[เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)  (อ่าน 97705 ครั้ง)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ซีนนี้พระเอกบทน้อยมาก555

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
พักชมสิ่งที่น่าสนใจไปแล้ว กลับมาลุ้นชีวิตกอร์ดอนต่อค่ะ อิอิ

------------------

Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่51 กอร์ดอน

   กอร์ดอนเปลี่ยนมาใช้มือซ้ายถือตะเกียง แล้วเอามือขวาซุกกระเป๋าเพราะนิ้วเริ่มชา เขาชะเง้อมองถนน รอยล้อของรถม้ามองเห็นได้ชัดบนถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะ แม้อากาศจะหนาว แต่หัวใจของเขากลับร้อนรนเพราะข้อความในจดหมายที่เขาเพิ่งได้อ่าน

   ‘ผมเพิ่งได้รับโทรเลขว่ามีเรื่องร้ายแรงบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไปท่องเที่ยวของน้องชายผม และเพื่อนๆ ของเขา ถ้าคุณได้รับจดหมายนี้ ให้ออกมารอที่ถนนใหญ่ จะมีรถม้าคันใหญ่สีดำผ่านไปแถวนั้นประมาณเที่ยงตรง อย่าลืมเอาจดหมายยื่นให้คนขับรถม้าดู
ม.ม.’

   ถึงกอร์ดอนจะไม่เคยเห็นลายมือของลอร์ดฟาริงดอน แต่ด้วยเนื้อความในจดหมายทำให้เขามั่นใจว่าเจ้าตัวเป็นคนเขียน เขาดูนาฬิกาและแต่งตัวออกจากบ้านมาอย่างรีบร้อน ท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปราย กอร์ดอนชะเง้อมองถนน แล้วหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู ทันใดนั้นรถม้าคันหนึ่งก็แล่นตรงมา มันเป็นรถม้าคันใหญ่เทียมด้วยม้าสี่ตัว เขารีบชูตะเกียงขึ้น โบกให้รถม้าคันนั้นหยุด และล้วงจดหมายยื่นให้คนขับรถม้าดู เมื่อสารถีเห็นจดหมายก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เขาให้กอร์ดอนเอาตะเกียงแขวนไว้ที่ข้างรถ แล้วส่งจดหมายคืนให้ ก่อนจะบอกให้กอร์ดอนขึ้นรถ

   อากาศภายในรถอุ่นกว่าข้างนอก ผนังรถบุนวมหนาเพื่อกันความหนาว ฟูกที่นั่งนุ่มจนกอร์ดอนรู้สึกเหมือนจมไปครึ่งตัว ไม่มีคนอื่นอีก กอร์ดอนปัดหิมะออก แล้วหยิบขนสัตว์สีดำผืนใหญ่ที่วางอยู่ขึ้นมาห่อตัว อาจจะเป็นขนหมี กอร์ดอนไม่เคยห่มขนสัตว์มาก่อน เขาเพิ่งค้นพบว่ามันทำให้อุ่นขึ้นมากจริงๆ รถม้าแล่นด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ช่างตัดเสื้อห่อตัวอยู่ในขนสัตว์ ภาวนาต่อพระเจ้า ขอให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์และคนอื่นๆ ปลอดภัย

   ในที่สุดรถม้าก็หยุดลง กอร์ดอนแหวกม่านออกดู เห็นผู้ชายในเสื้อโค้ทสีดำหนาเดินมาเปิดประตูรถให้เขา พอลงมาจึงเห็นว่านี่คือคฤหาสน์ของลอร์ดฟาริงดอน คนรับใช้เชิญเขาเข้าไปด้านในของคฤหาสน์

   “ไง โอเดนเบิร์ก รถนั่งสบายรึเปล่า ชอบขนหมีที่ผมวางไว้ให้ไหม”

   ลอร์ดฟาริงดอนเดินมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง กอร์ดอนผงกศีรษะ

   “ครับ ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์ส่งคนไปรับ เกิดอะไรขึ้นหรือครับ มีใครเป็นอะไรมากหรือเปล่า”

   “อากาศข้างนอกหนาว ผมว่าเราควรจะไปนั่งคุยในที่อุ่นๆ ดีกว่า”

   กอร์ดอนเดินตามลอร์ดฟาริงดอนเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่มีเตาผิงขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังลุกโชติช่วงอยู่ คนรับใช้มาช่วยถอดเสื้อโค้ทให้ ลอร์ดฟาริงดอนให้กอร์ดอนนั่งลงตรงเก้าอี้หน้าเตาผิง รินวิสกี้สองแก้ว แล้วยื่นให้เขาแก้วหนึ่ง

   “ดื่มเสียหน่อยสิ หน้าคุณซีดมากนะ”

   กอร์ดอนรับแก้ววิสกี้มา จิบไปได้อึกหนึ่ง ก็เงยหน้าขึ้นถาม “ได้โปรดบอกผมเถอะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงขนาดไหนผมก็ต้องการจะรู้”

   ลอร์ดฟาริงดอนถอนหายใจ พลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ เขาวางแก้ววิสกี้ลงบนโต๊ะ แล้วพูด “ดูเหมือนว่าจอห์นจะไม่สามารถปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาจากพ่อแม่ของเขาได้ คุณเองก็รู้เรื่องนี้แล้วใช่ไห”

   กอร์ดอนตัวเย็นวาบ เกือบทำแก้ววิสกี้หล่นจากมือ เขามองลอร์ดฟาริงดอนด้วยความตื่นตระหนก อีกฝ่ายยิ้มบางๆ

   “ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอก ผมรู้เรื่องคุณกับจอห์นนานแล้ว และไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร”

   “....”

   “ผมไม่ได้มองว่าคุณเป็นฝ่ายผิดเรื่องนี้ ส่วนจอห์นเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้แต่แรกอยู่แล้ว”

   “กะ... เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือครับ” กอร์ดอนถามอย่างร้อนใจ ลอร์ดฟาริงดอนมองหน้าเขาด้วยสายตาอ่านยาก จากนั้นจึงพูดขึ้นต่อ

   “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับจอห์นหรอก แต่เป็นคุณต่างหาก พ่อแม่เขาไม่อยากให้ลูกชายเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้ ในเมื่อพวกเขาเกลี้ยกล่อมคุณไม่ได้ และรู้แน่ด้วยว่าคงเกลี้ยกล่อมจอห์นไม่ได้เช่นกัน ทางออกเดียวของเรื่องนี้คือต้องทำให้คุณหายไปเสีย”

   “อะ... อะไรนะครับ”

   “ฟังไม่ผิดหรอก ลอร์ดบาธต้องการให้คุณออกไปจากชีวิตลูกชายของเขา  และคนที่สามารถทำเรื่องนั้นได้ก็คือพ่อของผม”

   กอร์ดอนอ้าปากค้าง ขณะที่อีกฝ่ายพูดต่อ

   “นี่เป็นเรื่องลึกลับเรื่องหนึ่งในตระกูลของผม ไม่ว่าใครมีเรื่องเดือดร้อนอะไร หรือปัญหาแก้ไม่ตก มักจะมาขอให้เราช่วยเสมอ แล้วเราก็ดันจัดการเรื่องพวกนั้นได้ดีเสียด้วย เรียกว่าเป็นหน้าที่ที่สืบทอดกันมาทางสายเลือดก็ได้ล่ะมั้ง”

   กอร์ดอนเผลอบีบแก้ววิสกี้ในมือแน่น “ละ... เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังทำไมครับ”

   “เพราะว่าคุณเป็นช่างตัดเสื้อคนโปรดของพ่อผม และลอร์ดบาธเองก็ไม่ได้ระบุว่าต้องให้คุณตาย และถึงเขาจะพูดแบบนั้นผมก็จะไม่ยอมให้คุณตายอยู่ดี”

   “....”

   ลอร์ดฟาริงดอนลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้ามาแล้วโน้มตัวลงมาใกล้ “ดังนั้นนะ มิสเตอร์กอร์ดอน วิลเลี่ยม โอเดนเบิร์ก ผมขอให้คุณอยู่ที่นี่จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ส่งผลดีกับตัวคุณ คุณจะรับข้อเสนอของผมรึเปล่า”

   พอเห็นสีหน้างุนงงของกอร์ดอน ลอร์ดฟาริงดอนจึงคลี่ยิ้ม แล้วยืดตัวขึ้น

   “ผมจะรอคำตอบที่ห้องดนตรี หวังว่าคุณจะเข้าใจที่สิ่งที่ผมอธิบายไปนะ”

----------------------------------------

   กอร์ดอนเคยเห็นห้องดนตรีในคฤหาสน์ของเซอร์จอร์จ คาเมรอนมาแล้ว แต่นั่นเทียบไม่ได้เลยกับห้องดนตรีของลอร์ดฟาริงดอน เสาและผนังประดับลายปูนปั้นทาสีเขียวและขาว บนกำแพงแขวนไว้ด้วยรูปวาดทิวทัศน์ และรูปเหมือนของลอร์ดฟาริงดอนกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เปียโนสีขาวหลังงามที่ประดับลวดลายหรูหราวางเด่นอยู่กลางห้อง ล้อมรอบด้วยเฟอร์นิเจอร์ฝรั่งเศสอันแสนวิจิตร ลอร์ดฟาริงดอนนั่งอยู่ด้านหลังเปียโน เสียงค้อนไม้เคาะลงไปบนลวดที่ถูกขึงจนตึงดังก้องสะท้อนกับเพดานโค้งเกิดเป็นสุ้มเสียงคล้ายมนต์สะกด ช่างตัดเสื้อยืนนิ่งด้วยความตะลึงงัน กระทั่งเจ้าของห้องเล่นเพลงจบแล้วเงยขึ้นมาเห็นเขานั่นแหละ

   “เข้ามานั่งก่อนสิ”

   เสียงนั้นดึงสติของกอร์ดอนกลับเข้าที่ เขารีบเดินตรงไปที่เก้าอี้ แต่ไม่ได้นั่งลงในทันที จนลอร์ดฟาริงดอนต้องพูดขึ้นต่อ

   “ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นหรอก ผมอยากให้คุณนั่งลง แล้วตรองสิ่งที่จะพูดดีๆ”

   กอร์ดอนนั่งลง เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย “ผมรู้สึกซาบซึ้งในความหวังดีและความใจกว้างของคุณจริงๆ ครับ ผมยินดีที่จะพักอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว แต่ผมคงต้องเขียนจดหมายบอกเดวิดและลอร์ดโทรว์บริดจ์ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเป็นห่วงเอาได้”

   ลอร์ดฟาริงดอนคลี่ยิ้ม “ผมดีใจที่คุณเข้าใจเหตุผล แต่เรื่องที่คุณขอผมคงจะอนุญาตไม่ได้ เพราะตอนนี้คุณต้องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เข้าใจที่ผมพูดรึเปล่า”

   “แต่...”

   “อย่าเป็นห่วงไปเลย พวกเขาจะเดือดร้อนก็แค่ชั่วคราว ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของคุณต่างหาก” พูดจบลอร์ดฟาริงดอนก็ลุกขึ้น

   “ผมจะพาคุณไปดูห้องพัก” เขาถือวิสาสะจูงมือกอร์ดอนออกไปจากห้องดนตรี

   กรีนไวท์ เทอร์เรสให้บรรยากาศแตกต่างจากคฤหาสน์สามเส้าของลอร์ดสวินดันอย่างสิ้นเชิง โทนสีส่วนใหญ่เน้นไปทางขาวและเขียว แม้อากาศด้านนอกจะอึมครึม แต่เพราะโทนสีอ่อนและหน้าต่างจำนวนมาก ทำให้ภายในดูสว่างและอบอุ่น ห้องพักอยู่ชั้นสาม ทุกอย่างแตกต่างจากห้องนอนที่กอร์ดอนเคยพบเห็นอย่างสิ้นเชิง ห้องกว้างขวาง เตาผิงหินอ่อนขนาดใหญ่ เตียงนอนแบบมีเพดานตกแต่งด้วยผ้าม่านระย้าสีน้ำเงินหรูหรา เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องรวมถึงผนังออกโทนสีน้ำเงิน แสงสลัวที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาให้ทำกอร์ดอนคิดว่าเขากำลังฝัน

   “นึกเสียว่ามาเที่ยวพักผ่อนก็แล้วกัน” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ดูพอใจที่ได้เห็นสีหน้าตกตะลึงของช่างตัดเสื้อ “กริ่งเรียกคนรับใช้อยู่ข้างหัวเตียง ส่วนหลังม่านตรงนั้นคืออ่างอาบน้ำ อ้อ... จริงสิ ผมเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้คุณด้วย ดูซิว่าใส่พอดีรึเปล่า”

   เขาผายมือไปยังตู้เสื้อผ้าขนาดสามบานขนาดใหญ่ที่วางอยู่ติดผนังด้านหนึ่งใกล้กับฉากเปลี่ยนเสื้อ กอร์ดอนหันไปมองเจ้าตัวด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ “ให้ผมนอนที่นี่จริงๆ หรือครับ”

   “จริงสิ ผมบอกแล้วไงว่าคิดเสียว่ามาเที่ยวพักผ่อน ไหนมาลองเสื้อหน่อย ถ้าไม่พอดีผมจะได้ให้คนออกไปซื้อใหม่มา”

   “โอ...” กอร์ดอนแสดงสีหน้าประหลาดใจ เขารีบตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้า ด้านในมีเสื้อผ้าแขวนอยู่จำนวนหนึ่ง เขาหยิบเสื้อเชิ้ตและกางเกงออกมา “นี่ซื้อมาหรือครับ”

   “ใช่... มันอาจจะไม่พอดีตัวเหมือนสั่งตัด แต่ผมคิดว่าดีกว่าจะให้คุณใส่เสื้อของผม”

   กอร์ดอนยิ้ม “ถ้าผมใส่เสื้อของคุณคงเหมือนเด็กใส่เสื้อผู้ใหญ่แน่” เขาปลดเสื้อเชิ้ตออกมาพลิกดู “ที่จริงแล้วผมสนใจเรื่องเสื้อผ้าสำเร็จรูปอยู่นะครับ มันค่อนข้างสะดวกในการซื้อหา และราคาก็ไม่แพงเท่าแบบสั่งตัด ไม่แน่ว่าอนาคตเสื้อผ้าแบบนี้อาจจะเป็นที่นิยมจนผมต้องปิดร้านเลยก็ได้”

   “ผมไม่เห็นด้วยนะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ยังไงเสียสั่งตัดมันก็มีคุณภาพมากกว่า และผมชอบที่จะเป็นคนเลือกเนื้อผ้าเองมากกว่าให้ร้านเลือกให้ อีกอย่างเสื้อสำเร็จรูปมันก็ดูเหมือนๆ กันหมด แต่เสื้อสั่งตัดมันมีแค่ตัวเดียวในโลก ผมไม่อยากสวมอะไรที่ซ้ำกับชาวบ้านหรอก คนอื่นๆ ก็น่าจะคิดเหมือนกัน”

   “สำหรับคนมีฐานะอย่างพวกคุณก็อาจจะเป็นแบบนั้นครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “แต่สำหรับชนชั้นกลางหรือชนชั้นล่าง นี่เป็นโอกาสที่พวกเขาจะมีเสื้อผ้าใหม่ๆ ใส่ อืม... ตัดเย็บไม่เลวนะครับ เนื้อผ้าก็ค่อนข้างดีเลย แก้อีกนิดหน่อยน่าจะใส่ได้พอดี” เขาหยิบกางเกงขึ้นมาดู “ตัวนี้แก้เอวหน่อยก็น่าจะใส่พอดีเหมือนกันครับ ไหนขอดูสูทหน่อย โอ...”

   “ผมรู้ว่ามันไม่สวยเท่าไหร่” ลอร์ดฟาริงดอนรีบแก้ตัว “แต่มันเป็นผ้าเนื้อดี”

   “ครับ ผ้าวูลแบบนี้มีราคาพอดู แต่การตัดเย็บนี่ลวกไปหน่อย... นี่คงเป็นข้อด้อยของเสื้อผ้าสำเร็จรูปจริงๆ”

   “ผมจะให้คนออกไปหาซื้อใหม่ให้”

   “ไม่ต้องหรอกครับ” กอร์ดอนรีบห้าม “ที่นี่พอมีอุปกรณ์ตัดเย็บไหมครับ ผมรู้สึกว่าตามคฤหาสน์จะมีแม่บ้านที่ทำหน้าที่ซ่อมเสื้ออยู่”

   “มีสิ มีเป็นห้องเลยล่ะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “โดโรธีเป็นคนดูแล เดี๋ยวผมจะพาคุณไปดู”

   “ขอบคุณครับ” กอร์ดอนรื้อเสื้อตัวอื่นๆ ออกมาดู จากนั้นก็พับพวกมันกองไว้บนเตียง “สงสัยคริสต์มาสปีนี้ต้องเป็นปีที่ประหลาดที่สุดสำหรับผมแน่ๆ”

   “ผมแน่ใจว่ามันจะเป็นคริสมาสต์ที่ดี” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “อย่างน้อยๆ ตอนนี้คุณก็ปลอดภัย”

   “ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์เป็นธุระให้ คุณพอจะมีทางบอกเดวิดกับแม่ของเขาเรื่องผมได้ไหมครับ ผมไม่อยากให้พวกเขาเป็นกังวล”

   “ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องยากอยู่นะ”

   “เอ่อ... งั้นไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ที่หายออกมาแบบนี้”

   “มันเป็นเรื่องสุดวิสัย แต่ผมจะพยายามให้พวกเขารู้ก็แล้วกันว่าคุณมีความเป็นอยู่ที่ดี”

   “ขอบคุณครับ”

   หลังดูห้องพักจนพอใจแล้ว ลอร์ดฟาริงดอนก็พากอร์ดอนลงมาชั้นล่าง เพื่อไปยังห้องเย็บผ้าซึ่งอยู่ทางปีกขวา พวกเขาสวนกับบรรดาคนรับใช้ที่ช่วยกันยกต้นสนสำหรับวันคริสต์มาสเข้ามา กอร์ดอนคะเนว่าต้องไม่เล็กไปกว่าต้นสนที่โบสถ์ซึ่งเขาไปทุกปีแน่นอน

   ห้องเย็บผ้ามีอุปกรณ์ทุกอย่างอย่างที่กอร์ดอนต้องการ โดโรธีเป็นหญิงสาววัยรุ่น อายุน่าจะราวๆ สิบห้าสิบหกปี ไว้ผมเปียสีน้ำตาล ใบหน้าตกกระเล็กน้อย เธอดูตื่นเต้นที่เห็นนายจ้างพาแขกเข้ามาเยี่ยมเยียน

   “โดโรธี นี่คือมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก เขาจะมาเป็นแขกของที่นี่ระยะเวลาหนึ่ง เขามีร้านตัดสูทอยู่ในลอนดอน ฉันอยากให้เธอช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกเรื่องการตัดเย็บให้เขา”

   “ได้ค่ะ โอ... ฉันไม่เคยพบกับช่างตัดสูทมาก่อน คุณจะมาเย็บสูทให้นายท่านหรือคะ”

   “อ๋อ เปล่า” กอร์ดอนปฏิเสธ “ผมจะมาแก้เสื้อผ้าพวกนี้น่ะ”

   โดโรธีมองกองเสื้อผ้าในอ้อมแขนของกอร์ดอน แล้วพยักหน้าด้วยท่าทางเขินๆ “อ้อ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ที่จริงให้ฉันจัดการให้ก็ได้นะคะ”

   “ไม่เป็นไร ผมจัดการเองดีกว่า คุณมีห้องเย็บผ้าที่กว้างขวางน่าดูเลยนะครับ”

   “เป็นความกรุณาของนายท่านน่ะค่ะ” โดโรธีว่า “นายท่านอยากให้ฉันทำงานได้สะดวกที่สุด”

   “โดโรธีเป็นคนมีฝีมือด้านนี้” ลอร์ดฟาริงดอนพูดขึ้นบ้าง “เธอซ่อมเสื้อผ้าและถุงเท้าได้ละเอียดจนแทบดูไม่ออกเลยว่ามันเคยมีปัญหามาก่อน”

   “โอ ซ่อมถุงเท้าด้วยหรือครับ” กอร์ดอนมีสีหน้าสนใจ “ผมว่ามันเป็นงานละเอียดมากเลยนะ”

   “คงไม่ยากไปกว่าตัดสูทหรอกค่ะ”

   ลอร์ดฟาริงดอนยิ้ม เขาพูดขึ้นต่อ “งั้นผมขอตัวไปจัดการเรื่องต้นคริสต์มาสก่อน”

   “เชิญตามสบายเลยครับ”

(มีต่อ)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   กอร์ดอนใช้เวลาในห้องเย็บผ้าจนถึงช่วงบ่าย คนรับใช้ก็เข้ามาบอกเขาว่าลอร์ดฟาริงดอนเชิญไปดื่มชาที่ห้องอาหาร พอไปถึงเขาก็เห็นต้นสนตั้งตระหง่านอยู่แล้ว ถัดไปจากนั้นคือโต๊ะไม้ตัวยาวสำหรับกินข้าว ที่มีลอร์ดฟาริงดอนนั่งจิบชาอยู่ เขากวักมือเรียกช่างตัดเสื้อ

   “ผมคิดว่าคุณจะตั้งมันที่ห้องนั่งเล่นเสียอีก” กอร์ดอนพูดหลังจากนั่งลงแล้ว คนรับใช้เอาขนมเค้กกับชามาเสิร์ฟให้

   “ผมตั้งที่นี่ทุกปีนะ มันสะดวกสำหรับงานเลี้ยงฉลองมากกว่า”

   “โอ... นั่นสินะครับ ผมเห็นแล้วว่าคุณมีห้องอาหารที่กว้างขวางและสวยงามมาก”

   “ปกติแล้วคุณจัดต้นคริสต์มาสที่ห้องนั่งเล่นหรือ”

   “ครับ มันเป็นห้องเดียวที่กว้างพอจะวางต้นคริสต์มาส”

   “แล้วที่กรีนไปป์ล่ะ... บ้านที่ท่านดยุกเพิ่งยกให้คุณน่ะ ยังวางที่ห้องนั่งเล่นหรือ”

   “ครับ พอคุณพูดผมเลยนึกได้ ที่จริงห้องอาหารที่นั่นก็พอจะใส่ต้นคริสต์มาสเข้าไปได้ แต่ผมชินกับการวางในห้องนั่งเล่นเลยไม่ทันได้เอะใจ”

   “ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีบัญญัติไว้เสียหน่อยว่าต้องวางต้นคริสต์มาสตรงไหน”

   กอร์ดอนหัวเราะ “นั่นสินะครับ”

   “แล้วคุณจัดการเสื้อผ้าไปได้ถึงไหนแล้วล่ะ”

   “แก้กางเกงเสร็จไปตัวหนึ่งล่ะครับ ผมมัวแต่คุยกับโดโรธีอยู่ เธออาสาจะจัดการเสื้อเชิ้ตให้ระหว่างที่ผมมาดื่มชา”

   “อืม... เดี๋ยวพวกคนรับใช้จะมาช่วยกันแต่งต้นคริสต์มาส คุณอยากอยู่ดูไหม”

   “งั้นหรือครับ ให้ผมช่วยได้ไหมครับ ผมชอบแต่งต้นคริสต์มาส”

   ลอร์ดฟาริงดอนยิ้ม “ผิดธรรมเนียมแขกไปหน่อย แต่ก็เอาเถอะ ผมไม่ใช่คนถือธรรมเนียมมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว”

   “จะมีใครมาอีกไหมครับ”

   “ไม่มีแล้ว” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ผมถึงได้ไปเชิญคุณกับเด็กที่ร้านมาก่อนหน้านี้ไง”

   “อ้อ... ขอโทษครับ”

   “ขอโทษผมทำไม อย่างน้อยตอนนี้ผมก็มีเพื่อนอยู่ด้วยคนนึงแล้ว คุณไงล่ะ”

   กอร์ดอนคลี่ยิ้มออกมา เขาดื่มชาและกินขนมเค้กจนหมด พอดีกับที่คนรับใช้ทยอยขนกล่องใส่อุปกรณ์สำหรับตกแต่งต้นคริสต์มาสเข้ามา กอร์ดอนค้นพบว่าลอร์ดฟาริงดอนมีอุปกรณ์พวกนี้มากกว่าโบสถ์ที่เขาไปเสียอีก เขาอยู่ช่วยตกแต่งต้นคริสต์มาสโดยมีลอร์ดฟาริงดอนคอยวิจารณ์จนเสร็จ

   “เดี๋ยวผมขอตัวไปจัดการเสื้อต่อนะครับ” กอร์ดอนหันไปบอกลอร์ดฟาริงดอนหลังยืนชื่นชมต้นคริสต์มาสจนเป็นที่พอใจแล้ว อีกฝ่ายพยักหน้า

   “เอาเฉพาะตัวที่คุณจะใส่ก็พอนะ ยังมีเวลาอีกเยอะ แล้วนี่ก็เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองด้วย”

   “ตกลงครับ”

   กอร์ดอนกลับไปที่ห้องเย็บผ้า โดโรธีกำลังชุนถุงเท้าอยู่พอดี

   “เสื้อคุณฉันเย็บให้เรียบร้อยแล้วนะคะ”

   “ขอบคุณมาก”

   กอร์ดอนหยิบเสื้อสูท แล้วนั่งลง ก่อนจะหยิบกรรไกรเล็กขึ้นมาตัดด้ายเย็บออกออก โดโรธีพูดขึ้น

   “ต้นคริสต์มาสเป็นไงบ้างคะ”

   “สวยเลยครับ ของตกแต่งที่นี่เยอะมาก”

   “ค่ะ นายท่านชอบวันคริสต์มาส เขาให้พวกเราไปร่วมฉลองด้วยที่ห้องอาหาร ฉันว่านายจ้างแบบนี้คงหาไม่ได้ง่ายนักหรอกค่ะ เราคิดถึงเขามากตอนที่เขาไปอยู่อินเดีย แต่นายท่านแมกซิมิลเลี่ยนก็มักแวะมาเยี่ยมที่นี่บ่อยๆ”

   “ครับ ผมเจอเขาตอนที่เพิ่งกลับมาจากอินเดียเหมือนกัน”

   “เขาเอาของมาฝากพวกเราเยอะเลยค่ะ แต่ไม่นานก็ไปต่างประเทศอีก นายท่านไม่ค่อยได้อยู่บ้านค่ะ แต่เวลาเขาอยู่พวกเราทุกคนจะมีความสุขมาก”

   “ลอร์ดสวินดันมาที่นี่บ้างรึเปล่าครับ”

   “โอ... ลอร์ดสวินดันไม่ค่อยได้มาหรอกค่ะ เหมือนว่านายท่านไม่อยากให้เขามา อย่าหาว่าฉันนินทาเลยนะคะ ถึงจะหน้าตาคล้ายกันเพราะเป็นพ่อลูก แต่ลอร์ดสวินดันน่ะน่ากลัวมากเลยค่ะ”

   กอร์ดอนหัวเราะ “ผมคงจะปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกัน”

   “คุณตัดเสื้อให้เขารึเปล่าคะ”

   “ครับ เขาเป็นลูกค้าประจำของผมเลย”

   “เขาเรื่องมากไหมคะ”

   “เอ่อ... มันเป็นปกติของลูกค้าแหละครับ”

   เธอหัวเราะชอบใจ “นายท่านของฉันเป็นคนเรียบง่ายมากเลยค่ะ เขาเป็นคนที่ไม่ถือกฎเกณฑ์อะไรเลย บางทีพวกเรายังตกใจกับเรื่องที่เขาทำเลย คุณไปดูที่เรือนกระจกมาหรือยังคะ”

   “ยังเลยครับ ผมไม่ทันได้สังเกตว่าที่นี่มีเรือนกระจกด้วย”

   “หลังใหญ่มากเลยค่ะ นายท่านเพิ่งสร้างเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี่เอง เขาขนต้นไม้แปลกๆ มาจากอินเดีย มีต้นที่กินแมลงด้วยนะคะ น่ากลัวยังไงไม่รู้ ฉันกลัวว่ามันจะกินคนด้วย”

   “มีต้นไม้แบบนั้นด้วยหรือครับ”

   “มีสิคะ พรุ่งนี้คุณลองบอกนายท่านให้พาไปชมสิคะ ฉันว่าเขาคงภูมิใจอยากนำเสนอแน่ค่ะ”

   คืนนั้นกอร์ดอนไม่ได้ไปโบสถ์เหมือนเช่นทุกปี เขาฉลองวันคริสต์มาสอีฟกับลอร์ดฟาริงดอนและเหล่าคนรับใช้ พวกเขาสวดมนต์ ร้องเพลง และกินอาหารร่วมกันในห้องอาหาร จนเวลาล่วงไปถึงตีสอง จึงพากันแยกย้ายไปนอน แม้จะยังคงเป็นกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่กอร์ดอนก็คิดว่าด้วยสถานการณ์ของเขาในตอนนี้คงจะทำอะไรไม่ได้ เจ้าตัวจึงผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน

   เช้าวันรุ่งขึ้น เขาคุยกับลอร์ดฟาริงดอนเรื่องเรือนกระจก ฝ่ายนั้นจึงพาเขาออกไปเยี่ยมชมหลังเสร็จจากมื้อเช้า เรือนกระจกตั้งอยู่ในบริเวณสวนด้านหลัง ไม่ใหญ่เท่าคิวการ์เด้น แต่กอร์ดอนคะเนว่าขนาดของมันน่าจะใหญ่พอใส่บ้านที่นีสเด้นของเขาได้ประมาณสองถึงสามหลัง อากาศในเรือนกระจกอุ่นกว่าด้านนอกอย่างรู้สึกได้ ลอร์ดฟาริงดอนถอดเสื้อกันหนาวออก และแนะนำให้ช่างตัดเสื้อทำตาม พวกเขาแขวนเสื้อไว้ตรงราวแขวนด้านหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปภายใน กอร์ดอนสัมผัสได้ถึงความชื้นทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องที่เต็มไปด้วยพืชที่เขาไม่รู้จัก ส่วนใหญ่ปลูกอยู่ในกระถาง แต่บางอย่างก็ปลูกลงในดิน

   “นี่คือไม้กินแมลงที่คุณถามถึง” ลอร์ดฟาริงดอนว่าพลางชี้มือไปยังต้นไม้หน้าตาประหลาด ที่มีใบเรียวยาวและมีลูกหน้าตาเหมือนโถติดอยู่ที่ปลายใบ

   “นั่นลูกมันหรือครับ”

   “เปล่า นั่นเป็นส่วนหนึ่งของใบ”

   “ที่ดูเหมือนโถนั่นหรือครับ”

   “ใช่ คุณลองดูใกล้ๆ สิ จะเห็นว่าปากโถของมันเป็นสีเข้ม ด้านใต้ของมันมีน้ำเมือกหวานๆ ล่อให้พวกแมลงไปตอม แล้วก็หล่นลงไปในโถ จากนั้นก็ถูกย่อย ขอบปากโถนี่ลื่นมาก ลองจับดูสิ”

   กอร์ดอนรีบฉวยมือลอร์ดฟาริงดอนเอาไว้เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นจะยื่นมือไปจับปากโถของต้นไม้ “อย่าครับ ผมกลัวมันงับมือคุณ”

   “มันไม่งับหรอกน่า” ลอร์ดฟาริงดอนว่า กอร์ดอนมองหน้าเขา

   “จริงหรือครับ”

   “จริงสิ ผมจะจับมันทำไมถ้ามันทำให้ผมนิ้วขาดได้”

   “....” กอร์ดอนยอมปล่อยมือในที่สุด ลอร์ดฟาริงดอนจึงแตะลงไปเบาๆ บนขอบโถ

   “เห็นไหม ไม่เห็นมีอะไรเลย คุณจะลองจับดูก็ได้นะ”

   “เอ่อ... อย่าดีกว่าครับ ผมกลัว”

   “ไม่เอาน่า นี่ไม่ใช่ของที่คุณจะได้จับมันง่ายๆ นะ”

   กอร์ดอนกลืนน้ำลาย เขาค่อยๆ ยื่นนิ้วชี้ลงไป แตะขอบโถเบาๆ

   “ไง...”

   “ไม่เหมือนต้นไม้เลยครับ” ช่างตัดเสื้อพูดออกมาอย่างพิศวง “มันแข็งแล้วก็ลื่นด้วย”

   “เหมือนที่ผมว่าไหมล่ะ”

   “ครับ” กอร์ดอนถอนนิ้วออกมา เขายังคงหวั่นว่ามันจะงับอยู่ “คุณเอามันมายังไงหรือครับ ใส่เรือมา”

   “ใช่ แต่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายนะ” ลอร์ดฟาริงดอนเล่า “ผมต้องเอาพวกมันใส่ตู้กระจก แล้วไว้ในห้องพักบนเรือ ผมซื้อห้องพักเพิ่มห้องหนึ่งเพื่อไว้พวกมันเลย ขนาดนั้นแล้วตอนมาถึงอังกฤษก็ยังตายไปตั้งหลายต้น”

   “ลำบากเลยนะครับ”

   “อืม แต่ก็คุ้มอยู่นะ มันเป็นไม้ที่ทั้งสวยและแปลก ถ้ากลับไปผมจะเอามาอีก แต่พวกคนสวนคงปวดหัวกันน่าดู”

   พูดจบเขาก็หัวเราะเบาๆ กอร์ดอนนึกเห็นด้วยในใจ ขณะที่อีกฝ่ายพูดขึ้นต่อ “มีอีกห้องนึงที่ผมอยากอวดให้คุณดู”

(มีต่อ)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   พูดจบก็ฉวยมือกอร์ดอนเดินทะลุไปยังอีกห้อง ห้องนี้กอร์ดอนรู้สึกหายใจสะดวกขึ้น คงเพราะมีความชื้นต่ำกว่า แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอัศจรรย์คือดอกไม้หลากสี บางต้นอยู่ในกระถาง บางคนก็แขวนเรียงกันอยู่บนราว แน่นอนว่าไม่มีต้นไหนที่เขาเคยเห็นมาก่อน

   “สวยจังครับ เรียกดอกอะไรหรือครับ”

   “พวกนี้เป็นกล้วยไม้” ลอร์ดฟาริงดอนอธิบาย “ที่วางอยู่บนชั้นเป็นกล้วยไม้แบบปลูกลงดิน ส่วนที่แขวนอยู่เป็นพวกรากอากาศ”

   “เอ๋... รากอากาศ พวกมันกินอากาศหรือครับ”

   “ใช่ ที่ห้อยลงมาพวกนี้คือราก เห็นไหม พวกนี้ไม่ต้องใช้ดินปลูกเลย แค่แขวนไว้เฉยๆ ให้น้ำให้ปุ๋ยที่เหมาะสม ก็จะออกดอกสวยๆ พวกนี้มาให้ชมแล้ว”

   “ว้าว ดีจังเลยครับ แล้ว... ดอกไม้พวกนี้จัดแจกันได้รึเปล่าครับ แต่อยู่บนต้นก็สวยดีนะผมว่า”

   “มีสิ... มันอยู่ในห้องผมเองแหละ ถ้าคุณอยากจะดู...”

   “อ้อ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่สงสัยเฉยๆ”

   ลอร์ดฟาริงดอนยิ้ม เขาพากอร์ดอนชมเรือนกระจกจนกระทั่งตกบ่าย จึงกลับเข้ามาในตัวคฤหาสน์อีกครั้งเพื่อดื่มชาและกินของว่าง หลังจากนั้นลอร์ดฟาริงดอนก็ชวนเขาไปที่ห้องบิลเลียด พอรู้ว่ากอร์ดอนเล่นบิลเลียดไม่เป็น เจ้าตัวจึงอาสาสอนให้ ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจนตกค่ำ จึงมากินมื้อเย็นที่ห้องอาหาร มีกล่องของขวัญจำนวนมากวางอยู่ใต้ต้นคริสต์มาส ลอร์ดฟาริงดอนพูดขึ้นตอนพวกเขาเดินผ่าน

   “ผมอยากให้คุณเลือกของขวัญพวกนี้ขึ้นมาหนึ่งกล่อง”

   “แต่ผมไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย”

   “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องมันฉุกละหุก แต่เราต้องไม่ลืมพิธีการ”

   ช่างตัดเสื้อหัวเราะ “ผมจำได้ว่าเมื่อคืนก่อนคุณยังบอกว่าคุณไม่สนใจพิธีการอยู่เลย”

   “บางสถานการณ์ผมก็สนนะ” ลอร์ดฟาริงดอนตอบพลางยักไหล่ “เลือกสักกล่องสิ ผมอยากรู้จริงเชียวว่าปีนี้คุณจะได้ของขวัญคริสต์มาสเป็นอะไร”

   กอร์ดอนจึงก้มลงไป เขาเลือกกล่องที่เล็กที่สุด ก่อนจะหันไปหาลอร์ดฟาริงดอน “แล้วของคุณล่ะครับ”

   “ของผมหรือ กองอยู่ในห้องนั่งเล่นโน่น พวกคนรับใช้เอามาให้น่ะ เดี๋ยวกินมื้อเย็นเสร็จแล้วจะพาคุณไปช่วยแกะก็แล้วกัน”

   “แล้ว... ที่กองอยู่นี่ล่ะครับ”

   “ฟังแล้วอาจจะทำให้คุณไม่พอใจนะ แต่เป็นของที่ผมให้คนรับใช้ เป็นการฉลอง พวกเขาจะมาเลือกหยิบเหมือนที่คุณเลือกนี่แหละ”

   แทนที่จะโกรธ กอร์ดอนกลับหัวเราะ “คุณนี่ประหลาดจริงๆ ด้วย ผมชักอยากรู้แล้วสิครับว่าในกล่องนี้เป็นอะไร”

   “ผมไม่ว่านะถ้าคุณจะเปิดดูก่อนที่เราจะกินมื้อเย็น เพราะผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าอะไรอยู่ในกล่องนี้”

   “คุณเป็นเจ้าของนะครับ”

   “แต่ผมไม่ห่อกล่องพวกนี้เองหรอกนะ ให้พวกคนรับใช้แยกกันไปห่อน่ะ แกะดูสิ”

   กอร์ดอนจึงแกะกล่องของขวัญออกดู เขาพบกระปุกชาที่ทำจากงาช้างอยู่ในนั้น

   “ท่าทางคุณจะมีดวงสมพงศ์กับช้างนะ” ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะ “จำได้มั้ยว่าเจอกันวันแรกผมก็ให้กระปุกชาแบบนี้กับคุณ”

   กอร์ดอนพยักหน้า “นี่คุณใส่ของมีราคาแบบนี้เอาไว้ทุกกล่องเลยรึเปล่าครับเนี่ย”

   “แน่นอนสิ ผมถือว่าทุกคนควรจะได้ของเสมอกัน ถึงจะไม่ใช่กระปุกชาที่ทำจากงาช้าง แต่ก็เป็นอย่างอื่นที่มูลค่าพอๆ กันนั่นแหละ กระซิบบอกคุณคนเดียวนะ บางกล่องเป็นผ้าไหมอย่างดี ผมว่าถ้าผู้หญิงได้ไปคงดีใจมากเลยล่ะ”

   “ว้าว ยอดไปเลยครับ”

   “เอาล่ะ เป็นอันว่าตอนนี้คุณมีกระปุกงาช้างสองใบ พวกเราไปกินมื้อค่ำกันดีกว่า จะได้ไม่พลาดความสนุกตอนที่พวกคนรับใช้มาแกะกล่องพวกนี้”

   ลอร์ดฟาริงดอนไม่ได้พูดเกินจริง นอกจากผ้าไหมที่เขาว่า ยังมีต่างหูมุก จี้ที่ทำจากอำพัน กล่องใส่บุหรี่เงิน วิสกี้ และอีกหลายๆ อย่างที่กอร์ดอนนึกไม่ถึงว่าจะเป็นของขวัญที่ซื้อให้คนรับใช้ หญิงรับใช้บางคนถึงกับเป็นลมเมื่อแกะกล่องออก เป็นการแกะกล่องของขวัญวันคริสต์มาสที่ครึกครื้นมากที่สุดเท่าที่กอร์ดอนเคยเห็นมา พวกเขาดื่มและเต้นรำกันต่อ ความสนุกทำให้กอร์ดอนลืมเรื่องกังวลใจ คืนนั้นพอหัวถึงหมอนเขาก็หลับสนิททันที

   วันถัดมา ลอร์ดฟาริงดอนมาเคาะห้องของเขาในช่วงสาย พร้อมกับช่อดอกกล้วยไม้ในมือ และสมุดที่กอร์ดอนเห็นก็จำได้ทันที่ว่าเป็นสมุดบันทึกของตัวเอง

   “ผมให้คนแวะไปหยิบมา” ลอร์ดฟาริงดอนพูดหลังจากเดินเข้ามาในห้องแล้ว เขายื่นช่อดอกกล้วยไม้พร้อมกันสมุดเล่มนั้นให้กอร์ดอน

   “ขอบคุณสำหรับดอกไม้ครับ ผมไม่รู้ว่าจะประหลาดใจอะไรดี ระหว่างการที่คุณเอาช่อดอกกล้วยไม้มาฝาก กับการที่คุณเอาสมุดบันทึกของผมมาด้วย”

   “ผมอนุญาตให้คุณประหลาดใจได้ทั้งสองอย่าง” ลอร์ดฟาริงดอนพูดพลางยิ้ม “ผมคิดว่าทิ้งบันทึกเอาไว้คงไม่เหมาะ ถ้าเกิดมีการสอบสวนของตำรวจ เรื่องในสมุดบันทึกนี่อาจจะทำให้คุณเสียชื่อเสียงได้”

   กอร์ดอนหน้าแดง “อ่านแล้วหรือครับ”

   “ไม่หรอก ผมใช่คนไร้มารยาทขนาดนั้น แค่คาดเดาน่ะ แต่ดูเหมือนน่าจะถูกอยู่นะ”

   กอร์ดอนเขินจนอยากจะมุดกลับไปอยู่ในผ้าห่ม “ห้ามบอกใครเรื่องนี้นะครับ ผมขอร้อง มันน่าอายมาก”

   “ผมไม่บอกใครหรอก แล้วไม่เห็นจะต้องอายเลย มันบันทึกส่วนตัวของคุณนะ ใครๆ ก็บันทึกเรื่องน่าอายลงไปในสมุดบันทึกทั้งนั้นแหละ ถ้าเป็นเรื่องที่บอกคนอื่นได้จะเขียนลงไปในสมุดบันทึกทำไม”

   “คุณนี่ใจกว้างเหลือเชื่อเลยนะครับ”

   “ผมดีใจนะที่คุณรู้สึกแบบนั้น” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “เอาล่ะ ถ้าคุณง่วงก็นอนต่อได้ แต่ถ้าคุณตื่นแล้ว ผมอยากจะชวนคุณลงไปกินมื้อเช้า แล้วช่วยผมจัดการกับกล่องของขวัญหน่อย เมื่อคืนเราสนุกกันมากจนลืมเจ้ากล่องพวกนั้นไปเลย”

   “อ๋อ ได้สินครับ ผมตั้งใจจะลงไปอยู่แล้ว”

   ของขวัญที่ลอร์ดฟาริงดอนได้มีเป็นจำนวนเยอะพอสมควร น่าจะเท่าๆ หรืออาจจะมากว่าจำนวนครับใช้ กอร์ดอนช่วยเขาแกะกล่องพวกนั้น ของที่อยู่ข้างในมีตั้งแต่มีดพก ผ้าพันคอ ถุงมือและกระเป๋าหนังที่ดูออกว่าเย็บขึ้นเอง ลูกประคำ ไม้กางเขน ลูกเหล็ก เหมือนคิดอะไรได้ก็หยิบใส่ลงกล่อง แต่ทุกชิ้นประณีต ทำขึ้นมาด้วยความตั้งใจ

   “เป็นของขวัญที่แปลกอยู่นะครับ มีดพกนี่ผมพอเข้าใจได้ แต่ลูกเหล็กนี่เอาไว้ทำอะไรหรือครับ”

   “เป็นกระสุนหน้าไม้น่ะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ผมมีหน้าไม้อันเล็กๆ อยู่อันหนึ่ง บรรจุกระสุนเหล็กเอาไว้ยิงสัตว์เล็กๆ จำพวกกระรอก กระต่าย อะไรพวกนั้น”

   “....”

   “อย่าเข้าใจผิดไป ผมไม่นิยมเอาหัวกระรอกหรือกระต่ายมาสตัฟฟ์ประดับห้องหรอกนะ แต่ในบางเวลามันมีความจำเป็นต้องใช้สัตว์พวกนั้นอยู่ เนื้อพวกมันก็กินอร่อยอยู่นะ”

   “ผมเคยกินสตูว์กระต่าย” กอร์ดอนว่า “แต่คุณต้องล่าเองเลยหรือครับ”

   “ผมบอกแล้วไงว่ามันมีบางเวลามีความจำเป็นแบบนั้น” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ถ้าคุณย้ายมาอยู่กับผมก็จะเข้าใจเองนั่นแหละ”

   “เข้าใจล้อเล่นนะครับ ผมขอเป็นช่างตัดเสื้อเหมือนเดิมดีกว่า”

   “ผมว่านั่นเป็นสิ่งที่คุณทำได้ดีอยู่แล้วล่ะ”

   คริสต์มาสผ่านพ้นไป ย่างเข้าสู่ปีใหม่ ลอร์ดฟาริงดอนมีอันต้องแปลกใจ เมื่อกอร์ดอนเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกับกล่องกระดาษกล่องหนึ่ง ในเช้าวันขึ้นปีใหม่ เขายื่นกล่องใบนั้นให้

   “ของขวัญย้อนหลังวันคริสต์มาสครับ”

   ลอร์ดฟาริงดอนรับมา เขาพูดด้วยท่าทางตื่นเต้น “ผมแกะดูเลยได้ไหม อยากรู้จริงๆ ว่าเป็นอะไร”

   “เอาสิครับ”

   ลอร์ดหนุ่มแกะกล่องใบนั้นออก ด้านในเป็นเสื้อกั๊กสีแดงที่ตัดจากผ้าขนแกะ

   “โดโรธีบอกว่าคุณทิ้งผ้าผืนนี้เอาไว้นานแล้ว ผมเห็นว่าเนื้อพอจะตัดเป็นเสื้อกั๊กได้อยู่ จริงถ้าเย็บเป็นสูทจะสวยมากครับ แต่เสียดายที่อุปกรณ์ไม่พอ”

   “เป็นของขวัญที่ยอดมาก” ลอร์ดฟาริงดอนว่า เขาลองสวมทันที “ว้าว คุณรู้ขนาดตัวผมได้ไง”

   “ผมกะเอาจากเสื้อคุณที่โดโรธีซ่อมอยู่ครับ”

   “พอดีมาก ผมจะใส่เสื้อกั๊กตัวนี้ล่ะ” เขาหยิบสูทขึ้นมาสวมทับ แล้วเรียกคนรับใช้มาเก็บเสื้อกั๊กตัวเก่าออกไป “ส่วนผ้าที่เหลือ ผมคงต้องเอาไปให้คุณตัดให้ที่ร้านแล้วล่ะ สงสัยจังว่ายังมีคิวว่างให้ผมรึเปล่า”

   “มีสิครับ คิวส่วนใหญ่คือก่อนคริสต์มาส ผมสะสางไปหมดแล้ว”

   “เยี่ยม ผมจะไปพร้อมแมกซ์ คุณตัดทักซิโดให้เขาก่อน แล้วค่อยตัดสูทให้ผม จริงๆ ผ้านี้มันเหมาะกับสวมหน้าหนาวมากกว่า จะใส่คิวไว้ช่วงนั้นก็ได้”

   “ตกลงครับ”

   ลอร์ดฟาริงดอนมองช่างตัดเสื้ออึดใจ “ไม่คิดจะย้ายมาอยู่กับผมจริงๆ หรือ หลังจบเรื่องพวกนี้ ผมจะสร้างห้องเย็บผ้าใหม่ให้คุณโดยเฉพาะเลย”

   กอร์ดอนหัวเราะ “อย่าเลยครับ ผมกลัวโดโรธีจะตกงาน อีกอย่างลูกค้าคนอื่นต้องไปชอบใจแน่”

   “นั่นสิ”

   “แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่ชอบของขวัญ จริงๆ แล้วผมแทบไม่ได้ลงทุนอะไรเลย”

   “ดีแล้ว คุณให้ของขวัญที่ถูกใจผมมาก จะมีอะไรวิเศษไปกว่าได้ช่างมาตัดเสื้อให้ถึงบ้านอีกล่ะ มาเถอะ กินมื้อเช้ากันดีกว่า วันนี้อากาศดี ผมว่าเราน่าจะออกไปเล่นสเก็ตช์กัน”

---------------------------------------

(จบตอน)

เราว่าบทจอห์นต้องโดนไมกี้ขโมยซีนไปหมดแน่ๆ 555+

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
 กอร์ดอนน่ารัก ใครจะใจร้ายได้ลง

ออฟไลน์ 5577

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณพระเจ้าที่กอร์ดอนยังปลอดภัย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ใช่ค่ะ ขโมยซีนกันชัด ๆ เลย รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ยังไม่ได้กลับไปหาจอร์นอีกหรอ
สงสารจัง
แต่เหมือนกอร์ดอนได้พัก
ก็ดีไปอย่าง

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ดีจังเลยที่กอร์ดอนปลอดภัย และได้ที่พักดีสบายใจได้บ้างละ
 :เฮ้อ:
ว่าแต่..ไมกี้ อยู่กับกอร์ดอนมากๆ อย่าไปหลงชอบเข้าละ
กอร์ดอนมีเจ้าของหัวใจแล้วนะ ต้องให้เราบอกซ้ำอีกเหรอ อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
กอร์ดอน
ใกล้ได้กลับแล้ว
ไมกี้อย่าหลงรักกอร์ดอนเลยนะ
ไม่อยากให้เสียใจ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อ่านรวดเดียวแล้วเหมือนคนเสียสติเลยจ้าาาาาา

เดี๋ยวหดหู่คิ้วตก เดี๋ยวน้ำตาไหลด้วยความซึ้ง เดี๋ยวลุ้นไปกับความลับในแต่ละบ้าน และมาเขินไมกี้แทนกอร์ดอน

คุณจูพาเราไปท่องโลกจินตนาการได้สนุกมากเลย ขอบคุณนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โอ้ยย พอรู้ว่ากอร์ดอนยังอยู่ดีไม่บุบสลายก็โล่งใจค่ะ แต่รู้สึกไมกี้เหมือนคนชอบกอร์ดอนยังไงไม่รู้นะคะ ไม่รู้ว่าแค่ถูกชะตามากหรือว่าชอบแบบที่จอห์นชอบกอร์ดอน ยังไงรอติดตามตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ไมกี้น่ารักมากกกกก :hao7:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่52 เหตุผล

   การใช้ชีวิตอยู่ที่กรีสไวท์เทอร์เรสนั้นสะดวกสบาย ทว่ายิ่งเวลาผ่านไป กอร์ดอนกลับรู้สึกเป็นกังวลมากขึ้น เขาเฝ้านับวันในปฏิทิน ตามกำหนดเดิมลอร์ดโทรว์บริดจ์ควรกลับมาถึงลอนดอนเมื่อสองวันที่แล้ว และหากฝ่ายนั้นไม่พบตัวเขา ต้องเป็นห่วงมากแน่ๆ เขาเลยถามเอากับลอร์ดฟาริงดอนตอนที่กำลังดื่มชากันอยู่

   “ลอร์ดแมกซ์กลับมาถึงหรือยังครับ”

   “อ้อ... ใช่ ผมลืมบอกคุณไปเลย แมกซ์กับจอห์นกลับมาแล้ว พวกเขาปลอดภัยดี แน่นอนว่ากลับมาตามกำหนด”

   “แล้ว... เอ่อ... ผมจะไปพบทุกคนได้เมื่อไหร่ครับ”

   “ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอก”

   “แต่...”

   “ผมรู้ว่าคุณห่วงจอห์น หมอนั่นต้องอยู่ไม่ติดแน่ถ้ารู้ว่าคุณหายไป แต่นี่เป็นเรื่องที่เขาจะต้องจัดการด้วยตัวเอง”

   “คุณหมายความว่าไงครับ”

   ลอร์ดฟาริงดอนจ้องหน้ากอร์ดอน ก่อนจะถอนใจเฮือก “การที่คุณต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ เพราะพ่อกับแม่ของเขาไม่พอใจที่คุณไปยุ่มย่ามกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน คุณก็รู้ใช่ไหมว่าเขาเป็นลูกชายคนเดียว และเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก”

   คนฟังผงกศีรษะ อีกฝ่ายจึงพูดต่อ “จอห์นจะรู้เรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็ว เขาจะต้องคุยกับพ่อแม่ของเขา ผมนึกไม่ออกหรอกนะว่ามันจะไปในทิศทางไหน พ่อกับแม่ของเขาอาจจะยอม หรือบางทีอาจจะโกรธยิ่งกว่าเดิมก็ได้ ที่ผมรับประกันได้อย่างเดียว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณจะต้องปลอดภัย”

   “ผมรู้ครับว่าคุณพูดจริง แต่ขอผมส่งจดหมายถึงเขาหน่อยเถอะครับ ให้รู้ว่าผมยังสบายดี”

   “ผมบอกคุณแล้วไง ว่าไม่ได้เด็ดขาด”

   “แต่...”

   ลอร์ดฟาริงดอนถอนหายใจอีกครั้ง เขาจ้องหน้ากอร์ดอน “โอเดนเบิร์ก เป็นผมไม่ได้หรือ ผมไม่กังวลสถานะทางสังคมของตัวเอง ผมให้คุณได้ทุกอย่าง ไม่จำเป็นที่จะต้องแอบซ่อนคุณเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ แค่คุณตกลง”

   กอร์ดอนอึ้งไป ขณะที่อีกฝ่ายพูดต่อ “ผมยอมรับว่าหลงรักคุณตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งแรก เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ผมก็ยอมรับมันได้อย่างรวดเร็ว ผมรู้ว่าใจคุณเป็นของจอห์นแต่แรก ผมไม่คิดจะแย่งคุณมา แต่ตอนนี้... เขาแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถปกป้องคุณได้ เขาไม่มีอำนาจพอที่จะต่อต้านพ่อแม่ตัวเอง ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเผยว่าคุณเป็นใคร คุณคิดว่าจะทนรักคนแบบนี้ต่อไปได้หรือ ได้โปรด กอร์ดอน... ฟังผมพูดสักนิด ผมรู้ว่ามันกะทันหัน แต่ถ้าคุณมีความสุขตอนที่เราอยู่ร่วมกัน ผมอยากให้คุณทบทวนข้อเสนอของผมดู”

   ช่างตัดเสื้อกะพริบตา ใช้เวลานานกว่าจะเอ่ยคำพูดออกมาได้ “คุณคงล้อผมเล่น... ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบจอห์น... แต่ได้โปรด... อย่าทำแบบนี้ ผมไม่ใช่เครื่องมือหรืออะไรที่คุณจะใช้ทำร้ายหรือเอาชนะเขา”

   “กอร์ดอน”

   ช่างตัดเสื้อวิ่งออกไปจากห้องอาหาร ลอร์ดฟาริงดอนทุบโต๊ะด้วยความหงุดหงิด

   “ให้ตาย”

   กอร์ดอนวิ่งขึ้นมาที่ห้อง ปิดประตูลงกลอนขังตัวเองเอาไว้ ตัวสั่นด้วยความตระหนกและตกใจ คำพูดของลอร์ดฟาริงดอนยังคงย้ำอยู่ในหัว

   ไม่ว่าฝ่ายนั้นจะหมายความอย่างที่พูดจริงๆ หรือมีจุดประสงค์แอบแฝงอื่น เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย แต่เขาควรจะทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้กัน...

----------------------------------

   แม้จะหงุดหงิดที่ถูกปฏิเสธ แต่ลอร์ดฟาริงดอนไม่ได้ตามกอร์ดอนไปที่ห้อง เขาคิดว่าช่างตัดเสื้อคงกำลังตกใจ แน่ล่ะ เป็นใครก็คงตกใจทั้งนั้น และในภาวะนั้นไม่สมควรอย่างยิ่งที่เขาจะไปตามเอาคำตอบต่อ ถึงอย่างไรตอนนี้กอร์ดอนก็อยู่กับเขา อาจจะต้องให้เวลาอีกสักพัก ไม่แน่ว่าพอหายตกใจแล้ว เจ้าตัวอาจจะยอมรับข้อเสนอของเขาก็ได้ พอคิดถึงตรงนี้ ริมฝีปากของลอร์ดหนุ่มก็มีรอยยิ้มเล็กๆ

   แมกซ์ต้องประหลาดใจแน่ ส่วนจอห์น... ช่างเรื่องนั้นเถอะ ถึงเขาจะเกลียดขี้หน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์ขนาดไหน แต่เขาแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ต้องการที่จะเอาชนะฝ่ายนั้นด้วยการพรากกอร์ดอนมาแน่ เขาได้ให้โอกาสไปแล้ว และลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ คนอย่างกอร์ดอนไม่สมควรจะต้องตาย หรือรับโทษ หรือแม้แต่ถูกเนรเทศไปอยู่ที่ไกลๆ แค่เพราะความไม่เอาไหนของฝ่ายนั้นหรอก

------------------------------------   

   กอร์ดอนรู้สึกละอายที่พ่อบ้านต้องยกอาหารเย็นขึ้นมาให้เขาถึงห้อง แต่ตอนนี้เขาไม่อาจลงไปสู้หน้าลอร์ดฟาริงดอนได้จริงๆ ดูเหมือนลอร์ดฟาริงดอนเองจะเข้าใจข้อนี้ เขาจึงฝากพ่อบ้านมาบอกว่าไม่ต้องเป็นกังวล คำพูดนั้นทำให้หัวใจของกอร์ดอนหวั่นไหว แต่เขารู้ตัวว่าไม่อาจรักลอร์ดฟาริงดอนในเชิงนั้นได้ สำหรับเขาลอร์ดฟาริงดอนเป็นคนที่น่าสนใจ และเป็นเพื่อนที่ดี แต่คนที่เขารักคือลอร์ดโทรว์บริดจ์คนเดียวเท่านั้น ผู้ชายคนเดียวในโลกที่เขาจะยอมให้สัมผัสอย่างเต็มใจ เมื่อคิดถึงฝ่ายนั้น น้ำตาของกอร์ดอนก็ไหลออกมา เขารู้ว่าตอนนี้ลอร์ดหนุ่มจะต้องกระวนกระวาย นี่เป็นช่วงเวลาที่เขาควรจะอยู่ด้วย พวกเขาทั้งคู่ควรจะฝ่าผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน อย่างน้อยๆ แค่อีกฝ่ายรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ก็ยังดี

   เสียงรถม้าดังแว่วมา กอร์ดอนรีบไปดูที่หน้าต่าง เขาจำได้ว่าวันนี้ลอร์ดฟาริงดอนมีธุระจะต้องออกไปข้างนอก เขามองรถม้าจนหายลับไป แล้วไปที่โต๊ะ เขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง จ่าหน้าถึงลอร์ดจอร์จ เฟลตัน

   กอร์ดอนรู้ว่าด้วยสถานการณ์ตอนนี้ เขาไม่มีทางไปยังคฤหาสน์ของลอร์ดโทรว์บริดจ์ หรือแม้แต่กลับไปยังบ้านพัก หรืออพาร์ตเม้นต์ของเขาได้ แต่เขาสามารถออกไปจากที่นี่ในระยะสั้นๆ เพื่อส่งจดหมาย เขาเคยลองคุยกับบรรดาคนรับใช้ในคฤหาสน์ รวมถึงโดโรธีแล้ว แต่ถูกปฏิเสธ กอร์ดอนเข้าใจว่าทุกคนภัคดีกับลอร์ดฟาริงดอน เขาจึงต้องใช้คนนอก ใครก็ได้ที่ขับรถผ่านมา

   กอร์ดอนเขียนจดหมายเสร็จก็หยิบเสื้อโค้ทมาสวม แล้วบอกคนรับใช้ว่าเขาอยากจะออกไปเดินเล่นสูดอากาศแถวเรือนกระจก ที่นั่นมักมีคนสวนประจำอยู่ แต่ด้านหลังค่อนข้างลับตาคน และที่รั้วมีประตูเล็กๆ สำหรับใช้ขนของเข้าออก ท่ามกลางอากาศหนาว กอร์ดอนต้องเดินก้มตัวผ่านทางด้านหลังของเรือนกระจกเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น เพราะเป็นจุดอับสายตา จึงไม่มีใครสนใจจะมาตักหิมะออก กอร์ดอนต้องก้มตัวและยกเท้าเดินผ่านหิมะที่กองสูงถึงหน้าแข้ง การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ในที่สุดเขาก็มองเห็นประตูรั้วเล็กๆ ที่ว่า มันปิดอยู่ กอร์ดอนเหลียวซ้ายแลขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น เขาจึงค่อยๆ เดินออกไปที่ประตู เป็นโชคดีที่ไม่มีการล็อกกุญแจ เขาจึงยกกลอนออก ทันทีที่เปิดประตู หิมะจำนวนหนึ่งก็หล่นลงมาถมเท้าของเขาจนจม ดูเหมือนถนนด้านหลังจะไม่มีการใช้งานเลยตั้งแต่ช่วงฤดูหนาว หิมะจึงกองสูงเป็นพิเศษ แต่กอร์ดอนไม่มีเวลาคิดแผนใหม่แล้ว เขาตัดสินใจก้าวเท้าลุยหิมะที่สูงท่วมเข่า ถึงถนนเส้นนี้จะไม่มีการใช้งาน แต่มันต้องเชื่อมกับถนนเส้นหลักแน่ ถ้าเขาเดินไปเรื่อยๆ จะต้องเจอรถสักคัน ขอแค่สักคันที่ยอมเอาจดหมายไปส่งให้

--------------------------------------

   ลอร์ดฟาริงดอนกลับจากคฤหาสน์ของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดก็แวะไปส่งลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่คฤหาสน์สามเส้า ก่อนจะกลับมาที่กรีนไวท์เทอร์เรส ทันทีที่เขาเข้าไปในตัวคฤหาสน์ หัวหน้าพ่อบ้านก็รีบเดินเข้ามาทันที

   “นายท่านครับ ผมเกรงว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กครับ”

   “อะไรนะ”

   “เมื่อเช้านี้ผมเอาอาหารไปให้เขาในห้องตามที่ท่านสั่ง เขายังคงอยู่ในห้องตามปกติ แต่ช่วงบ่ายผมเอาชาเข้าไป ปรากฏว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ห้องแล้ว มีคนเห็นเขาออกไปแถวเรือนกระจก ผมเลยออกไปตามหา แต่ก็ไม่เห็นเขาอยู่ข้างใน และที่ห้องก็ไม่มีวี่แววของเขา ผมเกรงว่าถ้ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กไม่หลงทางในสวนก็อาจจะหนีออกไปแล้ว”

   สีหน้าของลอร์ดฟาริงดอนแข็งขึ้นทันที เขาชะงักตัวทำให้คนรับใช้ที่กำลังถอดเสื้อโค้ทให้ต้องพลอยหยุดมือไปด้วย “แล้วหาในสวนทั่วแล้วหรือยัง”

   “กำลังหาอยู่ครับ”

   “ให้ตาย” ลอร์ดฟาริงดอนบ่น “ถ้าเขาหลงทางในสวนก็ดีไป แต่ถ้าเขาหนี นั่นก็เป็นอีกเรื่องนึงเลย แกว่าเขาไปที่เรือนกระจกใช่ไหม หาทั่วแล้วนะ”

   “ทั่วแล้วครับ มีรอยเท้าเขาเข้าไปที่นั่น แต่ไม่เห็นว่ามีออกมา”

   “เขาไม่หายไปเฉยๆ หรอก” ลอร์ดฟาริงดอนว่า เขาสวมเสื้อโค้ทกลับ แล้วมุ่งหน้าไปยังเรือนกระจกทันที มีรอยเท้าเข้าไปอย่างที่หัวหน้าพ่อบ้านรายงาน มองเห็นจางๆ เนื่องจากบริเวณนี้ถูกตักหิมะออกจนหมด ลอร์ดฟาริงดอนเดินตามร้อยเท้า มันไปสุดที่ประตูเรือนกระจก เขาเปิดประตูเรือนกระจก ไม่มีรอยเท้าอยู่ด้านใน ลอร์ดหนุ่มถอยหลังกลับมา มองไปรอบๆ อีกครั้ง เขามองเห็นรอยครูดจางๆ บนพื้นดินใกล้กับตัวเรือนกระจก

   “แกตรวจดูรอยครูดพวกนี้แล้วหรือยัง”

   “ไม่ได้ตรวจครับ กระผมคิดว่ามันรอยจากพลั่วที่ใช้โกยหิมะ”

   “พลั่วไม่น่ามีรอยแบบนี้” เขาพูด และเดินตามแนวรอยพวกนั้น ไปจนถึงด้านหลังเรือนกระจก เหนือหิมะที่กองสูง พวกเขาเห็นรอยเท้าได้อย่างชัดเจน

   “แกประเมินโอเดนเบิร์กต่ำเกินไป... ไม่สิ เราประเมินเขาต่ำเกินไป” ลอร์ดฟาริงดอนคราง “เขาลากบางอย่างตามหลังเพื่อกลบรอยเท้าของตัวเอง ฉลาดมาก ไปเอาม้ามา เขาต้องหนีออกทางประตูเล็กด้านหลังแน่”

   ลอร์ดฟาริงดอนขี่ม้าออกมาทางประตูเล็กด้านหลัง รอยเท้าของกอร์ดอนยังคงเห็นได้ชัด ลอร์ดหนุ่มนึกดีใจที่หิมะไม่ตกมาเพิ่มจนกลบร่องรอย แต่ก็อดกังวลไม่ได้ว่าอาจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น หิมะที่กองท่วมสูงไม่ใช่สิ่งที่จะเดินฝ่าไปได้ง่ายๆ แต่กอร์ดอนเดินออกมาได้ไกลทีเดียว เขาไล่ตามรอยมาเรื่อยๆ แม้อยากจะเร่งม้า แต่ความสูงของหิมะทำให้ทุกอย่างยาก แม้แต่ม้าเองก็ใช่ว่าจะเร่งฝีเท้าได้ง่ายๆ ความมืดค่อยๆ คืบคลานเข้ามา ลอร์ดฟาริงดอนไล่ตามรอยเท้าไปอย่างร้อนใจ ถ้ากอร์ดอนเดินไปจนถึงถนนใหญ่และขึ้นรถม้าไป เขาคงจะรู้สึกสบายใจกว่า ทว่าลอร์ดฟาริงดอนรู้ดีว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่มีรถม้าผ่านมาบ่อยนัก ถ้ากอร์ดอนไม่ได้ขึ้นรถม้าไปล่ะ... ถ้าเขาเดินไปไม่ถึงถนนใหญ่ล่ะ

   แล้วก็เป็นไปอย่างที่ลอร์ดฟาริงดอนกังวล ในที่สุดเขาก็พบฝ่ายนั้นนอนจมหิมะอยู่ ลอร์ดหนุ่มรีบกระโดดลงจากม้า ดึงตัวช่างตัดเสื้อขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ใบหน้าของเขาซีดเหมือนกระดาษ ริมฝีปากเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ ทว่ายังคงมีลมหายใจอ่อนๆ ลอร์ดฟาริงดอนผลักตัวเขาขึ้นไปบนม้า แล้วปีนขึ้นไปนั่งตาม พยุงตัวช่างตัดเสื้อให้นั่งลงบนหลังมา แล้วดึงเข็มขัดเสื้อโค้ทออกมา มัดเอวของพวกเขาไว้ด้วยกัน ก่อนจะควบกลับมายังคฤหาสน์ ท่ามกลางความตื่นตกใจของบรรดาคนรับใช้

   “เขาเป็นไงบ้างคะ” โดโรธีวิ่งเข้ามาถาม  และอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นสีหน้าของกอร์ดอน “พระเจ้า เขาตายแล้ว”

   “ยัง แต่ใกล้แล้วล่ะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “เตาผิงในห้องฉันจุดไว้หรือยัง”

   คนรับใช้คนหนึ่งตะโกนบอก “จุดไว้แล้วครับ”

   “ดี... ฉันจะพาเขาไปที่ห้อง พวกแกกลับไปจัดการงานของตัวเองได้แล้ว ถ้าพรุ่งนี้เราต้องทำศพ ก็ขอให้แน่ใจว่าห้องเย็นของเราว่างพอจะไว้ศพเขา”

   “ครับ”

   ลอร์ดฟาริงดอนอุ้มกอร์ดอนขึ้นไปบนห้อง ถอดเสื้อโค้ทของฝ่ายนั้นออก เขาเห็นว่าช่างตัดเสื้อยังคงมีลมหายใจ แต่รวยรินจนน่ากลัว มือเท้าของอีกฝ่ายเย็นชืด ให้รอความร้อนของเตาผิง เจ้าตัวอาจจะหนาวตายไปก่อนก็ได้ เขาสัญญาไว้แล้วว่ากอร์ดอนจะต้องปลอดภัย

   ให้ตายเถอะ

---------------------------------

   ความหนาวเหมือนความตายที่เดินเข้ามาอย่างเงียบๆ กอร์ดอนเคยได้ยินเรื่องคนหนาวตายมาอยู่บ้าง แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ตอนที่ล้มลง เขาพยายามบอกตัวเองไม่ให้หลับ แต่ช่างเป็นเรื่องยาก เมื่อร่างกายทุกส่วนไร้ความรู้สึกลงไปเรื่อยๆ ช่างตัดเสื้อภาวนาต่อพระเจ้า เขาแค่อยากออกมาส่งจดหมายบอกให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้ว่าปลอดภัยดี ไม่ได้ต้องการจะออกมาเพื่อตายท่ามกลางหิมะแบบนี้

   ขอทรงได้โปรดให้อภัยกับความโง่เขลาในครั้งนี้ และได้โปรดช่วยให้เขามีชีวิตรอดเพื่อไปพบกับคนคนนั้นด้วยเถอะ

   ท่ามกลางสติที่จมดิ่งลงไปในความมืดมิด กอร์ดอนสัมผัสได้ถึงไออุ่น เขารีบคว้าเอาไว้ แน่ใจว่านั่นคือลอร์ดโทรว์บริดจ์ ฝ่ายนั้นต้องออกมาตามหาเขาเหมือนเมื่อครั้งที่เขาถูกทิ้งไว้ในกระสอบ ขอบคุณพระเจ้า ที่ทำให้เขาได้กลับมาพบกับคนที่เป็นแสงสว่างคนนี้อีกครั้ง ที่ทำให้เขาได้สัมผัสกับไออุ่นเช่นนี้อีกครั้ง ความอบอุ่นนั้นค่อยๆ ซึมซาบเข้ามาในตัวเขา ขับไล่ความหนาวเหน็บและความมืดออกไป กอร์ดอนกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ผู้ให้ชีวิตของเขา แสงสว่างของเขา

   จอห์น...

   “....” กอร์ดอนปรือตาขึ้นมา รอบๆ ตัวมืดไปหมด ทว่าเขาสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างที่โอบกอดเขาเอาไว้อยู่ ช่างตัดเสื้อซุกหน้าลงบนอกของฝ่ายนั้น กระซิบเบาๆ

   “จอห์น... ผมดีใจจังที่ได้เจอคุณอีก”

   อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่จูบศีรษะเขาเบาๆ กอร์ดอนลูบมือไปบนเรือนร่างนั้น พบว่ามันเปลือยเปล่า แว้บแรกเขารู้สึกเขิน แต่เมื่อสัมผัสถึงรอยแผลนูนที่อยู่บนหว่างเอว เขาก็พูดขึ้น

   “คุณมีแผลตรงนี้ด้วยหรือ”

   ไม่มีเสียงตอบ แต่มือของเขาถูกอีกฝ่ายฉวยไว้ แล้วลูบลงไปบนร่างอีกครั้ง กอร์ดอนพบว่าไม่ได้มีแผลแบบนี้แค่ที่เดียว แทบเกือบจะทั้งตัวก็ว่าได้ ช่างตัดเสื้อรีบดึงมือออก แล้วยื่นไปคลำบนหัวไหล่ด้านซ้ายของเจ้าตัว

   ตรงนี้มีแผล แต่ไม่ใช่แผลที่เขารู้จัก

   กอร์ดอนผงะถอยหลัง แต่ถูกอีกฝ่ายใช้แขนรวบตัวไว้ “ผมไม่ใช่จอห์น... แต่ได้โปรด... ให้เราได้อยู่แบบนี้อีกสักพักได้ไหม”

   กอร์ดอนจำเสียงของเขาได้ เจ้าตัวตะกุกตะกักออกมา “ละ... ลอร์ดฟาริงดอน”

   “เรียกผมว่าไมครอฟต์เถอะ” เจ้าตัวพูดขึ้น ก่อนจะใช้มือเลิกผ้าห่มขนสัตว์ออก กอร์ดอนจึงพบว่าเขาอยู่บนเตียงที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ภายในห้องนอนที่มีเตาผิงขนาดใหญ่ และที่สำคัญร่างเขาที่อยู่ใต้ผ้าห่มเปลือยเปล่า และร่างของลอร์ดฟาริงดอนที่อยู่ด้วยกันก็เปลือยด้วย ช่างตัดเสื้อผงะอีกครั้ง

   “คะ... คุณทำอะไรผม”

   “คุณกำลังจะหนาวตาย” ลอร์ดฟาริงดอนพูด ยังคงไม่ปล่อยอีกฝ่ายให้พ้นวงแขน “ผมไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกิน แต่นี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยชีวิตคุณเอาไว้ได้”

   “ดะ... ด้วยวิธีนี้หรือ”

   “อืม... ไม่ได้หลอกอำคุณหรอกนะ ผมมีประสบการณ์เกือบจะหนาวตายตอนเด็กๆ และก็ได้รับการช่วยเหลือด้วยวิธีนี้เหมือนกัน”

   ดวงตาสีเทาซีดที่จ้องมาบอกให้ช่างตัดเสื้อรู้ว่านี่ไม่ใช่คำโกหก กอร์ดอนหวนนึกถึงรอยแผลเป็นที่เขาสัมผัสไปเมื่อครู่

   “แผลบนตัวของคุณ...”

   “อ้อ... นั่นก็เป็นของที่ระลึกจากชีวิตสมัยเด็กเหมือนกัน โชคดีที่ในรอบห้าปีมานี้ ผมยังไม่มีแผลใหม่”

   กอร์ดอนมองลอร์ดฟาริงดอนด้วยความตระหนก “เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่ครับ”

   “มากมาย” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “แต่ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลหรอก มันเป็นงาน เป็นสิ่งที่ผมต้องทำและรับผิดชอบ รอยแผลพวกนี้คือสิ่งเตือนใจไม่ได้ให้เราทำพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง และเป็นหลักฐานการรอดชีวิตของผมมาจนถึงทุกวันนี้ ก็แค่นั้นเอง ได้โปรด... อย่าถามอะไรมากไปกว่านี้เลยนะ มันไม่ใช่เรื่องที่คุณสมควรจะต้องรู้หรอก”

   “แต่... คุณเคยยื่นข้อเสนอว่าอยากให้ผมมาอยู่ด้วย... ผมจะอยู่กับคุณได้อย่างไร ถ้าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”

   ลอร์ดฟาริงดอนคลี่ยิ้มออกมา เขาก้มลงจูบศีรษะของอีกฝ่ายเบาๆ “คุณเหมือนดอกกุหลาบในสวนของคนอื่น... และผมไม่ใช่ผู้ชายที่จะใช้กำลังแย่งชิงมาแค่เพื่อเอาชนะเจ้าของหรอก... ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าหัวใจคุณเป็นของจอห์น คุณยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้พบเขา ทั้งที่ตัวเองอาจจะตายก็ได้ ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ใครสักคนที่รักเรายิ่งกว่าชีวิตตัวเอง ผมอิจฉาจอห์น แต่ผมไม่มีความคิดที่จะเกลี้ยกล่อมหรือบังคับให้คุณมาอยู่ร่วมกันกับผมอีกแล้ว ผมไม่อยากเป็นตัวแทนเขา”

   “ขะ... ขอโทษด้วยนะครับ”

   “ไม่เป็นไรหรอก คุณเป็นคนจิตใจดี กล้าหาญ แล้วก็ฉลาดมาก คุณใช้วีธีไหนกลบรอยเท้าของตัวเอง บอกผมได้ไหม”

   “เอ่อ... ผมรื้อเจอผ้าพันคอไหมในตู้ เห็นมันเบาดี ก็เลยหยิบติดมือมาด้วย ตอนแรกกะว่าจะใช้มันกวาดรอยเท้า แต่ดูเหมือนจะเบาไป เลยเอาหินมาถ่วงไว้ แล้วลากตามหลังไป”

   “เสียดายจริงๆ ที่คนที่คุณรักไม่ใช่ผม” ลอร์ดฟาริงดอนว่า แล้วผุดลุกขึ้น “ผมจะออกไปบอกข่าวดีกับทุกคน ว่าคุณฟื้นแล้ว โดโรธีเป็นห่วงคุณมาก เธอเกือบเป็นลมตอนที่เห็นคุณถูกหามเข้ามาในสภาพเหมือนกันตายไปแล้ว”

   “ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เป็นห่วงกัน” กอร์ดอนว่า เขาเห็นรอยแผลเป็นจำนวนมากบนร่างของลอร์ดฟาริงดอน แม้จะรู้สึกสะทกสะท้อน แต่คำตอบของเจ้าตัวทำให้เขารู้ว่าฝ่ายนั้นไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร

   “ผมแค่อยากจะออกไปส่งจดหมาย”

   “อะไรนะ” ลอร์ดฟาริงดอนชะงักมือที่กำลังติดกระดุม เขาหันไปมองช่างตัดเสื้อที่ยังคงห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่มขนสัตว์

   “ผมแค่ตั้งใจจะออกไปส่งจดหมาย บอกจอห์นว่าผมยังมีชีวิตอยู่และสบายดี ผมคิดว่าถ้าออกไปตามถนนด้านหลังจะไปถึงถนนใหญ่แล้วฝากรถม้าสักคันเอาจดหมายไปส่งให้เขา... แต่หิมะสูงมาก ผมโง่เองที่ทำแบบนั้นลงไป ถ้าไม่ได้คุณช่วย ผมคงตายไปจริงๆ”

   ลอร์ดฟาริงดอนขมวดคิ้วพลางสั่นศีรษะ “คุณแค่จะออกไปส่งจดหมายหรือ... แค่ส่งจดหมายเนี่ยนะ”

   “ใช่สิครับ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะออกไปจากที่นี่ได้หรอก ต่อให้ผมเจอรถม้าแล้วขอโดยสารออกไป แต่ผมจะไปพักที่ไหนล่ะครับ ถ้ามีคนต้องการกำจัดผมอย่างที่คุณว่า ผมคงกลับไปที่บ้านไม่ได้แน่ เพราะอย่างนั้นผมจึงคิดว่าจะออกไปส่งจดหมาย เพราะไม่มีใครที่นี่ยอมไปส่งให้ผมเลย”

   “โอ้... ให้ตาย ผมควรจะไปต่อยจอห์น หรือต่อยตัวเองดีล่ะเนี่ย” ลอร์ดฟาริงดอนว่า เขากลัดกระดุมเสื้อจนเสร็จแล้วหันมาหากอร์ดอนอีกครั้ง “เอาล่ะ... ผมเห็นถึงความพยายามต้องการจะบอกจอห์นของคุณแล้ว และผมมีข่าวดี ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดรู้แล้วว่าคุณยังปลอดภัยดี และจอห์นเองก็น่าจะรู้แล้วด้วย”

   “จริงหรือครับ คุณบอกพวกเขาหรือ”

   “เปล่า” ลอร์ดฟาริงดอนสวมเสื้อผ้าจนเสร็จ แล้วนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง “ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดไปหาพ่อผมที่บ้าน เขาอ้อนวอนให้ปล่อยตัวคุณ แต่พวกเราต้องทำตามกฎ ตราบได้ที่คู่สัญญาไม่มีคำสั่งอย่างอื่นเพิ่มเข้ามา สิ่งที่พวกเขาร้องขอจะถูกจัดการจนสำเร็จ ไม่ว่าใครก็ก้าวก่ายเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะงั้น ตอนนี้คุณถึงยังต้องอยู่ที่นี่ไงล่ะ”

   “แล้วจอห์นล่ะครับ เขาเป็นไงบ้าง”

   “แมกซ์บอกผมว่าเขาตรอมใจ แต่ดูเหมือนจะคิดได้แล้วว่าต้องลุกขึ้นสู้เพื่อสิ่งที่เขาเคยรับปากกับคุณไว้ ผมว่าเขาคงเริ่มสงสัยแล้วล่ะว่าผมจะเป็นคนกักตัวคุณไว้ เพียงแต่ยังหาหลักฐานไม่ได้”

   “ผมไม่อยากทำให้คุณกับจอห์นต้องหมางใจกัน คุณช่วยเหลือผมไว้”

   “ไม่เป็นไรหรอก ผมกับจอห์นต่อให้ไม่มีเรื่องของคุณ ก็ไม่ใช่คนที่จะลงรอยกันได้อยู่แล้ว”

   “ทำไมพวกคุณถึงไม่ถูกกันล่ะครับ”

   “คงเพราะนิสัยคล้ายๆ กันล่ะมั้ง อีกอย่าง เขาแย่งน้องชายผมไป แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวผมก็ไม่ควรญาติดีกับเขาแล้วล่ะ”

   “ยังไงผมก็จะบอกเขาว่าคุณเป็นคนที่ช่วยชีวิตผม ถ้าไม่มีคุณผมอาจจะตายไปแล้วก็ได้”

   “ผมไม่คิดหรอกนะว่าจอห์นจะฟัง แต่ก็ขอบใจมาก... ผมรู้ว่าคุณเป็นคนดี และเรื่องนี้ผมก็มีส่วนผิด” เขาผุดลุกขึ้นอีกครั้ง

   “คุณหิวไหม ผมจะให้พ่อบ้านยกอาหารกับเสื้อผ้าเข้ามาให้” เขาเดินไปรินบรั่นดีใส่แล้วแล้วยื่นให้ช่างตัดเสื้อ “ดื่มเสียหน่อย ฉลองที่คุณกลับมาจากความตายได้”

   กอร์ดอนยันตัวลุกขึ้น แล้วรับแก้วบรั่นดีมาจิบ “ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม”

   “ไม่เป็นไร บอกแล้วไงว่าเรื่องนี้ผมก็มีส่วนผิดด้วย พักผ่อนเถอะ อยากดื่มอะไรก็ดื่มเลย ไม่ต้องเกรงใจนะ เดี๋ยวผมจะให้คนเอาฟืนมาเติมให้ด้วย”

   “ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”

    ลอร์ดฟาริงดอนมองเขา ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

------------------------------------

(มีต่อ)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   โดโรธีดีใจมากที่เห็นกอร์ดอนมาหาเธอที่ห้องเย็บผ้า “โอ้ มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ขอบคุณพระเจ้าที่คุณยังมีชีวิตอยู่ ฉันดีใจเหลือเกินค่ะ”

   “ขอโทษนะครับที่ทำให้เป็นห่วงกัน”

   “ไม่มีใครคิดเลยนะคะว่าคุณจะหนีออกไปแบบนั้น”

   “เอ่อ... ที่จริงผมไม่ได้จะหนี แค่อยากออกไปส่งจดหมายเฉยๆ”

   “อะไรนะคะ”

   กอร์ดอนแบมือ “ผมแค่จะออกไปส่งจดหมาย แต่นั่นแหละ มันเป็นเรื่องโง่จริงๆ ผมคงตายไปแล้วถ้านายท่านของคุณไม่ช่วยเอาไว้”

   “โอ... จดหมายนั่นสำคัญมากขนาดนั้นเลยหรือคะ นายท่านกำชับพวกเราว่าห้ามไม่ให้ส่งข่าวของคุณไปถึงคนนอก เพราะเขาเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยค่ะ”

   “ครับ ผมทราบเรื่องนั้น ถึงได้บอกไงล่ะครับว่าผมโง่เอง”

   “อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ ฉันรู้ว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก คุณถึงยอมเสี่ยงชีวิตแบบนั้น แล้วคุณบอกเรื่องนี้กับนายท่านหรือยังคะ”

   “อ้อ ครับ ผมบอกแล้ว เขาดูประหลาดใจเหมือนคุณนี่แหละ”

   “แล้ว... เขาอนุญาตให้คุณส่งจดหมายออกไปรึเปล่าคะ”

   “คงไม่ต้องแล้วล่ะ ดูเหมือนคนที่ผมอยากส่งจดหมายให้เขาจะรู้ข่าวของผมแล้ว”

   “โอ...”

   “แค่รู้ว่าผมปลอดภัยดีน่ะ”

   โดโรธีพยักหน้า “นายท่านให้ความสำคัญกับคุณมากนะคะ นอกจากลอร์ดแมกซ์แล้ว ก็มีแต่คุณนี้ล่ะค่ะที่เขาเชิญมาพักอยู่ด้วย ปกติแล้วนายท่านไม่เชิญใครมาพักที่นี่หรอกนะคะ”

   “งั้นหรือครับ”

   “ค่ะ อย่างที่ฉันเคยบอก เขาแทบไม่มีเวลาอยู่ที่นี่เลย และเขามักชอบที่จะอยู่คนเดียวเมื่อมีเวลาว่าง คุณต้องมีบางอย่างที่ทำให้เขาประทับใจมาก ฉันคิดว่าเป็นแบบนั้นค่ะ... ฉันเองยังรู้สึกประทับใจคุณเลย” เธอพูดอย่างเขินๆ “ภายนอกคุณอาจจะดูไม่น่าสนใจ แต่ฉันรู้สึกว่าคุณเป็นคนจิตใจดี และอบอุ่นค่ะ น่าประหลาดใจมากที่คุณยังไม่แต่งงาน... ขอโทษนะคะ คือฉันไม่เห็นแหวนที่นิ้วคุณเลยน่ะค่ะ”

   “อ้อ... ผมยังไม่ได้แต่งงานจริงๆ อย่างที่คุณว่านั่นแหละครับ” กอร์ดอนยอมรับ “งานที่ร้านของผมค่อนข้างยุ่ง ผมไม่มีเวลาออกไปหาสาวหรอกครับ”

   “งะ... งั้นหรือคะ ถ้าคุณกลับไปที่ร้านแล้ว... อนุญาตให้ฉันแวะไปเยี่ยมคุณได้ไหมคะ บางทีฉันก็เข้าเมืองไปกับพวกผู้ชาย เพื่อซื้อของน่ะค่ะ”

   “ได้สิครับ ด้วยความยินดี”

   ลอร์ดฟาริงดอนอยู่ที่ห้องหนังสือ เขาเพิ่งได้รับโทรเลข ตอนที่กอร์ดอนเดินเข้ามา

   “เจอโดโรธีแล้วหรือ”

   “ครับ ผมเสียใจที่ทำให้เธอต้องเป็นห่วงขนาดนั้น”

   “เอาน่า ผมว่าเธอชอบคุณนะ”

   “อะไรนะครับ”

   ลอร์ดฟาริงดอนมองเขา จากนั้นก็ยิ้มแล้วสั่นศีรษะ “นี่คุณดูไม่ออกหรือ เธอชอบคุณตั้งแต่ช่วงที่พบกันแรกๆ เลย คุณทำให้เธอเป็นปลื้มอยู่นะ ด้วยฝีมือการเย็บผ้า แล้วก็อะไรดีล่ะ... แต่ผมเข้าใจที่เธอเป็นแบบนั้นนะ เพราะมันเป็นตัวคุณนั่นล่ะ”

   “เอ่อ... ผมจะทำให้เธอผิดหวังรึเปล่าครับ”

   “อ้อ ไม่หรอก เธออาจจะชอบคุณก็จริง แต่คงไม่ถึงกับหวังอยากแต่งงานกับคุณหรอก ผมว่าคงออกแนวปลื้มๆ น่ะ”

   “เธอเพิ่งขอไปเยี่ยมผมหลังจากที่เรื่องนี้จบลงแล้ว”

   “ดี งั้นผมจะพาเธอไปด้วย ตอนที่ผมไปร้านคุณ”

   “คุณแน่ใจนะครับว่านี่ไม่ใช่การให้ความหวัง”

   ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะ “ผมไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นการให้ความหวังรึเปล่า ผมแค่คิดว่าถ้าโดโรธีอยากจะพบคุณ เธอควรจะได้พบ ทำไมต้องห้ามไม่ให้เธอไปพบคุณล่ะ”

   “ก็จริงของคุณครับ”

   “นั่งสิ” ลอร์ดฟาริงดอนชี้มือลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับโต๊ะที่เขานั่งอยู่ “ผมได้รับโทรเลขจากพ่อ ดูเหมือนจอห์นจะสู้เพื่อเรื่องของคุณได้ดีทีเดียว พ่อบอกว่าลอร์ดบาธอยากให้ปล่อยตัวคุณ เขาให้ผมเข้าไปพบในช่วงหัวค่ำ มันต้องเป็นมื้อเย็นที่กร่อยสนิทแน่ๆ”

   กอร์ดอนรู้สึกหัวใจตัวเองเต้นแรง “อย่างนั้นหรือครับ...” เสียงของเขาหายไป ความตื้นตันจุกขึ้นมาจนถึงคอ พร้อมด้วยน้ำตาใสๆ ที่ไหลคลอเบ้า ลอร์ดฟาริงดอนเบือนหน้าไปทางอื่น

   “ผมคงต้องคุยกับพ่อเรื่องนี้ ปล่อยตัวคุณน่ะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ผมเป็นห่วงคือหลังจากนี้ต่างหาก อะไรจะทำให้แน่ใจว่าลอร์ดหรือเลดี้บาธจะไม่ไปแจ้งความให้จับคุณข้อหาประพฤติผิดทางเพศร้ายแรง จริงๆ แล้วนี่เป็นเรื่องที่เขาเขียนไว้ในจดหมายที่ส่งมาหาพ่อผม เขาอยากให้เราบีบให้คุณต้องถอนตัวไป ไม่อย่างนั้นก็แจ้งความจับคุณเสีย”

   “....”

   “ถ้าคุณถูกตำรวจจับ แม้แต่จอห์นเองก็คงจะทำอะไรไม่ได้ ผมจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เพราะงั้น ช่วยทนอยู่ที่นี่อีกสักพักเถอะนะ จนกว่าผมจะแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ผมจะให้คุณได้พบกับจอห์น จะไม่รั้งคุณไว้อีก”

   กอร์ดอนพยักหน้า “ขอบคุณนะครับ”

----------------------------------

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้องเอาเสียเลย ท่านตาของเธอกำลังอยู่ในภาวะโกรธเกรี้ยว เขาโทษว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เป็นเรื่องยากที่เธอจะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่ให้ท่านตาของเธอเข้าใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เองก็เช่นกัน คงมีแค่กอร์ดอนเพียงคนเดียวที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในอาณัติของลอร์ดสวินดัน เธอควรจะทำอย่างไรดี

   แล้วเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนก็คิดออก เธอเขียนจดหมายถึงลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เชิญเขามาดื่มชาที่คฤหาสน์ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย การเดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา ทำให้เธอสนิทกับเขาพอสมควร เธอรู้ว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เป็นเพื่อนรักของลอร์ดโทรว์บริดจ์ และยังเป็นน้องชายฝาแฝดของลอร์ดฟาริงดอน แม้ฝ่ายนั้นจะดูซื่อๆ แต่ก็ไม่ได้โง่ เธอมีแผนการบางอย่าง และคิดว่าเขาน่าจะช่วยได้

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มาตามคำเชิญ เขามาพร้อมกับมิสเฮเก้นต์ เธอเป็นผู้หญิงที่เฉลียวฉลาด เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนชอบเธอ และดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง หลังจากทักทายกันเรียบร้อยแล้ว เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจึงเริ่มพูดถึงแผนการของเธอ

   “แมกซ์ ฉันรู้ว่าคุณรักไมครอฟต์มาก เขาเป็นพี่ชายของคุณ แต่ฉันคิดว่าเขารู้ว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กอยู่ที่ไหน”

   “ผมพิสูจน์เรื่องนั้นไม่ได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่ผมบอกได้ว่าพี่ชายผมทุกข์ใจกับเรื่องนี้มากไม่แพ้กัน”

   “จะรบกวนมากไหมถ้าฉันจะขอให้คุณพาฉันไปเยี่ยมเขาหน่อย ที่คฤหาสน์ของเขาน่ะ”

   “คุณจะให้ผมไปสอดแนมพี่ชายตัวเองหรือ”

   “ฉันแค่ต้องการไปเยี่ยมเขาเฉยๆ ฉันน่ะ... ไม่ใช่คุณ”

   “นั่นสิคะแมกซ์ เราน่าจะแวะไปเยี่ยมเขาหน่อย ถ้าเขาไม่มีอะไรปิดบังเอาไว้ มันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องเสียหายไม่ใช่หรือคะ อีกอย่างเราไม่ได้ไปสอดแนม เราแค่ไปเยี่ยมเขาเท่านั้นเอง”

   “ก็ได้ แค่ไปเยี่ยมเท่านั้นนะ ผมไม่อยากให้มีอะไรแอบแฝงไปมากกว่านั้น”

   “พูดแบบนี้เหมือนคุณกำลังร่วมมือกับเขาปิดบังบางอย่างอยู่เลยค่ะ” มิสเฮเก้นต์พูดขึ้นมา “คุณแน่ใจนะคะว่าอยากจะช่วยจอห์นเรื่องนี้จริงๆ”

   “ผมอยากจะช่วยเขา แต่ผมไม่อยากให้ไมกี้รู้สึกว่าถูกน้องชายตัวเองสอดแนม มันไม่ใช่ความรู้สึกที่เข้าท่าหรอกนะ”

   “ฉันเข้าใจเรื่องนั้นแล้วค่ะ วางใจเถอะนะคะ คุณไปส่งฉันที่นั่น แล้วกลับออกมาก็ได้ ฉันแน่ใจว่าสามารถรับมือเขาได้ค่ะ”

   “ไม่ได้หรอก ผมจะทิ้งคุณไว้คนเดียวได้ยังไง”

   “ฉันอายุยี่สิบแล้วนะคะ ผู้หญิงอายุยี่สิบสามารถเดินทางไปไหนมาไหนเองโดยไม่ต้องมีผู้ชายไปด้วยได้แล้ว ฉันเพียงแค่ไม่รู้จักที่อยู่ของเขาเท่านั้นเอง”

   “เราพาเธอไปเถอะค่ะ” มิสเฮเก้นต์หันไปบอกคู่หมั้นของเธอ “แคทเธอรีนเป็นผู้หญิงที่ฉลาด เธอรับมือพี่ชายคุณได้แน่ คุณเองก็จะได้ไม่ต้องกระอักกระอวนเรื่องนี้ด้วย”

   “แต่...”

   “ถือเสียว่าฉันขอร้องเถอะนะคะ เพื่อกอร์ดอน ที่เราต้องทำก็แค่พาแคทเธอรีนไปส่งที่บ้านของพี่ชายคุณเท่านั้นเอง”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดรู้สึกแปลกใจเมื่อได้รู้ว่าหลานสาวจะออกไปเยี่ยมลอร์ดฟาริงดอนที่คฤหาสน์

   “ทำไมหลานถึงอยากจะไปเยี่ยมเขาล่ะ”

   “อยากจะคุยกับเขาเรื่องเบนน่ะค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนตอบท่านตาของเธอ “ดูเหมือนเขาจะรู้อะไรเยอะมาก”

   “เขารู้เยอะมากจริงๆ ตายอมรับ แต่ไม่ใช่เรื่องที่หลานจะต้องไปคุยหรอกนะ”

   “ท่านตาไม่อยากให้หนูไปพบเขาหรือคะ... เขาไม่ใช่จอห์นเสียหน่อย อีกอย่างถ้าไม่ได้เขา หนูคงจะถูกหลอกไปแล้ว”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมองหลานสาวอีกครั้ง “แน่ใจนะว่าอยากไปพบเขาเพราะเรื่องนี้จริงๆ ไม่ใช่เรื่องอื่น”

   “จริงสิคะ หนูยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้อยากไปพบเขาได้อีกล่ะคะ”

   อีกฝ่ายขยับปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เปลี่ยนใจ “ก็ได้ แต่ระวังตัวไว้หน่อยล่ะ ไมครอฟต์ไม่ใช่ผู้ชายที่มือไวก็จริง แล้วก็เป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง แต่เขาไม่ใช่คนน่าคบหาหรอกนะ”

   “เหมือนพ่อเขาหรือคะ”

   อีกฝ่ายไม่ตอบ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจึงผุดลุกขึ้น “งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ สัญญาค่ะว่าจะดูแลตัวเองอย่างดี หนูไม่หลงคารมคนอย่างไมครอฟต์แน่”

   “ผมไม่แน่ใจหรอกนะว่าเขาจะอยู่ที่คฤหาสน์หรือเปล่า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดระหว่างที่ทั้งหมดนั่งอยู่บนรถม้าที่กำลังมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของลอร์ดฟาริงดอน เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดขึ้นแข่งกับเสียงล้อรถบดถนน

   “ถ้าเขาไม่อยู่ก็ดีสิคะ ฉันจะขอให้คุณพาชมที่นั่นเสียเลย”

   “นั่นเท่ากับว่าผมร่วมมือกับคุณสอดแนมพี่ชายตัวเองนะ”

   “ก็ได้ค่ะ ถ้าเขาไม่อยู่ ฉันจะกลับ แต่ถ้าเขาอยู่ คุณก็ส่งฉันที่นั่นแล้วกลับได้เลย”

   “แล้วจะให้เรามารับคุณกี่โมงดีคะ” มิสเฮเก้นต์ถามขึ้น เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนนิ่งคิดไปอึดใจ ก่อนจะตอบออกมา

   “ไม่ต้องหรอกจ้ะ ฉันคิดว่าฉันสามารถเกลี้ยกล่อมให้ไมครอฟต์ไปส่งที่คฤหาสน์ได้ ใช่ไหมแมกซ์ เขาคงไม่ใช่สุภาพบุรุษที่จะปล่อยให้สุภาพสตรีต้องรอคนมารับที่คฤหาสน์ของตัวเองหรอก”

   “ไมกี้ไม่ใช่คนไร้มารยาท เขาต้องมาส่งคุณแน่”

   “เพราะงั้นนะแมกซ์... คุณก็วางใจเรื่องนี้ได้ว่ามันจะไม่ส่งผลถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพี่ชาย ถ้าจะมีการสอดแนมอะไรเกิดขึ้นที่นั่น มันก็เป็นฝีมือของฉัน”

    ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ให้ตายเถอะ แคทเธอรีน ผมคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้มาตลอดเสียอีก”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหัวเราะ “นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากให้คนทั่วไปเห็นน่ะค่ะ แต่ที่จริงแล้วฉันเป็นผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์แล้วก็ร้ายกาจมาก”

   มิสเฮเก้นต์หัวเราะชอบใจ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น “แต่ไมกี้ไม่ใช่ผู้ชายที่ถูกผู้หญิงหลอกเอาได้ง่ายๆ หรอกนะ และเขาคงจะไม่ชอบด้วย ผมอยากให้คุณระวังเรื่องนี้ให้ดี”

   “ตกลงค่ะแมกซ์ ฉันจะไม่ทำให้พี่ชายคุณต้องหัวใจสลาย รวมถึงคุณด้วย”

(มีต่อ)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   ลอร์ดฟาริงดอนรู้สึกประหลาดใจตอนที่คนรับใช้วิ่งเข้ามาบอกเขาว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แวะมาที่คฤหาสน์ แต่ต้องประหลาดใจยิ่งว่า เมื่อพบว่าคนที่รออยู่ในห้องรับรองไม่ใช่น้องชายฝาแฝดของเขา แต่เป็นสุภาพสตรีที่มีเรือนผมสีทองหยักเป็นลอน และมีดวงตาสีฟ้าใสเหมือนกับสีของท้องฟ้า ผู้หญิงที่สวยจนผู้ชายทุกคนต้องหยุดเหลียวมอง

   “สวัสดีแคทเธอรีน ผมแปลกใจมากที่เห็นคุณที่นี่ คนรับใช้บอกผมว่าแมกซ์แวะมาเยี่ยม”

   “อ้อค่ะ... ฉันบังคับให้เขามาส่งที่นี่เอง ตอนนี้เขากลับออกไปแล้ว ฉันไม่อยากให้ลำบากใจน่ะค่ะ”

   “ท่าทางของคุณดูแตกต่างจากที่เราเจอกันเมื่อคราวก่อนลิบลับเลยนะ ดูเหมือนคุณจะเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจเข้มแข็งทีเดียว”

   “ต้องขอบคุณวิธีการบอกข่าวร้ายของคุณน่ะค่ะ ฉันคิดว่าคงไม่ได้เจอแบบนี้บ่อยๆ”

   “ผมจะถือว่านั่นเป็นคำชมก็แล้วกันนะ ว่าแต่คุณมีธุระอะไร คงไม่ใช่จะมาคุยเรื่องของเบนจามินหรอก”

   “ทำไมฉันถึงจะไม่คุยเรื่องของเขาล่ะคะ”

   “เพราะท่าทางของคุณมันบอกอยู่โต้งๆ ว่าคุณไม่อาลัยเขาอีกแล้วน่ะสิ บอกผมมาตรงๆ ดีกว่า คุณมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจ้องหน้าคู่สนทนา “ฉันมาที่นี่ เพื่อจะถามคุณตรงๆ ว่า คุณซ่อนตัวมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเอาไว้หรือเปล่าคะ”

   “ว้าว... นี่สิที่เหนือคาดหมายของจริง ผมจะไม่ถามหรอกนะว่าทำไมคุณถึงคิดว่าเขาอยู่กับผม แต่ผมจะถามว่า ทำไมคุณถึงต้องเดือดร้อนมาเป็นธุระกับเรื่องนี้ด้วย”

   “เพราะเขาเป็นหลานชายเพื่อนสนิทของท่านตาฉัน ในฐานะหลานสาวของเขา ฉันควรจะทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านตาสบายใจขึ้น”

   “งั้นผมคงต้องบอกคุณว่า เสียใจด้วยที่คุณเสียเวลาโดยใช่เหตุ เพราะตอนนี้ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดให้รับคำยืนยันแล้วว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กปลอดภัยดี แต่เรายังไม่สามารถยืนยันที่อยู่ของเขาได้ เพราะเขาถูกส่งไปที่ไกลมากๆ”

   “แน่ใจหรือคะ”

   “แน่ใจสิ”

   “แน่ใจหรือคะว่าคุณไม่รู้จริงๆ ว่าเขาอยู่ที่ไหน... ฉันได้ยินมาว่าคุณมีความรู้สึกบางอย่างกับเขาเป็นพิเศษ แบบที่มากกว่าเพื่อนธรรมดาทั่วไป”

   ลอร์ดฟาริงดอนจ้องหน้าเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเขม็ง “ใครบอกคุณเรื่องนี้ แมกซ์หรือ”

   “เปล่าค่ะ จอห์นต่างหาก คุณไม่ต้องโมโหแมกซ์ไปหรอกนะคะ เขาแค่ถูกฉันบังคับให้มาส่งเท่านั้น เขาภักดีและเชื่อถือคุณมาก ฉันไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณสองคนต้องเกิดรอยร้าวเพราะเรื่องนี้หรอกค่ะ”

   “อ๋อ... แน่นอน ผมกับแมกซ์ผูกพันกันลึกซึ้งเกินกว่าจะถูกทำลายโดยคำพูดไม่กี่คำของผู้หญิงหรอก”

   “งั้นฉันก็ค่อยสบายใจหน่อย ที่ได้รู้ว่าคุณไม่ใช่คนอ่อนไหวแบบนั้น”

   “....”

   “สรุปแล้วคุณยอมรับสินะคะว่ามีความรู้สึกแบบนั้นกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กจริง นั่นจะทำให้ฉันแปลกใจมากถ้าคุณไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”

   “เอาล่ะ” ลอร์ดฟาริงดอนยกมือ “ผมไม่ปฏิเสธก็ได้ แต่ในเมื่อคุณรู้เรื่องนี้ คุณก็ต้องรู้ด้วยสินะว่าจอห์นเองก็มีความรู้สึกที่ผิดธรรมดากับโอเดนเบิร์กเหมือนกัน”

   “ฉันรู้เรื่องนั้นหรอกค่ะ”

   “จอห์นเล่าให้คุณฟังหรือ แปลกใจนะเนี่ย”

   “เปล่าค่ะ ฉันจับไต๋เขาได้เอง เขาไม่ใช่ผู้ชายที่เก่งเรื่องปิดบังความรู้สึกหรอกค่ะ”

   “อันนั้นผมเห็นด้วย แต่ที่น่าประหลาดใจคือคุณดูเฉยกับเรื่องนี้มากนะ”

   “จอห์นเป็นเพื่อนที่ดีค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “และเขาเป็นคนดี ฉันคิดว่าความรู้สึกที่เขามีให้มิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นของจริง ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรู้สึกรังเกียจนี่คะ”

   ลอร์ดฟาริงดอนมองเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนด้วยสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “คุณเป็นสุภาพสตรีที่ใจกว้างน่าดู”

   “ส่วนคุณเองคงจะไม่ใช่สุภาพบุรุษใจคับแคบ ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะใครสักคนหรอกใช่ไหมคะ”

   “นั่นมันจอห์น” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “แต่ถ้าคุณหมายถึงเรื่องของโอเดนเบิร์ก ผมรู้สึกเสียใจจริงๆ นะที่คุณคิดแบบนั้น ถึงผมจะเกลียดขี้หน้าจอห์น แต่ผมไม่เอาความรู้สึกตัวเองมาล้อเล่นแบบนี้หรอก”

   “งั้นหรือคะ... คุณคงต้องแสดงให้เห็นหน่อยล่ะค่ะ ว่าที่พูดมาไม่ใช่แค่ลมปาก”

   “จะให้ผมทำไง พาตัวโอเดนเบิร์กกลับมางั้นหรือ”

   “เป็นเรื่องที่เหมาะควรไม่ใช่หรือคะ”

   ลอร์ดฟาริงดอนแยกเขี้ยวยิ้ม “ผู้หญิงที่เป็นลมที่เดอะรูลคนนั้นใช่คนเดียวกับคุณจริงๆ หรือ... ผมนึกไม่ออกเลยว่าเบนจามินหลอกคนอย่างคุณได้ยังไง”

   “เขาอาจจะรักฉันจริงๆ ก็ได้ค่ะ” ดวงตาของเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนสั่นไหวเล็กน้อย “แต่นั่นเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ตอนนี้เขาไม่สำคัญกับชีวิตของฉันอีกแล้ว”

   “น่าเสียดายนะ ถ้าเขารักคุณจริง ผมพอจะหาวิธีทำให้เขากลับมาพบคุณอีกครั้งได้นะ”

   “ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องทำให้ฉันไขว้เขวหรอกค่ะ ฉันมีศักดิ์ศรีพอที่จะไม่ยอมรับผู้ชายที่ทิ้งฉันไปโดยไม่บอกไม่กล่าว คุณจะพูดถึงเขายังไงก็ช่าง แต่สำหรับฉัน เขาไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว”

   “ฟังแล้วเจ็บจี๊ดแทนเบนจามินจริงๆ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “แต่ผมยังคงยืนยันเหมือนเดิม ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเขาอยู่ที่ไหน หรือถ้าผมรู้ ผมก็ไม่มีเหตุผลจะต้องบอกคุณ... และเผอิญผมมีนัดกินมื้อค่ำ... ถ้าออกไปส่งคุณตอนนี้ก็น่าจะยังทันหรอกนะ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจ้องหน้าเขา “ยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงมื้อค่ำนะคะ... ทำไมเราไม่เต้นรำกันสักเพลงล่ะคะ ฉันเห็นว่าคุณมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงอยู่”

   ลอร์ดฟาริงดอนหรี่ตามองเธอ ก่อนจะลุกขึ้น “ถ้าผมปฏิเสธเรื่องนี้ก็คงจะเสียมารยาทน่าดู”

   “ฉันดีใจนะคะที่คุณพูดแบบนั้น เกือบจะหลงคิดว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษที่ไม่รู้จักคำว่ามารยาทเสียแล้ว”

   ลอร์ดฟาริงดอนเดินไปไขเครื่องเล่นแผ่นเสียง จากนั้นจึงเดินกลับมาหาเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน แล้วโค้งให้เธอ เสียงเพลงWaltz in A – flat major, Op.39 No.15 ของโจฮันเนส บรามส์ค่อยๆ ดังขึ้น เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจับมือของลอร์ดฟาริงดอน จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มเต้นรำ

   “คุณไร้มารยาทแบบนี้เป็นปกติรึเปล่าคะ”

   ลอร์ดฟาริงดอนโอบหลังเธอไว้ ยิ้มเล็กน้อย “คนที่พูดแบบนั้นก็เห็นจะมีคุณเป็นคนแรกนี่แหละ ปกติแล้วคนที่ถูกถามเรื่องนี้บ่อยๆ เป็นจอห์นหรอกนะ ไม่ใช่ผม”

   “อันนั้นฉันเห็นด้วยหรอกค่ะ แต่คุณเองก็ใช่ว่าจะเป็นสุภาพบุรุษที่มีมารยาทอะไร”

   “ถ้าการที่ผมบอกเรื่องเบนจามินกับคุณทำให้ผมดูเหมือนเป็นคนที่ไร้มารยาท ผมคงรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมนะ ผมพูดด้วยความหวังดีแท้ๆ”

   “แต่วิธีการพูดของคุณไม่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นเลยค่ะ”

   “คุณเลยไล่ผมกลับทันทีโดยไม่ให้ผมได้พบท่านตาของคุณงั้นสิ... แบบนั้นก็เรียกไม่มีมารยาทเหมือนกันนั่นแหละ”

   “สุภาพบุรุษประเภทไหนกันคะที่ยอกย้อนสุภาพสตรีแบบนี้”

   “แบบผมไง ทำให้คุณผิดหวังหรือ แต่ผมมองว่าการเป็นสุภาพบุรุษไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะต้องยอมรับทุกข้อกล่าวหาโดยไม่แก้ตัวนี่นา”

   “ฉันฟังผิดรึเปล่าคะว่านั่นคือคำแก้ตัว ฟังยังไงมันก็คือการยอกย้อนชัดๆ”

   “คุณยอกย้อนผมก่อนโดยการไล่ผมกลับแบบไม่มีมารยาทนะ”

   ทั้งคู่จ้องหน้ากันเขม็ง ขณะที่ก้าวเท้าไปตามจังหวะเพลง “คุณนี่เป็นสุภาพบุรุษปากจัดจริงๆ”

   “งั้นหรือ ผมว่าผมแค่พูดเรื่องจริงที่สุภาพบุรุษทั่วไปไม่กล้าพูดออกมาก็แค่นั้นเอง”

   “หึ...”

   “รู้สึกคิดผิดแล้วล่ะสิที่มาพบผมที่นี่”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยกริมฝีปากอย่างท้าทาย “ลำพังกับคำพูดไร้มารยาทแค่นี้ไม่ทำให้ฉันกลัวจนขอกลับไปหรอกค่ะ”

   “งั้นหรือ... ผมเห็นแล้วล่ะว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิงขี้กลัว แต่สงสัยว่าคุณมาที่นี่เพราะเหตุผลอะไรกันแน่”

   “ฉันบอกคุณไปแล้วนี่คะว่ามาด้วยเรื่องของมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก”

   “เพื่อท่านตาของคุณหรือ ผมก็บอกคุณไปแล้วเหมือนกันว่าท่านตาของคุณรับรู้แล้วว่าเขาปลอดภัยดี”

   “....”

   “ผมแน่ใจว่าเขาคงไม่ส่งหลานสาวสุดรักมาเกลี้ยกล่อมผมเรื่องนี้หรอก... คุณมาเพราะอะไร... เพื่อใครกันแน่”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนก้าวเท้าตามจังหวะย่างของลอร์ดฟาริงดอน “ฉันมาที่นี่เพราะอยากช่วยจอห์นค่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ท่านตาโทษว่ามันเป็นความผิดเขา ฉันเห็นว่ามันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่มีแค่คำพูดมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเท่านั้นที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้”

   “จอห์นสำคัญกับคุณถึงขนาดนั้นเชียวหรือ”

   “เขาเป็นเพื่อนที่ดีของฉันค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหมุนตัวแล้วเอนหลังมาซบลอร์ดหนุ่ม ลอร์ดฟาริงดอนโอบเธอไว้อีกครั้ง

   “แค่นั้นหรือ”

   “แค่นั้นจริงๆ ค่ะ ฉันไม่ใช่คนที่ชอบโกหกหรอกนะคะ”

   “ผู้หญิงส่วนใหญ่มักชอบปิดบังความรู้สึก” ลอร์ดฟาริงดอนว่า เขาขยับหน้าเข้าไปใกล้ใบหูของเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน “ผมแน่ใจว่าคุณเองก็น่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าเขา “ถ้างั้นคุณก็เป็นสุภาพบุรุษจอมเสแสร้ง แท้จริงแล้วทั้งขี้อิจฉา ทั้งไร้มารยาท แถมยังจิตใจคับแคบอย่างกับอะไรดี”

   “โอ้... อะไรทำให้คุณแน่ใจว่ารู้จักผมดีขนาดนั้น เราเพิ่งพบกันแค่สองครั้งเองนะเท่าที่ผมจำได้ หรือคุณเป็นสุภาพสตรีที่ตัดสินคนด้วยลมปากของคนอื่น”

   “แค่สองครั้งก็เกินพอสำหรับทำความรู้จักคนอย่างคุณค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ฉันจะไม่เหยียบมาที่นี่อีกเลยถ้าไม่มีธุระสำคัญจริงๆ”

   “ถ้าคุณจำต้องเหยียบมาที่นี่เพราะจอห์นล่ะก็... ผมเองก็ไม่อยากให้คุณมาเหมือนกัน”

   ทั้งคู่จ้องตากันอีกครั้ง ก่อนที่ลอร์ดฟาริงดอนจะพูดขึ้นต่อ “แคทเธอรีน คุณเป็นผู้หญิงที่ฉลาด และกล้าหาญน่าดู ที่มาที่นี่เพื่อช่วยเหลือเพื่อนสุภาพบุรุษของคุณ แต่ผมเองก็มีเหตุผลที่ไม่สามารถบอกคุณเรื่องโอเดนเบิร์กได้”

   “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณอิจฉาอยากเอาชนะจอห์น ก็บอกฉันหน่อยได้ไหมคะว่าเหตุผลนั้นคืออะไร”

   ลอร์ดฟาริงดอนเงียบไปพักหนึ่ง “ผมเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเขา ผมไม่แน่ใจว่าถ้าปล่อยเขาไปตอนนี้ ลอร์ดบาธจะจัดการเขายังไง ผมไม่รู้ว่าจอห์นคุยอะไรกับคุณ แต่พ่อของเขาเขียนจดหมายมาหาพ่อผมว่าถ้าจัดการให้โอเดนเบิร์กออกไปจากชีวิตของจอห์นโดนวิธีละมุนละม่อมไม่ได้ ก็อาจจะต้องใช้กฎหมายเข้าช่วย”

   “คุณหมายถึง...”

   “ใช่ ผมกลัวเขาจะถูกแจ้งจับด้วยข้อหาประพฤติผิดร้ายแรงทางเพศ ชีวิตของโอเดนเบิร์กจะต้องพังทลาย ผมไม่สนหรอกนะว่าจอห์นจะเป็นยังไง แต่ผมยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นกับโอเดนเบิร์กไม่ได้เด็ดขาด”

   “....”

   “นั่นคือเหตุผลของผม”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาซีดของลอร์ดฟาริงดอน เป็นครั้งแรกที่เธอสังเกตเห็นแววของความเจ็บปวดภายในดวงตาที่ดูไม่ยี่หระอะไรคู่นั้น ทำให้เธอระลึกขึ้นได้ว่าเธอเพิ่งพบกับเขาแค่สองครั้ง และเธอแทบไม่รู้จักเขาเลยจริงๆ

   “ฉันขอโทษค่ะ”

   “หืม...”

   “จริงอย่างที่คุณว่า ฉันแทบไม่รู้จักคุณเลย ต้องขอโทษด้วยที่กล่าวหาคุณด้วยคำพูดรุนแรงแบบนั้น”

   สีหน้าของลอร์ดฟาริงดอนแสดงความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นแววตาของเขาก็ดูอ่อนลงเล็กน้อย

   “ผมเองก็ต้องขอโทษที่เสียมารยาทกับคุณ อาจเป็นเพราะผมอิจฉาที่ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งฉลาดอย่างคุณ ยอมมาที่นี่ก็เพราะจอห์นก็ได้”

   เสียงเพลงค่อยๆ เบาลงจนเงียบไป ทว่าทั้งคู่ยังคงจับกันและกันไว้ สายตาของทั้งคู่ประสานกัน ทว่าไม่ใช่การจ้องเพื่อเอาชนะคะคานกันอีกต่อไป ความรู้สึกบางอย่างถ่ายทอดจากมือไปสู่มือ จากดวงตาสู่ดวงตา ในที่สุดเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนก็เป็นฝ่ายหลุบตาลงก่อน

   “ฉันคงต้องกลับแล้ว เดี๋ยวคุณจะสาย”

   “ให้ผมไปส่งคุณแล้วกัน”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเดินเกาะแขนลอร์ดฟาริงดอนออกมาขึ้นรถม้า ทั้งคู่นั่งเงียบๆ ตลอดทางจนกระทั่งถึงคฤหาสน์ของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด

   “เข้าไปดื่มชาสักหน่อยไหมคะ”

   ลอร์ดฟาริงดอนยิ้ม เขาก้มลงจูบหลังมือเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน “ผมเสียดายจริงๆ ที่เวลาไม่พอ หวังว่าครั้งหน้าผมคงได้รับเชิญอีก”

   “ถ้าคุณจะแวะมาเยี่ยมฉัน...”

   “ผมต้องมาแน่” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ผมยังติดมื้อเย็นคุณอยู่ มันคงเสียมารยาทมากถ้าผมไม่เชิญคุณเป็นการแก้ตัว”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนส่งยิ้มให้เขา “ฉันจะรอนะคะ”

   เธอมองลอร์ดฟาริงดอนขึ้นรถม้าจากไป ก่อนจะถอนหายใจยาว

--------------------------------------

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แวะมาหาเธอในช่วงสายของวันรุ่งขึ้น พร้อมกับข่าวจากบ้านของเขา

   “คุณเป็นไงบ้าง พ่อผมเชิญไมกี้ไปกินมื้อเย็นที่บ้าน แน่นอนว่าผมถูกถีบส่งออกมา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคุยกันถึงเรื่องของกอร์ดอน เมื่อวานลอร์ดบาธจะแวะมาหาพ่อ ตอนที่ผมออกมาพบกับคุณ”

   “ไมครอฟต์บอกฉันเรื่องมิสเตอร์โอเดนเบิร์กแล้วล่ะค่ะ เขาปลอดภัยดี คุณรู้ไหมคะว่าลอร์ดบาธไปหาพ่อของคุณเรื่องอะไร”

   “น่าจะเกี่ยวกับกอร์ดอนนั่นแหละ แต่ผมไม่แน่ใจว่าเขาสั่งให้ปล่อยหรือจัดการขั้นเด็ดขาดกับกอร์ดอนกันแน่”

   “คุณแวะไปหาจอห์นแล้วหรือยังคะ”

   “ยังเลย ผมยังไม่มีข่าวอะไรเลยไม่ได้แวะเข้าไป”

   “คุณพอจะแวะเข้าไปหาเขาวันนี้ได้รึเปล่าคะ”

   “ทำไมหรือ”

   “ฉันคิดว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กอยู่กับไมครอฟต์ค่ะ เมื่อวานฉันเห็นตะเกียงที่ท่านตาเคยพูดถึงแขวนอยู่บนรถม้าที่เรานั่งกลับมา”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว “คุณบอกว่าตะเกียงหรือ”

“ใช่ค่ะ มิสเตอร์โอเดนเบิร์กหยิบตะเกียงที่ท่านตาสั่งทำพิเศษไปด้วย และฉันเห็นตะเกียงนั้นบนรถม้าของไมครอฟต์”

“ให้ตาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “อย่าบอกนะว่าคุณจะให้จอห์นนี่ไปถามเรื่องนี้กับพี่ชายผมโดยตรง ขอร้องล่ะแคทเธอรีน พวกเขาได้ต่อยกันแน่ ไม่มีทางที่สองคนนั่นจะคุยกันดีๆ หรอก”

   “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้จะให้จอห์นไปคุยเรื่องนี้กับพี่ชายคุณ ฉันอยากให้เขาไปเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถคุ้มครองมิสเตอร์โอเดนเบิร์กจากพ่อกับแม่ของเขาได้ ดูเหมือนว่าพี่ชายของคุณจะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กมาก เขาว่าลอร์ดบาธอาจจะแจ้งจับเขาข้อหาประพฤติผิดร้านแรงทางเพศ”

   “นั่นไม่ใช่เรื่องดีสำหรับกอร์ดอนแน่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “แต่ผมบอกจอห์นนี่เรื่องนี้ไม่ได้ แค่นี้เขากับที่บ้านก็คงมองหน้ากันไม่ติดแล้ว”

   “ไม่ค่ะ คุณต้องบอกเรื่องนี้กับจอห์น นี่เป็นทางเดียวที่เขาจะได้ตัวมิสเตอร์โอเดนเบิร์กกลับ และเป็นทางเดียวที่จะแก้ปัญหาทั้งหมด ถึงเวลาแล้วที่เขาจะได้แสดงถึงความตั้งใจและกล้าหาญที่จะรักษาความรักต้องห้ามในครั้งนี้เอาไว้”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งไปครู่ใหญ่ๆ “ผมจะดูสถานการณ์ก่อน แล้วคิดอีกที่ว่าจะบอกเขาเรื่องนี้ดีไหม”

   “คุณต้องรับปากนะคะ ว่าจะหาทางบอกเขาเรื่องนี้ให้ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ทอดเวลาออกไปแล้วจะดีขึ้นหรอกค่ะ”

   “ก็ได้ แต่ผมต้องแน่ใจว่าเขาจะไม่ไปชกหน้าพี่ชายผม”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพยักหน้า “แล้วแอนไม่ได้มาด้วยกับคุณหรือคะ”

   “อ้อ... เธอออกไปสอนดนตรี”

   “อะไรนะคะ”

   “เธอออกไปสอนดนตรี คุณแปลกใจล่ะสิ ที่จริงผมไม่อยากให้เธอกลับไปทำงานแล้ว แต่เธอบอกว่าถ้าให้นั่งอยู่ที่บ้านเฉยๆ เธอจะรู้สึกเหมือนกำลังเกาะผมกิน ผมพยายามอธิบายแล้ว แต่ไมกี้เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เขาว่าถ้าผู้หญิงอยากจะทำงานก็ให้พวกเธอทำ จนกว่าเธอจะกลายเป็นแม่ของลูก ระหว่างนั้นเธออยากจะทำงานอะไรก็ได้”

   “เพราะงั้นคุณเลยยอมหรือคะ”

   “ผมไม่อยากให้แอนรู้สึกไม่สบายใจ อีกอย่างผมกำลังจะเสนองานใหม่ให้เธอ เป็นงานเสมียนที่บริษัทของเราเอง เป็นการดีถ้าเราจะได้คนใกล้ชิดทำงานละเอียดอ่อนแบบนี้”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้ม “ถึงความเห็นจะไม่ค่อยตรงกัน แต่ดูเหมือนคุณกับไมครอฟต์จะมองไปในทางเดียวกันนะคะ”

   “ถึงเขาจะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ แต่เขาก็เป็นพี่ชายที่ดีนะ ถ้าไม่นับเรื่องที่เขาชอบอำคนอื่นว่าเป็นผมน่ะ”

   “คุณชอบเขารึเปล่าคะ”

   “แน่นอนสิ เขาเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดในโลก ถ้าคุณจะถามผมนะ”

   “ฉันรู้สึกเห็นด้วยกับคุณหน่อยๆ ค่ะ”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดต่อ “รีบไปหาจอห์นเถอะค่ะ ยิ่งเขาจัดการเรื่องนี้ได้เร็วเท่าไหร่ ปัญหาที่ตามมาก็จะน้อยลงเท่านั้น”

   “ตกลง ผมจะบอกเขาเรื่องนี้ให้”

--------------------------------------

(จบตอน)

เราว่าไมครอฟต์คูลมาก ฮ่าๆๆ ดูคูลที่สุดแล้ว (ถ้าไม่ได้อยู่ต่อหน้าจอร์จนะคะ อิอิ) ปล. ไมครอฟต์นี่ชอบกอร์ดอนมาตั้งแต่แรกเลยค่ะ เผื่อว่าใครลืม แบบว่าเรื่องมันผ่านไปนานมาก 555+


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ว่าแล้วเชียว รู้สึกตงิด ๆ ตั้งแต่บทก่อนหน้านี้ละ รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เป็นตอนที่สงสารไมกี้ที่สุดและดีใจกับเขาด้วย

โอ้โห ฉันเคยแอบคิดว่าแคทกับไมกี้อาจจะลงเอยกันตอนที่ไมกี้มาบอกเรื่องเบน แต่ตอนนี้ดูท่าทางจะมีความเป็นไปได้แล้ว อิอิ


ออฟไลน์ 5577

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากให้กอร์ดอนลงเอยกับไมกี้ เรื่องของไมกี้นี้น่าจะเขียนเป็นอีกเรื่องได้เลย ซับซ้อน น่าสนใจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ไม่ลืมว่าไมกี้ชอบกอร์ดอน
แต่ไม่อยากให้รัก
สงสารไมกี้
อยากให้นางสมหวัง
ถึงแรกๆจะหมั่นไส้นาง
555

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น มะรุมมะตุ้มรุมรักโอเดนเบิิรก
ใครๆก็เอ็นดู

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตอนนี้ไมกี้แย่งซีนไปหมด ถึงแม้กอร์ดอนหมดสติเกือบไม่รอดก็เอาไม่อยู่
จำได้แรกๆ ที่ไมกี้ส่งของขวัญมาให้กอร์ดอน แต่จอห์นหึงมากให้เอาไปทิ้งอะไรนี่แหละ
ว่าแต่ไมกี้กับแคทตอนนี้ เหมือนมองเห็นตัวตนซึ่งกันและกันไปแล้ว อะหรือมีข่าวดีคู่นี้เพิ่มขึ้นมา
 :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
จอห์น  ตกกระป๋องไปเลยซีนนี้5555

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่53 เดินไปด้วยกัน

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบมาพบลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่ห้องรับแขก สีหน้าของเขาดีขึ้นกว่าสองสามวันก่อนเหมือนคนละคน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รู้สึกได้ทันทีว่าเพื่อนรักของเขากลับมาในสภาพสมบูรณ์เต็มที่แล้ว

   “จอห์นนี่ ดีใจที่เห็นนายดูสดชื่นนะ นายคุยกับพ่อแม่แล้วงั้นหรือ”

   “ใช่... นั่นทำให้ฉันอยากจะต่อยตัวเองสักหมัด ว่าทำไมฉันถึงไม่กล้าคุยเรื่องนี้กับพวกเขาแต่แรก”

   “เอ่อ... พวกเขาเห็นด้วยกับนายหรือ”

   “เปล่าหรอก แต่พวกเขาพอจะทำใจยอมรับได้ อย่างน้อยๆ พ่อก็เลิกล้มความคิดที่จะทำให้กอร์ดอนหายไปจากชีวิตฉันแล้ว ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเขาปลอดภัยดี เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”

   “จอห์นนี่ นายแน่ใจนะว่าถ้าเขากลับมา พ่อนายจะไม่แจ้งจับเขา”

   “หืม”

   “ฉันได้ข่าวมาว่าพ่อนายบอกพ่อฉันว่าอาจจะแจ้งจับเขา ถ้าเราทำให้เขาออกไปจากชีวิตนายไม่ได้”

   “พ่อฉันอาจจะพูดแบบนั้นจริงๆ ก็ได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยอมรับ “แต่ก็ทำให้ฉันคิดขึ้นมาได้ว่า เขาคงไม่ได้เกลียดกอร์ดอนเพราะเรื่องนี้จริงๆ หรอก ถ้าเขารู้สึกแบบนั้นก็คงแจ้งความไปแต่แรกแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาไปทำสัญญากับพ่อนายหรอก รู้ไหม ฉันดีใจมากที่พ่อฉันไม่ใช่คนใจยักษ์ใจมารขนาดต้องฆ่าแกงคนอื่นเพื่อรักษาชื่อเสียงของลูกชายตัวเอง”

   “นี่นายไม่ได้ว่ากระทบกระเทียบพ่อฉันใช่ไหม”

   “เปล่าๆ ฉันรู้ว่าสิ่งที่พ่อนายและตระกูลนายทำมันเป็นเรื่องที่เสียสละมาก ถ้าจะให้ว่า ก็คงเป็นพวกที่เอาเรื่องวุ่นวายนี้ไปให้พวกนายจัดการนั่นแหละ”

   “งั้นนายก็ว่าพ่อตัวเอง”

   “เอาล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นมา “ฉันจะไม่เถียงนายแล้วกัน ว่าแต่นายมีข่าวของกอร์ดอนรึเปล่า”

   “เมื่อวานแคทเธอรีนขอให้ฉันไปส่งที่คฤหาสน์ของไมกี้ เธอคิดว่าไมกี้รู้ที่อยู่ของกอร์ดอน”

   “ให้ตาย แคทเธอรีนไปหาเขาหรือ แล้วนายอยู่ด้วยรึเปล่า”

   “ถ้าฉันอยู่ด้วยจะกลายเป็นว่าฉันช่วยเธอสอดแนมพี่ชายตัวเอง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “เธอให้ฉันทิ้งเธอไว้ที่นั่น นายจะด่าว่าฉันไม่เป็นสุภาพบุรุษก็ได้ แต่นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันยอมไปส่งเธอ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจออกมา “ฉันเข้าใจความลำบากใจของนายนะ แมกซ์ ฉันซาบซึ้งจริงๆ ที่นายยอมทำเพื่อเราถึงขนาดนี้”

   “นายเป็นเพื่อนรักฉัน จอห์นนี่ ฉันต้องพยายามเต็มที่เพื่อช่วยนายอยู่แล้ว”

   “แล้วแคทเธอรีนได้อะไรไหม”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ใคร่ครวญคำพูด “เธอบอกว่าไมกี้กังวลเรื่องความปลอดภัยของกอร์ดอน เขาเลยไม่ยอมเปิดเผยที่อยู่ กลัวว่าจะถูกพ่อนายแจ้งจับ”

   “ฉันรับรองกับเขาได้เลยว่าจะไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนั้น”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองหน้าเพื่อนรัก “นายรับรองด้วยได้ไหมว่าจะไม่ไปต่อยหน้าเขา”

   “งั้นนายก็รู้อยู่แต่แรกน่ะสิว่าเขารู้ที่อยู่ของกอร์ดอน”

   “โธ่ จอห์นนี่ ฉันไม่รู้จริงๆ ต่อให้ฉันรู้ฉันก็จะขอร้องนายแบบนี้เหมือนกัน เขาเป็นพี่ชายฉันนะ”

   “โทษทีแมกซ์ นายเป็นคนที่ลำบากใจที่สุดในเรื่องนี้จริงๆ”

   “ขอบใจที่นายยังจำเรื่องนั้นได้ สัญญากับฉันได้ไหมว่าถ้ากอร์ดอนอยู่กับไมกี้จริงๆ นายจะไม่ต่อยหน้าเขา”

   “ตกลง ฉันจะไม่ทำอะไรกับหน้าพี่ชายนาย”

   “ส่วนอื่นๆ ของเขาด้วย ฉันไม่อยากให้พวกนายวางมวยกัน”

   “งั้นนายไปกับฉันด้วยเลยดีกว่า เพื่อความแน่ใจ”

   “ฉันไปกับนายอยู่แล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “อีกอย่างนะจอห์นนี่ แคทเธอรีนกำชับว่านายต้องแสดงให้ไมกี้เห็นว่านายรับรองความปลอดภัยของกอร์ดอนได้”

   “งั้นฉันจะเชิญเขามาที่นี่ด้วยเลย โอ้ ให้ตาย ไมครอฟต์คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถ้าฉันรับรองความปลอดภัยของกอร์ดอนไม่ได้ ฉันคงไม่บ้าไปตามหาเขาหรอก”

   “นายต้องยอมรับนะจอห์นนี่ ว่าเรื่องคราวนี้มันเกิดเพราะนายคุมสถานการณ์ไม่ได้”

   “อืม... เพราะฉันขี้ขลาดเอง แต่ต่อไปจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว เราจะไปกันได้หรือยัง”

   “นายจะต้องไปบอกพ่อแม่นายก่อนไหม”

   “งั้นนายก็มาด้วยกันเลย” พูดจบเขาก็ฉุดมือลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ให้ลุกขึ้น

   “ให้ตาย จอห์นนี่ จะให้ฉันไปด้วยงั้นหรือ พ่อแม่นายจะได้ฆ่าฉันเอาน่ะสิ”

   “ไม่เอาน่าแมกซ์ ถ้านายไม่ไปด้วย จะแน่ใจได้ยังไงว่าฉันคุมสถานการณ์เรื่องนี้ได้ ไม่ต้องกลัวพ่อแม่ฉันจะฆ่านายหรอกน่า พวกเขาไม่ใช่คนแบบนั้น”

   ลอร์ดและเลดี้บาธมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์กับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มาพบพวกเขาที่ห้องหนังสือ

   “อรุณสวัสดิ์จ้ะแมกซ์ พวกเธอมีอะไรกันหรือ”

   “คืออย่างนี้ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมา “ผมจะมาบอกพ่อกับแม่ว่า เราจะออกไปรับกอร์ดอน”

   “หืม โอเดนเบิร์กกลับมาแล้วหรือ”

   “ทำนองนั้นครับ”

   “แล้วทำไมเขาถึงไม่มาเอง” ลอร์ดบาธหันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ฝ่ายนั้นมีสีหน้าเก้ๆ กังๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงตอบแทนให้

   “เพราะมีใครบางคนกลัวว่าพ่อกับแม่จะแจ้งจับเขา ผมเลยต้องไปรับตัวเขาเอง อ้อ... อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ ผมรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ทำแบบนั้นแน่”

   “แกหยุดประชดพ่อกับแม่เสียที” ลอร์ดบาธเค้นเสียง “ถ้าจะไปรับโอเดนเบิร์กก็รีบๆ ไป แต่แกต้องสัญญานะ ว่าจะพาเขามาที่นี่ก่อน แล้วก็ต้องไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อต่อหน้าธารกำนัลด้วย เห็นแก่หน้าพ่อหน้าแม่บ้าง”

   “ตกลงครับ ผมจะรีบพาเขามาพบพ่อกับแม่”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไปขึ้นรถม้า

   “ให้ตายเถอะ จอห์นนี่ ถ้าเป็นพ่อฉันนะ รับรองนายถูกตะพดฟาดหน้าไปแล้ว”

   “ก่อนหน้านี้ฉันก็ถูกเขาตบฟันแทบร่วงล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์บอกเพื่อนรัก “แต่นั่นก็ทำให้ฉันเข้าใจว่าพวกเขาเป็นห่วงและหวังดีกับฉันแค่ไหน”

   “ถ้าพ่อจะเป็นห่วงฉันด้วยตะพด ฉันยอมไม่ให้เขาห่วงดีกว่า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนที่รถม้าจะแล่นออกไป

   ลอร์ดฟาริงดอนไม่ได้แสดงท่าทางประหลาดใจที่เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์มาที่คฤหาสน์พร้อมกับน้องชายของเขา เขานั่งลงบนโซฟา แล้วเอ่ยทักทาย

   “ไงแมกซ์ ไงจอห์น ฉันรออยู่ว่าเมื่อไหร่นายจะโผล่หน้ามา”

   “ฉันโผล่มาแล้ว ไมครอฟต์ ขอบใจที่ช่วยดูแลกอร์ดอนให้”

   คราวนี้ลอร์ดฟาริงดอนมีสีหน้าประหลาดใจ ไม่ใช่แค่เขา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เองก็เช่นกัน

   “นายจะมาไม้ไหนอีกเนี่ย ฉันคิดว่านายจะพุ่งมาวางมวยกับฉันเสียอีก”

   “ที่จริงตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้นนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่แมกซ์ขอไว้ ฉันรู้ว่าเขาอยู่ตรงกลางและลำบากใจมากกับเรื่องนี้ และอีกอย่าง ถึงจะไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ฉันยอมรับว่าดีใจที่นายยื่นมือไปจัดการเรื่องนี้แทนพ่อนาย ถ้าเขาเป็นคนจัดการเอง ฉันคง...”

   “นายต้องรู้ว่าฉันจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้น” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ถึงฉันจะไม่เคยรับปากอะไรกับโอลเดนเบิร์ก แต่ฉันสาบานกับตัวเองไว้ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาปลอดภัย”

   เกิดความเงียบงันขึ้นชั่วอึดใจ จากนั้นลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดขึ้นต่อ “ฉันต้องบอกนายอีกครั้งจากใจจริง ว่าขอบใจสำหรับการช่วยเหลือครั้งนี้มาก ฉันรับรองว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง”

   “งั้นหรือ จากเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันควรจะเชื่อลมปากนายงั้นหรือ”

   “นายก็รู้อยู่แก่ใจ ไมครอฟต์ ฉันคงไม่มาที่นี่ ถ้าไม่แน่ใจว่าจัดการเรื่องทั้งหมดได้แล้ว”

   “บอกฉันมาก่อน ถ้านายได้เจอเขาแล้ว นายจะพาเขาไปที่ไหน”

   “พบพ่อกับแม่ฉัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้น แมกซ์ยืนยันกับนายเรื่องนี้ได้”

   “ลอร์ดกับเลดี้บาธอยากพบกอร์ดอน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น “ฉันบอกนายได้ว่าพวกเขาคงไม่คิดจะกำจัดกอร์ดอนอีกหรอก”

   “ฉันรู้ว่านายเป็นเพื่อนที่ดี... แล้วก็เป็นน้องชายที่ดี แมกซ์” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ก่อนจะหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ “และเพราะเขาเป็นน้องชายที่น่ารักของฉัน ฉันเองก็ไม่อยากจะทำให้เขาลำบากใจไปมากกว่านี้” เขาตะโกนเรียกคนรับใช้ ให้ไปตามตัวกอร์ดอนลงมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์แทบจะนับวินาทีรอ เขารู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเสียเหลือเกิน และแล้วในที่สุด

   “จอห์น”

   เหมือนสายฟ้าพาดผ่าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลุกจากเก้าอี้ วิ่งเข้าไปหากอร์ดอนที่กำลังวิ่งมาหาเขา ทั้งคู่โผเข้ากอดกัน

   “โอ้... ยอดรัก ขอบคุณพระเจ้าที่คุณปลอดภัยดี ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน”

   “ผมก็เหมือนกัน” กอร์ดอนพูดเสียงพร่า น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ลอร์ดฟาริงดอนถึงกับเบือนหน้าไปทางอื่น ส่วนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งอึ้ง ความซาบซึ้งที่เอ่อท้นขึ้นมาทำให้เขาอดนึกถึงลอร์ดจอร์จ เฟลตันเพื่อนรักไม่ได้ ถ้าเขามาด้วยกัน คงจะต้องเสียน้ำตากับฉากนี้แน่ๆ

   “กอร์ดอน ผมขอโทษจริงๆ ที่ทิ้งคุณให้เผชิญกับเรื่องเลวร้ายนี้คนเดียว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลูบใบหน้าของคนรัก อีกฝ่ายยิ้มทั้งน้ำตา

   “ผมรู้ว่าคุณเองก็ต้องเผชิญเรื่องนี้ด้วยตัวคนเดียวเหมือนกัน ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ มันเป็นเรื่องสุดวิสัย ผมรู้ว่าสักวันมันจะต้องเกิดขึ้น”

   “แต่มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว ยอดรัก” ลอร์ดโทรว์บริจด์จับมือของช่างตัดเสื้อขึ้นมาจูบ “ต่อจากนี้ นับแต่วินาทีนี้ เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน คุณกับผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะไม่ทิ้งคุณไว้อีก ผมจะอยู่ข้างคุณ”

   “ผมรู้ ผมก็จะทำเหมือนกัน... จอห์น... ผมกลัวมาโดยตลอด ว่าถ้าเรื่องนี้เปิดเผยผมจะสูญเสียคุณไป แต่ตอนนี้... คุณมาอยู่ตรงนี้แล้ว... ผมจะไม่ยอมเสียคุณไปอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมจะอยู่ข้างคุณ อยู่ข้างคุณตลอดไป”

-------------------------------------

(จบ)

อ๊ากก ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบลงจนได้ค่ะ สำหรับตอนจบฉบับเต็มและตอนพิเศษ สามารถติดตามได้ในรวมเล่มซึ่งกำลังเปิดจองอยู่ค่า

ขอบคุณสำหรับการติดตามมาโดยตลอดนะคะ (โค้งสวยๆ)

https://www.readawrite.com/?action=view_preorder_detail&article_guid=2c5bb18f28463501c63751d2d2f4b1d9

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เป็นตอนที่สงสารไมกี้ที่สุดและดีใจกับเขาด้วย

โอ้โห ฉันเคยแอบคิดว่าแคทกับไมกี้อาจจะลงเอยกันตอนที่ไมกี้มาบอกเรื่องเบน แต่ตอนนี้ดูท่าทางจะมีความเป็นไปได้แล้ว อิอิ

คิดเหมือน ..........
ไมกี้ เป็นคนคูล แบดบอย นี่ถ้าไม่มีจอห์น เชียร์ไมกี้เลย  :m20: :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ 5577

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ขอบคุณาำหรับนิยายดีๆค่ะ แต่จบลงห้วนนิดนึงน้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด