[เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)  (อ่าน 97726 ครั้ง)

ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มาแล้ว จะเป็นยังไงต่อไปนะ
ทำยังไงความรักแบบนี้ถึงจะได้รับการยอมรับ

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ในความสุขก็มีความทุกข์อยู่ด้วย

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่37 ความลับ


ร้านของเฮเลน่า แอนเดอร์สันเป็นตึกสี่คูหาสูงสี่ชั้น มันตกแต่งอย่างหรูหราเยี่ยงคฤหาสน์ ในช่วงเวลากลางวัน ที่นี่เงียบเหงาและวังเวงเหมือนแมวเซา แต่ตอนกลางคืนกลับเป็นตรงกันข้าม

ตัวตึกมีแสงไฟสว่างไสว เสียงเปียโนและเสียงร้องเพลงดังแว่วมาให้ได้ยิน คนเฝ้าประตูซึ่งเป็นชายผิวขาวรูปร่างสูงใหญ่เปิดทางให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทันที

โคมไฟระย้าที่นี่แม้ไม่โอ่อ่าเท่าในห้องโถงใหญ่ที่คฤหาสน์สามเส้า แต่สำหรับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ แสงไฟจากโคมไฟนี้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นมากกว่าเตาผิงอันใหญ่ที่คฤหาสน์สามเส้าเสียอีก

ลอร์ดสวินดัน พ่อของเขาเป็นมาร์ควิสแห่งสวินดันรุ่นที่สิบ ส่วนแม่ของเขาสืบสายเลือดมาจากเชื้อพระวงศ์ฝรั่งเศสที่ลี้ภัยมาอยู่อังกฤษในช่วงเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อราวร้อยกว่าปีก่อน เนื่องจากเธอเสียชีวิตทันทีหลังคลอดเขากับพี่ชายฝาแฝด แม่ในความทรงจำของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงมาจากคำบอกเล่าของหญิงรับใช้ เครื่องเรือนแบบฝรั่งเศส และรูปวาดของเธอที่วางประดับอยู่ในคฤหาสน์เท่านั้น

แม้จะเกิดและเติบโตในคฤหาสน์สามเส้า แต่ชีวิตของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับไม่ได้สบายอย่างที่คนทั่วไปคิด เนื่องจากกิจการภายในที่ตระกูลเมอร์เรย์ดำเนินอยู่ ซึ่งเป็นกิจการลับที่ไม่อาจเปิดเผยให้สาธารณะชนรับรู้ได้ เขาและพี่ชายมีช่วงเวลาวัยเด็กอยู่ด้วยกันเพียงสั้นๆ ก่อนที่ลอร์ดฟาริงดอนจะถูกจับแยกออกไปอยู่ที่อื่น หลังจากนั้นความลำบากอย่างแสนสาหัสก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา

ลอร์ดสวินดันอบรมเขาอย่างเข้มงวด ในทุกๆ วัน นอกจากเรียนวิชาประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และดนตรีแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ต้องฝึกดาบเป็นเวลาอย่างน้อยสี่ชั่วโมง ทุกหนึ่งเดือน พ่อของเขาจะเรียกเขาไปทดสอบ ถ้าผลการทดสอบไม่เป็นที่น่าพอใจ นอกจากถูกเฆี่ยนแล้ว เขาจะถูกลงโทษโดยการขังไว้ในห้องใต้ดินของคฤหาสน์ ที่ทั้งมืดและชื้น ทางเดียวที่จะออกมาได้ คือการทำตามเงื่อนไขที่พ่อของเขาตั้งไว้ บางครั้งก็เป็นการแทงดาบให้โดนเป้าโดยที่ใช้ผ้าปิดตาไว้ บางครั้งก็เป็นการคลานลอดเข้าไปในช่องคูแคบๆ หรือบางทีก็เป็นแค่การรออย่างอดทน โดยปราศจากน้ำและอาหาร จนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สงสัยว่า เขาเป็นลูกชายของลอร์ดสวินดัน หรือเป็นนักโทษกันแน่ แต่ครั้งที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นตอนเขาอายุสิบสอง ลอร์ดสวินดันขังเขาไว้กับสุนัขที่เขารักที่สุด โดยให้มีดเขาไว้เล่มหนึ่ง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กับสุนัขตัวนั้นถูกขังรวมกันโดยไม่มีน้ำและอาหาร เขาจำไม่ได้ว่าเวลาผ่านไปกี่วัน แต่สุดท้ายเมื่อเขาและสุนัขตัวนั้นทนความหิวไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างก็มุ่งเข้าทำร้ายอีกฝ่ายเมื่อเอาตัวรอด แน่นอนว่าเขาเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยังจำได้ดีถึงตอนที่เขาดื่มเลือดสุนัขตัวนั้นหลังจากฆ่ามันตายเพื่อดับกระหาย ลอร์ดสวินดันเป็นคนลงมาเปิดประตูให้เขาด้วยตัวเอง ไม่มีคำปลอบใจ ไม่มีการสัมผัส พ่อของเขาเพียงแต่มองเขาด้วยสายตาพึงพอใจ ก่อนจะสั่งให้คนรับใช้พาเขากลับไปพักฟื้น หลังจากนั้นลอร์ดสวินดันก็ไม่ได้สั่งขังเขาในห้องใต้ดินอีกเลย เหลือเพียงการลงโทษด้วยการเฆี่ยน หรือฟาดกับไม้เท้า

“มิสเตอร์เอ็มที่รัก คืนนี้มีคนในใจหรือยังคะ” เฮเลนน่า แอนเดอร์สันเอ่ยทักทายเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แสงไฟยามกลางคืนทำให้เธอดูสาวกว่าความเป็นจริงหลายเท่าตัว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จ้องเธอ ก่อนจะตอบคำถาม

“อนาสตาเซีย เธอมีแขกอยู่หรือเปล่า”

“ดิฉันแน่ใจว่าเธอจะว่างค่ะ” เฮเลน่า แอนเดอร์สันกล่าวพลางยิ้ม แล้วหันไปเรียกเด็กสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “พาสุภาพบุรุษท่านนี้ไปนั่งพักก่อน ฉันจะไปตามอนาสตาเซียมาให้เขา”

“ได้ค่ะมาดาม”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงหันหน้าไปมองเธอ

“เดี๋ยวก่อน”

เฮเลน่า แอนเดอร์สันหันกลับมามองเขา ขณะที่ลอร์ดหนุ่มพูดขึ้นต่อ “ไม่ต้องตามอนาสตาเซียแล้ว”

อีกฝ่ายคลี่ยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นดิฉันไม่รบกวนล่ะนะคะ”

“อืม”

พอเฮเลน่า แอนเดอร์สันเดินออกไปแล้ว เขาจึงหันมาคุยกับหญิงสาวที่ยืนข้าง

“ชื่ออะไร”

“โดโรธีค่ะ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกมือขึ้นสางผมสีแดงของเธอเบาๆ “คืนนี้ของเธอเป็นของฉันทั้งหมด ไปที่ห้องกันเถอะ”

ห้องของโดโรธีไม่หรูหราเท่าของอนาสตาเซีย หรือสาวๆ คนอื่นที่เขาเคยนอนด้วย เดาว่าคงเพราะเธอเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ โดโรธีมีทุกอย่างที่เขาต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอมีผมสีแดง

พิธีการไม่จำเป็นอื่นๆ ถูกตัดออกไป เหลือแต่การตอบสนองความต้องการด้านร่างกายล้วนๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ปลดปล่อยความรู้สึกที่เขาอัดอั้นไว้ออกมาจนหมด ท่ามกลางเสียงหอบหายใจและวงแขนบอบบางที่โอบรัดตัวเขาเอาไว้แน่น ร่างของโดโรธีกระตุกอยู่ครั้งสองครั้ง ก่อนที่เธอจะซุกหน้าลงบนอกของเขา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก้มลงจูบศีรษะของเธอเบาๆ แล้วไล้มือไปตามเส้นผมสีแดงนั้น

“เธอผมสีแดงหรือคะ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ชะงักมือ “อะไรนะ”

โดโรธีเงยหน้าขึ้น แล้วจับมือของเขาเอาไว้ “ผู้หญิงที่คุณคิดถึงน่ะค่ะ เธอมีผมสีแดงใช่ไหมคะ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งไปพัก “ใช่ เธอมีผมสีแดง”

“เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือคะ”

“ทำไมถึงถามแบบนั้น”

“ก็คุณดูคิดถึงเธอมาก ดิฉันคิดว่าคุณไม่ใช่ผู้ชายแบบที่จะยอมเสียผู้หญิงที่รักให้กับคนอื่นง่ายๆ เลยเดาว่าคงเกิดเหตุร้ายแรงบางอย่างขึ้นกับเธอ ต้องขออภัยด้วยนะคะถ้าดิฉันพูดจาไม่เหมาะสม”

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างคนทั้งคู่ แล้วจู่ๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ผุดลุกขึ้น

“ขอบใจมาก”

โดโรธีมองลอร์ดหนุ่มที่เร่งรีบแต่งตัวและผลุนผลันออกไปจากห้องด้วยความงงงวย

--------------------------------------

แจ๊คสันกำลังจะปิดร้านแล้ว ตอนที่กอร์ดอนผลักประตูเข้ามา พอเห็นช่างตัดเสื้อ เขาก็เอ่ยปากทักทันที

“ไง กอร์ดอน มาเสียดึกเลยนะวันนี้”

“ผมคิดว่าตัวเองควรออกมาผ่อนคลายบ้าง” ช่างตัดเสื้อหนุ่มพูด พลางหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้หน้าบาร์ แจ๊คสันหันไปเทเหล้ายินให้เขา

“ผมเกือบสั่งให้เด็กไปปิดประตูร้านแล้วเชียว”

กอร์ดอนหยิบแก้วเหล้ายินขึ้นมาจิบ “โชคดีที่ผมเอาขามาขวางประตูร้านคุณไว้ได้ทัน”

ทั้งคู่พากันหัวเราะ จากนั้นแจ็คสันจึงสั่งให้เด็กเอาป้ายปิดร้านไปแขวนที่หน้าประตู เพราะไม่อยากรับลูกค้าเพิ่มอีก

“ลอร์ดโทรว์บริดจ์เพิ่งทำการคัดตัวนักรักบี้ที่จะลงเล่นต่อหน้าพระพักตร์เจ้าชายไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมล่ะคิดถึงจอห์นขึ้นมาตงิดๆ ทีเดียว” แจ๊คสันชวนคุย กอร์ดอนยิ้ม

“ผมว่าเขาคงดีใจถ้าได้ยิน รักบี้เป็นกีฬาที่เล่นกันดุดันมาก ผมรู้สึกดีใจที่ตัวเองเป็นช่างตัดเสื้อ มันคงเหมือนอยู่แนวหน้า ถ้าต้องไปยืนในสนามแบบนั้น”

แจ็คสันอมยิ้ม “ไม่ต้องกังวลไป ผมว่าแค่หุ่นคุณก็คงไม่ผ่านการคัดตัวล่ะ”

กอร์ดอนหัวเราะ เขาจิบเหล้าอีกคำแล้วพูดต่อ “คุณเคยไปเวมบลีไหม”

“เวมบลี” แจ็คสันทวนคำ “ไม่เคยหรอก แต่คิดว่าแถบนั้นคงอากาศดีกว่าแถวนี้แน่ ทำไม คุณจะไปเที่ยวหรือ”

“เปล่า” กอร์ดอนปฏิเสธ “คือมีคนเสนอให้ผมย้ายไปอยู่ที่นั่น”

ฝ่ายตรงข้ามตาโต “อย่าบอกนะว่าจอห์น”

“ไม่ๆ” ช่างตัดเสื้อโบกมือ ก่อนจะรีบพูดต่อ “เป็นคนรู้จักเก่าแก่ของปู่น่ะ เขามีที่ดินอยู่แถบนั้น อยากให้ผมไปดูแล”

“หวังว่าเขาคงไม่ได้อยากให้คุณไปทำฟาร์มให้หรอกนะ เพราะดูหุ่นคุณไม่ให้เลย”

กอร์ดอนหัวเราะ “เปล่า เขาอยากให้ผมไปเปิดร้านตัดเสื้อที่นั่น”

“เวบบลีน่ะนะ” แจ๊คสันทวนอีก “แล้วจะมีลูกค้าหรือ”

“ไม่รู้สิ”

แจ็คสันมองเขา “ผมว่าตอนนี้คุณคงกำลังสองจิตสองใจเรื่องร้านของคุณใช่ไหมล่ะ ใจคุณคงอยากย้ายไปอยู่เวมบลีแล้ว แต่เพราะยังไม่แน่ใจเรื่องการงาน คุณเลยไม่รู้ว่าควรจะตัดสินใจยังไงดี”

“นั่นแหละ” กอร์ดอนว่า “ผมคิดว่าที่นั่นคงอากาศดีกว่า สภาพแวดล้อมดีกว่า”

“ที่จริงแล้วเวมบลีก็ไม่ไกลมากนะ” แจ๊คสันออกความเห็น “คุณมาทำงานที่นี่จันทร์ถึงศุกร์ แล้วกลับไปพักผ่อนที่โน่นเสาร์อาทิตย์ยังได้ ถ้าคนรู้จักของคุณไม่ว่าน่ะนะ”

“นั่นสินะ” กอร์ดอนพยักหน้า “ผมควรจะไปดูที่ก่อนดีกว่า”

แจ็คสันหลิ่วตา “ไม่แน่นะ ผมว่าคุณไปแล้วอาจจะไม่อยากกลับมาลอนดอนเลยก็ได้”

ทั้งคู่พากันหัวเราะอีก จังหวะนั้นก็มีคนผลักประตูร้านเข้ามา

“ร้านปิดแล้วครับ” แจ๊คสันหันไปบอก ก่อนจะอุทาน “อ้าว มิสเฮเก้นต์”

กอร์ดอนหันไปมองตาม เขาเห็นแอนนาเบล เฮเก้นต์เดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้บาร์ข้างเขา สีหน้าของเธอดูซีดกว่าปกติเล็กน้อย เธอหันไปยิ้มให้เขาก่อนจะหันไปหาแจ๊คสัน

“ขอยินให้ฉันอย่างกอร์ดอนสักแก้วเถอะ คิดว่าคุณคงพอมีเหลือหรอก”

แจ๊คสันหัวเราะออกมา “ให้ตาย วันนี้ผมต้องปิดร้านดึกเพราะพวกคุณสองคนแน่ๆ”

เขาหันไปเทเหล้ายิน ก่อนจะสั่งให้เด็กในร้านกลับบ้านไปก่อน จากนั้นจึงปิดประตูร้านเสีย เพื่อจะได้แน่ใจว่าไม่มีแขกมาอีก

“ผมล่ะกลัวว่าจอห์นจะโผล่มาจริงๆ เชียว” เขารำพึงขณะเดินกลับมาที่บาร์ กอร์ดอนยิ้ม

“ถ้าเขามา คุณจะต้องได้ยินเสียงรถม้าของเขาตั้งแต่เขาอยู่ที่ถนนใหญ่โน่น”

แจ๊คสันหัวเราะ มิสเฮเก้นต์ยิ้มเล็กน้อย “ท่าทางพวกคุณกำลังคุยเรื่องจอห์นกันอยู่สินะคะ”

“เขาเป็นคนที่มีเรื่องให้พูดถึงเยอะทีเดียว” แจ๊คสันตอบ ก่อนจะพูดต่อ “ว่าแต่คุณคงไม่ได้วิ่งมาที่ร้านผมเสียดึกดื่น เพราะอยากคุณเรื่องจอห์นหรอก ใช่ไหมครับคุณผู้หญิง”

มิสเฮเก้นต์สั่นศีรษะ “เปล่าค่ะ ฉันแค่อยากมาดื่มเหล้าเฉยๆ”

“อ้อ...” แจ๊คสันส่งเสียงในคอ “จะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะขอตัวไปจัดการหลังร้านสักครู่”

“ตามสบายเลยค่ะ” มิสเฮเก้นต์ว่า “ยังไงฉันคงต้องรับผิดชอบที่ทำให้คุณต้องไล่เด็กกลับไปก่อนอยู่แล้ว”

อีกฝ่ายยักไหล่ “กอร์ดอนก็ต้องรับผิดชอบเหมือนคุณนั่นล่ะ งั้นผมฝากร้านหน่อยนะ ถ้ามีใครมาเคาะประตู ก็บอกว่าร้านปิดก็แล้วกัน”

ทั้งคู่หัวเราะ พลางมองแจ๊คสันหายไปด้านหลังร้าน กอร์ดอนหันมาหามิสเฮเก้นต์

“แอน คุณมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ผมเห็นคุณหน้าซีดมากตอนเข้ามาที่นี่”

“โอ... กอร์ดอนที่รัก” เธอคราง รอยยิ้มบนใบหน้าปลาสนาการไปทันที “ฉันดีใจเหลือเกินที่คุณอยู่ที่นี่ ฉันสองจิตสองใจอยู่นานว่าจะไปที่ร้านคุณ หรือมาที่นี่ดี แต่กลัวว่าคุณจะพักผ่อนแล้ว ฉันเลยตัดสินใจมาที่นี่แทน”

“มีเรื่องอะไรหรือแอน” กอร์ดอนพูดพลางมองอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง “ผมพร้อมจะช่วยคุณนะ”

มิสเฮเก้นต์มองเขาด้วยสายตาตื้นตัน เธอพูดขึ้นต่อ “กอร์ดอนคะ จำเรื่องน้องสาวที่ฉันเคยเล่าให้ฟังได้ไหมคะ”

กอร์ดอนพยักหน้า “ที่หน้าคล้ายผมใช่ไหม”

“ค่ะ” เธอรับพลางเม้มปาก “เธอฆ่าตัวตายเพราะถูกชายที่เธอรักย่ำยีอย่างไร้ค่า”

“โอ... พระเจ้า” กอร์ดอนอุทานด้วยความสะเทือนใจ “ผมเสียใจด้วย”

มิสเฮเก้นต์นิ่งไปอึดใจหนึ่ง เหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่าง “ตอนนี้ฉันเจอผู้ชายคนนั้นแล้ว”

“เขาทำอะไรคุณไหม เขามาคุกคามคุณหรือเปล่า” กอร์ดอนถามด้วยความเป็นห่วง มิสเฮเก้นต์สั่นศีรษะ

“คุณต้องบอกตำรวจเรื่องนี้” กอร์ดอนว่า

“ไม่คะ... โอ... กอร์ดอนที่รัก ฉัน... ฉันปรารถนาเหลือเกินที่จะทำให้เขาชดใช้ในสิ่งที่ก่อไว้ เขาสมควรได้รับสิ่งเลวร้ายเหมือนที่เขาทำกับน้องสาวของฉัน” เธอว่า “แต่ตำรวจไม่มีทางจะเอาผิดเขาได้ ฉันไม่มีหลักฐาน อีกอย่างเขามีคนหนุนหลัง ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้เขาอยู่”

กอร์ดอนจับมือของมิสเฮเก้นต์ขึ้นมาบีบไว้ “เข้มแข็งไว้นะ แอน ถึงอย่างนั้นพระเจ้าจะต้องมองเห็นบาปของเขา และพระองค์จะทรงลงโทษเขาแน่ๆ”

แอนนาเบล เฮเก้นต์ยิ้มให้ช่างตัดเสื้อ “กอร์ดอน คุณช่างเป็นคนดีเหลือเกิน ฉันดีใจ ที่ได้พบคุณ และเพื่อนๆ ของคุณค่ะ”

เธอเงียบไปอีกพัก “คุณยังได้พบกับลอร์ดแมกซ์อยู่อีกรึเปล่าคะ”

“ผมสามารถไปพบเขาได้” กอร์ดอนว่า “ลอร์ดสวินดัน พ่อของเขาเป็นลูกค้าของผม” เขาโพล่งขึ้นเหมือนนึกได้ “ผมพาคุณไปพบเขาได้นะ ผมว่าเขาคงยินดีที่จะจัดการปัญหาเรื่องนี้ให้คุณ”

มิสเฮเก้นต์สั่นศีรษะ “ไม่ค่ะ ไม่มีใครจัดการปัญหาเรื่องนี้ให้ฉันได้ และฉันไม่ปรารถนาจะดึงสุภาพบุรุษผู้แสนดีอย่างลอร์ดแมกซ์เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ฉันก็แค่... แค่อยากจะคุยกับใครสักคัน”

“คุณแวะมาหาผมที่ถนนบรอมพ์ตันได้ทุกเมื่อเลย” กอร์ดอนว่า “ผมนอนดึก และเคยชินกับการถูกปลุกด้วยเสียงออดแล้วล่ะ”

มิสเฮเก้นต์หัวเราะออกมา เธอมองกอร์ดอนด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณค่ะ จะว่าอะไรไหมคะถ้าเราจะดื่มกันอีกสักแก้ว และฉันอยากให้คุณช่วยไปส่งฉันที่บ้าน ฉันไม่อยากกลับคนเดียวเลยค่ะ”

“ได้สิ”

กอร์ดอนและมิสเฮเก้นต์ดื่มด้วยกันอีกสองแก้ว จากนั้นทั้งคู่จึงเรียกรถม้าไปยังบ้านพักของเธอ ช่างตัดเสื้อเดินไปส่งมิสเฮเก้นต์ที่หน้าประตู เธอบอกลาเขา และประตูก็ปิดลง กอร์ดอนรู้สึกสังหรณ์บางอย่าง เขาเดินลงบันไดมาอย่างใจลอย จังหวะนั้นเองใครคนหนึ่งก็เดินเข้ามาประชิดตัวเขา

“โธ่ คุณนั่นเอง” กอร์ดอนพูดออกมาด้วยความโล่งใจ เมื่อหันไปเห็นว่าคนที่ก้าวฉับออกมาจากเงาของเสาไฟฟ้าไม่ใช่ใครอื่น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่นเอง

“นายกับมิสเฮเก้นต์ไปไหนกันมา” ลอร์ดหนุ่มถามขึ้นทันที กอร์ดอนจึงตอบไป

“พวกเราเพิ่งกลับมาจากบาร์บีช็อต”

“ดึกป่านนี้แจ๊คสันยังเปิดบาร์ให้พวกคุณอีกหรือ พวกคุณไปไหนกันมา”

กอร์ดอนเพิ่งตระหนักได้ว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อาจกำลังเข้าใจผิด จึงรีบพูดต่อ “ผมมาจากบาร์ของเขาจริงๆ ครับ คือผมไปที่นั่นตอนก่อนร้านปิด แล้วแอนก็ตามหลังผมไปนิดเดียว โอ... ลอร์ดแมกซ์ครับ ได้โปรดเชื่อเถอะครับ ผมกับเธอไม่ได้มีอะไรเกินเลยกัน เราแค่ดื่มและคุยกันเท่านั้นเอง”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองกอร์ดอนอยู่พัก ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา “โทษทีนะ ฉันไม่ควรใช้น้ำเสียงกดดันกับนายแบบนี้”

“โอ ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่หรือ”

“ฉัน... แค่ผ่านมาน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “กำลังจะกลับแล้ว”

“รีบหรือเปล่าครับ” กอร์ดอนพูดขึ้นมา “ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณนิดหน่อย เกี่ยวกับแอน”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ ทั้งคู่จึงนั่งรถม้ากลับไปที่ร้านของกอร์ดอนด้วยกัน

“แอนดูไม่สบายใจมาก” กอร์ดอนเสริม หลังจากเล่าเรื่องที่เขาคุยกับมิสเฮเก้นต์ที่บาร์บีช็อตให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ฟัง อีกฝ่ายพยักหน้า

“เธอเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังแล้ว แต่ตอนนั้นเธอไม่ได้บอกว่าเธอเจอผู้ชายคนนั้นแล้ว”

“เธออาจจะเพิ่งพบเขา” กอร์ดอนว่า “ผมรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเลยครับ ผมคิดว่าเธอคงอยากจัดการบางอย่างกับเขา แต่ผมกลัวว่าเธอจะเป็นอันตรายมากกว่า”

“พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับเธอ ไม่ว่ายังไงฉันจะทำให้เธอบอกให้ได้ว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ก่อนที่เธอจะพาตัวเองไปพบอันตราย”

“ขอบคุณครับ ผมเชื่อว่าถ้าเป็นคุณต้องจัดการเรื่องนี้ให้เธอได้แน่ เหมือนอย่างที่คุณจัดการเรื่องแมคคาธีให้ผม”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ผงกศีรษะ

-----------------------------------------

วันรุ่งขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งรถม้าออกจากคฤหาสน์ตั้งแต่เช้า เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะถึงที่พักของแอนนาเบล เฮเก้นต์ ก่อนที่รถม้าของลอร์ดวู้ดฟอร์ดจะมารับเธอ แต่เขาต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อมิสซิสเมอร์สัน หญิงเจ้าของบ้าน บอกเขาว่าเธอนั่งรถม้าออกไปก่อนเขามาถึงเพียงไม่นาน

“เธอไปไหน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถาม “ยังอีกกว่าชั่วโมง กว่ารถม้าจากคฤหาสน์เรดชิมนีย์จะมารับเธอ”

“โอ... วันนี้เธอไม่ได้ไปสอนหรอกค่ะ” มิสซิสเมอร์สันตอบ “เธอลาพัก เธอออกเดินทางไปท่องเที่ยวกับมิสเตอร์เดอ เนเลียน่ะค่ะ”

“ว่าไงนะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์โพล่งขึ้นมา “พวกเขาเดินทางไปไหน คุณพอรู้ไหม”

“เอ... พวกเขาน่าจะไปที่คอทส์โวลด์กันค่ะ เห็นว่าอาจจะแวะระหว่างทางด้วย ดิฉันเองก็อยากจะไปเที่ยวคอทส์โวลด์เหมือนกัน หน้าร้อนที่นั่นคงสวยมาก รู้ไหมคะว่าทั้งคู่วางแผนจะหมั้นกันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวครั้งนี้”

“ขอบคุณ ผมต้องรีบไป”

มิสซิสเมอร์สันได้แต่อ้าปากค้าง เธอมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขึ้นรถม้าไปอย่างเร่งร้อน พลางภาวนาว่าอย่าให้เกิดศึกชิงนางขึ้นเลย

------------------------------------------

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ล้วงนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา ขณะกระโดดลงจากรถม้าหน้าสถานีแพดดิงตัน มีรถไฟเพียงขบวนเดียวที่มุ่งหน้าไปยังคอทส์โวลด์ในเวลาเช้าแบบนี้ ถ้าแอนนาเบล เฮเก้นต์กับโรเบิร์ต เดอ เนเลียร์จะไปเที่ยวแถบคอทส์โวลด์จริง เขามีเวลาอีกสิบนาทีเพื่อจัดการอะไรสักอย่าง ก่อนที่ขบวนรถจะแล่นออกจากชานชาลา

มีผู้โดยสารหนาตาอยู่บริเวณชานชาลา เพราะนี่เป็นฤดูท่องเที่ยว และพื้นที่แถบคอสท์โวลด์อยู่ไม่ห่างจากลอนดอนมากนัก ทั้งยังเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างสำคัญ และธรรมชาติที่สวยงาม จึงไม่แปลกที่มีผู้โดยสารมากมายกำลังรอขึ้นรถไฟขบวนนี้

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตัดสินใจตรงดิ่งไปยังห้องพักนายสถานี และถามหาเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง

“มิสเตอร์สเวนสันอยู่ไหม ผมต้องการพบเขาเป็นการด่วน”

“ผมเกรงว่า...”

“ไปบอกเขาว่ามิสเตอร์เอ็มมีธุระด่วนมาก ให้ไว เดี๋ยวนี้เลย”

น้ำเสียงที่แข็งกร้าวและสายตาที่ดุดันทำให้นายสถานีคนนั้นต้องรีบออกไป ไม่นานนักมิสเตอร์สเวนสัน ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสถานีก็รีบเดินออกมา

“โอ ท่านลอร์ด มีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”

“ฉันต้องการรู้ว่ามีผู้โดยสารที่ชื่อแอนนาเบล เฮเก้นต์ และโรเบิร์ต เดอ เนเลีย อยู่ในขบวนรถที่กำลังจะมุ่งหน้าออกจากสถานีขบวนนี้หรือเปล่า”

“ได้ครับ ผมขอเวลาสักครู่”

“ก่อนรถไฟจะออก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ย้ำ “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะซื้อตั๋วโดยสารชั้นหนึ่ง”

เวลาผ่านไปราวสามนาที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็พบสิ่งที่เขาต้องการ แอนนาเบล เฮเก้นต์ และโรเบิร์ต เดอ เนเลีย ซื้อตั๋วรถไฟขบวนนี้จริง พวกเขาอยู่ห้องที่ห้า ในตู้รถไฟชั้นหนึ่ง

“ฉันต้องการห้องที่อยู่ติดกัน จะเป็นห้องสี่หรือห้องหกก็ได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่งต่อ ผู้อำนวยการสถานีรีบพูดขึ้น

“เกรงว่าจะไม่ได้ครับ ทุกห้องถูกจองเต็มหมด”

“แม้แต่ห้องพิเศษก็ด้วยหรือ”

“โอ... คุณจะใช้ห้องนั้นหรือครับ” มิสเตอร์สเวนสันคราง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเขา

“ไม่ ฉันจะไม่ใช้ห้องนั้น เพราะมันเป็นห้องที่มีไว้สำหรับบุคคลสำคัญ แค่อยากรู้ว่ามีใครที่สำคัญขนาดต้องใช้ห้องนั้นไหม”

“ไม่มีครับ”

“ดี” ลอร์ดหนุ่มผงกศีรษะ แล้วเรียกมิสเตอร์สเวนสันมากระซิบ

---------------------------------------


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
ในที่สุดลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ขึ้นมาอยู่บนขบวนรถไฟได้สำเร็จ ในต้นขั้วตั๋วโดยสารระบุว่าทั้งคู่จะลงที่สถานีมอเรตัน อิน มาร์ช แต่เพื่อความแน่ใจ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงขอยืมเครื่องแบบพนักงานประจำตู้โดยสารมาสวม เพื่อที่เขาจะได้อยู่ในคอกที่สามารถเห็นผู้โดยสารขึ้นลงได้โดยไม่มีใครสงสัย เขาเห็นมิสเฮเก้นต์เดินออกมาเข้าห้องน้ำ เธอสวมชุดผ้าฝ้ายสีครีมอ่อนสำหรับหน้าร้อน สวมหมวกสตรอวเอียงข้างปักดอกไม้ดูเก๋ไก๋ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบเลื่อนหมวกลงตอนที่เธอเดินผ่านไป เขาแน่ใจว่าเธอคงไม่สงสัย เพราะไม่มีใครสนใจมองพนักงานประจำตู้ที่นั่งอยู่ในคอกอยู่แล้ว

ทั้งคู่ลงที่สถานีมอเรตัน อิน มาร์ชตามที่ระบุในตั๋ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลอบตามออกมาเงียบๆ เขากลับไปสวมเสื้อผ้าชุดเดิม นึกโล่งใจที่ไม่ได้แต่งตัวเต็มยศมาเหมือนคราวก่อน เขาดึงหมวกเดอบีลงต่ำ ขณะโบกมือเรียกรถม้า

คอสท์โวลด์อยู่ทางตะวันตกของลอนดอน เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดและสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง มีหมู่บ้านเล็กๆ ที่สร้างขึ้นในสมัยยุคกลาง ซึ่งล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจ ดังนั้น รถม้าทุกคันที่วิ่งออกจากสถานีมอเรตัน อิน มาร์ช จึงเปิดประทุน เพราะนักท่องเที่ยวต่างต้องการสัมผัสกับวิวทิวทัศน์ภายนอก มากกว่านั่งอึดอัดอยู่ใต้หลังคารถเป็นไหนๆ

คนขับรถม้าเป็นชายแก่แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตเก่าแต่สะอาด คาบไปป์ที่ผ่านการซ่อมมาแล้วหลายครั้ง กลิ่นยาสูบฉุนกึกแม้ว่ารถจะเปิดประทุนก็ตาม ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กระโดดขึ้นไปบนรถม้า แล้วสั่ง

“ตามรถม้าที่มีผู้หญิงสวมชุดสีครีมกับหมวกสตรอวนั่นไป ห่างๆ หน่อยนะ ผมไม่อยากให้พวกเขารู้ตัว”

“ได้ครับ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สังเกตรถม้าเป้าหมาย เขาเห็นแอนนาเบล เฮเก้นต์ และโรเบิร์ต เดอ เนเลียพูดคุยหยอกล้อกันเหมือนคู่รัก เขาล้วงกล่องบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าคงจุดไม้ขีดไม่ติดบนรถม้าเปิดประทุนแบบนี้ กล่องบุหรี่อันนั้นจึงถูกหย่อนลงในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตเหมือนเดิม

“ให้เดานะพ่อหนุ่ม พ่อแม่ของสาวคนนั้นคงจ้างคุณให้ตามดูพวกเขาล่ะสิ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ทำไมถึงคิดว่าเป็นพ่อแม่ของผู้หญิงล่ะ ผมอาจจะถูกพ่อแม่ฝั่งผู้ชายจ้างมาก็ได้”

“โอ... อย่างนั้นผมคงประหลาดใจมาก เพราะผู้ชายคนนั้นดูแพรวพราวจนไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นฝ่ายถูกผู้หญิงหลอกน่ะสิ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะออกมา “ถูกของคุณ ผมมาดูความเรียบร้อยของผู้หญิงคนนั้น”

“เธอเป็นคนสวยที่พยายามทำตัวไม่เด่นนะ คุณว่าไหม” สารถีชวนคุยต่อ “ตอนเธอเดินผ่านผมที่สถานี ผมรู้สึกเฉยๆ แต่พอเธอเดินผ่านไปสักพัก ผมถึงคิดขึ้นมาว่า สาวน้อยคนนั้นมีเสน่ห์มาก น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกในแว้บแรกที่มองเห็นเธอ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าเห็นด้วย “ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เธอไม่เคยทำให้ตัวเองเป็นจุดเด่นหรือว่าเป็นคนสำคัญ...”

“สงสัยจริงว่าทำไมเธอถึงได้คบกับผู้ชายพรรค์นั้น แต่อย่างว่าแหละ ผู้ชายพวกนี้มักมีสิ่งที่ผู้หญิงต้องการซึ่งผู้ชายอย่างเราไม่เข้าใจหรอก” พูดจบเขาก็หัวเราะ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ประสานมือไว้ตรงหน้าตัก เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

อากาศในช่วงเที่ยงค่อนข้างร้อนจัด แอนนาเบล เฮเก้นต์และโรเบิร์ต เดอ เนเลีย จึงแวะพักที่ร้านน้ำชาเล็กๆ ข้างทาง คนขับรถม้าเห็นดังนั้นจึงหันมาถามลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

“คุณจะแวะเข้าไปนั่งในนั้นกับพวกเขาด้วยไหม ผมคิดว่าน่าจะมีโต๊ะว่างนะ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ปฏิเสธ “ไม่จำเป็น ผมจะเฝ้าดูพวกเขาข้างนอก”

“แล้วคุณจะไปรอที่ไหน แถวนี้มีร้านน้ำชาแค่ร้านเดียว”

“ที่นี่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ผมคิดว่าคุณสามารถเลือกหามุมจอดที่ผมจะเห็นคนเข้าออกจากบริเวณหน้าร้านน้ำชานั่นได้ โดยไม่เป็นที่สังเกตนะ”

สารถีตัดสินใจขับรถไปจอดบริเวณที่พักสำหรับรถม้า ที่จริงแล้วมันเป็นแค่อ่างน้ำใส่น้ำสำหรับม้าขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ใต้ต้นเบิร์ช มีรถม้าจอดอยู่บริเวณนั้นสองสามคัน และมีม้านั่งสำหรับนั่งพัก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงลงจากรถม้าไปนั่งที่ม้านั่ง กลิ่นสาบม้าและกลิ่นยาสูบราคาถูกลอยมาแตะจมูก ขณะที่เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ พลางเพ่งสายตาไปยังร้านน้ำชาเบื้องหน้า

“นี่ พ่อหนุ่ม หิวรึเปล่า” สารถีคนเดิมเดินเข้ามาหา หลังจัดการให้ม้าได้ดื่มน้ำและผูกพวกมันไว้กับหลักเรียบร้อยแล้ว เขาชูห่อผ้าในมือขึ้นมา

“ผมมีแซนวิชไส้แตงกวาดอง ถ้าคุณไม่รังเกียจ”

“ไม่เลย นั่งสิ”

สารถีคนนั้นนั่งลงข้างเขา แกะห่อผ้าออกมา หยิบแซนวิชชิ้นหนึ่งส่งให้ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รับมาแล้วกัดไปคำหนึ่ง

“คุณได้ภรรยาที่ดีทีเดียว เธอดองแตงกวาได้อร่อยมาก”

สารถียิ้ม “ผมดีใจที่คุณชอบ เธอเป็นภรรยาที่ยอดจริงๆ แม้ว่าจะขี้บ่นไปหน่อย”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กัดแซนวิชอีกคำ ขณะที่สารถีมองเขา

“คุณดูหนุ่มมากนะ สำหรับงานนักสืบเอกชน”

“งั้นหรือ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ย้อน สารถีจึงพูดต่อ

“ปกติแล้วพวกนักสืบเอกชนมักเป็นตำรวจที่เกษียณอายุแล้ว หรือเคยทำงานกับตำรวจ แต่เท่าที่ผมดู คุณน่าจะอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ เท่านั้นเอง หรือจริงๆ แล้วคุณไม่ใช่นักสืบ แต่เป็นพี่ชายของแม่สาวคนนั้น ใช่ล่ะ ผมว่าคุณต้องเป็นพี่ชายเธอแน่ๆ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว “เพราะผมดูเด็กไป คุณเลยคิดว่าผมเป็นพี่ชายของเธอหรือ”

“ใช่ คุณดูเด็กไปสำหรับการเป็นนักสืบ และก็ใจเย็นเกินไป ในฐานะคนรัก ถ้าแม่สาวคนนั้นเป็นคนรักของคุณจริง ผมคิดว่าคุณน่าจะพุ่งเข้าไปแยกเธอออกจากผู้ชายคนนั้น แทนที่จะติดตามพวกเขาลับๆ แบบนี้”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะเบาๆ “ผมเป็นนักสืบเอกชน” เขาย้ำ “พ่อผมเป็นตำรวจ ผมมีประสบการณ์ด้านนี้พอสมควร”

“โอ... งั้นคุณคงมีเส้นสายไม่น้อย แต่แปลกจัง คุณน่าจะเลือกงานที่ดีกว่านี้ได้นี่นา”

“ทำไมล่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ย้อนถาม สารถีคนนั้นมองเขาอีกครั้ง

“ถึงคุณจะแต่งตัวธรรมดา แต่ผมดูออกนะว่าผ้าพวกนี้เป็นผ้าที่มีราคา ครอบครัวคุณน่าจะค่อนข้างมีฐานะ อีกอย่าง ไม้เท้าหัวอำพันนั่นคงไม่ใช่สิ่งที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านทั่วไปหรอกใช่ไหม ผมถึงแปลกใจว่าถ้าคุณมีพ่อเป็นตำรวจ และคุณมีฐานะดี คุณไม่น่าเลือกทำอาชีพนี้”

“คุณคิดว่าอาชีพนักสืบเอกชนทำเงินได้ไม่ดีหรือ”

“ไม่รู้สิ ผมไม่คิดว่ามันจะทำเงินถึงชนาดซื้อไม้เท้าที่มีหัวทำจากอำพันได้น่ะ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้ม “คุณผิดแล้ว แต่คุณก็พูดถูก งานนี้มีรายได้ดีทีเดียว พอให้ผมเลือกผ้าดีๆ มาตัดเสื้อได้ แต่ไม่พอสำหรับไม้เท้าอันนี้หรอก”

“งั้น...”

“ลูกค้าคนหนึ่งให้ผมมา ในฐานะที่ผมช่วยเขาจัดการเรื่องยากลำบากที่เขาไม่สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง”

“โอ้ นั่นสินะ” สารถีร้องออกมา “ผมลืมคิดไปเลยว่าพวกคนมีชื่อเสียงมักชอบปกปิดเรื่องฉาวของตัวเองไว้เป็นความลับ และพวกเขาพร้อมจะจ่ายอย่างงามสำหรับคนที่จัดการเรื่องของพวกเขาได้ ว้าว แสดงว่าคุณนี่ไม่เบาเลยนะ พ่อหนุ่ม...”

“แมกซ์” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เสริมให้

“ผมอัลเบิร์ต ยินดีที่ได้รู้จัก พ่อหนุ่มแมกซ์”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้ม พวกเขาคุยสัพเพเหระกันจนเห็นแอนนาเบล เฮเก้นต์ และโรเบิร์ต เดอ เนเลียเดินออกมาจากร้านน้ำชา ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายสาม ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงให้อัลเบิร์ตขับรถม้าตามไปห่างๆ

“คุณพอรู้ไหมว่าพวกเขากำลังจะไปไหน” ลอร์ดหนุ่มถามขึ้น เมื่อเห็นว่ารถม้าของทั้งคู่มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่ไม่น่าจะนำไปยังสถานีรถไฟ “พวกเขาไม่ได้พกกระเป๋าเดินทางมา ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะค้าง และขบวนรถไฟที่จะกลับลอนดอนก็ออกตอนสี่โมง”

“โอ้... พวกเขาคงตั้งใจจะไปใช้เวลาช่วงสั้นๆ ที่เหลือบนเนินเล็กๆ ที่ไม่มีผู้คนน่ะครับ ผมเคยถูกคู่รักจ้างให้หาเนินแบบนี้หลายครั้ง ผมว่าพวกเขาคงกำลังมองหาที่เงียบๆ กันอยู่”

“ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกไปทางไหนล่ะ”

อัลเบิร์ตเงียบไปอึดใจ ก่อนจะโพล่งขึ้นมา “โอ ผมเข้าใจแล้ว”

------------------------------------------

แอนนาเบล เฮเก้นต์กับโรเบิร์ต เดอ เนเลีย เดินขึ้นมาจนถึงยอดเนินที่ปราศจากผู้คน ทิวทัศน์ของหมู่บ้านที่สร้างจากหินทอดตัวอยู่เบื้องล่าง ท่ามกลางแสงแดดในฤดูร้อน และอากาศสดใสที่แสนจะเป็นใจ

“ยอดรัก คุณมีอะไรจะบอกผมหรือ” มิสเตอร์เดอ เนเลียในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับเสื้อกั๊กผ้าไหมสีน้ำเงิน กางเกงสแล็กสีน้ำตาล เอ่ยถามคู่รักของเขา

“โรเบิร์ตคะ จริงๆ แล้วฉัน...” เธอพูดพลางยกมือขึ้นจับหมวก เป็นท่าทางธรรมดาสำหรับผู้หญิงทั่วไป ทว่าจังหวะนั้นเธอก็แอบดึงปิ่นปักหมวกออกมา แล้วแทงเข้าใส่ลำคอของฝ่ายชาย

“โอ๊ะโอ๋ คุณเล่นอะไรอันตรายนะเนี่ย” โรเบิร์ต เดอ เนเลียคว้าข้อมือเธอไว้แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แอนนาเบล เฮเก้นถลึงตามองเขาอย่างโกรธจัด

“แก”

เธอพยายามดึงมือออกแต่ไม่เป็นผล โรเบิร์ต เดอ เนเลียบิดข้อมือของเธออย่างแรงจนปิ่นหลุดออก แล้วตบเธอจนล้มลง

“น่าเสียดายจริงๆ” โรเบิร์ต เดอ เนเลียพูดพลางใช้เท้าเหยียบมือของหญิงสาวไว้ เธอขบฟันกรอด แต่ไม่ยอมปริปากร้อง

“ผมคิดว่าคุณจะรอฆ่าผมบนเตียงเสียอีก” เขาย่อตัวลงตรงหน้าหญิงสาว แล้วใช้มือจับคางของเธอให้เงยขึ้นมา

“รู้อะไรมั้ย ผมน่ะอยากได้คุณมากกว่าน้องสาวของคุณอีก แต่เธอไม่ยอมให้ผมเข้าถึงคุณ ผมเลยต้องสั่งสอนเธอนิดหน่อย ไม่คิดว่าเธอจะเสียใจขนาดนั้น”

“ไอ้ชั่ว” แอนนาเบล เฮเก้นต์บริภาษ โรเบิร์ต เดอ เนเลียใช้นิ้วบีบกรามของเธออย่างแรง

“ผมจับคุณส่งตำรวจตอนนี้ยังได้ แต่... มันจะสนุกอะไรจริงมั้ย”

เขาผลักเธอลงบนพื้น แล้วขยับขึ้นคร่อมร่างของหญิงสาวไว้ แอนนาเบล เฮเก้นต์ดิ้นรนสุดแรง เธอพยายามกรีดร้อง แต่ถูกเขาต่อยเข้าที่ท้องจนอ้าปากไม่ออก

โรเบิร์ต เดอ เนเลียกระชากเสื้อของเธอจนขาด ตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นที่ด้านหลัง

“หยุดนะ”

โรเบิร์ต เดอ เนเลียจิ๊ปากอย่างขัดใจ เขาพูดออกมา “โธ่ คุณครับ มีมารยาทหน่อย ผมกับภรรยาแค่เปลี่ยนบรรยากาศการฮันนีมูนก็เท่านั้นเอง”

“ถอยออกมาจากเธอเดี๋ยวนี้ โรเบิร์ต อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำสอง”

คราวนี้โรเบิร์ต เดอ เนเลียจึงหันกลับไปมองเจ้าของเสียง เขายิ้มออกมา “อ้าว คิดว่าใครที่ไหนเสียอีก ที่แท้ก็คุณนี่เอง”
พูดจบเขาก็ยันตัวลุกขึ้น แอนนาเบล เฮเก้นต์รีบขยับหนี เธอล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สืบเท้าเข้ามา

“มาได้จังหวะพอดี” โรเบิร์ต เดอ เนเลียพูดต่อ “เธอพยายามจะฆ่าผม” เขาพูดพลางบุ้ยหน้าไปทางหญิงสาว “ดีนะที่ผมไหวตัวทัน”

“เท่าที่เห็น ฉันว่าแกพยายามจะข่มขืนเธอมากกว่า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า เขาถอดเสื้อตัวนอกให้แอนนาเบล เฮเก้นต์

“สวมนี่ แล้วเดินลงเนินไป มีรถม้ารออยู่ ผมอยากให้คุณขึ้นรถไฟกลับลอนดอน ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น”
แอนนาเบล เฮเก้นต์รับเสื้อมาสวม แต่เธอไม่ทำตามคำสั่ง “ไม่ค่ะ ฉันจะไม่ไปไหน”
โรเบิร์ต เดอ เนเลียยักไหล่ “คุณปิ๊งสาวผิดคนแล้ว ท่านลอร์ด เธอน่ะเป็นนังตัวแสบชัดๆ ทางที่ดีคุณควรจะปล่อยให้ผมจัดการเธอซะ แล้วคุณก็ค่อยเก็บกว่าต่ออีกที เหมือนที่เราเคยทำกันไง”

“หุบปาก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตวาด “ขืนแกพูดต่ออีกนิดเดียว ข้อตกลงที่ทำไว้จะถือว่ายุติทันที”

“อ้อ... ผมลืมไป นี่เป็นความลับของคุณนี่นะ... หรือจริงๆ คุณแค่กลัวเธอจะรู้เรื่องความชั่วร้ายของคุณกันแน่” โรเบิร์ต เดอ เนเลียมองเขาอย่างท้าทาย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สืบเท้าเข้าไปหาเขาช้าๆ

“แกก็รีบไสหัวไปซะ โรเบิร์ต แล้วห้ามยุ่งกับเธออีก”

“ก็ได้ๆ” โรเบิร์ต เดอ เนเลียยักไหล่ ทำท่าจะหันหลังเดินออกไป เสียงของแอนนาเบล เฮเก้นต์ดังขึ้นทันที

“หยุดนะ”

โรเบิร์ต เดอ เนเลียหันกลับมา ก่อนจะตัวแข็งด้วยความตกใจ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เองก็ตกใจไม่แพ้กัน
แอนนาเบล เฮเก้นต์ถือปืนกระบอกเล็กอยู่ในมือ เธอเล็งมันไปยังโรเบิร์ต เดอ เนเลีย ใบหน้าของเธอบวมปูดอย่างเห็นได้ชัด แต่ดวงตาของเธอเป็นประกายมุ่งมั่นแรงกล้า

“แกจะต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำ”

ไม่มีเสียงออกจากปากโรเบิร์ต เดอ เนเลีย ปืนเป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง เขาจ้องเธอด้วยความตระหนก ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น

“มิสเฮเก้นต์ คุณไม่ควรทำแบบนี้”

“ถอยไปค่ะ คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน” เธอตอบเขา ยังคงเล็งปืนไปยังโรเบิร์ต เดอ เนเลีย “ผู้ชายคนนี้ต้องตาย ถ้าคุณคิดจะปกป้องเขา ฉันจะยิงคุณด้วย”

เธอหันมาเล็งปืนใส่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ แล้วหันกลับไปเล็งโรเบิร์ตอีกครั้ง “แกมันไอ้ชาติชั่ว แกย่ำยีน้องสาวฉัน ทำให้เธอต้องฆ่าตัวตาย แล้วแกยังฆ่าจอร์จ เพื่อนชายของเธออีกด้วย แกทำให้คนมากมายต้องทุกข์ทรมาน ฉันจะยุติชีวิตชั่วๆ ของแก”

“อย่า”

ปัง

ภาพที่เห็นดูช้ากว่าที่ควรจะเป็น แอนนาเบล เฮเก้นต์เหนี่ยวไกปืน เธอเล็งไปที่ตัวของโรเบิร์ต เดอ เนเลีย ลูกกระสุนพุ่งแหวกอากาศอย่างเชื่องช้า เธอเห็นลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พุ่งเข้ามา กระสุนเจาะเข้าไปที่ตัวของเขา หญิงสาวหวีดร้องสุดเสียง จากนั้นเวลาก็กลับมาเดินเร็วเหมือนเดิม

ร่างของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ล้มลงกระแทกพื้น โรเบิร์ต เดอ เนเลีย ผงะถอย แล้วหันหลังวิ่งสุดชีวิต ขณะที่แอนนาเบล เฮเก้นต์ทิ้งปืนลง เธอรีบวิ่งตรงมาหาลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

“พระเจ้า ทำไมคุณทำแบบนี้” เธอประคองศีรษะของเขาขึ้นมา วงกลมสีแดงบนเสื้อเชิ้ตของเขาขยายตัวเร็วอย่างน่ากลัว “ผู้ชายคนนั้นเป็นคนชั่ว ทำไมคุณต้องปกป้องเขา”

“ผมไม่ได้ปกป้องเขา” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ผมปกป้องคุณ”

“....”

เขายกมือขึ้นมาจับมือของเธอไว้ “ผมไม่อยากให้คุณกลายเป็นฆาตกร... เหมือนผม”

น้ำตาใสๆ กลิ้งออกมาจากดวงตาสีเขียวสวยของแอนนาเบล เฮเก้นต์ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มให้เธอ

-----------------------------------------------
(จบตอน)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2019 16:47:23 โดย juon »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ขอบคุณที่มาต่อให้หายคิดถึงนะ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวหลัก แต่ก็ทำให้อ่านแล้วางไม่ลง
ความเข้มข้นดำเนินไปอย่างช้าๆ แต่ก็วางไม่ลงเลยละ กว่าจะรู้ตัวจบตอนซะแล่ววว
ขอให้ลอร์ดแม็กซ์ปลอดภัยนะ
 :3123: :3123:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดีใจ ไรท์มา  :mew1:
ชีวิตของแม็กซ์ ถูกทารุณกรรม ถูกฝึกปรือฝีมือแบบนี้
นี่ใช่พ่อจริงๆหรือ เป็นพ่อที่ไม่น่าจะทำแบบนี้กับลูก  :a5:
แต่นั่นก็ทำให้แม็กซ์เข้มแข็งสุดๆ  :hao3:
ช่างตรงกันข้ามกับพ่อของโรเบิร์ต เดอ เนเวีย ที่อบรมเลี้ยงดูลูกแบบโอ๋ ให้ท้าย
โรเบิร์ต เดอ เนเวีย ที่ใช้ชีวิตแแบบโสมม ชั่วช้า ทำลายชีวิตคนอื่นๆ
หรือเป็นการดีแล้วที่ถูกฝึกให้เป็นแบบนี้นะ แม็กซ์
แม็กซ์จัดการโรเบิร์ตนี่สมควรอย่างยิ่ง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ชอบที่แม็กซ์ รักก็รักแบบไม่ทำให้คนที่ตัวเองรักลำบากใจ
ที่ตลกตรงที่แม็กซ์หึงกอร์ดอนกับแอนนาเบล  o22
ทั้งที่รู้ชัดๆว่ากอร์ดอนรักอยู่กับจอห์น  :really2: :serius2: :เฮ้อ:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
มาต่อแล้วววส เข้มข้นมากๆๆๆ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
คุณมีสำนวนที่เหมือนนิยายแปลมากๆค่ะ นี่ถ้าไม่บอกว่าอ่านนิยายวายอยู่ก็ต้องนึกว่าอ่านนิยายฝรั่งเก่าๆแปลแน่ๆ เหมือนแม้กระทั่งสำนวนพูดคนสมัยก่อน แบบฝรั่งพูด รายละเอียดเรื่องสถานที่ ฉากด้วย น่าทึ่งมาก แต่ข้อเสียคือ การหายตัวไปนานๆของคุณทำให้ดิฉันจำชื่อตัวละครไม่ค่อยได้ค่ะ ปะติดปะต่อยาก

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กลับมาต่อแล้ว ดีใจมากๆค่ะ ได้ทราบเรื่องราวของลอร์ดแม็กซ์ก็ทำอึ้งไปเลยค่ะ ทั้งเรื่องธุรกิจของครอบครัวและเรื่องชีวิตที่เติบโตมา เป็นคนที่ผ่านอะไรมาเยอะมาก ไม่รู้ว่าเรื่องราวระหว่างแม็กซ์กับแอนจะเป็นอย่างไรต่อไป เรื่องของจอห์นกับกอร์ดอนก็เช่นกัน  ยังไงก็รอติดตามตอนต่อไปนะคะทขอบคุณสำหรัลงานที่ดีค่ะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
คิดถึงคุณจนบอกไม่ถูกเลยว่าดีใจแค่ไหนที่มาต่อ

ได้รับรู้ความยากลำบากของคุณจากในเพจยิ่งอยากส่งกำลังใจให้

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ

ลอร์ดแมกซ์น่าสงสารมาก ดีใจที่เขาได้เจอมิสเฮเกนต์ ขอให้พวกเขาสมหวังทีเถอะ

ปล. เราชอบสำนวนคุณมาก จับใจทุกเรื่องที่ได้อ่าน ขอบคุณที่เขียนออกมาแบ่งปันนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
**สำหรับผู้ที่อ่านตอน37 ก่อนวันที่1ส.ค.62 เนื่องจากมีการแก้ไขเนื้อหาเพื่อปูเรื่องเข้าสู้ตอน38ใหม่ จึงรบกวนท่านผู้อ่านกลับไปอ่านตอน37อีกครั้ง เพื่อป้องกันการสับสนค่ะ (ทุกคนก็จะบอกว่า เธอไม่บอกชั้นก็อ่าน เพราะลืมแล้วว่าตอนก่อนมันเป็นยังไงงง ขอโทษที่อัพช้ามากๆ นะคะ)

Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ
ตอนที่38 แปรผัน

อัลเบิร์ตได้ยินเสียงปืนจึงผูกม้าไว้ แล้วรีบเดินขึ้นไปบนเนิน เขาเห็นชายหนุ่มร่างใหญ่กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้น โดยมีสาวสวยผมแดงช่วยประคอง

“พระเจ้า คุณถูกยิง” สารถีชราอุทานเมื่อเห็นรอยเลือดขนาดใหญ่บนท้องของเขา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขบฟันกรอด ข่มความเจ็บปวดเอาไว้ เขาใช้ไม้เท้ายันพื้นเพื่อทรงตัว อัลเบิร์ตรีบวิ่งเข้ามาช่วยอีกแรง

“เขาต้องไปโรงพยาบาล” แอนนาเบล เฮเก้นต์พูดขึ้น สีหน้าของเธอซีดเผือด แต่ยังประคองสติไว้ได้ อัลเบิร์ตมองหน้าเธอ

“แต่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างไปสิบไมล์ ผมเกรงว่า...”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นมา “บ้านคุณอยู่ไกลไหม”

“ไม่ไกล”

“งั้นพาผมไปที่บ้านคุณ”

“แต่...”

“สภาพนี้ผมนั่งรถม้าไกลสิบไมล์ไม่ไหวแน่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด เหงื่อกาฬแตกเต็มใบหน้า “ผมต้องพักและห้ามเลือดก่อน”

สารถีชราพยักหน้า เขาช่วยพยุงลอร์ดหนุ่มไปขึ้นรถม้า เมื่อเห็นว่าผ้าเช็ดหน้าที่ใช้กดอยู่ชุ่มไปด้วยเลือด แอนนาเบล เฮเก้นต์จึงตัดสินใจฉีกชายกระโปรงของเธอออกมา แล้วใช้มันกดบาดแผลเอาไว้ เธอมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ด้วยความเป็นห่วง

“เลือดออกเยอะมาก ถ้าคุณไม่ไปโรงพยาบาล...”

“ผมจะเสียเลือดตายก่อนไปถึงโรงพยาบาล” ลอร์ดหนุ่มว่า เขาล้วงกล่องสีเงินออกมาจากอกเสื้อ หยิบห่อกระดาษสีน้ำตาลเล็กๆ ขึ้นมา คลี่มันออก แล้วโรยผงที่อยู่ด้านในลงไปบนแผล ทันทีที่สัมผัสโดน เจ้าตัวก็สะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ แอนนาเบล เฮเก้นต์เห็นดังนั้นจึงถามขึ้น

“นั่นอะไรคะ”

“ผงห้ามเลือด แต่คงห้ามได้ไม่นานนักหรอก” เขาตอบ ก่อนจะพูดต่อ “คุณมีกระดาษกับดินสอไหม”

“ค่ะ”

“ผมจะกดแผลเอง คุณหยิบกระดาษกับดินสอออกมา ผมอยากให้คุณไปส่งโทรเลข”

แอนนาเบล เฮเก้นต์พยักหน้า เธอหยิบกระดาษและดินสอออกมาจากกระเป๋าถือ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บอกรายละเอียดให้เธอจด

บ้านของอัลเบิร์ตอยู่ไม่ไกลนัก เป็นกระท่อมเล็กๆ มีบริเวณพอสมควร ภรรยาของเขาตกใจมาก เธอรีบพาเขาไปนั่งพักบนโซฟา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่งให้อัลเบิร์ตพาแอนนาเบล เฮเก้นต์ไปส่งโทรเลขที่สำนักงานไปรษณีย์ พอทั้งสองคนออกไปแล้ว ภรรยาของอัลเบิร์ตยิ่งดูกระวนกระวายกว่าเดิม

“โอ... ฉันควรจะไปตามใครมาช่วย” เธอพูดและทำท่าจะเดินออกไปนอกบ้าน แต่ถูกลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ห้ามไว้

“ไม่ต้อง ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่”

“แต่คุณบาดเจ็บนะ” เธอว่า “คุณอาจจะตายก็ได้”

“ถ้าคุณเรียกคนอื่นมา ผมตายแน่ๆ”

เธอหยุดยืนนิ่งทันที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงพูดต่อ “คุณชื่ออะไร”

“โดโรธี”

“เอาล่ะ โดโรธี ฟังผมนะ ผมเพิ่งให้พวกเขาไปโทรเลขตามหมอ เขาคงมาถึงที่นี่ประมาณหนึ่งหรือสองชั่วโมงหลังจากนี้ ระหว่างนี้ผมอยากให้คุณช่วยผมหน่อย ไปหาผ้าสะอาดกับเหล้าแรงๆ ให้ผมที”

“คะ... ค่ะ”

เธอหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมผ้าและเหล้ารัมขวดหนึ่ง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เปลี่ยนผ้าที่ใช้ซับเลือดบนแผล เขาดึงเน็กไทออกมา ม้วนแล้วยัดเข้าไปในปาก จากนั้นก็เปิดแผล เทเหล้ารัมลงไป แล้วหยิบไม้ขีดขึ้นมาจุดบริเวณแผล โดโรธีรีบเบือนหน้าหนีทันที ประกายไฟเมื่อเจอกับแอลกอฮอลก็ลุกพรึ่บขึ้น ลอร์ดหนุ่มเจ็บจนแทบสิ้นสติ กลิ่นเนื้อไหม้ฉุนกึก เขาตรวจดูบาดแผล เห็นว่าเลือดออกน้อยลง จึงค่อยระบายลมหายใจออกมา ได้ยินเสียงหญิงชราถามขึ้น

“คุณเป็นไงบ้าง”

“อืม... ค่อยดีขึ้นหน่อยแล้ว”

เธอค่อยๆ หันหน้ากลับมา “พระเจ้า... คุณเผาแผลตัวเองหรือ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ใช่ มันเป็นวิธีที่เร็วที่สุดที่จะห้ามเลือด ผมดีใจที่คุณไม่ได้มอง ผมกลัวคุณจะเป็นลมไปจริงๆ”

“ฉันต้องเป็นลมแน่” โดโรธีว่า “คุณอยากได้น้ำล้างมือไหม”

“ขอเป็นผ้าสะอาดดีกว่า ยินสักแก้วด้วย ผมคอแห้งมาก”

ตอนแอนนาเบล เฮเก้นต์และอัลเบิร์ตกลับมาถึง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ดื่มเหล้ายินไปเกือบครึ่งขวดแล้ว บาดแผลยังมีเลือดซึมอยู่แต่ไม่มาก แอนนาเบลเข้ามาดูอาการของเขาด้วยความเป็นห่วง

“บาดแผลของคุณเป็นไงบ้างคะ”

“ผมห้ามเลือดแล้ว คงพอจะทนได้อยู่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “คุณไปพักผ่อนเถอะ ผมไม่เป็นไร”

แอนนาเบล เฮเก้นต์สั่นศีรษะ “ไม่ค่ะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ จนกว่าหมอจะมา”

โดโรธีชวนอัลเบิร์ตออกไปจากห้องเงียบๆ ทิ้งทั้งคู่ไว้ตามลำพัง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนหายใจอีก

“ถ้าคุณไม่ไปพักผ่อน ก็ช่วยเล่าเรื่องให้ผมฟังได้ไหม”

“เรื่องอะไรหรือคะ”

“เรื่องอะไรก็ได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ผมต้องกระตุ้นตัวเองไม่ให้หลับ ก่อนที่หมอจะมาถึงน่ะ”

“งั้น...”

“เล่าเรื่องของคุณได้ไหม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดต่อ “แล้วผมจะเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง”

แอนนาเบล เฮเก้นต์มองเขาอึดใจ สุดท้ายก็พยักหน้า

“ฉันเกิดที่บริกซ์ตัน พ่อของฉันตายตอนฉันอายุได้สิบขวบ แม่เลยแต่งงานใหม่กับผู้ชายอีกคน เขามีลูกติด เธอชื่อเฮเลน อ่อนกว่าฉันสี่ปี พวกเราเข้ากันได้ดีมาก แม่ย้ายตามพ่อเลี้ยงมาอยู่ที่ฟูแล่ม ฉันกับเฮเลนเรียนหนังสือที่นั่น เธอเป็นเด็กน่ารัก จิตใจดี วันหนึ่ง เจ้านายพ่อเลี้ยงเชิญครอบครัวเราไปงานเลี้ยงเต้นรำ เฮเลนเจอกับโรเบิร์ตที่นั่น เขาเกี้ยวเธอ และเธอก็หลงเสน่ห์เขา ฉันพยายามเตือนเธอเรื่องเขาหลายครั้ง ท้ายที่สุดเธอก็ยอมรับฟัง เธอตั้งใจจะเลิกกับเขา แต่...” น้ำตาของแอนนาเบลไหลออกมา “ไอ้สารเลวนั่นไม่ยอมปล่อยเธอ มันย่ำยีเธอ ทำกับเธอเหมือนของเล่น เฮเลนเสียใจมาก เธอฆ่าตัวตายหลังจากนั้นไม่นาน ฉันสาบานต่อพระเจ้า ว่าจะต้องแก้แค้นผู้ชายสารเลวคนนั้นให้ได้”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ตอนนี้คุณได้แก้แค้นสมใจแล้ว”

แอนนาเบล เฮเก้นต์มองเขา สั่นศีรษะ “ไม่ค่ะ คุณไม่ใช่เขา คนที่สมควรถูกยิงควรเป็นเขาต่างหาก”

“มีคนแบบโรเบิร์ต เดอ เนเลียอีกมากในสังคมของผม และพวกเขาต่างลอยนวล ทำไมน่ะหรือ เพราะคนแบบผมไงล่ะ”

“....”

“เชื่อเถอะว่าคุณยิงถูกคนแล้ว มันคงดีถ้าผมตายไปเสียได้ แต่... คนแบบคุณไม่สมควรเป็นฆาตกร คุณดีเกินกว่าที่จะเป็นแบบนั้น”

แอนนาเบล เฮเก้นต์มองเขาด้วยสายตาอ่านยาก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงหันไปมองทางอื่น เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะพูดออกมา

“เรื่องโรเบิร์ตผมจะจัดการให้ ถ้ามีใครมาถามอะไรคุณ ให้บอกว่าเขาเป็นคนยิงก็แล้วกัน”

แอนนาเบล เฮเก้นต์อ้าปากเหมือนจะเห็นแย้ง แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ เธอผุดลุกขึ้น

“เดี๋ยวฉันมานะคะ”

“อืม”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองแผ่นหลังของเธอหายลับออกไปจากห้อง แล้วถอนหายใจยาวอีกครั้ง เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงทนรับความจริงเรื่องนี้ไม่ไหว ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของเธอเลย แต่เขากลับรู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆ

เพราะอะไรกันนะ...

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หลับตา ความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้เขาคิดอะไรได้ไม่มากนัก แต่แล้วลอร์ดหนุ่มก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อมีอะไรเย็นๆ มาสัมผัสที่ข้างแก้ม เขาลืมตาโพลง แล้วคว้ามือข้างนั้นไว้ทันที

“ขะ... ขอโทษค่ะ ฉันไม่คิดว่าจะทำให้คุณตกใจ”

แอนนาเบล เฮเก้นต์มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน

“โทษที” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด แล้วปล่อยมือออก หญิงสาวถอนหายใจ

“เหงื่อคุณออกเยอะมาก เช็ดตัวกับน้ำเย็นๆ หน่อยดีกว่าค่ะ”

“อืม”

แอนนาเบล เฮเกนต์ค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดใบหน้าของลอร์ดหนุ่มอย่างเบามือ แม้ผ้าจะเย็น แต่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับรู้สึกอุ่น นานแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสถึงความอ่อนโยนแบบนี้ เขาเหลือบตาขึ้นมองเธอ ทันทีที่สบตากัน แอนนาเบลก็หลุบสายตาลงต่ำทันที

“เอ่อ... ฉันจะออกไปดูนะคะ ว่าหมอมาหรือยัง”

เธอทำท่าจะผละออกไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบฉวยมือไว้

“อยู่กับผมที่นี่เถอะ” เขาโพล่งออกมา แอนนาเบลหันกลับมามองเขา แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงรถม้าก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน

“ฉันว่าหมอคงมาแล้วล่ะค่ะ” เธอพูด พลางดึงมือออกอย่างสุภาพ แล้วเดินออกไปจากห้องทันที

--------------------------------------

หมออัคราเป็นชาวอินเดียที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลเมอร์เรย์ เมื่อได้รับโทรเลข เขาและภรรยาก็รีบจับรถม้าที่เร็วที่สุดมายังคอตส์โวลด์ทันที เมื่อเห็นสภาพลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ทั้งคู่ถึงกับอุทานออกมา

“พระเจ้าช่วย”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์โบกมือ “หมอต้องช่วยผมแล้วล่ะ”

หมออัคราไม่มีเวลาให้ตื่นตระหนกนานนัก เขาก้มลงตรวจบาดแผลของลอร์ดหนุ่ม สีหน้าดูเป็นกังวล

“ผมต้องผ่าเอากระสุนออก นี่คุณเผาห้ามเลือดหรือ”

“อืม” อีกฝ่ายพยักหน้า “เจ็บน่าดูเลยหมอ”

หมออัคราถอนหายใจแรง “คุณยังไม่รู้สึกหน้ามืดใช่ไหม”

“ยัง แต่ผมเริ่มหวิวๆ แล้ว”

หมอนิ่งไปอึดใจ “ผมจะรีบผ่าเอากระสุนออก แล้วเย็บปิดแผลให้คุณก่อน ภาวนาให้เลือดไม่ออกมากไปกว่านี้ก็แล้วกัน”

“แล้วแต่เลย ชีวิตผมอยู่ในมือหมอล่ะ”

หมออัคราตรวจดูชีพจร แล้วหยิบหลอดมอร์ฟีนขึ้นมา

“พระเจ้าช่วยลูกด้วย”

เขาฉีดมอร์ฟีนเข็มนั้นให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ แล้วคลี่ห่อใส่เครื่องมือผ่าตัดลงบนโต๊ะ ภรรยาของเขาคอยส่งเครื่องมือต่างๆ ให้ ระหว่างที่เขาทำการผ่าตัดลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บนโซฟา ภรรยาของอัลเบิร์ตถึงกับลมจับ จนสามีต้องรีบพาออกไปอีกห้อง ขณะที่แอนนาเบล เฮเก้นต์หน้าซีดไม่แพ้กัน

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตัวสั่นด้วยความเจ็บในช่วงแรก จากนั้นเขาก็ค่อยสงบลงเพราะฤทธิ์มอร์ฟีน เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ในที่สุดหมอก็คีบเอากระสุนออกมาได้สำเร็จ เขาทำความสะอาดแผล เย็บปิด ทายาห้ามเลือด แล้วพันผ้ารอบลำตัวของลอร์ดหนุ่ม เพื่อปิดแผล ขั้นตอนนี้ค่อนข้างขลุกขลัก เพราะลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขยับตัวได้ไม่ถนัดนัก แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี หมออัคราตรวจดูชีพจร การเต้นของหัวใจ และอัตราการหายใจของลอร์ดหนุ่ม แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก

“คุณรอดมาได้ครึ่งทางแล้ว” เขาว่า “เหลือแค่ผ่านคืนนี้ไป ผมอยากให้คุณนอนนิ่งๆ ตรงนี้”

“สภาพนี้ผมหลับในคอกม้ายังได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า หมอไม่ตลกด้วย

“คุณต้องระวังอย่าขยับให้มาก ถ้าแผลฉีกแล้วเลือดออกอีก คุณอาจจะเสียเลือดตายได้” เขาหันไปหาอัลเบิร์ต “คุณเป็นเจ้าของบ้านใช่ไหม ผมรบกวนช่วยหาโต๊ะเล็กหรือเก้าอี้ไม้ยาวๆ สักตัวมาต่อกับโซฟานี่ เขาจะได้ยืดขาได้ ผมไม่แนะนำให้ขยับตัวเขาโดยไม่จำเป็น และควรจะมีคนเฝ้าเขาสักคน เผื่อเขาเกิดเลือดออกขึ้นมาอีก”

“ฉันจะเฝ้าเองค่ะ” แอนนาเบล เฮเก้นต์อาสา อัลเบิร์ตจึงออกไปยกม้านั่งยาวที่อยู่ในครัวออกมา

“แบบนี้ล่ะ” หมอพูดหลังจากช่วยพยุงขาของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขึ้นมาพาดไว้บนเก้าอี้ เขาตรวจดูอาการโดยทั่วไปของคนไข้อีกครั้ง ก่อนจะลากลับไปพักที่โรงแรม

“มีอะไรให้รีบไปตามผมทันทีเลยนะ” หมอกำชับ ก่อนจะออกจากบ้านไป ในห้องจึงกลับมาเงียบอีกครั้ง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ระบายลมหายใจ


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
“ผมต้องขอโทษด้วยที่รบกวนมากขนาดนี้ ผมรับรองว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้”

“ไม่เป็นไรหรอก” อัลเบิร์ตว่า “คุณไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย คุณบาดเจ็บเราก็ต้องช่วยสิ”

“ขอบใจ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้ม ภรรยาของเขาถามขึ้นมา

“คุณหิวรึเปล่าคะ”

“ไม่ล่ะ ผมไม่หิว”

“งั้น...”

“ไม่เป็นไรค่ะ” แอนนาเบล เฮเก้นต์พูดขึ้นมา “พวกคุณสองคนไปพักผ่อนเถอะค่ะ ฉันจะดูแลเขาเอง”

“ก็ได้จ้ะ มีขนมปังอยู่ในตู้นะ ถ้าเธอหิวก็กินได้เลย เดี๋ยวฉันจะเอาหมอนลงมาให้”

“ขอบคุณค่ะ”

พอสองสามีภรรยาออกไปแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงพูดขึ้นมา

“มิสเฮเก้นต์ คุณไม่จำเป็นต้องเฝ้าผม...”

แอนนาเบล ยกมือแตะปาก ก่อนจะย่อตัวลงนั่งคุกเข่าข้างๆ แล้วจับมือของเขาไว้

“คุณพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ คุณจะได้รู้สึกสบายขึ้น”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาตรงนัยน์ตา เขาจึงรีบเบือนหน้าเพื่อซ่อนน้ำตาที่รื้อออกมา หญิงสาวผุดลุกขึ้น แล้วเดินออกไปจากห้อง

เมื่อเธอกลับมาอีกครั้ง ก็พบว่าลอร์ดหนุ่มหลับไปแล้ว แอนนาเบล เฮเก้นต์จึงวางอ่างกระเบื้องที่ใส่น้ำอุ่นลงบนโต๊ะ แล้วค่อยๆ ใช้ผ้าเช็ดใบหน้าของเขา แล้วจู่ๆ น้ำตาของเธอก็ไหลออกมา หญิงสาวรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับ แต่ทว่าน้ำตายังคงไหลออกมาเรื่อยๆ ในที่สุดเธอก็ซบหน้าลงกับฝ่ามือ แล้วสะอื้นไห้

โอ... พระเจ้า ลูกต้องทำอย่างไรกัน

ตั้งแต่สูญเสียน้องสาว เธอสิ้นหวังกับกระบวนการยุติธรรม และนึกชังชายทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะผู้ชายที่มีฐานะ เธอตัดสินใจวางแผนที่จะแก้แค้นให้น้องสาว ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดกับโรเบิร์ต เดอ เนเลีย เธอวางแผนว่าหลังแก้แค้นสำเร็จแล้ว เธอจะหนีไปสก็อตแลนด์ เพราะมีคนรู้จักอยู่ที่นั่น คงไม่มีใครสามารถตามตัวเธอเจอได้ ทว่า เมื่อเธอได้พบกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ความตั้งใจของเธอเริ่มสั่นคลอน เขาเป็นผู้ชายแบบที่เธอไม่เคยพบมาก่อน ความตรงไปตรงมาของเขาทำให้เธอหวั่นไหว หลายครั้งที่เธอคิดอยากรับปากคบหากับเขา ทิ้งความตั้งใจเดิมเรื่องแก้แค้นไว้เบื้องหลัง แต่ทุกครั้งที่เธอคิดแบบนั้น ภาพของโรเบิร์ต เดอ เนเลียก็จะผุดขึ้นมา เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างปกติสุข ไม่ได้รับโทษใดๆ และหลอกลวงหญิงสาวต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอยอมไม่ได้ เพราะอย่างนั้น เธอจึงตัดสินใจปฏิเสธลอร์ดหนุ่มอย่างเด็ดขาด เธอคิดว่าหลังจากเรื่องจบลง เขาคงจะเห็นเองว่าเธอเป็นคนเช่นไร และเลิกอาลัยอาวรในตัวเธอเสียที

แต่วันนี้ วันที่เธอตัดสินใจแก้แค้น เขาก็ปรากฏตัวขึ้นมา ช่วยเธอจากสภาวะคับขัน ทว่านั่นทำให้เธอได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเขา ผู้ชายคนนี้คือคนที่คอยช่วยเหลือผู้ชายเลวๆ ที่เธอเกลียด แอนนาเบล เฮเก้นต์ไม่รู้ว่าเธอควรจะรู้สึกกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อย่างไร เขายังเป็นคนตรงไปตรงมาเช่นเดิม และมีใจให้เธอเหมือนเดิม ส่วนเธอ...

-------------------------------------

สามวันให้หลัง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงนั่งรถม้ากลับลอนดอนพร้อมหมออัคราและภรรยา โดยมีแอนนาเบล เฮเกนต์โดยสารมาด้วย เขาไม่ลืมเขียนเช็คให้คู่สามีภรรยาคนขับรถม้า ในฐานะที่เป็นคนที่ช่วยชีวิตเขา

“ขอบใจสำหรับสามวันที่ผ่านมานะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บอกหญิงสาว ตอนที่เธอกำลังจะลงจากรถ แอนนาเบล เฮเก้นต์หันมายิ้ม

“ฉันเองก็ต้องขอบคุณคุณเหมือนกัน ลาก่อนค่ะ”

“ลาก่อน”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รู้สึกปวดแปลบทันทีที่ประตูรถม้าปิดลง ความเจ็บที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เขาไม่ได้ปวดแผล แต่รู้สึกปวดใจ

ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาได้จบสิ้นลงแล้ว ทั้งที่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นอะไรกันด้วยซ้ำ

ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าจะต้องผิดหวังแต่แรก ทำไมเขายังรู้สึกเสียใจขนาดนี้นะ

นี่หรือคือความรัก...

มาธิลดาตกใจจนแทบลมจับ เมื่อเห็นนายน้อยที่เธอเลี้ยงดูมาแต่ยังเล็ก กลับมาถึงคฤหาสน์พร้อมกับอาการบาดเจ็บที่ดูจะหนักเอาการ เธอรีบสั่งคนรับใช้ให้ไปเตรียมห้อง เตรียมน้ำ และทุกอย่างที่หมออัคราจำเป็นต้องใช้ หมอตรวจดูบาดแผลของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อีกครั้ง มันปริออกเล็กน้อยเนื่องจากการเดินทาง เขาทำแผลให้ลอร์ดหนุ่มใหม่ และไม่ลืมกำชับให้เจ้าตัวอยู่นิ่งๆ บนเตียงเป็นเวลาสองสัปดาห์ ห้ามขยับไปไหน ถ้าเขายังอยากมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่ามาธิลดารับคำเรื่องนี้อย่างแข็งขัน ส่วนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่มีอะไรจะเถียง เขาจึงทำได้เพียงสั่งคนให้ส่งจดหมายถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์ ว่าเขาประสบอุบัติเหตุ และอาจหายไม่ทันลงแข่งรักบี้การกุศล แน่นอนว่าเมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้จดหมายนี้ เขาและลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็รีบมาเยี่ยมเพื่อนรักทันที

“ไงจอห์นนี่ ไงจอร์จ โทษทีนะที่ฉันลุกไปต้อนรับพวกนายไม่ได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอ่ยทักเพื่อนรักของเขา ทันทีที่ทั้งคู่เดินเข้ามาในห้อง มาทิลดาช่วยเอาหมอนรองหลังลอร์ดหนุ่มเพื่อที่เขาจะได้สนทนากับเพื่อนๆ ได้สะดวกขึ้น

“ให้ตายแมกซ์ เกิดอะไรขึ้นกับนายเนี่ย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องพลางเดินเข้าไปหาเพื่อนรักที่นอนอยู่บนเตียง คนรับใช้ที่อยู่ในห้องจึงยกเก้าอี้ให้เขาและลอร์ดโทรว์บริดจ์ เมื่อทั้งสองคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงสั่งให้ทุกคนออกไป

“พระเจ้าช่วย แมกซ์ นี่ต้องไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นหลังจากที่ทุกคนออกไปหมดแล้ว ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเสริมขึ้น

“ฉันได้ยินว่านายถูกยิง”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว “นายไปได้ยินมาจากไหน”

“ฉันได้ยินคนรับใช้ของนายคุยกัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ ก่อนจะพูดต่อ “แต่นายไม่ต้องตำหนิพวกเขาหรอก พวกเขาพูดเพราะเจ็บแค้นแทนนายมาก เกิดอะไรขึ้นกันแมกซ์ ตกลงนายโดนยิงจริงๆ รึเปล่า แล้วมันเรื่องอะไรกันแน่”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เงียบไปอึดใจใหญ่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดขึ้นต่อ

“ถ้านายไม่สะดวกเล่าก็ไม่เป็นไรหรอกแม็กซ์ มันเป็นเรื่องภายในของครอบครัวนายใช่ไหมล่ะ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองหน้าเพื่อนรัก สีหน้าเหมือนตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะตอบว่าอะไรดี ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเห็นดังนั้นจึงเสนอขึ้นมา

“เอางี้แมกซ์ นายไม่ต้องเล่าหมดก็เล่า เล่าเฉพาะที่นายอยากเล่า ฉันรู้ว่านายอยากคุยเรื่องนี้กับใครสักคน พวกเราเป็นเพื่อนรักนายนะแมกซ์ นายจะมีเพื่อนไว้ทำไม ถ้าพวกเขาไว้ใจไม่ได้”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก “ขอบใจจอร์จ แปลว่าตอนนี้ฉันไว้ใจนายได้ใช่ไหม”

“ฉันดูเป็นคนไว้ใจไม่ได้ตรงไหน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันย้อน ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดแทรกขึ้น

“ตรงเรื่องผู้หญิงล่ะมั้ง”

คนถูกแขวะหันไปถลึงตาใส่เพื่อนรักทีหนึ่ง ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นต่อ

“จอห์นนี่พูดถูกนะ”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปหาเพื่อนรักที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “นี่นายก็เห็นด้วยกับจอห์นนี่หรือ”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดต่อ “ฉันหมายถึง จอห์นนี่พูดถึงเรื่องผู้หญิง”

“แล้วมันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นตรงไหน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแย้งขึ้นมา “นายก็ไม่ไว้ใจฉันเรื่องนี้เหมือนกันล่ะสิ... ทั้งๆ ที่ฉันกลับเนื้อกลับตัวแล้วแท้ๆ”

“เอาล่ะๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นมา “ถือว่าฉันล้อเล่นแล้วกันนะจอร์จ ฉันรู้หรอกว่าตอนนี้นายรักเดียวใจเดียวอยู่กับมาร์กาเร็ตแล้ว”

“หึ”

“เรื่องนี้เกี่ยวกับมิสเฮเก้นต์” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดออกมาในที่สุด เพื่อนรักสองคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว

“อะไรนะ อย่าบอกนะว่านายไปเปิดศึกชิงนางกับเจ้าโรเบิร์ต เดอ เนเลียนั่นจริงๆ”

“ไม่ใช่แบบนั้น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า และตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่คอตส์โวลด์ให้เพื่อนรักฟัง พอฟังจบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็พูดขึ้นทันที

“โธ่ แมกซ์ ทำไมนายถึงได้เป็นผู้ชายที่เสียสละขนาดนี้” พูดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาที่หัวตา “ถ้าฉันเป็นมิสเฮเก้นต์ ฉันจะตกลงยอมแต่งกับนาย”

“ระวังคำพูดหน่อยจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ติงเพื่อน “นายไม่ใช่มิสเฮเก้นต์นะ”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์โบกมือเป็นเชิงไม่ถือสา “ไม่เป็นไรหรอก จอห์นนี่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันผิดหวังเสียหน่อย”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเพื่อนรักอึดใจ ก่อนจะตบไหล่เขาเบาๆ “สักวันนายจะต้องได้เจอผู้หญิงที่คู่ควรกับนาย แมกซ์”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มให้เพื่อน ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ “แล้วเรื่องโรเบิร์ต นายจะเอาไง”

“คงต้องรอแผลหายดีก่อน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ไม่ต้องห่วงไป รับรองว่าหมอนั่นต้องโดนไม่น้อยแน่ แม้ว่าตอนนี้ฉันจะยังคิดวิธีจัดการเขาไม่ออกก็เถอะ”

“จริงสิ ถ้าเป็นเรื่องผู้ชายแบบโรเบิร์ตล่ะก็ ฉันว่าฉันพอจะหาทางจัดการเขาได้อยู่นะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโพล่งขึ้นมา เพื่อนทั้งสองหันไปมองเขา

“ยังไง”

ลอร์ดหนุ่มคลี่ยิ้ม “เรื่องนี้ต้องถามมาร์กาเร็ต”

“อ้อ... ฉันเข้าใจล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ เขาหันไปหาลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “นายว่าไง แมกซ์”

“ลองให้มาร์กาเร็ตว่าแผนมาก่อน บางทีเธออาจจะมีความคิดเด็ดๆ ก็ได้”

“ตกลงตามนี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นายพักผ่อนให้เยอะๆ แมกซ์ ไม่ต้องคิดมากเรื่องผู้หญิง นึกถึงเรื่องแข่งรักบี้ต่อหน้าพระพักตร์ไว้ก็พอ ฉันอยากให้นายหายทัน พวกเราอยากเห็นนายในสนาม”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มให้เพื่อนรักของเขา

“ขอบใจพวกนายมากนะ”

--------------------------------------------

กอร์ดอนรู้สึกประหลาดใจและดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อแอนนาเบล เฮเก้นต์แวะมาหาเขาที่ร้านในเย็นวันหนึ่ง เขารีบเชิญเธอขึ้นไปนั่งที่ห้องรับแขก

“ขอโทษนะคะที่ฉันมารบกวน” หญิงสาวพูดขึ้นหลังจากนั่งลงแล้ว กอร์ดอนรีบพูดตอบ

“ไม่เป็นไรหรอก ผมกำลังคิดจะไปเยี่ยมคุณอยู่พอดี”

แอนนาเบลมองเขาด้วยความแปลกใจ กอร์ดอนจึงพูดต่อ “คือผมเป็นห่วงคุณน่ะ เห็นวันก่อนท่าทางคุณไม่ค่อยดีเลย”

หญิงสาวยิ้มออกมาในที่สุด “ฉันดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ”

“จริงๆ นะ” กอร์ดอนถามย้ำ เขามองหน้าหญิงสาว “คุณดูซูบไปจากวันก่อนมาก มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าครับ”

แอนนาเบล เฮเก้นต์เงียบไปพัก “กอร์ดอน ฉันถามอะไรสักอย่างได้ไหมคะ”

“ครับ”

“สมมติว่าคุณพบคนคนหนึ่ง เขาดีกับคุณมาก แต่วันหนึ่ง คุณกลับพบว่าเขาเคยให้ความช่วยเหลือคนที่เคยทำร้ายคุณ คุณจะทำไงคะ”

“อืม...” กอร์ดอนนิ่งคิด “ผมคงต้องดูก่อนนะ ว่าการที่เขาดีกับผม มาจากความบริสุทธิ์ใจรึเปล่า และเขารู้เรื่องคนที่เขาเคยช่วยเหลือไหม มันค่อนข้างไม่ยุติธรรม ถ้าจะตัดสินว่าเขาไม่ดี แค่เพราะเขาช่วยคนที่เคยทำร้ายเรา บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น ผมคิดว่าถ้าเรื่องในอดีตมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัจจุบัน เราควรจะปล่อยมันไป”

“หมายความว่า... คุณจะไม่โกรธเขาหรือคะ”

“ผมคงโกรธนะ แต่ผมจะให้อภัยเขา ถ้าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายกับผม”

แอนนาเบล เฮเก้นต์มองช่างตัดเสื้ออยู่เป็นนาน ก่อนจะก้มศีรษะลง “ฉันเข้าใจล่ะค่ะ”

กอร์ดอนยิ้มให้เธอ “แอน ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณเจออะไรมา แต่การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีเสมอ อย่างน้อยๆ ตัวคุณเองจะได้รับการปลดปล่อยจากความรู้สึกเกลียดชังนั้น”

เธอเงยหน้ายิ้มให้เขา “คุณช่างเป็นคนดีเหลือเกินค่ะ กอร์ดอน”

“ครับ... จะสะดวกไหมครับ ถ้าผมจะเชิญคุณไปกินมื้อเย็นด้วยกัน ผมพอรู้จักร้านอร่อยที่ราคาไม่แพงอยู่”

“ได้สิคะ”

----------------------------------------------
(จบตอน)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตื่นเต้นไปกับลอร์ดแม็กซ์ แต่ก็มาประทับใจกับกอร์ดอน อ่านแล้ววางไม่ลงเลย
ทำไมเราคิดว่า มันสั้นจังเลยนะ อิอิอิ ไม่ว่าคนเขียนนะ แต่ลงเยอะหน่อยคงดีมากเลย
 :really2: :really2: :really2:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
กำลังเพลินเลย  จบตอน

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
 กอร์ดอนเป็นคนที่ดีมากกกก :heaven

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
บทที่39 กว่าจะรู้

กอร์ดอนชวนแอนนาเบลไปกินมื้อเย็นร้านเดียวกับที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เคยบ่นว่าไวน์ไม่อร่อย แน่นอนว่าหญิงสาวไม่มีปัญหานั้น ดูเหมือนเธอจะมีเรื่องให้กังวลมากกว่าเรื่องไวน์

“กอร์ดอนคะ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เป็นคนยังไงหรือคะ”
กอร์ดอนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “เขาเป็นคนดี ภายนอกอาจจะดูเย็นชา แข็งกระด้าง แต่เขาเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่น แถมยังเป็นคนจริงจัง และตรงไปตรงมามากอีกด้วย”

แอนนาเบลผงกศีรษะ ขณะที่กอร์ดอนพูดต่อ “เขาเป็นห่วงคุณมากนะแอน ถึงจะตัดใจหลังจากรู้ว่าคุณคบหาคนอื่นแล้ว แต่เขาก็คอยดูแลคุณอยู่ห่างๆ นะ”

“เขาบอกคุณหรือคะ”

กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ “เปล่า ผมเจอเขา... ที่หน้าบ้านคุณน่ะ คืนนั้นที่เราไปดื่มด้วยกันไง ผมเจอเขาหลังจากออกมาแล้ว ผมคิดว่าเขาเป็นห่วงเรื่องคนที่คุณคบอยู่ ผมเองก็เป็นห่วงเหมือนกัน คืนนั้นคุณดูเหมือนกำลังตัดสินใจจะทำอะไรที่อันตรายมากๆ ลงไป ผมเลยขอให้เขาช่วยดูแลคุณ”

“คุณบอกเขาเรื่องที่เราคุยกันหรือคะ” น้ำเสียงของแอนนาเบลดูประหลาดใจ ทำให้กอร์ดอนรู้สึกผิดขึ้นมา เขารีบพูดต่อ

“ขอโทษด้วยนะแอน ผมเสียมารยาทมากเรื่องนี้ แต่เขาเป็นห่วงคุณ และเขาก็เป็นคนที่พึ่งพาได้ ผมกลัวคุณจะเป็นอันตรายเลยเล่าให้เขาฟัง”

“ขอโทษนะคะ ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน” จู่ๆ แอนนาเบลก็ลุกพรวดขึ้น ทั้งที่อาหารยังไม่มาเสิร์ฟ เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดหน้า แล้วเดินเร็วๆ ออกไปจากร้านอาหาร ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมากจนกอร์ดอนตั้งตัวไม่ทัน กว่าเขาจะคิดได้ว่าทำให้เธอโกรธมาก หญิงสาวก็นั่งรถม้าออกไปแล้ว กอร์ดอนได้แต่เดินคอตกกลับมาที่โต๊ะอาหาร เขากินอะไรไม่ลงอีก เลยจ่ายเงินแล้วกลับไปที่ร้าน

------------------------------------------

แอนนาเบล เฮเก้นต์กลับมาถึงบ้านพัก เธอขึ้นห้องไปอย่างเร่งร้อนจนไม่ทันได้ทักทายมิสซิสเมอร์สันที่นั่งถักนิตติ้งอยู่ พอประตูห้องปิดลง เธอก็ร้องไห้ออกมา

“เกิดอะไรขึ้นหรือจ๊ะ แอน” เสียงของมิสซิสเมอร์สันดังขึ้นที่ด้านหลังประตู แอนนาเบล เฮเก้นต์รีบซับน้ำตา สูดหายใจลึก แล้วตอบเธอไป

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูแค่...” น้ำเสียงของเธอหายเข้าไปในคอ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอีก ได้ยินเสียงมิสซิสเมอร์สันพูดขึ้นต่อ

“อยากให้ฉันเข้าไปไหม”

แอนนาเบล เฮเก้นต์ขบริมฝีปาก ท้ายที่สุดเธอก็เดินมาเปิดประตูให้มิสซิสเมอร์สันทั้งน้ำตา พอเห็นหน้าหญิงชรา เธอก็โผเข้ากอดทันที

“โอ๋ ไม่เป็นไรนะคนดี” มิสซิสเมอร์สันปลอบหญิงสาว ขณะที่แอนนาเบลสะอึกสะอื้น

“หนู... หนูควรทำอย่างไรดีคะ”

หญิงชราลูบศีรษะเธอเบาๆ “เกิดอะไรขึ้นล่ะ”

แอนนาเบลสูดหายใจ “หนู... หนูเจอผู้ชายที่ดีกับหนูมาก แต่หนูทำร้ายเขา ทำให้เขาเจ็บ”

“และหนูเพิ่งรู้ตัวว่ามีใจให้เขาใช่ไหม”

หญิงสาวพยักหน้า “หนู... หนูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ... เขาคงไม่มาอีกแล้ว หนู... หนูไม่ควรจะรู้สึกแบบนี้เลย หนูเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้เองแท้ๆ”

“โธ่... เด็กหนอเด็ก” มิสซิสเมอร์สันเรียกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่หนูจะเสียใจ แต่เชื่อเถอะจ้ะ ถ้าเขายังรักหนูจริง เขาจะกลับมาแน่”

แอนนาเบล เฮเก้นต์สั่นศีรษะ น้ำตาไหลนองหน้า

------------------------------------

กอร์ดอนผุดลุกผุดนั่ง เขาไม่มีสมาธิจะทำอะไรแม้แต่อ่านหนังสือหรือแก้งานให้ลูกค้า สุดท้ายเจ้าตัวจึงตัดสินใจจับรถม้าไปที่บ้านพักของแอนนาเบล เฮเก้นต์ เพื่อที่จะได้บอกขอโทษเธอเรื่องที่เขาทำลงไป

มิสซิสเมอร์สันมีสีหน้าแปลกใจ แต่ก็เปิดประตูให้เขาเข้าไป

“ผมมาหาแอนนาเบล ไม่ทราบว่าเธอ...”

“เธอพักผ่อนแล้วจ้ะ คุณนั่งก่อนสิคะ” มิสซิสเมอร์สันตอบ ก่อนจะเชิญกอร์ดอนให้นั่งลงที่โซฟา

ถึงกอร์ดอนจะรู้สึกร้อนใจ แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธคำเชิญของหญิงเจ้าของบ้าน ช่างตัดเสื้อนั่งลง และพูดต่อ “ผมเพิ่งทำให้เธอโกรธมาก ผมนี่โง่ชะมัด”

มิสซิสเมอร์สันมีสีหน้าแปลกใจอีกครั้ง “ฉันไม่คิดว่าเธอโกรธคุณนะ”

“ผมทำให้เธอหนีออกมาจากร้านอาหาร” เขาเล่า สีหน้าดูวิตกกังวล “ผมพูดจาไม่ระวังเอง”

มิสซิสเมอร์สันมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา “คุณพูดอะไรกับเธอหรือคะ บอกฉันได้ไหม”

“คือ...” กอร์ดอนทำหน้าปั้นยาก “ผมบอกเธอว่าผมเล่าเรื่องที่เราคุยกันให้เพื่อนคนหนึ่งฟัง ผมแค่อยากบอกว่าเขาเป็นห่วงเธอมาก ไม่คิดว่าเธอจะโกรธขนาดนั้น”

“โอ...” มิสซิสเมอร์สันคราง “คุณเล่าเรื่องที่คุยกับเธอสองคนให้ผู้ชายอีกคนฟังหรือคะ”

“ครับ เขาเป็นเพื่อนผม เขารู้จักเธอ” กอร์ดอนตอบ “ผมรู้ว่ามันไม่สุภาพ แต่...”

“เขาเป็นห่วงเธอมาก” หญิงชราต่อให้ กอร์ดอนพยักหน้า

“ผมอยากขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น” เขาพูดต่อ “เป็นเพราะผมพลั้งปากเอง”

“ฉันว่าไม่ต้องหรอกจ้ะ” มิสซิสเมอร์สันพูดขึ้น กอร์ดอนมองเธอด้วยความฉงน

“ทำไมล่ะครับ ผมทำเรื่องไม่น่าให้อภัยขนาดนั้นเลยหรือ”

“เปล่าหรอกจ้ะ” หญิงชราพูดอย่างนึกได้ “จริงๆ แล้ว ฉันคิดว่าแอนไม่ได้โกรธคุณ เธอแค่หนีออกมาเพราะไม่รู้ว่าจะควบคุมอารมณ์ตัวเองยังไงมากกว่า”

กอร์ดอนยังคงไม่เข้าใจ “นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอโกรธผมมากหรือครับ”

“ฉันยืนยันได้ว่าไม่ใช่จ้ะ” มิสซิสเมอร์สันย้ำ ก่อนจะนิ่งคิดไปอึดใจหนึ่ง “เพื่อนที่คุณพูดถึง คือพ่อหนุ่มหน้าตาจริงจังที่เคยเอาดอกไม้มาให้เธอที่นี่รึเปล่า”

กอร์ดอนขมวดคิ้ว เขาไม่แน่ใจนัก เพราะลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่เคยเล่ารายละเอียดเรื่องนี้ “เขาเป็นผู้ชายท่าทางจริงจังน่ะใช่ครับ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาเคยเอาดอกไม้มาให้เธอรึเปล่า เพราะเขาไม่เคยพูดถึง”

“เขาตัวใหญ่ ตาสีออกเทาๆ ไหม”

“ใช่ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “นั่นเขาล่ะ”

มิสซิสเมอร์สันยิ้มออกมา “งั้นฉันก็เดาถูก เธอไม่ได้โกรธคุณหรอกค่ะ ฉันเดาว่าเธอคงนึกขึ้นมาได้ว่าทำพลาดเรื่องสำคัญไป”

“ยังไงหรือครับ”

“คืออย่างนี้จ้ะ... ฉันว่าเธอเพิ่งรู้สึกตัวว่าตกหลุมรักเขาน่ะ”

กอร์ดอนอ้าปากค้าง

-------------------------------------

คืนนั้นกอร์ดอนนอนพลิกตัวไปมา เขาทั้งดีใจ ทั้งประหลาดใจ ในเรื่องที่มิสซิสเมอร์สันพูด

แอนนาเบลเพิ่งรู้สึกตัวว่าตกหลุมรักลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ต้องดีใจมากแน่ เขาเองก็รู้สึกโล่งใจ เพราะฝ่ายนั้นเป็นผู้ชายที่มีครบพร้อมทุกอย่าง หากแอนนาเบลตกลงใจจะคบหากับเขาจริง ช่างตัดเสื้อก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง

เขาอยากบอกเรื่องนี้กับลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่จนใจที่ช่วงนี้ฝ่ายนั้นยุ่งวุ่นวายเรื่องซ้อมรักบี้จนไม่มีเวลามาหาเขาที่ร้าน ส่วนเขาเองก็วุ่นวายกับงานจนไม่ได้ออกไปดูอีกฝ่ายซ้อมเช่นกัน กอร์ดอนตัดสินใจว่าเขาจะหาเวลาว่างสักวันในสัปดาห์หน้า ไปดูการซ้อมของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เพื่อคุยเรื่องดังกล่าว

เพราะเอาแต่คิดเรื่องนั้นวนไปวนมา เช้าวันรุ่งขึ้นกอร์ดอนจึงตื่นไปโบสถ์สาย พอออกมาจากโบสถ์ก็เห็นรถม้าคันใหญ่จอดอยู่ คนขับรถม้าพอเห็นเขาก็รีบวิ่งลงมาหาทันที

“มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ผมกังวลอยู่เชียวว่าคุณอาจจะไม่มาโบสถ์”

กอร์ดอนจำคนขับรถม้าคนนี้ได้ เขาเป็นคนขับรถม้าของดยุกอ็อกฟอร์ด ที่ขับมาที่ร้านของเขาเป็นประจำ

พระเจ้า วันนี้ท่านดยุกนัดเขาไปดูที่ดินที่เวมบลีนี่นา

“สวัสดี มาร์คัส ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณกังวล พอดีเมื่อเช้าผมตื่นสาย”

“ผมเห็นล่ะ” มาร์คัสยิ้ม “คุณรีบร้อนลงจากรถม้าตอนพิธีกำลังเริ่มพอดี ท่าทางงานหนักน่าดูนะครับ”

ช่างตัดเสื้อหัวเราะเขินๆ เขาไม่กล้าเล่าสาเหตุที่แท้จริงให้คนขับรถม้าฟัง มาร์คัสเชิญเขาขึ้นรถม้า จากนั้นก็ขับออกไป
เวมบลีมีอาณาเขตติดกับนีสเด้น และอยู่ไม่ห่างจากลอนดอนมากนัก มาร์คัสขับรถพากอร์ดอนผ่านถนนซึ่งสองข้างทางรายล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าและพื้นที่เพาะปลูก สีเขียวขจีของหน้าร้อน ต้องกับสีทองของดวงอาทิตย์เกิดเป็นทิวทัศน์ที่งดงามจับใจ รถม้าหยุดจอดที่บ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ สูงสามชั้น มีปล่องไฟสี่ปล่อง ก่อด้วยอิฐทาสีขาวสะอาดตา ล้อมรอบด้วยกำแพงหินเตี้ยๆ มีต้นพีชปลูกเรียงกันอยู่ ดูเหมือนจะเพิ่งปลูกได้ไม่นาน กอร์ดอนลงจากรถม้า เขารู้สึกประทับใจ และอดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อคิดว่านี่อาจจะเป็นบ้านที่ดยุกอ็อกฟอร์ดพูดถึง

ท่านดยุกนั่งรออยู่ภายในห้องรับแขก ที่บุด้วยวอลเปเปอร์สีเขียวและประดับด้วยเสาไม้ฉลุลาย สวยจนกอร์ดอนไม่อาจงำประกายแห่งความตื่นเต้นในตาไว้ได้

“สวัสดีครับท่านดยุก” กอร์ดอนเอ่ยทักอีกฝ่าย ดยุกอ็อกฟอร์ดมองเขาด้วยสายตาพึงพอใจ

“ไง พ่อหนุ่มกอร์ดอน คิดว่าบ้านหลังนี้เป็นไงบ้าง”

“โอ... มันสวยมากครับ” กอร์ดอนพูดหลังจากนั่งลงแล้ว “ที่นี่อยู่ห่างจากบ้านเดิมผมไม่มากด้วย”

“ใช่” ท่านดยุกผงกศีรษะ “เธอจะได้ไปมาสะดวก”

กอร์ดอนรู้สึกประหม่า “แต่... มันมากเกินกว่าที่ผมจะรับ...”

“ฉันบอกแล้วไงว่าขอให้เธอตกลง เว้นเสียแต่ว่าเธอไม่ชอบที่นี่เอาเสียเลย”

“ไม่เลยครับ”

“ท่านตาคะ หนูพลาดอะไรไปรึเปล่าคะ” เสียงหวานๆ ดังขึ้น กอร์ดอนหันไปมอง และเห็นเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเดินเข้ามาพร้อมกับดอกไม้ป่าในอ้อมแขน

“โอ... สวัสดีค่ะ” เธอเอ่ยทักกอร์ดอน “ฉันจำคุณได้ คุณเป็นเพื่อนของจอห์นในงานเลี้ยงวันนั้นนี่นา”

กอร์ดอนทักทายเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอย่างเคอะเขิน เขาไม่คิดว่าเธอจะอยู่ที่นี่ และไม่คิดว่าเธอจะจำเรื่องของเขาได้

“สวัสดีครับท่านหญิง พูดถึงเรื่องวันนั้นผมละอายเหลือเกิน”

“ดูเหมือนพวกเธอจะเคยเจอกันมาก่อนสินะ” ท่านดยุกพูดด้วยท่าทางแปลกใจ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนส่งดอกไม้ให้สาวใช้ แล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ ท่านตาของเธอ

“หนูเจอเขาที่งานเลี้ยงเต้นรำบ้านจอห์นค่ะ”

ดยุกอ็อกฟอร์ดเลิกคิ้วด้วยความฉงน “งานเลี้ยงเต้นรำหรือ”

“ค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนพยักหน้า เธอหันไปหากอร์ดอน “คุณสบายดีนะคะ”

“ครับ ผมสบายดี” กอร์ดอนพูด ยังรู้สึกเขินไม่หายเมื่อคิดว่าครั้งนั้นเขาทำอะไรลงไปต่อหน้าเลดี้บ้าง ดยุกอ็อกฟอร์ดมองดูทั้งคู่เงียบๆ ขณะที่เลดี้แคทเธอรีนพูดขึ้นต่อ

“เขาคือมิสเตอร์โอเดนเบิร์กที่ท่านตาพูดถึงอยู่บ่อยๆ หรือคะ”

ดยุกอ็อกฟอร์ดพยักหน้า “อืม เขาเป็นช่างตัดเสื้อประจำตัวของตาด้วย”

“ว้าว งั้นหรือคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมีสีหน้าประทับใจ “คุณเป็นยอดช่างเสื้อคนนั้นนั่นเอง”

กอร์ดอนรู้สึกประหม่ากว่าเดิม “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ฝีมือผมยังสู้ปู่ไม่ได้เลย”

“ฉันว่าไม่นะ” ท่านดยุกว่า “ถ้ากอร์ดอนยังอยู่ เขาจะต้องภูมิใจในตัวเธอมากแน่ๆ”

คราวนี้กอร์ดอนไม่เถียง เขาหวังอยากให้ปู่ได้เห็นงานของเขาเช่นกัน เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดขึ้นต่อ “งานคุณสวยมากค่ะ ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันคงต้องไปตัดสักชุด”

กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ “ขอบคุณครับ”

ดยุกอ็อกฟอร์ดมองทั้งคู่ แล้วพูดขึ้น “ปู่คิดว่าจะออกไปนั่งรถชมวิวสักหน่อย ไปด้วยกันสิ”

ในที่สุดทั้งสามคนก็มานั่งอยู่ในรถม้าเปิดประทุนคันใหญ่ ตอนแรกกอร์ดอนค่อนข้างเกร็ง แต่เพราะเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร และพยายามชวนคุยอย่างสุภาพ จึงทำให้ช่างตัดเสื้อผ่อนคลายลง

“มิสเตอร์โอเดนเบิร์กคะ ฉันได้ยินมาว่าคุณมีบ้านที่นีสเด้นอีกหลังหนึ่งหรือคะ”

“ครับ ผมมีบ้านที่นีสเด้นอีกหลัง เป็นบ้านของปู่”

“บ้านหลังนั้นมองเห็นอ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ปด้วยใช่ไหมคะ”

“ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า หวนนึกไปถึงวิวในห้องนอนใหญ่ ชายหนุ่มหน้าแดงขึ้นมา เมื่อนึกย้อนไปว่าเขากับลอร์ดโทรว์บริดจ์เคยนอนค้างด้วยกันที่นั่น

“ยอดไปเลยค่ะ มันต้องเป็นบ้านที่สวยมากแน่ๆ เลย”

“ครับ มันสวยมาก” กอร์ดอนว่า เขารู้สึกร้อนเห่อขึ้นมาที่ข้างแก้ม จึงเสมองไปทางอื่น “ที่นี่ก็สวยมากนะครับ ผมไม่ได้ออกมาดูอะไรแบบนี้นานแล้ว”

“เพราะเธอเอาแต่หมกตัวอยู่ในร้านนั่นล่ะ” ดยุกอ็อกฟอร์ดพูดขึ้นมา “ลอนดอนไม่ใช่สถานที่น่าอยู่นักหรอกนะ”

“ก็จริงครับ แต่งานผมอยู่ที่นั่น”

ท่านดยุกถอนหายใจ “คิดว่าแถวนี้เป็นไงบ้าง พอจะหาทำเลเปิดร้านได้ไหม”

กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ “ผมคงต้องเขียนจดหมายเชิญให้ลูกค้ามาที่ร้านครับ”

“ทำสิ” ท่านดยุกว่า “พวกเขาจะได้เห็นว่าทุ่งนาพวกนี้สวยแค่ไหน ฉันว่าพวกเขาน่าจะชอบนะ”

“แต่ที่นี่อยู่ห่างจากท่าเรือมากครับ เอาจริงผมว่าคงไม่ค่อยสะดวก ไม่มีร้านขายอุปกรณ์ตัดเย็บอยู่ใกล้ๆ ด้วย ถ้ามีอะไรขาด หรือจักรเสีย ตามช่างคงลำบาก”

“อืม... ไม่เหมาะเปิดร้านงั้นสิ”

“ครับ... แต่ที่นี่สวยมาก”

“คิดว่าพอจะอยู่ได้ไหม”

“....”

“ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก” ท่านดยุกพูดต่อ “เธอจะเปิดร้านจนกว่าเธอจะไม่อยากเปิดก็ได้ ฉันแค่อยากจะให้ของขวัญเธอสักชิ้นหนึ่ง”

“มันเป็นบ้านหลังใหญ่มากครับ”

“ไม่ชอบหรือ”

“เปล่าครับ”

“ฉันไม่ได้ให้ตกแต่งอะไรมากหรอก เผื่อว่าเธอจะย้ายของจากบ้านเดิมมา” ท่านดยุกพูดต่อ “เธอจะอยู่ที่นี่หรือไม่อยู่ก็ได้ แต่ฉันอยากให้เธอรับมันไว้ เรื่องภาษีน่ะไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะจัดการให้”

กอร์ดอนเหลือบมองเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน เธอจึงพูดขึ้น “กรุณารับไว้เถอะค่ะ ท่านตาภูมิใจมากกับที่ดินผืนนี้ ท่านหวังว่าคุณจะชอบมัน”

“ผมชอบครับ แต่...” กอร์ดอนพูดออกมา ดยุกอ็อกฟอร์ดมองเขา

“ไม่มีแต่... ฉันถือว่าเธอตกลงก็แล้วกัน”

ชายหนุ่มรู้สึกตื้นตันจนจุกถึงลำคอ เขาพยักหน้า เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้มออกมา ขณะที่ดยุกอ็อกฟอร์ดปรากฏรอยยิ้มในดวงตา

สัญญาถูกเตรียมไว้แล้วตอนที่พวกเขากลับไปถึงบ้าน กอร์ดอนเพิ่งทราบว่านอกจากบ้านหลังนี้แล้ว ที่ดินที่เขาเห็นตอนที่นั่งรถม้าออกจากบ้าน ไปจนถึงต้นเบิร์ชต้นใหญ่ที่รถม้าวกกลับมา คือทั้งหมดที่เขาจะได้รับ ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อ เขาหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า จนทนายอธิบายอีกครั้งว่าทั้งหมดนั้นเป็นกรรมสิทธิ์โดยชอบธรรมของเขา ทันทีที่เขาลงชื่อในเอกสาร

“พ่อหนุ่มกอร์ดอน” ท่านดยุกเรียกเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มดูละล้าละลังที่จะเซ็นเอกสาร “กลัวฉันจะหลอกทำสัญญาหรือไง”

“ปะ... เปล่าครับ แต่... นี่มันเยอะมาก”

“ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าเธอก็แค่รับไป จะต้องให้ฉันพูดซ้ำอีกกี่ครั้งกันล่ะ”
คราวนี้กอร์ดอนไม่กล้าเถียงต่อ เขาจึงยอมลงชื่อในเอกสาร ท่านดยุกอ็อกฟอร์ดดูพอใจมาก ถึงกับยิ้มออกมาน้อยๆ ตอนที่กอร์ดอนรับซองใส่โฉนดไป

“เท่านี้ฉันก็เบาใจล่ะ สัปดาห์หน้าเธอว่างบ้างไหม ฉันอยากเชิญเธอไปดื่มชาที่บ้านหน่อย”
กอร์ดอนถึงกับต้องหยิบสมุดนัดหมายขึ้นมาเปิดดู “เกรงว่าจะต้องเป็นวันอาทิตย์ครับ”

“วันอาทิตย์ก็ได้” ท่านดยุกว่า “หลังเลิกโบสถ์ฉันจะให้มาร์คัสไปรับเธอ”

“ครับ”

หลังดื่มชาและคุยสัพเพเหระอยู่อีกพัก ท่านดยุกจึงให้มาร์คัสขับรถไปส่งกอร์ดอน ส่วนตัวเขากับเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน นั่งรถม้าอีกคันกลับคฤหาสน์

-----------------------------------


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
“หนูเพิ่งเห็นคนที่ต้องเปิดนัดหมายดูก่อนตกลงรับนัดท่านตาก็วันนี้ล่ะค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดขึ้นหลังจากประคองท่านตาของเธอในนั่งลงบนเก้าอี้ตัวโปรดในห้องหนังสือแล้ว เธอลากเก้าอี้มานั่งข้างเขา ขณะที่ท่านดยุกอ็อกฟอร์ดมองหลานสาวด้วยความเอ็นดู

“เพราะเขารักและรับผิดชอบในงานที่เขาทำน่ะสิ ตาคิดว่าเขาทุ่มเทให้กับมันมากจนลืมเรื่องการใช้ชีวิตไป”

“อย่างนี้นี่เอง หนูก็ว่า เขาดูไม่ค่อยคุ้นเคยกับการเข้าสังคมเท่าไหร่”

“ทำไมคิดงั้นล่ะ”

“เขาดูเก้ๆ กังๆ ค่ะ” เธอพูดต่อ “ที่งานเลี้ยงเต้นรำ หนูถึงกับคิดขึ้นมาเลยนะคะ ว่าจอห์นต้องบังคับให้เขามาแน่ เขาดูเหมือนคนที่อยู่ผิดที่ผิดทาง”

ท่านดยุกเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “จอห์นเชิญเขาไปหรือ”

“เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของจอห์นค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนอธิบาย “มันเป็นงานเลี้ยงเต้นรำ พวกเราต้องสลับคู่เต้นรำกันไปเรื่อยๆ แต่เขากับเพื่อนอีกคนแยกตัวออกไปต่างหากค่ะ”

“แสดงว่าเขารู้จักกับเพื่อนคนอื่นๆ ของจอห์นด้วยสินะ”

หญิงสาวพยักหน้า “ทุกคนดูใส่ใจกับเขามากนะคะ แต่หนูว่าเขาไม่ชินกับงานแบบนั้นค่ะ พอมารู้ว่าเขาเป็นช่างตัดเสื้อที่แทบหาเวลาว่างไม่ได้ หนูเลยคิดว่าจอห์นช่างใจร้ายกับเพื่อนของเขาจริงๆ”

“เขาเป็นคนที่เอาแต่ใจอยู่นะ” ดยุกอ็อกฟอร์ดออกความเห็น “แต่เขาไม่ใช่คนแบบที่จะบังคับเพื่อนให้ทำอย่างที่เขาต้องการหรอก”

“โอ... ท่านตาจะบอกว่าจอห์นไม่เห็นกอร์ดอนเป็นเพื่อนของเขาจริงๆ หรือคะ”

ดยุกอ็อกฟอร์ดขมวดคิ้ว “ตาไม่ได้หมายความแบบนั้น...” ชายชราเงียบไปพัก ก่อนจะพูดต่อ

“วันอาทิตย์หน้าเชิญจอห์นมาดื่มชาด้วยกันสิ ไม่ต้องบอกเขาล่ะว่ากอร์ดอนมาด้วย”

----------------------------------------------

กอร์ดอนกลับบ้านมาพร้อมโฉนดด้วยความรู้สึกทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น ทั้งงุนงงไม่อยากเชื่อ เขาเก็บมันไว้ในตู้อย่างดี และนึกอยากชวนลอร์ดโทรว์บริดจ์ไปเยี่ยมที่นั่นสักครั้ง แต่พอถึงเช้าวันจันทร์ กอร์ดอนก็ลืมทุกอย่าง เมื่อเห็นงานที่กองพะเนินอยู่ที่ร้าน เขามานึกได้อีกทีตอนเปิดสมุดแล้วเห็นคิวงานของลอร์ดโทรว์บริดจ์อยู่ในนั้น

“เดวิด วันพุธเตือนฉันให้ไปดูการซ้อมของลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยนะ” เขาสั่งเด็กหนุ่ม เดวิดพยักหน้า

“ผมคิดว่าคุณลืมไปแล้วเสียอีก สัปดาห์ที่แล้วคุณแทบไม่ได้พูดถึงมันเลย”

“ฉันยุ่งมาก” กอร์ดอนว่า ขณะที่เดวิดพูดต่อ

“ผมว่าท่านลอร์ดต้องผิดหวังแน่ๆ เขาคงชะเง้อรออยู่ว่าคุณจะไปดูมั้ย”

“ชู่วส์” กอร์ดอนเอ็ด “พูดอะไรระวังปากหน่อย”

เดวิดหัวเราะ “ทุกคนกลับบ้านไปหมดแล้วล่ะครับ มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก มีแต่คุณนั่นแหละที่เอาแต่นั่งก้มหน้าทำงานท่าเดียว”

กอร์ดอนอยากจะเอากรรไกรแทงเดวิดเสียจริง เขาหันไปถลึงตาใส่ฝ่ายนั้น เด็กหนุ่มพูดต่ออย่างร่าเริง “ฮั่นแน่ คุณเขินใช่มั้ยล่ะ”

“เดวิด” กอร์ดอนเอ็ดเสียงเขียว “ออกไปซื้อรู้ทเบียร์มาเดี๋ยวนี้เลย”

พูดจบเขาก็เขวี้ยงเหรียญเงินใส่เด็กหนุ่ม เดวิดหัวเราะคิกคักพลางยกมือป้องตัวเอง

“ผมคงต้องบอกให้ท่านลอร์ดหาเวลามาหาคุณบ้าง ไม่งั้นคุณจะถูกกองผ้าทับตายเอา”

“เดวิด”

“คร้าบ” เด็กหนุ่มรับคำพลางก้มลงหยิบเหรียญแล้วรีบออกไปจากร้าน ทิ้งให้กอร์ดอนนั่งถอนหายใจอยู่คนเดียว

--------------------------------------------

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมาดื่มชาในตอนบ่ายวันอังคารตามปกติ เธอคิดใคร่ครวญถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ เรื่องที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เชิญเพื่อนที่ดูไม่เต็มใจนักไปงานเต้นรำ และเรื่องที่ปู่ของเธอเชิญฝ่ายนั้นไปดื่มชาโดยไม่ให้บอกว่ามิสเตอร์กอร์ดอน โอเดนเบิร์กก็ไปด้วย ทั้งหมดนั้นทำให้เธอรู้สึกฉงน และอดคิดไม่ได้ว่านี่อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามปิดบังอยู่ก็ได้

“วันนี้คุณดูเหม่อๆ นะ มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามหญิงสาว เมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่จ้องต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังของเขา เลดี้แคทเธอรีนสะดุ้ง ก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อน

“เปล่าค่ะ ฉันแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย”

“เห็นคุณนั่งเหม่อแบบนี้ ทำเอาผมรู้สึกว่าเป็นคู่สนทนาที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย” ลอร์ดหนุ่มเย้า หญิงสาวรีบตอบเขา

“โอ ไม่ใช่หรอกค่ะ จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง ฉันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าควรจะคิดถึงมันต่อไปรึเปล่า”

“ผมชักสนใจแล้วสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เล่าให้ฟังได้ไหม เผื่อว่าเราจะได้ช่วยกันคิด”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเงียบไปอึดใจใหญ่ เธอพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจนัก “จอห์น... จริงๆ เรื่องนี้เกี่ยวกับคุณด้วย”

“โอ้ งั้นคุณยิ่งต้องเล่าให้ผมฟังใหญ่เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดอย่างอารมณ์ดี “ท่านตาของคุณพยายามเกลี้ยกล่อมให้คุณแต่งงานกับผมหรือ”

“อ้อ... เปล่าหรอกค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น” หญิงสาวรีบปฏิเสธ เธอใช้เวลาประดิษฐ์ประโยคอยู่อีกพักหนึ่ง ถึงค่อยพูดต่อ

“เมื่อวันอาทิตย์นี้ฉันไปเวมบลีกับท่านตาค่ะ ท่านมีที่อยู่ที่นั่นผืนหนึ่ง เพิ่งซื้อเมื่อสองสามปีที่แล้ว มันเป็นที่ที่สวยมาก”

“ผมเองก็ชอบแถวเวมบลีนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “มันอยู่ใกล้อ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ป เพื่อนผมคนหนึ่งมีบ้านอยู่ที่นีสเด้นด้วย บ้านของเขามีห้องที่มองเห็นวิวของอ่างเก็บน้ำ มันน่าประทับใจมากเลย”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองเขา เธอถามออกมา “เพื่อนคุณคนนั้นคือมิสเตอร์กอร์ดอน โอเดนเบิร์กรึเปล่าคะ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า แล้วถามต่อด้วยความประหลาดใจ “คุณรู้จักเขาหรือ”

“ค่ะ ฉันเพิ่งพบเขาวันอาทิตย์นี้เอง แต่ได้ยินเรื่องของเขามานานแล้ว”

“....” ลอร์ดโทรว์บริดจ์อึ้งไปบ้าง “คุณไปได้ยินเรื่องของเขาจากไหนน่ะ”

“ท่านตาของฉันค่ะ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีท่าทีผ่อนคลายลงนิดหน่อย “อ้อ... ผมลืมไปเลย เขาเองก็เป็นลูกค้าของกอร์ดอนเหมือนกัน”

“ท่านตาสนิทกับบ้านของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กมาตั้งแต่กอร์ดอนคนปู่น่ะค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอธิบายต่อ แล้วจู่ๆ เธอก็เงียบไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นดังนั้นจึงถามขึ้น

“มีอะไรหรือ”

“จอห์นคะ เรื่องที่ฉันจะถามต่อไปนี้อาจจะทำให้คุณโกรธ แต่ได้โปรดตอบฉันตามตรงเถอะค่ะ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “ผมไม่รู้ว่าคุณจะทำอะไรให้ผมโกรธได้นะเนี่ย ถามมาเถอะ”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนใคร่ครวญคำถามอยู่ครู่หนึ่ง “คนรักของคุณคือมิสเตอร์โอเดนเบิร์กรึเปล่าคะ”

“....”

“จอห์นคะ...”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกว่าแก้วชาในมือสั่น เขาวางมันลง พยายามปรับเสียงให้ราบเรียบที่สุด “ทำไมคุณถึงถามแบบนี้”

“ฉันขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “แต่เรื่องนี้สำคัญมาก ถ้าคุณกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นแค่เพื่อนกันก็คงไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่ถ้าเป็นมากกว่านั้น... โอ...”

“แคท คุณอยากบอกอะไรผมกันแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามเสียงเครียด เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองเขา

“มิสเตอร์โอเดนเบิร์กคนนั้นเป็นหลานของผู้หญิงที่เป็นรักแรกของท่านตาค่ะ ท่านตาเอ็นดูเขาเหมือนหลานแท้ๆ ฉันเกรงว่าถ้าเขารู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกคุณล่ะก็...”

“เขาจะไม่รู้ถ้าคุณไม่บอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์โพล่งออกมา สีหน้าของเขาน่ากลัวจนเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนต้องขยับหนีด้วยความตกใจ

“จอห์น...”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบริมฝีปาก เขาทิ้งตัวลงบนพนักเก้าอี้ ถอนหายใจแรง “ขอโทษด้วยที่ผมเสียมารยาท แต่ที่คุณพูดมามันเป็นเรื่องร้ายแรงมากจริงๆ”

“สรุปว่าคุณกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก...”

“ผมจะไม่ปิดบังคุณก็แล้วกัน ผมกับเขาเป็นคนรักกัน เรารักกันมาก และผมจะไม่ยอมเสียเขาให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น”

เลดี้แคทเธอรีนมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ “โอ... พระเจ้า” เธอตระหนกจนพูดอะไรไม่ออกพักใหญ่ ในขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ประสานมือของเขาเข้าด้วยกัน แล้วบีบมันจนกลายเป็นสีขาว

“ขอร้องล่ะ แคทเธอรีน ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกัน ผมขอไม่ให้คุณบอกเรื่องนี้กับใครจะได้ไหม”

“ฉันไม่บอกหรอกค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนว่า “นี่มันเป็นเรื่องร้ายแรงมาก แต่... คุณต้องรู้ไว้นะคะ”

“ว่ามา”

“ท่านตาบอกให้ฉันเชิญคุณไปดื่มชาวันอาทิตย์นี้ และเขาชวนมิสเตอร์โอเดนเบิร์กไปที่นั่นด้วย”

“....”

“เขาสั่งไม่ให้ฉันบอกคุณเรื่องนี้ จอห์น... ฉันว่าท่านตาสงสัยความสัมพันธ์ของคุณกับเขาค่ะ”

“โอ... แคทเธอรีน ท่านตาของคุณจะสงสัยเรื่องของผมกับกอร์ดอนได้ยังไง ถ้าคุณไม่ได้เล่า”

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เลดี้แคทเธอรีนสารภาพ “ฉันไปกับท่านตาวันอาทิตย์ เพราะเขาตั้งใจจะมอบที่ดินผืนนั้นให้มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ฉันไม่รู้มาก่อนว่าเขาเป็นคนคนเดียวกับเพื่อนของคุณที่เป็นลมในงาน ฉันเล่าเรื่องนี้ให้ท่านตาฟัง ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอมาย้อนคิดดูอีกที มันเป็นเรื่องประหลาดมากที่คุณชวนเขาไปที่งานเต้นรำ โดยที่เขาดูไม่เต็มใจเลยสักนิด ท่านตาบอกว่าคุณไม่ใช่คนที่จะบังคับให้เพื่อนทำอะไรตามใจ”

“เขาอาจจะประหลาดใจ แต่เขาไม่น่าสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของเรา มันไม่มีอะไรชี้ไปในทางนั้นได้เลย ยกเว้นคุณ...”

“โอ... บางทีฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ค่ะ เพราะฉันรู้เรื่องคุณ ฉันเลยปะติดปะต่อเรื่องได้ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณต้องลำบากใจ”

พอเห็นท่าทางเสียใจเป็นอย่างมากของหญิงสาว ท่าทีของลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็อ่อนลง “ผมเองก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน ผมไม่ควรกล่าวหาคุณถ่ายเดียวแบบนี้ ทั้งๆ ที่คุณบอกผมด้วยความหวังดีแท้ๆ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องอันตรายมาก” เลดี้แคทเธอรีนพยักหน้า เธอเงยมองเขา “แล้วคุณตั้งใจจะจัดการเรื่องนี้ยังไงต่อคะ”

“ผมมีแผนไว้แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ผมคงต้องทบทวนทั้งหมดใหม่ ผมไม่รู้มาก่อนว่ากอร์ดอนสนิทกับท่านตาคุณขนาดนั้น”

“เขาเป็นคนสุภาพและถ่อมตัวมากค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนพูดขึ้นมา “ฉันชอบเขานะคะ แม้ว่าจะได้คุยกันแค่ครั้งเดียว”

“หมายถึงกอร์ดอนหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามก่อนจะยิ้ม “เขาเป็นคนแบบนั้นแหละ”

เลดี้แคทเธอรีนค่อยยิ้มออกมาได้ “จอห์นคะ ฉันมีเรื่องอยากขอร้องคุณสักเรื่องค่ะ”

“ว่ามาสิ”

“วันอาทิตย์นี้ ช่วยทำเป็นไม่รู้ว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กไปที่นั่นด้วยจะได้ไหมคะ ฉันไม่อยากให้ท่านตารู้ว่าฉันผิดคำสั่งค่ะ”

“ไม่มีปัญหา ผมคิดว่ามันต้องเป็นงานเลี้ยงน้ำชาที่สนุกมากเชียวล่ะ”

---------------------------------------------------
(จบตอน)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ลุ้นมากกกก   จะโดนจับได้ไหมเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ตื่นเต้นจัว อยากให้มีผู้ใหญ่สักคนสนับสนุนพระเอกนายเอกบ้าง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดีใจ.........ไรท์มาต่อ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ลอร์ดแม็กส์ จะสมหวังแล้ว  :-[
ลุ้นไปกับจอห์น กอร์ดอน   :z3:
แต่คิดว่าน่าจะไปในทางที่ดีนะ   :mew1:
เพราะท่านดยุกอ็อกฟอร์ด คนที่เคยผิดหวังความรักกับย่าของกอร์ดอน
ต้องอยากให้กอร์ดอนสมหวังกับความรักแน่ๆ   :impress2:
จอห์น  กอร์ดอน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :L2: :L2:
ขอบคุณ ที่มาต่อให้ได้อ่านแบบ วางไม่ลงเลย ภาษาเขียนอ่านแล้วเหมือนตัวเองเป็นแมลงที่บินไปรอบๆ ตัวละคร
กอร์ดอน เป็นห่วงแอนนามากจนตัวเองรู้สึกผิด ดีที่เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่คิด และดีใจกับเพื่อนจนนอนไม่หลับ

ชอบบรรยากาศ บ้านที่ท่านดยุก มอบให้กอร์ดอน บรรยายออกมาจนอยากไปเที่ยว ยิ่งตอนอ่านฝนตกนิดๆ เคลิ้มเลย

ชอบเดวิดถึงแม้มีบทนิดๆ แต่แย่งซีนไปเต็มๆ มีอย่างที่ไหนแซวเจ้านายว่าเขิน ดีที่โดนแค่เหรียญ ไม่โดนกรรไกรเสียบ 555
กอร์ดอนมีเขินแรง

อ่านถึง เลดี้แคทเธอรีน ถามจอห์นว่า “คนรักของคุณคือมิสเตอร์โอเดนเบิร์กรึเปล่าคะ”  เราถึงกับหยุดไว้ไม่อ่านต่อแล้วเดิน
ไปมา และกลัวอย่างมาก กลัวคนเขียนตัดจบแค่นี้ และขอบคุณที่ไม่เป็นเช่นนั้น ถ้าอย่างนั้นช่างใจร้ายกับคนอ่านสุดๆ เลยนะขอบอก

เป็นกำลังใจให้จอห์น กอร์ดอน และแคทเธอรีน หวังว่าท่านดยุกจะเข้าใจคนรุ่นใหม่นะ

และสุดท้าย รักคนเขียนฝุดๆๆๆ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:





ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
 :z3:อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ไม่อยากให้มีอุปสรรคอีก
แค่นี้ก็ลุ้นมากแล้ว

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
น้ำตาจะไหล คิดถึงทุก ๆ ตัวละครเลย

เขียนดีมากกกกกกก พวกเขาดูเหมือนมีตัวตนจริง ๆ

ท่ายดยุกน่ารักมาก สัมผัสได้ว่าท่านเอ็นดูกอร์ดอนมากจริง ๆ

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่40 เพื่อนที่ดี

            กอร์ดอนปิดร้านเร็วเพื่อมาหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่สนามซ้อมรักบี้ เขารู้สึกละอายใจเมื่อคิดได้ว่าสัปดาห์ก่อนลืมฝ่ายนั้นเสียสนิท ลอร์ดหนุ่มยังคงดูร่าเริงสดใสและเต็มไปด้วยพละกำลังเหมือนเช่นเคยเมื่ออยู่ในสนาม จนกอร์ดอนสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่เป็นเรื่องจริงหรือฝันกันแน่ ทว่าเมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินยิ้มร่ามาหาเขาถึงอัฒจันทร์ เจ้าตัวก็แน่ใจว่านี่คือความจริงแท้อย่างแน่นอน

                “ผมดีใจจังที่คุณแวะมาวันนี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทักเขาอย่างร่าเริง กอร์ดอนยิ้มกระดาก

“ผมต้องขอโทษด้วยครับที่หายหน้าไปเลย”

                “ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าคุณงานล้นมือมาก ซึ่งส่วนหนึ่งมีผมเป็นต้นเหตุ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนถามต่อ

                “ว่าแต่วันนี้ทุกคนไปไหนหมดหรือครับ ผมไม่เห็นใครเลย”

                “จอร์จเตรียมตัวไปงานเลี้ยงกับมาร์กาเร็ต ส่วนคนอื่นๆ สงสัยจะไม่ว่าง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ กอร์ดอนมองเขา

                “งั้นถ้าผมไม่มา ก็ไม่มีใครมาเลยสิ”

                ลอร์ดหนุ่มคลี่ยิ้ม “ใช่ ดีจริงที่คุณมา”

                กอร์ดอนหัวเราะ “คงไม่ใช่คุณบอกให้เพื่อนๆ กลับไปก่อนหรอกนะครับ”

                “ทำไมคิดงั้นล่ะ”

                “ไม่รู้สิครับ คนอื่นอาจจะไม่ว่าง แต่ลอร์ดจอร์จกับลอร์ดเบอร์มิ่งไม่น่าพลาด”

                “คุณประเมินเอ็ดดี้ผิดไปแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางชวนกอร์ดอนลงจากอัฒจันทร์ “ระหว่างผมกับม้า ผมแน่ใจว่าเขาเลือกม้าก่อน”

                กอร์ดอนทำหน้าไม่เชื่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดต่อ “เอ็ดดี้ไปดูม้าตัวเก่งในคอกที่เขามีหุ้นส่วนน่ะ ถ้าไม่ติดเรื่องนี้เขาก็มาดูผมซ้อมนั่นแหละ”

                กอร์ดอนพยักหน้า เขาเหลียวซ้ายแลขวาจนลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขึ้น “คุณมองหาใครน่ะ”

                “ลอร์ดแมกซ์ครับ” กอร์ดอนตอบ “ผมไม่เห็นเขาเลยในสนาม คิดว่าจะมาพร้อมคุณเสียอีก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองกอร์ดอนอึดใจ “คุณถามหาเขาทำไม”

                น้ำเสียงของลอร์ดโทรว์บริดจ์ห้วนเสียจนกอร์ดอนคิดว่าตัวเองถามผิด “ทำไมหรือครับ ก็ผมไม่เห็นเขาลงซ้อม ปกติแล้วลอร์ดแมกซ์ไม่น่าขาดซ้อมโดยไม่มีสาเหตุนี่ครับ”

                น้ำเสียงของลอร์ดโทรว์บริดจ์ค่อยคลายลงหน่อย “โทษที พอดีแมกซ์มีเรื่องน่ะ เราแวะคุยกันที่ร้านคุณก่อนไปกินมื้อเย็นได้ไหม”

                กอร์ดอนผงกศีรษะ และไม่ถามอะไรต่อ ทั้งคู่ขึ้นรถม้ามาลงที่ร้านกอร์ดอนเทเลอร์ เดวิดรีบปลีกตัวออกไปอย่างรู้งาน กอร์ดอนจึงเชิญลอร์ดหนุ่มขึ้นไปนั่งคุยที่ห้องรับแขกชั้นบน

                “กอร์ดอน พักนี้คุณได้พบมิสเฮเก้นต์บ้างไหม”

                กอร์ดอนประหลาดใจระคนดีใจที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามถึงคนที่เขากำลังจะพูดถึงพอดี จึงตอบโดยไม่ทันได้สังเกตน้ำเสียงของอีกฝ่าย “ผมเพิ่งไปกินมื้อเย็นกับเธอเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี่เองครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าเครียด “เธอเล่าอะไรให้คุณฟังบ้างไหม”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “ไม่ครับ อันที่จริงผมเสียอีกที่เป็นฝ่ายเล่า แถมยังทำเธอโกรธ เราเลยไม่ได้ทากินมื้อเย็นกันจริงๆ”

                “เธอโกรธคุณหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถาม ท่าทางหงุดหงิด

                “เปล่าหรอกครับ ผมแค่เข้าใจผิด เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อนกว่านั้น”

                “เธอคงไม่ได้ขอให้คุณขอเธอแต่งงานใช่ไหม”

                “ไม่ใช่หรอกครับ ทำไมคุณถึงทำหน้าแบบนั้น” กอร์ดอนเพิ่งสังเกตเห็นสีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาจึงถามออกไป อีกฝ่ายถอนหายใจแรง

                “กอร์ดอน ผมอยากให้คุณตั้งสติดีๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ผมกำลังจะเล่า เรื่องนี้เกี่ยวพันกับมิสเฮเก้นต์ และชีวิตของแมกซ์”

                กอร์ดอนเบิ่งตาด้วยความตกใจ แต่ก็พยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดต่อ

                “แมกซ์ถูกยิง”

                “พระเจ้า” กอร์ดอนอุทาน “เขาเป็นอย่างไรบ้างครับ”

                “อาการสาหัสอยู่ เคราะห์ดีที่เขาห้ามเลือดทัน ไม่อย่างนั้นผมคงต้องเสียเพื่อนสนิทไป”

                กอร์ดอนหน้าซีด เขาถามตะกุกตะกัก “มันเกิดขึ้นได้ยังไงครับ ใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้”

                “คนที่คุณรู้จักดีเชียวล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนมองเขาด้วยความตกใจ อีกฝ่ายจึงพูดต่อ

                “มิสเฮเก้นต์เป็นคนยิง เธอยิงแมกซ์”

                กอร์ดอนผงะ พอเห็นดังนั้นลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดขึ้นต่อ “แมกซ์บอกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมอดเจ็บใจแทนเพื่อนไม่ได้จริงๆ”

                “เรื่องมันเป็นไงมาไงครับเนี่ย” กอร์ดอนร้องขึ้นมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงเล่าเรื่องให้เขาฟัง พอฟังจบ กอร์ดอนก็ทำหน้าเครียด

                “ผมนึกแล้วเชียว”

                “หมายความว่าไง”

                “คืองี้ครับ สัปดาห์ก่อน ผมเจอแอนที่บาร์บีช็อต ท่าทางเธอน่ากลัวเหมือนตกลงใจทำเรื่องเลวร้ายบางอย่าง ผมเลยฝากลอร์ดแมกซ์ให้ช่วยดูเธอหน่อย”

                “คุณบอกแมกซ์หรือ”

                กอร์ดอนพยักหน้า “เราเจอกันที่หน้าบ้านพักของแอนครับ แต่ผมไม่คิดว่าเรื่องมันจะร้ายแรงขนาดนี้”

                “โรเบิร์ตเป็นคนทำร้ายน้องสาวของมิสเฮเก้นต์ เพราะงี้เธอถึงได้ไปทำงานที่บ้านของลอร์ดวู้ดฟอร์ด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แล้วถอนใจ “เธอเป็นผู้หญิงใจเด็ด แมกซ์มองสาวไม่ผิด แต่เสียดายที่เธอไม่มีใจให้เขาเลย”

                กอร์ดอนท้วงขึ้นมา “ไม่ใช่นะครับ ผมว่าเธอมีใจให้เขานะ”

                คนได้ฟังเลิกคิ้วสูง “เธอบอกคุณหรือไง”

                “ไม่ใช่หรอกครับ” กอร์ดอนว่า ก่อนจะพูดต่อ “ผมคิดว่าเธอเพิ่งรู้ตัวว่ามีใจให้เขา แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเธอเลยไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อ เธอคงสะเทือนใจน่าดูที่ยิงเขา”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นด้วย “ถ้าเธอไม่สะเทือนใจเลยผมว่าแย่แล้วล่ะ”

                “แล้วลอร์ดแมกซ์ว่าไงบ้างครับ” กอร์ดอนถามต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

                “เขาไม่ถือโทษมิสเฮเก้นต์ เขาย้ำซ้ำๆ ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ” ลอร์ดหนุ่มถอนหายใจอีก “เขาไม่อยากให้เธอกลายเป็นฆาตกร แต่เกือบทำให้ตัวเองต้องตาย ผมว่าถ้ามิสเฮเก้นต์มีใจให้เขาจริง เธอก็น่าจะไปเยี่ยมเขาหน่อย”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ผมกำลังจะถามเรื่องนั้นอยู่พอดีเลยครับ จะน่าเกลียดไหมถ้าผมพาเธอไปเยี่ยมเขา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ไม่หรอก ตอนนี้ลอร์ดสวินดันไม่อยู่ที่คฤหาสน์ เป็นโอกาสดีที่คุณจะพาเธอไป ถ้ารอจนพ่อเขากลับมา บรรยากาศดีๆ จะพังเสียหมด”

                “ท่าทางคุณไม่ชอบลอร์ดสวินดันนะครับ”

                “ไม่มีใครชอบเขาหรอก แล้วคุณจะพาเธอไปวันไหน คุณว่างหรือ”

                กอร์ดอนเกาศีรษะ “ผมคิดว่าคงเป็นวันอาทิตย์ เป็นวันเดียวที่ผมว่าง”

                “อีกตั้งหลายวัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมพาเธอไปดีกว่า เธอยังทำงานกับลอร์ดวู้ดฟอร์ดอีกรึเปล่า”

                “ไม่แล้วครับ เธอบอกผมว่าเธอลาออก อันที่จริงจากเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอไม่ควรจะกลับไปที่นั่นอีกแล้ว”

                “อืม ผมว่าแมกซ์คงบอกเธออย่างนั้นแหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมจะพาเธอไปเองแล้วกัน คุณช่วยเขียนจดหมายแนะนำให้หน่อย ผมไม่อยากให้เธอลำบากใจ เพราะเราไม่ได้สนิทกัน”

                กอร์ดอนพยักหน้า “รบกวนคุณแล้ว”

                “ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่าง วันอาทิตย์นี้คุณมีนัดแล้วนี่นา”

                กอร์ดอนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดต่อ “อย่าบอกนะว่าคุณลืมนัดดื่มชากับดยุกอ็อกฟอร์ด”

                “ไม่ครับ ว่าแต่... คุณรู้ได้ไงว่าผมมีนัดดื่มชากับเขา”

                “แคทเธอรีนเล่าให้ผมฟัง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ผมไม่รู้มาก่อนว่าคุณสนิทกับเขาขนาดนั้น”

                กอร์ดอนหัวเราะแหะๆ “ก็ไม่เชิงหรอกครับ ท่านดยุกสนิทกับปู่กับย่า ผมเลยพลอยได้รับความเอ็นดูไปด้วย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หรี่ตามองเขา แล้วยิ้ม “เขาคือคนที่ขอรูปย่าคุณไปสินะ”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “ขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้บอกคุณ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว”

                “อืม ไม่เป็นไรหรอก มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ นั่นแหละ ถ้าแคทเธอรีนไม่เล่าให้ผมฟัง ผมก็คงไม่รู้หรอก”

                “คุณกับเลดี้แคทเธอรีนดูสนิทกันนะครับ”

                “อ้อ... ใช่ ผมเล่าให้คุณฟังหรือยังว่าเธอรู้แล้วว่าพวกเราเป็นคนรักกัน”

                “หา” กอร์ดอนร้อง “ว่าไงนะครับ”

                “เธอรู้แล้วว่าพวกเราเป็นคนรักกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางจับมือกอร์ดอนไว้ “ผมพลาดเองแหละเรื่องนี้”

                “ให้ตาย แล้วเธอว่าไงครับ เธอรู้นานแล้วหรือครับ” กอร์ดอนดูกังวล เขาคิดถึงตอนที่ได้พบเลดี้แคทเธอรีนเมื่อวันอาทิตย์ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอบคนรัก

                “เปล่า เธอเพิ่งรู้ ที่จริงเธอรู้มาสักพักแล้วว่าผมมีคนรักเป็นผู้ชาย แต่มาปะติดปะต่อเรื่องว่าเป็นคุณได้เมื่อวันอังคารนี้เอง”

                กอร์ดอนหน้าแดง “ผมไปทำพลาดตรงไหนให้เธอรู้กัน”

                “ไม่ใช่ความผิดของคุณน่า” ลอร์ดโทวรว์บริดจ์ว่า “บอกแล้วไงว่าผมพลาดเอง เธอรู้เพราะผมน่ะ”

                “คุณเผลอไปทำอะไรให้เธอจับได้ครับเนี่ย”

                “หลายเรื่องเลย แต่คุณวางใจเธอ เธออยู่ฝั่งเดียวกับเรา เธอบอกผมด้วยว่าท่านดยุกจงใจเชิญผมไปงานเลี้ยงน้ำชาวันอาทิตย์นี้โดยไม่บอกว่าคุณจะไปด้วย”

                “หา เขาเชิญคุณด้วยหรือครับ”

                “แสดงว่าคุณเองก็ไม่รู้ว่าเขาเชิญผมสินะ”

                “โอ... เขาไม่ได้บอกหรอกครับ” กอร์ดอนตอบ สีหน้าเป็นกังวล “คุณว่าเลดี้แคทเธอรีนบอกเขาเรื่องเรารึเปล่าครับ”

                “แคทยืนยันว่าไม่ได้บอก จริงๆ เธอเองค่อนข้างตื่นเต้นที่ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ เลยกังวลว่าท่านตาของเธอจะรู้ระแคะระคาย แต่ผมว่าเขาแค่สงสัยว่าผมมองคุณเป็นเพื่อนแบบไหนมากกว่า เพราะเธอเล่าให้เขาฟังทำนองว่าผมบังคับให้คุณไปงานเต้นรำ”

                พอถึงตรงนี้ กอร์ดอนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ก็คุณบังคับผมไปจริงๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แสร้งทำหน้าไม่รู้เรื่อง “ผมคิดว่าคุณชอบเสียอีก เราน่าจะจูบกันตอนนั้นเลยผมว่า”

                กอร์ดอนตีมือเขา “แค่นี้ผมก็อายจะแย่อยู่แล้วครับ แล้ววันอาทิตย์ผมต้องไปดื่มชากับท่านดยุกอีก ถ้าเจอเลดี้แคทเธอรีน ผมจะทำตัวยังไงดี”

                “ทำเหมือนปกตินั่นแหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมตั้งใจจะคุยเรื่องนี้กับคุณพอดี เราสองคนคงต้องทำตัวสนิทสนมกันหน่อย อย่าให้ดยุกอ็อกฟอร์ดรู้เชียวล่ะว่าผมมาเตี๊ยมกับคุณก่อน เพราะเขากำชับแคทเธอรีนเอาไว้ ว่าห้ามบอกผม”

                “ให้ตาย ผมโกหกไม่เก่งด้วยสิ” กอร์ดอนว่า สีหน้าหนักใจ “ผมต้องทำท่าตกใจตอนเจอคุณใช่ไหม”

                “ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นน่า เอางี้สิ พวกเราไปก่อนเวลาสักสิบนาที แล้วแกล้งทำเป็นเจอกันก่อน คุณจะได้ไม่ต้องวุ่นวายมาก”

                “ท่านดยุกให้มาร์คัสเอารถมารับผม” กอร์ดอนตอบ “ผมคงจะทำแบบนั้นไม่ได้”

                “งั้นก็ไม่เป็นไร คุณทำตัวตามสบาย ตกใจตอนเห็นผมก็ได้ คุณต้องตกใจอยู่แล้วนี่นะที่ได้เห็นคนรูปหล่อแบบผมไปดื่มชาด้วย”

                “ทำเป็นเล่นไปครับ ผมกังวลจริงๆ นะเนี่ย ถ้าท่านดยุกรู้ล่ะก็เรื่องใหญ่แน่ๆ”

                “เขาไม่รู้หรอก เต็มที่เขาคงคิดว่าผมหลอกคุณเอาสนุก คนที่เสียเปรียบดูน่าจะเป็นผมมากกว่าคุณนะ”

                “คุณนี่ใจเย็นจริงเชียว ผมคงทำแบบคุณไม่ได้แน่”

                “เอาน่า ยอดรัก อย่ากังวลไปเลย คุณควรให้ความสนใจกับจดหมายแนะนำตัวผมต่อมิสเฮเก้นต์ดีกว่า”

                กอร์ดอนหัวเราะ “คงไม่ต้องถึงขั้นจดหมายแนะนำตัวหรอกครับ แอนรู้จักคุณอยู่แล้ว ผมจะเขียนจดหมายไปว่าผมไม่สะดวกพาเธอไปเยี่ยมลอร์ดแมกซ์ เลยฝากคุณมาแทนก็แล้วกัน”

                “เอาแบบนั้นก็ได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนพูดขึ้นต่อ

                “งั้นเดี๋ยวผมเขียนให้ก่อนออกไปกินมื้อเย็นนะครับ พอดีกระดาษเขียนจดหมายอยู่ข้างล่าง”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงในคอ แล้วเดินมานั่งข้างช่างตัดเสื้อ ก่อนจะรวบตัวเขาเข้าไปกอดไว้

                “ผมคิดถึงคุณแทบแย่ สัปดาห์ที่แล้วคุณเล่นหายตัวไปเลย”

                “ขอโทษครับ ผมมัวแต่วุ่นงานจนไม่ได้แวะไปเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จูบแก้มช่างตัดเสื้อทีหนึ่ง “ผมให้อภัย เพราะผมเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คุณงานเยอะขนาดนี้ นี่กอร์ดอน สมมติว่าเราได้อยู่ด้วยกันจริงๆ ผมจะขอให้คุณตัดเสื้อให้ผมคนเดียวได้ไหม”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา “ถ้าเราได้อยู่ด้วยกันจริง ผมคงต้องตัดให้คุณคนเดียวอยู่แล้วล่ะครับ”

                ลอร์ดหนุ่มเชยคางเขาขึ้นมาแล้วจูบเบาๆ “ผมคิดถึงริมฝีปากคุณเหลือเกิน รู้ไหมผมชะเง้อมองหาคุณทุกวันเลยที่อัฒจันทร์น่ะ”

                “ผมจะพยายามแวะไปนะครับ”

                “ไม่เป็นไรหรอก ผมแวะมาหาคุณดีกว่า แต่คงต้องหาข้ออ้างปัดเพื่อนๆ ออกไปก่อน แย่จริง มันคงจะดีถ้าทุกคนที่เรารู้จักยอมรับสิ่งที่เราเป็น”

                กอร์ดอนลูบแก้มคนรัก “จอห์น เท่าที่เป็นอยู่นี่ก็ดีแล้วล่ะครับ ผมไม่คิดเลยว่าเราจะมาถึงจุดนี้กันได้”

                “แต่มันยังดีไม่พอ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า พลางกุมมือของคนรักไว้ “ผมอยากเห็นคุณทุกเช้าตอนตื่นนอน อยากจูบราตรีสวัสดิ์คุณทุกคืน อยากให้คุณยืนอยู่ข้างผมตลอดไป”

                กอร์ดอนยิ้ม “เราเป็นมากกว่าที่เราเป็นอยู่ไม่ได้หรอกครับ คนเราน่ะมีขีดจำกัดของตัวเอง ให้ผมไปงานเลี้ยงเต้นรำกับคุณทุกสัปดาห์ก็ไม่ไหวนะ ผมเต้นรำไม่เก่งเลย”

                ลอร์ดหนุ่มขบริมฝีปาก ก่อนจะดึงคนรักเข้ามาจูบ “ให้ตาย กอร์ดอน ผมอยากจะเต้นรำกับคุณตอนนี้เลย เต้นกับผมเถอะ”

                อีกฝ่ายหัวเราะ “นี่เป็นวิธีขอเต้นรำหรือครับเนี่ย”

                “ใช่ ถ้าคุณไม่ตกลง ผมจะจูบจนกว่าคุณจะยอม”

                “ก็ได้ครับ ผมตกลงแล้วกัน กลัวจะถูกจูบจนหายใจไม่ออก”

                ลอร์ดหนุ่มมีสีหน้าผิดหวัง “งั้นผมจูบคุณตอนเต้นรำแล้วกัน”

                พูดจบเขาก็ฉุดตัวช่างตัดเสื้อขึ้นมา คนถูกฉุดหัวเราะอีก “ไหนคุณบอกห้ามเผลอจูบคู่เต้นไงครับ”

                “ผมเปล่าเผลอนะ ผมตั้งใจเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางยิ้ม “เต้นกับผมสักเพลงเถอะ”

                “ผมไม่มีเครื่องเล่นแผ่นเสียง จะเต้นกับคุณสักเพลงได้ยังไง”

                “งั้นไม่เป็นไร เต้นกับผมเงียบๆ ก็ได้ ผมพอใจเมื่อไหร่จะปล่อยคุณไปเอง”

                “ผมปฏิเสธตอนนี้คงไม่ทันแล้วสินะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์โอบเอวคนรักไว้ “ผมไม่ให้ปฏิเสธหรอก”

                กอร์ดอนยิ้ม เขายกมือวางบนไหล่ของลอร์ดหนุ่ม จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มเต้นรำไปรอบๆ ห้องรับแขกเล็กๆ

----------------------------------------------------

                แอนนาเบล เฮเก้นต์แปลกใจระคนตกใจ เมื่อลงบันไดมาเห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งรออยู่ในห้องรับแขก เธอรีบทักทายเขา

                “อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านลอร์ด มีอะไรให้ดิฉันรับใช้หรือคะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทักทายกลับเสียงเรียบๆ “อรุณสวัสดิ์ มิสเฮเก้นต์ ผมมาที่นี่เพราะเรื่องแมกซ์”

                แอนนาเบล เฮเก้นต์ก้มหน้า “คุณคงทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว ดิฉันยอมรับผิดทุกอย่างค่ะ กรุณาบอกลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ด้วยว่าดิฉันขอบคุณสำหรับทุกอย่าง” พูดจบก็สูดหายใจลึก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา

                “ดิฉันพร้อมที่จะไปมอบตัวแล้วค่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องเธอ แล้วพูดต่อ “คุณมีชุดที่ดีกว่านี้ไหม ผมอยากให้คุณแต่งตัวให้สวยที่สุด คนที่เห็นคุณจะได้ประทับใจ”

                “ไม่ต้องหรอกค่ะ ไม่จำเป็นแล้ว” แอนนาเบล เฮเก้นต์ผุดลุกขึ้น “ฉันรู้ว่าวันนี้ต้องมาถึงสักวัน” เธอถอนหายใจ “ก่อนไปฉันขอพูดอะไรกับมิสซิสเมอร์สันหน่อยได้ไหมคะ”

                “ผมอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้เธอฟังแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดบท “สิ่งเดียวที่คุณควรทำตอนนี้คือแต่งตัวให้สวยที่สุด เข้าใจที่ผมบอกไหม”

                สายตาคาดคั้นของฝ่ายนั้นทำให้แอนนาเบล เฮเก้นต์จำใจต้องเดินกลับขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ทว่าสีหน้าของเธอยังคงหม่นหมองตอนที่เดินลงมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์กวาดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า

                “คุณสวยมาก แล้วนั่นถุงอะไร”

                แอนนาเบลมองถุงกระดาษในมือ แล้วยื่นให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ “เสื้อของลอร์ดแมกซ์ ดิฉันทำความสะอาดให้แล้ว รบกวนฝากคุณคืนเขาด้วยค่ะ”

                “เห็นทีผมคงทำแบบนั้นไม่ได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ไปกันได้แล้ว”


ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ลอร์ดแมกซ์ คงดีใจคนที่คิดถึงกำลังจะไปเยี่ยม
ว่าแต่จอห์นเหอะ เนียนหอมแก้มตลอดนะ เราอะเขินแทน
แล้วก็เตรียมตัวเตรียมใจ ไปให้ท่านดยุกจับผิดหรือยัง อิอิอิ
คิดถึงทุกคน
 :z2: :z2:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
โง่ย เพิ่งเห็นว่าอัพตอน40ไม่ครบค่ะ สงสัยตอนรอรีเฟรส20kตัวอักษรล่ะลืมอัพไปเลย แง่ว ลงต่อค่ะ

Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ ตอนที่40 (ต่อ)

   แอนนาเบล เฮเก้นต์ถือถุงกระดาษเดินตามลอร์ดโทรว์บริดจ์มาเงียบๆ เธอรู้สึกแปลกใจที่ไม่เห็นตำรวจอยู่ที่ด้านหน้าบ้าน มีเพียงรถม้าคันใหญ่จอดอยู่ หญิงสาวคิดว่าลอร์ดหนุ่มคงไม่อยากทำให้เรื่องเอิกเหริก เพราะอาจจะสร้างความลำบากใจให้มิสซิสเมอร์สันได้ เธอกล่าวขอบคุณอีกครั้ง

   “ขอบคุณนะคะ สักวันดิฉันคงได้ตอบแทนความมีน้ำใจของคุณกับลอร์ดแมกซ์”

   “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงในคอ เขายื่นมือให้เธอจับเพื่อขึ้นรถม้า ก่อนจะขึ้นตามไป แอนนาเบล เฮเก้นต์เอาแต่ก้มหน้ามองถุงกระดาษในมือ

   “ได้ยินว่าคุณคอยพยาบาลเขาหลังจากผ่าตัดหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามทำลายความเงียบ หญิงสาวพยักหน้า

   “ค่ะ”

   “คุณคิดว่าตัวเองทำงานแบบนี้ได้ไหม”

   เธอพยักหน้า

   “ดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดสั้นๆ จากนั้นก็เงียบไป แอนนาเบลเองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ทั้งคู่นั่งเงียบๆ ปล่อยให้เสียงล้อรถบดถนนและเสียงเกือกม้าปกคลุมบรรยากาศ เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ แอนนาเบล เฮเก้นต์จึงเงยหน้าขึ้นมา

   “เราเลยถนนที่จะไปสก็อตแลนยาร์ดแล้วนี่คะ”

   “อ้อ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียง “ผมไม่ทันได้สังเกตหรอก”

   หญิงสาวมองเขาด้วยความรู้สึกหวั่นใจ “ท่านลอร์ด ดิฉันยอมรับผิดทุกอย่างแล้ว กรุณาส่งตัวดิฉันให้ตำรวจเถอะค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหลือบมองเธอ “คุณคิดว่าแค่จับคุณส่งตำรวจ เรื่องก็จบงั้นหรือ คิดง่ายไปหน่อยล่ะมั้ง”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์ขบริมฝีปาก ทันใดนั้นเธอก็กระชากประตูรถให้เปิดออก ดีที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไวพอที่จะยื่นมือไปคว้าตัวเธอเอาไว้ได้ทัน

   “จะทำอะไร”

   “ดิฉันยอมตาย ดีกว่าที่จะถูกทำลายศักดิ์ศรีค่ะ” เธอพูด แล้วดึงปิ่นปักหมวกออกมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบคว้าข้อมือเธอเอาไว้ก่อนที่เธอจะปักปิ่นลงบนหน้าอก

   “ให้ตาย คุณนี่จริงๆ เลย” ลอร์ดหนุ่มว่า ขณะที่แอนนาเบล เฮเก้นต์จ้องเขา

   “ได้โปรดเถอะค่ะ ท่านลอร์ด ถือว่าดิฉันขอร้อง ส่งตัวดิฉันให้ตำรวจเถอะค่ะ”

   “เอาล่ะๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ “ไม่มีตำรวจอะไรทั้งนั้น คุณไม่มีความผิดอะไรแต่แรก แล้วผมก็ไม่ได้คิดจะพาคุณไปทำมิดีมิร้ายด้วย เอาปิ่นมาให้ผมได้ไหม ผมล่ะกลัวคุณทำอะไรบ้าๆ ลงไปจริงๆ”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์มองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ

   “ผมพูดจริงๆ กอร์ดอนขอร้องให้ผมมาหาคุณ จะดูจดหมายของเขาก็ได้”

   พอได้ยินชื่อกอร์ดอน ท่าทางของแอนนาเบลก็อ่อนลงหน่อยหนึ่ง เธอยอมปล่อยมือออกจากปิ่นปักหมวก ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบฉวยมันไปทันที

   “ในกระเป๋าถือของคุณไม่มีปืนใช่ไหม”

   หญิงสาวสั่นศีรษะ “ฉันทิ้งมันไปแล้วค่ะ”

   “ดีแล้ว” ลอร์ดหนุ่มพูด พลางถอนหายใจ แล้วล้วงจดหมายออกมาจากอกเสื้อ

   “โทษทีที่ผมไม่ได้เอาให้คุณดูแต่แรก แค่อยากแก้เผ็ดคุณที่ทำให้เพื่อนผมต้องเจ็บตัวเจ็บใจขนาดนี้” เขาพูดเมื่อเห็นหญิงสาวคลี่จดหมายออกอ่าน เธอเงยหน้ามองเขา

   “คุณจะพาดิฉันไปหาลอร์ดแมกซ์หรือคะ”

   “อืม...”

   “.....”

   “ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ก็บอกผม ผมจะได้พาคุณกลับไปส่งที่บ้าน ไม่ต้องกระโดดลงจากรถหรือทำอะไรบ้าๆ อีก ไม่งั้นแมกซ์กับกอร์ดอนต้องฆ่าผมแน่”

   “....”

   “มิสเฮเก้นต์....”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับหัวตา แล้วสั่นศีรษะ “ดิฉันจะไปพบเขาค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหญิงสาวครู่หนึ่ง เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ จึงเบือนหน้าไปทางอื่นเสีย

   “ท่านลอร์ดคะ”

   “หืม”

   “ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสดิฉัน”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มริมฝีปาก “ไม่ใช่ผมหรอก กอร์ดอนต่างหาก”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์พยักหน้า แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับหัวตาอีกครั้ง

---------------------------------

   มาทิลดาออกมาต้อนรับลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยตัวเอง

   “อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านลอร์ด ดิฉันเรียนนายน้อยแล้วว่าคุณมาเยี่ยม เขาดีใจมากค่ะ”

   “ผมหวังว่าเขาคงไม่พยายามลุกจากเตียงเพื่อมาต้อนรับผมหรอกนะ”

   “เมื่อเช้านี้เขาลุกออกไปยืนที่หน้าต่างค่ะ ดิฉันเปิดประตูเข้าไปตกใจแทบแย่” มาทิลดาบ่น ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ

   “แสดงว่าเขาแข็งแรงขึ้นแล้ว”

   “ยังไม่ครบกำหนดที่คุณหมอสั่งเลยนะคะ” มาทิลดาว่า “ฉันว่าคงต้องให้ใครสักคนเฝ้าเขาไว้แล้วล่ะค่ะ”

   “ผมหาคนเฝ้ามาให้คุณแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะหันไปหาแอนนาเบล เฮเก้นต์ซึ่งเดินตามเงียบๆ อยู่ด้านหลัง

   “เธอจะมาเป็นพยาบาลส่วนตัวให้เขา”

   “คุณช่างมีน้ำใจดีเหลือเกินค่ะ” มาทิลดาตอบพลางเหลือบมองหญิงสาว “แต่ที่บ้านเรามีคนเยอะพออยู่แล้ว ดิฉันคิดว่าคงไม่ต้องจ้าง...”

   “ผมว่าเรื่องนี้ควรให้แมกซ์เป็นคนตัดสินใจดีกว่า” พูดจบก็สะกิดให้แอนนาเบล เฮเก้นต์เดินตามไป

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยายามจะลุกขึ้นนั่งตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้าไป คนรับใช้ที่พยายามห้ามเขาจึงรีบพูดขึ้นทันที

   “ท่านลอร์ดมาพอดีเลยครับ ช่วยกระผมห้ามนายน้อยหน่อยเถอะ”

   “ดูนายแข็งแรงดีนะแมกซ์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทักทายเพื่อนรัก โดยไม่สนคำขอร้องของคนรับใช้ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงได้ในที่สุด เขาหันมาทักเพื่อนรัก

   “ไง จอห์นนี่ ฉันดีใจที่ในที่สุดก็ได้นั่งคุยกับนายเสียที...” เสียงของเขาขาดไปเมื่อเห็นหญิงสาวที่เดินตามหลังลอร์ดโทรว์บริดจ์มา แอนนาเบล เฮเก้นต์ย่อตัวทักทายเขา

   “อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านลอร์ด”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดขึ้นต่อ “ได้ยินว่านายดื้อมาก ฉันเลยหาพยาบาลส่วนตัวมาให้”

   “พะ... พูดจริงหรือ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถาม สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่แอนนาเบล เฮเก้นต์ เหมือนไม่แน่ใจว่าเธออยู่ตรงนั้นจริงๆ หญิงสาวพยักหน้า

   “เว้นเสียแต่ว่าคุณไม่ยินดีที่จะ...”

   “ไม่ ผมยินดีมาก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์โพล่งออกมา ก่อนจะพูดต่อเร็วปรื๋อ “เขาไม่ได้บังคับคุณมาใช่ไหม”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์สั่นศีรษะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงกระแอมไอขึ้นมา “ฉันคิดว่านายน้อยของพวกแกคงอยากจะทำความรู้จักกับพยาบาลคนใหม่เป็นการส่วนตัวสักครู่”

   ไม่ต้องรอให้พูดมากกว่านั้น บรรดาคนรับใช้ต่างรีบออกไปจากห้องอย่างรู้งาน ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินตามออกไป ก่อนจะปิดประตูทิ้งให้ทั้งสองคนอยู่ในห้องตามลำพัง

   แอนนาเบล เฮเก้นต์เดินเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง “คุณเป็นอย่างไรบ้างคะ ขออภัยที่ดิฉันไม่ได้มาเยี่ยมคุณเลยหลังจากวันนั้น”

   “ไม่เป็นไร” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบตอบ “ผมไม่ได้ให้ที่อยู่คุณไว้แต่แรก ผมไม่คิดว่าคุณจะ...”

   “ดิฉันเองก็ไม่คิดเหมือนกันค่ะว่าจะได้มาที่นี่” เธอพูด แล้วเงยหน้ามองเขา ลอร์ดหนุ่มดูซูบไปเล็กน้อย แต่สีหน้าดีกว่าตอนที่เจอกันครั้งก่อน น้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาของเธออย่างไม่รู้ตัว หญิงสาวรีบเบือนหน้าหนี

   “ขอโทษนะคะ” เธอพูดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รู้สึกตื้อในคอ

   “มิสเฮเก้นต์” เขาเรียกฝ่ายนั้นอย่างเป็นทางการ “ผมดีใจที่คุณแวะมาเยี่ยม แต่คุณไม่ต้องฝืนใจทำเพื่อผมหรอก”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์สั่นศีรษะ “ได้โปรดอย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ ดิฉันไม่ได้ฝืนใจที่จะมาที่นี่ ดิฉันแค่... แค่ไม่คิดว่าจะได้พบคุณอีกครั้ง”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอ เงียบไปชั่วขณะ แอนนาเบล เฮเก้นต์บิดผ้าเช็ดหน้าในมือ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างนึกได้

   “ดิฉันเอาเสื้อมาคืนให้คุณค่ะ” เธอหยิบเสื้อสูทออกมาจากถุง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น

   “คุณคงไม่ได้แค่แวะเอาเสื้อมาคืนผมแล้วจะกลับใช่ไหม”

   แอนนาเบลชะงัก จากนั้นจึงยิ้มออกมา “เปล่าค่ะ จริงๆ แล้วดิฉัน...”

   เธอก้มลงอีกครั้ง สองแก้มแดงเรื่อ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เห็นแล้วอดใจเต้นแรงไม่ได้

   “มิสเฮเก้นต์”

   “เรียกฉันว่าแอนก็ได้ค่ะ”

   “แอน”

   เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา สบเข้ากับดวงตาสีเทาคู่นั้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขยับตัวเข้ามาใกล้

   “ผมรู้ว่าจากเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด คุณคงยากที่จะให้อภัยผม แต่... ผมขอโอกาสสักครั้งจะได้ไหม ให้เราได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์จ้องเขาอึดใจ ก่อนจะยิ้มอีกครั้ง เธอขยับเข้าไป แล้วกดตัวเขาลงเบาๆ “คุณขยับตัวเยอะไปแล้วค่ะ เดี๋ยวแผลจะปริเอานะคะ”

   “คุณตอบผมก่อนสิ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า แต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี แอนนาเบล เฮเก้นต์พูดขึ้นต่อ

   “จริงๆ แล้วดิฉันค่อนข้างสับสนมากจากเรื่องที่เกิดขึ้น ดิฉันไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกกับคุณยังไง แต่ในที่สุดดิฉันก็ตัดสินใจได้”

   “....”

   “ดิฉันให้อภัยคุณค่ะ”

   “ขอบคุณ”

   “และดิฉันยินดีมากที่คุณจะให้โอกาสเราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ดีใจจนทำท่าจะลุกขึ้นอีก แต่ก็โดนห้ามไว้ เขาจึงพูดขึ้นต่อ

   “งั้นผมขอจ้างคุณเป็นพยาบาลส่วนตัว ระหว่างที่ผมพักฟื้นอยู่ คุณสะดวกจะเริ่มงานวันนี้เลยไหม”

   เธอยิ้มให้เขา “ปกติแล้วต้องตกลงเรื่องเวลาทำงานและค่าจ้างก่อนไม่ใช่หรือคะ”

   “ค่าจ้างแล้วแต่คุณจะขอเลย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ส่วนเวลาทำงาน เพราะบ้านคุณอยู่ห่างจากคฤหาสน์ของผมมาก เดินทางไปกลับคงไม่สะดวก อีกอย่างผมต้องการคนดูแลใกล้ชิด และที่นี่ก็มีห้องว่างเยอะแยะไปหมด ดังนั้นผมเห็นว่าคุณควรจะพักอยู่ที่นี่จนกว่าแผลของผมจะหายดี”

   “ดิฉันคงต้องกลับไปจัดกระเป๋า”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ฉวยมือของเธอไว้ “ให้มิสซิสเมอร์สันจัดให้ได้ไหม เดี๋ยวผมจะให้คนขับรถไปรับ ผมไม่อยากให้คุณไปเลย”

   แอนนาเบลยิ้มให้ลอร์ดหนุ่ม แล้วเลื่อนมือไปจับมือเขาไว้ “ดิฉันไปเดี๋ยวก็กลับมาค่ะ”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งไปอึดใจ “งั้นผมจะให้คนไปส่งคุณที่บ้าน แล้วรอรับคุณกลับมาแล้วกัน”

   ป่วยการจะเถียง แอนนาเบลจึงได้แต่พยักหน้ารับ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงยิ้มออกมา

----------------------------------------

   “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันหรือคะ” มาทิลดาถามลอร์ดโทรว์บริดจ์เมื่อเห็นเขาเดินออกมาสูบบุหรี่ที่ระเบียง ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปยิ้มให้แม่นม

   “เธอคือผู้หญิงที่จะทำให้แมกซ์มีความสุขที่สุด”

------------------------------------
(จบตอน)
(จบตอน)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด