.
.
.
บทส่งท้าย“กินข้าวไหน”
“ไปกินกับพวกไอ้ทิมไอ้โฟร์เปล่าล่ะ”
“อย่าเอาเพื่อนมาอ้างได้ไหมถ้าจะไปหาเด็กมึงน่ะ”
“พวกมันอยู่คณะเดียวกัน ไปหาใครก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“หราาาาา” ไม่ใช่แค่ไอ้จั๊มพ์แต่กิ๋งกับพีมที่กำลังเก็บของก็ประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกัน
ผมมุ่ยหน้า ชอบรุมตลอด “พีม อย่าไปตามพวกนี้มากนะรู้ไหม” ผมว่า เดี๋ยวนี้แซวเก่งขึ้นทุกวัน
“เราเพิ่งรู้ว่าทำแบบนี้ก็สนุกดี”
แหนะ ดูสิ “แล้วจะไปด้วยกันเปล่าเนี่ย”
“ไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้มีนัดที่อื่นแล้ว” กิ๋งเป็นฝ่ายตอบ เหล่ตาไปหาพีม “ก็ไม่ใช่ซีนคนเดียวซะหน่อยที่โลกเป็นสีชมพู”
พีมตีกิ๋งเบาๆ เจ้าตัวยู่หน้า ผมยิ้มขำ พีมคุยกับคนคนหนึ่งอยู่และดูจะไปกันด้วยดีเสียด้วย
“กิ๋งก็รีบๆ มีน้า จะเรียนจบแล้วเนี่ย”
“ดูถูกเราเหรอจั๊มพ์” สาวผมบ๊อบสะบัดหน้าขึ้น “จะว่ามีก็มีน่ะนะ แต่ฉันมีชีวิตเพื่ออธิษฐานให้ผู้ชายได้กันเท่านั้นแหละจ่ะ!”
“โหย อุดมการณ์แน่วแน่”
ผมหัวเราะ ที่จริงก็เห็นว่ากิ๋งมีคนคุยๆ อยู่เหมือนกัน โบกมือลาสองสาว ขึ้นรถไอ้จั๊มพ์ไปคณะสถาปัตย์ฯ ที่ช่วงนี้ผมไปบ่อยเหลือเกิน
หลายอาทิตย์แล้วที่พวกเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ไปไหนมาไหนด้วยกัน ผมไม่ได้เข้าไปดูในทวิตเตอร์แต่ก็พอรู้ว่าแฟนคลับน่าจะรู้แล้วแหละว่าพวกเราคบกันจริง อาจเพราะพวกเราเพิ่งกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไม่นานเลยยังไม่มีใครกล้าเข้ามาถาม ยิ่งเห็นผมคนเดียวยิ่งเหมือนไม่มีใครกล้า นั่นทำให้ผมคิดว่าช่วงที่ผ่านมาสภาพผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรือยังไง แต่พอพวกเธอเห็นผมกับไอ้โซลนี่เดินเข้ามาทักกันไม่หวาดไม่ไหวเลย
“ว่าไงจ๊ะ ซีน ถาปัด”
ผมจิ๊ปากใส่ไอ้โฟร์ “เดี๋ยวโดน”
“ก็แหม มาบ่อยเหลือเกิน นึกว่าซิ่วมาคณะกูแล้ว”
ทั้งโต๊ะที่มีทั้งเพื่อนผมและเพื่อนไอ้โซลยิ้มขำกันใหญ่ ผมนั่งลงข้างไอ้โซล โรงอาหารสถาปัตย์ฯ คนเยอะอย่างเดิม เพิ่มเติมคือหลายคนมองมาทางนี้ อาจเพราะไอ้น้องกันที่ผิวปากแซวเมื่อกี้หรือไม่ก็เพราะสงสัยในความสัมพันธ์ของผมกับไอ้โซล
“เอาจริงๆ นะกูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเฮียคัทจะปล่อยมึงลอยหน้าลอยตาอยู่แบบนี้”
“ผมรักน้องเขานะพี่ ไม่ได้ขโมยทองเขา”
“สำหรับเฮียคัทไอ้ซีนนี่ยิ่งกว่าเพชร” ไอ้ทิมว่าพลางทำหน้าแขยง “กูเคยโดนมาแล้ว นี่มึงไม่โดนอะไรมั่งเหรอ”
“ใครบอกล่ะ โดนมาสองหมัดเนี่ย”
“เชี่ย!” เพื่อนผมอุทานพร้อมกัน “แค่สองหมัด!?”
“นี่พวกมึง เฮียกูไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นไหม ที่ต่อยเพราะมึงกวนตีนเฮียด้วยเหอะ” ประโยคหลังผมหันไปหาคนข้างๆ
“อ้าว วันนั้นพี่ยังเข้าข้างผมอยู่เลยนะ”
“ก็เฮียทำเกินไป แต่มึงไม่เป็นอะไรแล้วนี่”
วันนั้นผมตกใจแทบแย่ ไม่รู้ว่าออกไปด้วยกันตอนไหนแต่พอผมทำอาหารเสร็จก็ไม่เห็นอยู่ในบ้านทั้งสองคนแล้ว ผมเห็นว่านั่งอยู่ในบ้านด้วยกันได้ตั้งหลายชั่วโมง คิดว่าเฮียคงไม่ทำอะไรไอ้โซล ที่ไหนได้กลับมาปากแตกซะงั้น พอผมโกรธเฮียก็ไม่สะท้กสะท้านอะไรด้วย หนำซ้ำยังมาลากผมไปนอนห้องตัวเองอีก
“ถามจริง พวกแฟนคลับเขาไม่รู้จริงๆ เหรอว่าพวกมึงคบกัน”
“กูว่าก็น่าจะรู้แล้วแหละ” รูปก็เห็นขนาดนั้น ถึงพี่ปุ้ยจะแก้ให้ว่าแค่ซ้อมกันเฉยๆ เพื่อไม่ให้พวกเราเสื่อมเสียก็เถอะ แต่ทั้งจับมือกันในที่สาธาณะ ทุกวันนี้ก็ไปไหนมาไหนด้วยกัน มันก็น่าจะรู้แล้วนะ
“มึงไม่ประกาศไปเลยล่ะ”
“ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย แค่พวกเรารู้กันก็พอแล้ว”
“โอย กูอยากจะอ้วก”
“แค่ใจเราตรงกันก็เพียงพอแล้วใช่ไหมครับที่รัก” ไอ้ทิมทำเสียงหล่อ
“กูตลก” ไอ้โฟร์หัวเราะ “กูไม่คิดจะได้เห็นไอ้ซีนในมุมนี้เลยจริงๆ”
“กูหมายถึงแค่คนใกล้ตัวรับรู้ก็พอแล้วโว้ย ไม่ใช่แบบนั้น!”
“อะจ้าาาา”
กวนตีน
“มึงไม่มีเรียนหรือไง”
“ทีพี่ยังไม่มีเลย ผมขอไม่มีบ้างไม่ได้หรือไง”
“มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ”
“ล้อเล่นครับ เดี๋ยวไปส่งพี่แล้วจะกลับไปทำงานแล้วเนี่ย”
ใต้ตึกคณะสถาปัตย์ฯ มีคนอยู่ประปราย แต่ไปแน่นขนัดในร้านน้ำ ผมเลยได้ชาเขียวปั่นออกมานั่งกินอยู่ข้างนอก ร้อนก็ร้อน จะกลับก็ไม่ได้โดนไอ้เด็กนี่รั้งให้นั่งอยู่นี่ก่อน
“ขึ้นไปนั่งคุยบนรถก็ได้มั้ง”
“ไม่เอา มันเหมือนผมเตรียมตัวกำลังจะไปส่งพี่”
“กูร้อน เหงื่อออกเต็มแล้วเนี่ย”
“เดี๋ยวผมพัดให้นะครับคุณชาย”
ไอ้โซลใช้ผ้าเช็ดหน้าซับหน้าให้ ก่อนจะใช้สมุดพัดให้อย่างที่พูดจริงๆ
“สบายไหมครับ”
“อยากได้แอร์อยู่ดี”
“แอร์ห้องผมเย็นนะ”
“กูขี้หนาวซะด้วยสิ”
“มีผมให้กอดอยู่ทั้งคน ยังกังวลอะไรอีก”
มันยกยิ้มได้ใจ เออ ผมเถียงแพ้!
เหงื่อมันก็ไหลย้อยลงมาไม่หยุด สงสารนะ อยากเอาผ้าเช็ดหน้าอีกด้านซับให้เหมือนกัน เหงื่อตัวเองก็ออก ร้อนก็ร้อนเหมือนกันยังอาสาพัดให้ผมอีก แต่ช่วยไม่ได้ ก็ใครให้มันชวนมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ สมน้ำหน้าแล้ว
“นวดให้ด้วยดีไหมครับ”
“เดี๋ยวถีบให้ ไม่ต้องเขยิบเข้ามา”
มันยังกวนไม่หยุด ทำตัวเหมือนผมเป็นคุณชายจริงๆ แค่นี้คนอื่นที่มองมาก็มองผมแปลกๆ แล้ว คิดว่าผมใช้อำนาจบังคับขู่เข็ญให้มันทำแบบนี้หรือไง มันทำเองทั้งนั้น
“พอแล้ว”
“ทำไมล่ะครับ”
“คนอื่นเขาคิดว่ามึงเป็นทาสกูน่ะสิ”
“ทั้งที่จริงเราเป็นแฟนกันน่ะเหรอ”
ผมดึงสมุดมาจากมือมันแล้วเคาะหัวมันไปทีหนึ่ง
“เอ่อ...พี่โซลพี่ซีนคะ”
“ครับ?”
“หนูให้ค่ะ”
รุ่นน้องตรงหน้ายื่นพัดให้ “ที่จริงหนูสั่งทำมาขายให้คนที่ชอบพวกพี่ นี่ยังไม่เคยใช้นะคะ”
“เท่าไหร่ครับ พี่ขอซื้อดีกว่า” ไอ้โซลรับมาพลางควักกระเป๋าตังค์
“ไม่เอาค่ะๆ หนูอยากให้ แค่พวกพี่รับไว้ก็ดีใจแล้วค่ะ”
“ขอบคุณนะครับ น่ารักมากเลย” ผมว่า พัดในมือเป็นรูปผมกับไอ้โซลหัวโต ด้านหลังมีชื่อของผมกับมันด้วย
“พี่ซีนบ่นร้อนพอดี ขอบคุณมากครับ”
“งั้นหนูขออนุญาตถ่ายรูปได้ไหมคะ ถ่ายพวกพี่กับพัดน่ะค่ะ”
“ได้ครับ”
ไอ้โซลชูพัดขึ้น นึกว่าน้องจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่าย ที่ไหนได้น้องเอากล้องดิจิทัล! ผมเพิ่งสังเกตว่ากระเป๋าที่น้องสะพายอยู่คือกระเป๋ากล้อง รูปแรกแฟลชสาดเต็มตา น้องบอกขอโทษตื่นเต้นไปหน่อย ถ่ายไปหลายรูปจนน้องเขาพอใจก็ขอตัวไปเรียน
เหมือนกับว่าพอเห็นน้องคนแรกเดินเข้ามาคุยแล้วพวกผมคุยเล่นด้วยคนอื่นๆ ก็เลยเข้ามาหาบ้าง ยืนล้อมเป็นวงใหญ่เลย เหมือนจะอึดอัดแต่ไม่เลย พวกเขาพัดใหญ่พวกผมด้วยซ้ำจนผมเกรงใจ
“พี่ซีนย้ายคณะเหรอคะ” นั่นไง ถามเหมือนไอ้โฟร์เลย
“อยู่บัญชีเหมือนเดินแหละครับ”
“ได้ดูซีรีส์บ้างไหมคะ ตอนหน้าก็จบแล้วน้า”
“ไม่ได้ดูเลยครับ พี่ซีนไม่ให้ดู”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ”
“พี่อายครับ”
“อายอะไรค้าาาาาาา”
อายที่ตัวเองแสดงครับ พวกน้องใจเย็นๆ
“แล้วพี่ซีนห้ามพี่โซลได้ด้วยเหรอ ถึงพี่โซลดูพี่ซีนจะรู้ได้ไง”
“นั่นน่ะสิ พี่ซีนจะรู้ได้ไงน้า”
“พี่โซลอ่าาาาาาา”
มันดูชอบใจที่ทำให้พวกเธอโอดครวญกันได้ ถึงผมจะไปค้างที่ห้องมันบ้างก็จริงแต่ไม่ได้ตัวติดกันตลอดเวลาเสียหน่อย
“ฉากในห้องครัวถ่ายไปกี่เทคคะ”
“เทคเดียวผ่านครับผม” ไอ้โซลว่าพลางขยิบตา เสียงวี๊ดว๊ายก็ดังขึ้นตามทันที ได้ยินเสียงใครแว่วๆ ว่าทำบ่อยเหรอด้วย ไม่ใช่นะครับ!
“พวกพี่คิดว่าฉากไหนยากสุดคะ” พวกผมเหมือนโดนพิธีกรรายการสักรายการสัมภาษณ์
“ทุกฉากที่มีพี่ซีนครับ”
“ทำไมล่ะคะ”
“เพราะพี่อยากเล่นนอกบทตลอดเลย”
“ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
เอาเข้าไปเถอะ...เอาไปเข้า ผมขบริมฝีปาก คว้าพัดจากมือไอ้คนข้างๆ มาพัดเองซะเลย อากาศร้อนดีนัก!
“พี่ซีนล่ะคะ”
“อืม...ฉากร้องไห้ครับ”
“แต่ที่ดูพี่ซีนแสดงดีมากเลยนะคะ ร้องออกมาเยอะมาก”
ไอ้โซลหลุดขำ ผมเลยชกไปทีไหล่มันทีนึง
“พี่โซลทำอะไรพี่ซีนหรือเปล่า”
“เฮ้ยพี่เปล่า” มันทำหน้าเหรอหรา “..หมายถึงไม่ได้ทำตรงๆ น่ะนะ”
“ห้ามรังแกพี่ซีนของพวกเรานะ!”
“พี่ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย” ที่จริงมันทำไปแล้วต่างหาก
“แล้วพี่ซีนร้องไห้ได้ยังไงคะ!”
“พี่แค่พูดว่าหมาพี่ซีนจะตายเท่านั้นเอง”
“พี่โซลนิสัยไม่ดีเลย!!!!”
“ทำไมพี่โซลเป็นคนแบบนี้!”
“โถ่ ปิ๊กมี่ของพี่ซีน”
ขวัญใจแฟนคลับโดนโป้งซะแล้วมั้งเนี่ย ผมยิ้มขำ พยักหน้าเห็นด้วยกับทุกคน
“ได้ทีรุมเลยนะครับ”
ผมลอยหน้าลอยตา หมั่นไส้มานานแล้วเหอะ
“พี่ซีนชอบอะไรนอกจากชาเขียวไหมคะ”
“ไม่ค่อยมีแล้วครับ”
“พี่โซลชี้ตัวเองทำไมคะ หนูหมายถึงของกินไม่ใช่คน…หรือว่านี่กินได้ด้วยเหรอคะ”
“พี่โซลกินได้ปะคะพี่ซีน”
มาถามผมทำไมกัน แล้วดูสายตาแต่ละคนสิ พวกน้องเขาเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอทำไมมันกะลิ้มกะเหลี่ยมได้ขนาดนั้น ผมเลยยกพัดขึ้นมาบังหน้าเหลือแต่ตาเอาไว้
“จะกินได้ไงเล่า”
“นี่ไม่มีเรียนกันเหรอครับ”
“ไล่เหรอคะพี่โซล”
“พวกเราคุยกับพี่ซีนอยู่นะคะ”
ไอ้พระเอกอ้าปากค้าง เหมือนว่าจะตกจากบัลลังก์คนโปรดแล้วจริงๆ
พวกเธอหัวเราะ “เดี๋ยวจะขึ้นเรียนแล้วค่ะ”
“บอกมันไปขึ้นเรียนด้วยหน่อยสิ” ผมว่า ชี้ไปที่คนข้างๆ
“โดดเลยค่ะพี่โซล”
“นั่งอยู่นี่แหละค่ะ เรียนทำไม”
อ้าว ทุกคนครับ ทำไมทำงี้
คุยกันไปเรื่อย บางคนก็ขอตัวไปเรียนเลยเหลืออยู่ไม่กี่คน พวกเธอถ่ายรูปพวกผมไปเยอะมากทั้งที่เหงื่อผมออกเต็มตัวขนาดนี้ แล้วผมก็ยิ้มจนปวดแก้มไปหมดแล้ว
“พรุ่งนี้มีซีนจะมาอีกไหมคะ หนูจะเอาของมาให้”
“อืม...ไม่รู้เหมือนกัน” พวกผมเดินมาที่ลานจอดรถของคณะ พวกน้องเขาก็ขอตามมาส่ง ผมหันกลับไปหาที่ไอ้โซลคุยกับน้องคนหนึ่งอยู่ด้านหลัง “โซล พรุ่งนี้ตกลงว่าไง”
“แล้วแต่พี่เลยครับ”
“งั้นพรุ่งนี้พี่มาอีกก็ได้”
ที่จริงยังตกลงกันไม่ได้ว่าตอนเที่ยงจะออกไปกินข้าวข้างนอกมหา’ลัยดีหรือเปล่า ไม่ใช่อะไรหรอก ผมเพิ่งนึกได้ร้านเบเกอรี่ที่เฟิร์สเคยบอกเลยถามเฟิร์สว่ามันอยู่ตรงไหน จะให้ไอ้โซลเลยพาไปซื้อด้วยเพราะตอนเย็นมันไม่ว่าง แต่ไม่เป็นไรไปวันหลังก็ได้
เกือบจะถึงรถไอ้โซล ผมเลยบอกให้พวกเธอกลับไปเรียนได้แล้ว กำลังจะโบกมือลา น้องคนหนึ่งก็เอ่ยเรียกพวกผมเอาไว้ก่อน
น้องเขาดูกล้าๆ กลัวๆ ที่จะพูด เพื่อนข้างตัวก็ดูหลุกหลิกเหมือนคนทำผิด
“เอ่อคือ...ที่พวกพี่จับมือกันกลางห้างวันนั้น พวกพี่เป็นอะไรกันเหรอคะ”
เป็นครั้งแรกที่พวกเธอถามเรื่องนี้หลังจากพวกผมกลับมาเป็นเหมือนเดิม ที่น้องเขาดูกล้าๆ กลัวๆ แบบนี้ อย่าบอกนะว่าน้องเขาใช้เวลาเตรียมใจกันมาเป็นอาทิตย์
เกิดความเงียบขึ้น ผมแค่อึ้งเล็กน้อย เพื่อนคนอื่นของน้องก็คอยให้กำลังใจคนที่กล้าถามเรื่องนี้กับพวกผมตรงๆ ผมแอบขำในใจ น้องเขาสูดลมหายใจเข้าลึก
“รุ่นพี่รุ่นน้องกันแน่เหรอคะ”
น้องเขาพยายามทำเหมือนกำลังพูดเล่นแบบแต่ก่อน ต่างกันที่ตอนนี้พวกน้องเขาไม่ได้เล่นและในใจลึกๆ ผมรู้ว่าผมเขาก็รู้คำตอบ
ผมหันไปมองไอ้โซลที่ก็มองผมอยู่เหมือนกัน ให้ตาย...ยังไม่เคยพูดเรื่องนี้กับคนอื่นเลยนะนอกจากครอบครัวและเพื่อน ผมเม้มปากแน่น ไม่ได้อายที่จะบอก ผมหมายถึง...ผมเขิน ความร้อนมาสุมกันที่แก้ม หาอะไรมาปิดหน้าก็ไม่ได้ เก็บพัดเข้ากระเป๋าไปแล้ว
พวกเธอเงียบ จ้องผมอย่างรอคำตอบ กลายเป็นผมที่ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกบ้าง ผมเอื้อมมือไปกุมมือคนข้างๆ เอาไว้...
“รุ่นพี่รุ่นน้องไม่จับมือกันหรอก..”
เห็นประกายความดีใจอยู่ในแววตาของมัน...เข้าใจแล้ว นี่สินะคือสิ่งที่ผมควรรักษาเอาไว้
“ส..สรุปแล้วพวกพี่...”
ผมยิ้ม แม้หน้าจะร้อนไปหมดและข้างในอกพองโตจนจะระเบิด
“…”
@kungpeuak
‘พวกเราคบกันครับ’ ชัดเจนนะคะชาวโลกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก #โซลซีน
@behindsoulscene
170916 วันที่ได้เข้าใจคำว่าฟินจนวูบที่แท้จริง...ไปดูกันเอาเองค่ะทุกคน แอดจะร้องไห้แล้ว T_T pic.twitter.com/16lnSpZ2cs #โซลซีน
@oohhoo
พวกเราคบกันครับพวกเราคบกันครับพวกเราคบกันครับพวกเราคบกันครับพวกเราคบกันครับพวกเราคบกันครับพวกเราคบกันครับพวกเราคบกันครับ #โซลซีน
@iammeoww
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด นี่พี่ซีนพูดเองเลยนะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด #โซลซีน
@ishipyounaokay
ตรงนั้นมีคนอยู่ไม่เยอะ โทรศัพท์เราแบตหมดเลยไม่ได้ถ่าย คลิปที่แอดมินถ่ายมาเห็นแค่ครึ่งตัว ที่จริงตอนนั้นพี่ซีนจับมือพี่โซลด้วยค่ะ (ಥ﹏ಥ) #โซลซีน
@usKiioM
เป็นคู่แรกที่เราคิดว่ารักกันจริงแน่เลย และก็จริงๆ ด้วย!!!!!!!!!! T_______________________________________T #โซลซีน
@nongwaii
ย้อนดูโมเม้นท์เก่าๆ คือเห็นเลยนะคะว่าที่ชงไปเรื่องจริงทั้งนั้น โยนไม้พายของจริงโว้ยยยยยยย!!! #โซลซีน
@kukkrup
เราร้องไห้เลยอะ ดีใจมากๆ ที่กลับมาเป็นเหมือนเดิม แสดงว่าเคลียร์เรื่องที่บ้านแล้วใช่ไหมคะ #โซลซีน
@meengenmai
ไม่รู้ว่าปัญหาที่เจอคืออะไร แต่ขอบคุณที่พวกพี่ผ่านปัญหานั้นไปได้นะคะ เราลุ้นอยู่ทางนี้แทบตาย เห็นพี่ซีนตาแดงๆ แล้วปวดใจ ; _ ; #โซลซีน
@tingjating
ดูคลิปวนไปร้อยรอบแล้ว พี่ซีนหน้าแดงมากกกกกกก ฮือออออออ รักกันนานๆ นะคะ จะถวายตัวเป็นแฟนคลับคู่นี้ตลอดปัยยย T///////////T #โซลซีน
@ppreaSh
สิ้นสุดการชิป #โซลซีน คู่จิ้นในวันนั้น วันนี้เขาเป็นคู่จริงแล้วค่า!!!End.-----------------------------------
จบแล้วค่ะ เฮ้ T_T/ เป็นนิยายเรื่องแรกที่แต่งจบ ฮึกก แต่ก่อนคือแต่งครึ่งๆ กลางๆ ไม่เคยจบเลย
เกือบปีแหนะ ประคองมาอย่างทุลักทุเล มีทั้งช่วงที่ฮึด ที่ท้อแล้วก็ท้อมาก55555 การจะดึงสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาเนี่ย ยากจริงๆ แต่ก็จะฝึกนต่อไป T T/
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากนะคะ เป็นยังไงบ้างบอกกันได้ จะเก็บไว้พัฒนาต่อไปค่ะ
เจอกันเรื่องหน้านะคะ(ถ้ามีโอกาส) ฮี่ๆ ^ ^
+++ แจ้งข่าวค่ะ +++เรื่องนี้จะได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ฟาไฉนะคะ ภายในสิ้นปีนี้จะได้เห็นโซลซีนออกมาเป็นรูปเล่ม ฮึกก
เจอกันอาทิตย์หน้าค่ะ