี้เขาสมควรจะได้ไปพักผ่อนกับคนรัก”

   “อ๋อ...”

   “ว่าไง บึงน้ำที่หน้าคฤหาสน์ผม ช่วงฤดูหนาวจะแข็งเป็นน้ำแข็ง พวกเราไปเล่นสกีกันได้สบาย ไม่ต้องห่วงเรื่องหนังสือ ผมว่าผมมีให้คุณอ่านอย่างจุใจเลยล่ะ”

   กอร์ดอนหันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ฝ่ายนั้นทำหน้าบอกใบ้ให้เขาปฏิเสธ

   “อย่าเลยครับ ผมเกรงใจ”

   “ไม่เอาน่า ถ้าไม่สะดวกใจชวนคนอื่นไปด้วยก็ได้ เด็กรับใช้ในร้านคุณเป็นไง”

   “แต่เขาต้องไปอยู่กับแม่ในช่วงฤดูหนาวนะครับ”

   “ก็ชวนแม่เขามาด้วย” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “คนเยอะๆ ครื้นเครงดี ถ้ามีใครที่คุณอยากชวนก็ชวนมาได้เลย คฤหาสน์ผมกว้างพอ ไม่ต้องกังวลหรอก”

   “เอ่อ...” กอร์ดอนชักเริ่มรู้สึกลังเล ปกติแล้วหน้าหนาวเขามักจะนั่งผิงไฟอ่านหนังสือ หรือไม่ก็เย็บเสื้อเล็กๆ น้อยๆ แม้ปีนี้จะแอบหวังเล็กๆ ว่าจะได้อยู่กับลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ ข้อเสนอของลอร์ดฟาริงดอนก็ดูน่าสนใจ ถ้าชวนเดวิดกับแม่ของเขา ทางนั้นก็น่าจะตกลง ปกติแล้วใช่ว่าคนอย่างพวกเขาจะมีโอกาสได้ไปพักในคฤหาสน์ที่มีเตาผิงใหญ่ๆ เสียที่ไหน มันต้องอุ่นสบายมากแน่ๆ

   “ผมขอไปคิดดูก่อนแล้วกันนะครับ”

    ลอร์ดฟาริงดอนคลี่ยิ้ม “ตามสบาย วันนี้ผมจะไปดูแมกซ์ซ้อมรักบี้ คุณจะไปด้วยกันรึเปล่า ผมจะได้แวะมารับ”

   “ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่แน่ใจว่าจะว่างไปรึเปล่า ช่วงนี้ยุ่งมากน่ะครับ”

   “อืม ไม่เป็นไร ยังไงก็รักษาสุขภาพแล้วก็ระวังตัวหน่อยล่ะ”

   “ขอบคุณครับ”

   พอทั้งสองคนกลับไปแล้ว เดวิดก็รีบเข้ามาคุยทันที

   “มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก คุณว่าลอร์ดฟาริงดอนพูดจริงๆ หรือพูดเล่นกันแน่ครับ”

   “เรื่องอะไรหรือ”

   “ก็เรื่องที่ว่าให้ผมกับแม่ไปพักช่วงฤดูหนาวที่คฤหาสน์ของเขาได้ไงครับ”

   “อืม... ดูแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรพล่อยๆ นะ”

   “งั้นคุณตกลงได้ไหมครับ” ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นประกาย “ถึงเขาดูไม่ใจดีเท่าลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่ผมอยากไปเล่นสเก็ตช์ คุณเคยไปที่นั่นรึเปล่าครับ มันเป็นไงบ้าง”

   “เป็นที่ที่สวยนะ” กอร์ดอนตอบ “คฤหาสน์ของเขาอยู่นอกเมือง ด้านหน้ามีบึงน้ำสวยเลยล่ะ”

   “ว้าว ผมอยากไปจัง ให้ผมกับแม่ไปด้วยนะครับ”

   “เธอลองไปคุยกับแม่ดูก่อนแล้วกัน”

   “ได้ครับ สัปดาห์นี้ผมจะไปบอกแม่ ผมว่าแม่ต้องไม่ปฏิเสธแน่”

--------------------------------------

   แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในการคุยกับกอร์ดอน เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็ไม่ยอมแพ้ เธอกลับมาปรึกษาเรื่องนี้กับเซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ด แต่ก็ถูกฝ่ายนั้นตำหนิว่าหาเรื่องไม่หยุดหย่อน แน่นอนว่าเธอไม่กล้าไปคุยเรื่องนี้กับลอร์ดเชลบี ความเอาแต่ใจของเธอเกือบทำให้เขาและลูกพี่ลูกน้องของเธอแตกหักกัน การที่ลอร์ดเชลบีออกรับแทนเธอ ทำให้เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รู้สึกกระอักกระอวน ถึงมันจะทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษที่น่านับถือ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจเลยที่ต้องให้ใครมารับผิดแทน

   ครั้นจะไปขอความช่วยเหลือจากเลดี้แคทเธอรีน แบนรดอน เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกก์เห็นแล้วว่าเธอดูไม่เต็มใจนัก ดูเหมือนเธอเห็นดีเห็นงามกับการปิดบังคนรักของลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาไว้มากกว่าจะเปิดเผย บางทีคงเพราะเธอหวังว่าสักวันเขาจะเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วหันมาสนใจเธอแทน เลดี้แคทเธอรีนเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและเก็บความรู้สึกเก่ง ใครจะไปรู้ว่าเธอคิดอย่างที่ปากพูดจริงๆ รึเปล่า

   แต่เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์แน่ใจว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้น อะไรที่เธอคิดหรือพูดออกไป ก็คือสิ่งที่เธอต้องการทำจริงๆ เธอคลั่งไคล้ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาก อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะคลั่งไคล้ใครได้ขนาดนี้ ตอนที่เธอได้พบกับเขาครั้งแรก แต่รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่อุบอุ่นและมั่นคง ไม่ว่าใครได้อยู่ด้วยก็สบายใจ แต่ความเกรี้ยวกราดและเย็นชาที่เขาแสดงออกมาหลังจากรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้เธอรู้สึกกลัว ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่สามารถเข้าถึงหรือยุ่งด้วยได้ง่ายๆ ทว่าความรู้สึกดีๆ ที่เธอมีต่อเขายังคงไม่เลือนหาย

   ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอ ถ้าตอนนั้นเธอรู้จักยั้งคิดสักนิด... แต่เลดี้อเล็กซานดร้ารู้ดีว่า ต่อให้ย้อนเวลากลับไป เธอก็จะทำเหมือนเดิม เพราะนั่นเป็นนิสัยของเธอ และเธอไม่อยากเป็นผู้หญิงที่เอาแต่ฟูมฟายเพราะเรื่องที่ทำพลาดไปในอดีต อย่างที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์บอกเธอ ทุกอย่างยังไมสายเกินแก้ เธอทำพลาดไป เธอทำให้เขาต้องปวดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว แต่เธอสามารถทำสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้ดีกว่าเดิมได้

   แม้เขาไม่ได้รักเธอแบบคนรักกัน แต่เขาก็ดีต่อเธอไม่น้อย อย่างที่เลดี้แคทเธอรีนว่าไว้ การได้คบเขาเป็นเพื่อนเป็นเรื่องน่ายินดี สำหรับเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ ตอนนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่ใช่เพียงแค่ชายที่เธอตกหลุมรักอีกแล้ว เขาเปรียบเสมือนพี่ชายที่เธอเทิดทูน และเธอได้ทำผิดต่อเขาอย่างใหญ่หลวง อะไรจะดีไปกว่าการขอโทษพี่ด้วยการทำให้พี่สมหวังกับคนที่รักล่ะ

   แต่ปัญหาคือตอนนี้ไม่มีใครร่วมมือกับเธอ ทุกคนต้องคิดว่าเธอเพียงแค่ต้องการหาตัวคนรักของเขาเพื่อแก้แค้น แล้วเธอจะทำอย่างไรดี เธออยากพิสูจน์ว่าเธอจริงใจกับเขา เธอหวังดีกับเขา และเธอรักเขาสุดหัวใจ แม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นคนรักของเขาก็ตาม

   “เรจิน่า ฉันควรทำไงดี” ในที่สุดเลดี้อเล็กซานดร้าก็ตัดสินใจปรึกษากับสาวใช้ที่อยู่กันมานานของเธอ “ฉันอยากช่วยให้จอห์นสมหวัง การต้องปิดบังตัวตนของคนที่รักเอาไว้ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย”

   ถ้าเป็นคนอื่น เรจิน่าคงบอกให้เลิกยุ่งไปแล้ว แต่เธอรู้นิสัยนายหญิงของเธอดี ลองถ้าเลดี้อเล็กซานดร้าต้องการจะทำอะไรสักอย่าง เธอจะต้องทำมันให้ได้ แน่นอนสิ่งที่เธอทำได้ คือให้คำแนะนำที่ส่งเสริมให้นายหญิงของเธอทำเรื่องพวกนั้นในทางที่เหมาะที่ควร

   “ลองถามเอาจากเลดี้บาธไหมคะ” สาวใช้เสนอ “ดิฉันว่าการที่เขาต้องปิดบังเอาไว้ อาจจะเพราะเขาเคยพาเธอไปพบพ่อแม่แล้วแต่ไม่ถูกยอมรับก็เป็นได้นะคะ”

   “ก็จริงของเธอนะ” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า แล้วยิ้มออกมา “ถ้าไปถามเธอ เธอต้องรู้แน่ และพอฉันรู้ว่าคนรักของเขาเป็นใคร เรื่องมันก็จะง่ายขึ้น แค่ทำให้ลอร์ดกับเลดี้บาธยอมรับไม่น่าจะใช่เรื่องยาก”

   ดังนั้น เลดี้อเล็กซานดร้าจึงให้คนไปส่งจดหมายถึงเลดี้บาธ ว่าเธออยากจะเข้าพบเป็นการส่วนตัวในช่วงเย็นวันพุธ ซึ่งเป็นช่วงที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกไปซ้อมรักบี้ แน่นอนว่าเลดี้บาธให้การต้อนรับเธอเป็นอย่างดี

   “เป็นไงบ้างจ๊ะหนูอเล็กซานดร้า มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันงั้นหรือ”

   “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ตอบ แล้วนั่งลงบนโซฟา “ที่นี่สวยจังเลยนะคะ”

   “ขอบใจจ้ะ เสียดายนะที่จอห์นไม่อยู่ ไม่งั้นจะให้เขาพาหนูเดินชมสวนเสียหน่อย”

   “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูมาที่นี่เพราะมีเรื่องจะคุยกับคุณน่ะค่ะ”

   “ว่ามาสิจ๊ะ”

   “คือ...” แม้จะเรียบเรียงคำพูดมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอกลับนึกไม่ออก “แบบว่า คนรักของจอห์นเป็นผู้หญิงแบบไหนหรือคะ”

   เลดี้บาธมีสีหน้าประหลาดใจ อีกฝ่ายจึงรีบพูดขึ้น “หนูไม่ได้มีเจตนาอะไรไม่ดีนะคะ แค่คิดว่าน่าจะช่วยเรื่องนี้ได้ คือจอห์นดูรักเธอมากค่ะ หนูอยากให้พวกคุณยอมรับเธอด้วย”

   เลดี้บาธยังคงมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ จนเลดี้อเล็กซานดร้าคิดว่าเธอคงพูดห้วนไปหน่อย ขณะที่กำลังจะพูออธิบายให้ชัดเจนขึ้น เลดี้บาธก็พูดออกมา

   “ฉันดีใจที่หนูหวังดีกับจอห์น แต่... ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะว่าคนรักของเขาเป็นผู้หญิงแบบไหน เขาไม่เคยพามาพบเราเลย”

   “เอ๋” คราวนี้เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เป็นฝ่ายที่แสดงอาการประหลาดใจแทน “เขาไม่เคยพาเธอมาทำความรู้จักพวกคุณเลยหรือคะ”

   “จ้ะ ฉันเองก็พยายามเลียบเคียงถามเขาหลายครั้งแล้ว แต่เขาไม่ยอมเปิดเผย บอกรู้ว่าเธอไม่คู่ควร”

   “แปลกจัง” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า “แต่การแสดงออกของเขาบอกว่าเธอสำคัญกับเขามากนะคะ”

   “หนูรู้ได้ยังไงจ๊ะ จอร์จเล่าให้ฟังหรือ”

   “อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้ารีบปฏิเสธ “หนูสังเกตเอาน่ะค่ะ ในงานตอนที่เพื่อนของเขาหายไป เขาดูเป็นห่วงมาก มิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี หนูว่าเขาคงมีญาติหรือน้องสาวที่สวยมากๆ เลยเดาว่าที่จอห์นให้ความสำคัญกับเขาเพราะเขาเกี่ยวข้องกับเธอ”

   “ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เลดี้บาธว่า พลางถอนหายใจ “แต่เขาไม่เคยพาเธอมาให้เราพบเลย ต่อให้เป็นญาติของโอเดนเบิร์ก เราก็ไม่แสดงท่าทีรังเกียจหรอก ถ้าเธอเป็นผู้หญิงที่ดี”

   “แปลกจริงๆ ด้วยค่ะ หนูว่าจอห์นออกจะเป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผยมาก ถ้าเขาชอบใครขนาดนั้นเขาคงอยากจะพาเธอมาเปิดตัวแน่ๆ เอ๊ะ หรือว่า...”

   “หรือว่าอะไรจ๊ะ” เลดี้บาธถามขึ้น เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มีสีหน้าปั้นยาก

   “อย่าว่าหนูเสียมารยาทเลยนะคะ ตอนแรกหนูคิดว่าเขาพามาหาพวกคุณแล้วแต่ถูกปฏิเสธ แต่ถ้าเขาไม่เคยพาเธอมา และไม่บอกรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับเธอเลย บางทีเขาอาจจะ... อาจจะชอบผู้หญิงที่มีสามีแล้วก็ได้ค่ะ”

   “เหลวไหล” เลดี้บาธโพล่งออกมา “จอห์นไม่ใช่คนไร้ศีลธรรมแบบนั้นแน่”

   “ขอโทษนะคะ หนูแค่เดา หนูเองก็ไม่คิดว่าจอห์นจะเป็นคนแบบนั้นหรอกค่ะ”

   บรรยากาศอึดอัดเกิดขึ้นทันที เลดี้บาธเอาแต่นั่งเงียบ ส่วนเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็ก้มหน้างุดด้วยความอับอาย เธอรู้สึกว่าตัวเองทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   “ท่านหญิง หนูขอโทษจริงๆ นะคะ หนูไม่ได้มีเจตนาจะหมิ่นเกียรติของจอห์นเลยค่ะ”

   “อืม” เลดี้บาธถอนหายใจ “ที่จริงที่หนูพูดมาก็ใช่ว่าไม่มีเหตุผล แต่นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเรา เข้าใจนะจ๊ะ ฉันหวังว่าหนูจะไม่เอาไปพูดกับใครอีก”

   “แน่นอนค่ะ หนูสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร”

   “และฉันขอให้หนูลืมเรื่องพวกนี้ด้วย ไม่ว่ายังไง จอห์นก็เป็นสุภาพบุรุษที่มีเกียรติ เขาไม่ควรมีรอยด่างพร้อยเพราะการคาดเดาแบบสุ่มสี่สุ่มห้า”

   “ขอโทษค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้าได้แต่ก้มหน้า “งั้น... หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ”

   “ตามสบายจ้ะ ฝากความคิดถึงถึงพ่อของหนูด้วยค่ะ”

   “ค่ะ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รีบออกจากคฤหาสน์เดล เธออับอายจนเกือบจะร้องไห้ออกมา

   “เรจิน่า ฉันทำพลาดอีกแล้ว ฉันพูดออกไปได้ไงว่าจอห์นอาจจะชอบผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ถ้าเขารู้จะยิ่งโกรธฉันแน่”

   “ใจเย็นๆ นะคะคุณหนู” สาวใช้ว่า “ดิฉันว่าเลดี้บาธคงไม่บอกเขาหรอกค่ะ และสมมติว่าเรื่องที่คุณคาดเดาเป็นจริง เราก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้อีกแล้วนะคะ”

   “แต่... แต่ฉันไม่เชื่อว่าจอห์นจะเป็นผู้ชายแบบนั้น”

   “โธ่ คุณหนูของดิฉัน ผู้ชายน่ะ ลองถ้าหลงผู้หญิงสักคนแล้ว ไม่ว่าเธอจะเป็นใครเขาก็ไม่สนทั้งนั้นล่ะค่ะ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เม้มปาก “ไม่ ฉันจะพิสูจน์ว่าจอห์นไม่ใช่คนแบบนั้น ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าคนรักของเขาเป็นใครกันแน่”

--------------------------------

   “อเล็กซานดร้ามาหาคุณเรื่องอะไรหรือ” ลอร์ดบาธเอ่ยถามภรรยาตอนที่เธอนั่งลงบนเก้าอี้กินข้าว เลดี้บาธมองลอร์ดสามี

   “เธอมาคุยเรื่องจอห์นน่ะค่ะ”

   คนได้ฟังพยักหน้า “เธอเป็นเด็กน่ารักดีนะ ผมว่า เสียดายที่ลูกเราไม่แสดงท่าทีว่าชอบพอเธอเลย เรื่องนี้เห็นทีผมคงช่วยอะไรไม่ได้ จอห์นเอาแต่ใจจะตายไป”

   “เธอไม่ได้มาคุยเรื่องนั้นหรอกค่ะ”

   ลอร์ดบาธมีสีหน้าประหลาดใจ “อ้าว ไหนคุณว่าเธอมาคุยเรื่องจอห์นไง”

   “ใช่ค่ะ แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” เลดี้บาธนิ่งไปอึดใจ “เธอว่าเรากีดกันความรักของจอห์นค่ะ คิดว่าจอห์นพาคนรักของเขามาพบเราแล้วแต่เราไม่เห็นด้วย เธออยากช่วยเขาเรื่องนี้”

   “โอ... เธอช่างเป็นสาวน้อยที่กล้าหาญ แม้ผมจะรู้สึกว่าออกจะขัดกับวิธีของสุภาพสตรีไปหน่อยก็ตามเถอะ”

   “ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอกค่ะ” เลดี้บาธว่า “โอ เฮนรีคะ พอเธอรู้ว่าจอห์นไม่เคยพาคนรักของเขามาแนะนำกับเรา เธอก็คาดเดาบางอย่างที่น่ากลัวออกมาค่ะ”

   “อะไรล่ะ”

   “เธอคิดว่าจอห์นอาจจะชอบผู้หญิงที่มีสามีอยู่แล้วก็ได้ค่ะ”

   ลอร์ดบาธเงียบไป จนเลดี้บาธต้องพูดต่อ “นี่คุณจะไม่พูดอะไรสักหน่อยหรือคะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงมากนะคะ ถ้าเกิดว่าจอห์นไปชอบผู้หญิงที่มีสามีแล้วจริงๆ”

   “มันก็ดีแล้วนี่ที่เขาปิดไว้เป็นความลับจนไม่มีใครรู้นะ แสดงว่าเขายังรู้จักยับยั้งชั่งใจอยู่นะ”

   “ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะค่ะ เขาอาจจะเสียคนเพราะเธอก็ได้ จอห์นน่ะเป็นคนจริงจังมากด้วย ถ้าสักวันเขาเกิดรักเธอจนทนไม่ไหวขึ้นมาล่ะคะ”

   “เอาล่ะ ใจเย็นๆ นะ” ลอร์ดบาธว่า “สมมติว่าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริง เราก็ห้ามอะไรลูกไม่ได้อยู่ดี แต่ผมเชื่อนะว่าลูกน่ะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขายังหนุ่มอยู่ เด็กผู้ชายก็ชอบอะไรแปลกใหม่เร้าใจทั้งนั้นแหละ คุณไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวสักพักเขาก็ลืม”

   “คุณนี่ใจเย็นจริงนะคะกับเรื่องแบบนี้”

   ลอร์ดบาธยักไหล่ “ก็มันทำอะไรไม่ได้นี่นา หรือคุณมีวิธีอะไรที่ดีกว่านี้ จะสั่งให้จอห์นเลิกเขาก็คงไม่ทำตามอยู่แล้ว”

   เลดี้บาธถอนหายใจเฮือก “ไม่รู้สิคะ ฉันคิดว่าควรต้องทำอะไรสักอย่าง ให้ลอร์ดสวินดันช่วยสืบเรื่องเธอดีไหมคะ ถ้าเขารู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเธอแล้ว เขาอาจจะตาสว่างขึ้นมาบ้างก็ได้”

   “คุณอย่าไปก้าวก่ายชีวิตลูกมากเลยน่า อีกอย่างแมกซ์สนิทกับจอห์นจะตาย ถ้าคุณไปพบพ่อเขาที่บ้าน เขาต้องรู้เรื่องนี้และเอาไปบอกจอห์นอยู่แล้ว เชื่อที่ผมพูดเถอะ ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก”

   เลดี้บาธถอนหายใจเฮือกอีกครั้ง แน่นอนว่าเธอไม่รู้สึกเห็นด้วยกับลอร์ดสามีเลย

-----------------------------------

   ฤดูร้อนแสนสั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฤดูใบไม้ร่วงคืบคลานเข้ามา อุณหภูมิในลอนดอนลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้ากลายเป็นสีหม่นและฝนก็ตกจนน่ารำคาญ ในขณะที่เหล่าคนมีฐานะหนีบรรยากาศอึมครึมออกไปตากอากาศดูใบไม้เปลี่ยนสีในแถบชนบท คนทำงานอย่างกอร์ดอนก็วุ่นอยู่กับการจัดการงานที่คั่งค้างอยู่ให้เสร็จก่อนช่วงวันหยุดฤดูหนาว แน่นอนว่าทุกอย่างเร่งรีบกว่าเดิมเป็นสองเท่า และเขาก็วุ่นจนไม่มีเวลาไปดูลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่กำลังฝึกซ้อมรักบี้อย่างจริงจังเพราะใกล้วันแข่งขันเข้ามาทุกที

   ดยุกและดัชเชสแห่งแคมบริดจ์กลับไปแล้ว แต่เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยังคงพักอยู่ที่คฤหาสน์ของเซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ด เธออ้างว่าต้องการไปดูการซ้อมของลอร์ดโทรว์บริดจ์จนถึงวันที่เขาลงแข่ง แต่แท้จริงแล้วเธอกำลังวางแผนสืบเรื่องของเขาอยู่

   “อเล็กซี่ จะต้องให้บอกกี่ครั้งว่าเธอจะไปไหนไม่ได้ถ้าไม่มีฉันไปด้วย”

   เลดี้อเล็กซานดร้าทำหน้าถมึงทึงใส่ญาติของเธอ “ฉันอายุสิบเก้าแล้วนะเจเรม ฉันควรมีสิทธิ์ไปไหนมาไหนคนเดียวได้แล้ว”

   “เธอเป็นผู้หญิงนะ” เซอร์เจเรมีว่า “ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาฉันจะแบกหน้าไปพบท่านลุงได้ยังไง”

   “คำก็ผู้หญิง สองคำก็ผู้หญิง นายนี่ยังไงกัน ถึงฉันเป็นผู้หญิงก็ดูแลตัวเองได้นะ” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า “ฉันเรียนศิลปะป้องกันตัวมาด้วย ปืนพกก็มี นายเองก็เคยเห็นฉันยิงปืนแล้วนี่”

   เซอร์เจเรมีอยากจะยกมือกุมขมับ “ฉันจะไม่ปวดหัวขนาดนี้เลยถ้าเธอเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง”

   “เฮอะ สุดท้ายก็เรื่องนี้นี่เอง” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า “ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็ ฉันเตรียมทางออกให้นายไว้แล้ว”

   “อะไรของเธอ”

   “หึๆ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์หัวเราะอย่างมีเลสนัย “แค่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงก็ได้แล้วใช่ไหม”

   พูดจบเธอก็ชวนสาวใช้เดินออกไป เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดมองด้วยความเพลียใจ เขาหันไปหาลอร์ดเชลบีที่นั่งจิบชาอยู่

   “นี่ แพททริก นายคิดผิดคิดใหม่ได้นะ เรื่องอเล็กซี่นะ ฉันว่านายน่าจะหาผู้หญิงที่ดีกว่านี้ได้”

   ลอร์ดเชลบีหัวเราะ “อะไรกัน เจเรมี แค่เธอมีปากเสียงกับนายนิดหน่อย ถึงกับให้ฉันหาคนใหม่เลยหรือ ไม่ล่ะ ฉันชอบอเล็กซานดร้า แม้ว่าเธอจะไม่ได้สนฉันเลยก็เถอะ”

   เซอร์เจเรมีถอนหายใจ “ถ้าเป็นฉันต้องไม่มีวันสนใจผู้หญิงแบบนี้แน่ วุ่นวายจะตายชัก”

   เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ชายหนุ่มสองคนท่าทางสำอางก็เดินเข้ามาในห้อง เซอร์เจเรมีเลิกคิ้ว “พวกคุณเป็นใคร แล้วจู่ๆ เข้ามาที่นี่ได้ไง”

   ชายหนุ่มทั้งสองหัวเราะคิกคัก ขณะที่เซอร์เจเรมีเดินเข้ามาอย่างวางท่า “ถ้าไม่ได้รับเชิญก็กรุณาออกไปจากบ้านของผม ก่อนที่ผมจะเรียกคนมาไล่พวกคุณออกไป”

   “นี่นายดูไม่ออกจริงๆ หรือ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น เซอร์เจเรมีขมวดคิ้ว

   “อเล็กซี่”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยิ้มร่า ภายใต้วิกผมสั้นและหนวดปลอมทำให้เธอดูเหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดคราง

   “ให้ตาย เธอทำบ้าอะไรเนี่ย”

   “อ้าว ก็ทำตัวให้ไม่ใช่ผู้หญิงไง” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ลอยหน้าลอยตาตอบ “ส่วนนี่ก็เรจิน่า ไงล่ะ นายดูไม่ออกเลยล่ะสิ”

   เรจิน่าย่อเข่าให้เซอร์เจเรมี ฝ่ายนั้นทำท่าเหมือนอยากจะร้อง เขาหันไปหาลอร์ดเชลบี

   “แพททริก นายช่วยพูดอะไรหน่อยได้มั้ย ฉันว่านี่มันบ้าเกินไปแล้ว”

   ลอร์ดเชลบียิ้ม “ผมว่ามันยอดเยี่ยมมากเลยล่ะ เสียแต่ว่าหนวดมันผิดที่ผิดทางไปหน่อย คุณควรจะแต่งมันอีกสักนิด”

   ไม่พูดเปล่า เขาเดินไปช่วยเลดี้อเล็กซานดร้าแต่งหนวดปลอมด้วย “เล็มอีกหน่อยดีกว่า เจเรม นายมีกรรไกรมั้ย”

   “ให้ตาย” เซอร์เจเรมีคราง “นายจะไปเห็นดีเห็นงามกับอเล็กซี่ทำไม”

   “ก็เธออุตส่าห์ทำถึงขนาดนี้แล้ว นายยังจะใจแข็งอยู่อีกหรือ”

   “มันเป็นหน้าที่รับผิดชอบของฉัน” เซอร์เจเรมีว่า “นายก็รู้ว่าเราไม่ควรปล่อยให้ผู้หญิงโดยเฉพาะที่ยังเด็กอย่างเธอออกไปเดินเพ่นพ่านโดยไม่มีคนดูแล”

   “ฉันไม่ได้ไปเดินเพ่นพ่าน” เลดี้อเล็กซานดร้าเถียง “ฉันกำลังจะไปสืบเรื่องลับต่างหาก”

   “เอาล่ะ ฉันไปแทนนายแล้วกัน” ลอร์ดเชลบีพูด เซอร์เจเรมีหันไปมองเขา

“แต่เย็นนี้นายมีซ้อมรักบี้นะ”

   “ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ระหว่างวันฉันว่างอยู่แล้ว ถ้าญาตินายไม่รังเกียจน่ะนะ”

   “ไม่เลยแพททริก ฉันจะขอบคุณมากเลยล่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า ก่อนจะพูดต่อ “สัญญาค่ะว่าจะกลับมาก่อนถึงเวลาที่คุณจะไปซ้อมรักบี้”

   “จะไปดูการซ้อมเลยก็ได้นะ” ลอร์ดเชลบีว่า “ถ้าไม่กลัวว่าจอห์นจะตกใจที่เห็นคุณในสภาพนี้น่ะ”

   หญิงสาวหัวเราะออกมา “น่าสนุกดีค่ะ เป็นอันว่าคุณจะไปกับเรา แบบนี้ฉันก็ออกไปได้แล้วใช่ไหม”

   เธอหันไปหาเซอร์เจเรมี ฝ่ายนั้นได้แต่ถอนหายใจ “ก็ได้ๆ แต่ระวังอย่าทำอะไรเสี่ยงล่ะ แพททริก ฉันฝากญาติจอมยุ่งคนนี้ด้วยก็แล้วกัน”

   “ได้ เจเรมี ฉันจะดูแลเธออย่างดี”

-----------------------------
(มีต่อ)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   เลดี้อเล็กซานดร้าเดินออกมากับลอร์ดเชลบี เธอหันมาถามเขา “นายว่าคนอื่นจะดูออกไหม หมายถึง บางทีเจเรมอาจจะแกล้งทำเป็นจำไม่ได้ก็ได้”

   ลอร์ดเชลบียิ้ม “มองผ่านๆ คุณดูเหมือนเด็กหนุ่มที่เอาหนวดปลอมมาติดน่ะนะ เด็กวัยรุ่นเค้าไม่มีหนวดดกขนาดนี้หรอก”

   “ตายจริง ทำไงดี ฉันกลัวถ้าไม่ติดหนวดแล้วจะดูไม่เหมือนผู้ชาย”

   “ลองแกะออกก่อนไหม ผมจะดูให้ว่ามันโอเครึเปล่า”

   “ได้ แต่ต้องหากระจกก่อน ฉันต้องได้เห็นตัวเองด้วย”

   แน่นอนว่าในคฤหาสน์หลังใหญ่แบบนี้ ต้องมีกระจกประดับอยู่หลายบาน เดินหาไม่นานเลดี้อเล็กซานดร้าก็เลือกได้บานที่ถูกใจ เธอแกะหนวดปลอมออก ความเหนียวของกาวที่ใช้ติดทำให้เธอขมวดคิ้ว ขณะที่ลอร์ดเชลบีแอบอมยิ้ม

   “ได้อยู่นะ ผมว่า” คนดูออกความเห็น “คุณดูเหมือนเด็กผู้ชายที่เพิ่งย่างเข้าสู่วัยรุ่น ไม่ต้องติดหนวดหรอก มันดูหลอกๆ น่ะ”

   “งั้นหรือ แล้วเรจิน่าล่ะ เธอถอดด้วยได้ไหม กาวที่ใช้ติดมันค่อนข้างจะคันอยู่นะ”

   “ลองดูสิ ผมว่าเรจิน่าน่าจะเหมือนหนุ่มสวยที่มีอายุหน่อยน่ะนะ”

   เรจิน่าลองแกะหนวดปลอมออก เธอมีอาการแบบเดียวกับเจ้านาย คือเจ็บตอนดึงหนวด

   “อืม... ได้อยู่นะ แต่พวกคุณต้องแต่งผมอีกหน่อย มันดูพองๆ ยังไงไม่รู้”

   “ก็พวกเราผมยาวนี่” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า ลอร์ดเชลบีมองแล้วก็พูดขึ้นมา

   “งั้นใส่หมวกปิดไว้ พวกคุณเตรียมหมวกไว้ด้วยไหม”

   “มีๆ ฉันกำลังลังเลระหว่างหมวกฮอมเบิร์กกับตรอว์ หรือว่าเราใส่หมวกทรงสูงดี”

   “ใส่ฮอมเบิร์กดีกว่า ว่าแต่พวกคุณตั้งใจจะแต่งตัวแบบนี้ไปสืบเรื่องจอห์นที่ไหนกันล่ะ สโมสรของเขาหรือ แต่ที่นั่นเขาไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าหรอกนะ”

   “ไม่ใช่ ฉันไม่ได้จะไปที่นั่น” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ฉันจะไปที่ร้านตัดเสื้อ ฉันเชื่อว่าระหว่างมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเจ้าของร้าน กับผู้หญิงคนนั้นต้องมีความสัมพันที่ลึกซึ้งแน่”

   “หมายถึงคุณจะไปตัดเสื้อที่ร้านของเขา”

   “อือ มีเหตุผลอื่นอีกหรือที่เราจะเข้าไปในร้านตัดเสื้อของเขาได้”

   “ผมว่าเธอคงไม่นั่งอยู่ตรงหน้าร้านเพื่อรับแขกหรอก” ลอร์ดเชลบีออกความเห็น “เธออาจจะอยู่ด้านในร้าน หรือบางทีอาจจะออกไปข้างนอกช่วงกลางวันก็ได้”

   “แล้วนายมีแผนอื่นรึเปล่า”

   “อืม... ผมว่าเราเปลี่ยนไปจับตาดูคนที่เข้าออกร้านของเขาดีไหม”

   “ถ้าเธออยู่แต่ในบ้าน เราก็จะไม่เห็นนะคะ” เรจิน่าเสนอขึ้นมา “เว้นเสียแต่เขาหรือเธอจะเชิญเราเข้าไป”

   “เอ๊ะ ฉันนึกแผนดีๆ ออกแล้ว” เลดี้อเล็กซานดร้าโพล่งขึ้นมา ทั้งลอร์ดเชลบีและสาวใช้หันไปมองเธอเป็นตาเดียว

   “ถ้าใช้แผนนี้ต้องได้เข้าไปถึงด้านในร้านของเขาแน่ๆ”

-------------------------------------

   กอร์ดอนกำลังเขียนแบบเสื้ออยู่ ตอนที่ออดหน้าร้านดัง เดวิดที่วิ่งไปเปิดประตูวิ่งกระหืดกระหอบมาหาเขา

   “มิสเตอร์โอเดนเบิร์กครับ เกิดเรื่องแล้วครับ”

   อารามตกใจ กอร์ดอนรีบวางงานที่ทำอยู่แล้วออกไปหน้าร้านทันที เขาเห็นลอร์ดเชลบีพยุงเด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาในร้าน

   “ลอร์ดเชลบี เกิดอะไรขึ้นหรือครับเนี่ย”

   “เขาเป็นลมน่ะ” ลอร์ดเชลบีว่า “รถม้าผมเกือบเหยียบเขาเข้าพอดี ดีที่คนขับสังเกตเห็นก่อน”

   “เคราะห์ดีนะครับที่เขาไม่เป็นอะไรมาก” กอร์ดอนว่า “ยังเด็กอยู่เลย”

   “อืม ผมจะพาไปส่งบ้านเขาก็พูดไม่รู้เรื่อง พอจะมีที่ให้เขานอนพักสักประเดี๋ยวไหม”

   “ชั้นบนมีโซฟาอยู่ครับ”

   “ผมจะพาเขาขึ้นไปเอง ขอโทษที่รบกวนนะ”

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะให้แม่บ้านขึ้นไปช่วยดู”

   “ขอบใจมาก เดี๋ยวผมต้องไปธุระต่อ ฝากเขาไว้หน่อยนะ”

   “ได้ครับ”

   กอร์ดอนให้เดวิดพาลอร์ดเชลบีขึ้นไปชั้นบน เพราะต้องกลับไปจัดการงานต่อ เขาแวะบอกมิสซิสมาร์ธาให้ช่วยขึ้นไปดูด้วย เผื่อว่าเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารคนนั้นต้องการอะไรเพิ่มเติม หลังจากนั้นกอร์ดอนก็ลืมไปเลย กระทั่งมีผู้หญิงคนหนึ่งมากดออดเรียกที่หน้าร้าน

   “ได้ยินว่าวิลอยู่ที่นี่หรือคะ” เธอละล่ำละลักถามเขาทันทีที่เห็นหน้า กอร์ดอนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้

   “ถ้าหมายถึงเด็กหนุ่มที่เป็นลมล่ะก็ อยู่ชั้นบนครับ”

   “ขอบคุณพระเจ้า” เธอคราง “ฉันตามหาเขาแทบแย่ จนมีคนบอกว่าเห็นผู้ชายลงจากรถม้าพาเขาเข้ามาในนี้”

   “อ้อ... คุณเป็น...”

   “ฉันเป็นพี่สาวเขาค่ะ” เธอว่า “เขาเป็นอย่างไรบ้างคะ”

   “ผมจะให้เด็กพาคุณขึ้นไปแล้วกัน เขาน่าจะยังนอนพักอยู่”

   กอร์ดอนสั่งให้เดวิดพาหญิงแปลกหน้าขึ้นไปชั้นบน ไม่นานนักเธอก็ลงมาพร้อมกับน้องชาย

   “ขอบคุณคุณมากเลยนะคะ ถ้าไม่ได้คุณวิลต้องแย่แน่” เธอพูดด้วยน้ำเสียงประทับใจ กอร์ดอนรีบตอบ

   “ขอบคุณลอร์ดเชลบีเถอะครับ เขาเป็นคนพาหนุ่มน้อยคนนี้มาที่นี่ เห็นว่ารถม้าเกือบชนเข้า”

   “โอ้ พระเจ้า ช่างเคราะห์ดีเหลือเกิน ฉันไม่รู้จักลอร์ดเชลบีหรอกค่ะ แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ”

   “ครับ กลับดีๆ นะครับ เดี๋ยวผมจะให้เด็กออกไปช่วยเรียกรถม้าให้”

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้เราก็รบกวนคุณมากแล้ว แต่ขอทราบชื่อคุณจะได้ไหมคะ”

   “กอร์ดอนครับ”

   “ขอบคุณมากค่ะมิสเตอร์กอร์ดอน ขอให้พระเจ้าอวยพรให้คุณโชคดีนะคะ”

------------------------------------

   เรจิน่าเรียกรถม้าแล้วจูงเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ซึ่งปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายขึ้นรถเพื่อไปยังจุดที่พวกเธอนัดลอร์ดเชลบีเอาไว้

   “เป็นไงบ้าง ผมเป็นห่วงคุณมากเลยนะ” ลอร์ดหนุ่มถามหญิงสาว ฝ่ายนั้นสั่นศีรษะ

   “ฉันไม่เห็นใครเลยนอกจากแม่บ้านของเขา เธอเป็นหญิงสูงอายุแล้ว คงไม่ใช่คนรักของจอห์นหรอก”

   “แต่มิสเตอร์โอเดนเบิร์กดูเป็นคนดีมากเลยนะคะ” เรจิน่าว่า “ดิฉันว่าคนอย่างเขาไม่น่าจะสนับสนุนให้เพื่อนทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรมได้”

   “บางทีเขาอาจจะอยู่ในฐานะที่พูดไม่ได้ก็ได้” ลอร์ดเชลบีว่า “จอห์นน่ะเป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ สมมติว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กไม่ได้ร่วมมือกับเขา แต่เป็นถูกบังคับให้ต้องปิดปากเงียบแทนล่ะ”

   “ถ้าเขาบีบบังคับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กอยู่ ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องให้ฉันเชิญไปงานเลี้ยงด้วยเลยนี่นา” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า ลอร์ดเชลบีจึงพูดต่อ

   “บางทีจอห์นอาจพยายามซื้อใจเขาอยู่ก็ได้”

   “....”

   “ผมรู้ว่าคุณชอบจอห์นมาก แต่เขาไม่ใช่ผู้ชายซื่อๆ หรอกนะ”

   “ข้อนั้นฉันรู้แล้วล่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า เรจิน่าพูดขึ้นต่อ

   “สมมติว่าผู้หญิงคนนั้นมีสามีแล้วจริง เธออาจจะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กก็ได้นะคะ ดิฉันว่าลองเปลี่ยนไปสืบเรื่องญาติผู้หญิงที่แวะมาหาเขา หรือเขาแวะไปหาบ่อยๆ ดีกว่าค่ะ”

   “ผมเห็นด้วยกับเรจิน่านะ” ลอร์ดเชลบีว่า “เรื่องนี้เราจ้างคนสืบก็ได้ ไม่ต้องกลัวจะเสื่อมเสียถึงจอห์นด้วย เพราะเราสืบเรื่องมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์นิ่งคิดไปอึดใจ “ก็จริงเหมือนกันนะ ไปสืบเอาจากทางญาติของเขาน่าจะง่ายกว่า เราก็แค่สืบว่าเขามีญาติผู้หญิงแวะเวียนมาหาบ่อยแค่ไหนเท่านั้นเอง”

   คนฟังทั้งสองพยักหน้า ก่อนที่ลอร์ดเชลบีจะพูดขึ้น “งั้นเราก็กลับกันเถอะ”

---------------------------------------

   กอร์ดอนรอลอร์ดเชลบีจนกระทั่งปิดร้าน ก็ยังไม่เห็นฝ่ายนั้นโผล่มา พอนึกว่าอีกฝ่ายอาจจะลืมเด็กหนุ่มที่เอามาฝากไว้แล้ว หรืออาจจะนึกได้ทีหลังแล้วกลับมาถามหากับเขากลางดึก เจ้าตัวเลยตัดสินใจไปที่สนามซ้อมรักบี้ เพื่อจะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทราบ แน่นอนว่าลอร์ดเชลบีแสดงอาการประหลาดใจเป็นอย่างมาก

   “อย่างนั้นหรือ ขอโทษจริงๆ ผมลืมไปเสียสนิทเลย”

   กอร์ดอนทำหน้าเหนื่อยใจ “ดีนะครับที่พี่สาวเขามาตามหา”

   “คุยอะไรกันอยู่น่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินแทรกเข้ามา กอร์ดอนจึงหันไปตอบเขา

   “พอดีเมื่อกลางวันลอร์ดเชลบีเอาเด็กมาฝากไว้ที่ร้านน่ะครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมอง ลอร์ดเชลบีจึงพูดขึ้น “รถม้าฉันเฉี่ยวเด็กที่ข้างถนนน่ะ พอลงไปดูเขาก็เป็นลมไปแล้ว มันใกล้กับร้านของโอเดนเบิร์ก ฉันเลยไปฝากไว้”

   “อ้อ... แล้วตกลงเขาเป็นไงบ้าง”

   “กลับบ้านไปแล้วครับ” กอร์ดอนว่า “พี่สาวเขามารับ เธอถามเอาจากคนแถวๆ นั้น ผมเห็นลอร์ดเชลบีไม่ได้แวะกลับไป ก็เลยมาบอก”

   “นายนี่เลินเล่อจริง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ชนคนแล้วยังต้องให้คนอื่นรับผิดชอบอีก”

   “ฉันต้องไปธุระ” ลอร์ดเชลบีว่า “เผอิญมันได้ใกล้ได้เวลาซ้อม ฉันเลยบึ่งมา ไม่ทันนึกถึงไป”

   “โชคดีนะที่มีคนมารับกลับไป ไม่งั้นต้องลำบากเขาอีก”

   “ก็บอกว่าขอโทษไงเล่า”

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงเสียพี่สาวเขาก็มารับไปแล้ว” กอร์ดอนว่า “อีกอย่างลอร์ดเชลบีก็อุตส่าห์พาเขามานอนพัก ไม่ได้ทิ้งไว้ข้างทางสักหน่อย”

   “หึ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียง “ฉันว่าตั้งแต่เกิดเรื่องคราวก่อนนายก็ไม่ควรจะตากหน้าไปรบกวนเขาอีกแล้วนะ”

   “โธ่ จอห์น นี่มันเรื่องช่วยคนนะครับ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดเชลบีเมินหน้า

   “นายนี่ใจแคบกระทั่งเรื่องนี้หรือ ไม่ไหวเอาเสียเลย”

   “พอเถอะครับ พวกคุณนี่เจอหน้ากันทีไรทำไมถึงต้องมีปากเสียงกันทุกที”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ ขณะที่ลอร์ดเชลบีทำหน้าเซ็ง กอร์ดอนจึงลากตัวคนรักของเขาออกมา

   “คุณนี่ใจดีจริงๆ ถ้าเกิดเด็กนั่นเป็นขโมยขึ้นมาจะทำไง”

   “โธ่ เขาเป็นลมนะครับ” กอร์ดอนว่า “แล้วก็ยังเด็กอยู่เลย ผมจะปฏิเสธได้ไง”

   “แล้วที่ร้านคุณไม่มีอะไรหายใช่ไหม ตรวจดูหรือยัง”

   “ไม่มีอะไรหายหรอกครับ ผมไม่เห็นเขาถืออะไรไปเลย อีกอย่างมิสซิสมาร์ธาก็ขึ้นไปดูอยู่”

   “แต่ยังไม่ได้ตรวจดูใช่ไหม”

   “เดี๋ยวกลับไปค่อยตรวจก็ได้ครับ แต่ผมว่าไม่มีอะไรหายหรอก”

   “อืม เดี๋ยวผมจะไปช่วยดูด้วย ว่าแจกันของผมยังอยู่รึเปล่า”

   “โธ่ แจกันอันใหญ่ขนาดนั้น ไม่มีใครกล้าเดินถือดุ่มๆ ออกไปหรอกครับ”

   “ก็ผมอยากไปตรวจดูนี่”

   “อยากไปร้านผมก็บอกเถอะครับ”

   ลอร์ดหนุ่มคลี่ยิ้ม ใจอยากหอมแก้มคนรักสักฟอด ติดแต่ตอนนี้อยู่ในที่สาธารณะ “เดี๋ยวกินมื้อเย็นเสร็จแล้ว เราค่อยกลับไปตรวจดูกัน วันนี้เอ็ดดี้จะเป็นเจ้ามือ”

   “เนื่องในโอกาสอะไรหรือครับ”

   “เขาชนะพนันน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางหัวเราะ “แต่คุณจะต้องกินหอยทากนะ เพราะเขาเจาะจงว่าจะเลี้ยงที่ภัตตาคารฝรั่งเศส”

   “ก็ได้ครับ ผมยังไม่เคยกินมาก่อนเลย”

   “มันก็ไม่แย่หรอก ผมว่าอร่อยดีนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ทั้งคู่เดินไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนที่รออยู่ ก่อนจะนั่งรถออกไปกินมื้อเย็นด้วยกัน

--------------------------------------

   เลดี้อเล็กซานดร้าทำตามแผนที่วางไว้ คือจ้างนักสืบให้สืบเรื่องของกอร์ดอน ระหว่างที่รอความคืบหน้า เธอก็ฆ่าเวลาด้วยการไปหัดฟันดาบที่สโมสรเฮมดาล เนื่องจากประธานสโมสรกลับมาแล้ว เขาเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงและไม่ได้อาศัยอยู่ที่ลอนดอนเป็นการถาวร จึงอนุญาตให้มาหัดฟันดาบที่สโมสรได้เป็นกรณีพิเศษ ที่สโมสรนี้เอง เธอได้มีโอกาสพบกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ แม้จะประทับใจทักษะการฟันดาบของเขา แต่เธอก็ไม่กล้าเข้าไปเซ้าซี้เหมือนก่อน

   “นี่ จอห์น ไหนๆ นายก็มาแล้ว ไม่มาสอนอเล็กซานดร้าฟันดาบหน่อยหรือ” ลอร์ดฟาริงดอนพูดขึ้นหลังยืนดูลอร์ดโทรว์บริดจ์ฟันดาบอยู่กับสมาชิกอีกคน เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รีบพูดทันที

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่กล้ารบกวน”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “อเล็กซานดร้า คุณอยากเรียนดาบกับผมหรือ แต่บอกก่อนนะว่าผมสอนไม่เก่งเท่าไหร่”

   “นายมีมารยาทหน่อยจอห์น” ลอร์ดเชลบีพูดขึ้นมา “อเล็กซานดร้าปลื้มนายนะ”

   “ไม่เป็นไรหรอก แพททริก” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า “ฉันฟันดาบแบบจอห์นไม่ไหวแน่ เขาตัวใหญ่จะตาย”

   จู่ๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ยิ้มออกมา “ดาบอันเล็กนิดเดียวเอง มาสิ ขอผมดูหน่อยว่าฝีมือคุณเป็นยังไง”

   “แต่...”

   “เถอะน่า ให้เกียรติผมหน่อย”

   เลดี้อเล็กซานดร้าจึงจำต้องเดินไปหยิบดาบขึ้นมา

   “เบามือหน่อยนะจอห์น ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงนะ” เซอร์เจเรมีตะโกน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

   “ใครจะให้สัญญาณ”

   ลอร์ดฟาริงดอนเดินเข้ามา “ฉันเอง เริ่มได้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้ดาบรุกไล่เลดี้อเล็กซานดร้าแบบไม่ออมมือ แน่นอนว่าฝีมือดาบเขาเหนือชั้นกว่าเธอมาก

   “จอห์น นายมันปิศาจชัดๆ” ลอร์ดเชลบีเค้นเสียง แต่อีกฝ่ายไม่สนใจ

   “สะบัดข้อมือให้แรงอีก” เขาตะโกน “แรงคุณมีแค่นี้เองหรือ”

   เลดี้อเล็กซานดร้าขบฟันกรอด คำพูดของลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำให้เธอรู้สึกฮึดขึ้นมา “อย่าคิดว่าคุณตัวใหญ่แล้วจะชนะฉันได้ง่ายๆ นะ”

   เธอเสือกข้อมืออกไปโดยกำลังแรงกว่าเดิม แต่ก็ถูกตีโต้กลับมา “ใช้ไม่ได้ ปวกเปียกมาก อย่าเหวี่ยงตัว ใช้แรงจากหัวไหล่สิ”

   ทั้งคู่ประดาบกันอยู่พักจนเลดี้อเล็กซานดร้าเหงื่อออกท่วมตัว ในที่สุดเธอก็ตีโต้เขาได้หนึ่งดาบ

   “ดาบดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แล้วถอยออกไป “ขอบคุณที่ให้เกียรติผมสอนดาบให้”

   เลดี้อเล็กซานดร้ามองเขาด้วยความงุนงง ขณะที่เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดพูดขึ้น “พักเสียหน่อยอเล็กซี่ เธอเพิ่งประมือกับปิศาจที่ใช้ดาบเป็นอาวุธมานะ”

   เลดี้อเล็กซานดร้าเดินไปนั่งพักที่เก้าอี้ รู้สึกเหนื่อยจนเกือบคิดอะไรไม่ออก แต่แล้วจู่ๆ เธอก็ลุกพรวดขึ้นมา

   “จอห์น ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันกลับมามอง “ที่นี่หรือ”

   เลดี้อเล็กซานดร้านิ่งไปอึดใจ “ระเบียงดีกว่าค่ะ อากาศในนี้ร้อน ฉันอยากออกไปตากลมเย็นๆ”

   ทั้งคู่เดินออกมาที่ระเบียง ได้ยินเสียงรถจอแจที่ด้านนอก หลังยืนเงียบๆ กันอยู่พัก เลดี้อเล็กซานดร้าก็พูดออกมา

   “ทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะคะ ฉันรู้ว่าตอนแรกคุณตั้งใจจะปฏิเสธ”

   “อืม ผมตั้งใจจะปฏิเสธจริงๆ นั่นแหละ แต่พอเห็นคุณถอดใจง่ายๆ แล้วก็เลยรู้สึกว่านั่นไมใช่คุณเลย” เขาก้มลงมองสบตากับเธอ

   “ผมอาจจะยังโกรธคุณอยู่ก็จริง แต่ผมไม่อยากกลายเป็นคนที่ชิงความสดใสและช่างสู้ไปจากคุณหรอก ในฐานะพี่ชาย ผมชอบอเล็กซานดร้าที่แก่นแก้วคนเดิมมากกว่า”

   เลดี้อเล็กซานดร้ายิ้มออกมา “ฉันมีพี่ชายอยู่ตั้งสามคนแล้ว แต่... เพิ่มคุณมาอีกคนก็ไม่เลวค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “ขอบคุณที่ให้เกียรติผม”

   “กอดฉันแบบพี่ชายสักหนได้ไหมคะ”

   “ผมไม่เคยมีน้องสาวหรอกนะ อาจจะแข็งๆ หน่อย”

   “ไม่เป็นไรค่ะ เยี่ยมเลยที่ฉันเป็นน้องสาวคนแรกของคุณ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดึงเธอมากอด แล้วตบไหล่เบาๆ เลดี้อเล็กซานดร้ากอดตอบเขา รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ แม้เธอจะไม่ได้รับความรักเชิงหนุ่มสาวจากเขา แต่แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน

   ลอร์ดเชลบีที่ยืนมองอยู่จากด้านในสโมสร ได้แต่กำมือแน่นด้วยความไม่พอใจ

-------------------------------------
(จบตอน)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อเล็กซี่ จะทำให้เรื่องเสียหรือเปล่านะ ถึงแม้จะหวังดีก็ตามเถอะ
อีกอย่าง กลัวแพทริกที่หึงมากๆ เรื่องจะไปกันใหญ่เลยนะนั่น
 :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ถ้าอเล็กซี่  กับจอห์น จะคู่กัน คงพิลึกมาก เพราะนิสัยเหมือนกันมาก  :a5: o22
เอาแค่ใจ ดื้อรั้น ไม่ยอมเลิกลาง่ายๆ จนกว่าจะรู้ผล  :ling1: :katai1:
เหมือนนางจะทำให้เป็นเรื่องขึ้นมาให้ได้ แต่ขอให้เป็นเรื่องดีๆเท้อ   :เฮ้อ: :m16:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ 5577

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่ค่อยชอบยัยอเล็กซี่เลย วางใจไม่ได้ :katai5:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
คนอย่างจอห์นมีคนเดียวพอจริง ๆ แค่นี้ก็ป่วนทั้งลอนดอน

เพิ่มอเล็กซี่เข้ามาคือป่วนทั่งอังกฤษ

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
อเล็กซี่ นางไม่ค่อยมีมารยาทนะ
เรื่องความรักคนอื่น ถ้าเค้าปฏิเสธหลายๆรอบแล้ว
ก้ไม่ยื่นมีเข้าไปสอดรึเปล่า
ถึงขั้นไปคุยกะแม่เค้า คิดว่าตัวเองเป็นใคร
ถ้าพ่อแม่เค้ากีดกันจริง คิดว่าจะฟังหรอ แล้วสืบไปอีก
นี่ไม่ชอบนางมาก กลัวทำความลับแตกมาก  :serius2:

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เอาอเล็กซี่ออกไป
นางจะทำให้เรื่องยุ่งไปกันใหญ่
ทำไมไม่ชอบนางเลย
 :m16: :m16: :m31: :m31:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่46 แข่งรักบี้

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอน เขามองดูเอกสารที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ให้มาเมื่อหลายวันก่อน เกี่ยวกับเบนจามิน ดอว์สัน คนรักของเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน หลายครั้งที่เขาคิดจะพูดกับเธอเรื่องนี้ แต่เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเธอเวลาพูดถึงคนรัก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็อ้าปากไม่ออกทุกที เขาถอนหายใจเฮือก บางทีอดีตอาจไม่สำคัญเท่าปัจจุบัน บางที... เบนจามิน ดอว์สันคนนี้อาจจะรักเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจริงๆ

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดสินใจสอดเอกสารพวกนั้นใส่ลิ้นชัก แล้วปิดมันไว้

   เขาคิดว่าคนเราควรได้รับโอกาสสักครั้ง

----------------------------------

   ในที่สุดวันที่ทุกคนเฝ้ารอก็มาถึง การแข่งขันจัดขึ้นที่สนามเรกตอรี่ ฟิลด์ ในพื้นที่แบล็กฮีธ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของลอนดอน ผู้คนเนืองแน่น ต่างแต่งตัวอย่างหรูหรา กอร์ดอนพาเดวิดลงจากรถม้า อากาศค่อนข้างเย็น ทั้งคู่กระชับเสื้อโค้ทแล้วเดินไปต่อคิวเพื่อรอจะเข้าสนาม

   “คนเยอะมากมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ผมว่าวันนี้ฝนไม่ควรตก”

   กอร์ดอนหัวเราะ “แต่วันนี้อากาศดีจริงๆ ฉันไม่คิดว่าฝนจะตกหรอก”

   “ดีนะครับที่งานแข่งจัดใกล้แค่นี้ ถ้าจัดที่แมนเชสเตอร์เราคงต้องเดินทางตั้งแต่เมื่อวาน”

   “อืม... แต่ฉันก็อยากไปเที่ยวแมนเชสเตอร์ดูสักทีเหมือนกันนะ” กอร์ดอนว่า ผู้คนทยอยเดินเข้าสนาม กอร์ดอนเดินตามหาที่นั่งตามเลขบัตร เขาเห็นลอร์ดจอร์จ เฟลตันและเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตนั่งอยู่ก่อนแล้ว ทั้งคู่แต่งตัวทันสมัย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสวมหมวกทรงสูงดูเก๋ไก๋ ขณะที่เลดี้มาการ์เร็ต อยู่ในชุดฤดูใบไม้ร่วงสีส้มแดงชวนให้นึกถึงสีของใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนอยู่ตอนนี้จริงๆ

   “อ้าว กอร์ดอน นั่งก่อนสิ ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าใครจะมาเป็นรายต่อไป” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ไม่นานนักลอร์ดเบอร์มิ่งก็ตามมาสมทบ ตามด้วยสมาชิกสโมสรคนอื่นๆ และที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่า คือลอร์ดฟาริงดอนที่มาพร้อมกับแอนนาเบล เฮเก้นต์

   “อ้าว นายมาเป็นบอดี้การ์ดให้เธอหรือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแซวทันที ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า

   “แน่นอนจอร์จ ฉันมาพิทักษ์เธอจากผู้ชายอย่างนายนั่นแหละ”

   เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตหัวเราะ ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าเบ้ แอนนาเบล เฮเก้นต์นั่งลงข้างๆ กอร์ดอน จากนั้นไม่นานเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนกับเบนจามิน ดอว์สันก็เดินเข้ามา

   “ว้าว หมวกคุณสวยมากเลยครับ” กอร์ดอนเอ่ยชมทันทีที่เห็นเธอ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหัวเราะเขินๆ “เบนซื้อให้ฉันค่ะ คุณเคยพบเขาหรือยังคะ”

   “ไม่เลยครับ ผมเคยได้ยินจอห์นพูดถึงเฉยๆ” กอร์ดอนว่า เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจึงแนะนำคนรักของเธอให้เขารู้จัก

   “ท่านตาตากอากาศเย็นไม่ไหวเลยไม่ได้มาด้วยค่ะ ท่านบ่นเสียดายอยู่เหมือนกันที่ไม่ได้มาดูจอห์นลงแข่ง”

   “ท่านดยุกอายุมากแล้ว ต้องระวังสุขภาพนะครับ” กอร์ดอนว่า เดวิดพูดด้วยความตื่นเต้น

   “เจ้าชายจะเสด็จแล้วใช่ไหมครับ เราจะมองเห็นพระองค์ไหม”

   “เธอจะใช้กล้องส่องดูระหว่างแข่งก็ได้นะ” ลอร์ดฟาริงดอนที่นั่งอยู่ถัดไปพูดขึ้น “ฉันมีให้ยืม”

   “ได้หรือครับ” เดวิดทำหน้าดีใจ “ผมยังไม่เคยเห็นเจ้าชายมาก่อนเลย”

   ลอร์ดฟาริงดอนยิ้ม ขบวนเสด็จของเจ้าชายมาถึงหลังจากนั้นอีกพักใหญ่ หลังผู้ชมทยอยเข้าสนามจนครบแล้ว ขบวนพาเหรดเปิดงานทำออกมาได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ และจบด้วยสุนทรพจน์ของเจ้าชาย จากนั้นผู้เล่นทั้งสองทีมก็ทยอยเดินเข้ามาในสนาม โฆษกประกาศชื่อของแต่ละคน ท่ามกลางเสียงปรบมือเป็นระยะ กอร์ดอนรู้สึกปลาบปลื้มที่ได้เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์อยู่ในสนาม เขาดูโดดเด่นกว่าผู้เล่นทุกคน แม้ไม่ใช่ผู้เล่นที่เตะทำคะแนน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นส่วนสำคัญในการทำให้เกิดคะแนนเหล่านั้น

   “บ้าชะมัด แพททริก วิ่งเร็วซี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเชียร์อย่างออกรสออกชาติ ขณะที่เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตอุทานเป็นระยะๆ ลอร์ดเบอร์มิ่งผู้มีความสุขกับการทำนายว่าใครจะเตะลูกเข้าดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อการคาดเดาของเขาถูกต้อง แน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ระหว่างนั้นโดยที่แทบไม่มีใครทันสังเกต ลอร์ดฟาริงดอนขยับไปพูดบางอย่างกับเบนจามิน ดอว์สัน หลังจากนั้นอีกสักพักเขาก็ลุกออกไปเข้าห้องน้ำ

   การแข่งขันสิ้นสุดลง โดยชัยชนะของทีมลอนดอน ทว่าคะแนนก็ไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก เรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันที่สนุกสูสีทีเดียว นักกีฬาทุกคนรวมถึงโคชได้รับของที่ระลึกจากเจ้าชาย มีพิธีกล่าวปิดงานสั้นๆ ตามด้วยพลุไฟ จากนั้นผู้คนก็พากันทยอยออกจากสนาม

   กลุ่มสมาชิกสโมสรแบล็กเบิร์ดออกมายืนรอที่ด้านนอก เพื่อแสดงความยินดีกับเพื่อนที่ประสบความสำเร็จในสนาม ส่วนกลุ่มของลอร์ดฟาริงดอนเองก็อยู่ไม่ห่างกันมากนัก แน่นอนว่าต้องมีการปะทะฝีปากกันเล็กน้อยตามธรรมเนียม

   “พนันได้เลยว่าจอห์นจะจองหองยิ่งกว่าเดิม” ลอร์ดชอร์เลย์ว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันได้ยินดังนั้นจึงพูดขึ้น

   “ในขณะที่แพททริกไม่รู้สึกยืดเลยงั้นหรือ ไม่เอาน่า ใครเล่นดีก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้าสิ”

   “แต่จอห์นเล่นดีจริงๆ นะคะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “แพททริกก็เล่นดี ฉันว่าเพราะทุกคนช่วยกันเลยเอาชนะมาได้”

   “ถูกของอเล็กซี่” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดเสริม “ชัยชนะในวันนี้เกิดจากการร่วมมือกันของทุกคน ไม่มีใครเก่งกว่าใครหรอก”

   ลอร์ดฟาริงดอนอมยิ้ม “มารอดูกันดีกว่าว่าจอห์นจะพูดอะไรในเรื่องนี้”

   ใช้เวลาพักใหญ่ๆ กว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์และคนที่เหลือจะออกมาจากสนาม เพราะต้องเข้าพบเจ้าชายและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

   “จอห์นนี่ มันเป็นการแข่งที่ยอดมาก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นายคือดาวเด่นในสนามเลย”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ฉันแทบไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าแมกซ์ไม่หยุดการเข้าทำ แล้วแพททริกวิ่งไปวางทรัยได้ คงไม่ชนะหรอก”

   “พูดได้ดี” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ไหนๆ เราก็ได้ชัยชนะมาอย่างน่าประทับใจ วันนี้ฉันจะเลี้ยงพวกนายเอง ทั้งหมดนี่แหละ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “เข้าท่าไมครอฟต์ ฉันไม่เคยนึกถึงมาก่อนว่าเราจะจัดงานเลี้ยงร่วมกันได้”

   “เอาล่ะๆ ก่อนที่พวกนายจะตกลงอะไรกันโดยไม่ถามความเห็นพวกฉันนะ เรามาถ่ายรูปกันก่อนดีกว่า” ลอร์ดเบอร์มิ่งว่า “ช่างภาพมารออยู่นานล่ะ ฉันจะไม่ยอมพลาดช็อตเด็ดนี่แน่ มันจะต้องไปอยู่ในอัลบั้มรูปที่ห้องของฉัน”

   “อัดเผื่อฉันด้วยนะเอ็ดดี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “มันต้องเป็นภาพประวัติศาสตร์แน่”

   “ฉันอัดแจกทุกคนล่ะน่า” เขาหลิ่วตาไปมองฝั่งของลอร์ดฟาริงดอน “แน่นอนว่าเผื่อพวกนายด้วย”

   “ไม่เป็นไร เอ็ด” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ฉันก็เตรียมช่างภาพมาด้วยเหมือนกัน หวังว่านายจะทำหน้าดีๆ ตอนถูกถ่ายรูปนะ”

   สมาชิกทั้งสองกลุ่มยืนถ่ายรูปร่วมกันที่ด้านหน้าสนามกีฬา หลังจากนั้นก็พูดคุยกันถึงเรื่องงานเลี้ยงมื้อเย็นที่กำลังจะเกิดขึ้น เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเดินเข้าไปหาลอร์ดฟาริงดอน

   “คุณพูดอะไรกับเบนกันคะ” ท่าทางของเธอค่อนไปทางโกรธปนสับสน ลอร์ดฟาริงดอนยักไหล่

   “ยังไม่มีใครบอกคุณหรือ เอางี้แล้วกัน ไปกินมื้อเย็นกันก่อน ผมว่างแล้วจะเล่าให้ฟัง”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนขมวดคิ้วเป็นเชิงไม่พอใจ ซึ่งเป็นสีหน้าที่เธอไม่ค่อยแสดงออกนัก “ก็ได้ค่ะ ฉันแน่ใจว่าคุณจะต้องว่างตอบคำถามนี้”

   “เกิดอะไรขึ้นหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดฟาริงดอนจึงพูดตอบ

   “ฉันชวนแคทเธอรีนไปกินมื้อเย็นด้วยกัน”

   “อ้อ... แล้วนี่มิสเตอร์ดอว์สันไม่ได้มากับคุณด้วยหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปถามเธอ เลดี้แคทเธอรีนสั่นศีรษะ อีกฝ่ายมีท่าทางผิดหวังเล็กน้อย

   “น่าเสียดาย งั้นคุณก็มากินมื้อเย็นกับพวกเราเถอะ ถ้าไม่รังเกียจนะ”

   “ไม่เลยค่ะ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมาก” เธอพูดพลางเหลือบไปมองลอร์ดฟาริงดอนเล็กน้อย ฝ่ายนั้นมองตอบด้วยรอยยิ้มน่าอึดอัดบนริมฝีปาก

--------------------------------

   งานเลี้ยงจัดขึ้นที่ภัตตาคารเดอะรูล ในห้องกินข้าวแบบส่วนตัว มื้อนี้อุดมสมบูรณ์เป็นพิเศษแม้ว่าจะไม่มีคาร์เวียสีทอง เพราะลอร์ดฟาริงดอนเป็นเจ้ามือ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ดูมีความสุขที่ได้เห็นพี่ชายของเขานั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนรัก แม้จะมีการเขม่นกันบ้างเล็กน้อยตามประสา งานเลี้ยงเป็นไปอย่างชื่นมื่น แม้หลายคนจะสงสัยถึงการมานั่งร่วมโต๊ะของกอร์ดอนกับเดวิด แต่ในเมื่อเจ้าภาพดูเหมือนจะพอใจที่เป็นแบบนั้น ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

   เดวิดดูจะมีความสุขกว่าใครเพื่อน เขาคุยจ้อมาตลอดทางกลับบ้าน “เหมือนฝันไปเลยครับ ผมไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้กินมื้อเย็นที่หรูขนาดนี้ ไวน์ก็อร่อย แชมเปญก็อร่อย ผมนี้โชคดีจริงๆ เลย แบบนี้ถ้าคุณแต่งงานกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ต้องสบายไปทั้งชาติแน่”

   “เธอเมาแล้วล่ะเดวิด ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าดื่มเยอะ” กอร์ดอนพูดพลางมองเด็กหนุ่มที่แก้มแดงเรื่อจากพิษแอลกอฮอลด้วยสายตาเอ็นดู เดวิดพยักหน้าหงึก

   “ก็รู้สึกมึนๆ อยู่เหมือนกันครับ แต่ผมว่าสบายดีออก แบบนี้เรียกว่าเมาหรือครับ”

   “เรียกว่าเริ่มต้นเมา” กอร์ดอนว่า “ถ้าเมาเยอะกว่านี้จะดูไม่เป็นผู้เป็นคนเลย”

   เด็กหนุ่มหัวเราะ “เคยเห็นล่ะครับ สภาพแย่มาก ไม่น่าดูเลย”

   “เพราะงั้นฉันถึงบอกว่าอย่าดื่มเยอะไงล่ะ”

   “แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กับลอร์ดฟาริงดอนดื่มอย่างกับน้ำเลยนะครับ”

   “ก็ช่างพวกเขาสิ ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องทำตามเสียหน่อย”

   “คุณว่าพวกเขาจะเมาเยอะไหมครับ ดื่มไปขนาดนั้น”

   “ไม่รู้หรอก แต่ฉันคิดว่าคงไม่ พวกเขาคงรู้ขอบเขตในการดื่มของตัวเองนั่นล่ะ”

   อย่างที่กอร์ดอนว่า ไม่มีใครเมามากขนาดนั้นสักคน ทุกคนต่างรู้จักดื่มแต่พอดี แม้ว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันจะดื่มเยอะไปหน่อยก็เถอะ ทั้งหมดแยกย้ายกันกลับ ลอร์ดโทรว์บริดจ์อาสาไปส่งเลดี้แคทเธอรีน แต่เธอปฏิเสธ บอกว่ามีธุระจะต้องคุยกับลอร์ดฟาริงดอน

   “ฉันจะไปส่งเธอเอง” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ หันมาคุยกับเลดี้แคทเธอรีน

   “แคท ผมไม่รู้ว่าคุณจะคุยอะไรกับเขา แต่ระวังไว้หน่อยก็ดีนะ ไมครอฟต์น่ะเป็นคนที่มีความคิดประหลาดๆ”

   “ฉันได้ยินนะจอห์น มันเสียมารยาทมากนะที่นินทาคนอื่นต่อหน้าหญิงสาวน่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “งั้นฉันกลับก่อน นายเองก็ดูแลเธอให้ดีด้วยล่ะ”

   “แน่นอน ฉันไม่ใช่คนไม่รับผิดชอบหรอกน่า”

   เมื่อทุกคนทยอยกลับไปหมดแล้ว ลอร์ดฟาริงดอนจึงพูดขึ้น “ลงไปนั่งคุยกันข้างล่างเถอะ อยู่กันแค่สองคนในที่แบบนี้มันไม่ดีกับคุณ”

   ทั้งคู่จึงลงมานั่งคุยกันต่อที่โต๊ะอาหารชั้นล่าง ซึ่งกั้นเป็นคอกแยกๆ กัน เลดี้แคทเธอรีนเปิดฉากถามขึ้น

   “ตกลงแล้วคุณคุยอะไรกับเบนกันแน่คะ ทำไมเขาถึงหายไปเลยแบบนี้”

   ลอร์ดฟาริงดอนมีสีหน้าประหลาดใจแบบแกล้งทำ “อ้าว เขาไม่กลับมาจากเข้าห้องน้ำหรือ โธ่ ผมก็อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตารอ”

   “อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดอย่างเคืองๆ “เราไม่ได้รู้จักหรือสนิทกัน แล้วฉันก็จำไม่ได้ด้วยว่าเคยไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจตอนไหน”

   “อ้อ ใช่ คุณเป็นสาวสวยที่ปรากฏตัวขึ้นมาในลอนดอนระหว่างที่ผมวุ่นวายอยู่ที่อินเดียว ผมไม่ปฏิเสธเรื่องนี้หรอก แต่เรื่องผู้ชายคนนั้น... ที่คุณเรียกว่าเบนน่ะ พวกเราไม่ได้เจอกันครั้งแรกหรอกนะ ว่าแต่ตอนนี้เขาใช้ชื่ออะไร เบนจามินหรือ”

   “เบนจามิน ดอว์สันค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนว่า “คุณรู้จักกับเขามาก่อนหรือคะ”

   “จะเรียกว่ารู้จักกันในเชิงเพื่อนฝูงก็ไม่ถูกเท่าไหร่หรอกนะ ว่าแต่ไม่มีใครเล่าเรื่องเขาให้คุณฟังเลยหรือ จอห์นเองก็ดูเหมือนจะรู้จักเขานี่นา”

   “ฉันเคยพาเขาไปพบจอห์นค่ะ และจอห์นก็ไม่เคยพูดอะไรเลย เขาไม่ใช่คนที่จะเอาเรื่องน่าอับอายมาขู่เข็ญคนอื่นอย่างที่คุณทำลงไปหรอกนะคะ”

   “อ้าว กลายเป็นผมผิดสิเนี่ย” ลอร์ดฟาริงดอนพูดพลางหัวเราะ “ก็อย่างที่คุณพูดนั่นแหละ ผมเป็นประเภทที่ชอบเอาเรื่องน่าอับอายมาขู่เข็ญคนอื่น อยากรู้ไหมว่านายเบนจามินคนนี้มีเรื่องน่าอับอายอะไร”

   “ที่ฉันอยากรู้มากกว่า” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “คือคุณถือดีอะไรที่เอาเรื่องนั้นมาพูดจนเขาหนีไป”

   “ผมถือดีที่ผมเป็นผมนี่แหละ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ก่อนจะพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “ฟังนะ ผมไม่ได้มีเจตนาจะไล่เขาไป ผมแค่บอกว่าผมรู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา ถ้าเกิดเขาทำอะไรไม่ดีอย่างที่เคยทำอีกล่ะก็ รับรองว่าจะจบไม่สวยแน่”

   เลดี้แคทเธอรีนขมวดคิ้ว “เบ็นเป็นนักธุรกิจ เขาเป็นคู่แข่งทางการค้าของคุณหรือไงกัน”

   “โธ่ ผมว่าคุณออกจะดูเป็นผู้หญิงที่ฉลาดอยู่นะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “เขาบอกคุณว่าเป็นนักธุรกิจหรือ ก็ไม่ผิดหรอก เพียงแต่ธุรกิจของเขามันคือการต้มตุ๋นน่ะ”

   “อะไรนะคะ”

   “เขาเป็นนักต้มตุ๋นตัวฉกาจเลย เขาหลอกต้มบรรดาสุภาพสตรีชั้นสูงมาแทบจะทั่วยุโรปล่ะ คุณเจอกับเขาบนเรือท่องเที่ยวใช่ไหม แล้วเขาก็บอกคุณว่าเขากำลังมองหาช่องทางในการทำธุรกิจ คุณคุยกับเขาถูกคอมาก แล้วก็เริ่มคบหากัน แต่เขาจะไม่ให้คุณเที่ยวไปบอกใครว่ากำลังคบกันอยู่ อ้างว่ากำลังสร้างฐานะ ผมพูดผิดตรงไหนไหม”

   เลดี้แคทเธอรีนหน้าซีด ลอร์ดฟาริงดอนเห็นดังนั้นจึงถอนหายใจ “แสดงว่าผมพูดถูกสินะ”

   “คะ... คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงคะ”

   “ผมเคยเจอเขาครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ในตอนที่ตามล้างตามเช็ดเรื่องที่เขาก่อไว้นั่นแหละ สุภาพสตรีที่ถูกเขาหลอกคนหนึ่งอยากเห็นหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย อยากให้เขามายืนยันว่าไม่ได้หลอก ผมเสียเวลาตามหาเขาหลายสัปดาห์ สุดท้ายก็เจอตัว ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าผมใช้กำลังบีบบังคับเขานิดหน่อยให้ทำตามประสงค์ของสุภาพสตรีคนนั้น แล้วก็ปล่อยเขาไป หวังว่าเขาจะเข็ดกับเรื่องที่เกิดขึ้น คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะมาเจอเขาที่สนาม โลกกลมจริงๆ ถ้าคุณกลัวว่าผมแอบอ้าง คุณเอาเรื่องนี้ไปถามเขาดูก็ได้ ถ้าคุณติดต่อเขาได้น่ะนะ”

   เลดี้แคทเธอรีนผลุดลุกขึ้น ตัวสั่นด้วยความตกใจและโกรธ เธออ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เป็นลมไปเสียก่อน ลอร์ดฟาริงดอนรีบลุกไปช้อนตัวเธอไว้ทันก่อนจะล้มลง

--------------------------------

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนลืมตาขึ้นมา เธอได้ยินเสียงสาวใช้ประจำตัวพูดด้วยความดีใจ

   “คุณหนู...”

   หญิงสาวกะพริบตาซ้ำหลายครั้ง ก่อนจะพูดเสียงค่อย “ที่นี่ที่ไหนน่ะ”

   “ห้องด้านหลังของเดอะรูลค่ะ” สาวใช้ตอบ และช่วยประคองเจ้านายให้ลุกขึ้น “คุณหนูเป็นไงบ้างคะ ดิฉันตกใจแทบแย่ จู่ๆ ก็เป็นลมไป ดีที่ลอร์ดฟาริงดอนประคองไว้ทัน”

   เลดี้แคทเธอรีนชะงักไป ก่อนจะพูดขึ้น “ลอร์ดฟาริงดอน เขาไปไหนแล้วล่ะ”

   “รออยู่ข้างนอกค่ะ”

   “นี่กี่โมงแล้ว”

   “เอ... จะห้าทุ่มแล้วค่ะ”

   เลดี้แคทเธอรีนมีสีหน้าตกใจ “ดึกป่านนี้แล้วหรือ ท่านตาต้องเป็นห่วงแน่”

   สาวใช้รีบเข้าไปช่วยประคอง แล้วพาเธอเดินออกไปจากห้อง ลอร์ดฟาริงดอนรออยู่จริงๆ เขารีบดับบุหรี่ตอนเห็นทั้งคู่เดินออกมา

   “คุณเป็นไงบ้าง” เขาถาม เลดี้แคทเธอรีนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

   “ฉันต้องรีบกลับค่ะ”

   “อ้อ มาสิ” เขาพูดแล้วยื่นแขนให้ เธอเกาะไว้อย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก

   “ผมขอโทษด้วยแล้วกันที่บอกคุณแบบกะทันหันมาก” ลอร์ดฟาริงดอนพูดระหว่างเดิน อีกฝ่ายตอบเขา

   “ไม่ต้องพูดอะไรถึงเรื่องนี้แล้วล่ะค่ะ”

   ทั้งคู่จึงเดินเงียบๆ มาจนถึงรถม้า ลอร์ดฟาริงดอนขึ้นไปก่อนแล้วยุดมือเลดี้แคทเธอรีนให้ขึ้นตาม ก่อนจะขับกลับไปที่คฤหาสน์ของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด ตอนที่ไปถึง ไฟในคฤหาสน์ยังสว่างอยู่

   “ท่านดยุกยังไม่นอนหรือ” ลอร์ดฟาริงดอนพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกว่าไม่ได้ประหลาดใจอะไรเลย เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหันไปจ้องหน้าเขา

   “คุณไม่ต้องเข้าไปถึงข้างในหรอกนะคะ กรุณาส่งฉันแค่หน้าประตูก็พอ”

   “งั้นผมก็เสียมารยาทน่ะสิที่ไม่ได้เข้าไปเยี่ยมคำนับท่านดยุก”

   “ไม่จำเป็นค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนพูดเสียงแข็ง “นี่มันก็ดึกมากแล้ว คุณเองก็รีบกลับเถอะค่ะ”

   “ก็ได้ๆ ไว้ผมค่อยแวะมาเยี่ยมวันหลังแล้วกัน” เขาพูดและก้มลงจูบหลังมือของเธอ

   “ราตรีสวัสดิ์ เชื่อผมเถอะ คุณโชคดีแล้วล่ะที่รู้ตัวก่อน”

   “กรุณารีบกลับไปด้วยค่ะ”

   ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะ ก่อนจะเดินออกไป เลดี้แคทเธอรีนถอนหายใจเฮือก

   ดยุคแห่งอ็อกฟอร์ดนั่งรออยู่ในห้องอ่านหนังสือ เขาขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงของเลดี้แคทเธอรีน

   “กลับดึกมาเสียดึกเลย จอห์นชวนไปงานเลี้ยงต่อล่ะสิ”

   หญิงสาวพยักหน้า “ท่านตารีบนอนเถอะค่ะ อุตส่าห์รอหนูกลับมา”

   “ที่จริงตานอนไปแล้วล่ะ แต่เผอิญตื่นมาแล้วนอนไม่หลับ การแข่งขันเป็นไงบ้าง”

   “ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ” หลานสาวตอบ ทว่าสีหน้าของเธอดูไม่เข้ากับคำพูดเท่าไหร่นัก ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

   “เกิดอะไรขึ้นหรือ”

   เลดี้แคทเธอรีนสั่นศีรษะ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูอาจจะดื่มมากเกินไปเลยมึนหัวนิดหน่อย”

   ท่านดยุกมองใบหน้าซีดเซียวของหลานสาว ก่อนจะถอนหายใจ “นั่นสินะ งั้นหลานไปพักเถอะ เดี๋ยวตาจะเข้านอนเหมือนกัน”

   เลดี้แคทเธอรีนย่อตัวให้ท่านตาของเธอ

-------------------------------------

(มีต่อ)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   สองวันหลังจากนั้น ซึ่งตรงกับวันอังคาร เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมาดื่มชากับลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่คฤหาสน์อย่างที่เธอทำประจำ ทว่าท่าทางของเธอทำให้ลอร์ดหนุ่มต้องเอ่ยทักขึ้น

   “แคท คุณไม่สบายรึเปล่า”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้มเพลียๆ “จอห์นคะ ฉันมีเรื่องอยากถามค่ะ”

   “ว่ามาสิ”

   “คุณรู้เรื่องของเบนรึเปล่าคะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “เรื่องอะไรหรือ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนถอนหายใจเฮือก “มีคนบอกฉันว่าเขาเป็นนักต้มตุ๋นค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “ผมก็ได้รับข้อมูลมาอย่างนั้นเหมือนกัน”

   เลดี้แคทเธอรีนจ้องหน้าเขาทันที “คุณก็รู้หรือคะ ทำไมถึงไม่บอกฉัน”

   “ผมคิดเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ผมคิดว่าผมไม่ควรตัดสินใครจากอดีตของเขา บางทีมิสเตอร์ดอว์สันอาจจะชอบคุณจริงๆ ก็ได้”

   เลดี้แคทเธอรีนร้องไห้ออกมาทันที ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบเข้าไปปลอบเธออย่างเก้ๆ กังๆ

   “ผมขอโทษ ผมรู้ว่ามันจะต้องทำให้คุณสะเทือนใจ ผมถึงไม่อยากพูดออกมา”

   เลดี้แคทเธอรีนสั่นศีรษะ พูดเสียงเครือ “ไม่ค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่กอดปลอบเธอเบาๆ เลดี้แคทเธอรีนร้องไห้อยู่พัก จึงค่อยพูดออกมาได้

   “วันอาทิตย์เบนไปดูคุณแข่งรักบี้ด้วยค่ะ”

   “หืม... แต่คุณบอกผมว่า...”

   เลดี้แคทเธอรีนพยักหน้า “เขาลุกไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย จนกระทั่งถึงตอนนี้...” เธอสูดหายใจลึก ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตา “ลอร์ดฟาริงดอนพูดบางอย่างกับเขา”

   “มิน่าล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมเองก็สงสัยอยู่เชียวว่าคุณกับเขามีเรื่องอะไรต้องคุยกัน ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง”

   “คุณรู้อยู่แต่แรกหรือคะ”

   “หืม”

   “ที่ว่าเขารู้เรื่องนี้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจ “ผมจะอธิบายคุณยังไงดี บ้านของไมครอฟต์ค่อนข้างพิเศษ การที่เขารู้เรื่องนี้ผมเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเงียบไปพักใหญ่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดต่อ “แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้กับเจ้าตัวโดยตรง”

   “พวกเขาเคยเจอกันค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า ก่อนจะเล่าเรื่องให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ฟัง

   “คุณว่าเขาพูดจริงรึเปล่าคะ” เธอหยุด ก่อนจะร้องไห้อีก “ฉันรู้หรอกค่ะว่ามันจริง เขาหายไปติดต่อไม่ได้เลยจนกระทั่งตอนนี้ คุณเองก็รู้ ฉันมันโง่เอง แต่... โอ...”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอบเธอเบาๆ “ผมเข้าใจ มันยากที่จะทำใจ ผมรู้ว่าคุณชอบเขามาก”

   เลดี้แคทเธอรีนพยักหน้า “เขาดีกับฉันมากค่ะ ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันเป็นเรื่องจริง”

   “บางทีถ้าเขาจริงใจกับคุณและกล้าหาญพอ เขาอาจจะกลับมาพบคุณอีกครั้ง”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้มทั้งน้ำตา ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้มือเช็ดน้ำตาบนแก้มเธอ “แต่ผู้ชายที่ทิ้งผู้หญิงไปโดยไม่บอกแบบนี้ ผมไม่แนะนำให้คุณให้โอกาสเขาเป็นครั้งที่สองหรอกนะ”

   หญิงสาวพยักหน้า “ฉันทราบค่ะ เพียงแต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นกะทันหันเหลือเกิน”

   “คุณอยากร้องไห้ก็ร้องเถอะ ผมยินดีอยู่เป็นเพื่อน หรือถ้าคุณอยากออกไปนั่งรถม้าเที่ยว ผมจะพาไป ผมว่ามันเป็นหน้าที่ของเพื่อนที่ดีที่จะทำให้กัน”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนผงกศีรษะ “จริงๆ แล้วมีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากลองทำเหลือเกินค่ะ”

--------------------------------

   อากาศริมแม่น้ำเทมส์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงทั้งหนาวทั้งหม่นไปด้วยหมอกควันจากโรงงานอุตสาหกรรม ละอองฝนบางๆ ยิ่งทำให้บรรยากาศชวนหดหู่เป็นพิเศษ รถม้าคันไม่ใหญ่นักวิ่งมาเทียบใกล้กับสะพานทาวเวอร์ซึ่งกำลังสร้างอยู่ สุภาพบุรุษคนหนึ่งในเสื้อโค้ทกันฝนสีดำก้าวลงมา ก่อนนะยื่นมือให้สุภาพสตรีอีกคนที่อยู่ในชุดคลุมผ้าสักหลาดสีหม่นจับ เธอกระโดดลงมาจากรถ ฮู้ดของเสื้อคลุมบังใบหน้าของเธอเอาไว้ครึ่งหนึ่ง สายลมพัดหวีดหวิว หญิงสาวกระชับเสื้อคลุมไว้กับตัว ขณะที่ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหัวหน้าคนงานที่ยืนสูบบุหรี่อยู่

   “สุภาพสตรีท่านนี้อยากเห็นวิวที่ด้านบนหอคอย”

   “แต่มันยังสร้างไม่เสร็จ ผมเกรงว่าจะอันตราย”

   ชายหนุ่มแบมือออก บนฝ่ามือขาวสะอาดของเขามีเหรียญสีเงินวาวอยู่สองเหรียญ หัวหน้าคนงานตาโตทันที

   “ผมเพิ่งนึกได้ว่าตัวหอคอยค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว จะมีแต่ช่วงสะพานเชื่อมที่กำลังสร้างอยู่ ถ้านายท่านต้องการขึ้นไปชมวิวด้านบนผมจะนำทางให้”

   “ไม่ต้อง” ชายคนนั้นว่า “แค่ให้เราขึ้นไปโดยไม่บอกใครก็พอ”

   “ได้ครับ ไม่มีปัญหา เชิญเลยครับ” เขารับเหรียญเงินพวกนั้นไป พลางผายมือให้ทั้งคู่ “ถ้าต้องการอะไรตะโกนเรียกผมได้เลยนะคะ ผมชื่ออัล”

   “ขอบใจ อัล” ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้า ก่อนจะจูงมือสุภาพสตรีคนนั้นขึ้นบันไดไป

   “ขอโทษนะคะที่คุณต้องมาลำบากไปด้วย” เลดี้แคทเธอรีนพูดพลางถอดฮู้ดออก เธอล้างเครื่องสำอางออกหมด มองผ่านๆ คล้ายหญิงสาวชาวบ้านทั่วไป หากไม่นับเสื้อผ้าที่อยู่ใต้เสื้อคลุม ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม

   “ไม่เป็นไรหรอก บอกแล้วไงว่าผมยินดี”

   เธอยิ้มให้ลอร์ดหนุ่ม “แต่คุณไว้หนวดแล้วก็โก้ไม่หยอกนะคะ”

   “ผมรู้สึกคันมากกว่า” ลอร์ดหนุ่มว่า “เพราะโปสเตอร์ต่อยมวยเมื่อคราวก่อน คนครึ่งลอนดอนคงจำหน้าผมได้หมดแล้ว”

   “ถ้าพ่วงรวมเรื่องการแข่งรักบี้ที่เพิ่งผ่านไป ฉันว่าคงยากหน่อยค่ะที่ใครจะจำคุณไม่ได้”

   “เพราะงี้ผมถึงต้องติดหนวดปลอมออกมา แต่กาวพวกนี้คันชะมัด”

   “น่าแปลกอยู่นะคะที่คุณมีของพวกนี้อยู่ที่บ้าน ฉันคิดว่าคุณคงไม่ได้เตรียมเผื่อไว้เรื่องนี้หรอกนะคะ”

   “อ๋อ เปล่า ผมอยากลองปลอมตัวมานานแล้ว สิ่งที่มิสเตอร์โฮล์มทำมันเป็นแรงบันดาลใจให้ผมสรรค์หาอุปกรณ์พวกนี้มาเก็บไว้”

   เลดี้แคทเธอรีนหัวเราะ “คุณเองก็เป็นแฟนคลับเขาด้วยหรือคะ ท่านตาเองก็ติดงอมแงมเลยค่ะ”

   “แล้วคุณไม่ได้อ่านหรือ”

   “อ่านค่ะ แต่แทบไม่มีบทของสุภาพสตรีเลย ฉันว่าถ้าหมอวัตสันเป็นสุภาพสตรีน่าจะสนุกกว่านี้”

   “ผมว่ามันคงกลายเป็นนิยายรักไป” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแล้วหัวเราะ “แต่ก็น่าสนใจดีเหมือนกัน คุณน่าจะคุยเรื่องนี้กับอเล็กซานดร้า เธอต้องเห็นด้วยแน่”

   “น่าเสียดายที่พวกเราไม่ได้คุยกันเรื่องนี้เลย เธอค่อนข้างกระตือรือร้นกับเรื่องบางอย่างจนฉันกลัวเลยล่ะค่ะ”

   “ผมแนะนำให้คุณเชิญเธอไปดื่มชาสักครั้ง เธอมีกำหนดจะกลับช่วงกลางเดือนนี้”

   “ฉันจะลองเชิญเธอมาดูค่ะ”

   “อย่าลืมชวนเธอคุยเรื่องนี้ก่อนที่เธอจะชวนคุณคุยเรื่องอื่นล่ะ”

   เลดี้แคทเธอรีนหัวเราะ ในที่สุดทั้งคู่ก็ขึ้นมาจนถึงยอดหอคอย หญิงสาวหอบหายใจเพราะไม่ค่อยได้ทำแบบนี้บ่อยนัก

   “ฉันคงต้องหาเวลาไปปีนเขา” เธอว่า “ไม่ก็ถอดคอร์เซ็ตพวกนี้ทิ้งเสียเลย”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ผมเคยได้ยินใครบางคนพูดแบบนี้เหมือนกัน แสดงว่ามันคงอึดอัดมากสินะ”

   “มากเลยค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนลากเสียง “ฉันน่ะเคยพยายามจะรัดให้เล็กที่สุดตอนไปคิวการ์เด้น ผลคือเกือบจะเป็นลมแน่ะค่ะ รู้เลยว่ามันไม่สนุก”

   “ผมคิดว่าสุภาพสตรีทุกคนมีความสุขที่จะทำให้เอวตัวเองดูเล็กเสียอีก”

   “โอ... ฉันว่าไม่หรอกค่ะ พวกเธอแค่ทำเพราะอยากให้สุภาพบุรุษอย่างพวกคุณพอใจเท่านั้นเอง”

   “แย่แฮะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมคงต้องไปบอกเพื่อนๆ ให้เลิกดูผู้หญิงที่รอบเอวได้แล้ว”

   ที่ด้านบนลมค่อนข้างแรง เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจับมือของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ค่อยๆ ก้าวไปที่ช่วงทางเดินด้านบนซึ่งกำลังสร้าง เธอรู้สึกตื่นเต้นเมื่อมองลงไปข้างล่าง แม่น้ำเทมส์ดูเหมือนผืนผ้าสีหม่นที่ปูลาดอยู่ใต้เท้า หญิงสาวเซเล็กน้อย

   “อย่ามองข้างล่างสิ” ลอร์ดหนุ่มว่าพลางยุดตัวเธอไว้ “มันจะทำให้คุณหน้ามืด มองตรงๆ ไว้”

   เลดี้แคทเธอรีนพยักหน้า เธอสูดหายใจลึก พยายามทรงตัวแล้วมองไปด้านหน้า ทิวทัศน์ของลอนดอนอึมครึมไปด้วยหมอกควัน ละอองฝนบางๆ สาดต้องใบหน้าของเธอ หญิงสาวสูดหายใจอีกครั้ง ก่อนจะตะโกนออกมา

   “ฉันมันโง่เอง... ฉันจะไม่อาลัยคุณอีกแล้ว... ฉันจะเดินหน้าต่อไป”

   เสียงตะโกนของเธอถูกลมพัดหายไปอย่างรวดเร็ว เธอกู่ร้องยาวๆ หลังจากนั้น ก่อนจะระบายลมหายใจออกมา

   “เป็นไง”

   “โล่งอย่างน่าอัศจรรย์เลยค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนว่า “ฉันเพิ่งเห็นความดีงามของลอนดอนก็ตอนนี้เอง”

   “ความดีงามของสะพานทาวเวอร์ต่างหาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แก้ให้ “ผมเคยตะโกนแบบนี้เหมือนกัน ตอนที่รู้สึกอัดอั้นมากๆ มันได้ผลอยู่นะ”

   หญิงสาวพยักหน้า “ฉันอยากตะโกนอีกค่ะ”

   “เอาเลย ตามสบาย ผมจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังหรอก”

   เลดี้แคทเธอรีนหัวเราะร่วน เธอตะโกนอีกหลายครั้ง ระบายความคับแค้นใจทั้งหมดที่มี น้ำตาพรั่งพรูออกมา ก่อนจะแห้งเหือดไปกับสายลม ทั้งคู่ลงมาจากสะพานทาวเวอร์ตอนเกือบจะหกโมงเย็น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชวนเลดี้แคทเธอรีนไปกินมื้อเย็นด้วยกัน

   “แวะชวนมิสเตอร์โอเดนเบิร์กด้วยสิคะ” เธอว่า พอเห็นอีกฝ่ายเลิกคิ้วจึงพูดต่อ “ที่นี่ห่างจากร้านของเขาไม่มากไม่ใช่หรือคะ ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอกค่ะ คุณอุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนฉันทั้งวันแล้ว ฉันอยากเห็นคุณมีความสุขบ้าง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงเหมือนเด็กๆ “ก็ได้ ผมว่าเขาน่าจะว่างอยู่นะ”

   แต่ลอร์ดหนุ่มคาดผิด งานที่ร้านกอร์ดอนนั้นยุ่งมาก ถึงขนาดที่เขาต้องขอให้ช่างช่วยกันทำงานล่วงเวลา แลกกับการจ่ายเงินอย่างงามเพื่อให้งานเสร็จก่อนช่วงฤดูหนาว

   “โอ มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ฉันไม่รู้มาก่อนเลยค่ะว่าคุณทำงานหนักขนาดนี้” เลดี้แคทเธอรีนอุทานด้วยความประหลาดใจ เมื่อเดินเข้ามาเห็นสภาพภายในห้องตัดเย็บ เหล่าบรรดาช่างเงยหน้าขึ้นมองเธอ ถึงไม่แต่งหน้า แต่เธอก็ยังดูสวยอยู่ดี ช่างหลายคนถึงกับลืมงานที่กำลังทำอยู่ไปเลย

   “อ้าว สายันห์สวัสดิ์ครับท่านหญิง” กอร์ดอนหันไปทัก “ขออภัยที่ผมไม่ได้ออกไปต้อนรับ อ้าว จอห์น”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเก้ๆ กังๆ “โทษทีกอร์ดอน ผมคิดว่าจะมาชวนคุณไปกินมื้อเย็นด้วยกัน”

   กอร์ดอนแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก นึกได้ว่าไม่ได้ดื่มหรือกินอะไรมาหลายชั่วโมงแล้ว “เอ่อ... สักสองทุ่มได้ไหมครับ ผมต้องเคลียร์งานให้เสร็จก่อน”

   แต่ยังไม่ทันที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะตอบ เขาก็รีบพูดขึ้นต่อ “แต่ไม่ต้องดีกว่าครับ มันอาจจะดึกกว่านั้น ท่านหญิงจะลำบากเอา พวกคุณไปกันก่อนเถอะครับ”

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันอยากให้คุณไปกับจอห์น” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า กอร์ดอนมีสีหน้าตกใจ ส่วนลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดขึ้น

   “แคทอยากให้เราไปด้วยกันน่ะ เธอตั้งใจมาเชิญคุณเลยนะ”

   เลดี้แคทเธอรีนเพิ่งนึกได้ว่าเธอพูดประโยคที่ไม่เหมาะสมนัก “ใช่ค่ะ ฉันตั้งใจมาเชิญคุณไปด้วยกัน เอางี้สิคะ ให้ฉันช่วยนะคะ ฉันพอมีความรู้เรื่องเย็บปักถักร้อยบ้าง”

   “เอ่อ... ไม่เป็นไรหรอกครับ”

   “ให้ฉันช่วยเถอะค่ะ ช่วยเก็บชายเสื้อก็ได้”

   กอร์ดอนนิ่งไปพัก “ก็ได้ครับ แต่อย่าฝืนนะครับ ถ้าไม่ไหวก็บอกเลย”

   “ได้ค่ะ”

   กอร์ดอนหันไปสั่งเดวิดให้หยิบเสื้อและอุปกรณ์มาให้เลดี้แคทเธอรีน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นส่วนเกินเลยพูดขึ้น

   “งั้น... ให้ผมทำอะไรดี”

   “คุณไปนั่งอ่านหนังสือเถอะครับ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดหนุ่มเกาศีรษะ

   “ผมน่าจะช่วยอย่างอื่นได้...”

   “ที่ห้องนั่งเล่นชั้นบนมีชั้นหนังสืออยู่ครับ ถ้าคุณจะกรุณา...”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์จำต้องล่าถอยออกไปจากห้องตัดเย็บ เพราะดูจากสถานการณ์แล้ว ถ้ายังตื๊อต่อกอร์ดอนอาจจะออกปากไล่เขาจริงๆ

   ปรากฏว่าการมีเลดี้แคทเธอรีนอยู่ในห้องตัดเย็บ ทำให้เหล่าบรรดาช่างมีกำลังใจทำงานประหนึ่งมีนางฟ้ามาโปรด กลายเป็นว่างานทั้งหมดเสร็จก่อนสองทุ่ม แถมเลดี้แคทเธอรีนยังเย็บชายเสื้อได้เรียบร้อยมาก จนกอร์ดอนเอ่ยปากชม

   “ท่านหญิงมีฝีมือด้านการเย็บมากเลยครับ”

   “ฉันชอบค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนยิ้ม “ตอนสมัยเด็กๆ ฉันเคยอยากเป็นช่างตัดเสื้อ”

   กอร์ดอนเลิกคิ้ว ขณะที่ช่างในร้านพูดขึ้น “เป็นโชคของพวกกระผมมากเลยครับ ที่ได้สุภาพสตรีที่แสนน่ารักอย่างท่านหญิงมาช่วยงาน”

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันแค่อยากจะให้มิสเตอร์โอเดนเบิร์กไปกินมื้อเย็นด้วยกันเร็วๆ แค่นั้นเอง”

   “งั้นพวกกระผมคงต้องรีบกลับ มิสเตอร์โอเดนเบิร์กจะได้มีเวลาเตรียมตัว”

   “อ้อ ใช่ ผมต้องจ่ายค่าล่วงเวลาพวกคุณก่อน ขอตัวสักครู่นะครับ”

   “ตามสบายเลยค่ะ”

   เดวิดเดินเข้ามาพูดจ้อยๆ “ท่านหญิงนี่ใจดีจังเลยครับ สวยด้วย ขนาดไม่แต่งหน้า พอท่านหญิงเข้ามา ทุกคนในร้านก็ดูมีกำลังใจในการทำงานขึ้นมาโขเลยครับ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหัวเราะ “เธอชื่ออะไรจ๊ะ”

   “เดวิดครับ” เด็กหนุ่มตอบ “ผมมาช่วยงานมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก สักวันผมจะเป็นช่างตัดเสื้อที่เก่งเหมือนเขา”

   “โอ ดีจัง เธอคงจะตัดเย็บเสื้อผ้าได้เก่งพอตัวทีเดียว”

   “ไม่เลยครับ” เดวิดสั่นศีรษะ “มิสเตอร์โอเดนเบิร์กยังให้ผมหัดเย็บจักรอยู่เลย เขาบอกว่าถ้ายังเย็บไม่เรียบร้อยก็จะไม่สอนอะไรเพิ่มให้ แต่ผมเห็นตอนเขาวาดแบบเสื้อไม่เห็นจะต้องใช้จักร”

   “แต่เธอต้องหัดใช้จักรก่อน” เสียงกอร์ดอนดังก่อนที่เจ้าตัวจะเดินกลับเข้ามาเสียอีก “ถ้าเธอไม่รู้ว่าเย็บยังไงแล้วจะเขียนแบบเสื้อได้ยังไงกัน”

   “โธ่...”

   กอร์ดอนหันไปหาเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน “ท่านหญิงต้องลำบากเลย ขอโทษด้วยนะครับ”

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เธอเหลือบมองเดวิดเล็กน้อย “ฉันแค่อยากให้เราไปด้วยกัน”

   กอร์ดอนหันไปหาเดวิด “ไปตามลอร์ดโทรว์บริดจ์ลงมาสิ”

   “คร้าบ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกเขินๆ ที่เขาไม่มีส่วนช่วยอะไรเลย จึงแก้เก้อด้วยการชวนเดวิดไปกินมื้อเย็นด้วย

   “ไม่ต้องห่วงไป ผมจะเลือกร้านที่ไม่ต้องแต่งตัวหรูๆ แบบร้านที่เราไปกันวันก่อนเป็นไง”

   กอร์ดอนพูดแทรกขึ้น “ผมน่ะไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่คุณช่วยกรุณานึกถึงท่านหญิงด้วย จะให้เธอไปร้านแบบนั้นได้ยังไงครับ”

   “เป็นร้านแบบไหนหรือคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนถามด้วยความสนใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบตอบ

   “เป็นร้านเล็กๆ อยู่ตรงหัวมุมนี่เอง ไวน์ไม่ค่อยอร่อย แต่อาหารอย่างอื่นใช้ได้เลย”

   “จอห์น คุณจะให้ท่านหญิงไปร้านนั้นจริงๆ หรือครับ”

   “ทำไมคะ เขามีกฎห้ามผู้หญิงเข้าหรือ” เลดี้แคทเธอรีนทำหน้าสงสัย กอร์ดอนสั่นศีรษะ

   “ไม่หรอกครับ แต่ผมว่ามันไม่เหมาะกับสุภาพสตรีแบบท่านหญิงเลย ร้านค่อนข้างแคบด้วยครับ”

   คนฟังหัวเราะ “ชักอยากเห็นแล้วสิคะว่าเป็นร้านแบบไหน ถ้าเขาไม่ได้ห้ามสุภาพสตรีเข้า ก็กรุณาให้ฉันไปเปิดหูเปิดตาเถอะค่ะ”

   “....”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “งั้นก็ไปกันเถอะ ผมว่าแคทน่าจะชอบที่นั่นนะ”

---------------------------------

   ร้านที่ว่าก็คือร้านที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เคยบ่นว่าไวน์ไม่อร่อยนั่นเอง เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนควงแขนสองหนุ่มเข้าไปในร้าน โดยมีเดวิดเดินตามมา แน่นอนว่าคนในร้านหันมามองเธอเป็นตาเดียว

   “เราจะนั่งตรงไหนดีคะ ข้างหน้าต่างดีไหม”

   “เอ่อ... ผมว่าตรงมุมดีกว่าครับ”

   “หน้าต่างดีกว่าค่ะ ฉันอยากมองข้างนอกด้วย” โดยไม่รอให้ใครพูดอะไรเพิ่ม เลดี้แคทเธอรีนบอกบริกรว่าเธอต้องการโต๊ะที่อยู่ข้างหน้าต่าง พร้อมกับโปรยยิ้มหวานให้ เล่นเอาบริกรหนุ่มยืนอึ้งไปพักใหญ่ จนลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงกระแอมนั่นแหละ

   ทั้งหมดนั่งลงที่โต๊ะ และสั่งอาหาร เลดี้แคทเธอรีนดูสนุกกับการสังเกตผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา

   “ผู้ชายคนนั้นต้องทำงานธนาคารแน่”

   “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ”

   “เพราะเขาแต่งตัวดี และหิ้วกระเป๋าหนังใส่เอกสาร อาชีพที่เลิกงานช้าขนาดนี้ก็น่าจะมีแต่พนักงานธนาคารเท่านั้นล่ะค่ะ”

   “ว้าว น่าสนใจมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ไหนว่าต่อสิ”

   “ส่วนผู้ชายใส่หมวกคนนั้น ตามเรามาตั้งแต่ออกจากร้านค่ะ ไม่รู้ว่าเขาอยากจะคุยกับคุณ แต่หาโอกาสไม่ได้รึเปล่า”

   “หืม คนไหน”

   “คนนั้นค่ะ อ้าว เหมือนเขาจะหลบไปแล้ว”

   “เขาอาจจะหลงความงามของท่านหญิงก็ได้นะครับ” กอร์ดอนว่า “ขนาดช่างที่ร้านผมยังมองตาค้างเลย”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนปิดปากหัวเราะ “คุณชมเกินไปแล้วค่ะ”

   “คนที่ได้เป็นคนรักของท่านหญิงต้องโชคดีมากๆ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระแอมไอขึ้นมาทันที “ผมว่าเราคุยกันเรื่องอื่นดีกว่านะ”

   กอร์ดอนหันมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยความสงสัย เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจึงพูดขึ้น

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะจอห์น มิสเตอร์โอเดนเบิร์กคะ ฉันกับเบนเลิกคบกันแล้วล่ะค่ะ”

   ช่างตัดเสื้อแสดงอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด “โอ... เสียใจด้วยครับ”

   “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว วันนี้เรามาสนุกกันให้เต็มที่ดีกว่า” เธอพูดแล้วยกแก้วไวน์ขาวขึ้นมา

   “แด่พระราชินี”

-------------------------------------

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไปส่งเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนที่คฤหาสน์ประมาณสี่ทุ่ม เธอมีอาการกึ่งเมาเล็กน้อย เพราะดื่มไวน์ไปเยอะ ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเมื่อเห็นสภาพหลานสาวถึงกับเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากจะอธิบาย แต่ถูกเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนโบกมือห้าม

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะจอห์น ฉันจะอธิบายเรื่องนี้กับท่านตาเอง คุณกลับบ้านเถอะค่ะ”

   ลอร์ดหนุ่มหันไปมองดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด พอเห็นฝ่ายนั้นพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต เขาจึงขอตัวกลับ

   “เกิดอะไรขึ้นหรือ หลานรัก” ท่านดยุกเอ่ยถามหลังทั้งคู่นั่งลงบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนร้องไห้ออกมา ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ท่านตาของเธอฟัง

   “หนูขอโทษที่ไม่ได้บอกท่านตาค่ะ หนูทราบว่าท่านตาเป็นห่วง หนูไม่คิดว่าเขาจะ...”

   “โธ่ เด็กโง่เอ๋ย” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดลุกไปนั่งข้างหลานสาว แล้วลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดู “ตารู้ว่าหลานไม่อยากทำให้ตาลำบากใจ แต่หลานเป็นหลานรักของตานะ มีหรือตาจะดูไม่ออกว่าหลานปิดบังอะไรอยู่ วันหลังมีอะไรก็เล่าให้ตาฟังเถอะ อย่าเก็บไว้คนเดียวอีก ตาเป็นห่วงมากรู้ไหม”

   “หนูขอโทษค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนซบหน้าลงกับไหล่ท่านดยุก แล้วร้องให้อีกครั้ง ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดลูบศีรษะหลานสาวเบาๆ

--------------------------------
(จบตอน)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตอนนี้สงสารแคตสุดๆ ไม่แน่ว่าเบนก็รักแคตจริงๆ ไม่ได้หลอกเหมือนที่เคยเป็นมา
ชอบเรื่องนี้มาก มีแบ่งบทให้ตัวละครอื่นมีตัวตน ไม่ได้มุ่งไปที่ตัวหลักอย่างเดียว
แต่ตัวละคร ก็มีการเชื่อมโยงต่อกันได้อย่างลงตัว
ขอบคุณไรท์ที่มีเรื่องดีๆ มาให้อ่านจ๊ะ
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ยังรอลุ้นเรื่องของกอร์ดอนกับจอห์นอยู่นะคะ

ขอบคุณคนเขียนค่าา

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
รักท่านตาค่ะ


แคทเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก  ดีใจที่แคทได้เป็นเพื่อนกับจอห์น

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
อย่าให้เกิดอะไรกับกอร์ดอนเลย
ที่เห็นคือนักสืบแน่เลย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อเล็กซานดร้า น่าจะไม่หยุดง่ายๆแน่

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่47 คำกล่าวหา

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนตัดสินใจเขียนจดหมายเชิญเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มาดื่มชาที่คฤหาสน์ ตามคำแนะนำของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เธอมาที่คฤหาสน์ในช่วงบ่าย ในชุดผ้าไหมสีน้ำตาลแดง ให้ความรู้สึกเหมือนหอบฤดูใบไม้ร่วงมาทั้งป่า

   “สวัสดีแคทเธอรีน ดีใจจังที่เธอชวนฉันมาดื่มชา ชุดใหม่ฉันเป็นไงบ้าง”

   “เป็นฤดูใบไม้ร่วงที่สดใสมาก” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนตอบพลางยิ้ม “ตัดที่ไหนหรือ”

   “ร้านอบิเกลจ้ะ”

   “อ๋อ”

   “ฉันจะใส่กลับไปอวดท่านพ่อที่มิลตันด้วย”

   “ดีจ้ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนกำลังคิดว่าเธอจะเริ่มต้นชวนเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์คุยอย่างไรดี ขณะที่ฝ่ายนั้นพูดขึ้นอย่างรู้ทัน

   “นี่ เธอคงไม่ได้ชวนฉันมาเพื่อฟังฉันอวดชุดใหม่หรอกใช่ไหม แคทเธอรีน มีเรื่องอะไรรึเปล่า”

   “อ๋อ จริงๆ แล้วก็ไม่เชิงหรอก จอห์นแนะนำว่าฉันควรจะเชิญเธอมาดื่มชา คิดว่าเราน่าจะคุยกันถูกคอ”

   “เอ๋ จอห์นหรือ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มีสีหน้าแปลกใจ “ทำไมเขาถึงคิดแบบนั้นล่ะ”

   “คงเพราะฉันบอกเขาว่าถ้าคุณหมอวัตสันเป็นผู้หญิง เรื่องของมิสเตอร์โฮล์มจะสนุกกว่านี้”

   “ว้าว เธอคิดเหมือนฉันเลย” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “มีผู้หญิงในเรื่องน้อยมาก ฉันเคยเขียนจดหมายไปบอกมิสเตอร์ดอยล์ด้วยว่าน่าจะเพิ่มบทผู้หญิงอีก ว่าแต่เธออ่านเรื่องนี้ด้วยหรือ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนผงกศีรษะ “จริงๆ แล้วฉันยังอ่านอย่างอื่นอีกนะ”

   ในที่สุดสองสาวก็คุยกันเรื่องนวนิยายอย่างสนุกสนาน จนเวลาล่วงเลยไปถึงสี่โมงเย็น

   “ตายจริง” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์อุทานออกมาหลังหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู ตอนที่หญิงรับใช้เอาชากาที่สี่มาเปลี่ยนให้ “เวลาทำไมผ่านไปเร็วจัง”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหัวเราะ “แสดงว่าพวกเราคุยกันนานมากสินะ”

   “อื้อ” อีกฝ่ายพยักหน้า “จริงสิ คุยเรื่องนิยายมาตั้งเยอะแล้ว เธออ่านหนังสือประวัติศาสตร์ด้วยรึเปล่า”

   “อ่านสิ ทำไมหรือ”

   “ฉันเคยอ่านเจอมาว่า ขุนนางชั้นผู้ใหญ่บางคน มีชู้รักเป็นผู้ชาย เธอคิดว่าไง”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอึ้งไปทันที “ทำไมจู่ๆ ถึงมาถามเรื่องนี้ล่ะ”

   สีหน้าของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “บอกก่อนสิ เธอคิดว่าไง”

   “อืม... ไม่รู้สิ ฉันว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขานะ อีกอย่างไม่มีใครเคยถูกลงโทษเรื่องนี้ด้วยไม่ใช่หรือ”

   “มีสิ ก็ชู้รักพวกนั้นไง” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “พวกขุนนางน่ะไม่โดนก็จริง แต่ชู้รักของพวกเขา ยิ่งถ้าเป็นคนสามัญแล้วด้วยนะ เหมือนพอเกิดเบื่อหรือทะเลาะกันขึ้นมา ก็จะหาข้ออ้างเอากฎหมายมาจัดการกันเลย”

   “ทำไมเธอรู้ละเอียดจัง”

   “ฉันไปค้นมา” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “อีกอย่างช่วงนี้เรื่องการนิยมเพศเดียวกันกำลังเป็นที่พูดถึง ฉันน่ะเคยไปคลับที่มีแต่ผู้หญิงด้วยกันด้วยล่ะ”

   “ตายจริง” อีกฝ่ายอุทาน “มีที่แบบนั้นด้วยหรือ”

   “อื้อ แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายนะ ฉันออกจะชอบด้วย เหมือนโลกนี้มีแต่ผู้หญิงเลย”

   “เอ่อ... แต่นั่นมันผิดกฎหมายไม่ใช่หรือ”

   “ก็เฉพาะกับคนสามัญเท่านั้นแหละ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “พวกคนมีเงินน่ะทำกันเหมือนเรื่องปกติด้วยซ้ำ”

   “โอ...”

   “ที่จริงฉันไม่ได้ตั้งใจจะเอาเรื่องนี้มาคุยกับเธอหรอก แต่มันรบกวนใจฉันมาหลายวันแล้ว” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ฉันคิดว่าจอห์นอาจจะชอบผู้ชายด้วยกัน”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเผลอทำถ้วยชาหลุดจากมือ มันตกกระทบพื้นแตกกระจายเสียงดัง สาวใช้รีบวิ่งเข้ามาดูทันที

   “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”

   “ฉันเผลอทำแก้วหลุดมือน่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ช่วยเก็บกวาดให้หน่อยสิ” พูดจบเธอก็หันไปหาเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ “เราเปลี่ยนที่คุยกันดีกว่า ที่นี่ชักจะหนาวเกินไปแล้วล่ะ”

   ทั้งคู่ย้ายไปคุยกันต่อที่ห้องหนังสือ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนกำชับสาวใช้ว่าถ้าจะเข้ามาขอให้เคาะประตูก่อน จากนั้นจึงปิดประตูห้องแล้วล็อกจากด้านใน

   “ขอโทษนะแคทเธอรีน ฉันรู้ว่าเธอสนิทกับจอห์น แต่ว่าเรื่องนี้...”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยกมือเป็นเชิงห้าม “ทำไมเธอถึงมีความคิดแบบนี้ได้”

   สีหน้าของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เครียดกว่าเดิม “จำที่ฉันเคยพูดกับเธอได้ไหม ฉันน่ะอยากช่วยให้จอห์นสมหวังกับคนรักของเขาจริงๆ แต่ดูเหมือนไม่มีใครอยากพูดถึงหรือรู้เกี่ยวกับคนรักของเขา ฉันก็เลยให้คนไปสืบจากมิสเตอร์โอเดนเบิร์กดู เพราะคิดว่าอาจจะเป็นผู้หญิงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาก็ได้”

   “แล้ว...”

   “ปรากฏว่านอกจากแม่บ้านแล้ว แทบไม่มีผู้หญิงแวะไปที่ร้านของเขาเลย และเขาเองก็แทบไม่ออกจากร้านไปไหน เว้นเสียแต่จะออกไปดูจอห์นซ้อมรักบี้ หรือไม่ก็ตอนที่จอห์นแวะมาหาเท่านั้น”

   “....”

   “ฉันเลยบอกให้เลิกสืบ แล้วมานั่งทบทวนดู ที่ร้านเขาไม่มีผู้หญิง และจอห์นก็มักออกไปกินมื้อเย็นกับเขาแค่สองคน แถมยังสั่งดอกกุหลาบให้ไปส่งที่นั่นประจำอีก ฉันเลยแว้บไปถึงเรื่องที่เคยอ่าน บางทีคนรักของจอห์นอาจเป็นเขา ถ้าแบบนั้นก็จะอธิบายได้ทันทีว่าทำไมจอห์นถึงต้องปิดบังเอาไว้ไม่ให้ใครรู้”

   “เอาล่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “สมมติว่าที่เธอเดาเป็นเรื่องจริง เธอคิดจะทำอะไรต่อไป”

   “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันภาวนาให้ฉันคิดไปเองคนเดียว แต่ว่าเรื่องมันก็พอเหมาะพอเจาะกันเหลือเกิน” เธอทำท่าเหมือนจะร้องไห้ “เธอว่าฉันควรจะถามเรื่องนี้กับจอห์นตรงๆ เลยดีไหม ฉันนอนแทบไม่หลับเลยตลอดหลายวันที่ผ่านมา”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนคิดใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนจะตอบคำถามนั้น “ฉันเห็นด้วยที่ว่าเธอควรถามเรื่องนี้กับจอห์นโดยตรง”

   “เธอว่าจอห์นจะโกรธไหม”

   “เขาต้องโกรธอยู่แล้ว” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “แต่ฉันแน่ใจว่าเขาพร้อมจะตอบคำถามนี้ แม้จะโกรธก็ตาม”

   “แล้ว... เธอรู้เรื่องนี้ด้วยรึเปล่า”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเงียบไปอีกพัก “อเล็กซานดร้า นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของจอห์น ฉันไม่อาจตอบอะไรเธอได้มากกว่านี้ ทางที่ดีเธอต้องถามเขา เธอพูดเรื่องนี้กับใครอีกหรือเปล่า”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์สั่นศีรษะ “ฉันไม่ได้พูดกับใครเลย แม้แต่เจเรม หรือแพททริก ถึงจะทำให้พวกเขาสงสัยว่าทำไมฉันถึงเลิกล้มความตั้งใจง่ายๆ ก็เถอะ”

   “แพททริกรู้เรื่องที่เธอให้สืบด้วยหรือเปล่า”

   “เขารู้ข้อมูลเท่าฉัน เพราะเขาเป็นคนออกความคิด แต่เขามองว่าจอห์นอาจจะไม่ได้ซ่อนคนรักเอาไว้ก็ได้ เขาแค่ไม่อยากให้ฉันวุ่นวายกับเขาเท่านั้นเอง”

   “งั้นหรือ... แล้วเจเรมีล่ะ”

   “เจเรมมองว่ามันไร้สาระแต่แรกอยู่แล้ว” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า ก่อนจะถอนหายใจแรง “ขอบใจนะแคทเธอรีน เธอทำให้ฉันตัดสินใจได้ ฉันจะไปคุยเรื่องนี้กับจอห์น ก่อนจะกลับมิลตัน ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร ฉันจะไม่วุ่นวายกับเขาอีก เพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นคนที่ทำให้ฉันรู้สึกนับถือได้จากใจจริง”

   “ตามใจเธอเถอะ ขอแค่อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้อีกก็พอ”

   “อื้อ”

   “จริงสิ เธอให้คนสืบเรื่องมิสเตอร์โอเดนเบิร์กถึงเมื่อไหร่”

   “เอ... ก่อนจะถึงวันแข่งรักบี้สักสองวันล่ะมั้ง พอเขามารายงานแบบนั้น ฉันเลยบอกให้เลิกสืบ เพราะคงไม่ได้เรื่องอะไรไปมากกว่านี้ ทำไมหรือ”

   “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนปฏิเสธ ก่อนจะพูดต่อ “เธอเป็นคนตรงไปตรงมา ฉันจะยินดีมากถ้าหลังจากนี้เราจะเขียนจดหมายติดต่อกัน หรือออกไปเที่ยวด้วยกันบ้าง”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มีสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด “จริงหรือ ฉันยินดีมากเลย ฉันจะให้ที่อยู่เธอไว้ และขอที่อยู่เธอด้วย เธอพักอยู่ที่นี่ตลอดเลยรึเปล่า ถ้าไปมิลตันเมื่อไหร่ต้องบอกฉันนะ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอดยิ้มออกมาไม่ได้ พวกเธอสองคนแลกเปลี่ยนที่อยู่กัน และคุยสัพเพเหระต่ออีกเล็กน้อย ก่อนที่เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จะขอตัวกลับ

----------------------------------

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์แสดงอาการประหลาดใจเมื่อเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ไปพบเขาที่คฤหาสน์ในวันรุ่งขึ้นโดยไม่ได้เขียนจดหมายไปบอกก่อน

   “ไงอเล็กซานดร้า ผมกำลังจะไปหาคุณพรุ่งนี้อยู่เชียว”

   “จริงหรือคะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยิ้มอย่างร่าเริง แล้วพูดต่อ “แต่วันนี้ฉันชิงมาหาคุณก่อน โชคดีจริงๆ ที่เจอคุณ ได้ยินมาว่าคุณไม่ค่อยอยู่บ้าน”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเขินๆ “ที่จริงคุณน่าจะเขียนจดหมายมาบอกก่อน เพราะผมไม่ค่อยอยู่บ้านจริงๆ”

   “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมาหาคุณเพราะมีเรื่องบางอย่าง พอจะมีที่ที่เราจะคุยกันแบบไม่มีใครแอบฟังรึเปล่าคะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วเล็กน้อย “ที่ระเบียงมีโต๊ะสำหรับดื่มชาอยู่ แต่คุณต้องพูดเบาหน่อยนะ ผมไม่อยากปิดห้องคุยกันสองต่อสอง มันไม่ดีกับชื่อเสียงของคุณ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พยักหน้า ทั้งคู่จึงย้ายมานั่งคุยตรงระเบียงที่ใช้สำหรับดื่มชา คนรับใช้ยกน้ำมามาให้ ก่อนจะเดินออกไป เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รอจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นอีกแล้ว จึงเริ่มพูดขึ้น

   “ฉันมีเรื่องรบกวนใจ จริงๆ แล้วมันอาจจะเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เมื่อวานฉันไปคุยกับแคทเธอรีนมา เธอแนะนำให้มาถามคุณด้วยตัวเอง”

   “เรื่องอะไรหรือ”

   “คือ...” อีกฝ่ายอ้ำอึ้งเล็กน้อย “ฉันคิดว่าคนรักของคุณคือมิสเตอร์โอเดนเบิร์กค่ะ”

   แววตาของลอร์ดโทรว์บริดจ์เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็แค่วูบเดียว ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิม “ทำไมจู่ๆ ถึงคิดแบบนั้นล่ะ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รู้สึกโล่งใจที่ลอร์ดหนุ่มไม่ได้แสดงอาการโกรธขึงออกมา เธอจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พอฟังจบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ถอนหายใจเฮือก

   “นอกจากแคทแล้ว คุณยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับใครใช่ไหม”

   “ไม่มีค่ะ ฉันรู้ว่ามันกระทบกระเทือนกับชื่อเสียงของคุณมาก ฉันหวังว่าฉันจะคิดมากไปเองคนเดียว”

   “สมมตินะ ถ้าผมบอกว่าไม่ คุณจะโล่งใจมากใช่ไหม แต่ถ้าผมบอกว่าใช่ คุณคงจะไปบอกพ่อแม่ผม หรือคนอื่นๆ ต่อ หรือไม่ก็ทำอะไรร้ายกาจบางอย่าง”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ฉุนขึ้นมาทันที “คุณเห็นฉันเป็นคนยังไงกันแน่คะ ถึงฉันจะเคยทำเรื่องร้ายกาจกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กก็จริง แต่ฉันก็ยอมรับผิดแล้ว ตอนนั้นฉันทำไปเพราะโมโหที่เขาไม่ยอมตอบคำถามฉันตรงๆ แล้วฉันก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลวร้ายขนาดนั้น”

   “ผมรู้แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ถ้าคราวนี้คนที่ทำให้คุณโมโหเป็นผมล่ะ คุณสั่งจัดการผมไม่ได้ อาจจะไปลงกับเขาอีกก็ได้”

   จู่ๆ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็ถอนหายใจออกมา “โธ่ จอห์น... คุณกลัวฉันจะไปบอกคนอื่น กลัวฉันจะทำร้ายเขาซึ่งเป็นคนรักของคุณจริงๆ ใช่ไหม สาบานเลยค่ะว่าฉันไม่ทำแน่ ฉันจะไม่ทำอะไรที่ทำให้คุณเจ็บปวดอีก เพราะคุณเป็นคนสำคัญกับฉันมาก”

   “....”

   “สรุปว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กคือคนรักของคุณจริงๆ สินะคะ”

   “....”

   “จอห์น ยิ่งคุณเงียบไปแบบนี้ ฉันยิ่งรู้สึกเจ็บปวดแทนมิสเตอร์โอเดนเบิร์กนะคะ”

   “เขาไม่เคยต้องการให้ใครรู้เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมาในที่สุด “เขาไม่อยากให้มันกระทบต่อชื่อเสียงผม”

   น้ำตาของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์หยดลงอาบแก้ม เธอยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับ ขณะที่ลอร์ดหนุ่มพูดต่อ “ผมคงทำให้คุณผิดหวังมากจริงๆ ขอโทษด้วยนะ”

   อีกฝ่ายสั่นศีรษะ เธอซับน้ำตาอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดออกมาได้ “ฉันไม่ได้ผิดหวังหรอกค่ะ โอ... มันช่างน่าเศร้าและเจ็บปวด ทำไมพระเจ้าจะต้องรังเกียจ ถ้าหากว่ามันคือความรักจริงๆ”

   “พระเจ้าไม่ได้รังเกียจหากว่ามันเป็นความรัก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เพียงแต่ในมุมมองของคนอื่น มันคือสิ่งบาป”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ฉันรู้ว่าคนอย่างคุณคงไม่คบใครเล่นๆ แน่ เขาโชคดีมากที่ได้เป็นคนรักของคุณ แต่ก็ช่างน่าสงสารเหลือเกินที่สังคมของเรายังคงปิดกั้นเรื่องนี้ ทั้งที่มีคนมีฐานะหลายคนที่เลี้ยงเด็กหนุ่มเอาไว้เป็นของเล่น หรือกระทั่งผู้หญิงด้วยกันก็ตาม คนพวกนั้นสมควรจะถูกประณามยิ่งกว่า พวกเขาไม่เคยมีความรัก พวกเขามีเพียงความใคร่ พอเบื่อก็หาเรื่องจัดการ ฉันแน่ใจเลยว่ามาตรา11ออกมาเพื่อคนพวกนี้”

   “ดูท่าทางคุณสนใจเรื่องนี้มาก่อนนะ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พยักหน้า “ฉันสนใจในเรื่องสิทธิเสรีภาพของผู้หญิงมาก ครั้งหนึ่งฉันเคยไปงานเลี้ยงที่มีแต่ผู้หญิงค่ะ แน่นอนว่ามันไม่ได้เลวร้าย พอคุณพูดว่าก่อนที่ฉันจะคิดถึงเรื่องนี้ ฉันควรคิดถึงสิทธิในความเป็นมนุษย์ก่อน ฉันเลยมาคิดต่ออีก จริงๆ แล้วทั้งหมดเป็นเรื่องเดียวกัน มันคือความเสมอภาคค่ะ”

   “เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนทีเดียว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คำว่าเสมอภาคมันมีคำจำกัดความที่กว้างมาก ในมุมมองของผมมันไม่ใช่แค่การมีสิทธิ์ที่จะทำเหมือนกัน หรือปฏิบัติเหมือนกัน”

   “เอ... มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือคะ”

   “ไม่นะ ลองคิดดูสิ คนเราแต่ละคนเกิดมามีพื้นฐานไม่เท่ากัน แค่ผู้หญิงกับผู้ชายก็ต่างแล้ว ถ้าให้คุณไปออกรบแล้วให้ผมนั่งเย็บผ้าอยู่ที่บ้าน มันก็ดูไม่ค่อยเข้าท่าใช่ไหมล่ะ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์หัวเราะ “ฉันแน่ใจว่าผู้หญิงก็รบเก่งไม่แพ้ผู้ชายค่ะ แต่สงสัยว่าผู้ชายจะเย็บผ้าเก่งเท่าผู้หญิงหรือเปล่า”

   “งั้นผมยกตัวอย่างใหม่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่ยอมแพ้ “สมมติมีผู้หญิงคนหนึ่งถือของหนักมาก กำลังจะขึ้นรถไฟ ผู้ชายที่ยืนอยู่แถวนั้นไม่มีใครช่วยเธอเลย”

   “พวกเขาช่างไม่เป็นสุภาพบุรุษ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ฉันต้องพูดแบบนี้แน่ แต่หลังจากคิดดูแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ผู้ชายจะต้องมาช่วยไม่ใช่หรือคะ สังคมกำหนดกันเองว่าผู้ชายต้องช่วยผู้หญิงเพราะเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า”

   “ผมมองว่ามันเป็นวัฒนธรรม โดยธรรมชาติแล้วผู้หญิงมีแรงน้อยกว่าผู้ชายจริง และสังคมมนุษย์ได้วิวัฒนาการด้านวัฒนธรรมมาจนถึงขั้นรู้ในความแตกต่างนี้ และออกกฎเกณฑ์ให้มีการเอื้อในส่วนที่ขาด”

   “และมันทำให้เกิดความไม่เท่าเทียม” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เสริมต่อ “ฉันมองว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม”

   “มันไม่มีทางที่ทุกคนจะมีทุกอย่างเสมอกันได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ไม่อย่างนั้นพวกเราคงตั้งท้องเองได้ คลอดลูกเองได้ ไม่ต้องแบ่งชายหรือหญิง ไม่มีคนโง่คนฉลาด ไม่มีคนดีหรือคนเลว ผมกำลังจะบอกว่า ความเสมอภาคไม่ใช่การมีทุกอย่างเหมือนกัน ความเสมอภาคคือการให้ในสิ่งที่ขาด เพราะคนเราเกิดมาไม่เท่ากันแต่แรก ถ้าคิดว่าความเสมอภาคคือต้องมีเท่ากันหมดทุกอย่าง สังคมคงจะแห้งแล้งมาก เพราะมันจะกลายเป็นว่าต่างคนต่างคิดว่าจะต้องทำให้เสมอกับคนอื่น แล้วก็จะไม่มีใครเอื้อเฟื้ออะไรกับใครเลย”

   อีกฝ่ายนิ่งไปครู่ใหญ่ ในที่สุดก็พูดออกมา “ฉันคงต้องขอเวลากลับไปคิดเรื่องนี้ก่อนจะมาถกกับคุณต่อ แต่ยอมรับเลยนะคะว่าคุณมีมุมมองที่เถียงยากมาก”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม ขณะที่อีกฝ่ายพูดต่อ “แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เรื่องของคุณกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กฉันไม่เอาไปบอกใครต่อแน่ ฉันเห็นด้วยว่าถ้ามันเป็นความรักก็ไม่ใช่สิ่งผิด”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้แต่ยิ้ม เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มองเขาด้วยสายตาสะทกสะท้อน “โธ่... จอห์นที่น่าสงสาร ฉันเสียใจที่ไม่อาจช่วยอะไรคุณเรื่องนี้ได้เลย”

   “ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณยอมรับได้โดยที่ไม่รังเกียจผมก็ดีใจแล้ว”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตาอีกครั้ง “มันช่างน่าเศร้าจริงๆ ฉันไม่กล้าคิดเลยว่าสุดท้ายจะจบยังไง แต่ฉันกล้ายืนยันเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่ข้างคุณเสมอ”

   คำพูดของลอร์ดโทรว์บริดจ์ติดอยู่ในคอ เขาได้แต่พยักหน้าช้าๆ   

-----------------------------------

(มีต่อ)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   ในที่สุดงานที่ร้านของกอร์ดอนก็เสร็จตามกำหนด ลูกค้าทุกคนได้รับงานตรงตามกำหนดนัด หิมะแรกมาเยือนลอนดอนในวันที่เขาเปิดร้านเป็นวันสุดท้ายของปีพอดี

   “หิมะตกแล้ว มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก” เดวิดพูดหลังวางชุดน้ำชาลงบนโต๊ะ “ถ้าคุณไม่รีบดื่มมันจะเย็นเสียหมดนะครับ”

   กอร์ดอนเทชาลงถ้วย ใส่นมและน้ำตาลลงไปเล็กน้อย กลิ่นของมันทำให้เขารู้สึกสดชื่น เดวิดนั่งลงข้างๆ เหยียดเท้าไปทางเตาผิง

   “ตกลงแล้วเราจะไปพักที่คฤหาสน์ของลอร์ดฟาริงดอนกันรึเปล่าครับ”

   “ฉันปฏิเสธไปแล้วน่ะ”

   เด็กหนุ่มมีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “ทำไมล่ะครับ คุณไม่อยากให้ผมไปด้วยหรือ”

   “เปล่าหรอก เราไม่ได้สนิทอะไรกันกับลอร์ดฟาริงดอน จะให้ไปอยู่กับเขาทั้งช่วงฤดูหนาวก็กระไร แต่ฉันบอกเขาแล้วว่าเราอาจจะแวะไปเยี่ยมเขาสักสัปดาห์ เธอจะได้ไปเล่นสเก็ตช์ไง”

   เดวิดยิ้มด้วยความดีใจ “คุณจะไปรับพวกเราใช่ไหมครับ”

   “อืม... จะให้ฉันไปรับก็ได้ แต่ปีนี้ฉันวางแผนว่าจะไปพักที่เวมบลี บ้านที่นั่นหลังใหญ่พอสมควรเลย ไปคนเดียวก็คงจะลำบากอยู่ ถึงมันไม่มีบึงน้ำ แต่ก็มีเตาผิงที่ใหญ่กว่าที่นี่นะ”

   “แปลว่าคุณจะชวนพวกเราไปพักด้วยใช่ไหมครับ”

   “อืม... จะชวนบิสโม่กับครอบครัวของเขามาด้วยก็ได้นะ ถ้าพวกเขาไม่รังเกียจ ฉันว่าที่นั่นกว้างพอเลยล่ะ”

   “ว้าว ดีจัง ผมยังไม่เคยเห็นบ้านหลังใหม่ของคุณเลย ต้องสวยมากแน่ๆ”

   “แต่ที่นั่นไม่มีบึงน้ำนะ”

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็เราจะไปเยี่ยมลอร์ดฟาริงดอนอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ ยอดไปเลยมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก คุณนี่ช่างเป็นคนดีจริงๆ”

   เขาพูดพลางกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “แล้วเราจะไปกันเมื่อไหร่ครับ”

   “อีกสักวันสองวันแหละ เธอก็กลับบ้านไปเตรียมของเถอะ ฉันจะให้รถม้าไปรับ แล้วจะได้ไปที่นั่นพร้อมกัน”

   “ได้ครับ งั้น... ผมกลับวันนี้เลยนะครับ ระหว่างที่หิมะยังไม่ตกหนักมาก”

   กอร์ดอนหัวเราะ “ก็ได้ๆ เก็บวาดทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

   “เอ่อ... เดี๋ยวผมลงไปจัดการ จะได้รีบกลับไปจัดของ แล้วก็ชวนบิสโม่ด้วย”

   กอร์ดอนดื่มชาเสร็จก็ลงไปที่ครัว เขาเอ่ยชวนมิสซิสมาร์ธาให้ไปพักที่เวมบลีด้วยกัน

   “คุณช่างมีน้ำใจเหลือเกินค่ะ” มิสซิสมาร์ธาว่า “แต่ฤดูหนาวปีนี้ฉันคงไปไหนไม่ได้ เพราะต้องอยู่ช่วยสาธุคุณจัดงานที่โบสถ์”

   “อ้อ ไม่เป็นไร”

   “แต่ยังไงก็ขอให้มีความสุขมากๆ นะคะ มีที่อยู่รึเปล่าคะ ฉันจะได้ส่งการ์ดไปให้”

   กอร์ดอนจดที่อยู่ให้มิสซิสมาร์ธา หญิงชรารับไปแล้วพยักหน้า “คุณจะเดินทางเมื่อไหร่คะ”

   “คงสักวันมะรืน ไม่เป็นไรหรอก คุณหยุดงานวันนี้เลยก็ได้ แต่ช่วยเตรียมอาหารเผื่อไว้หน่อยแล้วกัน”

   “ได้ค่ะ”

   เดวิดกลับบ้านไปช่วงบ่าย ขณะที่กอร์ดอนกำลังนอนอ่านหนังสือเพลินๆ เสียงออดก็ดังขึ้น ช่างตัดเสื้อรีบลุกจากเตียงลงไปชั้นล่างทันที เขาคิดว่าคงเป็นลูกค้าสักคนที่มาเพราะงานด่วน ทว่าเจ้าตัวคาดผิดไปถนัด

   เลดี้บาธยืนอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับสาวใช้ประจำตัว แม้จะสวมหมวกที่มีตาข่ายคลุมหน้า แต่กอร์ดอนก็จำเธอได้ทันที

   “สวัสดีครับท่านหญิง มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”

   “โอเดนเบิร์ก ฉันมีเรื่องบางอย่างต้องคุยกับเธอ เข้าไปคุยข้างในได้ไหม”

   “ได้สิครับ” เขารีบเชิญเธอเข้าไปในร้าน

   เลดี้บาธที่กวาดตามองไปรอบๆ “นอกจากเธอแล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ที่นี่อีกไหม”

   “มีแม่บ้านครับ”

   “ช่วยไปบอกเธอทีว่าไม่ต้องยกน้ำชามาให้ฉัน ฉันอยากให้การมาครั้งนี้เป็นความลับ”

   “รับทราบครับ”

   “แล้วพอจะมีห้องส่วนตัวที่คุยกันได้แบบไม่มีใครแอบฟังรึเปล่า”

   “มีห้องนั่งเล่นชั้นบน เดี๋ยวผมนำขึ้นไปครับ”

   กอร์ดอนพาเลดี้บาธและสาวใช้ไปนั่งพักที่ห้องนั่งเล่นชั้นบน แล้วจึงไปบอกมิสซิสมาร์ธา เธอจึงขอให้กอร์ดอนช่วยยกชาขึ้นมาแทน

   “บอกแล้วไงว่าไม่ต้องยกชามา” เลดี้บาธว่า ขณะมองกอร์ดอนวางชุดน้ำชาลงบนโต๊ะ

   “ไม่ได้หรอกครับ มันเสียมารยาท อีกอย่างนี่เป็นชาเอิร์ลเกรย์จากร้านมัลคอม รสชาติดีอยู่นะครับ”

   “ร้านมัลคอมหรือ” เลดี้บาธทวนคำ อดไม่ได้ต้องให้สาวใช้รินชาให้ เธอเติมนมกับน้ำตาลเล็กน้อย ก่อนจะยกขึ้นสูด “หอมมาก ใบชาที่ร้านเขากลิ่นและรสชาติดีมากจริงๆ ฉันเองก็สั่งซื้อเป็นประจำ เธอมีรสนิยมในการเลือกชาไม่เลวเลยนะ”

   “ผมต้องเอาไว้ต้อนรับลูกค้าครับ” กอร์ดอนว่า เลดี้บาธดื่มชาแล้วจึงพิจารณาถ้วยชาในมือ

   “ชุดน้ำชานี่ก็สวยมากจริงๆ เธอซื้อจากร้านไหนหรือ”

   “เอ่อ... มีลูกค้าท่านหนึ่งกรุณาเอามาให้น่ะครับ”

   “งั้นหรือ” เลดี้บาธพยักหน้า “มีครั้งหนึ่ง จอห์นเคยมาถามฉันเรื่องร้านขายชุดน้ำชา เผอิญนี่ก็เป็นเครื่องเคลือบจากร้านเดียวกันเสียด้วย ฉันคิดว่าเขาเป็นคนซื้อมาเสียอีก”

   “ท่านลอร์ดเป็นคนซื้อมาให้นั่นล่ะครับ” กอร์ดอนยอมรับในที่สุด “เขาเห็นว่าที่ร้านควรมีชุดน้ำชาดีๆ สักชุด แต่อันที่จริงผมว่าชุดเดิมก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่”

   “มันทำให้ฉันแปลกใจมากทีเดียว เพราะปกติแล้วเขาไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลย” เลดี้บาธว่า “ดูเหมือนเขาจะใส่ใจเรื่องของเธอเป็นพิเศษนะ ว่าไหม”

   “เอ่อ... อันนี้ผมไม่ทราบหรอกครับ”

   เลดี้บาธถอนหายใจ เธอสั่งสาวใช้ให้ไปปิดประตูห้อง แล้วเฝ้าไว้

   “โอเดนเบิร์ก ฉันนับถือความเป็นมืออาชีพและความเถรตรงในการทำงานของเธอ เธอแสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่ไว้ใจได้ และมีความรับผิดชอบ รู้จักมารยาท และไม่ทะเยอทะยาน แถมยังมีรสนิยมเรื่องชาที่ดี ที่จริงแล้วไม่ควรมีอะไรที่เธอจะทำให้ฉันไม่พอใจได้เลย”

   “.....”

   “แต่หลายวันมานี้มีเรื่องหนึ่งรบกวนจิตใจฉันอย่างมาก ฉันจึงตัดสินใจมาที่นี่เพื่อขอร้องเธอ”

   “เรื่องอะไรหรือครับ”

   “ฉันขอร้องให้เธอเลิกติดต่อกับจอห์นเสีย เลิกคบหาเขาในทุกทาง และปฏิเสธที่จะตัดเสื้อให้เขาด้วย”

   กอร์ดอนใจหายวาบ เขาตะกุกตะกักพูดออกไป “ทะ... ทำไมกันล่ะครับ”

   “มันเป็นความกังวลส่วนตัวของฉัน รับปากได้ไหมโอเดนเบิร์ก ฉันขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว”

   “แต่ผมไม่เข้าใจ” กอร์ดอนว่า “มันไม่มีเหตุผลเลยนี่ครับ”

   เลดี้บาธถอนหายใจอีกครั้ง “ฉันไม่อยากจะพูดเรื่องนี้เลย แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับจอห์น... ออกจะดูซับซ้อนกว่าปกติ เขาใส่ใจเธอมากกว่าเพื่อนทั่วไป ฉันกังวลนะโอเดนเบิร์ก กลัวว่าลูกชายคนเดียวของฉันจะออกนอกลู่นอกทางเพราะเธอ เขาเป็นสุภาพบุรุษที่มีเกียรติ มีทุกอย่างพร้อม มันไม่ดีเลยที่เขาจะต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องเสียๆ หายๆ แบบนี้”

   “ท่านหญิงหมายถึง...”

   “ใช่” เลดี้บาธยอมรับออกมาในที่สุด “ฉันสงสัยว่าคนที่จอห์นติดพันอยู่ด้วยคือเธอ ตัวเธอน่ะโอเดนเบิร์ก”

   กอร์ดอนรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่หน้า ดวงตาของเขาพร่าไปทันที ขณะที่เลดี้บาธพูดขึ้นต่อ

   “มันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้อง รู้ใช่ไหม ฉันมาที่นี่เพื่อจะขอร้องเธอ ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนเลวร้าย บางทีเธออาจจะหลงผิดไป แต่เรื่องนี้แก้ไขได้ เธอแค่ต้องหยุดมันเท่านั้น”

   “....”

   “เรื่องนี้ก็เพื่อตัวเธอเองนะ”

   กอร์ดอนใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้ออกมา เขาขบกรามแน่น ก่อนจะพูดออกไป “ผม... ผมคงทำไม่ได้หรอกครับ”

   สีหน้าของเลดี้บาธเปลี่ยนไปทันที

   “มันเป็นการตกลงปลงใจของพวกเราทั้งคู่ ผมไม่อาจรับปากเรื่องนี้ได้ถ้าไม่คุยกับจอห์นก่อน ผมไม่อาจหักหลังเขาได้”

   ถ้วยชาหลุดออกจากมือเลดี้บาธ โชคดีที่มันตกลงไปบนพรมหนา จึงแค่หก ไม่ได้แตก แต่เธอไม่ได้สนใจจะเก็บมันขึ้นมา ใบหน้าของเธอซีดเผือดราวกระดาษ มือที่ยกอยู่สั่นระริก

   “หมายความว่าสิ่งที่ฉันกังวลเป็นความจริงสินะ” น้ำเสียงของเธอขาดหายไป จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา

   “ท่านหญิง...”

   อีกฝ่ายยกมือเป็นเชิงห้าม ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา “และเธอจะยอมไม่เลิกราใช่ไหม”

   “....”

   “ให้ฉันคุกเข่าอ้อนวอนเธอตรงนี้ก็ได้” เลดี้บาธว่า “ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอยุติเรื่องนี้ เห็นแก่พระเจ้า จอห์นเป็นลูกชายคนเดียวของเรา ได้โปรดอย่าล่อลวงเขาอีกเลย”

   กอร์ดอนรีบเข้าไปประคองเลดี้บาธที่ทำท่าเหมือนจะคุกเข่าลงขอร้องเขาจริงๆ เธอจึงจับแขนเขาไว้

   “ขอร้องล่ะโอเดนเบิร์ก ได้โปรดเถอะ”

   กอร์ดอนขบริมฝีปาก “กรุณาอย่าทำแบบนี้เลยครับ ผมไม่อาจรับปากเรื่องนี้ได้จริงๆ มันเป็นเรื่องที่เราทั้งคู่ตกลงกันไว้”

   น้ำตาไหลพร่างพรูออกมาจากดวงตาของเธอ เลดี้บาธประคองตัวเองกลับขึ้นไปนั่งบนโซฟา มองช่างตัดเสื้อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยหยาดหยดแห่งความปวดร้าว

   “นี่คือคำตอบของเธอสินะ”

   กอร์ดอนจำต้องพยักหน้า “ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่อาจรับปากได้จริงๆ”

   เลดี้บาธยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตา “ฉันเข้าใจแล้ว งั้นเราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก”

   หัวใจของกอร์ดอนปวดร้าวยิ่งกว่าเดิม “ผมไปส่งนะครับ”

   เธอสั่นศีรษะ “ไม่เป็นไร เธอไม่จำเป็นต้องทำตัวดีกับฉันอีกแล้ว ไม่จำเป็น”

   เลดี้บาธเรียกสาวใช้เข้ามาช่วยประคอง เธอยืนขึ้นอย่างยากลำบาก ราวกับพร้อมจะล้มลงได้ทุกเมื่อ ความรวดร้าวจุกขึ้นถึงลำคอของกอร์ดอน ขณะเดินตามไปส่งที่หน้าประตู ไม่มีคำพูดใดอีกระหว่างนั้น ไม่มีแม้คำร่ำลา เลดี้บาธขึ้นรถม้าจากไปท่ามกลางละอองหิมะที่กำลังโปรยปราย ทิ้งให้กอร์ดอนยืนอยู่ท่ามกลางความสับสน เขาได้แต่เงยหน้า ภาวนากับพระเจ้าที่อยู่บนฟ้า

   ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ โปรดทรงเมตตาลูก ลูกไม่อาจตกลงได้ ลูกไม่อาจทรยศต่อความไว้ใจของเขา ไม่อาจทรยศต่อคำสาบานได้ ลูกรักเขาหมดหัวใจ ขอพระองค์ได้โปรดทรงเมตตา ขอได้โปรดทรงเมตตาในความรักของเราด้วย

----------------------------------

   “มาเรีย เกิดอะไรขึ้น” ลอร์ดบาธรีบลุกขึ้นไปประคองภรรยาที่ทำท่าเหมือนจะล้มลงทันที่ที่เดินเข้ามาหาเขาในห้องเขียนจดหมาย เลดี้บาธร้องไห้ออกมาทันที

   “เฮนรี่ เรื่องเป็นอย่างที่ฉันกังวลจริงๆ”

   “นี่คุณไปพบโอเดนเบิร์กมาแล้วหรือ”

   เลดี้บาธพยักหน้าทั้งน้ำตา “เขายอมรับ... โอ... พระเจ้า ฉันไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี เรื่องแบบนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย ช่างเลวร้ายเหลือเกิน”

   ลอร์ดบาธอึ้งไปครู่ใหญ่ๆ “ผมจะไปบอกให้โอเดนเบิร์กเลิกยุ่งเรื่องนี้”

   “ฉันคุยกับเขาแล้ว ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขายังคงยืนยันคำเดิม เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องระหว่างเขากับจอห์น เขาต้องคุยเรื่องนี้กับจอห์นก่อน”

   “งั้นผมจะไปบอกลูก เขาควรจะมีความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นบ้าง”

   “อย่าค่ะ” เลดี้บาธรีบห้าม “ฉันรู้ว่าจอห์นจะไม่ยอมเลิกราเรื่องนี้ เขาเป็นคนรั้น ถ้าคุณสั่งห้ามเขา เขาอาจจะทำในสิ่งที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ ฉันกลัวว่าเขาจะขี่ม้าออกไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย ฉันคงทนไม่ได้ถ้าต้องเสียลูกไป”

   เลดี้บาธร้องไห้จนตัวสั่น ลอร์ดบาธประคองภรรยาของเขาเอาไว้ด้วยสายตาปวดร้าว “มาเรียที่รัก ผมเข้าใจถึงความเจ็บปวดของคุณ มันเป็นความเจ็บปวดของผมด้วย จอห์นเป็นลูกคนเดียวของเรา ผมเองก็ไม่อาจทนเสียเขาไปได้เช่นกัน คุณวางใจเถอะ ผมจะหาทางจัดการเรื่องนี้เอง”

   เลดี้บาธพยักหน้า ขณะที่ลอร์ดสามีเช็ดน้ำตาให้เธอ “ยอดรัก พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางแล้ว คุณต้องทำใจดีๆ ไว้ ไม่แน่ว่าระหว่างการไปเที่ยวในครั้งนี้ ลูกอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”

   เลดี้บาธพยักหน้าช้าๆ “ฉันหวังว่ามันจะเป็นอย่างที่คุณว่าค่ะ”

-----------------------------------------
(จบตอน)

ในที่สุดเรื่องก็เดินมาถึงจุดแตกหักจนได้ค่ะ ต้นฉบับเรื่องนี้เขียนจนจบแล้วนะคะ จากนี้ไปถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จะทยอยลงวันละตอนจนถึงตอนจบค่ะ มาช่วยลุ้นจอห์นกับกอร์ดอนกว่าจะกินมาม่ากี่อ่างกันเถอะค่ะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เข้าใจความเป็นพ่อแม่ที่มีลูกชายคนเดียว
เข้าใจในความรักของจอห์นกับกอร์ดอน
ในความคิดของพ่อแม่ อยากให้ลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์
ในความคิดของลูก ที่มีหัวใจในความรักที่ไม่คิดอะไร ขอให้ได้รัก
ไม่มีใครผิดในเรื่องนี้ ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง
สู้ๆ นะจอห์น กอร์ดอนเองก็ขออย่าให้มีเรื่องเลวร้ายมากไปกว่านี้นะ
 :เฮ้อ: :กอด1: :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด