ตอนที่ ๒๓
“เป็นแฟนกับพี่นะครับ”ความเงียบมักบังเกิดขึ้นเสมอเมื่อมนุษย์อับจนคำพูด อย่าว่าแต่เปรมเลย แม้แต่ราเมนทร์ที่เหมือนมีอะไรมากมายในความคิดและจิตใจ ยังไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
“พูดอะไรบ้างสิครับเปรม”
“ผม...”
“อ้าวเปรม มากินข้าวร้านนี้ด้วยหรือเนี่ย บังเอิญจังเลย”
เปรมผินหน้าไปมองตามทิศทางของเสียงก็พบร่างเล็กสันทัดของรณพักตร์ยืนยิ้มแฉ่ง โบกมือหย็อยๆให้เขาอย่างเริงร่า ใกล้กันนั้นก็มีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งราวนายแบบชื่อดัง ใบหน้าคมคายออกแนวลูกครึ่ง คุณชินกฤตที่แต่งสูทีดำเรียบหรูเป็นทางการ และคนสุดท้ายที่กำลังมองเขานิ่งค้างไม่ขยับเขยื้อนไปไหน...
อสุเรนทร์
แววตาคมจ้องมองตรงมาอย่างที่เขาเองก็จับความรู้สึกของคนมากวัยกว่าไม่ถูก
“นั่นสินะครับ บังเอิญจังเลย”
“ขอโทษนะครับคุณราเมนทร์ ผมคุยกับเพื่อนผมอยู่อย่าสอดครับอย่าสอด”
“หึ ปากดีเหมือนเดิมเลยนะรณพักตร์” ดวงตาหยีเป็นรูปประจันทร์เสี้ยว กรีดยิ้มพริ้มพรายน่ามองทว่าเนื้อด้านในล้วนอาบไปด้วยยาพิษชั้นดี
“ปากผมมันดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่เชื่อก็กลับไปถามน้องชายคุณสิ”
“!”
“อุ้ย นี่ผมหลุดพูดอะไรไปเนี่ย แย่จังเลย”
“แก” ราเมนทร์ทำท่าจะลุกขึ้นไปต่อยเจ้ายักษ์แคระสักหมัดสองหมัด แต่ร่างบางกลับยื้อยึดเอาไว้พร้อมส่ายหน้าไม่อยากให้มีเรื่องกันภายในร้านอาหารแห่งนี้ จำต้องหย่อนตัวลงนั่งตามเดิม หากแต่ยังขบปราบแน่นตีหน้าถมึงตึงใส่เจ้าลูกยักษ์แคระอย่างไม่ยอมแพ้
“เปรมคบคนนิสัยไม่ดีแบบนี้ได้ยังไง คิดผิดคิดใหม่นะ”
“ไม่หรอกครับอิน เห็นขี้ใจร้อนโกรธง่ายอย่างนี้ แต่ ‘พี่’ รามเขาก็ใจดีมากเลยนะครับ”
เปรมแอบได้ยินเสียง ‘หึ’ คล้ายเสียงพ่นลมหายใจแรงๆจากคนที่ยืนใกล้เขาที่สุด เขาทำเพียงเหลือบมองแวบหนึ่งและหันกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ว้าว จริงเหรอเนี่ย อ่า...ไหนๆเราก็รู้จักกัน เปรมกับคุณรามผู้แสนจิตใจดีราวเจ้าชายขี่ม้าขาวคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมหากพวกผมขอนั่งร่วมโต๊ะด้วย”
“พวกคุณมากันตั้งสี่คน โต๊ะพวกผมมีสี่...นั่งไปแล้วสองก็เท่ากับว่าเหลืออีกแค่สอง แค่นี้คุณรณพักตร์ก็คงคิดได้ใช่ไหมครับว่าที่นั่งมันไม่พอให้คนอย่างพวกคุณมานั่งได้หมด”
“คุณรามนี่ไม่มีสมอง เอ้ย คิดน้อยเกินไปหรือเปล่าครับ ถ้าไม่พอก็แบ่งเอาสิครับจะไปยากอะไร ผมกับแด๊ดดี้นั่งกับพวกคุณ ส่วนอากฤตและมิสเตอร์ คริส อู๋ จะไปนั่งโต๊ะเล็กตรงนั้นที่มีเก้าอี้เพียงแค่สองตัว” รากษสหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ รวบแขนเพื่อนคนสนิท (ควบตำแหน่งเมียพระบิดา) ไปกอดแล้วเอาแก้มถูไปมาอย่างออดอ้อน “ให้อินนั่งด้วยนะเปรมนะ...นะครับ”
“เปรม” ราเมนทร์ส่ายศีรษะห้าม
“นะเปรมนะ”
“เจ้าอิน ถ้าคนใจดำเขาไม่ให้นั่งจะไปขอเขานั่งทำไม”
คนใจดำอย่างนั้นเหรอ...
“พระบิดา! หุบปากเดี๋ยวนี้”
“ก็มันจริงไหมล่ะ อ้อนวอนไปก็เท่านั้นในเมื่อเขาไม่ใส่”
“ถ้าอินกับคุณอสุเรนทร์อยากจะนั่งผมก็ไม่ห้ามอะไรหรอกครับ แต่ถ้านั่งด้วยกันแล้วเกิดอึดอัดขึ้นมา...คงจะลำบากใจกันทั้งสองฝ่าย”
พอเริ่มเห็นท่าไม่ค่อยดีรณพักตร์จึงออกแรงดึงมือผู้เป็นพ่อให้นั่งลงข้างๆรา-เมนทร์ และตนเป็นคนนั่งใกล้เพื่อนร่างสูงเอง เมื่อสถานการณ์ตรงหน้าเริ่มคลี่คลาย(?) ชินกฤตจึงเลือกหันไปส่งยิ้มบางให้ คริส อู๋ ตัวแทนคนใหม่ที่มาแทนที่นานะ ก่อนผายมือนำร่างสูงไปนั่งอีกโต๊ะเยื้องกับโต๊ะของเปรมไม่ไกลนัก
ระหว่างนั้นคนทั้งสี่ก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก รณพักตร์พลิกดูรายการอาหารขณะอสุเรนทร์ เปรมและราเมนทร์ต่างเลือกที่จะนั่งนิ่งประดั่งตอไม้ไร้ชีวิต บรรยากาศอึมครึมแผ่ขยายปกคลุมทั่วทั้งโต๊ะ...เนิ่นนานจนสุดท้ายรากษสหนุ่มผู้ทนอยู่เฉยอีกต่อไปไม่ไหวจึงโพล่งพูดรัวออกมาเพื่อทำลายความเงียบโดยไม่สนคนฟังจะฟังทันหรือไม่
“เปรม หมู่นี้นายสบายดีไหม ฉันไม่ค่อยเห็นนายเลย พอโทรไปนายก็ไม่ค่อยรับสาย คิดจะตัดเพื่อนกับฉันแล้วใช่ไหม”
“ผมช่วยพี่รามเขาทำงานที่บริษัทน่ะครับก็เลยไม่มีเวลารับสาย ขอโทษนะ”
“อย่างน้อยก็น่าจะบอกกันหน่อย ปล่อยให้เราเป็นห่วงตั้งนาน”
“โทษที เวลาผมอยู่ในเวลาทำงานผมมักเป็นแบบนี้แหละ”
“เป็นเพราะงานแน่หรือครับ”
ร่างบางขมวดคิ้วมองอสุเรนทร์ด้วยความไม่พอใจ รู้ดีว่าประโยคนั้นมันมีแต่ความประชดประชัน แต่ยังไงเขาก็ไม่ชอบให้ใครมาพูดแบบนี้ โดยเฉพาะคนที่เคยคุ้นเคย
“คุณจะบอกว่าผมไม่รับสายอิน ไม่ติดต่ออินเป็นเพราะผมอยู่กับพี่รามหรือครับ”
“แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรอื่นอีกล่ะ”
“มีสิ แต่คุณไม่เคยรับรู้ถึงมันเลยต่างหาก”
ริมฝีปากงดงามราวกลีบกุหลาบคลี่ยิ้มเย็น เอื้อมกุมมือหนาของราเมนทร์ที่วางบนโต๊ะเป็นการประกาชัด ไม่อนาทรต่อสายตาของคนที่เหลือ ยิ่งสายตาคมของอสุเรนทร์จ้องเขม็งมายังมือที่กุมประสานกันอยู่
“รักกันหวานชื่นดีนะ”
“คนคบกันไม่หวานชื่นจะให้นั่งร้องไห้ช้ำใจตายหรือครับคุณอสุเรนทร์”
“พึ่งเลิกกับคนเก่าไม่นาน ดันคบกันคนใหม่ได้อย่างหน้าตาระรื่น เธอเก่งจริงๆ”
“ไม่ใช่เพราะผมเก่ง แต่คนเก่ามันไม่ดีทั้งที่เชื่อใจให้ใจไปเต็มร้อย แต่ตัวเขาเองกลับไม่มีความอดทนอดกลั้น ห้ามใจไม่อยู่ แล้วแบบนี้คุณจะให้ผมทนคบกับคนแบบนั้นต่อไปหรือครับ แค่คำขอโทษคำเดียวมันไม่พอกับความรู้สึกของผมที่สูญเสียไปหรอก”
ราเมนทร์ผินมองหน้าพญารากษสเล็กน้อย ก่อนจะลุกไปนั่งยองๆใกล้คนร่างบางและเกลี่ยหยาดน้ำตาสีใสออกจากพวงแก้มนวล
“อย่าร้องนะเปรม พี่ไม่ชอบเห็นเราร้องไห้เลย”
“อืม”
“แฟนพี่อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวพี่สั่งให้”
อสุเรนทร์ฝืนยิ้มให้ทั้งสองอย่างชื่นมื่น หากรสชาติของอาหารมื้อนี้มันกลับฝืดคอเสียจนแทบกลืนไม่ลง ภาพที่ราเมนทร์คอยเอาอกเอาใจ คอยตักกับข้าวใส่จานให้น้องน้อยมันไม่ต่างอะไรกับการถูกเข็มร้อยพันเล่มคอยทิ่มแทงเนื้อตัวและหัวใจให้เจ็บปวดเมื่อหวนคิดถึงห้วงเวลาที่เขาเองก็เคยทำเช่นนั้น รอยยิ้มหวานกับสีหน้าสีตาราวคนมีความสุขทำเอาอสุเรนทร์หงุดหงิดอยากลากน้องน้อยกลับไปกักขังที่บ้านเสียเดี๋ยวนี้ ท้ายสุดเมื่อทนไม่ได้ก็ทิ้งช้อนในมือกระทบจานกระเบื้องจนเกิดเสียงดัง ก่อนจะยกแก้วน้ำดื่มด้วยความรุ่นร้อนในจิตใจ
“อิ่มแล้วหรือครับคุณอสุเรนทร์”
“อืม อาหารมันเลี่ยน ฉันกินไม่ลง ถ้ายังไงขอตัวไปสูดอากาศด้านนอกหน่อยล่ะกัน”
ฝ่ามือเรียวเล็กควักน้ำขึ้นมาสาดใส่เรียวหน้าของตนอย่างเร็วรี่และบ้าคลั่ง สายตาสุดแสนจะเย็นชาและคำพูดเหยียดหยันของอสุเรนทร์มันทำให้เขาสุดจะทน นิ้วทั้งห้าขยำอกเสื้อจนยับย่น รู้สึกถึงหัวใจดวงน้อยกำลังปวดร้าวลึก หายใจไม่ค่อยออกคล้ายร่างทั้งร่างดำดิ่งลงสู่ใต้มหาสมุทร ริมฝีปากอ้าออกทว่ากลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย หยาดน้ำสีใสไหลรินประดุจสายธาราระเรื่อยรื่น เจ็บ...เจ็บเหลือเกินพ่อจ๋าแม่จ๋า เปรมเจ็บหัวใจยิ่งนัก
โกรธสวรรค์ที่ทำให้เขาต้องมาพบเจออสุเรนทร์กะทันหัน
โกรธตนเองที่พูดโกหกว่าคบหาดูใจกับราเมนทร์ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่
โมโหกับกริยาและคำพูดแสนดูถูกของอีกฝ่าย
เสียใจกับความทรงจำมากมายที่เคยทำร่วมกัน
และน้อยใจอสุเรนทร์ที่...ปากบอกว่ารัก บอกเราคือคนสำคัญที่สุดในชีวิต แต่เวลาที่ผ่านมากลับหายเงียบ ไม่โผล่หัวมาทำให้เขารู้สึกว่าควรให้อภัย
นัยนาหวานหม่นแสงทอดมองผ่านเงาตนเองในกระจก สะท้อนให้เห็นโครงหน้ารีเรียวและน้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมาเป็นทางผสมปนเปไปกับหยดน้ำที่ถูกควักสาดใส่ก่อนหน้าอย่างชัดเจน หนึ่งเดือนที่ผ่านมา...ไม่ต้องถามว่าเป็นอย่างไรเพราะช่วงเวลาที่ห่างกันมันไม่ได้ช่วยให้เปรมรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังคิดถึงคนคนนั้นมากเข้าไปอีก...แต่สิ่งที่ได้รับวันนี้มันทำให้ความคิดความกังวลต่างๆนาๆแทบมลายหายไปหมดสิ้น
สงสารตัวเองที่คิดผิดมาโดยตลอด
“ว่าแล้วต้องแอบมาร้องไห้ในนี้”
“พ...พี่ทศ”
ปรากฏร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกพิงไหล่กับขอบประตูห้องน้ำด้วยแววตาเรียบเฉย เปรมรีบปาดคราบน้ำตาอย่างลวกๆและเตรียมเดินหนีคนคนนี้ให้เร็วที่สุด หากทว่าแขนเรียวเล็กกลับถูกมือใหญ่คว้าไว้ทันเสียก่อน อสุเรนทร์จัดการล็อกกลอนประตูห้องน้ำป้องกันคนภายนอกที่จะเข้ามา คนร่างบางกระวนกระวานรีบผลักอีกฝ่ายออกด้วยความตื่นตระหนก
“คุณคิดจะทำอะไร ออกไปให้ห่างจากผมซะ”
อสุเรนทร์ทำเป็นหูทวนลมไม่เข้าใจ ก้าวเท้าเข้าหาใกล้เรื่อยๆจนเหยื่อตัวน้อยต้องขยับถอยหลังทีละก้าว...ทีละสองก้าวจนสุดท้ายแผ่นหลังเล็กก็ชิดติดไปกับอ่างล้างหน้าหินอ่อน
“บอกสิว่าเปรมร้องไห้เพราะพี่”
“อย่าหลงตัวเองให้มากครับคุณอสุเรนทร์ คุณไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับผมถึงขั้นต้องแอบมาร้องไห้เงียบๆคนเดียวในห้องน้ำ”
“อย่าโกหก”
“หน้าผมมันบอกว่าโกหกหรือครับ”
“แต่เปรมเป็นเมียพี่!”
คนร่างบางถึงกับหลุดยิ้มสมเพส ดวงตาเรียวคลอไปด้วยน้ำตาหยดใสช้อนขึ้นมองอีกคนอย่างเจ็บปวดในหัวใจ
“อย่าลืมสิครับเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว เราเลิกกันแล้ว”
“พี่ไม่เลิก ยังไงพี่ก็ไม่เลิก ต้องให้พี่พูดยังไงชดใช้ยังไงเปรมถึงจะพอใจและยอมอภัยให้พี่”
“ไม่ต้องพูดอะไรแค่ไปให้ไกลจากผมก็พอ”
“เกลียดฉันมากหรือไง ตอบสิเปมทัต”
“ใช่ผมเกลียดคุณ”
นัยเนตรราชสีห์ทอประกายสีเขียวเรืองโรจน์หลังจากร่างบางพูดประโยคนั้นออกมา “จะเอาอย่างนี้ใช่ไหม เราจะจบกันอย่างนี้ใช่ไหม”
“อย่าคิดมาโทษผม เพราะที่จบลงอย่างนี้คุณทำตัวของคุณเอง”
“ก็พี่บอกไปแล้วไงว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่โดนวางยา”
“คำขอโทษเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ แต่คุณไม่เคยคิดจะแก้ที่ต้นเหตุ”
“...”
“คุณไม่ยอมอดทน หรือคุณจะบอกอดทนแล้วแต่ไม่สำเร็จอย่างนั้นหรือ” เปรมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ปลายจมูกรั้นแดงก่ำ ดวงตารีเรียวสะท้อนผ่านคนตรงข้ามผ่านม่านน้ำตา “เรื่องของผมกับคุณขอให้จบกันเพียงเท่านี้เถอะ”
“แล้วถ้าพี่ไม่ยอมล่ะ”
อสุเรนทร์เอ่ยถามด้วยแววตาเย็นเยียบ พออีกฝ่ายยืนสู้ตากับเขาอย่างดื้อดึงพญารากษสก็ตวัดร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด กอดรัดแนบแน่นเสียจนแทบจะไม่มีช่องว่างให้อากาศไหลผ่าน
“คุณอสุเรนทร์ ปล่อมผมนะ ผมบอกให้ปล่อยไง!”
“พี่ไม่ปล่อย”
“คุณทำเกินไปแล้วนะ”
“ทำไม กลัวไอ้ราเมนทร์แฟนเธอมาเห็นภาพของเราหรือไง เรียกมันมาสิพี่จะทำมากกว่ากอดให้ดู”
“คุณมันทุเรศ”
“เพิ่งรู้หรือไงเมียรัก”
ว่าแล้วท่อนแขนแข็งแรงก็ช้อนใต้ขาเรียวเพื่อยกร่างบอบบางขึ้นไปนั่งบนอ่างล่างหน้า ก่อนจะฉกวูบลงมายังริมฝีปากอิ่มตึงโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งตัว เปรมทุบกำปั้นไปที่อกแกร่ง พยายามเบี่ยงหน้าหนีหากทว่าอสุเรนทร์กลับไม่สะทกสะท้าน เดินหน้าบดขยี้ริมฝีปากสีสดต่อไปอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งนึกถึงตอนที่น้องน้อยยิ้มให้กับราเมนทร์ จับมือถือแขน พูดจาหวานแหววใส่กัน ความโกรธในใจก็ยิ่งพอกพูดขึ้นมาไม่มีที่สิ้นสุด ถึงเขาจะยอมถอยห่างออกมาแต่ก็ใช่ว่าเขาจะยอมให้เปรมไปจู๋จี๋ เป็นคู่รักชูชื่นกับมัน
ปลายลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากหวาน ดูดกลืนน้ำเกสรที่เขาโหยหามานานสองนาน เขารักเปรม รักเกินกว่าจะให้ใครหน้าไหนมาแย่งเจ้าตัวไป
เปรมเป็นของเขาคนเดียว!!
“หยุดนะ อื้อ!”
อสุเรนทร์ระดมจูบอีกฝ่ายจวบจนพอใจ เขาก็ผละออกมองดวงหน้าเนียนของน้องน้อยที่กำลังบูดเบี้ยวด้วยความโกรธ
เพี๊ยะ!ซีกหน้าคมหันไปตามแรงกระทบจากฝ่ามือเรียวเล็กของคนที่เขารักด้วยความแรง และตามมาอีกครั้งหนึ่งทว่าเปลี่ยนจากข้างซ้ายมาเป็นข้างขวา แก้มสากทั้งสองข้างของอสุเรนทร์จึงขึ้นรอยแดงเป็นรูปมือชัดเจน
“เลว”
อสุเรนทร์กระตุกยิ้มหลังปาดเลือดที่มุมปากมาดู...อยากเล่นอย่างนี้ใช่หรือไม่ยอดรักของพี่...พี่ก็จะจัดให้น้องเสียเดี๋ยวนี้
“ผมเกลียดคุณ ผมเกลียด...อื้อ!”
เขากระชากร่างบางเข้ามาจูบอีกครั้งอย่างรุนแรง ถ้าอีกฝ่ายยังคิดจะฟาดรอยนิ้วทั้งห้าประดับบนแก้มเขาอีกรอบเขาก็จะคว้ามาจูบอย่างดูดดื่ม ตบอีกก็จูบอีก จูบให้หลาบจำ วินาทีที่เปรมคิดถอยหนีอสุเรนทร์ก็รีบรวบร่างบางมาไว้ในอ้อมแขน กระชับกอดและซุกหน้าคมเกยบนลาดไหล่เล็ก จมูกดอมดมกลิ่นหอมอันคุ้นเคยซ้ำแล้วซ้ำแล้วด้วยความคิดถึง โหยหา
“ปล่อย!”
“พี่จะไม่ยอมเสียเปรมไปอีกแล้ว ขอร้องล่ะให้โอกาสให้พี่...”
“โอกาสองคุณมันหมดไปนานแล้ว อย่าคิดอ้อนวอนขอจากผมอีก”
“ไม่เอานะเปรม...เปรมจ๋า...ฮึก อย่าทิ้งพี่ได้ไหม พี่ ฮึกๆ อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเปรมนะ”
“หนึ่งเดือนที่เลิกกันคุณก็อยู่ได้นี่”
“ถ้าพี่อยู่ได้พี่คงไม่ไปนั่งดูเปรมผ่านบานหน้าต่างทุกคืนหรอก”
“!!”
“เปรมจ๋า...ได้โปรดเถิด”
เบ้าตาแน่งน้อยร้อนผ่าว ความเสียใจระคนปวดใจพุ่งตรงออกจากดวงตาอย่างไม่มีปิดบัง คนอ่อนวัยกว่าดีดดิ้นขลุกขลักทว่ายิ่งดิ้นมันกลับยิ่งรัดแน่นขึ้นไปอีก
“ปล่อย”
“พี่รักเปรมนะ รักเปรมมาก เรากลับมารักกันเหมือนเดิมได้ไหมครับ”
“เปรม...”
ดวงเนตรคมจับนิ่งอยู่ที่ดวงหน้างามผุดผาด มือแข็งแรงยังคงโอบเอวคอดกิ่วไม่ยอมถอยห่างไปตามที่อีกฝ่ายต้องการ ฝ่ามือสากขาดการดูแลลูบไล้แก้มเนียนอย่างรักใคร่ ก่อนโน้มตัวจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน เปรมสุดจะกลั้นทุบกำปั้นลงอกแกร่งรัวแรงจนไม่กลัวอีกฝ่ายเจ็บ
“ไอ้คนบ้า นิสัยไม่ดี”
“...”
“ผมเกลียดคุณ...ผมไม่รักคุณแล้ว ฮือ คุณมันคนเฮงซวยผมจะไม่รักคุณอีกต่อไปแล้ว”
“เปรม...”
“ผมไม่รักพี่อีกแล้ว”
อสุเรนทร์ดึงคนรักเข้ามากอดอีกครั้ง แม้อีกฝ่ายจะทุบตี บอกไม่รักเขาเสียงดังแค่ไหนหากน้ำเสียงที่ถูกถ่ายทอดออกมามันกลับตรงข้ามกับที่เจ้าตัวบอกโดยสิ้นเชิง หัวใจที่ห่อเหี่ยวมานานก็ชุ่มชื้นโดยทันใด...น้องน้อยยังรักเขาเหมือนเดิม...รักเขาเพียงคนเดียว
“พี่รักเปรมมากเหลือเกิน...มากเสียจนหากน้องไม่ยอมกลับมาหาพี่ พี่จะฆ่าตัวตายเสียสิ้นไม่ให้น้องต้องมานั่งปวดใจเพราะผู้ชายเลวๆคนนี้อีก”
“พี่ทศ!”
“ในเมื่อคนที่พี่รักไม่รักพี่แล้วก็ไม่รู้อยู่ไปเพื่ออะไร สู้ตายจากโลกนี้มันน่าจะดีเสียกว่า เปรมว่าอย่างนั้นไหม”
“พี่มันบ้า ถ้าอยากตายนักก็ตายไปเลย ไม่ต้องมาเห็นหน้ากันอีกตลอดชีวิต” เปรมตอบกลับด้วยเสียงแข็งกร้าว หากวงแขนกลับยกกอดตอบอีกคนแน่น ซุกหน้ากับอกแข็งแรงร้องสะอึกสะอื้นแทบขาดใจ อสุเรนทร์คลี่ยิ้มบรรจงจุมพิตขมับ เลื่อนลงมายังพวงแก้มทั้งสองข้างและตีตราประทับบนริมฝีปากอ่อนนุ่มเนิ่นนาน
ปัง! ปัง! ปัง!
“เปรมครับ เปรมอยู่ในนั้นใช่ไหม ตอบพี่หน่อยสิเปรม!” เสียงเคาะประตูดังรัวพร้อมเสียงตะโกนเรียกจากด้านนอกทำให้เปรมสะดุ้งตื่นจากภวังค์ พยายามสะบัดแขนให้หลุดจากพันธนาการที่แข็งแกร่ง แต่อสุเรนทร์ยุดยื้อเอาไว้ ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกจากปากหยัก หากแววตานั้นกำลังขอร้อง อ้อนวอนไม่ให้เขาตอบรับเสียงเรียกจากด้านนอก
“เปรม พี่รู้ว่าเปรมอยู่ในนั้น เปรมอยู่กับไอ้ทศใช่ไหม ตอบพี่สิตอบ”
“พี่ทศ”
“พี่ไม่ปล่อยเราเด็ดขาด”
“เปรม!” ราเมนทร์ตะโกนสุดเสียงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนใช้แรงทั้งหมดกระแทกประตูบานหนาอยู่สองสามครั้งจนมันเปิดออกกว้าง ภาพยักษ์ชั่วกำลังตระกองกอดคนรักของเขาทำเอาเนตรคมแทบลุกเป็นไฟ ขึงขังเต็มไปด้วยโทะแรงกล้า ไม่รอช้ารีบเดินดุ่มๆเข้าไปคว้าไหล่กว้างของอสุเรนทร์ให้หันมาแล้วซัดหมัดเข้าเต็มโหนกแก้มตอบเสียงดังผลัวะ คนโดนต่อยถึงกับเซถลาลงไปนั่งกับพื้น ราเมนทร์ทำท่าจะเข้าไปซ้ำทว่ารณพักตร์วิ่งเข้ารั้งตัวไว้ทันเสียก่อน
“ปล่อยกู บอกให้ปล่อย!”
“ปล่อยให้แกเข้าไปทำร้ายพระบิดาฉันเพิ่มน่ะเหรอไอ้หมาบ้า”
“มึงมายุ่งกับคนของกูอีกทำไมไอ้ทศ เปรมเป็นของกูแล้วไม่ใช่ของมึง!”
“แน่ใจฤาว่าเปรมอยากจักเป็นของมึงจริง มิใช่ทำเพื่อประชดรักกูดอกรึ”
“ไอ้ยักษ์ชั้นต่ำ!” ลมหายใจร้อนพ่นผ่านจมูกโด่งสันออกมาแรงๆ กรามเหลี่ยมได้รูปขบกันเป็นสันนูนเมื่อต้องระงับความโกรธที่พุ่งพล่านอยู่ในใจ เบือนสายตาไปยังคนที่เพิ่งเป็นแฟนหมาดๆ อย่างอ้อนวอน
“เปรมมาหาพี่”
“อย่านะเปรม อยู่กับพี่ทศนะ”
“เปรม พี่เป็นแฟนเปรมนะ เดินมาหาพี่สิ”
“พระราม...มึงมันก็เป็นได้แค่แฟนหลอกๆแต่ตัวกูนั้นไซร้...คือผัวตัวจริงเสียงจริง อย่างไรเสียเปรมก็ต้องเลือกอยู่กับกูมากกว่าคนเลวอย่างมึงเป็นแน่แท้”
“คนเลวน่าจักเป็นมึงเสียมากกว่าหนาทศกัณฐ์”
“กระนั้นคนดีอย่างมึงเหตุใดต้องวางแผนเอายาปลุกกำหนัดมาให้กูกินยามที่อยู่หัวหินกับนานะเล่า อธิบายเปรมไปเสียสิว่ามึงกระทำเช่นนี้เพราะอยากให้น้องเลิกรากับกูแลหันไปคบคนชั่วอย่างมึงแทน”
“จริงหรือครับ” ร่างบางถามเสียงแผ่ว
“ไม่จริงนะเปรม อย่าไปเชื่อมัน มันใส่ร้ายพี่ ไอ้ทศไอ้ชาติชั่วสารเลว”
“อยากฟังเสียงคำสารภาพที่นานะส่งมาฤาไม่เล่า เสียงดังฟังชัดทุกถ้อยคำเชียวหนา”
“กูจักเอามึงให้ตาย!”
“ก็เข้ามา!!”
กษัตริย์แห่งอโยธยาและกรุงลงกาหมายพุ่งเข้าใส่กันอีกอย่างเดือดดาล หากเป็นเปรมเองที่ไม่สามารถทนเห็นทั้งสองห้ำหั่นกันได้จึงรีบผลักร่างของอสุเรนทร์ไปข้างๆ แล้ววิ่งไปยืนขวางอยู่หน้าราเมนทร์ราวต้องการปกป้องอย่างไรอย่างนั้น พญารากษสเบิกตาค้าง คำพูดมายมายที่อยากจะพูดถูกกลืนหายจนหมดสิ้น
“เปรมปกป้องมันเหรอ”
“ผมไม่ได้ปกป้องใครทั้งนั้นทั้งพี่รามและคุณอสุเรนทร์”
คำเรียกห่างเหินกลับมาอีกครั้ง...
“แต่ผมไม่อยากให้พวกคุณมีเรื่องกันเพราะมีผลเป็นตัวต้นเหตุ ผมไม่ชอบ”
“...”
“ต่างคนต่างอยู่แล้วกันนะครับ ผมขอโทษแทนพี่รามด้วยที่ต่อยคุณ ถ้าเป็นไปได้อย่าได้มาเจอกันอีกเลย” มือน้อยคว้ามือราเมนทร์ไปจับ ผงกหัวขอโทษให้รากษสสองพ่อลูกก่อนจะออกแรงดึงพากันเดินออกไปนอกห้องน้ำโดยไม่สนใจสายตาเจ็บเจียนคลั่งของอีกคนแม้แต่น้อย
นิ้วโป้งปาดคราบเลือดจากแรงต่อยเมื่อครู่ บาดแผลนี้ยังไม่เจ็บเท่าใจของเขายามน้องน้อยเลือกเดินเคียงข้างไปกับมัน
“พระบิดาปล่อยให้เปรมไปกับมันหน้าตาเฉยได้ไง ถ้าคิดจะปล่อยก็น่าจะเข้าไปต่อยมันคืนให้ได้สักแผลหนึ่งสิ เล่นยืนเฉยแบบนี้โคตรขัดใจอินเลยว่ะ”
“เข้าไปต่อยมันแล้วให้พระมารดาเจ้าเกลียดหนักกว่าเดิมรึ”
“ไอ้นู่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้แล้วพระบิดาจะทำไงต่อล่ะ ขืนอยู่เฉยแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆมีหวังเปรมได้มีผัวอีกคน”
“เชื่อเถอะ อย่างไรเปรมก็ต้องมีพ่อเป็นผัวคนเดียว”อย่าเพิ่งด้วยสรุปความคิดของน้องน้าาา น้องเขามีเหตุผล แล้วการกระทำทุกอย่างมันเชื่อมโยงไปถึงเรื่องราวในอดีต อย่าลืมนะคะน้องมีภารกิจที่ต้องทำจากคุณสีดา
เอาล่ะค่ะ มาอ่านกันต่อเลยดีกว่า