[เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)  (อ่าน 97903 ครั้ง)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
ส่วนต่อของตอนที่40อยู่หน้าก่อนค่ะ

Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ ตอนที่41 งานเลี้ยงน้ำชา

   วันอาทิตย์ มาร์คัสมารับกอร์ดอนที่โบสถ์ตามนัด ช่างตัดเสื้อใส่สูทสำหรับฤดูร้อนสีไข่ไก่ และสวมหมวกเดอร์บีที่ซื้อมาเมื่อคราวก่อน แม้จะรู้สึกกังวล แต่กอร์ดอนก็ปลอบใจตัวเองว่าทุกอย่างคงผ่านไปได้ด้วยดี เขาแค่ต้องทำให้เหมือนปกติเท่านั้นเอง

   คฤหาสน์ของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดตั้งอยู่ที่ฮอลโลว์เวย์ สร้างด้วยอิฐและหินอ่อนสีครีม ล้อมรอบด้วยสวนสวยกว้างสุดลูกหูลูกตา ที่ด้านหน้ามีน้ำพุที่สร้างจากหินอ่อนตั้งอยู่ซ้ายขวา แม้จะเคยมาหลายครั้งแล้ว แต่กอร์ดอนก็ยังคงรู้สึกประทับใจในความงดงามของมัน

   รถม้าคันใหญ่ของลอร์ดโทรว์บริดจ์จอดอยู่ในโรงรถก่อนแล้ว แต่กอร์ดอนมองไม่เห็นโอลิเวอร์ เขาอาจจะไปนั่งพักจิบชาอยู่ก็ได้ ช่างตัดเสื้อลงจากรถ มาร์คัสไปส่งเขาที่ประตูคฤหาสน์ ก่อนที่คนรับใช้อีกคนจะเดินนำเขาไปยังระเบียงที่ใช้สำหรับดื่มชา มันเป็นระเบียงทางปีกด้านขวา ความพิเศษคือ ที่ระเบียงนี้จะมองเห็นต้นเชอร์รี่ที่ปลูกอยู่ที่สวนด้านล่าง ดยุกอ็อกฟอร์ดมักเชิญเขามาดื่มชาที่นี่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนอื่นร่วมด้วย

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งอยู่กับดยุกอ็อกฟอร์ดก่อนแล้ว ตอนที่กอร์ดอนไปถึง ท่านดยุกเชิญเขาให้นั่งลง ขณะที่ช่างตัดเสื้อกล่าวทักทาย

   “สวัสดีตอนบ่ายครับท่านดยุก สวัสดีตอนบ่ายจอห์น”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์แสร้งทำสีหน้าประหลาดใจ “กอร์ดอน คุณมานี่ได้ไง”

   “ฉันเชิญเขามาเองล่ะ” ดยุกอ็อกฟอร์ดตอบแทนให้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันกลับไปมอง อีกฝ่ายจึงพูดต่อ

   “ได้ยินว่าพวกเธอสนิทกัน”

   ลอร์ดหนุ่มหัวเราะเขินๆ “เราสนิทกันจริงครับ แต่ผมแปลกใจที่ท่านเป็นคนเชิญน่ะ ผมไม่คิดว่า...”

   “ฉันจะเชิญช่างตัดเสื้อมาดื่มชางั้นหรือ”

   “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปฏิเสธ กอร์ดอนจึงพูดขึ้น

   “ท่านดยุกเคยเชิญผมมาดื่มชาอยู่บ่อยๆ ครับ”

   “อ้อ...” อีกฝ่ายส่งเสียงในคอ ก่อนจะถามกลับ “แต่ดูคุณไม่แปลกใจเลยนะที่เจอผม”

   “ผมเห็นรถม้าของคุณจอดอยู่ตอนลงจากรถครับ” กอร์ดอนตอบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเขินๆ

   “สรุปว่ามีแต่ผมสินะที่เซอร์ไพรส์เรื่องนี้” เขาหันไปหาดยุกอ็อกฟอร์ดอีกครั้ง “ผมไม่ทราบมาก่อนว่าท่านสนิทกับเขาขนาดนี้”

   “ฉันเอ็นดูเขาเหมือนหลานแท้ๆ เชียวล่ะ” ท่านดยุกตอบพลางหรี่ตามองลอร์ดหนุ่ม “แม้ว่าเขาจะเป็นแค่ช่างตัดเสื้อก็ตาม”

   “ผมเห็นด้วยเลยครับ เขาเป็นช่างตัดเสื้อที่พิเศษมาก”

   กอร์ดอนเกือบสำลักชาที่ดื่มเข้าไป ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ “โชคดีจังที่ผมได้เป็นเพื่อนกับเขา”

   “ผมสิครับต้องเป็นคนพูดคำนั้น” กอร์ดอนแทรกขึ้นมา “ท่านลอร์ดให้เกียรติมากครับที่ยอมให้ผมเป็นเพื่อนด้วย”

   “ก็หวังว่าคงไม่ใช่แค่เอาสนุกหรอกนะ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูด

   “ไม่หรอกครับ ผมจริงจังมากเรื่องนี้ จริงจังในระดับที่ท่านนึกไม่ถึงเชียวล่ะ”

   ท่านดยุกถอนหายใจ แล้วหันมาหากอร์ดอน “ไม่ต้องไปตามใจเขามากนะ ปฏิเสธเขาไปบ้างก็ได้ จอห์นน่ะขึ้นชื่อเรื่องไม่เกรงใจใครมาแต่ไหนแต่ไรล่ะ”

   “แหม ท่านครับ ผมแค่เป็นคนตรงไปตรงมาเท่านั้นเอง”

   ท่านดยุกเหลือบตามองเขาเป็นเชิงตำหนิ ขณะที่กอร์ดอนพูดขึ้นบ้าง “ท่าทางเหมือนพวกคุณรู้จักกันมานานแล้วนะครับ”

   “แน่นอนสิ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า “ฉันน่ะรู้จักเขาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยก”

   “ขอเถอะครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ท้วงขึ้นมา “ท่านอย่าเล่าเรื่องเก่าเลย”

   “มันก็น่าพูดถึงออกไม่ใช่หรือ” ท่านดยุกว่า “วางใจเถอะ วันนี้แคทเธอรีนไม่อยู่ รับรองว่าฉันไม่เล่าเรื่องพวกนี้ให้เธอฟังหรอก”

   “สมัยเด็กๆ เขาเป็นยังไงหรือครับ” กอร์ดอนถามขึ้นอย่างสนใจ ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดยิ้ม และเริ่มเล่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ดูไม่ค่อยเต็มใจ แต่ไม่รู้จะทำยังไง เลยได้แต่นั่งฟังและคอยแทรกตรงจุดที่เขาเห็นว่าไม่ตรงตามความเป็นจริงบ้างเป็นครั้งคราว กว่าท่านดยุกจะหยุดเล่าเรื่องได้ เวลาก็ล่วงไปถึงสี่โมงเย็นแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดูโล่งใจและรีบขอตัวกลับทันที พร้อมกับชวนกอร์ดอนกลับด้วย

   “ผมบอกคุณแล้วว่าผมนี่แหละที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดหลังจากทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาห้องนั่งเล่นชั้นสองของร้านกอร์ดอน เทเลอร์ คนฟังหัวเราะ

   “ท่านดยุกดูจะเอ็นดูคุณมากนะครับ”

   “หมั่นไส้ผมล่ะไม่ว่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “แต่เขาดูผ่อนคลายมากนะ เวลาอยู่กับคุณ ปกติเขาจะมีท่าทีเย็นชากว่านี้ เท่าที่ผมจำได้ เขาไม่เคยคุยเล่นแบบนี้หรอก”

   “งั้นหรือครับ”

   “สำหรับเขา คุณคงเป็นเหมือนหลานแท้ๆ จริงๆ”

   “ผมควรดีใจสินะครับ”

   “แน่นอน ผมประหลาดใจมาก เป็นคนธรรมดาคงจะรีบโอ่ประโคมตัวเองไปแล้ว แต่ผมรู้ว่านั่นไม่ใช่นิสัยของคุณ”

   “ผมว่าลำบากออกครับ นี่ผมยังแอบกลัวเลยว่าครอบครัวของท่านดยุกจะไม่พอใจเรื่องที่ดิน”

   “ไม่หรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ที่ดินที่เขาให้คุณน่ะไม่ใช่ที่ดินมรดก และผมคิดว่าลอร์ดอบิงดอลลูกชายของเขาใจกว้างพอสำหรับเรื่องนี้”

   “งั้นหรือครับ”

   “แคทบอกผมว่าที่ดินผืนนั้นน่ะสวยมาก”

   “สวยมากจริงๆ ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าได้เป็นเจ้าของที่ดินผืนนั้นจริงๆ”

   “ถ้าคุณมีโฉนดอยู่ในมือมันก็เป็นของคุณนั่นแหละ เขาให้โฉนดคุณไว้แล้วใช่ไหม”

   กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดต่อ “วันไหนคุณว่างๆ เราขับรถไปกันดีไหม ผมอยากเห็นที่ดินผืนนั้นกับบ้านที่ท่านดยุกมอบให้คุณ อยากรู้ว่าจะสวยขนาดไหน”

   กอร์ดอนผงกศีรษะ “ไว้ผมจะลองหาเวลาดูนะครับ”

   “ถ้าคุณไม่สะดวกไปหาผมที่สนาม คุณโทรเลขไปบอกผมก็ได้”

   “ไม่ดีมั้งครับ เดี๋ยวคนที่บ้านคุณจะสงสัยเอา”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ “คุณนี่ขี้กังวลจัง”

   “ก็จริงนี่ครับ จำตอนที่พ่อคุณสงสัยเรื่องบิลค่าอาหารไม่ได้หรือไงครับ”

   “ถูกของคุณ งั้น... ส่งหาโอลิเวอร์แทนผมก็ได้ คุณมีที่อยู่ผมอยู่แล้วนี่”

   “ครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมานั่งข้างคนรัก แล้วใช้มือโอบตัวเขาเข้ามากอด

   “ยอดรัก วันนี้คุณตีเนียนมากเลยเรื่องเจอผม ผมไม่ทันคิดถึงเรื่องรถม้าเลย”

   “ผมบังเอิญเห็นมันจอดอยู่ตอนเข้าไปน่ะครับ รถม้าของคุณเด่นออกจะตาย”

   “เลยกลายเป็นผมคนเดียวที่ประหลาดใจ”

   กอร์ดอนยิ้ม “ผมคิดว่าเลดี้แคทเธอรีนจะอยู่ดื่มชาด้วยเสียอีก”

   “ผมคิดว่าเธอคงนั่งดื่มชาอ่านหนังสืออยู่สักที่ในคฤหาสน์นั่นแหละ ท่านดยุกรู้ว่าเธอต้องกระอักกระอ่วนแน่ถ้าต้องมานั่งร่วมโต๊ะ เพราะเหมือนว่าเธอหลอกผมมาดื่มชากับคุณ ซึ่งจริงๆ มันเป็นแผนของเขานั่นแหละ”

   “คุณว่าเขาไม่สงสัยแน่นะครับ”

   “ไม่หรอก มีแต่คนเพี้ยนอย่างไมครอฟต์เท่านั้นแหละที่คิดสงสัยเรื่องแบบนี้”

   “อะไรนะครับ” กอร์ดอนร้องขึ้นมา “ลอร์ดฟาริงดอนสงสัยเรื่องของเราหรือครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว ก่อนจะพูดอย่างนึกได้ “ผมยังไม่ได้เล่าให้คุณฟังสินะ โทษที ไมครอฟต์น่ะรู้แล้วว่าเราเป็นคนรักกัน”

   “ให้ตาย” กอร์ดอนคราง “ผมรู้สึกเหมือนทุกคนต่างทยอยรู้เรื่องของเรา ถ้าสักวัน...”

   “ไม่เอาน่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอบคนรัก “คุณอย่าเพิ่งมองในแง่ร้ายสิ ไมครอฟต์น่ะรู้แล้วก็จริง แต่เขาไม่สนหรอก ส่วนคนอื่นๆ ก็เห็นใจเราทั้งนั้น”

   “ถึงงั้นก็เถอะครับ ผมรู้สึกไม่สบายใจยังไงไม่รู้”

   “ไว้ผมจะระวังตัวมากกว่านี้แล้วกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ พลางแนบหน้าลงไปบนศีรษะของช่างตัดเสื้อ

   “อย่ากังวลไปเลยนะยอดรัก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะไม่ยอมให้ใครมาพรากคุณไปเด็ดขาด”

   กอร์ดอนหลับตา จับมือของลอร์ดหนุ่มแล้วบีบเบาๆ

.......................................................

   เช้าวันจันทร์ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลุกขึ้นมาแต่งตัวแต่เช้า ยังความแปลกใจให้กับแม่ของเขาเป็นอย่างมาก

   “จอห์น ลูกจะไปไหนหรือจ๊ะ แต่งตัวเสียหล่อเชียว”

   “ผมจะไปสภากับพ่อครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ เลดี้บาธแสดงอาการประหลาดใจ

   “แม่ไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม เห็นลูกเคยบ่นว่าที่นั่นน่าเบื่อนี่นา”

   “ตอนไปทัศนศึกษามันน่าเบื่อมากครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยอมรับ “แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันเป็นที่ที่น่าสนใจ”

   ผู้เป็นแม่มองเขา แล้วพูดต่อ “ท่าทางการไปดื่มชากับดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเมื่อวานคงทำให้ลูกคิดอะไรขึ้นมาได้ล่ะสิ”

   คนได้ฟังยิ้ม “ผมแค่คิดว่ามันถึงเวลาที่จะต้องศึกษาเรื่องพวกนี้แล้ว ก็เท่านั้นเองครับ”

   “เอาเถอะ ลูกสนใจเรื่องนี้ก็ดีแล้ว ว่าแต่ลูกคุยกับพ่อเรื่องนี้เมื่อไหร่จ๊ะ”

   “ตะกี้นี่เองครับ ผมแต่งตัวเสร็จก็ไปหาพ่อที่ห้องหนังสือ ตอนแรกเขาคิดว่าฟังผิดด้วยซ้ำ”

   เลดี้บาธยิ้ม “แม่ว่าพ่อต้องดีใจมากเลยล่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า แล้วพูดต่อ “แม่ช่วยดูหน่อยสิครับว่าชุดผมเรียบร้อยดีไหม ผมไม่อยากดูไม่ดีตอนไปถึงที่นั่น”

   เลดี้บาธเดินเข้ามาจัดปกเสื้อและเนกไทให้ลูกชาย “ดูดีแล้วล่ะจ้ะ ชุดนี้ดูสุภาพและเข้ากับลูกมาก โอเดนเบิร์กฝีมือดีจริงๆ”

   ลอร์ดหนุ่มยิ้ม “จริงครับ โชคดีที่ผมได้เขาตัดชุดให้ทั้งตู้”

   “ลูกอย่าลืมเตือนเขาล่ะ แม่กลัวว่าเขาจะตัดชุดสำหรับฤดูหนาวให้ลูกไม่ทันจริงเชียว”

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าไม่ทันใช้ของเก่าไปก่อนก็ได้ ปีนี้ไม่ได้ไปฝรั่งเศสไม่ใช่หรือครับ”

   “ลูกไม่อยากไปฝรั่งเศสหรือจ้ะ” เลดี้บาธถามด้วยความประหลาดใจ ลอร์ดลูกชายพยักหน้า

   “สถานการณ์ที่ฝรั่งเศสตอนนี้ไม่ค่อยดีครับ หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวอยู่บ่อยๆ ว่ามีเหตุระเบิด”

   “ตายจริง แม่ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นด้วยสิ แต่ปารีสคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

   “ปารีสนั่นล่ะครับ เป้าหมายเลย ถ้าผมเป็นพวกอนาคิส จะต้องเล็งปารีสแน่นอน”

   “ลูกนี่พูดจาน่ากลัวจริงๆ” เลดี้บาธว่า “แม่เข้าใจแล้วล่ะว่าลูกไม่อยากไปฝรั่งเศส”

   “ผมว่าเราควรจะไปสวิต ที่นั่นมีภูเขาน้ำแข็ง แล้วก็วิวหิมะสวยๆ อีกอย่างสถานการณ์ที่นั่นก็สงบดี”

   “แม่คงไม่อยากปีนเขาแน่” เลดี้บาธสั่นศีรษะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ

   “แต่ผมไม่ไปฝรั่งเศสแน่ เราไปกันแทบทุกปี ผมเบื่อ”

   “โธ่ ลูกก็ไปอยู่อเมริกาตั้งหลายปีแล้วนี่นา” เลดี้บาธว่า “แต่เอาเถอะ แม่จะลองไปคุยกับเบตตี้เรื่องนี้ เธอน่ะอยากไปปารีส แต่คิดว่าคงจะเปลี่ยนได้ บางทีจอร์จอาจจะมีไอเดียดีๆ ปีนี้ลอร์ดบริสตอลกับมาร์กาเร็ตจะไปกับพวกเราด้วย”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “งั้นผมคงต้องชวนแมกซ์หรือเพื่อนสักคนไปแก้เก้อ เพราะจอร์จดันมีคู่ควงแล้ว”

   เลดี้บาธยิ้ม “ลูกจะชวนเพื่อนๆ ในสโมรสไปก็ได้จ้ะ แม่ว่าไปกันเยอะๆ สนุกดี”

   “ผมคงต้องขอดูก่อนแล้วกันครับว่าจะไปที่ไหนกัน ถ้าลงเอยที่ปารีสผมขออยู่ลอนดอนดีกว่า”

   “แหม... ขนาดนั้นเชียว งั้นแม่คงต้องย้ำกับเบตตี้เรื่องนี้แล้วล่ะ แม่อยากให้เราไปฉลองคริสมาสต์ด้วยกันจ้ะ”

   เลดี้บาธคุยเรื่องนี้กับลอร์ดสามีระหว่างมื้ออาหารเช้า ลอร์ดบาธเห็นด้วยกับลอร์ดโทรว์บริดจ์

   “ผมว่าเราน่าจะไปสวิตเซอร์แลนด์ ที่นั่นมีวิวสวย และอากาศดี อีกอย่างไม่มีเรื่องการเมืองด้วย”

   “พูดเหมือนจอห์จเลย” เลดี้บาธว่า “แต่ฉันไม่อยากไปปีนเขานี่คะ คุณมีที่อื่นอยากไปอีกไหม”

   ลอร์ดบาธมองภรรยาครู่หนึ่ง “นี่ผมคิดว่าคุณจะประหลาดใจที่ลูกจะไปสภากับผมเสียอีก”

   “โอ นั่นก็น่าประหลาดใจจริงๆ ค่ะ แต่ฉันคุยเรื่องนี้กับจอห์นไปแล้ว”

   “ผมสงสัยจริงๆ ว่าเรื่องมันไปไกลถึงที่พักฤดูหนาวได้ไง”

   “มันเริ่มจากฉันจัดเสื้อให้จอห์น แล้วฉันเลยนึกได้ว่าต้องเตือนโอเดนเบิร์กตัดเสื้อของจอห์นให้ทันฤดูหนาว”

   “เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว” ลอร์ดบาธยกมือห้าม “ถ้าเขาตัดให้ไม่ทัน จอห์นคงต้องใช้เสื้อผ้าที่เขาขนมาจากอเมริกา ซึ่งแน่นอนว่าทั้งคุณและผมคงไม่อยากให้เขาใส่เสื้อพวกนี้ไปที่ปารีสแน่ๆ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำท่าจะอ้าปากเถียง แต่ก็เปลี่ยนใจปล่อยให้พ่อของเขาพูดต่อ

   “เพราะงั้น ผมเห็นว่ายังไงเราต้องหลีกเลี่ยงฝรั่งเศส”

   “ตกลงค่ะ” เลดี้บาธพูดออกมาในที่สุด “ในเมื่อพวกคุณมีความเห็นตรงกัน ฉันจะไปบอกเบตตี้เรื่องนี้”

   “ผมแน่ใจว่าวิลเลี่ยมต้องเห็นด้วยในเรื่องนี้” ลอร์ดบาธว่า เขาพูดถึงลอร์ดแอนโดเวอร์

   “หมายถึงเรื่องที่เราจะไม่ไปปารีสหรือคะ”

   “อืม คุณลองไปคุยกับเบตตี้ดูแล้วกัน ถ้านึกไม่ออกก็ถามจอร์จดู ผมว่าเขาน่าจะมีไอเดียดีๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ”

   “ตกลงค่ะ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เลดี้บาธพยักหน้า “ว่าแต่ทำไมจู่ๆ จอห์นถึงจะตามคุณไปที่สภาล่ะคะ ปกติเห็นเขารังเกียจรังงอนจะตาย”

   “ผมคิดว่าคุณจะลืมถามเรื่องนี้เสียล่ะ” ลอร์ดบาธว่า “เมื่อเช้าเขามาบอกผมว่าอยากรู้ว่าที่สภาทำงานกันยังไง ผมยังงงเลย คิดว่าเขาจะแกล้งขออะไรอีก”

   “แหม พ่อครับ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์อดไม่ได้ต้องพูดขึ้นมาบ้าง “ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องเรียนรู้เรื่องนี้ เพราะยังไงเสียสักวันผมก็ต้องทำหน้าที่เดียวกับพ่ออยู่ดี”

   ลอร์ดบาธพยักหน้า ขณะเลดี้บาธมองลูกชายด้วยความประทับใจ “แม่แน่ใจว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีที่สุดวันหนึ่งในชีวิตของลูกจ้ะ”

   “ขอบคุณครับ”

-------------------------------
(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2019 07:18:03 โดย juon »

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   พระราชวังเวสต์มินิสเตอร์ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำเทมส์ เป็นอาคารที่ใช้สถาปัตยกรรมตั้งฉากแบบกอธิค ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมกอธิคยุคที่สามในประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมของอังกฤษ ตัวอาคารสร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยม แนวอาคารตั้งฉากและยาวขนาดไปกับตลิ่ง ก่อให้เกิดเงาสะท้อนบนผืนน้ำอันน่าประทับใจ พระราชวังแห่งนี้เคยถูกไฟไหม้ใหญ่เมื่อปี1834 หลังจากนั้นก็ถูกบูรณะขึ้นใหม่โดยใช้เวลาถึงสามสิบปี ปัจจุบันเป็นที่ประชุมที่สภาทั้งสองสภาจะมาประชุมร่วมกัน คือสภาล่าง (สภาสามัญชน) และสภาบน (สภาขุนนาง)

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เคยมาทัศนะศึกษาที่นี่ เมื่อครั้งเรียนอยู่ที่แคมบริดจ์ ตอนนั้นไม่มีการประชุมสภา สิ่งที่เขาจำได้คือการเดินตามอาจารย์ประจำวิชา และมัคคุเทศก์ไปยังห้องต่างๆ ฟังบรรยายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของพระราชวัง และประวัติศาสตร์การเมืองอังกฤษ ซึ่งก็น่าเบื่อเสียจนลอร์ดหนุ่มแอบเลี่ยงออกไปสูบบุหรี่อยู่หลายครั้ง ที่น่าประทับใจที่สุดนอกจากโดมหลังคาโค้งกับพื้นกระเบื้องแล้ว ก็คงเป็นรูปวาดของเลดี้เจน เกรย์ พระราชินีเก้าวันล่ะมั้ง

   ทว่าคราวนี้เขามาในสถานะผู้ติดตามสมาชิกสภา ไม่ใช่แค่นิสิตที่มาทัศนะศึกษาอีกต่อไป เขาไม่ต้องเดินตามมัคคุเทศก์ ไม่ต้องตอบคำถามอาจารย์ประจำวิชา แม้ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมดูการประชุมสภา แต่เขาได้รับอนุญาตให้พักในห้องพบปะสังสรรค์ ซึ่งจัดไว้สำหรับผู้ติดตามโดยเฉพาะ ที่ห้องนี้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้พบคนที่ไม่คาดคิด

   “โอ้ สวัสดีค่ะจอห์น ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ในชุดกระโปรงผ้าไหมสีน้ำตาล ทับด้วยเสื้อสูท สวมหมวกสตรอว์ประดับโบและลูกไม้ เอ่ยทักเขาด้วยความดีใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์อึ้งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะยิ้มตอบ

   “ไง อเล็กซานดร้า ผมประหลาดใจมากที่ได้พบคุณที่นี่”

   เป็นความจริงอย่างที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กล่าว ในเวสมินิสเตอร์ ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่มักจะเป็นผู้ชาย คงจะมีแต่หญิงรับใช้กับแม่บ้านเท่านั้นกระมังที่เป็นผู้หญิง ดังนั้นการปรากฏตัวของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ ในห้องพบปะสังสรรค์นี้ จึงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยิ้มให้เขา แล้วพูดด้วยท่าทางมั่นใจ “ฉันมาที่นี่ เพื่อมาต่อกรกับสุภาพบุรุษอย่างพวกคุณนี่ล่ะค่ะ”

   “อเล็กซี่” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดกระแอมไอพลางเรียกชื่อญาติสาวของเขา ก่อนจะหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ “ที่จริงแล้วเธอแค่อยากมาเที่ยวชมที่นี่น่ะ นายก็รู้ว่าเธอไม่ค่อยได้มาที่ลอนดอนบ่อยนัก”

   “เสียมารยาทจริงๆ เจเรม” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ตำหนิ “ฉันกำลังถกเถียงกับสุภาพบุรุษพวกนี้ เกี่ยวกับสิ่งที่ผู้หญิงควรได้รับ ดูสิ ที่นี่กำลังมีการประชุมสภา เป็นการประชุมต่อหน้าพระพักตร์พระราชินี แต่เขากลับไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ทั้งๆ ที่พระราชินีเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน”

   “อเล็กซี่” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดเรียกญาติของเขาอีกหน “ฉันคิดว่าเราได้เถียงเรื่องนี้กันพอแล้ว”

   “เป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระโดดเข้าร่วมวงสนทนา “ประเทศเราเคยผ่านการปกครองด้วยผู้หญิงมาหลายยุคหลายสมัย มีภาพของพวกเธอติดอยู่เต็มผนังพระราชวัง แต่ทำไมพวกผู้หญิงคนอื่นๆ ถึงไม่เคยได้รับสิทธิ์เข้าร่วมในการประชุมล่ะ? หรือเพราะพระราชินีกลัวว่าตัวเองจะถูกแย่งอำนาจ เหมือนอย่างเรื่องของเลดี้เจน เกรย์”

   “จอห์น” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดพูดเสียงดัง “มันเป็นการไม่เหมาะสมที่นายจะพูดถึงพระราชินีในแง่นั้น นายก็รู้ว่ามันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาแต่โบราณ ถ้าผู้หญิงสมควรมีสิทธิ์มีเสียงในสภาจริง พวกเธอก็น่าจะได้รับสิทธิ์นั้นนานแล้ว”

   “ถูกต้อง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันถึงสงสัยว่าเป็นเพราะผู้หญิงน่ะใจแคบรึเปล่า”

   “ฉันคิดว่าผู้หญิงไม่ได้ใจแคบ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์แย้งทันที “ถ้าพวกเธอใจแคบ พวกเธอคงจะไม่ยอมอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน ในระหว่างที่สามีหรือพี่ชายน้องชายของพวกเธอออกไปสนุกกันข้างนอกหรอก”

   “มันเป็นหน้าที่” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดว่า “พวกเธอมีหน้าที่ดูแลบ้านเลี้ยงลูก มันเป็นความรับผิดชอบของพวกเธอ ฉันมองไม่เห็นว่านี่เป็นความใจกว้างตรงไหน”

   “โอ้ ใครเป็นคนกำหนดกัน ว่าผู้หญิงมีหน้าที่ดูแลบ้านและเลี้ยงลูก ทั้งที่ผู้ชายก็มีส่วนในการสร้างครอบครัวเหมือนกัน”

   “เพราะผู้ชายต้องทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูผู้หญิงและลูกๆ ของเขาไง” อีกฝ่ายตอบ “งานบ้านน่ะเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับพวกเธอที่สุดแล้ว”

   “ไม่ยุติธรรม” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ผู้หญิงทำอะไรได้เยอะกว่างานบ้าน ปักผ้า หรือร้องเพลง”

   “อะไรล่ะ” อีกคนพูดขึ้น “ผู้หญิงเป็นหมอได้หรือ เป็นวิศวกรได้หรือ สิ่งที่พวกเธอทำเป็นก็แค่ ร้องเพลง ปักผ้า ทำกับข้าว หรือทำงานบ้านเท่านั้นแหละ และนั่นก็เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเธอควรมี”

   “นั่นเพราะพวกเธอไม่เคยได้รับโอกาสต่างหาก” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ไม่ยอมแพ้ “ฉันกล้าพูดได้เลยว่า ถ้าพวกคุณยอมให้ผู้หญิงเรียนหมอ เรียนฟิสิกส์ เรียนเคมี พวกเธอจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้า”

   “เหลวไหล”

   “เป็นความจริง” เธอว่า “เพราะพวกผู้ชายรู้ว่าผู้หญิงสามารถทำได้ พวกเขาเลยพยายามกีดกันพวกเราออกไป แน่จริงก็ลองให้พวกผู้หญิงมีโอกาสได้เรียนอย่างที่ผู้ชายเรียนดูสิ จะได้พิสูจน์ให้รู้กันไปเลยว่าพวกเธอทำได้จริงรึเปล่า”

   “ผมเห็นด้วยนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เรื่องที่อเล็กซานดร้าพูดนั้นน่าสนใจจริงๆ ผมคิดว่าเราควรจะเอาแนวคิดของเธอเข้าไปเสนอในสภา”

   “จอห์น นายไม่มีสิทธิ์เรื่องนี้” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดว่า “นายไม่ได้เป็นสมาชิกสภา”

   “อ้อ... แต่พ่อฉันเป็น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “และฉันคิดว่าประเด็นนี้ควรจะถูกหยิบมาถกอย่างสาธารณะ ในสถานที่ที่มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงเท่าๆ กัน เพราะตอนนี้เท่าที่เห็น เหมือนพวกนายทั้งห้องกำลังพยายามจะเอาชนะสุภาพสตรีตัวคนเดียวอยู่ ฟังดูไม่ค่อยดีสำหรับสุภาพบุรุษนะ ว่าไหม”

   ทุกคนในห้องต่างมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยความหมั่นไส้ หนึ่งในนั้นพูดขึ้น “แล้วนายคิดว่าตัวเองดูดีนักหรือไงที่พูดแบบนั้น ทั้งที่จริงๆ แล้วนายก็เป็นผู้ชายเหมือนพวกเรา”

   “เปล่าเลย” ลอร์ดหนุ่มตอบ “ฉันแค่พูดอย่างที่ฉันเห็น และฉันไม่คิดว่าการที่ฉันเห็นไม่ตรงกันกับพวกนาย มันเกี่ยวกับการที่ฉันเป็นผู้ชายเหมือนพวกนายตรงไหน ไม่มีอะไรกำหนดว่าเพศเดียวกันต้องมีความเห็นไปในแนวทางเดียวกันเสียหน่อย”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ “ที่จริงฉันเองก็ไม่อยากพูดนัก แต่ฉันเห็นด้วยกับจอห์น ว่าเราควรจะเถียงเรื่องนี้กันในที่ที่มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ในจำนวนพอๆ กัน เพราะงั้นนะ... เราควรจะหยุดเถียงเรื่องนี้กันได้แล้ว”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์อ้าปากเหมือนอยากจะเถียงอะไร แต่ถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรกขึ้น

   “อเล็กซานดร้า ผมว่าเราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”

----------------------------------------

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เดินตามลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก พอเขาหยุดที่ระเบียง เธอก็เปิดฉากพูดทันที

   “ที่คุณพูดเมื่อครู่ดีมากค่ะ แต่ฉันรู้ว่าที่คุณพูดแบบนั้น เพราะต้องการดึงฉันออกมา ซึ่งนั่นทำให้ฉันค่อนข้างหงุดหงิดมาก”

   “ผมยอมรับว่าผมมีจุดประสงค์แบบนั้นจริงๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาหันมามองเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ “มันไม่มีประโยชน์ที่คุณจะยืนกรานหรือพูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่คุณคิด ในสภาพที่ไม่มีใครเห็นด้วยหรือเข้าใจเหตุผลของคุณ สิ่งที่คุณต้องทำคือออกมาตั้งหลัก หาพวก หาข้อพิสูจน์ แล้วถึงค่อยกลับไปต่อสู้ใหม่ หากคุณต้องการเอาชนะอะไรสักอย่าง คุณต้องทำตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบก่อน นั่นล่ะคือสิ่งที่ผมอยากจะบอกคุณ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จ้องลอร์ดโทรว์บริดจ์อยู่พัก จากนั้นเธอก็ขบริมฝีปากพลางบิดมือไปมา “คุณทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองโง่ไปถนัด”

   “โอ... ผมไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองเขา

   “แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” เธอพูด แล้วถามต่อ “ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่หรือคะ”

   “พ่อผมมาประชุม ผมเลยขอติดมาด้วย อยากจะมาศึกษาดูงานน่ะ”

   “อ้อ เหมือนกันเลยค่ะ ท่านพ่อของฉันก็มาประชุมสภาเหมือนกัน”

   “ท่านดยุกมาลอนดอนหรือ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พยักหน้า “ค่ะ ท่านพ่อจะพักอยู่ที่นี่ประมาณหนึ่งสัปดาห์”

   “งั้นผมคงต้องหาโอกาสไปเยี่ยมแล้วล่ะ”

   “วันศุกร์นี้เราจะจัดงานเลี้ยงค่ะ ท่านพ่อคงดีใจมากถ้าคุณจะไปร่วมงาน”

   ลอร์ดหนุ่มคลี่ยิ้ม “จะว่าอะไรไหม ถ้าผมชวนเพื่อนไปด้วย”

   “ดีสิคะ ฉันอยากรู้จักเพื่อนๆ ของคุณค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “เพื่อนคุณชื่ออะไรบ้างคะ ฉันจะได้เขียนจดหมายเชิญให้”

   “มิสเตอร์กอร์ดอน โอเดนเบิร์ก กับลอร์ดจอร์จ เฟลตัน”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เดินไปที่โต๊ะเขียนจดหมาย แล้วเขียนจดหมายขึ้นมาสามฉบับ ใช้กระดุมแขนเสื้อจุ่มหมึกแทนตราประทับ แล้วพับใส่ซองส่งให้ลอร์ดหนุ่ม

   “ว้าว ผมเพิ่งรู้ว่าคุณติดกระดุมที่แขนเสื้อเหมือนผู้ชาย”

   “ฉันว่ามันเก๋ดีออกค่ะ” อีกฝ่ายตอบยิ้มๆ “คราวหน้าฉันจะใส่กางเกงมาสภาด้วย ให้ทุกคนเห็นว่าผู้หญิงก็มีสิทธิเท่าเทียมผู้ชายเหมือนกัน”

   “แต่ผมคงไม่ยอมไปใส่กระโปรงแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขำๆ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จ้องเขา

   “คุณอย่าลืมนะคะว่าผู้ชายสก็อตแลนด์น่ะใส่กระโปรง เพราะงั้น ผู้ชายก็ใส่กระโปรงได้เหมือนกัน”

   “เอาล่ะ ผมไม่เถียงคุณแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดบท อีกฝ่ายจึงพูดต่อ

   “บอกเพื่อนคุณด้วยนะคะว่าฉันขออภัยที่ไม่ได้มาเชิญด้วยตัวเอง แต่ฉันอยากให้พวกเขาไปจริงๆ รวมถึงคุณด้วยค่ะ”

   “ตกลง ผมจะบอกพวกเขาให้”

-----------------------------------------

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกมาจากเวสมินิเตอร์ในช่วงพักการประชุม เขาเรียกรถม้าให้ไปส่งที่คฤหาสน์ของลอร์ดแอนโดเวอร์ และเห็นว่ารถม้าที่มีตราของคฤหาสน์เดลจอดอยู่แล้ว

   “ฉันเดาว่าแม่คงมาคุยเรื่องบ้านพักตากอากาศฤดูหนาวกับแม่นายสินะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดหลังทักทายเพื่อนรักที่เดินเข้ามาใสห้องรับแขก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่แล้วนั่งลงตรงข้ามเขา

   “ถูกเลย ตะกี้แม่เพิ่งเรียกฉันไปถามว่าเราควรไปไหนดี เพราะนายกับพ่อนายยืนยันว่าจะไม่ไปฝรั่งเศส”

   “ใช่ ฉันว่าช่วงนี้ฝรั่งเศสอันตราย”

   “ฉันก็ว่างั้น แม้ฉันจะอยากไปดูหิมะที่นั่นกับมาร์กาเร็ตก็เถอะ”

   “นี่ฉันทำให้แผนการของพวกนายต้องสะดุดรึเปล่า”

   “ไม่ๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันปฏิเสธ “ฉันเลยเสนอว่าเราจะไปเวนิสกัน”

   “เวนิส อิตาลีหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทวนคำ “ฉันไม่เคยคิดถึงที่นั่นมาก่อน”

   “เพราะนายเคยชินกับการออกไปผจญภัยไง ได้ยินว่านายเสนอว่าจะไปสวิตเซอร์แลนด์ แต่ทั้งแม่นายและแม่ฉันเห็นตรงกันว่าจะไม่ไปที่นั่น คงกลัวว่าชุดที่สั่งตัดมาใหม่จะจมไปในหิมะล่ะมั้ง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ ขณะที่เพื่อนรักพูดต่อ “ฉันเลยเสนอเวนิสไป ได้ยินว่าที่นั่นในหน้าหนาวสวยมาก อีกอย่างอากาศก็ไม่ได้หนาวมากด้วย เราอาจจะออกมาเดินเล่นชมเมืองได้ทั้งวัน โดยไม่ต้องนั่งหมกตัวอยู่หน้าเตาผิง หรือจะล่องเรือก็ได้ ฉันว่าจะไปคุยกับเอ็ดดี้เรื่องนี้ เขาเคยไปพักที่นั่นอยู่บ่อยๆ”

   “ดี ฉันว่าไปเวนิสก็ดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นด้วย “น่าอิจฉาชะมัดที่นายได้ไปกับมาร์กาเร็ต ฉันอยากให้กอร์ดอนไปด้วยจัง”

   “มันคงยากอยู่เพราะเขาไม่ใช่ญาติส่วนไหนของนาย เออ จริงสิ ฉันเพิ่งไปเยี่ยมแมกซ์มา นายนี่ร้ายจริงเชียว ทำยังไงถึงให้มิสเฮเก้นต์ไปเป็นพยาบาลให้เขาได้”

   “ไม่ใช่ฉันหรอก กอร์ดอนต่างหาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ฉันแค่ช่วยพาเธอไปหาแมกซ์เท่านั้นเอง แล้วแมกซ์เป็นไงบ้าง”

   “เขามีความสุขมาก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ฉันพนันเลยว่าถ้าทำได้เขาคงอยากป่วยแบบนี้อีกพักใหญ่ๆ เธอดูแลเขาดีมาก ฉันเห็นแล้วยังอิจฉาเลย”

   “ก็หวังว่าเขาจะหายทันซ้อมแข่งรักบี้นะ”

   “ฉันย้ำเรื่องนี้กับเขาแล้ว หมอบอกว่าอีกสองสัปดาห์เขาจะกลับไปซ้อมได้ แต่ต้องเป็นการซ้อมเบาๆ เท่านั้น”

   “ก็ยังดี ฉันคิดว่าแมกซ์คงหายเร็วขึ้นเพราะมีพยาบาลดีนั่นแหละ”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ได้ยินแม่นายบอกว่าวันนี้นายไปสภากับพ่อหรือ”

   “ใช่ แต่ฉันขอกลับมาก่อน คงประชุมกันจนถึงเย็นหรือไม่ก็ดึกโน่นล่ะ”

   “ฉันก็ว่า อย่างนายไม่น่าจะทนอยู่จนจบการประชุมได้แน่”

   “ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปฟังหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ได้ไปอยูห้องพักผู้ติดตามแทน ที่นั่นมีคนน่าสนใจอยู่ ฉันเจออเล็กซานดร้ากับเจเรมี่ด้วย”

   ลอร์ดจอร์จเฟลตันเลิกคิ้ว “อเล็กซานดร้า... นายหมายถึงเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ คนที่ทำให้นายติดแหง็กอยู่กับเธอได้ตั้งหลายวันน่ะหรือ”

   “ฉันไม่ได้ติดแหง็ก ฉันแค่ต้องรักษามารยาท”

   “เอาเถอะๆ ว่าแต่ผู้หญิงอย่างเธอไปโผล่ที่เวสต์มินิสเตอร์ได้ยังไง”

   “เธอต้องการไปดูการประชุมสภา อย่าลืมว่าพ่อของเธอเป็นถึงดยุกแห่งเคมบริดจ์เชียวนะ”

   “ถึงงั้นก็เถอะ ฉันไม่คิดว่าผู้หญิงจะเหมาะกับการไปที่นั่นนะ พวกเธอควรอยู่ที่อื่นมากกว่าสภา”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “ถ้าเธอได้ยินต้องโมโหมากแน่ ตอนฉันพบเธอ เธอกำลังทุ่มเถียงอยู่กับบรรดาสุภาพบุรุษเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พอดี”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลิกคิ้ว “ท่าทางเธอเป็นผู้หญิงหัวแข็งน่าดู ใครแต่งงานกับเธอต้องปวดหัวตายแน่”

   “แพททริกกำลังจีบเธออยู่ เขาจริงจังมาก”

   “แพททริกหรือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทวนแล้วหัวเราะ “ฉันชักอยากเห็นเลดี้อเล็กซานดร้าคนนี้เสียแล้วสิ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “นายได้โอกาสนั้นแน่จอร์จ เพราะฉันเพิ่งบอกให้เธอเขียนบัตรเชิญนายไปงานเลี้ยงค่ำวันศุกร์นี้”

   “อะไรนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้อง ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงหยิบจดหมายยื่นให้เขา

   “เอ้า นี่จดหมายเชิญของนาย”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรับจดหมายมา “ล้อกันเล่นแน่ๆ ทำไมนายถึงให้เธอเชิญฉันไปที่งานเลี้ยงด้วย ฉันมั่นใจว่าเธอต้องการเชิญแค่นายคนเดียว”

   “เพราะฉันบอกว่าอยากจะพาเพื่อนๆ ไปด้วย”

   “มาร์กาเร็ตฆ่าฉันแน่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “ทำไมนายไม่บอกชื่อคนอื่น”

   “ก็แมกซ์ไม่สบายอยู่”

   “เอ็ดดี้ก็ได้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยังไม่ยอมลดละ “มีคนอื่นว่างอีกตั้งเยอะแยะ”

   “ฉันให้เธอเชิญกอร์ดอนไปด้วยน่ะ”

   คราวนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถึงกับเบิ่งตามองเพื่อนรักเหมือนเห็นสัตว์ประหลาด “อะไรนะ นายให้เธอเชิญกอร์ดอนไปด้วยหรือ”

   “อืม”

   “อย่าบอกนะว่านายจะพากอร์ดอนไปควงให้เลดี้อเล็กซานดร้าเห็นว่าเขาเป็นคนรักของนายน่ะ”

   “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ฉันแค่อยากให้เขาได้เข้าสังคมบ้าง”

   “ให้ตาย จอห์นนี่ นายไม่รู้หรือไงว่ากอร์ดอนอึดอัดกับงานเลี้ยงแบบนั้นมาก คราวก่อนที่นายเชิญเขาไปงานเลี้ยงของตัวเอง เขาเกร็งมากนะ ถ้าฉันไม่คอยชวนคุยมีหวังเขาคงไปนั่งหลบในมุมมืดแน่”

   “เพราะงั้นฉันถึงให้เธอเชิญนายด้วยไงจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบยิ้มๆ “อย่างน้อยๆ ถ้านายไม่ยืนเป็นเพื่อนกอร์ดอน ก็ต้องกันฉันจากอเล็กซานดร้าได้แน่”

   “นายเห็นฉันเป็นไม้กันหมาเรอะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้อง “เอาเถอะ เรื่องอเล็กซานดร้าฉันคงพอช่วยนายได้ แต่นายต้องแก้ตัวกับมาร์กาเร็ตให้ฉันด้วย ส่วนเรื่องกอร์ดอน...”

   “ทำไม นายไม่อยากให้เขาไปด้วยหรือ”

   “ไม่ใช่ ฉันไม่ได้รังเกียจอะไรกอร์ดอน แต่นี่ไม่ใช่งานเลี้ยงส่วนตัวของนายนะจอห์นนี่ ฉันพนันได้เลยว่าต้องมีหลายคนจำเขาได้ว่าเขาเป็นช่างตัดเสื้อ และเขาคงไม่ดีใจแน่ นายก็รู้ว่าคนทำงานแบบเขาไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมของเราหรอก”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หวนนึกถึงครั้งแรกที่เขากึ่งชวนกึ่งบังคับกอร์ดอนไปงานเลี้ยงต้อนรับของตัวเอง ตอนนั้นกอร์ดอนเองก็มีท่าทีเหนื่อยหน่ายและอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดว่าเจ้าตัวคงเพลียจากงานที่ทำ และพ่อของเขาก็ดูประหลาดใจมากที่เห็นช่างตัดเสื้อในงานนั้น ลอร์ดหนุ่มถอนหายใจแรง

   “ทำไมเขาถึงไม่ได้รับการยอมรับนะ ทั้งๆ ที่ขุนนางใหญ่ๆ หลายคนสวมชุดที่เขาตัด ถ้าไม่มีกอร์ดอน จะมีชุดสวยๆ แบบนั้นใส่ไปออกงานหรือ ถึงเขาจะเป็นคนทำงานหาเช้ากินค่ำ แต่เขาก็ทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี และมารยาทของเขาก็ดีกว่าฉันด้วยซ้ำ”

   “มันเป็นแค่มุมมองของนายคนเดียวจอห์นนี่ แม้ฉันจะเห็นด้วยก็เถอะเรื่องมารยาท แต่กอร์ดอนไม่น่ามีความสุขนักกับงานเลี้ยงหรอก เขาไม่ใช่คนที่ทะเยอทะยานเสียด้วย”

   “แต่ฉันอยากให้เขาไปนี่นา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันอยากได้อเล็กซานดร้าได้พบเขา แม้ฉันจะบอกเธอเต็มปากเต็มคำไม่ได้ว่าเขาเป็นคนรักของฉันก็เถอะ”

   “ด้วยเหตุผลที่นายว่ามาเนี่ย นายควรจะไปคุยกับกอร์ดอนก่อน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสรุป “เพราะฟังแล้วมันเป็นเหตุผลส่วนตัวมากๆ นายเคยเล่าเรื่องอเล็กซานดร้าให้เขาฟังหรือยัง”

   “เปล่า”

   “งั้นนายควรจะเล่าให้เขาฟังด้วย แล้วดูว่าเขาเต็มใจจะไปงานเลี้ยงนี้กับนายไหม”

   “ตกลง ฉันจะไปคุยเรื่องนี้กับกอร์ดอน แต่ยังไงนายต้องไปงานนี้เป็นเพื่อนฉัน”

   “ได้ นายช่วยแก้ตัวกับมาร์กาเร็ตให้ฉันด้วยแล้วกัน”

----------------------------------------------

   กอร์ดอนรีบวางงานที่ทำอยู่ทั้งหมด เมื่อเดวิดวิ่งมาบอกว่าคนที่กดออดคือใคร ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งรออยู่บนห้องนั่งเล่นชั้นสองแล้วตอนที่เขาเดินขึ้นไป กอร์ดอนเอ่ยทักทายลอร์ดหนุ่มด้วยความดีใจ

   “สายัณห์สวัสดิ์ จอห์น ดีใจจังที่วันนี้คุณแวะมา”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มและลุกขึ้นไปสวมกอดคนรัก “ผมมารบกวนเวลางานของคุณรึเปล่า”

   “ไม่หรอกครับ ผมปิดร้านแล้ว” กอร์ดอนตอบ แล้วเงยหน้าขึ้นจูบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงใช้มือประคองใบหน้าของเขาไว้ พลางจูบตอบจนอีกฝ่ายหน้าแดง

   “ชื่นใจจัง” ลอร์ดหนุ่มพูดหลังผละริมฝีปากออกมาแล้ว กอร์ดอนยิ้มเขินๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงจูบเขาเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะดึงให้อีกฝ่ายนั่งลงข้างตัว

   “ยอดรัก คุณจำเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ได้ไหม”

   “ใครหรือครับ”

   “อ้อ... เธอเป็นบุตรีของดยุกแห่งแคมบริดจ์ ตอนที่ผมต้องไปมิลตันกะทันหันไง”

   คราวนี้กอร์ดอนพยักหน้า “จำได้ล่ะครับ แต่คุณไม่ได้บอกชื่อเธอ”

   “งั้นหรือ”

   “ครับ คุณบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่นั่นมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่อาจจะทำให้เธอเสียเกียรติได้ คุณเลยไม่ได้เล่าให้ผมฟัง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ก็จริง แต่ผมยืนยันกับคุณแล้วว่าผมไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว”

   “คุณบอกว่าเธอเหมือนน้องสาวคุณ” กอร์ดอนว่า “จริงๆ ผมเองก็อยากจะเห็นเธอสักครั้งเหมือนกัน อยากรู้ว่าน้องสาวคุณจะเป็นเลดี้ท่าทางแบบไหน ท่าทางคงจะแก่นแก้วน่าดู”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม “งั้นผมก็มีข่าวดี เพราะเธอเพิ่งเขียนจดหมายเชิญคุณให้ไปงานเลี้ยงวันศุกร์นี้”

   “อะไรนะครับ” กอร์ดอนร้องขึ้นมา อีกฝ่ายจึงพูดต่อ

   “เธอมาที่ลอนดอนกับท่านดยุก ผมเผอิญพบเธอเมื่อเช้า เลยให้เธอเขียนจดหมายเชิญคุณไปงานเลี้ยงด้วย”

   “เดี๋ยวนะ” กอร์ดอนพูดพลางนิ่งคิดอึดใจ “คุณให้เธอเชิญผมหรือครับ”

   “ใช่ เพราะผมอยากจะพาคุณไปที่นั่นด้วย”

   “โอ้ จอห์น” กอร์ดอนคราง “ผมไม่ได้ตัดเสื้อให้ท่านดยุกแห่งแคมบริดจ์ แต่แน่ใจว่าแขกที่ได้รับเชิญไปงานไม่น้อยต้องเป็นลูกค้าของผม”

   “แล้วไง”

   “มันออกจะไม่สมควร...”

   “เหลวไหลน่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ถึงคุณจะเป็นช่างตัดเสื้อ แต่ก็เป็นที่เอ็นดูของท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด หนำซ้ำคุณยังเป็นคนรักของผม ถึงแม้คุณจะไม่ได้เกิดในตระกูลสูง แต่คุณก็มีเกียรติพอที่จะงานนั่น”

   กอร์ดอนยิ้มพลางสั่นศีรษะ “ผมไม่ค่อยคุ้นกับงานแบบนั้นหรอกครับ อีกอย่างผมไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

   “หมายความว่าคุณจะปล่อยให้ผมถูกผู้หญิงอื่นควงหรือ”

   “ไม่ครับ ไม่มีทาง” กอร์ดอนฉุนกึกขึ้นมาทันที แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับยิ้ม

   “งั้นก็ไปงานเลี้ยงกับผมเถอะ ไปอย่างเต็มภาคภูมิในฐานะคนรักของผมเลย”

   “แต่...”

   “ผมรู้ว่าเราคงประกาศชัดเจนไม่ได้ แต่เราไปที่นั่นด้วยความรู้สึกเดียวกันได้ อีกอย่างผมชวนจอร์จไปด้วย คุณไม่ต้องกังวลหรอกว่าจะมีใครผิดสังเกต อย่างมากพวกเขาก็จะเห็นแค่สุภาพบุรุษสามคนที่สนิทกันมากเท่านั้นเอง”

   กอร์ดอนเม้มริมฝีปาก สุดท้ายก็หลุดยิ้มออกมา “จอห์น คุณนี่... จริงๆ เลย หลอกผมให้ไปงานกับคุณจนได้”

   “ผมเปล่าหลอกนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมแค่พูดสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น แล้วคุณก็ตกลงเอง... ผมดีใจมากเลยที่เห็นคุณแสดงออกว่าหึงผม”

   กอร์ดอนชกแขนลอร์ดหนุ่มเบาๆ “บ้าจริง สัญญาสิครับว่าคุณจะไม่ทำอะไรให้ผมหึง”

   “งั้นผมต้องเต้นรำกับคุณคนเดียวตลอดทั้งงาน แน่นอนว่าผมเต็มใจมาก”

   “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ ผมไม่ได้หึงผู้หญิงทุกคนที่คุณเต้นรำด้วยเสียหน่อย”

   “พูดจริงหรือ”

   “จริงสิครับ ตอนไปนีสเด้นคุณยังเต้นกับคนอื่นตั้งหลายคน ผมยังไม่คิดอะไรเลย”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แต่คุณเต้นรำไม่เก่ง ผมคงต้องทำหน้าที่เป็นคู่เต้นคุณไปจนจบงาน”

   “ไม่ต้องเลยจอห์น” กอร์ดอนว่า “เดี๋ยวจะเป็นที่ผิดสังเกตเข้าจริงๆ นะครับ คุณน่าจะแนะนำเลดี้อเล็กซานดร้าให้ผมรู้จัก ผมรู้สึกว่าเธอน่าสนใจมาก”

   “อืม ผมตั้งใจจะแนะนำคุณให้เธออยู่แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ตกลงว่าไปกับผมนะ ยอดรัก”

   “ครับ แต่ผมจะไม่เต้นรำกับคุณจนจบงานนะ”

   ลอร์ดหนุ่มหัวเราะ ขณะที่ช่างตัดเสื้อเอนตัวซบไหล่เขาแล้วยิ้มบางๆ

-------------------------------------`

(จบตอน)

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
นึกว่าตาฝาด

สองคนนี้หนทางอีกยาวไกล

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
รักทุกตัวอักษรเลย ขอบคุณมากนะคะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไรท์ มาแล้ว   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ความลับจะแตกเพิ่มมั้ยนะ  :mew2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ 5577

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดีใจจัง มาต่อแล้ว  o13

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เข้าใจนะ อีกคนก็อยากเปิดตัวเหลือเกิน อีกคนก็เกรงๆ อยู่ในมุมของตัวเอง เอาใจช่วยนะ สู้ๆ ทั้งสองคน
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่42 คนรัก

   กอร์ดอนยืนอยู่หน้ากระจก เขากำลังคิดว่าตัวเองตอบตกลงไปงานเลี้ยงของท่านดยุกแห่งแคมบริดจ์ได้อย่างไร แต่พอนึกถึงสีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอนที่พูดว่าถ้าเขาไม่ไป เจ้าตัวคงโดนหญิงรุมล้อม เขารู้สึกว่าจะต้องไปให้ได้ ถึงไปแล้วจะทำอะไรไม่ได้ก็ตามเถอะ

   ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นคนขี้หึงขนาดนี้

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มารับเขาตรงตามเวลาที่นัด ลอร์ดหนุ่มดูหล่อเหลาเช่นเคยในชุดทักซิโดส์ที่เขาตัดให้

   “ว้าว คุณดูดีมากในชุดทักซิโดส์แบบนี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่าหลังจากยื่นมือให้เขายุดขึ้นรถม้า “ผมทรงใหม่นี่ดูเข้ากับคุณมาก”

   “ขอบคุณครับ” กอร์ดอนว่า “ผมฉวยจังหวะตอนพักเที่ยงเมื่อวานไปที่ร้านตัดผม คิดว่าถือโอกาสตัดเสียเลย เพราะผมไม่ได้ตัดผมมานานแล้ว”

   “ผมทรงไหนคุณก็ดูดีทั้งนั้นล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณเคยพบดยุกแห่งแคมบริดจ์แล้วหรือยัง”

   กอร์ดอนสั่นศีรษะ ลอร์ดหนุ่มจึงพูดต่อ “เขาเป็นคนสนุกสนาน ไม่ดุเลยถ้าเทียบกับดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด และเป็นคนหัวสมัยใหม่มากด้วย ไว้ผมจะแนะนำคุณให้เขารู้จัก”

   “ไม่ต้องหรอกครับ” กอร์ดอนว่า “ท่านดยุกคงไม่ชอบใจที่มีช่างตัดเสื้อไปงานเลี้ยงหรอกครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ “ใจคอคุณจะไม่ไปทักทายเจ้าของงานเลี้ยงหน่อยหรือ มันเสียมารยาทนะ อีกอย่างเป็นช่างตัดเสื้อแล้วทำไม คุณมีจดหมายเชิญแถมไปกับผมนะ ท่านดยุกไม่ว่าอะไรหรอก”

   กอร์ดอนนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า “ตกลงครับ ผมไม่อยากเสียมารยาทกับท่านดยุก”

----------------------------------------

   งานเลี้ยงจัดขึ้นที่คฤหาสน์ของเซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ด แม้จะไม่ใหญ่โตโอ่อ่าเท่ากับคฤหาสน์ของท่านมาร์ควิสแห่งบาธ หรือของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นคฤหาสน์ที่สวยงามหลังหนึ่ง สนามหญ้าด้านหน้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี มีรูปสลักจากหินอ่อน และน้ำพุอยู่กลางสวน ประดับรอบด้วยไม้พุ่มสีเขียวที่ตัดแต่งเป็นทรงสวยงาม พอทั้งสองคนลงจากรถ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็เดินเข้ามาทักทันที

   “ไงจอห์นนี่ กอร์ดอน ว้าว ผมทรงใหม่ของนายดูดีมาก”

   “สายัณห์สวัสดิ์ครับลอร์ดจอร์จ มานานหรือยังครับ”

   “ไม่นานหรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ “ฉันมารอพวกนาย ไม่อยากเดินดุ่มๆ เข้าไปคนเดียวน่ะ”

   กอร์ดอนมีสีหน้าแปลกใจ “ทำไมหรือครับ ผมไม่คิดว่าคนระดับคุณจะเกร็งกับงานเลี้ยงแบบนี้”

   “ไม่ใช่หรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบแทนให้ “จอร์จแค่กลัวว่าถ้าเดินเข้าไปคนเดียวแล้วเกิดเจอสาวๆ ที่เขาเคยเกี้ยวเข้าล่ะก็ เรื่องมันจะลำบากเอาน่ะ”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันไม่ปฏิเสธ เขายักไหล่ แล้วพูดต่อ “ฉันไม่ได้บอกมาร์กาเร็ตเรื่องนี้ แต่คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรนักหรอก ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าฉันมีคู่หมั้น”

   กอร์ดอนพยักหน้า จากนั้นทั้งสามคนก็ชวนกันเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ด้านในโอ่โถงไม่แพ้ด้านนอก ทางเดินประดับด้วยงานศิลปะล้ำค่า และรูปเหมือนของเจ้าของคฤหาสน์ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอธิบายว่าเซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดสืบทอดคฤหาสน์นี้ต่อจากพ่อของเขา ส่วนแม่ของเขาเป็นน้องสาวของดยุกแห่งแคมบริดจ์ แม้ตำแหน่งขุนนางของเขาจะไม่สูง แต่เรื่องความร่ำรวยไม่เป็นสองรองใคร

   ห้องโถงที่ใช้จัดงานเต็มไปด้วยผู้คนหนาตา ต่างแต่งตัวงดงาม บรรดาสุภาพสตรีสวมกระโปรงผ้าไหม และหมวกทรงเก๋ไก๋ตามแฟชั่น ส่วนเหล่าสุภาพบุรุษสวมทักซิโดส์สีดำ ห้อยสายนาฬิกาที่ทำจากทองคำประดับตุ้มห้อยเล็กๆ สวมหมวกทรงสูง และสวมรองเท้าหนังที่ถูกขัดจนมันวาว

   กอร์ดอนนึกดีใจที่เขาตัดสินใจไปซื้อหมวกทรงสูงใหม่มาใบหนึ่งหลังแวะไปตัดผม มันทำให้เขารู้สึกมั่นใจเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ท่ามกลางงานเลี้ยงแบบนี้ ส่วนสายนาฬิกาของเขา ถึงจะไม่มีตุ้มห้อย แต่ก็ทำจากทองเหมือนกัน

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ปราดเข้ามาทักทายลอร์ดโทรว์บริดจ์หลังจากพวกเขาเข้าไปในห้องได้ไม่นาน เธอเป็นสาวรุ่น สวมชุดผ้าไหมสีส้มสดใส ท่าทางแก่นแก้วต่างจากเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอย่างสิ้นเชิง

   “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะจอห์น ดีใจจังที่คุณให้เกียรติมา”

   “ก็คุณอุตส่าห์เชิญแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้มลงจุมพิตหลังมือของเธอเป็นการทักทาย ก่อนจะแนะนำเพื่อนๆ ของเขา

   “นี่จอร์จ ส่วนนี่กอร์ดอน”

   ทั้งสองจุมพิตมือของเลดี้เป็นการทักทายเช่นเดียวกัน กอร์ดอนเงอะงะเล็กน้อย เพราะเขาไม่ค่อยได้ทำแบบนี้บ่อยนัก

   “เพื่อนๆ ของคุณช่างน่ารักจังค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ตอบ เธอแทบไม่ละสายตาจากลอร์ดโทรว์บริดจ์เลย “มาค่ะ ฉันจะพาพวกคุณไปพบท่านพ่อ”

   ดยุกแห่งแคมบริดจ์เป็นชายวัยห้าสิบเศษ ผมสีออกเทา ดวงตาสีเขียวสดใสเช่นเดียวกับลูกสาว ที่ยืนอยู่ข้างเขาคือดัชเชสแห่งแคมบริดจ์ เธอเป็นสาวสวย ผมสีน้ำตาลแดง แม้จะอายุไม่น้อยแล้ว แต่ก็ยังดูดีจนน่าประทับใจ

   “ไง จอห์น” ท่านดยุกเอ่ยทัก “เห็นพ่อเธอบอกว่าเธอจะมาพร้อมเพื่อนๆ หรือ”

   “ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า เขาก้มลงทักทายท่านดยุก “นี่เพื่อนๆ ของผม จอร์จกับกอร์ดอน”

   “อ้อ นี่ใช่ใช่ลูกชายคนเล็กของเฟอร์ดินานกับเบเน็ตตารึเปล่า”

   “ครับ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ท่านรู้ได้ไงครับ”

   ดยุกแห่งแคมบริดจ์หัวเราะ “ก็หน้าตาเธอเหมือนแม่เธอยังกะแกะ ส่วนจมูกนี่ได้พ่อมาเต็มๆ เลย”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยิ้มเขินๆ ขณะที่ท่านดยุกพูดต่อ “พ่อแม่กับพี่ชายเธอเพิ่งมาทักฉันเมื่อครู่นี้เอง ยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมเธอไม่มาด้วยกัน”

   “จอห์นนี่จองตัวผมไว้ก่อนครับ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ “ถ้าไม่มีผมเขาคงจะงอแงมาก”

   “น้อยๆ หน่อย จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ติง “ฉันแค่อยากให้เรามาด้วยกันสามคน”

   “จริงสิ เธอชื่อกอร์ดอนใช่ไหม หน้าตาไม่คุ้นเลย อยู่ที่ไหนหรือ”

   “ถนนบรอมพ์ตันครับ” กอร์ดอนตอบไปตามตรง เขาเริ่มรู้สึกอึดอัด แต่ไม่รู้ว่าควรจะปลีกตัวออกไปยังไง

   “โอ้ กลางเมืองเลยนี่ ไม่ต้องเขินหรอก ฉันรู้ว่าจอห์นมีเพื่อนเป็นคนสามัญก็เยอะ เธอมากับเขาด้วยก็คงสนิทกันมากเลยสินะ”

   “มากครับ ผมเคยรบกวนเขาหลายอย่างเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบแทนให้ “กอร์ดอนเป็นเพื่อนที่ดีมาก แม้ว่าพวกเราจะได้รู้จักกันไม่นานก็ตาม”

   “งั้นหรือ” ท่านดยุกว่า ก่อนจะหยุดไปเพราะคนรับใช้เข้ามากระซิบข้างหู

   “ขอตัวก่อนนะ” จากนั้นจึงลุกขึ้น แล้วจูงมือเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ออกไปด้วย ทั้งสามคนจึงรีบปลีกตัวออกมา

   “นี่พ่อแม่ของพวกคุณสองคนก็มางานนี้ด้วยหรือครับ” กอร์ดอนกระซิบถามด้วยความตกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า

   “นี่งานเลี้ยงของดยุกแห่งแคมบริดจ์นะ ถ้าพ่อแม่พวกเราไม่มาสิแปลก”

   “ผมนี่โง่จริง” กอร์ดอนว่า “รีบกลับดีกว่า”

   “ไม่เอาน่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นายอุตส่าห์มาแล้ว อย่างน้อยๆ ก็อยู่ดื่มกันสักแก้วสองแก้วก่อน”

   “คุณรู้สึกแย่มากเลยหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอย่างเป็นกังวล อีกฝ่ายสั่นศีรษะ

   “ไม่หรอกครับ แต่ถ้าผมถูกท่านดยุกถามต่อต้องไปไม่เป็นแน่ ดีที่ท่านลุกออกไปเสียก่อน”

   “นั่นสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเห็นด้วย “ว่าแต่ใครกันที่ดยุกแห่งแคมบริดจ์ถึงกับต้องลุกออกไปต้อนรับ”

   “คงไม่ใช่เจ้าชายหรอกมั้ง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ไม่นานนักพวกเขาทั้งสามก็ได้รู้คำตอบ

   “จอห์น นี่พวกลูกมายืนทำอะไรกันตรงนี้” เลดี้บาธเดินเข้ามาทักพวกเขา พร้อมกันลอร์ดสามี กอร์ดอนรีบทักทายทั้งสองทันที

   “อ้าว โอเดนเบิร์ก” เลดี้บาธมีท่าทางแปลกใจ ลอร์ดบาธเองก็เช่นกัน “เธอมากับจอห์นหรือ”

   “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้น “อเล็กซานดร้าอยากเจอเพื่อนๆ ของผม ผมเลยเชิญเขามา”

   “อืม...” พ่อของเขาส่งเสียงในคอ “ท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมา”

   พูดจบก็หันหน้าเดินออกไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงรีบลากกอร์ดอนและลอร์ดจอร์จ เฟลตันให้เดินตามไปด้วย

   “ฉันน่าจะรู้ก่อนว่าต้องเป็นดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ถ้าไม่ใช่เจ้าชายก็คงเป็นเขานี่แหละที่ดยุกแห่งแคมบริดจ์ต้องเดินออกไปต้อนรับ”

   “ฉันคิดว่าเขาจะส่งลูกชายมาเป็นตัวแทนเสียอีก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่แบบนี้ก็ดี”

   “ผมไม่เห็นว่าดีเลย” กอร์ดอนคราง “พ่อแม่คุณต้องไม่พอใจแน่”

   “ไม่หรอกน่า เขาจะไม่พอใจได้ไง ในเมื่อคุณสนิทกับดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดขนาดนั้น”

   “ท่านดยุกคงไม่แสดงออกในงานสังคมหรอกครับ” กอร์ดอนว่า แต่ยังไม่ทันได้พูดต่อ พวกเขาก็มาถึงโต๊ะที่ท่านดยุกทั้งสองนั่งอยู่พอดี

   “อ้าว พ่อหนุ่มกอร์ดอน” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดแสดงท่าทางประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด การเอ่ยทักทายต่อแขกแปลกหน้าที่ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ใดๆ ก่อนใครคนอื่นก็ยังความแปลกใจมาให้ทุกคนในที่นั้นเช่นกัน

   “สายัณห์สวัสดิ์ครับท่านดยุก” กอร์ดอนทักทายฝ่ายนั้นตามมารยาท เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ที่ยืนอยู่ด้วยจึงพูดขึ้น

   “รู้จักกันหรือคะ”

   ท่านดัชเชสหันไปมองลูกสาวอย่างตำหนิ แต่เธอไม่สนใจ ขณะที่ท่านดยุกพูดขึ้นต่อ “สายัณห์สวัสดิ์ เธอมากับจอห์นหรือ”

   “ครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นต่อ “สายัณห์สวัสดิ์ครับท่านดยุก”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดปรายตามองลอร์ดหนุ่มทั้งสอง “สายัณห์สวัสดิ์”

   “พ่อหนุ่มกอร์ดอนนี่เป็นใครหรือคะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยังคงถามต่อ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรู้สึกว่าเธอคล้ายกับเพื่อนรักของเขาอยู่บ้างจริงๆ ตรงไม่มีมารยาทนี่แหละ

   “อ้อ เขาเป็นหลานชายเพื่อนสนิทของฉันน่ะ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดตอบ ก่อนจะหันไปหากอร์ดอน “จอห์นคงไม่ได้ทำให้เธออึดอัดใช่ไหม”

   “ไม่ครับ” กอร์ดอนรีบตอบ “ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงนี้”

   “งั้นก็ดีแล้ว” ท่านดยุกว่า แล้วหันไปทางเลดี้แคทเธอรีนซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ “ไหนๆ จอห์นก็มาแล้ว หลานก็ไปกับเขาเถอะ นั่งฟังพวกตาคุยกันคงเบื่อแย่”

   “โอ ไม่หรอกค่ะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดโบกมือ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจึงเดินมาสมทบกับชายหนุ่มทั้งสาม แน่นอนว่าเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ตามมาด้วย

   “ว้าว ฉันไม่เคยเห็นท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดกับใครแบบนี้มาก่อนเลย” เธอว่า พลางเดินเข้ามาหากอร์ดอน “ปู่ของคุณต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดาแน่”

   “ปู่ของผมก็เป็นคนธรรมดานี่แหละครับ ท่านหญิง” กอร์ดอนว่า “เพียงแค่โชคดีที่ได้เป็นเพื่อนกับท่านดยุก”

   “เหมือนอย่างที่คุณได้เป็นเพื่อนกับจอห์นสินะคะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “จอห์นเป็นคนดีมากเลยค่ะ ฉันอยากรู้จังว่าคนรักของเขาเป็นใครกันแน่ ใช่สาวสวยแถวนี้รึเปล่าน้า”

   ทั้งลอร์ดจอร์จ เฟลตันและกอร์ดอนอดยิ้มออกมาไม่ได้ พวกเขาทั้งคู่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากสุภาพสตรีที่ควรจะถูกอบรมเรื่องกิริยามารยาทมาอย่างดี

   “พวกคุณยิ้มอะไรกันคะ ฉันพูดอะไรผิดหรือ”

   “โอ้ เปล่าหรอกครับ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบปฏิเสธ “พวกผมแค่ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคที่ตรงไปตรงมาแบบนี้เท่านั้นเอง”

   “ต้องตรงไปตรงมาสิคะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ฉันน่ะไม่ชอบอ้อมค้อมหรอกค่ะ ถ้าอยากรู้อะไรก็ต้องได้รู้เดี๋ยวนั้นเลย จะมัวลีลาอยู่ทำไม”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปหลิ่วตาให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ ส่วนเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนรีบพูดออกตัวทันที “พวกเราอยู่ระหว่างทำความรู้จักกันอยู่น่ะค่ะ”

   “งั้นหรือคะ แต่เขาเคยบอกฉันว่าเขามีคนที่รักอยู่แล้ว ฉันคิดว่าเป็นเธอเสียอีก”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พูดพลางมองหน้าเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอย่างจงใจ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรู้ทันทีว่านี่เป็นการข่มกันของผู้หญิง จึงรีบกระตุกแขนลอร์ดโทรว์บริดจ์

   “จอห์นนี่ นายต้องทำอะไรสักอย่างนะ”

   แต่ยังไม่ทันที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะได้พูดอะไร เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนก็ยิ้มแล้วพูดตอบ “ฉันทราบเรื่องคนรักของเขาแล้วล่ะค่ะ”

   คำตอบสั้นๆ ของเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน ทำให้เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เงียบไปทันที เธอจ้องฝ่ายนั้นอย่างประหลาดใจ

   “แล้วทำไมเธอถึง...”

   “มันเป็นเรื่องของมารยาทน่ะค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ได้คบหากับเขาเป็นเพื่อนก็ไม่เสียหายนี่คะ”
   ดูเหมือนท่าทางเยือกเย็นของเลดี้แคทเธอรีน จะทำให้เลดี้อเล็กซานดร้าหาเรื่องต่อไม่ได้ เธอจึงเดินปึงๆ ออกไปทันที เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนถอนหายใจ

   “เธอเหมือนกับคุณมากเลยค่ะจอห์น”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถึงกับหัวเราะก๊าก ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำสีหน้าไม่ถูก ส่วนกอร์ดอนพยักหน้าเห็นด้วย

   “เธอดูตรงไปตรงมาดีนะครับ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพยักหน้า แล้วพูดต่อ “ว่าแต่พวกคุณมากันกี่คนคะ อย่าบอกนะคะว่ายกกันมาทั้งสโมสร”

   “เปล่าๆ มีแค่ผม จอร์จ แล้วก็กอร์ดอน จริงๆ ผมอยากจะชวนแมกซ์มาด้วย แต่เขาไม่สะดวก”

   “นี่นายยังคิดจะชวนแมกซ์มาอีกหรือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้อง “ฉันว่านายควรให้อเล็กซานดร้าเชิญพวกเราทั้งสโมสรเหมือนที่แคทเธอรีนว่า”

   “ฉันพอรู้จุดประสงค์ของคุณล่ะค่ะจอห์น” เลดี้แคทเธอรีนพูดเรียบๆ “ยังไงก็ระวังไว้หน่อยนะคะ ท่าทางอเล็กซานดร้าหมายตาคุณอยู่ เธอคงไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆ แน่”

   “ขอบใจ ผมจะระวังไว้”

   แม้จะพูดแบบนั้น แต่ในงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งเขาและลอร์ดจอร์จ เฟลตันจำเป็นต้องหยุดทักทายกับคนอื่นๆ ตามมารยาท รู้ตัวอีกทีกอร์ดอนก็หายไปแล้ว

   “อยู่นี่เอง ตามหาตั้งนานแน่ะ”

   กอร์ดอนหันไปมอง ที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูง ท่าทางสะโอดสะอง แต่งตัวดีมีระดับ ท่าทางคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง

   “มากับฉันหน่อยสิ” พูดจบก็ฉวยมือกอร์ดอนเดินออกไปทันที ช่างตัดเสื้อเลยไม่ทันได้บอกลอร์ดโทรว์บริดจ์หรือลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่ยืนคุยกับคนอื่นๆ อยู่ สุภาพบุรุษท่าทางคุ้นตาคนนั้นพาเขาออกมาที่ระเบียง ณ ที่นั่น เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยืนรออยู่

   “ฟังนะ อเล็กซานดร้ามีบางอย่างจะถามนายเกี่ยวกับจอห์น ฉันรู้ว่านายเป็นเพื่อนของหมอนั่น และรู้ด้วยว่านายต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่หมอนั่นปิดบังไว้แน่ๆ เพื่อจอห์นและตัวนายเอง นายควรจะตอบคำถามของเธออย่างตรงไปตรงมา ห้ามเฉไฉเด็ดขาด ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือนแล้วกัน”

   กอร์ดอนอ้าปากค้าง ไม่ทันได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธ เขาก็เดินมาถึงหน้าเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์แล้ว

   “อะ... เอ่อ... ท่านหญิงมีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยิ้ม “คุณชื่อกอร์ดอนสินะ จริงๆ แล้วฉันอยากจะไปคุยกับนายด้วยตัวเอง แต่แพททริกเห็นว่าการที่สุภาพสตรีจะไปจับมือสุภาพบุรุษแล้วจูงออกมาคุยกันสองต่อสองมันไม่เหมาะ เขาเลยอาสาไปชวนคุณออกมา ขอบใจนะ แพททริก”

   กอร์ดอนนึกออกเดี๋ยวนันเองว่าคนที่พาเขามาคือลอร์ดเชลบี ซึ่งอยู่ในทีมรักบี้การกุศลของลอร์ดโทรว์บริดจ์ มิน่าเขาถึงได้รู้สึกคุ้นๆ ลอร์ดเชลบีกระแอมไอครั้งหนึ่ง แล้วสะกิดหลังเขาเบาๆ

   “ทะ... ท่านหญิงอยากคุยกับผมหรือครับ”

   “ใช่ ฉันอยากคุยกับคุณเรื่องจอห์น” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ได้ยินว่าคุณเพิ่งรู้จักกับเขาได้ไม่นาน แต่สนิทกันมาก ฉันว่ามันคงมีเหตุผลอยู่สินะ”

   “.....”

   “จอห์นบอกฉันว่ามีคนรักอยู่แล้ว ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นแคทเธอรีน แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่ และดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนเรื่องที่จอห์นมีคนรักซ่อนไว้ด้วย” น้ำเสียงของเธอดูหงุดหงิด “บางทีเธออาจจะแค่แสดงละครทำเป็นว่าไม่สนใจก็ได้ ไม่มีทางที่เธอจะคบหากับจอห์นเป็นแค่เพื่อนเฉยๆ ได้หรอก”

   กอร์ดอนได้แต่เงียบ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบอะไร แม้จะรู้ความจริงแน่ชัดแก่ใจก็ตาม อีกฝ่ายพูดขึ้นต่อ “แต่คุณต้องรู้แน่ การที่คุณสนิทกับจอห์นได้ในระยะเวลาสั้นๆ แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาต้องไม่ธรรมดา”

   กอร์ดอนกลืนน้ำลาย เขาแน่ใจว่าเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ไม่มีทางรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่ถูกถามด้วยประโยคแบบนี้ มันก็ทำให้อดกังวลไม่ได้เหมือนกัน

   หญิงสาวยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “บอกฉันสิ คุณรู้เรื่องคนรักลับๆ ของจอห์นใช่ไหม เขาเป็นน้องสาวคุณ หรือญาติสักคนของคุณล่ะสิ”

   กอร์ดอนคิดใคร่ครวญคำตอบ เขานึกถึงคำพูดของเลดี้แคทเธอรีน นึกถึงคำพูดของลอร์ดเชลบี นึกถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์ ในที่สุดช่างตัดเสื้อก็ตอบออกมา

   “เรื่องที่ท่านลอร์ดมีคนรักอยู่แล้วเป็นความจริงครับ” เขาว่า “เพียงแต่ผมคงบอกท่านหญิงไม่ได้ว่าคนรักของเขาคือใคร”

   “ฮึ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ส่งเสียงขึ้นจมูก “เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่ชนชั้นต่ำสินะ จอห์นเองคงจะอึดอัดใจมากที่ดันไปหลงเสน่ห์ผู้หญิงที่ต่ำต้อยกว่าตัวเองขนาดนั้น ถึงกับไม่กล้าเปิดเผยว่าเป็นใคร เขาคงกลัวจะเป็นที่ครหา บางทีคุณควรจะแนะนำให้เธอไปจากเขาเสีย อย่างจอห์นน่ะไม่คู่ควรกับผู้หญิงต่ำๆ หรอก”

   กอร์ดอนรู้สึกเดือดขึ้นมา เขาพูดตอบ “ผมไม่เห็นว่าการที่จอห์นจะรักจะชอบกับใคร มันเกี่ยวข้องกับคุณตรงไหน เขาจะเปิดเผยหรือไม่เปิดเผยมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ตราบใดที่เขายังมีความสุขดี ในฐานะเพื่อนผมก็ควรจะเห็นดีเห็นงามด้วย ไม่มีเพื่อนแบบไหนทำร้ายเพื่อนด้วยกันเพราะคำพูดชุ่ยๆ ไม่กี่คำของผู้หญิงหรอก”

   เพี๊ยะ

   กอร์ดอนรู้สึกเจ็บแปลบที่แก้มซ้าย เขายกมือขึ้นแตะดู โชคดีที่ไม่มีเลือดออก ขณะที่เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์โกรธจนตัวสั่น

   “กล้าดียังไงถึงพูดกับฉันแบบนี้ แกน่ะเป็นแค่ช่างตัดเสื้อที่เผอิญโชคดีเท่านั้น น้องสาวหรือญาติของแกคงใช้มารยาของสาวชาวบ้านหลอกให้จอห์นหลงใหลสินะ บอกไว้ก่อนเลยว่าฉันจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกแน่ เขาเป็นถึงลอร์ดที่จะได้รับตำแหน่งมาร์ควิสในอนาคต จะให้ไปเกลือกกลั้วกับคนชั้นต่ำอย่างพวกแกได้ยังไง”

   “คุณไม่มีสิทธิ์” แม้จะเจ็บที่ถูกตบ แต่กอร์ดอนก็ยังคงเถียงต่อ “จอห์นเป็นคนเดียวที่จะตัดสินเรื่องนี้ ถ้าคุณหวังดีกับเขาก็ไม่ควรจะทำอะไรที่ทำร้ายความรู้สึกของเขาจะดีกว่า”

   “ฉันน่ะหรือจะทำร้ายความรู้สึกเขา” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ไม่มีทาง ฉันแค่จะทำให้เขาตาสว่างเท่านั้นแหละ” เธอกวักมือเรียกคนรับใช้

   “ลากตัวหมอนี่ออกไป ทำให้มันหลาบจำว่าอย่าให้หาญเสนอหน้ามายุ่มย่ามกับจอห์นหรือคนอื่นๆ อีก ให้มันรู้จักที่ต่ำที่สูงบ้าง”

   “คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้” กอร์ดอนพยายามขัดขืน แต่ก็ถูกต่อยท้องจนตัวงอ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พูดต่อ
“จำไว้นะ นี่แค่ตักเตือน ถ้ายังไม่ฟังล่ะก็ ญาติของแกที่ก่อปัญหาให้จอห์นจะต้องโดนดีด้วย ถึงตอนนี้ฉันจะยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ให้คนสืบดูคงรู้ได้ไม่ยาก”
เธอโบกมือให้คนรับใช้ลากตัวกอร์ดอนออกไปจากระเบียง แล้วระบายลมหายใจเฮือก ก่อนจะเดินเข้าไปในงานเลี้ยง โดยมีลอร์ดเชลบีเดินตามหลัง

(มีต่อ)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทั้งหงุดหงิดทั้งกังวล เขาและลอร์ดจอร์จ เฟลตันหากอร์ดอนไม่พบ หนำซ้ำยังต้องหยุดคุยกับคนนั้นคนนี้ตามมารยาท และการเต้นรำกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ

   “ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับกอร์ดอนแน่ๆ เขาควรจะอยู่ใกล้ๆ พวกเรา ไม่ใช่หายไปแบบนี้”

   “ใจเย็นๆ จอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันปลอบ “กอร์ดอนอาจจะหลบไปเข้าห้องน้ำ ตอนงานของนายคราวก่อนเขาก็หลบไปเข้าห้องน้ำเหมือนกัน”

   “งั้นฉันจะไปหาเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แต่กลับถูกเรียกเอาไว้

“จอห์น อยู่นี่เอง แม่ตามหาแทบแย่”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสะกิดเพื่อนรัก “นายไปเถอะ ฉันจะไปหากอร์ดอนให้เอง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มริมฝีปาก “ฝากด้วยนะ”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแยกตัวกับเพื่อนรัก เพราะเขาเป็นลูกคนสุดท้อง ที่จะไม่ได้รับตำแหน่งแห่งหนอะไร แถมยังมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยได้รับความสนใจจากคนอื่นเท่าไหร่ ทำให้สามารถปลีกตัวออกมาได้ง่ายกว่า เขาไปที่ห้องน้ำ แต่ไม่พบกอร์ดอน จึงสอบถามเอาจากบรรดาคนรับใช้ที่เสิร์ฟเครื่องดื่ม ก็ไม่มีใครเห็น ถามแขกในงานก็ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจ ดูเหมือนว่ากอร์ดอนจะหายตัวไปจากงานดื้อๆ หรือว่าจะกลับไปแล้ว แต่ถ้ากลับไปจริงก็ต้องบอกให้พวกเขารู้สิ อีกอย่างที่นี่ไม่มีรถม้ารับจ้าง ถ้าจะกลับก็ต้องให้คนขับรถไปส่งเท่านั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตัดสินใจออกจากงานเลี้ยง เพื่อไปดูที่ลานจอดรถม้า บางทีกอร์ดอนอาจจะหลบความวุ่นวายไปอยู่ที่นั่นก็ได้ แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของกอร์ดอน

   ตั้งแต่เกิดมากอร์ดอนไม่เคยถูกทุบตีมาก่อน แม้แต่ตอนที่ไปที่บาร์ใต้ดินของแมคคาธี ถึงเขาจะถูกต้อนรับอย่างหยาบคาย แต่แมคคาธีก็ไม่เคยสั่งให้ใครทำร้ายร่างกายเขา

   ตอนที่ถูกลากออกมาจากระเบียง คนพวกนั้นใช้ผ้าปิดตากับปากของเขาเอาไว้ เพื่อไม่ให้เห็นหน้าและไม่ให้ส่งเสียงร้อง จากนั้นดูเหมือนจะยัดเขาใส่ในกระสอบ แล้วทุบด้วยไม้กระบองหรือไม้เท้า กอร์ดอนได้แต่ก้มหัวขดตัวด้วยความเจ็บปวดอยู่ในกระสอบ น้ำตาไหลรินเป็นสาย ทั้งเจ็บทั้งอาย

   “จำไว้นะไอ้ตุ๊ด นี่เป็นแค่การสั่งสอนเบาะๆ เท่านั้น ถ้าแกกล้าฟ้องเรื่องนี้กับใครล่ะก็ ญาติพี่น้องของแกจะต้องโดนดีแน่ๆ”

   ไม่รู้ว่าถูกทุบตีอยู่นานเท่าไหร่ แต่ตอนที่รู้สึกตัวอีกที ทุกอย่างรอบๆ ตัวก็เงียบลงแล้ว แถมยังรู้สึกหนาวยะเยือกจับใจ กอร์ดอนพยายามขยับตัว รู้สึกร้าวระบมไปหมด เขาค่อยๆ ใช้มือแกะผ้าที่ปิดปากและปิดตาออก น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ช่างตัดเสื้อขบริมฝีปากกลั้นความเจ็บปวดไว้ แล้วพยายามถีบปมที่มัดกระสอบอยู่ให้คลายออก แต่ดูเหมือนจะถูกมัดไว้แน่นมาก ถึงเขาจะพยายามแทบตาย มันก็ไม่คลายออกสักที ครั้นจะตะโกนเรียกให้ใครมาช่วย ก็กลัวว่าจะกลายเป็นเรียกพวกเดิมที่ทุบตีเขากลับมาอีก แถมไม่แน่ว่าอาจจะไม่มีใครอยู่แถวนี้เลยสักคนก็ได้ เขาคงถูกหิ้วมาทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่งที่ไกลจากคฤหาสน์ กอร์ดอนใจหายวาบ หรือเขาจะต้องมาตายแบบนี้ ตายอยู่ในกระสอบ แค่เพราะเขาไปต่อปากต่อคำกับสุภาพสตรีชั้นสูง แค่เพราะเขาทนไม่ได้ที่เธอพูดจาดูถูกทั้งเขาและลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่สว่างไสวเหมือนดวงตะวันยามเช้าคนนั้น หรือนี่จะเป็นการลงโทษ ที่เขาบังอาจฝ่าฝืนข้อห้าม นอกจากรักกับคนที่มีฐานะสูงกว่าจนแทบเอื้อมไม่ถึงแล้ว ยังเป็นผู้ชายเหมือนกันอีกด้วย ทว่ากอร์ดอนกลับไม่รู้สึกเสียใจสักนิด ถ้านี่คือการลงโทษ เขาก็พร้อมจะยอมรับ เพียงเสียดายที่ไม่อาจบอกลาลอร์ดหนุ่มผู้ดึงชีวิตเขาขึ้นมาจากปากเหวคนนั้นเท่านั้น

   “จอห์น... ผมขอโทษที่อยู่เคียงข้างคุณไม่ได้” กอร์ดอนพึมพำ น้ำตาไหลอาบแก้ม

   อีกสักครั้ง แค่สักครั้ง เขาอยากเห็นหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกครั้งก่อนตาย

   เสียงสวบสาบเหมือนใครสักคนกำลังเดินฝ่าพงหญ้าดังเข้ามาใกล้ กอร์ดอนคิดว่าเขาหูฝาด แต่สักพักปมที่มัดกระสอบอยู่ก็คลายออก ใครบางคนพยายามดึงกระสอบออกจากตัวเขา

   “โอ้ พระเจ้า”

   กอร์ดอนลืมตาขึ้นมา เขาอยากจะตอบด้วยคำเดียวกัน

   โอ้ พระเจ้า...

   แม้จะเป็นกลางคืน แต่แสงสว่างจากตะเกียงก็ทำให้ใบหน้านั้นสว่างไสวราวกับแสงตะวัน ฝ่ายนั้นใช้สองมือประคองร่างที่ปวดราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ของเขาขึ้นมา น้ำตารื้อโดยไม่อาจกลั้น

   “จะ... จอห์น”

   น้ำตาของลอร์ดโทรว์บริดจ์ไหลออกมาเป็นสาย เขาสะอื้นไห้พลางใช้มือปัดเส้นผมที่ยุ่งเหยิงของคนรักออก “คุณจะไม่เป็นอะไร ผมจะไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรทั้งนั้น”

   กอร์ดอนยิ้มทั้งที่เจ็บแทบขาดใจ จากนั้นก็หมดสติไปอีกครั้ง

----------------------------------------

   “พระเจ้า เขาพบกอร์ดอนแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา เขาและคนขับรถรวมถึงโอลิเวอร์ช่วยกันออกตามหากอร์ดอนไปทั่ว หลังจากงานเลี้ยงเลิกราแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปฏิเสธเด็ดขาดที่จะกลับบ้านไปก่อน เขาเชื่อว่ากอร์ดอนต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งไม่ไกล และจะไม่ยอมกลับจนกว่าจะได้พบตัว หลังหาในคฤหาสน์ไม่พบ โอลิเวอร์จึงเสนอให้ออกมาหาข้างนอก เพราะเป็นไปได้ว่ากอร์ดอนอาจจะเดินออกไปเรียกรถม้า โดยหลบเลี่ยงไม่ให้พวกเขาเห็น ทั้งที่เขาเองก็รู้สึกว่าอาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น การตามหาเป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะรอบๆ เป็นป่าชัฏ และนี่เป็นคืนเดือนมืด ทุกอย่างเลยมืดไปหมด ทั้งสี่คนอาศัยตะเกียงหน้ารถเป็นแสงสว่างนำทาง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันไปกับคนขับรถของเขา ส่วนลอร์ดโทรว์บริดจ์กับโอลิเวอร์แยกกันค้นหา พวกเขาตกลงกันว่าถ้ายังหาไม่เจอจนถึงตีหนึ่งจะกลับมาเจอกันที่รถ และนี่เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว

   “ให้ตาย เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย” โอลิเวอร์รีบวิ่งเข้าไปหานายน้อยของเขา เมื่อเห็นสภาพของกอร์ดอน เขาถึงกับผงะ

   “เตรียมรถม้า ฉันจะพาเขาไปโรงพยาบาล”

   “หา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา เขารีบเดินเข้าไปหาเพื่อนรัก “เกิดอะไรขึ้น... โอ้ พระเจ้า”

   กอร์ดอนอยู่ในสภาพที่เขาแทบจำไม่ได้ ใบหน้าของเจ้าตัวบวมปูด เสื้อผ้ายับย่น และดูเหมือนจะหมดสติ

   “กลับไปก่อนจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า สีหน้าของเขาแข็งเหมือนรูปปั้น “นายอยู่ดึกเกินไปแล้ว”

   “พะ... พูดอะไรอย่างนั้นจอห์นนี่ ฉันทิ้งนายกับกอร์ดอนในสภาพแบบนี้ไปไม่ได้หรอก เราจะพากอร์ดอนไปโรงพยาบาลด้วยกัน”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันช่วยลอร์ดโทรว์บริดจ์พากอร์ดอนขึ้นไปบนรถม้า

   “นายต้องอุ้มเขาไว้ ฉันจะหาอะไรมารอง หัวจะได้ไม่กระแทก” จากนั้นเขาก็กลับมาพร้อมกับฟูกรองนั่งจากรถม้าของตัวเอง

   “ใจเย็นๆ ไว้นะ จอห์นนี่ เราจะพากอร์ดอนไปโรงพยาบาลด้วยกัน ฉันจะล่วงหน้าไปก่อน เพื่อให้พวกเขาเตรียมรับตอนที่พวกนายไปถึง”

   “ขอบใจจอร์จ นายรีบไปตอนนี้เลย”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบกลับไปที่รถม้าของตัวเอง แล้วสั่งให้ออกรถ “ไปที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเลยนะอเล็กซ์ เร็วเท่าที่แกสามารถเร็วได้เลย”

   โอลิเวอร์กระโดดขึ้นกุมบังเหียน ไม่รอให้นายน้อยออกคำสั่ง เขาเร่งม้าออกไปทันที ถึงอย่างนั้นในความรู้สึกของลอร์ดหนุ่มมันช่างเชื่องช้าเหลือเกิน

   “แกเร่งม้าให้เร็วกว่านี้อีกไม่ได้หรือ”

   “นี่ก็สุดกำลังแล้วครับ อีกไม่เกินสิบหน้านาทีเราจะถึงโรงพยาบาล คุณกรุณาใจเย็นไว้หน่อยนะครับ ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เรื่องมันจะยิ่งแย่กว่านี้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบฟัน เขาตรวจดูรอยฟกช้ำบนตัวของคนรัก เสียงหายใจแผ่วๆ ทำให้เขาอุ่นใจว่ากอร์ดอนยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ทำให้ปวดใจอย่างแสนสาหัสเช่นกัน

   เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน กอร์ดอนยังคงคุยเล่นอยู่กับเขา เจ้าตัวยังคงดูเป็นปกติ แต่ตอนนี้... กอร์ดอนกลับถูกทำร้าย โดยที่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มริมฝีปากด้วยความโกรธแค้น

   ไม่ว่าใครที่ทำเรื่องนี้ เขาจะลากตัวมันออกมาลงโทษให้สาสม

   กอร์ดอนถูกพาตัวไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แพทย์ตรวจดูอาการเขาอย่างละเอียด และแจ้งว่าไม่มีกระดูกส่วนไหนแตกหัก แต่อาการฟกช้ำที่เกิดจากการถูกตีด้วยวัตถุไม่มีคมค่อนข้างสาหัส อาจกระเทือนถึงระบบการทำงานภายในร่างกาย ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด

   “ฉันจะอยู่เฝ้าเขาเอง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “นายกลับไปก่อนเลยจอร์จ”

   “ไม่เอาน่า จอห์นนี่ นายเองก็กลับบ้านเถอะ กอร์ดอนปลอดภัยแล้ว อยู่ที่นี่เขาไม่เป็นอะไรแน่”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ฉันกลับไปไม่ได้หรอกจอร์จ ฉันไม่สามารถนอนหลับตาลงได้ถ้าไม่ได้เห็นว่าเขายังหายใจอยู่ ขอร้อง นายกลับไปก่อนเถอะ ให้ฉันอยู่ที่นี่ โอลิเวอร์ แกก็กลับไปด้วย บอกพ่อฉันว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับเพื่อนฉัน และฉันจะยังไม่กลับจนกว่าจะแน่ใจว่าเขาปลอดภัยดี”

   “รับทราบครับ” โอลิเวอร์พยักหน้า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปมองเขา

   “นี่แกจะไม่ห้ามอะไรนายน้อยของแกเลยหรือ”

   “ไม่ได้หรอกครับ คุณก็รู้นี่ครับว่าไม่มีใครห้ามเขาได้ ยิ่งในสภาพนี้ด้วยแล้ว ทางที่ดีพวกเรากลับกันไปก่อนดีกว่า ไม่อย่างนั้นพ่อแม่คุณอาจจะสงสัยเอาด้วยก็ได้”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเหลือบมองเพื่อนรักแว้บหนึ่ง “ก็ได้จอห์นนี่ ตอนเช้าฉันจะแวะมาอีกครั้ง นายเองก็อย่าเพิ่งทำเรื่องอะไรลงไปล่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่ตอบ เขาได้แต่มองกอร์ดอนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงด้วยสายตาปวดร้าว

--------------------------------------

   “แมกซ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเปิดประตูผลัวะเข้าไปในห้องนอนของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์โดยที่คนรับใช้ยังไม่ทันได้เคาะประตู เจ้าของห้องรวมถึงแอนนาเบล เฮเก้นต์ที่กำลังป้อนข้าวให้เขาอยู่สะดุ้งเฮือก

   “นายจะรู้จักเคาะประตูสักหน่อยไม่ได้หรือไงจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดอย่างหัวเสีย ขณะที่แอนนาเบล เฮเก้นต์รีบเก็บเศษอาหารที่หล่น

   “นายลุกได้หรือยัง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามอย่างไม่สนใจ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แต่ท่าทางเหมือนอดนอนมาทั้งคืน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ จึงถามขึ้นต่อ

   “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า”

   “มีแน่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เมื่อคืนนี้กอร์ดอนถูกซ้อมปางตาย จอห์นนี่กำลังเดือดมาก นายต้องไปช่วยจัดการเรื่องนี้ก่อนที่เขาจะทำอะไรบ้าๆ ลงไป”

   “ว่าไงนะ” ทั้งลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และแอนนาเบล เฮเก้นต์อุทานขึ้นพร้อมกัน

   “กอร์ดอนถูกทำร้ายหรือคะ”

   “ใช่”

   “ให้ตาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยุงตัวเองขึ้นจากเตียง เขาหันไปบอกแอนนาเบล “ช่วยหยิบเสื้อผ้าให้ผมที ผมจะออกไปหาเขา”

   “แต่... แผลคุณยังไม่หายดี...”

   “มันตกสะเก็ดแล้วคงไม่ฉีกหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า แอนนาเบล เฮเก้นต์จึงพูดขึ้น

“งั้นให้ฉันไปด้วยนะคะ”

ในที่สุด ทั้งสามคนก็ขึ้นรถม้าออกมาพร้อมกัน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง

   “ตายจริง ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ นั่นมันเป็นคฤหาสน์ของตระกูลที่มีชื่อเสียงไม่ใช่หรือคะ” แอนนาเบล เฮเก้นต์ร้องด้วยความตกใจ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนหายใจ

   “พวกตระกูลที่มีชื่อเสียงนี่แหละตัวดี” เขาว่า “คุณเองก็น่าจะรู้อยู่”

   “แต่กอร์ดอนเป็นผู้ชาย แถมไม่ได้ทำตัวเกะกะระรานใคร ฉันมองไม่ออกเลยค่ะว่าเขาจะไปทำให้ใครโกรธถึงขนาดต้องลงไม้ลงมือได้”

   “ก็จริงนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเห็นด้วย “ขนาดตอนไปที่บาร์ของแมคคาธี เขายังได้รับการต้อนรับอย่างดีเลย ถึงกอร์ดอนจะไม่ใช่ชนชั้นสูง แต่อย่างเขาคงไม่ทำให้ใครโกรธขนาดต้องลงมือทุบตีได้หรอก”

   “แล้วเขามีสภาพนั้นได้ไง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ย้อน “ถ้าไม่ใช่กอร์ดอนหาเรื่องเอง ก็ต้องมีใครสักคนหาเรื่องเขา... ถ้าให้ฉันเดา ฉันว่าเขาถูกเล่นงานเพราะจอห์นนี่”

   “หา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา “ทำไม อย่าบอกนะว่าความลับแตกแล้ว”

   “ชูวส์ จอร์จ ความลับอะไรกัน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอ็ด “ฉันกำลังจะบอกว่าถึงกอร์ดอนจะเป็นคนที่ไม่มีพิษสงอะไร แต่เพื่อนเราน่ะต้องมีคนหมั่นไส้เพียบแน่ๆ”

   “นายหมายความว่า มีใครบางคนหมั่นไส้จอห์นนี่ เลยไปลงกับกอร์ดอนงั้นหรือ”

   “อาจจะ”

   “แต่คนที่อยู่ที่นั่นมีแต่พวกลูกขุนนางหรือไม่ก็นักธุรกิจทั้งนั้น และฉันก็แน่ใจว่าไม่เห็นจอห์นสันอยู่ในนั้นด้วย ต่อให้มีคนหมั่นไส้จอห์นนี่จริง ก็ไม่น่าจะมาลงกับกอร์ดอนนี่นา นายต้องเห็นสภาพของกอร์ดอนก่อน เหมือนว่าคนที่สั่งแค้นอะไรเขานักหนางั้นแหละ”

   กอร์ดอนยังคงไม่ได้สติ ตอนที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไปถึงโรงพยาบาล ลอร์ดโทรว์บริดจ์เองก็ดูโทรมจนน่าตกใจ

   “ไงแมกซ์ ดีใจด้วยที่นายลุกได้แล้ว”

   “โอ้ พระเจ้า” แอนนาเบล เฮเก้นต์อุทาน แล้วร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นสภาพของกอร์ดอน “ใครกันที่ใจร้ายขนาดนี้”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งไปอึดใจ ก่อนจะยื่นมือไปจับไหล่หญิงสาวเบาๆ “ใจเย็นก่อนนะ ผมแน่ใจว่าตอนนี้กอร์ดอนปลอดภัยแล้ว”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์พยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ฉันจะดูเขาให้เองค่ะ พวกคุณคงไม่สะดวกจะคุยธุระให้ห้องคนไข้หรอก”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้ากัน ก่อนที่ฝ่ายหลังจะลุกขึ้น “งั้นผมขอฝากกอร์ดอนไว้กับคุณสักครู่แล้วกัน มิสเฮเก้นต์”

   ทั้งสองคนออกมาสมทบกับลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่ระเบียงของโรงพยาบาล

   “อาการของกอร์ดอนเป็นไงบ้าง”

   “เขายังไม่ได้สติเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ ก่อนจะทุบราวระเบียงเสียงดังปึง เล่นเอาเพื่อนอีกสองคนตกอกตกใจไปตามๆ กัน

   “เบาๆ สิจอห์นนี่ นี่โรงพยาบาลนะ เรารู้แล้วว่านายโกรธมาก”

   “ฉันต้องหาตัวคนที่ทำเรื่องนี้ออกมาจัดการให้ได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เค้นเสียง “มันต้องชดใช้ที่ทำกับกอร์ดอนลงไป”

   “เอาล่ะ ฉันเข้าใจนายแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่เราจะวู่วามไม่ได้ เรื่องมันเกิดในงานเลี้ยงของดยุกแห่งแคมบริดจ์ใช่ไหม ที่คฤหาสน์ของเจเรมี่ นายแน่ใจนะว่าเรื่องมันเกิดขึ้นในงานนั่น ไม่ใช่เกิดขึ้นข้างนอก”

   “แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันเจอกอร์ดอนใกล้กับรั้วของคฤหาสน์ เป็นจุดที่พวกคนรับใช้จะพวกขยะออกมาทิ้ง” ลอร์ดหนุ่มโกรธจนตัวสั่น “พวกนั้นทิ้งกอร์ดอนรวมอยู่กับกระสอบใส่ขยะ ถ้าฉันไม่ไปเจอเขาคงจะเน่าอยู่ตรงนั้น ให้ตาย...”

   ถึงจะฟังเป็นรอบที่สอง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็อดสะเทือนใจไม่ได้ ส่วนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งเงียบ

   “นายเห็นกระสอบที่ใส่เขาไว้ไหม แน่ใจรึเปล่าว่ามันเป็นกระสอบที่มาจากคฤหาสน์ของเจเรมี”

   “ฉันเก็บมันมาด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ไม่คิดจะให้เรื่องมันถึงตำรวจหรอก แต่ต้องเก็บหลักฐานไว้ก่อน”

   “อืม ฉันก็ไม่อยากให้เรื่องมันถึงตำรวจ เพราะดยุกแห่งแคมบริดจ์เป็นขุนนางใหญ่”

   “ฉันถึงไปตามนายมาไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เราต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบๆ อย่างน้อยก็ต้องไม่เป็นที่รู้ทั่วไป”

   “เราน่าจะคุยกับเจเรมีเรื่องนี้ได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ฉันไม่อยากให้เรื่องถึงหูท่านดยุก มันจะวุ่นวายเอาเปล่าๆ”

   “ถ้าเจเรมีร่วมมือด้วยล่ะ ฉันไม่คิดว่าคนนอกจะเข้าถึงกระสอบรวมถึงที่ทิ้งขยะของคฤหาสน์ได้หรอก”

   “หมายความว่าฝีมือคนในงั้นหรือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้อง “นายกำลังจะบอกว่าเจเรมีเป็นคนทำหรือ”

   “เร็วเกินไปที่จะสรุป” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่ที่นายพูดก็ถูก จอห์นนี่ ฉันเองก็คิดเหมือนกันว่าต้องเป็นฝีมือของคนใน คนที่สามารถสั่งคนรับใช้ให้ทำเรื่องแบบนี้ได้ ในคฤหาสน์ของเจเรมี่มีอยู่สักกี่คนกัน”

   “ถ้าไม่รวมเจเรมีก็มีท่านดยุกนั่นล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ฉันคิดว่าท่านดยุกไม่รู้เรื่องนี้แน่ คนที่ทำแบบนี้กับกอร์ดอนต้องมีความแค้นกับฉันโดยเฉพาะ กอร์ดอนเพิ่งไปที่นั่นครั้งแรก เขาไม่มีทางทำให้ใครโกรธได้หรอก เพราะงั้นคนที่ทำต้องเป็นคนที่มีความแค้นกับฉัน ซึ่งก็มีแค่เจเรมีกับแพททริก”

   “มันก็ยังแปลกอยู่นะ เจเรมีกับแพททริกหมั่นไส้นายมากก็จริง แต่ไม่น่าลงมือทำร้ายกอร์ดอนเพื่อแก้แค้นนาย แม้แพททริกจะไม่ฉลาดเท่าไหร่ แต่เจเรมีไม่ทำอะไรที่จับไต๋ง่ายแบบนี้แน่ และเขาก็เป็นคนเปิดเผยพอที่จะไม่เล่นลับหลังด้วย”

   “งั้นเป็นฝีมือใครกันล่ะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดต่อ

   “ก็คงต้องรอให้กอร์ดอนตื่นมาแล้วถามดูเท่านั้นแหละ”

------------------------------
(จบตอน)

ตอนนี้มาต่อไวมาก (หมายถึงไวกว่าปกติที่หายไปแรมครึ่งปี แฮ่ๆ) จริงๆ ช่วงนี้เขียนได้อยู่ค่ะ ตอนนี้เขียนดองไว้จนถึงตอนที่44แล้ว เรื่องงวดเข้ามาทุกที (ก็ควรจะรีบๆ จบได้แล้วอ่ะนะ) ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ อาจจะไม่ได้ตอบข้อความนะคะ แต่อ่านทุกความคิดเห็นและขอบคุณมากอีกครั้งที่อยู่เป็นกำลังใจให้กันถึงตอนนี้ค่ะ สัญญาว่าจะเขียนเรื่องนี้จนจบแน่นอนค่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
กำลังสนุกเลย
มาต่อเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ความจริงต้องปรากฎ
จัดการมันเลย
 :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ 5577

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ใจร้ายเกินไปแล้วชะนี  :beat:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เหอะๆ นี่ขนาดยังไม่รู้ว่ากอร์ดอนเป็นคนรักของจอห์นนะเนี่ย  :m16:
นังมารเลนนิกส์ ยังบ้าบอได้ขนาดนี้ บังบ้าาาาาาา  :m31:
ถ้านางรู้ คงให้คนใช้ฆ่า หรือไม่ก็ให้ลากถุงไปถ่วงน้ำ นังเลวสุดๆ  :fire: :angry2:
ที่เห็นตรงไปตรงมา สปอร์ตเกิร์ล เฟรนด์ลี่ นี่สร้างภาพสุดๆ  :a5: o22 :z6:
อยากให้โดนซ้อม จับยัดลงถุงบ้าง น่าจะถูกจริตนาง แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน  :katai2-1:
ดีใจไรท์มา  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
สงสารกอร์ดอนจังเลย เรื่องของทั้งสองยังแก้ไม่ตก คนอื่นกลับนำเรื่องมาให้อีก
เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวจริงๆ ขอให้กอร์ดอนปลอดภัยหายป่วยในเร็ววันนะ
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
นังชะนีนิสัยเสีย จ้องแต่จะจับผู้ชาย ขอให้ได้รับผลกรรมแบบสาสม

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
โฮ สงสารรรรรร

กอร์ดอนคนดี ทำไมเป็นเลดี้อเล็กซานดร้าต้องร้ายขนาดนี้

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
  “กล้าดียังไงถึงพูดกับฉันแบบนี้ แกน่ะเป็นแค่ช่างตัดเสื้อที่เผอิญโชคดีเท่านั้น....

ถ้าเราไม่ได้อ่านพลาด ดูเหมือนว่าอเล็กซานดร้ายังไม่รู้ว่า กอร์ดอนทำอาชีพอะไรนะ รู้แค่ว่าเป็นสามัญชน  ใช่มะ



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
อเล็กซี่ถามคนอื่นเอาหลังโดนแคทเธอรีนไล่ไปค่ะ

ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :z3: :z3: :z3: :z3:
จัดการเลย
เอาคืนให้ได้

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ
ตอนที่43 คนที่ผิด

   กอร์ดอนรู้สึกตัวพร้อมกับความเจ็บปวดที่เหมือนจะมาจากทุกส่วนของร่างกาย เขาลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แอนนาเบล เฮเก้นต์ร้องขึ้นด้วยความดีใจ

   “ขอบคุณพระเจ้า คุณฟื้นแล้ว”

   กอร์ดอนยังคงงุนงง เขามองหน้าหญิงสาวเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด แอนนาเบลมองเขาอยู่อึดใจ ก็เรียกพยาบาลให้มาดูอาการ

   “เดี๋ยวฉันมานะคะ” เธอออกไปจากห้อง หลังจากพยาบาลไปตามหมอมาแล้ว ไม่นานนักลอร์ดโทรว์บริดจ์กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามา จนพยาบาลต้องเอ็ดเขา

   “คุณคะ นี่โรงพยาบาลนะคะ”

   “ขอโทษครับ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันช่วยพูดแทนเพื่อนรักที่ตรงไปยังเตียงของกอร์ดอนโดยไม่สนใจเสียงทักท้วงอะไรทั้งสิ้น

   “หมอ เขาเป็นไงบ้าง”

   “อ้อ” แพทย์ที่ตรวจอาการของกอร์ดอนอยู่หันหน้ากลับมา “เขารู้สึกตัวแล้ว กลับบ้านได้แล้วล่ะ”

   “ขอบคุณมากหมอ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า และแทรกเข้าไปหากอร์ดอน จนเกือบจะกระแทกแพทย์ที่ตรวจอาการล้มไป ลอร์ดจอร์จ เฟลตันช่วยขอโทษให้อีกตามเคย

   “จอห์น” กอร์ดอนหันไปมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาเห็นฝ่ายนั้นยิ้มด้วยความดีใจ

   “กอร์ดอน ขอบคุณพระเจ้า คุณฟื้นแล้ว”

   น้ำตารื้อขึ้นมาบนดวงตาของลอร์ดหนุ่ม กอร์ดอนอยากจะยิ้มให้เขา แต่พอคิดจะยกริมฝีปากก็รู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหล

   “กะ... เกิดอะไรขึ้นกับผมครับเนี่ย เจ็บจัง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักไปทันที คนที่เหลือก็พลอยชะงักไปด้วย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามขึ้นมา

   “นายถามว่าเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”

   กอร์ดอนพยักหน้า

   “นายจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้หรือ”

   คนถูกถามสั่นศีรษะ

   “.....”

   “จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นมาในที่สุด “แค่คุณปลอดภัยผมก็ดีใจแล้ว”

   “ขอโทษนะครับ ผมคงทำให้คุณเป็นห่วงแย่”

   “ไม่เป็นไร” เสียงของลอร์ดโทรว์บริดจ์หายเข้าไปในคอ เขาลูบมือของกอร์ดอนเบาๆ เพราะกลัวจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บ

   “คุณปวดมากไหม”

   “พอสมควรครับ แต่หมอบอกให้ผมกลับบ้านได้แล้ว ผมอยากไปพักที่บ้านมากกว่า”

   “ได้ โอลิเวอร์ แกไปเตรียมรถม้า ฉันจะพากอร์ดอนกลับไปที่ร้าน”

   โอลิเวอร์รีบออกไปจากห้องตามคำสั่งทันที กอร์ดอนพยุงตัวทำท่าจะลุกขึ้น แต่ถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์กดไว้

   “คุณอยู่นิ่งๆ เถอะ สภาพแบบนั้นจะลุกไหวได้ไง”

   “แต่ผมต้องไปขึ้นรถ... เหวอ”

   กอร์ดอนตกใจที่ถูกยกลอยขึ้นจากเตียง เขารีบคว้าไหล่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาไว้ ก่อนจะหน้าตาเหยเกด้วยความเจ็บ

   “นี่ผมทำคุณเจ็บหรือ”

   “เปล่าครับ ผมแค่เผลอยกมือจับไหล่คุณ โอย”

   “ไม่ต้องเกร็งนะ ผมไม่ทำคุณตกแน่ เชื่อมือได้” พูดจบก็อุ้มกอร์ดอนออกไปโดยไม่สนใจสายตาของทุกคนในที่นั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบพูดขึ้นมา

   “ก็นั่นมันคนเจ็บใช่มั้ยล่ะ อุ้มคนเจ็บไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย เนอะๆ”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เตะขาของเขา “นายไปเซ็นเอกสารแทนจอห์นนี่หน่อยสิ เราจะได้ไปกันเสียที”

   กอร์ดอนอายจนแทบจะลืมอาการบาดเจ็บของตัวเอง เขาได้แต่เอาหน้าซุกอกของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เพราะไม่รู้จะเอาไปหลบที่ไหนดี ขณะที่ลอร์ดหนุ่มเดินอุ้มเขาสบายใจอย่างกับถืออะไรสักอย่างเบาๆ งั้นแหละ ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงร้านกอร์ดอนเทเลอร์ แน่นอนว่าเดวิดและมิสซิสมาร์ธาตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นสภาพของนายจ้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์อุ้มกอร์ดอนไปส่งจนถึงเตียงนอนในห้อง เขาละลายยาแก้ปวดของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ให้กอร์ดอนดื่ม และรอจนกระทั่งเจ้าตัวหลับ จึงออกมาจากห้อง

   “นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมมิสเตอร์โอเดนเบิร์กถึงได้รับบาดเจ็บแบบนี้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองมิสซิสมาร์ธาและเดวิด “ผมไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะดูเหมือนกอร์ดอนจะจำไม่ได้ แต่พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงไป ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรผมจะจัดการให้เรียบร้อย ระหว่างนี้ช่วยดูแลกอร์ดอนให้ดีก็พอ”

   “ค่ะ”

   “นี่เป็นยาแก้ปวด” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นบ้าง เขาหยิบห่อยาส่งให้มิสซิสมาร์ธา “ถ้าเขาปวดมากก็ชงเหล้าให้เขาดื่ม มันจะทำให้เขาหลับสบายขึ้น”

   “ค่ะ”

   “แอน” เขาหันไปหาแอนนาเบล เฮเก้นต์” ผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่ ระหว่างที่พวกเราสามคนออกไปสะสางเรื่องที่เกิดขึ้นจะได้ไหม”

   “ได้สิคะ” แอนนาเบล เฮเก้นต์ว่า “แต่สัญญานะคะว่าพวกคุณจะต้องหาตัวคนที่ทำร้ายกอร์ดอนจนเป็นแบบนี้ให้ได้ ฉันคิดว่าคนแบบนั้นสมควรได้รับโทษค่ะ”

   “แน่นอน ผมสาบาน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ไม่ว่ามันจะเป็นใครหน้าไหนจะต้องได้รับบทเรียนเรื่องนี้อย่างเจ็บแสบแน่”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เหลือบตามองเพื่อน ก่อนจะพากันออกไป

------------------------------------

   “แล้วเราจะเอาไงกันต่อดี กอร์ดอนดูเหมือนจะจำอะไรไม่ได้ เป็นไปได้ไง โดนเล่นเสียขนาดนั้น ถ้าเป็นฉันคงจำได้ยันปลายรองเท้าเลย”

   “ไม่เอาน่า จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อาเคยเล่าให้ฉันฟังว่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงบางคนจะจำช่วงเวลาที่ตัวเองได้รับบาดเจ็บไม่ได้ กรณีกอร์ดอนอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้”

   “หรือไม่ก็ถูกใครขู่ไว้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นมา “เขาอาจจะจำได้แต่แกล้งทำเป็นจำไม่ได้ เพื่อที่จะได้ไม่มีใครถามเซ้าซี้ไง”

   “นายกำลังจะบอกอะไรกันแน่ แมกซ์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเพื่อนรัก “จะบอกว่ากอร์ดอนกลัวพวกที่รุมทำร้ายเขาจนไม่กล้าบอกอะไรพวกเราอย่างนั้นหรือ”

   “ฉันกำลังวิเคราะห์สถานการณ์อยู่”

   “นายต้องคิดดีๆ นะแมกซ์ “ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “คนที่ทำให้กอร์ดอนกลัวจนไม่กล้าบอกพวกเราได้ในนั้นน่ะมีแค่ไม่กี่คนหรอก”

   “งั้นหรือ งั้นนายลองบอกหน่อยสิว่ามีใครบ้าง”

   “อืม... ก็มีดยุกแห่งแคมบริดจ์ ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด แล้วก็พ่อแม่ของจอห์นนี่ไง”

   “เดี๋ยว จอร์จ นายจะบอกว่าพ่อแม่ฉันมีส่วนเกี่ยวข้องงั้นหรือ”

   “ใจเย็นสิจอห์นนี่ ฉันแค่ตอบคำถามแมกซ์เท่านั้นเอง”

   “ฉันรับรองได้ว่าพ่อแม่ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ประกาศ “พวกเขาไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับกอร์ดอน พวกเขาไม่มีเหตุผลอะไรจะทำกับกอร์ดอนแบบนี้”

   “แน่ใจนะว่าพ่อแม่นายไม่รู้ระแคะระคายเลย”

   “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ถ้าพ่อหรือแม่ของฉันรู้น่ะ อย่างน้อยๆ พวกเขาจะต้องเรียกฉันไปคุยก่อน ไม่มีทางจะทำอะไรร้ายกาจแบบนั้นหรอก การสั่งให้คนรับใช้ทำร้ายคนในบ้านคนอื่น โดยเฉพาะในงานที่เต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติแบบนี้น่ะ พ่อแม่ฉันไม่ทำแน่”

   “ก็จริงของนายนะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เห็นด้วย “ที่จริงแล้วฉันตัดพ่อแม่นายแต่แรก ด้วยเหตุผลที่นายว่า ส่วนดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด ได้ยินนายบอกว่าเขาเอ็นดูกอร์ดอนมาก คิดว่าเขาแกล้งทำรึเปล่า”

   “ไม่มีทางแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนยัน “ท่าทีที่เขาแสดงออกเวลาอยู่กับกอร์ดอนอ่อนโยนมาก ฉันว่าคนอย่างท่านดยุกไม่ใช่คนที่ต้องแสร้งแสดงละครกับกอร์ดอนหรอก เขาเอ็นดูกอร์ดอนจากใจจริง อีกอย่างพวกเขามีประวัติรู้จักกันมานานมาก ตั้งแต่รุ่นปู่ของเขาโน่น”

   “งั้นก็เหลือดยุกแห่งแคมบริดจ์ แต่เขาไม่เคยรู้จักกอร์ดอนมาก่อนด้วยซ้ำไม่ใช่หรือ”

   “อาจจะเป็นคนที่เรารู้จักก็ได้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโพล่งออกมา “ลองนึกดูสิ สมมติว่าที่แมกซ์พูดมาถูก กอร์ดอนจำได้แต่แกล้งทำเป็นจำไม่ได้ บางทีเขาอาจจะไม่อยากให้พวกเรารู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายเขา ทำไมเขาถึงไม่อยากให้พวกเรารู้ล่ะ เพราะกลัวงั้นหรือ? ฉันว่าไม่นะ กอร์ดอนอาจจะดูเป็นคนขี้กลัวก็จริง แต่เขาไม่ใช่คนขี้ขลาดแน่ เขากล้าไปที่บาร์ของแมกคาธีเพื่อใช้หนี้ให้ลูกน้อง ฉันว่าเขาเป็นคนกล้าหาญเลยล่ะ ถ้าเขาไม่ได้กลัว แล้วทำไมเขาถึงไม่อยากบอกเราเรื่องที่เขาถูกทำร้ายล่ะ ฉันว่าเพราะนั่นต้องเป็นคนที่เรารู้จักแน่”

   “ฉันไม่เข้าใจนาย จอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “พอฟังนายพูดแบบนั้น มันก็ชี้ไปที่พ่อแม่ของจอห์นนี่อย่างเดียวเลยไม่ใช่หรือไง”

   “ไม่หรอกแมกซ์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรกขึ้น “บางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่จอร์จว่าก็ได้ กอร์ดอนหายไปตอนที่พวกเราเผลอ เขาคงไม่เดินดุ่มๆ ออกไปแล้วถูกจับใส่กระสอบแน่ ต้องมีใครสักคนที่เขารู้จักมาเชิญเขาออกไป เพราะเขาเห็นเป็นคนรู้จัก เลยไม่ได้บอกพวกเรา แน่นอนว่าต้องไม่ใช่พ่อแม่ฉัน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเขาต้องเรียกฉันด้วยแล้ว”

   “ก็จริงแฮะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “งั้นมีใครบ้างที่เข้าข่ายพวกที่ว่า”

   “แคทเธอรีนไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นมา “บางทีเธออาจจะหลงรักนายแต่ไม่แสดงออกอยู่ก็ได้นะจอห์นนี่ คิดดูสิ เธอรู้เรื่องระหว่างพวกนายสองคน และเธอก็มีฐานะเหมาะสมที่จะแต่งงานกับนาย แค่เพียงแต่กำจัดกอร์ดอนออกไปเท่านั้นเอง”

   “จะบ้าหรือจอร์จ แคทเธอรีนไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ เธอยังดูโกรธฉันด้วยซ้ำตอนที่รู้ว่าพากอร์ดอนไปงานเลี้ยงด้วย ฉันว่าเธอกลัวความจะแตกยิ่งกว่าฉันเสียอีก”

   “โธ่ จอห์นนี่ จะบอกอะไรให้ ถ้ากอร์ดอนเป็นผู้หญิงนะ ฉันคงฟันธงลงไปได้เลยว่าต้องเป็นฝีมือของผู้หญิงขี้อิจฉาแน่ ผู้หญิงทั้งลอนดอนอยากได้นายใจจะขาด ถ้าเลื่อยขาใครได้ต้องเลื่อยอยู่แล้ว ยิ่งเป็นคนสามัญธรรมดาด้วยล่ะก็นะ... มันต้องออกอีหรอบนี้แหละ”

   “นายอ่านนิยายน้ำเน่ามากไปแล้วจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ถ้ากอร์ดอนเป็นผู้หญิงก็ไม่แน่ แต่นี่เขาเป็นผู้ชาย”

   “เดี๋ยวก่อนแมกซ์ ฉันว่าฉันเริ่มเห็นเงื่อนงำอะไรบางอย่างแล้วล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นมา ทั้งสองคนหันไปมองเขาเป็นตาเดียว

   “อะไรหรือ”

   “ฉันยังพูดออกมาไม่ได้หรอก จนกว่าจะแน่ใจ แต่ถ้าเป็นอย่างที่คิด ฉันก็พอเข้าใจล่ะว่าทำไมกอร์ดอนถึงไม่อยากบอก”

   “นายอย่าพูดให้สงสัยแล้วทิ้งไปแบบนั้นซี่”

   “ใช่ จอห์นนี่ ถ้านายรู้อะไรก็รีบพูดมาเลยดีกว่า”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจ “เราต้องเริ่มสืบเรื่องนี้จากตัวเจเรมี ฉันแน่ใจว่าตอนนี้เขาต้องอยู่ที่คฤหาสน์ เพราะเหนื่อยจากงานเลี้ยงเมื่อวาน แถมยังต้องดูแลดยุก”

   “งั้นจะรออะไรอยู่ล่ะ ไปกันเลยสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า แต่เพื่อนรักของเขากลับสั่นศีรษะ

   “ไม่ เราจะไม่ไปหาเขาที่คฤหาสน์ แต่จะเรียกเขาออกมาเจอข้างนอก”

   “หา”

   “แมกซ์ ฉันอยากให้นายส่งจดหมายลับไปให้เขาสักฉบับ เขียนยังไงก็ได้ให้เขาออกมาเจอพวกเราข้างนอกเงียบๆ อย่าบอกว่าฉันเป็นคนเรียกออกมาล่ะ”

   “ฉันเข้าใจล่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดออกมาหลังจากนิ่งไปพักใหญ่ “ฉันจะให้คนเอาจดหมายไปส่งให้เจเรมี แต่... จอห์นนี่ เราต้องจัดการเรื่องนี้อย่างระมัดระวังมากนะ ถ้าฉันคิดตรงกับที่นายคิด มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่มากทีเดียว”

   “อืม”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเพื่อนทั้งสองคนด้วยความหงุดหงิด “นี่พวกนายคุยอะไรกัน บอกฉันบ้างซี่”

-------------------------------------------------

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดได้รับจดหมายในช่วงใกล้เที่ยง เขาเพิ่งตื่นนอนและรู้สึกอยากจะออกไปยืดเส้นยืดสายพอดี จึงนั่งรถม้าออกจากคฤหาสน์ไปที่สโมสรเฮมดาลตามคำเชิญของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์   

   “ไงแมกซ์ ยินดีด้วยที่นายหายป่วยแล้ว ฉันเองก็อยากจะแวะไปเยี่ยมหรอกนะ แต่ต้องอยู่คอยต้อนรับท่านลุงนี่สิ” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดเอ่ยทักลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หลังเปิดประตูเข้ามาในห้องส่วนตัวของสโมสร ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หมุนเก้าอี้กลับไปหาเขา แล้วเชื้อเชิญให้นั่ง

   “นั่งก่อนสิเจเรมี เรามีเรื่องอยากจะคุยกับนาย”

   “เรา” เซอร์เจเรมีทวนคำ ก่อนจะเห็นว่านอกจากลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แล้ว ยังมีอีกสองคนนั่งอยู่ด้วย

   “ให้ตาย นั่นมันจอห์นกับจอร์จไม่ใช่หรือ พวกนายคิดจะเล่นตลกอะไรถึงเชิญฉันมาที่นี่ล่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับเก้าอี้เข้ามาเผชิญหน้ากับเขา เซอร์เจเรมีถึงกับผงะถอยหลังเล็กน้อย ด้วยรู้สึกว่าคนที่ก้าวเข้ามาหาเขามีรังสีสังหารดุดันผิดกว่าปกติ

   “ไม่มีเรื่องตลกอะไรทั้งนั้นแหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เมื่อวานนายทำอะไรเอาไว้ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะเจเรมี”

   เซอร์เจเรมีรู้สึกฉุนขึ้นมา “อะไรของนายจอห์น อย่ามาขู่ฉันด้วยมุกตลกห่วยๆ นี่นะ ฉันไปทำอะไรให้นายตอนไหน หรือจะเป็นเรื่องเพื่อนของนายที่หายไป คิดว่าฉันไล่เขาไปหรือไง อย่างี่เง่าไปหน่อยเลยน่า เมื่อวานฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นหรอก”

   “นายไม่ได้ไล่เขาไปหรอก ฉันเจอตัวเขาแล้ว”

   “งั้นก็หยุดทำหน้าน่ารำคาญแบบนั้นใส่ฉันเสียที เห็นแล้วอารมณ์เสีย”

   “ถ้านายไม่รู้จริงๆ ฉันจะบอกให้แล้วกัน ฉันเจอเพื่อนฉันถูกจับยัดใส่กระสอบ ตีเสียน่วม ถูกทิ้งอยู่ใกล้ที่ทิ้งขยะที่บ้านนายนั่นแหละ”

   “ว่าไงนะ” เซอร์เจเรมีอุทานออกมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดอีกครั้ง

   “เพื่อนฉันถูกจับยัดใส่กระสอบ ทุบจนน่วม แล้วทิ้งไว้ตรงที่ทิ้งขยะที่บ้านนายนั่นแหละ”

   “บ้าน่า มันจะเป็นไปได้ไง”

   “มันเป็นไปแล้วเจเรมี” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “พวกฉันพบเขาที่นั่นจริงๆ สภาพแย่มากด้วย นายจะแวะไปเยี่ยมเขาที่บ้านก็ได้นะ ตอนนี้เขาออกจากโรงพยาบาลแล้ว”

   “ให้ตาย ที่ทิ้งขยะบ้านฉันงั้นหรือ” อีกฝ่ายคราง “มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไรสักอย่างแน่ เพื่อนนายออกไปข้างนอกแล้วเจอใครดักปล้นรึเปล่า”

   “แค่ดักปล้นธรรมดาถึงกับต้องใส่กระสอบทุบเลยหรือ อีกอย่าง ที่ทิ้งขยะบ้านนายก็ใช่ว่ามองเห็นจากถนนได้ง่ายๆ”

   “นายอยากจะพูดอะไรกันแน่”

   “ฉันกำลังจะบอกนายว่า ถ้านายไม่ใช่คนที่ทำเรื่องนี้ ก็ต้องมีสมาชิกในบ้านของนายสักคน ที่เป็นคนทำเรื่องนี้”

   “พูดบ้าๆ คนในบ้านฉันเนี่ยนะจะไปทำร้ายเพื่อนนาย ฉันไม่เห็นว่ามันจะได้ประโยชน์อะไรตรงไหน”

   “แต่เขาถูกทำร้ายที่บ้านของนายแน่ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “และฉันมีหลักฐานด้วย”

   “หลักฐานอะไร”

   “กระสอบที่ใส่เขาไง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “มันเป็นกระสอบใส่ข้าวสาลีจากร้านปาเลโม่ นายก็รู้นี่ว่าที่นั่นขายแต่ข้าวสาลีมีคุณภาพ เพราะงั้นเลยต้องตีหมายเลขเอาไว้ทุกกระสอบ จะได้รู้ว่าเป็นข้าวที่เก็บไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นายอาจจะไม่สะดวกเอากระสอบกลับไปที่บ้าน เพราะงั้นฉันจดมาให้แล้ว นายก็กลับไปดูใบเสร็จแล้วกัน จะได้รู้ว่ามันมาจากบ้านนายจริงรึเปล่า”

   “ไม่ต้อง” เซอร์เจเรมีว่า “ไม่ใช่ว่าฉันยอมรับว่าเป็นคนทำหรือกระสอบนั่นมาจากบ้านฉันจริงๆ หรอกนะ แต่เพราะท่าทางของนายไม่ได้ล้อเล่น ฉันจะไปสอบพวกคนรับใช้เรื่องนี้เอง”

   “เราจะไปกับนายด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ”

   “ก็ได้ๆ แต่เรื่องนี้ต้องปิดอย่าให้ท่านลุงของฉันรู้เด็ดขาด เข้าใจนะ”

   “อืม”

----------------------------------------------

   เป็นโชคของทั้งสี่คน ที่ดยุกแห่งแคมบริดจ์ออกไปข้างนอกแล้วตอนที่พวกเขาไปถึง เซอร์เจเรมีจึงสั่งเรียกประชุมคนรับใช้ทั้งหมดที่เป็นผู้ชาย ที่ลานด้านหลังคฤหาสน์ รวมแล้วมีทั้งหมดสี่สิบสองคน

   “เอาล่ะ ฉันรู้ว่าพวกแกคงสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้น งั้นก็รู้ไว้ เมื่อคืนนี้มีเพื่อนคนหนึ่งของลอร์ดโทรว์บริดจ์ถูกทำร้าย และเขาสงสัยว่ามันเป็นฝีมือของพวกแกคนใดคนหนึ่ง หรืออาจจะมากกว่านั้น ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็สารภาพออกมาดีกว่า ว่าใครเป็นคนทำ”

   “....”

   เงียบ ไม่มีใครพูดอะไร ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปพูดกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยความกังวล

   “คนเยอะแบบนี้ ถ้าถามทีละคนมีหวังใช้เวลาทั้งวันแน่”

   “ไม่จำเป็นต้องถามทั้งหมดหรอก เอาเฉพาะคนที่รู้จักที่ทางในครัวกับโกดังดีก็พอ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า

   พอตัดคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกแล้ว ก็เหลืออยู่ประมาณสิบคนเท่านั้น ทั้งหมดล้วนเป็นชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำ เพราะต้องใช้แรงงานในการขนของเข้าออกครัว

   “เอาล่ะ ฉันจะถามอีกครั้ง พวกแกมีใครเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนบ้าง ฉันรู้ว่าต้องมีคนรู้แน่ มีกระสอบเปล่าถูกเอาออกไปใบหนึ่ง ถ้าไม่มีใครตอบ ฉันจะไล่พวกแกออกให้หมด”

   “นายท่านครับ พวกเราไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลยจริงๆ” คนรับใช้คนหนึ่งละล่ำละลัก “เมื่อคืนนี้ในครัววุ่นวายมาก พวกเราไม่มีเวลาไปทำอะไรแบบนั้นหรอกครับ”

   “ใช่ครับ” อีกคนเสริมขึ้น “เมื่อคืนนี้ไม่มีใครว่างเลยครับ แค่จะพักไปสูบบุหรี่ยังไม่มีเวลาเลย”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดฉุนจัด “งั้นพวกแกจะบอกว่ากระสอบมันเดินออกไปเองงั้นหรือ”

   “อาจจะมีคนนอกมาหยิบออกไปก็ได้ครับ”

   “เหลวไหล พวกแกเก็บกระสอบเปล่าไว้ในที่ที่มันหยิบง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง อีกอย่างในครัวยุ่งมากไม่ใช่รึ ยุ่งขนาดนั้น ถ้ามีคนนอกมาเดินเพ่นพ่านต้องถูกไล่ออกไปอยู่แล้ว พวกแกจะไม่รู้ไม่เห็นได้ไง”

   “.....”

   “เอ่อ... จริงๆ แล้วจะว่าคนนอกก็ไม่เชิงหรอกนะครับ” คนรับใช้คนหนึ่งพูดออกมาในที่สุด “เมื่อคืนนี้ผมเห็นคนของท่านดยุกเดินเข้ามาในครัว แต่แค่แว้บเดียว ผมคิดว่าเขาคงลงมาหาอะไรกิน”

   “ว่าไงนะ มีใครเห็นอีกมั้ย”

   “ผมเห็นครับ แต่ไม่ได้สังเกตว่ามาทำอะไร คิดว่ามาหาอะไรกินเหมือนที่เจคอปบอกนั่นแหละ   

อีกคนหนึ่งพูดขึ้น “ผมไม่ทันได้สังเกตครับ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องกระสอบ เมื่อคืนนี้ผมยกกระสอบข้าวสาลีออกมาเท แล้วมีคนอาสาเอากระสอบเปล่าไปเก็บให้ ผมไม่ได้หันไปมองว่าเป็นใคร”

   “แล้วทำไมแกไม่พูดแต่แรก”

   คนรับใช้คนนั้นสะดุ้งโหยง “ก็ผมคิดว่าเป็นพวกเราเอาไปเก็บกันเอง ไม่น่าเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นอย่างที่เจคอปกับฮัลพูด คนที่มารับกระสอบไปอาจจะเป็นคนอื่นก็ได้”

   “นี่พวกแกจะบอกว่าคนของท่านดยุกเป็นคนเอากระสอบไป ไม่เกี่ยวกับพวกแกงั้นหรือ กล้าดียังไงไปใส่ความคนของท่านดยุกแบบนั้น”

   “พะ... พวกผมไม่กล้าหรอกครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื่นมือมาจับไหล่เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ด “เย็นไว้เจเรมี พวกเขาอาจจะพูดความจริงก็ได้”

   “นายก็เป็นไปด้วยหรือจอห์น พวกนี้แค่ปัดสวะให้พ้นตัวเท่านั้นแหละ คนของท่านลุงจะมาเกี่ยวข้องด้วยได้ไง เขาไม่มีทางสั่งให้คนทำอะไรแบบนั้นแน่”

   “ท่านลุงนายคงไม่เกี่ยวหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่อาจจะเป็นคนอื่นที่สามารถสั่งพวกเขาได้”

   “นายหมายถึงใคร นอกจากท่านลุงแล้วยังมีใครสั่งพวกนั้นได้อีก นี่ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับไม่ให้ท่านลุงฉันรู้น่ะ”

   “อ้อ ฉันรู้แล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องขึ้นมา “สมมตินะ สมมติว่าพวกนี้พูดความจริง เราก็แค่ให้พวกเขาไปยืนยันตัวคนรับใช้คนนั้นของท่านลุงนายเท่านั้นเอง”

   “บ้าเรอะจอร์จ ทำแบบนั้นท่านลุงก็รู้น่ะสิ”

   “ท่านลุงนายไม่อยู่ไม่ใช่เรอะ เขาพาคนรับใช้ออกไปข้างนอกหมดเลยหรือไง”

   “ท่านลุงพาไปหมดแหละ ถ้าอยู่ที่นี่ก็มีแต่คนรับใช้ของอเล็กซี่เท่านั้น”

   “หืม อเล็กซานดร้าไม่ได้ออกไปด้วยหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกประหลาดใจ

   “อือ เห็นเธอบอกว่าเหนื่อยจากเมื่อวาน เลยอยากพักผ่อนอยู่ที่บ้าน เธอคงเหนื่อยมากจริงๆ นั่นแหละ ขนาดนายมา ยังไม่ออกมาทักเลย อาจจะหลับอยู่ก็ได้ล่ะมั้ง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้น “งั้นก็ไปปลุกเธอสิ ถ้าอธิบายรูปร่างลักษณะของคนรับใช้คนนั้นให้เธอฟัง เธออาจจะรู้ก็ได้ว่าเขาเป็นใคร”

   “อย่างี่เง่าน่า นายจะไปดึงเธอมายุ่งเรื่องนี้ทำไม” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดว่า “พวกนี้แค่โกหกเอาตัวรอดไปเท่านั้นแหละ เดี๋ยวฉันจะไล่ออกให้หมด”

   “แค่ไล่พวกเขาออกไม่ทำให้เรื่องจบหรอกนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนสั่งให้ทำเรื่องแบบนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นตัวนายเองก็ได้”

   “นายจะมากไปแล้วนะจอห์น” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดเค้นเสียง “ฉันไม่ได้โง่ขนาดอัดเพื่อนของนายในบ้านตอนที่มีแขกเต็มไปหมดหรอก อีกอย่างฉันไม่มีเหตุผลอะไรจะไปอัดเขา ถ้าอัดหน้านายล่ะก็ว่าไปอย่าง”

   “ก็จริงอย่างที่นายพูด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “งั้นถ้านายไม่เกี่ยว คนรับใช้ของนายก็ไม่เกี่ยวด้วย พวกเขามัวแต่ยุ่งอยู่ในครัว ไม่มีทางปลีกตัวเข้าไปในงานเลี้ยงได้แน่ แต่กอร์ดอนไม่มีทางออกมาจากงานเลี้ยงโดยไม่มีใครสังเกตเห็นแน่นอน ฉันอยากให้เรียกคนรับใช้ที่อยู่ในงานเลี้ยงเมื่อวานมาสอบถามด้วย”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดเค้นเสียงขึ้นจมูก “ก็ได้จอห์น ฉันจะให้วินสตันไปเรียกพวกเขามา”

   วิสตันเป็นหัวหน้าพ่อบ้านของที่นี่ ตระกูลของเขาทำงานรับใช้ตระกูลไฮฟอร์ดกว่าสองชั่วอายุคน ใช้เวลาไม่นานก็รวบรวมคนรับใช้ที่อยู่ในงานเลี้ยงเมื่อวานมาจนครบ มีทั้งหมดยี่สิบสองคน

   “เอาล่ะ ฉันมีเรื่องจะสอบถามพวกแก เมื่อวานนี้เพื่อนของลอร์ดโทรว์บริดจ์คนหนึ่งหายออกไปจากงานเลี้ยง แน่นอนว่าเขาไม่มีทางหายไปเฉยๆ แน่ นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายมาก พวกแกมีใครเห็นเขาเดินออกไปจากงานเลี้ยงไหม เขาเป็นผู้ชายรูปร่างผอม ผมสีทอง สวมชุดทักซิโดส์”

   ทุกคนสั่นศีรษะ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้น “โธ่ เจเรมี ผู้ชายผอมสวมทักซิโดส์เมื่อคืนมีตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมนายไม่พูดให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อยเล่า”

   “ฉันไม่ใช่จิตรกรนะ ที่จะเที่ยวจำลักษณะของใครต่อใครได้”

   “ก็ได้ๆ งั้นฉันจะอธิบายเอง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เขาสูงประมาณฉันนี่แหละ แต่ผอมกว่า ท่าทางเหนียมๆ ตัดผมสั้น ตาสีฟ้า ปากสีชมพู สรุปคือเขาเป็นผู้ชายที่สวยมาก ถ้าเขาแต่งตัวเป็นผู้หญิงพวกนายจะต้องหันมองเหลียวหลังแน่ๆ

   คนรับใช้คนหนึ่งพูดออกมา “ถ้าเป็นผู้ชายคนนั้นล่ะผมเห็นอยู่นะครับ”

   “งั้นหรือ ฮ่าๆ เห็นไหมว่าฉันบรรยายลักษณะคนเก่ง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดด้วยความภาคภูมิใจ “ว่าแต่นายเห็นเขาที่ไหน”

   “อืม... ผมเห็นเขาเดินออกไปกับลอร์ดเชลบี เหมือนจะออกไปคุยกันที่ระเบียงน่ะครับ”

   “กับแพททริกงั้นหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องออกมา เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดถามต่อ

   “แน่ใจนะว่าที่เห็นน่ะคือลอร์ดเชลบี”

   คนรับใช้คนนั้นพยักหน้า “แน่ใจครับ ผมยังแปลกใจเลย เพราะปกติเห็นเขาอยู่กับเลดี้อเล็กซานดร้าตลอด แต่จู่ๆ ก็เดินออกไปกับผู้ชายคนนั้นสองคน ยังคิดอยู่เลยว่ามีเรื่องอะไรกันรึเปล่า”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดหน้าเครียด “แล้วมีใครเห็นอีกไหม”

   คนรับใช้คนหนึ่งพูดต่อ “ผมเห็นเขาถูกพยุงออกไปทางระเบียงด้านหลัง พอดีตอนนั้นผมยืนอยู่ใกล้หน้าต่างพอดี ไม่ทันได้สังเกตหรอกนะครับว่าใช่คนเดียวกันรึเปล่า แต่เขาเป็นคนที่ผอมจนอีกสองคนที่เหลือหิ้วเขาได้สบายเลย”

   เซอร์เจเรมีโบกมือ “เอาล่ะ ฉันหมดธุระกับพวกแกแล้ว กลับไปทำงานต่อได้”

   “ขอบคุณครับ”

   “เดี๋ยวซี่ เจเรมี” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องขึ้น “เรายังถามไม่หมดทุกคนเลยนะ”

   “ไม่จำเป็นต้องถามให้หมดหรอก” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดว่า “คนพวกนี้ไม่มีทางโกหกแน่ พวกเขาไม่มีเหตุผลอะไร แถมทุกคนก็ไม่รู้ด้วยว่าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น”

   “งั้นนายก็ยอมรับว่าแพททริกมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดพยักหน้า

   “อืม ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาทำไปเพื่ออะไร แต่ยังไงฉันต้องเค้นออกมาจากปากเขาให้ได้”


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   ลอร์ดเชลบีมีท่าทางประหลาดใจตอนที่เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์รวมถึงคนอื่นๆ นั่งรออยู่ในห้องรับแขก เขานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามแล้วทักทาย

   “ลมอะไรพัดพวกนายมาด้วยกันเนี่ย เจเรมี”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดไม่ตอบคำถาม “แพททริก เมื่อคืนนายพาเพื่อนของจอห์นที่ชื่อกอร์ดอนออกไปคุยที่ระเบียงใช่ไหม”

   “อ้อ... ใครบอกนายล่ะ”

   “คนรับใช้เห็นเขาออกไปกับนาย” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดว่า “ตอบมาตามตรงนะแพททริก”

   “อืม ฉันชวนเขาออกไปเอง ทำไมนายต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น คิดว่าฉันเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเขางั้นหรือ”

   “แน่นอน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เมื่อคืนนายอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่บอกพวกเรา แล้วมายอมรับเอาป่านนี้ ถ้านายบริสุทธิ์ใจจริงก็ควรจะบอกแต่แรกสิ”

   “เพราะฉันไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกันน่ะสิ” ลอร์ดเชลบีว่า “ฉันคุยกับเขาเสร็จแล้วก็แยกออกมา ไม่ได้เป็นคนทำให้เขาหายไปเสียหน่อย”

   “งั้นหรือ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เค้นเสียงลอดไรฟัน “แน่ใจนะว่านายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเขา เพราะเราพบเขาถูกยัดใส่กระสอบทิ้งไว้ตรงลานทิ้งขยะของบ้านเจเรมี ในสภาพถูกทุบทั้งตัว ถ้าหาคนผิดไม่ได้ เจเรมีจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้แทนพวกขี้ขลาดที่ไม่กล้ายอมรับในสิ่งที่ทำลงไป”

   ลอร์ดเชลบีโกรธจนหน้าแดง “นายนี่มันแย่จริงๆ จอห์น เพื่อนของนายถูกทำร้ายแล้วไง แม้เรื่องจะเกิดที่บ้านของเจเรมี แต่ใช่ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเสียหน่อย”

   “ฉันคงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้หรอกนะ แพททริก” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดพูดขึ้นมา “มันเกิดขึ้นในบ้านของฉัน กระสอบที่ใช้ใส่เขาถูกเอาไปจากห้องครัวของฉัน ฉันไม่มีทางนอนหลับได้ลงแน่ ถ้าไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง”

   “แล้วฉันเกี่ยวไรด้วย” ลอร์ดเชลบีย้อน “ฉันเรียกเขาไปคุยด้วยก็แค่นั้น”

   “บอกหน่อยสิว่าพวกนายคุยกันเรื่องอะไร” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นมา “ทำไมจู่ๆ นายถึงอยากจะคุยกับกอร์ดอนขึ้นมาล่ะ”
   ลอร์ดเชลบีชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกมา “ก็แค่อยากรู้ว่าเขาเป็นใครแค่นั้นแหละ ได้ยินว่าดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดประหลาดใจมากที่เห็นเขาในงานนี่ ก็คงไม่แปลกหรอก เพราะคนอื่นๆ ก็ประหลาดใจเหมือนกันที่เห็นช่างตัดเสื้อในงานเลี้ยงชั้นสูงแบบนั้น... โอ๊ย”

   เขาพูดไม่จบเพราะถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์คว้าคอเสื้อไว้ “อย่าพูดจาดูถูกเขา ถ้ายังพูดอีกคำล่ะก็ ฉันจะเลาะฟันของนายออกมา”

   “ก็เอาซี่” ลอร์ดเชลบีว่า “พ่อแม่นายจะได้ภูมิใจว่าลูกชายมาหาเรื่องคนอื่นถึงในบ้าน”

   “ฮึ่ม”

   “ใจเย็นก่อนจอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบเข้ามาห้ามเพื่อน “นายอย่ามาเสียเพราะคนขี้ขลาดพวกนี้เลย ถ้าแพททริกไม่รู้เรื่องจริง เราก็ต้องให้เจเรมีรับผิดชอบ แย่จริงๆ ที่คนอย่างเจเรมีต้องมารับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ ลองคิดดูสิ มีไอ้ขี้ขลาดคนหนึ่งใช้บ้านของเจเรมีเป็นสถานที่ก่อเหตุ ทำร้ายเพื่อนของลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้วทิ้งเอาไว้เหมือนขยะ ไม่กล้ารับด้วยนะว่าทำ โยนความผิดให้เจ้าบ้านเฉยเลย คนแบบนี้จริงๆ มันน่าตัดเพื่อนทิ้งจริงๆ นะ นายว่ามั้ย แพททริก คบไปก็เสียเวลาเปล่า”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยอมปล่อยมือจากคอเสื้อของลอร์ดเชลบีในที่สุด “โชคดีที่ฉันไม่มีเพื่อนขี้ขลาดขนาดนั้น แต่ดูเหมือนว่านายจะมีนะ เจเรมี”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดส่งเสียงในคอ “ฉันเชื่อใจแพททริก เขาคบกันฉันมานาน ไม่มีทางหักหลังฉันแน่ ถ้าเขาบอกว่าไม่รู้ก็คือเขาไม่รู้ พวกเรากลับกันได้แล้ว ฉันจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นเอง”

   “งั้นหรือ นายคิดจะรับผิดชอบยังไงกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แค่ให้ฉันชกหน้านายทีหนึ่งน่ะไม่พอหรอกนะ”

   “นายอยากให้ทำยังไงล่ะ”

   “ตอนนี้กอร์ดอนทำงานไม่ได้ แค่จะกระดิกกระเดี้ยยังไม่ได้ ความจริงฉันอยากจับนายใส่กระสอบแล้วกระทืบแบบเขา แต่นั่นมันคงไม่เหมาะสมกับสุภาพบุรุษแบบนาย เพราะงั้น นายจะต้องไปอยู่เป็นเด็กรับใช้ที่ร้านเขาแทน”

   “มากไปล่ะ” ทั้งเซอร์เจเรมี และลอร์ดเชลบีพูดออกมา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจึงพูดขึ้น

   “อะไรๆ นายเป็นคนถามเองแท้ๆ ว่าอยากจะให้ทำไง พอจอห์นนี่บอกทำเป็นรับไม่ได้งั้นหรือ เป็นคนยังไงกันเนี่ย เจเรมี นอกจากจะมีเพื่อนฝูงขี้ขลาดแล้วตัวเองยังตาขาวอีกด้วย นายจะไม่ทำอย่างที่จอห์นนี่ว่าก็ได้นะ เพราะเขาคงจะไปบังคับนายไม่ได้ แต่ฉันคงต้องบอกคนอื่นๆ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อนของลอร์ดโทรว์บริดจ์ถูกทำร้ายในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นที่บ้านนาย ในตอนที่ท่านตาของนายอยู่ด้วย หลักฐานทุกอย่างชี้มาว่ามันเกิดขึ้นในงานแน่ๆ แต่ไม่มีใครกล้ารับผิดชอบ คนตระกูลไฮฟอร์ดทำไมถึงขี้ขลาดแบบนี้ เป็นตระกูลมีชื่อเสียงซะเปล่า แต่ไม่มีความกล้าหาญอะไรเลย”

   “หุบปากเลยจอร์จ ถ้ายังพูดอีกฉันต่อยปากนายแน่” ลอร์ดเชลบีตวาด ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่ายียวนกวนประสาทกว่าเดิม

   “เอาซี่ แพททริก นายจะต่อยฉันในบ้านตัวเองก็ได้ แต่ถึงจะต่อยฉันกี่หมัด มันก็ลบความจริงในเรื่องที่ฉันพูดออกไปไม่ได้หรอก ว่าเพื่อนนายน่ะมีเพื่อนขี้ขลาด ตัวเขาเองก็ขี้ขลาดด้วย”

   “หน็อย อย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะ”

   “พอเถอะ” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดพูดขึ้นมา “ฉันตกลงตามที่นายว่าแล้วกันจอห์น แต่ฉันต้องปกปิดฐานะตัวเอง ฉันต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่จะทำให้ชื่อเสียงตระกูลเสื่อมเสียไม่ได้”

   “ก็ได้ เจเรมี ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะทำลายชื่อเสียงของตระกูลนายหรอก แค่ต้องการตัวคนรับผิดชอบเท่านั้น”

   “งั้นก็เป็นอันตกลงตามนี้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เจเรมีจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องเลยก็ตาม เอาล่ะ พวกเราไปกันได้แล้ว”

   “เดี๋ยว” ลอร์ดเชลบีร้องขึ้นมา “นายจะทำอย่างนั้นจริงๆ หรือ เจเรมี”

   เซอร์เจเรมียักไหล่ “ถึงฉันจะไม่ชอบจอห์น และก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เกินเลยไปโข แต่ฉันลั่นวาจาไปแล้ว ฉันไม่คืนคำเด็ดขาด และฉันไม่ต้องการให้ใครเที่ยวไปพูดว่าฉันเป็นคนขี้ขลาดไม่มีความรับผิดชอบด้วย”

   “ให้ตายสิ” ลอร์ดเชลบีคราง “ไม่ต้องแล้ว เจเรมี นายไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เรื่องทั้งหมดฉันเป็นคนทำเอง”

   “ว่าไงนะ” เซอร์เจเรมีหันกลับไปหาลอร์ดเชลบีทันที “นายเป็นคนทำงั้นหรือ”

   “ใช่ ฉันทำเอง”

   คราวนี้เซอร์เจเรมีเป็นคนกระชากคอเสื้อของลอร์ดเชลบีเสียเอง “นายทำแบบนี้ทำไมแพททริก”

   ลอร์ดเชลบีเม้มริมฝีปาก “ฉันเกลียดจอห์นเข้ากระดูกดำ เลยแค่อยากจะสั่งสอนเพื่อนของเขาเป็นการตักเตือนสักหน่อย”

   “ในงานเลี้ยงของท่านลุงฉันน่ะนะ” เซอร์เจเรมีร้องออกมา “นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไงแพททริก ฉันรู้ว่าไม่มีใครชอบจอห์น แต่นายลงมือทำเรื่องที่แย่มาก นายทำให้ฉันขายหน้า ทำให้ฉันเสียความไว้ใจที่มีต่อนาย นายเป็นเพื่อนประสาอะไรกัน”

   “ขอโทษนะเจเรมี ฉันไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดขนาดนี้”

   “ฮึ่ม” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดเหวี่ยงคอเสื้อของลอร์ดเชลบีจนเจ้าตัวล้มลงไปบนโซฟา เขาพูดอย่างโกรธจัด “ไปกันเถอะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ฉันจะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเอง และจะไม่มีวันเหยียบมาที่นี่อีกเลย”

   พูดจบก็เดินกระทืบเท้าออกไปทันที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันมามองลอร์ดโทรว์บริดจ์ ฝ่ายนั้นจึงโบกมือ

   “พวกนายตามเจเรมีออกไปก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับแพททริกอีกหน่อย”

   “อืม” ทั้งสองคนจึงเดินตามเซอร์เจเรมีออกไป ขณะที่ลอร์ดเชลบียันตัวลุกขึ้น พยายามอย่างเต็มที่ที่จะสะกดกั้นความพลุ่งพล่านเอาไว้

   “นายยังมีอะไรอยากถากถางฉันอีกหรือไงจอห์น”

   “เปล่า ฉันไม่ได้จะถากถางนาย อยากจะชมนายต่างหาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันรู้ว่านายมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่นายไม่ใช่คนสั่งการแน่ ฉันนับถือการที่นายออกหน้ายอมรับแทนเพราะไม่อยากให้เจเรมีต้องรับโทษที่เขาไม่ได้ก่อ แต่มันสายไปหน่อย และอีกอย่าง ฉันจะต้องสาวไปจนถึงคนที่บงการเรื่องนี้ให้ได้ ต่อให้นายไม่ปริปากพูดก็เถอะ”

   “แปลว่านายจะไม่ยอมรามืองั้นหรือ ทั้งที่เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้วเนี่ยนะ”

   “แน่นอน นายก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่จะเลิกราอะไรง่ายๆ ฉันนับถือนายเรื่องที่ออกหน้ารับแทนเจเรมี รวมถึงอีกคนที่อยู่เบื้องหลังก็จริง แต่ก็ต้องตำหนิด้วยว่านายมันเป็นสุภาพบุรุษที่ห่วยแตกมาก ที่ปล่อยให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้โดยที่นายไม่ห้าม ไม่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นใคร นายได้ช่วยส่งเสริมให้เธอกลายเป็นคนใจดำอำมหิต แค่เพราะนายอยากตามใจเธอเท่านั้นเอง”

   “เดี๋ยว จอห์น นายรู้งั้นเรอะ นายรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วใช่ไหม หมอนั่นต้องเล่าให้นายฟังหมดแล้วแน่ๆ หน็อย ไอ้ปิศาจ ทั้งที่รู้แล้วยังไล่เบี้ยเอากับฉันและเจเรมีขนาดนี้”

   “เปล่าเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “กอร์ดอนไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เขาบอกฉันว่าจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ จิตใจของเขาสูงส่งกว่านายเยอะ พวกนายต่างหากที่ควรถูกเรียกว่าปิศาจ”

   “ว่าไงนะ”

   “นายจบแล้วแพททริก ถ้าไม่อยากเจ็บตัวเจ็บใจมากไปกว่านี้ก็นั่งอยู่เงียบๆ ที่บ้านเถอะ ฉันจะสะสางเรื่องที่เหลือจนถึงที่สุดเอง”

   “บ้าชะมัด ฉันไม่ยอมให้นายทำแบบนั้นแน่” เขาวิ่งไปขวางหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์ไว้ “ฉันยอมหักกับเจเรมีก็เพื่อเธอ ฉันจะไม่ยอมให้นายทำอะไรเธอเด็ดขาด”

   “นายไม่มีปัญญาหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ที่นายทำได้ก็เป็นแค่ชายที่คอยตามก้นผู้หญิงเท่านั้น นายไม่มีปัญญาไปยืนตรงหน้าเธอได้ ยิ่งไม่มีปัญญาที่จะขวางฉันได้”

   “ไม่” ลอร์ดเชลบีพุ่งเข้าใส่คนที่เขายืนขวางอยู่สุดแรง ทว่ากลับถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์คว้าคอเสื้อไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนจะกระแทกเขาเข้ากับผนัง

   “รักษาร่างกายไว้ดีๆ แพททริก นายยังต้องแข่งรักบี้ให้ทีมของฉัน เรื่องแค่นี้หวังว่านายจะทำได้นะ”

   ร่างของลอร์ดเชลบีทรุดฮวบลงทันทีที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปล่อยมือ ถ้าไม่พิงกำแพงอยู่เขาคงนอนกองไปแล้ว เจ้าตัวไอซ้ำๆ หลายครั้ง พยายามอย่างยิ่งไม่ให้น้ำตาแห่งความอัปยศไหลออกมา

---------------------------------------

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดมีท่าทีหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าพวกของลอร์ดโทรว์บริดจ์ยังคงตามเขามาถึงบ้าน

   “นี่ หมดเรื่องแล้วพวกนายก็กลับๆ กันไปเสียทีสิ เรื่องที่สัญญาไว้ฉันทำให้แน่ ไม่ต้องตามมาคอยดูถึงบ้านแบบนี้หรอก”

   “อ้อ... เปล่า ฉันไม่ได้ตามมาจับตาดูอะไรนาย ฉันเชื่อแน่ว่านายจะรักษาคำที่ให้ไว้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันแค่อยากพบอเล็กซานดร้า”

   “หืม... ทำไมจู่ๆ นายถึงอยากพบอเล็กซี่ อยากประกาศชัยชนะที่นายเพิ่งได้มาจากฉันกับแพททริกหรือไง”

   “ก็ไม่เชิง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันแค่รู้สึกว่าต้องคุยกับเธอเท่านั้น เธอควรรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างนายกับแพททริก”

   “ขอบใจนะ แต่ฉันบอกเธอเรื่องนั้นเองได้ ไม่ต้องรบกวนนายหรอก”

   “นายจะอยู่ด้วยก็ได้ แต่ยังไงฉันก็จะคุยกับอเล็กซานดร้า”

   “เห็นแก่พระเจ้า จอห์น นายจะจองเวรพวกเราไปถึงไหน แค่นี้นายก็น่าจะเลิกราได้แล้วนี่นา แพททริกเองก็ยอมรับแล้ว ทำไมนายต้องไปลากอเล็กซี่มาอีก”

   “เพราะฉันแน่ใจว่าแพททริกไม่ได้เป็นคนทำแต่รู้เห็นน่ะสิว่าใครทำ และที่เขารับแทนก็เพราะต้องการปกป้องนาย รวมถึงปกป้องคนที่ทำนั่นแหละ”

   “หา”

   “ให้คนไปตามอเล็กซานดร้ามาเถอะ เดี๋ยวนายก็จะรู้เองนั่นแหละว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยความฉุนเฉียว แต่ก็ยอมสั่งให้คนรับใช้ขึ้นไปตามเลดี้อเล็กซานดร้า เนื่องเพราะเขารู้ดีว่าด้วยนิสัยของลอร์ดหนุ่ม ต่อให้ปฏิเสธยังไง เจ้าตัวก็จะหาวิธีอื่นมาทำให้ได้สิ่งที่ต้องการอยู่ดี

   ไม่นานนักเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็มาที่ห้องรับแขก เธอดูตกใจมากกว่าดีใจที่เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์และคนอื่นๆ นั่งอยู่ด้วย

   “ไง... จอห์น ฉันไม่รู้เลยว่าคุณแวะมา เพื่อนคุณเป็นไงบ้างคะ หาเขาเจอไหม”

   “เจอแล้ว ผมดีใจที่คุณถามถึงเขานะ”

   “ก็คุณดูเป็นห่วงเขามากนี่คะ” เธอว่า แล้วนั่งลง “ว่าแต่เขาเป็นไงบ้างคะ”

   “อาการสาหัสอยู่”

   “หา”

   “มีคนร้ายจับเขายัดใส่กระสอบแล้วทุบจนน่วมไปทั้งตัว แถมยังทิ้งเขาไว้ที่ลานทิ้งขยะที่บ้านหลังนี้อีก”

   “โอ้ พระเจ้า จริงหรือคะ” สีหน้าของเธอซีดลงไปถนัด เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดพูดแทรกขึ้น

   “นายไม่ต้องบรรยายละเอียดขนาดนั้นก็ได้จอห์น อเล็กซี่ตกใจเอาเปล่าๆ เอาแค่ว่าตอนนี้เขาปลอดภัยแล้วก็พอ”

   “อืม... ก็อย่างที่เจเรมีว่า โชคดีที่ผมหาเขาเจอ ไม่งั้นอาจจะแข็งตายไปแล้วก็ได้ คราวนี้ต่อให้เจเรมีกี่หัวก็คงไม่พอจะเอามารับผิดชอบหรอก”

   สีหน้าของเลดี้อเล็กซานดร้าซีดลงกว่าเดิม เธอยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่อ “แย่จัง”

   “ใช่ แย่จริงๆ แต่ไม่ต้องกังวลไป ผมได้ตัวคนร้ายแล้ว”

   “จะ... จริงหรือคะ”

   “อืม เขาเพิ่งสารภาพกับพวกเราเมื่อไม่นานนี้เอง”

   “ใครกันคะ พวกคนรับใช้ในบ้านใช่ไหม”

   “เปล่าหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหลือบตาไปมองเซอร์เจเรมี ฝ่ายนั้นจึงพูดขึ้นอย่างเสียไม่ได้

   “แพททริกน่ะ ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ในงานเลี้ยงของท่านลุงฉัน”

   “แพททริกนะหรือ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ทวนคำ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ

   “อืม มีคนรับใช้เห็นเขาไปกับกอร์ดอนน่ะ ตอนแรกเขายอมรับว่าไปกับกอร์ดอนจริงแต่ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น จนผมขู่ว่าเจเรมีจะต้องได้รับโทษแทนถ้าหาคนผิดไม่ได้นั่นแหละ เจ้าตัวถึงได้รับสารภาพ ว่าเขาเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด”

   “บ้าจัง” เลดี้อเล็กซานดร้าโพล่งออกมา “ทำไมต้องขู่กันถึงขนาดนั้นคะ ที่บาดเจ็บน่ะเป็นเพื่อนของคุณก็จริง แต่ไม่เห็นจะต้องให้เจเรมรับผิดชอบเลยนี่นา เขาไม่ได้เกี่ยวอะไรสักหน่อย”

   “เกี่ยวสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขาเป็นเจ้าของสถานที่ เรื่องนี้น่ะเกิดขึ้นในบ้านของเขาแท้ๆ ถ้าเขาไม่รับผิดชอบ ผมคงผิดหวังกับตระกูลไฮฟอร์ดมากเลยล่ะ”

   “หยุดย้ำได้แล้ว ฉันรับผิดชอบให้นายแล้วไง รวมถึงเรื่องแพททริกด้วย เพราะงั้นช่วยกลับไปซะที พรุ่งนี้ฉันจะไปที่นั่นตามที่สัญญาไว้”

   “ก็ได้เจเรมี ฉันรู้ว่านายเป็นสุภาพบุรุษที่เชื่อถือได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด แล้วลุกขึ้น

   “ลาก่อนเจเรมี ลาก่อนอเล็กซานดร้า”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รอจนเสียงฝีเท้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์จางไป จึงหันไปหาเซอร์เจเรมี

   “เจเรม นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมนายถึงไปยอมรับผิดแทนแพททริกแบบนั้น”

   “เธอก็ได้ยินแล้วไม่ใช่หรือไง” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดย้อน “ฉันเป็นเจ้าของสถานที่ ต่อให้แพททริกยอมรับผิดแล้วก็เถอะ ฉันไม่คิดเลยนะว่าเขาจะเป็นคนขี้ขลาดแบบนั้น ปิดบังความจริงจนถึงนาทีสุดท้าย ถึงจะยอมรับเพราะจอห์นขู่ว่าจะเอาเรื่องกับฉันก็เถอะ แต่ฉันผิดหวังกับเขามากจริงๆ เขาควรจะคิดก่อนทำด้วยซ้ำว่าสุดท้ายแล้วคนที่เดือดร้อนถ้าหาตัวการไม่เจอก็คือฉันนี่แหละ”

   “เจเรม...”

   “ฟังนะอเล็กซี่ เธอไม่จำเป็นต้องฝืนทำดีกับแพททริกเพื่อฉันอีกแล้ว ตอนนี้ฉันกับหมอนั่นตัดเพื่อนกันเรียบร้อยแล้ว หมอนั่นเองก็คงละอายเกินกว่าจะตากหน้ามาหาพวกเราเหมือนกัน”

   “ไม่จริงน่า...” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ครางออกมา “ทำไมเรื่องมันถึงร้ายแรงขนาดนี้ล่ะ นายคงไม่ได้หมายความแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหม แพททริกน่ะจริงๆ แล้ว...”

   “ฉันหมายความอย่างที่พูดนั่นแหละ เธอเองก็ดูไว้นะ คนที่หาเรื่องกับจอห์นน่ะ จบไม่สวยสักคน หมอนั่นไม่ใช่พ่อพระอย่างที่เธอวาดฝันไว้หรอก”

   น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ “ไม่นะ เจเรม ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลย”

   เซอร์เจเรมีถอนหายใจ “ขนาดนี้แล้ว เธอยังไม่ยอมตัดใจจากจอห์นอีกหรือ มันก็จริงหรอกที่ฝ่ายผิดคือแพททริก แต่ฉันต้องรับผิดชอบ และวิธีที่หมอนั่นให้ฉันรับผิดชอบก็แย่มากๆ ด้วย”

   “เขาให้นายทำอะไรน่ะ”

   “เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก และไม่ควรจะรู้ด้วย ถ้าอยากจะช่วยให้ฉันสบายใจล่ะก็ เลิกพูดถึงจอห์นเสียที แล้วก็ห้ามบอกเรื่องนี้ให้ท่านลุงรู้ด้วย” พูดจบก็ลุกออกไปจากห้องรับแขกทันที ทิ้งเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์นั่งทำอะไรไม่ถูกอยู่คนเดียว

   “ทำไงดีเรจิน่า” เธอหันไปเรียกสาวใช้ประจำตัวซึ่งรู้ใจกันมานาน “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เรื่องมันเลยเถิดขนาดนี้เลย”

   “คุณหนูใจเย็นๆ ตั้งสติก่อนเถอะค่ะ” สาวใช้รีบเข้ามาปลอบ “นี่เป็นเรื่องของพวกผู้ชาย เราเข้าไปยุ่งอะไรไม่ได้หรอกนะคะ”

   “ไม่ใช่นะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์แย้ง “ทั้งหมดเป็นความผิดฉัน แพททริกรับผิดแทนฉัน โอ้... ฉันไม่คิดว่าจอห์นจะโกรธขนาดนี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ทุกคนกลายเป็นแบบนี้เลย”

   “แต่เราทำอะไรไม่ได้แล้วนะคะ” สาวใช้ว่า “เรื่องมันเลยมาไกลถึงขั้นนี้แล้ว คุณหนูทำเป็นลืมๆ ไปเสียดีกว่าค่ะ”

   “ฉันจะลืมได้ยังไง ฉันทำให้เจเรมกับแพททริกผิดใจกัน ทำให้เจเรมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ ทำให้แพททริกต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนขี้ขลาด ไม่... ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไปเล่าความจริงให้จอห์นฟัง ต่อให้เขาจะเกลียดฉันก็ตาม”

   “คุณหนู”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รีบวิ่งออกมาที่ด้านหน้าคฤหาสน์ โชคดีที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เพิ่งจะขึ้นรถม้า เธอจึงร้องเรียกเขาไว้สุดเสียง

   “จอห์น รอก่อนค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักมือ เขาพูดอะไรบางอย่างกับคนที่อยู่ในรถม้า จากนั้นก็หันหน้ากลับมา

   “มีอะไรหรือ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า วิ่งกระหืดกระหอบมาจนถึงจุดที่เขายืนอยู่ แล้วพูดจนเกือบฟังไม่ได้ศัพท์

   “คุณต้องฟังสิ่งที่ฉันจะเล่านะคะ ที่จริงแล้วฉัน...”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้มือจับไหล่เธอไว้ “ใจเย็นๆ นะ หายใจลึกๆ ไว้ ไม่ต้องรีบ”

   ความอบอุ่นและมั่นคงที่ถ่ายทอดออกมาจากอุ้งมือของลอร์ดหนุ่มทำให้หญิงสาวใจเย็นลง เธอหยุดหอบหายใจอยู่พักใหญ่ จึงพูดต่อ

   “ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องเล่าให้คุณฟังเดี๋ยวนี้เลยค่ะ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก กรุณาฟังด้วยนะคะ”

   “ผมฟังแน่ แต่คุณแน่ใจนะว่าอยากจะพูดตรงนี้ ถ้ายังไงกลับเข้าไปคุยกันในบ้านดีไหม ผมว่าเจเรมีคงไม่ถึงกับปิดประตูใส่หน้าผมหรอก”

   คำพูดนั้นทำให้เลดี้อเล็กซานดร้ายิ้มออกมาได้หน่อยหนึ่ง จากนั้นทั้งหมดก็พากันเดินกลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กับลอร์ดจอร์จ เฟลตันนั่งแกร่วอยู่บนรถ

   “เอาไงดี เรากลับกันก่อนดีกว่าไหม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “นายเอารถม้ามาไม่ใช่หรือ”

   “โธ่ แมกซ์ รออีกสักหน่อยจะเป็นไรไป ฉันอยากรู้จริงเชียวว่าอเล็กซานดร้าจะพูดกับจอห์นเรื่องอะไร”

   “งั้นก็ตามใจนายแล้วกัน ฉันลงไปสูบบุหรี่ข้างนอกดีกว่า”

   “เดี๋ยว ฉันไปด้วยสิ”

-----------------------------------
(มีต่อ)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   “แล้วคุณมีเรื่องอะไรจะบอกผมล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามหลังจากกลับมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมที่เขาเพิ่งลุกออกไปเมื่อครู่ เลดี้อเล็กซานดร้าบีบผ้าเช็ดหน้า เธอเริ่มลังเลว่าควรจะพูดความจริงดีหรือเปล่า ถ้าเกิดว่าลอร์ดหนุ่มเกลียดเธอเข้าล่ะ แต่พอนึกถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น เธอก็ตกลงใจได้

   “เรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของคุณ เป็นฝีมือฉันทั้งหมดค่ะ เจเรมกับแพททริกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย”

   “หืม”

   “จริงๆ นะคะ” เลดี้อเล็กซานดร้าย้ำ “เมื่อคืนนี้ฉันขอร้องให้แพททริกไปเชิญเขามาคุยด้วย ตอนแรกฉันแค่อยากจะคุยกับเขาเฉยๆ ไม่คิดว่าเรื่องมันจะบานปลายไปกันใหญ่”

   “ผมไม่เข้าใจ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

   “คืองี้ค่ะ ฉันได้ยินมาว่าคุณเพิ่งสนิทกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กได้ไม่นาน เลยคิดว่ามันต้องเกี่ยวกับเรื่องคนรักลับๆ ของคุณคนนั้นแน่ๆ ฉันเลยเชิญเขามาคุยด้วย แต่เรามีปากเสียงกันนิดหน่อย ฉันเลยให้คนรับใช้พาเขาออกไปข้างนอก”

   “อเล็กซานดร้า นี่เป็นเรื่องสำคัญมากนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเสียงเครียด “คุณมีปากเสียงอะไรกับกอร์ดอน แล้วทำไมเขาถึงถูกทำร้ายรุนแรงขนาดนั้น”

   สีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำให้หญิงสาวรู้สึกกลัวขึ้นมา “คือ...”

   “เล่ามา ถ้าคุณไม่เล่าผมจะถือว่าคุณมารับผิดแทนเจเรมีกับแพททริก ซึ่งแน่นอนว่าสองคนนั้นต้องไม่ชอบใจแน่ พวกเขาคงไม่อยากให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ มารับผิดแทนหรอก”

   “ไม่ใช่นะคะ นี่เป็นเรื่องจริง” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยืนยัน “ก็ได้ค่ะ ฉันจะเล่าให้คุณฟังทุกอย่าง ฉันเชิญเขามาคุย เพราะเดาว่าคนรักของคุณต้องเป็นน้องสาวหรือไม่ก็ญาติของเขาแน่ เขาถึงได้สนิทกับคุณรวดเร็วขนาดนี้ ทั้งที่เป็นแค่ช่างตัดเสื้อ ที่จริงตอนแรกฉันคิดว่าคนรักของคุณคือแคทเธอรีน ถ้าเป็นเธอฉันคงทำใจได้ เธอทั้งสวย ทั้งฉลาด และเกิดในตระกูลสูง เหมาะสมกับคุณทุกอย่าง แต่ถ้าเป็นสาวชาวบ้านธรรมดา ฉันรับไม่ได้เด็ดขาด สุภาพบุรุษผู้เพียบพร้อมอย่างคุณไม่ควรจะไปเกลือกกลั้วกับผู้หญิงต่ำๆ แบบนั้น”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งพัก ก่อนจะถอนหายใจแรง “มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมนะ”

   “ขอโทษค่ะ มิสเตอร์โอเดนเบิร์กก็พูดแบบนี้เหมือนกัน เลยทำให้ฉันโมโหขึ้นมา ฉันไม่คิดว่าเขาจะกล้าต่อปากต่อคำ เลยสั่งให้คนรับใช้พาเขาออกไปสั่งสอนนิดๆ หน่อยๆ ไม่คิดว่าจะลงมือรุนแรงขนาดนั้น”

   “คุณโมโหกับแค่เรื่องที่กอร์ดอนบอกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมน่ะหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าเหมือนอยากร้องไห้ “แค่เรื่องแค่นั้น.... แค่นั้นเอง”

   “ขอโทษจริงๆ นะคะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เริ่มร้องไห้อีกครั้ง “ตอนนั้นฉันโกรธมาก ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมถอย ทั้งๆ ที่ด้วยฐานะมันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว เขาเอาแต่ย้ำว่ามันเป็นสิทธิ์ของคุณที่จะเลือก แต่ถ้าญาติของเขาเป็นฝ่ายถอยมันก็จบไม่ใช่หรือคะ คุณเองก็รู้ดีว่าเธอไม่คู่ควร จึงปิดไว้เป็นความลับ ถ้าเธอยอมถอยออกไปเอง เรื่องทั้งหมดมันก็น่าจะง่ายขึ้น ฉันคิดแค่นี้เองค่ะ แต่เขาไม่ยอมตกลงท่าเดียว เลยทำให้ฉันฉุนขาด”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มริมฝีปาก ในที่สุดก็พูดออกมา “กอร์ดอนยืนยันว่ามันเป็นสิทธิ์ของผมจนถึงที่สุดเลยสินะ”

   “ค่ะ...”

   “เขาไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้นเลยใช่มั้ย”

   “ค่ะ...”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ซบหน้าลงบนฝ่ามือ อยากจะร้องไห้ออกมา เลดี้อเล็กซานดร้าเห็นดังนั้นจึงถามขึ้นด้วยความตกใจ

   “เป็นอะไรไปคะ”

   “เปล่า ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร” เขาใช้สองมือลูบหน้า แล้วเงยขึ้นมาอีกครั้ง “ตอนที่เขาฟื้นขึ้นมา เขาไม่ได้พูดอะไรถึงคุณหรือคนอื่นแม้แต่นิดเดียว รู้ไหม เขาบอกว่าจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้”

   “.....”

   “ผมรู้ว่าเขาโกหก เพราะเขาไม่สนใจจะถามเลยว่าเรื่องมันเกิดขึ้นได้ยังไง ผมเฝ้าคิดอยู่นานมากกว่าทำไมเขาถึงต้องโกหกว่าจำไม่ได้ด้วย ถูกข่มขู่ก็เป็นไปไม่ได้ กอร์ดอนไม่ใช่คนที่จะกลัวการถูกขู่ แม้เขาจะดูเป็นคนหัวอ่อนมากก็ตาม สุดท้ายผมเลยคิดขึ้นมาว่าเพราะเขาไม่อยากให้ผมรู้ว่าใครเป็นคนทำ คนคนนั้นต้องเป็นคนที่ผมรู้จัก เขาเลยไม่อยากให้ผมรู้ว่าเป็นใคร”

   “.....”

   “อเล็กซานดร้า จำที่คุณพูดกับผมที่เวสต์มินิสเตอร์ได้ไหม คุณบอกว่าชายหญิงควรได้รับสิทธิ์เท่าเทียมกัน ผมเห็นด้วยกับคุณ แต่ก่อนที่คุณจะคิดเรื่องสิทธิ์ของผู้ชายหรือผู้หญิง คุณควรจะคิดเรื่องสิทธิที่มนุษย์ด้วยกันควรจะได้รับด้วย ไม่ว่าคนคนนั้นจะรวยหรือจน จะเป็นคนธรรมดาหรือมียศถาบรรดาศักดิ์ เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับคุณและผม ถ้าคุณยังรู้สึกดูถูกคนแค่เพราะเขาอยู่คนละชนชั้นกับเรา หรือเขาไม่ร่ำรวยล่ะก็... ผมว่าคุณไม่ควรจะไปเรียกร้องความเท่าเทียมอะไรกันนั่นหรอก”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์อึ้งไปพักใหญ่ “ขอโทษค่ะ ฉันขอโทษจริงๆ ให้อภัยฉันด้วยเถอะค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเธออีกครั้ง “คนที่คุณควรจะขอโทษ คือเจเรมีกับแพททริก ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนไปถึงจุดแตกหักก็เพราะคุณ ผมคิดว่าตอนนี้คุณเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขสถานการณ์ให้กลับไปเหมือนเดิมได้”

   “แล้วคุณล่ะค่ะ คุณจะให้อภัยฉันหรือเปล่า”

   อีกฝ่ายเม้มปาก “ผมให้อภัยคุณ... กอร์ดอนเองก็คงให้อภัยคุณด้วย ผมหวังว่าคุณจะเลิกยุ่งเรื่องของเราสักที มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมทั้งหมด และเป็นสิทธิ์ของผมที่จะตัดสินใจ อย่างที่กอร์ดอนพูดไว้”

   “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้าบิดผ้าเช็ดหน้าด้วยความโศกเศร้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงผ่อนน้ำเสียงลง

   “ทุกอย่างยังไม่สายเกินแก้ ผมรู้ว่าคุณกล้าหาญกว่าใคร คุณต้องทำให้มันกลับมาดีได้แน่ แค่คุณตั้งใจเท่านั้นเอง”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พยักหน้า “ขอบคุณนะคะจอห์น... ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”

-------------------------------------------

   ในที่สุด ทั้งสามหน่อก็นั่งรถออกมาจากคฤหาสน์ของเซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดได้เสียที ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

   “จอห์นนี่ นายรู้ได้ไงว่าอเล็กซานดร้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

   “ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอก”

   “อ้าว แล้วไหงจู่ๆ นายถึงได้แน่ใจนักล่ะว่าเธอจะต้องวิ่งออกมาบอกเรื่องสำคัญ ถึงกับให้พวกฉันนั่งคอยจนเงกแน่ะ”

   “เพราะนายนั่นล่ะจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ตอนที่นายพูดออกมาว่าคนที่ทำอาจจะเป็นคนที่เรารู้จักก็ได้ แล้วก็ยกตัวอย่างแคทเธอรีนน่ะ ฉันก็เลยเอะใจขึ้นมา”

   “ว้าว เพราะฉันหรือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันดูภูมิใจ “ว่าแต่มันเกี่ยวข้องกันยังไง ฉันยังไม่เข้าใจอยู่ดี”

   “คืองี้ พอนายบอกว่า ถ้ากอร์ดอนเป็นผู้หญิง นายต้องแน่ใจว่าเป็นฝีมือผู้หญิงด้วยกันแน่ ฉันเลยนึกขึ้นมาได้ กอร์ดอนเคยเล่าให้ฉันฟังว่าปกติแล้วผู้ชายที่มาคุยกับเขา มักอยากรู้จักกับญาติผู้หญิงของเขา และพ่อกับแม่ฉันเองก็เคยทักว่าฉันแอบไปติดพันญาติผู้หญิงของกอร์ดอนด้วย ฉันเลยมาคิดว่า ถ้ามีผู้หญิงสักคนที่คิดแบบนั้นล่ะ เธออาจจะอยากเรียกกอร์ดอนไปคุยเพื่อถามให้รู้ก็ได้ แต่กอร์ดอนต้องไม่ไปกับคนแปลกหน้าแน่ แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ อย่างน้อยๆ เขาก็ต้องสะกิดบอกเรา ฉันเลยคิดว่าต้องเป็นคนที่เขารู้จัก หรือเคยเห็นหน้า แล้วฉันก็นึกถึงอเล็กซานดร้าขึ้นมาได้ อย่างที่แคทเธอรีนพูดว่าเธอต้องไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ แน่ ฉันเลยเริ่มสงสัยเธอตั้งแต่ตอนนั้นแหละ”

   “นายนี่ยอดไปเลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันชม “เป็นฉันล่ะคิดไม่ถึงแน่”

   “ไม่แน่หรอกจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เซนส์การเดาสุ่มของนายน่ะน่ากลัวมากทีเดียว ถ้านายหัดคิดทบทวนอีกสักหน่อยก็ต้องเดาได้แล้วล่ะ”

   “พูดอย่างกับนายนึกได้ก่อนฉันงั้นแหละ”

   “ฉันก็นึกได้ตอนที่นายพูดถึงแคทเธอรีนนั่นแหละ”

   “มิน่า พวกนายถึงทำเหมือนรู้กันแค่สองคน แล้วทำไมไม่บอกฉันบ้างล่ะ”

   “ก็ฉันไม่แน่ใจ อีกอย่าง จอห์นนี่ไม่พูด ฉันก็ไม่พูด มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันสมควรจะพูดออกมานี่”

   “ชิ งี้ฉันก็บื้ออยู่คนเดียวสิ”

   “ไม่หรอกจอร์จ ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจเต็มร้อย เลยไม่อยากจะบอกนาย กลัวว่าจะหน้าแตกเอาน่ะ”

   “แหม... เห็นว่าเป็นนายนะจอห์นนี่ ฉันจะไม่โกรธก็ได้ ว่าแต่นายจัดการยังไงกับอเล็กซานดร้า อย่างนายคงไม่ลงมือต่อยหรือตบเธอแน่ แต่ผู้หญิงร้ายกาจแบบนั้นก็สมควรต้องได้รับบทเรียนมาก”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “ฉันว่าเธอได้รับบทเรียนสาสมแล้วล่ะ ถึงจะไม่เจ็บตัวก็เถอะ”

--------------------------------------
(จบ)

โฮ...20000ตัวอักษรมีปัญหากับอิฉันมากจริงๆ ในการหั่นเนื้อหาเป็นท่อนๆ คือกะไม่ถูก หั่นแล้วยังเกินไรงี้ (หรือผิดที่เราเขียนยาวไป) คิดว่าเรื่องนี้คงเดินทางมาใกล้ถึงตอนจบเข้าไปทุกที (จริงๆ คือมันควรจะจบๆ ไปได้แล้ว กรี๊สส) ตอนนี้เรารู้สึกว่าจอห์นได้แสดงด้านที่จองหองและวางก้ามพอดู (แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดอะไรฮีจริงๆ นะ ทำไมฮีทำแล้วมันดูน่าปลื้มก็ไม่รู้ ฮะๆๆ) ส่วนอเล็กซี่ จริงๆ แล้วเราชอบนางค่ะ ถึงนางจะลงมือทำร้ายกอร์ดอนไปก็เถอะ แต่ก็ด้วยนิสัยแบบคิดอะไรก็ทำแบบนั้นเลยของนางนั่นแหละ นางเป็นคนตรงไปตรงมาอยู่นะ อย่าเพิ่งเกลียดนางกันนะคะ

กำหนดลงตอนต่อไปน่าจะอีกประมาณ1สัปดาห์ค่ะ (เว้นช่วงไว้นิส อัพถี่เกินแด๋วทุกคนตกใจ อิอิ)

ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามค่า^^

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ขอบคุณที่มาต่อให้ ขอบคุณที่ไม่ตัดจบแบบ  :a5: ทำให้คนอ่านค้างคา
ตัวละครทุกตัว มีมิติของตัวเอง เปิดเข้าเช้านี้ เจออัพเดต แอบอ่านในเวลางาน
แบบว่า ไม่อ่านไม่ได้หงุดหงิดมากๆ ขอบคุณนะ +1 ให้เลยตอนนี้
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่ชอบไปแล้ววววว
บังอาจทำร้ายกอร์ดอนของฉันนนนน
 :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

ออฟไลน์ 5577

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ยังไม่อยากให้จบนะ อยากอ่านอีกยาวๆ

สนุกมากจริงๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
หวังว่าจะสำนุกนะยัยอเล็กซี่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด