ปราบซ่า® ตอนปราบครั้งที่35 ปราบครั้งสุดท้าย [จบบริบูรณ์]:: 7/1/2018 P.24
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปราบซ่า® ตอนปราบครั้งที่35 ปราบครั้งสุดท้าย [จบบริบูรณ์]:: 7/1/2018 P.24  (อ่าน 194268 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: ปราบซ่า® ตอน...ปราบที่3 :: 4/1/2017
«ตอบ #30 เมื่อ04-01-2017 20:26:53 »

ซ่าแลดูลำบากมากลูก~~

ยังไงคืนนี้นอนห้องพี่ปราบ หวังว่าคงจะรอดปลอดภัยดี อิอิ

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: ปราบซ่า® ตอน...ปราบที่3 :: 4/1/2017
«ตอบ #31 เมื่อ04-01-2017 20:34:03 »

ดูชีวิตซ่านี่ต้องสู้ตลอดเวลาเลย สู้กับที่บ้านแล้วนอกบ้าน

พอมาเจอพี่ปราบที่สนใจ น่าจะมีอะไรดีขึ้นจากความช่วยเหลือ

ของพี่ปราบ ดีค่ะ จะได้ไปด้วยกันเรื่อยๆ แบบเนียนๆ

เจอกันตอนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ เด็กชายมั่วนิ่ม

  • ------>>>>
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ปราบซ่า® ตอน...ปราบที่3 :: 4/1/2017
«ตอบ #32 เมื่อ04-01-2017 20:47:53 »

 :katai2-1: :katai2-1:
เรื่องใหม่ริริมาแล้วววววว แนวนี้ไม่ชินเลยยย ฮ่าๆๆๆ
น้องซ่านิสัยจัดว่าแย่เลยค่ะ อารมณ์ร้อนเกิ๊นนนนนน มันจะเป็นปัญหาทีหลังนะหนู
มีปมกับที่บ้านสินะถึงได้แสดงออกมาแบบแข็งๆ ให้ตัวเองดูเป็นคนเข้มแข็ง
แต่ไม่เป็นไร มีพี่ปราบทั้งคน ฮ่าๆๆๆๆ พี่ปราบคงปราบได้อยู่หมัดสมชื่อปราบ
แถมวันนี้เมาแล้วแอบน่ารักด้วย แอบอ้อนหน่อยๆแบบนี้เดี๋ยวพี่ปราบก็หลงตายเลย

เป็นกำลังใจให้ริริค่ะ ^____^

 :L2: :mew1:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: ปราบซ่า® ตอน...ปราบที่3 :: 4/1/2017
«ตอบ #33 เมื่อ04-01-2017 20:56:57 »

พี่ปราบ น้องซ่าาาาา ชอบอ่า

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
Re: ปราบซ่า® ตอน...ปราบที่3 :: 4/1/2017
«ตอบ #34 เมื่อ04-01-2017 21:01:25 »

ซ่าจะเข้าถ้ำเสือแล้ว
จะโดนพี่ปราบจับกินมั้ยน้า
 :katai5: :katai5:

 :pig4:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
Re: ปราบซ่า® ตอน...ปราบที่3 :: 4/1/2017
«ตอบ #35 เมื่อ04-01-2017 21:43:02 »

มีคนรักเยอะแยะทำไมทำตัวเหมือนเด็กมีปัญหาล่ะซ่า

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ปราบซ่า® ตอน...ปราบที่3 :: 4/1/2017
«ตอบ #36 เมื่อ04-01-2017 22:05:09 »

อืม....แต่พลอยมีคนรักใหม่ใช่มั้ย
แต่ไม่กล้าบอกเลิกซ่า
เพราะซ่าดูร้ายๆ
แล้วซ่าจะเจอความจริงเมื่อไหร่
ซ่าไปนอนห้องพี่ปราบ เข้าทางเลยนะ
พี่ปราบพาน้องซ่าไปนอนและ
ว่าแค่ซ่าจะได้หลับสบายจริงหรือเปล่า
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ zenesty

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: ปราบซ่า® ตอน...ปราบที่3 :: 4/1/2017
«ตอบ #37 เมื่อ04-01-2017 22:27:26 »

ใจเย็นๆ ก่อนนะปราบเอ้ย~ อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม  ค่อยๆ ล่อลวงค่อยๆ ตะล่อม ให้น้องมันไว้ใจกว่านี้อีกซักหน่อยค่อยจับกิน 55555  :oo1:   

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: ปราบซ่า® ตอน...ปราบที่3 :: 4/1/2017
«ตอบ #38 เมื่อ04-01-2017 22:39:10 »

ค่อยๆร้ายลึก  ชอบแบบนี้ ชอบพระเอกแบบนี้ ชอบนายเอกแบบนี้เวลาอ้อนจะดูน่าร็ากกกก   :o8: :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ Trystan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ปราบซ่า® ตอน...ปราบที่3 :: 4/1/2017
«ตอบ #39 เมื่อ04-01-2017 23:06:11 »

มุมมองชีวิตใหม่ๆ  ชอบครับๆ o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ปราบซ่า® ตอน...ปราบที่3 :: 4/1/2017
« ตอบ #39 เมื่อ: 04-01-2017 23:06:11 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nongtao

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ปราบซ่า® ตอน...ปราบที่3 :: 4/1/2017
«ตอบ #40 เมื่อ04-01-2017 23:08:46 »

น่าสนใจ ติดตามๆ

ออฟไลน์ chaotic69

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ปราบซ่า® ตอน...ปราบที่3 :: 4/1/2017
«ตอบ #41 เมื่อ05-01-2017 04:23:00 »

เหมือนหนูน้อยหมวกแดงซ่ากำลังจะโดนหมาป่าปราบล่อลวงพิกล  :laugh:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
Re: ปราบซ่า® ตอน...ปราบที่3 :: 4/1/2017
«ตอบ #42 เมื่อ05-01-2017 07:23:12 »

ความจริงซ่านี่ขี้อ้อนงุ้งงิ้งใช่มั้ย แต่ต้องเลือกคนอ้อน
เปลี่ยนใจมาอยู่กับพี่ปราบเถอะค่ะ มาอ้อนป๋าแทน 555

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
ปราบซ่า
ตอนที่4





[ZA]

“ซ่า ลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อน” เสียงพี่ปราบเรียกให้ผมลุกออกจากที่นอนของเขา แต่ผมไม่มีแรงแม้แต่จะทำอะไร

“อื้อ...” ผมร้องขัดใจในลำคอ เมื่อถูกมือใหญ่ดึงให้ผมลุกขึ้นจากเตียง ผมที่ทรงตัวไม่ได้โอนเอนไปมาเป็นตุ๊กตาล้มลุก

“ถ้าจะไม่อาบน้ำ กูจะให้นอนนอกห้องบนพื้น”

“นอนโซฟาได้ไหม” ผมไม่ไหวแล้ว ผมต้องการหลับและหลับอย่างเดียว ไม่นอนเตียงไม่เป็นไร

“ไม่ได้ กูไม่ชอบคนสกปรก ถ้าไม่อยากนอนพื้นก็ลุกไปอาบน้ำ” พี่ปราบพูดเสียงเขียว ขนาดมองอะไรไม่ค่อยชัดผมยังเห็นว่าเขาทำหน้าโหดอย่างกับยักษ์วัดแจ้ง

เพราะไม่อยากนอนพื้นเย็นๆ แถมที่นี่ก็ไม่ใช่หอตัวเองหรือที่บ้าน ผมก็เลยจำต้องลุกขึ้นจากเตียงลากสังขารไปอาบน้ำ แต่ว่า...ห้องน้ำอยู่ไหน

“นี่แปรงสีฟัน ผ้าขนหนูกับชุดนอน ห้องน้ำอยู่นี่ เข้าไปอาบซะ” พี่ปราบส่งของที่ผมจำเป็นต้องใช้มาให้ แล้วจับต้นแขนผมลากไปทางห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนนั่นแหละ

ผมทำอะไรด้วยความมึนงง แปรงฟันทั้งที่ตายังหลับไม่กี่ทีแค่พอเป็นพิธี ถอดเสื้อผ้าได้ผมก็พุ่งไปหาฝักบัว เปิดน้ำให้ไหลผ่านร่างกาย คว้าขวดอะไรที่วางไว้ได้ก็เอามาถูตัวลวกๆแล้วล้างน้ำออกเป็นอันเสร็จ พอร่างกายได้เจอน้ำเย็นๆก็รู้สึกสร่างเมาขึ้น ผมเช็ดตัวใส่ชุดนอนของพี่ปราบเสร็จก็เดินออกจากห้องน้ำ

“เสร็จแล้วก็ไปนอนเลย” พี่ปราบบอก ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำบ้าง

ผมมองเตียงหลังกว้างก่อนจะมองรอบๆห้อง อย่างหรู ห้องนี้คงแพงน่าดู

แต่ถึงแม้ว่าเตียงจะกว้างขนาดไหน แต่ผมก็เบียดตัวเองชิดริมเตียง ไม่ให้เกะกะเจ้าของห้อง จากนั้นก็หลับตานอนอย่างสบายตัวสบายใจ

ตื่นเช้ามาเพราะถูกเจ้าของห้องปลุก ผมจำได้ว่าวันนี้วันเสาร์และผมไม่มีเรียน ไม่มีความจำเป็นต้องตื่นตอนนี้

“พี่ปราบ ผมง่วง” ผมพูด ไม่ยอมลืมตา

“มึงจะนอนกูไม่ว่านะซ่า เอามือกับขาออกไปจากตัวกูก่อน กูจะไปอาบน้ำ”

พี่ปราบพูดจบผมก็ลืมตามองทันที ก่อนจะรีบเก็บขาเก็บแข้งของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ผมว่าเมื่อคืนผมก็นอนชิดริมเตียงแล้วนะ แต่ตอนนี้ผมวาดตัวเองกินพื้นที่เตียงเกินครึ่ง หนำซ้ำยังเกยขึ้นไปอยู่บนตัวพี่ปราบอีกด้วย

“โทษทีพี่ ผมเป็นคนนอนดิ้นอ่ะ” ผมพูดเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิด

“เออ ไม่บอกก็รู้ มาหมดทั้งศอกทั้งขา” พี่ปราบบ่น ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ

ผมอยากจะนอนต่อแต่ก็คงนอนไม่หลับแล้ว เลยคิดว่ากลับบ้านเลยดีกว่า รอจนพี่ปราบอาบน้ำเสร็จ ผมก็เข้าไปล้างหน้าล้างตาแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดเดิม

“พี่ปราบ ผมกลับก่อนนะ แล้วก็ขอบคุณมากที่ให้ผมนอนค้างด้วยเมื่อคืน” ผมยกมือไหว้ขอบคุณ

“รอกินข้าวก่อนสิ เดี๋ยวไปส่ง” พี่ปราบพูด ผมที่เริ่มหิวก็ไม่ขัด ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ความเกรงใจ ยังไงก็คิดว่าเริ่มสนิทกันแล้ว

ผมเดินตามหลังพี่ปราบเข้าไปในพื้นที่ที่ไว้ทำครัว ผมทำกับข้าวไม่เป็น ทำได้แค่ทอดไข่ต้มมาม่า ทอดไก่และไส้กรอกพอได้ แต่อะไรที่ยุ่งยากมากกว่านี้ผมไม่สามารถ

แต่ดูเหมือนว่าผู้ชายร่างสูงตรงหน้าจะมีฝีมือในการทำกับข้าวเข้าขั้นเป็นพ่อครัวได้ พี่ปราบดูคล่องแคล้วยามหยิบจับหั่นของ ทำทุกอย่างด้วยความว่องไวมาก ผมมองตามเพลินๆรู้ตัวอีกทีข้าวผัดกุ้งสีเหลืองหอมฉุยกับต้มจืดเต้าหู้ง่ายๆก็เสร็จพร้อมกิน

“มานั่งสิ” พี่ปราบพยักหน้าให้ผมนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว

ผมนั่งลงฝั่งตรงข้าม ก้มลงดมกลิ่นข้าวผัด แค่กลิ่นยังรู้สึกได้เลยว่าต้องอร่อยมากแน่ๆ ผมไม่รอช้าตักข้าวคำใหญ่เข้าปากทันที

“อืม อร่อยอ่ะพี่” ผมชมทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก

“อร่อยก็กินเยอะๆ” พี่ปราบพูดยิ้มๆ ผมยิ้มกว้างตอบแล้วก้มลงกินข้าวและต้มจืดจนหมด จากนั้นก็อาสาล้างจานให้เป็นการตอบแทน

“เดี๋ยวกูไปส่งแล้วกัน” พี่ปราบพูดขณะเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือและกุญแจรถ

“ไม่เป็นไรพี่ ผมกลับเองได้” ผมรีบปฏิเสธ แค่นี้ก็รบกวนเขามากแล้ว และผมก็ไม่ใช่เด็กๆหรือผู้หญิง ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใหญ่ไปส่งหรอก

“กูจะออกไปทำธุระพอดี ไปด้วยกันน่ะดีแล้ว”

ในเมื่อพี่เขาว่ามาแบบนั้น ผมก็ไม่พูดอะไร เดินตามพี่ปราบไปที่ลานจอดรถ มองรถพี่ปราบทีไรก็ขนลุกทุกที ไม่ใช่อะไร คือรถสวยหรูดูเท่ พูดได้เลยว่าผมโคตรชอบ ได้นั่งอีกครั้งถือเป็นบุญตูดมาก

พอเข้าไปนั่งในรถผมก็บอกพิกัดบ้านของตัวเองทันที พี่ปราบพยักหน้าเข้าใจแล้วก็เริ่มขับรถออกจากคอนโด ในรถมีเพลงสากลคลอเบาๆ ผมฟังไม่เข้าใจแต่ก็เคาะนิ้วตามจังหวะเพลง

“เมื่อคืนมึงบอกว่าเพื่อให้ออกจากหอ” พี่ปราบเริ่มชวนคุย และเป็นเรื่องที่ผมลืมไปชั่วขณะ โดนสะกิดอีกทีก็เริ่มรู้สึกเครียดขึ้นมา

“อืม ครับ” ผมตอบเบาๆในลำคอ

“แล้วจะเอายังไง” พี่ปราบถามต่อ ผมหันไปมองหน้าพี่เขาก่อนจะตอบ

“ก็คงหาหอใหม่”

“บ้านมึงก็อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนไม่ใช่เหรอซ่า ทำไมมึงไม่กลับไปอยู่บ้าน” พี่ปราบขมวดคิ้วถาม 

“ผมอยากอยู่ข้างนอก” นี่คือเหตุผลของผม

“แล้วมึงมีเงินไปเช่าหอใหม่อยู่คนเดียวหรือไง” บอกตามตรงเลยนะว่าผมรู้สึกว่าเสียงของพี่ปราบดุตลอดเวลา มันทำให้ผมรู้สึกเกรงและกลัว ดูมีอำนาจให้ต้องทำตามแบบบอกไม่ถูก

“ไม่มี” เงินจะกินผมยังไม่มีเลยตอนนี้ จะไปหาเงินจากไหนมาจ่ายค่ามัดจำหอใหม่

“...” พี่ปราบเงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เขาละสายตาจากถนนมองหน้าผมเป็นระยะ

“ผมคงกลับไปอยู่บ้านสักพักจนกว่าจะหาหอใหม่และคนมาแชร์ได้” ผมพูดต่อ

“ไม่อยากอยู่บ้านเหรอ” พี่ปราบหันมาถามแทบทั้งตัวเมื่อรถติดไฟแดง

ผมหลุบตาต่ำ ไม่กล้าสบตาดวงตาคมๆ ก่อนจะหันออกไปนอกกระจก กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงขึ้นเล็กน้อย

“ผมเป็นเด็กวัยรุ่นนี่พี่ ก็อยากอยู่ข้างนอกเป็นธรรมดา แบบว่ามันมีอิสระดีไง พี่ไม่ชอบเหรอ พี่ยังออกมาอยู่คอนโดเลย”

“เมื่อคืนกูนอนคอนโดเป็นครั้งที่สามในรอบเดือนนี้” พี่ปราบพูด

ผมหันไปมองหน้าเขางงๆ งั้นก็หมายความว่าพี่ปราบไม่ได้นอนคอนโดถาวรเหรอ

“ในเมื่อมึงก็ไม่ได้อยู่กินกับแฟน กลับไปอยู่บ้านเถอะ ไม่เปลืองเงินด้วย ข้าวก็มีให้กินฟรี นี่คือสิ่งที่กูจะแนะนำได้นะ”

“...”

“มึงโตแล้วซ่า กูเชื่อว่ามึงเข้าใจที่กูพูด”

“ผม...”


‘ผมไม่อยากกลับไปอยู่ที่บ้าน’


นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจ แต่ไม่คิดจะพูดออกไป

ผมให้พี่ปราบส่งผมที่ปากซอยบ้าน ผมไม่ลืมขอบคุณพี่ปราบอีกครั้ง ก่อนจากพี่ปราบขอเบอร์ผมไว้แล้วก็โทรเข้าโทรศัพท์ผมเป็นการแลกเบอร์กัน พี่เขาบอกว่าหากมีปัญหาอะไรก็โทรหาได้ทุกเมื่อ แต่ผมไม่รู้ว่า ผมจะได้โทรหาเขาหรือเปล่า

ผมเดินเข้าซอยไปเรื่อยๆ แดดช่วงเที่ยงร้อนได้ใจ ไม่ถึงสิบนาทีเหงื่อก็ออกท่วมตัว กลับมาถึงบ้านยังไม่ทันได้กินน้ำหรือเข้าบ้าน พ่อก็เรียกให้ผมไปช่วยงาน

“ซ่า มาช่วยพ่อยกกระสอบนี่ขึ้นรถสิ” พ่อพูด พ่อแก่มากแล้วแต่ยังคงต้องทำงาน เพราะคนอื่นๆในบ้านไม่คิดจะทำ

ผมหยุดเท้าที่กำลังจะเดินเข้าบ้านไปที่โกดังเก็บของแทน บ้านผมเปิดกิจการรับซื้อของเก่า นอกจากรับซื้อแล้ว ยังไปประมูลสินค้าจากโรงงานที่ต้องการทำลายทิ้ง หากประมูลชนะก็ได้งานมาทำชำแหละขายแยกประเภท กระดาษ พลาสติก เหล็ก ทองแดง อะไรพวกนี้

ผมช่วยพ่อยกกระสอบกระดาษทั้งหมดยี่สิบกว่ากระสอบขึ้นรถ พ่อกับน้าตั้มก็ขับรถเอาของไปขายที่โรงงาน ผมยืนมองตามหลังรถหกล้อก่อนจะถอนหายใจด้วยความเหนื่อย ตอนขนของขึ้นรถเหนื่อยแทบตายแต่น้าตั้มไม่โผล่หัวมาช่วยสักนิด แต่ตอนจะเอาไปขายนี่รีบกระโดดขึ้นรถเชียว เชื่อได้เลยว่างานไม่ทำแต่ได้เงินส่วนแบ่งเต็มๆ

น้าตั้มคือน้องชายพี่แนน แม่มีลูกสี่คน คนโตผู้หญิงชื่อพี่หญิง คนที่สองก็พี่แนนคนที่เป็นแม่แท้ๆของผม คนที่สามก็น้าตั้ม คนสุดท้ายก็ไอ้มิว

ใครๆก็บอกว่าแม่รักลูกผู้ชาย ดูได้จากที่น้าตั้มไม่ต้องทำงาน แต่ได้ส่วนแบ่งทุกครั้ง หรือทำงานแค่นิดเดียวก็ได้เงินแล้ว ส่วนไอ้มิวไม่ต้องพูดถึง เคยทำห่าอะไรบ้าง แค่ว่ามันดูรักเรียนมากกว่าใครในครอบครัวหน่อย แม่ก็ปล่อยให้มันใช้ชีวิตอย่างสบาย งานบ้านแทบไม่เคยแตะ ถ้าผมกลับบ้านผมทำ แต่ถ้าผมไม่อยู่แม่กับพ่อทำ

ทำงานเสร็จผมก็เดินก้มหน้ากลับบ้าน รีบอาบน้ำแล้วขึ้นห้องไปนอนพักเอาแรง แต่นอนได้ไม่เท่าไหร่ แม่ก็ตะโกนเรียกให้ผมลงไปช่วยงาน

“ซ่าไปดูดิว่าเขาเอาอะไรมาขาย” แม่บอก คนที่เอาของมาขายคือคนที่มาขายของเก่านั่นแหละ

“ทำไมแม่ไม่ใช้ไอ้มิวล่ะ” ผมถาม ไอ้มิวก็นอนดูโทรทัศน์ไม่ได้ทำอะไร แต่มาเรียกผมที่นอนอยู่บนห้องแทน

“แม่ใช้มึงไม่ได้ใช้กู อย่ามาโยน” ไอ้มิวเถียงกลับมาไม่ยอมทำ แม่งไม่เคยทำอะไรสักอย่างทั้งๆที่ก็โตเป็นควายอายุน้อยกว่าผมแค่สองปี

“มึงจะตีกันทำไม กูบอกให้ไปทำก็ไปทำสิไอ้ซ่า” แม่ว่า ผมเลยส่ายหัวเดินออกจากบ้านไปที่โกดังอีกครั้ง ผมหยิบของขึ้นตาชั่งด้วยความเซ็งสุดขีด จัดการงานตรงนี้เสร็จ แม่ก็ใช้ให้ผมซักผ้าต่อ ผมด่าไอ้มิวจากนั้นแม่ก็ด่าผมต่อ

ดีอะไรอย่างนี้

ผมมองหน้าไอ้มิวที่ทำลอยหน้าลอยตา ก่อนจะไปซักผ้าตามที่แม่สั่ง ไม่เท่านั้นผมยังต้องกรอกน้ำล้างจานอีก เรียกได้ว่าไม่ได้พักเลยจนกระทั่งเย็น

หน้าที่ไอ้มิวเท่าที่ผมเห็นคือไปซื้อกับกับข้าว แม่ควักเงินให้มันไปสองร้อย เชื่อไหมว่าเงินนั้นไม่เคยเหลือกลับมาคืนแม่ เพราะมันงุบเงินที่เหลือตลอด
“ไอ้มิว ซื้อขนมจีบมาให้กูด้วย” ผมตะโกนบอกตอนที่มันกำลังสตารท์รถมอร์เตอร์ไซค์
“เรื่อง!”

ผมกัดฟัน “กูอยากกินไอ้สัด ซื้อมาให้กูด้วย”

“กูไม่ซื้อ อยากกินไปซื้อเอง”

“แม่ ดูมันดิ” ผมหันไปฟ้องแม่

“อย่ามายุ่งกับกู กูยิ่งหงุดหงิดอยู่” แม่ด่าเสียงดัง ผมหน้าบึ้งใส่

“ถ้ามึงไม่ซื้อมาให้กูนะ มึงเจอดี” ผมชี้หน้าไอ้มิว

“แม่ให้เงินมาไม่พอ”

“พอ!”

“เฮ้ย พวกมึงเลิกตีกันได้ไหม ไอ้มิวไปซื้อกับข้าว ส่วนมึงไอ้ซ่า หุบปากบ้างเหอะ กลับมาทีไรต้องตีกับไอ้มิวให้กูปวดหัวทุกที”

ศึกระหว่างผมกับไอ้มิวหยุดลงทันที ไอ้มิวขับรถไปตลาดนัด ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ ก่อนจะเดินออกไปหาเพื่อนที่อยู่ในซอยเดียวกัน

“มึง ขอบุหรี่ตัวดิ” ผมบอกไอ้เกมส์ มันล้วงในกระเป๋าส่งให้ผม

“คราวหน้าใช้คืนกูด้วย” มันบอก

“เออ รู้แล้วหน้า กูมีเงินเดี๋ยวกูซื้อมาคืนทั้งซองเลยแม่ง” ผมบ่น นั่งยองๆลงข้างมันแล้วเริ่มอัดบุหรี่เข้าปอด

“คืนนี้พวกกูจะไปเดินตลาดนัดรถไฟ ไปด้วยกันไหม” ไอ้เกมส์ชวน

“ไม่มีเงินวะ” ทั้งเนื้อทั้งตัวผมเหลืออยู่สามร้อยบาท กว่าเงินเดือนจะออกก็อีกหลายวัน ช่วงนี้เป็นไปได้ไม่อยากใช้เงิน

“มึงก็ขอแม่มึงสิไอ้นี่”

“กูขี้เกียจฟังเขาบ่น”

“เขาก็บ่นอยู่แล้วเปล่าวะแม่มึงอ่ะ บ่นได้ทุกอย่าง เมื่อวานกูขี้รถเข้าไปบ้านไอ้เอ็มผ่านหน้าบ้านมึงเขายังด่ากูเลย หาว่ากูขับรถเพ่นพ่านสร้างความรำคาญ เชื่อเขาเลย คนแก่นี่ขี้บ่นเนอะมึงว่าไหม”

“เออ”

แม่ผมแก่แล้ว อารมณ์คนวัยทอง สามนาทีดีหลังจากนั้นก็ด่าเรียบ โดนกันถ้วนหน้าตั้งแต่คนในบ้านรวมไปถึงคนในซอย บางครั้งแม่ก็พูดดี แต่บางครั้งก็ด่าซะใครเข้าหน้าไม่ติด

“สรุปไปไม่ไป”

“กูดูก่อน ขอเงินได้ก็ไป ขอไม่ได้ก็ไม่ไป”

ผมนั่งดูดบุหรี่จนหมดมวน เห็นไอ้มิวขี่รถกลับเข้ามาในซอยก็ตะโกนถามหาขนมจีบที่ผมฝากมันซื้อ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กินเพราะมันไม่ซื้อให้ผมจริงๆ ขัดใจชิบหาย ผมนั่งสงบจิตสงบใจอยู่ครู่ใหญ่ ขืนกลับบ้านไปตีกับไอ้มิวผมก็ได้โดนด่าอีก แถมขอเงินก็คงจะไม่ได้

ทำไงได้ ผมมันไม่ใช่ลูกรักลูกชายคนโปรดนี่

หลังกินข้าวเย็นเสร็จ ผมก็นั่งดูทีวีข้างๆแม่ มีไอ้มิวบีบนวดขาให้แม่อยู่ สักพักก็มีเสียงคนมาเรียก ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้เกมส์นั่นเอง

“พวกกูจะไปแล้วนะมึง” มันคงมาตามให้ผมออกไปตลาดนัดรถไฟด้วยกัน

“แปบหนึ่ง” ผมบอก เดินเข้าไปหาแม่

“แม่ ขอตังค์หน่อยดิ ไม่มีตังค์เลยอ่ะ”

“จะไปไหน” แม่ถาม ตาดูทีวีไม่ขยับ

“ไปตลาดนัดรถไฟ”

“กูไม่มีหรอก มึงทำงานแล้วไม่มีเงินเลยเหรอไงไอ้ซ่า” แม่หันมามองหน้าผม

“มันไม่พอนี่แม่” ผมเข้าไปอ้อน บีบๆนวดๆ”

“มึงเอาไปกินเหล้าซื้อบุหรี่หมดนะสิมึงน่ะ” แม่ตวัดตามองค้อนผม ก่อนจะใช้ให้ไอ้มิวไปหยิบกระเป๋าเงินในห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างมาให้

“จะเอาเท่าไหร่”

“ร้อยหนึ่งก็ได้” ผมบอก พอโดนด่าก็ไม่อยากขอเยอะให้โดนด่ามากไปกว่านี้ แค่ค่ารถก็พอ คงไม่ซื้ออะไรอยู่แล้ว

“ไม่พ้นกูเลยสักคน เอาไป” แม่หยิบเงินมาให้ผมร้อยหนึ่ง ผมรับมาแล้วยกมือไหว้ แล้วก็ออกจากบ้าน ระหว่างเดินไปขึ้นรถ ผมก้มมองเงินในมือที่ถูกกำจนยับย่นด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

ผมเกลียดอะไรบ้างอย่างที่กำลังถ่วงอยู่ในอกจนหายใจไม่ออก




ผ่านมาสองสามวัน ในที่สุดผมก็ต้องย้ายของออกจากหอ ไอ้กฤษช่วยผมเก็บของและขนของลงมาข้างล่าง มีกระเป๋าแค่สองใบเท่านั้น ข้าวของไม่เยอะ ใบหนึ่งเสื้อผ้า อีกใบเป็นหนังสือเรียน

“ขอบใจนะมึงที่เข้าใจกู เดี๋ยววันนี้ตอนเย็นแฟนกูก็คงขนของเข้ามาเลย” ไอ้กฤษพูด ใบหน้าไม่ปกปิดความดีใจ

ผมโคลงหัวเบาๆ “ไม่เป็นไร กูไปล่ะ”

“อืม เจอกันที่โรงเรียนพรุ่งนี้นะมึง”

“เออ”

ผมสะพายกระเป๋าเป้ไว้ข้างหลัง ส่วนกระเป๋าอีกใบก็รัดเชือกไว้กับเบาะรถมอเตอร์ไซค์ ผมขี่รถตรงกลับบ้าน มาถึงก็เจอพี่แนนนั่งคุยกับแม่อยู่หน้าบ้าน ผมยังไม่ได้บอกใครเรื่องที่ผมจะย้ายกลับมาอยู่บ้าน กะว่าจะมาบอกวันนี้ทีเดียว

“ไปไหนมาซ่า” พี่แนนถาม “แล้วนั่นขนอะไรมา”

ผมหิ้วยกมือไหว้แล้วยกกระเป๋าเข้าบ้าน “ของๆผมอ่ะ เอากลับมาจากหอ”

“ไม่อยู่หอแล้วเหรอ” แม่ถาม

“เพื่อนมันจะพาแฟนมาอยู่ด้วยนะ ผมเลยต้องย้ายออก”

“อ้าว ทำไมงั้นอ่ะ” พี่แนนอุทาน ผมเกิดความสงสัยว่าทำไมจะต้องทำท่าแบบนี้ เหมือนไม่ดีใจที่ผมกลับมาอยู่บ้าน

“มึงไม่พามันไปอยู่ที่บ้านด้วยล่ะ ห้องเหลือไม่ใช่เหรอไง” แม่หันไปพูดกับพี่แนน

“ไม่เอาอ่ะ จะอยู่บ้าน” ผมรีบร้องปฏิเสธทันควัน ขนาดบ้านหลังนี้ผมยังไม่อยากอยู่ นับประสาอะไรกับบ้านพี่แนน เขาอยู่กับแฟนใหม่เขาที่ไม่ใช่พ่อแท้ๆของผม พ่อที่ทำให้ผมเกิดมาตายไปนานแล้ว ตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้

“รีบปฏิเสธเลยนะ ไหนๆเพื่อนก็ไม่ให้อยู่หอแล้ว ของไม่ต้องเอาไปเก็บ เดี๋ยวไปอยู่กับแม่เลย” พี่แนนว่า ผมส่ายหน้าวืด

“ไม่เอาพี่แนน จะอยู่ที่นี่”

“ไม่ต้องเลย อยู่ที่นี่เอ็งก็ดีแต่ทำให้แม่ปวดหัวเพราะออกไปกับไอ้พวกเด็กแถวนี้ ขี้ยาทั้งนั้น ไหนเองชอบตีกับไอ้มิวให้แม่เครียดอีก” พี่แนนบ่นยกใหญ่พร้อมกับเอ่ยปากบังคับ

“ความผิดผมคนเดียวที่ไหนล่ะ” ผมย้อน

“เอ็งไม่ต้องเถียงได้ไหม”

“ไม่เอาอ่ะ ผมไม่ไป” ผมเริ่มรู้สึกแย่ที่พี่แนนพยายามจะให้ผมไปอยู่ที่บ้านด้วย แถมยังพูดเหมือนผมเป็นตัวปัญหาของบ้านนี้งั้นแหละ ทั้งๆที่งานผมก็ทำ อะไรๆผมก็ทำ แต่แม่งไม่มีดี

นอกจากนั้นผมไม่ชอบไปอยู่กับคนที่ไม่สนิทใจ ผมไม่ใช่คนสันดานดี จะให้ผมไปอยู่กับพี่แนนที่จุกจิกจู้จี้ อยู่กับพี่เบิร์ดแฟนพี่แนนน่ะไม่เอาด้วยหรอก เขาอารมณ์ร้อนและบ้าบอจนผมไม่อยากไปอยู่ร่วมชายคาบ้านคิดว่าผมไปอยู่แล้วเขาจะไม่ไล่ผมกลับมาเหรอ

“ใจเย็นๆ ให้มันอยู่ที่นี่ก่อนสักสองสามวัน แล้วค่อยให้ย้ายไป”

“แม่!” ผมเรียกแม่เสียงดัง ที่แม่เห็นดีเห็นงามกับพี่แนน ถึงจะไม่ได้ไล่ให้ไปปุบปับก็เถอะ

“เอางั้นก็ได้แม่ ไปๆ เอาของไปเก็บได้แล้วไป”

ผมคว้ากระเป๋าสองใบได้ก็กระแทกเท้าเข้าบ้านด้วยความหงุดหงิด ได้ยินเสียงแม่กับพี่แนนบ่นตามหลังมา ถ้ามือทั้งสองข้างว่างผมจะยกขึ้นมาอุดหูให้รู้แล้วรู้รอด

ตอนขอไปอยู่หอก็ค้านไม่ให้ไป พอกลับมาอยู่บ้านก็ไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น

ชีวิตกูนี่ดีอะไรอย่างนี้

ผมโยนกระเป๋าสองใบลงบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนตามไปติดๆ หลับตาแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลช้าๆ

ครืดๆ

โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยีนส์สั่นแจ้งว่ามีคนโทรเข้า ผมปาดน้ำตาออกจากแก้มก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูว่าใครโทรมา

‘พี่ปราบ’

ผมชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ สายเกือบจะตัดไปแล้วแต่ผมกดรับเสียก่อน

“รับช้านะมึง ทำอะไรอยู่” พี่ปราบถามเสียงนิ่งๆ ไม่บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน ตั้งแต่วันที่เขามาส่งที่บ้าน นี่เพิ่งจะได้ติดต่อกัน

“นอน” ผมตอบสั้นๆ เพราะรู้ว่าเสียงตัวเองไม่ปกตินัก ปลายสายเงียบไปแปบหนึ่ง

“เป็นอะไรหรือเปล่า เสียงมึงฟังดูแย่ๆ”

ผมอึ้ง ทำไมพี่ปราบถึงรู้ ผมพูดแค่คำว่านอนคำเดียว ไม่คิดว่าเสียงแค่นั้นจะทำให้เขาจับความผิดปกติได้

“เปล่า” ผมเลือกจะตอบสั้นๆอีกครั้ง แสร้งพูดให้ปกติที่สุด

“แน่ใจ”

“อืม”

“แต่กูไม่เชื่อวะ”

“...” แล้วทำไงถึงจะเชื่อ

“แต่กูว่ามึงมีเรื่องไม่สบายใจแน่ๆ”

“...” ผมยังคงเงียบ

พี่ปราบอาจพูดถูกอยู่หน่อยว่าผมมีเรื่องไม่สบายใจ เพราะที่มากกว่านั้นคือผมทั้งเสียใจ น้อยใจและโมโห โกรธจนอยากจะอาละวาดให้บ้านพัง ผมถึงไม่อยากไปอยู่กับพี่แนนไง ผมอยู่นี่เวลาผมหงุดหงิด ผมโวยวาย ผมระบาย แต่ถ้าต้องไปอยู่ที่นั่นผมคงเก็บกดจนอึดอัดตาย

ผมเสียใจที่ตัวเองกำลังถูกโยนไปโยนมาเพราะไม่มีใครต้องการ

ผมได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสาย

“ซ่า มีอะไรเล่าให้พี่ฟังได้นะ”

“...” ผมไม่ได้พูด เพราะไม่รู้ว่าควรพูดอะไร มันพูดไม่ออก แต่จะเปร่งเสียงยังยาก

“อยากให้พี่ไปรับที่บ้านไหม” พี่ปราบถาม น้ำเสียงของเขาไม่ดุเหมือนทุกครั้ง เสียงพี่ปราบเบาลงจากปกติ ทุ้มและนุ่มนวล

“พี่...” ผมเรียกเขาเสียงเริ่มสั่น

“ว่าไง”

ผมกลืนก้อนสะอื้นลงคอก่อนจะพูด “มารับผมหน่อย” 

“อืม รอนะ เดี๋ยวไปรับ”






..........
Talk:
จะลงตั้งแต่สี่ทุ่มล่ะ แต่กลับมาแล้วเพลียเลยกะว่าของีบสักสิบนาทียี่สิบนาที เป็นไงล่ะยาวเกือบช้าเลยค่ะ สวัสดี
ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่แต่งยากมากอีกเรื่องหนึ่ง (ไม่เห็นเรื่องไหนบอกแต่งง่ายสักเรื่อง -_-;;) แต่งแล้วพอมาอ่านก็ต้องปรับต้องแก้ ต้องเสริมต้องเติม เพราะตัวละครของน้องซ่านั้นมีความยุ่งยากและละเอียดอ่อนในตัวเอง ซ่าเป็นเด็กที่อยู่ในวัยเลือดร้อน แต่กลับไม่รู้ว่าจะระบายความรู้สึกไม่ว่าจะรัก โกรธ เกลียด เสียใจ น้อยใจอย่างไร
ส่วนพี่ปราบ ไม่ต้องบอกเนอะว่าหน้าที่ของนางคืออะไร แต่จะรับมือกับซ่าได้มากขนาดไหนก็มาคอยดูกัน
แต่เอาเข้าจริงพี่ปราบไม่ได้มาสายโอ๋นะ บอกไว้ก่อน ว่าง่ายๆ นางมาเพื่อดัดสันดารน้องซ่าโดยเฉพาะ อย่าถูกหน้ากากเทวดาของนางหลอกเอาล่ะ
ชอบไม่ชอบยังไงพูดคุยบอกกันได้นะคะ
หากมีคำผิดขออภัย วานคนใจดีช่วยแจ้งช่วยเตือนกันหน่อยนะ
ขอบคุณคนน่ารักที่เข้ามาอ่านปราบซ่าค่ะ
ริริ


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
เราว่าซ่าเข้มแข็งได้กว่านี้นะ
ช่วงนี้ดูอ่อนแอเกินไป ไม่สมเป็นซ่ายังไงไม่รู้
เหตุผลอาจเพราะเรื่องปัญหาครอบครัวด้วยก็ได้

พี่ปราบพ่อศรีเรือนมากค่ะ ชอบผู้ชายทำกับข้าวเก่ง

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากค่ะ
ตอนล่าสุดนี่ น้องซ่าก็น่าสงสารเหมือนกันนะ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
อยากรู้ว่าจะปราบกันยังไง
น้องซ่าชีวิตน่าสงสาร แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะทำตัวเองด้วย ต้องมีคนกำกับดูแลซะหน่อย

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ต้องค่อยๆโตไปนะซ่า แล้วมันจะดีขึ้น

มีพี่ปรสบเข้ามา มัยต้องดีขึ้นแน่นอน

เจอกันตอนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ซ่าอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออ่ะนะ  o7 o7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เด็กชายมั่วนิ่ม

  • ------>>>>
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เข้าใจอารมณ์ซ่าพอสมควรนะ
ก็อยู่บ้านแล้วเป็นแบบนี้อ่ะ ใครจะอยากอยู่
ช่วงวัยด้วยแหละ มันเป็นช่วงที่ร้อนอ่ะเนอะ
สู้ๆ นะซ่าเอ้ยยยย ขอไปอยู่กับเฮียปราบเลยยย แกยอมอยู่แล้ว
แลเฮียปราบจะพร้อมเป ฮ่าๆๆๆ



ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ติดตามๆๆ สงสารซ่า  :o12: :o12:

ออฟไลน์ chaotic69

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พี่ปราบอ่านใจซ่าขาดเกินไปแล้ววว รีบรับมาร่วมหอ..(?)เลยค่าา  :impress2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อ่านแล้วหัวใจมันบีบตามเลย

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ซ่า มีปัญหาทั้งที่เกิดจากตัวเองและครอบครัว ทั้งบ้านมีพ่อทำงานคนเดียว
น้าตั้ม นกรู้ตอนทำงานไม่ช่วย แต่พอขนของไปขาย รีบตามไปเพราะจะได้ส่วนแบ่งที่ช่วยขาย
มิว ลูกเล็กของบ้าน เรียนดี คุ้มครองตัวเองได้เลย ซื้อแค่กับข้าว ยังได้เงินที่เหลือจากซื้ออีก
ซ่ากลับมาที่บ้าน งานในบ้านก็ต้องทำหมด ขนของ ซักผ้า ล้างจาน
แต่แม่ซึ่งคือยาย มองไม่เห็น เห็นแต่ซ่าเป็นตัวปัญหา ซ่าไม่อยู่คนเดียวไม่มีการทะเลาะทุ่มเถียง ซ่าเอาแต่ชกต่อย
คบเพื่อนติดบุหรี่ แวนซ์ในซอย
แต่มิวรักเรียน บีบๆนวดๆให้แม่ ก็ลูกแท้ๆ ตั้ม มิว กับหลาน ยายต้องรักลูกมากกว่าอยู่แล้ว
แม่แท้ๆ ก็มีแฟนใหม่ที่อารมณ์ร้อน บ้าบอ แถมแม่ก็จุกจิกขี้บ่น ซ่าย่อมไม่อยากไปอยู่ด้วย
ปราบ โทรหาในเวลาที่ซ่าน้อยเนื้อต่ำใจ  ซ่า ต้องกระโจนออกไปอย่างไม่ใยดีกับครอบครัวที่ไม่มีใครต้องการ
ปราบจะดัดนิสัยซ่าได้ ก็เป็นการดีกับซ่า อาจจะขัดใจซ่า แต่เทียบกับการมีที่อยู่ใหม่ ย่อมดีกว่าชัดๆ แฮ่....เม้นต์ซะยาวเลย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
 :katai2-1: :katai2-1:

 :katai5: :katai5:

 :pig4:

ออฟไลน์ loveromance

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
ปราบซ่า
ตอนที่5



[PRAB]

วางสายจากซ่าผมก็เดินไปอาบน้ำลวกๆ เพราะวันนี้ฝึกคาราเต้ให้ตัวเก็งของโรงฝึกที่เตรียมจะไปประกวดระดับประเทศทั้งวัน พอสอบเสร็จก็ดันคิดถึงไอ้เด็กซ่าขึ้นมาก็เลยโทรหา ใครจะไปคิดว่าโทรตอนได้จังหวะพอดี

เสียงที่ผมได้ยินตอนที่อีกฝ่ายพูด คือเสียงที่แหบและสั่นเล็กน้อย ผมรู้สึกผิดปกตินิดหน่อย และต่อมาเมื่อซ่าตอบคำถามเพียงสั้นๆแล้วเงียบไป ผมก็รู้ได้ทันทีว่ามันไม่ปกติแล้ว ผมนึกถึงสิ่งที่ที่ไอ้หวายเคยบอกไว้เกี่ยวกับซ่า เพราะผมโทรไปถามมันเรื่องที่ซ่ามันต้องออกจากหอพักนิดหน่อยหลังจากที่ส่งซ่ากลับบ้าน บวกกับผมอยากเจอด้วยเลยอาสาจะไปรับ


‘มันเป็นพวกชอบเก็บเงียบ ยิ่งเวลาไม่สบายใจนะเฮีย อย่างกับปากถูกเย็บไว้’

‘หมายความว่าถ้ามันเงียบก็แสดงว่ามันกำลังรู้สึกไม่ดีเหรอ’

‘ประมาณนั้น จะหลุดพูดตอนเมานั่นแหละ แต่ก็ไม่ทุกครั้งเสมอไป’


เท่าที่ประเมินด้วยสายตาหลังจากที่เจอกันไม่กี่ครั้ง ซ่าไม่ใช่เด็กอ่านยากแต่ก็ไม่ง่าย มันชอบทำตัวเป๋ไปเป๋มาให้คนรอบข้างเดาอารมณ์ไม่ถูก ผมค่อนข้างสนใจและรู้สึกสนุกไปกับการเรียนรู้ตัวตนจริงๆของมัน

“ป๊า กลับก่อนนะ” ผมตะโกนบอกพ่อหมายเลขหนึ่งที่กำลังเฝ้าเด็กทำความสะอาดโรงฝึกอยู่ เพราะดันจำได้ว่าเด็กที่มีเวรทำความสะอาดวันนี้เกเรงาน ทำไม่เรียบร้อย โดนผมจัดการไม่เท่าไหร่ โดนป๊าพูดได้คำเดียวว่าเละ ฮ่าๆๆ

“มึงจะรีบกลับไปไหน” ป๊าตะโกนกลับมา ยืนเท้าเอวทำหน้าขรึมสีสาวนอยสาวใหญ่ต่างลงความเห็นว่าเท่โคตร และผมก็เห็นด้วยว่าป๊าผมอย่างเท่ ยังไม่แก่เลยสักนิด

“จะแวะไปทำธุระข้างนอก บอกพี่ริชกับพี่เค้กให้ด้วยว่าเดี๋ยวกลับไปกินข้าวที่บ้าน ขอของโปรดเยอะๆ”

“เออ ขากลับบ้านแวะซื้ออาหารหมามาด้วย ไม่งั้นลูกมึงอดตายแน่” ป๊าสั่ง

“รับทราบครับคุณสงคราม”

“อย่ากลับบ้านเย็นล่ะ กูขี้เกียจรอกินข้าว”

“คร้าบบบ” ผมลากเสียงกวนป๊า แล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถ ขับไปตามเส้นทางที่จำได้อย่างดีแม้ว่าจะไปมาแค่ครั้งเดียว ผมกดโทรหาซ่าเมื่อใกล้จะถึงปากซอยบ้านมัน ผมยังไม่รู้เลยว่าบ้านมันอยู่ตรงไหนของซอย

“กูใกล้ถึงแล้ว” ผมบอก

“ผมรออยู่ปากซอย”

ผมเลิกคิ้วสูง แล้วกดวางสาย ไม่นานก็เห็นเด็กร่างสูงแต่ผอมแห้งยืนก้มหน้าเอาเท้าเขี่ยพื้นอยู่หน้าปากซอยบ้านมัน ผมจอดรถตรงหน้าเด็กซึมที่ซ่าไม่ออก เลื่อนกระจกรถให้มันเห็นว่าเป็นผม

“ขึ้นรถ”

ซ่าก้มหน้าลงมองก่อนจะเปิดประตูเขามานั่ง จากนั้นผมก็ออกรถขับไปเรื่อยๆ ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดี คนข้างๆเงียบไม่พูดไม่จา สีหน้ามันดูเรียบเฉย

“ซ่า” ผมเรียกให้มันหันมามอง ตาไม่แดงแหะ แสดงว่าไม่ได้ร้องไห้ หรือร้องไปแล้วก็ไม่รู้

“พี่จะไปไหน” ซ่าถาม จากตอนนี้เท่าที่สังเกตมันก็ดูไม่ได้แย่อะไร หรืออาจจะแย่แต่ปกปิดได้มิดชิด

“อยากไปไหนหรือเปล่า” ผมถาม

ซ่าส่ายหน้า “ไม่รู้สิ”

“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือไง” ผมถาม ซ่าเบนหน้ามองนอกกระจกรถ แล้วก็เงียบ ถ้าสิ่งที่ไอ้หวายพูดคือสิ่งที่ถูก แสดงว่าตอนนี้ซ่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ

เห็นมันทำหน้ากึ่งนิ่งกึ่งเศร้าแล้วขัดใจชอบกล ผมชอบมองหน้ามันตอนกวนตีนหรือหาเรื่องมากกว่า เป็นไปได้ตอนยิ้มนี่ดีสุดล่ะ

“บางที ถ้าพูดมันออกมา อาจจะดีกว่าเก็บไว้กับตัวเองก็ได้” ผมค่อยๆตะล่อมให้เด็กพูดสิ่งที่อยู่ในใจ

แต่ซ่าก็ยังคงเอาแต่เงียบ ผมขับรถพามันไปเดินเล่นที่สวนสันติชัยปราการ แดดตอนเย็นๆไม่ค่อยร้อน ได้รับลมเย็นๆมันคงจะรู้สึกดีขึ้น

“เวลาเครียดๆกูชอบมานั่งดูวิวแถวๆนี้ มองเรือแล่นผ่านไปมา ไม่ต้องคิดอะไร แค่มองไปเรื่อยๆ จนว่าจะใจเย็นลงและรู้สึกสบายใจขึ้น” ผมพูด เราสองคนจับจองม้านั่งตัวหนึ่งที่หันหน้าออกแม่น้ำเจ้าพระยา

“อินดี้ดีเนอะ” ซ่าขำเบาๆ

“เก็บเรื่องเครียดๆไว้กับตัวไม่ดีหรอก มึงต้องปล่อยมันออกมา”

“...” ทีนี้เงียบกริบ

ผมว่ามันเป็นเด็กที่รับมือยากตรงเวลาที่มันตัดสินใจที่จะไม่พูดออกมาเนี่ยแหละ

และผมกำลังเดาว่า เวลามันเครียด มันจะระบายออกทางไหนได้ถ้าไม่พูด ร้องไห้ ทำลายข้าวของ หรือการใช้กำลังต่อยตี เท่าที่คิดสองอย่างหลังก็ดูเป็นไปได้ ผมเคยเจอเด็กประเภทนี้มาเยอะ ส่วนมากก็เด็กที่มาเรียนต่อสู้นั่นแหละ

ผมยังเดาไม่ออกหรอกว่าชีวิตของมันเป็นแบบไหน รู้แค่ว่ามันเป็นเด็กเรียนช่างกล มีเรื่องต่อยตีกับคู่อริ มีแฟนที่กำลังระหองระแหง นอกจากเรียนแล้วก็ยังต้องทำงาน โดนรูมเมทไล่ออกจากหอพักแบบประนีประนอม ภายนอกที่แสดงออกดูแข็งกร้าว แต่ไม่ได้ดูเข้มแข็ง

เพราะคนที่เข้มแข็งแล้ว จะสามารถพาตัวเองออกมาจากความทุกข์ได้โดยที่ไม่ต้องให้ใครนำทาง

ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากที่มาถูกใจคนอย่างมัน ก็แค่เด็กอายุสิบเก้า จะเอาอะไรมาก

“พี่ปราบ”

หลังจากที่ผมปล่อยให้ซ่าได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง โดยที่ผมทำเพียงแค่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนมัน ทุกครั้งที่มันมองมาก็จะเห็นว่าผมมองมันอยู่

ในที่สุด ดูเหมือนว่ามันกำลังจะเปิดเผยเรื่องที่อยู่ในใจ

“หืม” ผมตอบรับสั้นๆในคอ

“ถ้าพี่ต้องไปอยู่กับคนที่ไม่อยากไปอยู่ด้วย พี่จะทำยังไง” ซ่าเริ่มด้วยการตั้งคำถามใส่ผม

ผมประมวลคำถามที่ได้ยินก่อนจะตอบ “ไม่ทำยังไง ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป”

ทันทีที่ผมพูดจบ ม่านตาที่บีบตัวก็ขยายกว้างเหมือนถูกใจในคำตอบของผม ผมจับจ้องทุกอากัปกิริยา แต่ไม่ปล่อยให้ซ่ารู้สึกฮึกเหิมกับคำตอบของผมนาน ก็พูดประโยคต่อมาเพื่อขัดความคิดที่กำลังจะฟุ้งซ่านไปไกลของอีกคน

“ถ้าเป็นกูเมื่อตอนอายุเท่ามึงคงตอบแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่”

“อ้าว” ซ่าทำหน้าเหวอ ดูแล้วตลกดี แต่ก็...น่ารัก

“จำเป็นต้องไปหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับเหตุผลมากกว่า”

“ทำไมต้องคิดถึงเหตุผล ก็คนไม่อยากไป” หน้ามันหงอย ก้มลงมองมือตัวเองที่บีบกันแน่น

มองยิ้มบางๆให้กับภาพที่เห็น “ตอนอายุสิบสองขวบ ป๊าต้องการให้กูไปเรียนซัมเมอร์ที่อังกฤษ ตอนนั้นกูไม่อยากไปและต่อต้าน แต่สุดท้ายก็ต้องไป รู้ไหมว่าตอนกูไปถึงนู่นทุกอย่างดูน่ากลัวไปหมด แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน ทุกอย่างแม่งดูสนุกไปหมด ท้าทาย ทั้งผู้คนใหม่ๆที่ต้องพบเจอ และท้าทายใจตัวเอง”

คิดย้อนไปถึงตอนนั้นผมก็ตลกตัวเองนะ งอนป๊ากับพ่อ (งงไหมว่าทำไมมีสองคน ไว้ถ้าผมมีอารมณ์ผมจะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน) ตอนนั้นไม่พูดไม่กินข้าวแม้จะแค่วันเดียวก็ตาม ไหนจะพี่ริชกับพี่เค้ก(เมียป๊ากับพ่อ)ก็เห็นดีเห็นงามไม่สงสารผมที่ต้องไปอยู่กับคนไม่รู้จัก แม้ว่าจะเป็นเพื่อนของป๊าก็ตาม

แต่วันนี้ผมต้องขอบคุณที่ได้ไปอยู่ที่อังกฤษเป็นเวลาสามเดือนเพราะผมได้เรียนรู้โลกมากขึ้น ที่สำคัญผมเอาชนะความกลัวในใจตัวเองได้

“แม่ผมจะให้ผมไปอยู่กับเขาที่บ้าน ต้องไปอยู่กับแฟนใหม่ของแม่ ผมไม่อยากไปเพราะไม่สนิทด้วย” ซ่าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆเป็นโทนเดียว ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ผมกำลังสงสัยว่าถ้าแม่มันต้องการให้ไปอยู่ด้วย แล้วตอนนี้มันอยู่กับใคร

“ปกติไม่ได้อยู่บ้านกับแม่เหรอ” ผมถามอย่างสงสัย

“ผมอยู่กับยายและตา แต่ว่าผมเรียกยายกับตาว่าแม่ เพราะเขาเป็นคนเลี้ยงผมมาตั้งแต่เกิด”

“แล้วแม่?”

“เรียกพี่แนน”

แปลกดี

กับที่บ้าน ผมเรียกเมียป๊ากับเมียพ่อว่าพี่ริชกับพี่เค้กเพราะเรียกแม่หรือหม่าม๊าคงฟังดูไม่ดี แม้บางครั้งจะเรียกก็เถอะ แต่เป็นการเรียกแบบขำๆมากกว่า เพราะทั้งคู่เป็นผู้ชาย ส่วนผมเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยงน่ะ คุณคงไม่งงนะ

“แล้วไงต่อ” ผมพูดเพื่อให้ซ่าเล่าต่อ

“ก็นั่นแหละ ผมกำลังเซ็ง เพราะต้องย้ายไปอยู่กับพี่แนน ผมไม่อยากไปอยู่หรอก ผมไม่ชอบแค่คิดก็อึดอัดแล้ว แต่แม่กลับไล่ให้ผมไปอยู่กับพี่แนน”

แม้จะต้องใช้ความพยายามในการเข้าใจลำดับเครือญาติของมัน แต่ผมจับจุดได้ว่า สาเหตุที่ทำให้ซึมไม่สมกับชื่อน่าจะเพราะน้อยใจที่ถูกยายที่มันเรียกว่าแม่สนับสนุนให้มันไปอยู่กับแม่แท้ๆมากกว่า

 เท่าที่ฟังมา ผมก็ไม่รู้หรอกว่าครอบครัวมันเป็นยังไง อบอุ่นดีไหม หรือมีปัญหาอะไรกันภายในหรือเปล่า เพราะซ่ามันไม่ได้เล่ามากไปกว่านี้ และถ้าเมื่อมันไม่เล่าผมก็ไม่อยากถาม เรายังไม่สนิทกันขนาดจะถามซักไซ้มากความ

“ลองไปอยู่ดูก่อนสิ” ผมแนะ

ดวงตากลมโตตวัดมองผมเคืองๆ “ผมไม่อยากไป”

“แต่กูอยากให้มึงไป อย่าเพิ่งเถียง” เห็นมันอ้าปากจะเถียงกลับมาผมเลยต้องรีบหยุด “ฟังกูนะซ่า มันไม่ตายหรอกถ้ามึงจะไปอยู่บ้านแม่กับพ่อใหม่ กูบอกให้มึงลองดู มันอาจจะดีกว่าที่มึงคิด สำหรับกูแล้ว วัยของมึงอยู่บ้านดีที่สุด เพราะมันไม่สิ้นเปลืองเงินทอง ถึงมึงจะทำงานหาเงินได้แล้ว แต่งานพาร์ทไทม์แบบนั้นมันพอใช้หรือไง”

ผมเว้นช่วง สายตาก็จ้องหน้ามันไม่ลดละ เด็กแสบที่ทำหน้าแข็งใส่ผมเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นเรียบเฉย แต่แววตาของมันยังเต็มไปด้วยความดื้อรั้น

“ผมไม่ใช่เด็กดี” เสียงพูดเบาจนแทบไม่ได้ยิน

“กลัวพ่อใหม่มึงรับนิสัยมึงไม่ได้”

“เหอะ ไม่ใช่สักหน่อย”

หึหึ เด็กหนอเด็ก

“มึงก็แค่ไปย้ายเข้าไปอยู่ ถ้ามันไม่เวิร์คมึงก็ลองคุยกับแม่มึงดู กูบอกเลยว่ามันอาจไม่สวยหรูหรอก แต่ว่า คนที่ไม่เคยอยู่ด้วยกันพอมาอยู่ด้วยกันมันก็ต้องปรับตัวเข้าหากันบ้าง มึงเป็นเด็กมึงต้องปรับก่อน ส่วนพ่อใหม่มึงกูว่าเขาน่าจะรู้ว่าต้องทำตัวยังไง”

“แล้วถ้าเขาไม่รู้ล่ะ” มันถามประโยคนี้ด้วยแววตาที่ติดจะเอาเรื่อง “เขาก็นิสัยไม่ดี ผมไม่ชอบเขา”

“ทำไม” ผมจี้ถามทันที

ซ่าเม้มปากเข้าหากันแล้วค่อยๆคลายออก “เขาขี้โมโหและโวยวาย”

“มึงรู้ได้ไง” ในเมื่อไม่เคยไปอยู่กับเขา ทำไมมันถึงว่าเขาใจร้อนและขี้โวยวาย

“ก็เวลาพี่แนนไปไหนมาไหนแล้วไม่บอกเขา เขาชอบโทรมาตามหาและโวยวายกับที่บ้าน แถมพี่แนนยังชอบมาบ่นให้แม่ฟังบ่อยๆว่าเขาด่า บางครั้งทำร้ายร่างกายก็มี” ริมฝีปากบางเฉียบที่ติดจะคล้ำจากการบุหรี่บ่นขมุบขมิบขัดใจ

 ฟังจากที่มันเล่าแล้วก็ไม่ค่อยน่าไปอยู่ด้วยเท่าไหร่ แต่แค่คำพูดของมันอย่างเดียวยังสรุปอะไรไม่ได้ ผมยังคิดว่ามันควรลองก่อนดีที่สุด

“กูยังย้ำคำเดินนะซ่า ว่าให้มึงลองไปอยู่ ถ้ามันแย่จริงๆ ไม่ไหวจริงมึงก็แค่กลับไปอยู่กับยาย แม่มึงจะได้รู้ด้วยว่าการที่มึงย้ายไปอยู่กับเขามันไม่โอเค เขาจะได้ไม่บังคับมึงอีก กับอีกทางก็คือ มันอาจจะดีมากๆก็ได้ แบบมึงกับพ่อเลี้ยงมึงเข้ากันได้ดีงี้ ใครจะไปรู้วะถ้าไม่ลอง”

ถึงผมจะพูดแบบนั้น แต่ถ้าถามความเห็นจริงๆของผมล่ะก็ บอกได้เลยว่าไม่เกินอาทิตย์หรอก ไอ้ซ่าร้องไห้แงๆวิ่งกลับไปซบอกยายมันแทบไม่ทันแน่

“ผมอึดอัด โคตรอึดอัดเลยพี่รู้ไหม ทำไมมีแต่เรื่องให้หงุดหงิดก็ไม่รู้ แม่งขัดใจไปหมด” มันกัดฟันพูด มือก็กำแน่นทุบกับต้นขาตัวเอง

“มึงจะผ่านมันไปได้” ผมให้กำลังใจ

ซ่ามองตอบสายตาของผม เราสองคนจ้องตากันเกือบสิบวินาที

“ผมกลัวผมทนไม่ไหว” ค่อนข้างน่าเหลือเชื่อที่มันยอมพูดความรู้สึกออกมาอย่างไม่ปิดบัง

ผมแบมือตรงหน้ามัน ซ่ามองตามมือของผม หัวคิ้วขยับเข้าหากันเล็กน้อย

“อะไรอ่ะพี่” มันถาม ก้มมองมือผมที่แบออกด้วยความสงสัย

“เอามือมึงมาวางบนมือกูสิ” ผมบอก

“ทำไมอ่ะ” ยังคงถามมาก

“เออน่า”

ผมนั่งจ้องหน้ามัน รอให้มันเอามือตัวเองวางลงมา

มือที่เล็กกว่าผมค่อยๆยกขึ้นจากหน้าขาตัวเอง แล้ววางลงบนมือผมช้าๆ ผมบีบมือมันเอาไว้แน่น จ้องมองเข้าไปในดวงตาที่สั่นไหวขาดความมั่นใจ จากที่กำลังสัมผัสมือของมัน บอกได้เลยว่าเด็กคนนี้คงใช้ชีวิตอย่างยากลำบากพอควร คงจะทำงานตั้งแต่เล็กแต่น้อย เพราะมือของมันสากและแห้งแตกระแหง ไม่นุ่มเหมือนมือใครที่ผมเคยจับ

“กูจะเติมพลังให้ เมื่อไหร่ที่มึงคิดว่าไม่ไหว ให้ส่งมือมาแล้วกูจะช่วยมึงเอง”

“...”

“กูให้เบอร์ไปแล้วนิ โทรหากูได้ตลอด”

“ถ้าผมอยู่กับเขาไม่ได้ล่ะ”

“กูรู้ว่ามึงเก่ง และมึงเป็นคนที่เข้มแข็ง” วิธีจัดการกับเด็กนั้นไม่ยาก ชมสักหน่อยความมั่นใจก็จะมา

“ผมกลัวเขาไม่ดีกับผม”

ผมเข้าใจความรู้สึกของมันในวันนี้ เพราะผมเคยผ่านมันมาแล้ว

“มึงจะอดทนใช่ไหม” ผมถามพร้อมลุ้นในคำตอบ ทำไมกูทำเหมือนกำลังปลอบลูกให้เข้าไปอยู่ในโรงเรียนประจำวะ

มันนิ่งก่อนจะพยักหน้าช้า “ผมจะพยายาม...พยายามอดทน”

“ดีมาก” ผมลูบหัวมันด้วยความเอ็นดู

“แต่ถ้าผมทนไม่ไหว...” แปบเดียวก็มีข้อแม้ซะแล้ว จะไหวไหมเนี่ยไอ้ซ่า!

ผมบีบมือมันแน่นแล้วใช้มืออีกข้างประกบมือมันให้อยู่ในสองมือของผม

“ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็โทรหากู เดี๋ยวกูไปรับมึงกลับบ้านเอง โอเคไหม”

“...”
“แต่ต้องหลังจากที่มึงพยายามที่จะอยู่กับแม่และพ่อใหม่ของมึงแล้วจนถึงที่สุดจริงๆ ไม่อย่างนั้นกูจะไม่ไปรับเด็ดขาด” มีผ่อนก็ต้องมีตึงไม่อย่างนั้นเอามันไม่อยู่ เด็กแบบนี้เอาใจอย่างเดียวไม่ได้มันจะเหลิง

“โด่ ไม่ง้อหรอก ผมนั่งรถกลับเองได้”

“กวนตีน” ผมด่าเข้าให้ เรียบร้อยว่าง่ายได้ไม่นานจริงๆไอ้เด็กคนนี้

   “เปนเด็กดีนะมึง”

เพราะกูชอบเด็กดี ที่แสบและซ่า

“พี่ปราบ ขอบคุณนะ” มันยิ้มอ่อนให้ผม ดวงตาที่เศร้าหมองมีประกายสดใจขึ้น

จนถึงตอนนี้ ผมเริ่มสงสัยในตัวเองหน่อยๆแล้วว่า ผมถูกใจไอ้เด็กเก็บกดคนนี้ที่ตรงไหนกัน

หน้าตา

ความกวนตีน

หรือความหว้าเหว่ที่ซ่อนลึกในดวงตาคู่นั้นกันแน่





หลังจากที่ปรับทุกข์กันเสร็จ และสีหน้าซ่าดูดีขึ้น ผมก็พามันไปส่งที่บ้าน และมันยังคงให้ผมจอดส่งมันที่หน้าปากซอย พอถามว่าทำไมไม่ให้เข้าไปส่งถึงในบ้าน มันก็ตอบมาแค่ว่าขี้เกียจอธิบายกับที่บ้านว่าใครมาส่ง มันไม่เคยรู้จักคนรวยๆแบบผม มันว่าอย่างนี้นะ เลยกลัวคนที่บ้านสงสัยแล้วจะถามซอกแซก มันบอกมันรำคาญขี้เกียจตอบ

จากเรื่องราวข้างต้น ผมก็พอสรุปได้ว่า นอกจากมันจะแข็งกระด้าง เป็นเด็กเก็บกด และใจร้อนแล้ว มันยังเป็นคนขี้รำคาญอีกด้วย

เออดี แต่ละอย่าง กูควรสนใจต่อดีไหม

แต่ทำไงได้...ทั้งหมดที่มันเป็น แม่งเรียกเลือดร้อนในกายผมให้รู้สึกอยากปราบ อยากสยบมันให้อยู่ ทำให้มันเชื่องและเชื่อฟังแต่ผม นอกจากนั้นผมยังอยากทำให้มันโตขึ้นเป็นเด็กดียังไงไม่รู้

ผมกลับมาถึงบ้านในเวลาทุ่มกว่า เลยเวลากินข้าวมาเกือบครึ่งชั่วโมง ทีแรกคิดว่าจะโดนด่าแล้ว ทว่าพอเดินเข้าบ้าน ทุกคนยังอยู่ละครซิทคอมกันอยู่ในห้องนั่งเล่น ไม่มีใครสนใจการมาของผมนอกจากเจ้าสองตัวที่วิ่งกระดิกหางระริกๆใส่ผม

ตัวแรกก็เจ้าซู่ซ่า ตัวที่สองชื่อปาปิก้า หมาพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ สองชื่อนี้ไม่ได้เป็นคนตั้ง คนตั้งก็คือพี่ริชกับพี่เค้ก เป็นหมาที่ผมซื้อมาเลี้ยงได้สามปีแล้ว ที่บ้านนี้ก็เคยมีหมาและแมวอย่างละตัว แต่ว่ามันก็ตายไปนานแล้วเหมือนกัน รู้สึกจะช่วงผมอายุเจ็ดแปดขวบมั้งถ้าจำไม่ผิด หมาชื่อสายไหมพันธุ์ปอม ส่วนแมวชื่อลูกหิน ผมจำความทรงจำช่วงนั้นได้รางๆ ตอนที่จะเลี้ยงเจ้าสองตัวนี้ก็คิดอยู่นานว่าคนที่บ้านจะเห็นด้วยไหม เพราะพี่เค้กกับพี่ริชไม่เคยคิดจะเลี้ยงสัตว์อะไรอีกเลยตั้งแต่เจ้าสองตัวนั้นตายจากไป แต่สุดท้ายผมก็ได้เลี้ยงและไม่มีใครห้าม

“ไง หิวเหรอไง นี่อาหารใครหืม อาหารใคร” ผมชูถุงอาหารมาให้เจ้าสองแสบดู พอเห็นถุงอาหารเจ้าซู่ซ่าก็กระโจนใส่ผมทันที ตัวมันก็ใช่ว่าจะเล็กๆ ทำเอาเซ ก่อนจะถูกหมาบ้าทำร้ายร่างกาย ผมก็รีบพามันออกไปกินข้าวนอกบ้าน

“พ่อ ผมพาไอ้สองแสบออกไปกินข้าวก่อนนะ” พ่อทราบหันมาเจอผมพอดี

“อืม เค้กครับ ตั้งโต๊ะเลยแล้วกัน ลูกกลับมาแล้ว”

“กลับมาช้านะมึง กูบอกว่าอย่ากลับช้าๆ”

“อย่าบ่นนะป๊า แก่แล้วดิ” ผมแซวก่อนจะเรียกหมาทั้งสองตัวให้ตามไปกินข้าวข้างนอก

นั่งเฝ้าดูเจ้าแสบสองตัวกินอาหารเม็ดด้วยความหิวโหย เวลามองมันก็รู้สึกมันเป็นหมาโคตรเท่ แต่ว่านิสัยจริงปัญญาอ่อนไม่เข้ากับหน้าตา

เจ้าซู่ซ่ากินหมดก่อนและกำลังจะเข้าไปแย่งเจ้าปาปิก้า ผมเลยต้องจับมันไว้จนกว่าเมียมันจะกินข้าวเสร็จ เป็นผัวที่ใช้ไม่ได้จริงๆ พยายามจะเข้าไปแย่งให้ได้จนผมต้องดุ นั่นแหละถึงจะหยุด

ฮัสกี้เป็นสุนัขสายพันธุ์เดียวกับหมาป่า เป็นหมานักล่า ทว่าพออยู่กับคนมากๆเขา ถูกเลี้ยงดูสั่งสอน ก็กลายเป็นหมาเชื่องๆน่ารักตัวหนึ่ง

จะว่าไปแล้ว ผมเพิ่งสังเกตว่าชื่อหมาผม กับชื่อของซ่ามันเหมือนกัน

“หึหึ ซ่า อย่าดื้อนะ” ผมจับหน้าของเจ้าซู่ซ่าเอาไว้ ผมเรียกแค่ซ่าสั้นๆ มันก็ดูเหมือนจะเข้าใจ แต่ใช่ว่าจะเชื่อฟัง เพราะมันไม่เคยฟังไง พี่ริชถึงได้ตั้งชื่อว่าซู่ซ่า ซนยิ่งกว่าลิงเสียอีก ข้าวของหลายอย่างในบ้านพังเสียหานก็เพราะมัน  ไม่เหมือนปาปิก้าที่เรียบร้อยกว่า อาจจะเพราะมันเป็นเพศเมียก็ได้มั้ง

เฝ้าตัวแสบสองตัวกินอาหารเสร็จ ก็ถึงเวลาที่คนต้องกินข้าวบ้าง แน่นอนว่าคนไม่มีคู่ก็เปล่าเปลี่ยวไป นั่งกินข้าวมองดูคู่รักสองคู่เอาใจกันอย่างชูชื่น เห็นแล้วมันอิจฉาโว้ย

ปลีกตัวกลับขึ้นห้องได้ผมคว้าโทรศัพท์มาดูเป็นอย่างแรก ครั้งก่อนผมได้เบอร์ ครั้งนี้ผมได้ไลน์ของซ่ามา คิดว่าคุยกันทางนี้น่าจะคุยได้บ่อยกว่า เพราะคนอย่างซ่ามันคงไม่โทรหาผมอยู่แล้วถ้าผมไม่โทรไปหามันก่อน แต่ถ้าเป็นพิมพ์ข้อความในไลน์ มันน่าจะทำ



ซ่า : MuePrab

Patcharakan :ครับ


ตอบซะสุภาพไม่เข้ากับตัวจริงเลย


ทำอะไรอยู่  : MuePrab

Patcharakan :เพิ่งคุยโทรศัพท์กับแฟนเสร็จ

เป็นไง ทะเลาะกันอีกไหม : MuePrab

Patcharakan :วันนี้ไม่ทะเลาะ


เรื่องแฟนมัน จะว่าไม่รู้สึกก็ไม่ใช่นะ แต่ทำไงได้ มาที่หลัง ตอนนี้กูยังแค่ถูกใจ ไม่ได้รู้สึกว่ากูต้องแย่งมาหรืออะไร อีกอย่างดูท่ามันจะไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชาย เลยคิดว่ตะล่อมให้มันค่อยๆซึมซับผมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตจนขาดไม่ได้ดีกว่า


แล้วบอกแม่หรือยังว่าจะไปอยู่กับเขา : MuePrab

Patcharakan :ไม่บอกหรอก
Patcharakan :ยังไงเขาก็บังคับอยู่แล้ว

มึงนี่มันมึงจริงๆซ่า : MuePrab

Patcharakan :ก็ผมน่ะสิ พี่คิดว่าใคร

คิดว่าเป็นเด็กหน้าหงอยงอนยายล่ะมั้ง : MuePrab


แซวแม่งเลย กวนตีนได้แบบนี้แสดงว่าดีขึ้นแล้ว


Patcharakan :โหยพี่ ใครทำแบบนั้น ไม่มีเหอะ

แล้วต้องย้ายไปบ้านแม่เมื่อไหร่ : MuePrab

Patcharakan :อาจจะอีกสองสามวัน
Patcharakan :แล้วแต่ว่าเขาจะเข้ามาเมื่อไหร่

เออ ทำตัวดีๆนะมึง  : MuePrab
อย่าให้สิ่งที่กูสอนต้องเสียเปล่า : MuePrab

Patcharakan :ค้าบบบบบบ

รีบนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ตื่นไปเรียนเช้า  : MuePrab

Patcharakan :ค้าบบบบพ่อ

เดี๋ยวมึงจะโดน : MuePrab

Patcharakan :55555

พรุ่งนี้มึงทำงานไหม : MuePrab

Patcharakan :ทำดิ ไม่ทำเอาเงินไหนกินอ่ะ

เลิกกี่โมง : MuePrab

ถามไว้ก่อน เผื่อผมว่างอาจจะแวะไปหา


Patcharakan :ทุ่มหนึ่ง

อืม : MuePrab

Patcharakan :ทำไม พี่จะมาเหรอ

อยากให้กูไปไหมล่ะ : MuePrab

Patcharakan :เลี้ยงข้าวไหมล่ะ พี่เคยบอกว่าจะเลี้ยงนิ

เออ อยากกินไรคิดไว้เลย กูเลี้ยง  : MuePrab

Patcharakan :ของแพงได้ไหม

ถ้ามึงอยากกิน กูก็จ่ายไหว : MuePrab

Patcharakan :ป๋ามากก

Patcharakan :ขอขอบคุณล่วงหน้าครับผม


เอาล่ะ เงินที่กูทำงานเก็บมาค่อนชีวิต จะได้ทำประโยชน์ล่ะ






.......
Talk:
ค่ะพี่ปราบ เงินที่มีก็เปย์ให้น้องมันหมดเลยแล้วกัน แต่เปย์มาเผื่อคนแต่งด้วยก็ได้ ฮ่าๆๆๆ
หลายๆคนอาจสงสัยว่าอยู่ๆ ครอบครัวPretty Boy อย่างทราฟ เค้ก สงคราม ริช โผล่มาได้ยังไง ที่จริงข้อมูลส่วนนี้ปรากฏอยู่ในตอนพิเศษในหนังสือ Mafia ‘n Doll นะคะ น้องปราบเป็นเด็กที่พี่สงครามรับมาเลี้ยง เนื่องจาก นางทั้งสี่คนมีลูกไม่ได้ไง ถ้าไม่หาเด็กมาเลี้ยงไว้เป็นลูก กิจการพวกนางๆทั้งหลายใครจะดูแล
ประจวบกับคิดถึงเด็กในสังกัดหน้าเก่า เลยก่อเกิดเป็นเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งเพราะปราบถูกเลี้ยงมาด้วยบุคคลสี่แบบเนี่ยแหละ ทั้งโหด เข้มแข็ง ใจดี และอ่อนโยน ทั้งหมดทั้งมวลที่หล่อหลอมเป็นพี่ปราบ จะทำให้รับมือกับน้องซ่าของเราได้อย่างง่ายได้(หรือเปล่า)
ความซ่าของซ่ายังมีอีกให้พี่ปราบได้หัวหมุนพอควร ติดตามชมเอาแล้วกัน
ขอบคุณสำหรับการติดตามและคอมเม้นนะคะ
รัก
ริริ
 :กอด1: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เป็นความคิดที่ดีนะ
ช่วยคนที่เดือดร้อน
สั่งสอนอบรม ให้คำแนะนำ
ตั้งใจให้เขาเป็นเด็กดี
แม้จะมีจุดประสงค์แอบแฝง
เด็กวัยรุ่นแบบซ่ามีเยอะ
ทั้งที่มีพ่อแม่ มีผู้ใหญ่ในบ้าน
แต่คนในครอบครัวที่รู้คิด มีน้อยยยยยย
ปัญหาเลยไม่ได้แก้อย่างตรงจุด
ปราบเคยถูกเก็บมาเลี้ยง น่าจะเข้าใจปัญหาได้ดี
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด