ปราบซ่า
ตอนที่14
[ปราบ]
วันต่อมาในช่วงบ่าย ผมบังคับให้ซ่าพาผมมาดูห้องพักของมัน พอมาถึงผมก็อยากจะหาห้องพักให้มันเสียใหม่ ถึงซ่าจะเป็นผู้ชายที่ดูแล้วไม่ได้บอบบางน่าทะนุถนอม หรือน่าล่อลวงให้จับไปกระทำชำเรา แต่มันก็เป็นเด็กหน้าตาดี ที่ผมเป็นห่วงก็คือกลัวมันจะถูกทำร้าย แถมสภาพห่อพักก็ทรุดโทรม มีรอยแตกรอยร้าว ดูยังไงๆก็ไม่ปลอดภัย
“มันจะอยู่ได้เหรอวะ” ผมถาม
“อยู่ได้ดิพี่ ทำไมจะอยู่ไม่ได้ อ่อ รู้แล้ว พี่มันคุณชายนี่น่า คนอย่างพี่อยู่ไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอก”
“ไม่ใช่ว่ากูเป็นคุณชาย แต่มึงดู ขนาดกลางวันในซอยยังเปลี่ยว ตรงข้ามหอก็เป็นป่า มึงดูนั่น รอยร้าวยาวลงมาขนาดนี้ ความปลอดภัยอยู่ตรงไหนวะ” ผมเงยหน้าชี้ให้มันดูรอยร้าวบนผนังตึก
“อยู่ได้น่าพี่” ซ่ายังคงยืนยันในสิ่งที่มันคิด
“พากูขึ้นไปดูข้างบนดิ มึงหาที่ๆดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือไง” ผมบ่นมัน ดันหลังไอ้ซ่าให้เดินนำทาง จนมาถึงห้องเกือบริมสุดชั้นที่สาม แค่สังเกตจากประตู ลูกบิดสนิมขึ้นและจะพังแหล่มิพังแหล่
มันเปิดห้องออกให้ผมดู สภาพภายในไม่ต่างจากภายนอกนัก ผนังที่ทาสีไว้ทั้งผุกร่อนร่อนเป็นแผ่นๆ มีความสกปรกตามร่องพื้นและฝาผนัง เอาจริงๆคือผมไม่โอเคกับหอพักนี้
ห้องมันไม่มีอะไรเลย ที่นอนก็เป็นฟูกบางๆเท่านั้น หมอนใบ ผ้าห่มหนึ่งผืน มุมหนึ่งของห้องมีตะกร้าจานชามมีดวางไว้ใช้สอย ข้างที่นอนมีโต๊ะญี่ปุ่นวางอยู่ ด้านบนเต็มไปด้วยหนังสือเรียนของมัน ตู้เสื้อผ้าไม่มี มีแค่กระเป๋าเสื้อผ้าของมันที่วางไว้ข้างๆโต๊ะญี่ปุ่น
ผมอยากหันไปถามมันเหลือเกินว่าทำไมสภาพมึงถึงได้น่าสงสารขนาดนี้ แต่เท่าที่สังเกตสีหน้าของซ่า ดูมันจะไม่อินังขังขอบสักเท่าไหร่
“ย้ายไหม เดี๋ยวกูหาให้ กูว่าบางทีจ่ายเพิ่มอีกสักหน่อย แต่ดูปลอดภัยกว่าและมีข้าวของเครื่องใช้มากกว่านี้” ผมหันไปถามและเสนอความคิดเห็นที่ผมว่าดี และผมจริงจังมากกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าอยู่ที่สกปรกไม่ได้ แต่มันมีเรื่องของความปลอดภัยเข้ามาเกี่ยวข้อง
“หาที่ไหนพี่ ผมขี่รถดูหมดแล้ว ไม่มีที่อื่นที่ได้ราคานี้หรอก เดือนละพันห้าเอง ที่อื่นสองพันห้า สามพันทั้งนั้น มันแพงไปผมจ่ายไม่ไหวหรอก”
“เดี๋ยวกูจ่ายค่าหอให้เอาไหม” ผมหลุดปากออกไป ไอ้ซ่าขมวดคิ้วติดกัน
ผมรู้ว่ามันออกจะตลกไปสักหน่อยที่พูดว่าจะจ่ายค่าหอพักให้ แต่ซ่าคือเด็กที่ผมชอบและถูกใจ ผมที่เลยวัยเรียนมาแล้ว ทำงานมีรายได้แบบเต็มตัว ผมคิดว่าผมจ่ายให้มันได้ถ้ามันต้องการ แต่ติดที่ว่ามันไม่รู้ว่าผมชอบมัน และตอนนี้ผมยังไม่คิดจะแสดงตัวในขณะที่มันยังมีแฟนเป็นตัวเป็นตน
“พี่จะมาจ่ายให้ผมทำไม บ้าเปล่า”
เออ กูบ้า แต่แม่ง กูเป็นห่วงมึงเข้าใจไหม!
“ไม่ว่ายังไงมึงก็ยืนยันที่จะอยู่ที่นี่
“อืม ก็แค่ไว้นอนเอง ผมไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว”
ผมยืนนิ่งๆ ทิ้งสายตามองรอบห้องมันอยู่ร่วมห้านาที ในเมื่อมันยืนยันว่าจะอยู่ที่นี่ ผมก็ต้องช่วยมันเท่าที่ช่วยได้ และต้องไม่กระโตกกระตากเกินไป เกิดไก่ตื่นรู้ตัวขึ้นมา ไอ้ที่ลงทุนลงแรงตะล่อมไปมันจะศูนย์เปล่า
“ข้าวของเครื่องใช้มีแค่นี้?”
“ครับ จะซื้อเพิ่มก็เสียดายตัง แค่นี้ก็พอแล้ว”
อนาถาไปไหมเด็กกู ถ้ามันชอบผู้ชายเรื่องคงง่ายกว่านี้
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ที่บ้านกูมีเฟอร์นิเจอร์บางอย่างที่ไม่ได้ใช้แล้ว แต่ไม่ได้เอาไปทิ้งไหนยังเก็บไว้อยู่ เดี๋ยวกูจะพาไปดู”
“ไม่เป็นไรพี่ ไม่ต้องหรอก แค่นี้ผมอยู่ได้”
“ไม่ต้องแย้ง กูบังคับไม่ได้ถามความเห็น” ผมไม่รอให้มันปฏิเสธอีกรอบ เดินเข้าไปคว้าข้อมือมันพาเดินออกจากห้องพัก
ระหว่างทางมันเอาแต่ถามไม่หยุด ว่าผมจะให้มันยืมเฟอร์นิเจอร์เหรอ แล้วทำไมบ้านผมถึงมี ทำไมผมไม่ใช้ แล้วคนที่บ้านผมจะไม่ว่าเหรอถ้าจะให้มัน ถามจนกระทั่งผมขับรถมาถึงบ้าน
เวลานี้เป็นเวลาสี่โมงเย็น พี่ริชน่าจะอยู่ที่อู่รถ พี่เค้กก็อยู่ที่โรงเรียนสอนดนตรี ป๊าน่าจะเข้าบริษัทไปดูงาน ที่อยู่บ้านก็คงจะเป็นพ่อ
“เดี๋ยวเข้าไปหาพ่อกูก่อนแล้วกัน” ผมบอก
“ครับ” ไอ้ซ่ารับคำ มองบ้านผมอย่างสนอกสนใจ
บ้านของผมแต่งสไตล์ลอฟท์ที่ดูทันสมัย แต่กว่าจะลงตัวได้พวกพ่อๆก็ตีกันหลายรอบ ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์ที่ทีแรกซื้อมาแล้วสุดท้ายมันไม่เข้ากับบ้านก็ต้องระเห็จไปอยู่ในโรงเก็บของ ย้ำว่าไม่ใช่ห้องเก็บของ แต่เป็นโรงเก็บของถึงจะถูกต้อง
ทันทีที่ก้าวเข้าบ้าน ไอ้หมาแสบของผมทั้งสองตัวก็โกยเท้าวิ่งเข้ามาหาผม กระโจนเข้าใส่ผมจนแทบหงายหลัง
“ไอ้ก้า ไอ้ซ่า หยุด!” ผมรีบสั่งให้ไอ้หมาบ้าพลังหยุด กว่าจะเชื่อฟังยอมนั่งลงดีๆก็ต้องดุไปอีกสองรอบ
“พี่เรียกหมาพี่ว่าอะไรนะ” ไอ้ซ่าถาม ผมงงๆในทีแรก แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อตะกี้ผมเรียกชื่อหมาบ้าสองตัวในฉบับสั้น ก็เลยไปเหมือนกับชื่อของมัน
“ไอ้ก้า กับไอ้ซ่า” ผมบอก
“นี่พี่เอาชื่อผมไปตั้งชื่อหมาเหรอ” ไอ้ซ่าทำหน้ายุ่ง ไม่ชอบใจ
“ชื่อเต็มมันชื่อซู่ซ่า กับปาปิก้า มันอยู่กับกูมาก่อนกูจะรู้จักมึงอีก”
“งั้นพี่ก็อย่าเรียกมันว่าซ่าเฉยๆสิ”
“สั่งกูเหรอ หึหึ” ผมยื่นหน้ายื่นตากวนตีนใส่ไอ้เด็กที่แสดงอาการเอาแต่ใจเรื่องชื่อ
“อย่ายื่นหน้าเข้ามาดิพี่” มันดันไหล่ผมออก เพราะอีกนิดเดียวจมูกผมจะชนกับจมูกมันอยู่แล้ว
“ไปๆเข้าบ้าน ไอ้ลูกหมา มึงอยู่ข้างนอกนะ ไม่ต้องเข้าไป” ผมพูดกับซ่า จากนั้นก็หันไปสั่งหมาสุดที่รักสองตัวของผม ปาปิก้ากับซู่ซ่าก็เห่ารับคำก่อนจะหมอบรอนิ่งๆ แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย
ผมพาซ่าเดินเข้าบ้าน แวะดูที่ห้องนั่งเล่นกับห้องครัวก็ไม่เจอพ่อ เลยคิดว่าน่าจะนั่งอยู่ในสวนหลังบ้าน ที่จัดทำระแนงไม้เลื้อยด้วยดอกกุหลาบแบบที่พี่เค้กชอบ วันว่างที่พ่อกับพี่เค้กอยู่ด้วยกัน ก็ชอบออกไปจู๋จี๋กันหลังบ้านเสมอ
“พ่อครับ” ผมเรียกพ่อทราฟที่กำลังนั่งเช็คหุ้นสบายใจ รายได้ทั้งหมดแกก็ให้เมียแกหมด สักวันผมก็อยากจะเจริญรอยตามพ่อ ฮ่าๆๆๆ
“สวัสดีครับ” ไอ้ซ่ายกมือไหว้พร้อมโค้งตัวอ่อนน้อม
“อืม สวัสดีๆ” พ่อผมรับไหว้หน้างงๆ คงเพราะแปลกใจว่าซ่าเป็นใคร ด้วยภาพลักษณ์ภายนอกกับอายุที่ดูน้อยกว่าผมอยู่หลายปี
“ชื่ออะไรล่ะเรา”
“ซ่าครับ”
พอไอ้ซ่าบอกชื่อ พ่อมองจ้องมันนิ่งๆก่อนจะยิ้ม พ่อจะดูเป็นผู้ชายอ่อนโยนอบอุ่น แต่มองอะไรค่อนข้างขาด
“ก็คงจะซ่าสมชื่อนะ”
เด็กที่โดนแซวยิ้มแหะๆ มือยกเกาท้ายทอยแก้เขิน
“พ่อครับ พอดีซ่ามันย้ายของเข้าหอ แต่ว่าหอมันไม่มีเลย ปราบเลยพามันมาดูเฟอร์นิเจอร์ในโรงเก็บของที่บ้านเราไม่ใช้”
“อ่อ ไปดูสิไปดู อะไรใช้ได้ก็เอาไปเลย เก็บเอาไว้ก็เสียเปล่า” พ่อเห็นด้วย พวกท่านอยากให้มีคนมาช่วยเอาไปใช้บ้าง เพราะอะไรที่ไม่ใช่บิ้วท์อิน บ้านผมจะเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์บ่อยตามแต่ว่ามีอันไหนออกมาใหม่แล้วสวย
“ขอบคุณครับคุณน้า” ซ่ารีบยกมือไหว้อีกครั้ง
“เรียกพ่อเหมือนปราบนั่นแหละ” พ่อผมพูด สบตากับผมแล้วยิ้ม ทำไมทุกคนในบ้านจะต้องรู้ทันผมไปหมด
หลังจากขออนุญาตพ่อพอเป็นพิธี ผมก็พาซ่าเดินไปที่โรงเก็บของ เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างอยู่ในสภาพดี ประกอบเรียบร้อยพร้อมใช้งาน นั่นเพราะตอนเอามาเก็บไม่ได้ถอดแยกส่วน
“ของพวกนี้มึงเลือกเอาไปไว้ที่ห้องได้เลย”
“จะดีเหรอพี่ ของมีราคาทั้งนั้น” ซ่าเดินสำรวจดูของ แตะๆลูบๆด้วยความสนใจ
“ของมีราคา แต่ตอนนี้มันไร้ค่ามาก ให้มึงเอาไปใช้มันจะได้เป็นประโยชน์”
“ก็จริง”
สุดท้ายมันก็ได้เตียงนอนหนึ่งหลัง ตู้เสื้อผ้าหนึ่งตู้ โต๊ะเขียนหนังสือ และทีวีพร้อมโต๊ะวางที่ผมต้องบังคับอยู่นานกว่ามันจะยอม
“มันไม่เยอะไปเหรอพี่ปราบ” ไอ้ซ่าถามขณะที่มองเด็กในบ้านยกของขึ้นรถกระบะเตรียมขนไปไว้ที่ห้องมัน นอกจากนั้นผมยังเตรียมสีทาห้องและอุปกรณ์ไปด้วย
“ไม่เยอะหรอก มึงไม่เห็นหรือไงว่าในโรงเก็บของยังเหลือของอีกตั้งเยอะแยะ มึงมาช่วยแบ่งๆไปใช้น่ะดีแล้ว ป๊ากูออกจะชอบ เวลาจะซื้ออะไรใหม่พี่ริชจะได้ไม่ด่าว่าเสียดายของเก่า”
“ผมโคตรเกรงใจเลยอ่ะ”
“กูกับมึงไม่ใช่คนอื่น ไม่อยากให้มึงมานั่งเกรงใจ เข้าใจไหม” ผมโอบไหล่มันเข้ามากอดแบบเนียนแล้วก็ปล่อยออกอย่างรวดเร็ว มันจะได้ไม่รู้สึกผิดสังเกต
“ขอบคุณมากเลยนะครับ”
“ไม่เป็นไร ไปๆ เอาของไปเก็บที่ห้องมึงกัน เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน”
ผมกับซ่านั่งลูกรักของผมกลับไปที่หอพักของมัน แล้วให้รถขนของของที่บ้านขับตามหลัง มาถึงผมก็ให้คนที่บ้านทาสีห้องใหม่เป็นอันดับแรก จากนั้นพอสีเริ่มแห้งนิดๆก็เอาเฟอร์นิเจอร์อย่างอื่นเข้าห้องจนเรียบร้อยลงตัว ดูน่าอยู่มากกว่าครั้งแรกที่เห็น แต่ขัดใจอยู่อย่างเดียวคือห้องมันไม่มีแอร์ เพราะผมค่อนข้างขี้ร้อน มันเองก็ขี้ร้อน คิดว่าถ้าอยู่ห้องตอนกลางวันได้เหงื่อโซมกายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ผมกลับก่อนนะครับคุณปราบ”
“ครับ”
คนงานในบ้านขอตัวกลับเมื่อทำงานเสร็จ ซ่ายกมือไหว้ขอบคุณและเอ่ยลา ผมทิ้งตัวนั่งในห้อง ควักผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อที่ไหลเป็นสายน้ำ ในขณะที่เจ้าของห้อง ยกชายเสื้อยืดสีเลือดหมูขึ้นเช็ดหน้าแบบลวกๆ เผยให้เห็นหน้าท้องขาวแห้งๆจนเห็นชายโครงกระดูกอยู่ตรงหน้า ผมคิดว่าถ้ามันมีกล้ามเนื้อมากกว่านี้อีกสักหน่อยคงเหมาะมือไม่น้อย
“มึงไปเก็บเสื้อผ้าไป คืนนี้ไปนอนค้างที่บ้านกูก่อน กลิ่นสีหึ่งแบบนี้มึงนอนไม่ได้หรอก”
“เห้ย ไม่เป็นไรพี่ ผมนอนได้” ปากพูดว่านอนได้ แต่มาทำจมูกฟุดฟิดแล้วเบ้หน้าให้เห็นนี่คืออะไรวะครับ
“กูบอกว่านอนไม่ได้ก็นอนไม่ได้ เลือกเอาว่าจะไปนอนบ้านกูหรือจะไปนอนบ้านแม่” ผมเชื่อว่าถ้ายื่นตัวเลือกแบบนี้มันจะต้องตอบตกลงร้อยเปอร์เซ็นต์
“โหพี่ปราบอ่ะ ผมไปนอนบ้านพี่ก็ได้ แต่เลี้ยงเหล้าด้วยดิ อยากกินเหล้าอ่ะ”
“เออ อยากได้อะไรอีกไหม”
พอเห็นผมตามใจก็ยิ้มแฉ่ง “ผมโทรชวนพวกไอ้หวายด้วยได้ไหมพี่ ผมอยากลั้นลาก่อนเปิดเทอมอ่ะ”
“เออ มึงก็โทรหาเพื่อนมึงแล้วกัน เดี๋ยวกูโทรหาเพื่อนกู”
“ขอบคุณครับ”
ตกเย็น ลานหญ้าหน้าบ้านผมก็ถูกปูทับด้วยเสื่อและข้าวของสำหรับตั้งวงเหล้า ผมกับซ่ามีหน้าที่เตรียมสถานที่หลังจากที่โทรเรียกพรรคพวกให้มาร่วมสังสรรค์กันแล้ว และหน้าที่ซื้อของกินกับเครื่องดื่มทั้งมึนเมาไม่มึนเมาเป็นหน้าที่ของไอ้พวกเพื่อนทั้งหลายที่จะต้องแวะซื้อก่อนเข้ามา
“อยากได้กับแกล้มอะไรอีกใหม่น้องซ่า เดี๋ยวพี่เค้กจะได้ทำให้” พี่เค้กถาม
“ไม่แล้วครับ แค่นี้ก็เยอะแล้ว” ไอ้ซ่ารีบยิ้มประจบ
ผมกับซ่ากลับมาถึงบ้าน คนอื่นๆในบ้านก็กลับมาก่อนพวกผมแล้ว และเมื่อรู้ว่าวันนี้ผมและเพื่อนๆจะมากินข้าวกันที่บ้าน พี่เค้กก็รีบเข้าครัวทำทั้งกับข้าวและกับแกล้มให้ โดยคอยถามตลอดว่าจะเอาอันนั้นไหม จะกินอันนี้หรือเปล่า ซ่ามันก็ตอบรับครับๆ ตอนนี้เลยได้กับแกล้มมาแกล้มเหล้าหกอย่าง
“ปราบ ป๊าเรียกให้ไปหาในห้องทำงานอ่ะ” พี่ริชเดินเขามาเรียกผมในครัว ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะกระซิบถาม
“เรื่องอะไรอ่ะพี่ริช” ถามไว้ก่อน จะได้เตรียมตัวเตรียมใจถูก
“เรื่องน้องซ่า” พี่ริชทำหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“จริงดิ”
“ไม่จริง ฮ่าๆๆ”
“โหยพี่ริช ปราบตกใจหมด”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องอะไร แต่ไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอก ดูจากสีหน้าแล้วอารมณ์ดีอยู่”
“งั้นเดี๋ยวผมมานะครับ ฝากเด็กด้วย” ผมปรายตามองไปทางซ่าที่กำลังเป็นลูกมือให้พี่เค้กอยู่ พูดให้ถูกคือลูกมือช่วยชิม
“ไปเถอะ”
ผมเดินขึ้นชั้นสองตรงไปยังห้องทำงานของป๊า ซึ่งอยู่ข้างๆห้องนอนที่มีประตูเชื่อมเข้าหากัน ยังจำได้ว่าตอนเด็กๆหากคืนไหนผมนอนกับป๊าและพี่ริช แล้วป๊าต้องทำงานจนถึงดึก ผมจะงอแงหากป๊าไม่ยอมมานอนด้วย สุดท้ายป๊าก็ต้องเปิดประตูที่เชื่อมกับห้องทำงานไว้ แล้วผมกับพี่ริชก็จะนอนมองป๊าทำงานจนกระทั่งผมผล็อยหลับไป
ผมเคาะประตูห้องทำงานเพื่อบอกให้คนข้างในรู้ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป พ่อที่สวมแว่นตานั่งอ่านเอกสารในมือเงยหน้าขึ้น
“ป๊าเรียกผมมีอะไรเหรอ” ผมทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงาน
ป๊าวางเอกสารในมือลง ถอดแว่นที่ทำให้หน้าป๊าดูเป็นผู้ชายอบอุ่นขึ้นออก
“พรุ่งนี้ไปดูงานที่โครงการคอนโดThe legendsตรงสาทรให้ที เห็นช่างบอกว่าจะมีปรับแบบบางส่วน เขาแจ้งมาแล้วแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมีฝ่ายสถาปนิกไปดูงานที่นั่นด้วย” ป๊าเข้าเรื่องงานแบบไม่ต้องมีการเกริ่นนำก่อน
“กี่โมงอ่ะป๊า พรุ่งนี้เช้าผมต้องเข้าไปเซ็นเอกสารที่ตึกใหญ่”
“ช่วงบ่าย แต่กี่โมงเสร็จกูบอกไม่ได้ แต่คงไม่น่าจะนาน”
“ถ้าช่วงบ่ายผมก็โอเคอยู่ เดี๋ยวเข้าไปดูให้แล้วกัน แล้วป๊าโอเคกับแบบแล้วใช่ไหม”
“อืม ไม่ต่างจากเดิมมาก แต่ส่งผลเรื่องโครงสร้างและความมั่นคงได้ดีกว่า”
“ป๊าไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจัดการให้”
คุยเรื่องงานจบป๊าก็เงียบไป ใช้เพียงสายตามองจ้องผมราวกับจะเค้นหาความจริง คนมั่นใจอย่างผมจะแพ้ก็กับป๊าเนี่ยแหละ
“มองผมแบบนี้ทำไมป๊า” เริ่มร้อนๆหนาวๆ
“เดี๋ยวนี้เปลี่ยนแนวแล้ว”
ไม่ต้องเดาเลยว่าป๊าหมายถึงเรื่องอะไร
“ทำไมทุกคนชอบถามแบบนี้ ผมก็ไม่ได้มีสเป็คตายตัวอยู่แล้วป่ะ”
“งั้นกูถามใหม่ เล่นๆหรือจริงจัง”
“ตอบยากว่ะป๊า ยังไม่รู้ว่าควรแค่เล่นๆหรือจริงจังดี เด็กมันยังไม่รู้เลยว่าผมคิดไม่ซื่อ และมันก็ไม่ใช่เกย์ พี่ริชเล่าให้ฟังบ้างยังล่ะ”
ป๊าพยักหน้า “ก็เล่านิดหน่อย แต่พอมาเห็นเองกับตา มึงนี่ทำกูทึ่งจริงๆ”
“มันน่ารักนะป๊า แค่ดูแข็งกระทื่อไปหน่อย”
“กูก็ไม่เถียงว่ามันหน้าตาน่ารัก แต่มึงคิดว่าเอาอยู่หรือไง นั่นอาจจะยิ่งกว่าม้าพยศก็ได้”
“ยังไม่แน่ใจ”
“กากวะ อย่าไปบอกใครนะว่าเป็นลูกกู”
“อ่ออ ใช่ซี้ กว่าจะได้พี่ริชมาป๊าก็ปราบไปเยอะนิ”
“เออ เพราะฉะนั้น ปราบม้าพยศไม่ได้ มึงดีดตัวเองออกจากสำมะโนครัวไปเลย บ้านกูไม่มีคนกากๆ”
“ป๊าคอยดูแล้วกัน”
จะมาดูถูกกันอย่างนี้ได้ยังไง คิดว่าผมโตมาด้วยการเลี้ยงดูจากผู้ชายห้าคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวอย่าง ป๊าคราม พ่อทราฟ อาเจ ลุงสอง และป๋าคาร์ลได้นั้น ผมจะห่วยแตกเรื่องจีบหญิงจีบชายงั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก
ยังไงผมก็ต้องทำให้ซ่ารักผม ยอมรับผมให้ได้ในวันใดวันหนึ่ง
ไม่เชื่อก็คอยดู
หกโมงเย็นทั้งเพื่อนผมและเพื่อนไอ้ซ่าก็มาถึงที่บ้าน พวกมันเข้าไปไหว้ทักทายผู้ใหญ่ในบ้าน ก่อนจะออกมาช่วยกันปิ้งย่างคอหมูไว้เป็นกับแกล้ม
“มึงมากับพี่ปราบก่อนได้ไงไอ้พัช” ทุกคนนั่งล้อมเป็นวงกลมกันอยู่ ไอ้หวายที่มองจิกผมกับไอ้ซ่าตั้งแต่มาถึงก็ถามโผงขึ้นกลางวง
“นั่นดิ ทำไมมึงมาถึงก่อนพวกกูวะ” และตามมาด้วยฝั่งเพื่อนผมอย่างไอ้บีทบ้าง มันยักคิ้วกวนตีนใส่ผม ตามมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ของไอ้กี่ที่มองมาอย่างรู้ทัน จะมีก็แต่ไอ้ธีร์ที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ก็มากับพี่ปราบไง” ไอ้ซ่าตอบพาซื่อ คือมันไม่คิดหรอกว่าคนที่ถามมันนะต้องการสื่อถึงอะไร เพราะสิ่งที่ไอ้ซ่าให้ความสนใจในตอนนี้ก็คือคอหมูย่างและเบียร์วุ้นเย็นๆมากกว่า
“ก็นั่นแหละ แล้วมาด้วยกันได้ไงละ” ไอ้หวายไม่หยุดซักถาม
“เรื่องของกู เนอะพี่ปราบเนอะ” ไอ้ซ่าถือวิสาสะโอบไหล่ผมแหย่ไอ้หวาย ผมก็เลยเล่นด้วยโดยการโอบไหล่มันคืนบ้าง
“เออ พวกกูสนิทกัน มึงจะทำไมไอ้หวาย มีปัญหา” ผมเลิกคิ้วแกล้งมัน
“ไม่ได้มีปัญหาสักหน่อย พี่บีทยังสงสัยเลยเหอะ” ไอ้หวายเริ่มหาพวก
“กูก็ถามไปงั้นๆแหละ”
“อ้าว พี่บีท ไหงงั้นล่ะ”
“แล้วมึงจะไปสนใจมันทำไมวะไอ้หวาย” เพื่อนมันที่ชื่อนุ๊กถามอย่างสงสัย
“ก็กูอยากรู้” ไอ้หวายยู่ปากใส่เพื่อนมัน
“บ้านกูเรียกเสือก” แล้วไอ้กี่ก็ด่าต่อทันที
“พี่กี่นิสัยไม่ดี ไปนั่งไกลๆเลยไป”
“กูนั่งตรงนี้ของกูอยู่แล้วมึงนั่นแหละไปไกลๆ”
“ไม่ไป ผมไม่ไป พี่จะทำไม”
ไอ้หวายกับไอ้กี่เถียงกันอย่างกับคู่ผัวเมียละเหี่ยใจ
ผมส่งสายตาให้ไอ้กี่จัดการกับไอ้ตัวแสบของมันซะ อย่าได้จุดประเด็นโต้งๆขึ้นอย่างนี้อีก มาถามนอกรอบได้ จะตอบความจริงให้ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าอย่าเพิ่งให้ไอ้ซ่ารู้จะดีกว่าว่าผมคิดยังไงกับมัน
จากทีแรกที่นั่งกินเหล้ากินเบียร์เคล้ากับแกล้ม ก็เริ่มดีดกีตาร์ร้องเพลงกัน มีพ่อกับป๊ามาร่วมแจมด้วยแปบๆ ก่อนจะกลับเข้าบ้านไปอยู่กับเมีย
และคราวนี้ผมได้รู้ว่า ไอ้ซ่าเป็นคนที่ร้องเพลงได้ห่วยแตกที่สุด จนไอ้ธีร์ต้องรีบประเคนแก้วเบียร์ใส่ปากมัน เพื่อที่มันจะได้หยุดร้องเสียที แก้วหูจะแตก
ยังไม่ทันเลยสี่ทุ่ม ก็เริ่มมีคนนอนเลื้อยเป็นงูไปกับพื้น แต่ก็ยังคงสนุกสนานเฮฮากันอยู่
“ไอ้ปราบ เกิดเรื่องแล้ว ป๊ามึงกับพี่ริชทะเลาะกัน” ไอ้บีทเดินมากระซิบกับผม ผมเลิกคิ้วสูง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปดูว่าสถานการณ์โอเคหรือไม่ ป๊าผมหัวแตกไปยัง
“เกิดอะไรขึ้นอ่ะพ่อ พี่เค้ก” ผมถามสองคนที่ยืนคุมเชิงอยู่หน้าประตูห้องนั่งเล่น
“ยังไม่มีอะไร แค่เถียงๆกัน” พี่เค้กหันมาบอก
“แต่ใครจะชนะอันนี้ยังบอกไม่ได้” พ่อพูด
ผมมองเข้าไปในห้อง พี่ริชยืนกอดอกจ้องหน้าป๊านิ่ง ในขณะที่ป๊าทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“แต่พี่ครามก็ไม่ควรส่งลูกน้องไปขับรถชนเขาไหมละ”
“อย่ามากล่าวหากูได้ไหม กูทำที่ไหน มันเป็นอุบัติเหตุ”
“คิดว่าริชจะเชื่อพี่เหรอ”
“แล้วมึงไม่เชื่อกู แต่มึงเชื่อมันว่างั้น”
“ก็เพราะริชรู้นิสัยพี่ดีไง ไม่พอใจอะไรเขานักหนาถึงต้องทำขนาดนี้”
“เหอะ” ป๊าสะบัดหน้ามองไปทางอื่น
“ยอมรับมาเถอะว่าพี่ทำน่ะ” พี่ริชพูดเสียงอ่อนลงเล็กน้อย ดูก็รู้ว่าพยายามหลอกล่อให้ป๊าสารภาพความผิด
สุดท้ายป๊าก็ยอมรับ “เออ กูทำ พอใจยัง”
“แล้วพี่ทำไปทำไม” พี่ริชถึงกับถอนหายใจแรง
“ถ้ามีรถขับดีๆแล้วใช้รับส่งเมียชาวบ้าน ก็อย่าขับมันเลยรถน่ะ และต่อไปนี้กูจะไปรับไปส่งมึงเองริช”
“แน่ใจว่าทำได้”
“เออ กูทำได้ เมียกูกูไปรับไปส่งเองได้ ไม่ต้องยืมมือคนอื่นหรอก”
“ริชจะคอยดู”
“เออมึงคอยดูได้เลยริช คนอย่างสงครามพูดคำไหนคำนั้นเว้ย”
“เอาที่พี่ครามสบายใจเลยครับ”
เอาเป็นว่าจบเรื่องกันไป ไม่ได้มีฝ่ายใดเลือดตกยางออกอย่างที่คิดเป็นห่วง
“พี่ครามทำเกินไปหน่อยนะเค้กว่า” พี่เค้กให้ความเห็นกับเรื่องสองคนนั้น พี่เค้กน่ะจิตใจดี ย่อมมองว่าป๊าทำเกินไปแต่สำหรับผู้ชายอย่างพวกผมแล้ว ผมคิดว่าที่ป๊าทำก็นับว่าสมควร
“แต่พี่ว่ามันทำดี เพราะถ้ามีเห็บหมัดตัวไหนมาเกาะแกะเค้กละก็ พี่ไม่ปล่อยไว้เหมือนกัน” แม้แต่พ่อที่ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นก็ยังเห็นด้วย
“ไม่ต้องเลยนะ เค้กไม่ชอบอันธพาล” พี่เค้กทำหน้าไม่ชอบใจ หยิกพ่อเข้าให้
“อู้ยย ครับผม ไม่ชอบก็ไม่ชอบครับ ฟอดด”
เอาเป็นว่า ผมออกไปอยู่ข้างนอกตามเดิมดีกว่า เพราะขืนยังอยู่ตรงนี้ต่อ ก็ไม่วายต้องทนมองป๊ากับพี่ริชจูบคืนดีกัน และยังต้องมาทนเห็นพี่เค้กกับพ่อเพิ่มความหวานใส่กันอย่างไม่มีวันจบสิ้น
“แสบสุดนี่ไม่มีใครเกินไอ้พัชแล้วผมบอกเลย วีรกรรมมันเยอะมากกกกกก”
“อย่าไปเชื่อมันพี่” ไอ้ซ่าโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน แต่หน้ามันยิ้มตามันเยิ้ม เมาหนักแล้วอาการแบบนี้
“ต้องเชื่อพวกกูนี่ อยู่กับมึงมาจนพวกกูแทบจะยกให้เป็นท่านอาจารย์แล้ว”
“ไอ้สัดกาน” ไอ้ซ่าชี้หน้าเพื่อนมัน แต่ถูกปัดมือทิ้ง
ผมเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างไอ้ซ่า ก่อนจะส่งสายตาให้ไอ้ธีร์ชงเหล้าแก้วใหม่ให้ผม พอยกขึ้นดื่มเท่านั้น ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไอ้พวกเด็กๆมันเมาเร็ว พอเบียร์หมด พวกมันก็ต่อด้วยเหล้าทันที
“ไหนมึงเล่ามาสิ ว่าวีรกรรมของไอ้พัชมีอะไรบ้าง”
“ผมๆ ผมขอเล่า” ไอ้นุ๊กรีบยกมือขอพูด
“เออ มึงเล่าไอ้นุ๊ก ไอ้นี่ไม่โกหกเชื่อมันได้” ไอ้ตูนเด็กหน้าหล่อรีบสนับสนุนเพื่อนมันเลย แต่ไอ้นุ๊กก็ดูเป็นเด็กที่เรียบร้อยสุดแล้วในบรรดาพวกมัน
“อะไรของพวกมึงเนี่ย” ไอ้ซ่าแหวเสียงใส่เพื่อนมัน
“ผมเล่าแล้วนะ ไอ้พัชเนี่ย ทีแรกบ้านมันแม่มันอยากให้มันเรียนต่อมอ4แล้วเข้ามหาวิทยาลัย มันอยากเรียนเทคนิคแต่แม่มันไม่ยอม ทะเลาะกันบ้านแทบแตก ผมที่ไปหามันที่บ้านแทบหาทางกลับไปถูกเลย”
“อ้าว แล้วทำไมมึงกลายมาเป็นเด็กช่างได้เนี่ย” ไอ้ธีร์หันไปถามไอ้ซ่า ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน ซ่าไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้และผมก็ไม่เคยถาม
“ไม่มีอะไร ก็ผมอยากเรียนช่าง” ตอบได้ไม่ตรงคำถามสุดๆ
“โธ่ไอ้พัช มึงไม่บอกเขาไปล่ะว่าแม่มึงให้ไปสอบเข้าเรียนต่อมอสี่ แต่มึงไปสอบแต่ไม่ทำข้อสอบเลยอ่ะ” ไอ้หวายตะโกนใส่หน้าไอ้ซ่าที่แค่ยักไหล่เบาๆ
“พี่คิดดูนะมันกวนตีนขนาดไหน แม่มันส่งไปสอบสามที่ มันทำหมดทั้งสามที่ แม่มันก็สงสัยนะว่าทำไมมันไม่ได้เลยสักที่ มันดันเสือกตอบแม่มันว่ามันโง่” ไอ้กานเล่าต่อพร้อมใส่อารมณ์ในน้ำเสียงเต็มที่
“แล้วทุกวันนี้แม่มันไม่รู้เหรอ” ไอ้กี่ถามบ้าง
“รู้แล้วพี่ แม่มันไปถามอาจารย์เลยว่าลูกตัวเองสอบตกไปกี่คะแนน เขาถึงได้รู้ว่ามันไม่ทำข้อสอบเลย เข้าไปนั่งหลับแล้วก็ออกมา หลังจากนั้นเขาก็ไม่พามันไปสอบที่ไหน ยอมให้มันมาเรียนช่างอย่างทุกวันนี้” ไอ้นุ๊กเฉลย
“มึงนี่สุดยอดจริงๆว่ะไอ้พัช” ไอ้ธีร์ยกแก้วเหล้าให้ไอ้พัชแล้วกระดกดื่มจนหมดแล้ว
“ก็ผมไม่อยากเรียนต่อสายสามัญ ผมรู้ว่าผมไม่ชอบ ให้ผมเข้าเรียนช่างตั้งแต่แรกก็จบแล้ว ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่เรียนต่อหรือเปล่าวะ อนาคตผม ผมต้องได้เลือกเองไง”
“ธรรมดาเว้ย วัยกำลังต่อต้าน ไอ้บีทก็เคยเป็นตอนเข้ามหาวิทยาลัย พ่อแม่จะให้เรียนหมอ ไอ้เหี้ยนี่แอบไปสอบบริหารเฉย ทุกวันนี้ก็เลยกลายเป็นเจ้าของร้านเหล้าส่งคนไข้หาหมอด้วยโรคตับแข็ง
“ก็นี่มันความฝันกูไง” ไอ้บีทยักคิ้วหลิ่วตากวนตีน
หลังจากนั้นพวกมันก็พากันแฉเรื่องความแสบความชั่วของคนรอบข้างกันสนุกสนาน ไม่เว้นแม้แต่ผมที่ก็ร่วมวงด้วย
จนกระทั่งเลยเข้าวันใหม่ พวกเพื่อนผมก็ขอตัวกลับบ้านพร้อมหิ้วปีกไอ้พวกเด็กแสบกลับไปด้วย เนื่องจากผมสั่ง เหลือเพียงไอ้ซ่าคนเดียวเท่านั้นที่ผมบอกกับเพื่อนว่าจะจัดการเอง พวกมันก็พอรู้ว่าผมสนใจไอ้ซ่า เลยร่วมด้วยช่วยกันหิ้วเพื่อนของไอ้ซ่าออกจากบ้านผม
“อื้อ พี่ปราบ เพื่อนผมอ่ะ” ซ่าที่นอนแผ่หลาอยู่บนโซฟากลางบ้านผงกหัวทำตาปรือๆมองหาเพื่อนมัน ก่อนจะหลับตาลงแล้วทำหน้าพะอืดพะอม
“มันกลับไปแล้ว” ผมตอบ เก็บกวาดด้านล้างเสร็จพอดี และกำลังจะพามันขึ้นไปนอนกับผม
“อ้าว แล้วผมกลับไง” พูดทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา เสียงก็ยานคางเหลือเกิน
“จะกลับทำไม นอนนี่ดิ กูบอกแล้วไงว่าคืนนี้ให้มึงนอนบ้านกู” กูไล่เพื่อนมึงกลับไม่ใช่เพื่อการนี่เหรอวะซ่า
“นอนนี่ นอนไหนอ่ะ” ดวงตากลมที่ปิดสนิทค่อยๆลืมขึ้นข้างหนึ่ง
“นอนกับกูไง เตียงนุ่มๆ แอร์เย็นๆ ดีไหม” ผมก้มหน้าลงไปถามใกล้ ถึงซ่าจะสูบบุหรี่ แต่ปากมันก็ยังมีความอมชมพูอยู่บ้าง มันน่าเอาปากลงไปแนบด้วยจริงๆ
“ดีๆ ผมอยากนอนแล้วครับ” พูดเพราะขึ้นมาเชียวไอ้เด็กนี่
“หึหึ งั้นก็ขึ้นไปนอนกันครับ”
ไอ้ซ่าชูมือขึ้นทั้งสองข้างให้ผมช่วยดึงมันขึ้น ผมพยุงบวกประคองมันขึ้นมาที่ห้องนอนของผม ซ่าทำท่าจะพุ่งเข้าหาเตียงนอนอย่างเดียว
“เดี๋ยวมึงได้นอนบนเตียงกูแน่ แต่ตอนนี้มึงต้องไปอาบน้ำให้ตัวหอมๆก่อน เข้าใจไหม”
“อื้ออ ผมง่วง”
“อาบน้ำก่อน” ผมบอกมันอย่างใจเย็น
“พี่ปราบอาบให้หน่อย ผมยืนไม่ไหว แม่งจะล้ม”
จะไหวก็เกินไปแล้ว เล่นดื่มเหล้ายังกับน้ำเปล่า ได้ทีกระดกใหญ่
“มึงแน่ใจนะว่าจะให้กูอาบให้ มึงไม่อาย” ผมถามความสมัครใจก่อน เดี๋ยวหาว่าล่อลวงเด็ก แต่นี่เด็กมันเสนอมาเองเลย ผมต้องอยากสนองอยู่แล้ว
“อายไร ไม่อายหรอก มีเหมือนกัน เร็วๆดิพี่ พาผมไปอาบน้ำ ผมง่วง”
กูถือว่ากูถามแล้วนะ หลังจากนี้จะมาหาว่ากูลวนลามไม่ได้แล้วนะ แต่ผิวมันลื่นมือดีนะ ถ้ามันมีเนื้อกว่านี้อีกนิดหน่อย ตอนหอมแก้มมันน่าจะนุ่มกว่านี้ และส่วนที่จะนุ่มมากที่สุดก็น่าจะเป็นก้นของมัน
..................................................
สวัสดีค่า วันนี้มาลงให้ต่อเนื่องจากเมื่อวานเลย
แอบกระซิบว่า รีบเสพความสุขจากตอนนี้ไว้นะคะ เพราะตอนหน้าและต่อไปอีกนิดหน่อยจะเข้าสู่ดราม่าแล้ว
ใครที่รอให้ซ่าเลิกกับพลอยอยู่ เวลานั้นกำลังจะมาถึงแล้วค่า และพี่ปราบก็จะเริ่มรุกเต็มที่ มาติดตามร่วมกันต่อว่า น้องซ่าจะรับมือกับปัญหาต่างๆที่ถาโถมเข้ามาได้ยังไง
ขอบคุณนักอ่านที่แสนจะน่ารัก ที่ยังคงรออ่านพี่ปราบน้องซ่านะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและกำลังใจด้วย อ่านแล้วชื่นใจที่สุดเลยค่า
เจอกันตอนหน้านะคะ ว่าแต่วันไหนดีเอ่ยยยยยย