ตอนที่ 2
คาบที่หนึ่ง วิชาโฮมรูม เวลา 08.30 น.
“ว่าไงครับนักกีฬากรีฑา” ไอ้อ๊อฟเอ่ยขึ้นมาเป็นอย่างแรกหลังจากที่เห็นหน้าผมกับไอ้สิก “กูเห็นพวกแม่งวิ่งรอบอาคารสอง อย่างฮา”
“พวกมึงสายที่สุดในห้อง” ไอ้ตังพูดต่อ “เพราะฉะนั้นวันนี้...”
ทำไมมึงต้องพูดด้วยน้ำเสียงอลังการแบบนั้นด้วยวะ ผมเห็นหน้าไอ้ตังหันไปหาเพื่อนๆ ในห้องที่กำลังมองมาที่ผมกับไอ้สิกอย่างมีความหมาย
“พวกมึงต้อง...”
“พวกมึงต้อง...”
“มึงสองคนต้อง...”
ทุกคนเอ่ยคำพูดทำนองนี้ แถมยังพูดซ้ำไปซ้ำมาจนผมรู้สึกอย่างกับว่าเป็นเอ็คโค่
“อะไรวะ” ผมชักจะหวาดระแวง
“เลี้ยงหมูกระทะ!” ไอ้ตังร้องลั่น จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังระงมไปทั่วห้อง
“เหยดเข้” ไอ้สิกถึงกับสบถ “หมูกระทะบ้านมึงดิ ใครจะเลี้ยง กูไม่เลี้ยงเว้ย”
“ไม่เลี้ยงไม่ได้ เมื่อคืนเขาคุยกันในไลน์กรุ๊ปของห้องว่าใครมาสายต้องเลี้ยงหมูกระทะ จริงมั้ยพวกเรา” ไอ้ตังส่งเสียงถามเพื่อนๆ ในห้อง ทุกคนพยักหน้าและก็ส่งเสียงเห็นด้วยกันหมด
ผมกับไอ้สิกสบตากัน ไม่มีใครอยากเสียตังค์ตั้งแต่วันแรกของเทอมแน่ๆ
“อำพวกกูเปล่าวะ” ผมยังคงใจดีสู้เสือ ทำเป็นยิ้มแจกจ่ายคนอื่นๆ ไปทั่ว
“อำพ่อง ไม่เชื่อก็เปิดดูกรุ๊ปไลน์ดิ” ไอ้อ๊อฟพูดต่อ
“เมื่อคืนทุกคนอยู่กันหมด ยกเว้นไอ้สองคนนี้” ไอ้เชี่ยทีนส่งเสียง
“เออว่ะ”
“จริงด้วย”
“ช่ายยยยยยยย”
“และเมื่อคืนกูก็รู้ด้วยว่าพวกแม่งอยู่ด้วยกัน” ไอ้ทีน (ที่ตอนนี้ผมอยากเรียกมันว่าตีน) ทำหน้ากระตือรือร้น “ทำห่าอะไรกันอยู่ว้า ไม่ยอมคุยไลน์กับเพื่อนเลยนะ”
“นั่นดิ ทำไรกัน”
“เอ๊ะๆ ทำไรกันวะ”
“ทำอะไรกันน้า”
พ่องตาย ผมทำหน้ารับไม่ได้ที่เพื่อนร่วมห้องหลายคนเป็นตัวล้อตามไอ้ทีนที่เป็นตัวชง ในขณะที่ไอ้สิกนั้นเริ่มแจกนิ้วกลางไปทั่วห้อง
“พวกมึงสองคนก็เป็นไปกับเพื่อนเหรอ” ผมทิ้งกระเป๋าลงโต๊ะของตัวเองพลางส่งเสียงไม่พอใจไปที่ไอ้อ๊อฟกับไอ้ตัง
“ขำๆ น่า พวกกูอยากแดกหมูกระทะ”
“แม่ง” ไอ้สิกที่นั่งลงข้างๆ ผมทำหน้ารับไม่ได้เมื่อก้มมองดูโทรศัพท์ “พวกแม่งคุยกันเรื่องนี้จริงด้วยว่ะสัดฟืน”
“ถ้าพวกมึงสองคนสนใจไลน์กลุ่มก็คงไม่โดน” ไอ้ตังหันไปตีมือกับไอ้อ๊อฟ
“ไม่ได้นะ พวกมึงแดกกันน้อยๆ ซะที่ไหน” ผมทำหน้าใกล้จะร้องไห้ ขณะที่มองดูเพื่อนๆ ในห้องที่ฝังใจกันไปแล้วว่าผมกับสิกจะต้องเลี้ยงหมูกระทะพวกมัน “กูหมดห้าพันแหงๆ เลยถ้าเลี้ยงพวกมึงอ่ะ ไม่ได้นะเว้ย กูเก็บตังค์ซื้อไนกี้แอร์อยู่ ไนกี้แอร์จอร์แดนของกู”
“มึงซวยแล้วล่ะ” ไอ้อ๊อฟยังคงไม่สนใจเสียงโอดครวญของผม มันหันไปประกาศดังลั่นกับคนทั้งห้อง “วันนี้ร้านไหนดีครับเพื่อนๆ ไอ้ฟืนกับไอ้สิกเลี้ยง!”
“ตายๆๆ” ผมเอามือปิดหน้าปิดหูตัวเองท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ
กว่าประเด็นเรื่องหมูกระทะจะผ่านพ้นไปก็เล่นกินเวลาไปซะหลายนาที หลังจากนั้นบรรยากาศของวันเปิดเทอมใหม่ก็กลับเข้าสู่ปกติ เพื่อนๆ หลายคนต่างก็พากันถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันยกใหญ่ โดยที่ประเด็นที่คุยกันนั้นมักจะเป็นเรื่องการ์ตูน เกมส์ เน็ตไอดอลบนเฟซบุ๊ก ไอจีสาวๆ และก็เรื่องแฟน
ไอ้สิกที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมส่งอะไรบางอย่างมาให้ผมอ่าน เป็นโน้ตการ์ดที่มันเพิ่งจะเขียนยิกๆ ใส่เมื่อสักครู่นี้เอง
โน้ตการ์ดใบที่ 2
มึงควรเป็นตัวของตัวเอง ผมอ่านพลางเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย ไอ้สิกพยักหน้าขึงขังจริงจัง
“แปลว่าอะไรวะ” ผมทำสีหน้าไม่เข้าใจ
“การที่มึงจะจีบใครสักคนนะ มึงควรเป็นตัวของตัวเอง มึงไม่ควรไม่เป็นตัวเองไปจีบเขา เพราะถ้าเกิดเขาชอบมึงเหมือนกันและก็คบกับมึงขึ้นมา มันจะกลายเป็นปัญหาทีหลัง เพราะมึงไม่ใช่ตัวมึงตั้งแต่แรก คบกันไปก็ไม่มีความสุข”
ผมอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ “โห พ่อคนเก่ง พ่อคนรู้ดีเรื่องความรัก”
“แน่นอน” กูประชดเว้ยไอ้สัด ทำหน้าภูมิใจเพื่อ? ไอ้สิกพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “มึงต้องเป็นตัวของตัวเอง มึงเป็นเพื่อนกู กูรู้ว่าตัวมึงเองน่ะดีพอสำหรับสตาร์ มึงจำประโยคนี้ของกูไว้นะ”
ผมอ่านประโยคบนโน้ตการ์ดไปมาก่อนที่จะถอนหายใจ
“กูกลัวกูดีไม่เท่ากับที่มึงคิดไว้”
“มึงอย่าคิดแบบนั้นได้มั้ยวะ เชื่อมั่นในตัวเองหน่อย”
“...”
“ก่อนจะทำอะไรอย่างอื่น มึงต้องกล้าพูดคุยกับเขามากกว่านี้นะ สตาร์เขาคิดว่ามึงพูดน้อยไปแล้ว ทั้งๆ ที่มึงก็ไม่ใช่คนพูดน้อย”
“กูพูดมากเฉพาะตอนอยู่กับมึงป่ะวะสัด”
“เออ ก็ใช่ไง และมันไม่ได้แย่ ถ้ามึงพูดมากแล้วมันแย่ ป่านนี้กูเลิกคบกับมึงไปแล้ว”
คำพูดของไอ้สิกทำผมใจชื้นขึ้น “เหรอวะ”
“อืม”
“กูจะลองดู”
“ต้องอย่างนี้สิเพื่อน” ไอ้สิกดูกระตือรือร้นมากจนผมชักขำ จากนั้นผมก็มองมันหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบหู มันฟังเพลงได้ไม่จบท่อนอินโทร ครูประจำชั้นของเราก็เดินเข้ามาพอดี
ระหว่างที่ครูกำลังพูด สายตาของผมก็ยังคงมองดูโน้ตการ์ดที่มีลายมือไก่เขี่ยของไอ้สิก
เป็นตัวของตัวเอง...มันคงไม่ยากเกินไปใช่มั้ยครับ พักกลางวัน
“เชี่ยสิก”
“อืม”
“มองหาอะไรอยู่” ไอ้อ๊อฟยืดคอตามไอ้สิกที่ยืดคออยู่เหมือนกัน ตอนนี้เรากำลังพักกลางวันกันที่โรงอาหารของโรงเรียนอยู่ครับ “มองหาน้องมึงหรือเปล่า ไหนๆๆ”
“หุบปากไอ้เชี่ยอ๊อฟ” ไอ้สิกเอ็ดทันที ไอ้เชี่ยอ๊อฟนี่ก็นะ รู้ว่าสิกมันไม่ชอบให้พูดถึงน้องมันแบบนั้นก็พูดอยู่ได้ตั้งหลายปี “พวกห้องหนึ่งแม่งยังไม่ลงมากันอีกเหรอวะ จะพากันแดกข้าวมั้ยเนี่ย”
“ห้องคิงก็งี้แหละ ชอบเรียนเกินเวลา” ไอ้ตังพูดบ้าง ในมือของมันถือไอติมแท่งสีชมพูอยู่ “ว่าแต่มึงมองหาห้องหนึ่งทำไม”
ไอ้สิกสบตากับผม เราสองคนไม่พูดอะไรกัน
“มีอะไรหรือเปล่าวะ” ไอ้ตังแม่งจะเซนส์ดีไปไหน “มีความลับอะไรกับพวกกูหรือเปล่า พูดออกมาเลย”
“ไม่มี้” ไอ้สิกเสียงสูง “ความลับบ้าอะไร”
“ถ้ามันถามถึงห้องหนึ่งนะเว้ย แสดงว่ามันสนใจสตาร์” ไอ้อ๊อฟฟันธง “มันจะสนใจคนอื่นในห้องนั้นได้ไงถ้าไม่ใช่สตาร์ ในเมื่อสตาร์น่ารักสุดในห้องนั้นแล้ว”
ผมกลืนน้ำลายดังเอื้อก เพื่อนอีกสองคนไม่ได้สนใจผมแต่พุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ไอ้สิก
“มึงชอบสตาร์เหรอวะสิก”
“เฮ้ย มึงชอบสตาร์ใช่มั้ย”
ไอ้อ๊อฟและก็ไอ้ตังเซ้าซี้ไอ้สิกจนมันต้องใช้มือดันหน้าเพื่อนสองคนให้ออกห่างจากหน้ามัน
“เลอะเทอะกันใหญ่แล้วเหี้ยเอ๊ย” ไอ้สิกโวย “นั่นไง มาละๆ”
เอกลักษณ์ของพวกห้องหนึ่งก็คือสตาร์อยู่ไหน พวกแม่งก็อยู่ตรงนั้น พวกมันเป็นเด็กห้องคิงโครงการพิเศษที่เรียนวิชาวิทยาศาสตร์เยอะกว่าห้องเอกวิทย์ห้องอื่น มีกันอยู่ไม่ถึง 20 คน ส่วนใหญ่จะไปไหนก็ไปด้วยกันหมดเกือบทั้งห้อง จนกลายเป็นสิ่งที่เห็นจนเคยชินเมื่อคนภายนอกมองไปที่พวกมัน
สตาร์ยืนยิ้มมากับเพื่อนด้วยท่าทางสดใสจนผมรู้สึกอยากยิ้มตาม ไอ้สิกหันมาหาผมก่อนที่จะทำปากขมุบขมิบ
“มึงต้องได้คุยกับเขาตอนคาบบ่าย”
“...”
“ชวนเขาไปกินหมูกระทะกับห้องเรา”
“อะไรนะ” ผมกระซิบ “ตกลงกูกับมึงต้องเลี้ยงเพื่อนจริงๆ เหรอวะ” นี่ผมกำลังโฟกัสถูกเรื่องอยู่หรือเปล่า
“กูจัดการเอง รับรองไม่เกี่ยวกับตังค์ที่มึงจะเอาไปซื้อรองเท้าแน่ๆ”
ผมมองไอ้สิกอย่างไม่สบายใจ ตอนนั้นสตาร์เดินเข้ามาในโรงอาหารพอดี ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าเขาจะแหกทางกลุ่มเพื่อนห้องหนึ่งของเขาออกมาเพื่อที่จะมาคุยกับผมและก็ไอ้สิก
“ช่วยคิดหน่อยดิว่าเที่ยงนี้ควรแดกไร กูคิดไม่ออกเลย”
แบบนี้ก็มีด้วย ผมมองสตาร์ยิ้มๆ ในขณะที่ไอ้สิกดันสิ่งที่ผมกินไปให้สตาร์ดู
“กินแบบไอ้เชี่ยฟืนดิ มันฟาดไปตั้งสองจาน ร้านนี้อร่อยจริง” ไอ้สิกพูด
ผมทำปากด่ามันบอกให้มันหยุด มันทำปากด่าผมบอกว่าผมควรเลิกป๊อดได้แล้ว
“ฟืนกินไรอ่ะ” สตาร์มองไปที่จานที่ว่างเปล่าของผมอย่างสงสัย
ผมทำมือบอกให้ไอ้สิกคอยจับตาดูผม
“เดี๋ยวกูพามึงไปซื้อเอง”
สิ้นเสียงของผมผมก็ลุกขึ้นยืน ไอ้สิกมองผมอย่างทึ่งๆ ลับสายตาของเพื่อนผม ผมถึงกับต้องพยายามทำให้จิตใจที่เต้นแรงของผมสงบลงสักที
สตาร์เดินตามผมมา ผมยักไหล่ใส่ไอ้พวกห้องหนึ่งที่มองผมอย่างอาฆาตมาดร้ายเล็กๆ (พวกแม่งเป็นแฟนคลับสตาร์จริงๆ แล้วล่ะผมว่า)
“ข้าวราดแกงใช่ป่ะที่มึงกิน” สตาร์ชวนคุย
“อืม”
“กินอะไรบ้างอ่ะ”
“กูกินผัดเปรี้ยวหวานและก็แกงจืดน่ะ”
“น่าอร่อยนะ”
“ลองกินแบบกูมั้ยล่ะ”
“อืม เดี๋ยวจะลองสั่ง”
“...”
“จริงๆ มึงไม่ต้องพากูเดินมาก็ได้” สตาร์หัวเราะเบาๆ
“กูจะมาซื้อไอติมกินพอดี”
“อ้าวเหรอ”
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าบทสนทนาของผมกับสตาร์จะลื่นไหลได้ถึงปานนี้ ผมหันขวับไปมองดูไอ้สิกที่มองตามผมอยู่ มันชูนิ้วโป้งส่งให้ผมจากนั้นมันก็ซดนมกล่องไปจนหมดสองกล่อง
“กูมีอะไรจะคุยด้วยว่ะ” ผมพูดกับสตาร์ที่ยืนต่อแถวรอสั่งข้าวอยู่
“อื้ม”
“วันนี้ห้องกูมีกินหมูกระทะกันอ่ะ จะ...จะ...” ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะมีสติต่อหน้าสตาร์ที่หน้าตาน่ารักฉิบหาย
“จะอะไรเหรอ”
“จะไปกินด้วยกันป่ะ” ในที่สุดผมก็พูดมันออกไปได้สักที
“วันนี้เหรอ” สตาร์ทำหน้าครุ่นคิด ผมรู้สึกโล่งใจที่เขาไม่ได้ทำท่ารังเกียจรังงอนอะไร “ต้องไปสมัครเรียนพิเศษอ่ะ กี่โมงล่ะ”
“ก็คงหลังเลิกเรียนอ่ะ”
“ตามไปทีหลังได้ป่ะ”
“ได้ดิ” ผมรีบพูด
“ถ้างั้นขอเบอร์ได้ป่ะ” สตาร์หยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา “เผื่อไลน์ไปถามไรงี้”
นี่มันเกินความคาดหมายของผมอย่างมาก ผมมองไปที่ไอ้สิกก่อนที่จะบอกเบอร์สตาร์ไปซะอีก จริงๆ แล้วผมอยากจะเอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้สิกก่อนที่จะบอกเบอร์กับสตาร์ด้วยซ้ำ
เรื่องแบบนี้แม่งควรอวดเพื่อนที่สุดในโลกอ่ะ!
“ไว้ค่อยคุยกันนะ” สตาร์ยิ้มให้ผม ผมพยักหน้าให้เขาเบาๆ ก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกมา
ไอ้สิกลุกขึ้นยืน มันเดินเข้ามาหาผมก่อนที่ผมจะเดินไปถึงโต๊ะ
“กูเห็นสตาร์หยิบโทรศัพท์” ไอ่สิกรำพึง
“อืม เขาขอเบอร์กูว่ะ”
“เหยดเข้” ไอ้สิกตบบ่าผม “มึงนี่แม่งไม่ธรรมดาเลยว่ะ”
“กูเห็นแววสมหวังแล้วว่ะ” ผมร้อง “มึงอยากแดกไร เอานมอีกสักกล่องมั้ย กูเลี้ยงเอง”
“ใจดีจังนะ”
“กูอยากฉลอง”
“ได้ๆ นมก็นม”
“นมจืดนะ”
“อืมมมม”
ผมเดินไปที่ร้านขายเครื่องดื่ม กำลังตั้งท่าจะคุยโวกับไอ้สิกต่อ แต่พอหันหน้าไปดู กลับไม่เห็นว่าไอ้สิกเดินตามผมมา
เกือบขายหน้ากลางโรงอาหารเพราะพูดคนเดียวแล้วกู
เลิกเรียน
สรุปก็คือเรื่องเลี้ยงหมูกระทะพวกเพื่อนแม่งพากันตอแหลผมกับไอ้สิกทั้งห้องเลยครับ ถึงมันจะคุยกันในกรุ๊ปไลน์ก็จริงว่าใครมาสายต้องเลี้ยงหมูกระทะ แต่เอาเข้าจริงๆ พวกมันก็เกรงใจผมกับไอ้สิกอยู่ดี มันบอกว่าเอาไว้กินกันตอนเทศกาลต่างๆ ก็ได้ และก็วันนี้เพื่อนส่วนใหญต่างก็มีธุระกันหมด ทั้งเดตกับแฟน ไปเที่ยวกับเพื่อน ไปเรียนพิเศษ ไปซ้อมดนตรี และก็ไปซ้อมกีฬา
พวกที่ว่างๆ อยู่เห็นจะเป็นกลุ่มผมสี่คนนี่แหละ ผมคิดว่าน่าจะได้แคนเซิลนัดกินหมูกระทะกับสตาร์แล้ว แต่ทว่าไอ้สิกมันกลับไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้น มันบอกว่ายังไงซะวันนี้สตาร์ก็ต้องได้มากินหมูกระทะกับผม
สิกมันอาสาเลี้ยงเอง อีกอย่างกินกันสี่ห้าคนมันจ่ายไหวแน่ๆ
ผมเกรงใจมันอยู่นะครับ เรื่องจีบสาว เอ๊ย จีบหนุ่มกับเงินเพื่อนยังไงผมก็คิดได้แหละว่าอะไรควรมาก่อน แต่ไอ้สิกเนี่ยดิมันไม่ยอม ไอ้บ้านี่เอาแต่ใจอยู่นิดๆ ครับ
ส่วนไอ้อ๊อฟกับไอ้ตังก็ไม่ได้ช่วยผมพูดกับไอ้สิกเลยสักนิด พวกแม่งเอาแต่รอกินหมูกระทะฟรีโดยที่ไม่รู้เลยว่าผมกับสิกมีแผนซ่อนอยู่
“เขาบอกว่าเขาจะตามมาทีหลัง บางทีเขาอาจจะไม่มาก็ได้นะ” ผมพูดกับไอ้สิก ลับหลังเพื่อนอีกสองคน
“เขาต้องมาดิ ถ้าเขาสนใจมึงเขาต้องมา” สิกพูดอย่างจริงจัง
เราสี่คนเลือกร้านที่อยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนเท่าไหร่ พอได้ที่นั่งแล้วก็เริ่มกินกันเลย ไม่รู้ว่าพวกเราไปหิวโหยมาจากไหนและก็ไม่รู้ว่าอาหารเที่ยงของพวกเรานั้นย่อยสลายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เรากินกันไป คุยเล่นกันไปเรื่อยๆ ในขณะที่ผมนั้นคอยเช็กโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา สตาร์ยังไม่ได้ทักอะไรผม บางทีนัดครั้งนี้ของผมกับเขาอาจจะล่ม
แต่ถึงอย่างนั้น...หมูกระทะตรงหน้าก็ดึงความสนใจของผมไปหมดจนลืมความกังวลเรื่องสตาร์ไปซะฉิบ
“พี่สิก” เสียงสดใสเสียงหนึ่งดังขึ้น “มากินหมูกระทะเหมือนกันเหรอ”
เคมีเดินเข้ามาในร้านกับเพื่อนๆ ม.ต้นของน้อง คนนี้แหละครับที่ผมแอบตั้งฉายาไว้ในใจว่า ‘สตาร์ไซส์มินิ’ เพราะน้องแม่งเหมือนสตาร์จริงๆ
“น้องเคมมากินด้วยกันดิ” ไอ้อ๊อฟที่หัวงูกับน้องเสมอเอ่ยอย่างกระตือรือร้นทันที
ไอ้สิกเริ่มมีสีหน้าบึ้งตึง “ไปกินร้านอื่นไป”
“ไอ้บ้า หวงไม่เข้าเรื่อง”
“มึงแม่งแซวแม้กระทั่งน้องเพื่อน น้องกูเป็นผู้ชายด้วย”
“ก็เพราะมึงหวงน้องแล้วมันตลกดีนี่ไง กูก็เลยแซว”
“มีตังค์ป่ะ” ไอ้สิกถามน้องชายตัวเองเพื่อตัดบทไอ้อ๊อฟ
“มี ที่แม่ให้เมื่อเช้าก็ยังเหลืออยู่เลย”
“ถ้าไม่มีมาขอพี่นะ”
“ครับ” เคมีรับคำ ก่อนที่จะยกมือไหว้รอบโต๊ะ “ไปก่อนนะครับพี่ๆ”
“อื้ม บ๊ายบาย” ผมโบกมือ
“บายครับน้องเคม คนน่ารักที่สุดในสามโลก” ไอ้อ๊อฟโบกมือลาน้องไอ้สิกไปจนสุดสายตา
“ไอ้เหี้ย” สิกกัดฟัน “เลิกสักทีกับการหม้อน้องชายกูเนี่ย”
“น้องมึงนี่น่ารักจริงๆ” ไอ้อ๊อฟหัวเราะ
เด็กม.2 นะเว้ยไอ้สัด ผมกับส่ายหน้าเบาๆ ใส่ไอ้อ๊อฟ ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของผมก็สั่น คนที่โทรมาก็คือสตาร์ ผมรีบสะกิดต้นขาไอ้สิกเพื่อให้มันหันมามองดูชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ของผม
ไอ้สิกยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะพยักหน้าให้ผมรับโทรศัพท์
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา สตาร์ก็ปรากฏตัวขึ้น เป็นเรื่องที่สร้างความฉงนให้กับไอ้อ๊อฟและก็ไอ้ตังเป็นอย่างมาก แต่พวกแม่งรู้จังหวะในการซักถาม มันก็เลยเงียบ ไอ้ตังตั้งใจกินต่อไป ในขณะที่ไอ้หน้าหม้ออย่างไอ้อ๊อฟก็คอยแอบมองสตาร์ตาเยิ้ม
“ไปสมัครมากี่ที่เนี่ย” ผมชวนคุย เลื่อนเก้าอี้ให้สตาร์ที่เลือกนั่งข้างๆ ผม
“สามที่อ่ะ”
“เฮ้ย กะจะเรียนทั้งอาทิตย์เลยเหรอ”
“อื้ม”
“จะเข้าหมอป่ะเนี่ย”
“ทันตะน่ะ”
ผมกับเพื่อนทำสีหน้าอึ้ง อนาคตของพวกเรานั้นเราเริ่มคิดกันแล้วและส่วนใหญ่จะไม่ใช่คนในวงการแพทย์ การที่สตาร์เอ่ยอนาคตของเขาให้พวกเราฟังซึ่งมันดูเป็นอะไรที่ห่างไกลความสามารถของพวกเรา ผมกับเพื่อนก็เลยพากันทำสีหน้าแตกตื่นน่ะครับ
“ขยันอย่างนี้เข้าได้อยู่แล้ว” สิกยิ้ม จัดแจงเอาจานและก็ตะเกียบมาให้ผู้มาใหม่
“ขอบใจนะ”
“กินเต็มที่เลย กูเลี้ยงฉลองวันเปิดเทอมใหม่”
“โคตรใจดีอ่ะ”
“ใช่ กูหล่อด้วย ใจดีด้วย”
มึงก็ช่วยลดความมั่นลงมาหน่อยไอ้สัดเอ๊ย ผมกลอกตาบนเพราะไอ้สิกก่อนที่จะตั้งใจกิน
หลังจากนั้นบรรยากาศบนโต๊ะก็ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีอะไรน่าอึดอัด การที่ผมได้เป็นตัวของตัวเองต่อหน้าสตาร์บางทีก็เหมือนได้ปลดปล่อยความกังวลใจออกไป ผมสามารถชวนสตาร์คุยเรื่องอะไรก็ได้และสามารถวางตัวต่อหน้าเขายังไงก็ได้โดยไม่ได้คิดมากสักนิดว่าเขาจะชอบหรือไม่ เพราะการเป็นตัวเองมันไม่ได้สร้างความกระอักกระอ่วน แต่มันสร้างความสบายใจให้ผม
ไอ้สิกนี่มันเก่งจริงๆ ว่ะ
“พวกมึงมานี่ดิ๊” ไอ้สิกเรียกตัวไอ้อ๊อฟกับไอ้ตังออกไป “กูมีเรื่องจะปรึกษา”
เพื่อนทั้งสองทำหน้างง แต่ก็ยอมลุกไปแต่โดยดี ไอ้สิกทำสายตาบอกให้ผมทำคะแนนกับสตาร์ให้เต็มที่ระหว่างที่พวกมันไม่อยู่ ผมส่งสายตาตอบกลับไปอย่างตื่นตกใจเพราะไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน
“มีอะไรกันเหรอวะ” สตาร์ถามอย่างสงสัย
“ไอ้สิก เอ่อ มันอาจจะกางเกงในเข้าวินน่ะ” ผมได้ทีจึงแกล้งเพื่อนหน้าหล่อซะเลย โทษฐานที่ทำอะไรไม่คุยกับผมก่อน “มันก็เลยเรียกให้อ๊อฟกับตังไปช่วย”
“อ๋อ เหรอวะ” สตาร์ทำหน้าเชื่อคำพูดผมจริงๆ จนผมหลุดขำ “นึกว่ามึงสนิทกับสิกที่สุดแล้ว เห็นชอบไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ”
“หึ จริงๆ ก็ไม่อยากจะยอมรับหรอก แต่กูนี่แหละสนิทกับมันที่สุด” นินทาเพื่อนแล้วบทสนทนาไหลลื่นดีจังครับ
“อืม ดีเนอะ” สตาร์รำพึง ผมแอบมองใบหน้าของสตาร์ด้วยสายตาหลงใหล จนกระทั่งเขาหันมาสบตากับผม ผมจึงหันหน้าไปทางอื่น “ถ้าอย่างนั้นกูขอพูดอะไรตรงๆ กับมึงได้ป่ะ”
“หืม เรื่องอะไรเหรอ”
“กูคิดว่า...กู...”
“...”
“กูชอบไอ้สิกว่ะ” “...”
“มึงช่วยกูเรื่องนี้ได้ป่ะ กูขอร้อง” กูชอบไอ้สิกว่ะ
กูชอบไอ้สิกว่ะ
กูชอบไอ้สิกว่ะ เสียงของสตาร์วนอยู่ในหัวผม เหมือนแมลงวันที่บินวนไปวนมา และไม่ว่าผมจะโบกมือไล่ยังไง มันก็ไม่ยอมบินหนีไปไหน
หลังจากวินาทีนั้นโลกของผมก็เหมือนจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
ทุกอย่างในใจของผมพังครืน และก็เละไม่มีชิ้นดี
tbc*
นิยายโรแมนติกคอเมดี้ของวัยใสจริงๆ นะคะ เชื่อเค้าาาาา 