ปราบซ่า® ตอนปราบครั้งที่35 ปราบครั้งสุดท้าย [จบบริบูรณ์]:: 7/1/2018 P.24
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปราบซ่า® ตอนปราบครั้งที่35 ปราบครั้งสุดท้าย [จบบริบูรณ์]:: 7/1/2018 P.24  (อ่าน 193991 ครั้ง)

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ค่อย ๆ ฝึก ค่อย ๆ หัดกันไป

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ indyska

  • •ความสุขที่เsาสร้างเอv• - monblurx -
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
จิ้มมมมมม

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ซ่า เหมาะให้พี่ปราบ ปราบมากๆ :katai2-1:
คนครอบครัวอบอุ่น จะเติมเต็มคนขาดความรัก
ซ่าจะเลิกพลอยได้หรือ แม้เห็นด้วยตาตัวเอง :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ta_ii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ขอพี่ปราบห่อกลับที่นึงค่ะ  :impress2:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
เขินนน

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ขอบเรื่องนี้ตรงที่พี่ปราบตั้งใจจะช่วยให้น้องซ่าเป็นคนที่ดีขึ้นตั้งแต่ต้น ทั้งๆ ที่ตัวเองแค่สนใจซ่า ยังไม่รู้ว่าจะได้รักกันหรือเปล่า แต่ให้ความเป็นพี่ชายไปก่อนอย่างจริงใจ

ออฟไลน์ karamailpraleen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เขาเหมาะสมกัน  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ronlbb

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ปราบนี่เข้าคอนเซปยอดฮิตเลย
#จีบยังไงไม่ให้รู้ว่าจีบ
รุกแบบเนียนๆ  อิอิ  ปริ่ม  ชอบๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: ตบพลอยซักที ตบซ่าซักที แต่เข้าใจว่ายังเด็ก แต่เมื่อเรียนรู้ ซ่ามันจะรักตัวเองเป็น

ออฟไลน์ GaIta

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 286
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
โอ้ยยย พี่ปราบแสนดีเหลือเกิน

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ชอบๆๆๆ พี่ปราบช่วยชักจูงน้องซ่าไปในทางที่ดีด้วยนะ ให้ความรักความอบอุ่นน้องมากๆด้วย :กอด1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
พี่ปราบคนดี มาเป็นลูกเขยพี่เถอะนะ :L2:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พี่ปราบกับซ่าเหมือนอยู่คนละโลกกันเลย

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
พี่ปราบสุดยอด
น้องซ่าก็ต้องรักตัวเองให้มากๆนะ ^^

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
ปราบซ่า
ตอนที่9


[ปราบ]
ร่างสูงผอมแห้งยืนก้มตัว มือข้างหนึ่งท้าวเอวหอบแฮก ผมยืนหมุนลูกบาสเก็ตบอลรอมันชิวๆ เช้านี้ผมปลุกซ่าตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแน่นอนว่าเด็กอย่างมันก็ต้องอิดออดเป็นธรรมดา แต่ผมไม่ตามใจลากมันลุกออกจากเตียง จับโยนเข้าห้องน้ำให้มันล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะพามันมาที่สนามบาสเพื่อออกกำลังกาย

ซ่าเป็นเด็กร่างสูง ผิวพรรณแม้จะไม่ถึงกลับดำคล้ำแต่ก็ไม่ได้ผ่องใสแถมยังหยาบกร้าน ดูผิวเผินดูจะแข็งแรงแต่เปล่าเลย เล่นบาสกับผมแค่ชั่วโมงเดียวถึงกับหอบแดก

“พักพอแล้วมั้ง” ผมถาม ซ่ายืดตัวขึ้นหันมาหาผมทั้งตัว

“พี่จะเล่นต่ออีกเหรอ” มันถาม

“เออ อีกสักหนึ่งชั่วโมงเดี๋ยวกูให้เลิกเลย”

“หิวแล้วอ่าพี่”

“รับไป วิ่ง!” ผมไม่ฟัง โยนบาสให้มันรับก่อนจะออกวิ่งไล่แย่งลูกบาสกับมันไปเรื่อยๆ ซ่าที่ตอนแรกเหมือนจะไม่ไหว พอเห็นผมรุกไล่มันก็ไม่ยอมแพ้ ฮึดสู้ผมอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะแพ้ไปด้วยคะแนน ยี่สิบห้าต่อเจ็ด

“พี่ปราบ ไปแข่งระดับประเทศไหม จะโยนแม่นไปไหน”

“เฉยๆวะ” ผมชอบเล่นบาสตั้งแต่เด็ก เล่นกันในครอบครัวสนุกสนาน ไม่คิดจริงจัง

“ผมพูดจริงนะพี่ พี่โคตรเก่ง”

“กูเล่นเอาสนุก ไม่ได้คิดจริงจัง”

“พี่แม่งจะเก่งเกินไปล่ะ ทำได้หลายอย่างเกิน” ซ่าเอนตัวลงนอนหงายข้างๆผม ผมก้มมองหน้ามันที่หลับตาปิดหายใจเข้าออกลึก

เม็ดเหงื่อที่เกาะตามไรผม ใบหน้า และร่างกาย รวมกับชุดบาสเสื้อแขนกุดเว้าลึกคอกว้าง ยังมีกางเกงที่ผ้าพลิ้วแนบไปกับลำตัว ทำให้ซ่าน่ามองขึ้นอีกเท่าตัว ดูเซ็กซี่แบบดิบๆ ให้อารมณ์อยากยื่นมือไปสัมผัสแล้วกระชากออกจากตัวมัน

แต่ก็ต้องตัดใจ ทำอะไรไม่ได้ ผมเรียกให้มันลุกขึ้น โยนผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่เตรียมมาให้มันหนึ่งผืนเช็ดเหงื่อตามร่างกายที่โผล่พ้นร่มผ้า ก่อนจะพากันขึ้นรถแล้วขับกลับคอนโด

แต่พอเปิดประตูเข้าไปในห้อง ผมก็ได้ยินเสียงกุกกักและได้กลิ่นของอาหาร พอจะเดาได้เลยว่าใครที่แอบมาบุกห้องผมโดยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า

ซ่าที่ตามหลังเข้ามาดูจะสงสัยไม่น้อย ผมยิ้มให้มันแล้วบอกให้มันเข้าไปอาบน้ำในห้องนอนก่อนเลย ซ่าก็ทำตามแต่โดยดี ส่วนผมก็เดินเข้าไปในครัว เห็นคนตัวเล็กยืนหันหลังอยู่ก็ตรงเข้าไปกอดทันที

“พี่ริช คิดถึง” ผมกอดพี่ริชแน่น แอบขโมยหอมแก้มไปที จะทำแบบนี้ได้ก็ต่อเมื่อคุณสงครามเขาไม่อยู่เท่านั้น เพราะป๊านะหวงพี่ริชยิ่งกว่าอะไร ปากน่ะชอบพูดร้ายใส่พี่ริช แต่หลับหลังก็พากันไปโอ๋

“คิดถึงก็กลับบ้านสิคุณลูกชาย” พี่ริชหันมาพูดกับผมก่อนจะกลับไปสนใจหมูทอดในกระทะต่อ

“เดี๋ยวเย็นนี้ปราบกลับไปนอนที่บ้าน พี่ริชมาได้ไง”

“ขับรถแวะไปส่งป๊าเราที่โรงแรม ก็เลยแวะมาทำกับข้าวให้ไง”

“แล้วทำไมวันนี้ป๊าไม่ขับรถไปเองอ่ะ ปกติแกก็ขับไปเองไม่ใช่เหรอ”

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน บอกว่าเหนื่อยขี้เกียจขับเอง เดี๋ยวตอนเย็นก็ต้องไปรับอีก”

“ถามปราบนะ ปราบว่าป๊าน่ะอยากอ้อน อยากให้พี่ริชไปรับไปส่งเป็นเด็กๆ”

ป๊าน่ะอ้อนพี่ริชหน้าตาย อะไรที่ทำเองได้แล้วไม่ทำน่ะ อันนั้นจะเรียกว่าการอ้อน แต่จะดูห้วนๆดูเป็นคำสั่งเสียมากกว่า

“อ้อนมืออ้อนตีนล่ะไม่ว่า ไปอาบน้ำไป เหม็นเหงื่อ อาบแล้วจะได้ออกมากินข้าวเช้า”

“ครับผม” ผมเดินกลับเขาห้องนอนไม่กวนพี่ริชต่อ ซ่าอาบน้ำเสร็จพอดี มันอยู่ในชุดอยู่บ้านสบายๆของตัวเอง

“มีคนมาหาเหรอพี่” ซ่าถาม มันคงได้กลิ่นอาหารและเสียงคนทำอะไรอยู่ในครัวตั้งแต่เข้ามา

“อืม แฟนป๊ากูเอง ชื่อพี่ริช ออกไปคุยกับเขาก่อนสิ” ผมบอก พยักหน้าไปทางประตูห้องนอน ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำ

“พี่ปราบ” มีเสียงเรียกพร้อมกับแรงดึงที่ชายเสื้อ

“อะไร” ผมหันไปหาซ่าอีกรอบ

“ผมรอพี่ออกไปพร้อมกันดีกว่า”

ผมหลุดขำ มันทำท่าเหมือนกลัวที่จะออกไปเจอพี่ริช “พี่ริชใจดี ไม่ต้องกลัวหรอก”

“ผมไม่ได้กลัวสักหน่อย”

“ไม่กลัวก็ออกไปสิ”

ซ่าดึงหน้าตึงใส่ผม หันซ้ายหันขวาอยู่สองทีก็เดินออกไปข้างนอก ผมหลุดยิ้มเล็กน้อยให้กับท่าทางจำใจแบบเสียไม่ได้

ผมเลือกที่จะไม่ออกไปดูแล้วไปอาบน้ำ ปล่อยให้ซ่ากับพี่ริชทำความรู้จักกันเอง ขณะที่กำลังแต่งตัวอยู่ในห้องซ่าก็เคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา

“พี่ปราบ พี่ริชให้มาตามไปกินข้าว”

“อืม” ผมหวีผมครั้งสุดท้ายเสร็จก็เดินตามซ่าไปที่โต๊ะทานข้าว กับข้าวสี่อย่างและข้าวกล้องร้อนๆควันลอยฉุยวางล่อน้ำลายอยู่บนโต๊ะ

“มาเด็กๆ นั่งกินข้าวกัน เลยเวลาข้าวเช้ามานานล่ะ” พี่ริชนั่งที่หัวโต๊ะ ผมกับซ่าก็นั่งกันคนล่ะฝั่ง ผมมองหน้ามัน ซ่าดูเรียบร้อยและนิ่งเงียบเมื่ออยู่กับคนไม่สนิท

“อร่อยไหมน้องซ่า” พี่ริชถามเมื่อเห็นว่าซ่าตักข้าวคำแรกเข้าปาก

ซ่าพยักหน้ายิ้มๆ “อร่อยครับ รสชาติเหมือนที่แม่ผมทำเลย”

“อร่อยก็กินเยอะๆนะ ตัวก็สูงทำไมผอมจัง” พี่ริชตักหมูทอดใส่จานของซ่า มันเอ่ยขอบคุณเบาๆแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินขาวไม่ค่อยพูด มีแต่ผมกับพี่ริชที่คุยกันไปมา

“คุยได้นะ พี่ไม่ดุหรอก” พี่ริชหันไปยิ้มให้ซ่า

“ครับ ผมไม่รู้จะคุยอะไรดี”

“รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยปราบเหรอ ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลย” พี่ริชถามและสลับมองทั้งผมและเด็กข้างๆ

ซ่ามองหน้าผมเหมือนจะให้ผมตอบ แต่ผมส่ายหน้าเบาๆเป็นอันเข้าใจว่ามันต้องเป็นคนตอบ

“ผมไม่ใช่รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยพี่ปราบหรอกครับ ผมเรียนช่างกล เป็นเพื่อนของหวาย ไม่รู้พี่ริชรู้จักไหม”

“อ่อ น้องหวาย พี่จำได้ๆ ว่าไปแล้วก็ไม่ได้เจอนานแล้วเหมือนกัน”

พี่ริชเคยเจอไอ้หวายอยู่บ้างครับ เพราะมันชอบติดสอยห้อยตามไอ้บีทไปบ้านผมประจำทุกครั้งที่จัดปาร์ตี้ตั้งวงเหล้า ทำให้คุ้นหน้าคุ้นตาคนที่บ้านผม

“แล้วทำไมมานอนห้องปราบได้ล่ะ” คำถามนี้เจาะจงผมโดยเฉพาะ พี่ริชที่เป็นทั้งแม่และพี่ชายย่อมต้องรู้อยู่แล้วว่ารสนิยมผมเป็นแบบไหน นี่คงจะสงสัยอยู่บ้าง

“พามาอ่านหนังสือสอบ” ผมตอบไปตามความจริง

“อ่านหนังสือสอบ?” พี่ริชถามเสียงสูง จ้องหน้าผมนิ่งก่อนจะละสายตาไปมองซ่าที่มองผมกับพี่ริชอยู่ก่อน

“อืม ให้อ่านเองมันคงไม่อ่าน เลยต้องคุมกันหน่อย” ผมขยายความอีกนิด แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้พี่ริชเข้าใจบางอย่าง ผมไม่ปิดบังกับพี่ริชหรอกว่ารู้สึกสนใจซ่าแต่ว่าผมไม่อยากให้เจ้าตัวเขารู้ตัวตอนนี้ว่าผมคิดยังไง

“งั้นเหรอ พี่ปราบดุไหมซ่า” พี่ริชกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ เห็นตัวเล็กน่ารักใจดีแต่อย่าคิดว่าไม่มีอะไรนะครับ ถ้าไม่แน่จริงจะเอาคุณสงครามอยู่หมัดได้เหรอ

ซ่ากรอกตาคิดก่อนตอบ “ก็ ไม่ดุเท่าไหร่ครับ”

“เหรอ ปกติปราบดุมากเลยนะ”

“พี่เขา เข้มงวดอ่ะ” ซ่าเสริมอีกหน่อย

“แล้วซ่าไม่รำคาญเหรอ”

“ไม่ครับ” ซ่าตอบยิ้มๆ

ผมแอบสะกิดพี่ริชไม่ให้ถามอะไรต่อแล้ว มีอะไรไว้ไปคุยกันนอกรอบ กินข้าวเสร็จซ่าก็อาสาล้างจานให้ เหมือนจะเป็นใจให้พี่ริชลากตัวผมออกไปซักไซ้ที่นอกระเบียง

“สนใจเหรอ” พี่ริชเริ่มเปิดประเด็น

“ครับ” ผมก็ตอบตรงๆ

“ดูแปลกกว่าคนอื่นๆที่พี่เคยเห็นนะ”

“ครับ พี่ริชคิดว่าไง”

“หมายถึงซ่าน่ะเหรอ”

“ครับ”

“แค่เราชอบก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ” พี่ริชย้อนถามกลับ ผมเข้าใจ ที่บ้านผมทุกคนเคารพการตัดสินใจของผม ไม่ว่าผมชอบหรืออยากทำอะไรไม่เคยมีใครห้าม แค่มองอยู่ห่างๆ ให้คำแนะนำเมื่อต้องการ เพราะทุกคนรู้ว่าหากผมทำอะไรหรือชอบใคร ผมต้องไตร่ตรองอย่างดีแล้ว

แต่กับซ่า ผมก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองใช้อะไรไตร่ตรองถึงได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตมัน เพียงแค่ตอนนี้ผมอยากให้ซ่าเลิกเดินหลงทางเสียที ผมจึงพยายามช่วยมันเท่าที่ผมจะช่วยได้

“เท่าที่สังเกตน่ะ ซ่าไม่ใช่เด็กที่มีอารมณ์ปกติธรรมดา ในดวงตาของเขาสะท้อนความหม่นหมอง และดูปิดกั้นตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าพี่เข้าใจถูกไหม แต่ลักษณะของซ่าก็เป็นแค่เด็กที่อยู่ในวัยต่อต้าน พี่ก็เคยเห็นมาก่อน พี่ว่าพี่เห็นตัวเองในตัวของซ่า”

“พี่ริช”

“แต่ก็ไม่ทั้งหมดหรอกน่ะ เพราะซ่าดูเข้มแข็งกว่าพี่ยังไงไม่รู้”

อาจจะไม่ใช่เข้มแข็ง แต่กระด้างมากกว่า ป๊าเคยเล่าเรื่องพี่ริชตอนเจอกันใหม่ๆให้ผมฟังบ้าง พี่ริชที่ไม่เป็นที่ต้องการในครอบครัวตัวเองในตอนนั้น ก็ต่อต้านและทำตัวแข็งใส่ทุกคนที่เข้าหา

“ปราบคงกำลังทำให้ซ่าเป็นเด็กดีขึ้นใช่ไหม”

“แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะรับได้มากแค่ไหน ผมยอมรับว่าสนใจมัน แต่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม นั่นก็ขึ้นอยู่กับตัวซ่าทั้งนั้น”

“เป็นผู้ชายแท้ๆสินะ”

“ตอนนี้ยังมีแฟนเป็นผู้หญิงอยู่เลย”

“แอบตีท้ายครัวคนอื่นหรือไง” พี่ริชพูดล้อผม “ปกติไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งกับคนมีเจ้าของไม่ใช่เหรอ”

ผมไหว่ไหล่เล็กน้อย “ข้อยกเว้นน่ะ”

“น้องซ่าเริ่มน่าสนใจขึ้นมาแล้ว ทำให้พี่ปราบแหกกฎตัวเองได้”

“ก็ไม่ขนาดนั้นครับส่วนหนึ่งเลยพอได้รับรู้ชีวิตครอบครัวมัน รู้ปัญหาของมันกับแฟนมัน ยิ่งมันทำตัวไม่เอาไหนผมก็รู้สึกเป็นห่วงเลยอยากช่วยเหลือ”

“หวังผลหรือเปล่า”

“ก็มีบ้าง แต่ผมยังไม่ได้คิดอะไรมากกว่านี้”

“ดีแล้ว ยิ่งซ่าไม่ใช่เกย์ แทนที่อะไรจะดีขึ้นเดี๋ยวจะแย่ลง” ความหมายของพี่ริชก็คือ อย่าทำให้ไก่ตื่นนั่นเอง

หลังจากคุยกับพี่ริชเสร็จ พี่ริชก็ขอตัวกลับก่อนเพราะจะแวะไปดูอู่รถด้วย ซ่าดูให้ความสนใจเรื่องอู่รถเป็นอย่างมาก แต่มันก็ไม่ได้ถามอะไร ผมสั่งให้อ่านหนังสืออีกเล่มที่เหลือก็ยอมทำแต่โดยดีจนกระทั่งมันอ่านจนจบ ผมหยิบกระดาษย่อเนื้อหาที่ซ่าเขียนมาอ่าน มีทั้งย่อตรงประเด็นบ้างไม่ตรงบ้างแต่ก็ไม่ถือสาอะไร แค่เท่าที่เห็นว่ามันพยายามอย่างเต็มที่ ต่อให้คะแนนมันออกมาไม่ถึงที่ผมตั้งไว้ผมก็จะไม่ว่าอะไร

ตกเย็นผมไปส่งมันกลับบ้าน ไม่ลืมกำชับให้มันรีบนอนเร็วๆ แล้วพรุ่งนี้ต้องตั้งใจทำข้อสอบ ไม่อย่างนั้นขอตกลงถือเป็นโมฆะ ซ่าก็รับคำเป็นอย่างดี ก่อนกลับผมยื่นมือไปให้มัน ซ่ามองมือผมนิ่งๆก่อนจะวางมือมันบนมือผม

“กูเป็นกำลังใจให้ พรุ่งนี้พยายามเข้านะ” ผมพูดให้กำลังใจ

“ขอบคุณครับ ผมจะทำให้เต็มที่”

พี่ปราบจะรอฟังข่าวดีนะครับน้องซ่า




เช้าวันจันทร์ ผมส่งข้อความหาซ่าตั้งแต่เช้า กำลังคิดว่าตัวเองเป็นเอามาก แต่ความรู้สึกผมเหมือนคนที่ตื่นเต้นกังวลว่าเด็กที่ตัวเองปลุกปั้นให้ได้ดีจะทำได้อย่างที่ตั้งใจหวังไหม ก่อนจะทิ้งท้ายไว้ว่าตอนเย็นให้อยู่รอผมจะไปรับ ทีแรกมันปฏิเสธเพราะว่าต้องไปทำงานพิเศษ แต่ถ้าวันนี้เย็นผมไม่ไปหามัน ก็จะไม่ได้เจอกันเลยอีกเป็นอาทิตย์เพราะผมต้องลงไปดูงานที่ภาคใต้แทนป๊า มันก็เลยรับปากว่าจะรอให้ผมไปรับที่วิทยาลัย

เพราะต้องไปรับมันตั้งแต่สี่โมงเย็น งานในวันนี้ผมก็เลยต้องเร่งรีบทำจนเลขาหัวหมุนบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ทั้งงานเอกสารและการประชุม รวมไปถึงนัดหมายต่างๆที่มีในวันนี้ เรียกได้ว่าไม่ได้อยู่กับที่นานเกินหนึ่งชั่วโมง ตะลอนไปทั่วกรุงเทพเมืองแห่งความวุ่นวาย

“เดือนนี้ถ้าคุณปราบไม่ขึ้นเงินเดือนให้แคท แคทไม่ยอมจริงๆด้วย” เลขาคนสวยของผมบ่นเมื่องานสุดท้ายเสร็จ

“จะเพิ่มให้เป็นพิเศษเลย เพราะฉะนั้นเลิกบ่นแล้วก็ไปจัดการตัวเองในห้องน้ำก่อนกลับบ้านซะไป” ผมมองสภาพเลขาตัวเองที่หน้ามันเยิ้มหัวฟูไม่เป็นทรง แตกต่างจากตอนเช้าลิบลับ

“โห นี่สภาพแคทเหรอนี่ รับไม่ได้อ่ะบอส โคตรน่าเกลียดเลย” แคทหยิบกระจกขึ้นมาส่องก่อนจะร้องเสียงหลง จากนั้นก็วิ่งไปที่ห้องน้ำอย่างที่ผมบอก

ผมเก็บของ หยิบกระเป๋าเอกสารสำคัญติดมือมาด้วยแล้วออกจากห้องทำงานไปที่รถ ผมถอดเสื้อสูทกับเนทไทออก เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขนขึ้นจนถึงข้อศอก สางผมอีกนิดหน่อยไม่ให้ดูทางการจนเกินไป

ระหว่างขับรถผมก็ส่งข้อความไปบอกซ่าว่าเสร็จงานแล้วกำลังจะไปรับ ใช้เวลาอยู่เกือบชั่วโมงกว่าผมจะมาถึง ล่าสุดมันบอกว่านั่งรออยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียน มาถึงก็เห็นมันนั่งสูบบุหรี่เล่นโทรศัพท์เครื่องเก่าอยู่ ผมลดกระจกลงแล้วบีบแตรใส่

“เฮ้ย ขึ้นรถ”

ซ่าเงยหน้าจากโทรศัพท์ในมือ เมื่อเห็นผมมาแล้วมันก็ทิ้งบุหรี่ลงพื้นใช้เท้าขยี้ สะบัดเสื้อตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเดินมาขึ้นรถผม

“หวัดดีพี่ปราบ”

“อืม คาดเข็มขัดด้วย” ผมสั่งเมื่อเห็นมันไม่ใส่ใจ

“ความจริงพี่ไม่ต้องมารับผมก็ได้นะ อย่างกับมีพ่อมารับเลย”

“พ่อเลยเหรอ มึงไม่คิดว่าเป็นอย่างอื่นหรือไง” ผมไม่แก่ขนาดจะเป็นพ่อมันไหมล่ะ

“เป็นอะไรอ่ะ พี่ชายผมล่ะกัน ผมไม่มีพี่ชาย”

“เอาที่มึงสบายใจอ่ะซ่า”

“ฮ่าๆๆ แน่นอนสิครับ” วันนี้มันดูร่าเริงผิดปกติ อาจจะมีเรื่องอะไรดีๆที่ทำให้ผมรู้สึกดีไปด้วย

“สอบวันนี้เป็นไงบ้าง ทำได้ไหม” ผมถามถึงสิ่งที่อยากรู้

“ทำได้ เป็นครั้งแรกเลยที่ผมมั่นใจว่าผมต้องผ่านอ่ะ” ซ่าเล่าอย่างอารมณ์ดี ลอบมองก็เห็นมันยิ้มกว้างแทบไม่หุบ

“ดีกว่าวิชาก่อนหน้านี้ไหม”

“อืม ฟ้ากับเหวอ่ะ ขอบคุณนะพี่ปราบ”

ผมกับมันสบตากัน พอมันยิ้มผมก็ยิ้มตาม ถ้ามันมีความสุข ผมจะไม่มีความสุขได้ยังไง ก็เป็นคนเคี่ยวเข็ญมากับมือ

“ขอบคุณตัวมึงเองด้วย ถ้ามึงไม่เชื่อกู ไม่ยอมแพ้ วันนี้มึงก็คงทำข้อสอบไม่ได้หรอก” ถึงผมจะเป็นคนสั่งให้มันทำ แต่ถ้ามันไม่ทำจะมีอะไรดีหรือไง

“นั่นสิ มันแบบโคตรน่าเหลือเชื่ออ่ะ ไอ้กานบอกว่าผมโม้ด้วยเพราะผมบอกมันว่าทำข้อสอบได้ มันบอกด้วยนะถ้าคะแนนออกแล้วผมไม่ได้ตามที่พูดผมจะต้องพามันไปกินเหล้าแล้วหาหญิงให้มัน แต่ผมก็ท้ากลับไปว่าถ้าผมทำได้ มันต้องเลี้ยงข้าวผมหนึ่งเดือนเมื่อเปิดเทอม แต่ผมรู้ว่ายังไงผมก็ชนะแน่นอน”

ผมว่าซ่าในวันนี้ ดูสดใสกว่าวันไหนๆที่เจอกัน

“แวะกินไรก่อนแล้วกัน ยังทันใช่ไหม”

“ได้อยู่ กินเย็นตาโฟไหมพี่ ผมมีเจ้าเด็ด”

“เอาดิ”

ผมขับไปตามทางที่ซ่าบอก ร้านเย็นก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟเจ้าเด็ดที่มันว่าอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานมันมากนัก สามารถกินเสร็จแล้วเดินไปได้เลย

ผมกับมันสั่งมาคนละชาม นั่งกินและคุยกันไปเรื่อยๆไม่มีอะไรมาก จนกระทั่งได้เวลางานผมก็เรียกพนักงานมาเก็บเงิน

“กูไม่อยู่อาทิตย์หนึ่งนะ แต่มีอะไรก็ส่งข้อความมาคุยด้วยได้ตลอด ว่างแล้วกูจะตอบ”

“ครับ ไว้ไม่มีอะไรทำผมจะทักไปกวนนะ” สอบวันนี้วันสุดท้ายหลังจากนี้ก็ปิดเทอม มันบอกว่าคงกลับไปช่วยงานที่บ้านและทำงานพิเศษ ไม่มีแพลนว่าจะไปเที่ยวไหน

“ผมคงต้องไปเข้างานแล้วนะพี่ เหลืออีกกี่นาทีแล้ววะ” ซ่ายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู คิ้วของมันเริ่มขมวดเข้าหากัน ก่อนจะยกมืออีกข้างมาตบนาฬิกาตัวเอง

ตุบๆ

“ไอ้เหี้ย นาฬิกาตาย” ซ่ามันอุทานเสียงค่อนข้างดัง มันพยายามตบแล้วก็ถอดนาฬิกามาเขย่า แต่มันคงไม่ช่วยอะไร นาฬิกาที่พังแล้วให้ตายก็ไม่เดิน

“ไหน เอามาดูดิ” ผมแย่งนาฬิกาในมือมันมาดู

“พี่มันไม่เดินอ่ะ ก็ว่าอยู่ ดูกี่รอบก็แม่งก็อยู่ที่เดิม”

“ยี่ห้อไรวะ ทำไมกูไม่รู้จัก” ผมพลิกดูหน้าหลัง แต่ยี่ห้อที่มันใส่ผมไม่คุ้น

“พี่ไม่เคยเห็นจริงอ่ะ” ไอ้ซ่าทำหน้าตกใจประมาณว่ามึงไม่เคยเห็นจริงๆเหรอ ให้ตายเถอะ สาบานได้ ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเห็นยี่ห้อนี่เลย

“ก็เออดิ มึงซื้อที่ไหนมาละ จะได้เอาไปส่งซ่อม”

“เหอะ รุ่นนี้ไม่ต้องส่งซ่อมหรอกพี่ สองร้อยบาทราคาตลาดนัด วางขายกันเกลื่อนกราดพี่ไม่เคยเห็นหรือไง บ้านพี่ก็ไม่ได้อยู่หลังเขานะได้ข่าว”

“...” เออ กูผิดเองที่ไม่เคยเดินดูนาฬิกาตลาดนัด ได้ข่าวว่าเมื่อกี้มึงยังหงุดหงิดอยู่เลย ไหงเปลี่ยนมากวนตีนกูไวแบบนี้ล่ะน้องซ่า

“เซ็งวะแม่ง ผมเพิ่งเปลี่ยนถ่านไปเมื่อไม่กี่วันนี่เอง คงไม่ได้เป็นที่ถ่าน ความจริงมันก็รวนมาหลายรอบแล้ว พี่ว่าผมลองเขวี้ยงลงพื้นดีไหม เผื่อมันจะกลับมาใช้ได้”

“มึงตลกหรือไง”

“อ้าว ก็เผื่อมันจะฟื้น พลอยเป็นคนซื้อให้ผมด้วย ผมว่าผมเอาไปให้ร้านซ่อมดูดีกว่า”

พอได้รู้ว่านาฬิกาที่มันดูจะอยากให้กลับมาเดินหนักหนาเป็นของที่แฟนมันซื้อ ผมก็รู้สึกอยากยุให้มันทิ้งๆไปซะ ไม่ต้องไปเสียดายหรอก

“จะไปได้หรือยังเดี๋ยวมึงก็เข้างานสาย”

ผมเร่งเพราะซ่ายังคงเอาแต่ก้มๆแงะๆนาฬิกาที่ตายไปแล้ว ผมอยากบอกมันเหลือเกินว่าจะหมุนจะเคาะยังไงมันก็ไม่กลับมาใช้งานได้หรอก เพราะแบบนี้ไง ของบางอย่างซื้อมียี่ห้อหน่อยมันก็ดีกว่า ถ้าเงินไม่ถึงซื้อรุ่นที่ไม่แพงก็ได้ ที่ลดราคาก็มีเยอะแยะไม่ถึงกับต้องเอาให้แพงที่สุดหรอก เพราะของแบบนี้เราใช้มันอยู่ทุกวันและใช้ตลอดจนกว่าจะตายนั่นแหละ ผมให้ความสำคัญกับนาฬิกามากนะ

“พี่ปราบตอนนี้กี่โมงแล้ว” มันถาม ชะโงกหน้ามาดูนาฬิกาที่ข้อมือผม ผมส่งให้มันดู

“อีกสิบห้านาทีห้าโมง”

“เชี่ย ผมเข้างานห้าโมงด้วย งั้นผมไปแล้วนะพี่” มันกระวีกระวาดหยิบกระเป๋าลุกจากโต๊ะ แต่ผมคว้าข้อมือมันไว้ก่อน มันหันมามองงงๆ แต่แววตาเร่งกลับมาว่าจะมีอะไรก็รีบพูดรีบทำ ห้ามทำมันเข้างานสายเด็ดขาด ผมเลยแกะนาฬิกาข้อมือตัวเองส่งให้มันไป

“อะไร” มันถาม

“นาฬิกาไง เอาของกูไปใช้ก่อนไป”

“ไม่เอา เดี๋ยวผมดูเอาในร้านหรือขอคนอื่นดูเอาก็ได้”

“ไม่ต้อง เอาของกูไปเนี่ยแหละ” ผมจับนาฬิกาคาดใส่ข้อมือมันให้แทนเลย มันจะชักมือกลับแต่ผมถลึงตาดุใส่

“ให้ผมทำไมเล่า ของพี่น่าจะแพงนะ”

“อันนี้กูไม่ได้ให้ แค่ให้ยืม กูมีหลายเรือนไม่เดือดร้อน มึงก็ใช้ของกูไปก่อน”

“เอางั้นเหรอพี่”

“เออ”

“ขอบคุณครับ ไว้ผมซื้อนาฬิกาใหม่จะเอามาคืน  สวยวะพี่ แพงไหมเนี่ย” ซ่าก้มมองนาฬิกาบนจ้อมือมันด้วยดวงตาที่พราวระยับเหมือนชอบและถูกใจมาก ขาสองข้างเร่งซอยเท้าเดินไปข้างหน้า ผมก็เดินตามมันย้อนกลับไปเอารถ

“ห้าหมื่น” ผมตอบ

“ห๊า ห้าหมื่น เอาคืนไปเลย” ไอ้ซ่าร้องตกใจและทำท่าจะถอดนาฬิกาออกคืน แต่ผมจับมือมันเอาไว้ไม่ให้ถอดออก

“ห้ามถอดนะ ถอดมึงโดน”

“อะไรเล่า ผมไม่เอาหรอก เกิดทำเป็นรอยขึ้นมาผมไม่มีปัญญาซื้อใช้นะ”

“เออ ก็รักษาดีๆดิ ทำได้ไหม”

“มันยาก” พูดเสียงเบาทำปากขมุบขมิบ

“ทำได้ไหมซ่า แค่ดูแลรักษาของกูดีๆ” ผมใช้น้ำเสียงจริงจัง

มันลังเล แต่ก็พยักหน้า “ก็ได้ ผมจะพยายาม”

“ดี ไปได้แล้ว”

“ครับ ผมไปนะ”

มันโบกมือลาแล้วก็รีบวิ่งไปทำงาน ผมยืนมองมันจนลับสายตาถึงได้ขับรถกลับบ้านไปเตรียมตัวลงใต้ในวันพรุ่งนี้เช้า กลับมาค่อยพามันไปซื้อนาฬิกาเรือนใหม่แล้วกัน ถ้ามันไม่ซื้อเองหรือมีใครซื้อให้มันตัดหน้าผมเสียก่อนนะ





 :impress2:
ขอพี่ปราบห่อกลับบ้านที่หนึ่งค่ะ คนอะไรดีเบอร์นี้
ขอบคุณทุกคอมเม้นและการติดตามนะคะ  :L1: :กอด1:
เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ :bye2:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ indyska

  • •ความสุขที่เsาสร้างเอv• - monblurx -
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อ๊าาางงงงชอบบบสวีทกันต่อได้เลยค่ะเดี๋ยวเอานังพลอยไปเก็บให้ #มานี่เลยนะหล่อนน :beat: :z2:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
นาฬิกาพี่ปราบเรือนนี้ห้าหมื่นจริงรึเปล่า เราว่าน่าจะแพงกว่านี้นะ

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
สงสารซ่า ซ่าเด็กน้อยรักน่ากลัว ซ่าแม่งรักแบบบิดเบี้ยว ฉันเป็นพลอยไม่เอาอะ กลัวซ่า ไม่ทีไรดีสักอย่างด้วย ต่อให้จะเป็นเพราะครอบครัวก็เถอะ แต่ซ่าก็เลือกเดินตามทางที่ตัวเองต้องการด้วยส่วนหนึ่ง จะบอกว่า ไม่นะ ซ่า ครอบครัวแย่ แล้วมันก็ไม่ใช่เหตุผลปะ ถ้าเป็นคนรู้จักรักตัวเอง ทั้งหมดทั้งมวลซ่าไม่รู้จักรักตัวเองสักนิด เราอาจจะมองคนละมุมกับคนเขียน แต่เราไม่ชอบเด็กแบบซ่าเลย มันน่าสมเพช แต่เราก็สงสารซ่า ที่อยู่กับครอบครัวแบบนั้น จนเกิดเป็นความคิดแปลกๆ

หวังว่าพี่ปราบจะทำได้แล้วกัน เชื่อว่าได้ เพราะพี่ปราบโคตรสตรอง

ส่วนซ่า เราไม่อวย รอด่าซ้ำ ในเวลาที่พลอยบอกเลิก เพราะ ซ่าไม่น่าฝากชีวิตไว้ด้วยเลยจริง ๆ คนไม่รักตัวเอง จะรักใครเป็น แล้วจะคิดอะไรได้



ออฟไลน์ karamailpraleen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ปราบเอาซ่าอยู่หมัดจริงๆ :katai5:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
พี่ปราบสายเปย์ 555

ออฟไลน์ farhhhh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ความยึดติดของซ่าน่ากลัวนะ เอาดีๆ เห็นข่าวพวกหึงโหดปะ ยิ่งเป็นพวกกล้าได้กล้าเสียปบบซ่า จะไม่แปลกใจเลยถ้าวันนึงเห็นแฟนอยู่กับกิ๊กแล้วจะพลั้งมือฆ่าอ่ะ เราว่าซ่ากล้า
ซ่าอาจเกิดในครอบครัวที่ไม่อบอุ่น อันนี้น่าเห็นใจ แต่ถ้าเราเป็นผู้หญิงเราก็มีสิทธิเลือกทางที่ดีไหมอ่ะ เราจะมั่นใจกับแฟนที่ขู่เราขนาดนั้นได้ยังไง ไม่คิดว่าพ่อแม่จะเป็นห่วงหรอ5555 การที่สายอยู่สายนักเลง ตีกับคนอื่นไปทั่ว สังคมแบบนี้ผู้หญิงจะปลอดภัยไหมอ่ะ เดี๋ยวโดนศัตรูผัวฆ่าไรอีก ถ้ารักแฟนจริง(จำชื่อไม่ได้5555) ก็ควรปล่อยอ่ะ
ก็รอดูต่อไปว่าจะเป็นยังไง พี่ปราบช่วยขัดเกลาน้องให้มีความเป็นคนมากกว่านี้ละกัน

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ปราบได้อยู่หมัดนะเนี่ย

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
ปราบซ่า
ตอนที่10



[ซ่า]
แดดบ่ายไม่เป็นมิตรกับผมในตอนนี้ที่ต้องขนของขึ้นรถเพื่อเอาไปขาย ปิดเทอมผมกลับมาช่วยพ่อกับแม่ทำงานเกือบทุกวัน ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ชีวิตผมเรื่อยๆ กับพลอยก็เหมือนจะดีขึ้น เมื่อวานก็เพิ่งมากินข้าวกับแม่ วันนี้เห็นว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนก็เลยไม่ได้คุยอะไรกันมาก

“ซ่า เดี๋ยวน้าไปกับพ่อเอง” น้าตั้มที่หายไปไหนเกือบสองชั่วโมงขณะที่ผมกับพ่อและลูกน้องคนอื่นยกของจู่ๆก็โผล่มา โคตรรู้เวลา

“แล้วแต่” ผมบอก ยกแขนขึ้นใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อ ก่อนจะเดินเข้าบ้าน

“เสร็จงานแล้วเหรอซ่า” แม่ที่นั่งดูโทรทัศน์หันมาถาม ข้างๆมีไอ้มิวนั่งนวดขาอยู่

“ครับ เสร็จแล้ว”

“แล้วใครเอาของไปขายอ่ะ” แม่ถาม ผมนั่งลงที่โซฟาหยิบส้มมาปอกกินรองท้อง กลางวันกินข้าวไปนิดเดียวเพราะพ่อเร่งต้องขนของให้เสร็จไม่งั้นเอาไปขายให้โรงงานไม่ทัน

“พ่อกับน้าตั้ม”

“อีกแล้วไอ้ห่านี่ งานการไม่ทำชอบหายหัว ตอนไปขายของทีไรเสนอหน้า ไม่แบ่งเงินให้ก็มาว่ากูอีก” พอรู้ว่าใครไปกับพ่อ แม่ก็บ่นคำใหญ่

ผมเห็นแม่ก็พูดอย่างนี้ทุกที บ่นอย่างนี้แต่ไม่เห็นเคยสั่งน้าตั้มได้เลยสักครั้ง

ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน เย็นนี้ผมนัดกับเพื่อนไว้ว่าจะออกไปนั่งกินข้าวจิบเบียร์เบาๆ ก็ไม่ใช่ร้านใครที่ไหน ร้านเฮียบีทรุ่นพี่ไอ้หวายนี่แหละ ง่ายดีแถมได้ราคาพิเศษ เหมาะกับพวกผมที่มีเงินน้อยเป็นที่สุด

“แม่ขอเงินหน่อย” ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่แล้วก็ลงมาขอเงินแม่ คือทุกครั้งที่ผมทำงานผมก็จะได้เงินเป็นค่าตอบแทน

“มิว ไปหยิบกระเป๋าตังแม่ในห้องนอนมาดิ” แม่ใช้ไอ้มิว แต่แทนที่มันจะไปหยิบ มันกลับทำหน้าบึ้งบ่นใส่ผม ถึงมึงจะมีศักดิ์เป็นน้ากู แต่ยังไงมึงก็อายุน้อยกว่ากูอยู่ดี

“มึงมาขออะไรแม่กู ไปขอแม่มึงนู่น”

“นี่ก็แม่กูเหมือนกัน” ผมแย้ง แม่เลี้ยงผมมา เขาก็คือแม่ผม

“ไม่ใช่เหอะ นี่แม่กูพ่อกู แม่มึงอ่ะพี่แนนนู่น ส่วนพ่อมึงก็ตายไปแล้ว อย่ามามั่ว”

“ไอ้เหี้ยมิว!!!” ผมเรียกชื่อมันเสียงดังด้วยความโมโห ขยับก้าวเข้าไปใกล้ไอ้มิว สองมือกำแน่น ทำไรมันไม่ได้หรอกแม่ยังอยู่ตรงนี้ ไม่งั้นอาจมีฟาดปากกันสักหมัดสองหมัด

“เรียกชื่อกูหาพ่อมึงเหรอ” ไอ้มิวยังไม่รู้สำนึก ทำหน้ายียวนใส่ผม พี่จี้ที่เดินเข้ามาในบ้าน ในมือมีจานกับข้าวหยุดยืนดูผมกับไอ้มิวตีกัน

“เงินที่กูขอแม่กูควรได้ เพราะวันนี้กูทำงานทั้งวันไม่เหมือนมึง” ผมพูดใส่หน้าไอ้มิว

“ทะเลาะอะไรกันอีก มิวก็อย่าไปหาเรื่องซ่ามันได้ไหม พูดจาแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” พี่จี้ดุไอมิว มันหน้าเสียที่ถูกดุ

“ดูมันนะจี้ ตีกันทุกวัน ป้าล่ะปวดหัว” แม่หันไปพูดกับพี่จี้ “เอ็งก็ไปหยิบกระเป๋าตังมาได้แล้ว นั่งหน้างอเป็นส้นตีนอยู่ได้”

ไอ้มิวที่ทำอะไรไม่ได้เดินกระฟัดกระเฟียดเดินไปหยิบกระเป๋าตังมาให้แม่ แม่หยิบเงินส่งให้ผมสามร้อย จำนวนปกติที่ผมจะได้หากว่าผมช่วยงาน ผมไหว้แม่ก่อนจะลากลับ

“ซ่า” พี่จี้เรียกผมไว้ขณะที่ผมกำลังเดินผ่านบ้านของพี่จี้ “อย่าไปคิดอะไรมากกับคำของพูดของมิวมัน มันก็แค่แหย่เราเล่นเท่านั้นแหละ”

แต่ผมไม่ขำสักนิด

“อืม” ผมทำเพียงแค่ตอบรับเสียงในคำคอสั้นๆ

“ปากมันไม่ดี อย่าไปถือสา”

“ช่างเถอะพี่จี้ ผมขี้เกียจจะใส่ใจ”

“ดีแล้ว”

“ผมไปก่อนนะ”

“อืม ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”

ผมเดินออกมาโบกรถสองแถวนั่งกลับบ้านพี่แนน ตอนมาถึงยังไม่มีใครกลับมาที่บ้าน ผมก็เลยขึ้นห้องไปนอนพักหลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวัน จนได้เวลาไอ้นุ๊กโทรมาเรียกว่าพวกมันกำลังจะออกไปที่ร้านเรื่องเหล้าหรือร้านของเฮียบีท

ผมไม่ได้อาบน้ำใหม่อีกรอบเพราะเพิ่งอาบมา เปลี่ยนแค่เสื้อผ้าเท่านั้น เหลือบมองเห็นนาฬิกาของพี่ปราบ ตั้งแต่วันนั้นที่พี่ปราบให้ผมมา ผมก็ไม่ได้ใช้มันอีกเลย แม้ว่าเจ้าของมันจะเต็มใจให้ใช้ก็ตาม และไม่รู้ว่านึกยังไง คืนนี้ผมหยิบนาฬิกาของพี่ปราบมาใส่ไว้ที่ข้อมือข้างซ้าย

ลงมาชั้นล่างเห็นพี่แนนกับพี่เบิร์ดนั่งคุยกันหน้าเครียด ผมยกมือไหว้พี่เบิร์ดกับพี่แนน อยู่ร่วมกันมาสักพักหนึ่งยังไม่สามารถทำให้รู้สึกสนิทใจได้ ระหว่างผมกับพี่เบิร์ดเหมือนมีกำแพงขนาดใหญ่ขวางกั้นเอาไว้ ผมพยายามที่จะเข้าหาเขาตามคำแนะนำของพี่ปราบ แต่มันยากเพราะพี่เบิร์ดแสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการเป็นครอบครัวเดียวกับผม เพราะอย่างนั้นผมก็ไม่แคร์ บ้านหลังนี้ก็แค่ที่ซุกหัวนอนเท่านั้น

“จะไปไหนซ่า” พี่แนนทักเรียกผมที่กำลังจะออกจากบ้าน

“ไปกินข้าวกับเพื่อน” ผมตอบ

“ไปเอาเงินมาจากไหนล่ะ ถึงจะได้ออกไปกินข้าวข้างนอกกับเพื่อน” พี่เบิร์ดพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง

หน้าผมตึงเมื่อได้ฟัง เอาเงินมาจากไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา ในเมื่อผมไม่ได้ขอเงินเขามาใช้ “ผมทำงานหาเงินใช้เอง”

“พี่เบิร์ดใจเย็น เดี๋ยวแนนถามซ่าเอง” พี่แนนลูบแขนพี่เบิร์ดให้เขาสงบลง พี่เบิร์ดเลยพ่นลมหายใจเสียงดัง ทำให้ผมสงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“มีอะไรอ่ะพี่แนน”

“วันนี้ได้พาใครมาที่บ้านไหมซ่า” พี่แนนลุกขึ้นมายืนข้างๆผม

“เปล่า ผมไม่เคยพาเพื่อนมาที่นี่อยู่แล้ว”

เพราะปกติผมจะพาเพื่อนไปที่บ้านแม่มากกว่า เพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่มีใครว่า แต่กับบ้านของพี่แนนผมไม่เคยคิดจะชวนเพื่อนมาต่อให้คนๆนั้นจะเป็นคนดีอย่างพี่ปราบก็เถอะ

“แล้วเมื่อเช้าก่อนออกจากบ้าน ปิดบ้านดีหรือเปล่า” พี่แนนถามต่ออีก ผมนิ่งคิดก่อนตอบ

“ผมล็อคดีแล้ว” ผมออกจากบ้านเป็นคนสุดท้าย ก่อนออกก็ดูจนถี่ถ้วนแล้วว่าปิดหน้าต่างล็อคประตูเรียบร้อย ตอนกลับมาผมก็ต้องไขกุญแจเข้ามา ประตูไม่ได้ถูกเปิดทิ้งไว้

“เงินพี่เบิร์ดหายไป เอ็งเห็นบ้างไหม”

อ่อ นี่สินะเรื่องสำคัญที่ทำให้ผมถูกสอบสวนอยู่ในตอนนี้

“ไม่เห็นครับ” ผมตอบตามความจริง

“เอาเงินไปก็พูดมา จะได้ไม่ต้องหาตัวการ” พี่เบิร์ดพูดเสียงแข็ง ผมคิ้วกระตุกทันที

“พี่หมายความว่าไง” ผมถามกลับไปทันที รู้สึกโกรธกับประโยคเมื่อสักครู่นี้

“เงินหายไปจากบ้าน ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งเอาไป รู้ไหมว่าเงินก้อนนี้จะเอาไว้โปะค่าบ้านหลังนี้” เสียงของพี่เบิร์ดเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์ของผมก็พุ่งสูงขึ้นตามเสียงของเขาเช่นกัน

“ก็เลยจะหาว่าผมขโมยไปเหรอ”

“พี่เบิร์ด ซ่าใจเย็นๆ” พี่แนนพยายามจะห้าม

“ใจเย็นได้ไง! เงินแสนกว่าจะหามาได้ไม่ใช่ง่ายๆ ปกติอยู่กันสองคนวางเงินไว้ตรงไหนไม่เคยหาย ถ้าไม่ใช่ลูกแนนเอาไปแล้วใครจะเอาไป แนนเอาไปเหรอไง!” พี่เบิร์ดหันไปหาเรื่องพี่แนน

“จะบ้าหรือไง เงินค่าบ้านแนนจะเอาไปทำไม” พี่แนนปฏิเสธทันที บรรยากาศตอนนี้มีแต่ความตึงเครียด

“ก็นั่นสิ เงินพี่หาย ถ้าแนนไม่ได้เอาไป แล้วใครจะเอาไปล่ะ บ้านนี้มีอยู่กันกี่คน” คำพูดของพี่เบิร์ดยังคงเจาะจงว่าต้องเป็นผมที่เอาเงินไปแน่นอน ไม่ใช่ใครอื่น

“ผมไม่ได้เอาไป” ผมยืนยันหนักแน่น “ถึงผมจะเหี้ย ทำตัวไม่ดี ผมก็ไม่เคยขโมยเงินใคร”

ผมมองจ้องหน้าพี่แนน เขาเป็นแม่ผม ควรเชื่อผมสิ ถึงตลอดทั้งชีวิตที่ผมโตมาเขาจะไม่ได้เป็นคนเลี้ยงแล้วอยู่กับผมทั้งวันทั้งคืน แต่เขาจะไม่รู้จักผมเลยเหรอ หรือเขาจะเชื่อผู้ชายคนนี้มากกว่าลูกของตัวเอง

“ซ่า...” พี่แนนเหมือนจะพูดอะไร แต่โทรศัพท์ของผมดังขึ้นผมล้วงออกมาดู เป็นเบอร์ไอ้กาน

“เดี๋ยวกูโทรกลับ” ผมรีบตัดบทแล้ววางสาย แต่ยังไม่ทันได้เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ข้อมือซ้ายของผมก็ถูกพี่เบิร์ดกระชาก

“พี่ทำอะไร!” ผมดึงแขนกลับจ้องหน้าพี่เบิร์ดอย่างไม่ยอม อะไรๆผมก็ยอมลงให้ได้ แต่เรื่องนี้ผมไม่มีทางยอมเพราะผมไม่ได้เป็นคนทำ

“ไม่ได้ขโมยเงินไปงั้นเหรอ แล้วนาฬิกาเรือนเกือบแสนนี่ไปเอามาจากไหนห๊ะ”

ข้อมือของผมถูกพี่เบิร์ดบีบจนเจ็บ เขากระชากแขนผมแล้วยื่นไปให้พี่แนนดู พี่แนนก้มมองนาฬิกาบนข้อมือผมก็ทำหน้าอึ้งๆ ดวงตาเบิกกว้างก่อนจะช้อนตามองผมเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง

ผิดหวังเพราะคิดว่าผมขโมยเงินไปซื้อนาฬิกาหรือไง

“ผมไม่ได้ขโมยเงินพี่ และนาฬิกานี้ก็มีคนให้ผมยืมใช้” ผมไม่มีทางยอมเป็นคนผิดเพราะผมไม่ได้เอาเงินเขามา ทุกอย่างผมพูดความจริง

“มีคนให้ยืม เหอะๆ ไปหลอกเด็กอนุบาลเหอะวะ ใครเชื่อก็บ้า”

“ให้ผมโทรหาคนให้มาไหมล่ะ”

“พวกเอ็งก็คงเตี้ยมกันมา เชื่อก็โง่” พี่เบิร์ดยืนกรานอย่างเดียวว่ายังไงก็ไม่เชื่อผม ผมก็เลยหันไปหาพี่แนน

“พี่แนน ผมไม่ได้เอาไป”

“แล้วซ่าไปเอานาฬิกามาจากไหน”

“รุ่นพี่ให้มา พี่แนนก็เคยเจอแล้วนี่”

“ซ่า มันแพงมากเลยนะ ถ้าเอาเงินไปก็บอกแม่มาเถอะ ยอมรับผิดจะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหา”

“พี่แนนไม่เชื่อผมเหรอ”

“คือ...” พี่แนนไม่ยอมตอบ ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ

ผมไม่คิดเลยว่า พี่แนนจะไม่เชื่อผม

“ผมไม่ได้เอาไป จะให้ยอมรับหรือยังไง” ผมก้าวถอยหลัง หัวร้อนไปหมด ร่างกายค่อยๆสั่นเทิ้ม ผมพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้อาลาวาด และไม่ให้ร้องไห้

ถึงจะไม่ได้เลี้ยงผมมา แต่เกือบยี่สิบปีมานี้ เห็นผมเป็นเด็กขี้ขโมยหรือไง

“ไม่ต้องพูดมาก หลักฐานก็เห็นๆกันอยู่ ก็ไอ้นาฬิกาเรือนนี้ ไหนจะยังมีเงินออกไปเที่ยวกินข้าวข้างนอก เอานาฬิกาไปขายซะแล้วเอาเงินมาคืนพี่ จากนั้นพี่จะไม่เอาเรื่อง” พี่เบิร์ดสรุปแล้วก็สั่ง

ผมส่ายหน้ากัดปากแน่น “ผมไม่ขาย เพราะผมไม่ได้ขโมยเงินพี่มาซื้อ”

ของๆพี่ปราบ เรื่องอะไรจะต้องเอามาชดใช้

“เอ๊ะ ไอ้นี่ ฟังพี่นะแนน ถ้าไม่หาเงินมาคืน ต่อให้เป็นลูกแนนพี่ก็จะแจ้งตำรวจจับ”

“พี่เบิร์ด!” พี่แนนร้องเสียงหลง “แนนว่า ใจเย็นก่อนนะ ค่อยๆคุยกันก่อนนะ”

“ยังจะคุยอะไรอีก ลูกแนนเอาเงินพี่ไป แสนหนึ่งเลยนะไม่ใช่ร้อยสองร้อย”

“ผมไม่ได้เอาเงินไป นาฬิกานี้เป็นของรุ่นพี่ผม” ผมกำหมัดแน่น รู้สึกอยากต่อยหน้าคนให้แหก

“ยังไม่ยอมรับอีกหรือไง”

“เงินใครหายก็ไปหากันเอาเอง ผมไม่ได้เอาไป อยากเรียกตำรวจก็เชิญ”

ก่อนที่จะทนไม่ไหว ผมรีบเดินหนีออกจากบ้าน ก้าวเท้าให้เร็วที่สุด ไม่สนใจเสียงเรียกจากพี่แนนที่ดังไล่หลังมา ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่ง ก้มหน้าไม่มองอะไรจนเกือบโดนรถเชี่ยว

“เดินห่าไงไม่ดูทางวะ อยากตายหรือไง!” เสียงกรนด่าของเจ้าของรถไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไร มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่พี่แนนทำกับผม

ทำไมไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด

“กูไม่ได้เอาเงินไป กูไม่ได้ขโมย” ผมเฝ้าบอกตัวเองไปตลอดทาง

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อผมเดินอยู่ริมถนนใหญ่ ผมหยิบออกมาดูก็เห็นเป็นเบอร์ไอ้หวาย ผมไม่รู้ว่าควรรับดีไหม ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูก การถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมยทำให้ผมมึนตึ้บ กระทั่งสายตัดไปหนึ่งสายและมันโทรกลับมาอีกรอบ

ผมกดรับสาย “เออ ว่าไง”

“มึงเมื่อไหร่จะมาเนี่ยไอ้พัช พวกกูรอนานแล้วนะ”

“กำลังไป” ผมตอบนิ่งๆ ถ้าอารมณ์ปกติคงกวนตีนมันกลับไปสักประโยค แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์

“เออ รีบๆมา”

ผมกดวางสาย หายใจเข้าปอดลึกๆ บอกกับตัวเองไว้ ไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก โบกรถได้ก็มุ่งหน้าไปหาพวกมันที่ร้านเหล้า

ไปถึงผมก็ทักทายพวกมันแค่คำสองคำ ก่อนจะยกแก้วเหล้าที่ไอ้กานชงส่งมาให้ไม่พูดไม่จา พวกมันดูสนุกสนานต่างจากผม

นั่งกินเหล้าเคล้าเรื่องตลกที่ไอ้กานกับไอ้นุ๊กผลัดกันหยิบยกมาพูด ผมฟังบ้างไม่ฟังบ้าง หัวเราะตามบ้างเพราะไม่อยากให้ใครผิดสังเกต แม้ว่าไอ้หวายกับไอ้ตูนจะมองผมหลายครั้งก็ตาม

“อะแฮ่ม สวัสดีหนุ่มๆ” เสียงหวานจากบุคคลอื่นเรียกความสนใจ พวกผมหันไปมอง ดูแล้วก็ยังไม่โตเท่าไหร่ แต่ก็เดาอายุไม่ได้

“มีอะไรเหรอคนสวย” ไอ้กานเริ่มเตาะ

“คือ เราสนใจเพื่อนนายอ่ะ” เธอพูด บิดตัวแบบอายๆ พวกผมมองหน้ากันก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้ตูน

ผมกระตุกยิ้ม “ของมึงอ่ะ”

“ชอบใครล่ะ” ไอ้หวายเป็นคนถามผู้หญิงคนนั้น

เธอไม่ตอบ แต่ชี้มาทางไอ้ตูน เท่านั้นพวกผมก็หลุดขำ ไม่แปลกใจเพราะไอ้ตูนมันหน้าตาดี ใครเห็นใครก็ชอบ แต่เพราะมันหน้าตาดี เลยไม่ยอมหยุดอยู่ที่ใคร ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน สนองได้หมดถ้าเสนอ

“คิดดีแล้วเหรอสนใจเพื่อนผมคนนี้ หน้าตาดีก็เท่านั้น แต่ฟันแล้วทิ้งนา” ไอ้กานยังคงไม่เลิกแหย่สาวสวย ส่วนไอ้ตูนก็หลุดขำกับคำพูดของไอ้คนผมแสกกลาง

“อย่ามาหลอกกันหน่อยเลย” สาวเจ้ายังคงไม่เชื่อ

“เอ้า พูดจริงก็หาว่าหลอก จะหาคนจริงใจอยากพี่กานคนนี้ไม่มีอีกแล้วน้องเอ้ย”

ผมส่ายหัวให้กับไอ้เพื่อนตัวแสบ พูดกวนประสาทจนผู้หญิงเดินกลับโต๊ะตัวเองแทบไม่ทัน ไอ้กานแสดงสีหน้าเสียดายเล็กน้อยก่อนจะกลับมาชนแก้วเหล้าแล้วบ้าบอตามเดิม

“เป็นกูกูก็กลัว ไอ้ห่า แซวซะขนาดนั้น” ไอ้นุ๊กขำไม่หยุด

“กูออกจะคารมดี” ไอ้กานยังคงไม่สำนึก

“ดีกับผีสิมึง” ไอ้หวายพูดต่อ

“อิจฉากูสิพวกมึง แล้วมึงนี่เป็นอะไรไอ้พัช นั่งนิ่งเป็นหิน ทะเลาะกับเมียมาอีกเหรอไง”

ผมคิดว่าจะรอดแล้วนะ แต่สุดท้ายพวกมันก็ไม่ปล่อยให้ผมรอด

“เปล่า ไม่มีอะไร” ผมพูดปัด ไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกมัน ดีแต่จะทำให้อารมณ์ขึ้น เพราะผมรู้ว่าพวกมันไม่มีทางยอมให้ผมโดนปรักปรำและจะต้องหาทางช่วยผม แต่เรื่องนี้ยังไงก็เป็นเรื่องในครอบครัว ผมต้องจัดการเอง
ถึงเขาจะไม่เชื่อว่าผมไม่ได้ขโมย แต่หากพูดออกไปพวกมันจะต้องรุมว่าพี่แนนแน่ๆ เพราะงั้นก็อย่าพูดดีกว่า

“คิดว่ากูเชื่อไหม มึงพูดว่าไม่มีนั่นคือมี” ไอ้หวายจริงจังทุกครั้งเมื่อเป็นเรื่องผม

“เออน่า กูทะเลาะกับพี่แนน มึงไม่ชินหรือไง”

“มึงดื้อใส่เขาล่ะสิ” ไอ้ตูนพอรู้ว่าเรื่องอะไร มันก็ดูวางใจขึ้น ทุกคนเคยชินแล้วเรื่องผมทะเลาะกับพี่แนน แต่ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ถึงอย่างนั้น ผมก็ยินดีให้พวกมันเข้าใจเพียงแค่นี้

“มึงไม่ดื้อใส่แม่มึงเลยมั้ง” ผมย้อนเข้าให้มั้ง ไอ้ตูนเงียบทันที

“เออจริง มึงน่ะดื้อกับแม่มากกว่าใครในกลุ่มเลยไอ้ตูน แม่มึงบ่นให้กูฟังทุกวัน ล่าสุดนะ แม่มันมาบ่นกับกูว่าไอ้ห่านี่แอบเอารถออกไปขับแล้วเฉี่ยวจนเป็นรอย ไม่ใช่ครั้งเดียวด้วยนะ สองครั้ง โคตรเหี้ย”

“แม่กูบอกมึงเหรอ” ไอ้ตูนทำหน้าตกใจ มันคงไม่คิดว่าแม่มันจะเอาเรื่องมันไปเล่าให้ไอ้นุ๊กฟัง บ้านพวกมันอยู่ใกล้กัน เลยเจอกันบ่อย

เวลาผ่านไปจนเกือบสี่ทุ่ม โทรศัพท์ผมมีสายเข้าสองสายจากพี่แนน แต่ผมไม่ได้รับ มีอีกหนึ่งข้อความจากพลอย ผมกดเปิดอ่าน

-คืนนี้มาหาไหม ไม่มีใครอยู่บ้าน-

นานนับเดือนแล้วเหมือนกันที่ผมไม่ได้ไปนอนค้างที่บ้านพลอย ผมเลยส่งข้อความกลับไปว่าจะรีบไปหา

“พวกมึง กูกลับก่อนนะ จะไปหาพลอยที่บ้าน”

พอพวกมันได้ยินก็ทำหน้าเบื่อหน่ายพร้อมถอนหายใจแรง

“จะไปไหนก็ไป รำคาญมึงไอ้โง่”

ในเมื่อมันไล่แล้ว เราก็ไม่ต้องอยู่ต่อ ผมรีบออกจากร้าน โบกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ต่อรถสองแถวแล้วเดินเท้าเข้าซอยบ้านพลอย

เจอหน้ากันปุบก็ไม่ต้องพูดให้มากความ พลอยลากผมขึ้นห้องจากนั้นก็เต็มที่กับชีวิต ผมระหว่างที่ทำผมยังไม่คลายความเครียดทำให้ผมไม่สามารถมอบความสุขให้พลอยได้อย่างเต็มที่

“เป็นอะไรซ่า วันนี้ดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว” พลอยถามผมที่นอนหงายอยู่ข้างๆ

ผมกับพลอยไม่เคยมีอะไรปิดบัง ผมเป็นยังไงรู้สึกยังไงผมมักบอกพลอยเสมอ เพราะเธอคือแฟนคือคนที่ผมรัก แม้ว่าหลังๆมานี้ความรู้สึกของพลอยอาจจะเปลี่ยนไป หรืออาจจะเป็นความรู้สึกของผมด้วย ที่ถึงแม้จะรัก แต่ก็เหนื่อยหน่ายเต็มที

“พี่เบิร์ดหาว่าซ่าขโมยเงินไป ซ่าไม่ได้ทำ”

“แล้วทำไมเขาหาว่าซ่าขโมยเงิน” พลอยขยับตัวลุกขึ้นมองหน้าผม

“เงินเขาหายไป เขาก็เลยหาว่าซ่าขโมย พอดีกับรุ่นพี่ให้นาฬิกาเรือนนี้มาเพราะอันที่พลอยให้มันเสีย เขาเลยหาว่าซ่าเอาไปซื้อนาฬิการาคาแพง”

“เงินเขาหายไปเท่าไหร่”

“แสนหนึ่ง” เท่าที่จับใจความได้ พี่เบิร์ดบอกเท่านี้ แต่ใครจะรู้ว่าความจริงแล้วมันเท่าไหร่ แล้วหายจริงไหม ในเมื่อผมไม่ได้เอาไป

“ห๊ะ! แสนหนึ่งเลยเหรอ”

“อืม พลอยคิดว่าซ่าขโมยไปหรือเปล่า”


“พลอยว่าซ่าไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น”
ผมจ้องหน้าพลอย นึกขอบคุณที่เธอยังเชื่อใจผม ต่อให้พวกเพื่อนจะพูดยังไงว่าพลอยไม่ดีว่าพลอยนอกใจ แต่พลอยก็ยังเป็นคนหนึ่งที่รู้จักผมดีว่าผมไม่มีทางขโมยเงินขโมยของใคร

แล้วทำไม...พี่แนนไม่เชื่อ

เพราะผมมันก็แค่เด็กที่เขาไม่ได้ตั้งใจให้เกิด จะไปสู้อะไรกับผัวที่นอนเคียงข้างกันทุกคืน

ผมควรชินได้แล้ว

“แล้วซ่าจะทำยังไงต่อ”

“ไม่ทำอะไร ก็ไม่ได้เอาไป”

“แล้วถ้าเขาเรียกตำรวจมาจับล่ะ”

“เรียกแล้วไง ก็ไม่ได้เอาไป” คำพูดผมเหมือนไม่แย่แส แต่ไม่ใช่ไม่รู้สึก

“ซ่าไม่เอานาฬิกาเรือนนี้ไปขายล่ะ แล้วเอาเงินไปให้เขา จะได้จบๆไป” พลอยเสนอความเห็นที่เหมือนจะพยายามช่วย แต่ทำให้ผมรู้สึกแย่และรับไม่ได้

“ทำแบบนั้นไม่เท่ากับยอมรับหรือไง แล้วนี่ก็ของของคนอื่น เอาของเขาไปขายจะบอกเขาว่ายังไงพลอย พูดอะไรคิดหน่อย” บอกแล้วไง ถึงผมจะเหี้ย ผมก็ทำเหี้ยแค่ตัวผมไม่ได้คิดทำเหี้ยใส่ใคร

“ก็บอกว่าซ่าทำหายไง พี่เขาคงไม่ว่าหรอก ดีกว่าโดนตำรวจจับนะ” ยิ่งพลอยพูดก็ยิ่งฟังดูแย่

“หยุดพูดเลยพลอย ซ่าจะไม่เอานาฬิกาของพี่ปราบไปขาย ต่อให้ตองติดคุกก็ช่าง บอกแล้วไงว่าไม่ได้เอาไป เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่หน้าที่ซ่าต้องมารับผิดชอบ”

ผมตัดบทแล้วพลิกตัวนอนหันหลังให้พลอย เราต่างคนต่างเงียบ ผมไม่ชอบเลยที่พลอยมีความคิดแบบนั้น เรื่องจบแล้วยังไง แต่ต้องกลายเป็นคนผิดและจากนั้นผมก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กขี้ขโมยไปจนตาย ถึงผมจะไม่ฉลาด  แต่เรื่องนี้ก็ไม่โง่

อีกอย่าง ของๆพี่ปราบก็เป็นของพี่ปราบ เขาให้ผมรักษานาฬิกาเรือนนี้ให้ดี ต่อให้จะเกิดอะไรขึ้นผมก็จะดูแลมันอย่างดีให้สมกับที่พี่ปราบไว้ใจให้ยืม

พลอยหลับไปแล้ว ผมลุกออกจากเตียง คืนนี้คิดว่าจะนอนที่นี่ แต่จิตใจผมไม่สงบเลย ปกติเวลามีเรื่องไม่สบายใจถ้าผมได้พูดคุยกับพลอย ผมก็จะรู้สึกดีขึ้น แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน จิตใจผมยังไม่สงบ ผมอยากคุยกับใครอีกคน


คนที่อาจจะช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้

ผมลุกออกจากเตียง ห่มผ้าห่มให้พลอยก่อนจะเดินออกมาจากบ้านของพลอย กลับไปนอนบ้านแม่น่าจะสบายใจที่สุดแล้วในตอนนี้

มาถึงบ้านแม่ ทุกคนก็หลับกันหมด ผมไขบ้านเข้าไปอย่างเงียบเชียบแล้วปิดประตูล็อคไว้เหมือนเดิม เดินขึ้นห้องนอนตัวเองแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ผมไม่อาจข่มตาหลับได้

ผมคิดว่าผมอยากคุยกับพี่ปราบ

ชั่งใจอยู่หลายนาที นาฬิกาบอกเวลาว่าดึกแล้ว อีกฝ่ายอาจจะนอนหลับฝันดี แต่ถึงอย่างนั้นนิ้วโป้งก็ยังกดโทรออก ยกโทรศัพท์แนบหูอยู่ไม่นานอีกฝั่งก็รับสาย

“ว่าไง ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน” เสียงของพี่ปราบยังคงทุ้มน่าฟังทุกครั้ง และไม่น่าเชื่อว่าแค่ได้ยินเสียงใจผมก็สงบลงได้เยอะ

“พี่ปราบยังไม่นอนเหรอ” ผมถามกลับ

“กูเพิ่งทำงานเสร็จ เลยออกมานั่งจิบไวน์ฟังเสียงคลื่นทะเล มึงได้ยินไหม”

“อืม ผมได้ยิน อารมณ์ดีจังเลยเนอะ”

“กูน่ะอารมณ์ดี แต่เสียงมึงฟังดูไม่ดีเลยนะ มีอะไรไหนเล่าให้พี่ปราบฟังสิครับ”

“ทำไมพี่ถึงรู้” ผมถามเสียงแผ่ว ก้อนหินหนักที่ถ่วงอยู่บนบ่าถูกคำพูดพี่ปราบยกออกไป

“ถึงจะรู้จักมึงไม่นาน แม้จะแค่น้ำเสียงแต่กูก็เดาออกว่ามึงต้องมีเรื่องไม่สบายใจ”

“พี่ปราบ”

“หืม”

“พี่ปราบจะกลับมาเมื่อไหร่” แทนที่ผมจะเล่าเรื่องวันนี้เลย ผมกลับถามเรื่องอื่นก่อน

“อีกสามวัน ทำไม คิดถึงกูเหรอ”

ได้ยินเสียงพี่ปราบขยับตัวเบาๆ แทรกตามมาด้วยเสียงลม ถ้าได้อยู่ตรงนั้นคงจะรู้สึกดี

“เงียบเลยนะมึง ไม่พูดว่าคิดถึง กูไม่กลับนะ”

“เรื่องของพี่สิ ตลกหรือไง ผู้ชายที่ไหนบอกว่าคิดถึงกัน” มันแปลก ผมไม่พูดหรอก คิดถึงเหรอ ชวนขนลุกจะตายไป

“งั้นเหรอน้องซ่า”

“อืม แต่ว่า..ผมอยากเจอพี่นะ”

“หึหึ กูจะรีบกลับแล้วกัน สรุปโทรมานี่มีอะไร”
คราวนี้ผมเงียบจริงๆ ทั้งอยากเล่าและไม่อยากเล่า เหมือนเด็กที่กำลังจะโทรไปฟ้องพี่ปราบว่าตัวเองถูกรังแก แต่ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไง ผมไม่ได้ทำผิด ไม่จำเป็นต้องเดือดเนื้อร้อนตัว แต่การที่คนในครอบครัว คนที่ให้กำเนิดผมมาทำเหมือนเชื่อว่าผมทำผิด มันทำให้ผมรับไม่ได้

ยากที่จะยอมรับว่าพี่แนนเชื่อคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง

“ซ่า...เล่าให้พี่ฟังสิครับ”

เพียงแค่ถ้อยคำที่พร้อมจะรับฟังกับน้ำเสียงอ่อนโยน ผมก็เล่าออกไปจนหมดเปลือก แถมเผลอแสดงความอ่อนแอให้พี่ปราบรับรู้เป็นครั้งที่สอง ไม่ไหวเลยจริงนะมึง



................................

ขอบคุณคนอ่านที่ยังติดตามและคอมเม้นมาให้นะคะ ริริอ่านทุกคอมเม้นนะคะ :pig4:
มารอดูกันว่า ดอกบัวใต้โคลนตมดอกนี้ จะโผล่พ้นน้ำและผลิบานอย่างบริสุทธิ์ได้หรือไม่
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ :กอด1:




ออฟไลน์ pearlypear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เกลียดคนแบบพี่แนนอ่ะ  :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
ต่อให้เป็นแม่ แต่ไม่เคยเลี้ยงดูลูก
หลงแต่ผู้ชาย ก็คงจะไม่เชื่อซ่าหรอก
สงสารซ่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด