หัวใจทศกัณฐ์ :ตอนจบทศเปรม (กึ่งพีเรียด ข้ามภพข้ามชาติ)5/2/60 จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจทศกัณฐ์ :ตอนจบทศเปรม (กึ่งพีเรียด ข้ามภพข้ามชาติ)5/2/60 จบแล้ว  (อ่าน 66472 ครั้ง)

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
มารอตั้งแต่เช้าาา ตอนนี้ชุ่มชื่นหัวจัยมากกก อิอิ  :mew3:

ออฟไลน์ tay028643904

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
โคตรหนุกกกกก
เดิมที่ชอบ รามเกียรติ์ ชอบทศกัณฑ์
เจอ version นี้คือหลงรัก
คือมีคำภาษในยุคเก่ามาใช้ อ่านเเล้วไม่รู้สึกขัดๆ
ฉัน รัก เขาาาาาาาาาา
รอนาจา  :katai2-1:

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อย่าหายไปนานนะตะเอง คิดฮอตล้ายหลาย

ออฟไลน์ jjasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ทศเปรมหวานหยดย้อยมดขึ้นตาา ว่าแต่หนูเปรมจะไปไหนคะ

ส่วนอิพี่ราม คิดจะทำอาร๊ายยย ยอมแพ้ไปสักที

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พระรามก็ยังไม่เลิกในขณะที่เปรมก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร :katai1: :ling3: :ling3:
หวังว่าพิเภกจะล่วงรู้และคอยพูดเตือนทศกันฐ์ไม่ให้วู่วามได้นะ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mam.nalok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รามเเลวมากกกกกก อ่านตอนนี้จบเพลงแรกที่นึกขึ้นได้ คือเพลง I'm Sory (สีดา) สมน้ำหน้าพระรามมาก ไม่เคยไว้ใจเมียทั้งที่เมียรักและบูชา สุดท้ายพอนางไปก็มานั่งร้องไห้เสียใจ คำถาม แล้วทำทำไมตั้งแต่แรก ถ้าเราเป็นสีดา เราก็รักทศกันต์เราคงไม่อยากอยู่และรักคนที่ไม่เคยไว้ใจในตัวเรา สู้รักคนที่เขารักและยอมถวายชีวิตเพื่อเราไม่ดีกว่าหรือไง เรื่องนี้พี่ทศคือพราะเอกตัวจริง #ทีมเฮียทศ # เกลียดอีราม

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
สู้ๆนะพ่อเปรม เราอยู่ข้างทศเสมอ ท่านทศต้องรอได้แน่นอน

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

คิดถึงจัง

พระรามคิดอะไรอีกแล้ว

ไม่น่าไว้ใจ

แต่กลัวใจพี่ทศด้วย

รอขอรับ


ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
บทที่ ๑๘
[/b]



ทิวากรดวงใหญ่เคลื่อนฉาดฉายอยู่จุดสูงสุดของท้องนภากว้างอย่างแช่มช้า แสงสีทองสาดส่องทั่วผืนปฐพีราวพรอันประเสริฐที่ขจรกำจายจากชั้นสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์ นกตัวน้อยส่งเสียงร้องจิ๊บ...จิ๊บ...คลอคลึงไปกับสายลมอ่อนที่โชยชาย โบกสะพัดความหอมละมุนจากน้ำค้างและกลีบดอกแก้ว คละคลุ้งไปทั่วทั้งศาลาริมน้ำ

อสุเรนทร์นอนหลับตาพริ้มสุขสบายอยู่บนตักไม่แข็งไม่นุ่มนิ่มจนเกินไป กำลังพอดีสำหรับให้หนุนซบได้อย่างเพลินเพลิน มือเรียวบางก็คอยทำหน้าที่ลูบกลุ่มผมน้ำตาลเข้มนั่นไปเรื่อยๆราวจะขับกล่อมเด็กน้อยให้นอนหลับฝันดี แม้ต่างคนต่างเงียบ ทว่าพลังแห่งความสุขนั้นเอ่อล้นอยู่ในหัวใจสองดวง แม้ไม่ต้องมีคำพูดใดเอื้อนเอ่ยออกมา ชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงความรักและความห่วงใยที่น้องน้อยมีให้

รักเหลือเกิน

รักจวนเจียนคลั่ง

นัยน์เนตรแห่งยักษ์ค่อยลืมขึ้นช้าๆ จับจ้องร่างแน่งน้อยน่าทะนุถนอมราวดอกไม้แรกแย้มกำลังเหม่อมองทิวทัศน์เบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มหวาน พระพายพัดเอาสายลมเย็นกระทบดวงหน้างาม หมู่มวลบุปผา ใบไม้ยอดหญ้าให้โยกไหว รวมถึงกลุ่มเส้นไหมดำเงาที่ลู่ปลิวพลิ้วไสวดูน่ามองน่าชมมิต่างจากภาพวาดนางในวรรณคดี...และกลิ่นหอมชื่นอันเป็นเอกลักษณ์จากกายบาง งามสวย...งามงด...งามสะพรั่ง...งามมิมิผู้ใดเกิน จอมเจ้าเอย ช่างติดตราตรึงใจพี่ทุกเมื่อเชื่อวัน

“สบายจัง”

“ไม่สบายก็แปลกล่ะครับ นอนหนุนตักจนเหน็บกินขาเปรมไปหมดแล้วเนี่ย” พูดจบก็ดีดหัวแข็งๆไปสักทีหนึ่ง “ถ้าลุกเดินไม่ได้ขึ้นมา พี่ทศต้องรับผิดชอบด้วย”

“เดี๋ยวซื้อรถเข็นให้”

“งั้นก็ขอรถเข็นทำจากทองประดับเพชรทั้งคันแล้วกัน จะเอาให้หมดตัวไปเลย”

อสุเรนทร์ยิ้มกว้าง “ถ้าเปรมให้พี่นอนหนุนตักอย่างนี้ทุกวันพี่ก็ยอมหมดตัวนะ แถมจะขายตับ ขายไตเอาเงินมาเปย์น้องต่อด้วย” จับมือบางมาหอมและงับเนื้อนุ่มเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว และการกระทำเหล่านั้นทำให้ร่างบางหายใจติดขัด ยิ่งอีกคนเปลี่ยนจากกัดแถวๆฝ่ามือ มางับนิ้วดูดนิ้วเขาแทนยิ่งพาลให้หัวใจเต้นแรง โหวงในช่องท้องราวมีผีเสื้อนับพันบินวนอยู่ในนั้น

“พ...พี่ทศ”

“เนื้อเมียใคร ทำไมอร่อยจัง”

“พี่ทศปล่อย มันสกปรกจะตาย” เปรมพยายามชักนิ้วออกจากปากอีกฝ่าย หากอสุเรนทร์กลับยื้อเอาไว้แล้วดูดต่อราวเด็กเล็กไม่อย่านมแม่ เขาล่ะอยากร้องไห้ออกมาให้น้ำตาท่วมโลก ไม่เข้าใจยักษ์บ้าตนนี้เลยทำไมถึงยังกล้ายัดเข้าปากไปได้ มือที่หยิบจับนู่นนี่มาครึ่งค่อนวันมีแต่เชื้อโรคทั้งนั้น ...สรุปเขามีลูกชายวัยสามขวบหรือมีแฟนหนุ่มกันแน่

“ถึงสกปรกพี่ก็อยาก ดูด อยาก อม อีกอย่าง...เนื้อเปรมหอมหวานขนาดนี้ ใครเล่าจะอดใจไหว อยากละเลียดชิมไปทุกสัดส่วน...ทุกซอกทุกมุม”

“ยักษ์หื่น”

“พี่หื่นได้มากกว่าที่น้องคิด ตอนนี้ก็ปลอดคนพอดี...ไม่ทราบว่าสนใจอยากลองแบบเอ้าดอร์บ้างไหมจอมขวัญของพี่”

“ไอ้บ้า”

“ก็บ้ารักตัวเองนะคะ”

“โอ้ย ทำไมวันนี้พูดจาเสี่ยวจัง”

“พี่ไม่ชอบเสี่ยวอ่ะ แต่พี่ชอบเสียว

“ไอ้พี่ทศ ไอ้ทะลึ่ง ไอ้...ไอ้...อ๊ะ!”

อสุเรนทร์ดีดตัวลุกนั่ง ฉวยโอกาสตอนร่างบางเผลอ โน้มตัวไปหอมแก้มน้อยและจูบริมฝีปากจิ้มลิ้มอย่างรวดเร็ว เล่นเอาคนไม่ทันได้ตั้งตัวเป็นอันต้องนิ่งค้างอยู่หลายวินาที

พญายักษ์หัวเราะร่ากระชับเอวคอดกิ่วพร้อมกับดึงรั้งให้เข้าหา พลิกตัวนอนตะแคงและฝังใบหน้าคมสันจมเข้าไปในหน้าท้องของร่างบาง จมูกโด่งสันคลอเคลียสูดดมกลิ่นกายหอมผ่านเสื้อยืดตัวบาง ปลายนิ้วยื่นสัมผัสกันเชื่องช้า ค่อยๆสอดประสานรวมเป็นหนึ่งเดียว

“ที่น้องบอกให้พี่รับผิดชอบ พี่ก็อยากจะถามน้องว่าอยากให้รับผิดชอบส่วนไหนบ้าง แค่ขา แขน ลำตัว ศีรษะ หัวใจ หรือทั้งเรือนกาย แต่ถึงน้องจะตอบมาเพียงส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่สำหรับพี่กลับอยากดูแลเราทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นกายา หัวใจ หรือแม้กระทั่งวิญญาณของน้อง...พี่ก็อยากดูแลตลอดชีวิต”

“...”

“พูดจาเว่อร์เชียว อินสอนมาหรือไงครับ”

“ออกมาจากใจล้วนๆ เปรมไม่เชื่อเหรอ”

“ไม่รู้สิครับ ก็อยากเชื่อนะแต่ตลกมากกว่า”

“พี่ต้องทำยังไงให้เราเชื่อดีล่ะ”

“...”

“ให้พรุ่งนี้ยกขันหมากมาขอแล้วแต่งเสร็จสรรพเลยไหม ก็ได้นะพร้อมเสมอ” นัยน์เนตรพญารากษสประกายวาววาบพร้อมรอยยิ้มพรายปรากฏบนมุมปาก เขาล่ะอยากกัดเนื้อแดงๆตรงพวงแก้มให้สาแก่ใจ เมียใครแค่อยู่เฉยๆก็น่ารักน่าแทะ (? )ไปเสียหมด

“จะบ้าเหรอ” เปรมแหว

“เนี่ยก็เตรียมเงินค่าสินสอดรออยู่ และก็รอด้วยว่าเมื่อไหร่จากเปมทัต โรจนวาทิตย์ จะกลายเป็นเปมทัต อมาตยสูรสักที”

“พี่ทศ!”

อสุเรนทร์ช้อนสายตาหวานเชื่อมขึ้นสบคนที่ตนรักมากที่สุด ก่อนเสียงทุ้มออกห้าวคลอมาตามสายลม

...เจ้าเอยปลูกรัก      จะปลูกไว้ในอ่างแก้ว
    ต้นรักพี่แล้ว      ปลายไปเร่รักเขาอื่น
   จะเด็ดยอดเสีย      แล้วจะรดน้ำให้ชื่น
   อย่าให้ไปเร่รักอื่น   ให้คืนมารักพี่เอย...


“พี่ให้เจ้า”

มะลิซ้อนดอกใหญ่แย้มบานส่งกลิ่นหอมกรุ่น ก้านยาวตรงผูกด้วยด้ายสีแดงมัดติดกับดอกรักสีขาวบริสุทธิ์ ดวงหน้าหวานของเปรมแดงระเรื่อ แก้มร้อนผ่าว หน้าคมสันละไมด้วยรอยยิ้มกว้าง อสุเรนทร์ยกมือนั้นมากุมไว้และก้มลงหอมแผ่วเบา
ไม่ต้องพูดคำๆนั้น เปรมก็รู้ว่าอสุเรนทร์ต้องการบอกสิ่งใด

รัก

“รู้ใช่ไหมพี่ต้องการบอกอะไร”

“รู้แล้วน่า”

“พี่กลัวเปรมเบื่อ ก็เลยอยากบอกรักน้องแบบอื่นบ้าง”

“ไม่จำเป็น”

“!”

ลมหายใจพญารากษสขาดห้วง

“พี่ไม่ต้องพูดมันออกมาอีกแล้ว”

“ทำไม...”

“เพราะแค่นี้...เปรมก็รักใครอื่นนอกจากพี่ทศไม่ได้อีกแล้ว หัวใจของเปรม...เปรมยกให้พี่ทศคนเดียว”

อสุเรนทร์ถอนใจโล่งอกพลางค้อนหมับ “ช่างทำกับพี่ได้ ทีหลังห้ามพูดกำกวมอย่างนี้อีกนะ พี่ตกอกตกใจหมด” มือหนายกดีดหน้าผากของร่างบางพร้อมด้วยเลื่อนลงมาบีบจมูกอย่างหมั่นเขี้ยว “คืนนี้ต้องทำโทษเด็กไม่ดีเสียแล้วกระมัง”

“พอเลย ที่ผ่านมาตัวเปรมก็ระบมจะแย่”

“พี่ทำแรงเหรอ”

“ยังมาถามอีกคนบ้า” เล่นใส่แรงมาไม่ยั้งเหมือนคนตายอดตายอยาก คิดว่าร่างกายของเขาจะทนได้ทุกวัน ทุกเวลาหรือไง

“งั้นวันนี้ขอแก้ตัว จะทำเบาๆ”

“พี่ทศ”

“ขาา...” ส่งเสียงตอบรับหากใบหน้าคมเริ่มเลื้อยขึ้นมาฝังเข้าซอกคอขาว ริมฝีปากร้อนดูดดุนเนื้อหอมจนร่างบางสะดุ้งโหยง ความรู้สึกวาบหวิวในช่องท้องกลับมาอีกครั้งพร้อมกับแรงขบเม้นตั้งแต่ลำคอถึงไหปลาร้า เปรมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะบิดหูอีกฝ่ายอย่างแรงจนเจ้าตัวถึงขั้นร้องเสียงหลง

“โอ้ย! เปรมจ๋า บิดหูพี่ทำไม”

“บิดให้จำ หื่นดีนัก สมน้ำหน้า”

“คนสวยใจร้าย”

“สวยใช้กับผู้หญิง ต้องบอกคนหล่อใจร้ายสิ” ถ้าใครมาบอกสวยอีกจะขอเถียงขาดใจ

“ส่องกระจกหน่อยไหม เดี๋ยวพี่ลากมาให้ส่องถึงที่” อสุเรนทร์ล็อกคอเล็กและกระซิบข้างหู “ไม่รู้ตัวบ้างหรือไง เดี๋ยวนี้สวยขึ้นเป็นกอง ยิ่งมาอยู่กับพี่ยิ่งดูมีน้ำมีนวลเข้าไปใหญ่”

“ตลกล่ะ”

“พี่ไม่ชอบเล่นบทตลก แต่พี่ชอบเล่นบทรัก...โดยเฉพาะบนเตียง” อสุเรนทร์ยิ้มกริ่ม แลบลิ้นเลียฝีปากซีดของตนเองราวคนโรคจิต “ไม่รู้หรือไงสามีที่ดีต้องหมั่นทำการบ้านกับภรรยาบ่อยๆ ชีวิตคู่จะได้ราบรื่น”

“ทุเรศ”

“ด่าพี่?” หันนิ้วชี้ชี้หน้าตนเองเป็นเชิงถาม

“พูดจาไม่เข้าหูงดทำหนึ่งเดือน”

“ได้ไงอ่ะ!” คนมากวัยกว่าโพล่งดัง โผเข้าซบอกเล็กและแนบแก้มถูไถคลอเคลียเสมือนแมวน้อยยามออดอ้อนเจ้าของของมัน “ไม่เอาสิเปรมจ๋า ห้ามหนึ่งเดือนพี่ตายเลยนะ”

“ไม่รู้แหละห้าม ห้ามเด็ดขาด”

“เปรมจ๋า” ทำปากยื่นพร้อมกระพริบตาปริบๆ

“ไม่ต้องเบะปาก ลุกไปเลย”

“เปรม”

“เรียกอยู่ได้ นู่นเลย ออกไปห่างๆเลย”

“ไม่เอาจะนอนกอดเมียตรงนี้แหละ ต่อให้เปรมไล่ไปไหนพี่ก็ไม่ไปหรอก พี่มันหน้าด้าน”

“รู้ตัวก็ดี”

“แหมๆ ช่วงนี้เป็นโรคกระดูกสันหลังเสื่อมหรือไงครับ ถึงนั่งตัวตรงไม่ได้ ต้องเอนตัวนอนซบตักคนอื่นอย่างเดียวเนี่ย เปรมอย่าไปตามใจมากนะครับเดี๋ยวคนแก่จะเหลิงเอาได้”

ไม่ต้องบอกอสุเรนทร์ก็รู้ว่าใครเป็นคนเอ่ยประโยคเหล่านี้ ความขี้เล่นกวนฝ่าเท้าเบื้องล่างให้มันสั่นระริกๆจะเป็นใครเสียอีกนอกจากไอ้ลูกยักษ์พันธุ์แคระของเขาเอง กำลังสวีทกับเมียสบายอารมณ์แท้ๆ ทำไม๊....ทำไมถึงชอบมีมารผจญมาขัดอยู่เรื่อย

“สวัสดีครับเปรม”

“สวัสดีครับอิน”

“ไฮแด๊ดดี้ เป็นไงบ้างครับนอนหนุนตักเมียสบายดีไหม”

“จะสบายกว่านี้ถ้าไม่มีเจ้ามากวน”

“รู้สึกแย่จังเลย โอ้ so sad”

“พูดไทยได้อย่ามาจริตพูดฝรั่ง”

“โหย ไม่อินเตอร์เลยอ่ะพระบิดา อุตส่าห์แวะมาหา แล้วนี่ไม่คิดกลับไปนอนหนุนหมอนที่บ้านหน่อยหรือไงครับ หรือว่าติดหมอนที่นี่แล้ว...ดูท่าจะใช่”

“โตแล้วอย่าเสือกเรื่องของผู้ใหญ่สิเจ้าลูกรัก หรือถ้าว่างนักก็ไปหาอะไรมายัดปากเสีย” รณพักตร์เพียงยักไหล่และผายมือออกอย่างสบายๆ ดูแก้มพระบิดาสิ แดงเป็นลูกมะเขือเทศสดส่งตรงจากไร่เชียว แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาแกล้งได้ยังไง นานๆจะเห็นอายหน้าดำเอ้ยน่าแดงก็ต้องหยอกเล่นเสียหน่อย

“ทีกับเมียนี่พูดจ๊ะจ๋า แต่กับลูกขึ้นเสียงเอาๆ ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน...ใช่ไหมครับพระมารดา”

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้อสุเรนทร์รักน้องน้อยเข้าไปใหญ่ ย้อนคิดไปถึงวันที่เขาบอกเปรมเกี่ยวกับเรื่องรณพักตร์ว่าเป็นลูกชายไม่ใช่น้องชายอย่างที่คิด เจ้าตัวเพียงแค่ยิ้มรับและหันไปเตรียมเครื่องปรุงทำอาหารต่อราวกับมันไม่ได้เป็นเรื่องสำหลักสำคัญหรือน่าตกใจมากนัก...บางทีเปรมก็เป็นคนที่เข้าใจง่าย และบางทีก็เข้าใจยากเสียจนไม่รู้จะสรรหาเหตุผลใดๆมาเอื้อนเอ่ย...อย่างว่าล่ะนะ การที่สามารถยอมรับเรื่องเขาในยักษ์นามทศกัณฐ์ได้ เรื่องลูกก็คงไม่มีปัญญาอะไร...

ใช่ ไม่มีปัญหาสักนิด

“พระมารดาครับ พระมารดาต้องแก้แค้นให้อินด้วยนะ ดูพระบิดาสิพูดกับอินไม่ดีเลย อินเสียใจ กระซิกๆ”

“พี่ทศนิสัยไม่ดีเลย ไปพูดกับอินเขาแบบนั้นได้ยังไง”

“อะ...”

“ใช่ครับพระมารดา อินอยากร้องไห้หนักมาก พระมารดาต้องทำโทษพระบิดาให้สาสมเลยนะครับ”

“ตบปากตัวเองเลยพี่ทศ”

“เฮ้ย ให้พี่อธิบายก่อน”

“เงียบ! ตบปากวนไปจนกว่าจะบอกให้หยุด”

“ลูกซึ้งในน้ำใจพระมารดายิ่งนัก ฮึกๆ รออะไรอยู่ล่ะครับพระบิดาตบปากวนไปสิ!”

นั่นไง ไอ้ลูกเวรเล่นเขาเข้าแล้ว มันน่าตบให้หัวบุบเสียจริง หลังจากเรื่องทุกอย่างคลี่คลายเจ้าลูกชายตัวแสบของเขาดันติดหนึบเปรมยิ่งกว่าอะไรดี ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเสกมนต์บทไหนใส่เปรมถึงได้หลงเชื่อคล้อยตามไปเสียหมด เห็นท่านั่งร่ำไห้โศกาอย่างนั้น เขาล่ะอยากถีบให้กระเด็นตกคลองไปเลย อุแหม...ลูกใครตอแหลมิมีผู้ใดเกิน

“ไม่ต้องไปทำหน้าหงอย ตบไป”

จ้องเขม็ง เท้าสะเอวสั่งมาอย่างนี้ เขาจะกล้าหือได้เหรอ

“โดนลงโทษเสียบ้าง โทษฐานพูดจาไม่ดีกับลูก”

อสุเรนทร์ได้แต่ขบกรามกรอดและมองกลับด้วยใบหน้าเอาเรื่อง จะเอาให้ได้เลยใช่ไหม...ไม่จบใช่ไหมไอ้ลูกเวร

“ก็เจ้ามันลูก นี่เมีย การแสดงออกทางความรักมันต่างกัน ไม่เคยได้ยินรึไง รักเมียให้ผูก รักลูกให้ตี”

“สุภาษิตไหนเนี่ยพระบิดา เขามีแต่รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี”

“สุภาษิตข้าใครจะทำไม”

“ถ้าไม่บอกนึกว่าอยู่รายการกลัวเมีย”

“หึ เดี๋ยวเวลาเจ้ามีเมียก็จะรู้เองแหละต้องเทิดทูนเมียเหนือสิ่งใด”

“พี่ทศ” สัมผัสหนักหน่วงลงกระทบบนไหล่กว้างจนขึ้นเป็นรอยนิ้วมือครบทั้งห้านิ้วอย่างชัดเจน โอ้ละหนอ...น้ำมือของนวลเจ้าช่างรุนแรงยิ่งนัก เล่นเอาพี่เจ็บๆแสบๆคันๆแทบกรรแสงร่ำไห้ออกมา “พูดจาอะไรน่าเกลียด”

“น่าเกลียดตรงไหน เมียมีให้เทิดทูนยกขึ้นเหนือหัว ถ้าไม่เคารพบูชาเมียจะให้พี่ไปเช่าพระมาบูชาหรือจ๊ะ”

“เปรมไม่ใช่พระเครื่องนะ ไม่ต้องมาเทิดทูนบูชาอะไรขนาดนั้น”

“ไม่ได้หรอก พระแม่เมียมีองค์เดียวต้องเคารพให้เกียรติเดี๋ยวองค์แม่หายไปอีกพี่จะทำไงล่ะ”

“งื้อ พี่ทศอ่ะ พูดบ้าอะไรเนี่ย”

“เขินพี่ล่ะสิ”

ต้องให้ตอบอีกเหรอ

“เมียจ๋า...เมียจ๊ะจ๋า....”

“เบื่อคนแถวนี้ชะมัด ไปหาปู่ไม้ดีกว่า”

“จะไปไหน พี่ไม่ให้ไปออเจ้าไปไกลตาดอกหนา”

อสุเรนทร์ยิ้มแฉ่งแขนแข็งแรงตวัดรัดคอเล็ก โน้มให้ลงมารับจูบหนักแสนหวานหลายต่อหลายครั้ง ริมฝีปากร้อนขบเม้มกลีบกุหลาบบอบบางอย่างไม่รู้จบ ร่างบางเปรียบเสมือนสิ่งเสพติด ที่เสพหรือกลืนกินมากเท่าไหร่ความปรารถนาก็ยิ่งเพิ่มพูนเป็นเท่าทวีมิอาจถอนตัวออกมาได้อีก อยากหอม อยากกอด อยากจูบ อยากอุ้มร่างแน่งน้อยเข้าไปฟัดต่อในบ้านให้หนำใจ คนอะไรน่ากินตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง...โดยเฉพาะตอนเจ้าตัวเอียงอายโชว์แก้มแดงปากแดงอสุเรนทร์ก็แทบอยากจะลากขึ้นห้องโดยพลัน

“อือ พี่ทศอย่ากัด”

“ก็เนื้อเปรมหวานนี่นา”

“บ้า ร้อนจนเหงื่อออกขนาดนี้เค็มจะตาย ปล่อยเลยนะอึดอัด”

“พี่ไม่ปล่อย และต่อให้เปรมบอกว่าเนื้อตัวเองเค็มแค่ไหนสำหรับพี่ก็ยังว่าหวานอยู่ดี”

รู้สึกอยากจะอ้วก

รณพักตร์เบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้  ส่ายหน้าระอากับความหวานจนเว่อวังของพระบิดายามแสดงความรักกับเมียอย่างโจ่งแจ้งเข้าขั้นติดเรทสิบแปดบวก  จนเกรงว่ามันจะเลยเถิดมากกว่าการแลกจูบกันนัวเนียบนศาลาริมน้ำ กะให้ดูหนังสดแต่หัววันเลยใช่ไหมขอรับ

“ย้ายเข้าห้องเลยไหมขอรับพระบิดา”

“ไปจัดให้หน่อยสิลูกรัก”

ทีตอนนี้ทำเป็นลูกรัก...

“อยากมากก็ทำเองครับพอดีอินหายใจอยู่ไม่ว่าง”

“ไปไหนก็ไปไป๊ รำคาญ”

“ใช่ซี้ ลูกนี่นาไม่ใช่เมีย หมดประโยชน์ก็ทิ้งขว้าง”

ดูพระบิดาเขาทำสิ ไม่ตอบแถมยังเอียงคอปรับองศาจูบกันต่ออีก ไม่อายผีสางเทวดา อย่างน้อยอายลูกตนเองสักหน่อยเถอะ เล่นทำให้เห็นเต็มสองตาแบบนี้ก็เขินเป็นนะ

“เอาที่สบายใจเลยขอรับ เอาให้ฟ้าสั่นสะเทือนไปเลย”

ถึงจะบ่นไปแบบนั้น ทว่าริมฝีปากเล็กกลับคลี่ยิ้มกว้าง รณพักตร์ไม่ได้เห็นพระบิดาของตนมีความสุขอย่างนี้มานานแล้ว รอยยิ้มของทศกัณฐ์ ความสุขของทศกัณฐ์ก็เปรียบเสมือนความสุขของเขาด้วย รู้สึกขอบคุณฟ้าเหลือเกินที่ประทานพ่อหนุ่มหน้ามนนามว่าเปรมลงมา...มันถึงเวลาแล้วใช่ไหมที่จะปิดประตูแห่งความโศกาเสียที


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0



ครืด....ครืด...

โทรศัพท์เครื่องหรูถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงหลังสั่นครืนเพียงสองสามครั้ง ดวงตาเรียวเล็กประกายวับเมื่อเห็นชื่อของผู้ที่ติดต่อมา กระแอมกระไอสักเล็กน้อย ปลายนิ้วสไลด์กดรับบนหน้าจอ

“คิดถึงพี่เหรอครับลักษณ์” รณพักตร์ยิ้มอ่อนโยนออกมาเมื่อปลายสายส่งเสียงโวยวายตอบกลับพัลวัน

“ใครเขาจะคิดถึงนายกัน อย่าคิดไปเองสิ”

“ถ้าไม่คิดถึงแล้วโทรมาหาทำไม”

“อิน ฉันจริงจังนะ” เสียงจากปลายสายเริ่มขุ่น ริมฝีปากที่เคยแย้มยิ้มหุบลง ลอบมองอสุเรนทร์กับเปรมเมื่อยังเห็นพวกเขายังจู๋จี๋ไม่สนใจใครก็ค่อยๆปลีกตัวเดินออกมา ใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น มีลมพัดผ่านและปราศจากผู้คนน่าจะเป็นตัวเลือกในการสนทนากับคนปลายสายดีที่สุด

“โอเคจริงจังก็จริงจัง ว่าแต่มีอะไร”

“ฉันมีเรื่องวานให้นายช่วย”

“ช่วยแล้วได้ค่าตอบแทนไหมครับ ถ้ามีพี่ก็จะยอมช่วย”

“...”

“ว่าไงมีไหม”

“อยากได้อะไร”

“วันศุกร์หน้าตอนหนึ่งทุ่มที่ร้านอาหารบองชูว์ แค่สองต่อสอง”

ปลายสายเงียบไปสักพักและตอบกลับมา “...ตกลง”

“ห้ามตุกติก”

“พูดไปแล้วนี่ ไม่กลับคำหรอก”

คิ้วเส้นบางขมวดมุ่น แอบสงสัยไม่น้อยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงตอบตกลงเร็วนัก ทั้งๆที่ที่ผ่านมาเล่นตัวกับเขายิ่งกว่าแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว 10.8 ริกเตอร์ ชวนไปไหนก็ไม่ยอมไป โทรไปก็ตัดสาย...ทว่าตอนนี้กลับเป็นคนโทรมาหาเองพร้อมเอ่ยปากขอร้องให้ช่วย เขาไม่เข้าใจจริงๆฝั่งนู้นจะเล่นอะไร เตรียมแผนการชั่วไว้อีกหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆมันต้องไม่ธรรมดา เซ้นท์มันบอก

“งั้นก็ว่ามา”

“วันอาทิตย์ที่จะถึงพวกนายว่างไหม”

“ถามทำไม”

“ถามก็ตอบเถอะน่า”

“ก็ว่างมั้ง ทำไมจะชวนไปร่วมงานเปิดตัวเครื่องเพชรตัวใหม่ของบริษัทพี่นายเหรอ”

“ใช่...ตกลงจะมาไหม”

“ถ้าแลกกับการที่นายต้องมาคอยดูแลเอาอกเอาใจฉัน ยอมเชื่อฟังฉันทุกอย่างจนกว่างานจะเลิก มันก็น่าไปไม่น้อย” รณพักตร์ยืนล้วงกระเป๋ายิ้มกริ่ม ดวงตายักษ์ประกาบวาววาบอย่างคนที่มีชัยเหนือกว่า

“ไม่ตลกอินทรชิต”

“ใครว่าพี่ตลกจ๊ะนวลน้อง พี่จริงจังจะตายไป”

“...”


“ก็แล้วแต่นะถ้าไม่รับปาก ฉันกับคนในครอบครัวฉันก็จะไม่ไป”

“นายนี่มัน...”

“ครับผม”

“ก็ได้! ฉันตกลง แต่นายต้องรับปากว่าจะเอาอสุเรนทร์กับเปมทัตมาร่วมงานนี่ด้วย”

“พระบิดาฉันยังเข้าใจ แต่เปรม...นายอยากให้เขามาร่วมงานด้วยทำไม คิดวางแผนชั่วอะไรอีก”

“ใจเย็นสิ พวกฉันไม่คิดทำบ้าอะไรอีกทั้งนั้น พี่รามของฉันแค่ต้องการขอโทษเปรมสำหรับเรื่องที่ผ่านมา แล้วก็ยังฝากมาบอกอสุเรนทร์อีกด้วยว่าต้องการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาทในอดีตทั้งหมด นายไม่ต้องห่วงนะอิน พี่ชายฉันยอมรับการตัดสินใจของเปรมและขอเดินถอยออกมาเอง หลังจากนี้เราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตรักของทศกัณฐ์อีก ฉันสัญญา”


“...”

“ฉันพูดความจริงนะอิน”

“แล้วจะให้ฉันเชื่อใจพวกนายได้ยังไง”

“นายก็รู้ฉันไม่ชอบพูดโกหก”

“แต่พี่นายก็ไม่แน่นะลักษณ์” ไอ้หมอนั่นปลิ้นปล้อนจะตายไป สับขาหลอกคนนู้นทีคนนี้ทียิ่งกว่านักฟุตบอลระดับโลก แถมยังแสดงเก่งจนนักแสดงบทร้ายยังต้องมอบรางวัลความตอแหลให้ถึงกับมือด้วยตัวเอง ไม่ไว้ใจ...ไม่ไว้ใจอย่างแรง

“เชื่อฉันสิ พวกเราขอยอมแพ้แล้วจริงๆ ที่เราชวนในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการยุติปัญหาต่างๆที่คาราคาซังอย่างไม่มีวันจบสิ้นและก็เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเท่านั้นเอง”

เหอะ

สร้างความสัมพันธ์ที่ดี เกือบสองสัปดาห์ก่อนยังบุกมาหาเรื่องอยู่เลย

“อิน”

“โอเค ฉันจะบอกพวกเขาให้เองแต่ไม่รับปากนะว่าจะไปหรือเปล่า"

“นายต้องให้พวกเขามาให้ได้สิ”

“อยากให้ไปขนาดนั้นเชียว”

“หรือนายไม่อยากเจอฉัน”


“อยากสิ อยากที่สุด”

“ถ้าอยากก็ต้องบอกทุกคนให้มาให้ได้ วันนั้นฉันจะใส่สูทสีขาวไปนะ อย่าลืม”
ยักษ์ร่างเล็กยิ้มขำเมื่อปลายสายบอกถึงสีชุดที่จะใส่ไปงาให้เขาได้รับรู้ ให้ตาย คิดถึงสมัยงานพรอมที่ไฮสกูลเลย เวลาอยากคู่กับใครก็หาสีหรือแนวชุดที่ใกล้เคียงกันพร้อมกับติดดอกไม้ไว้ที่อก

แหมๆ อยากอ้อยพี่ก็บอกดีๆสิจ๊ะลักษณ์จ๋า

“อินคิดถึงลักษณ์นะ”

“แต่ฉันไม่คิดถึงนาย ชวนพวกเขามาให้ได้ล่ะ”

“หึๆ จะพยายามแล้วเจอกันวันงานนะครับคนสวย”

รณพักตร์กดวางสาย แววตาที่เคยขี้เล่นซุกซนกลับเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย กดเบอร์อันคุ้นเคยโทรออก ไม่นานนักคนปลายสายก็รับด้วยน้ำเสียงเต็ม

“ว่าไงเจ้าอิน”

“อากฤต ช่วงนี้อากฤตเห็นอะไรแปลกๆที่ไม่ดีบ้างหรือเปล่า ถ้าไอ้พระรามมันคิดแยกเปรมไปจากพระบิดาเราจะทำยังไง แล้ว...”

“ใจเย็นๆสิหลานรัก สรุปมีเรื่องอะไร”

“ลักษณ์โทรมาชวนพวกเราไปงานเปิดตัวเครื่องเพชรชุดใหม่”

“แล้วฝั่งนั้นก็ชวนเปรมไปด้วยใช่ไหม”

“ใช่ ลักษณ์บอกไอ้รามนั่นอยากเจอเปรมเพื่อขอโทษและก็จะยุติความบาดหมางกับพวกเรา อาไม่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยเหรอ แทนที่จะมาชวนกันต่อหน้าดันใช้น้องโทรมาหาอิน”

“พวกเขาคงไม่ว่าง”

“อย่าโลกสวยสิอา ดูก็รู้ต้องมีแผนชัวร์ๆ”

“เจ้าอิน...อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ เขาอาจอยากยอมแพ้ก้าวถอยไปเองก็ได้”


“คนอย่างมันไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆหรอก อินรู้อินสัมผัสได้”

“เป็นญาติฝั่งไหนกับริว จิตสัมผัสหรือไงเจ้ายักษ์แคระ”

“ไม่ตลกอ่ะอากฤต” รณพักตร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “อาจะมาทานข้าวที่บ้านเปรมหรือเปล่า”

“ไปสิ”

“งั้นเดี๋ยวอินค่อยเล่ายาวๆตอนนั้นแล้วกัน รีบๆมานะอา อินใจร้อน”

“รู้แล้วล่ะน่า”

ถึงชินกฤตจะวางสายไปแล้ว หากใจรณพักตร์ยังคงเป็นกังวล กลัวสิ่งที่คิดจะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น...เขาก็ไม่รู้จะหาวิธีไหนขัดขวางพวกมันได้อีก พระรามมันร้ายเสมอต้นเสมอปลาย หากไม่รีบจัดการขั้นเด็ดขาด ฝ่ายแพ้จะกลับกลายเป็นพวกเขาแทน

ครั้งนี้ขอลงสู้อีกสักตั้ง ถ้าทำให้มันล้มกระอักเลือดไม่ได้ก็อย่าเรียกเขาว่าอินทรชิต

บนโต๊ะอาหารล้วนเต็มไปด้วยอาหารหลายชนิด หลากหลายสีสันจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ครั้งนี้นอกจากอสุเรนทร์ที่มักจะแวะมารับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวของเปรมเป็นประจำ ก็ยังมีรณพักตร์และชินกฤตที่ว่างเว้นจากงานรัดตัวเข้ามาร่วมวงด้วย
ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างออกอรรถรส มีเสียงหัวเราะครื้นเครงดังเป็นระยะๆ ส่วนใหญ่ก็มาจากเจ้ายักษ์แคระคลองแสนแสบยังต้องเรียกพี่ เป็นตัวช่วยในการสร้างเสียงหัวเราะสำหรับค่ำคืนสุดวิเศษ

“อาหารที่คุณป้าทำว่าอร่อยแล้ว ขนมหวานอร่อยมากกว่าอีก”

รณพักตร์เอ่ยชม เมื่อได้ลิ้มรสลอดช่องน้ำกะทิเป็นของตบท้ายหลังอาหารค่ำ ดวงดาวแอบยิ้มกว้างกับผู้เป็นสามี แค่ได้เห็นสีหน้าตื่นตาตื่นใจของร่างเล็กเธอก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวชอบอาหารที่เธอทำมากขนาดไหน

ตามพระท่านว่า...บนโลกนี้มักมีสิ่งที่ทำให้เราตกใจ ไม่คาดคิดอยู่เสมอ อย่างในตอนนี้เธอได้ร่วมรับประทานอาหารกับสิ่งที่เคยนึกว่ามีตัวตนเพียงในเล่มหนังสือวรรณคดี ทว่าพวกเขากลับมีชีวิต มีลมหายใจเฉกเช่นปุถุชนคนธรรมดา จิตใจดีมีเมตตามากกว่าที่คิดมากทีเดียวดูได้จากการพูดคุยและการให้เกียรติผู้สูงวัยกว่า ที่สำคัญ...หน้าตาหล่อเหลาราวเทพบุตรมาจุติบนโลกมนุษย์
ดวงดาวนั่งมองลูกชายเพียงคนเดียวส่งเสียงหัวร่อเฮฮา ใบหน้านวลแทบจะประดับรอยยิ้มตลอดเวลา ซึ่งมันมิผิดแผกไปจากอสุเรนทร์เลยสักนิด ท่ามกลางผู้คนรายล้อม ทำไมกันนะ...ทำไมเธอรู้สึกว่าทั้งสองช่างเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก และไม่ว่าเปรมจะขยับไปทิศทางใด อสุเรนทร์ก็จะขยับตามเสมอเสมือนแสงและเงาที่ไม่มีทางแยกจากกัน ด้วยความรัก...ความจริงใจที่พญารากษสมอบให้ลูกของเธอมันก็มากพอแล้วที่เธอจะมองข้ามสิ่งต่างๆเหล่านั้นไปจนหมดสิ้น พวกเธอรู้...คนเรากำหนดโชคชะตาตัวเองไม่ได้ หากการที่ทั้งสองได้มาเจอกันคือพรมลิขิต เธอก็ขอโน้มรับโดยไร้ข้อกังขา

“ก็มาบ่อยๆสิจ๊ะหนูอิน ป้าจะได้ทำเตรียมไว้ให้”

“หูย ถ้าอินมาอยู่ที่นี่สักหนึ่งเดือน อินต้องกลายร่างเป็นหมูแน่ๆ เพราะฉะนั้นขอมาพึ่งพิงคุณป้าคนสวยสักมื้อสองมื้อต่อสัปดาห์น่าจะดีกว่า”

“หลายมื้อก็ได้ และถึงหนูอินจะอ้วนเป็นหมูป้าก็ว่าน่ารักน่าอยู่ดี”

“จริงเหรอครับคุณป้า”

“คุณแม่อย่าไปพูดเอาใจลูกผมหน่อยเลยครับ หมูยังไงก็เป็นหมูอยู่วันยังค่ำ แก้มบวมๆ จมูกโตๆแบนๆ ตาตี่ๆ...น่าเกลียดจะตายชัก” อสุเรนทร์เปรยออกมา เล่นเอาหลายคนหลุดขำพรืด คนโดนว่าเป็นหมูถึงกับพ่นลมออกทางจมูกก่อนสะบัดหน้าหนี ปากบางบึนอย่างงอนๆ

“ถึงอินจะหมู อินก็หน้าตาดี”

“ใช่ แต่หน้าตาดีแบบหมูๆนะ”

“พูดแบบนี้ มาต่อยกันไหมครับ” ลุกจากเก้าอี้ ยกแขนตั้งท่าเตรียมชก โยกตัวแย๊บหมัดซ้ายขวาอย่างมีชั้นเชิง หากทว่ากลับโดนแขนยาวๆยื่นมาผลักหัวเล็กจนซวนเซไปข้างหลัง

“เดี๋ยวหาว่ารังแกหมูไม่มีทางสู้ ไม่เอาหรอก”

“อากฤตดูสิครับ” เมื่อสู้ไม่ได้ก็เริ่มหาพรรคพวก ชินกฤตอมยิ้มจนแก้มบุ๋มลึกโชว์ลักยิ้มสวยสองข้าง ยกแก้วน้ำเย็นขึ้นจิบ “พระบิดาหาว่าผมเป็นหมูอ่ะ”

“แล้วไง”

“โธ่อา...พระมารดา ช่วยอินด้วยครับ”

“พี่ทศอย่าแกล้งอินสิครับ อินเขาออกจะน่ารักไม่อ้วนเหมือนหมูสักหน่อย”

“อ่ะ งั้นหมีแล้วกัน”

“พระบิดา!”

 “ถ้าปฏิเสธอีกทีจะเรียกช้างแล้วนะ”

“อินงอนแล้ว ฮึ่ย!”

“ตามใจ”

“พี่ทศก็...ทำไมชอบแกล้งอินอยู่เรื่อย” ชายหนุ่มยิ้มขำขณะอ้าปากกว้างรับความหวานหอมจากน้ำลอดช่องกะทิสุดเข้มข้นเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ผ้าเช็ดหน้าผืนบางถูกนำมาเช็ดตามมุมปากคนมากวัยกว่า “โตหรือยังเนี่ย กินเลอะเทอะเหมือนเด็กเข้าไปทุกวัน”

“ก็อยากให้เมียเช็ดให้”

“เป็นง่อยหรือครับ”

“ถึงตัวพี่เช็ดเองได้ก็จริงแต่มันคงไม่สะอาดเอี่ยมเท่าที่น้องทำให้พี่หรอกจ๊ะ”

“โอ้ย นังดาวเอ้ย ขอกระโถนให้ข้าด่วน ข้าอยากอ้วก”

“กระโถนข้าว่าไม่พอว่ะไอ้ไม้ต้องกระสอบปุ๋ยถุงใหญ่...นึกว่านั่งดูลิเกหลังตลาด หวานแหววไม่เกรงใจสุขภาพคนแก่อย่างพวกข้าเลยไอ้หลานเขย”

“นั่นสิครับคุณตาเสมา” รณพักตร์ส่ายหน้าทำท่าเหมือนรับไม่ได้

“เดี๋ยวนะ เอ็งเป็นอินทรชิตผู้โหดเหี้ยมจริงรึ ทำไมข้ารู้สึกถึงพลังงานสะดิ้ง ตอแหลเกินหญิงมาจากเอ็งวะ”

“อินออกจะแมนเหอะ”

“ไอ้พวกหน้าสวยแล้วบอกว่าตัวเองแมนน่ะมีผัวกันทั้งนั้น ดูอย่างหลานข้าสิหน้าตาหล่อสูงชะรูดตูดหมึกมันยังมีผัวเลย อย่างเอ็งน่ะเหรอไอ้หนู ข้าก็ว่าไม่น่ารอด”

“ตา! /คุณตาเสมา!”

“หรือไม่จริงวะไอ้ไม้ ข้าพูดผิดตรงไหน”

“เออๆเอ็งพูดถูก”

“ปู่ก็เป็นไปอีกคนเหรอ”

รณพักตร์ล่ะอยากตบกบาลตัวเองแยกเป็นสองส่วน ขอขึ้นลิสต์ไว้เลย ผู้เฒ่าหมายเลขหนึ่งกับหมายเลขสองเป็นบุคคลอันตราย ถ้าไม่เจ๋งจริงห้ามกระตุกหนวดเสือใหญ่เป็นอันขาด ว่าตัวเขาเป็นคนปากเร็วแล้วยังมิอาจเทียบขั้นกับตาเสมาและปู่ไม้ได้สักนิด ว่างๆคงต้องขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์สำนับปากกายสิทธิ์เสียหน่อย

“พอเถอะค่ะคุณพ่อ เด็กๆอายกันหมดแล้ว”

“อะไรกันนังดาว ข้ายังแกล้งไม่หนำใจเลย”

“ยังจะพูดอีกเดี๋ยวข้าตบบ้องหูดับ”

“อีแก่เอ็งกล้าเรอะ ข้าผัวเอ็งนะ”

“เออ ผัวนี่แหละจะตบให้หูหัก บังอาจแกล้งหลานข้าดีนัก อ้าวจะหนีไปไหนกลับมาให้ข้าตบก่อน!” ยายนวลทำเสียงจิจ๊ะพร้อมเท้าสะเอวเรียกไอ้แก่ขี้ขลาดที่วิ่งหายเข้าไปในห้องนอน ก่อนตวัดตาดุๆไปทางผู้เฒ่าร่วมขบวนการ “เอ็งอีกคน”

“ข้าเปล่านะโว้ยยายนวล สาจ๋า พาพี่ไม้ไปนอนหน่อย พี่ไม้ง่วงแล้ว ฮ้าว...” แกล้งปิดปากหาว มือหยาบกร้านจับเอวอวบของภรรยาขยับกายไปหลบทางด้านหลัง ขนาดออกตัวเดินก็ยังมิวายหันกลับมามององค์แม่ เรื่องฝีปากต้องยกให้เขากับไอ้เสมา แต่เรื่องกัดไม่ปล่อยโหดเหมือนหมาต้องยกให้ยายนวลคนเดียว!

รณพักตร์และชินกฤตคิดช่วยกันเก็บจานช้อนบนโต๊ะ หากดวงดาวกลับห้ามไว้ เธอบอกให้ทุกคนตามสบายเดี๋ยวทางนี้เธอกับเด็กๆในบ้านจะช่วยกันเก็บเอง อีกอย่างเวลานี้ก็สามสี่ทุ่มแล้ว เกรงถ้าดึกกว่านี้จะไม่ปลอดภัย จึงเลือกให้ลูกชายเดินออกมาส่งทุกคนแทน

หนึ่งมนุษย์ สามรากษสหยุดยืนตรงประตูหน้าบ้าน มีเพียงแสงสว่างนวลจากเสาไฟและพระจันทร์เป็นแสงนำทาง รณพักตร์เห็นเวลาอันเหมาะสมสำหรับกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายจึงกล่าวผ่านความเงียบช้าและชัด

“ก่อนกลับอินมีเรื่องอยากบอกพระบิดากับเปรม”

“เรื่องอะไรเจ้าอิน”

“งานเปิดตัวเครื่องเพชรบริษัทรามา ฝั่งนั้นส่งคำเชิญมาถึงพวกเรา”

“ตามมารยาทยังไงพวกเราก็ต้องไปอยู่แล้วนี่เจ้าอิน”

“แต่ปัญหาคือเขาชวนเปรมไปด้วย”

อสุเรนทร์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ

“ผมเหรอครับอิน”

“ราเมนทร์ต้องการขอโทษเปรมและก็อยากคุยกับพระบิดาถึงเรื่อง...”

ยังไม่ทันให้รณพักตร์พูดจบ อสุเรนทร์ก็พูดแทรกพร้อมดึงคนร่างบางแนบอกกว้างของตนอย่างนึกหวงแหน คนอย่างไอ้ราเมนทร์มันไม่มีทางทำอะไรโดยไม่มีหวังผลหรือซ่อนแผนร้ายกาจ ขอโทษงั้นเหรอ...อยากทำตัวพระเอกเรียกร้องความสนใจจากเมียเขามากกว่าสิไม่ว่า

“ไม่ให้ไป ยังไงพี่ก็ไม่ยอมให้เปรมไป”

“พี่ทศ...”

“พี่รู้จักมันดีเปรม การที่มันชวนแสดงมันต้องคิดแผนชั่วเอาไว้ พี่เคยโดนมันหลอกมาหลายต่อหลายครั้งจนเข็ดขยาด มันไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่เปรมคิด”

“คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้นี่ครับ บางทีเขา...”

“อย่าดื้อสิเปรม”

“พี่ก็อย่าเอาแต่ใจให้มาก คนเขาเชิญมาแล้วไม่ไปมันดูเสียมารยาท”

“เชื่อฟังพี่บ้างสิ!”

“แล้วที่ผ่านมาเปรมไม่เชื่อฟังพี่ตรงไหน มีแต่พี่ทั้งนั้นที่ไม่ยอมฟังเปรมหรือไว้ใจเปรมสักครั้งเดียว” ดวงตาเรียวสวยแดงก่ำเต็มไปด้วยม่านน้ำตาแสนน้อยอกน้อยใจ “คิดได้เมื่อไหร่ค่อยมาคุยกัน”

“เปรม ฟังพี่ก่อน เปรม!” แม้เขาจะพยายามร้องเรียกสักเท่าใด ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่มีแววหันกลับมามองแม้แต่น้อย...อสุเรนทร์ทอดถอนหายใจกับคำพูดของตนเอง เขาเผลอทำร้ายจิตใจน้องน้อยอีกแล้ว

เปรมจ๋า...พี่ขอโทษ

“ถ้าเปรมเขาอยากไป ท่านพี่ก็ให้เขาไปเถอะครับ”

“กฤต/ อากฤต” สองเสียงดังประสานกันหนาหู ก่อนรณพักตร์จะเป็นฝ่ายพูดต่อ

“ถ้าเปรมไปก็เสร็จมันสิครับอา อาก็รู้ไอ้หมอนั่นมันอยากได้เปรมมากแค่ไหน”

“รู้”

“รู้แล้วยังให้ไปเนี่ยนะ”

“ในเมื่อเบื้องบนเขากำหนดมาเช่นนี้ เอาเท้าไปขวางก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด” คนตอบอมยิ้ม

“อารู้อะไรใช่ไหม”

“ก็แค่สิ่งที่สวรรค์อยากให้เห็น...เปรมน่ะ...ไม่มีทางหลงกลฝ่ายนั้นหรอกเจ้าอิน” ชินกฤตหันมอง พอดีกับที่อสุเรนทร์หันมาได้จังหวะ สายตาจึงประสานกันโดยบังเอิญ

“แต่อีกคน...ก็ไม่แน่”

พญายักษ์ชะงักงัน เขาไม่รู้ภายในใจโหราแห่งลงกาคิดสิ่งใด ดูสับสน ซับซ้อน น่าอึดอัด อ่านยากกว่าทุกครั้ง

“หากเลือกที่จะรักก็อย่ารู้สึกผิด”

“...”

“จงเลือกให้ดี เพราะถ้าท่านเลือกแล้วจะไม่มีสิทธิ์เลือกได้ใหม่อีก”



มาลงให้แล้วน้าาาาา คอมเม้นให้กำลังใจกันหน่อยจ้า
แล้วเจอกันใหม่  :bye2:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

พี่ทศ......

อย่าไขว้เขวนะขอรับ

รอขอรับ


ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ท่านทศสู้ๆนะ อย่าใจร้อน
รอมาตั้งหลายปีนะ

ออฟไลน์ drqam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ที่กฤตพูดอาจจะหมายถึงนางมณโฑก็ได้ พี่ทศอาจเขว เลือกแล้วก็อย่ารู้สึกผิด :serius2:
ฮือออ พี่ทศสู้ๆนะ เปรมเชื่อใจพี่ทศอยู่แล้ว

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ภิเภกพูดต้องมีอะไรแน่ๆ ชักเป็นห่วงเปรมกับท่านทศแล้วสิ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
รออ่านต่อจ้า ลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น :katai1:

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
บทที่ ๑๙
[/b]



วันงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทรามาจิวเวอร์รี่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการส่งออกเครื่องเพชรและอัญมณีน้ำงามอันดับต้นๆของประเทศ ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการ

นักข่าวหลากหลายต่างสำนักพิมพ์พากันมารวมตัวอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้กันอย่างหนาแน่น เหตุเพราะงานนี้ผู้ที่มาเข้าร่วมมักมีแต่เหล่าผู้มีอันจะกิน เศรษฐีระดับร้อยล้านพันล้าน บรรดาไฮโซน้อยใหญ่ล้วนแต่งองค์ทรงเครื่องกันมาชนิดเรียกได้ว่าจัดเต็มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทั้งกิ๊บ ตุ้มหู สร้อยคอ เข็มกลัด ข้อมือ แหวนเพชรเม็ดโตหลายกะรัต ส่องแสงวับวาวไปทั่วทั้งงาน และเนื่องด้วยมูลค่าสิ่งของภายในงานมากกว่าหลายร้อยล้านบาท ทางเจ้าภาพจึงต้องขอความร่วมมือกับทางกรมตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับS เพื่อป้องกันเหตุจลาจลและความสบายใจของเหล่าผู้ร่วมงานในครั้งนี้

ราเมนทร์มองดูภาพรวมของงานด้วยความพอใจ ค่อยๆยกแก้วไวน์ขึ้นมาละเลียดชิมรสชาติทีละนิด เป็นไปตามที่คาดหวัง ภายในห้องจัดแสดงเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา บ้างก็เคยเห็นมา บ้างก็เป็นผู้ลงทุนรายใหม่ที่รอเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพวกเขา

“จัดงานได้ดีนี่ลักษณ์”

“ถ้าไม่มีนานะช่วยงานก็คงไม่ออกมาสวยและอลังการถึงขนาดนี้หรอกครับ” ศุภลักษณ์ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มกว้าง กวาดสายตามองบรรยากาศโดยรอบที่เสมือนมีมนต์ขลังทำให้ทุกคนตื่นตะลึงและเกิดความหลงใหล รูปแบบการจัดการเน้นความร่วมสมัยผสมไปกับเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยดั้งเดิม ตอนแรกลักษณ์นั้นคัดค้านเพราะคิดว่ามันไม่มีทางรวมเป็นหนึ่งเดียวได้ หากนานะกลับทำให้เขาเห็นว่าสองสิ่งที่แตกต่างกันนั้นก็สามารถจัดวางเข้ารูปเข้ากันได้เป็นอย่างดี แถมยังมีความสวยงามและแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร

คงต้องยกความดีความชอบให้เจ้าหล่อนเยอะเสียหน่อย ในฐานะคนสร้างสรรค์ผลงานระดับมาสเตอร์พีซ

“และนี่เธอไปเตรียมตัวหรือยัง”

“เรียบร้อยครับ แล้วผมก็ให้คนดูแลและจัดการตามที่พี่ต้องการ”

ดวงตาสีเข้มของราเมนทร์ทอประกายขึ้นคราหนึ่ง มุมปากปรากฏรอยยิ้มน้อยคล้ายมีบางอย่างอยู่ในใจ...ฉะนั้นตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่รอ

ภายในไม่กี่นาทีต่อมาก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นจากบริเวณประตูทางเข้า  บรรดานักข่าวเมื่อเห็นว่าคนที่มาคือใครต่างวิ่งกรูกันเข้าไปกระหน่ำรัวชัตเตอร์อย่างบ้าคลั่งพร้อมกับแสงแฟลชสาดกระทบไปยังกลุ่มผู้มาใหม่ เวลานี้ไม่มีใครไม่สนใจการปรากฏตัวของนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังอย่างอสุเรนทร์ อมาตยสูร เจ้าของอสังหาริมทรัพย์มากมายทั้งในประเทศและนอกประเทศ ซึ่งมาพร้อมกับน้องชายที่ราศีผู้มีอิทธิพลไม่ต่างจากคนเป็นพี่ อย่างชินกฤตและรณพักตร์ ก่อนเสียงฮือฮาจะเกิดขึ้นอีกระลอกเมื่อชายหนุ่มปริศนาร่างกายสูงเพรียวปรากฏอยู่เบื้องหลังประธานหนุ่มที่ใครๆต่างหลงใหล

เขาเป็นใคร?

นั่นคือสิ่งที่หลายๆคนคิด

ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเป็นมันเล็กน้อยที่สั่งตัดเป็นพิเศษจากช่างฝีมืออิตาลี  เมื่อติดกระดุมสูทจะเห็นได้ถึงสรีระของผู้สวมใส่ได้อย่างชัดเจน ทรงผมและองค์ประกอบรวมของใบหน้าหล่อทว่ากระเดียดไปทางหวาน จัดว่าเป็นคนที่น่าสนใจคนหนึ่ง โดยเฉพาะรอยยิ้มหวานที่ส่งตรงมาหากล้องทุกตัวอย่างรู้งานและรู้มุมทำให้รูปที่ถ่ายออกมามีความสมบูรณ์แบบ น่ามองมากทีเดียว

“เปรม อย่ายิ้มสิ” อสุเรนทร์ยื่นหน้ากระซิบแผ่วข้างหูขณะสายตามองไปยังกล้องของบรรดานักข่าวทั้งหลาย คนโดนห้ามได้แต่ทำหน้างง ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“ทำไมต้องห้ามยิ้มด้วยล่ะครับ”

“พี่หึง หวงด้วย” อสุเรนทร์กระหยิ่มยิ้มย่อง “เก็บรอยยิ้มของเราให้พี่มองคนเดียวก็พอ”

“มองคนเดียวอะไรเล่า”

ปากแม้บ่นขมุบขมิบหากพวงแก้มน้อยกลับขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่ แอบหยิกเนื้อตรงบั้นเอวคนตัวโตผ่านเสื้อสูททางด้านหลัง อสุเรนทร์สะดุ้งเล็กน้อยทว่าก็กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มกระชากใจเหล่านักข่าวโดยเฉพาะสาวๆนี่ยกกล้องกดชัตเตอร์ระรัวครั้งแล้วครั้งเล่า มันน่าบิดให้ตัวลายเสียจริง

“สวัสดีครับคุณอสุเรนทร์”

กลุ่มบุคคลอันคุ้นหน้าคุ้นตาเอ่ยทักทายหลังจากเดินออกมาต้อนรับพวกเขาถึงหน้าประตูทางเข้างาน  ราเมนทร์เหลือบมองเปรมแวบหนึ่งก่อนหันไปอมยิ้มให้เหล่าวงศาอมาตยสูร

วันนี้ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีดำเข้มตัวยาวเช่นเดียวกันกับสีเสื้อคอเต่าด้านใน ด้วยรูปร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณขาวเหลืองเนียนละเอียด ประกอบกับทรงผมที่ถูกเซ็ตเปิดหน้าผากทำให้ดูสง่ากว่าเดิม รณพักตร์หันไปอีกทางแล้วเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้

“ดีใจที่พวกคุณมางานเปิดตัวเครื่องเพชรของผม”

“เจ้าของงานอุตส่าห์เชิญ ถ้าไม่มาเดี๋ยวก็หาว่าเล่นตัวสิครับ”

“เจ้าอิน” ชินกฤตส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม

“คุณศุภลักษณ์ชวนทั้งทีพวกเราก็ต้องมาสิครับ โดยรวมงานจัดออกมาสวยแปลกตาดี แต่ผมคาดว่าพวกคุณคงไม่ได้จัดเองหรอกใช่ไหม ดูจากความคิดความอ่านโดยเฉพาะของคุณราเมนทร์เนี่ยทำอะไรสวยๆงามๆ เลิศสะแมนแตนแบบนี้ไม่ได้หรอก”

“เจ้าอิน อาบอกให้หุบปาก”

“ผมก็แค่พูดในฐานะคนรู้จักกัน”

หึ รู้จักกัน

“สวัสดีครับเปรม ไม่ได้เจอกันนานสบายดีไหม”

“ก็สบายดี สบายดีมากเลยล่ะครับ” อสุเรนทร์เป็นคนตอบแทนร่างบางที่ตอนนี้แทบจะจมลงเข้าไปในอกกว้างเพราะความหึงหวงแรง มือหนาที่บีบไหล่เขาอยู่เป็นสิ่งบอกให้เปรมปิดปากเงียบ ให้พวกเขาพวกคุยกันเองน่าจะเหมาะกว่า

“ขอโทษนะ แต่...เอ...ชื่อเปรมเหรอ”

“ผัวกับเมียมันก็คนๆเดียวกัน การที่ฉันจะตอบคำถามของนายแทนเปรมเนี่ยมันแปลกตรงไหน”

“ก็ไม่แปลกหรอก แค่คนที่ฉันต้องการให้ตอบคือเปรมเท่านั้น”

“อย่าเรื่องมากได้ไหม”

“นายก็อย่ามาจุ้นสิวะ”

ไอ้พระรามสะพานหักโค้งนี่!

ดูเหมือนจะไปลับคมปากมาใหม่สินะ ถึงได้คมกริบต่อกรกับเขาเก่งขึ้น

“คงไม่จุ้นไม่ได้ล่ะนะ ประเดี๋ยวพวกแมลงผู้ตัวอื่นจะได้ใจแล้วแย่งพ่อเกสรหอมหวานไปจากฉัน”

“พี่ทศ พอเถอะครับ” ร่างบางผละตัวออกจากคนรัก ผงกศีรษะขอโทษอีกฝ่าย “ต้องขอโทษแทนคุณอสุเรนทร์ด้วย ผมสบายดี ไม่มีปัญหาอะไร แล้วคุณ...คงสบายดีใช่ไหม”

“เปรมจ๋าไปพูดกับมันทำไม”

“หยุดเลย แค่ตอบเฉยๆมันจะอะไรนักหนา”

“ตอบเฉยๆก็ไม่ได้”

“พี่ทศ”

“อย่าทะเลาะกันครับ ผมสบายดี...แต่ถ้าจะสบายกว่านี้ถ้าเปรมกลับมาเรียกผมว่าพี่เหมือนแต่ก่อน”

“ผัวเขายืนอยู่ตรงนี้ทนโท่ ยังมีหน้ามาขอให้เรียกพี่อีกเรอะ”

“เจ้าอิน! ยังจะพูดอีก” หันไปตีไหล่แข็งแรงของหลานชายเต็มแรงจนเจ้าตัวสะดุ้ง ลูบบริเวณโดนกระทำชำเรา(?)อย่างโอดครวญ

“ไม่เป็นไรครับคุณชินกฤต ผมชินเสียแล้วล่ะ” ปรายตาไปยังอีกคน “ไม่ต้องมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นอสุเรนทร์ ฉันไม่ได้คิดเล่นละครตบตาหรือวางแผนอะไรอีกแล้ว นายอาจจะเห็นว่าฉันเป็นคนเลว แต่ฉันน่ะก็เป็นคนดีมากพอที่จะรู้ว่าตัวเองควรยืนอยู่ตรงไหน วางตัวอย่างไร เรื่องของเปรมถึงฉันจะลงประชันกับนายต่อยังไงเปรมก็เลือกอยู่ข้างนายมากกว่าอยู่ดี”

“ฉันจะรู้ได้ไงว่าแกโกหกหรือไม่โกหก”

“พี่ทศ” เปรมเอ่ยปราม

“ก็มันจริงนี่ น้องยังไม่รู้ในอดีตมันทำอะไรกับพี่บ้าง”

“...”

“เพราะไอ้ใบหน้าแสนดีเหมือนพระเอกลิเกหลังตลาดตอนค่ำเนี่ยแหละที่หลอกให้พี่ตายใจมานักต่อนัก หึ ทำเป็นพูดดี สุดท้ายแกก็ลอบกัดฉันจนยับเยิน!”

“ท่านพี่ใจเย็นหน่อย”

ชินกฤตเอื้อมจับบ่ากว้างของพี่ชายแน่น มันคงไม่ดีแน่ถ้ามาทะเลาะกันตรงนี้ต่อหน้าคนและผู้สื่อข่าวที่ชอบสอดเสือกสายตานับไม่ถ้วน จากหัวข้องานเปิดตัวเครื่องเพชรตัวใหม่จะกลายเป็นการห้ำหั่นกันเองของสองผู้นำบริษัทส่งออกจิวเวอร์รี่ยักษ์ใหญ่แทน

“ขอบอกไว้ตรงนี้ คนนของกู อ้ายอีอย่างมึงอย่าคิดแตะต้อง”

“คราวนี้ฉันพูดจริงๆ ฉันยอมแพ้แล้วจริงๆอสุเรนทร์ ในเมื่อเปรมเขาไม่รักฉันเขารักเพียงแค่นาย จะให้ฉันเอาแรงกายแรงใจที่ไหนไปสู้ ถ้าเรื่องในอดีตมันทำให้นายยังแค้นเคืองไม่หายก็ขอโทษด้วย แต่ต่อไปนี้ฉันรับปาก...พวกเราจะไม่มีเรื่องบาดหมางต่อกันอีก ต่างคนต่างอยู่ นายได้เปรมไป ส่วนฉัน...ก็แค่ใช้ชีวิตอยู่กับงาน”

“เข้าใจพูดดีนี่ ไปท่องสคริปต์เตรียมมากี่วันแล้วล่ะ”

“พี่ทศ”

ท่อนขาแข็งแรงของอสุเรนทร์ก้าวประชิดราชันย์แห่งอโยธยา ดึงตัวอีกฝ่ายมากอดไหล่ไว้หลวมๆและกระซิบ “อย่าคิดว่าข้าจักเชื่อใจเจ้าพระราม มิว่าอย่างไรข้าจักจับตาดูเจ้าเอาไว้ ทุกเพลา ทุกฝีก้าว หากยังคิดตอแหลมากเพทุบาย ใช้แผนชั่วชิงเปรมไปจากข้าอีก เมื่อนั้นข้าจักเป็นคนปลดชีวีเจ้าด้วยมือข้าเอง”

ราเมนทร์แค่เค้นหัวเราะในลำคอ ใบหน้าหล่อเหลาฉาบไปด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร หากทว่าในความคิดของผู้ที่เห็นอย่างชินกฤตและรณพักตร์ มันกลับเป็นรอยยิ้มที่อาบไปด้วยยาพิษชั้นดี มีเลศนัยมีความน่ากลัวซ่อนอยู่ภายในดวงตาอบอุ่น...

“ฉันพูดคำไหนย่อมเป็นคำนั้น”

“ก็ขอให้มันจริงอย่างปากว่าก็แล้วกัน”


“สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน กระผม หัสดินทร์ เทพฉาย ขอต้อนรับทุกท่านอย่างเป็นทางการในงานเปิดตัว The gleam of diamond ภายใต้ชื่อ รามาจิวเวอร์รี่ ซึ่งผมขอบอกเลยว่าเพชรแต่ละตัวที่ทางผู้จัดนำมาเนี่ยล้วนแล้วแต่มีมูลค่ามหาศาล แสงนี่แวววับเข้ามาผมมาก เห็นแล้วก็อยากได้มาครอบครองสักชิ้น มันคงเป็นบุญของผมมากทีเดียว...และก็ขอแสดงความยินดีกับเหล่าสุภาพบุรุษที่มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วยนะครับ เพราะทางผู้จัดได้เล็งเห็นสร้างเครื่องประดับมาให้เหมาะสมแก่คุณผู้ชายทุกท่านเป็นที่เรียบร้อย รับรองได้ว่าถ้าเห็นพวกคุณจะต้องรีบซื้อรีบจับจองกันอย่างแน่นอน...แค่ได้ฟังก็อยากเห็นกันแล้วใช่ไหมครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเชิญรับชมได้เลยครับ”

ดวงไฟรอบห้องโถงใหญ่ค่อยๆหรี่แสงลง เหลือเพียงแสงจากด้านบนเวที ดรายไอซ์สีขาวขุ่นลอยคละคลุ้งอวลอยู่ในอากาศ กระทบสปอร์ตไลท์แสงสีนวลตาและเสียงเพลงที่ดังคลอเอื่อยอ่อนเพื่อให้เข้ากับจังหวะการเดินของนายแบบนางแบบ เปรมมองบนเวทีด้วยความตื่นตาตื่นใจ นับเป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสได้มาดูงานแบบนี้ อสุเรนทร์ยิ้มน้อยและยึดมือเรียวไปกุมบนตักของตน

“ตื่นเต้นเหรอ มือเย็นเชียว”

“ตื่นเต้นสิครับ นี่มันงานโชว์เพชรของคนมีเงินเชียวนะ”

“อีกเดี๋ยวก็ชิน” คนร่างบางเอียงคอมองอีกคนอย่างไม่เข้าใจ อสุเรนทร์กระตุกยิ้มนิดและโน้มตัวเข้ามาใกล้ๆปลายหูคนรัก...อย่างเชื่องช้า

“เป็นเมียท่านประธานส่งออกเครื่องเพชรยังไงก็ต้องคุกคลีอยู่กับเพชรอยู่กับพลอย ถ้าเปรมไม่ชินแล้วจะสมเป็นเมียพี่ได้อย่างไรถูกไหม”

“เปรมไม่ได้เป็นเมีย”

“เอากันมาตั้งหลายรอบนี่ยังไม่เรียกผัวเมียอีกเหรอ”

“ฮื่อ บ้า ไม่พูดด้วยแล้ว” รีบสะบัดหน้าหนีอย่างขลาดเขิน คนอะไรเสี่ยวได้ตลอดเวลา ยิงมุกจีบเป็นว่าเล่น และแบบนี้เมื่อไหร่หัวใจเขาจะเต้นเป็นปกติเสียที

ผ้าไหมไทยสีแดงหม่นสลับทองค่อยเลื่อนเปิดออกทั้งสองด้านก่อนนางแบบคนแรกจะเดินออกมาในชุดกึ่งไทยกึ่งตะวันตก เพชรบนร่างของนางแบบล้วนดูน่าหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร ความงามของน้ำเพชรที่ส่องระยิบระยับแสบตา ทุกอย่างล้วนดูลงตัว

นายแบบนางแบบแต่ละคนเดินกรีดกรายโชว์เครื่องเพชรที่สวมแตกต่างกันออกไป ทำให้เพชรโดดเด่นและมีประโยชน์มากกว่าการเป็นเพียงเครื่องประดับราคาแพงทั่วๆไป น้ำงามต้องตา สมบูรณ์แบบมากทีเดียว...ขอยอมรับจากใจครั้งนี้ประธานหนุ่มรามาจิวเวอร์รี่วางแผนจัดการงานได้ดี นับว่าประสบความสำเร็จที่สุดทั้งเรื่องผลผลิตและการตอบรับจากเหล่าไฮโซคนดังทั่วเมืองกรุง โดยอย่างยิ่งบรรดาคุณหญิงคุณนายไฮโซต่างจับจ้องเครื่องเพชรแต่ละชิ้นไม่วางตา

“ก็อยากยอมรับหรอกนะว่าเพชรล็อตใหม่ของพี่นายมันสวยจริงๆ” รณพักตร์เอ่ยชมขณะกวาดสายตาไปยังหญิงสาวร่างสูงเพรียวบนเวทีที่สวมชุดกรีกสีขาวยาวพลิ้วไสว สร้อยเพชรประดับอัญมณีแห่งท้องทะเลส่องประกายเรืองรองจากทั้งลำคอขาวและข้อมือเรียว...ผู้หญิงสวยๆที่สวมเพชรแวววับมักน่าตรึงตราตรึงใจสำหรับเขาเสมอ นางแบบลูกครึ่งหยุดยืนตรงเบื้องหน้า ลูกแก้วกลมโตสีฟ้าน้ำทะเลเหลือบมาสบตาเขา ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดยกยิ้มยั่วยวน...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหล่อนต้องการอะไร แน่นอนเขาย่อมไม่ปฏิเสธ   

“เอาดีๆเพชรสวยหรือนางแบบที่สวยกันแน่”

“สำหรับพี่อิน น้องลักษณ์สวยที่สุดจ๊ะ”

“ไม่ต้องมาชม”

“โธ่ งอนพี่เหรอ เดี๋ยวคืนนี้จัดให้สักดอกดีไหม”

“ไอ้คนทะลึ่ง”

“ทะลึ่งตรงไหนครับ พี่หมายถึงจัดดอกกุหลาบส่งไปง้อคนสวยสักดอกต่างหาก” เรียวแขนเล็กทว่าแข็งแรงยืดจนสุด ค่อยๆโอบไหล่บางและลูบไล้มันเบาๆ “หรือว่า...น้องลักษณ์คิดอะไรที่มากกว่านั้น พี่จัดให้ได้นะ” ลิ้นแดงแลบเลียริมฝีปากตนเองคล้ายพวกโรคจิตเต็มไปด้วยความต้องการ ศุภลักษณ์รีบเสมองไปทางอื่นอย่างขลาดอาย

“คะ...ใครคิด บ้าหรือเปล่า”

“เสียงสั่นเชียว โซ คิ้วท์ฝุดๆ”

“เอาแขนนายออกไปจากไหล่ฉันเดี๋ยวนี้ก่อนฉันจะเรียกกบินทร์มาจัดการ” รณพักตร์ชายตาไปยังมนุษย์หน้าขนตัวขาวที่ยืนห่างออกไปไกลพอสมควร สีหน้าขมึงขึงขังทำเขาต้องโอบร่างบางแน่นกว่าเดิม พร้อมเอียงคอซบยกคิ้วกวนประสาทจนอีกฝ่ายได้แต่ยืนกัดฟันกรอดอย่างโมโหทว่าก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง โถ...โถช่างน่าสงสาร ได้แต่ยืนอยู่ในเงามืดไม่มีบทบาทอะไรกับคนอื่นเขาเลย

“อื้อ ปล่อย ฉันอึดอัด”

“ให้หอมก่อน”

“จะบ้าเหรอ” เมื่อรู้ตัวว่าใช้เสียงดังเกินไป ศุภลักษณ์จึงหันไปขอโทษขอโพยคนอื่นก่อนจะฟาดมือเรียวของตนเข้าที่สะบักไหล่อีกคนเต็มแรง เลื้อยเร็วกว่าปลาไหลก็ไอ้ยักษ์พริกขี้หนูข้างๆเนี่ยแหละ

“อยากหอมอ่ะ ได้ปะ”

“ไม่”

“งั้นลักษณ์หอมพี่ก็ได้” พองแก้มป่องข้างขวาแล้ว ยื่นหน้าเข้าไปใกล้

“นายเป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย ฉันรำคาญแล้วนะ”

“เป็นคนที่รักเธอไปจนหมดลมหายใจ ถ้าฉันขอสัญญาว่าเธอจะเป็นคนรักสุดท้าย จะไม่ทิ้งไม่ไปไหน จะรักเธอไปจนวันตาย ฉันขอเพียงให้เธอบอกว่ารักคนคนนี้เหมือนเหมือนกัน...”

อยากจะบ้าตายเกิดมาเพิ่งมีคนมาสารภาพรักโดยการร้องเพลงจีบ มันคงจะไม่น่าอายเท่านี้ถ้าผู้หญิงสองคนคนที่นั่งข้างๆไม่ส่งเสียงกรี๊ดพร้อมกับพูดซ้ำไปวนมาว่า เคะเมะอ่ะแก ฟิน...ฟิน ยิ่งเจ้ายักษ์บ้ากระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมมือหนาที่เลื่อนลงไปโอบเอวของเขายิ่งเรียกเสียงกรีดร้องโหยหวนจากหญิงสาวทั้งสองได้เป็นอย่างดี หัวใจผู้น้องแห่งกษัตริย์อโยธยาที่เคยเต้นปกติก่อนหน้านี้ก็กลายมาเต้นแรงขึ้นอย่างแปลกประหลาด เลือดสูบฉีดขึ้นใบหน้าจนร้อนไปหมด ศุภลักษณ์รู้สึกมันบ้ามากที่ต้องมาเกิดอาการบ้าๆเพราะคนที่เกลียดขี้หน้าเข้าไส้

ไม่...ห้ามเด็ดขาด

“เขินพี่แล้วใช่ไหม”

“ใครเขิน”

“ใคร...ก็รู้อยู่แก่ใจ”

“หันไปดูนางแบบสวยๆเลยไป”

รณพักตร์แอบส่ายศีรษะด้วยความเอ็นดู...ไม่นานนักรอบด้านก็ตกอยู่ในความมืดเมื่อไฟบนเวทีดับลง จังหวะเพลงที่แปลกไปจากเดิมเรียกให้รากษสหนุ่มปรายตาให้ความสนใจ แสงสปอร์ตไลท์สว่างวาบขึ้นอีกครั้งพร้อมการปรากฏของชายร่างกำยำสองคนยืนเอามือไขว้หลัง เปลือยท่อนบนเผยมัดกล้ามเปี่ยมด้วยพลัง ท่อนล่างอยู่ในเครื่องนุ่งห่มแบบจีบโจงหน้าคล้ายเครื่องทรงสมัยโบราณ เสียงกลองดังกึกก้องและหนักแน่นดั่งฟ้าคำราม หญิงสาวสี่คนเดินร่ายรำออกมาคนละฝั่งของตัวเวที โปรยกลีบเกสรร่วงหล่นไปตามทาง หมู่มวลบุษบันส่งกลิ่นหอมคุ้นจมูก

ดอกมณฑา...

“ออกมาแล้ว”

นั่น!

“ไม่จริงน่า”

ราวดวงฤทัยโอรสแห่งทศกัณฐ์คล้ายตกจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ เปรียบขนนกร่วงโรยสู่หุบผารัตติกาล หัวสมองคิดสิ่งใดไม่ออกเลยแม้แต่น้อย แขนทั้งสองข้างห้อยตกข้างลำตัวพร้อมเหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายขึ้นมากมายบนหน้าผาก ปากอ้าแล้วหุบ อ้าอีกครั้งแล้วก็หุบลงตามเดิมอย่างคนพูดอะไรไม่ออก ปรายตาไปยังผู้เป็นพ่อและอาที่มีสีหน้าตื่นตะลึงไม่แพ้เขาสักเท่าไหร่นัก ไม่มีใครรู้...ไม่มีใครคาดคิด

“นะ...นี่มันอะไรกันลักษณ์”

“คนรู้จักฉันน่ะ พี่รามเขาวานให้มาช่วยเดินแบบให้ สวยจนตะลึงเลยใช่ไหมล่ะ”

ใช่ สวย....สวยจนเขามิกล้าสบตา

ก็ได้แต่ภาวนาให้พระบิดามิหลงใหลในตัวอดีตพระมารดาเลย มันคงจะเป็นปัญหาระดับโลกแน่ๆถ้าจากรักสามเส้าเคล้าน้ำตาจะเพิ่มขึ้นมาเป็นสี่!


อสุเรนทร์ทอดสายตามองสตรีเรือนร่างสมบูรณ์สวมพัสตราภรณ์ทรงสง่า ผ้าแถบสีเปลือกมังคุดมันเงาที่ถูกถักทอออกมาอย่างประณีตช่วยขับให้ผิวของผู้สวมใส่ขาวกระจ่างดั่งพระจันทร์เดือนแรม ผ้านุ่งยกดอกลอยฝาบาตรปักเลื่อมดิ้นครุยสีเงินคาดด้วยเข็มขัดทอง ถนิมพิมพาภรณ์เปล่งประกายเรืองรองชวนให้เคลิบเคลิ้มหลงใหล

งามพักตร์ยิ่งชั้นมหาราช    งามวิลาสล้ำนางในดึงสา
งามเนตรยิ่งเนตรในยามา    งามนาสิกล้ำในดุษฎี
งามโอษฐ์งามกรรณงามปราง    ยิ่งนางในนิมาราศี
งามเกศยิ่งเกศกัลยาณี        อันมีในชั้นนิรมิต
ทั้งหกห้องฟ้าไม่หาได้         ด้วยทรงลักษณ์วิไลไพจิตร
ใครเห็นเป็นที่เพ่งพิศ         ทั้งไตรภพจบทิศไม่เทียมทัน


รามเกียรติ์ ตอนกำเนิดนางมณโฑ


นานเท่าใดอสุเรนทร์มิอาจทราบได้ ถ้าไม่มีแรงสะกิดและเสียงเรียกจากน้องชายแว่วเข้ากระทบโสต เขาก็คงจมดิ่งอยู่กับเงียบสงัดจิตใจอยู่อย่างนั้นอีกนานเท่านาน

“ท่านพี่ทศ”

พญารากษสไม่แม้แต่จะสนใจสักนิด ดวงเนตรยังคงจับจ้องแต่เพียงนางแบบร่างสูงบนเวที และผู้คนในงานก็พากันเอ็ดอึงดั่งสนั่นอีกหนเมื่อผ้าสีดำที่ปิดคลุมบนบ่านั้นร่วงหล่นไปกองบนพื้น สร้อยเส้นหนาที่มีจี้เป็นพลอยมรกตเขียวเข้มรอบด้านเป็นทองแท้ล้วนแกะสลักด้วยลวดลาดฉลุสะดุดตา มันส่องประกายระยิบระยับยิ่งกว่าเพชรเม็ดใดที่พานพบ...อสุเรนทร์รู้ได้ในทันทีว่ามันคือเครื่องประดับชิ้นโปรดของอดีตมเหสีแห่งลงกา และเป็นเพียงชิ้นเดียวที่ตัวเขานั้นประทานมาให้แก่นางในดวงใจในวันอภิเษกสมรส
ไม่มีใครรู้นอกจากตัวเขา นางมณโฑและเหล่าเผ่าพงศ์รากษสในอดีต

อสุเรนทร์ที่ให้ช่างปั้นแต่งผลงานชิ้นเอกชิ้นนี้ขึ้นมามีหรือจะดูไม่ออกว่ามันคือชิ้นงานใหม่ที่ราเมนทร์สร้างขึ้น  หรือ...เป็นถนิมพิมพาภรณ์จอมนางแห่งลงกาชิ้นเก่าดั้งเดิมที่หายไปเมื่อพันปีก่อนอย่างไร้ร่องรอย

วงหน้าแฉล้มใต้กรอบชฎายอดแหลมรัดศีรษะเรียบสนิทฉายฉัดถึงความสูงส่ง อำนาจแห่งกษัตริยาที่ไหลเวียนอยู่ในกาย...ทุกท่วงท่า...ทุกย่างก้าว อสุเรนทร์เหมือนตกลงไปใต้บาดาลลึก อึดอัด หายใจไม่ออก

พานให้คิดย้อนถึงคำพูดที่นางได้ลั่นเอาไว้เมื่อครั้นอดีตกาล

‘แม้นตัวข้าจักมิใช่สีดา หากข้าก็คือเมียคนหนึ่งของพระองค์...ย่อมปรารถนาความรักจากผู้เป็นสามี’

‘แต่พระองค์กลับละเลย...ข้ามิสามารถให้อภัยพระองค์ได้’

‘นับจากเพลานี้ อีกกี่ปีอีกกี่ชาติ พระองค์จักต้องอยู่ตัวคนเดียว...แค่กๆ...หากมีคู่ครองก็ขอให้ร้าวฉานฉิบหาย ฤายามใดใกล้ม้วยมรณาก็ขอให้สิ้นชีวาเพราะเนื้อมือนางอันเป็นที่รัก’

‘มณโฑ!’

‘พระองค์จักมิมีวันหลุดจากบ่วงรักของข้าได้จนกว่าข้าจักเป็นคนตัดมันให้ขาดเสียเอง จงจำไว้แม่นมั่นเสียเถิดทศกัณฐ์’


เขาควรทำอย่างไรดี...

“พี่ทศ เป็นอะไรหรือเปล่าครับหน้าซีดเชียว” เปรมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงหลังจากสังเกตอาการคนด้านข้างมาได้สักพักนับตั้งแต่นางแบบคนล่าสุดเดินออกมา

“พี่ไม่เป็นไร”

“แต่ใจใช่ไหม”

“อืม”

“แต่พี่...”

“พี่บอกว่าไม่เป็นอะไรไง!”

“ว๊าย!”

“โอ๊ะ นางแบบเป็นลม ใครก็ได้ช่วยที ช่วยหน่อยครับ”

เปรมถึงกับผงะเมื่ออีกฝ่ายกระชากเสียงใส่พร้อมปัดมือของเขาที่จับบนบ่ากว้างออก วิ่งเข้าไปช้อนตัวอุ้มหญิงสาวที่เป็นลมหมดสติทันทีที่ทีมงานร้องขอความช่วยเหลือ แผ่นหลังกว้างที่เห็นจนชินตาบัดนี้กลับอยู่ไกลแสนไกล ยากเกินจะเอื้อมคว้าไว้ทัน หัวสมองหนักอึ้ง นัยน์ตาหวานสั่นไหว คล้ายมีก้อนบางอย่างมาจุกอยู่ในอกปิดลำคอจนเรียวปากมิอาจเปล่งวาจาใดได้อีกต่อไป
มึนงง...สับสน...ว่างเปล่า

ถึงจะแค่แวบหนึ่ง หากทว่าแววตาที่อสุเรนทร์ส่งไปยังผู้หญิงคนนั้นมันเต็มไปด้วยรัก คะนึงถึง โหยหา โศกเศร้า เสียใจ...หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ เสมือนมีเข็มแหลมนับร้อยนับพันเล่มทิ่มแทงเข้าไปที่ก้อนเนื้อบริเวณอกซ้ายจนรู้สึกเจ็บปวดจนสุดบรรยาย มีแต่คำว่าทำไมๆถามวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา

รณพักตร์และศุภลักษณ์รีบวิ่งมาดูอาการคนร่างบางเมื่อผู้เป็นพ่อเดินหายลับเข้าไปทางด้านหลังเวทีพร้อมกับเจ้าหน้าที่ประสานงาน

“อากฤต”

“ยังไม่ใช่เวลาถามเจ้าอิน กลับบ้านค่อยว่ากันอีกที”

รากษสร่างเล็กพรูลมหายใจยาวเหยียด “ไม่เป็นไรใช่ไหมเปรม”

“ครับ...ผมไม่เป็นไร” ถึงเจ้าตัวจะตอบแบบนั้น แต่ดวงตาและน้ำเสียงที่เศร้าเกินเหตุและไหนจะน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด มันก็พอทำให้เขารับรู้ว่าอาการของคนตรงหน้าสาหัสมากน้อยแค่ไหน

“อากฤตพาเปรมไปส่งบ้านก่อนเลย ทางนี้ผมอยู่จัดการเอง”

“แล้วเจอกันที่บ้าน”

รณพักตร์พยักหน้าตอบรับ เบือนมองคนรักของผู้เป็นพ่อที่อาชินกฤตประคองออกไปจนสุดสายตา อารมณ์ที่เคยราบเรียบกลับลุกโชนดั่งไฟบรรลัยกัลป์จากขุมนรก ดวงเนตรสีแดงแวววาบจับจ้องศุภลักษณ์สงบนิ่งโดยมีไอ้กบินทร์ลิงเผือกยืนประกบอยู่ทางด้านหลัง เรียวปากปรากฏรอยยิ้มเหยียดนิดๆ

“พวกนายรอคอยเวลานี้อยู่สินะ ใช่ไหมลักษณ์”

“รอคอยอะไรอิน”

“พวกนายนี่มันเลวเสมอต้นเสมอปลาย เลวไม่มีที่ติ”

“นายพูดเรื่องอะไร ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อยได้ไหม” คิ้วเรียวขมวดเข้ากันอย่างไม่ค่อยเข้าใจในคำพูดของฝ่ายตรงข้าม เขาทำอะไรให้ไม่พอใจอย่างนั้นหรือ

“อย่ามาทำไขสือ นายจะแกล้งโง่บอกว่าไม่รู้จักพระมารดาข้าหรือไง”

“แล้วมณโฑเกี่ยวอะไรกับที่นายมาว่าฉันด้วย”

“เพราะคนที่นายบอกรู้จัก ผู้หญิงที่เดินแบบแล้วเป็นลมจนพระบิดาต้องรีบวิ่งไปดูอาการคืออดีตพระมารดาของฉันเอง ได้ยินชัดหรือยังเธอคือนางมณโฑ!”

“ไม่จริงน่า”

“ฉันก็หลงเชื่อว่านายจะดีกว่าพี่ชาย แต่เห็นแบบนี้มันก็เลวกันทั้งตระกูลล่ะวะ”

“มันจะมากไปแล้วนะอินทรชิต!”

กบินทร์ปรี่ตัวเข้ามาขย้ำคอเสื้อรณพักตร์ หากถูกปัดออกอย่างแรงพร้อมฝ่าเท้าที่ยันหน้าท้องท้องแกร่งของพญาวานร หากในครานี้กบินทร์กลับหลบได้ทันพร้อมสวนหมัดเข้าใส่จนร่างทั้งร่างของรณพักตร์ล้มลงไปนอนกองกับพื้น แล้วคร่อมตัวต่อยใบหน้าศัตรูคู่แค้นไม่ยั้ง

“พอได้แล้วกบินทร์”

“แต่...”

“ฉันบอกให้พอ!”

รณพักตร์นอนหอบหายใจบนพื้นพรม เสียงที่ดังอื้ออึงจากทั่วสารทิศไม่ได้เข้าหัวเขาแม้แต่น้อย พยายามยันกายลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ใช้หลังมือปาดคราบเลือดที่ไหลซิบบริเวณมุมปากและโหนกแก้ม

“เอาเลยสิ เข้ามากระทืบฉันเสียให้พอให้สมกับความแค้นที่พวกนายรอคอย...แต่จะบอกอะไรสักนิด คนอย่างฉันถึงจะเป็นคนเลวทำชั่วมากมายแต่ก็ไม่เคยคิดแผนตลบหลังใคร พวกนายอยากจะแก้แค้นพวกฉันยังไงก็ได้ แต่อย่าเอานางเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นายไม่รู้หรอกว่าพระบิดาฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง...หากพี่ชายนายทุกข์เพราะรักนางสีดา พระบิดาของฉันก็คงทุกข์เพราะความรักทีมีต่อสีดามากเกินไปและความรู้สึกผิดที่ทำให้นางมณโฑต้องตาย”

ดวงเนตรคมเอ่อล้นด้วยน้ำตาหลั่งลงมาเป็นสาย “ครั้งนี้เป็นครั้งที่ฉันโกรธและเจ็บใจมากที่สุด ฉันผิดหวังในตัวนายจริงๆศุภลักษณ์”

“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะอิน ฉันไม่รู้...ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

ศุภลักษณ์ส่ายศีรษะปฏิเสธพัลวัน ยื่นสัมผัสข้อแขนแข็งแรงแน่นราวกับสื่อความในใจบอกให้รู้ว่าเขาไม่รู้จริงๆว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านานะคนที่เขาอุปการะคือนางมณโฑในอดีตชาติ

“ขอร้องล่ะเชื่อฉัน ฉันไม่รู้จริงๆ”

“จะมาบอกตอนนี้ก็ยากไปเสียแล้วล่ะ เพราะความไว้ใจที่ฉันมีให้มันเลือนหายนับตั้งแต่วินาทีที่นางก้าวเท้าเดินออกมา”

“!!”

“นับจากนี้เราไม่มีคำว่าญาติดีต่อกันอีก เมื่อเลวมาฉันก็จะเลวกลับเป็นหมื่นเท่าล้านเท่าและต่อให้คนคนนั้นคืออดีตพระมารดาฉันก็ไม่คิดไว้หน้าทั้งสิ้น”





พี่อินของเรามีความโหดดด ฮื่อออพี่ทศศศศ ไปหานางมณโฆทำม้ายยย :ling1: เปรมเขาน้อยใจแล้วนะเว้ย

มาลงแค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวเราจะกลับมาต่อครึ่งหลังให้ช่วงเย็นๆ


ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
โอ๋ น้องเปรมกลับบ้านไปอยู่กับพวกปู่ไม้นะ แล้วถ้ามีใครบางคนไปง้อก็งอนให้หนักเลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
นี่สินะภิเภกถึงบอกว่าให้เลือกดีๆ แถมอิท่านยักษ์เขียวก็ตกหลุมพรางซะแล้ว

อิท่านทศนี่ งานนี้อิตาพระรามได้โอกาสเสียบแล้วหล่ะ

เปรม งานนี้อย่าให้อภัยง่ายๆนะ มาขึ้นเสียงใส่เมียได้ไง

ดูซิ ถ้าเปรมงอนขึ้นมา ท่านพญายักษ์จะดิ้นแค่ไหน ทำเย็นชาใส่ไปเลยเปรม  อิอิ///ยังคงเป็นแฟนคลับทศเปรมอยู่นะ แต่แค่หมั่นไส้อิตายักษ์เขียวนิดนึง


ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

นั่นไง........

หวานไม่เท่าไหร่

กลิ่นดราม่ามาเชียว

รอขอรับ


ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
คนเคยรักกันเจอกันในรอบกี่ปีก็ไม่รู้แหละ อาจมีนึกย้อนไปถึงวันเก่าๆบ้าง แต่ไม่มีทางที่ท่านทศจะรักนางอีกแล้วโว๊ย

อยู่ข้างท่านทศเว้ย มั่นใจว่าท่านทศไม่นอกใจพ่อเปรมแน่ๆ

รอมาเป็นพันปีเลยนะเว้ย ลมหายใจก็แบ่งให้ไปแล้ว รักจนล้นใจ ทุ่มจนสุดตัวขนาดนั้น อย่างเพิ่งน้อยใจเลยนะพ่อเปรม

ไอ้พระรามสะพานหักโครง ดูเอาไว้เถอะ ความเห็นแก่ตัวของตัวเอง ความอยากเอาชนะของตัวเอง ทำให้ใครเขาเจ็บบ้าง

ครั้งหนึ่งพิเภกเคยทรยศท่านทศ ถ้าครั้งนี้พระลักษมณ์จะทรยศพระรามบ้างกูจะไม่แปลกใจเลย  โว๊ย!! โมโหแม่ง :katai1:

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
โอเค ตอนนี้เราว่างล่ะ มาอ่านกันต่อเลยยยย ลุยยย :katai4:



อสุเรนทร์สำรวจเรือนร่างระหงส์ของหญิงสาวที่นอนไร้สติอยู่บนโซฟา...ด้วยรูปลักษณ์อันโดดเด่นเกินอิสตรีใดในโลกหล้า ผิวพรรณขาวละเอียดนวลเนียนเสียยิ่งกว่าไข่มุกชั้นเลิศจากใต้บาดาล...นาง...ยังคงเหมือนเดิมมิมีเปลี่ยนแปลง

มือหนาที่เลื่อนวางบนเนื้อแก้มขาวแทบอยากจะเปลี่ยนไปบีบคอระหงให้ขาดหายใจตายเสียประเดี๋ยวนี้ พญารากษสสูดลมหายใจดังฟืดฟาดเพื่อบ่งบอกว่าว่าเขากำลังใช้ความพยายามมากแค่ไหนกับการยั้งมือมิให้ฆ่านางตรงหน้า...ในความทรงจำเบื้องลึกดวงเนตรของมณโฑคุกรุ่น เต็มไปด้วยโทสะ โกรธแค้นและเสียใจอย่างยิ่งยวด อสุเรนทร์ยังจำคำที่มณโฑเคยลั่นไว้ก่อนสิ้นชีพได้ทุกเว้นวรรคทุกตัวอักษร...คำสาปแช่งที่ก่อให้เกิดบ่วงกรรมติดตามตัวพญารากษสนับตั้งแต่ลมหายใจสุดท้ายแห่งจอมนางดับสิ้น ไม่มีทางแก้...ไม่มีวันเลือนหายนอกเสียจากตัวนางจะเป็นผู้ยินยอมตัดบ่วงนั้นไปเสียเอง

“เมื่อใดกันเจ้าถึงจักปล่อยพี่ไป”

 “...”

“เมื่อใดกันที่เจ้าจักปล่อยให้พี่มีความสุขกับคนที่พี่รักบ้าง” ริมฝีปากอวบหยักยิ้มเหยียด “แค่นี้มันยังมิสาแก่ใจเจ้าใช่ฤาไม่ เจ้าถึงได้คิดจองเวรจองกรรมต่อไปมิเลิกรา”

“...”

“เจ้ามิควรกลับมาเลยมณโฑเอ๋ย”

สัมผัสอันบางเบาบริเวณพวงแก้มค่อยๆเคลื่อนลงสู่ลำคอระหงก่อนก้านนิ้วหนาจะออกแรงกดตรงหลอดเลือดจนร่างเพรียวเริ่มดีดดิ้นทั้งที่ยังหลับตา พยายามแงะมือปริศนาออกแต่ก็ไม่เป็นผล ความเจ็บตื้นขึ้นมาจนถึงกลางสมอง ได้แต่อ้าปากพะงาบๆเพื่อหายใจ ดวงหน้าสวยขึ้นสีแดงจัดเนื่องจากขาดออกซิเจนหล่อเลี้ยง

“อึก! ปล่อย”

“พี่รักเปรม รักเกินกว่าจักให้เจ้าหรือความชั่วร้ายมาพรากจาก”

“ช่.ย...ด้วย...”   

“เจ้าควรอยู่ในที่ของเจ้าแลปล่อยให้พี่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับเปรมอย่างมีความสุข”

“ช่.ย...ด้วย...”

“เจ้าทำให้พี่มิมีทางเลือกมณโฑ” อสุเรนทร์กระซิบแผ่วเพิ่มแรงบีบกดเข้าไปอีก จากใบหน้าที่แดงก่ำของหญิงสาวเริ่มออกสีคล้ำและคาดว่าอีกไม่นานก็คงหมดลมหายใจ สายตาที่ตวัดมองมามีแต่ความตัดพ้อ เสียใจ นี่ไม่ใช่หนทางที่ดีเท่าไหร่นัก แต่เขาจำเป็นต้องทำ

ถ้าหากบนโลกมีทศกัณฐ์ ก็ต้องไม่มีนางมณโฑ!

“พระบิดา!”

“ฆ่าผู้หญิงเขาเรียกว่าหน้าตัวเมียนะครับคุณอสุเรนทร์”

นานะกลับมาหายใจได้อีกครั้งเมื่อความอึดอัดบริเวณช่วงลำคอหายไปแล้ว อสุเรนทร์ง้างหมัดลงบนใบหน้าราเมนทร์เต็มแรงจนมุมปากมีเลือดไหลออก รณพักตร์เบิกตากว้างรีบถลาเข้าไปยื้อยุดร่างกายสูงใหญ่ของคนเป็นพ่อเพื่อไม่ให้มีเรื่องกับอีกคน นัยเนตรแห่งยักษ์จับจ้องอีกฝ่ายอย่างนึกเอาเรื่อง

“เหตุใดเจ้าถึงทำกับข้าเช่นนี้ เมื่อไหร่เรื่องมันจักจบสิ้นกันเสียทีพระราม”

“ขอโทษนะ แต่ฉันไปอะไรให้นายโกรธอย่างนั้นหรือ”

“อย่าตอแหลใส่ข้าให้มากนักพระราม หึ ต้องให้ข้ายกเปรมให้เจ้าก่อนใช่ฤาไม่เจ้าถึงจักหยุด”

“พระบิดา...”

“พูดอะไรฉันไม่เข้าใจ”

“อย่ามาทำไขสือ เจ้าย่อมรู้นางคือผู้ใดในอดีต” ไม่มีทางที่ราเมนทร์จะจำมณโฑไม่ได้ แม้เคยเจอกันเพียงหนสองหนไม่นานนัก หากเขาเชื่อคนอย่างมันไม่น่าโง่สติเลอะเลือนถึงขนาดจำบุคคลสำคัญของฝ่ายศัตรูไม่ได้หรอก

“แล้วเธอคือใครล่ะ ฉันรู้จักแค่มิสนานะ อิม ดีไซน์เนอร์ชื่อดังที่มีน้ำใจสละเวลามาช่วยเดินแบบให้กับงานเปิดตัวเครื่องเพชรของฉันก็แค่นั้น”

“เจ้าโกหก”

“ฉันจะโกหกนายทำไม”

“...”

“โกหกแล้วได้เปรมกลับมาหรือเปล่า...ก็ไม่ ช่วยมองฉันในแง่ดีหน่อยเถอะอสุเรนทร์ คราวนี้ฉันจริงจัง ไม่ได้คิดวางแผนหรือแย่งเปรมจากนายอีกแล้ว”

“มันกำลังโกหกเรา อย่าไปเชื่อมันเด็ดขาด”

พญารากษสเหลือบมองประธานหนุ่มเจ้าของบริษัทรามาจิวเวอร์รี่ เขาเห็นใบหน้าที่ฉาบไปด้วยรอยยิ้มอ่อนไม่มีวี่แววของการมดเท็จหรือซ่อนลูกเล่นใดไว้แม่แต่นิดเดียว แต่ใจเขายังไม่ขอเชื่อเต็มร้อย เพราะบางทีสิ่งที่เห็นตรงหน้ามันอาจเป็นกลลวงที่เคลือบทับความเลวของมันไว้อีกชั้นหนึ่งก็เป็นได้

“จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ฉันขอบอกตรงนี้เลยว่าในเมื่อฉันยอมเดินถอยมาเองแล้ว นั่นหมายถึงเรื่องราวระหว่างเราจะจบลงด้วย แกได้เปรมไป ส่วนฉันก็ต้องจำยอมน้อมรับอย่างผู้แพ้”

“หึ” คิดว่าทำหน้าเศร้าเคล้าน้ำตาจะหลอกให้เขาตายใจได้หรือไง “ไม่ต้องมาทำหน้าเหมือนหมาหงอยไอ้ชั่ว ถึงแกจะตอแหลแอ๊บหัวใจสี่ดวงใช่ว่าคนอย่างฉันจะจับไม่ได้นะราเมนทร์”

“...”

“ปู่ไม้ก็เคยบอกนี่นา อะไรที่มันเป็นของเรามันก็เป็นของเราอยู่วันยังค่ำ แต่ถ้าไม่ใช่...ต่อให้ยื้อยุด ดึงรั้งไว้สักแค่ไหนสิ่งๆนั้นก็จะจากเราไปอยู่ดี”

“เมื่อไหร่พวกแกจะเชื่อกันสักทีว่าฉันไม่ได้พูดโกหก”

“เมื่อความตายมาเยือนแกอย่างไรล่ะ”

“!”

“ฉันขอเตือนนะราเมนทร์ ถ้าแกทำให้พระบิดากับเปรมต้องผิดใจกัน ฉันจะทำกับน้องแกเจ็บยิ่งกว่านั้นเท่าทวีคูณ”

“แก!” ราเมนทร์กัดฟันพูด กำหมัดแน่นจนมือสั่น “ลักษณ์ไม่เกี่ยว”

ร่างเล็กโอรสแห่งลงกาก้าวประชิดคนตัวสูงกว่าพลางใช้มือขวาปัดไรฝุ่นบนสูทสีดำให้พอเป็นพิธีดูสนิทสนมกัน หากก็โดนปัดออกด้วยท่าทีรังเกียจ

“เกี่ยวไม่เกี่ยวไม่รู้ว่ะ ฉันรู้แค่คราวนี้ฉันพูดจริงทำจริง แถได้ก็แถต่อไปให้เนียนนะรับคุณราเมนทร์ แต่ถ้าเผลอช่องโหว่ออกมาให้จับพิรุธได้เมื่อไหร่ก็ช่วยดูแลน้องลักษณ์ของนายให้ดี...”

“...”

“ระวังหายลับไปโดยไม่รู้ตัว”

เมื่อบานประตูปิดลงสนิท สิ่งที่ใกล้มือที่สุดอย่างแจกันก็ถูกโยนลงพื้นอย่างไม่เห็นค่า กระเบื้องเคลือบสีขาวแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ สีหน้าของราเมนทร์เต็มไปด้วยความโกรธจัด เขากัดฟันกรอดขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสันนูนชัดเจนดวงตาแข็งกร้าวลุกวาวด้วยโทสะ

เปรม...จะต้องเป็นของฉันคนเดียว!


แสงนวลจากจันทราอาบไล้ไปทั่วผืนนภากว้าง ความมลังเมลืองทำให้บรรยากาศดูเศร้าซึมลงถนัดตา คนร่างบางวัยยี่สิบปีเศษนอนนิ่งอยู่บนเตียงหนานุ่ม ดวงตาที่หลับพริ้มยังคงทิ้งคราบน้ำตาที่แห้งหายเอาไว้บนหมอน...กับราตรีที่ผ่านพ้นมายาวนาน บวกกับความเหน็ดเหนื่อยหัวใจ ทำให้เจ้าตัวเริ่มถอยเข้าสู่ภวังค์แห่งความง่วงงุน

‘เปรม’

‘เปรมจ๋า’

‘ได้ยินพี่ฤาไม่ พี่มาหาน้องแล้วนะ’


จากดวงตาที่ปิดค่อยเปิดออกอย่างเชื่องช้า เขารู้สึกมีกระแสบางอย่าง ‘เพรียกหา’ อยู่ด้านนอก...จิตคิดพร้อมกับการขยับตัวของร่างกาย ความอยากรู้และความสงสัยเสียงที่กังวานแว่วอยู่ในโสตทำให้ชายหนุ่มก้าวลงจากเตียงไปยังประตู...

ลมยามดึกพัดโบกโชยอายอ่อน ดวงจันทร์แขวนตัวอยู่เหนือทิวไม้ส่องแสงสว่างสลัว เบื้องนอกเงียบสงัด บอกให้เจ้าตัวรู้ว่าทุกคนในบ้านเข้าสู่นิทรากันจนหมดสิ้น

ทุกอย่างเป็นไปโดยอัตโนมัติเช่นถูกมนต์สะกด สองขาก้าวเดินจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าศาลาริมน้ำ มีเงาร่างของใครบางคนยืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องคิดทบทวนให้เสียเวลาเขาก็รู้ว่าคนตรงหน้าคือใคร

“พี่ทศ...”

“เดินมาสิ”

ใจจริงเปรมอยากปฏิเสธ...หากทว่าร่างกายและหัวใจเขากลับเลือกที่จะเดินไปหาคนร่างสูงกว่า วินาทีนั้นเองอสุเรนทร์หันหลังกลับมา น้ำตาก็พลันไหลอาบแก้มน้อยมิหยุดหย่อน ก้านนิ้วหนาปาดคราบน้ำสีใสออกจากใบหน้านวลผ่องก่อนจะโน้มตัวจุมพิตบริเวณหน้าผากและรั้งตัวอีฝ่ายเข้าไปหาอย่างช้าๆ

เหมือนความกังวลใจทั้งหลายพลันหายจนหมดสิ้น วงแขนเรียวยกกอดอีกฝ่ายตอบด้วยความดีใจ ฝ่ามือหนาลูบไล้กลุ่มผมนุ่มของเปรมแผ่วเบาพลางจูบขมับน้อยซ้ำไปซ้ำมาราวต้องการปลอบประโลมให้รู้สึกดี

“นึกว่าพี่จะไม่มาเสียแล้ว”

“พี่ต้องมาสิ กลับมาหาน้องน้อยขี้แงขี้คิดมากของพี่”

“เปรมไม่ขี้แงนะ”

อสุเรนทร์ยกยิ้มน้อยเรียวแขนกอดรักเอวคอดแน่นขึ้นไปอีก “พี่รักเปรมนะ รักเปรมมากเหลือเกิน”

“เปรมก็รักพี่ทศ”

“พี่อยากขอโทษที่ทำกับเปรมอย่างนั้นในงาม พี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น พี่...”

“ไม่ต้องพูดแล้วครับ เปรมเข้าใจ”

“กฤตบอกเหรอ”

เปรมพยักหน้าแทนคำตอบ ดวงหน้างามหลับตาพริ้มซบอกกว้างที่อบอุ่นสำหรับเขาเหลือเกิน ริมฝีปากคลี่ยิ้มหวานเมื่อได้ยินเสียงหัวใจของอสุเรนทร์เต้นดังชัดเจน

“หัวใจพี่ทศเต้นแรงเหมือนของเปรมเลย”

“เพราะหัวใจพี่มันเป็นของเปรมยังไงล่ะ มันก็เลยเต้นในจังหวะเดียวกัน”

“เล่นมุกประหลาดอีกแล้ว”

“ประหลาดตรงไหน ก็พี่พูดความจริง”

“ฮื่อ”

อสุเรนทร์ยกมือเรียวจูบเบาๆ “เปรมครับ”

“อะไรอีกล่ะครับ” คนร่างบางขับขานแว่วหวานหู

“อย่ากังวลว่าพี่รักใคร อย่าถามว่าในหัวใจพี่มีผู้ใดครอง อย่าโศกาเศร้าหมองเพราะเห็นพี่ผิดแผกไปจากเดิม เรื่องบางเรื่องพี่เป็นคนผูกก็ย่อมต้องเป็นคนแก้ รออีกหน่อยได้ไหมจ๊ะคนดี...แล้วพี่จะทำให้ชีวิตคู่ของเรามีความสุขที่สุด”

“...”

“เชื่อใจพี่นะ เราจะฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน”

อสุเรนทร์แย้มละมุน มันเป็นรอยยิ้มที่เปรมชอบมากเหลือเกิน รู้สึกอบอุ่น...สุขใจ...เขินอายจนไม่กล้าสบตา เปรมไม่รู้หรอกว่าเรื่องราวในอดีตระหว่างทศกัณฐ์และนางมณโฑเป็นเช่นไร ร้ายแรงมากเพียงไหน หากสิ่งหนึ่งที่เขาสามารถทำได้ ณ เวลานี้ วินาทีนี้คือความเชื่อมั่นในตัวและหัวใจอันแข็งแร่งของอสุเรนทร์

“ครับ เราจะก้าวผ่านมันไปด้วยกัน”

พญารากษสสุดยั้งใจได้อีก เขาค่อยๆก้มหน้าอย่างแช่มช้าก่อนประทับจูบลงบนกลีบกุหลาบบอบบางแสนหวาน บัดนี้ร่างเงาทั้งสองภายใต้แสงจันทรานวลผ่องแนบชิดซึ่งกันและกัน เป็นอีกครั้งที่เปรมรู้สึกเหมือนคนตกน้ำ...อ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง อสุเรนทร์ถอนริมฝีปาก จ้องคนตรงข้ามมิวางตา

“พี่รักเจ้า”

“รักเจ้าสุดหัวใจ”

“รักจนยอมตายแทนได้”

“ใครเขาให้พูดถึงเรื่องตาย มันไม่ดีนะครับ”

วงแขนกอดรัดร่างบางแน่นขึ้นพลางยิ้มด้วยตนเองเป็นต่อ

“ห่วงพี่หรือ”

“บ้า ใครเขาห่วงกัน”

อสุเรนทร์ผละตัวออกห่างพลางสบนัยน์ตาหวาน มือแข็งแรงสัมผัสปลายนิ้วเรียวยาวก่อนจะประสานกันกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว ท่ามกลางดวงแก้วรัตติกาล หมู่ดาวระยิบระยับเป็นพยาน...

“ผูกใจใฝ่ที่ฝัน      นิจนิรันดร์มั่นจันทร์ฉาย
สิ้นแสงแจ้งประกาย   มิมลายหายจากไป”



แล้วเราจะรอไปถึงวันนั้นด้วยกัน....





ช่วงหลังถึงกับสะอึก พี่ทศของเราโหดมาก ถ้าพระรามกับอินไม่เข้ามา นานะตายแน่
หลังจากนี้ดราม่าจะเข้มขึ้นเรื่อยๆนะคะ เตรียมใจกันไว้ได้เลยยย
อาทิตย์นี้เราค่อนข้างไม่ค่อยว่าง หากว่างเมื่อไหร่จะรีบมาลงให้เลยนะคะ
ไว้เจอกันใหม่เน้อ  :mew1: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ตกอกตกใจหมดนึกว่าพี่ทศจะตกหลุมรักนานะซะอีกที่ไหนได้กะฆ่าเพราะกลัวนานะมาทำให้ต้องแยกจากเปรม :เฮ้อ: :เฮ้อ:
พี่ทศก็มีเรื่องให้ต้องทำต้องเคลียร์เพื่อจะพ้นคำสาปของนางมณโฑ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
เปรมเองก็มีเรื่องให้ต้องทำเหมือนกัน ไม่รู้จะซดมาม่าจากทางไหนดี :ling3: :ling3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jjasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ง่าาา เตรียมใจรอรับดราม่าา คนแต่งขาขอเบาๆนะคะ อนอ่านใจบาง

พี่รามเมื่อไรจะเลิกเลววว งือออ

คนแต่งสู้ๆ

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
เอาพระรามไปเก็บที

เกลียดหน้ามาก

ร้ายกาจจริงๆ

ขอทีเถอะ :z6:

ออฟไลน์ insunhwen

  • FREEDOM!!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด