「Behind the Scene」 #ข้างหลังฉาก (End.) : ตอนพิเศษ : วานเลนไทน์ปีนี้ - (2/11/60)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 「Behind the Scene」 #ข้างหลังฉาก (End.) : ตอนพิเศษ : วานเลนไทน์ปีนี้ - (2/11/60)  (อ่าน 195443 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่ซีนอ่อนแอเกินไปอะ อ่อนแอจนทำร้ายคนอื่นไปหมด
อ่อนแอจนปกป้องใครไม่ได้ซักคนแม้แต่ความรู้สึกตัวเอง
ตอนคบตกลงยินยอมกันทั้งสองฝ่าย
แต่พอจะเลิกกลับเป็นเรื่องของคนๆเดียวโดยที่อีกคนไม่มีโอกาสอะไรเลย
สงสารโซลอะ ทุ่มไปเกินร้อย อยู่ดีๆพื้นที่ยืนก็ถล่มลงมา

จริง ซีนอ่อนแอมากกกกกก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
      สงสารทั้งคู่เลยค่ะ
รักกันแต่จำเป็นที่จะต้องหยุดความรู้สึก
เรื่องแบบนี้หลายคนอาจอึดอัดว่าทำไมตัวละครไม่ชัดเจนไม่สู้มากกว่านี้
มันจะง่ายมากค่ะถ้าพวกเค้าเกิดในครอบครัวที่ขาดความอบอุ่น
แต่ซีนเกิดในครอบครัวที่อบอุ่นและรักครอบครัวมาก
ความกดดันจากคนนอกเป็นแค่แรงเสริมที่ทำให้กลัวว่าจะทำให้คนที่บ้านรับไม่ได้แต่จริงที่ซีนกลัวไม่ใช่
กลัวคนนอกจะมองแบบไหน แต่ กลัวคนภายนอกจะมองพ่อ แม่ ของเค้าแบบไหน
ซีนคงไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักคือพ่อและแม่ต้องมาเจอผลกระทบจากสิ่งที่ตัวเองทำ
และกลัวเค้าจะเสียใจและอาย
อย่างเดียวที่จะผ่านไปได้คือความเข้าใจความอบอุ่นภายในครอบครัวจะทำให้ซีนผ่านไปได้และมีแรงคว้าความรักกลับมาอีกครั้ง
รอพ่อแม่พี่ซีนออกโรงปกป้องความรู้สึกลูกตัวเองค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
      ในเวลาที่ลูกเสียศูนย์พ่อและแม่คือหลักยึดที่ดี :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่ซีนตีค่าความรักของโซลเป็นแค่ความผิดพลาดเหรอ เลิกแล้วมันดีขึ้นไหมอ่ะคะ ลองคิดดู

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เอ้อออ เศร้า สู้ต่อนะโซลอย่าเพิ่งถอย

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
อ่านไปอ่านมาก็รำคาญเด้อ ดูไม่มีสติอ่ะ อะไร
นี่อารมณ์ล้วนๆ 555555555555

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ก็ยังไม่ได้บอกพ่อแม่ไม่ใช่เหรอ คิดไปเองแบบนี้ โซลหาคนใหม่เหอะ ซีนเป็นแบบนี้ คบกันก็คงคบได้ไม่นานหรอก

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เอาตรง ๆ เป็นการอ่านที่รำคาญ มาก

เหอ ๆ #นี่อินมากพูดเลย คนรักก่อนแม่งเจ็บมากอ่ะ สงสารพระเอก


ออฟไลน์ wichta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เมื่อเธอพร้อมฉันก็พร้อมไปด้วยกัน แต่ดูทีท่าแล้วโซลคงต้องไปคนเดียวเพราะพี่ซีนไม่พร้อม รอเค้าพร้อม หรือหาคนที่พร้อม ?

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เฮ้อ ซีนไม่น่าเป็นแบบนี้เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ A45pro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารทั้งคู่แฮะ ซีนก็ไม่เคยต้องเจอกับอะไรแบบนี้ ชีวิตมีแต่เรื่องดีๆด้านดีๆ พอมาเจออะไรมากระทบนิดเดียวก็เลยไม่รู้ทำไง ต้องหนีจากตรงนั้นไป เพราะไม่อยากให้ครอบครัวเสียใจ อีกอย่างซีนไม่เคยคิดมาก่อนด้วยว่าจะมามีแฟนเป็นผู้ชาย
ส่วนโซล ตอนนี้คงเฟลมาก โซลต้องเป็นหลักให้ซีนนะ เข้มแข็งอีกนิด เดี๋ยวก็คงเข้ามจกัน ฮรืออออออ // อีนี่อินมากกกกก

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0



ตอนที่ 28







ต้องตื่นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาไปอีกกี่วัน...



สองวันเท่านั้นแต่ผมรู้สึกว่าเวลามันเดินช้าเหลือเกิน ทุกวินาทียาวนาน กัดกินความทุกข์ทรมานให้ขยายวงกว้าง เหมือนนั่งจมอยู่ในบ่อลึก อึดอัด คับแคบ หาทางออกไม่ได้ แม้แต่เรี่ยวแรงจะยืนก็ยังทำไม่ได้เลย



ผมเอาแต่ถามตัวเองซ้ำๆ ว่ามันไม่ผิดใช่ไหมแต่คำตอบที่ผุดขึ้นมากลับเป็นแววตาที่มองเราอย่างรังเกียจของคนเหล่านั้น



แต่บางทีผมก็คิดว่าสิ่งที่ผมทำลงไปนั่นแหละคือความผิดพลาด



เสียงอาจารย์หน้าห้องไม่เข้าหูผมเลยสักนิด แรงสะกิดของไอ้จั๊มพ์เป็นตัวบอกว่าหมดคาบแล้ว เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลย ได้แต่หวังให้เวลาเดินเร็วกว่านี้ เผื่อว่าจะช่วยเยียวยาข้างในใจผมได้บ้าง



สภาพผมทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ พวกแฟนคลับเหมือนอยากจะเข้ามาทักแต่ก็ถอยห่างออกไป ผมไม่สบตาพวกเธอสักนิด ถ้าได้คุยกันเรื่องที่พวกเธอถามคงไม่พ้นเรื่องไอ้โซล...



แต่หนีไม่พ้นกิ๋งกับพีม เจอหน้ากันตอนเช้าประโยคทักทายก็เป็นชื่อไอ้โซล แต่พอเห็นหน้าผมก็ปิดปากฉับ ไม่รู้เพราะสภาพผมย่ำแย่ขนาดนั้นหรือเปล่าพวกเธอเลยไม่ถามอะไร และทั้งที่ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรแต่สองคนนั้นก็ให้กำลังใจผมให้ผ่านมันไปด้วยดี



...ผมก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน



“มึงดูแย่กว่าเมื่อวานอีกนะ”



เพื่อนสนิทเอ่ยขึ้นเบาๆ ตอนที่เรานั่งกันอยู่โรงอาหารของคณะ ต้องขอบคุณไอ้จั๊มพ์ที่พยายามกันผมออกจากคนอื่นและรับหน้าแทนทั้งหมดเพราะผมไม่มีกะจิตกะใจจะพูดคุยหรือทำอะไรทั้งนั้น



“เดี๋ยวก็ดีเอง”



“คือ...มึงคิดดีแล้วใช่ไหม”



“มันมีทางที่ดีกว่านี้ด้วยเหรอวะ”



“มีเยอะแยะ มึงลองคิดดูอีกทีนะ”



“จั๊มพ์ ผลลัพธ์สุดท้ายมันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ ครอบครัวกูต้องเสียใจเหมือนเดิม”



“นั่นมันก็...” อีกคนถอนหายใจ “กูลองมาคิดๆ ดูแล้วมึงควรจะลองคุยกับพวกเขาดูก่อน”



ผมคิดจนสมองจะระเบิดแต่ไม่เห็นทางออกไหนที่จะดีไปกว่านี้เลย



“ไอ้สองตัวนั้นก็เป็นห่วงมึงนะ”



“อืม...พวกมันเป็นไงบ้าง”



“ยุ่งๆ แต่ก็สบายดีกว่ามึงแหละ”



“ดีแล้ว...” อย่าให้ใครต้องมาอยู่ในความรู้สึกนี้เลย...มันทรมานมากจริงๆ



ไอ้จั๊มพ์ถอนหายใจอีกครั้ง “จะไปซื้อน้ำ เอาน้ำอะไร”



“..น้ำเปล่า”



ในหัวผุดภาพงานเลี้ยงที่บ้านของต่าย มือหนาที่ยื่นแก้วน้ำให้ สายตาและทุกคำพูดในวันนั้นยังตรึงอยู่ในหัวของผม เป็นสิ่งที่ยิ่งตอกย้ำว่าที่ผมทำลงไปมันแย่มากขนาดไหน



เส้นบะหมี่ในถ้วยตรงหน้าเย็นจนชืด กินไปไม่กี่คำก็วางตะเกียบ รู้สึกแสบจมูกจนต้องก้มหน้าลง ป่านนี้ไอ้โซลจะเป็นยังไงบ้าง จะอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ แววตาอ้อนวอนของมันทำให้ผมอยากด่าตัวเอง



ไอ้โซลชอบพูดว่าผมใจร้าย...



และผมก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ...ทั้งใจร้าย โง่เง่า บ้าบอ ถ้าขออะไรสักอย่างได้...ผมก็ขอแค่ให้มันเจ็บปวดน้อยกว่าผม



“ให้มันได้อย่างนี้สิ”



ขวดน้ำวางลงตรงหน้าพร้อมกับมือของเพื่อนสนิทที่ลูบหลังเบาๆ



ผมสูดลมหายใจเข้าลึก “ขอโทษที ทำมึงเหนื่อยไปด้วย”



“กูเพื่อนมึงนะ” มันนั่งลงข้างๆ จับมือผมเอาไว้แน่น “มึงไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ซีน กูถึงเป็นห่วงมึงมาก ไม่ต้องคิดว่ากูจะเหนื่อยอะไรทั้งนั้น มีอะไรบอกกู โทรหากูจะดึกดื่นแค่ไหนก็ไม่เป็นไร เข้าใจไหม”



“อื้ม..”



“ให้กูไปนอนด้วยไหมหรือจะมาบ้านกู ช่วงนี้มึงไม่โอเคแบบนี้ที่บ้านจะเป็นห่วงมากนะ”



“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย”



“คำว่าเดี๋ยวของมึงไม่ใช่วันนี้พรุ่งนี้ แต่ไม่รู้ว่าอีกกี่วัน กี่เดือนหรือกี่ปี ตัดคนคนนึงออกจากชีวิตมันไม่ง่ายขนาดนั้น มึงรู้อยู่แก่ใจซีน”



“แต่มันจะดีขึ้นเอง กูเชื่อแบบนั้น” ไม่ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ก็ตาม



“แล้วจะบอกที่บ้านว่ายังไงที่มึงเป็นแบบนี้”



“ไม่รู้เหมือนกัน กูคิดอะไรไม่ออกเลยจั๊มพ์”



“ให้กูคุยให้ไหม คุยกับเฮียคัทก่อนก็ได้”



“ไม่...ไม่เอา” ผมบีบมือมันแน่น “กูไม่อยากให้พวกเขารู้จั๊มพ์ ไม่เอานะ”



“เฮียมึง ป๊าม้ามึงรักมึงมาก เขาจะไม่ยอมให้ลูกมีความสุขเลยเหรอวะ แล้วเขายอมให้มึงแสดงหนังเกย์ได้ไง”



“ม้าคิดแค่ว่ามันเป็นการแสดงจั๊มพ์ ม้าอยากให้กูเข้าวงการ แล้วบทนี้มันท้าทาย ม้าแค่อยากให้ลอง ถ้าเป็นจริงไม่รู้ม้าจะรับได้ไหม แล้วไหนจะเพื่อนป๊า เพื่อนม้า ญาติๆ พวกเขามีหน้ามีตาในสังคม กูไม่อยากให้พวกเขาเสียหน้า เสียใจที่มีหลานแบบกู”



“มึงคิดถึงแต่พวกเขา แล้วไอ้โซลล่ะ...”



“…”



“ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนนะเว้ย”



“แต่เรื่องแบนี้ใครจะยอมรับได้บ้าง” ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ทั้งที่คิดว่ายุคสมัยนี้มันเปิดเผยได้มากกว่าเดิม อย่างที่เฮียคัทว่า...ผู้คนไม่เคยเปิดใจ



“พวกเขารับได้ไม่ได้มึงรู้ได้ไง มีแต่มึงคิดไปเองทั้งนั้น ลองคุยก่อนสิวะ”



“ถ้าบอกไปแล้วป๊าม้ารับไม่ได้ล่ะหรือต้องจำใจยอมรับล่ะ แค่กูเสียใจคนเดียวมันไม่เป็นอะไรหรอก”



“แล้วมึงคิดว่าพวกเขาจะดีใจหรือเสียใจมากกว่ากันที่เห็นมึงเป็นแบบนี้”



“…”



“อีกอย่างนะไม่ใช่แค่มึงเสียใจคนเดียว ไอ้โซลน่ะ...รักมึงขนาดไหน มึงรู้ดีที่สุดซีน”











ผมมานอนเล่นอยู่ที่บ้านไอ้จั๊มพ์ ตื่นขึ้นมาก็เห็นมันนอนคว่ำหน้าเล่นแล็ปท็อปอยู่ข้างๆ มันเหลือบมามองนิดหน่อยตอนที่ผมขยับตัว ผมตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาเพื่อนสนิท แทบไม่ได้ทำอะไรแต่รู้สึกเหนื่อยจนเหมือนคนไม่มีแรง



ทั้งคำพูดของคนอื่นทั้งความคิดของตัวเองอัดกันแน่นในหัว สังคม ครอบครัว ไอ้โซล เป็นไปไม่ได้ที่มันจะเรียบลื่นในทุกด้าน ผมคิดว่าตัวเองมีเหตุผลมากมายที่ทำอย่างนั้นลงไป ในขณะที่อีกใจก็เพียรบอกว่าผมมันโง่เง่าสิ้นดี



เหมือนคนทำอะไรไม่ยั้งคิด คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่ใช่แค่กลัวครอบครัวเสียใจแต่สายตาคนเหล่านั้นฝังแน่นลึกในอก เป็นเหมือนเสี้ยนหนามชิ้นเล็กแต่แฝงความเจ็บไว้ทุกขณะที่แม้ไม่ได้สัมผัส ผมจะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมนี้ได้ยังไงท่ามกลางผู้คนที่มองเราเป็นตัวประหลาด



“จั๊มพ์..”



“หือ”



“มึงรังเกียจกูไหม”



“บ้าเหรอวะ! นี่มันไปกันใหญ่แล้ว” ไอ้จั๊มพ์ว่าเสียงฉุน เลื่อนแล็ปท็อปออกแล้วลุกขึ้นนั่ง มันเสยผมขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะยื่นมือมากุมหน้าผมให้มองตรงไปที่มัน “ฟังนะซีน มึงจะเป็นอะไรแม่งก็เพื่อนกูไหมวะ กูไม่ได้คบมึงเพราะมึงเป็นผู้ชายเหมือนกู ชอบผู้หญิงหรือว่ามีเงินหนา เรารู้จักกันมากี่ปีแล้วทำไมถึงถามกูแบบนี้ เห็นกูเป็นคนยังไง”



 “ก..ก็...ฮึก..”



“กูไม่สนใครทั้งนั้นซีน กูแคร์ความรู้สึกเพื่อนกูมากกว่า”



“…”



“กูรักมึง ครอบครัวมึงก็รักมึง มึงกลัวว่าเขาจะเสียใจเพราะมึงคบผู้ชาย แล้วดูสภาพมึงตอนนี้สิ คนที่พวกเขารักทรมานขนาดนี้มึงว่าพวกเขาจะทนได้ไหม มันก็เหมือนที่มึงทนเห็นพวกเขาเสียใจไม่ได้ มึงอยากให้พวกเขามีความสุข แล้วรู้หรือเปล่าว่าความสุขของพวกเขาก็คือการที่มึงมีความสุขไง”



“…”



“ใครจะไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักมีความสุขบ้าง”



“…”



“อย่าทำแบบนี้เลยซีน ตอนนี้ทุกฝ่ายก็รู้สึกแย่ไม่ต่างกันหรอก”



“แล้วจะทำ..ฮึก..ยังไงล่ะ..” ในเมื่อทุกอย่างพังลงไปหมดแล้ว “ต้องทำยังไง..ฮือ..”



“บอกป๊าม้ามึงเรื่องนี้ซะ พวกเขาเข้าใจอยู่แล้ว”



“…”



มันเกลี่ยหยดน้ำที่หางตาออกให้ “ให้กูพาไปไหม”



“ย..ยังก่อน...” ผมกลัว “...กูขอเวลา”



“ไม่เป็นไร กูไม่ได้เร่งหรือบีบคั้นมึง ใจเย็นๆ ไม่เป็นไร..”



“..จั๊มพ์..ฮือ..”



“ไม่เป็นไร ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี เชื่อกู”











เวลาไม่มีวันหมดแต่ไม่สามารถย้อนคืนมาได้ เช่นเดียวกับความรู้สึกที่สูญเสียไปและไม่มีวันเรียกกลับคืน



ตอนที่ออกมาจากบ้านไอ้จั๊มพ์เพิ่งรู้ว่าฟ้ามืดแล้ว ผมไม่รู้วันไม่รู้คืน ใช้ชีวิตโดยการจมอยู่ในห้วงความคิดเดิมๆ ที่ถึงแม้เพิ่มเติมอะไรเข้าไปก็ไม่ตกตะกอนเสียที



ผมจะรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยเมื่ออยู่กับไอ้จั๊มพ์ อยู่กับคนที่สามารถระบายออกมาได้เต็มที่ สามารถพูดคุยและมันก็เข้าใจผม แต่ในตอนที่อยู่คนเดียวหรือพบเจอคนอื่น หัวใจผมก็กลับมาห่อเหี่ยวจนอยากจะปิดกั้นทุกอย่างออกจากตัว



โทรศัพท์นิ่งเงียบขาดการติดต่อจากไอ้โซลมาตั้งแต่วันนั้น ตอนที่ผมต้องกลับมาอยู่บ้านมันโอดครวญแทบแย่ แล้วในเวลานี้ล่ะ...



จะเป็นยังไงบ้าง



ผมรู้ตัวว่าตัวเองกำลังไขว้เขวไปมา คำตอบในใจมั่วไปหมด ไม่มั่นคงสักอย่างรวมถึงจิตใจ เมื่อสักครู่ผมคิดอยากจะบอกป๊ากับม้าไปเลย แต่พูดน่ะมันง่ายเอาเข้าจริงผมก็คงหนีขึ้นห้องตัวเองเหมือนเดิม ไม่พร้อมจะรับความเสียใจที่มากกว่านี้อีกแล้วถ้าผลลัพธ์มันออกมาแย่



หรือถ้าหลังจากบอกครอบครัวผมแล้วมันยังไงต่อล่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้เกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจชั่ววูบของผม ถูกผิดผมไม่รู้แต่ผมทำมันลงไปแล้ว ถ้ากลับไปแก้ไขได้ผมก็ยังคงไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงอยู่ดี



ถนนตรงหน้าพร่ามัว ผมปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอีกครั้ง ผมร้องไห้บ่อยไปแล้ว สองวันที่นานเหมือนสองปีผมเพิ่งรู้สึกถึงมันจริงๆ ก็ตอนนี้ ระยะเวลาสามเดือนที่ผมคิดว่าได้ซึบซับช่วงเวลาที่อยู่กับไอ้โซลกลับผ่านไปรวดเร็วเหมือนเพียงแค่หมุนเข็มนาฬิกา และโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัวมันก็จบลงอย่างรวดเร็วด้วยเพียงการตัดสินใจของผมเช่นกัน



พยายามบอกไอ้จั๊มพ์ บอกตัวเองว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นแต่ที่เห็นมันกลับแย่ลงเรื่อยๆ ตั้งแต่วินาทีที่ผมบอกเลิกมันที่จริงผมยังไม่เห็นทางออกของเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ ทั้งที่เพิ่งบอกมันไปว่ามีอะไรให้คุยกัน แต่ไม่กี่นาทีให้หลังผมกลับกลืนคำพูดของตัวเองไปเสียอย่างนั้น



ผมต้องทำยังไงกับการที่ต้องทำเป็นว่าลืมคนคนหนึ่งที่สำคัญต่อผมมาก



...มันต้องทำยังไง...ต้องทำยังไง



“ทำไม่ได้...ฮึก” พยายามปลอบตัวเองว่ามันแค่ผ่านมาไม่กี่วันอาจยากสักหน่อย แต่ผมจะไม่ไหวแล้ว



ผมคิดถึงมัน



อยากเจอ อยากให้เราเป็นเหมือนเดิม อยากให้มีแค่เรา ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับเรื่องของเราแต่ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจ มันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ ตรงไหนที่เรียกว่าผิด พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาทำกับพวกเราแบบนี้ ตัดสินพวกเราแบบนี้ ในสมองย้อนแย้งกันไปหมดและนั่นทำให้ผมทำอะไรไม่ได้สักอย่าง



คำบอกรักของมันไม่ได้ทำให้หัวใจพองโตแต่กลับทำให้หัวใจผมบีบรัดจนรวดร้าวไปหมด อยากเข้าไปกอดจะแย่แต่ทำได้เพียงยืนมองมันอ้อนวอนผมอยู่อย่างนั้น



‘แค่พี่อยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว’



ไอ้โซลไม่ได้ต้องการอะไรเลย...



‘อย่าทิ้งผมนะ’

‘บอกตัวเองเถอะ’

‘ไม่มีวันนั้นครับ’

‘ไม่มีวันนั้นเหมือนกัน...’




คำพูดของผมมันเชื่อไม่ได้สักอย่าง ไม่มีความมั่นใจ โลเล เขวตามคนอื่น ไม่เคยทำให้ไอ้โซลมั่นใจในความรู้สึกที่มีให้มันได้



ไอ้โซลไม่ได้ต้องการอะไรเลย...นอกจากความรักของผม



ที่ผ่านมามีแต่ผมที่เป็นฝ่ายรับสิ่งดีๆ จากมันตลอด ผมที่นอกจากไม่เคยทำอะไรให้มันแล้วยังหยิบยื่นความเจ็บปวดให้กับมันอีก



ผมมันแย่...โคตรแย่



และตอนนี้ผมคิดถึงมันจริงๆ ให้ตาย...



มือผมกำพวงมาลัยแน่น ในใจไม่มีความหวาดกลัวใดๆ เลย บนถนนเปล่าเปลี่ยวผมเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะหักเข้าข้างทาง รถพุ่งขึ้นไปบนฟุตบาทขณะที่เสียงเบรกดังลั่น



ผมแค่หวัง...หวังว่าไอ้โซลจะตามมา คอยตามดูอยู่ห่างๆ



แต่ไม่มี...ไม่มีใคร



ไอ้โซลไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ ไม่ใช่ยอดมนุษย์ ผมเพิ่งระลึกได้ในวินาทีนั้น มันเป็นคนธรรมดา ไม่มีพลังวิเศษอะไร เป็นแค่คนคนหนึ่งที่ทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรัก แล้วผมล่ะ...เคยทำอะไรให้มันบ้างไหม



ผมฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย เสียงร้องไห้ดังก้องไปทั้งห้องโดยสาร



ทั้งที่เป็นคนตัดความสัมพันธ์แต่กลับร้องเรียกหา ผมมันหน้าไม่อาย เคยโดนเอาใจสารพัด เคยถูกดูแลแทบทุกย่างก้าว ไม่ว่าจะทำอะไรผมรู้ว่าจะมีมันอยู่ข้างๆ ตลอด ไอ้โซลไม่เคยยอมแพ้ มันวิ่งตามผมมานาน...แต่ในวันนี้มันคงจะเหนื่อยแล้ว



ผมยังจะเรียกร้องเอาอะไรอีกวะ เป็นคนบอกให้มันไม่ต้องมาเจอไม่ใช่หรือไง ทำกับมันแบบนั้นก็สมควรแล้วที่มันจะหันหลังให้ ทั้งที่รู้อย่างนั้น...ทั้งๆ ที่ผมรู้อย่างนั้น



…แต่ตอนนี้ผมอยากกอดมันเหลือเกิน







---------------------------------------

เศร้าให้พอ

มีทั้งคนที่เข้าใจพี่ซีนและไม่เข้าใจ ไม่เป็นไรค่ะ555555

อีกสองตอนก็จบแล้วค่ะ มาม่าจะหมดหม้อแล้ว ก็ค่อยปิดท้ายด้วยของหวาน /ฮ่า

ขอบคุณทุกคอนเมนต์ค่ะ ขอบคุณมากๆ เลย

#ข้างหลังฉาก #โซลซีน

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
นี่เศร้าไม่สุดค่ะ

สงสารโซลอยู่

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
โซลน่าสงสาร ในเมื่อซีนคิดว่าดีแล้ว ก็ดีแล้ว ดูเหมือนซีนไม่ได้รักโซลเลย ยังไม่ทันลองพูดกับพ่อแม่ด้วยซ้ำ ก็เลิกกันง่ายๆ ไม่มั่นคงแบบนี้ อย่าคบกันเลย พออะไรมากระทบหน่อย ซีนก็ชิงยอมแพ้เรื่อยไป โซลหาคนใหม่ดีกว่า

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ซีน ตีตนไปก่อนไข้  :really2:
เลยทุกข์หนัก เจ็บปวดรวดร้าวกันไปทั้งซีน โซล  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เอาตรง ๆ เข้าใจความคิดซีนนะ แต่อย่างที่บอกถ้าแคร์คนอื่นมากไป

มันก็ต้องจบ สุดท้ายเจ็บกันไปหมด นี่ถ้าไม่ติดว่าโซลให้ใจนาง จะยุให้หาใหม่

หาคนที่พร้อมจะเดินไปด้วยกัน #อินมากฮ่า ๆ

ออฟไลน์ Altasia

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อย่าเพิ่งจบได้ไหม ไม่อยากให้โซลอภัยให้ซีนง่ายๆอะ อยากให้ซีนเป็นฝ่ายง้อโซลบ้าง เอาแบบนานๆเลย ให้คุ้มกับความรู้สึกที่เสียไป

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ฮืออออ ซีน ลูกกกก เอาให้สุดค่ะ

แล้วต้องตัดสินใจได้แล้วนะว่าจะทำยังไงต่อไป

เอาใจช่วยนะลูกกกกก

คิดว่าตอนนี้คงไม่มีใครมีความสุขสักคนล่ะ สู้ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แอบรำคาญซีนหน่อยๆ ไม่สู้อะไรเลยกลัวนุ่นนี่นั่นไปหมด อ่อนแอขนาดนี้อยู่มาถึงอายุเท่านี้ได้ยังไง
สงสารโซลเลยมารักกับคนแบบนี้
นี่ว่าเฮียกับพ่อแม่คงรู้แล้วล่ะแค่รอให้เจ้าตัวเปิดปากพูด

ออฟไลน์ noppnopp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เอาให้สุด ดิ่งลงไปอีก

เอาให้ตายกันไปข้างนึงเลย

 :katai4:

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อีก2ตอนจบดราม่าหรือ2ตอนจบเรื่องคะ :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เสิร์ฟของหวานด่วนนนน

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
       ความกลัวในสิ่งที่เราคิดและตัดสินใจไปเองว่าคนรอบตัวคนที่เรารักจะรับเราไม่ได้มันทรมานเสมอค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ รอพี่ซีนเคลียร์ทุกๆอย่างให้ลงตัวโซลเตรียมตัวมารับคนรักกลับไปปลอบทีนะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
เข้าใจซีนนะว่ากลัวทำคนที่รักเสียใจ แคร์คนรอบตัวงี้
แต่ซีนแคร์ทุกคนยกเว้นตัวเองกับโซล ซึ่งเป็นคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดอะ
เราเลยสงสารโซลมากกว่าจะเห็นใจซีน
ถ้าแคร์คนอื่นมากจนยอมลงมีดกับหัวใจตัวเอง
แล้วจะมาเสียใจทีหลังทำไมถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำมันถูกแล้ว
ถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้หวังว่าซีนจะได้บทเรียนแล้วเข้มแข็งขึ้น
เพราะถ้าไม่โซลก้คงต้องเจ็บไปเรื่อยๆเป็นระยะตลอดเวลาที่คบกันนั่นแหละ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ไปให้สุดค่ะพี่ซีน ยังได้อีกกกก เอาให้เสียใจกันให้หมดดด ครอบครัวก็เสียใจที่พี่ซีนเป็นงี้อ่ะ ลองคุยกันก่อนไหมมมมม

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0



ตอนที่ 29







“บอกว่าถึงบ้านแล้วให้โทรหา”



“กูลืม โทษที”



“โทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง กูรอมึงทั้งคืนจนต้องโทรไปหาเฮียคัท”



“ฮ...เฮียว่าไงบ้าง”



“บอกแค่มึงเข้าห้องไปแล้ว ไม่ได้พูดอะไรต่อ ไม่ได้ถามอะไรกูด้วย”



“เหรอ...” ผมเอ่ยเสียงเบา ขอโทษมันไปอีกหลายครั้ง ไม่ได้อยากทำตัวให้ทุกคนเป็นห่วงแต่ผมก็ชอบทำตัวน่าเป็นห่วงมาตลอดอยู่แล้ว



ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกแย่กับตัวเอง หาแต่เรื่องให้คนอื่นลำบากด้วย โตขนาดนี้ยังจัดการดูแลตัวเองไม่ได้เลย ที่จริงผมควรจะเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ได้แล้ว หากแต่ใจในกลับขลาดกลัว ผมยังไม่พร้อม...ไม่พร้อมจริงๆ



“จะกลับบ้านเลยหรือเปล่า”



ไอ้จั๊มพ์ถามตอนเดินออกมาจากอาคารเรียน แน่นอนว่าไม่ เฮียคัทอยู่บ้านตลอด ผมกลัวว่าจะไม่มีข้ออ้างหลบอยู่แต่ในห้องของตัวเองเพราะนี่เพิ่งบ่ายกว่าๆ



“ไปบ้านมึงได้ไหม”



“ออกไปพบเจอผู้คนมั่งเถอะ เอาแต่ขังตัวเองแบบนี้มันจะยิ่งแย่นะ”



ผมส่ายหน้าทันที นึกถึงวันที่สะบัดมือไอ้โซลออก “กูไม่อยากเจอใครจั๊มพ์ กูอยากอยู่กับมึง” เพราะผมไม่รู้จะคุยเรื่องนี้กับใครแล้ว...



“งั้นก็ไปเก็บของมาค้างบ้านกูซะ”



“ไม่ได้หรอก แค่นั้นป๊าม้าก็เป็นห่วงจะแย่แล้ว”



“รู้ตัวนี่”



“มึง...” ผมหยุดเดิน ก้มหน้าลงจนชิดอก “ไหนว่าจะไม่เร่งกูไง”



“ไม่ได้อยากเร่งหรอกแต่เห็นมึงเป็นแบบนี้กูไม่โอเคว่ะ”



“..กูขอโทษ”



“กูไม่ได้ลำบากอะไร แต่ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งกูก็อยากให้มึงมีความสุข ตอนไอ้โซลจะจีบมึงกูกังวลมาก ทั้งตัวไอ้โซล ทั้งเรื่องที่พวกมึงเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่เห็นมึงไม่อะไรกูเลยคิดว่ามึงรับได้ ครอบครัวมึงก็ไม่น่าจะว่าอะไรเพราะพวกเขาก็รักมึงจะตาย แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้”



“…”



“เป็นไปได้กูไม่อยากให้มึงรู้จักกับมันเลย”



เพื่อนสนิทเบือนสายตาไปทางอื่น ขมวดคิ้วแน่น ถ้าเป็นไปได้ผมก็ยังอยากรู้จักกับมันอยู่ดี...น่าแปลกที่อยากลองลิ้มรสความสุขชั่วครู่แม้รู้ว่าหลังจากนั้นจะได้รับความเจ็บปวดที่เกินคาดก็ตาม



“กูจะบอกป๊าม้า...แต่ขอเวลาเตรียมใจสักสองสามวันนะ”



“อืม”









“อย่าเอาแต่นอน ลุกขึ้นมา”



“กูไม่อยากทำอะไรนี่หว่า”



“หาอย่างอื่นบ้าง พักใจหน่อย เดี๋ยวแม่งก็เปื่อยตายหรอก สภาพมึงเหมือนของเหลวแล้วนะตอนนี้”



“ไม่ขนาดนั้นสักหน่อย” ผมแยกเขี้ยว ลุกขึ้นตามแรงดึงของมัน ตั้งแต่มาถึงบ้านไอ้จั๊มพ์ต่างคนก็ต่างนอนจนตอนนี้เย็นแล้วพวกผมยังไม่ได้กินอะไรเลย



“ไปทำอาหารซะ กูจะเป็นลูกมือให้”



“มึงก็ทำเป็นเหอะ ทำให้กูกินหน่อยไม่ได้เหรอ”



“กูทำอร่อยสู้มึงไม่ได้หรอก”



หน้ามันไม่ได้รู้สึกตามที่พูดสักนิด แต่กัดฟันชมมาขนาดนี้ผมจะทำให้ก็ได้วะ



มองเจ้าของบ้านที่กำลังเอาของสดออกมาจากตู้เย็น ปากก็พึมพำกับตัวเองไม่หยุดว่าจะทำอะไรดี



“เอาง่ายๆ นะ กูหิวจนตาลายแล้ว”



ผมพยักหน้าอือออ รับของที่มันยื่นมาให้



“ข้าวมี แล้วก็มีต้มยำทะเลที่แม่ซื้อไว้เดี๋ยวเอาไปอุ่น”



“กินแค่นั้นก็พอแล้วมั้ง”



“ทำอีกอย่าง เอาไข่เจียวหมูสับแล้วกันง่ายๆ”



“เออๆ เอานี่ไปเก็บแล้วเอาหมูสับมา” ผมยื่นผักชีคืนให้มัน จะเอาออกมาทำอะไรก็ไม่รู้



ผมตอกไข่ใส่ถ้วยลงไปสามฟอง ไอ้จั๊มพ์ก็ตอกลงไปเพิ่มอีกสอง อยู่กันแค่สองคนแต่ผมว่ามันกินหมดแน่นอน ผมใส่หมูลงไป ตีให้เข้ากัน ไอ้จั๊มพ์เดินไปคุ้ยๆ อะไรสักอย่างสักอย่างในตู้แล้วเอามายื่นให้



“ใส่หอมด้วย”



“…”



“ไม่ชอบเหรอ มึงก็กินได้นี่”



ผมส่ายหน้า รับหัวหอมใหญ่ในมือมันมาเพื่อเอาไปหั่น



ลืมไปได้แค่นิดเดียวจริงๆ ...ไม่ได้นึกถึงมันแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นจริงๆ



มันวนเวียนอยู่ในหัวผมตลอด หันไปทางไหนก็เจอแต่มัน



“เฮ้ย ร้องไห้ทำไม มีดบาด?”



“กู..ส..แสบตา”



“เอามาๆ กูทำเอง”



เพื่อนสนิทแย่งทุกอย่างไปจัดการ ผมเพียงยืนนิ่งมองอยู่ข้างๆ



ไอ้โซลทำอาหารไม่เป็น แค่ไข่เจียวง่ายๆ ยังทำพังเลย ผมบอกอย่ากินพวกอาหารแช่แข็งเยอะ มันจะฟังผมไหม ได้ทำตามที่ผมบอกหรือเปล่า ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง อยู่ไหน ทำอะไรอยู่ คำถามเดิมๆ ยังคงผุดขึ้นมาย้ำเตือนว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อมันไม่ใช่แค่ความเผลอไผล เพราะอย่างนั้นมันจึงไม่เคยลดน้อยลงเลยแม้แต่นิด



“เชี่ย กูว่าไม่ใช่แสบตาแล้ว”



“โทษที คือกู...” ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาออก “กูไปตักข้าวรอนะ”



เหนื่อยกับตัวเองเต็มทน ขณะที่เฝ้ารอทุกอย่างดีขึ้นแต่ดูเหมือนเวลาจะเดินช้าเสียเหลือเกิน เหมือนหนึ่งนาทีกลายเป็นหกพันวินาที ความเจ็บปวดในวันนั้นเหมือนแผลสดที่เลือดไม่เคยหยุดไหล



“กินเข้าไปบ้างเหอะ ลดพัดมาเบาๆ ตัวมึงก็จะปลิวอยู่แล้ว”



“จะอ้วกแล้วนะ ไม่ไหวว่ะ”



“ใจหรือกระเพราะ”



“จั๊มพ์...”



“กลัวปล่อยไว้นานกว่านี้มึงจะตรอมใจว่ะซีน ถ้ายังไม่อยากบอกก็มาอยู่กับกูสักพักเถอะ ดีกว่าขังตัวเองอยู่คนเดียวในห้องน่ะ”



“กูไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นหรอก แค่อยากอยู่คนเดียวเฉยๆ”



“นั่นยิ่งทำให้มึงฟุ้งซ่านนะ”



“กูจะบอกทุกคนแต่ไม่ใช่วันนี้”



“พรุ่งนี้? มะรืน?”



“จั๊มพ์...” ผมเอ่ยเรียกอีกคนเสียงแผ่ว เอื้อมมือไปจับแขนมันเอาไว้ ถ้ามันไม่เข้าใจผม ผมก็ไม่เหลือใครแล้ว “ไม่รู้จริงๆ ฮึก...กูขอโทษ แต่ยังไงก็ไม่ใช่วันนี้”



“เออ โทษว่ะ กูแค่ไม่อยากให้มึงเป็นแบบนี้” มันลุกขึ้นมาปลอบ “กูอยู่ข้างๆ มึงเหมือนเดิมแหละน่า”



น้ำตาอย่างกับสั่งได้ ผมห้ามตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ ต้องรอจนกว่าร่างกายจะเหนื่อยถึงหยุดไปเอง ถ้าสั่งน้ำตาได้แบบนี้ตอนถ่ายซีรีส์ก็ดีสิ ไอ้โซลจะได้ไม่ต้อง...



อา...ไอ้โซลอีกแล้ว



ไอ้จั๊มพ์เปิดหนังตลกให้ดูหนึ่งเรื่องก่อนผมจะกลับบ้าน มันก็ช่วยให้ผมเลิกคิดเรื่องอื่นไปได้ชั่วขณะหนึ่งในตอนที่ผมโฟกัสที่เรื่องราวของมัน เพียงแต่ผมไม่สามารถหัวเราะออกมาได้เท่านั้นเอง



“กี่โมงแล้วะเนี่ย อ้าว แบตหมด” มันโยนโทรศัพท์ไปไว้บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนเดิมก่อนจะบิดขี้เกียจ “ดูโทรศัพท์มึงดิ๊”



“กูปิดเครื่อง ดูนาฬิกาบนโต๊ะมึงดิ”



“ห่า ปิดเครื่องเพื่อ เดี๋ยวเฮียมึงได้ฆ่ากูหรอก”



“บอกเฮียไว้แล้วว่ามาบ้านมึง”



ไอ้จั๊มพ์ลุกจากเตียงไปดูนาฬิกาตั้งโต๊ะ “สองทุ่ม! เดี๋ยวกูได้โดนฆ่าจริงๆ แน่ กลับบ้านไปได้แล้วหรือกูไปส่งดี”



“กูขับเองน่า”



“ดีๆ เลย เปิดเครื่องด้วย เฮียมึงอกจะแตกตายแล้วป่านนี้”



ผมพยักหน้าเนือยๆ ไอ้จั๊มพ์ออกมาส่งหน้าบ้าน รอจนผมขับออกไป ไม่ได้เปิดเครื่องตามที่มันบอก บางทีก็คิดว่าขอจมกับตัวเองให้สุดแล้วเดี๋ยวผมคงจะเหนื่อยกับมันไปเอง และในตอนนั้นมันคงดีขึ้น



ผมปิดประตูรถ ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก มองเข้าไปในตัวบ้าน ที่จริงเวลานี้เป็นเวลาครอบครัว เรามักจะอยู่พร้อมหน้าเพื่อกินข้าวและพูดคุย และตอนนี้ผมทำบรรยากาศแย่ไปหมด อยากกอดพวกเขาแต่กลัวไปหมดทุกอย่าง ผมสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน ไฟยังสว่างแต่ภายในบ้านเงียบราวกับไม่มีใครอยู่ทำให้ผมเอะใจ



“ซีน” ผมสะดุ้ง หันไปทางต้นเสียง “มานี่หน่อยสิ”



“เฮียมีอะไร ผม...”



“มาหาเฮียหน่อย”



ผมขบริมฝีปากแน่น ก้าวเดินไปทางห้องนั่งเล่นอย่างจำใจ...ไม่ได้มีแค่เฮียคัทแต่ป๊าม้าก็อยู่ด้วย



“ทำไมปิดเครื่อง”



“..แบตหมด”



“กินอะไรมาแล้วใช่ไหม”



“อื้ม..”



“มานั่งนี่สิ” เฮียตบที่ว่างข้างตัว ผมลังเล บรรยากาศน่าอึดอัดนี่ทำให้ผมอยากวิ่งหนี ทำไมป๊ากับม้าถึงไม่พูดอะไรสักคำ...



ผมไม่ได้ก้าวเข้าไปหาเฮีย ยังคงยืนอยู่ที่เดิมแต่เฮียก็ไม่ว่าอะไร “ช่วงนี้เรียนหนักเหรอ”



“..ก็ไม่เท่าไหร่”



“กับไอ้พวกนั้นยังคบกันอยู่หรือเปล่า”



“คบสิ ทำไมเฮียถามแบบนั้น”



“ถ้าอย่างนั้นซีนมีปัญหาอะไร”



“…”



ผมกลืนน้ำลาย จ้องพี่ชายด้วยแววตาสั่นระริก



“เฮียแทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว” ผมเพิ่งสังเกตว่าบนโต๊ะหน้าโซฟามีหนังสือสองสามเล่มวางอยู่ มันเป็นนิตยสารซุบซิบดาราที่บ้านผมไม่เคยมี...



“เมื่อไหร่จะบอกเฮียเหรอ เฮียรอให้มึงเป็นคนพูดออกมาเองนะ”



...และในนั้น มันมีรูปผมกับไอ้โซล...



ผมเบิกตากว้าง ในอกวูบโหวงจนน่ากลัว รูปตอนงานเลี้ยงปิดกล้องที่ผมซบมัน รูปตอนอยู่ในห้างที่พวกเราจับมือกัน...และรูปที่กองถ่าย ถึงจะถูกถ่ายจากที่ไกลๆ แต่มันดูออกว่าเป็นพวกผมและเรากำลังจูบกัน...



“แฟนคนที่โซลพูดถึง...คือซีนใช่ไหม”



“ป..ป๊า..ผม...”



“ซีนมาหาม้าซิ”



“ผ..ผม...ฮึก..”



ไม่รู้ว่าน้ำตาพรั่งพรูออกมาตอนไหน ตัวผมสั่นไปหมด มองไม่เห็นสีหน้าของทั้งสามคน ผมกัดปากแน่นแต่ไม่อาจเก็บเสียงสะอื้นเอาไว้ได้



ผมเดินเข้าไปหาม้า คุกเข่าลงกับพื้น ไม่กล้าสบตาผู้หญิงที่ผมรักที่สุด



“ผมขอโทษ..ฮึก..ขอโทษครับ..”



“…”



“…”



“…”



“ขอโทษ..ผมขอ..ฮึก..ฮือ..ขอโทษจริงๆ...”



“ซีน” เสียงผู้หญิงตรงหน้าเอ่ยเรียกเสียงสั่น มือที่เลี้ยงดูผมตั้งแต่เล็กจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้แน่น “ขึ้นมานั่งนี่ แล้วบอกม้าว่าขอโทษทำไม”



ดวงตาม้าแดงก่ำ นั่นยิ่งพาลให้น้ำตาผมไหล “ก็ผม..ค..คบกับโซล..”



“แล้วขอโทษทำไม”



“ฮึก...ม้าไม่โกรธเหรอ ไม่ผิดหวังเหรอ อึก...ผมทำให้ป๊าม้าต้องขายหน้า ทำให้ครอบครัวเราต้องอาย คนอื่นจะมองยังไงว่ามีลูกชายเป็น ฮึก...แบบนี้ ผมขอโทษ...”



“ป๊าโกรธนะ”



“ฮือ...ผมขอโทษ..”



“โกรธที่ซีนปิดบัง แล้วเอาแต่คิดว่าตัวเองทำผิด”



“ซีนฟังนะ ม้าเลี้ยงซีนมาอย่างดี ซีนเป็นเด็กดี ไม่เคยทำให้ม้าเสียใจ ม้าภูมิใจในตัวซีนนะ” มือนุ่มนิ่มนั่นกุมใบหน้าของผมเอาไว้ ก่อนจะโอบกอดในตอนที่ผมสะอื้นจนตัวโยน



“ม้าแคร์คนที่ม้ารักเท่านั้น ลูกมีความรัก โซลก็เป็นคนดี ไม่มีเหตุผลที่ม้าต้องเสียใจจริงไหม”



“..ฮือ...จ..จริงเหรอ..ม้าพูดจริงเหรอ..ฮึก..”



“ซีน เราเป็นแค่คนคนหนึ่งที่รักคนอีกคนหนึ่งเท่านั้นเอง”



“ฮือ..ม้า...”



“ไม่มีทางที่เราจะทำให้คนบนโลกนี้ชอบเราได้หมดทุกคนหรอกนะ แล้วถ้าเราเอาแต่ไปแคร์คนอื่น เราจะเอาเวลาไหนไปมีความสุขกับคนที่เรารักล่ะ”



“ไม่ต้องสนใจคำพูดคนอื่นหรอกนะซีน เสียความรู้สึกแล้วยังเสียเวลาเปล่าๆ ป๊าสนใจแต่ความรู้สึกซีนเพราะซีนเป็นคนที่ป๊ารัก เป็นครอบครัวของป๊า หน้าตาทางสังคมอะไรนั่นเป็นแค่เปลือกนอก เห็นลูกป๊าไม่มีความสุขนี่สิที่ทำให้ป๊าเจ็บปวด”



“มีงานอะไรม้ากับป๊าก็จะไปเหมือนเดิม ไม่อายด้วย ลูกม้าไม่ได้ฆ่าใครนะ”



“อือ เลิกคิดมากได้แล้ว”



“ต..แต่เฮีย..พูดแบบนั้นกับผม...”



“ก็เพราะกูรู้ว่ามึงจะเป็นแบบนี้ไง...” เฮียคัทถอนหายใจ ยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้แต่มันก็ยังไหลออกมาไม่หยุด “เฮียเฝ้าดูมึงมาตั้งแต่เล็ก ดูแลมึงมาตลอด เฮียรู้ว่ามึงเติบโตมายังไง แบบไหนเพราะอย่างนั้นเฮียถึงกลัวว่ามึงจะรับไม่ได้กับสิ่งที่มึงต้องเจอ”



เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเฮียคัททำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้...



“เฮียผิดเองที่ให้มึงหลบแต่อยู่ข้างหลัง เฮียขอโทษ เฮียไม่สนว่ามึงจะรักผู้ชายหรือผู้หญิง ขอแค่คนนั้นมันเป็นคนดี ดูแลมึงได้ก็พอ”



“..ฮือ..เฮีย..”



“จะเป็นอะไรซีนก็ยังเป็นน้องเฮียเหมือนเดิมไม่ใช่เหรอ”



ผมโผเข้ากอดพี่ชาย ปล่อยโฮออกมาอีกระลอกใหญ่



“เฮียรักมึงมากนะ”



ในใจยังเต็มไปด้วยคำขอโทษ เหมือนผมดูถูกว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมเป็น เหมือนกับว่าผมดูถูกความรักของพวกเขา พยายามจะกางปีกปกป้องโดยไม่รู้ว่านั่นคือการทำร้ายทั้งตัวเองและความรู้สึกของพวกเขาด้วย...ผมไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของเรื่องนี้จะออกมาเป็นยังไง คิดแต่ว่าไม่อยากให้ครอบครัวของผมเสียใจเพราะผมรักพวกเขามากจริงๆ



หากแต่ในตอนนี้ข้างในใจที่ขาดแหว่งถูกเติมเต็มโดยความรักของครอบครัว ในวินาทีนี้เองที่ผมรู้ว่าต่อไปไม่ว่าจะเจออะไรร้ายแรงจากโลกภายนอก...ผมก็ยังมีพวกเขาคอยอยู่เคียงข้างเสมอ











พอเปิดเครื่องผมถึงรู้ว่ามีหลายคนพยายามติดต่อผม น่าจะเพราะข่าวที่เพิ่งออกไป แน่นอนว่ามันทำให้กระแสซีรีส์พุ่งขึ้นแต่ผมไม่ได้สนใจมันสักนิด ในใจสั่นกลัวหน่อยๆ ...อาจเพราะตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องของผมกับไอ้โซลแล้ว



แฟนคลับคงดีใจแต่ผู้คนบางคนอาจไม่ชอบใจ...



“ที่เฮียพูดมาแสดงว่าเฮียรู้อยู่แล้วเหรอเรื่องผมกับโซล..” ตั้งแต่วันแรกที่เฮียกลับมาบ้าน เฮียก็มีท่าทีสงสัยพวกผมทั้งสองอยู่แล้ว



“ท่าทางพวกมึงออกจะชัด สายตาที่มันมองมึงใครก็ดูออก อีกอย่างนะซีน เฮียตามดูมึงในโซเชียลก็รู้แล้วว่ามึงไปไหนมาไหนกับใครบ้าง”



ผมหันขวับไปมองคนข้างกาย ตัวชาวาบ



“ฮ...เฮียรู้มาตลอดเลยเหรอ...”



“อืม” มือลูบหัวผมอยู่อย่างนั้นขณะที่สายตามองไปทางโทรทัศน์จอใหญ่ “รู้ว่ามึงไม่กล้าบอกแต่เฮียก็อยากให้มึงเป็นคนพูดออกมาเอง”



“ผมไม่ได้อยากโกหกนะ ตอนนั้นผม...”



“เฮียเข้าใจ ไม่เป็นอะไรแล้ว” ผมกอดเฮียเอาไว้แน่น แอบเช็ดน้ำตาที่คลอขึ้นมากับเสื้อพี่ชายเพราะความรู้สึกผิด



“ทะเลาะกับมันอยู่ใช่ไหม”



“…”



“..หืม”



ผมส่ายหัว ปิดตาลงช้าๆ “..ผมบอกเลิกโซลแล้ว”



เฮียคัทชะงัก เงียบไปหลายอึดใจก่อนน้ำเสียงทุ้มต่ำจะเอ่ยขึ้น “อืม...ดี”



“คัท”



เฮียถอนหายใจ “โถ่ ม้า”



“เพิ่งบอกไปเองไม่ใช่เหรอว่าขอแค่เป็นคนดีดูแลน้องได้”



“ก็ซีนมันเข้าใจผิด แต่ผมไม่ได้หมายความ...”



“เงียบไปเลย”



ม้านั่งลงโซฟาอีกข้างของผม ลูบหลังเหมือนปลอบ “ซีนจะปล่อยให้เป็นแบบนี้เหรอ”



“ผมทำลงไปแล้ว มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”



“ม้าคิดว่าซีนรู้ว่าต้องทำอะไรนะ”



สัมผัสอบอุ่นวางอยู่บนศีรษะ ประมุขของบ้านแย้มรอยยิ้มบาง “ผ่านมันไปให้ได้ ลูกป๊าเก่งอยู่แล้ว”



ผมจะผ่านมันไปยังไง...



แล้วจะให้ผมทำยังไงเหรอ...ในเมื่อทุกอย่างมันพังลงไปหมดแล้ว พังด้วยน้ำมือของผมเอง ถ้าไม่นับเรื่องที่กลัวป๊าม้าและเฮียคัทจะเสียใจ ก็เป็นผมเองที่หวาดกลัวต่อสายตาคนเหล่านั้นจนทำร้ายความรู้สึกของคนที่ควรจะแคร์ที่สุดไป











“ไง”



“ไม่ไง”



“เย็นนี้ไปดูกูเตะบอลเปล่า”



“เตะกากๆ อะนะ”



“กูเตะเข้าลูกนึงเลยนะเว้ย” ไอ้ทิมเขกหัวผมเบาๆ นั่งลงฝั่งตรงกันข้าม



“ไอ้โฟร์ล่ะ”



“ซื้อหนมอยู่ ไอ้จั๊มพ์อยู่ตึกรวมใช่ไหม โทรบอกมันแวะรับไอ้โฟร์ที่โรงอาหารถาปัดหน่อยดิ”



ไอ้ทิมไอ้โฟร์มาหาผมบ่อย ตลอดอาทิตย์นี้ผมเจอพวกมันทุกวัน ตอนแรกมันขอโทษขอโพยยกใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ด้วยในช่วงที่ผมเจอปัญหาแต่ผมไม่ได้อะไรสักหน่อย เข้าใจที่พวกมันยุ่ง



หลังจากข่าวออก ผมมามหา’ลัยตามปกติแม้จะต้องเดินก้มหน้าก็ตาม...มันไม่ใช่ข่าวหน้าหนึ่งตามหนังสือพิมพ์หลายฉบับ แต่ด้วยกระแสของซีรีส์ทำให้คนสนใจพอสมควร มีคนจะติดต่อขอโทรศัพท์มาสัมภาษณ์แต่พี่ปุ้ยบอกจะจัดการให้ทั้งหมด แก้ข่าวเป็นพวกเราแค่ซ้อมบทเฉยๆ ส่วนเรื่องคบจริงหรือไม่นั้น รูปวันที่เราจับมือกันกลางห้างก็น่าจะเป็นคำตอบได้แล้ว ถึงแม้ผมไม่ได้รับงานในวงการต่อแต่เพราะซีรีส์ยังออนแอร์อยู่มันเลยเหมือนกับเป็นความรับผิดชอบของผมที่ต้องจัดการเรื่องนี้อยู่ดี



หนิงกับเฟิร์สก็โทรมาหา ให้กำลังใจผมกับเรื่องนี้ ผมขอบคุณทั้งสอง เพียงแต่ไม่ได้บอกว่าผมกับไอ้โซลจบความสัมพันธ์ลงแล้ว



ไม่มีแฟนคลับคนไหนกล้าเข้ามาทักหรือมาคุยกับผม อาจเพราะผมเดินก้มหน้าก้มตา ตัวติดกับไอ้จั๊มพ์ตลอดเวลาหรืออาจเพราะริมฝีปากที่ยังคงยกยิ้มยากอยู่อย่างเดิม



ผมอยากขอโทษพวกเธอจริงๆ เพราะทั้งหมดมันเป็นเพราะผมเอง



ไม่นานไอ้จั๊มพ์กับไอ้โฟร์ก็มาถึง บ่ายแก่ๆ ใต้ตึกคณะบัญชี ใช่ว่าไม่มีเรียน มีแต่พวกโดดทั้งนั้น ผมรู้ว่าเพื่อนพยายามปลอบใจผม พยายามทำให้ผมยิ้ม ถึงแม้กับครอบครัวผมจะเข้าใจกันแล้วแต่ผลจากการตัดสินใจทำอย่างนั้นลงไป...สิ่งที่เสียไป ผมไม่มีวันได้คืน



“ซีน เย็นนี้ไปดูกูเตะบอลไหม”



“กูชวนไปแล้ว”



ไอ้โฟร์ร้องอ้าว พวกมันพยายามชวนผมออกไปข้างนอก ทำกิจกรรมต่างๆ ต่อให้ผมลืมเรื่องไอ้โซลไปแต่มันก็แค่ช่วงสั้นๆ หลังจากนั้นผมก็นึกถึงแต่มันเหมือนเดิม



“ไปหน่อยน่า”



“กูไม่ชอบดูบอลซะหน่อย”



“ดูพวกกูไง ไม่ได้ให้ดูลูกบอล”



“กวนตีน”



ไอ้จั๊มพ์แกะขนมวางไว้ตรงกลางโต๊ะ “แล้วเย็นนี้มึงจะไปไหน”



“กลับบ้านไง”



“บ้านไม่หนีมึงหรอกน่า”



“ปกติกูก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเป็นสักหน่อย”



ไอ้ทิมถอนหายใจ “ซีน รู้ไหมว่าอาทิตย์ที่ผ่านมาหน้าตามึงเป็นยังไง”



“เออ ช่วยกูพูดหน่อย แม่งเห็นหัวอ่อนอย่างนี้พูดโคตรยาก” ไอ้จั๊มพ์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะ



“มึงเคลียร์กับครอบครัวแล้วก็จริงแต่มึงดูไม่มีความสุข”



“เดี๋ยวมันก็ดี”



“ประโยคนี้อีกแล้ว” ไอ้จั๊มพ์ว่า



“เดี๋ยวของมึงนี่นานเท่าไหร่” ไอ้โฟร์เสริม



ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ตัวผมเองก็ได้แต่รอให้เวลามันช่วยเยียวยา เพียงแต่เวลามันเดินช้าขณะที่คนรอบข้างเริ่มจะร้อนใจ



“กูเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ะทิม” ผมเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่นแทน ได้ยินเสียงไอ้จั๊มพ์พึมพำด่า



“อะไร”



“ตอนที่เฮียคัทกลับมาเฮียขอเบอร์มึงไปบอกจะโทรไปด่า เรื่องอะไรวะ”



“อ้อ...” มันดื่มน้ำไปอึกหนึ่ง ทำหน้าเซ็งเมื่อนึกถึงสิ่งที่ผมถาม “ก็เรื่องที่ปล่อยให้ไอ้โซลมันเข้าหามึงได้ไง”



“ฮะ..?”



ไอ้จั๊มพ์ตบไหล่ข้างหนึ่งของผม “กูบอกมึงแล้วว่าเฮียให้พวกกูคอยดูมึง”



“ก็ใช่แต่...ต้องขนาดนี้เลยเหรอวะ”



เฮียคัทรู้อยู่แล้วตั้งแต่แรกจริงๆ สินะ ดีไม่ดีรู้ก่อนกลับมาด้วยซ้ำไป



“วันหนึ่งอยู่ๆ ไอ้โซลก็เดินเข้ามาหากูกับไอ้โฟร์แล้วบอกว่ามันกำลังจะได้แสดงซีรีส์กับมึง” ไอ้ทิมเคาะนิ้วมือลงกับโต๊ะเป็นจังหวะ มันจ้องหน้าผม แขนข้างหนึ่งยกขึ้นเท้ากับโต๊ะ



“มันบอกพวกกูว่าชอบมึง...กูเห็นมันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง แน่นอนว่ากูต้องกันมันออกจากมึงอยู่แล้ว แต่มันบอกว่ามองมึงมาเกือบปี พอๆ กับที่กูก็ได้ข่าวว่ามันหยุดคั่วผู้หญิงไปทั่วเหมือนกัน”



“…”



“กูไม่ได้ไว้ใจมันขนาดนั้น แต่ไม่เคยเห็นมันอาการหนักขนาดนี้มาก่อนเลยคอยเฝ้าดูพวกมึงอยู่ห่างๆ ก็แค่เปิดทางให้แต่ไม่ได้ช่วยมันหรอกนะ”



ผมเม้มปาก ไม่เคยรู้ว่าไอ้โซลบอกเพื่อนผมและพวกมันก็ปิดเงียบมาโดยตลอด



“แต่ตอนพวกนั้นแซวกูมึงยังหัวเราะกับพวกมันอยู่เลย”



“อ่อ อันนั้นลืมตัว”



อย่างนี้ก็ได้เหรอวะ...



ข้างในใจเหมือนเกิดประกายไฟเล็กๆ พอให้อบอุ่น



“มึงก็ด้วยเหรอจั๊มพ์” มันหันมาหาคนข้างๆ มันเคยพูดอะไรน่าสงสัยออกมาสองสามครั้ง



“อืม ที่จริงมันเหมือนมาขออนุญาตว่ะ”



“ก็ไอ้จั๊มพ์แม่งเหมือนเป็นพ่อไอ้ซีนขึ้นทุกวัน”



“อ้าว กูเป็นห่วงมันไหมล่ะ” ไอ้จั๊มพ์แยกเขี้ยวใส่ไอ้โฟร์ “กูเคยได้ยินเรื่องของมันมาบ้างแต่มันดูจริงใจดีเลยลองปล่อยดูสักครั้ง ที่จริงช่วงแรกกูก็แซวไปอย่างนั้นเอง...”



มันยกยิ้ม “แต่มึงเสือกคล้อยตามมันจริงๆ”



“ก..ก็...”



“หึ ความรู้สึกมันห้ามไม่ได้นี่นะ...ก็แปลกดีที่ได้เห็นมึงมีความรัก นอกจากพีมที่ชอบไม่ชอบยังไม่รู้ตัวเลย” ผมถอนหายใจ จะวกมากัดทำไมวะ “แล้วไอ้โซลก็ทำให้พวกกูเห็นว่ามันดูแลมึงได้อย่างที่เคยรับปากไว้”



“เฮียคัทด่ากูฉิบหายวายวอด แต่มึงก็รู้เฮียแค่ห่วงเท่านั้นแหละ”



“ตอนนี้มันอาจกำลังรอมึงอยู่ก็ได้นะซีน”



ผมแค่นหัวเราะให้กับตัวเอง ส่ายหน้าให้ไอ้โฟร์ “กูทำกับมันขนาดนั้นน่ะนะ ไม่มีทางหรอก”



แล้วประกายไฟก็ดับลงด้วยความจริงที่ว่าผมทำร้ายความรู้สึกของมันไปแล้ว



“มันเกลียดกูแล้วล่ะ”



“เฮอะ เกลียดเหรอ” ไอ้โฟร์ทำหน้าเหมือนผมพูดอะไรบ้าๆ ออกมา “สภาพมันตอนนี้เหมือนมึงไม่มีผิด อาจแย่กว่าด้วยซ้ำ”



“มึงกลัวอะไรอยู่ซีน”



ผมหลบสายตาไอ้จั๊มพ์



“..กูรู้ว่าปัญหามันอยู่ที่ตัวกูเอง”



“งั้นมึงก็รู้ว่าต้องจัดการกับมันยังไงใช่ไหม”



“..คงงั้น”



“บางอย่างต้องใช้เวลาแต่บางอย่างไม่ควรเสียเวลา”



ผมก้มหน้ามองตักนิ่ง พอเหลือบสายตาขึ้นก็เห็นเพื่อนสนิททั้งสามจ้องผมเพื่อเอาคำตอบ ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยเอื้อมมือไปจับแขนคนข้างตัวเอาไว้



“จั๊มพ์...”



แต่มันผลักหัวผมเบาๆ “ไม่ต้องเลย กูไม่อยากเห็นมึงเป็นแบบนี้แล้วซีน”



“กูเป็นคนทำร้ายมันนะ เป็นคนบอกไม่ให้มันมาเจออีก จะให้กูแบกหน้าเข้าไปขอคืนดีมันได้ยังไง”



“มึงทำมันเสียใจจะไม่รับผิดชอบหน่อยเหรอ ก็มึงไล่มันไงมันเลยไม่กล้ามาหามึงอีก เพราะงั้นมึงนั่นแหละที่ต้องเป็นฝ่ายเข้าหามันบ้าง”



สายตาไอ้จั๊มพ์เอาจริง ผมมองไปที่เพื่อนสนิทอีกสองคนที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม



ไอ้โฟร์ส่ายหน้า “กูเห็นด้วยกับไอ้จั๊มพ์”



“หิวน้ำว่ะ มึงชอบกินชาเขียวปั่นที่คณะกูไม่ใช่เหรอซีน” แล้วขวดน้ำในมือไอ้ทิมคืออะไร...


.

.

ต่อด้านล่างค่ะ







ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0

.

.

.




ผมไม่ได้เจอไอ้โซลมาตั้งแต่วันนั้น ไม่เจอ ไม่เห็นข่าวคราว ถึงแม้ผมอยากจะรู้ว่ามันเป็นยังไงบ้างแต่ก็ไม่กล้าถามคนที่ใกล้ชิดกับมัน



เจอมันแล้วยังไง กระโดดกอดเหรอ บ้าไปแล้ว ผมจะกล้ามองหน้ามันไหมยังไม่รู้เลย ในใจผมสั่นไหว มันตื่นกลัว กลัวเพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง ระหว่างทางไปคณะสถาปัตย์ฯ ผมขอให้ไม่เจอมัน...



ใต้ตึกคณะไม่ว่างเปล่า กลุ่มนักศึกษาผู้ชายกลุ่มใหญ่ทำผมใจหล่นวูบ แต่ก็ไม่มีใครที่คุ้นหน้า ผมลอบถอนหายใจ โดนพวกนี้ลากมาจนได้



“พวกมึง...กูขอตั้งตัวก่อนไม่ได้เหรอ เจอมันแล้วไงวะ จะให้กูพูดกับมันยังไง กูยังไม่พร้อมยังไม่กล้าเจอมันนะพวกมึง กูขอร้อง”



“ซีน” ไอ้ทิมจับไหล่เหมือนให้ผมใจเย็นลง “กูแค่มาซื้อน้ำ”



“งั้นกูกลับคณะ”



“มาเป็นเพื่อนกูหน่อย”



“ทิม ไม่เอา กูขอร้อง”



“ใจเย็นซีน ตั้งสติก่อน เดินเข้าไปกับพวกกู มันอยู่แถวนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้าเจอ...ตอนนั้นมึงจะรู้เองว่าควรทำยังไง”



ผมไม่เชื่อคำพูดมันสักนิด แต่เหมือนกับว่าต่อให้ผมลงไปนอนร้องไห้อยู่บนพื้นพวกมันก็จะลากผมเข้าไปให้ได้



ผมกำแขนเสื้อไอ้จั๊มพ์แน่น เดินอยู่ข้างหลังไอ้ทิมกับไอ้โฟร์ ไม่รู้รอบข้างเป็นยังไง ผมไม่กล้ามองใครเลยด้วยซ้ำ



ผมอยากเจอไอ้โซลแต่ผมกลัว...กลัวว่าความเจ็บปวดอาจจะเพิ่มพูนขึ้นมากกว่าเดิม



เรากำลังจะเดินเข้าไปในร้านน้ำใต้คณะสถาปัตย์ฯ ไอ้ทิมกับไอ้โฟร์บังทางด้านหน้าจนเกือบมิด ประตูกระจกทำให้ผมเห็นว่ามีนักศึกษาในร้านไม่เยอะเท่าไหร่ ผมขอแค่ไม่เจอไอ้โซล ความพร้อมที่จะเผชิญหน้าติดลบ...ยังไม่ใช่วันนี้



ไอเย็นจากในร้านทำให้ผมก้าวขาไม่ออก ไอ้จั๊มพ์เลยเปลี่ยนมากำข้อมือผมเอาไว้แทน มีนักศึกษานั่งอยู่ประปราย โต๊ะละไม่กี่คน บางคนก็มาคนเดียว ผมเกือบจะโล่งใจแต่ลืมไปว่ายังมองไม่ทั่วร้าน แล้วในตอนนั้นเองเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น



“อ้าว หวัดดีคร้าบพี่ๆ”



เสียงไอ้น้องกัน...ตัวผมชาวาบ จะขืนมือที่ถูกกุมอยู่ออกไอ้จั๊มพ์ก็ไม่ปล่อย รุ่นน้องของเพื่อนทั้งสองทักทายรุ่นพี่พวกมันเสียงดัง ก่อนที่เสียงจะค่อยๆ แผ่วลงในตอนที่พวกนั้นเห็นผมที่ยืนอยู่ข้างหลัง



“..พี่ซีน” ผมจำต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างช่วยไม่ได้ แล้วดวงตาไม่รักดียังกวาดไปทั้งโต๊ะราวกับกำลังมองหาใครสักคน เพื่อนไอ้โซลอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ผมจำหน้าได้บ้างเหมือนจะอยู่กันแทบจะครบทุกคนยกเว้นก็แต่มัน...ใจนึงก็โล่งแต่อีกใจกลับรู้สึกผิดหวัง



ไอ้น้องกันนิ่งไปได้เพียงอึดใจมันก็ถลาเข้ามาผม “คิดถึงจังเลยครับ”



ผมว่าพวกนี้รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างผมกับไอ้โซล ถึงไอ้น้องกันยังทำตัวเป็นปกติแต่ผมก็รู้สึกไม่กล้าสู้หน้าพวกมันอยู่ดี



“มาซื้อน้ำเหรอครับหรือมานั่งตากแอร์ ให้ผมเลี้ยงน้ำไหม” มันถามอย่างกระตือรือร้น ขณะที่ผมไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง



“เดี๋ยวกูสั่งให้ ไปนั่งเหอะ เอาเหมือนเดิมใช่ไหม”



ผมพยักหน้าให้ไอ้ทิม ไอ้จั๊มพ์ปล่อยข้อมือผมแล้วเมื่อรู้ว่าผมไม่มีทางหันหลังวิ่งหนีออกจากที่นี่ได้แน่



“คุยกับผมหน่อยซี่”



“ป..เป็นไงบ้าง” ไอ้จั๊มพ์กับไอ้โฟร์เดินไปนั่งโต๊ะถัดไป ปล่อยผมไว้กับเพื่อนสนิทของไอ้โซลที่พอผมเอ่ยปากถามหน้าตามันก็ระริกระรี้ขึ้นมา



“เหนื๊อยเหนื่อยครับ งานเยอะมากเลย”



“อืม ตั้งใจแล้วกัน”



“พี่ซีนนั่งก่อนสิครับ” ไมค์เลื่อนเก้าอี้ออกให้ เพื่อนไอ้โซลจ้องผมกันทั้งโต๊ะ ผมอึกอัก ไม่รู้ว่าไอ้โซลอยู่ไหน มีเรียนวันนี้หรือเปล่า จะมาหาเพื่อนมันที่นี่ไหม ถึงมันไม่มาแต่จะให้ผมที่ทำเพื่อนพวกมันเสียใจนั่งร่วมโต๊ะด้วยเนี่ยนะ



แค่หน้าพวกนี้ผมยังไม่กล้าจะมองเลย...



“ไม่...ไม่เป็นไร..พี่..”



“อยู่กับผมก่อนน้า ไม่เจอนานผมคิดถึง”



“ไอ้กันอย่าเยอะมึงน่ะ”



“กูแค่จะคุยกับพี่ซีนของกู”



“เต็มปากเต็มคำ พี่เขาเอือมมึงจะแย่แล้ว เดี๋ยวไอ้...” บอลชะงัก ก่อนจะหมุนตัวไปหาเพื่อนอีกคน “ไอ้แม็กมันจะเอาน้ำอะไรนะ กูลืม เดี๋ยวโทรหามันแป๊บ”



ไอ้น้องกันยักไหล่ มองหน้าผมยิ้มๆ “อย่าไปสนมันเลย พี่ซีนอยู่กับผมนะๆๆๆๆๆๆ”



ผมมีสีหน้าลำบากใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงนั่งด้วยอย่างไม่ลังเลแต่นี่ไม่เหมือนเดิมแล้ว



“พี่ซีนรำคาญผมเหรอครับ..”



หน้าตามันหงอยลงทันตา ทำไมมันยังทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่ผมแค่เจอมันก็ทำหน้าไม่ถูกด้วยซ้ำ



“ไม่...ไม่ใช่แบบนั้น”



“ผมก็คิดว่าพี่ไม่ได้รำคาญผมซะหน่อย” ไม่เท่าไหร่ก็เผยรอยยิ้มขี้เล่นออกมาอีกครั้ง ไอ้น้องกันกอดแขนข้างหนึ่งของผมเอาไว้ ผมจะเดินไปหาเพื่อนก็ทำไม่ได้ จะดึงออกก็กลัวทำให้มันรู้สึกแย่



“วันนี้พี่มากับเพื่อน ไว้วันหลังค่อยคุยกันนะ”



“วันไหนล่ะครับ พี่ไม่มาที่นี่หลายวันแล้วนะ”



“เราเจอกันที่อื่นก็ได้นี่”



ไอ้น้องกันนิ่งไปนิด เหมือนจะยอม “จะว่าไปผมยังไม่มีเบอร์พี่เลยแฮะ”



“เอาโทรศัพท์มาสิ” ผมกดเบอร์ตัวเองให้มันไป แต่เด็กนี่ก็ยังไม่ยอมปล่อยสักที “ไว้เจอกันนะ”



“โถ่ พี่ซีนครับ จะไม่ใจอ่อนให้ผมหน่อยเหรอ”



“วันนี้ไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวพวกพี่ต้องรีบไปแล้ว”



“คนน่ารักมักใจร้ายนี่สงสัยจะจริง”



ไอ้น้องกันทำหน้าบึ้ง ผมเริ่มจะดึงแขนตัวเองออก เรายื้อยุดกันอยู่ตรงนั้น นี่มันไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้หรือไม่แคร์ว่าผมกับเพื่อนมันจะแตกหักกันขนาดไหนกันแน่ ไมค์พยายามบอกให้ไอ้กันปล่อยผมไปซะ ผมหันไปขอความช่วยเหลือกับเพื่อนของผมแต่ไอ้จั๊มพ์กับไอ้โฟร์กลับนั่งมองดูนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น



ในร้านมีเพียงกลุ่มตรงนี้ที่เสียงดัง พอทุกคนพร้อมใจกันหยุดพูดคุย ผมก็ได้ยินเสียงกระดิ่งตรงประตูหน้าร้าน อดหันไปมองสาเหตุของความเงียบไม่ได้ แต่เมื่อพอหันไปสบตากับคนที่เพิ่งมาใหม่ ดวงใจทั้งดวงก็กระตุกวูบ…



ไอ้โซลหยุดยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้ามันนิ่งอึ้ง ครั้งล่าสุดที่เราพบกันมันเต็มไปด้วยความเสียใจ รอยน้ำตาไม่เคยจางหายและในแววตายังฉายชัดถึงความเจ็บปวด



และเพียงเสี้ยววินาทีที่ผมกะพริบตา ภาพตรงหน้ากลับกลายเป็นแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินห่างออกไปไกล ความหวังเล็กๆ ดับวูบ หัวใจผมเหมือนถูกขว้างลงเหว รู้ชัดในตอนนั้นว่าเราไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก   



ไม่เห็นเหมือนที่ไอ้ทิมบอกเลย...ผมไม่รู้เลยว่าควรทำยังไง



รู้แค่ว่ามันสมควรแล้วกับสิ่งที่ผมทำ



หรือให้ตามมันออกไปเหรอ...ผมก็อยากทำอย่างนั้น อยากเข้าไปคุย อยากขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป แต่ในใจกลับรั้งเอาไว้เพราะผมรู้สึกละอายเหลือเกิน



ตอนที่ผมหันหลังให้มัน...ก็เจ็บแบบนี้ใช่ไหม



ผมไม่ได้ยินเสียงรอบข้างหรือไม่ก็อาจเพราะไม่มีใครปริปากพูดอะไร ไอ้โซลหายไปจากกรอบสายตาแล้ว...หายไปนานแล้ว แต่ผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม



ไอ้น้องกันพูดอะไรสักอย่างแต่หัวสมองผมมันตื้อไปหมด ในหูดังอื้ออึงเหมือนมีใครฟาดท่อนไม้ใส่อย่างแรง



ไอ้จั๊มพ์เดินเข้ามาดึงผมออกจากไอ้น้องกัน ผมเดินตามแรงจูงไปที่รถ รู้สึกเหมือนคนไม่มีสติ เคยชินกับการมีมันคอยตามตลอดจนเคยตัว พอวันหนึ่งที่ทำมันเจ็บกลับยังคิดว่ามันจะยังวิ่งตามตัวเองอยู่



“กลับกันเถอะ...” ผมเอ่ยเสียงแผ่ว ไอ้จั๊มพ์เพียงสตาร์ทรถ พวกมันทั้งสามดูนิ่งอึ้งไปเหมือนกัน



“ขอโทษว่ะซีน กูไม่คิดว่ามันจะเดินหนีออกไปแบบนั้น”



“..ไม่เป็นไรหรอกทิม มันสมควรแล้ว มึงอย่าคิดมากเลย”



“มันอาจยังตั้งตัวไม่ทันเฉยๆ ก็ได้นะ” ไอ้โฟร์พยายามปลอบ “เข้มแข็งไว้นะมึง อย่าเพิ่งยอมแพ้”



“กูรู้ว่าพวกมึงหวังดี ขอบคุณจริงๆ”



“…”



“…”



“…”



“แต่กูไม่อยากเจ็บไปมากกว่านี้อีกแล้ว”



ถ้าต้องเห็นไอ้โซลหันหลังให้ผมแบบนั้น...ไม่ต้องเจอมันเลยยังดีกว่า







               

“นั่งซึมกะทืออยู่ได้ เบื่อก็โทรให้เฮียคัทมารับ”



ผมสั่นหัว แนบใบหน้าลงกับโต๊ะ วันนี้ให้เฮียคัทมาส่งและบอกว่าจะกลับกับไอ้จั๊มพ์แต่มันติดทำงานที่คณะ ผมเลยนั่งอยู่กับมันจนค่ำ



“นั่งเหม่อมาหลายชั่วโมงแล้วนะ”



“ปล่อยกูเหอะน่า”



มันบ่นมาหลายรอบแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่นั่งอยู่เฉยๆ อีก หยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นค่าเวลา



ปกติผมไม่ค่อยได้เล่นโซเชียลอยู่แล้วเลยไม่รู้จะเล่นอะไร เกมในเครื่องที่โหลดมาเล่นไปเล่นมาแล้วเบื่อผมก็ลบ นั่งแตะๆ หน้าจออยู่อย่างนั้น รู้ตัวอีกทีก็เข้ามาในแอปนกสีฟ้าแล้ว



ไม่ได้เข้ามานานมาก ไม่อยากเห็นรูปที่พวกเราอยู่ด้วยกัน มันทำให้ผมรู้สึกได้ถึงช่วงเวลาขณะนั้น ในตอนที่ผมไม่ได้คิดอะไรมากมาย ในตอนที่ยังคิดว่ามีแต่ผู้คนชื่นชอบพวกเรา



ข้อความที่ผมเห็นเต็มไปด้วยถ้อยคำโอดครวญ ผมไม่ได้หวังจะเห็นถ้อยคำยินดีอะไรเพราะคิดว่าใครๆ ที่เจอผมและไอ้โซลก็คงดูออกว่าพวกเรากำลังมีปัญหากัน





@behindsoulscene

คิดถึงพวกเขาจังเลยค่ะ ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ เราขอให้ไม่ต้องมีข่าวคอนเฟิร์มความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ได้ มารอ #โซลซีน ไปด้วยกันนะคะทุกคน T _ T



@umeij87

พี่ซีนเหมือนมีปัญหาอะไรสักอย่างเลยค่ะ เราเดินสวนหลายครั้งแต่ไม่กล้าทัก #โซลซีน



@ishipyounaokay

ช่วงนี้ทั้งคู่ยุ่งหรือเปล่า เราขอให้เป็นแบบนั้น... #โซลซีน



@meengenmai

พอข่าวออกก็ไม่เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันเลย คณะพี่ซีนโซลก็ไม่มา คณะโซลพี่ซีนก็ไม่ไป พี่ซีนกลับมาใช้รถตัวเองได้สักพักแล้วด้วย #โซลซีน





ส่วนใหญ่แล้วคนที่อัปเดตข่าวคราวของพวกผมก็คือรุ่นน้องที่มหา’ลัยนี่เอง ผมรู้ว่าหลายคนจับตามองแต่ก็ไม่สามารถปิดบังความรู้ของตัวเองได้เลย ไม่ได้อยากทำให้พวกเขากระวนกระวายกันอย่างนี้แต่ถึงผมทำหน้าตาสดชื่นแค่ไหน พวกเขาก็ไม่ได้เห็นผมไปไหนมาไหนกับไอ้โซลอยู่ดี



ผมเลื่อนลงมาดูเรื่อยๆ ก่อนจะสะดุดอยู่ที่ข้อความบางข้อความ...ก้อนเนื้อในอกเต้นหนักหน่วง มือที่ถือเครื่องมือสื่อสารอยู่รู้สึกอ่อนแรง ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย...





@kungpeuak

หวังว่าที่บ้านทั้งสองจะยอมรับพวกเขานะคะ กลัวมากเลย เหมือนว่าคุณพ่อพี่โซลจะเป็นนักการเมืองด้วย... #โซลซีน



@oohhoo

ที่บ้านพี่ซีนใจดีกันมากเลยนะคะ เราเคยคุยกับทั้งคุณพ่อคุณแม่พี่ซีนใจดีมากๆ กลัวว่าฝั่งครอบครัวของพี่โซลจะไม่โอเคจัง ลูกคนเดียวด้วย #โซลซีน



@iammeoww

สังคมเคยแคบยังไงก็แคบอยู่ยังงั้น ฮืออออ ปล่อยให้เขารักกันไม่ได้เหรอ #โซลซีน



@kukkrup

จะฟินทั้งทีก็ฟินไม่สุด ข่าวจะออกทำไมเนี่ย! ไม่อยากได้คอนเฟิร์มอะไรทั้งนั้นแค่เห็นพวกเขาไปไหนมาไหนกันเราก็มีความสุขมากแล้ว!! #โซลซีน



@wongentt_

ที่จริงเราเห็นทั้งพี่ซีนทั้งโซลโทรมๆ ก่อนข่าวจะออกอีกนะคะ ไม่รู้ว่ามีปัญหากันก่อนหน้านั้นหรือเปล่า #โซลซีน


@hannabe1
@wongentt  เราคิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ นี่คิดว่าพี่ซีนทะเลาะกับที่บ้าน เพราะก่อนข่าวออกอาทิตย์ก่อนไม่เห็นไปกับพี่โซลแล้ว มีวันนึงเราเห็นพี่จั๊มพ์กอดพี่ซีนที่ใต้ตึกด้วยอะ ; - ;;;;; #โซลซีน



@nongwaii

เราว่าครอบครัวพี่ซีนน่าจะโอเคนะ แงงงงงง วอนพ่อตารับลูกสะใภ้ด้วยย #โซลซีน





ไม่ได้ต่างกันเลย ขณะที่ผมสติแตก บอกเลิกมัน ขว้างทิ้งคำสัญญาของเรา ฟูมฟายกลัวว่าครอบครัวจะเสียใจ ผมกลับไม่เคยคิดถึงใจมันเลยว่ามันเองก็อาจกำลังแย่อยู่เหมือนกันแต่กลับไม่คิดจะปล่อยมือผม



ทั้งที่เราควรจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน แต่ที่ผมทำคือสะบัดมือมันออก วิ่งหนีความจริง เอาแต่หลบอยู่หลังคนอื่น สนใจแต่ตัวเองไม่นึกถึงความรู้สึกของมันเลยสักนิดทั้งที่นี่เป็นเรื่องของเรา



“เสร็จแล้ว กลับกัน...เถอะ..” เพื่อนสนิทชะงัก ก่อนจะเดินมายืนบังผมจากคนอื่นที่กำลังทยอยกันกลับ พอเหลือแค่เรามันก็นั่งลงข้างๆ ผม



“..ไอ้โซล?”



ผมเพิ่งรู้ตัวว่าน้ำตาไหลในตอนที่ไอ้จั๊มพ์ยื่นมือมาเช็ดออกให้ “ถึงกูจะเห็นว่ามันหันหลังให้มึงแต่กูก็ยังคิดว่ามันรอมึงอยู่นะ”



“มัน...มันอาจจะเหนื่อยที่ต้องวิ่งตามกูแล้วก็ได้”



“วิ่งมานานไอ้เหนื่อยมันก็ต้องมีบ้างแต่ไม่ได้ว่าจะหยุดวิ่งสักหน่อย อาจจะแค่พัก”



“...”



“ถ้ารู้ว่ามันเหนื่อย มึงก็จะรอให้มันหายเหนื่อยแล้ววิ่งตามมึงต่อเหรอ มึงก็วิ่งไปหามันบ้างสิวะ”



“กูก็อยากทำอย่างนั้นนะแต่...”



“ไม่มีแต่แล้วซีน”



“…”



“มันรอมึงอยู่”



ผมอยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม...



ไม่ว่าจะเลือกทางไหนผลลัพธ์ก็คือความเจ็บปวด จะเจอหรือไม่เจอไอ้โซลก็ทรมานไม่ต่างกันเลย



การจะแก้ปัญหาก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุซึ่งก็คือตัวผมเอง ความคิดคนอื่นเราเข้าไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่สามารถเป็นที่พออกพอใจของทุกคนได้ ดังนั้นที่เราทำได้คือจัดการกับความคิดของตัวเอง



“จะกลับบ้านเลยไหม”



“..ฮึก..” ผมส่ายหน้า “พากู..ฮึก...พากูไปหาโซลที..”









เราต่ำในบางที่ สูงในบางที่ หรือที่จริงเราแค่ยืนอยู่กับที่ มีแต่ความคิดคนอื่นที่ขับเคลื่อนคำนิยามเหล่านั้น



ผมไม่เคยคิดอคติกับคนอื่นถ้าสิ่งนั้นไม่ได้ทำให้ผมเดือดร้อน และไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมายืนอยู่ตรงจุดนี้ ในวันที่ได้ลิ้มรสความรู้สึกที่ถูกมองอย่างแปลกแยกทำให้ผมคิดวิ่งหนีจากที่ตรงนั้นเพื่อที่จะกลับไปยืนในจุดเดิมของตัวเอง



ที่จริงแล้วผมมันก็แค่คนขี้ขลาด หนีปัญหา เห็นแก่ตัว ทั้งๆ ที่ควรจะเลือกรักษาคำว่าเราแต่กลับเลือกรักษาความรู้สึกของตัวเอง



กล่องโดยสารเคลื่อนขึ้นสูง ผมมองตัวเลขที่ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยใจที่เต้นรัว ผมบอกให้ไอ้จั๊มพ์กลับไปทั้งที่ไม่รู้ว่าไอ้โซลอยู่ห้องหรือเปล่า และไม่รู้ว่ามันจะรับคำขอโทษของผมหรือไม่



น่าแปลกที่ในใจหวาดหวั่นแต่ฝีเท้าแต่ละก้าวกลับมั่นคง ไอ้โซลเคยให้คีย์การ์ดเอาไว้ ผมไม่เคยใช้เลยสักครั้งและในตอนนี้ผมก็ไม่มีสิทธ์ใช้มันแล้ว เอื้อมมือสั่นไหวไปกดกริ่งด้านข้าง นิ้วมือผมจิกเข้าหากันแน่น สมองคิดอะไรไม่ออกด้วยซ้ำแต่ใจกลับสั่งให้ผมมาที่นี่



ถ้าหากมันเปิดประตูออกมาเจอผมจะเป็นยังไง มันจะทำสีหน้าแบบไหน จะยิ้ม ยินดีหรือเสียใจ ถ้าหากมันไม่ต้อนรับผมแล้วผมจะทำยังไงต่อ ผมหลับตาลงแน่นความคิดบีบรัดให้อยากก้าวถอยหลังกลับ



...เพราะผมทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นมันหันหลังให้ผมอีกครั้ง



บานประตูเปิดออกกว้างโดยไม่ทันตั้งตัว คนตัวสูงตรงหน้ายืนยิ้มค้างเมื่อเห็นผม ไอ้น้องกันดูตกตะลึงกว่าเมื่อบ่ายที่เราเจอกันเสียอีก



“…พี่ซีน…”



ผมเห็นไอ้โซลยืนอยู่กลางห้อง เห็นลางๆ ผ่านม่านน้ำตาว่าเพื่อนมันก็อยู่ด้วยเต็มไปหมด กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งในอากาศ ทุกอย่างเงียบกริบขณะที่ผมเดินตรงเข้าไปในห้องและสวมกอดมันเอาไว้



สัมผัสได้ว่าก้อนเนื้อในอกมันเต้นรัว หากแต่ความเงียบงันทำให้ผมกลัวจนต้องกระชับเรียวแขนโอบมันไว้แน่นกว่าเดิม



“เอ่อ…พวกกูกลับก่อนแล้วกัน”



มีเพียงเสียงปิดประตู หลังจากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองอีกคน ซุกหน้าเข้ากับอกกว้าง ไม่สนใจกลิ่นบุหรี่จากตัวมันแม้แต่นิด ผมกำเสื้อมันแน่น ขมริมฝีปากจนเจ็บไปหมด



เวลาไอ้โซลเคยเงียบใส่ผมแบบนี้ นั่นหมายความว่าผมต้องทำอะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าในใจมันคิดอะไร ไม่รู้ว่าตอนนี้มันต้องการให้ผมทำอะไร ถ้าหากมันไม่ได้อยากได้คำขอโทษของผมล่ะ ถ้าหากมันอยากให้ผมไม่ต้องมาเจอมันอีกล่ะ…ผมจะทำยังไง



หวาดกลัวคำตอบแต่ผมก็ค่อยๆ ผละออกจากมัน มือสองข้างตกลงข้างลำตัวเปลี่ยนมาจิกชายเสื้อตัวเองเอาไว้ สายตาเห็นเพียงปลายเท้าของตัวเอง



“..ขอโทษ..ฮึก” น้ำตาหยดลงบนพื้นขณะผมหลับตาแน่นก่อนจะกลั้นใจเงยหน้าขึ้นสบตากับคนตรงหน้า “กูขอโทษ”



“…”



“ที่กูทำกับมึง..ฮึก..แบบนั้น...ทั้งๆ ที่เราควรจะก้าวผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันแต่กูกลับวิ่งหนีและทิ้งมึงไว้ กูมันขี้ขลาดเอง”



“…”



“ตอนนี้...ฮึก ไม่ว่าใครจะมองยังไงกูก็ไม่สนใจแล้ว”



“…”



“การคบกับมึงไม่ใช่ความผิดพลาดโซล”



ไอ้โซลยังคงเงียบ ผมอ่านสายตาของมันไม่ออก น้ำตาไหลไม่หยุดและมีเพียงเสียงสะอื้นของผมที่ดังก้องไปทั้งห้อง



“สิ่งเดียวที่ผิดพลาดในชีวิตกูคือทำให้มึงเสียใจ”



ถ้าสิ่งที่ไอ้โซลต้องการคือความรักของผม...ผมก็จะบอกว่ามันได้สิ่งที่ต้องการไปแล้ว



“กูรักมึง”



“…”



“ขอโทษ..ฮือ..ใครจะเกลียดก็ช่างกูไม่สนใจแล้ว โซล..ฮึก กูรัก…อื้อ..”



เสียงของผมถูกกลืนหาย ไอ้โซลตวัดแขนโอบรัด ริมฝีปากถูกบดเบียดด้วยความโหยหา ผมยกแขนโอบรอบลำคอคนตรงหน้า ถูกดันให้ก้าวถอยหลัง ชนอะไรมั่วไปหมด เราไม่ได้ผละออกจากกันขณะที่แผ่นหลังผมสัมผัสกับเตียง...กลิ่นบุหรี่กับรสขมปร่ากำลังทำให้ผมมึนเมา



ก้อนเนื้อในอกของเราต่างเต้นรัว ผมหอบหายใจ สายตาไม่ละไปจากคนตรงหน้า ไอ้โซลกดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง เราสบตากันท่ามกลางแสงสว่างจากภายนอกที่สาดส่องเข้ามา ผมไม่คิดเอ่ยปากห้ามขณะที่ใบหน้าของมันเคลื่อนเข้ามาใกล้อีกครั้ง นุ่มนวล อ่อนหวาน...รสฝาดเฝื่อนของแอลกอฮอล์กลับกลายเป็นหวานละมุน สัมผัสหยุ่นนุ่มพรมไปทั่ว มือไม้ผมคว้าสะเปะสะปะ ความแนบชิดที่เกินพอดีพรากสติผมหลุดหายไปพร้อมๆ กับอาภรณ์ที่ห่อหุ้มร่างกาย



ไอ้โซจูบซับน้ำตาที่ยังไหลรินลงมาไม่ขาด แววตาผมสั่นไหว มือหนาลูบศีรษะผมเบาๆ เพื่อปลอบประโลมให้หายตื่นกลัว



“ผมคิดถึงพี่แทบบ้า”



น้ำเสียงสั่นเครือกระซิบอยู่ข้างหู ผมยกมือขึ้นลูบใบหน้าของอีกคน ไอ้โซลจรดหน้าผากลงมาก่อนที่เราจะแลกเปลี่ยนลมหายใจกันอีกครั้ง บางอย่างหมุนวนในหัว เกิดความรู้สึกเจ็บแปล็บทว่าวาบหวามทุกที่ที่ริมฝีปากมันเคลื่อนผ่าน ลมหนาวจากเครื่องปรับอากาศต้องผิวเนื้อหากแต่ถูกความร้อนรุ่มกลบไปจนหมด   



หลากอารมณ์สาดซัดเหมือนเกลียวคลื่น เราถูกขับเลื่อนด้วยความโหยหา ความเจ็บปวดถูกโอบล้อมด้วยความสุขสม หัวสมองว่างเปล่าขณะที่ความรู้สึกของพวกเรากำลังถูกเติมให้เต็ม เรียวนิ้วประสานกันแนบแน่น กลีบปากคนตรงหน้าคลอเคลียไม่ห่าง ลมหายใจถี่กระชั้นก่อนผมจะรู้สึกตัวลอยสูงละลิ่ว



น้ำตาหยดสุดท้ายกลิ้งหล่นซึมซาบลงไปบนผืนผ้า สายตาคนตรงหน้ากวาดมองอย่างไม่เชื่อสายตาหากแต่ประกายแวววาวบางอย่างกลับฉายชัดยิ่งกว่า



“..ผมรักพี่..”









[Soul’s part]



ไม่อยากจะเชื่อเลย...



เมื่อสองสามวันที่แล้วมีแฟนคลับคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม ถามว่าทำไมพี่ซีนไม่มาหาผมที่คณะ ผมทำได้เพียงยิ้มบางๆ ตอบกลับไป ไม่คิดโทษเธอหรือโทษใคร ผมแค่ไม่รู้จะบอกพวกเธอยังไงว่าความสุขของพวกเธอได้หายไปแล้ว...ความสุขของผมด้วยเช่นกัน



แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในตอนนี้พี่ซีนกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของผมแล้ว



คำพูดของเขาในวันนั้นทิ่มแทงผมอยู่เสมอเมื่อนึกถึง ผมไม่โกรธเพียงแต่เสียใจ...เสียใจมากๆ เท่านั้นเอง



ผมเคยคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกันแต่ในตอนนั้นความรู้สึกที่มีต่อพี่ซีนมันมากมายจนปัดทุกอย่างทิ้งไปหมด ผมมองเขามานานและเตรียมใจกับเรื่องนี้มาแล้ว แต่กับเขามันไม่ใช่ ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาสะบัดมือผมออก แต่จะมีสักกี่เหตุผลกันนอกจากสายตาของคนภายนอกที่มองมาอย่างหยามเหยียด



วันนั้นผมเห็นบางอย่างในแววตาของเขา มันมีความสับสน เจ็บปวด เสียใจ และความแตกหักของอะไรบางอย่าง พนันเลยว่าทั้งชีวิตเขาไม่เคยต้องมาอยู่ในจุดที่แย่แบบนี้ ผมเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว อ้อนวอนขอร้อง ผมยอมทุกอย่างจริงๆ ขอแค่พี่ซีนยังอยู่กับผม



ในวันนั้นเขาก็ขอร้องผมเหมือนกัน...ขอร้องให้เราอย่าเจอกันอีก พี่ซีนในวันนั้นดูน่าสงสารเกินกว่าที่ผมจะดื้อดึงไหว เขากำลังรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ ผมโทษตัวเองที่ดึงเขาลงมาพบเจอกับอะไรแบบนี้



วันนี้ที่ผมเจอเขา...รู้ไหมว่าผมอยากเข้าไปกอดแค่ไหน คิดถึงเขาจนจะบ้า รู้ตัวอีกทีก็เดินหันหลังกลับ กลัวว่าจะเผลอคว้าเขาเข้ามากอด กลัวเขาจะเอ่ยปากตัดรอนความสัมพันธ์อีกครั้ง ไม่ใช่ว่าผมจะปล่อยเขาไป แต่ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันต้องใช้เวลาและผมก็จะให้เวลากับเขา



ต่อให้ต้องเริ่มจากติดลบร้อยผมก็จะทำ



ผมได้ยินข่าวคราวของพี่ซีนตลอด เป็นห่วงแทบตายแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ผมปล่อยให้เขาได้คิดทบทวนและรอคอยการตัดสินใจของเขา



และขอบคุณมากจริงๆ ที่เขากลับมาหาผม



ผมไม่คิดว่าเขาเห็นแก่ตัว ใครก็ไม่อยากให้คนที่รักเสียใจกันทั้งนั้น ไม่ผิดเลยถ้าเขาจะเลือกครอบครัว



พี่ซีนขยับตัวเล็กน้อย ผมดึงเสื้อที่ร่นลงมาขึ้นให้ เขาส่งเสียงอืออาอย่างคนกึ่งหลับกึ่งตื่น



“นอนต่อเถอะครับ เพิ่งตีสองเอง”



“อือ...” ผมจับมือที่เขากำลังขยี้ตาเอาไว้ ร้องไห้ไปตั้งเยอะ ตาแดงหมดแล้ว “โซล”



“ครับ”



นัยน์ตาเขาสั่นไหวก่อนจะเสหลบ ผมว่าเขาเพิ่งตื่นเต็มตา เลือกใช้หมอนเป็นที่กำบัง มือเล็กๆ กำเสื้อผมแน่น ผมยิ้มขำ...พี่ซีนกำลังอาย



“แบบนั้นจะหายใจไม่ออกนะครับ”



“อย่ามอง...”



“ผมคิดถึงพี่นะครับ” ไม่อย่างนั้นจะนอนมองอย่างนี้มาเป็นชั่วโมงเหรอ



พี่ซีนชะงัก ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องที่ผ่านมา



“..เรื่องนี้ป๊าม้ากูไม่ได้ว่าอะไร” เขาเอ่ยเสียงเบา ดวงตาเคลือบไปด้วยหยาดน้ำ “แล้วครอบครัวมึงโอเคกับเรื่องนี้หรือเปล่า...มึงไม่เป็นอะไรใช่ไหม”



“…”



“ขอโทษที่ไม่นึกถึงมึงบ้างเลย”



“กับพ่อตอนแรกมีปัญหานิดหน่อยแต่ไม่เป็นอะไรแล้วครับ” ผมกดจูบลงบนผมนุ่มนิ่มของเขา เกลี่ยใต้ตาบวมช้ำเบาๆ ไม่อยากให้เขาร้องไห้แล้ว



“พวกเขาเป็นห่วงเราเป็นธรรมดาแหละครับ และผมก็เข้าใจที่พี่กังวลเรื่องนี้”



หยดน้ำกลิ้งหล่นจนได้ “ยังโกรธอยู่หรือเปล่า”



“ผมไม่เคยโกรธพี่ได้หรอก...ชู่ว พอแล้วครับ”



“คิดว่ามึงจะเกลียดกูแล้ว”



ที่พี่ซีนกล้าพูดคำนี้ออกมาก็เพราะไม่รู้สินะว่าผมรอเขาอยู่ตลอด ไม่รู้สินะว่าผมดีใจแค่ไหนที่เห็นเขายืนอยู่หน้าห้อง และไม่รู้สินะว่าคำว่ารักเพียงคำเดียวของเขาทำให้ผมหลงลืมทุกคำพูดที่เขาเคยพูดกับผม และถึงผมจะหันหลังให้เขาก็ตาม ไม่ใช่เพราะว่าเกลียดเลย



“คิดว่าผมจะยอมเสียพี่ไปง่ายๆ เหรอ”



“มึงเดินหนีกู”



“ผมแค่ถอยกลับไปตั้งตัว อดทนไม่เจอตั้งหลายวัน อยู่ๆ ก็มาให้ผมเห็นซะนี่ อยากเข้าไปกอดก็ทำไม่ได้”



“ขอ...” พี่ซีนหยุดคำขอโทษเอาไว้แล้ววาดแขนโอบรอบตัวผมไว้แทน



“มึงบ้าไปแล้วโซล โกรธกูก็ยังดี” เขาแบะปาก น้ำตาปริ่มขอบตาอีกแล้ว



“ทำไงให้เลิกร้องไห้ดี หืม”



“กูรู้สึกผิดอยู่นะ”



“งั้นต้องเอาใจผมมากๆ รักผมมากๆ นะรู้ไหม”



เขาพยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง ให้ตาย...ธรรมดาเวลาขู่ฟ่อยามที่ผมพูดจาอย่างนี้ใส่ก็ว่าน่ารักเป็นบ้าแล้ว เลเวลความน่ารักของเขามันจะมีที่สิ้นสุดบ้างไหม



ขณะที่หัวใจผมกำลังทำงานหนัก มือเรียวก็กอบกุมมือของผมเอาไว้ ไม่บ่อยที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาก่อน ผมรู้ว่าเขาทำอะไรแบบนี้ไม่เก่ง และเพราะอย่างนี้ถึงรู้สึกว่ามันพิเศษ...





“กูจะไม่ปล่อยมือมึงอีกแล้ว”









-----------------------------

ตอนหน้าจบแล้วค่ะ ^^

#ข้างหลังฉาก #โซลซีน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด