。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10  (อ่าน 77206 ครั้ง)

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ยังไงฟิ้งก็ยังน่าสงสัยอยู่ดี

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ทั้งหลอนทั้งฮา

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
มันน่ากลัวน่าสยองก็จริงนะ
แต่กุญแจจะล็อคโดยสิ่งที่มองไม่เห็นได้ยังไง
คนชัดๆ ไม่ใช่แค่โดนอำแล้วมั้ง แบบนี้เรียกกลั่นแกล้ง

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
พี่ฟิ้งรึเปล่า.... ไม่ไว้ใจอ่ะ ตามไปแต่ไม่ได้ไปล็อกแกล้งปูนจริงๆเร้อออออ สงสัยยยยย

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
หลอนตอนท้ายมาก

ออฟไลน์ Maitre

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
บทที่ 26
เมื่อน้องปูนหลอน

หลังจากนั้นบรรยากาศระหว่างเราสองคนก็อยู่ในความเงียบ คือสำหรับเอื้อไม่รู้หรอกว่ามันเงียบทำไม แต่สำหรับผม...ผมกำลังสติแตกครับ เหมือนวิญญาณกำลังออกจากร่าง อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงแมวขึ้นมาเสียอย่างนั้น

บอกได้เลยว่าเข็ดมาก ไม่เอาอีกแล้ว ฮืออออ

“ไหวป่ะเนี่ย” อีกคนถามตอนที่เรามายืนอยู่หน้าห้องแล้ว “ไม่ต้องกลัวหรอก ไม่มีอะไร”

แหม พูดมาได้นะ ใครกันที่หน้าซีดคนแรกแล้วรีบพาเดินออกมาขาแทบจะพันกัน คุณไม่ใช่เหรอครับคุณเอื้ออารีย์

“อือ รู้”

“งั้นพี่ไปนะ”

หมับ!

มือคว้าชายเสื้อเอื้อไว้อย่างรวดเร็ว มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ ตอนนี้ไม่อยากอยู่คนเดียวครับ ยอมรับแมนๆ ว่ายังคงกลัวและหลอนอยู่มาก ไม่น่าอยากรู้ขึ้นมาเลยจริงๆ แต่พอเอื้อมองหน้าแล้วถามว่ามีอะไร ปากมันก็หนักเกินไปพูดไม่ออก แต่มองหน้ากันมันก็น่าจะรู้แล้ว

“โอเค...อยู่ด้วยกันก่อนใช่มั้ย” ผมพยักหน้ารับ มือหนาวางไว้ผมหัวผมแล้วโยกไปมาอย่างเอ็นดู ก่อนที่เราสองคนจะเข้ามาในห้อง เอื้อก็ยังคงบ่นถึงความรกของห้องผมเหมือนเคย “ไปอาบน้ำก่อนไป”

“อย่าหนีไปไหนนะ”

“จะกลัวอะไรขนาดนั้น เขาไม่ตามมาหรอก”

“จะพูดทำไม!!” อยากจะเอามือตีปากมันเหลือเกิน เรื่องปากเป็นมงคลนี่ไม่เคยเกินใคร ไหนบอกไม่มีอะไร ไหนบอกอุบัติเหตุไงวะ

“โอเคๆ ไม่พูดแล้ว” แน่ะ ยังมีหน้ามายิ้มอีก นอกจากตีปากแล้วขอจิ้มตาด้วยได้ป่ะ “ไปอาบน้ำเตรียมนอนได้ล่ะ คืนนี้เดี๋ยวพี่กล่อมน้องเอง”

เหอะๆ

ผมไม่พูดอะไร เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว กลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีกลับห้องก่อน ผมก็น่าจะคิดได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ปล่อยโอกาสอยู่กับผมสองต่อสองในห้องไปง่ายๆ หรอก เอื้อคงเต็มใจด้วยซ้ำ

ออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งก็พบว่าเอื้อขนเสื้อผ้าลงมาเรียบร้อยแล้วครับ


“นี่กะมาอยู่เลยเหรอ”

“อยู่ได้ก็จะอยู่ อยากอยู่ตลอดไป” ถ้าเป็นปกติก็คงมีหน้าแดงบ้าง แต่ตอนนี้บอกเลยพี่ปูนไร้ซึ่งอารมณ์ซึ้งใดๆ ทั้งนั้น ความกลัวยังตามหลอกหลอนไม่จางหาย

ผมไล่เอื้อไปอาบน้ำ ส่วนตัวเองก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วหยิบหนังสือ...การ์ตูนมาอ่าน ระหว่างนี้ผมก็เปิดเพลงคลอไปด้วยเพื่อลดความกลัว จนกระทั่งตัวหนักๆ ของเย็นชื้นของเอื้อทาบทับลงมาบนร่างของผม

“กล้ามากนะที่นอนคว่ำหน้าอ่านการ์ตูนไม่สนใจอะไรเลย ทั้งที่มีพี่อยู่ในห้องแท้ๆ”

“หนัก ลุกไปเลย” อะไรของกู แทนที่จะดีดดิ้นมากกว่านี้กลับทำแค่เอ่ยปากไล่เบาๆ

คงเป็นเพราะสัมผัสของอีกฝ่ายยังคงอุ่นเหมือนเมื่อครั้งนั้นที่ผมกลัวสุดขีด อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้ง ความหนักแน่นของสัมผัสที่ทำให้ผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายจะไม่ไปไหนในตอนที่ผมกลัวอย่างที่สุด

แต่แล้วความคิดของผมก็สะดุดลง

“ถามอะไรหน่อยสิเอื้อ”

“ยังจะถามอีกเหรอ ความจริงเมื่อกี้ทำให้กลัวไม่พอหรือไง” ปากนะครับปาก ความกวนตีนนี้นี่แหละบ่งบอกว่ามันคือเอื้อคนนี้แน่นอน

“ไม่ได้ถามเรื่องนั้นสักหน่อย ปล่อยก่อนได้หรือเปล่า ทะลึ่งใหญ่ล่ะ”

“ปากบอกให้ปล่อยแต่ก็ยอมนอนให้กอดนะคนเรา นี่ถ้าเป็นพี่เมื่อก่อนเสร็จไปนานแล้ว”

“ครับๆ รู้แล้วว่าเก่ง เคยเป็นเสือมาก่อนนี่” ประชดกลับด้วยความหมั่นไส้

“ตอนนี้สิ้นลายแล้ว กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ ของปูนคนเดียว” โอ๊ยย อะไรคือการมากระพริบตาปริบๆ ทำท่าทางออดอ้อน คิดว่าตัวเองน่ารักมากกกกก?

เออ ก็น่ารักจริงๆ นั่นแหละ ฮาาา

“ตกลงจะถามอะไร” ในที่สุดเอื้อก็ยอมปล่อยครับ แต่แค่พลิกตัวลงไปนอนข้างๆ โดยที่แขนยังพาดกับลำตัวผมอยู่

“ทำไมตอนแรกถึงสงสัยพี่ฟิ้งเหรอ” นี่เป็นเรื่องที่คาใจผมเหมือนกัน ท่าทางที่เดินตรงมาหาพี่ฟิ้งแล้วถามเสียเข้มมันกวนใจผมไม่น้อย

“ก็ตอนนี้ฟิ้งเป็นคนเดียวที่ออกไปหลังจากที่ปูนไปเข้าห้องน้ำ” เอื้อหลบตาผมทำเป็นมองหนังสือการ์ตูนแทน มีพิรุธที่สุด โคตรไม่เนียนเลย

“มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปสงสัยพี่เขานี่ มีอะไรกันแน่ เกี่ยวกับปูนใช่หรือเปล่า”

“พี่ว่าการ์ตูนเรื่องนี้ภาพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่”

“เอื้อ…”

“ช่วงนี้จะสอบแล้วปูนก็น่าจะอ่านหนังสือมากกว่านะ”

“ถ้าไม่ตอบก็กลับห้องไปเลยไป”

“อยู่คนเดียวได้?”

“เดี๋ยวเรียกให้เพื่อนมาอยู่ด้วย” ไม่ง้อหรอกโว้ย คนอย่างพี่ปูนก็มีศักดิ์ศรีบอกแล้ว ถึงแม้มันจะกินไม่ได้แค่เอาไว้ค้ำคอได้ก็พอ

“ก็มันไม่มีอะไรไง” ผมเงียบ จ้องหน้าเอื้ออย่างกดดัน และพออีกฝ่ายไม่พูดสักทีผมก็เลยใช้มาตรการเด็ดขาด เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียง “จะโทร.ไปไหน”

“โทร.หาโจม คืนนี้จะไปนอนกันมัน”

“โอเคๆ บอกแล้วครับบอกแล้ว” แล้วที่สุดเอื้อก็ยอมแพ้ มันรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของผมไปวางที่ฝั่งตัวเอง แล้วบอกเหตุผลที่แท้จริงให้ผมรู้

เรื่องของเรื่องก็คือพี่ฟิ้งค่อนข้างหวงเอื้อ ในระดับที่เรียกได้ว่ามากกว่าปกติ พี่ฟิ้งไม่ชอบที่เห็นเอื้อสนิทกับคนอื่นเกินไป ถ้าใครคนไหนล้ำเส้นเข้ามา พี่ฟิ้งจะต่อต้านด้วยการทำตัวเหมือนเด็กๆ (เอื้อว่าแบบนั้น) ประชดด้วยการหาเรื่องมาแกล้ง พี่เดียวก็เคยโดยมาแล้วเหมือนกัน

“พี่รู้ว่าเรื่องของปูนอาจจะทำให้ฟิ้งไม่พอใจ เลยขอมันไว้ว่าอย่าทำอะไรปูน เพราะพี่คงเลือกไม่ได้ถ้าหากว่าจะต้องเลือกระหว่างมันกับปูน”

ผมว่าผมเข้าใจ เข้าใจทั้งพี่ฟิ้งและเข้าใจทั้งเอื้อ เรื่องหวงเพื่อนใครก็เป็นกันทั้งนั้น โดยเฉพาะถ้าเราให้ความสำคัญกับเพื่อนคนนั้นมากอย่างพี่ฟิ้ง ไม่มีใครหรอกที่อยากถูกแย่งเพื่อนสนิท

“ต่อไปต้องให้ความสำคัญกับพี่ฟิ้งมากกว่านนี้นะ พี่เขาอุตส่าห์ทำเพื่อเอื้อแล้ว เอื้อก็ต้องทำอะไรเพื่อพี่ฟิ้งบ้าง”

รอยยิ้มละมุนถูกส่งมาให้ผม ก่อนที่มือหนาจะยื่นมาลูบหัวผมเบาๆ “ใจดีเสมอเลยคนนี้”

“เพราะเข้าใจหรอก ไม่มีใครอยากเสียเพื่อนไป”

“แล้วเข้าใจหรือเปล่าว่าพี่ก็ไม่อยากเสียปูนไปเหมือนกัน” ผมไม่ได้ตอบรับหรือส่ายหน้าปฏิเสธ กำลังงงอยู่ว่าทำไมวกมาเรื่องนี้ได้ “เพราะงั้นรีบให้โอกาสพี่เร็วๆ นะครับ”

“มันเกี่ยวกันเหรอ”

“ไม่เกี่ยวแต่อยากเสียวกับปูน”

“กลับห้องไปเลยไป” ทะลึ่งหน้าตายจริงๆ นี่หรือคุณชายเอื้อที่สุภาพออ่อนโยนของผู้หญิงหลายๆ คน โคตรปลอม โคตรเปลือก ตัวจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด

“อะไร หมายถึงไปเล่นรถไฟเหาะหรอก”

“งั้นพรุ่งนี้ไปสวนสนุกเลย เสียวครั้งเดียวจะได้จบๆ กันไปสักที”

“ใจร้ายจริงๆ ว่าที่แฟนใครนี่”

เรื่องขี้มโนคงต้องยกให้เขาล่ะครับคนนี้

เราสองคนนอนเล่นกันบนเตียงไปสักพัก ผมอ่านการ์ตูนส่วนเอื้อก็ขลุกอยู่กับโทรศัพท์สุดที่รัก มันเป็นคนติดโซเชียลพอสมควร ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหยิบมาเช็คข่าวสารในโลกออนไลน์ ผิดกับผมที่ไม่ค่อยสันทัดเรื่องนี้เท่าไหร่นัก

“ปูนเล่นเฟซบุ๊คบ้างหรือเปล่า”

“ไม่ค่อยอ่ะ” ผมสมัครไว้เผื่ออาจารย์สร้างกลุ่มแล้วสั่งงานเท่านั้น ที่จริงไม่ชอบอะไรแบบนี้ แต่จะไม่มีเลยก็คงไม่ดี

“ก็ว่าทำไมไม่รับแอดพี่สักที”

“จำเป็นต้องรับด้วยเหรอ” พอผมถามไปแบบนั้นเอื้อก็เหล่ตามามองมาแล้วหันพลิกตัวไปอีกฝั่ง

“พี่มันไม่สำคัญนี่” เดี๋ยวๆ มันต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นเลยหรือไง แล้วไอ้ที่เบ้ปากคืออะไร ตัวก็ใหญ่ทำไมน้อยใจเป็นเด็กป.สี่แบบนี้ล่ะ “จะไม่ง้อหน่อยเหรอ!”

คือสรุปนี่ไม่ได้น้อยใจแต่งอนใช่มั้ย โอ๊ยยยย ให้ตายเถอะคุณชาย อายุเท่าไหร่แล้วฮะ?

“จำเป็น?” ขอแกล้งหน่อยเถอะครับ หมั่นไส้อย่างร้ายกาจ

ร่างสูงพลิกตัวกลับมามองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง และภายในเสี้ยววินาทีเอื้อก็พาตัวเองขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้!  ก่อน ใบหน้าหล่อส่งยิ้มละมุมที่ทำเอาใครหลายต่อหลายคนใจละลายมาให้ผม

ไอ้ท่าทางล่อแหลมนี่มันอะไรกัน!

“พอยอมหน่อยดื้อใหญ่เลยนะ” เงียบครับ ผมว่าตอนนี้ความเงียบคือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ “บอกทีสิว่าพี่ควรจะทำยังไงกับเด็กดื้อดี”

“ก็…” ผมพยายามคิดหาทางรอด ก่อนอื่นเลยต้องเคลียร์เรื่องที่เจ้าตัวน้อยใจก่อน “ก็ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เล่นเฟซบุ๊คไง ไม่ได้ล็อกอินเลยไม่รู้ว่าเอื้อแอดเฟรนด์มา แล้ว…”

“แล้วอะไรครับ”

“แล้ว...ตัวจริงก็อยู่นี่แล้ว จะต้องแอดเฟรนด์ไปทำไมล่ะ…”

“...”

“ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนสักหน่อยนี่”

“แล้วอยากเป็นอะไร…” เอื้อโน้มหน้าลงมาใกล้ผมมากกว่าเก่า ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงฝ่ามือด้วยซ้ำ และผมก็เพิ่งตระหนักว่าผมปล่อยให้อีกคนอยู่ใกล้เกินไปแล้ว มันใกล้จนได้ยินเสียงสงหายใจของกันและกัน ได้ยินกระทั่งเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำของตัวเอง “พี่อยากเป็นของปูนนะ”

“หมายถึงเป็นเมีย?”

“กำลังจะซึ้งก็ขัดอารมณ์ตลอด” หน้าเอื้อบ่งบอกว่าเจ้าตัวเซ็งสุดขีด ก่อนที่จะผละออกไป

พี่ปูนรอดแล้วครับบบบบ แผนตีหน้ามึนแล้วกวนตีนเป็นอันได้ผล ใช้ได้กับทุกสถานณ์ไหมไม่รู้ แต่ที่รู้คือตอนนี้ผมรอดแล้ว อิอิ แต่ให้ตายเถอะ ผมรู้เลยว่าตัวเองต้องหน้าแดงมากแน่ๆ ยอมรับว่าเมื่อกี้ผมลังเลขึ้นมาชั่วครู่ ใจหนึ่งก็อยากผลักใส แต่อีกใจกลับ...รู้สึกตื่นเต้นอย่างไรไม่รู้

“ปูน!”

“ครับ...อุ๊บ!”

เอื้อยื่นหน้าเขามาใกล้ก่อนจะประกบจูบผมอย่างรวดเร็ว ตาผมเบิกกว้างค้างนานหลายนาทีจนอีกคนบดจูบลงมาหนักกว่าเดิม สัมผัสที่อุ่นจัดทำให้ผมได้สติและพยายามผลักไสมันออกไป ทว่ามือทั้งสองข้างก็ถูกรวบเอาไว้ในนาทีต่อมา เอื้อตั้งใจบรรจงจูบจนในที่สุดผมก็หลับตาลงช้าๆ เต็มใจรับสัมผัสอุ่นจัดที่ริมฝีปากของตัวเองจนได้

พอปล่อยทุกอย่างไปตามอารมณ์ก็พบว่าหัวใจของผมเต้นรัวแรงเหมือนกลองชุดที่กำลังตีให้จังหวะเพลงร็อคหนักๆ อีกครั้ง ทว่าก็ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว ในห้องที่เงียบสงัดมีเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศ ผมกลับได้ยินเสียงหัวใจของเอื้อที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกับผม

เอื้อกำลังตื่นเต้น...ไม่ต่างจากผม…

เวลาผ่านไปเนิ่นนานในความคิด ก่อนที่อีกฝ่ายจะถอนริมสีปากออก ผมกดปากตัวเองโดยอัตโนมมัติ ก่อนจะหลุบตามองริมฝีปากที่ฉ่ำวาวของอีกฝ่าย มันเหมือนมีแรงดึงดูดเบาๆ ให้ผมอยากประกบปากลงไปอีกครั้ง...

“อย่าทำหน้าแบบนั้น…” อีกฝ่ายกระซิบ “มันทำให้พี่อยากทำมากกว่านี้”

ผมระเบิดตัวหายไปเป็นอากาศเลยได้หรือเปล่าเนี่ย!!!

พี่ปูนจะทำยังไงดี!!

ผมหยิบหมอนที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาแล้วซบหน้าลงไปกับมัน งื้อๆๆๆๆ เมื่อกี้ผมทำอะไรลงไป ผมจูบกับเอื้อ แถมยังอยากจะจูบอีกครั้งด้วย

โอยยยย ทำไมกูแรดแบบนี้ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

“เงยหน้าหน่อยสิปูน”

“ไม่!” ผมตอบเสียงอู้อี้ 

“เดี๋ยวขาดอากาศหายใจนะ” เอื้อหัวเราะขำ ยิ่งทำให้ผมเขินหันกเข้าไปใหญ่ วันนี้ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมเงยหน้าหรอกครับ “เหอะน่า...อยากเห็นหน้า”

“ไม่!”

“อย่าดื้อดิปูน...เงยหน้าให้พี่เอื้อเห็นหน่อยสิครับ”

“ก็บอกว่า…”

“นะครับ...พี่อยากเห็นหน้าปูนจริงๆ” ไม่มีทางหรอก ให้ตายยังไงพี่ปูนคนนี้ก็ไม่มีทางใจอ่อนเด็ดขาด คืนนี้จะนอนมันอย่างนี้แหละ “ไม่เงยหน้าพี่จะกลับห้องล่ะ ใครจะมานอนด้วยก็ไม่รู้นะ”

เท่านั้นแหละครับ ผมก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาแล้วหันไปหามันทันที (ไอ้) เอื้อ (ไอ้) คนใจปาบหยาบช้า กล้าเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นทำไมวะ! คนยิ่งกลัวๆ อยู่ นี่อุตส่าห์เลิกคิดไปได้แล้วนะยังจะมาทำให้หลอนอีกทำไม แล้วอะไรคือการที่คุณชายเขาส่งยิ้มมาให้พร้อมกับหน้าแดงระเรื่อวะ ผมหรือเปล่าที่ต้องเป็นคนเขินไม่ใช่มัน แถมยังมีสายตาพราวระยับบ่งบอกว่ามันรู้สึกดีใจมากแค่ไหน

“หยุดยิ้มเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ผมสั่งด้วยเสียง (ที่พยายาม) แข็ง “บอกให้หยุดไง ยิ้มอะไรเยอะแยะ บ้านแจกยิ้มเหรอ”

“แล้วอยากได้… ‘ยิ้ม’ ป่ะล่ะ”

“ทะลึ่งใหญ่ล่ะ” ไม่ได้เลยครับคนนี้ เปิดช่องให้ทีไรโยงเข้าเรื่องใต้สะดือทุกที เอาเอื้อคนเก่าคนก่อนคืนมาได้มั้ย เกรงว่าเป็นเอื้อคนนี้แล้วผมจะรับมือไม่ไหวตกลงปลงใจกับมันก่อนเวลาอันควร

“ปูนคิดเองทั้งนั้นแหละ พี่ยังไม่ได้พูดอะไรทำนองนั้นเลย” อยากจะเถียงแต่ต้องเก็บปากเอาไว้ ถ้ามันหนีกลับห้องไปผมคงต้องนอนผวาทั้งคืน ตอนนี้ก็ดึกพอควร รบกวนคุณเพื่อนคงไม่เหมาะเท่าไหร่

ยอมก็ได้ครับ บอกเลยว่าแค่วันนี้วันเดียว...จริงๆ นะ

“เลิกคุยๆ นอนได้แล้วดึกแล้ว ปิดไฟเลย”

“ถ้าปิดไฟแล้วจะทำอะไรกันต่ออ่ะ” ดูมันทำครับ มีการเอานิ้วชี้มาจิ้มกันแล้วช้อนตามองผมอายๆ ด้วย คิดว่ามึงน่ารักมากเหรอฮะ?!

เออ! ก็น่ารักไงเล่า! หน้าตาดีอยู่แล้วทำอะไรก็น่ารักไปหมดแหละครับ ยิ่งสายตาอ้อนๆ แบบนั้นบอกเลยผู้หญิงร้อยทั้งร้อยยอมปิดไฟแล้วทำ ‘อะไร’ ต่อกับมันแน่

“นอนไง! จะนอนมั้ยหรืออยากนอนที่พื้น”

“โหดอ่ะ พี่ต้องสมัครสมาคมพ่อบ้านใจกล้าไว้ก่อนป่ะ” อะไรคือพ่อบ้านใจกล้าพี่ปูนไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือไม่ไหวกับความกวนประสาทมันจริงๆ ครับ

“แล้วอยากสมัครสมาคมศาลาคนเศร้าไว้คอยมั้ย”

“โห สมัยไหนเนี่ยศาลาคนเศร้า มันเอาท์แล้วครับน้อง” เอื้อกลับมาแล้ว เอื้อที่ทุกคนรู้จักคัมแบ็คแล้วพร้อมกับดีกรีความกวนบาทาและหื่นกามอีกสิบแปดเท่า!

ว่าแต่ศาลาคนเศร้านี่มันเอาท์แล้วจริงเหรอ

ขี้เกียจเถียงด้วยครับ ปิดไฟแล้วนอนเลยแล้วกัน แต่ไม่ลืมเอาหมอนข้างมากันกลางระหว่างเราเอาไว้ รู้หรอกว่ามันไม่ช่วยอะไร แต่ก็ไม่อยากจะเปิดโอกาสให้มันไปมากกว่าไปนัก แค่นี้ก็เปลืองตัวไม่รู้จะเปลืองยังไงล่ะ -_-

ผมนอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะว่ามีเพื่อนร่วมเตียงไม่ได้รับเชิญ แต่เพราะยังคงตื่นเต้นกับจูบเมื่อกี้อยู่ ความอุ่นหนักๆ ยังคงค้างอยู่ที่ปาก คิดทีไรใจก็เต้นแรงตลอด พาลให้หลับไม่ลงไปด้วย จะพลิกตัวไปมาก็เกรงใจเผื่อว่าเอื้อหลับไปแล้วจะกวนมันเปล่าๆ

“หลับหรือยัง” เสียงทุ่มกระซิบถามภายใต้ความมืด ทำให้รู้ว่าอีกคนก็ตาสว่างไม่แพ้กัน ผมยังคงนิ่งกับคำถามนั้น แสร้งเป็นว่าหลับไปแล้ว “ปูนครับ…”

“...” มือของผมถูกกุมไว้ในวินาทีถัดมา นิ้วทั้งห้าสอดประสานเข้ากันและแน่นขึ้นจนผมคิดว่าคงดึงออกไม่ได้ง่ายๆ

“พี่รู้ว่าพี่ยังไม่ดีเท่าใคร แต่พี่จะพยายามเพื่อให้คู่ควรกับปูนนะครับ”

ความในใจของผู้ชายคนนี้ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยประโยคสั้นๆ ผมอยากจะหัวเราะ ใครกันแน่ที่ไม่คู่ควรกับอีกฝ่าย ต้องเป็นผมหรือเปล่าที่รู้สึกแบบนั้น คนพูดเป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัยที่ใครต่างก็อยากครอบครอง

เอื้อต้องมารอโอกาสจากคนอย่างผมมันไม่สมควรเลยด้วยซ้ำ มันมีสิทธิ์ที่จะได้เจอคนที่ดีและเพียบพร้อมกว่าผมอีกมากมาย ทว่าอีกฝ่ายก็เลือกผม

เอื้อจะเลือกผมได้นานขนาดไหนกัน ถ้าวันหนึ่งมันเจอคนที่ใช่กว่าหรือรู้สึกกับผมน้อยลง...มันคงไม่อยากได้โอกาสจากผมอีกแล้ว ในขณะที่ตอนนี้และต่อไป...ผมกลับรู้สึกกับอีกฝ่ายมากขึ้นทุกที

แต่ในตอนนี้ มือนี้ที่กุมมือผมเอาไว้ทำให้ผมมั่นใจขึ้นมาได้ว่าเอื้อยังคงไม่ไปไหน และจะรอโอกาสจากผม อยู่ข้างๆ ตรงนี้ไม่ไปไหน

“ฝันดีนะ…”

คอยบอกฝันดีในทุกคืน

“ฝันถึงพี่บ้างนะ”

และรอโอกาสจากในผมทุกวัน

♣♣♣♣♣

“พวกมึงสามคนช่วยตั้งใจฟังกันหน่อยได้มั้ย!” เสียงแหลมๆ ของหนูนาดังขึ้น “ให้กูมาช่วยติวแล้วก็นั่งหลับกันนี่หมายความว่ายังไง ไอ้ปูน ไอ้บอย ไอ้กล้า!”

“โอ๊ยยยยย ก็กูไม่ไหวแล้วอ่ะ สมองกูไม่รับอะไรแล้ว” ว่าแล้วไอ้บอยก็ยกมือขึ้นกุมหัวแล้วขยี้แรงๆ ไอ้เชี่ย...รังแคร่วงเต็มเลย สกปรกจริงๆ

“นั่นดิ พักบ้างไม่ได้เหรอวะ กูเริ่มหิวแล้วเนี่ย” ไอ้กล้าท้วงอีกคน

“มึงเพิ่งแดกมาไอ้สัด!” หนูนา! มึงลืมหรือเปล่าว่ามึงเป็นผู้หญิง พูดมาแต่ละคำกูอยากตีปากจริงๆ

“พักก่อนก็ได้หนูนา พวกมันคงแย่แล้วจริงๆ” โจมที่นั่งอ่านหนังสือกับไอ้ฟ้าอยู่ข้างๆ พูดขึ้น

“โจมคิดว่าอย่างนั้นเหรอ...ก็ได้ๆ พักกันเถอะทุกคน”

“แหม มึงนี่มันสองมาตรฐานชัดๆ เลยนะอีหนูบ้าน!” ที่พูดคือมึงหึงใช่มั้ยบอย

“ไม่ใช่ผัวกูก็อย่ามาอิจฉาสิ”

“กูก็ไม่ใช่ผัวมึงนะหนูนา”

ฮาาาาา ทำไมเวลาไอ้โจมตอบกลับหนูนาแล้วมันฮาทุกทีเลยวะ ฮะๆ หน้านิ่งๆ ของมันทำให้หนูนาไม่กล้าจะเถียงเลย

อ้อ เกือบลืมบอกครับ ตอนนี้เราอยู่กันที่บ้านของจี๊ด และกำลังติวหนังสือกันอยู่ (ผมตั้งใจเรียนแล้วนะ อิอิ) แต่ความคิดเหล่านี้ไม่ใช่ความคิดของผมเลย คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ วันนั้นเอื้อมันคิดยังไงก็ไม่รู้บอกให้ผมเปิดคะแนนสอบมิดเทมอให้ดู พอเห็นเศษเลขในหน้าจอคอมพ์ฯ มันเลยเสนอแกมบังคับให้ผมไปติวกับเพื่อนๆ ที่เรียนรู้เรื่อง มันยอมลงทุนตีสนิทกับเพื่อนผมทุกคนเลยนะ พยายามจริงๆ ไม่ใช่ขอร้องแค่ไอ้ฟ้ากับไอ้โจมนะครับ มันเดินไปคุยกันหนูนาและจี๊ดด้วย

‘เห็นแก่พี่เอื้อ พวกหนูสองคนจะติวให้มันเองค่ะ’ หนูนาว่าแล้วส่งสายตาปิ้งๆ มาให้

‘ขอบคุณครับ’ แล้วทำไมมึงต้องไปยิ้มอ่อยเขาด้วยวะ!

นั่นแหละ...แต่จะให้ติวให้ผมคนเดียวมันก็ยังไงอยู่ ผมเลยหานักเรียนที่ชีวิตร่อแร่อีกสองคนมานั่งเรียนด้วยกัน และเปิดคอสติวกันอย่างจริงจัง

“มึงก็ด้วยนะปูน ว่าที่ผัวมึงอุตส่าห์มาขอให้กูสอนมึงก็ตั้งใจเรียนหน่อยดิวะ” หนูนามันผลักหัวผมเบาๆ “ถ้าคะแนนมึงไม่ดีขึ้นพี่เอื้อจะเสียใจนะเว้ย”

“ไม่ใช่ผัวเว้ย” ผมแก้ต่าง และก็ได้ปฏิกิริยาตอบปลับเป็นการเบ้ปากชนิดรุนแรงกลับมาให้

“พี่เขาดูแลปูนดีจังเลยนะ” จี๊ดเองครับ ไม่ต้องทำหน้าฟินขนาดนั้นก็ได้ “ปูนโชคดีมากเลยรู้ตัวหรือเปล่า” ถ้าจี๊ดรู้ว่าผมต้องรับมือกับความกวนตีนของเอื้อมากแค่ไหนยังจะบอกว่าผมโชคดีอยู่หรือมั้ยนะ

“นั่นดิ มึงทำไงถึงมัดใจพี่เขาได้อ่ะ กูเห็นเมื่อก่อนพี่เขาเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่นเลยนะ ผู้หญิงสวยๆ ที่กูรู้จักเกินครึ่งเสร็จพี่เอื้อหมดแล้ว”

แล้วทำไมมันถึงได้มาเป็นเรื่องผมแทนเรื่องเรียนได้ล่ะ

“พี่เขาผู้หญิงเยอะมากเลยเหรอวะหนูนา” มึงก็ไม่ต้องเสือกรู้ได้ไหมล่ะกล้า กูยังไม่ถามเลย

“ที่เห็นนี่ยังน้อยนะ พี่เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่มัธยมล่ะมึง แค่ม.สองก็ผู้หญิงในโรงเรียนก็กรี๊ดจะตายห่า” คราวนี้ไอ้ฟ้าบอกบ้าง “แต่พี่เขาก็ไม่เคยจริงจังกับใคร...กูว่ากับมึงอ่ะที่สุดแล้วปูน”

อันนั้นพี่ปูนก็ไม่ทราบเหมือนกัน

“หมั่นไส้ว่ะ หน้าแดงเป็นแก้มลิงเลยไอ้สัด” โจมยิ้มๆ แล้วผลักหัวผมเบาๆ ปกติมันไม่ค่อยทำแบบนี้หรอก แถมยังมองมาด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ถ้ามันทำให้มึงเสียใจกูจไม่ปล่อยไว้แน่”

“ใช่...ถึงจะเป็นพี่เอื้อพวกกูก็ไม่เอาไว้หรอกเว้ย”

“ถูก! ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาทำเพื่อนกูเสียใจทั้งนั้น!” ไอ้ฟ้ากับไอ้กล้าหันไปแท็กมือกัน ความห่วงใยที่พวกมันมีให้ทำให้ผมยิ้มออกมากว้างๆ ถึงเราจะเป็นเพื่อนกันได้ไม่ถึงปีแต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองโคตรโชคดีที่มีพวกมันอยู่ด้วย

“อย่าลืมพวกกูอีกสามชีวิตสิครับ” ไอ้บอยยื่นมือมาขยี้หัวผม “พี่บอยก็เป็นห่วงน้องปูนนะเว้ย”

“กูกับจี๊ดด้วย”

“เออ ขอบใจพวกมึงเหมือนกันนะ”

ผมได้แต่บอกขอบคุณและยิ้มให้ทุกคน และบอกกับตัวเองว่าการมีเพื่อนที่ดีก็เป็นความสุขอีกอย่างของชีวิตเหมือนกัน…

ครืด~

ผมละสายตาาจากเพื่อนๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เอื้อมันโทร.เข้ามาครับ ตายยากจริงๆ เพิ่งนินทาไปเมื่อกี้เอง

“พอว่าที่ผัวโทร.มาก็รีบลุกเลยนะ” ไอ้กล้านี่นอจากจะขี้เสือกแล้วยังตาดีด้วยนะ ผมว่าผมวางโทรศัพท์ไว้ไกลมือมันแล้วนะแต่มันยังสามารถอ่านได้ว่าใครโทร.มา ส่วนไอ้คำที่พวกมันใช่เรียกเอื้อนี่ผมเบื่อจะแก้แล้วครับ อยากเรียกอะไรก็เชิญเลย

“มึงรู้ได้ไงวะกล้า กูนั่งข้างมันยังไม่รู้เลย” บอยถาม

“กูเดา”

ถุยยยยยยย

เลิกสนใจมันแล้วไปคุยโทรศัพท์ดีกว่าครับ น่าจะได้สาระกว่า อีกอย่างเอื้อมันรอสายนานเดี๋ยวมันหงุดหงิด ผมเดินออกมาคุยที่สวนหน้าบ้านของจี๊ด ในขณะที่คนอื่นนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น

“ฮัลโหล” ผมกดรับแล้วกรอกเสียงใสๆ ลงไป

[“ทำไมรับช้านัก”] นั่นไง บอกแล้วว่ามันจะต้องหงุดหงิด เสียงที่ถามมานี่อย่างเข้มเลยครับ

“มัวแต่ฟังมุกควายของไอ้กล้าอ่ะ”

[“เพื่อนปูนยังไม่เลิกเล่นมุกควายอีกเหรอ ยิ่งเวลามันอยู่กับไอ้เดียวพี่โคตรเพลีย”] ผมก็ไม่ต่างจากมันเท่าไหร่หรอก ทางที่ดีพยายามแยกสองคนนี้ออกจากกันดีที่สุด

ผมนั่งลงที่พื้นหน้าบ้าน “ติวเสร็จแล้วเหรอ”

ไม่ใช่แค่ผมเท่านั้นที่ต้องอ่านหนังสืออย่างหนักในช่วงนี้ ทางฝั่งเอื้อก็ต้องพยายามมากเช่นกัน พี่เดียวกับพี่ปุ่นชอบบ่นว่าเรียนก็ยาก งานก็เยอะ พวกพี่ๆ เขาเลยไปรวมกลุ่มติวกันที่บ้านพี่เดียว มีเพื่อนๆ คนอื่นที่ผมพอเห็นหน้าบ้างตอนไปรอเอื้อที่คณะ และก็พี่ฟิ้งร่วมด้วย

[“ยังอ่ะ แล้วปูนล่ะเสร็จยัง”]

“ยังเหมือนกัน แต่รับไม่ไหวแล้วเลยให้หนูนาหยุดก่อน”

[“ตั้งใจเรียนนะปูน”] ปลายสายย้ำเสียงเข้ม [“ถ้าเสร็จแล้วโทร.บอกพี่เดี๋ยวพี่ออกไปรับ”]

“ไม่ต้องหรอก ปูนไปกับโจมก็ได้”

[“บอกว่าจะไปรับก็ไปรับดิ ทำไมชอบดื้อจังวะ”]

“ก็บ้านพี่เดียวกับบ้านจี๊ดมันคนละโยชน์เลยนะ ถ้าเลิกช้าเอื้อก็ต้องวนมารับดึกๆ อีก” ตอนนี้ก็ทุ่มกว่าๆ แล้วเนื้อหาที่จะติวกันยังมีอีกตั้งหลายบท “เดี๋ยวปูนกลับกับโจมนะ ถ้าถึงแล้วจะรีบโทร.บอกเลย”

[“...”] สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบ ผมรู้ได้เลยว่าเอื้อกำลังไม่พอใจ

“เอื้อ...ให้ปูนกลับกับโจมนะ”

[“หอโจมก็ไม่ได้ใกล้กับหอปูน แล้วปูนจะกลับหอตัวเองยังไง”]

“เดี๋ยวให้กล้าแว้นไปส่ง”

[“ดึกแล้วขี่มอ’ไซต์ไปส่งมันอันตราย”] เวลาเอื้อมันทำเสียงเข้มๆ แบบนี้แล้วผมใจฝ่อเลยอ่ะ รู้เลยว่ายังไงมันก็ไม่ยอมแน่ ถ้าผมยังดื้อคงได้มีทะเลาะ และผมก็ไม่อยากทะเลาะกันมันด้วย

“แล้วจะให้ปูนทำยังไงอ่ะครับ” พูดเพราะ กับมันหน่อยครับ เอื้อชอบให้ผมพูดเพราะๆ ด้วยตามประสาคนที่ชอบพูดเพราะกับผมเหมือนกัน แต่เวลาพูดทีไรผมเขินทุกที แค่แทนตัวเองด้วยชื่อก็มุ้งมิ้งจะแย่

[“ถ้าถึงหอโจมแล้วโทร.หาแล้วกัน เดี๋ยวไปรับ”] ก็ยังดีกว่าให้มันมารับถึงที่นี่ล่ะนะ

“อือ เอางั้นก็ได้” ผมพยักหน้ากับตัวเอง ผมยอมได้ถ้าหากว่าจะไม่ทำให้เราทะเลาะกัน

[“พี่เป็นห่วงนะปูน...เข้าใจหรือเปล่า”] ผมนึกหน้ามันออกเลย ถ้าอยู่ด้วยกันคงยื่นหน้ามาใกล้แล้วยิ้มใส่แน่นอน

“อือ เข้าใจ...แต่มันดึกแล้วต้องขับรถไกลๆ มันลำบาก”

[“เป็นห่วง?”]

“นิดหน่อย กลัวไปทำคนอื่นเดือดร้อนมากกว่า” ปากแข็งนี่ขอให้บอกเถอะ พี่ปูนไม่แพ้ใครหรอก

[“ถ้าอยู่ใกล้จะจับจูบให้ปากเปื่อยเลย”]  ผมเงียบ เรื่องแบบนี้พี่ปูนจะไม่เล่นต่อเพราะมีแต่เสียกับเสียเท่านั้น

[“เอื้อ...คุยเสร็จหรือยังวะทุกคนรออยู่นะ…”] คราวนี้เป็นเสียงพี่ฟิ้งครับผมจำได้ เสียงพี่เขาค่อนข้างมีเอกลักษณ์ จะแหบนิดๆ 

[“เออๆ กูคุยเสร็จล่ะ”]

“แค่นี้นะ วางแล้ว เพื่อนจะเริ่มติวแล้วเหมือนกัน”

[“ครับ คิดถึงนะ”]

“อือ” เขินอยู่ครับ บ้าจริงอยู่ดีๆ มาบอกคิดถึงกันแบบนี้ได้ไง ไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิด เข้าโหมดหวานแบบงงๆ

[“อะไร ไม่บอกหน่อยเหรอว่าคิดถึงเหมือนกัน”] ปลายสายยังคงหยอกล้อผมเหมือนอย่างเคย คงกำลังยิ้มขำแน่นอนที่ทำให้ผมหน้าแดงได้

เหอะ คิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายเขินเป็นคนเดียวหรือไง

“ถ้าอยากได้ยินก็มาให้เห็นหน้าสิ จะพูดให้ฟังจนเบื่อเลย…”

[“ว่าไงนะ…”]

“แค่นี้นะครับพี่เอื้อ ตั้งใจเรียนอย่าเถลไถลล่ะ”

[“ปูนนนน”]

ผมกดวางสาแล้วยิ้มสะใจกับตัวเอง เชื่อว่าตอนนี้อีกฝ่ายต้องร้อนรนจนไม่มีสมาธิติวแน่นอน หึๆ อย่ามาแหยมกับพี่ปูนบอกเลย

“แหม~ ไม่คุยกับถึงพรุ่งนี้เลยล่ะ” หนูนาแซวทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในห้อง

“ที่พูดนี่อิจฉาหรืออิจฉา”

“มันก็เหมือนกันแหละเว้ย!!!”

ผมหลุดหัวเราะออกมาแล้วนั่งลงที่เดิมก่อนจะเปิดสมุดแล้วเริ่มตั้งใจเรียนอีกครั้ง ภาวนาว่าขอให้ผมรอดพ้นไฟนอลนี้ไปให้ได้โดยสวัสดิภาพ

====================================================
====================================
หวานเบาๆ บ้างเนาะเพื่อความฉดใฉของชีวิตตต
คิดถึงทุกคนนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ปล.ต่อไปคงได้อัพอาทิตย์ละครั้งนะคะ เวลาว่างหายากเหลือเกิน  :katai1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
พี่ปูนคนแมนนนนน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ tonnum18

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนนี้ก็ได้อ่าน แล้วยิ้มกับความหวานระหว่างน้องปูนกับเอื้อ

และความเป็นโรคจิตผิดปกติของฟิ้งอ่ะน่ะ  ถึงตอนนี้จะไม่มี

บทบาทออกมาเท่าไหร่ในตอนนี้ก็ตาม

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เมื่อน้องปูนอ่อยมากกว่ามั้งนี่

ออฟไลน์ Maitre

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

เมื่อน้องปูนสอบเสร็จ


เขาว่ากันว่าวันเวลาจะไปผ่านไปอย่างช้าๆ เมื่อในตอนนั้นเราไม่มีความสุข… จริงครับ คอนเฟิร์มโดนพี่ปูนเองเลย สอบไฟนอลแค่หนึ่งอาทิตย์แต่ทำไมมันเหมือนนานแสนนานราวกับจะไม่มีที่สิ้นสุดอย่างนี้! นี่ผมเพิ่งจะสอบได้แต่สามวิชาเองนะ มีอีกสี่วิชาที่ยังรออยู่ พี่ปูนไม่ไหวแล้วววว ฮือออ เมื่อไหร่เวลามันจะผ่านพ้นไปเสียที

อะไรนะ ใครถามถึงคนชื่อเอื้อเหรอครับ รู้หรือเปล่าว่าเขาหน้าตาเป็นยังไงบ้าง เพราะตั้งแต่วันนั้น...เมื่อห้าวันที่แล้วผมก็ไม่ค่อยได้เจอเขาอีกเลย ทั้งที่เราอยู่หอเดียวกับแท้ๆ แต่ไม่แม้จะเดินสวนกันให้ใจเต้น ชีวิตช่างเงียบเหงาเสียนี่กระไร

เฮ้อออ

เปล่าๆ ผมไม่ได้คิดถึงมันสักหน่อย แค่ขาดคนกวนตีนไปหนึ่งคนเท่านั้นเอง

โอเค ยอมรับก็ได้ว่าคิดถึงนิดๆ อยากเจอหน่อยๆ

“ถ้ามึงคิดถึงเขาก็โทร.ไป หาสิวะ” ผมตวัดตาใส่เพื่อนขี้เสือกที่เท้าคางมองผมกับโทรศัพท์สลับกัน “พี่เอื้อเขาคงไม่ว่าหรอก แค่โทร.ไปคุยนิดเดียว”

“ไม่ได้ ตอนนี้เอื้อกำลังสอบ” ดูเวลาแล้วเหลืออีกตั้งหนึ่งชั่วโมงกว่าเอื้อจะสอบเสร็จ และหลังจากนั้นผมก็เริ่มสอบวิชาถัดไปทันที

อ้อ ลืมบอกว่าตอนนี้ผมกับเดอะแก้งค์ขี้เสือกกำลังนั่งอ่านหนังสือรอเวลาอยู่ในหอสมุด สถานที่ที่เต็มไปด้วยความรู้และสาวๆ หน้าตาจิ้มลิ้ม มองตามได้เพลินๆ ไม่มีเบื่อ

“มึงนี่น่าสงสารว่ะ มีผัวทั้งทีดันได้ผัวที่ไม่ค่อยมีเวลา” เสือกเบอร์สองอย่างไอ้บอยออกความเห็นที่ผมไม่ได้ต้องการ และบอกกี่ครั้งแล้วว่าเอื้ออ่ะไม่ใช่ผัวเว้ย ยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย

“แต่พี่เอื้อเขามีอนาคตนะมึง” เสือกเบอร์หนึ่งตอบ

“แล้วแบบนี้มึงไม่คิดถึงเหรอวะ” หนูนาถามบ้าง ทุกคนเริ่มทิ้งชีทเรียนตรงหน้าแล้วสนใจเรื่องของผมแทนแล้ว “นี่ไม่ได้เจอจะเกือบอาทิตย์แล้ว มึงเอาแต่อยู่กับสามีโจมจนมันไม่มีเวลาให้กูด้วย”

หนูนามันมีงอนใส่โจมด้วยครับ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ง้อแต่อย่างใด

“ไม่อ่ะ”

“ตอแหล!” มึงไม่ต้องประสานเสียงกันดังขนาดนี้ก็ได้ ดูดิ คนเขามองกันเต็มแล้วเว้ย

“มึงไม่คิดถึงจริงๆ อ่ะ” อยู่ๆ ไอ้บอยมันก็ถามย้ำด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเจ้าเล่ห์ คือมึงต้องการจะคาดคั้นอะไรจากกูก็ไม่สำเร็จหรอกนะในจุดนี้ เรื่องปากแข็งพี่ปูนไม่ยอมแพ้ใคร

“ก็ไม่ เฉยๆ”

“สักนิดก็ไม่มีเหรอ”

“จะคาดคั้นให้ได้อะไรขึ้นมา บอกว่าไม่ก็ไม่ไงวะ” เรื่องแบบนี้จะให้มาพูดออกอากาศได้ไง มันได้ล้อผมตายเลยดิ

“ทั้งๆ ที่พี่เอื้อเขาอาจจะคิดถึงมึงมากกกกกอ่ะนะ”

“รู้ได้ไง เอื้บอกมึงเหรอ”

“ก็ถ้าพี่เขาไม่คิดถึงมึงมากๆ เขาคงไม่มาหามึงถึงที่หรอก” โจมยิ้มมุมปาก เป็นประโยคแรกที่มันพูด และเป็นประโยคที่ทำให้ผมสะพรึง

ขวับ!

ไอ้เชี่ยยยยย เอื้อจริงๆ ด้วย มันมายืนข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่วะ! ทำไมไม่มีใครบอกผม...เดี๋ยวนะ งั้นที่ไอ้บอยมันถามย้ำนั่นก็แปลว่ามันรู้อยู่แล้ว ไอ้พวกเหี้ยแกล้งกู!!

“พี่คงมากวน เดี๋ยวเจอกันวันสอบเสร็จเลยแล้วกัน” เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งขี้น้อยใจแล้วเดินจากไปแบบนี้สิ

“แล้ว แล้ว แล้วววววว”

“พี่เอื้องอนแล้วเว้ย”

“หุบปากเลยไอ้พวกเหี้ย!” โกรธจริงๆ นะ เรื่องแบบนี้ไม่ควรเอามาล้อเล่น ไม่รู้หรือไงว่าเอื้อขี้น้อยใจมากขนาดไหนอ่ะ แต่ที่โกรธที่สุดก็ตัวเองนี่แหละที่ไม่ระวัง ทั้งที่เอื้อยืนอยู่ข้างหลังแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกตัวเลย

ผมรีบวิ่งตามเอื้อออกมาจากหอสมุด คนขายาวก็เดินเร็วได้โล่ ปีหน้าไม่ต้องแข่งปิงปองล่ะ ไปลงวิ่งห้าสิบเมตรเถอะ ได้ถ้วยราวัลแน่นอนไม่ต้องเสียเวลาเดา

“เอื้อ รอก่อน!” ผมรู้ว่าเอื้อได้ยินที่ผมตะโกนออกไป แต่เจ้าตัวทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินต่อ นั่นทำให้ผมยิ่งเร่งฝีเท้ามากขึ้นจนขาแทบจะพันกัน “เอื้อ…โอ๊ะ!!”

โครม!!

โอ๊ยยย เจ็บฉิบหายเลย แม่งอายด้วย ล้มตรงไหนไม่ล้มมาล้มตรงบันไดทางขึ้นหอสมุดที่คนผ่านไปมาเยอะแยะ ฮือออออ พี่ปูนอยากจะมุดดินหนี!

“ปูน! เป็นไงบ้าง” กลับมาแล้วครับตัวต้นเหตุ เอื้อรีบนั่งลงข้างๆ ผม สำรวจบาดแผลตามร่างกายก่อนที่เราจะพากันมานั่งตรงโต๊ะม้าหินใกล้ๆ “เจ็บหนือเปล่า แขนถลอกอีกแล้ว รอยเก่ายังไม่จางเลย”

“นิดหน่อย ไม่เจ็บมากหรอก” อันนี้ไม่ได้โกหกนะ แบบว่าเจอกับความเจ็บปวดจนชิน

โธ่ ชีวิตกู

“เมื่อไหร่จะระวังตัวให้มากกว่านี้” เอื้อตีหน้ายักษ์ส่งมาให้ อยากจะบอกว่าก็ไม่ได้อยากทำให้ตัวเองเจ็บ แต่ทำไงได้มันเป็นอุบัติเหตุ “ซุ่มซ่ามที่หนึ่ง แล้วแบบนี้จะให้ห่างสายตาได้ยังไง”

“ขอโทษ” ผมได้กลายร่างเป็นหมาหงอยไปแล้วครับ ไร้ซึ่งหนทางต่อปากต่อคำใดๆ ผมผิดจริง ผิดเองด้วย ไม่เกี่ยวกับดวงซวยทั้งสิ้น

“รออยู่นี่นะ เดี๋ยวมา”

ได้แต่พยักหน้ารับแล้วปล่อยให้เอื้อเดินไป...ที่ร้านกาแฟข้างหอสมุด ก่อนที่ร่างสูงจะกลับมาพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งขวดและทิชชู่ในมือ เหตุการณ์นี้แม่งโคตรคุ้นเหมือนกับว่าเคยเกิดกับตัวผมมาก่อน -..- และก็เป็นไปตามคาดที่เอื้อสละผ้าเช็ดหน้าขาวสะอาดของตัวเองเพื่อทำความสะอาดแผลถลอกให้กับผม

เอื้อทำเผลโดยไม่พูดกับผมสักคำ แต่ความเอาใจใส่ ท่าทางที่ทะนุถนอมและสายตาบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นห่วงผมขนาดไหน

“เอื้อ...เรื่องเมื่อกี้อ่ะ ไม่ได้ตั้งใจนะ”

“ที่ล้มเหรอ ก็แหงะล่ะ ใครจะตั้งใจให้ตั้วเองเจ็บตัว”

“หมายถึงเรื่องที่บอกว่าไม่คิดถึง” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เบายิ่งกว่ากระซิบ แต่เพราะเราอยู่ใกล้กันมาก และรอบข้างก็เงียบสนิท เอื้อเลยได้ยินอย่างชัดเจน

“ไม่ได้ตั้งใจนี่หมายถึงยังไง ไม่ได้ตั้งใจให้ได้ยินเหรอ”

“เปล่า...ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นต่างหาก อย่าตีมึนดิ รู้ว่าเอื้อรู้ว่าปูนหมายถึงอะไร”

“หมายถึงปูนไม่คิดถึงพี่” ง่ะ มันใช่เสียที่ที่ไหนเล่า

“มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย แต่...แบบจะให้พูดออกไปมันก็เขิน” ผมยกมือขึ้นมาเกาแก้มแก้เก้อ “เดี๋ยวเพื่อนมันล้อเอา”

“ปูนกลัวเพื่อนล้อมากกว่ากลัวพี่เสียใจเหรอ” โอ๊ยยย ไปกันใหญ่แล้ว คุณชายคนนี้ขี้งอนยิ่งกว่าใคร ขี้น้อยใจเหมือนเด็ก แล้วก็ช่างประชดประชันด้วย เอื้อไม่มองหน้าผมเลยแม้ว่าตอนนี้มันจะขึ้นมานั่งข้างกันแล้ว “พี่แค่อยากเจอปูน ตอนนี้พี่เห็นหน้าไอ้เดียวบ่อยกว่าปูนเสียอีก”

“มันก็แน่อยู่แล้ว ปูนยังเจอหน้าโจมบ่อยกว่าเลย”

“เพราะแบบนั้นพอมีเวลาพี่ก็อยากมาหาปูน เห็นหน้าสักสิบนาทีก็ดี”

“ปูนขอโทษ...ปากปูนไม่ดีเองเหรอ อยากจะตีก็ได้นะยอมทุกอย่าง” โคตรรู้สึกผิดเลยตอนนี้ ให้ทำอะไรก็ยอมแล้ว

“ตีปูนไปจะได้อะไรล่ะ พี่ไม่ชอบเห็นปูนเจ็บตัว” เอื้อพูดจบก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะจูบลงที่มุมปากผมเบาๆ “สู้ทำให้ปูนเขินยังดีกว่าเลย”

แล้วก็...ปัง!!! หัวใจผมก็ระเบิดออกมาเป็นช็อคโกแลต

อ๊ากกกก นี่มันหน้าหอสมุดนะเว้ย นี่มันพื้นที่สาธารณะนะ แล้วมาทำประเจิดประเจ้อแบบนี้ได้ยังไง ถึงมันจะไม่ค่อยมีคนเดินผ่านตอนนี้ก็เถอะ! งื้ออออ แล้วคุณผู้หญิงกลุ่มนั้นที่มองมาด้วยความตกใจคือคุณเห็นฉากเลิฟซีนเมื่อกี้ใช่หรือเปล่าครับ! นั่น...นั่น! มีการส่งยิ้มมาให้ผมอีก

ผมพาดมือลงบนแขนหนาแรงๆ ไปหนึ่งทีโทษฐานไม่ให้เกียติสถานที่ ถ้าอยู่ในห้องแล้วทำกันสองคนจะไม่ว่าเลย

เอ่อะ ไม่ใช่ล่ะ

“หายกันแล้วนะ” งื้อออ ไม่ต้องส่งยิ้มมาให้เลย เมื่อกี้จงใจแกล้งกันชัดๆ ฟ้องครับฟ้อง น้องปูนของทุกคนกำลังโดนรังแก! “แล้วพี่ก็มาทวงสัญญา”

“สัญญาอะไรอีก” อยากจะลุกหนีนะแต่เมื่อกี้มีชะนักติดหลัง ไม่งั้นไม่เห็นพี่ปูนแล้วครับ โน้นนน มุดลงดินไปตั้งนานแล้ว

“มีคนบอกว่าถ้ามาหาจะได้ฟังคำว่าคิดถึง มาหาแล้วนะครับ เมื่อไหร่จะได้ฟัง”

อ๋อออออ ผมลืม! ตอนนั้นพูดเพราะอยากแกล้งอีกฝ่ายเล่นๆ ไม่คิดว่าเอื้อจะเป็นคนคิดจริงจังขนาดนี้ แต่น้องปูนคนจริงๆ ครับ พูดแล้วก็ต้องรักษาสัญญา ไม่มีทางกลับคำง่ายๆ

ติดอยู่ที่มันเขินจนพูดไม่ออกนี่แหละ แอร๊ยยยย

“ถ้าไม่พูดพี่จะ…”

“จะอะไร” เกลียดที่สุดก็หรหยุดไว้ให้คิดนี่แหละ!

“จะทำให้เขินมากกว่าเดิม” ผมรีบขยับตัวออกห่าง พอเลยทีเดียวก็เกินพอแล้ว ถ้ามีมากกว่านี้พี่ปูนรับไม่ไหวหรอกจะบอกให้

“พูดแล้วๆ

“ครับ รอฟังอยู่” ไม่ต้องมายิ้มแป้นแล้นเลย มันยิ่งทำให้พูดอยากขึ้นไปอีกสิบแปดเท่า

เคยเป็นหรือเปล่าครับ คำพูดบางคำก็ง่ายแสนง่าย อย่างคำว่า ‘ชอบ’ ‘รัก’ หรือ ‘คิดถึง’ ที่ปกติเราก็พูดออกมาอย่างง่ายดาย แต่พอต้องพูดกับคนที่ใจเรารู้สึกอะไรด้วยหรือพูดกับคนสำคัญทีไร มันกลับทำให้พูดไม่ออกสักที ไม่ก็พูดออกมาได้ไม่เต็มเสียง

“คิดถึง”

เขาว่ากันว่าแค่คำบางคำก็ทำให้คนฟังมีความสุขได้ เรื่องนี้คงจะจริง เพราะพอผมพูดออกไป ผู้ชายตรงหน้าก็สิ่งยิ้มสดใสมาให้ทันที

ผมชอบรอยยิ้มของเอื้อ และจะชอบมากที่สุดถ้ามันมีไว้สำหรับผมคนเดียว

♣♣♣♣♣

วันนี้ผมจะสอบวิชาสุดแล้วครับ (เย่ๆ!) ผมควรจะดีใจแต่ก็ต้องหนักใจเพราะวิชานี้เป็นวิชาที่ยากที่สุด เพราะงั้นเมื่อวานทั้งวันผมเลยไม่ออกไปไหนแล้วนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่หออย่างเดียว

ผมพยายามมากในวิชานี้ เพราะอาจารย์ออกข้อสอบเป็นบรรยายทั้งหมด พี่สามมันก็ขู่มาจนผมกลัวเลยครับ มันบอกอาจารย์เคี่ยวมาก ให้คะแนนยากอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องอ่านไปเยอะๆ และตั้งใจทำข้อสอบ เพราะขนาดพี่บุ๊คซึ่งเป็นตัวเทพของชั้นปียังได้เอมาแบบฉิวเฉียด

แล้วผมจะรอดเหรอให้ทาย

สำหรับอีกวิชาที่ยากรองลงมาอย่างเคมีประยุกต์ผมเพิ่งสอบไปเมื่อวันก่อนครับ ผมว่าผมพอทำได้นะ ที่เอื้อมันติวให้ช่วยได้เยอะมาก เพื่อนๆ ของผมก็พลอยทำข้อสอบได้ไปด้วย เพราะเอื้อมันบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะติววิชานี้ให้ตอบแทนที่ทุกๆ คนช่วยติวให้ผม

ออกจากห้องสอบมาไอ้กล้ากับไอ้บอยถึงกับเปลี่ยนสรรพนามให้เอื้อเป็น ‘ท่านเทพเอื้อ’ เลยครับคิดดู

เมื่อวานเอื้อมีสอบตั้งแต่เช้าถึงเย็น แต่ก็เป็นวันสอบวันสุดท้ายของอีกฝ่ายเช่นกัน มันสอบที่หลังผมสองวันแต่เสร็จก่อนวันนึง

โคตรไม่แฟร์เลยอ่ะ

วันนี้เอื้อมันไม่อยู่ทั้งวัน มันสอบเสร็จเมื่อวานก็ต้องรีบกลับบ้านทันที ผมยังแปลกใจเลยตอนที่อีกฝ่ายโทร.มาบอกช่วงเย็น ก็มันไม่เคยกลับบ้านเลยตั้งแต่เรารู้จักกัน แล้วทำไมอยู่ๆ มันถึงอยากกลับบ้านได้

“โอมมมมมม นะโม นะโม นะโม นะโมมมมม จงออกข้อสอบง่าย จงออกข้อสอบง่าย จงออกข้อสอบง่ายยยยย เพี้ยง!!!”

เอ่อะ ผมว่ากดดันมาเกินไปก็ทำให้คนเป็นบ้าได้นะ ดูอย่างไอ้กล้ากับไอ้บอยสิ มันรวมหัวกันท่องบทสวดอะไรก็ไม่รู้ ตอนนี้เรากำลังอยู่ที่หน้าห้องสอบครับ อีกสอบนาทีถึงจะเข้าห้องได้

“พวกมึงสองคนเลิกสวดอะไรไร้สาระสักทีได้ป่ะวะ” ไอ้ฟ้าพูดขึ้นอย่างหัวเสีย มันกำลังตั้งใจอ่านทบทวนอยู่ เสียงสองได้สองตัวคงดังรบกวนสมาธิ

“มึงเงียบไปเลย พวกกูก็กำลังพยายามในแบบกูเหมือนกัน!”

“พยายามแบบนี้มันช่วยอะไร แม่ง! ตอนกูติวให้ทำไมมึงสองคนไม่ตั้งใจฟังหา?!”

“มึงจะเสียงดังทำไมเนี่ย...เดี๋ยวอาคมเสื่อมหมด” ไอ้บอยที่ตั้งหน้าตั้งใจสวดไร้สาระของมันหันมาดุไอ้ฟ้า แล้วชวนไอ้กล้าสวดต่อ “มึงจะเอาด้วยป่ะวะปูน”

“กูขอบายอ่ะ”

ผมไม่ทำอะไรน่าอายแบบนั้นแน่นอนครับ สู้ภาวนากับน้องเดหลีสุดที่รักให้ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมดีกว่า

ครืดๆๆๆ

โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นผมเลยหยิบออกมาดู มันเป็นข้อความสั้นๆ จากคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม

‘ตั้งใจทำข้อสอบนะหลานรัก ตากับยายคิดถึง’

ไม่ใช่ตากับยายหรอกครั้บที่ส่งมา ลุงคณิตต่างหาก ตากับยายไม่มีทางทำอะไรแบบนี้แน่ ยิ่งตายิ่งเป็นสายแอนตี้โซเชียลทุกชนิด ไม่ใช่ว่าแกไม่ชอบนะ แต่แกเล่นไม่เป็น

ฮาาา ตาผมเองครับตาผมม

แค่ข้อความสองประโยคก็ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ

“เข้าห้องสอบได้ครับ”

โอเค ผมพร้อมลุยแล้วววว

(เชี่ยยยย ข้อสอบจะยากไปไหนวะแม่งงงงง)

..
.
สอบเสร็จแล้วโว้ยยยยยยยยยยยย

อยากจะตะโกนให้ลั่นมอเลย! แต่ผมตะโกนไม่ทันพวกเพื่อนๆ มันหรอกครับ

“กรี๊ดดดด ต่อไปนี้กูจะแรดแล้ว!!”

“มึงก็แรดอยู่แล้วป่ะวะหนูนา ฮ่าาาาาา” เรื่องจิกกัดหนูนาไว้ใจพี่บอยของเราได้เลย

“ปากเสียอีบอยยย กูออกจะเรียบร้อยดั่งผ้า…”

“ยับที่พับไว้” โอ้โหไอ้โจม ฝีปากมึงนี่เด็ดดวงขึ้นทุกวัน อัพเลเวลแล้วใช่มะ

“ผัวคะ กูไปยับบนหัวมึงเหรอ!”  แล้วเสียงสิบแปดหลอดของมันก็ดังจนคนรอบข้างหันมามอง ดีนะเราลงจากตึกกันแล้วไม่อย่างนั้นอาจารย์ที่คุมสอบคงออกมาไล่แน่

“พวกมึงสามตัวนี่จะเถียงกันทำไมวะ” ไอ้กล้าส่ายหน้าระอา มึงก็คิดเหมือนกูใช่มั้ยกล้า “กูว่าเอาเวลามาคิดดีกว่าว่าวันนี้จะไปฉลองที่ไหนดี...กูสอบเสร็จแล้วโว้ยยยย!”

ไอ้เชี่ย!! เสียงดังกว่าพวกแม่งรวมกับอีก

“มึงนี่คิดแต่เรื่องอบายยามุกเนาะ” ใช่ๆ ฟ้า ด่ามันเยอะๆ

“หรือมึงจะไม่ไปครับน้องฟ้า”

“ไปดิ...เรื่องแบบนี้จะพลาดได้ไง”

โธ่~ เพื่อนกูแต่ละคน พี่ปูนนี่เพลียจิตเลย

“งั้นคืนนี้ร้านพี่เติมสามทุ่มระครับทุกคน” บอยสรุปให้เองเสร็จสรรพ คือพวกมึงไม่คิดจะเปลี่ยนร้านเลยใช่ป่ะ สุข เศร้า เหงา อกหักก็ร้านพี่เติม มึงเป้นญาติฝ่ายไหนของเขาครับเพื่อน

แต่นอกจากร้านพี่เติมผมก็ไม่เคยไปร้านไหนอีกเลยนะ ฮะๆ

บอยหันไปทางหนูนาและจี๊ด “พวกมึงไปป่ะ”

“ผู้หญิงเรียบร้อยๆ อย่างกูไม่อยากเข้าร้านเหล้าเท่าไหร่เลยว่ะ…”

“ถุย!!!” พวกผมที่เหลือร่วมใจประสานเสียงใส่มัน แหมะ ทำมาเป็นไม่อยากเข้าร้านเหล้ามึงอ่ะคอแข็งกว่าพวกกูอีกเว้ย! หนูนามันคอทองแดงมากครับ มันเคยบอกว่าพ่อจับเหล้ากรอกปากมันตั้งแต่เด็กๆ กันมันถูกมอม

บ้านนี้สอนกันแปลกจริงๆ

“ฟังให้จบก่อนสิวะ กูไม่อยากเข้าร้านเหล้า...ถ้าไม่มีผู้ชายหล่อไปด้วยเว้ย!”

“แล้วอย่างพวกกูนี่...หล่อพอป่ะวะ”

เชรดดดดดดดดดด ไอ้โจมแอทแทคครับท่านผู้ชมมมมม

มันถามขึ้นพร้อกับยกยิ้มมุมปากเท่ๆ บอกเลยว่าโคตรหล่อออ มึงหล่อมากโจม มึงคือดี มึงคือที่สุดดด (รองจากแฟนกูนะ)

“กรี๊ดดดดดด”
“หล่อฉิบหายเลยมึง”
“นั่นคือสามีกูในอนาคต~”

เปล่าๆ ไม่ใช่หนูนาหรอกครับ และก็ไม่ใช่จี๊ดด้วย แต่เป็นสาวๆ ที่เดินผ่านไปมาต่างหาก การันตีความหล่อของมันเพิ่มอีกเท่าตัว

“ชะนีพวกนี้เห็นผู้ชายหน้าตาดีเป็นไม่ได้” จะพูดอะไรก็เช็ดน้ำลายที่หยดตรงมุมปากตัวเองก่อนนะเพื่อน ช่วยรักษาภาพพจน์ดาวสาขานิดนึงเว้ย ไม่ใช่มองผู้ชายตาเยิ้มขนาดนั้น!

“มึงนั่นแหละหนูนาตัวดีเลย!”

“ทำไมมึงหึงมันเหรอบอย” ไอ้กล้าถาม

“เหอะ จะหึงทำไม สุดท้ายมันก็ต้องมาซบอกกูอยู่ดี”  มั่นหน้าไม่มีใครเกินเลยเพื่อนกู

อยู่กับพวกมันนอกจากจะได้เรื่องไร้สาระกลับไปแล้วยังได้เสียงหัวเราะไม่หยุดอีก ผมนี่ได้แต่ยืนขำอย่างเดียวเลยครับ ไม่ต่างจากจี๊ดเลย

“พี่เอื้อมารับแล้วปูน”

เสียงจี๊ดทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ ก่อนจะหันไปมองตามปลายนิ้วยาวที่ชี้ไปทางด้านหน้าที่มีรถคันคุ้นตาจอดรออยู่

“พวกมึง กูไปก่อนนะเว้ย”

“แหม พอผัวมานี่หาเสียงตัวเองเจอเชียวนะมึง” 

“ไม่ใช่ผัวเว้ย!” ต้องให้บอกจนปากจะฉีกถึงรูหูเลยมั้ยถึงจะเชื่อว่าเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน

“อย่าลืมนะเว้ย สามทุ่มร้านพี่เติม!”

“ได้เลยเพื่อน” โธ่~ แอลกอฮอล์จ๋าาา รอพี่ปูนก่อนนะ แค่คิดก็น้ำลายไหลไปถึงพื้นแล้ว

“หน้ามึงไม่ค่อยเงี่ยนเลยนะ”

“เขาเรียกว่าเสี้ยนเว้ย!” ผมบอกก่อนจะรีบวิ่งไปหาเอื้อ ไอ้กล้านี่ไม่ไหวเลยครับ อยู่กับมันนี่วิบัตจริงๆ ทำพี่ปูนเสียู้เสียคนหมด (หรา)

..
.
สี่ทุ่มฟ่าๆ ร้านพี่เติมเจ้าเก่าเจ้าประจำ จนอยากสมัครสมาชิก

“เอ้าชนนนนนน!” เสียงตะโกนยาวๆ ของไอ้กล้าดังขึ้นก่อนที่แกล้งพลาสติกสิบใบจะกระทบกันอีกครั้ง...อาฮะ ฟังไม่ผิดครับ แก้วพลาสติกจริงๆ นะ พวกผมไม่ได้กินแป๊บซี่อยู่หรอก แต่ร้านพี่เติมเขาเพิ่งเปลี่ยนแผนการใหม่เป็นใช้แก้วพลาสติกแทนเนื่องจากมันแตกไม่ได้นั่นเอง

“กินแก้วแบบนี้ม่ได้อารมณ์เลยว่ะ”

“ก็ดีกว่าเขาให้กินจากขวดนะพี่” ไอ้กล้าผู้กลายเป็นน้องรักของพี่เดียวไปแล้วตอบกลับมา หึๆ ผมล่ะอุตส่าห์ดีใจที่จะได้มากินเหล้าหลังสอบเสร็จ ที่ไหนได้ต้องมีพ่อ (คุณ) มาตามคุมพฤติกรรม แต่ดีหน่อยที่ไม่ได้กินแต่น้ำอัดลมเหมือนอย่างวันโน้น

พวกผมเจ็ดคน รวมกับเอื้อและผองเพื่อนอีกสามชีวิต เป็นสิบคนพอดิบพอดี พวกเราสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว อย่างที่บอกว่าพี่ฟิ้งเป็นคนเฟรนลี่มากๆ เข้ากับคนอื่นง่าย เพื่อนๆ ผมก็ชอบพี่เขากันทุกคนยกเว้นโจมที่ผมดูไม่ออกเพราะมันนิ่งตลอดไม่ว่ากับใคร ส่วนพี่เดียวรายนี้อย่าพูดถึง รวมกลุ่มกับไอ้บอยและไอ้กล้ากลายเป็นตลกค่าเฟ่ที่เล่นมุกทีไรก็มีเสียงหัวเราะตลอด ไม่ใช่ขำมุก แต่ขำให้ความแป็กของมุกต่างหาก

“พี่เอื้อคะ ชนแก้วหน่อยนะคะ”

“อ่า...ครับ”

หึๆๆๆ ชนแก้วครับชนแก้ว มานั่งไม่ถึงชั่วโมงอยากถามว่าได้ชนไปกี่แก้วแล้วครับ ฮัลโหลเห็นมั้ยว่าใครนั่งข้างมันอยู่เนี่ย เข้าใจว่ามันเป็นมารยาททางสังคม แต่คุณคนของประชาชนจะบ่อยเกินไปหน่อยล่ะ

“มึงได้นับป่ะวะไอ้กล้า”

“นี่ก็สิบสองแล้วครับ อีกแก้วก็ทุกสถิติที่ทำไว้แล้ว”

“สถิติอะไรวะ”

“เอ้า...ก็สถิติความหึงของไอ้ปูนไง พี่ดูหน้ามันดิ จะแดกหัวผู้หญิงคนเมื่อกี้อยู่แล้ว”

“กูเปล่าเว้ย!” ผมหันไปแว้ดใส่ รับส่งมุกกันดีเหลือเกินนะครับไอ้ตลกค่าเฟคณะนี้ ผมไม่ได้ไม่พอใจ ไม่ได้หึงใดๆ เลย พี่ปูนอ่ะปกติทุกอย่างอยากบอกให้รู้

“หึๆ”

“หัวเราะอะไร” ผมหันไปถลึงตาใส่เอื้อ

“เสียงเหวี่ยงไปอีกกกก” หนูนามึงเงียบไปเลย อยากเป็นตลกหนึ่งที่สวยที่สุดในคณะค่าเฟ่เหรอ (ก็คณะมีมันเป็นผู้หญิงคนเดียวครับ) “มึงนี่ปากแข็งเหมือนชื่อเลยนะ หึงก็ไม่พูด คิดถึงก็ไม่บอก”

“พี่ก็รอให้พูดบอกว่าไม่ชอบอยู่ สงสัยจะรอเก้อแล้ว”

ผมกอดอก ทำไมเข้าขากันดีนักวะ แล้วไอ้คนข้างๆ ผมนี่แหละตัวแสบเลย ทำมาเป็นพูด ใครต่อใครเข้ามาทักก็ชนแก้วเขาไปหมด แล้วยังมีหน้ามาบอกว่ารอเราบอกว่าไม่ชอบ

ชิ!

“เล่นมากระวังจะขำไม่ออกนะพี่” ถูกกกกก มึงพูดได้ถูกต้องเลยโจม อยากเล่นมากระวังน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า คะแนนที่สะสมมาอาจจะถูกหักออกจนถึงขึ้นติดลบ

ผมยังคงนั่นนิ่ง แต่หลังจากนั้นเอื้อก็คงจะรู้ว่าควรพอได้แล้ว อีกฝ่ายจึงงดชนแก้วกับสาวสวยในทุกกรณีด้วยเหตุผลที่ว่า ‘เกรงใจเมีย’ นั่งดื่มไปอีกสักพักก็พบว่าไตเริ่มจะขับทิ้งของเสียบ้างแล้ว เลยลุกมาเข้าห้องน้ำพร้อมกับเอื้อที่ติดตามไปด้วย

“พี่รอข้างนอกนะ” ร่างสูงกระซิบก่อนจะปล่อยให้ผมเข้าไปคนเดียว ตลอดทางที่เดินมาผมรู้สึกว่าตัวเองตกเป็นเบ้าสายตาไม่น้อย ยิ่งอยู่ด้วยกันกับเอื้อแล้วยิ่งถูกมองเข้าไปใหญ่ ประเด็นเก่าของผม เอื้อ และพี่น้ำไม่ถูกลืมไปง่ายๆ มันยังคงติดอยู่ในสายตาของทุกคน

ผมออกมาจากห้องน้ำก็ไม่พบเอื้อแล้ว ให้เดาคงจะอยู่หลังร้านเป็นแน่ บอกแล้วว่าตรงนี้อากาศดี ปลอดโปร่งโล่งสบาย เหมาะกับการหลีกหนีความวุ่นวายและแสงสีข้างในร้าน

“พอสักทีเถอะน้ำ เลิกยุ่งกับผมได้แล้ว” เท้าทั้งสองข้างของผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้น และเมื่อเดินออกไปอีกนิด ก็พบกับภาพที่ทำให้หัวใจผมหล่นวูบ พี่น้ำถูกกักไว้ในอ้อมแขนของเอื้อ มือบางกำเสื้อยืดสีอ่อนของร่างสูงเอาไว้แน่นราวกับอยากจะดึงทึ้งให้ขาดออก

“ทำไมน้ำจะต้องเลิกด้วย น้ำผิดอะไร ทำไมน้ำต้องยอม น้ำก็ชอบเอื้อไม่แพ้ไอ้เด็กนั่น” เสียงหวานสั่นเครือ และพูดยานคางคล้ายคนกำลังเมา “หรือว่าถ้าไม่มีมัน เอื้อจะหันมามองน้ำ”

“อย่าทำอะไรปูน ถ้าจะลงก็มาลงกับผมคนเดียว”

“หึ...มันสำคัญกับเอื้อมากสินะ…”

“แบบที่น้ำเทียบไม่ได้เลยล่ะ”

“...”

“ถ้าน้ำทำอะไรปูน ผมไม่ปล่อยน้ำไว้แน่” เอื้อกดเสียต่ำฟังดูน่ากลัวกว่าทุกครั้ง จากมุมนี้ผมไม่เห็นว่ามันทำหน้ายังไง แต่ก็คงจะดุคันไม่น้อย

“นี่เอื้อขู่น้ำ?”

“ผมไม่ได้ขู่ ผมทำจริง” เอื้อที่ปกติจะเป็นคนสุภาพและอ่อนโยนตอนนี้ได้เปลี่ยนไป กลายเป็นเอื้อที่ผมไม่เคยรู้จัก มือหนาถูกเลื่อนเข้าหาพี่น้ำก่อนจะบีบลงที่คางเรียวอย่างแรง “แต่ถ้าน้ำอยากลองดีก็เชิญ”

“น้ำไม่...โอ๊ย”

ใบหน้าสวยของพี่น้ำถูกปล่อยให้เป็นอิสระ “ผมไม่ใช่สุภาพบุรุษแบบที่น้ำคิดหรอกนะ”

เอื้อก้าวถอยออกมาจากตรงที่ยืนอยู่ และทันใดนั้นพี่น้ำก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้นแล้วสะอื้นด้วยความกลัว  ทว่าร่างสูงกลับยืนมองภาพตรงหน้าและเดินออกมาอย่างไร้เยื่อใย ผมรีบกลับเข้ามาข้างในร้าน ทำทีเป็นยืนเล่นโทรศัพท์รออีกฝ่ายอยู่หน้าห้องน้ำ และพอเอื้อเดินเข้ามาก็แกล้งตีหน้าเหรอหราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายออกไปข้างนอก

“กลับโต๊ะกันเถอะ พวกนั้นจะแย่งกินหมด” รอยยิ้มละมุมถูกส่งมาให้ผม ก่อนที่เอื้อจะเป็นฝ่ายนำไปก่อน และไม่ลืมที่จะจูงมือผมให้ตามไปด้วย

“เมื่อกี้ไปไหนมา”

คนตรงหน้าหยุดเดินก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองผมพร้อมยิ้มมุมปาก “ก็แอบฟังอยู่ไม่ใช่เหรอ” ดวงตาสีเข้มที่ทอประสายแสงสีของไฟในร้านจ้องลึกเข้ามในดวงตาของผม

“...” เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่ากลัว จนเกือบเผลอสะบัดมืออีกฝ่ายทิ้ง ทว่าเอื้อเองที่เป็นผ่ายกุมแน่นไม่ยอมให้มือของเราหลุดออกจากกันง่ายๆ

ร่างของเราสองคนโดนกลุ่มคนที่ยืนใกล้ๆ เบียดให้เข้ามาชิดจนปลายจะมูกเราแนบชิดกัน ร่างสูงเปลี่ยนจากจับมือมาโอบเอวของผมเอาไว้ ท่างกลางผู้คนมากมาย และเสียงเพลงที่ดังกึกก้อง ตอนนี้โลกของผมกลายเป็นเอื้อเพียงแค่คนเดียว และสิ่งอื่นไม่มีความหมาย

“กลัวพี่เหรอ” เอื้อกระซิบชิดริมหู “ถึงพี่จะใจร้ายกับคนอื่น แต่ปูนจะเป็นคนเดียวที่พี่จะใจดีด้วยตลอดไป”

ไม่รู้ว่าผมจะเชื่อผู้ชายคนนี้ได้มากขนาดไหน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำที่เอื้อพูดออกมาทำให้หัวใจที่เหี่ยวเฉาเปลี่ยนเป็นฟูฟ่องราวกับได้รับน้ำเย็นชื่นใจ

และได้แต่ภาวนาว่าขอให้เป็นผมคนเดียวตลอดไป…

..
.
ต่อด้านล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-04-2017 10:37:11 โดย Maitre »

ออฟไลน์ Maitre

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เช้าถัดมา

“ของครบหมดแล้วใช่มั้ย” ลุงคณิตถามขึ้นหลังจากขนกระเป๋าใบสุดท้ายขึ้นรถ ที่จริงผมก็ไม่ได้เอาอะไรกลับบ้านมากมายหรอกครับ แค่หอบการ์ตูนที่ห้องไปเก็บบ้านหมดทุกเล่มแค่นั้นเอง

“ครับ ไม่มีอะไรแล้ว”

ลุงมองไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลัง เอื้อมาช่วยผมเก็บกระเป๋าตั้งแต่มาถึง แม้ว่าตอนเก็บจะบ่นว่าไม่อยากให้ผมกลับบ้าน (ซึ่งเป็นไปไม่ได้ครับคุณชาย) ก็ตามที

“ลุงไปเซเว่นนะ จะไปซื้อกาแฟเอาอะไรมั้ย”

“ขนมครับ เยอะๆ เลย” ผมบอกพร้อมยิ้มแป้น แฮ่ๆ จะได้มีเวลาบอกลาเอื้ออีกนิด

“โอเค...ลุงจะเลือกมาให้เยอะๆ เลย” ลุงส่งยิ้มมาให้ก่อนจะเดินข้ามเดินไปอีกทาง คือร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ ก็มี นี่ลุงกำลังเปิดโอกาสให้ผมสองคนอยู่ใช่มั้ยครับ

“กินข้าวเยอะๆ นะ อย่ามัวแต่อ่านการ์ตูน” มันจับตัวผมหันซ้ายหันขวา “ถ้ากลับมาแล้วผอมกว่านี้ล่ะน่าดู”

ผมเบ้ปากใส่อีกฝ่ายไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีความรู้สึกนี้อีกครั้ง ไอ้ความรู้สึกหวิวๆ เมื่อต้องจากลาเนี่ย รู้สึกครั้งล่าสุดคือตอนที่ตากับยายมาส่งที่หอตอนปีหนึ่ง

ก่อนผมจะกลับบ้าน ผมมีหนึ่งเรื่องที่อยากบอกกับเอื้อ...เรื่องที่ผมนอนคิดมาทั้งคืน

“เอื้อคือ…”

“แปบนะ” เอื้อยกมือขึ้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ “ฟิ้งว่าไง...อือ กำลังรอส่งปูนกลับบ้าน...เปล่าๆ ลุงปูนมารับ อือๆ ได้...โอเคเดี๋ยวกูไป”

“จะไปไหนต่อเหรอ” ผมถามหลังจากที่เอื้อวางสายได้พักครู่ “ถ้ามีธุระไปเลยก็ได้นะไม่ต้องรอหรอก”

“ได้ไงเล่า ต้องส่งปูนก่อนสิ ฟิ้งมันแค่ติดรถกลับบ้านด้วยกันเท่านั้นแหละ”

“สนิทกันมากเลยเนาะ เพื่อนแบบนี้หาโคตรยาก”

“อือ ถ้าเสียไปคงแย่” นั่นสินะ ถ้าเสียพี่ฟิ้งไปเอื้อจะทำยังไง “แล้วเมื่อกี้จะพูดอะไรเหรอ”

“อ่อ...คือ…”

บอกตามตรงว่าผมรู้สึกใจหายครับ พอจะห่างกันไปจริงๆ แล้วมันก็อดกังวลเรื่องอะไรต่างๆ นานาไม่ได้ สิ่งแรกเลยที่ผมคิดว่าเมื่อเราห่างกับไปแล้ว ความรู้สึกของเอื้อที่มีต่อผมยังจะคงเหมือนตอนที่เราอยู่ด้วยกันหรือไม่ เอื้อจะเปลี่ยนไปไหม สามเดือนจะว่าสั้นก็สั้น จะว่านานก็นานเหมือนกัน ถ้าอีกฝ่ายเจอใครที่ทำให้มันรู้สึกต่อเขามากกว่าผมจะทำยังไง

เอื้อก็ยังเป็นเอื้อ ยังเป็นคนที่มีเสน่ห์ ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องตกลงไปในหลุมที่อีกฝ่ายขุดไว้อย่างไม่ตั้งใจ พฤติกรรมที่ผ่านมาของเอื้อทำให้หัวใจของผมสั่นไหว กลัวว่าอีกฝ่ายจะเผลอไผลไปกับอะไรก็ตามที่เข้ามาหาจนหลงลืมความรู้สึกที่มีต่อผมไปชั่วขณะ

กลัวว่าสุดท้ายแล้ว คำว่า ‘ชอบ’ ที่เอื้อได้บอกกับผมไว้จะเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว

“ถ้าจะบอกว่าคิดถึงก็รีบบอกมานะ รอฟังอยู่”

“ไม่ใช่สักหน่อย…” ผมหลุบตามองพื้น “ถ้า...ภายในสามเดือนนี้มีอะไรเปลี่ยนไป...ก็บอกกันได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

ยังดีกว่าที่ให้ผมมารู้ที่หลัง และเสียใจอยู่คนเดียว

“หมายความว่าไง”

“ก็...ถ้าเกิดว่า…” มันค่อนข้างพูดยากนะครับ แต่ผมก็อยากจะพูด “ถ้าเกิดว่าเอื้อไปเจอใครคนใหม่เข้า…”

“ปูน!” อีกฝ่ายเรียกผมด้วยเสียงที่ดังและเข้มขึ้นจนผมต้องเงยหน้ามองคนพูด สีหน้าเอื้อบ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“อะ อะไร”

“ปูนกำลังดูถูกความรู้สึกของพี่นะ” เอื้อหันหน้าไปมองทางอื่น “ปูนพูดมาได้ไง ถ้าพี่ไปเจอใครใหม่แล้วยังไง ต่อให้พี่จะเจอใครอีกสักกี่คนพี่ก็ไม่หวั่นไหวง่ายๆ หรอก”

“...”

“คำว่าชอบที่พี่บอกปูนไป มันไม่ได้ทำให้ปูนเชื่ออะไรเลยเหรอ” เอื้อมองผมด้วยสายตาเจ็บปวดจนผมรู้สึกแย่มาก เมื่อกี้ผมทำร้ายหัวใจอีกฝ่ายไปมากแค่ไหนกัน

“...”

“พี่ชอบปูนนะ คำนี้ไม่มีวันยกให้ใคร”

“คือ...” ผมอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ที่เอื้อพูดมาถูกทั้งหมด ผมมันแย่เองที่คิดอะไรไม่ดีขนาดนี้

เอื้อมมือมาจับมือผมไว้หลวมๆ ส่วนอีกมือก็โยกหัวผมไปมา ก่อนจะพูดปลอบผมด้วยน้ำเสียงจริงใจ และอ่อนโยน “พี่ไม่โกรธปูนหรอกนะที่ปูนคิดอย่างนั้น ที่ผ่านมามันอาจจะยังทำให้ปูนเชื่อไม่พอ แต่พี่ไม่ยอมแพ้หรอก เข้าใจมั้ย”

“...” ผมหยักหน้ารับ

“อีกสามเดือน...พี่จะขอโอกาสปูนอีกครั้ง” ผมกระพริบตามองอีกฝ่ายที่ส่งยิ้มละมุนมาให้ “แล้วครั้งนี้ช่วยตอบตกลงกับพี่ด้วยนะ”

“...”

“ไปปูน” ลุงคณิตแตะที่ไหล่ผมเบาๆ “นี่ลุงมาขัดจังหวะหรือเปล่า”

“เปล่าครับ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ในขณะที่เอื้อก็ผละออกไปจากตัวผม บอกเลยครับว่าเขินสายตาลุงมาก ลุงมองทั้งมันและผมสลับกันไปมา ก่อนจะหันไปคุยกับเอื้อ

“ขอบใจมากนะที่มาช่วย”

“ไม่เป็นอะไรครับ สวัสดีครับลุง เดินทางปลอดภัยนะครับ” เอื้อที่ยกมือไหว้ลาซึ่งลุงคณิตพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปขึ้นรถ

“ปูนไปล่ะนะ”

“เอือ เดินทางปลอดภัยนะ”

ผมพยักหน้ารับ เปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งในรถอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนตัวเตรียมจะออกถนน ผมก็หันไปมองด้านข้างแล้วโบกมือให้คนที่ยืนส่งอยู่ เอื้อยกมือขึ้นทำเป็นสัญญาลักษณ์โทรศัพท์ ซึ่งผมก็พยักหน้ารับ แม้รถจะเคลื่อนตัวออกไปได้สักพักแต่เอื้อก็ยังยืนอยู่ที่เดิม จนผมเห็นมันเป็นแค่จุดรางๆ แล้วกลืนไปกับผู้คน

สามเดือนข้างหน้า...กับโอกาศอีกครั้ง

=============================================
=====================================
พวกหนุ่มๆ ปิดเทมอกันแล้ว
อยากบอกว่าตอนหน้าเรามีเรื่องสะใภ้...เอ้อ เซอร์ไพรส์ค่ะ
จะเป็นเรื่องอะไรนั้นรอนะ
รักทุกคนนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
เริ่มมีความรู้สึกหึงหวงกัน...แต่แอบรู้สึกว่ามันเนือย ๆ ไปนิดนึงอะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
รอให้ครบสามเดือนเร็วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เอ๊ะ ทำไมเราระแวงแปลก...ๆ คิดมากไปเองม้างงงง  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
หวิวๆ แปลกๆ

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
ห่างกันตั้งสามเดือน ก้อควรระแวงจริงๆแหละน้า โดยเฉพาะมีชื่อฟิ้งติดมาด้วยเนี่ย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
น้องปูนหวั่นไหวกับพี่เอื้อแล้
จะให้ไม่คิดกังวลก็คงไม่ได้

เรื่อเซอร์ คงไม่ใช่ฟิ้งวางแผนกินเอื้อหรอกนะ

ออฟไลน์ Maitre

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

บทที่ 28
side story : ตอน มองมุมใหม่


ฮัลโหลๆ เทสต์ หนึ่ง สอง สาม สี่

โอเค ไมค์พร้อม กล้องพร้อม คนอ่านพร้อม ทุกอย่างพร้อม

มีแต่ผม...ที่ไม่พร้อม

อ้อ ก่อนอื่นแนะนำตัวก่อนเลยนะครับ ผมนายกล้าหารชาญชัย (สามคำหลังเติมเอาเอง) เรียกผมสั้นๆ ว่ากล้า เรียกยาวๆ ว่า กล้าาาาาาา

(โอเคมันแป็กผมเข้าใจ)

เห็นผมเป็นคนตลก (ฝืดๆ) แบบนี้แต่จริงๆ แล้วผมกำลังเจอเรื่องเครียดครับ

เรื่องอะไรน่ะเหรอ…

คืออธิบายก่อนนะว่าเมื่อวานผมเพิ่งสอบปลายภาคเสร็จ แล้วเราก็ตกลงกันว่าจะไปฉลองกัน ซึ่งก็ไม่ใช่ที่ไหนไกลนองจากร้านพี่เติม เงิม เงิม ที่เดิมที่ประจำ  ผมจำได้ว่าพวกเราทุกคนสุดเหวี่ยงกันมาก ผมกับไอ้บอยกินเหล้าอย่างกับอาบ พวกสาวๆ รวมทั้งไอ้ฟ้าก็ไปเต้นกันแบบไม่ลืมหูลืมตา ส่วนไอ้โจมมันนิ่งๆ แต่ก็กินไปเยอะ คนที่กินน้อยทีุ่กเห็นจะเป็นไอ้ปูนน่ะครับ เพราะ (ว่าที่) ผัวมันนั่งคุมตลอด

แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหน…

ก็เพราะพวกเราทุกคนสุดเหวี่ยงกันมากนี่แหละครับ เมื่อคืนผมจำได้ลางๆ ว่าพอร้านปิดพวกเราก็เตรียมจะกลับ พวกผมทั้งหมดไม่รวมไอ้ปูน (มันมีผัวให้กลับด้วยนี่ครับ) ขึ้นรถไอ้โจมเหมือนเดิม มันไม่ได้ส่งผมที่หอแต่พามานอนที่ห้องพักมันแทน (ห้องไอ้โจมใหญ่ครับ มีห้องนอนสองห้อง ห้องนั่งเล่นอีกห้อง เรียกว่าเป็นคอนโดย่อมๆ ได้เลย)

แล้วเรื่องใหญ่ในชีวิตผมก็เกิดขึ้น

เมื่อคืนผมรู้สึกว่าตัวเอง...มีเซ็กกับใครบางคน

แต่ที่เหี้ยคือ…

ผมไม่รู้ว่าตัวเองนอนกลับใคร

ผมตื่นมาในตอนสายๆ ของวันด้วยสภาพโคตรอนาจ ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นเพราะมันกองอยู่ที่พื้น สภาพที่นอนยับย่นเหมือนกับผ่านสมรภูมิอันดุเดือด (ซึ่งผมคิดว่ามันก็ดุเดือดจริงๆ) ข้างกายไม่มีร่องรอยของคนที่ผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไปกับผมเลย สิ่งที่ตอกย้ำว่าผมไม่ได้ฝันไปเป็นคราบของเหลวแห่งความใคร่ที่เปรอะเปื้ออยู่ยนเตียง

ผมนอนกับใครวะ…

จี๊ด หนูนา หรือว่าจะเป็นผู้หญิงที่หิ้วติดมือมาด้วย

หรือจริงๆ แล้วอาจจะไม่ใช่เลย…

ผมนั่งคิดอยู่เกือบๆ สิบนาทีก็ต้องยอมแพ้ อาการปวดหัวจู่โจมเข้ามาจนต้องทิ้งตัวลงนอนหลับ ผมหลับตาลง แล้วภาพของเรื่องราวเมื่อคืนก็ถูกฉายขึ้นอีกครั้ง ลีลาอันเร่าร้อนของเรา ความสุขสมที่ได้รับ ความอิ่มเอมใจอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัส ผมจำได้ทุกอย่าง

ยกเว้นว่าใครที่มอบสิ่งเหล่านั้นให้

พักสายตาได้ไม่นานผมก็ใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกมาข้างนอก ห้องไอ้โจมเงียบมาก ผมมองไม่เห็นใครสักคนที่นี่ จนกระทั่งประตูทางเข้าเปิดออก แล้วเจ้าของห้องก็ก็เดินเข้ามา

“ตื่นไวกว่าที่คิด” มันถามพร้อมเลิกคิ้วแปลกใจ

“กูซะอย่าง เหล้าแค่สองกลมจิ๊บๆ ว่ะ” ปากดีไปงั้นครับ ที่จริงปวดหัวฉิบหาย “แล้วนี่ทำไมมีแค่กูกับมึงวะ”

“คนอื่นกลับไปหมดแล้ว”

อ่า…

ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา “เออมึง เมื่อคืนนี้ใครนอนกับกูวะ”

โจมไม่ตอบในทันที มันเหลือบมองผมก่อนจะเดินไปหยิบชามแล้วเทอาหารที่ซื้อมา กลิ่นข้าวผัดร้อนๆ เรียกน้ำย่อยในกระเพาะผมให้ทำอ่าน เจ้าของห้องผู้ใจดีซื้อมาเผื่อผมด้วยครับ ซึ่งใจน้ำตาจะไหลแล้วเนี่ย (เปล่าหรอกที่จริงคือหิว)
มันกลับมาที่โซฟาอีกครั้งแล้ววางจานข้าวสอบจานไว้ตรงหน้า  “กินซะ”

ทำไมไม่ตอบคำถามผมวะ

ไม่รอช้าครับ ปากท้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุดใจชีวิต ผมรีบกินอย่างกับว่าไม่เคยกินมาก่อน

“ช้าๆ ก็ได้”

“กูหิว”

โจมเริ่มกินบ้าง มันเปิดทีวีดูหลังที่เพิ่งเริ่มฉาย  “เมื่อคืนมึงจำอะไรได้บ้าง”

ผมชะงักมือที่ตักข้าว “จำได้ลางๆ ว่ะ” ที่มันถามแบบนี้...หรือมันจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม “มึงยังไม่ยอมกูเลยนะโจมว่าเมื่อคืนใครนอนในห้องกับกู”

“ไม่ใช่หนูนากับจี๊ด สองคนนั้นนอนในห้องกู แล้วก็ไม่ใช่กูด้วย”

งั้นก็ไอ้บอยกับไอ้ฟ้า

ผมหน้าซีด...ผมเมาจนเอาเพื่อนตัวเองเลยเหรอวะ แถมแม่งยังเป็นผู้ชายอีก!

“มึงแน่ใจนะว่าไม่ใช่จี๊ดกับหนูนาแน่”

“ไม่แน่ใจ”

“อ้าว!”

คนหล่อมองผมอีกครั้ง “ที่จริงเมื่อคืนมึงนอนข้างในคนเดียว”

“ช่วยอธิบายทีครับ ไม่ใช่ตอบสั้นๆ แบบนี้” ผมเริ่มจะเกลียดการพูดน้อยๆ ของมันก็ตอนนี้แหละ!

“พวกกูแดกเหล้ากันต่อ”

“ฮะ! แดกไปขนาดนั้นพวกมึงยังต่อกันได้เหรอวะ!!”

“ไอ้บอยมันบอกว่ามันยังไม่เมา ก็เลยลากพวกกูมาแดกด้วย ไอ้ฟ้ากับสาวๆ มันก็ไม่ได้เมาอะไร สรุปที่เมามีแค่มึง”

ผมเริ่มปวดหัว “มึง…”

“ว่า?”

“คือ...เมื่อคืนกูสงสัยว่า...กูเอาใครสักคนเข้าว่ะ”

“...”

“กูไม่ได้หิ้วใครติดมือมาด้วยใช่ป่ะ”

“หน้าอย่างมึงใครเขาจะมาด้วย” บางทีมึงก็ไม่ต้องตรงขนาดนี้ก็ได้เว้ย รู้ว่าหล่อไม่เท่ามึง แต่หน้าตากูก็พอดูได้นะเว้ย!!

“เออๆ นั่นแหละๆ กูมั่นใจโคตรๆ ว่ากูต้องเอากับใครสักคนแน่ๆ หลักฐานอยู่บนผ้าปูที่นอน”

“ขนไปทิ้งให้กูด้วย” มันใช่เรื่องเหรอวะ!

“มึงช่วยอย่าพากูออกนอกเรื่อง เมื่อคืนใครสักคนในกลุ่มต้องถูกกูเอาแน่นอน!”

“แล้วไง” มันหันมาเลิกคิ้วถาม

“อะไรคือ ‘แล้วไง’ ? ก็กูอยากรู้ว่ากูเอากันใครกันแน่” ผมเริ่มหงุดหงิด โจมดูไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย

“รู้ไปแล้วได้อะไร มึงก็เมามากถึงขนาดจำไม่ได้ว่าเอากับใคร อีกฝ่ายก็เมาเหมือนกัน แล้วที่มันไม่อยู่เจอมึงแบบนี้แปลว่ามันคงอยากจะให้เรื่องเมื่อคืนจบๆ กันไป มึงก็สนองความต้องการมันหน่อย”

เป็นประโยคยาวๆ ไม่กี่ประโยคที่ไอ้โจมพูด

ผมเงียบ ไม่พูดอะไร ก็จริงอย่างที่ไอ้โจมมันพูด ในเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะให้เรื่องเมื่อคืนมันจบไปโดยที่ผมไม่รู้ว่าผมเอากับใคร ผมก็ควรทำตามที่มันต้องการ

เพียงแต่…

“ถ้าสมมติว่าเป็นจี๊ดกับหนูนาแล้วเกิดมันท้องขึ้นมาล่ะวะ”

“มึงไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น”

“แสดงว่ามึงรู้ว่ากูเอากับใคร” ผมหันไปจ้องไอ้โจม มันไม่สบตผม เอาแต่มองหนังที่กำลังฉาย “โจม มึงรู้ใช่มั้ย”

“กูไม่รู้”

“กูไม่เชื่อ! มึงต้องรู้ดิวะ! บอกกูมาว่าเมื่อคืนกูเอากับใครกันแน่!!”

“...”

“โจม!!”

“ไอ้บอย”

“ฮะ?”

“มึงเอากับไอ้บอย” มันหันกลับมามองหน้าผม

ผม...กับไอ้บอย…

“มึงโกหก” ผมยังคงจ้องตามัน หาความจริงจากดวงตาคู่นี้ “ที่คนกูนอนด้วยไม่ใช่ไอ้บอย”

“เหรอ แล้วมึงรู้ได้ไง”

“ความรู้สึกกูบอก” เป็นคำตอบที่กวนตีนมาก แต่ความรู้สึกผมบอกแบบนั้นจริงๆ

“แล้วความรู้สึกมึงได้บอกอีกมั้ยว่าเป็นใคร”

“...”

“...”

“ฟ้า...กูนอนกับฟ้า”

ทั้งที่นึกไม่ออก แต่อยู่ๆ ชื่อมันก็ฝุดขึ้นมาในหัวผมเป็นชื่อแรก ถ้าเป็นใครสักคนที่ผมนอนด้วยก็ควรจะเป็นไอ้ฟ้านี่แหละ

ต้องเป็นฟ้า

ผมอยากให้เป็นฟ้า

“มึงลองไปถามมันเองแล้วกัน”

กูไปถามแน่ ไปถามแน่นอน!
♣♣♣♣♣

บ่ายสองกว่าๆ

ผมยืนอยู่หน้าห้องพักของฟ้า ที่จริงแล้วมันก็อยู่หอเดียวกับผม ห้องตรงข้ามกัน บ่อยครั้งที่ผมมาเคาะประตูห้องมัน ทุกครั้งผมทำได้อย่างง่ายดาย แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่

มือผมหนักอึ้ง

หัวใจผมก็เช่นกัน

ก๊อกๆๆๆ

ผมเคาะเรียก แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคงเป็นความเงียบ

ก๊อกๆๆๆ

ยังคงไม่มีการตอบรับ

ก๊อก…

“รอเดี๋ยวครับ กำลังไป” เสียงจากข้างในตอบกลับมาอย่างอิดโรย ก่อนที่ประตูห้องพักจะถูกเปิดออก ฟ้าอึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าคนที่มาเคาะเป็นผม “มึงเองเหรอ”

ผมมองสำรวจสภาพมัน หน้าตาฟ้ายังคงน่ารักแม้ตาที่กลมโตของมันจะโบ๋ลึกและขอบตาดำคล้ำอย่างคนไม่ได้นอน ริมฝีปากแห้งผาด หน้าซีด แต่แก้มแดงระเรื่อ

“เออ กูเอง”

“มีอะไร” ขนาดน้ำเสียงที่ได้ยินยังแหบแห้ง

ผมไม่ตอบ แต่เอื้อมมือไปวางผมหน้าผากมัน ฟ้าสะดุ้งเล็กน้อยก่อนปัดมือผมออก “อะไรของมึงเนี่ยกล้า”
 
“มึงไม่สบายเหรอ”

“นิดหน่อย สงสัยแฮงค์ไข้เลยขึ้น มึงมีอะไรป่ะวะ ไม่มีกูขอไปพักได้มั้ย”

“มี แต่เอาไว้ก่อน กูพามึงไปหาหมอก่อน”

“เฮ้ยไม่เอา!!” มันโวยวาย แต่เสียงเป็ดๆ ของมันฟังดูตลก แต่ความดื้อของมันเริ่มทำให้ผมปวดหัวเล็กน้อย

“มึงดูเป็นหนัก ไปหาหมอเหอะ”

“ไม่ไป กูไม่ได้เป็นอะไร แค่ไข้ขึ้นเฉยๆ” มันยังคงดื้อด้าน

“มึงเป็น ไปหาหมอกับกู”  ผมเอื้อมมือไปดึงมือมัน สาบานว่าผมออกแรงไปแค่สามในสิบส่วน แต่ตัวมันปลิวมาปะทะอกผมอย่างง่ายดาย

ปึก!

“เล่นอะไรเนี่ย!”

“ชู่ อย่าโวยวายสิวะ เดี๋ยวห้องอื่นก็ออกมาด่าหรอก”

“จะด่ามึงก่อนเนี่ย!” มันหน้าขึ้นสี ไม่รู้ว่าโกรธหรือเพราะพิษไข้

ผมไม่สนใจคำทัดทาน หันไปปิดประตูห้องล็อกไว้แล้วจูงมันให้เดินตาม แต่เดินได้เพียงสองสามก้าวมันก็ทรุดลงกับพื้นจนผมต้องเข้าไปรีบประคอง

มันเดินไม่ไหว…

“มึงเจ็บเหรอ”

“ปะ เปล่า...แค่ไม่มีแรง”

ผมยิ้มมุมปาก มองคนโกหกที่ก้มหน้าไม่สบตา ความมั่นใจของผมมีเต็มเปี่ยม

คนที่ผมนอนด้วยเมื่อคืนก็คือฟ้า

“ไม่มีแรงแบบนี้เดี๋ยวกูอุ้มนะ”

“ไม่ต้อ...เหวอ!! ไอ้เหี้ยมึงทำไรเนี่ย!”

ผมหัวเราะ อยากให้เห็นหน้าไอ้ฟ้าตอนนี้ครับ มันทั้งตกใจ เคืองโกรธ แล้วก็เขินอาย ก้มหน้าไม่ยอมสบตา แต่ปากมันตะโกนว่าผมไปทั้งทางอย่างไม่เกรงใจคนในหอเลย

..
.
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ฟ้าก็กลับมาอยู่ในห้องผม

ถามว่าทำไมไม่พามันกลับห้องเหรอครับ จำได้หรือเปล่าว่าผมเผลอล็อกกระตูห้องมัน แต่ไม่ได้เอากุญแจออกมาด้วย พี่ที่ดูแลหอก็ไม่อยู่ ตอนนี้มันเลยต้องมานอนห้องผมไปพลางๆ

“เดี๋ยวกินข้าวแล้วกินยานะ”

“...”

“ที่พูดนี่เข้าใจหรือเปล่าครับเมีย”

“ใครเมียมึง!!”

“ก็มึงไง เอากันไปเมื่อคืนเองจำไม่ได้แล้วเหรอ หรือต้องให้กูซ้ำ”

“หุบปากไปเลยแม่ง!!” มันโวยวายพร้อมหน้าที่แดงกล่ำ แม้ว่าไม่สบายแต่มันก็มีแรงเถียง

“กินข้าวซะ จะได้กินยา นี่กูจริงจังนะฟ้า” ผมเปลี่ยนโทนเสียงให้เข้มขึ้น เพื่อบ่งบอกว่าผมจริงจังจริงๆ แม้จะเห็นผมเป็นคนขี้เสือก บ้าบอ เฮฮาไปวันๆ แต่ถ้าไม่ได้ล้อเล่นผมก็น่ากลัวเหมือนกัน เรื่องนี้ฟ้ามันรู้ดี เลยยอมตักข้าวต้มที่ซื้อมากินอย่างเงียบๆ


‘...มีไข้ขึ้นนิดนะครับ เป็นเพราะว่าแผลที่ช่องทางตรงนั้นเกิดการอักเสบ’

ผมนึกย้อยไปถึงเรื่องที่คลินิก

พอหมอพูดแบบนั้นฟ้ามันก็หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม ส่วนผมยิ้มหน้าบานเลยครับ

‘หมอจะฉีดยาลดไข้ให้นะ แล้วก็ให้ยาแก้อักเสบกับยาทา ไม่ต้องเขินหรอกครับเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติ  ช่องทางด้านหลังไม่ได้สร้างมาเพื่อรองรับเรื่องแบบนี้ คราวหลังใช้ตัวช่วยด้วยนะครับอย่างพวกถุงยางไม่ก็เจลหล่อลื่น…’

‘ครับ คราวหลังผมจะระวัง’ ผมยิ้มรับ แล้วพยุงมันออกมาจากห้องตรวจเพื่อรอรับยาแล้วเตรียมกลับหอ ระหว่างนั่งรอ ฟ้ามันก็กระซิบเสียงเข้ม

‘ไม่มีคราวหลังแน่’

‘มีหรือไม่มีเดี๋ยวรู้เลย’


ครับ สรุปได้เลยว่าผมนอนกับฟ้ามันจริงๆ หมอก็ยืนยันมาแล้ว แบบนีี้คนปากแข็งไม่มีทางปฏิเสธอีกแน่

ผมส่งยาให้ฟ้ากิน มันรับไปอย่างง่ายดาย พอกินเสร็จมันก็ทิ้งตัวลงนอนไม่พูดอะไร แต่พอผมจะทายาให้เท่านั้นแหละ คนตัวเล็กกว่าก็โวยวายทันที

“ทำอะไร!!!”

“ขี้โวยวายจังวะ ข้างห้องเขาด่าพ่อไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย”

“ก็แล้วมึงจะทำอะไรล่ะ”

“ทายาไง” ตอบพร้อมกับจับขอบกางเกงมันแล้วเตรียมจะดึงลง อีกฝ่ายก็รีบรั้งไว้สุดชีวิต “ยื้อทำไม จะทายาให้เนี่ย”

“ไม่ต้องกูทาเอง”

“ทาถึงเหรอ มือก็สั้นแค่นั้น” ผมดึงกางเกงมันลงอีกครั้งคราวนี้หลุดออกอย่างง่ายดาย สะโพกขาวปรากฏต่อสายตา

ฟ้าดิ้นรน มันพยายามจะหันหน้ามาด่า แต่ผมทาบตัวลงไปทันไม่ให้มันได้หันมาได้

“ปล่อย!!”

“อย่าดื้อดิวะ ทายาแปบเดียวเอง”

“บอกว่าจะทาเอง”

“ไม่ต้องเขินหรอกน่า เห็นกันมาถึงไหนต่อไหน”

“เมื่อคืนมึงเมา จำอะไรไม่ได้”

“แต่จำได้ว่าคือมึงที่กูนอนด้วย”

“...” ฟ้าเงียบ แต่ยังไม่หยุดดิ้น ผมก็ไม่สนใจครับ บีบยาก่อนจะลงมือป้ายไปยังช่องทางที่บวมแดง เมื่อคืนผมคงรุนแรงกับไอ้คนตัวเล็กมากเกินไป ช่องทางด้านหลังถึงได้เป็นแผลแถมยังอักเสบ

“อ๊ะ…” เสียงครางเบาๆ ทำให้ผมชะงักมือ จะโงกหน้าไปมองคนที่เผลอร้องออกมา “อ๊ะ...อื้อ…”

“เจ็บเหรอ” ไม่รู้ทำไมผมต้องเลืกใช้เสียงโทนต่ำแถมยังเป็นเสียกระซิบ

“มะ ไม่เจ็บ...อ๊ะ”

ให้ตายเถอะ เสียงมันเซ็กซี่ชะมัด

ร่างกายผมร้อนขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

“ฟ้า…”

“อะไร”

“เมื่อคืนมึงมีความสุขป่ะวะ”

“...” อีกฝ่ายเงียบไม่ยอมตอบ

“กูไม่ได้ขืนใจมึงใช่มั้ย”

“...เปล่า บอกแล้วว่าเมา มึงเมา กูเมา ก็เลยได้กัน” มันบอกด้วยน้ำเสียงปกติ คล้ายกับกำลังพูดถึงดินฟ้าอากาศ

“แล้วมึงมีความสุขมั้ย”

“...ไม่...อ๊ะ…”

“โกหก…” ผมก้มลงไปกระซิบข้างใบหู มือก็ยังไม่ละไปจากช่องทางแห่งห้วงความรัก “แต่ถ้ามึงไม่มีความสุขจริงๆ วันนี้กูขอแก้ตัวได้ไหม”

“จะบ้าเหรอ! ครั้งเดียวก็...อื้อ!! เอาเข้ามาทำไม!”

“กูไม่ไหวแล้วว่ะฟ้า...ขอนะครับ”

“มะ ไม่...อื้อ!! ไอ้กล้า...อ๊ะ อยะ อย่า...ตะ ตรงนั้น…!!”

“มึงแม่งโคตรเอ็กซ์เลยว่ะ”

“อ๊ะ! จะ เจ็บ...”

“กูจะทำใหมึงสุขจนลืมเจ็บเลย…”

ผมพูดไปแบบนั้น โดยไม่รู้เลยว่าคนที่มีความสุขจนลืมว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่กำลังเจ็บคือผมเอง
...
..
.
“มึงแม่งเด็ด…”

“แต่มึงมันเหี้ย!”

ครับ เหี้ยเต็มหนน้ากูเลยนะเมีย

ผมมองคนที่เอาแต่นอนคว่ำห้าซุกหมอนยิ้มๆ ฟ้ามันน่ารักเชียวครับเมื่อครู่ ถึงมันจะด่าแต่มันก็ให้ความร่วมมืออย่างดีจนเราทั้งตู่สุขสมดังใจหวัง (แม้จะเป็นของผมเพียงคนเดียว)

“ฟ้า…”

“อะไร!” เสียงเหวี่ยงโคตรๆ

“ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขึ้นนี้แล้วอ่ะ เรามาเป็นแฟ…”

“ไม่!!”

“กูยังพูดไม่ทันจบเลย” ผมเกาหัวแกรกๆ อะไรวะ ผมมันไม่น่าเป็นแฟนด้วยขนาดนั้นเลยเหรอ “แล้วจะเอาไงอ่ะ จะเป็นเพื่อนกันต่อไปเหรอ”

“เออ เป็นเพื่อนกัน ทำเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”

“ทั้งที่เราเอากันไปสองรอบแล้วเนี่ยนะ”

“มึงจะย้ำทำแป๊ะไรเนี่ย!” ขี้โวยวายจริงๆ ตอนเป็นเพื่อนก็ว่ามันขี้โวยวายแล้วนะ พอมาเป็นเมียแล้วพูดแต่ละทีตะโกนทุกคำ

“เผื่อมึงลืมไง ว่ามึงเป็นเมียกู” ว่าพลางขยับตัวไปทาบทับกับแผ่นหลังขาวเนียนที่ตอนนี้มีแต่ร่องรอยสีแดงซึ่งผมเป็นคนทำเอาไว้เอง

หึๆ

“กล้า…”

“ครับ?”

ฟ้าค่อยๆ ขยับตัวเพื่อหันมาหาผม มันเบ้หน้าเล็กน้อยเพราะความเจ็บ แต่ในที่สุดเราก็มามองตากันสำเร็จ ดวงตาคู่สวยที่ผมมองสบด้วยบ่อยๆ ฉายแววจริงจังจนผมเผลอกลั้นหายใจ

“ให้เรื่องของเรามันจบแค่ตรงนี้เถอะ”

หัวใจผมหล่นวูบ แม้จะพอเดาได้ว่าฟ้ามันคงอยากให้เรื่องนี้ผ่านไป แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะพูดออกมาตรงๆ

“ไม่อ่ะ” ผมหลบตา

“กล้า กูขอเถอะ ให้เรื่องของเรามันจบลงแค่นี้”

“ไม่”

“มึงอย่าดื้อดิ”

“มึงแหละดื้อ กูบอกว่าไม่ไง!” ผมเผลอตะคอก อีกฝ่ายดูอึ้งๆ ที่ผมขึ้นเสียงใส่ “ทำไมวะ เป็นแฟนกับกูมันยากตรงไหน”

“ยากตรงที่เราไม่ได้คิดอะไรกัน” ฟ้าตอบ “มึงจะยอมเป็นแฟนกับคนที่มึงไม่คิดอะไรด้วยเหรอวะ เราไม่ได้รักกัน ไม่แม้แต่จะชอบกันเลยด้วยซ้ำ”

นั่นเป็นเรื่องจริง ที่ผ่านมาผมไม่เคยชอบฟ้า ไม่เคยคิดอะไรกับฟ้า แม้บางครั้งจะแซวเล่นแต่นั่นมันก็เพราะอยากแกล้ง

เราเป็นเพื่อนกัน และผมไม่เคยคิดเกินเลย

จนกระทั่งเมื่อกี้ที่ผมมองฟ้าเปลี่ยนไป

“งั้นกูขอโอกาสได้ไหม”

“โอกาส?”

ผมจ้องตาอีกฝ่าย มองลึกลงไปในดวงตาคู่สวยเพื่อบอกว่าสิ่งที่ผมพูดไม่ได้ล้อเล่น

“โอกาสเป็นมากกว่าเพื่อน”

“...”

“กูขอโอกาสจีบมึงได้ไหม”

“มะ…”

“อย่าเพิ่งตอบตอนนี้ ค่อยๆ คิดไป กูไม่รีบ” บอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่หัวใข้ข้างในกลับเต้นแรง

อย่าปฏิเสธกูเลยว่ะฟ้า

“...”

“ค่อยๆ คิดว่าที่มึงให้กูเอาทั้งสองรอบมันเพราะอะไร เพราะเมา...เพราะโดนกูบังคับ…”

“...”

“หรือเพราะเราต่างรู้สึกถึงกัน”

“...”

“คิดดีๆ นะครับฟ้า… หวังว่าคำตอบของฟ้าจะไม่ทำให้กล้าเสียใจนะ”

ผมจูบลงบนหน้าผากมน ก่อนจะกดหัวอีกคนเข้ามาแนบอก ฟ้าไม่ได้มีท่าทีขัดขืน มันทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลียในที่สุด

ระหว่างที่มันกำลังคิด ผมก็จะพยายามทำคะแนนไปเรื่อยๆ

เพื่อให้คำตอบของเราตรงกัน

เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับทุกคน :)

======================================================
=======================================
ก่อนอื่นต้องขอโทษนะคะที่มาช้าไปนิดนึง พอดีติดภารกิจค่ะ
เปิดตัวคู่ที่สองงง ที่แกล้งกันไปมาดันกลายเป็นจริงเสียอย่างนั้น
ปล.ขอบคุณที่อ่านนะคะ
รักทุกคนค่ะ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
มาอีกคู่ แซงคู่หลักไปแล้วด้วย

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด