บทที่ 26
เมื่อน้องปูนหลอน
หลังจากนั้นบรรยากาศระหว่างเราสองคนก็อยู่ในความเงียบ คือสำหรับเอื้อไม่รู้หรอกว่ามันเงียบทำไม แต่สำหรับผม...ผมกำลังสติแตกครับ เหมือนวิญญาณกำลังออกจากร่าง อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงแมวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
บอกได้เลยว่าเข็ดมาก ไม่เอาอีกแล้ว ฮืออออ
“ไหวป่ะเนี่ย” อีกคนถามตอนที่เรามายืนอยู่หน้าห้องแล้ว “ไม่ต้องกลัวหรอก ไม่มีอะไร”
แหม พูดมาได้นะ ใครกันที่หน้าซีดคนแรกแล้วรีบพาเดินออกมาขาแทบจะพันกัน คุณไม่ใช่เหรอครับคุณเอื้ออารีย์
“อือ รู้”
“งั้นพี่ไปนะ”
หมับ!
มือคว้าชายเสื้อเอื้อไว้อย่างรวดเร็ว มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ ตอนนี้ไม่อยากอยู่คนเดียวครับ ยอมรับแมนๆ ว่ายังคงกลัวและหลอนอยู่มาก ไม่น่าอยากรู้ขึ้นมาเลยจริงๆ แต่พอเอื้อมองหน้าแล้วถามว่ามีอะไร ปากมันก็หนักเกินไปพูดไม่ออก แต่มองหน้ากันมันก็น่าจะรู้แล้ว
“โอเค...อยู่ด้วยกันก่อนใช่มั้ย” ผมพยักหน้ารับ มือหนาวางไว้ผมหัวผมแล้วโยกไปมาอย่างเอ็นดู ก่อนที่เราสองคนจะเข้ามาในห้อง เอื้อก็ยังคงบ่นถึงความรกของห้องผมเหมือนเคย “ไปอาบน้ำก่อนไป”
“อย่าหนีไปไหนนะ”
“จะกลัวอะไรขนาดนั้น เขาไม่ตามมาหรอก”
“จะพูดทำไม!!” อยากจะเอามือตีปากมันเหลือเกิน เรื่องปากเป็นมงคลนี่ไม่เคยเกินใคร ไหนบอกไม่มีอะไร ไหนบอกอุบัติเหตุไงวะ
“โอเคๆ ไม่พูดแล้ว” แน่ะ ยังมีหน้ามายิ้มอีก นอกจากตีปากแล้วขอจิ้มตาด้วยได้ป่ะ “ไปอาบน้ำเตรียมนอนได้ล่ะ คืนนี้เดี๋ยวพี่กล่อมน้องเอง”
เหอะๆ
ผมไม่พูดอะไร เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว กลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีกลับห้องก่อน ผมก็น่าจะคิดได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ปล่อยโอกาสอยู่กับผมสองต่อสองในห้องไปง่ายๆ หรอก เอื้อคงเต็มใจด้วยซ้ำ
ออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งก็พบว่าเอื้อขนเสื้อผ้าลงมาเรียบร้อยแล้วครับ
“นี่กะมาอยู่เลยเหรอ”
“อยู่ได้ก็จะอยู่ อยากอยู่ตลอดไป” ถ้าเป็นปกติก็คงมีหน้าแดงบ้าง แต่ตอนนี้บอกเลยพี่ปูนไร้ซึ่งอารมณ์ซึ้งใดๆ ทั้งนั้น ความกลัวยังตามหลอกหลอนไม่จางหาย
ผมไล่เอื้อไปอาบน้ำ ส่วนตัวเองก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วหยิบหนังสือ...การ์ตูนมาอ่าน ระหว่างนี้ผมก็เปิดเพลงคลอไปด้วยเพื่อลดความกลัว จนกระทั่งตัวหนักๆ ของเย็นชื้นของเอื้อทาบทับลงมาบนร่างของผม
“กล้ามากนะที่นอนคว่ำหน้าอ่านการ์ตูนไม่สนใจอะไรเลย ทั้งที่มีพี่อยู่ในห้องแท้ๆ”
“หนัก ลุกไปเลย” อะไรของกู แทนที่จะดีดดิ้นมากกว่านี้กลับทำแค่เอ่ยปากไล่เบาๆ
คงเป็นเพราะสัมผัสของอีกฝ่ายยังคงอุ่นเหมือนเมื่อครั้งนั้นที่ผมกลัวสุดขีด อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้ง ความหนักแน่นของสัมผัสที่ทำให้ผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายจะไม่ไปไหนในตอนที่ผมกลัวอย่างที่สุด
แต่แล้วความคิดของผมก็สะดุดลง
“ถามอะไรหน่อยสิเอื้อ”
“ยังจะถามอีกเหรอ ความจริงเมื่อกี้ทำให้กลัวไม่พอหรือไง” ปากนะครับปาก ความกวนตีนนี้นี่แหละบ่งบอกว่ามันคือเอื้อคนนี้แน่นอน
“ไม่ได้ถามเรื่องนั้นสักหน่อย ปล่อยก่อนได้หรือเปล่า ทะลึ่งใหญ่ล่ะ”
“ปากบอกให้ปล่อยแต่ก็ยอมนอนให้กอดนะคนเรา นี่ถ้าเป็นพี่เมื่อก่อนเสร็จไปนานแล้ว”
“ครับๆ รู้แล้วว่าเก่ง เคยเป็นเสือมาก่อนนี่” ประชดกลับด้วยความหมั่นไส้
“ตอนนี้สิ้นลายแล้ว กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ ของปูนคนเดียว” โอ๊ยย อะไรคือการมากระพริบตาปริบๆ ทำท่าทางออดอ้อน คิดว่าตัวเองน่ารักมากกกกก?
เออ ก็น่ารักจริงๆ นั่นแหละ ฮาาา
“ตกลงจะถามอะไร” ในที่สุดเอื้อก็ยอมปล่อยครับ แต่แค่พลิกตัวลงไปนอนข้างๆ โดยที่แขนยังพาดกับลำตัวผมอยู่
“ทำไมตอนแรกถึงสงสัยพี่ฟิ้งเหรอ” นี่เป็นเรื่องที่คาใจผมเหมือนกัน ท่าทางที่เดินตรงมาหาพี่ฟิ้งแล้วถามเสียเข้มมันกวนใจผมไม่น้อย
“ก็ตอนนี้ฟิ้งเป็นคนเดียวที่ออกไปหลังจากที่ปูนไปเข้าห้องน้ำ” เอื้อหลบตาผมทำเป็นมองหนังสือการ์ตูนแทน มีพิรุธที่สุด โคตรไม่เนียนเลย
“มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปสงสัยพี่เขานี่ มีอะไรกันแน่ เกี่ยวกับปูนใช่หรือเปล่า”
“พี่ว่าการ์ตูนเรื่องนี้ภาพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่”
“เอื้อ…”
“ช่วงนี้จะสอบแล้วปูนก็น่าจะอ่านหนังสือมากกว่านะ”
“ถ้าไม่ตอบก็กลับห้องไปเลยไป”
“อยู่คนเดียวได้?”
“เดี๋ยวเรียกให้เพื่อนมาอยู่ด้วย” ไม่ง้อหรอกโว้ย คนอย่างพี่ปูนก็มีศักดิ์ศรีบอกแล้ว ถึงแม้มันจะกินไม่ได้แค่เอาไว้ค้ำคอได้ก็พอ
“ก็มันไม่มีอะไรไง” ผมเงียบ จ้องหน้าเอื้ออย่างกดดัน และพออีกฝ่ายไม่พูดสักทีผมก็เลยใช้มาตรการเด็ดขาด เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียง “จะโทร.ไปไหน”
“โทร.หาโจม คืนนี้จะไปนอนกันมัน”
“โอเคๆ บอกแล้วครับบอกแล้ว” แล้วที่สุดเอื้อก็ยอมแพ้ มันรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของผมไปวางที่ฝั่งตัวเอง แล้วบอกเหตุผลที่แท้จริงให้ผมรู้
เรื่องของเรื่องก็คือพี่ฟิ้งค่อนข้างหวงเอื้อ ในระดับที่เรียกได้ว่ามากกว่าปกติ พี่ฟิ้งไม่ชอบที่เห็นเอื้อสนิทกับคนอื่นเกินไป ถ้าใครคนไหนล้ำเส้นเข้ามา พี่ฟิ้งจะต่อต้านด้วยการทำตัวเหมือนเด็กๆ (เอื้อว่าแบบนั้น) ประชดด้วยการหาเรื่องมาแกล้ง พี่เดียวก็เคยโดยมาแล้วเหมือนกัน
“พี่รู้ว่าเรื่องของปูนอาจจะทำให้ฟิ้งไม่พอใจ เลยขอมันไว้ว่าอย่าทำอะไรปูน เพราะพี่คงเลือกไม่ได้ถ้าหากว่าจะต้องเลือกระหว่างมันกับปูน”
ผมว่าผมเข้าใจ เข้าใจทั้งพี่ฟิ้งและเข้าใจทั้งเอื้อ เรื่องหวงเพื่อนใครก็เป็นกันทั้งนั้น โดยเฉพาะถ้าเราให้ความสำคัญกับเพื่อนคนนั้นมากอย่างพี่ฟิ้ง ไม่มีใครหรอกที่อยากถูกแย่งเพื่อนสนิท
“ต่อไปต้องให้ความสำคัญกับพี่ฟิ้งมากกว่านนี้นะ พี่เขาอุตส่าห์ทำเพื่อเอื้อแล้ว เอื้อก็ต้องทำอะไรเพื่อพี่ฟิ้งบ้าง”
รอยยิ้มละมุนถูกส่งมาให้ผม ก่อนที่มือหนาจะยื่นมาลูบหัวผมเบาๆ “ใจดีเสมอเลยคนนี้”
“เพราะเข้าใจหรอก ไม่มีใครอยากเสียเพื่อนไป”
“แล้วเข้าใจหรือเปล่าว่าพี่ก็ไม่อยากเสียปูนไปเหมือนกัน” ผมไม่ได้ตอบรับหรือส่ายหน้าปฏิเสธ กำลังงงอยู่ว่าทำไมวกมาเรื่องนี้ได้ “เพราะงั้นรีบให้โอกาสพี่เร็วๆ นะครับ”
“มันเกี่ยวกันเหรอ”
“ไม่เกี่ยวแต่อยากเสียวกับปูน”
“กลับห้องไปเลยไป” ทะลึ่งหน้าตายจริงๆ นี่หรือคุณชายเอื้อที่สุภาพออ่อนโยนของผู้หญิงหลายๆ คน โคตรปลอม โคตรเปลือก ตัวจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด
“อะไร หมายถึงไปเล่นรถไฟเหาะหรอก”
“งั้นพรุ่งนี้ไปสวนสนุกเลย เสียวครั้งเดียวจะได้จบๆ กันไปสักที”
“ใจร้ายจริงๆ ว่าที่แฟนใครนี่”
เรื่องขี้มโนคงต้องยกให้เขาล่ะครับคนนี้
เราสองคนนอนเล่นกันบนเตียงไปสักพัก ผมอ่านการ์ตูนส่วนเอื้อก็ขลุกอยู่กับโทรศัพท์สุดที่รัก มันเป็นคนติดโซเชียลพอสมควร ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหยิบมาเช็คข่าวสารในโลกออนไลน์ ผิดกับผมที่ไม่ค่อยสันทัดเรื่องนี้เท่าไหร่นัก
“ปูนเล่นเฟซบุ๊คบ้างหรือเปล่า”
“ไม่ค่อยอ่ะ” ผมสมัครไว้เผื่ออาจารย์สร้างกลุ่มแล้วสั่งงานเท่านั้น ที่จริงไม่ชอบอะไรแบบนี้ แต่จะไม่มีเลยก็คงไม่ดี
“ก็ว่าทำไมไม่รับแอดพี่สักที”
“จำเป็นต้องรับด้วยเหรอ” พอผมถามไปแบบนั้นเอื้อก็เหล่ตามามองมาแล้วหันพลิกตัวไปอีกฝั่ง
“พี่มันไม่สำคัญนี่” เดี๋ยวๆ มันต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นเลยหรือไง แล้วไอ้ที่เบ้ปากคืออะไร ตัวก็ใหญ่ทำไมน้อยใจเป็นเด็กป.สี่แบบนี้ล่ะ “จะไม่ง้อหน่อยเหรอ!”
คือสรุปนี่ไม่ได้น้อยใจแต่งอนใช่มั้ย โอ๊ยยยย ให้ตายเถอะคุณชาย อายุเท่าไหร่แล้วฮะ?
“จำเป็น?” ขอแกล้งหน่อยเถอะครับ หมั่นไส้อย่างร้ายกาจ
ร่างสูงพลิกตัวกลับมามองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง และภายในเสี้ยววินาทีเอื้อก็พาตัวเองขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้! ก่อน ใบหน้าหล่อส่งยิ้มละมุมที่ทำเอาใครหลายต่อหลายคนใจละลายมาให้ผม
ไอ้ท่าทางล่อแหลมนี่มันอะไรกัน!
“พอยอมหน่อยดื้อใหญ่เลยนะ” เงียบครับ ผมว่าตอนนี้ความเงียบคือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ “บอกทีสิว่าพี่ควรจะทำยังไงกับเด็กดื้อดี”
“ก็…” ผมพยายามคิดหาทางรอด ก่อนอื่นเลยต้องเคลียร์เรื่องที่เจ้าตัวน้อยใจก่อน “ก็ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เล่นเฟซบุ๊คไง ไม่ได้ล็อกอินเลยไม่รู้ว่าเอื้อแอดเฟรนด์มา แล้ว…”
“แล้วอะไรครับ”
“แล้ว...ตัวจริงก็อยู่นี่แล้ว จะต้องแอดเฟรนด์ไปทำไมล่ะ…”
“...”
“ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนสักหน่อยนี่”
“แล้วอยากเป็นอะไร…” เอื้อโน้มหน้าลงมาใกล้ผมมากกว่าเก่า ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงฝ่ามือด้วยซ้ำ และผมก็เพิ่งตระหนักว่าผมปล่อยให้อีกคนอยู่ใกล้เกินไปแล้ว มันใกล้จนได้ยินเสียงสงหายใจของกันและกัน ได้ยินกระทั่งเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำของตัวเอง “พี่อยากเป็นของปูนนะ”
“หมายถึงเป็นเมีย?”
“กำลังจะซึ้งก็ขัดอารมณ์ตลอด” หน้าเอื้อบ่งบอกว่าเจ้าตัวเซ็งสุดขีด ก่อนที่จะผละออกไป
พี่ปูนรอดแล้วครับบบบบ แผนตีหน้ามึนแล้วกวนตีนเป็นอันได้ผล ใช้ได้กับทุกสถานณ์ไหมไม่รู้ แต่ที่รู้คือตอนนี้ผมรอดแล้ว อิอิ แต่ให้ตายเถอะ ผมรู้เลยว่าตัวเองต้องหน้าแดงมากแน่ๆ ยอมรับว่าเมื่อกี้ผมลังเลขึ้นมาชั่วครู่ ใจหนึ่งก็อยากผลักใส แต่อีกใจกลับ...รู้สึกตื่นเต้นอย่างไรไม่รู้
“ปูน!”
“ครับ...อุ๊บ!”
เอื้อยื่นหน้าเขามาใกล้ก่อนจะประกบจูบผมอย่างรวดเร็ว ตาผมเบิกกว้างค้างนานหลายนาทีจนอีกคนบดจูบลงมาหนักกว่าเดิม สัมผัสที่อุ่นจัดทำให้ผมได้สติและพยายามผลักไสมันออกไป ทว่ามือทั้งสองข้างก็ถูกรวบเอาไว้ในนาทีต่อมา เอื้อตั้งใจบรรจงจูบจนในที่สุดผมก็หลับตาลงช้าๆ เต็มใจรับสัมผัสอุ่นจัดที่ริมฝีปากของตัวเองจนได้
พอปล่อยทุกอย่างไปตามอารมณ์ก็พบว่าหัวใจของผมเต้นรัวแรงเหมือนกลองชุดที่กำลังตีให้จังหวะเพลงร็อคหนักๆ อีกครั้ง ทว่าก็ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว ในห้องที่เงียบสงัดมีเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศ ผมกลับได้ยินเสียงหัวใจของเอื้อที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกับผม
เอื้อกำลังตื่นเต้น...ไม่ต่างจากผม…
เวลาผ่านไปเนิ่นนานในความคิด ก่อนที่อีกฝ่ายจะถอนริมสีปากออก ผมกดปากตัวเองโดยอัตโนมมัติ ก่อนจะหลุบตามองริมฝีปากที่ฉ่ำวาวของอีกฝ่าย มันเหมือนมีแรงดึงดูดเบาๆ ให้ผมอยากประกบปากลงไปอีกครั้ง...
“อย่าทำหน้าแบบนั้น…” อีกฝ่ายกระซิบ “มันทำให้พี่อยากทำมากกว่านี้”
ผมระเบิดตัวหายไปเป็นอากาศเลยได้หรือเปล่าเนี่ย!!!
พี่ปูนจะทำยังไงดี!!
ผมหยิบหมอนที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาแล้วซบหน้าลงไปกับมัน งื้อๆๆๆๆ เมื่อกี้ผมทำอะไรลงไป ผมจูบกับเอื้อ แถมยังอยากจะจูบอีกครั้งด้วย
โอยยยย ทำไมกูแรดแบบนี้ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น
“เงยหน้าหน่อยสิปูน”
“ไม่!” ผมตอบเสียงอู้อี้
“เดี๋ยวขาดอากาศหายใจนะ” เอื้อหัวเราะขำ ยิ่งทำให้ผมเขินหันกเข้าไปใหญ่ วันนี้ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมเงยหน้าหรอกครับ “เหอะน่า...อยากเห็นหน้า”
“ไม่!”
“อย่าดื้อดิปูน...เงยหน้าให้พี่เอื้อเห็นหน่อยสิครับ”
“ก็บอกว่า…”
“นะครับ...พี่อยากเห็นหน้าปูนจริงๆ” ไม่มีทางหรอก ให้ตายยังไงพี่ปูนคนนี้ก็ไม่มีทางใจอ่อนเด็ดขาด คืนนี้จะนอนมันอย่างนี้แหละ “ไม่เงยหน้าพี่จะกลับห้องล่ะ ใครจะมานอนด้วยก็ไม่รู้นะ”
เท่านั้นแหละครับ ผมก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาแล้วหันไปหามันทันที (ไอ้) เอื้อ (ไอ้) คนใจปาบหยาบช้า กล้าเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นทำไมวะ! คนยิ่งกลัวๆ อยู่ นี่อุตส่าห์เลิกคิดไปได้แล้วนะยังจะมาทำให้หลอนอีกทำไม แล้วอะไรคือการที่คุณชายเขาส่งยิ้มมาให้พร้อมกับหน้าแดงระเรื่อวะ ผมหรือเปล่าที่ต้องเป็นคนเขินไม่ใช่มัน แถมยังมีสายตาพราวระยับบ่งบอกว่ามันรู้สึกดีใจมากแค่ไหน
“หยุดยิ้มเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ผมสั่งด้วยเสียง (ที่พยายาม) แข็ง “บอกให้หยุดไง ยิ้มอะไรเยอะแยะ บ้านแจกยิ้มเหรอ”
“แล้วอยากได้… ‘ยิ้ม’ ป่ะล่ะ”
“ทะลึ่งใหญ่ล่ะ” ไม่ได้เลยครับคนนี้ เปิดช่องให้ทีไรโยงเข้าเรื่องใต้สะดือทุกที เอาเอื้อคนเก่าคนก่อนคืนมาได้มั้ย เกรงว่าเป็นเอื้อคนนี้แล้วผมจะรับมือไม่ไหวตกลงปลงใจกับมันก่อนเวลาอันควร
“ปูนคิดเองทั้งนั้นแหละ พี่ยังไม่ได้พูดอะไรทำนองนั้นเลย” อยากจะเถียงแต่ต้องเก็บปากเอาไว้ ถ้ามันหนีกลับห้องไปผมคงต้องนอนผวาทั้งคืน ตอนนี้ก็ดึกพอควร รบกวนคุณเพื่อนคงไม่เหมาะเท่าไหร่
ยอมก็ได้ครับ บอกเลยว่าแค่วันนี้วันเดียว...จริงๆ นะ
“เลิกคุยๆ นอนได้แล้วดึกแล้ว ปิดไฟเลย”
“ถ้าปิดไฟแล้วจะทำอะไรกันต่ออ่ะ” ดูมันทำครับ มีการเอานิ้วชี้มาจิ้มกันแล้วช้อนตามองผมอายๆ ด้วย คิดว่ามึงน่ารักมากเหรอฮะ?!
เออ! ก็น่ารักไงเล่า! หน้าตาดีอยู่แล้วทำอะไรก็น่ารักไปหมดแหละครับ ยิ่งสายตาอ้อนๆ แบบนั้นบอกเลยผู้หญิงร้อยทั้งร้อยยอมปิดไฟแล้วทำ ‘อะไร’ ต่อกับมันแน่
“นอนไง! จะนอนมั้ยหรืออยากนอนที่พื้น”
“โหดอ่ะ พี่ต้องสมัครสมาคมพ่อบ้านใจกล้าไว้ก่อนป่ะ” อะไรคือพ่อบ้านใจกล้าพี่ปูนไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือไม่ไหวกับความกวนประสาทมันจริงๆ ครับ
“แล้วอยากสมัครสมาคมศาลาคนเศร้าไว้คอยมั้ย”
“โห สมัยไหนเนี่ยศาลาคนเศร้า มันเอาท์แล้วครับน้อง” เอื้อกลับมาแล้ว เอื้อที่ทุกคนรู้จักคัมแบ็คแล้วพร้อมกับดีกรีความกวนบาทาและหื่นกามอีกสิบแปดเท่า!
ว่าแต่ศาลาคนเศร้านี่มันเอาท์แล้วจริงเหรอ
ขี้เกียจเถียงด้วยครับ ปิดไฟแล้วนอนเลยแล้วกัน แต่ไม่ลืมเอาหมอนข้างมากันกลางระหว่างเราเอาไว้ รู้หรอกว่ามันไม่ช่วยอะไร แต่ก็ไม่อยากจะเปิดโอกาสให้มันไปมากกว่าไปนัก แค่นี้ก็เปลืองตัวไม่รู้จะเปลืองยังไงล่ะ -_-
ผมนอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะว่ามีเพื่อนร่วมเตียงไม่ได้รับเชิญ แต่เพราะยังคงตื่นเต้นกับจูบเมื่อกี้อยู่ ความอุ่นหนักๆ ยังคงค้างอยู่ที่ปาก คิดทีไรใจก็เต้นแรงตลอด พาลให้หลับไม่ลงไปด้วย จะพลิกตัวไปมาก็เกรงใจเผื่อว่าเอื้อหลับไปแล้วจะกวนมันเปล่าๆ
“หลับหรือยัง” เสียงทุ่มกระซิบถามภายใต้ความมืด ทำให้รู้ว่าอีกคนก็ตาสว่างไม่แพ้กัน ผมยังคงนิ่งกับคำถามนั้น แสร้งเป็นว่าหลับไปแล้ว “ปูนครับ…”
“...” มือของผมถูกกุมไว้ในวินาทีถัดมา นิ้วทั้งห้าสอดประสานเข้ากันและแน่นขึ้นจนผมคิดว่าคงดึงออกไม่ได้ง่ายๆ
“พี่รู้ว่าพี่ยังไม่ดีเท่าใคร แต่พี่จะพยายามเพื่อให้คู่ควรกับปูนนะครับ”
ความในใจของผู้ชายคนนี้ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยประโยคสั้นๆ ผมอยากจะหัวเราะ ใครกันแน่ที่ไม่คู่ควรกับอีกฝ่าย ต้องเป็นผมหรือเปล่าที่รู้สึกแบบนั้น คนพูดเป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัยที่ใครต่างก็อยากครอบครอง
เอื้อต้องมารอโอกาสจากคนอย่างผมมันไม่สมควรเลยด้วยซ้ำ มันมีสิทธิ์ที่จะได้เจอคนที่ดีและเพียบพร้อมกว่าผมอีกมากมาย ทว่าอีกฝ่ายก็เลือกผม
เอื้อจะเลือกผมได้นานขนาดไหนกัน ถ้าวันหนึ่งมันเจอคนที่ใช่กว่าหรือรู้สึกกับผมน้อยลง...มันคงไม่อยากได้โอกาสจากผมอีกแล้ว ในขณะที่ตอนนี้และต่อไป...ผมกลับรู้สึกกับอีกฝ่ายมากขึ้นทุกที
แต่ในตอนนี้ มือนี้ที่กุมมือผมเอาไว้ทำให้ผมมั่นใจขึ้นมาได้ว่าเอื้อยังคงไม่ไปไหน และจะรอโอกาสจากผม อยู่ข้างๆ ตรงนี้ไม่ไปไหน
“ฝันดีนะ…”
คอยบอกฝันดีในทุกคืน
“ฝันถึงพี่บ้างนะ”
และรอโอกาสจากในผมทุกวัน
“พวกมึงสามคนช่วยตั้งใจฟังกันหน่อยได้มั้ย!” เสียงแหลมๆ ของหนูนาดังขึ้น “ให้กูมาช่วยติวแล้วก็นั่งหลับกันนี่หมายความว่ายังไง ไอ้ปูน ไอ้บอย ไอ้กล้า!”
“โอ๊ยยยยย ก็กูไม่ไหวแล้วอ่ะ สมองกูไม่รับอะไรแล้ว” ว่าแล้วไอ้บอยก็ยกมือขึ้นกุมหัวแล้วขยี้แรงๆ ไอ้เชี่ย...รังแคร่วงเต็มเลย สกปรกจริงๆ
“นั่นดิ พักบ้างไม่ได้เหรอวะ กูเริ่มหิวแล้วเนี่ย” ไอ้กล้าท้วงอีกคน
“มึงเพิ่งแดกมาไอ้สัด!” หนูนา! มึงลืมหรือเปล่าว่ามึงเป็นผู้หญิง พูดมาแต่ละคำกูอยากตีปากจริงๆ
“พักก่อนก็ได้หนูนา พวกมันคงแย่แล้วจริงๆ” โจมที่นั่งอ่านหนังสือกับไอ้ฟ้าอยู่ข้างๆ พูดขึ้น
“โจมคิดว่าอย่างนั้นเหรอ...ก็ได้ๆ พักกันเถอะทุกคน”
“แหม มึงนี่มันสองมาตรฐานชัดๆ เลยนะอีหนูบ้าน!” ที่พูดคือมึงหึงใช่มั้ยบอย
“ไม่ใช่ผัวกูก็อย่ามาอิจฉาสิ”
“กูก็ไม่ใช่ผัวมึงนะหนูนา”
ฮาาาาา ทำไมเวลาไอ้โจมตอบกลับหนูนาแล้วมันฮาทุกทีเลยวะ ฮะๆ หน้านิ่งๆ ของมันทำให้หนูนาไม่กล้าจะเถียงเลย
อ้อ เกือบลืมบอกครับ ตอนนี้เราอยู่กันที่บ้านของจี๊ด และกำลังติวหนังสือกันอยู่ (ผมตั้งใจเรียนแล้วนะ อิอิ) แต่ความคิดเหล่านี้ไม่ใช่ความคิดของผมเลย คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ วันนั้นเอื้อมันคิดยังไงก็ไม่รู้บอกให้ผมเปิดคะแนนสอบมิดเทมอให้ดู พอเห็นเศษเลขในหน้าจอคอมพ์ฯ มันเลยเสนอแกมบังคับให้ผมไปติวกับเพื่อนๆ ที่เรียนรู้เรื่อง มันยอมลงทุนตีสนิทกับเพื่อนผมทุกคนเลยนะ พยายามจริงๆ ไม่ใช่ขอร้องแค่ไอ้ฟ้ากับไอ้โจมนะครับ มันเดินไปคุยกันหนูนาและจี๊ดด้วย
‘เห็นแก่พี่เอื้อ พวกหนูสองคนจะติวให้มันเองค่ะ’ หนูนาว่าแล้วส่งสายตาปิ้งๆ มาให้
‘ขอบคุณครับ’ แล้วทำไมมึงต้องไปยิ้มอ่อยเขาด้วยวะ!
นั่นแหละ...แต่จะให้ติวให้ผมคนเดียวมันก็ยังไงอยู่ ผมเลยหานักเรียนที่ชีวิตร่อแร่อีกสองคนมานั่งเรียนด้วยกัน และเปิดคอสติวกันอย่างจริงจัง
“มึงก็ด้วยนะปูน ว่าที่ผัวมึงอุตส่าห์มาขอให้กูสอนมึงก็ตั้งใจเรียนหน่อยดิวะ” หนูนามันผลักหัวผมเบาๆ “ถ้าคะแนนมึงไม่ดีขึ้นพี่เอื้อจะเสียใจนะเว้ย”
“ไม่ใช่ผัวเว้ย” ผมแก้ต่าง และก็ได้ปฏิกิริยาตอบปลับเป็นการเบ้ปากชนิดรุนแรงกลับมาให้
“พี่เขาดูแลปูนดีจังเลยนะ” จี๊ดเองครับ ไม่ต้องทำหน้าฟินขนาดนั้นก็ได้ “ปูนโชคดีมากเลยรู้ตัวหรือเปล่า” ถ้าจี๊ดรู้ว่าผมต้องรับมือกับความกวนตีนของเอื้อมากแค่ไหนยังจะบอกว่าผมโชคดีอยู่หรือมั้ยนะ
“นั่นดิ มึงทำไงถึงมัดใจพี่เขาได้อ่ะ กูเห็นเมื่อก่อนพี่เขาเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่นเลยนะ ผู้หญิงสวยๆ ที่กูรู้จักเกินครึ่งเสร็จพี่เอื้อหมดแล้ว”
แล้วทำไมมันถึงได้มาเป็นเรื่องผมแทนเรื่องเรียนได้ล่ะ
“พี่เขาผู้หญิงเยอะมากเลยเหรอวะหนูนา” มึงก็ไม่ต้องเสือกรู้ได้ไหมล่ะกล้า กูยังไม่ถามเลย
“ที่เห็นนี่ยังน้อยนะ พี่เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่มัธยมล่ะมึง แค่ม.สองก็ผู้หญิงในโรงเรียนก็กรี๊ดจะตายห่า” คราวนี้ไอ้ฟ้าบอกบ้าง “แต่พี่เขาก็ไม่เคยจริงจังกับใคร...กูว่ากับมึงอ่ะที่สุดแล้วปูน”
อันนั้นพี่ปูนก็ไม่ทราบเหมือนกัน
“หมั่นไส้ว่ะ หน้าแดงเป็นแก้มลิงเลยไอ้สัด” โจมยิ้มๆ แล้วผลักหัวผมเบาๆ ปกติมันไม่ค่อยทำแบบนี้หรอก แถมยังมองมาด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ถ้ามันทำให้มึงเสียใจกูจไม่ปล่อยไว้แน่”
“ใช่...ถึงจะเป็นพี่เอื้อพวกกูก็ไม่เอาไว้หรอกเว้ย”
“ถูก! ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาทำเพื่อนกูเสียใจทั้งนั้น!” ไอ้ฟ้ากับไอ้กล้าหันไปแท็กมือกัน ความห่วงใยที่พวกมันมีให้ทำให้ผมยิ้มออกมากว้างๆ ถึงเราจะเป็นเพื่อนกันได้ไม่ถึงปีแต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองโคตรโชคดีที่มีพวกมันอยู่ด้วย
“อย่าลืมพวกกูอีกสามชีวิตสิครับ” ไอ้บอยยื่นมือมาขยี้หัวผม “พี่บอยก็เป็นห่วงน้องปูนนะเว้ย”
“กูกับจี๊ดด้วย”
“เออ ขอบใจพวกมึงเหมือนกันนะ”
ผมได้แต่บอกขอบคุณและยิ้มให้ทุกคน และบอกกับตัวเองว่าการมีเพื่อนที่ดีก็เป็นความสุขอีกอย่างของชีวิตเหมือนกัน…
ครืด~
ผมละสายตาาจากเพื่อนๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เอื้อมันโทร.เข้ามาครับ ตายยากจริงๆ เพิ่งนินทาไปเมื่อกี้เอง
“พอว่าที่ผัวโทร.มาก็รีบลุกเลยนะ” ไอ้กล้านี่นอจากจะขี้เสือกแล้วยังตาดีด้วยนะ ผมว่าผมวางโทรศัพท์ไว้ไกลมือมันแล้วนะแต่มันยังสามารถอ่านได้ว่าใครโทร.มา ส่วนไอ้คำที่พวกมันใช่เรียกเอื้อนี่ผมเบื่อจะแก้แล้วครับ อยากเรียกอะไรก็เชิญเลย
“มึงรู้ได้ไงวะกล้า กูนั่งข้างมันยังไม่รู้เลย” บอยถาม
“กูเดา”
ถุยยยยยยย
เลิกสนใจมันแล้วไปคุยโทรศัพท์ดีกว่าครับ น่าจะได้สาระกว่า อีกอย่างเอื้อมันรอสายนานเดี๋ยวมันหงุดหงิด ผมเดินออกมาคุยที่สวนหน้าบ้านของจี๊ด ในขณะที่คนอื่นนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
“ฮัลโหล” ผมกดรับแล้วกรอกเสียงใสๆ ลงไป
[“ทำไมรับช้านัก”] นั่นไง บอกแล้วว่ามันจะต้องหงุดหงิด เสียงที่ถามมานี่อย่างเข้มเลยครับ
“มัวแต่ฟังมุกควายของไอ้กล้าอ่ะ”
[“เพื่อนปูนยังไม่เลิกเล่นมุกควายอีกเหรอ ยิ่งเวลามันอยู่กับไอ้เดียวพี่โคตรเพลีย”] ผมก็ไม่ต่างจากมันเท่าไหร่หรอก ทางที่ดีพยายามแยกสองคนนี้ออกจากกันดีที่สุด
ผมนั่งลงที่พื้นหน้าบ้าน “ติวเสร็จแล้วเหรอ”
ไม่ใช่แค่ผมเท่านั้นที่ต้องอ่านหนังสืออย่างหนักในช่วงนี้ ทางฝั่งเอื้อก็ต้องพยายามมากเช่นกัน พี่เดียวกับพี่ปุ่นชอบบ่นว่าเรียนก็ยาก งานก็เยอะ พวกพี่ๆ เขาเลยไปรวมกลุ่มติวกันที่บ้านพี่เดียว มีเพื่อนๆ คนอื่นที่ผมพอเห็นหน้าบ้างตอนไปรอเอื้อที่คณะ และก็พี่ฟิ้งร่วมด้วย
[“ยังอ่ะ แล้วปูนล่ะเสร็จยัง”]
“ยังเหมือนกัน แต่รับไม่ไหวแล้วเลยให้หนูนาหยุดก่อน”
[“ตั้งใจเรียนนะปูน”] ปลายสายย้ำเสียงเข้ม [“ถ้าเสร็จแล้วโทร.บอกพี่เดี๋ยวพี่ออกไปรับ”]
“ไม่ต้องหรอก ปูนไปกับโจมก็ได้”
[“บอกว่าจะไปรับก็ไปรับดิ ทำไมชอบดื้อจังวะ”]
“ก็บ้านพี่เดียวกับบ้านจี๊ดมันคนละโยชน์เลยนะ ถ้าเลิกช้าเอื้อก็ต้องวนมารับดึกๆ อีก” ตอนนี้ก็ทุ่มกว่าๆ แล้วเนื้อหาที่จะติวกันยังมีอีกตั้งหลายบท “เดี๋ยวปูนกลับกับโจมนะ ถ้าถึงแล้วจะรีบโทร.บอกเลย”
[“...”] สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบ ผมรู้ได้เลยว่าเอื้อกำลังไม่พอใจ
“เอื้อ...ให้ปูนกลับกับโจมนะ”
[“หอโจมก็ไม่ได้ใกล้กับหอปูน แล้วปูนจะกลับหอตัวเองยังไง”]
“เดี๋ยวให้กล้าแว้นไปส่ง”
[“ดึกแล้วขี่มอ’ไซต์ไปส่งมันอันตราย”] เวลาเอื้อมันทำเสียงเข้มๆ แบบนี้แล้วผมใจฝ่อเลยอ่ะ รู้เลยว่ายังไงมันก็ไม่ยอมแน่ ถ้าผมยังดื้อคงได้มีทะเลาะ และผมก็ไม่อยากทะเลาะกันมันด้วย
“แล้วจะให้ปูนทำยังไงอ่ะครับ” พูดเพราะ กับมันหน่อยครับ เอื้อชอบให้ผมพูดเพราะๆ ด้วยตามประสาคนที่ชอบพูดเพราะกับผมเหมือนกัน แต่เวลาพูดทีไรผมเขินทุกที แค่แทนตัวเองด้วยชื่อก็มุ้งมิ้งจะแย่
[“ถ้าถึงหอโจมแล้วโทร.หาแล้วกัน เดี๋ยวไปรับ”] ก็ยังดีกว่าให้มันมารับถึงที่นี่ล่ะนะ
“อือ เอางั้นก็ได้” ผมพยักหน้ากับตัวเอง ผมยอมได้ถ้าหากว่าจะไม่ทำให้เราทะเลาะกัน
[“พี่เป็นห่วงนะปูน...เข้าใจหรือเปล่า”] ผมนึกหน้ามันออกเลย ถ้าอยู่ด้วยกันคงยื่นหน้ามาใกล้แล้วยิ้มใส่แน่นอน
“อือ เข้าใจ...แต่มันดึกแล้วต้องขับรถไกลๆ มันลำบาก”
[“เป็นห่วง?”]
“นิดหน่อย กลัวไปทำคนอื่นเดือดร้อนมากกว่า” ปากแข็งนี่ขอให้บอกเถอะ พี่ปูนไม่แพ้ใครหรอก
[“ถ้าอยู่ใกล้จะจับจูบให้ปากเปื่อยเลย”] ผมเงียบ เรื่องแบบนี้พี่ปูนจะไม่เล่นต่อเพราะมีแต่เสียกับเสียเท่านั้น
[“เอื้อ...คุยเสร็จหรือยังวะทุกคนรออยู่นะ…”] คราวนี้เป็นเสียงพี่ฟิ้งครับผมจำได้ เสียงพี่เขาค่อนข้างมีเอกลักษณ์ จะแหบนิดๆ
[“เออๆ กูคุยเสร็จล่ะ”]
“แค่นี้นะ วางแล้ว เพื่อนจะเริ่มติวแล้วเหมือนกัน”
[“ครับ คิดถึงนะ”]
“อือ” เขินอยู่ครับ บ้าจริงอยู่ดีๆ มาบอกคิดถึงกันแบบนี้ได้ไง ไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิด เข้าโหมดหวานแบบงงๆ
[“อะไร ไม่บอกหน่อยเหรอว่าคิดถึงเหมือนกัน”] ปลายสายยังคงหยอกล้อผมเหมือนอย่างเคย คงกำลังยิ้มขำแน่นอนที่ทำให้ผมหน้าแดงได้
เหอะ คิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายเขินเป็นคนเดียวหรือไง
“ถ้าอยากได้ยินก็มาให้เห็นหน้าสิ จะพูดให้ฟังจนเบื่อเลย…”
[“ว่าไงนะ…”]
“แค่นี้นะครับพี่เอื้อ ตั้งใจเรียนอย่าเถลไถลล่ะ”
[“ปูนนนน”]
ผมกดวางสาแล้วยิ้มสะใจกับตัวเอง เชื่อว่าตอนนี้อีกฝ่ายต้องร้อนรนจนไม่มีสมาธิติวแน่นอน หึๆ อย่ามาแหยมกับพี่ปูนบอกเลย
“แหม~ ไม่คุยกับถึงพรุ่งนี้เลยล่ะ” หนูนาแซวทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในห้อง
“ที่พูดนี่อิจฉาหรืออิจฉา”
“มันก็เหมือนกันแหละเว้ย!!!”
ผมหลุดหัวเราะออกมาแล้วนั่งลงที่เดิมก่อนจะเปิดสมุดแล้วเริ่มตั้งใจเรียนอีกครั้ง ภาวนาว่าขอให้ผมรอดพ้นไฟนอลนี้ไปให้ได้โดยสวัสดิภาพ
====================================================
====================================
หวานเบาๆ บ้างเนาะเพื่อความฉดใฉของชีวิตตต
คิดถึงทุกคนนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ปล.ต่อไปคงได้อัพอาทิตย์ละครั้งนะคะ เวลาว่างหายากเหลือเกิน